The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

แผนการสอนงานเขียนแบบ

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by SUPITCHAYA KANTANA, 2021-03-23 10:39:06

แผนการสอนงานเขียนแบบ

แผนการสอนงานเขียนแบบ

ภาพเปอร์สเปคทีฟ (Perspective) เป็นภาพทเี่ ป็นจริงตามทม่ี องเห็น คือ ชิ้นงานหรือวตั ถุยิ่งอยไู่ กล
ภาพทมี่ องเห็นจะเลก็ ลงไปเรือ่ ย ๆ ดังนั้นภาพทัศนียภาพจะมีความลึกเล็กน้อย แบง่ ออกเป็น 2 ชนดิ คอื

2.3.1 แบบจุดรวมสายตาจดุ เดยี ว (Vanishing Point) มแี นวเสน้ ระดบั ด้านหนา้ ขนานกบั
เส้นระดบั ตา (Horizon Line หรอื Eye Level) ส่วนดา้ นลกึ จะไปรวมกันที่จุดรวมสายตา (VP) ซง่ึ ตง้ั อยูบ่ น
เสน้ ระดับตา (HL) เพยี งจุดเดยี ว

รปู แสดงภาพเปอรส์ เปคทีฟแบบจุดรวมสายตาจดุ เดียว
2.3.2 แบบจดุ รวมสายตา 2 จดุ (Two Point Perspective) มีเส้นแนวระดับท้ังด้านหน้าและ
ด้านขา้ งไปรวมตรงจุดรวมสายตา (VP. 1และ VP. 2) ซงึ่ อยู่ด้านซ้ายและขวา

รปู แสดงภาพเปอร์สเปคทีฟแบบจุดรวมสายตา 2 จุด
2.3.3 แบบรวมจุดสายตา 3 จุด (Three Point Perspective) คอื ภาพทัศนียภาพท่ีคล้ายกับ
แบบจดุ รวมสายตา 2 จดุ แตเ่ พม่ิ การมองจุดรวมสายตาจากจดุ ที่ 3 (VP. 3) ตรงตามแนวดิ่ง จุดรวมสายตาท่ี 3
(VP. 3) ดูภาพไดเ้ ม่ืออยู่ท้งั ดา้ นบนและดา้ นล่างของเสน้ ระดบั ตา (HL)

รปู แสดงภาพเปอร์สเปคทีฟแบบจุดรวมสายตา 3 จดุ

 ใบงานท่ี 3.3
คาสั่ง: ใหเ้ ขียนแบบภาพเปอรส์ เปคทฟี แบบจุดรวมสายตา 3 จดุ จากรปู ด้านตอ่ ไปน้ี

เครอื่ งมอื และอปุ กรณ์
1.โตะ๊ เขยี นแบบ ขนาด 60 × 80 ซ.ม.
2.ไม้ที ขนาด 60 ซ.ม.
3.ฉากสามเหลยี่ ม
4.ดนิ สอเขยี นแบบ
5.ยางลบ
6.เทปกาว
7.ผา้ เช็ดมอื

เทคนคิ การทางานและขอ้ ควรระวัง
1. การใชไ้ ม้ทีจะตอ้ งสมั พันธก์ ับโต๊ะเขียนแบบ และฉากสามเหลย่ี ม
2. การรักษาความสะอาดบนกระดาษเขยี นแบบ

การประเมนิ ชิ้นงาน / ภาระงาน
แบบประเมินงานเขยี น

ประเด็น 4 (ดมี าก) ระดับคะแนน / คาอธิบายระดบั คุณภาพ น้าหนกั คะแนน
การประเมิน ความ รวม
1. เน้อื หา เขียนถกู ตอ้ ง 3 (ด)ี 2 (พอใช)้ 1 (ควรปรับปรงุ ) สาคญั
ครอบคลุมเนือ้ หา 4
2. การเขียน อย่างสมบูรณ์ เขยี นถูกตอ้ ง เขียนผิดบา้ ง และไม่ เขยี นผดิ มาก และ 2
แบบภาพ ครอบคลุมเน้ือหา ครอบคลุมเนือ้ หา ใหข้ ้อมลู นอ้ ย
เปอรส์ เปค เป็นสว่ นใหญ่
ทีฟ
เขยี นแบบภาพ เขียนแบบภาพเปอร์ เขยี นแบบภาพเปอร์ เขียนแบบภาพเปอร์ 2 4
เปอร์สเปคทฟี ได้
อยา่ งถูกตอ้ งและ สเปคทีฟได้ สเปคทีฟมีขอ้ ผดิ สเปคทีฟมีขอ้ ผิด
เหมาะสม
เหมาะสม บ้าง มาก

