The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Nur-erawanie.k, 2021-08-28 11:31:28

Unit 1 School day

Unit 1

0

แผนการจดั การเรียนรู้

1

Unit 1 School day

รายวิชา ภาษาอังกฤษพ้นื ฐาน กลมุ่ สาระการเรียนรู้ ภาษาตา่ งประเทศ (ภาษาอังกฤษ)

ชน้ั ประถมศกึ ษาปีท่ี 4 เวลาเรยี น 13 ชัว่ โมง ภาคเรยี นที่ 1

ผู้สอน นางสาวนรู อรี าวานี กโู น โรงเรียน บา้ นตาบา

________________________________________________________________________________

1. มาตรฐานการเรียนรู้/ ตวั ช้วี ัด

สาระท่ี 1 ภาษาเพอื่ การส่ือสาร

มาตรฐาน ต 1.1 เข้าใจและตีความเรือ่ งท่ีฟังและอ่านจากสื่อประเภทตา่ งๆ และแสดงความคิดเห็นอย่างมี

เหตผุ ล

ตวั ชวี้ ัด 2. อา่ นออกเสียงคำ สะกดคำ อ่านกลุ่มคำ ประโยค ข้อความงา่ ยๆ และบทพดู เข้าจงั หวะ

ถกู ต้องตามหลักการอ่าน

3. เลอื ก/ระบภุ าพ หรอื สัญลกั ษณ์ หรอื เคร่ืองหมาย ตรงตามความหมายของประโยคและ

ข้อความส้นั ๆ ทฟ่ี งั หรอื อ่าน

4. ตอบคำถามจากการฟังและอ่านประโยค บทสนทนา และนทิ านง่ายๆ

มาตรฐาน ต 1.2 มีทกั ษะการส่ือสารทางภาษาในการแลกเปลี่ยนข้อมลู ขา่ วสาร แสดงความร้สู ึกและความ

คิดเห็นอยา่ งมปี ระสทิ ธิภาพ

ตวั ชี้วัด 4. พดู /เขยี นเพ่ือขอและให้ขอ้ มลู เกยี่ วกับตนเอง เพ่ือน และครอบครัว

5. พดู แสดงความรูส้ ึกของตนเองเกย่ี วกับเรื่องตา่ งๆ ใกล้ตัว และกจิ กรรมตา่ งๆ ตามแบบท่ีฟงั

มาตรฐาน ต 1.3 นำเสนอขอ้ มูลข่าวสาร ความคดิ รวบยอด และความคิดเหน็ ในเรอ่ื งต่างๆ โดยการพูดและการ

เขียน

ตวั ชี้วัด 1. พูด/เขยี นให้ข้อมลู เกี่ยวกบั ตนเอง และเรือ่ งใกล้ตวั

2. พดู /วาดภาพแสดงความสัมพนั ธ์ของส่งิ ต่างๆ ใกล้ตวั ตามท่ีฟงั หรอื อ่าน

3. พดู แสดงความคดิ เห็นง่ายๆ เกีย่ วกบั เร่อื งตา่ งๆ ใกลต้ วั

สาระท่ี 2 ภาษาและวัฒนธรรม

มาตรฐาน ต 2.1 เข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างภาษากบั วัฒนธรรมของเจา้ ของภาษา และนำไปใช้ได้อย่าง

เหมาะสมกบั กาลเทศะ

ตัวช้ีวดั 3. เข้าร่วมกจิ กรรมทางภาษาและวัฒนธรรมที่เหมาะกับวัย

มาตรฐาน ต 2.2 เขา้ ใจความเหมือนและความแตกตา่ งระหวา่ งภาษาและวฒั นธรรมของเจา้ ของภาษากบั ภาษา

และวัฒนธรรมไทย และนำมาใชอ้ ย่างถูกตอ้ งและเหมาะสม

ตวั ชว้ี ัด 1. บอกความแตกต่างของเสยี งตัวอักษร คำ กลุม่ คำ ประโยค และข้อความของ

ภาษาต่างประเทศและภาษาไทย

สาระท่ี 4 ภาษากับความสมั พนั ธก์ บั ชมุ ชนและโลก

2

มาตรฐาน ต 4.1 ใช้ภาษาตา่ งประเทศในสถานการณต์ า่ งๆ ท้งั ในสถานศกึ ษา ชุมชน และสงั คม
ตัวช้วี ดั 1. ฟังและพดู /อ่าน ในสถานการณท์ ีเ่ กดิ ขน้ึ ในหอ้ งเรียนและสถานศึกษา

มาตรฐาน ต 4.2 ใช้ภาษาต่างประเทศเปน็ เครือ่ งมือพื้นฐานในการศกึ ษาต่อ การประกอบอาชพี และการ
แลกเปล่ียนเรยี นรู้กับสังคมโลก

