The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

รวมบทคัดย่อนักศึกษา full(KM 2564).

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search

รวมบทคัดย่อนักศึกษา full(KM 2564).

รวมบทคัดย่อนักศึกษา full(KM 2564).

41

การกลั่นกรองปจั จยั ท่ีมีผลตอ่ การเจรญิ ของ Saccharomyces cerevisiae
ในอาหารเหลวมนั เทศ

Screening of Growth Factors of Saccharomyces cerevisiae in
Sweet Potato Dextrose Broth

ณัฐกฤตา โสตะภา, สุรเดช ไชยฤทธิ์, อรณุ วงศ์จิรัฐิติ และ สวุ ภา สาวิภาค*
Natthakrita Sotapha, Suradet Chaiyarit, Aroon Wongjiratthiti and Suwapha Sawiphak*

สาขาวชิ าชวี วทิ ยา คณะวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยราชภฏั สกลนคร
Program of Biology, Faculty of Science and Technology, Sakon Nakhon Rajabhat University
*Corresponding author: [email protected]

บทคัดย่อ: หัวมันเทศ (Ipomoea batatas Lam.) ประกอบด้วยคาร์โบไฮเดรต แร่ธาตุ และวิตามิน
ซึง่ เป็นสารตง้ั ตน้ ที่สาคัญเพื่อการผลิตเซลล์ยสี ต์ การวจิ ัยครงั้ น้ีมีวัตถุประสงคเ์ พ่ือศึกษาความเป็นไปได้
ของมันเทศในการผลิตเซลล์ และการคัดเลือกปัจจัยการเจริญของ Saccharomyces cerevisiae ใน
อาหารเหลวมันเทศ โดยใช้แผนการทดลองแบบ Plackett-Burman Design ผลการทดลองแสดงให้
เห็นว่าความเข้มข้นมันเทศ 40 เปอร์เซ็นต์ (w/v) แสดงการเจริญของ S. cerevisiae สูงสุดอย่างมี
นัยสาคัญ เท่ากับ 13.00×107 cells/mL ปัจจยั ความเข้มขน้ มันเทศ ค่าความเปน็ กรด-ด่าง (pH) และ
เวลาในการบม่ มผี ลอยา่ งมีนัยสาคัญต่อการผลติ เซลลข์ อง S. cerevisiae ในอาหารเหลวมันเทศ ดังนั้น
มันเทศจงึ สามารถพัฒนาเป็นอาหารเล้ียงเชื้อสาหรบั การผลิตเซลล์ S. cerevisiae ได้
คาสาคญั : -

ABSTRACT: The Sweet potato (Ipomoea batatas Lam.) tubers are rich in carbohydrates,
minerals and vitamins that important substrates for the cells production of yeast. The
objectives of this research were to study the feasibility of sweet potato in the cells
production and screening of growth factors of S. cerevisiae in sweet potato dextrose
broth using the Plackett and Burman experimental design. The result showed that 40%
(w/v) of sweet potato concentration showed significantly highest growth of S. cerevisiae
with 13.00×107 cells/mL. The studied factors consist of sweet potato concentration,
initial pH and incubation time significantly affected the cells production of S. cerevisiae
in sweet potato dextrose broth. Thus, sweet potato is an efficient substrate for the cells
production of S. cerevisiae.
Keywords: -

42

การกลั่นกรองปัจจยั ท่ีมผี ลตอ่ การเจรญิ ของ Saccharomyces boulardii
ในอาหารเหลวมันเทศ

Screening of Growth Factors of Saccharomyces boulardii
in Sweet Potato Dextrose Broth

ธนากร สายแก้ว, อรุณ วงศ์จริ ฐั ิติ และ สุวภา สาวิภาค*
Thanagorn Saikaew, Aroon Wongjiratthiti and Suwapha Sawiphak*

สาขาวชิ าชีววทิ ยา คณะวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี มหาวทิ ยาลัยราชภฏั สกลนคร
Program of Biology, Faculty of Science and Technology, Sakon Nakhon Rajabhat University
*Corresponding author: [email protected]

บทคัดย่อ: มันเทศเป็นพืชเศรษฐกิจของประเทศไทย ปลูกง่าย และมีระยะเวลาในการปลูกที่สั้น
มันเทศอุดมไปด้วย คาร์โบไฮเดรต โปรตีน แร่ธาตุ และวิตามิน ซ่ึงเป็นสารตั้งต้นที่สาคัญสาหรับใช้ใน
การผลิตจานวนเซลล์ การวิจัยคร้ังน้ีมีจุดมุ่งหมายเพื่อศึกษาความเป็นไปได้ในการใช้ประโยชน์จาก
มันเทศต่อการผลิตจานวนเซลล์ของ Saccharomyces boulardii และกล่ันกรองปัจจัยที่มีผลต่อการ
เจริญของ S. boulardii โดยใช้การออกแบบการทดลองของ Plackett และ Burman ผลการศึกษา
พบว่า มันเทศความเข้มข้น 40 เปอร์เซ็นต์ (w/v) แสดงให้เห็นการเจริญของ S. boulardii สูงสุด
อย่างมีนัยสาคัญ ซ่ึงมีเซลล์เท่ากับ 9.43×107 เซลล์ต่อมิลลิลิตร และไม่มีความแตกต่างอย่างมี
นัยสาคัญกับอาหาร Potato Dextrose Broth (PDB) มเี ซลลเ์ ทา่ กับ 9.56×107 เซลล์ตอ่ มิลลลิ ิตร ปัจจัย
ที่ศึกษาท้ังหมดประกอบด้วย ความเข้มข้นมันเทศ ความเข้มข้นน้าตาลกลูโคส ค่าความเป็นกรด-ด่าง
ปริมาณเชื้อเร่ิมต้น และเวลาในการบ่ม ส่งผลต่อการผลิตจานวนเซลล์ของ S. boulardii ในอาหารเหลว
มันเทศอย่างมีนัยสาคัญ มันเทศมีศักยภาพท่ีจะใช้ทดแทนมันฝรั่งในการผลิตจานวนเซลล์ของ S.
boulardii ดังนั้นคว รศึกษาความเหมาะสมของสภาว ะการเพาะเลี้ยง S. boulardii
ในอาหารอาหารเหลวมันเทศในการทดลองต่อไป
คาสาคญั : -

ABSTRACT: Sweet potato is an economic crop of Thailand. It is easy to grow and has
a short cultivation period. It is rich in carbohydrates, proteins, minerals and vitamins
which are an important substrates for a number of the cells production. The aims of
this research were to study the possibility for utilization of sweet potato in
Saccharomyces boulardii cell number production and screening of growth factors of
S. bouladii using the Plackett and Burman experimental design. The result showed that

43

40% (w/v) of sweet potato concentration showed significantly highest growth of
S. boulardii with 9.43×107 cells/mL and not significant difference with Potato Dextrose
Broth (PDB) (9.56×107 cells/mL). All the studied factors including sweet potato
concentration, glucose concentration, initial pH, inoculum size and incubation time
significantly affected the cell number production of S. boulardii in sweet potato
dextrose broth. Sweet potato has the potential to be used as a substitute for potato
in production S. boulardii number of cell. Therefore, the optimization of S. boulardii
culture conditions in sweet potato dextrose broth should be studied in further
experiments.
Keywords: -

44

ยา การกลน่ั กรองปจั จยั ทีม่ ผี ลตอ่ การผลติ สารแคโรทนี อยด์โดยยีสต์
Rhodotorula sp. เมอ่ื ใช้อาหารเหลวมันเสา

Screening Factors Affecting on the Carotenoid Production by
Rhodotorula sp. using Purple Yam Dextrose Broth

ขวัญจริ า ขาวหมอ, นริ มล คามุงคณุ , อรุณ วงศ์จิรัฐติ ิ และ สุวภา สาวิภาค*
Kwanjira Kawhmo, Niramon Khunmungkun, Aroon Wongjiratthiti

and Suwapha Sawiphak*

สาขาวชิ าชวี วทิ ยา คณะวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยราชภัฏสกลนคร
Program of Biology, Faculty of Science and Technology, Sakon Nakhon Rajabhat University
*Corresponding author: [email protected]

บทคัดย่อ: หัวมันเสา (Dioscorea alata Linn.) ประกอบด้วยคาร์โบไฮเดรต โปรตีน และแร่ธาตุ
การใช้ประโยชน์หัวมันเสาสาหรับการผลิตสารแคโรทีนอยด์ยังไม่มีรายงาน การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์
เพื่อศึกษาความเป็นไปได้ในการนามันเสามาใช้ในการผลิตสารแคโรทีนอยด์ของยีสต์ Rhodotorula
sp. และศกึ ษาการกลนั่ กรองปัจจยั ท่ีมผี ลตอ่ การผลติ สารแคโรทีนอยด์ของยสี ต์ Rhodotorula sp. ใน
อาหารเหลวมันเสาโดยใช้แผนการออกแบบการทดลอง Plackett-Burman Design ผลการศึกษา
พบว่า มันเสาความเขม้ ข้น 30 เปอรเ์ ซน็ ต์ (w/v) แสดงการผลติ แคโรทีนอยด์ของยสี ต์ Rhodotorula sp.
สูงสุดอย่างมีนัยสาคัญ เท่ากับ 1.3016 มิลลิกรัมต่อลิตร ความเข้มข้นของมันเสาและค่าความเป็น
กรด-ด่าง ส่งผลต่อการผลิตสารแคโรทีนอยด์ของยีสต์ Rhodotorula sp. ในอาหารเหลวมันเสาอยา่ ง
มีนัยสาคัญ ดังน้ันมันเสาจึงเป็นสารต้ังต้นที่มีประสิทธิภาพสาหรับการผลิตแคโรทีนอยด์ของยีสต์
Rhodotorula sp. และควรศึกษาความเหมาะสมของความเข้มข้นของมันเสาและค่าความเป็นกรด-
ด่าง ตอ่ การผลติ สารแคโรทีนอยด์ของยสี ต์ Rhodotorula sp. ในอาหารเหลวมนั เสาเพ่ิมเตมิ ต่อไป
คาสาคัญ: -

ABSTRACT: Purple yam ( Dioscorea alata Linn.) tubers are rich in carbohydrates
proteins and minerals. The utilization of purple yam tuber for carotenoid production
is not reported. The aims of this research were to study the feasibility of purple yam
in Rhodotorula sp. carotenoid production and screening of carotenoid production
factors of Rhodotorula sp. in purple yam dextrose broth using the plackett and burman
experimental design. The results showed that 30% (w/v) of purple yam concentration
showed significantly maximum carotenoid production of Rhodotorula sp. with 1.3016

45

mg/L. The purple yam concentration and initial pH significantly affected the carotenoid
production of Rhodotorula sp. in purple yam dextrose broth. Therefore, purple yam is
an efficient substrate for the carotenoid production by Rhodotorula sp. and the
optimization of purple yam concentration and initial pH in purple yam dextrose broth
on the carotenoid production of Rhodotorula sp. should be further studied.
Keywords: -

46

า การกลั่นกรองปัจจัยทม่ี ีผลตอ่ การเจรญิ ของ Rhodotorula sp.
ในอาหารเหลวมันเสา

Screening of Growth Factors of Rhodotorula sp.
in Purple yam Dextrose Broth

เพชรมณี พรมมาก, นภาพร กลอ่ มมติ ร, อรุณ วงศ์จิรัฐิติ และ สุวภา สาวิภาค*
Phecmanee Phrommak, Napaporn Klommit, Aroon Wongjiratthiti

and Suwapha Sawiphak*

สาขาวชิ าชวี วทิ ยา คณะวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั สกลนคร
Program of Biology, Faculty of Science and Technology, Sakon Nakhon Rajabhat University
*Corresponding author: [email protected]

บทคัดย่อ: มันเสา (Dioscorea alata Linn.) ประกอบด้วยคาร์โบไฮเดรต แร่ธาตุ และวติ ามนิ ซง่ึ เปน็
สารต้งั ต้นท่สี าคญั สาหรบั การผลติ เซลล์ยีสต์ การวจิ ัยคร้ังนี้มีวตั ถปุ ระสงค์เพื่อศกึ ษาความเปน็ ไปได้ของ
มันเสาในการผลิตเซลล์ของ Rhodotorula sp. และการกลั่นกรองปัจจัยที่มีผลต่อการเจริญของ
Rhodotorula sp. ในอาหารเหลวมันเสาโดยใช้การออกแบบแผนการทดลองแบบ Plackett & Burman
Design ผลการศึกษาพบว่ามันเสาความเข้มข้น 30 เปอร์เซ็นต์ (w/v) แสดงการเจริญสูงสุดของ
Rhodotorula sp. อย่างมีนัยสาคัญ เท่ากับ 11.00×107 cells/mL และไม่มีความแตกต่างอย่างมี
นัยสาคัญกับอาหารเหลว potato dextrose (10.20×107 cells/mL) ความเข้มข้นของมันเสาและค่า
ความเป็นกรด-ด่างเร่ิมต้น มีผลอย่างมีนัยสาคัญต่อการผลิตเซลล์ของ Rhodotorula sp. ในอาหาร
เหลวมันเสา ดังน้ันมันเสาเป็นสารต้ังต้นท่ีมีประสิทธิภาพสาหรับการผลิตเซลล์ Rhodotorula sp. และ
ควรสารวจสภาวะท่ีเหมาะสมของความเข้มข้นมันเสาและค่าความเป็นกรด-ด่างในอาหารเหลวมันเสา
ต่อการผลติ เซลล์ของ Rhodotorula sp. ต่อไป
คาสาคญั : -

ABSTRACT: The Purple yam (Dioscorea alata Linn.) tubers are rich in carbohydrates,
minerals and vitamins that important substrates for the production of yeast cells. The
objectives of this research were to study the feasibility of purple yam in Rhodotorula
sp. biomass production and screening of growth factors of Rhodotorula sp. in purple yam
dextrose broth using the Placket & Burman experimental design. The result showed
that 30% (w/v) of purple yam concentration showed significantly highest growth of
Rhodotorula sp. with 11.00×107 cells/mL and not significant difference with potato

47

dextrose broth (10.20×107 cells/mL). The purple yam concentration and initial pH
significantly affected the production of Rhodotorula sp. cells in purple yam dextrose broth.
Thus, purple yam is an efficient substrate for the production of Rhodotorula sp. cells
and the optimization of purple yam concentration and initial pH in purple yam dextrose
broth on the production of Rhodotorula sp. cells should be further investigated.
Keywords: -

48

ผลของความเขม้ ข้นมนั เสาตอ่ การเจริญเชือรา 4 สายพนั ธุ์
Effect of purple yam concentration on the growth

of four fungal species

สจุ ิตรา หงษส์ มดี, ขนิษฐา อุปศรี, อรณุ วงศจ์ ริ ัฐติ ิ และ สวุ ภา สาวิภาค*
Sujitra Hongsomdee, Khanittha Aupasri, Aroon Wongjiratthiti

and Suwapha Sawiphak*

สาขาวชิ าชวี วิทยา คณะวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวทิ ยาลยั ราชภัฏสกลนคร
Program of Biology, Faculty of Science and Technology, Sakon Nakhon Rajabhat University
*Corresponding author: [email protected]