3. องคป์ ระกอบ องคป์ ระกอบของ องค์ประกอบของ องคป์ ระกอบของ องค์ประกอบของ 1 2
ของงานเขียน งานเขยี นแบบ งานเขยี นแบบ งานเขียนแบบ งานเขียนแบบ 5 10
แสดงให้เห็นความ มคี วามสัมพันธ์ น่าสนใจ ขาด ไม่น่าสนใจ
ริเริม่ สร้างสรรค์ ตอ่ เน่ืองน่าสนใจ ความสมั พันธ์
มีความสัมพนั ธ์ ต่อเนือ่ ง
ต่อเนอ่ื งน่าสนใจ

รวม

เกณฑ์การประเมิน: นักเรียนตอ้ งไดค้ ะแนนรวมไมน่ ้อยกว่า 60% หรือ 6 คะแนน จงึ จะผ่านเกณฑ์
วิธีคิดคะแนน: ค่าน้าหนักความสาคญั × ระดับคะแนนทน่ี กั เรยี นได้ = คะแนนรวม

แบบบันทกึ การประเมนิ งานเขยี น

ประเด็น / เนือ้ หา คาศพั ท์ สานวน องค์ประกอบ คะแนน
และโครงสร้างภาษา ของงานเขยี น รวม
ลาดบั คะแนน
ที่ 2 4 2 10
ช่ือ - สกลุ

ลงชอื่ ...................................... ผูป้ ระเมิน
(..............................................)

แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี 10

กลมุ่ สาระการเรยี นรู้การงานอาชีพ ชน้ั มัธยมศกึ ษาปที ่ี 5

รายวชิ างานเขยี นแบบ รหสั วิชา ง 30212

หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 3 เรื่อง การเขยี นภาพ 3 มิติ จานวน 16 ชัว่ โมง

แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี 10 เร่อื ง การเขียนภาพฉาย เวลา 4 ชั่วโมง

________________________________________________________________________________

1. มาตรฐานการเรยี นรู้
สาระท่ี 2: การออกแบบและเทคโนโลยี
มาตรฐาน ง 2.1 เขา้ ใจเทคโนโลยีและกระบวนการเทคโนโลยี ออกแบบและสรา้ งสงิ่ ของเครื่องใช้หรือ
วิธกี าร ตามกระบวนการเทคโนโลยีอยา่ งมีความคิดสร้างสรรค์ เลอื กใช้เทคโนโลยีในทาง
สร้างสรรคต์ อ่ ชวี ิต สังคมสิง่ แวดลอ้ ม และมสี ว่ นร่วม ในการจัดการเทคโนโลยที ย่ี ่งั ยืน

สาระท่ี 3: เทคโนโลยสี ารสนเทศและการสือ่ สาร
มาตรฐาน ง 3.1 เข้าใจ เหน็ คุณคา่ และใชก้ ระบวนการเทคโนโลยีสารสนเทศในการสบื ค้นขอ้ มูล การ

เรียนรู้ การสื่อสาร การแก้ปัญหา การทางาน และอาชพี อย่างมปี ระสทิ ธิภาพ
ประสิทธิผล และมีคุณธรรม

สาระท่ี 4: การอาชพี
มาตรฐาน ง 4.1 เข้าใจทักษะท่ีจาเป็น มปี ระสบการณ์ เหน็ แนวทางในงานอาชีพ ใชเ้ ทคโนโลยีเพ่อื พัฒนา

อาชีพ มคี ุณธรรม และมเี จตคติที่ดตี ่ออาชพี
2. ผลการเรยี นรู้
ผลการเรียนรู้ท่ี 3 : อธิบายการเขียนแบบภาพ 3 มติ ิได้
ผลการเรยี นรู้ท่ี 5 : อธิบายการเขยี นแบบภาพ 3 มิตไิ ด้
ผลการเรียนรู้ท่ี 6 : มคี วามขยนั อดทนและรับผิดชอบในการทางาน
ผลการเรียนรู้ท่ี 7 : มสี ว่ นรว่ ม ในการอนรุ ักษ์ธรรมชาตแิ ละส่ิงแวดลอ้ ม การดาเนนิ ชวี ิตตามปรชั ญา
เศรษฐกจิ