ตวั ช้ีวดั 1. ใช้ภาษาตา่ งประเทศในการสบื คน้ และรวบรวมขอ้ มลู ตา่ งๆ

2. สาระสำคญั /ความคดิ รวบยอด
การเรียนรู้คำศัพท์เกี่ยวกับวิชา ห้องเรียน และชีวิตประจำวัน การใช้ Present Simple Tense และ

การออกเสียงคำศัพท์ท่ีลงท้ายด้วยเสียง /l/ ทำให้ผู้เรียนสามารถพูดและเขียนเกี่ยวกับวิชาที่ชอบ วิชาและ
ห้องเรียนที่เรียน และชีวิตในโรงเรียนของตนเองได้ ซ่ึงเป็นการเรียนรู้ภาษาอังกฤษเพ่ือนำไปใช้สื่อสารใน
ชีวิตประจำวนั

3. สาระการเรียนรู้

3.1 สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง

- กลมุ่ คำ ประโยคเดย่ี ว และความหมายเก่ียวกบั ตนเอง และโรงเรยี น

- ประโยค บทสนทนา และเนือ้ เรื่องสนั้ ๆ ท่มี ีภาพประกอบ

- คำศพั ท์และประโยคท่ีใชข้ อและใหข้ ้อมูลเกีย่ วกับตนเอง ส่ิงใกลต้ ัว และเพือ่ น เชน่

A: What is your favourite subject?

B: My favourite subject is English.

A: What has she got on Monday at 11:00?

B: She’s got Maths.

- คำและประโยคทีใ่ ช้แสดงความรสู้ กึ ชอบหรอื ไมช่ อบเกี่ยวกับวิชาทเ่ี รียน เช่น

He/She likes ………… . He/She doesn’t like………

- ประโยคและข้อความท่ใี ช้ในการพดู ให้ขอ้ มูลเกีย่ วกบั ตนเอง

- คำ กลมุ่ คำที่มคี วามหมายสมั พันธ์ของสิ่งตา่ งๆใกลต้ วั เชน่ แผนภมู ิ Venn Diagram

- ประโยคทีใ่ ชใ้ นการแสดงความคดิ เห็นเก่ยี วกับเร่ืองตา่ งๆ ใกล้ตัว เชน่

I like English because it is easy.

- กจิ กรรมทางภาษาและวัฒนธรรม เช่น การเล่นเกม การร้องเพลง

- ความแตกตา่ งของเสยี งตัวอักษรของภาษาต่างประเทศและภาษาไทย

- การใช้ภาษาในการฟัง/พูดในสถานการณ์ง่ายๆ ทเี่ กดิ ขึน้ ในหอ้ งเรยี น

- การใชภ้ าษาต่างประเทศในการรวบรวมคำศพั ทท์ เ่ี ก่ยี วข้องใกล้ตวั จากสือ่ และแหล่งการ

เรียนรู้ต่างๆ

3

- Present Simple Tense
- Pronunciation: final sound /l/
3.2 สาระการเรียนร้ทู ้องถน่ิ
-

4. สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน
4.1 ความสามารถในการคิด
- การคิดวเิ คราะห์
- การคดิ อยา่ งสร้างสรรค์
4.2 ความสามารถในการสอ่ื สาร

5. คณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์
- จิตสาธารณะ
- ซ่อื สตั ยส์ ุจริต
- มงุ่ มัน่ ในการทำงาน
- มวี ินัย

6. ชิ้นงาน/ภาระงาน
- การพดู ถาม-ตอบเก่ยี วกับวิชาที่ชอบ วชิ าและสถานทท่ี ี่เรียน
- งานเขยี นหวั ขอ้ My favourite subject
- การพดู แสดงความคดิ เหน็ เกย่ี วกบั วชิ าทช่ี อบ
- การพูดนำเสนอเกี่ยวกบั กจิ วัตรประจำวนั ของตนเอง
- งานเขียนจดหมายถึงครเู กีย่ วกบั เพื่อนที่ตนชอบ
- การอา่ นออกเสยี งความเรียงที่กำหนด
- งานเขียนเกยี่ วกบั กจิ วตั รประจำวันของตนเองใน 1 วนั
- การรวบรวมคำศพั ท์ใน My word book

7. การวัดและการประเมนิ ผล
7.1 การประเมนิ ก่อนเรยี น
- ประเมนิ การทำแบบทดสอบ
7.2 การประเมนิ ระหว่างการจดั กจิ กรรมการเรียนรู้
- ประเมนิ การทำแบบฝึกหัด