บทคัดย่อ: หัวมันเสา (Dioscorea alate Linn.) มีปริมาณแป้งและพลังงานสูง มันเสานามาใช้
ประโยชน์ในการเพาะเลี้ยงเชื้อราน้อย การศึกษาคร้ังน้ีมีวัตถุประสงค์เพ่ือประเมินความเข้มข้น
ของมันเสาต่อการเจริญของเชื้อรา Aspergillus flavus TISTR 3366, Bipolaris oryzae
DOAC 1760, Fusarium oxysporum และ Penicillium sp. ผลการศึกษาพบว่า A. flavus
TISTR 3366 มีการเจริญมากที่สุดในมันเสาความเข้มข้นที่ 30 เปอร์เซ็นต์ ( w/v) มีขนาดเส้น
ผ่านศูนย์กลางโคโลนีเท่ากับ 76.30 ± 0.70 มิลลิเมตร B. oryzae DOAC 1760 เจริญได้ดี
ที่สุดอย่างมีนัยสาคัญทางสถิติในมันเสาความเข้มข้นที่ 40 เปอร์เซ็นต์ (w/v) มีขนาดเส้นผ่าน
ศูนย์กลางโคโลนีเท่ากับ 70.40 ± 0.77 มิลลิเมตร F. oxysporum เจริญบนอาหารแข็งมันเสาได้ทุก
ความเข้มข้นไม่แตกต่างกันกับอาหารสาเร็จรูป Potato Dextrose Agar (PDA) และขนาด
เส้นผ่านศูนย์กลางของ Penicillium sp. บนอาหารแข็งมันเสาทุกความเข้มข้นสูงกว่าขนาด
เส้นผ่านศูนย์กลางของ Penicillium sp. บนอาหารสาเร็จรูป PDA การเจริญเติบโตของเชื้อ
ราทั้งหมดบนอาหารแข็งมันเสาแสดงให้เห็นว่าอาหารแข็งมันเสาสามารถใช้เป็นอาหาร
เพาะเล้ียงเช้ือรา
คาสาคัญ: -

ABSTRACT: Purple yam (Dioscorea alata Linn.) is high starch and energy tuber. There
is underutilization of purple yam in the fungal cultivation. The aim of this study was to
evaluate the effect of the concentrations of purple yam on the growth of Aspergillus
flavus TISTR 3366, Bipolaris oryzae DOAC 1760, Fusarium oxysporum and
Penicillium sp. The significant maximum growth of A. flavus TISTR 3366 were found at
30% (w/v) purple yam concentrations with colony diameter of 76.30 ±

49

0.70 mm. B. oryzae DOAC 1760 grew significantly fastest on 40% (w/v) purple yam
concentrations with colony diameter of 70.40 ± 0.70 mm. The colony diameters of F.
oxysporum on all purple yam concentrations were not significant difference
from the colony diameter of F. oxysporum on potato dextrose agar. The colony
diameters of Penicillium sp. on all purple yam concentrations were significantly higher
than the Penicillium sp. colony diameter on potato daxtrose agar. The growth all test
molds on purple yam dextrose agar indicate that purple yam dextrose agar can be
used as alternative culture media for fungal cultivation.
Keywords: -

50

ศึกษาผลการหาสภาวะที่เหมาะสมในการผลิตเบียร์จากข้าวไทย
(ข้าวขาวดอกมะลิ 105)

Study on the determination of optimum conditions for beer
production from Thai rice (White Jasmine Rice 105)

นลิน ทะไตย, ภัทชริ า อุ่นกลม และ กฤษณ์ พเิ นตรเสถียร*
Nalin Thatai, Patchira Aunkom and Krit Phinetsathian*

สาขาวชิ าชีววทิ ยา คณะวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยราชภฏั สกลนคร
Program of Biology, Faculty of Science and Technology, Sakon Nakhon Rajabhat University
*Corresponding author: [email protected]

บทคัดย่อ: งานวิจัยน้ีมีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาผลของการบ่มข้าวต่อการงอกของเมล็ด แล้วนามา
วิเคราะห์คุณภาพมอลต์เบ้ืองต้นโดยใช้สูตรการหาอัตราการงอกของเมล็ดตามวิธีของ Interntional
Seed Testing Association จากน้ันศึกษาอุณหภูมิท่ีใช้ในการอบมอลต์โดยอบท่ีอุณหภูมิ 50 และ
100 องศาเซลเซียส นามาวิเคราะห์การสูญเสียน้าหนักของมอลต์ด้วยวิธี EBC (European Brewery
Convention) จากนั้นนามอลต์ท่ีได้มาผลิตน้าเวิร์ทเพื่อนามาศึกษาปริมาณยีสต์ Saccharomyces
cerevisiae เร่ิมต้นท่ีแตกต่างกัน (1, 2 และ 3 กรัม) ที่มีผลต่อเปอร์เซ็นต์แอลกอฮอล์ ผลการศึกษา
การบ่มข้าวท่ีมีผลต่อการงอกของเมล็ดพบว่าข้าวขาวดอกมะลิ 105 ท่ีถูกบ่มมีค่าเปอร์เซ็นต์อัตราการ
งอก 97.5 เปอร์เซ็นต์ ผลการวิเคราะห์คุณภาพมอลต์จากการสูญเสียน้าหนักของมอลต์ที่ได้จากการอบ
ท้ังสองอุณหภูมิพบว่าค่าเปอร์เซ็นต์ Molting loss ของชุดการทดลองที่ 1, 2, 3 และ 4 เท่ากับ 11.11,
16.66, 11.76, และ 17.64 ตามลาดับ ผลการศึกษาปริมาณยีสต์ที่เติมมีผลต่อเปอร์เซ็นต์แอลกอฮอล์ที่
ผลติ ได้ พบว่า ชุดการทดลองที่ 4ปรมิ าณยีสต์ 3 กรัม/นา้ เวริ ์ท 500 มิลลลิ ิตร จะสามารถผลิตแอลกอฮอล์
ได้สูงท่ีสุด คือ 2.0 เปอร์เซ็นต์ และชุดการทดลองท่ี 3 ปริมาณยีสต์ 3 กรัม/น้าเวิร์ท 500 มิลลิลิตร ผลิต
ได้ 1.6 เปอร์เซน็ ต์
คาสาคัญ: -

ABSTRACT: The research aims to study rice curing that affects seed germination then
used for preliminary analysis of malt quality by using the formula for finding the
germination rate of seeds using the method of Interntional Seed Testing Association.
Then study the temperature used to bake the malt by baking at 50 and 100 degrees
Celsius. The weight loss of the malt was analyzed by EBC ( European Brewery
Convention). The resulting malt was then used to produce wort water for yeast content

51

studies Saccharomyces cerevisiae different start ( 1, 2 and 3 gram) affecting the
percentage of alcohol. Results of a study on rice germinationaffecting seed germination
it was found that white jasmine rice 105 were curing with a percentage germination rate
of 97.5 percent. Results of malt quality analysis based on malt weight loss obtained from
baking at both temperatures, it was found that the percentage molting loss sets 1, 2,
3 and 4 equal to 11.11, 16.66, 11.76, and 17.64, respectively. The results of the study on
the quantity of yeast added had an effect on the percentage of alcohol produced. It
was found that in the 4th set, the amount of yeast 3 gram/ 500 milliliter wort water will be
able to produce the highest alcohol is 2.0 percent. And the 3rd set, the amount of
yeast 3 gram/500 milliliter of wort water produces 1.6 percent
Keywords: -

52

การศึกษาปรมิ าณรงควตั ถุ พอลแิ ซ็กคาไรด์ และกิจกรรมต้านออกซเิ ดชัน
ของสาหรา่ ยสไปโรไจราท่พี บในจงั หวดั สกลนคร

The Study of Pigments, Polysaccharide Quantity and Antioidant
Activity of Spirogyra spp. from Sakon Nakhon Province

กนกนารถ สุราราช และ นพรตั น์ สิทธวิ งศ์*
Kanoknard Surarat and Nopparut Sitthiwong*

สาขาวชิ าชวี วิทยา คณะวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั สกลนคร
Program of Biology, Faculty of Science and Technology, Sakon Nakhon Rajabhat University
*Corresponding author: [email protected]

บทคัดย่อ: วัตถุประสงค์ของการวิจัยครั้งนี้เพ่ือศึกษาปริมาณรงควัตถุ ได้แก่ คลอโรฟิลล์ เอ บี
แคโรทีนอยด์ พอลิแซ็กคาไรด์ และกิจกรรมต้านออกซิเดชันของสาหร่าย Spirogyra spp. จากแหล่ง
น้าในจังหวัดสกลนคร 4 แหล่ง คือ หนองน้าบ้านนาคาไฮ (KH) หนองน้าบ้านใหม่ประชาสุขสนั ต์ (PS)
หนองน้าบ้านป่าหว้าน (PW) และหนองน้าบ้านสูงเนิน (SN) จากการวินิจฉัยชนิดของสาหร่าย
Spirogyra spp. พบว่าในตัวอย่าง KH พบ Spirogyra sp. 1 ในตัวอย่าง PS พบ Spirogyra sp. 2 ใน
ตัวอย่าง PW พบ Spirogyra sp. 3 และในตัวอย่าง SN พบ Spirogyra sp. 4 เม่ือทาการศึกษา
ปริมาณคลอโรฟิลล์ เอ พบว่าสาหร่าย Spirogyra sp. 2 จากจุดเก็บตัวอย่าง PS มีค่ามากที่สุดคือ
2.9215 mg/g cell dry weight ส่วนคลอโรฟิลล์ บี พบว่าในสาหร่าย Spirogyra sp. 4 จากจุดเก็บ
ตัวอย่าง SN มีค่ามากที่สุดคือ 1.7051 mg/g cell dry weight และปริมาณแคโรทีนอยด์ในสาหร่าย
Spirogyra sp. 1 จากจุดเก็บตัวอย่าง KH มีค่ามากท่ีสุด 1.9872 mg/g cell dry weight เม่ือ
ทาการศึกษาปริมาณพอลิแซ็กคาไรด์พบว่าสาหร่าย Spirogyra sp. 2 จากจุดเก็บตัวอย่าง PS มีค่า
% yield มากท่ีสุดคือ 7.5230 % และจากการศึกษาปริมาณสารต้านอนุมูลอิสระโดยวิธีการวัด
ปริมาณฟีนอลิกพบว่าสาหร่าย Spirogyra sp. 4 จากจุดเก็บตัวอย่าง SN มีปริมาณฟีนอลิกสูงสุดคือ
0.7511 mg GAE/g dry weight
คาสาคญั : -

ABSTRACT: The aim of this research was to study the quantity of pigment; chlorophyll
a, b, carotenoid, polysaccharide quantity and antioxidant activity of Spirogyra spp. from
the 4 water resources in Sakon Nakhon; Nong Nao-Ban Na Kham Hai (KH) Kamin
Subdistric Ban Mai Pracha Suksan (PS) Kamin Subdistric Nong Nao Banpawan (PW)
Chaiang Khruea Subdistric and Nong Nao Ban Sung noen (SN) Phok Noi Subdistric.

53

Results found that the sample from KH was identified as Spirogyra sp. 1, PS sample
was identified as Spirogyra sp. 2, PW sample was identified as Spirogyra sp. 3, and SN
sample was identified as Spirogyra sp. 4. The highest quantity of cholorophyll a was
found in Spirogyra sp. 2 from PS sample as 2.9215 mg/g cell dry weight, the highest
quantity of chlorophyll b was found in Spirogyra sp. 4 from SN sample as 1.7051 mg/g
cell dry weight and the highest quantity of carotenoid was found in Spirogyra sp. 1
from KH sample as 1.9872 mg/g cell dry weight. The highest quantity of polysaccharide
was found in Spirogyra sp. 2 from PS sample with 7.5230 % yield. The antioxidant was
investigated by quantity of total phenolic compound, the highest quantity was found
in Spirogyra sp. 4 from SN sample with 0.7511 mg GAE/g dry weight.
Keywords: -

54

การเพาะเลียงตน้ กลา้ กลว้ ยไม้เออื งช้างน้าว (Dendrobium pulchellum
Roxb. ex Lindl.) ในสภาพปลอดเชือ

In Vitro Seedling Culture of Dendrobium pulchellum
Roxb. ex Lindl.

นพพร ไชยกูล, นพรตั น์ สทิ ธิวงศ์ และ จิราภรณ์ สุมังคะ*
Nopporn Chaiyakun, Nopparut Sitthiwong and Jiraporn Sumangka*

สาขาวชิ าชวี วิทยา คณะวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี มหาวทิ ยาลยั ราชภัฏสกลนคร
Program of Biology, Faculty of Science and Technology, Sakon Nakhon Rajabhat University
*Corresponding author: [email protected]

บทคัดย่อ: การศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาผลของ 1-Naphthalene Acetic Acid (NAA)
6-Benzyladenine (BA) และ Thidiazuron (TDZ) ต่อการเจริญเติบโตของต้นกล้ากล้ว ยไม้
เอื้องช้างน้าว และเพื่อศึกษาปริมาณคลอโรฟิลล์ในต้นกล้ากล้วยไม้เอื้องช้างน้าว โดยนาโปรโตคอร์
มของกล้วยไม้เอื้องช้างน้าว ระยะที่ 4–6 มาเพาะเลี้ยงบนอาหาร Vacin and Went, 1949 (VW)
จานวน 7 ชุดการทดลอง โดยเติมกล้วยหอม น้ามะพร้าว มนั ฝร่ัง นา้ ตาล ถ่านกัมมันต์ และสารควบคุม
การเจริญเติบโต NAA, TDZ และ BA ความเข้มข้นต่าง ๆ ภายใต้อุณหภูมิ 25±2 °C ให้แสงจาก
ฟลูออเรสเซนต์ เป็นเวลา 16 ชว่ั โมงตอ่ วนั ภายหลังการเพาะเลยี้ งเป็นระยะเวลา 150 วนั ผลการวิจัย
พบว่าชุดการทดลองที่ 2 สูตรอาหาร VW ที่เติม TDZ 0.1 mg/L ส่งผลให้ต้นกล้ามีน้าหนักสดดีท่ีสุด
39.65 g มคี ่าเฉลี่ยความกวา้ งใบดีทีส่ ดุ 5.00 mm มคี ่าเฉลี่ยความยาวใบดที ่ีสดุ 23.25 mm มีคา่ เฉลีย่
ความสูงต้นดีที่สุด 30.90 mm มีค่าเฉล่ียจานวนใบดีที่สุด 4.26 ใบ และมีค่าเฉล่ียจานวนรากดีท่ีสุด
16.33 ราก และชุดการทดลองท่ี 5 สูตรอาหาร VW ท่ีเติม NAA 0.5 mg/L และ BA 0.5 mg/L มี
คา่ เฉลี่ยความยาวรากดีท่สี ุด 21.67 mm ส่วนการศกึ ษาปรมิ าณคลอโรฟิลล์ เอ และคลอโรฟิลล์ บี ใน
ต้นกล้ากล้วยไม้เอื้องช้างน้าว ผลการวิจัยพบว่าชุดการทดลองท่ี 5 สูตรอาหาร VW ท่ีเติม NAA 0.5
mg/L และ BA 0.5 mg/L มีค่าเฉล่ียปริมาณคลอโรฟิลล์ เอ ดีท่ีสุด 1.88 mg/g dry weight และมี
คา่ เฉล่ียปรมิ าณคลอโรฟิลล์ บี ดีทีส่ ดุ 3.36 mg/g dry weight
คาสาคัญ: -