พอเพยี ง เห็นแนวทางในการประกอบอาชพี

3. สาระสาคัญ

การเขยี นภาพฉาย คอื การถา่ ยทอดภาพจรงิ ของวัตถจุ ากลกั ษณะภาพสามมิติ ออกมาเปน็ ภาพสองมิติ
ภาพทีต่ ามองเห็น เช่น โตะ๊ เก้าอี้ ฯลฯ เปน็ ภาพสามมติ ิคือมองเหน็ ความกว้าง ความยาว หนา สูง หรอื ลึก เมอื่
นาไปเขยี นในแบบหรือถ่ายทอดออกมาเปน็ เพียงรูปดา้ น เชน่ ด้านบน ด้านหน้า รูปดา้ นต่างๆ จะมีเพยี ง 2 มิติ
เช่น รปู ดา้ นบนกจ็ ะแสดงให้เห็นเพยี งความกวา้ งกบั ความยาว

4. จุดประสงค์การเรียนรู้

4.1 อธิบายงานเขยี นแบบภาพฉาย
4.2 สามารถเขยี นแบบภาพฉาย
5.สมรรถนะสาคญั ของผเู้ รียน
5.1 ความสามารถในการคิด
5.2 ความสามารถในการแกป้ ัญหา
5.3 ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี
6.สาระการเรยี นรู้
6.1 หลักการมองภาพฉาย
6.2 การเขียนภาพฉาย
7. กระบวนกาจดั การเรยี นรู้

7.1 ขนั้ สนใจปญั หา (Motivation)
1. ครเู ช็คชอ่ื นักศึกษาที่เขา้ ช้นั เรียนและตรวจระเบียบการแต่งกาย
2. ครนู าเข้าสบู่ ทเรียนหน่วยที่ 3 ครง้ั ที่ 4 โดยครูทบทวนเรียนโดยใช้คาถามนา เชน่
คาถาม “การเขียนภาพ 3 มติ เิ กิดจากการรวมกันของภาพใด”

ขน้ั ใหเ้ นอื้ หา (Information)
1. ครูบรรยายการเขียนภาพฉายจากใบความรูท้ ่ี 3.4 ดงั นี้
- หลักการมองภาพฉาย
- การเขยี นภาพฉาย

ขน้ั พยายาม (Application)
1. บรรยายและสาธติ หลักการมองภาพฉาย
2. บรรยายและสาธิตการเขยี นภาพฉาย

ข้ันสาเรจ็ ผล (Progress)
1. ใบงานท่ี 3.4

8.การบรู ณาการหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียง

หลกั ความ พอประมาณกบั เวลา นกั เรยี นเข้าใจการเขียนแบบภาพฉายได้ทันเวลา
พอประมาณ พอประมาณกับสมาชกิ นักเรียนสามารถแบ่งกลุ่ม เพยี งต่อการรว่ มกนั ทางานเปน็ กลุ่ม
พอประมาณกบั สถานท่ี หอ้ งเรยี นอุตสาหกรรมมีโต๊ะเขียนแบบ 35 โตะ๊

หลักมเี หตุผล ในการจัดการเรียนการสอน นักเรียนสามารถเขยี นแบบภาพฉายได้

หลักการสร้าง การจัดการเรียนสอนแต่ละครั้ง นักเรียนเกิดความเข้าใจในการเรียน เนื้อหา
ภมู คิ ุ้มกนั ในตวั ทด่ี ี ไดเ้ ป็นอย่างดีทุกคนมสี ว่ นร่วมในการเรยี นการสอนไดเ้ ป็นอยา่ งดี

เงอ่ื นไขความรู้ นักเรียนมคี วามรคู้ วามเข้าใจเรอื่ งการเขียนแบบภาพฉายได้เป็นอยา่ งดี

เงอ่ื นไขคุณธรรม นกั เรียนมีความซื่อสตั ย์และความรบั ผิดชอบ

9. สอ่ื / แหลง่ การเรยี นรู้

9.1 สอ่ื การเรยี นรู้
1. ใบความรทู้ ่ี 3.4 เรื่อง การเขยี นภาพฉาย
2. ใบงานท่ี 3.4 เรือ่ ง การเขยี นภาพฉาย