4

- สงั เกตพฤตกิ รรมการเรียนร้ใู นช่วงการทำกิจกรรม
7.3 การประเมินหลงั การเรยี น

- ประเมินการทำแบบทดสอบ
- ประเมินคุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์
7.4 การประเมินช้นิ งาน/ภาระงาน (รวบยอด)
- ประเมนิ การพดู ถาม-ตอบเกย่ี วกบั วชิ าที่ชอบ วชิ าและสถานท่ที ี่เรยี น
- ประเมนิ งานเขียนหวั ขอ้ My favourite subject
- ประเมินการพดู แสดงความคิดเหน็ เกี่ยวกับวิชาทชี่ อบ
- ประเมนิ การพดู นำเสนอเกย่ี วกบั กิจวตั รประจำวนั ของตนเอง
- ประเมนิ งานเขียนจดหมายถงึ ครเู กยี่ วกบั เพ่ือนทีต่ นชอบ
- ประเมินการอ่านออกเสยี งความเรยี งท่ีกำหนด
- ประเมนิ งานเขยี นเกย่ี วกบั กิจวตั รประจำวนั ของตนเองใน 1 วนั
- ประเมนิ การรวบรวมคำศัพท์ใน My word book

8. กจิ กรรมการเรยี นรู้ เรยี นรู้ดงั แนบมาพร้อมนี้
- กจิ กรรมนำสกู่ ารเรียน
- กิ จ ก ร ร ม พั ฒ น า ก า ร
- กิจกรรมรวบยอด

9. ส่ือ/แหล่งการเรียนรู้
1. หนงั สือเรียน Smile ป. 4
2. แบบฝกึ หดั Smile ป. 4
3. Audio CD Smile ป. 4
4. บตั รภาพ บตั รคำ
5. ซองจดหมาย กระดาษเขยี นจดหมาย

5

แผนการจัดกwารเรยี นรู้ท่ี 1
Unit 1 School day

1. สาระสำคัญ
การเรียนรู้คำศัพท์เกี่ยวกับวิชาและห้องเรียนในโรงเรียน การใช้ Present Simple Tense และการ

ออกเสียงคำศัพท์ท่ีลงท้ายด้วยเสียง /l/ ทำให้ผู้เรียนสามารถพูดและเขียนเกี่ยวกับวิชาท่ีชอบ วิชาและห้องท่ี
เรียนได้ ซ่ึงเป็นการเรยี นรภู้ าษาอังกฤษเพ่อื นำไปใชส้ อ่ื สารในชวี ิตประจำวัน

2. ตวั ชว้ี ัด/ จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้
- ออกเสียง สะกดคำ และบอกความหมายคำศัพทเ์ กย่ี วกับวิชาท่เี รียนและห้องเรยี นได้
- พูดและเขยี นเพ่อื ขอและใหข้ อ้ มูลเกีย่ วกบั วชิ าทเี่ รยี นได้
- พดู แสดงความรูส้ ึกเกยี่ วกับวชิ าท่ีเรียนได้
- อา่ นออกเสยี งคำศพั ทท์ ่ลี งทา้ ยด้วย /l/ ได้
- ใช้ Present Simple Tense ได้ถูกตอ้ ง
- เล่นเกมภาษาอังกฤษที่กำหนดได้

3. สาระการเรียนรู้
3.1 สาระการเรียนรแู้ กนกลาง
- กลุ่มคำ ประโยคเด่ยี ว และความหมาย เกี่ยวกับตนเอง และโรงเรียน
- ประโยค บทสนทนา และเนื้อเร่ืองสั้นๆ ทม่ี ภี าพประกอบ
- คำศพั ทแ์ ละประโยคที่ใช้ขอและให้ข้อมูลเก่ยี วกบั ตนเอง สิง่ ใกล้ตวั และเพ่ือน เช่น
A: What is your favourite subject?
B: My favourite subject is English.
A: What has she got on Monday at 11:00?
B: She’s got Maths.
- คำและประโยคที่ใชแ้ สดงความรสู้ ึกชอบหรอื ไมช่ อบเกยี่ วกับวชิ าทเี่ รยี น
- ประโยคและข้อความท่ีใช้ในการพูดใหข้ อ้ มูลเกย่ี วกบั ตนเอง
- ประโยคทใ่ี ช้ในการแสดงความคดิ เห็นเกยี่ วกับเรื่องต่างๆ ใกลต้ ัว เชน่
I like English because it is easy.
- กจิ กรรมทางภาษาและวัฒนธรรม เชน่ การเล่นเกม
- ความแตกตา่ งของเสยี งตวั อกั ษร ของภาษาตา่ งประเทศและภาษาไทย
- การใช้ภาษาในการฟัง/พูดในสถานการณง์ า่ ยๆ ที่เกิดขน้ึ ในหอ้ งเรียน

6

- Present Simple Tense
- Pronunciation: final sound /l/
3.2 สาระการเรยี นร้ทู อ้ งถิ่น
-

4. สมรรถนะสำคญั ของผู้เรียน
4.1 ความสามารถในการสอ่ื สาร
4.2 ความสามารถในการคดิ
- การคดิ วิเคราะห์

5. คณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์
- ซอื่ สัตย์สุจรติ
- มุ่งมน่ั ในการทำงาน
- มีจิตสาธารณะ

6. กิจกรรมการเรียนรู้
กจิ กรรมนำส่กู ารเรยี น
1. ครูทักทายนักเรยี นในห้องเรยี น และนักเรยี นทักทายครูโดยพร้อมเพรียงกัน
2. ครูชูหนังสอื เรียนภาษาองั กฤษ Smile 4 แล้วถามนักเรยี นคนหนึ่งว่า

Teacher: I like to learn English.
What about you? What do you like?