ABSTRACT: This research aims to study the effects of 1-Naphthalene Acetic Acid (NAA),
6-Benzyladenine (BA), and Thidiazuron (TDZ) on the growth of orchid plantlet
Dendrobium pulchellum Roxb. ex Lindl. and to study the amount of chlorophyll in the
plantlet of D. pulchellum by bringing the protocorm of the orchids phases 4 – 6. The

55

orchid plantlet were cultivated on the Vacin and Went, 1949 (VW) medium with 7 sets
of treatment, adding bananas, coconut juice, potatoes, sugar, activated charcoal, NAA,
TDZ and BA growth regulators various concentrations. The cultures were maintained
at 25±2°C temperature and under fluorescent light for 16 hours a day, after culturing
for a period of 150 days. The results showed that treatment 2 VW medium
supplemented with TDZ 0.1 mg/L had the best highest fresh weight of plantlet at 39.65 g, the
best average of leaf width at 5.00 mm, the best average of long leaf at 23.25 mm, the best
average highest of plantlet at 30.90 mm, the best average number of leafs at 4.26 leats and
the best average number of roots at 16.33 roots and treatment 5 VW medium supplemented
with NAA 0.5 mg/L and BA 0.5 mg/L the best average of long roots at 21.67 mm. In relation to
the study of the amount of chlorophyll A and chlorophyll B in the plantlet of D. pulchellum,
the results showed that treatment 5 VW medium supplemented with NAA 0.5 mg/L and BA
0.5 mg/L had the best average chlorophyll A content at 1.88 mg/g dry weight and the best
highest average chlorophyll B content at 3.36 mg/g dry weight.
Keywords: -

56

การเพาะเลยี งตน้ กลา้ กลว้ ยไม้ชา้ งกระ [Rhynchostylis gigantea (Lindl.) Ridl.]
ในสภาพปลอดเชือ

In Vitro Seedling Culture of Rhynchostylis gigantea (Lindl.) Ridl.

นิรชา ตาสวา่ ง, ราเชนทร์ คลอ่ งแคลว่ , นพรัตน์ สิทธวิ งศ์ และ จิราภรณ์ สมุ งั คะ*
Niracha Tasawang, Rachen Khlongkhlaw, Nopparut Sitthiwong
and Jiraporn Sumangka*

สาขาวชิ าชวี วทิ ยา คณะวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยราชภฏั สกลนคร
Program of Biology, Faculty of Science and Technology, Sakon Nakhon Rajabhat University
*Corresponding author: [email protected]

บทคัดย่อ: การศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาผลของ 1-naphthalene acetic acid (NAA),
6-benzyladeninc (BA) และ Thidiazuron (TDZ) ต่อการเจริญเติบโตของต้นกล้ากล้วยไม้ช้างกระ
และศึกษาปริมาณของคลอโรฟิลล์ในใบของต้นกล้ากล้วยไม้ช้างกระ โดยนาโปรโตคอร์มของกล้วยไม้
ช้างกระ ระยะท่ี 4 – 6 มาเพาะเลี้ยงบนอาหาร Vacin and Went, 1949 (VW) จานวน 7 ชุดการ
ทดลอง เติมกล้วย มันฝรั่ง น้ามะพร้าว น้าตาล ถ่านกัมมันต์ และสารควบคุมการเจริญเติบโต NAA,
TDZ และ BA ความเข้มข้นต่าง ๆ และเล้ียงภายใต้อุณหภูมิ 25±2 °C ให้แสงจากฟลูออเรสเซนต์เป็น
เวลา 16 ช่วั โมงต่อวนั เปน็ ระยะเวลา 120 วัน ผลการวจิ ัยพบว่าชุดการทดลองที่ 3 สตู รอาหาร VW ท่ี
เติม TDZ 1.1 mg/L ส่งผลให้ตน้ กล้ากลว้ ยไม้ มนี า้ หนักสดดีทีส่ ุด 20.08 g คา่ เฉล่ียความยาวใบดที ่ีสุด
14.06 mm ค่าเฉล่ียความยาวรากดีท่ีสุด 16.31 mm ค่าเฉล่ียความสูงต้นดีท่ีสุด 14.55 mm และ
ค่าเฉลี่ยจานวนรากดีท่ีสุด 3.03 ราก ส่วนชุดการทดลองท่ี 4 สูตรอาหาร VW ท่ีเติม NAA 1.0 mg/L
และ TDZ 0.2 mg/L มีค่าเฉล่ียความกว้างใบดีที่สุด 4.85 mm และชุดการทดลองที่ 5 สูตรอาหาร
VW ที่เติม NAA 1.0 mg/L และ TDZ 1.1 mg/L มีค่าเฉลี่ยจานวนใบดีท่ีสุด 3.11 ใบ ส่วนการศึกษา
ปริมาณคลอโรฟิลล์ เอ และคลอโรฟิลล์ บี ในต้นกล้ากล้วยไม้ช้างกระ พบว่าชุดการทดลองที่ 6 สูตร
อาหาร VW ท่ีเติม BA 0.1 mg/L มีค่าเฉลี่ยปริมาณคลอโรฟิลล์ เอ มากท่ีสุดคือ 1.59 mg/g dry
weight และชุดการทดลองที่ 1 สูตรอาหาร VW มีค่าเฉล่ียปริมาณคลอโรฟิลล์ บี มากท่ีสุดคือ 3.39
mg/g dry weight
คาสาคญั : -

ABSTRACT: The purposes of this research were to study the effects of 1-naphthalene
acetic acid (NAA), 6-benzyladenine (BA) and Thidiazuron (TDZ) suitable for the growth
of Rhynchostylis gigantea (Lindl.) Ridl. seedlings and to study the amount of

57

chlorophyll in its leaves. The protocorm phase 4 - 6 was cultured on Vacin and Went,
1949 (VW) medium supplemented with 7 treatment which includes banana, potatoes,
coconut juice, sugar, activated charcoal and growth regulators NAA, TDZ and BA in
various concentrations that can accelerate the growth of the seedlings. The cultures
were maintained at 25±2°C under fluorescent light for 16 hr/day for 120 days. The
results showed that treatment 3 VW medium supplemented with TDZ 1.1 mg/L
resulted to orchid plantlet the best fresh weight at 20.08 g, the best average of long
leafs at 14.06 mm, the best average length of roots at 16.31 mm, the best average
height of plantlet at 14.55 mm, and the best average number of roots at 3.03 roots.
Treatment 4 VW medium supplemented with NAA 1.0 mg/L and TDZ 0.2 mg/L, resulted
to the best average wideness of leafs at 4.85 mm and treatment 5 VW medium
supplemented with NAA 1.0 mg/L and TDZ 1.1 mg/L, had the best average number of
leave at 3.11 leaves. In to the study of amount of chlorophyll A and chlorophyll B in
orchid plantlet, the results showed that treatment 6 VW medium supplemented with
BA 0.1 mg/L have the best average chlorophyll A at 1.59 mg/g dry weight and treatment
1 VW medium have the best average chlorophyll B at 3.39 mg/g dry weight.
Keywords: -

58

การปรบั สภาพเปลอื กข้าวและฟางขา้ วดว้ ยกรด-ด่างและคล่ืนไมโครเวฟเพอ่ื
เสรมิ การทางานของเอนไซม์เซลลูเลส

Pretreatment of Rice Husk and Rice Straw by Using Acid-Alkali
and Microwave for Enhancing the Activity of Cellulolytic Enzyme

ชลุ ีพร เสนสิทธิ์, เกยี รตศิ ักดิ์ วะชุม, เพม่ิ ศักดิ์ ยีมิน และ แก้วกัลยา โสตถิสวสั ด์ิ*
Chuleeporn Sensit, Kiattisak Wachum, Permsak Yeemin
and Kaewkanlaya Sotthisawad*

สาขาวชิ าชวี วิทยา คณะวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยราชภัฏสกลนคร
Program of Biology, Faculty of Science and Technology, Sakon Nakhon Rajabhat University
*Corresponding author: [email protected]

บทคัดย่อ: งานวิจัยน้ีมีวัตถุประสงค์เพ่ือศึกษาองค์ประกอบทางเคมีของเปลือกข้าวและฟางข้าว และ
ศึกษาสภาวะท่ีเหมาะสมในการปรับสภาพเปลือกข้าวและฟางข้าวด้วยกรด-ด่าง และคล่ืนไมโครเวฟ
เพื่อเสริมการทางานของเอนไซม์เซลลูเลสสาหรับการผลิตน้าตาลรีดิวซ์ จากผลการศึกษา
องค์ประกอบหลักทางเคมีได้แก่ เซลลูโลส เฮมิเซลลูโลส ลิกนิน เถ้า และความช้ืน พบว่าในเปลือกข้าว
มีปริมาณลิกนินมากที่สุด (37.29±0.16% (w/w)) รองลงมาคือเซลลูโลส (29.30±0.16 % (w/w))
เฮมิเซลลูโลส (26.92±0.01% (w/w)) ความช้ืน (3.56±0.14% (w/w)) และเถ้า (2.94±0.01%
(w/w)) ตามลาดับ ส่วนฟางข้าวมีปริมาณเซลลูโลสมากที่สุด (40.43±0.02% (w/w)) รองลงมา
คือเฮมิเซลลูโลส (35.02±0.03% (w/w)) ลิกนิน (20.35±0.04% (w/w)) ความชื้น (3.96±0.30%
(w/w)) และเถ้า (0.24±0.00% (w/w)) ตามลาดับ สาหรับการปรับสภาพพบว่าการปรับสภาพด้วย
ดว้ ยกรดซัลฟิวรกิ ความเข้มข้น 1% (v/v) และการให้ความรอ้ นด้วยคลื่นไมโครเวฟกาลังไฟ 300 W เป็น
เวลา 2.0 นาที ร่วมกับการใช้เอนไซม์ (Cellulase, Cellic®Ctec2) (สภาวะท่ี 3) ให้ผลผลิตน้าตาลรีดิวซ์
สูงท่ีสุดอย่างมีนัยสาคัญทางสถิติ (p<0.05) เมื่อศึกษาผลของระยะเวลาท่ีให้ความร้อนจากคล่ืน
ไมโครเวฟที่มตี อ่ ปริมาณผลผลติ น้าตาลรีดิวซ์ พบว่าการให้ความร้อนด้วยคลืน่ ไมโครเวฟนาน 3.0 นาที
มีผลทาให้ปริมาณผลผลิตน้าตาลรีดิวซ์สูงที่สุดอย่างมีนัยสาคัญทางสถิติ (p<0.05) รองลงมาคือ 2.5,
2.0, 1.5 และ 1.0 นาที ตามลาดบั
คาสาคญั : -

ABSTRACT: Objectives of this research were to study the chemical composition and
the optimum conditions of rice husks and rice straw pretreatment by using acid-alkali
and microwaves to enhance cellulase enzyme activity for reducing sugar production.

59

The result of the chemical composition found that the lignin content in the rice husks
was the highest (37.29±0.16% ( w/w)), followed by cellulose (29.30±0.16% ( w/w)),
hemicellulose (26.92±0.01% ( w/w)), moisture (3.56±0.14% ( w/w)), and ash (2.94±0.01
% ( w/w)), respectively. Rice straw had the highest cellulose content (40.43±0.02%
( w/w)), followed by hemicellulose (35.02±0.03% ( w/w)), lignin (20.35±0.04% ( w/w))
moisture (3.96±0.30% ( w/w)) and ash (0.24±0.00% ( w/w)), respectively. For the
pretreatment, 1% (v/v) sulfuric acid pretreatment and 300 W microwave heating for
2.0 min combined with using cellulase (Cellic®Ctec2) (condition 3) resulted the highest
reducing sugar yield with statistically significant (p<0.05). The effect of microwave
heating time on reducing sugar yield was studied. It was found that heating time for
3.0 min effected in the maximum reducing sugar yield with statistically significant
(p<0.05), followed by 2.5, 2.0, 1.5 and 1.0 min, respectively.
Keywords: -

สาขาวชิ าชวี วทิ ยา คณะวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัย

60

ประสทิ ธิภาพการยบั ยังเชอื ราของสารสกดั ไบโอชาร์
Efficiency of Antifungal Activity of Biochar Extract

บษุ บา พรมเทพ1, นลิณี ศริ ิมงคล1, เทพกร ลลี าแต้ม2 และ แก้วกลั ยา โสตถสิ วัสด์ิ1*
Budsaba Phomthep1, Nalinee Sirimongkhol1, Tappagorn Leelatam2

and Kaewkanlaya Sotthisawad1*

1สาขาวชิ าชวี วิทยา คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวทิ ยาลัยราชภฏั สกลนคร
Program of Biology, Faculty of Science and Technology, Sakon Nakhon Rajabhat University
2ศูนย์เทคโนโลยีที่เหมาะสม คณะวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลยั ราชภฏั สกลนคร
Center of appropriate technology, Faculty of Science and Technology, Sakon Nakhon
Rajabhat University
*Corresponding author: [email protected]

บทคัดย่อ: งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพ่ือศึกษาประสิทธิภาพการยับย้ังเชื้อราของสารสกัดไบโอชาร์
5 ชนิด ได้แก่ ไบโอชาร์จากข้ีเลื่อย เปลือกหุ้มเมล็ดยางพารา ไม้ยางพารา กะลามะพร้าว และ
ไม้กระถิน ท่ีสกัดด้วยน้ากลั่นและเมทานอลต่อเชื้อรา Aspergillus sp. และ Penicillium sp.
โดยความเข้มข้นของไบโอชาร์แต่ละชนิดท่ีใช้คือ 1, 2 และ 3 เปอร์เซ็นต์โดยน้าหนักต่อปริมาตร
จากการศึกษาประสิทธิภาพการยับยั้งเชื้อราของสารสกัดไบโอชาร์ 5 ชนิด พบว่าสารสกัดแต่ละชนิด
ให้ผลการยับยั้งการเจริญของเชื้อราทั้งสองสายพันธ์ุแตกต่างกัน สารสกัดไบโอชาร์จากไม้ยางพารา
ความเข้มข้น 1 เปอร์เซ็นต์โดยน้าหนักต่อปริมาตรในเมทานอล มีประสิทธิภาพในการยับย้ังการเจรญิ
ของ Aspergillus sp. สูงที่สุดคือ 10.70±4.77 เปอร์เซ็นต์ ในขณะที่สารสกัดไบโอชาร์จาก
กะลามะพร้าวความเข้มข้น 2 เปอร์เซ็นต์โดยน้าหนักต่อปริมาตรในเมทานอล มีประสิทธิภาพในการ
ยบั ยงั้ การเจริญของ Penicillium sp. สงู ที่สดุ คือ 24.29±9.31 เปอรเ์ ซ็นต์
คาสาคญั : -