9.2 แหล่งการเรียนรู้
1. หอ้ งสมุด
2. แหล่งข้อมูลสารสนเทศ

10.การวัดประเมนิ ผล

สิ่งทต่ี อ้ งการวดั วธิ ีการ เคร่อื งมือ เกณฑก์ ารวัด
1. การเขยี นภาพฉาย 1. สังเกตจาก 1. แบบสงั เกตพฤตกิ รรม ผ่านระดับ ดี
การเขียนภาพฉาย การเขียนภาพฉาย

 ใบความรู้ที่ 3.4

ภาพฉาย หมายถงึ ภาพท่มี องจากชิน้ งานจรงิ ฉายไปปรากฏรูปทรงบนระนาบรบั ภาพ โดยทัว่ ไปใน
การเขียนแบบชน้ิ สว่ นใด ๆ ถา้ จะให้มองเห็นได้ชัดเจนและดูเหมอื นจริงน้นั สามารถเขียนได้ดว้ ยภาพ 3 มิติ ซงึ่
แสดงเพยี งภาพเดยี วก็สามารถมองได้ชดั เจนทง้ั สามารถกาหนดรายละเอียดต่าง ๆ ไดแ้ ละนาไปทาการผลติ ได้
ดว้ ย แตก่ ารเขียนภาพ 3 มิติ น้ันกระทาไดย้ ากต้องใช้เวลาในการเขียนแบบงานตอ้ งมีเครอ่ื งมอื และอุปกรณ์
ช่วยหลายอยา่ ง จงึ ไมเ่ หมาะสมทจ่ี ะนาวธิ กี ารน้มี าเขียนแบบเพ่อื สั่งงานผลิต เพราะจะทาใหต้ ้นทุนการผลิต
สูงข้ึน ภาพ 3 มิติ เหมาะสาหรับแสดงรปู รา่ งและการประกอบกนั อยู่ของชนิ้ งานในคราวทจ่ี าเปน็ มากกวา่
1.หลักการมองภาพฉาย

ภาพฉาย หมายถงึ ภาพท่มี องจากชิ้นงานจรงิ แล้วฉายไปปรากฏรูปทรงบนระนาบรับภาพดังนน้ั การ
มองภาพแต่ละด้านดงั ได้กล่าวมาแล้วน้ันคือการมองภาพเพ่อื นาไปสกู่ ารฉายภาพน้นั เอง ปกตแิ ล้วแสงท่ฉี าย
ผา่ นช้นิ งานจะกระทบกับระนาบระนาบรองรับภาพ ภาพทเี่ กดิ ข้นึ บนระนาบจะมีขนาดขยายใหญ่ขึ้นตามระยะ
หางของระนาบ

รปู แสดงภาพฉายบนระนาบรบั ภาพ

รูปแสดงการเกดิ ภาพบนระนาบ

รปู แสดงการวางตาแหนง่ ของภาพฉาย

กล่องทเี่ กิดขึ้นนเี้ ป็นเพยี งกลอ่ งในจติ นาการเท่าน้ัน ซึ่งในการทางานจรงิ จะไม่มีใหเ้ หน็ การทีเ่ อารปู ร่าง
ของกลอ่ งระนาบมาแสดงให้เห็น ก็เพอ่ื ใหม้ องเหน็ ความสมั พนั ธ์กนั ของแตล่ ะด้านและให้สามารถเข้าใจถงึ ความ
เป็นมาของการฉายภาพเทา่ นน้ั

กลอ่ งระนาบน้ี ระนาบท้ัง 3 จะวางในตาแหนง่ ท่ีถกู ต้องโดยทั้ง 3 ระนาบจะวางเป็นมมุ ฉากตอ่ กนั
ตามแนวแกน X,Yและ Z โดยจะจนิ ตนาการให้ช้นิ งานท่เี ราจะฉายนน้ั ลอยอยู่ระหว่างระนาบทง้ั 3 นั้น ดังภาพท่ี
5.4 เมื่อฉายภาพไปยังระนาบทัง้ 3 จะปรากฎเปน็ ภาพช้นิ งานแตล่ ะดา้ นเป็นภาพฉายเสน้ ตามลกั ษณะของ
ชน้ิ งานแตล่ ะด้านทั้ง 3 ด้าน จะมีความสมั พันธ์โดยถึงกัน เชน่ ดา้ นขา้ งจะสงู เท่ากับดา้ นหน้า ดา้ นบนจะยาว
เทา่ กบั ความยาวของดา้ นหน้า
2. การเขียนภาพฉาย