Somjai: I like Thai.
Teacher: Very good!
ครูสุม่ ถามนกั เรยี นคนอื่นๆ อกี 4-5 คน เกยี่ วกบั วิชาที่นักเรยี นชอบ
3. นักเรียนเปิดหนังสือเรียน หน้า 4 ข้อ 1 What can you see? เพื่อดูภาพห้องต่างๆ ภายในโรงเรียน แล้ว
ตอบคำถามของครูวา่ เห็นห้องอะไรบ้าง และเห็นอะไรในหอ้ งเหล่านี้
Teacher: What do you see in this school?
Students: (ชว่ ยกนั ตอบ) books, library, lab, blackboard, piano, violin,

basketball, ball, tables,…etc.
ครูเฉลยโดยการชีน้ ้วิ ไปตามห้องตา่ งๆ ในรปู และพูดวา่

Teacher: There are many rooms in our school; library, Science lab,
Maths room, Art room, Music room, and gym. (ชน้ี ว้ิ ตามภาพ)

7

ครูเขยี นคำศพั ท์เกี่ยวกับหอ้ งเรยี นต่างๆ บนกระดาน และอา่ นออกเสยี งให้นักเรยี นฟังและอ่าน
ออกเสยี งตาม
4. นักเรียนอ่านออกเสียงคำท่ีกำหนดให้ ในหนังสือเรียน หน้า 4 ข้อ 2 Read, look and find. พร้อมๆ กัน
แล้วช่วยกันบอกความหมาย จากนั้นให้นักเรียนใช้คำเหล่านี้ในการแต่งประโยค ครูสุ่มเรียกนักเรียน 4-5
คน ให้อ่านประโยคที่ตนเองแต่งให้เพื่อนๆ ฟัง โดยครูเขียนประโยคที่นักเรียนแต่งบนกระดาน จากนั้นให้
เพอ่ื นๆ ในห้องชว่ ยกนั ตรวจดูว่าประโยคทเ่ี พอื่ นแตง่ ถกู ต้องหรือไม่ ถ้าไม่ถกู ใหแ้ กไ้ ขให้ถกู ตอ้ ง

w
(Suggested Answers)
1. My teacher is a woman.
2. A man is wearing brown trousers.
3. He is drawing pictures.
4. I’m in a classroom.
5. We are writing English.

ครูถามนักเรียนว่าคำศัพท์เหล่าน้ีเกี่ยวข้องกับตัวเราอย่างไร นักเรียนช่วยกันคิด จนได้คำตอบว่าเก่ียวกับ
กจิ วตั รประจำวนั ทเี่ ราต้องทำหรอื พบเป็นประจำสมำ่ เสมอ
5. ครแู สดงบัตรภาพท่ีส่ือถึงวชิ าตา่ งๆ 9 ภาพ และใหน้ ักเรียนเดาหรอื ทายชอ่ื วิชา โดยครตู ้งั คำถาม ดงั นี้

Teacher: What’s the subject? (ชบู ตั รภาพทลี ะใบ)
Students: Maths, History, Geography, P.E., English, Science, Computer. etc.
6. ครชู บู ัตรคำ 9 แผ่น อ่านออกเสียงให้นักเรยี นฟงั แลว้ ใหน้ กั เรียนออกเสียงตาม ดงั น้ี

English Maths P.E. History Computer

Geography Music Art Science

7. นักเรียนช่วยกันจับคู่บัตรภาพและบัตรคำให้สัมพันธ์กัน โดยครูติดบัตรภาพและบัตรคำท่ีสัมพันธ์กันบน
กระดานทีละคู่ จากน้ันนกั เรียนอ่านออกเสยี งโดยพรอ้ มเพรยี งกัน

8. ครูบอกนกั เรยี นว่าใน Unit 1 Lesson 1 นี้ นักเรียนจะได้เรียนรคู้ ำศัพท์เกีย่ วกับชือ่ วิชาตา่ งๆ และหอ้ ง
เรียนภายในโรงเรียน ทบทวนเกี่ยวกับการใช้ Present Simple Tense และ Verb to be การพูดถาม-
ตอบเกย่ี วกบั วชิ าที่ชอบ วชิ าทเี่ รียนในตารางสอนและสถานที่ทเ่ี รียน
BackgroundwInformation
P.E. ยอ่ มาจาก Physical Education แปลว่า วชิ าพลศึกษา

8

กิจกรรมพฒั นาการเรียนรู้

1. นักเรียนดูภาพวิชาต่างๆ ใน Word box ในหนังสือเรียน หน้า 5 ข้อ 1 Listen, point and repeat.