ABSTRACT: The objective of this research was to study the antifungal efficiency of five
biochar extracts, such as sawdust, rubber pericarp, rubber wood, coconut shell and
acacia wood extracted from distilled water and methanol against Aspergillus sp. and
Penicillium sp. Each types of biochar were used with 1, 2 and 3 % (w/v) concentrations.
In this study, the antifungal efficacy of five biochar extracts showed different antifungal
effects. The methanolic extract from 1% (w/v) rubber wood biochar showed the highest
inhibition effect of Aspergillus sp. at 10.70±4.77%. Whereas the methanolic extract from

61

2% (w/v) coconut shell biochar showed the highest inhibition effect of Penicillium sp. at
24.29±9.31%.
Keywords: -

62

การผลติ นาตาลรดี วิ ซ์จากเปลือกข้าวโพดและชานอ้อยโดยการปรบั สภาพด้วย
กรด-ด่างและคลืน่ ไมโครเวฟ

Production of Reducing Sugar from Corn Husks and Bagasse by
Using Acid-Alkali and Microwave Pretreatment

อมลวรรณ พนั ธมติ ร, ราเชน บุญไสย, เพ่ิมศกั ด์ิ ยีมิน และ แก้วกลั ยา โสตถิสวสั ดิ์*
Amonwan Phanthamit, Rachen Bunsai, Permsak Yeemin
and Kaewkanlaya Sotthisawad*

สาขาวชิ าชีววิทยา คณะวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยราชภัฏสกลนคร
Program of Biology, Faculty of Science and Technology, Sakon Nakhon Rajabhat University
*Corresponding author: [email protected]

บทคัดย่อ: งานวจิ ัยนม้ี ีวตั ถปุ ระสงค์เพื่อศึกษาองคป์ ระกอบทางเคมแี ละสภาวะที่เหมาะสมในการปรับ
สภาพเปลือกข้าวโพดและชานอ้อยเพื่อผลิตน้าตาลรีดิวซ์โดยการใช้กรด-ด่างและคลื่นไมโครเวฟ จาก
ผลการศึกษาองค์ประกอบทางเคมี พบว่าเปลือกข้าวโพดและชานอ้อยมีปริมาณเฮมิเซลลูโลสสูงที่สุด
คือ 58.69±2.01 และ 60.98±0.215% (w/w) ตามลาดับ รองลงมาคือเซลลูโลส (37.17±2.27 และ
32.22±2.07% (w/w)) ลิกนิน (0.34±0.01 และ 0.34±0.01% (w/w)) ความช้ืน (3.66±0.44 และ
3.85±0.33% (w/w)) และเถ้า (0.04±0.01 และ 0.20±0.15% (w/w)) ตามลาดับ สาหรับการศึกษา
การปรับสภาพพบว่าการใช้ H2SO4 ความเข้มข้น 1% (v/v) ร่วมกับการใช้ความร้อนจากคลื่น
ไมโครเวฟ 300 W เวลานาน 2 นาที (สภาวะท่ี 1) ให้ผลผลิตน้าตาลรีดิวซ์ดีท่ีสุดอย่างมีนัยสาคัญทาง
สถิติ (p<0.05) และการศึกษาผลของระยะเวลาในการให้ความร้อนจากคลื่นไมโครเวฟท่ีมีต่อปริมาณ
ผลผลิตน้าตาลรีดิวซ์พบว่าการให้ความร้อนนาน 4 และ 5 นาที ให้ผลผลิตน้าตาลรีดิวซ์ดีที่สุดอย่างมี
นยั สาคัญทางสถติ ิ (p<0.05) รองลงมาคอื 3, 2 และ 1 นาที ตามลาดบั
คาสาคญั : -

ABSTRACT: Objectives of this research were to examine the chemical compositions
and the optimum condition of corn husks and bagasse pretreatment to produce
reducing sugar by using acid-aikali and microwave. The results of chemical composition
of corn husks and bagasse, hemicellulose shown the highest content of 58.69±2.01
and 60. 98± 0. 215% (w/w), respectively, followed by cellulose (37. 17 ± 2. 27 and
32.22±2.07% (w/w)), lignin (0.34±0.01 and 0.34±0.01% (w/w)), moisture (3.66±0.44 and
3.85±0.33% (w/w)) and ash (0.04±0.01 and 0.20±0.15% (w/w)), respectively. For the

63

pretreatment, the using of 1% ( v/v) H2SO4 and 300 W microwave heating for 2 min
(condition 1) resulted in the maximum reducing sugar yield with statistically significant
( p<0.05) . Moreover, the result of the effect of microwave heating time on reducing
sugar yield with statistically significant ( p<0.05) . shown the heating time for 4 and 5
min effected in the maximum reducing sugar yield, followed by 3, 2 and 1 min,
respectively.
Keywords: -

64

การตรวจหาตวั ออ่ นระยะเมตาเซอร์คาเรยี ของพยาธิใบไมต้ ับในผลิตภัณฑแ์ ปร
รูปจากปลา จากตาบลทา่ บ่อสงคราม อาเภอศรสี งคราม จังหวดั นครพนม
Detection Metacercaria of Opisthorchis viverrini in Fish
Processing Products from Thabosongkhram Sub-district,
Si Songkhram District, Nakhon Phanom Province

ธิติญาพร ขันธล์ ะ, กัญญารตั น์ ชาคาสัย และ กุลวดี สุวรรณไตรย์*
Thitiyaporn Khanla, Kanyarat Chakhamsai and Kulwadee Suwannatrai*

สาขาวชิ าชีววทิ ยา คณะวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวทิ ยาลัยราชภฏั สกลนคร
Program of Biology, Faculty of Science and Technology, Sakon Nakhon Rajabhat University
*Corresponding author: [email protected]

บทคัดย่อ: การศึกษาตัวอ่อนระยะเมตาเซอร์คาเรียของพยาธิใบไม้ตับในผลิตภัณฑ์แปรรูปจากปลา
จากตาบลท่าบ่อสงคราม อาเภอศรีสงคราม จังหวัดนครพนม ดาเนินการระหว่างเดือนกรกฎาคม
พ.ศ. 2563 - เดือนมิถนุ ายน พ.ศ. 2564 โดยเก็บตัวอยา่ งผลิตภณั ฑ์แปรรูปจากปลาจานวน 8 ผลติ ภณั ฑ์
ได้แก่ ส้มไข่ปลา ส้มปลาจีน ส้มปลาตะเพียน ส้มปลามน ส้มปลาสวาย ส้มไส้ปลา ส้มแผ่น และส้มห่อ
จากตาบลท่าบ่อสงคราม นามาทาการตรวจหาตัวอ่อนระยะเมตาเซอร์คาเรียของพยาธิใบไม้ตับ
โดยเทคนิคการย่อยด้วยเอนไซม์เปปซิน ผลการศึกษาพบว่าไม่มีการปนเป้ือนของพยาธิใบไม้ตับใน
ผลิตภัณฑ์แปรรูปจากปลาจานวน 8 ผลิตภัณฑ์ จากตาบลท่าบ่อสงคราม อาเภอศรีสงคราม จังหวัด
นครพนม แสดงให้เห็นว่าผลิตภัณฑ์แปรรูปจากปลาจากตาบลท่าบ่อสงคราม อาเภอศรีสงคราม
จงั หวดั นครพนม มคี วามเส่ียงตอ่ การตดิ เชื้อพยาธิใบไมต้ บั ในระดับตา่
คาสาคญั : -

ABSTRACT: Detection of Opisthorchis viverrini metacercaria (OV MC) in fish products
from Thabosongkhram Sub-district, Si Songkhram District, Nakhon Phanom Province
was determined during July 2020 to June 2021. Eight samples were collected including
fermented fish roe (Som - Khai - Pla), fermented grass carp fish (Som - Pla - Chin),
fermented silver barb fish (Som - Pla - Taphian), fermented siamese mud carp (Som - Pla
- mon), fermented sutchi catfish (Som - Plaswai), fermented fish viscera (Som - Sai - Pla),
fermented ground fish sheet (Som - Pla - Phean) and fermented ground fish roll (Som -
Ho) from Thabosongkhram Sub-district. The following samples are examined for OV MC

65

by pepsin-digestion method. The result did not found presence of OV MC in all samples
which indicted that risk of O. viverrini infection in fish processing products from Ban
Thabosongkhram Sub-district, Si Songkhram District, Nakhon Phanom Province was low.
Keywords: -

66

ความหลากชนิดของหอยฝาเดียวท่ีมีความสาคัญทางการแพทย์
ในหนองหาร จังหวดั สกลนคร

Species diversity of medical gastropod in Nong Han Lake,
Sakon Nakhon Province

บุษกร ชาญนอก, จริ ชั ยา สุขสร้อย และ กุลวดี สุวรรณไตรย์*
Butsakorn Channok, Jiratchaya Suksoi and Kulwadee Suwannatrai*

สาขาวชิ าชีววิทยา คณะวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยราชภฏั สกลนคร
Program of Biology, Faculty of Science and Technology, Sakon Nakhon Rajabhat University
*Corresponding author: [email protected]

บทคัดย่อ: การศึกษาความหลากชนิดของหอยฝาเดียวที่มีความสาคัญทางการแพทย์ในหนองหาร
จังหวัดสกลนคร จาก 25 สถานี รอบหนองหาร ดาเนินการเก็บตัวอย่างหอยระหว่างเดือนกันยายน
พ.ศ. 2563 ถึงเดือนตุลาคม พ.ศ. 2564 ผลการศึกษาพบหอยฝาเดียวท่ีมีความสาคัญทางการแพทย์
ท้ังสน้ิ 5,656 ตวั จาแนกเป็น 8 วงศ์ 9 ชนิด ได้แก่ วงศ์ Viviparidae (Filopaludina martensi martensi
Frauenfeld, 1865 และ Filopaludina sumatrensis polygramma Martens,1860) วงศ์ Ampullariidae
(Pomacea canaliculata Larmarck, 1819) วงศ์ Bithyniidae (Bithynia siamensis goniomphalos
Morelet 1866) วงศ์ Buccinidae (Clea (Anentome) helena Philippl, 1847) วงศ์ Lymnaeidae
(Lymnaea (Radix) auricularia Linnaeus, 1758) วงศ์ Thiaridae (Adamietta housei Lea, 1856)
วงศ์ Bulinidae (Indoplonobis exustus Deshayes, 1834) และวงศ์ Hydrobiidae (Tricula bollingi
Davis, 1968) โดยพบหอยฝาเดียวท่ีมีความสาคัญทางการแพทย์มากท่ีสุดในฤดูฝน สถานีที่ 3 ชุมชน
ดอนงว้ิ พฒั นา มีความหลากชนดิ มากทีส่ ดุ และ P. canaliculata มีความชุกชมุ มากทีส่ ดุ
คาสาคญั : -

ABSTRACT: The study on species diversity of medical gastropod in Nong Han Lake,
Sakon Nakhon Province was investigated from 25 stations between September, 2020
and October, 2021. The results showed that a total number of freshwater gastropods
presence were 5,656 snails. They were classified into 8 families 9 species including family
Viviparidae (Filopaludina martensi martensi Frauenfeld, 1865 and Filopaludina
sumatrensis polygramma Martens, 1860) , family Ampullariidae (Pomacea canaliculata
Larmarck, 1819) , family Bithyniidae (Bithynia siamensis goniomphalos Morelet 1866) ,
family Buccinidae (Clea(Anentome) helena Philippl, 1847), family Lymnaeidae (Lymnaea

67

(Radix) auricularia Linnaeus, 1758), family Thiaridae (Adamietta housei Lea, 1856) ,
family Bulinidae (Indoplonobis exustus Deshayes, 1834) and family Hydrobiidae (Tricula
bollingi Davis, 1968). In particular, highest number of medically important gastropod was
found during rainy season. The greatest diversity was found at station 3 in Don Ngio
Phattana community, and the most abundant species found was P. canaliculata.
Keywords: -

68

การตรวจหาการปนเปื้อนพยาธใิ บไมต้ บั ในผลติ ภัณฑแ์ ปรรูปปลา
โดยเทคนคิ พซี อี ารแ์ บบไพรเมอรจ์ าเพาะ

Detection of Opisthorchis viverrini Infection in Fish Processing
Products by Specific Primers Polymerase Chain Reaction

อริสา นลี กุล, ลักษกิ า ภูมเิ พ็ง และ กุลวดี สุวรรณไตรย์*
Arisa Neelakul, Laksika Phumipheng and Kulwadee Suwannatrai*

สาขาวชิ าชวี วทิ ยา คณะวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยราชภัฏสกลนคร
Program of Biology, Faculty of Science and Technology, Sakon Nakhon Rajabhat University
*Corresponding author: [email protected]

บทคัดย่อ: การตรวจหาการปนเป้ือนพยาธิใบไม้ตับในผลิตภัณฑ์แปรรูปปลาโดยเทคนิคพีซีอาร์แบบ
ไพรเมอร์จาเพาะ จากตาบลท่าบ่อสงคราม อาเภอศรีสงคราม จังหวัดนครพนม ดาเนินการระหว่าง
เดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2563 ถึงเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2564 โดยเก็บผลิตภัณฑ์แปรรูปปลา ได้แก่
ส้มไข่ปลา สม้ ปลาจีน สม้ ปลาตะเพียน สม้ ปลามน สม้ ปลาสวาย สม้ ไสป้ ลา ส้มปลาแผ่น และส้มปลาห่อ
จากตาบลท่าบ่อสงคราม และตรวจหาการปนเป้ือนพยาธิใบไมต้ ับในผลิตภัณฑแ์ ปรรูปปลาโดยเทคนิค
พีซีอาร์แบบไพรเมอร์จาเพาะ ผลการศึกษาพบว่า ไม่พบการปนเป้ือนพยาธิใบไม้ตับในผลิตภัณฑ์
แปรรูปปลาทั้งหมด แสดงให้เห็นว่าการบริโภคผลิตภัณฑ์แปรรูปปลาจากตาบลท่าบ่อสงครามมี
ความเส่ยี งตอ่ การติดเชอ้ื พยาธิใบไม้ตับระดบั ตา่
คาสาคัญ: -

ABSTRACT: Detection of Opisthorchis viverrini contamination in fish products by specific
primers polymerase chain reaction from Ban Thabo Songkhram Sub-district, Si
Songkhram District, Nakhon Panom Province was determined during July 2020 to
November 2021. Samples were collected including fermented fish roe (Som Khai Pla)
fermented grass carp fish (Som Pla Chin) fermented silver barb fish (Som Pla Taphian)
fermented Siamese mud carp fish (Som Pla Mon) fermented sutchi catfish (Som Pla
Swai) fermented fish viscera (Som Sai Pla) fermented ground fish sheet (Som Pla Phean)
and fermented ground fish roll (Som Pla Ho) from Ban Thabo Songkhram Sub-district.
The following samples are examined by specific primers polymerase chain reaction. The
result did not found presence of O. viverrini contamination in all products which indicted

69

that consumption of fish processing products from Ban Thabo Songkhram Sub-district
has a low risk of human liver fluke infection.
Keywords: -