1. กาหนดทศิ ทางการมองภาพด้านหนา้ เปน็ ภาพหลัก โดยภาพดา้ นหนา้ ควรเป็นภาพทมี่ องเห็นรปู ร่าง
และรายละเอยี ดของชิ้นงานได้ดที ่ีสดุ

2. กาหนดทิศทางในการมองภาพด้านขา้ ง โดยมองจากทางดา้ นซา้ ยของภาพด้านหน้า
3. กาหนดทศิ ทางการมองภาพดา้ นบน โดยมองจากทางดา้ นบนของภาพดา้ นหนา้
4. มองชิน้ งานตามทิศทางทกี่ าหนดจะได้ภาพฉายของช้ินงาน 3 ภาพ คือ ภาพดา้ นหนา้
ภาพดา้ นขา้ ง และภาพดา้ นบน ดังแสดงในภาพฉาย 3 ด้าน

รปู แสดงการเขยี นภาพฉาย

 ใบงานท่ี 3.4
คาส่งั : ใหเ้ ขยี นแบบภาพฉายจากภาพ 3 มิติ ต่อไปนี้

เครอื่ งมอื และอปุ กรณ์
1.โตะ๊ เขยี นแบบ ขนาด 60 × 80 ซ.ม.
2.ไม้ที ขนาด 60 ซ.ม.
3.ฉากสามเหลยี่ ม
4.ดนิ สอเขยี นแบบ
5.ยางลบ
6.เทปกาว
7.ผา้ เช็ดมอื

เทคนคิ การทางานและขอ้ ควรระวัง
1. การใชไ้ ม้ทีจะตอ้ งสมั พันธก์ ับโต๊ะเขียนแบบ และฉากสามเหลย่ี ม
2. การรักษาความสะอาดบนกระดาษเขยี นแบบ

การประเมนิ ช้ินงาน / ภาระงาน
แบบประเมนิ งานเขยี น

ประเดน็ 4 (ดมี าก) ระดบั คะแนน / คาอธบิ ายระดบั คุณภาพ นา้ หนกั คะแนน
การประเมนิ ความ รวม
เขียนถกู ต้อง 3 (ด)ี 2 (พอใช้) 1 (ควรปรับปรุง) สาคญั
1. เน้อื หา ครอบคลุมเนอื้ หา 4
อยา่ งสมบูรณ์ เขียนถกู ตอ้ ง เขียนผิดบ้าง และไม่ เขยี นผดิ มาก และ 2
ครอบคลมุ เนื้อหา ครอบคลุมเนื้อหา ใหข้ ้อมูลนอ้ ย
เปน็ สว่ นใหญ่

2. การเขียน เขยี นแบบภาพฉาย เขียนแบบภาพฉาย เขยี นแบบภาพฉาย เขียนแบบภาพฉาย 2 4

แบบภาพฉาย ได้อยา่ งถูกต้องและ ไดเ้ หมาะสม มขี อ้ ผดิ บา้ ง มีขอ้ ผดิ มาก

เหมาะสม

3. องคป์ ระกอบ องค์ประกอบของ องคป์ ระกอบของ องค์ประกอบของ องค์ประกอบของ 1 2
ของงานเขียน งานเขียนแบบ งานเขยี นแบบ งานเขียนแบบ งานเขียนแบบ 5 10
แสดงให้เห็นความ มคี วามสัมพนั ธ์ นา่ สนใจ ขาด ไม่น่าสนใจ
ริเริม่ สรา้ งสรรค์ ต่อเนอื่ งน่าสนใจ ความสัมพันธ์
มคี วามสัมพนั ธ์ ตอ่ เน่อื ง
ต่อเนอ่ื งนา่ สนใจ

รวม

เกณฑก์ ารประเมิน: นักเรียนตอ้ งไดค้ ะแนนรวมไมน่ ้อยกวา่ 60% หรอื 6 คะแนน จงึ จะผ่านเกณฑ์
วิธีคดิ คะแนน: คา่ น้าหนักความสาคัญ × ระดบั คะแนนทีน่ ักเรียนได้ = คะแนนรวม

แบบบันทกึ การประเมนิ งานเขยี น

ประเด็น / เนือ้ หา คาศพั ท์ สานวน องค์ประกอบ คะแนน
และโครงสร้างภาษา ของงานเขยี น รวม
ลาดบั คะแนน
ที่ 2 4 2 10
ช่ือ - สกลุ

ลงชอื่ ...................................... ผูป้ ระเมิน
(..............................................)


Click to View FlipBook Version