แล้วให้นักเรียนบอกครูว่า ภาพท่ีนักเรียนเห็นคือวิชาอะไรในภาษาไทย จากนั้นครูเปิด CD/track 2 ให้

นักเรยี นฟงั 1 คร้ัง และใหน้ กั เรยี นชี้นิ้วตามคำศัพทท์ ี่ไดย้ นิ แลว้ ออกเสยี งตาม

Music Art w P.E. Maths

Science difficult easy library

gym

ครูเปิด CD ให้นักเรียนฟังอีกหลายๆ คร้ัง เพื่อให้นักเรียนฝึกออกเสียงตามจนคล่อง เสร็จแล้วครูสุ่มเรียก

นักเรยี น 3-4 คน ใหอ้ า่ นคำศัพทท์ ลี ะคำ

2. นักเรียนแบ่งกลุ่มทำงาน กลุ่มละ 4-5 คน ช่วยกันแต่งประโยค กลุ่มละ 5 ประโยค โดยมีเงื่อนไขว่าใน

ประโยคท่ีแต่งแตล่ ะประโยค ตอ้ งมีคำศัพทช์ ื่อวชิ าและหอ้ งเรียนอยดู่ ว้ ย เช่น

1) We learn P.E. in the gym.

2) She speaks English in the classroom.

3) I play the violin in the Music room.

4) We study Science in the lab.

5) They learn Art in the Art room.

เมอ่ื นักเรยี นแตง่ ประโยคเสรจ็ แล้ว ครูใหแ้ ต่ละกลุ่มส่งตัวแทนออกมาหนา้ ช้นั 1 คน เพื่อพูดประโยคท่ี

กลุม่ ของตนแตง่ โดยครชู ่วยแกไ้ ขประโยคทน่ี ักเรียนแตง่ ผดิ

3. นักเรียนดูรูปภาพในกรอบ A - E ในหนังสือเรียน หน้า 5 ข้อ 2 Listen and number. โดยครูช้ีนิ้วไปท่ี

ภาพทีละภาพ แลว้ ถามนกั เรียนวา่ คนทนี่ กั เรียนเห็นในแตล่ ะภาพกำลังทำอะไร

Teacher: What does he (she) do? (ช้ีทีละภาพจาก A-E)

Students: He studies Science. (ภาพ A)

She plays the violin. (ภาพ B)

She learns Maths. (ภาพ C)

He plays basketball in the gym. (ภาพ D)

She draws a picture in the Art room. (ภาพ E)

Teacher: Very good!

จากนั้นครูเปิด CD/track 3 ให้นกั เรยี นฟงั

9

1. Her favourite subject is Maths.
2. His favourite subject is P.E.
3. His favourite subject is Science.
4. Her favourite subject is Art.
5. Her favourite subject is Music.

ครูเปิด CD/track 3 ให้นักเรียนฟังอีก 2-3 คร้ัง จากนั้นให้นักเรียนเรียงลำดับรูปภาพตามที่นักเรียน ได้ยิน
จาก CD เสรจ็ แลว้ จึงชว่ ยกันเฉลยคำตอบ โดยครเู ขียนคำตอบทีถ่ กู ตอ้ งใหน้ ักเรียนดูอีกคร้ังบนกระดาน

1. C 2. D 3. A 4. E 5. B

4. นักเรียนอ่านประโยคที่กำหนดให้ ในหนังสือเรียน หน้า 5 ข้อ 3 Listen and write. จากนั้นครูเปิด
CD/track 5 ให้นักเรียนฟัง 2 ครั้ง และเขียนคำศัพท์ท่ีได้ยินลงในสมุดของตนเอง เสร็จแล้วครูให้นักเรียน
ช่วยกันเฉลยคำตอบ ครูเปิด CD อีกคร้ัง เพื่อให้นักเรียนตรวจสอบคำตอบ แล้วให้นักเรียนทั้งห้องอ่าน
ประโยคท่ีเติมคำสมบูรณ์แล้วพร้อมๆ กัน ครูอาจสุ่มเรียกนักเรียน 5 คน ให้ลุกข้ึนยืนอ่านคำตอบอีกคร้ัง
คนละ 1 ข้อ