70

ความหลากชนดิ ของหอยสองฝาในหนองหารจงั หวัดสกลนคร
Species Diversity of Bivalve in Nong Han Lake, Sakon Nakhon Province

ดารารตั น์ ต้นสวรรค์, ณัฐธดิ า กุลวงศ์ และ กลุ วดี สวุ รรณไตรย์*
Dararad Thonsawan, Nattida Kullawong and Kulwadee Suwannatrai*

สาขาวชิ าชีววิทยา คณะวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลยั ราชภฏั สกลนคร
Program of Biology, Faculty of Science and Technology, Sakon Nakhon Rajabhat University
*Corresponding author: [email protected]

บทคัดย่อ: การศึกษาความหลากชนิดของหอยสองฝาในหนองหาร จังหวัดสกลนคร ดาเนินการเก็บ
ตัวอย่างหอยสองฝาในหนองหาร 25 สถานี โดยใช้มือเก็บ ตั้งแต่เดือนกันยายน พ.ศ. 2563 ถึง เดือน
พฤศจิกายน พ.ศ. 2564 ผลการศึกษาพบหอยน้าจืดสองฝาทั้งสิ้น 245 ตัว จาแนกเป็น 1 อันดับ
2 วงศ์ 4 สกุล 5 ช นิด ได้แก่ Corbicula fluminea Müller (1774), Ensidens ingallsianus
ingallsianus Lea (1852), Ensidens ingallsianus dugasti Morlet (1892), Pilsbryoconcha
lemeslei Morelet (1875) แ ล ะ Pseudodon vondembuschianus chaperi Morgan (1885)
โดยฤดูฝนมีความหลากหลายของชนิดของหอยสองฝามากที่สุด (5 ชนิด) และสถานีที่ 7 มีความ
หลากหลายมากท่ีสุด (3 ชนิด) การศึกษาในครั้งน้ีพบหอย C. fluminea มีความชุกชุมมากท่ีสุด และ
หอย C. fluminea และ E. ingallsianus dugasti เปน็ ชนิดทมี่ กี ารแพรก่ ระจายมากทีส่ ุด
คาสาคัญ: -

ABSTRACT: Diversity study of bivalve in Nong Han Sakon Nakhon Province The bivalve
samples were collected at 25 stations in Nong Han by hand. From September 2020 to
November 2 0 2 1 , a total of 2 4 5 bivalve mollusks were found, classified as
one rank 2 families, 4 genera, 5 species: Corbicula fluminea Müller (1774), Ensidens
ingallsianus ingallsianus Lea (1 8 5 2 ) , Ensidens ingallsianus dugasti Morlet (1 8 9 2 ) ,
Pilsbryoconcha lemeslei Morelet (1875) and Pseudodon vondembuschianus chaperi
Morgan (1885). In the rainy season, the diversity of bivalves is the most (5 species) and
station 7 is the most diverse (3 species). In this study, C. fluminea was the most
abundant, and C. fluminea and E. ingallsianus dugasti were the most abundant. It is
the most invasive species.
Keywords: -

71

ความหลากชนดิ หอยทากในบา้ นโคกสะอาด ตาบลอมุ่ จาน
อาเภอกุสมุ าลย์ จงั หวดั สกลนคร

Species Diversity of Land Snail in Ban Khok Sa-At Um Chan
Sub-districts, Kusuman District, Sakon Nakhon Province

ชนาธิป จอมทะรกั ษ์, ดรุณี เหลาทอง และ กุลวดี สุวรรณไตรย์*
Chanatip Jomtharak, Darunee Loathong and Kulwadee Suwannatrai*

สาขาวชิ าชีววทิ ยา คณะวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวทิ ยาลัยราชภฏั สกลนคร
Program of Biology, Faculty of Science and Technology, Sakon Nakhon Rajabhat University
*Corresponding author: [email protected]

บทคัดย่อ: การศึกษาคร้ังน้ีมีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาความหลากชนดิ และการแพร่กระจายของหอยทาก
ในบ้านโคกสะอาด ตาบลอุ่มจาน อาเภอกุสุมาลย์ จังหวัดสกลนคร ดาเนินการตั้งแต่เดือนกันยายน
พ.ศ. 2563 ถึงเดอื นตุลาคม พ.ศ. 2564 โดยใช้แปลงสุ่มตวั อย่างขนาด 10x10 เมตร จานวน 5 แปลง ผล
การศึกษาพบหอยทากท้ังหมด 3,553 ตัว จาแนกเป็น 1 ชั้น 3 ช้ันย่อย 2 อันดับ 3 วงศ์ 4 สกุล
4 ชนิด ได้แก่ หอยทากท่ีไม่มีฝาปิด จานวน 3 ชนิด คือ Cryptozona siamensis Pfeiffer (1856),
Achatina fulica Férussac (1821) และ Hemiplecta distincta Pfeiffer (1851) และหอยทากท่ีมี
ฝาปิดเปลือก จานวน 1 ชนิด คือ Cyclophorus malavanus Pfeiffer (1862) นอกจากน้ียังพบ
Cyclophorus malavanus Pfeiffer (1862) มีการแพร่กระจายมากท่สี ุด
คาสาคญั : -

ABSTRACT: The aim of this research was to study species diversity and distribution of land
snail in Ban Khok Sa-At, Um Chan Sub District, Kusuman District, Sakon Nakhon. The study
was determined during September 2020 and October 2021. Samples are randomly
collected from five sampling plots with size 10x10 m. The result of the samples showed
a total number of 3,553 snails which was classified under 1 class, 3 sub-classes, 2 orders,
3 families, 4 genera, and 4 species. The samples include 3 species of non-operculate snails,
Cryptozona siamensis Pfeiffer (1856), Achatina fulica Férussac (1821) and Hemiplecta
distincta Pfeiffer (1851) and a specie of operculate snail Cyclophorus malavanus Pfeiffer
(1862). Moreover, Cyclophorus malavanus Pfeiffer (1862) was the most distribution.
Keywords: -

72

การสงั เคราะหแ์ ละการศึกษาความคงตวั ของอนุพนั ธ์คลอโรฟิลล์จากใบเม่าแก่
Synthesis and Stability Study of Chlorophyll Derivatives from
Mature Antidesma twaitesianum Muell. Arg. Leaves

อวริ ทุ ธิ์ ใจสุข, มาริกา แสงกลา้ และ สมุ นา ถวลิ *
Awirut Jaisuk, Marika Saengkla and Sumana Tawil*

สาขาวชิ าเคมี คณะวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี มหาวทิ ยาลยั ราชภัฏสกลนคร
Program of Chemistry, Faculty of Science and Technology, Sakon Nakhon Rajabhat University
*Corresponding author: [email protected]

บทคัดย่อ: งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อสังเคราะห์อนุพันธ์ของคลอโรฟิลล์ ซิงค์–ฟีโอไฟติน และ
คอปเปอร–์ ฟีโอไฟตนิ จากฟีโอไฟตนิ ทีส่ กดั จากใบเม่าแก่ และทาการพสิ ูจนเ์ อกลกั ษณ์ทดสอบความคง
ตวั และความสามารถในการต้านอนุมูลอิสระ ซง่ึ ฟโี อไฟติน ซิงค์–ฟีโอไฟตนิ และคอปเปอร์–ฟโี อไฟติน
ที่ได้ถูกยืนยันด้วยเทคนิคทินเลเยอร์โครมาโทกราฟี, ยูวี-วิสิเบิลสเปกโทรสโคปี และเอฟที-ไออาร์
สเปกโทรสโคปี ในการวิเคราะห์ฤทธ์ิต้านอนุมูลอิสระของฟีโอไฟติน, ซิงค์–ฟีโอไฟติน และคอปเปอร์-
ฟโี อไฟติน ผลการศึกษาพบวา่ ซงิ ค–์ ฟโี อไฟตนิ สามารถตา้ นอนุมูลอสิ ระดีพีพีเอชได้สูงสดุ รองลงมาคือ
คอปเปอร์–ฟีโอไฟติน และฟีโอไฟติน โดยมีฤทธิ์ในการต้านอนุมูลอิสระ คือ 26.23%, 21.60% และ
15.90% ตามลาดับ หลังจากนี้ได้ทาการศึกษาความคงตัวต่อความเป็นกรด-เบส ของซิงค์–ฟีโอไฟติน
และคอปเปอร์–ฟีโอไฟติน และตรวจสอบด้วยเทคนิคทินเลเยอร์โครมาโทกราฟี, ยูวี–วิสิเบิล
สเปกโทรสโคปี และฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระพบว่าในสภาวะกรด ซิงค์–ฟีโอไฟตินมีความคงตัวมากกว่า
คอปเปอร์–ฟีโอไฟติน และพบว่าท้ังคู่ไม่มีความคงตัวในสภาวะที่เป็นเบส นอกจากนี้ฤทธ์ิต้านอนุมูล
อิสระของซิงค์–ฟโี อไฟตินและคอปเปอร์–ฟโี อไฟตินจะไม่คงตัวเมื่อสภาวะเปลยี่ นไป จากผลการศึกษา
น้ีแสดงให้เห็นว่า ซิงค์–ฟีโอไฟติน และคอปเปอร์–ฟีโอไฟตินมีคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระและมีความ
คงตัวท่ีสภาวะที่แตกต่างกัน ดังน้ันอนุพันธ์ของคลอโรฟิลล์จึงมีความเป็นไปได้ท่ีจะนาไปใช้เป็นสาร
ออกฤทธิ์ทางชวี ภาพสาหรบั การนาไปใชป้ ระโยชน์ดา้ นโภชนาการ เครือ่ งสาอาง และยา
คาสาคัญ: คลอโรฟิลล์, ฟีโอไฟตนิ , ซิงค–์ ฟโี อไฟติน, คอปเปอร์-ฟีโอไฟตนิ , อนุมูลอิสระ, ความคงตวั

ABSTRACT: The aims of this study were to synthesize chlorophyll derivatives,
Zn-pheophytins and Cu-pheophytins, from pheophytins extracted from mature
Antidesma twaitesianum Muell. Arg. leaves (mature Mao leaves), characterize them,
and evaluate their stability and antioxidant activity. The pheophytins, Zn-pheophytins
and Cu-pheophytins was confirmed by thin layer chromatography (TLC), UV–Visible,

73

and FT-IR spectroscopy. The antioxidant activity of pheophytins, Zn-pheophytins and
Cu-pheophytins was determined. The results revealed that the Zn-pheophytins
showed the highest 1,1-diphenyl-2-picrylhydrazyl (DPPH) radical scavenging activities,
followed by Cu-pheophytins and pheophytins with 26.23%, 21.60%, and 15.90%
respectively. After that, the pH stability of Zn-pheophytins and Cu-pheophytins was
studied and examined by TLC, UV-visible spectroscopy and antioxidant activity. In the
acidic condition, Zn-pheophytins was stable than Cu-pheophytins. In the basic
condition, both of them are not stable. Additionally, their antioxidant activity is not
stable when the pH was changed. Our findings indicated that Zn-pheophytins and
Cu-pheophytins have antioxidant properties and stability at difference pH condition.
Therefore, they can potentially be a source of bioactive compounds for nutraceutical,
cosmetic, and pharmaceutical applications.
Keywords: chlorophyll, pheophytins, Zn−pheophytins, Cu−pheophytins, antioxidant,
stability

74

การวเิ คราะห์ปรมิ าณสารประกอบฟนี อลกิ ฤทธิ์ตา้ นอนุมลู อสิ ระและฤทธยิ์ บั ยงั
เชือแบคทีเรยี จากสารสกัดใบเครอื หมาน้อย ใบเครือสม้ ข้าว
ใบตาลึงป่า และใบแมงลักคา

Analysis of Phenolic Compound, Antioxidant Activity and
Antibacterial Activity from Cissampelos pareira L, Cissus hastata,
Passiflora foetida L and Hyptis suaveolens (L.) Poit. Leafs Extract

ปรียาภรณ์ ไชยเชษฐ์, พชิ ญา ไพคานาม และ จินดา จันดาเรือง*
Preeyaporn Chaiyachet, Pitchaya Phaikamnam and Jinda Jandaruang*

สาขาวชิ าเคมี คณะวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั สกลนคร
Program of Chemistry, Faculty of Science and Technology, Sakon Nakhon Rajabhat University
*Corresponding author: [email protected]

บทคัดย่อ: งานวิจัยน้ีมีวัตถุประสงค์เพ่ือวิเคราะห์ปริมาณสารประกอบฟีนอลิก ฤทธ์ิต้านอนุมูลอิสระ
และฤทธย์ิ บั ย้งั เช้ือแบคทีเรยี ในสารสกดั ใบเครอื หมาน้อย ใบเครอื ส้มข้าว ใบตาลงึ ป่า และใบแมงลกั คา
จากผลการศึกษาปริมาณสารประกอบฟีนอลิก โดยใช้วิธีโฟลินซิโอแคลทู พบว่าสารสกัดจากใบตาลึง
ป่ามีปริมาณสารประกอบฟีนอลิกมากท่ีสุด คือ 12.93 มิลลิกรัมกรดแกลลิกต่อกรัมน้าหนักแห้ง ส่วน
ผลการวิเคราะห์ฤทธิ์ยับย้ังอนุมูลอิสระ โดยใช้วิธีวิธีดีพีพีเอช พบว่าสารสกัดจากใบแมงลักคา มีค่า
IC50 ต่าท่ีสุด คือ 70 มิลลิกรัมต่อลิตร และผลการวิเคราะห์ฤทธ์ิยับย้ังเชื้อแบคทีเรีย โดยวิธีเปเปอร์ดสิ
พบวา่ สารสกัดจากใบเครือส้มข้าวสามารถยบั ย้งั การเจรญิ ของเชื้อ B. subtilis ได้ดีทส่ี ดุ เกดิ บรเิ วณใส
ขนาด 0.56 เซนติเมตร และการหาค่าความเข้มข้นต่าสุดท่ีสามารถยับยั้งการเจริญของเชื้อได้ (MIC)
พบว่าความเข้มข้นของสารสกัดจาก ใบตาลึงป่า ใบเครือส้มข้าว และใบแมงลักคา สามารถยับย้ังการ
เจริญของเช้ือ B. subtilis ได้ท่ีความเข้มข้นต่าสุดที่ 500, 1,000 และ 1,000 มิลลิกรัมต่อลิตร
ตามลาดับ มีค่าร้อยละการลดลงของเช้ือ คือ 90.02, 95.98, 93.86 ตามลาดับ และการหาค่าความ
เข้มข้นต่าสุดที่สามารถฆ่าเช้ือแบคทีเรียได้ (MBC) พบว่าสารสกัดทั้ง 4 ชนิด ไม่มีความเข้มข้นใดของ
สารสกัดที่สามารถฆ่าเช้อื ได้ การศึกษาสัณฐานวิทยาของเซลลแ์ บคทีเรีย B. subtilis ต่อสารสกัดชนิด
ต่าง ๆ ดว้ ยกลอ้ งจุลทรรศน์ อิเล็กตรอนแบบส่องกราดพบวา่ สารสกัดทาลายเชื้อแบคทีเรีย โดยการทา
ให้เยื่อหุ้มเซลล์ของแบคทีเรียแตกหรือ ร่ัว ทาให้เซลล์เสียสภาพ จากข้อมูลการวิจัยเหล่าน้ี พบว่าพืช
ทุกชนิดที่นามาทดสอบเป็นแหล่งของสารสาคัญจากธรรมชาติ และมีประโยชน์ ได้แก่ สารประกอบ
ฟีนอลิก สารต้านอนุมูลอิสระ และสารต้านเชื้อแบคทีเรีย ซ่ึงสามารถนามาใช้ประโยชน์ และพัฒนา
หรือต่อยอดไปเป็นผลติ ภณั ฑ์เครอ่ื งสาอาง อาหารเสริมเพ่ือสุขภาพ หรอื ยาได้