1. I like Art. 4. I read in the library.

2. I don’t like Maths. 5. I play football in the gym.

3. My favourite subject is Music.

กจิ กรรมรวบยอด
1. นักเรียนดูรูปภาพห้องเรียนในแบบฝึกหัด หน้า 4 ข้อ 1 Look and label. และดูคำท่ีกำหนดให้ใน
กรอบ จากนั้นให้นักเรียนอ่านออกเสียงคำศัพท์ตามครู แล้วนำคำศัพท์ดังกล่าวไปเติมลงในช่องว่างที่
สัมพนั ธ์กบั ภาพ เสรจ็ แล้วจงึ ช่วยกนั เฉลยคำตอบ

1. library 2. Science 3. classroom
4. Art 5. Music 6. gym

2. ครูใหน้ ักเรียนเตรียมตวั ก่อนฟัง โดยอ่านประโยคทก่ี ำหนดให้ในแบบฝึกหดั หนา้ 4 ขอ้ 2 Listen, look
and match. อย่างคร่าวๆ จากนัน้ ครูเปดิ CD/track 4 ให้นักเรยี นฟงั ดังนี้

10

Jack has got glasses and a white jacket. Where is Jack?
Ben has got a pencil and a Maths book. Where is Ben?
Emma has got short hair. She’s got a flower. Where is Emma?
Catherine likes sports. She’s got P.E. Where is Catherine?
John likes books. He’s got lots of books. Where is John?

นักเรียนฟัง CD อีก 2-3 คร้ัง และดูรูปภาพห้องเรียนในแบบฝึกหัด หน้า 4 ข้อ 1 ประกอบการฟัง
จากนนั้ จึงลากเสน้ จบั คู่ชอ่ื คนกบั สถานทใ่ี นหอ้ งเรียนให้ถูกต้อง และช่วยกนั เฉลยคำตอบ

w
Jack is in the Science lab.
Ben is in the classroom with Mr. Parker.
Emma is in the Art class.
Catherine is in the gym.
John is in the library.

นักเรยี นอ่านประโยคท่ีเรียงถกู ตอ้ งแลว้ ท้ัง 5 ประโยคพรอ้ มๆ กนั จากน้ันครสู ุ่มเรียกนกั เรียน 5 คน ให้
อ่านคำตอบท่ถี กู ตอ้ งอกี ครัง้ คนละ 1 ประโยค
3. นักเรียนดูรูปภาพ ในแบบฝึกหัด หน้า 5 ข้อ 1 Find the words. แล้วให้นักเรียนช่วยกันบอกคำศัพท์
ที่คิดว่ารูปภาพต้องการจะสื่อ เมื่อได้คำตอบว่าเป็นรูปอะไรแล้ว ครูให้นักเรียนจับคู่กัน ช่วยกันหาคำ
ทีซ่ ่อนอยู่ในตารางตัวอักษร ครูให้นกั เรยี นปรบมือใหก้ ับนกั เรยี นคแู่ รกทหี่ าคำศัพท์ครบ 6 คำก่อน

w
(แนวนอน) go to bed, Maths, library, homework, Art
(แนวตง้ั ) gym

4. นักเรียนเล่นเกม Mime Gesture โดยครูขออาสาสมัคร 6 คน ให้ออกมาหน้าชั้นเรียน เพ่ือแสดง
ทา่ ทางใบ้คำกริยาที่ครกู ำหนดให้ และให้นักเรยี นคนอ่ืนๆ ทายว่าคำกริยาที่อาสาสมัครดังกล่าว ทำท่า
ทางใบ้น้ันสมั พันธ์กับวชิ าอะไร เช่น
Teacher: What subject is he/she acting?
อาสาสมัคร 1 ทำท่าเลน่ กีตาร์ และร้องเพลงแบบไมม่ ีเสยี ง โดยขยับปากไปมา
Students: Music.
อาสาสมัคร 2 ทำท่ากดแป้นพิมพ์ (keyboard) คอมพวิ เตอร์ คลิกเมาส์ (mouse)

11

จอ้ งจอคอมพิวเตอร์ ขยต้ี า
Students: Computer.
อาสาสมัคร 3 ทำทา่ เล่นกีฬาบาสเกตบอล เลย้ี งลกู บาส เล็งและชตู้ ลกู บาสใหเ้ ข้าห่วง
Students: P.E.
อาสาสมคั ร 4 ทำทา่ นับเลขดว้ ยน้วิ มือ เกาศีรษะเป็นบางครัง้
Students: Maths.
อาสาสมคั ร 5 ทำทา่ ถือจานสีดว้ ยมอื ซา้ ย ส่วนมือขวาถอื พู่กัน แล้วทำท่าระบายสภี าพ
Students: Art.
อาสาสมคั ร 6 ทำท่าทางเทของเหลวใส่ขวดแก้วที่อยู่ในมือท้ัง 2 ข้างไปมา (ผสมสูตร

สารเคมี)
Students: Science.
Teacher: Excellent!
5. นักเรียนอ่านตัวอักษรที่กำหนดใหใ้ นกรอบ ในแบบฝึกหัด หน้า 5 ข้อ 2 Write the words. ครอู ธบิ าย
ให้นักเรยี นฟังว่าตัวอักษรเหล่าน้ีมีคำศัพท์ท่ีนกั เรียนเคยเรยี นมาแล้ว 8 คำ ให้นักเรียนวงกลมตัวอักษร
เหล่าน้ีให้เป็นคำศัพท์ดังกล่าว เสร็จแล้วครูสุ่มเรียกนักเรียน 8 คน ให้บอกคำศัพท์ที่ตนเองวงกลม คน
ละ 1 คำ และออกไปเขียนบนกระดาน ครใู ห้นักเรียนในห้องช่วยกันตรวจคำตอบ และลอกคำศัพท์บน
กระดานทถ่ี ูกต้องแลว้ ลงสมดุ ของตนเอง

Maths, Science, Art, Music, P.E., English, difficult, easy

6. นกั เรยี นดูรูปภาพที่กำหนดให้ในแบบฝึกหัด หน้า 5 ข้อ 3 Answer the questions. แลว้ หาคำศัพท์ที่
เก่ียวข้องกับภาพเติมลงในช่องว่าง เสร็จแล้วจึงเฉลยคำตอบพร้อมกัน จากนั้นครูให้นักเรียนฝึกอ่าน
ประโยคเหล่านี้ใหค้ ล่อง
w
1. Science 2. Music 3. P.E.

7. นักเรยี นเดินไปถามเพ่ือนร่วมช้ันวา่ ชอบวิชาใด โดยใชร้ ปู แบบคำถามและคำตอบ ดังต่อไปนี้

A: (ช่อื เพือ่ น), what is your favourite subject? หรอื

(ชือ่ เพ่อื น), what subject do you like?

B: My favourite subject is (ชือ่ วชิ า). หรือ

I like (ช่อื วิชา).

8. นักเรียนอ่านออกเสยี งคำถามในแบบฝกึ หดั หน้า 5 ขอ้ 4 Read and answer the questions. ครูสุ่ม

ถามคำถามนักเรียน ซ่ึงครูม่ันใจว่าตอบคำถามได้ คนละ 1 ข้อ เพื่อเป็นตัวอย่างให้กับนักเรียนคนอื่น

12

เสร็จแล้วครูให้นักเรียนจับคู่กับเพ่ือนที่น่ังติดกันและผลัดกันถาม -ตอบโดยใช้คำถามเหล่านี้
เสร็จแล้วใหน้ ักเรียนบันทกึ คำตอบของตนเองลงในแบบฝึกหดั

w
(Suggested Answers)
1. My favourite subject is English.
2. Yes, I do./ No, I don’t.
3. No, it isn’t./ Yes, it is.
4. No, it isn’t./ Yes, it is.

9. นักเรียนแบ่งกลุ่มตามวิชาที่ตนชอบ และใช้ชื่อวิชาดังกล่าวต้ังช่ือกลุ่มของตนเอง เช่น กลุ่ม P.E., กลุ่ม
Science ฯลฯ (จำนวนคนในกลุ่มอาจไม่เท่ากัน เช่น กลุ่ม P.E. อาจจะมีจำนวนสมาชิกมากท่ีสุด)
สมาชิกในกลุ่มระดมความคิดเพ่ือหาเหตุผลว่าทำไมจึงชอบวิชาน้ัน โดยครูเขียนคำถามให้นักเรียนบน
กระดาน ดงั น้ี
A: Why do youWlike (ชอ่ื วชิ า)?
B: Because I ………………..

เช่น A: Why do you like English subject?
B: Because we want to speak English well.
C: Because it is easy.
D: Because we want to speak with foreigners.

ในระหว่างการถาม-ตอบ ให้นักเรียนเขียนคำตอบใส่กระดาษ 1 แผ่น โดยระหว่างการทำกิจกรรม
ครูอนุญาตให้นักเรียนเปิดพจนานุกรมเพื่อค้นหาคำศัพท์ หรือปรึกษาครูได้ เสร็จแล้วครูให้แต่ละกลุ่ม
ส่งตัวแทนออกมารายงานหน้าชนั้ เรยี น

เช่น. - Our favourite subject is P.E. because it is fun. We are not in the
classroom. We can play sport.
- We like Music because we like to sing a song. It is not difficult.
We don’t have homework.
- Our favourite subject is Art because we like painting. It is easy.
- Our favourite subject is Computer because we like to play games.
We like technology.