75

คาสาคัญ: เครือหมาน้อย, เครือส้มข้าว, ตาลึงป่า, แมงลักคา, สารประกอบฟีนอลิก, ฤทธ์ิต้านอนุมูล
อสิ ระ, ฤทธ์ยิ ับย้ังเชอ้ื แบคทีเรีย

ABSTRACT: The objective of this research was to determine the analysis of phenolic
compound, antioxidant activity and antibacterial activity from Cissampelos pareira L,
Cissus hastata, Passiflora foetida L and Hyptis suaveolens (L.) Poit. leafs extract.
The total phenolic compound content were analysis by Folin Ciocalteu method.
The Passiflora foetida L. leafs extract show the highest phenolic compound with 12.93
milligrams of gallic acid equivalents per grams of dry weight. The antioxidant activity
was determined by DPPH assay. The extract of Hyptis suaveolens (L.) Poit leaf showed
the highest antioxidant activity with 70 mg/ L of IC50 .The antibacterial activity was
determined by paper disc diffusion method. The extract from Cissus hastata leafs had
the best inhibition of the growth of B. subtilis with inhibition zones 0.56 cm. minimal
inhibition concentration ( MIC) was determined by broth dilution assay. The extracts
from Passiflora foetida L, Cissus hastate and Hyptis suaveolens (L.) Poit leaf had
antimicrobial potential again B. subtilis with MIC are 500, 1,000 and 1,000 mg/ L
respectively and percent inhibition are 90.02, 95.98 and 93.86 respectively. Minimal
bactericidal concentration ( MBC) did not appear. The extracts from 4 plants did not
contain any concentration of extracts that could be disinfected. Morphology of
B. subtilis bacterial cells on different extracts were study by scanning electron
microscopy. The results were revealed that leafs extract destroy bacteria cell.
By causing the bacterial cell membrane to break or leak, the cell is damaged. This
finding suggests that plant extracts are of great value as natural phenolic compound,
antioxidant and antimicrobials. It may be use as antibiotic, dietary supplement and
cosmetic application.
Keywords Cissampelos pareira L, Cissus hastata, Passiflora foetida L, Hyptis
suaveolens (L.) Poit, Phenolic Compound, Antioxidant Activity, Antibacterial Activity

76

การสังเคราะหถ์ า่ นกัมมันต์จากวัสดเุ หลอื ใชท้ างการเกษตร
เพ่ือประยุกตใ์ ชเ้ ปน็ สารดดู ซบั

The Synthesis of Activated Carbon from Agricultural Residues
for Application as an Absorbent

ธณาพร ฟองวิชยั , วริศรา ตามประสี และ วุฒชิ ยั รสชาติ*
Thanaphon Fongwichai, Warisara Tamprasee and Wuttichai Roschat*

สาขาวชิ าเคมี คณะวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี มหาวทิ ยาลยั ราชภัฏสกลนคร
Program of Chemistry, Faculty of Science and Technology, Sakon Nakhon Rajabhat University
*Corresponding author: [email protected]

บทคดั ย่อ: งานวจิ ยั นมี้ วี ตั ถปุ ระสงคเ์ พื่อเตรียมถ่านกมั มันตจ์ ากวัสดเุ หลือใช้ทางการเกษตร ได้แก่ เศษ
กิ่งไมย้ างพารา ฝักเมลด็ ยางพารา กะลามะพร้าว และไม้กระถนิ โดยใชว้ ธิ ีการก่อกมั มันต์ทางเคมีแบบ
แห้งเปรียบเทียบกับแบบเปียกด้วยสารกระตุ้น NaOH และใช้เตาเผาชีวมวลจากศูนย์เทคโนโลยีที่
เหมาะสม คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยราชภัฏสกลนคร ในการเตรียมถ่านกัมมันต์
ดังกล่าวผลการศึกษา พบว่าถ่านกัมมันต์ที่สังเคราะห์ได้จากเศษก่ิงไม้ยางพาราด้วยวิธีการก่อกัมมันต์
ทางเคมีแบบแห้งให้ค่าคุณสมบัติการดูดซับทางกายภาพและทางเคมีดีที่สุด โดยสามารถวัดค่าความ
เป็นรูพรุนหรือพื้นที่ผิวสัมผัสต่อมวล (surface area per mass ratio) ด้วยเทคนิค BET ได้ค่าสูงถึง
726.60 m2/g ค่าการดูดซับไอโอดีน (iodine number) เท่ากับ 616.73 mg/g ซ่ึงผ่านตามเกณฑ์
มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมถ่านกัมมันต์ เลขที่ มอก. 900-2547 ตามประกาศกระทรวง
อุตสาหกรรม และประสิทธิภาพการดูดซับสารเมทิลีนบลูมีค่าสูงถึง 99.65% ในขณะที่ถ่านกัมมันต์ท่ี
สงั เคราะห์ได้จากกะลามะพรา้ วด้วยวิธีการก่อกัมมันตท์ างเคมีแบบแห้งให้คา่ ความเป็นรูพรุนหรือพื้นท่ี
ผิวสมั ผสั ตอ่ มวลเท่ากบั 711.24 m2/g ค่าการดูดซับไอโอดีนเท่ากับ 551.90 mg/g และ คา่ การดูดซับ
สารเมทิลีนบลเู ท่ากบั 98.29% เม่อื ทาการเปรียบเทยี บคุณสมบตั ิการดดู ซับทางเคมแี ละ ทางกายภาพ
กับถ่านกัมมันต์ทางการค้า ผลการศึกษาพบว่าค่าความเป็นรูพรุนหรือพื้นที่ผิวสัมผัสต่อมวลของ
ถ่านกัมมันต์ทางการค้ามีค่าเท่ากับ 950.02 m2/g ค่าการดูดซับไอโอดีน เท่ากับ 743.77 mg/g และ
ประสิทธิภาพการดูดซับสารเมทิลีนบลูมีค่าสูงถึง 100% จากผลการศึกษาดังกล่าว จะเห็นได้ว่าวัสดุ
เหลอื ใช้ทางการเกษตร ได้แก่ เศษก่งิ ไม้ยางพารา สามารถนามาใชเ้ ปน็ วัสดุสารต้งั ต้นในการสังเคราะห์
ถ่านกัมมนั ต์ โดยผลติ ภณั ฑ์ถา่ นกมั มันตท์ ี่ได้แม้ว่าจะมีค่าคุณสมบัติการดดู ซับทางกายภาพและทางเคมี
น้อยกว่าถ่านกัมมันต์ทางการค้า แต่จากค่าการดูดซับไอโอดีนของถ่านกัมมันต์จากเศษกิ่งไม้ยางพารา
ที่ผา่ นตามเกณฑม์ าตรฐาน มอก. และค่าประสิทธิภาพการดดู ซบั สารเมทิลีนบลู สามารถสรปุ ไดว้ ่าวสั ดุ

77

เหลือใช้ทางการเกษตรท่ีมีอยู่ในชุมชนและท้องถิ่นถือได้ว่าเป็นวัสดุต้ังต้นที่มีศักยภาพสูงในการนามา
ผลติ เป็นถา่ นกัมมันต์เพื่อประยกุ ต์ใช้เป็นสารดดู ซับตา่ ง ๆ ไดเ้ ปน็ อยา่ งดี
คาสาคญั : ถา่ นกมั มันต์, เศษไมย้ างพารา, พื้นทีผ่ ิวสมั ผสั ตอ่ มวล, คา่ การดูดซับไอโอดีน

ABSTRACT: The objective of this research was to prepare activated carbon from
agricultural waste materials namely rubberwood twigs, rubber seed pods,
Leucaena wood, and coconut shells by the use of the dry versus wet chemical
activation with NaOH and applying the biomass incinerator for the used
preparation of the activated carbon. The results showed that activated carbon
synthesized from rubberwood twigs with the dry chemical activation gave the
best chemical and physical adsorption properties. The porosity (surface area per
mass ratio) analyzed by the BET technique was as high as 726.60 m2/g. The iodine
number was 616.73 mg/g which passed the criteria industrial product standard for
activated carbon No. TIS 900 – 2547 according to the notification of the Ministry
of Industry, Thailand, and the adsorption efficiency of methylene blue was up to
99.65%. While the comparison of the chemical and physical adsorption properties
against commercial activated carbon, the results found that the commercial
activated carbon has a high surface area of 950.02 m2/g, an iodine value of 743.77
mg/g, and the adsorption efficiency of methylene blue up to 100%. From the
results of this study, it can be seen that agricultural waste materials such as
rubberwood twigs can be used as a precursor material source for the synthesis of
activated carbon. The resulting activated carbon products, although they have
lower chemical and physical adsorption properties than commercial activated
carbon. However, from the iodine adsorption value that passed the TIS standard
and the high adsorption efficiency of methylene blue, it can be concluded that
the agricultural waste material which existed in the community and the locality
was regarded as a substrate with high potential to be used in the production of
activated carbon for various adsorbent applications.
Keywords: activated carbon, rubberwood twigs, surface area per mass ratio, iodine
adsorption value

78

การดัดแปรแบคทีเรียลเซลลโู ลสในการบาบดั นาเสียจาก
กระบวนการยอ้ มคราม

The Modification of Bacterial Cellulose in Treatment Wastewater
from Indigo Dyeing process

ชลธิดา คาพิลา, ทพิ ย์สุดา เคนสงคราม และ สุดกมล ลาโสภา*
Chonthida Khampila, Tipsuda Kensongkram and Sudkamon Lasopha*

สาขาวชิ าเคมี คณะวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี มหาวทิ ยาลัยราชภฏั สกลนคร
Program of Chemistry, Faculty of Science and Technology, Sakon Nakhon Rajabhat University
*Corresponding author: [email protected]

บทคัดย่อ: การวิจัยนี้เป็นการศึกษาการดัดแปรแบคทีเรียลเซลลูโลสในการบาบัดน้าเสียจาก
กระบวนการย้อมคราม การผลิตแบคทีเรียเซลลูโลส (BC) ใช้ Acetobacter xylinum โดยมีน้า
มะพร้าวท่ีเหลือท้ิงเป็นแหล่งอาหาร ภายใต้สภาวะคงที่ ผลผลิต BC เท่ากับ 62.21% กรัม ของ
น้าหนักเปียก/น้ามะพร้าว หลังจากหมัก 15 วัน การดัดแปรแบคทีเรียลเซลลูโลส พบว่าสภาวะท่ี
เหมาะสมคือ เทคนิคอัลตราโซนิค โดยใช้ไคโตซาน และพอลิเอทิลีนไกลคอล (Mw 1000) เป็นสาร
ดัดแปร ความเข้มข้นของสารดัดแปรบนแบคทีเรียลเซลลูโลสเท่ากับ 1.5% โดยน้าหนัก เวลาในการ
ดดั แปร 120 นาที และการออกซไิ ดซ์แบคทีเรยี เซลลูโลสดว้ ยโซเดยี มเมตาเปอรไ์ อโอเดต ทัง้ นสี้ ามารถ
ยืนยันลักษณะสัณฐานวิทยาของ BC และ BC ดัดแปรได้จาก กล้องจุลทรรศน์อิเล็กตรอนแบบส่อง
กราด สภาวะที่เหมาะสมในการดูดซับของเมทิลีนบลูอยู่ที่ 3.25 ppm อัตราส่วนของตัวดูดซับต่อ
เมทิลีนบลู 1.5% โดยน้าหนัก เวลา 24 ช่ัวโมง และความเป็นกรด-เบสในช่วง 6.5-7.5 และเม่ือนาผล
การทดลองไปประยุกต์ใช้กับน้าเสียจากกระบวนการย้อมคราม พบว่าความเป็นกรด-เบส4 ลดลง
8.75% และของแข็งทัง้ หมดลดลง 17.58%

คาสาคัญ: แบคทเี รียลเซลลโู ลส, แบคทีเรยี ลเซลลูโลสดัดแปร, นา้ เสียจากกระบวนการยอ้ มคราม
ABSTRACT: This research studied the modification of bacterial cellulose in treatment
wastewater from indigo dyeing process. The production of cellulose bacteria (BC) uses
Acetobacter xylinum, with waste coconut water as a food source. Under constant
conditions. The BC yield reached to 62.21% g-wet weight/coconut wastewater after 15
days of fermentation. To modified the bacterial cellulose, it was found that optimal
conditions were ultrasonic technique, using chitosan and polyethylene glycol (Mw
1000) as modifier, the concentration of the modifier in cellulose bacteria were 15% by

79

weight, BC modification time were 120 minutes and the oxidizing the bacteria cellulose
with the sodium metaperiodate. The morphology of BC and modified BC can be
confirmed by scanning electron microscopy (SEM). The optimum adsorption condition
of methyl blue was investigated a concentration was 3.25 ppm, the ratio of adsorbent
and methylene blue was 1.5% w/v at 24 hours, pH range of 6.5-7.5. And when these
experimental results were applied to wastewater from the indigo dyeing process, it
was found that the pH decreased 8.75% and the total solids decreased 17.58%.

Keywords: bacterial cellulose, Modified cellulose bacteria, Wastewater from
Indigo Dyeing process

80

การศึกษาสภาวะทีเ่ หมาะสมในการสกดั สารแอนโทไซยานินจากผลเม่า
ท่มี ผี ลตอ่ ฤทธิก์ ารตา้ นอนมุ ูลอสิ ระและฤทธิย์ บั ยังแบคทเี รยี

The Study of Optimal Condition for Anthocyanins Extraction from
Antidesma thwaitesianum Muell. Arg. that Affected
Antioxidant Activity and Antibacterial Activity

อมั พร น้อยธง, กชกร ผลเอี่ยม และ ทติ ิยา ศรภี กั ดี*
Amphon Noithong, Kodchakorn Phoneam and Thitiya Sripakdee*

สาขาวชิ าเคมี คณะวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี มหาวทิ ยาลยั ราชภัฏสกลนคร
Program of Chemistry, Faculty of Science and Technology, Sakon Nakhon Rajabhat University
*Corresponding author: [email protected]

บทคดั ยอ่ : งานวิจยั นีม้ วี ัตถุประสงคเ์ พื่อศึกษาวธิ ีการและสภาวะที่เหมาะสมในการสกัดสารแอนโทไซ-
ยานินจากเม่า 2 สายพันธ์ุได้แก่ สายพันธ์ุสร้างค้อ และสายพันธ์ุฟ้าประทาน โดยวิธีการสกัดแบบแช่
(maceration) และ การใช้คล่ืนอัลตร้าโซนิค (ultrasonic-assisted) ด้วยตัวทาละลาย 3 ชนิดได้แก่
น้ากลน่ั เอทานอล ความเขม้ ขน้ ร้อยละ 50 โดยปริมาตร และ เอทานอล ความเข้มข้นร้อยละ 95 โดย
ปริมาตร การหาปริมาณแอนโทไซยานิน และฤทธิ์การต้านอนุมูลอิสระด้วยวิธีพีเอชดิฟเฟอเรนเชียล
และวิธี 2,2'-azino-bis (3-ethylbenzothiazoline-6-sulphonic acid) (ABTS) ตามลาดับ การ
ทดสอบฤทธกิ์ ารยับยง้ั แบคทเี รยี ดว้ ยวธิ ี disc diffusion จากผลการศกึ ษาพบวา่ การสกดั โดยวิธีการใช้
คล่ืนอัลตร้าโซนิค ด้วยตัวทาละลายเอทานอลความเข้มข้นร้อยละ 50 โดยปริมาตร ที่อุณหภูมิ 30
องศาเซลเซียส เปน็ เวลา 60 นาที ให้ปริมาณแอนโทไซยานนิ (15.82) มิลลกิ รัมไซยานดิ ิน-3-กลโู คไซด์
ต่อลิตร) และสารต้านอนุมูลอิสระ (4.73 มิลลิกรัมโทรลอกซ์ต่อสารสกัดหยาบ 1 กรัม) สูงสุดในสาร
สกัดหยาบสายพันธ์สุ ร้างค้อ ซึ่งสารสกัดหยาบสายพันธส์ุ ร้างค้อท่ีสกัดดว้ ยเอทานอลความเข้มข้น ร้อย
ละ 50 โดยปริมาตร สามารถยับย้ังแบคทีเรีย Escherichia coli และ Staphylococcus aureus ได้
ดีที่สดุ โดยมเี สน้ ผา่ นศนู ยก์ ลางของบริเวณยับยง้ั เฉล่ยี เท่ากบั 0.9 และ 0.8 เซนตเิ มตร
คาสาคญั : เม่า, แอนโทไซยานิน, สารตา้ นอนมุ ลู อิสระ, สารต้านแบคทีเรยี

ABSTRACT: The objective of this study was to compare extraction method conditions
of anthocyanin from three kinds of Antidesma thwaitesianum Müll. Arg. including Sang
Kho and varieties were extracted by using maceration extraction and ultrasonic-assisted
extraction methods. The solvent extraction used three kinds consisting distillation

81

water, 50%(v/v) ethanol and 95%(v/v) ethanol. Anthocyanin content and antioxidant
activities of the extracts were investigated by pH differential and 2,2'-azino-bis
(3-ethylbenzothiazoline-6-sulphonic acid) (ABTS) method, respectively. Antibacterial
activities were determined by disc diffusion method. The results showed that the
extraction of samples by ultrasonic-assisted extraction methods with 50% (v/v) ethanol
at 30 ºC for 60 minutes gave the highest Anthocyanin contents (15.819 mg cyanidin-3-
glucoside/L) and antioxidant activities (4.731 mg Trolox/g crude extract) from Sang Kho
crude extract. The 50%(v/v) ethanol crude extract from the fruit of Sang Kho exhibited
the highest activity against Escherichia coli and Staphylococcus aureus, with the
inhibition zone of 0.9 and 0.8 cm, respectively.
Keywords: Antidesma thwaitesianum, Anthocyanin, Antioxidant, Antibacterial

82

แอปพลเิ คชนั จาลองการจัดวางเฟอรน์ ิเจอร์ กรณีศึกษา ร้านโฮมพลัส
เฟอรน์ เิ จอรม์ อลลส์ กลนครด้วยเทคโนโลยคี วามเป็นจรงิ เสริม

Furniture Simulation Application, Case Study of Home Plus
Furniture Mall Sakon Nakhon with Augmented Reality

อัครเดช คนยนื และ สุรสิทธ์ิ อุ้ยปัดฌาวงศ์*
Akkaradet Konyeun and Surasit Uypatchawong*

สาขาวิชาคอมพิวเตอร์ คณะวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั สกลนคร
Program of Computer, Faculty of Science and Technology, Sakon Nakhon Rajabhat University
*Corresponding author: [email protected]

บทคดั ยอ่ : โครงงานคร้ังน้มี วี ัตถปุ ระสงค์คอื 1) เพื่อพฒั นาแอปพลเิ คชัน จาลองการจดั วางเฟอร์นิเจอร์
กรณีศึกษา ร้านโฮมพลัส เฟอร์นิเจอร์ มอลล์ สกลนคร เทคโนโลยีความเป็นจริงเสริม 2) เพื่อประเมิน
ประสิทธภิ าพการใช้งานแอปพลเิ คชนั 3) เพื่อประเมินความพงึ พอใจในการใช้แอปพลเิ คชนั โครงงานนี้
เป็นแอปพลิเคชันบนมือถือ ด้วยเทคโนโลยีความเป็นจริงเสริม โดยโครงงานมีแนวคิดในการ
ประยุกต์ใช้เทคโนโลยคี วามเปน็ จรงิ เสริม มาใช้ประโยชน์ในด้านการสร้างมาร์คเกอร์ (Marker) จาลอง
เฟอร์นิเจอร์ต่าง ๆ ในร้านโฮมพลัส เฟอร์นิเจอร์ มอลล์ สกลนคร ด้วยโมเดล 3 มิติ และเทคโนโลยี
ความเป็นจริงเสริมระบบ Ground Plane ทางานด้วยแอปพลิเคชัน จาลองการจัดวางเฟอร์นิเจอร์
กรณีศึกษา ร้านโฮมพลัส เฟอร์นิเจอร์ มอลล์ สกลนคร เทคโนโลยีความเป็นจริงเสริม ท้ังหมด 10
โมเดล จัดทาโมเดลด้วยโปรแกรม Maya 2020 ต่อมาทาการนาโมเดลที่ป้ันเข้าไปในโปรแกรม Unity
โดยใช้ฟังก์ชัน AR Camera ในการจัดวางตาแหน่งโมเดลให้ตรงสัดส่วนปรับมุมกล้องและ Build
Project ออกมาเป็น Application .Apk สาหรับระบบปบัติการ Android เพ่ือสแกนใช้งานดู โมเดล
3 มิติ เฟอร์นิเจอร์ทั้ง 10 ชิ้น ด้วยมาร์คเกอร์และจัดวางเพอร์นิเจอร์ทั้ง 10 ช้ินในบ้านด้วยเทคโนโลยี
ความเป็นจริงเสริมระบบ Ground Plane ผลการนาเดินการได้แอปพลิเคชันจาลองการจัดวาง
เฟอร์นิเจอร์ กรณีศึกษา ร้านโฮมพลัส เฟอร์นิเจอร์ มอลล์ สกลนคร เทคโนโลยีความเป็นจริงเสริม
ทั้งหมด 10 ช้ิน ได้ให้ผู้เชี่ยวชาญ จานวน 5 คน ประเมินประสิทธิภาพ มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.63 อยู่ใน
ระดับ ดีมาก และประเมินความพึงพอใจในการใช้แอปพลิเคชัน โดยผู้ใช้จานวน 30 คน มีค่าเฉล่ีย
โดยรวมมคี า่ เทา่ กับ 4.57 อยูใ่ นระดับ ดมี าก
คาสาคญั : เทคโนโลยีความเป็นจริงเสรมิ , แอปพลิเคชัน, เฟอรน์ ิเจอร์

83

การพฒั นาแอปพลิเคชนั “ทาดี ธรรมดี” บนระบบปฏบิ ัตกิ ารแอนดรอยด์
Development Mobile Application “Thum Dee Thum Dee”

for Android Operating System

ชัชชยั สรุ ิยนต์ และ สรุ สิทธ์ิ อุ้ยปดั ฌาวงศ์*
Chatchai Suriyon and Surasit Uypatchawong*

สาขาวชิ าคอมพิวเตอร์ คณะวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี มหาวิทยาลยั ราชภัฏสกลนคร
Program of Computer, Faculty of Science and Technology, Sakon Nakhon Rajabhat University
*Corresponding author: [email protected]

บทคัดย่อ: การจัดทาโครงงานเรื่องการพัฒนาแอปพลิเคชัน “ทาดี ธรรมดี” บนระบบปฏิบัติการแอน
ดรอยด์ มีวัตถุประสงค์ คือ 1) เพื่อพัฒนาแอปพลิเคชัน “ทาดี ธรรมดี” บนระบบปฏิบัติการแอน
ดรอยด์ 2) เพ่ือประเมินประสิทธิภาพของแอปพลิเคชัน “ทาดี ธรรมดี” บนระบบปฏิบัติการแอน
ดรอยด์ และ 3) เพือ่ ประเมินความพึงพอใจต่อแอปพลเิ คชัน “ทาดี ธรรมดี” บนระบบปฏบิ ตั ิการแอน
ดรอยด์ โดยเร่ิมศึกษาค้นคว้า รวบรวมข้อมูลเก่ียวกับการพัฒนาโปรแกรมประยุกต์สาหรับอุปกรณ์
เคลื่อนที่ เพื่อช่วยอานวยความสะดวกกับผู้ใช้งาน ใช้เทคโนโลยีการพัฒนาแอปพลิเคชันแบบครอส
แพลตฟอร์ม (Cross platform) โดยใช้ภาษา Dart ร่วมกับระบบฐานข้อมูล Firebase และใช้
เครือ่ งมอื ในการพฒั นาแอปพลิเคชัน คอื Visual Studio เคร่อื งมอื ที่ใช้ในการรวบรวมข้อมลู คือ แบบ
ประเมินประสทิ ธภิ าพและแบบประเมินความพึงพอใจแบบมาตราสว่ น ประมาณค่า 5 ระดบั สถิตทิ ี่ใช้
ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าเฉล่ีย และส่วนเบ่ียงเบนมาตรฐาน ในการประเมินประสิทธิภาพ ใช้
ผู้เชี่ยวชาญ จานวน 5 คน ประกอบด้วย ผู้เช่ียวชาญด้านโมบายแอปพลิเคชัน จานวน 4 คน และ
ผู้เช่ียวชาญด้านกราฟิก จานวน 1 คน และการประเมินความพึงพอใจใช้กลุ่มตัวอย่าง คือ นักศึกษา
มหาวิทยาลัยราชภัฏสกลนคร จานวน 30 คน ผลการวิจัยพบว่า แอปพลิเคชนั “ทาดี ธรรมดี”
บนระบบปฏิบัตกิ ารแอนดรอยด์ สามารถรับชมรปู ภาพคาคมธรรมะ วดิ โี อธรรมะ และบนั ทึกความดีได้
ผลการหาประสิทธิภาพจากผู้เช่ียวชาญ 5 ท่าน พบว่ามีค่าเฉล่ียโดยรวมอยู่ในระดับมากที่สุด ค่าเฉล่ีย
เท่ากับ 4.62 และผลประเมินความพึงพอใจจากกลุ่มตัวอย่าง โดยรวมอยู่ในระดับมาก มีค่าเฉล่ีย
เทา่ กบั 4.37
คาสาคัญ: การพฒั นาแอปพลิเคชนั , ทาดี ธรรมดี, ระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์

84

สื่อการเรยี นรเู้ รอื พายดว้ ยเทคโนโลยีความเป็นจรงิ เสริม
Instructional Media of Boat Racing by Augmented

Reality Technology

นติ วิ ัฒน์ ไชยายงค์ และ สรุ สิทธิ์ อุย้ ปดั ฌาวงศ์*
Nuntima Veerapang and Surasit Uypatchawong*

สาขาวชิ าคอมพวิ เตอร์ คณะวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวทิ ยาลยั ราชภัฏสกลนคร
Program of Computer, Faculty of Science and Technology, Sakon Nakhon Rajabhat University
*Corresponding author: [email protected]

บทคัดย่อ: การวจิ ยั ครงั้ น้มี วี ัตถุประสงค์เพ่ือ 1) พฒั นาสื่อการเรียนรู้เรือพาย ด้วยเทคโนโลยคี วามเป็น
จริงเสริม 2) ประเมินประสิทธิภาพสื่อการเรียนรู้เรือพาย ด้วยเทคโนโลยีความเป็นจริงเสริม และ 3)
ประเมินความพึงพอใจต่อการใช้งานสื่อการเรียนรู้เรือพาย ด้วยเทคโนโลยีความเป็นจริงเสริม โดย
ผู้วิจัยจึงมีแนวคิดในการประยุกต์ใชเ้ ทคโนโลยีความเป็นจริงเสริมมาใชป้ ระโยชน์ในด้านสื่อการเรียนรู้
เพื่อเป็นมาร์คเกอร์และ จาลองเรือยาวต่าง ๆ ด้วยโมเดลสามมิติ และทางานด้วยแอพพลิเคชัน
Rowing Boat โดยปั้นโมเดลเรือพายท้ังหมด 7 ลา ด้วยโปรแกรม MAYA 2020 ต่อมาทาการนา
โมเดลท่ีปั้นเข้าไปในโปรแกรม Unity 2020 โดยใชฟ้ ังกช์ ัน AR Camera ในการจัดวางตาแหน่งโมเดล
ให้ตรงสัดส่วนปรับมุมกล้องและ Build Project ออกมาเป็น Application .Apk สาหรับ
ระบบปฏิบัติการ Android เพื่อสแกนใช้งานดู โมเดลเรือพาย 3 มิติ บน Smartphone ผลการวิจัย
พบว่า ส่ือการเรียนรู้เรือพายด้วยเทคโนโลยีความเป็นจรงิ เสรมิ ท่ีสามารถส่องโมเดลเรือพายได้จานวน
7 ลา สามารถใช้งานอยู่ในระดับดี ผลการประเมินประสิทธิภาพของระบบอยู่ที่ 4.36 อยู่ในระดับดี
และผลการประเมินความพึงพอใจของผูใ้ ช้ระบบอยูท่ ี่ 4.07 อยใู่ นระดับดี
คาสาคัญ: เทคโนโลยคี วามเป็นจริงเสรมิ , เรือพาย 3 มติ ิ

85

การพัฒนาแผนผังพระธาตุดมุ ตามร่องรอยในอดีตด้วยเทคโนโลยี
ความจรงิ เสรมิ

The History of Phra That Dum by Augmented Reality
Technology

จักรกฤษ วงค์ตาหลา้ และ สุรสิทธ์ิ อุ้ยปดั ฌาวงศ์*
Jakkrit Wongtala and Surasit Uypatchawong*

สาขาวิชาคอมพิวเตอร์ คณะวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั สกลนคร
Program of Computer, Faculty of Science and Technology, Sakon Nakhon Rajabhat University
*Corresponding author: [email protected]

บทคัดย่อ: การวิจัยครั้งน้ีมีวัตถุประสงค์ 1) เพ่ือพัฒนาเทคโนโลยีความจริงเสริมให้มีความก้าวหน้า
มากข้ึนในปัจจุบัน 2) เพ่ือประเมินประสิทธิภาพการพัฒนาแผนผังพระธาตุดุมตามร่องรอยในอดีต
ด้วยเทคโนโลยีความจริงเสริมและ 3) เพ่ือศึกษาความพึงพอใจในการพัฒนาแผนผังพระธาตุดุมตาม
ร่องรอยในอดีต ด้วยเทคโนโลยีความจริงเสริม โดยผู้วิจัยจึงมีแนวคิดในการประยุกต์ใช้เทคโนโลยี
เสมือนจริงมาใช้ประโยชน์ในการทาบอร์ดแผนผังจาลอง เพ่ือเป็นมาร์คเกอร์ จาลองแผนผังและวัตถุ
ต่างๆ ด้วยโมเดลสามมิติ และทางานด้วยแอปพลิเคชัน PraThatDumTD โดยป้ันโมเดลแผนผังและ
วัตถุท้ังหมด 6 โมเดล ด้วยโปรแกรม Sketchup และ Blender ต่อมาทาการนาโมเดลที่ปั้นเข้าไป
จัดทาในโปรแกรม Unity 2019 โดยใช้ฟังก์ชัน AR Camera ในการจัดวางตาแหน่งโมเดลให้ตรง
สัดส่วนปรับมุมกล้องและ Build Project ออกมาเป็น Application .Apk สาหรับระบบปบัติการ
Android เพื่อสแกนใช้งานดูโมเดลแผนผังและวัตถุในรูปแบบ 3 มิติ บน Smartphone ผลการวิจัย
พบว่า แอปพลิเคชนั การพัฒนาแผนผังพระธาตดุ ุมตามร่องรอยในอดีต ด้วยเทคโนโลยคี วามจริงเสริมท่ี
สามารถส่องโมเดลแผนผังและวัตถุได้จานวน 6 โมเดล สามารถใช้งานอยู่ในระดับดี ผลการประเมิน
ประสิทธิภาพของระบบอยู่ท่ี 4.31 อยู่ในระดบั ดี และผลการประเมินความพึงพอใจของผใู้ ช้ระบบอยู่ท่ี
4.20 อยู่ในระดบั ดี
คาสาคัญ: เทคโนโลยคี วามจรงิ เสรมิ , แผนผงั พระธาตุดมุ , ร่องรอยในอดีต

86

การพัฒนาระบบพยากรณ์โรคทรวงอกจากภาพถ่าย
โดยใช้เทคนคิ Deep Learning

The Development of Chest X-ray Image Prognosis
System Using Deep Learning Techniques

จาตุรนต์ ทพิ สงิ ห์ และ กรรณกิ าร์ กมลรัตน์*
Jaturon Thippasing and Kannikar Kamolrat *

สาขาวชิ าคอมพวิ เตอร์ คณะวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวทิ ยาลยั ราชภัฏสกลนคร
Program of Computer, Faculty of Science and Technology, Sakon Nakhon Rajabhat University
*Corresponding author: [email protected]

บทคัดย่อ: การพัฒนาระบบพยากรณ์โรคทรวงอกจากภาพถ่ายโดยเทคนิค Deep Learning มี
วัตถุประสงค์ คือ 1) เพ่ือพัฒนาระบบพยากรณ์โรคทรวงอกจากภาพถ่าย โดยใช้เทคนิค Deep
Learning และ 2) เพื่อหาประสิทธิภาพของระบบพยากรณ์โรคทรวงอกจากภาพถ่าย โดยใช้เทคนิค
Deep Learning โดยใช้ภาษา Python ร่วมกับระบบฐานข้อมูล MySQL ซึ่งเคร่ืองมือในการพัฒนา
เว็บแอปพลิเคชัน คือ Notepad++ สาหรับฟังก์ชันไลบรารี และ Framework ที่ใช้ในการพัฒนา
ระบบ คือ Tensorflow, Keras, Opencv และ YOLO โดยใช้รูปภาพ Chest X-ray และรูปภาพท่ี
ไม่ใช่ภาพ Chest X-ray จานวนทั้งหมด 800 รูปภาพ ซึ่งแบ่งรูปภาพออกเป็นสองส่วน โดยรูปภาพ
ส่วนแรกใช้สาหรับกลุ่ม Image Classification มีท้ังหมด 5 คลาส ได้แก่ Hydropneumothorax,
Nodules, Normal, Scoliosis และ Unknown จานวนคลาสละ 100 รปู ภาพ รวมเป็น 500 รปู ภาพ
โดยแบ่งใช้สาหรับการ Train 400 รูปภาพ คิดเป็น 80% และ Test 100 รูปภาพ คิดเป็น 20%
รูปภาพส่วนที่สองใช้สาหรับกลุ่ม Object Detection มีท้ังหมด 3 คลาส ได้แก่ Cardiomegaly,
Mass และ Pneumoperitoneum รวมเป็น 300 รูปภาพ แบง่ ใช้สาหรบั การ Train 240 รูปภาพ คดิ
เป็น 80% และ Test 60 รูปภาพ คิดเป็น 20% ผลการศึกษาพบว่า 1) ระบบพยากรณ์โรคทรวงอก
จากภาพถา่ ย โดยใชเ้ ทคนคิ Deep Learning สามารถพยากรณ์โรคทรวงอกโดยวเิ คราะหก์ ลุ่ม Image
Classification และกลุ่ม Object Detection นอกจากนั้นยังสามารถบันทึกผลการหาประสิทธิภาพ
ของระบบลงฐานข้อมูลได้ 2) ประสิทธิภาพของระบบพยากรณ์โรคทรวงอกจากภาพถ่าย โดยใช้
เทคนิค Deep Learning ส่วนของกลุ่ม Image Classification ผลลัพธ์ที่ได้ คือ พยากรณ์โรคถูกต้อง
คดิ เปน็ 98% และพยากรณ์โรคผดิ 2% สาหรบั การอธิบายรูปภาพแต่ละคลาสไดช้ ัดเจน 94% อธิบาย
รูปภาพแต่ละคลาสได้ไม่ชัดเจน 6% และค่าเฉลี่ยความน่าจะเป็นของภาพที่ใช้ทดสอบท้ังหมด

87

96.95% สว่ นที่สองคอื ส่วนของกลุ่ม Object Detection ผลลัพธท์ ่ไี ด้ คือ ตรวจจับโรคถกู ต้อง 86.3%
การตรวจจับโรคไม่เจอ 13.6% และค่าเฉลี่ยความน่าจะเป็นของภาพท่ใี ช้ทดสอบท้ังหมด 90.2%
คาสาคัญ: การเรียนรู้เชิงลึก (Deep Learning), โรคทรวงอก (Chest Disease), การคัดแยกรูปภาพ
(Image Classification), การตรวจจับวัตถุ (Object Detection)

88

การพฒั นาแผนผงั พระธาตุภูเพก็ ตามร่องรอยในอดตี
ด้วยเทคโนโลยคี วามจริงเสรมิ

The Development of Phra That Phu Pek Diagram
according to of the Past with Augmented reality

Technology

ถิรพงษ์ คาปิตะ และ นภิ าพร ชนะมาร*
Thirapong Khampita and Nipaporn Chanamarn*

สาขาวชิ าคอมพิวเตอร์ คณะวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั สกลนคร
Program of Computer, Faculty of Science and Technology, Sakon Nakhon Rajabhat University
*Corresponding author: [email protected]

บทคัดย่อ: การวิจัยคร้ังน้ีมีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อพัฒนาเทคโนโลยีความจริงเสริมให้มีความก้าวหน้า
มากขนึ้ ในปัจจบุ นั 2) เพอ่ื ประเมินประสิทธภิ าพการพัฒนาแผนผังพระธาตุภูเพ็ก ดว้ ยเทคโนโลยีความ
จริงเสริม 3) เพื่อศึกษาความพึงพอใจในการพัฒนาแผนผังพระธาตุภูเพ็ก ด้วยเทคโนโลยีความจริง
เสริม โดยผู้วิจัยจึงมีแนวคิดในการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีเสมือนจริงมาใช้ประโยชน์ในด้านการพัฒนา
แผนผังพระธาตุภเู พก็ ตามร่องรอยในอดีต ดว้ ยเทคโนโลยคี วามจริงเสริมดว้ ยโมเดลสามมติ ิ และทางาน
ด้วยแอพพลิเคชั่น AR โดยป้ันโมเดลท้ังหมด 9 โมเดล ด้วยโปรแกรม MAYA 2018 และโปรแกรม
SketchUp Pro 2018 ตอ่ มาทาการนาโมเดลท่ปี ้ันเข้าไปในโปรแกรม Unity 2018 โดยใช้ฟังกช์ ัน AR
Camera ในการจัดวางตาแหน่งโมเดลให้ตรงสัดส่วนปรับมุมกล้องและ Build Project ออกมาเป็น
Application .Apk สาหรับระบบปบัติการ Android เพื่อสแกนใช้งานดูแผนท่ี โมเดลแผนผังพระธาตุ
ภเู พก็ 3 มติ ิ บน Smartphone ผลการวจิ ัยพบวา่ แอปพลิเคชันการพัฒนาแผนผังพระธาตภุ ูเพ็ก ด้วย
เทคโนโลยีความจริงเสริม ท่ีสามารถส่องโมเดลแผนผังพระธาตุภูเพ็กได้จานวน 6 โมเดล ได้แก่ 1)
ปราสาทภูเพ็ก 2) หลวงพ่อศิลาภูเพ็ก 3) หลวงปู่ภูเพ็ก 4) สุริยะปฎิทิน 5) แท่งศิวลึงค์ 6) รูปปั้นทาง
ข้ึนพระธาตุภูเพ็ก ผลการประเมินประสิทธิภาพของระบบ อยู่ท่ี 4.72 อยู่ในระดับดีมาก และผลการ
ประเมินความพึงพอใจของผู้ใชร้ ะบบอยทู่ ่ี 4.63 อย่ใู นระดบั ดีมาก
คาสาคญั : เทคโนโลยีเสมอื นจริง, Augmented Reality, แผนผังพระธาตุภูเพ็ก

89

การพัฒนาสอ่ื การเรยี นร้ฟู อสซลิ ดึกดาบรรพ์ในกล่มุ จงั หวัดสนุก
ดว้ ยเทคโนโลยีความจริงเสรมิ

Development of Learning Materials for Ancient Fossils in
SANOOK Groups Province with Augmented Reality Technology

นนั ทิกา ธนะคาดี และ นภิ าพร ชนะมาร*
Nantika Tanakamdee and Nipaporn Chanamarn*

สาขาวิชาคอมพวิ เตอร์ คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวทิ ยาลัยราชภฏั สกลนคร
Program of Computer, Faculty of Science and Technology, Sakon Nakhon Rajabhat University
*Corresponding author: [email protected]

บทคัดย่อ: การจัดทาโครงงานคอมพิวเตอร์ AR (Augmented Reality) ในหัวข้อการพัฒนาสื่อการ
เรียนรู้ฟอสซิลดึกดาบรรพ์ในกลุ่มจังหวัดสนุกด้วยเทคโนโลยีความจริงเสริม จัดทาขึ้นเพื่อนาเสนอ
ฟอสซิลดึกดาบรรพ์ จัดทาข้ึนเพื่อนาเสนอฟอสซิลดึกดาบรรพ์กลุ่มจังหวัดสนุก ในรูปแบบความจริง
เสริมจานวน 15 ชิ้นโดยแสดงเน้ือหาด้านภาพ 3 มิติด้วยความจริงเสริม ชื่อ ข้อมูล เสียงพากย์ข้อมูล
ฟอสซิลดึกดาบรรพ์ โดยออกแบบให้สื่อการเรียนรู้ใช้งานง่าย ในการพัฒนาสื่อการเรียนรู้น้ีจะใช้
โปรแกรม MAYA 2019 ในการสร้างโมเดล 3 มิติ ใช้โปรแกรม Unity ในการทา AR (Augmented
Reality) และแอปพลิเคชันข้ันตอนในการใช้งานสื่อการเรียนรู้ฟอสซิลดึกดาบรรพ์ เม่ือเข้าใช้งานจะ
แสดงหน้าจอหน้าเริ่มต้น จะมีเมนูหลักให้เลือก 3 เมนู ได้แก่ 1) START/เร่ิม (หน้าส่องMARKER) 2)
คู่มือการใช้งาน 3) ประวัติผู้จัดทา 4) อ้างอิง 5) ออกจากแอปพลิเคชัน ให้ผู้ใช้งานเลือกดูและใช้งาน
ในส่ือการเรียนร้ฟู อสซิลดึกดาบรรพ์จะประกอบด้วยโมเดล 3 มิติ ฟอสซิลดึกดาบรรพ์ 15 ช้ิน ช่ือและ
ข้อมูลเบื้องต้นของฟอสซิลดึกดาบรรพ์ ในส่วนของประวัติผู้จัดทาก็จะมีประวัติของตัวผู้จัดทา และ
คู่มือการใช้งานก็จะมีการแนะนาการใช้งานส่ือการเรียนรู้ หน้าอ้างอิงจะแสดงถึงงานวิจัยท่ีเกี่ยวข้อง
กบั วิจยั น้ี ผลการวจิ ยั พบว่า สอ่ื การเรียนรู้ฟอสซิลดึกดาบรรพใ์ นกลุ่มจังหวัดสนุก ด้วยเทคโนโลยคี วาม
จริงเสริม ท่สี ามารถส่องโมเดลฟอสซิลดึกดาบรรพ์ได้จานวน 15 โมเดล ไดแ้ ก่ 1) ไดโนเสาร์สยามโมไท
รันนัส อิสานเอนซสิ 2) ไดโนเสารส์ ยามโมซอรัส สธุ ีธรนิ 3) ไดโนเสาร์ภเู วยี งโกซอรสั สิรินธรเน 4) เทอ
โรพอต 5) ไดโนเสารอ์ ิกัวโนดอน 6) ไดโนเสารอ์ อรน์ โิ ธมโิ มซอร์ 7) จระเขด้ กึ ดาบรรพ์ 8) ซากกระดอง
เต่านา้ จดื โบราณ 9) ซากฟอสซิลปลาปอด ฟอร์กาโนเซอราโตดัส แอนเคมเป 10) ไดโนเสาร์ ภเู วยี งโก
ซอรัส สิรินธรเน 11) ไดโนเสาร์ อีสานโนซอรัส อรรถวิภัชน์ชิ 12) จระเข้ ชูโนสุคัส ไทยแลนดิคัส 13)
ซากปลา เลปิโดเทส พุทธบุตรเอนซิส 14) เต่า อีสานนีมิส ศรีสุขกิ 15) ฉลามน้าจืด อะโครดัส
กาฬสินธ์ุเอนซิล ผลการประเมินประสิทธิภาพ จากผู้เชี่ยวชาญ อยู่ที่(ค่าเฉล่ีย = 3.42, S.D = 0.66)

90

อยู่ในระดับปานกลาง และผลการประเมินความพึงพอใจของผใู้ ช้อยู่ที่ (ค่าเฉลี่ย = 4.33, S.D = 0.28)
อย่ใู นระดับมาก
คาสาคัญ: เทคโนโลยเี สมอื นจริง, Augmented Reality, โมเดลฟอสซิลดึกดาบรรพ์


Click to View FlipBook Version