* หมายเหตุ: กิจกรรมอาจปรบั เปลีย่ นเป็นรายบุคคล

13

7. การวดั และประเมนิ ผล
7.1 การประเมนิ กอ่ นเรียน
- ประเมินการทำแบบทดสอบ
7.2 การประเมนิ ระหว่างการจัดกิจกรรมการเรยี นรู้
- ประเมนิ การทำแบบฝึกหัด
- สังเกตพฤติกรรมการเรียนรู้ในช่วงการทำกจิ กรรม
7.3 การประเมนิ หลงั การเรียน
- ประเมินการทำแบบทดสอบ
- ประเมนิ คณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์
7.4 การประเมินชน้ิ งาน/ภาระงาน (รวบยอด)
- ประเมนิ การพูดถาม-ตอบเกยี่ วกบั วชิ าทีช่ อบ วชิ าท่เี รยี นและสถานทีท่ เ่ี รยี น
- ประเมินงานเขยี นหวั ข้อ My favourite subject
- ประเมนิ การพดู แสดงความคดิ เหน็ เกย่ี วกบั วชิ าท่ชี อบ

8. สือ่ /แหล่งการเรียนรู้
1. หนังสอื เรยี น Smile ป. 4
2. แบบฝกึ หัด Smile ป. 4
3. Audio CD Smile ป. 4
4. บตั รภาพ บัตรคำ

14

แผนการจดั กwารเรยี นรู้ที่ 2
Unit 1 Scwhool day

1. สาระสำคญั
การเรียนรู้คำศัพท์เกี่ยวกับวิชาและห้องเรียนในโรงเรียน การใช้ Present Simple Tense และการ

ออกเสียงคำศัพท์ที่ลงท้ายด้วยเสียง /l/ ทำให้ผู้เรียนสามารถพูดและเขียนเกี่ยวกับวิชาที่ชอบ วิชาและห้องท่ี
เรยี นได้ ซึง่ เป็นการเรียนรู้ภาษาอังกฤษเพ่ือนำไปใชส้ อ่ื สารในชีวิตประจำวัน

2. ตวั ช้ีวัด/ จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้
- ออกเสียง สะกดคำ และบอกความหมายคำศัพทเ์ ก่ียวกับวิชาท่เี รยี นและห้องเรยี นได้
- พดู และเขียนเพื่อขอและใหข้ ้อมลู เก่ียวกบั วชิ าทเ่ี รียนได้
- พูดแสดงความรสู้ ึกเกีย่ วกบั วิชาที่เรยี นได้
- อา่ นออกเสียงคำศพั ทท์ ่ลี งทา้ ยด้วย /l/ ได้
- ใช้ Present Simple Tense ได้ถูกตอ้ ง
- เล่นเกมภาษาองั กฤษที่กำหนดได้

3. สาระการเรยี นรู้
3.1 สาระการเรียนรู้แกนกลาง
- กล่มุ คำ ประโยคเดยี่ ว และความหมาย เกีย่ วกับตนเอง และโรงเรยี น
- ประโยค บทสนทนา และเน้อื เรอื่ งสนั้ ๆ ท่มี ภี าพประกอบ
- คำศพั ทแ์ ละประโยคทใี่ ช้ขอและใหข้ ้อมลู เก่ยี วกบั ตนเอง สิ่งใกลต้ ัว และเพือ่ น เช่น
A: What is your favourite subject?
B: My favourite subject is English.
A: What has she got on Monday at 11:00?
B: She’s got Maths.
- คำและประโยคท่ีใช้แสดงความรูส้ กึ ชอบหรือไมช่ อบเกี่ยวกับวชิ าทเ่ี รยี น
- ประโยคและข้อความทีใ่ ชใ้ นการพดู ใหข้ อ้ มูลเก่ยี วกับตนเอง
- ประโยคทีใ่ ช้ในการแสดงความคิดเห็นเก่ยี วกับเรอ่ื งตา่ งๆ ใกล้ตัว เชน่
I like English because it is easy.
- กิจกรรมทางภาษาและวฒั นธรรม เชน่ การเลน่ เกม
- ความแตกตา่ งของเสยี งตวั อกั ษร ของภาษาต่างประเทศและภาษาไทย

15

- การใชภ้ าษาในการฟัง/พดู ในสถานการณง์ า่ ยๆ ท่เี กิดข้นึ ในหอ้ งเรยี น
- Present Simple Tense
- Pronunciation: final sound /l/
3.2 สาระการเรียนรทู้ อ้ งถนิ่
-

4. สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน
4.1 ความสามารถในการสอื่ สาร
4.2 ความสามารถในการคดิ
- การคดิ วิเคราะห์

5. คุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์
- ซอ่ื สัตย์สจุ ริต
- มุง่ ม่นั ในการทำงาน
- มจี ิตสาธารณะ

6. กิจกรรมการเรียนรู้
กจิ กรรมนำสู่การเรียน
1. ครูแบ่งนักเรียนเป็น 2 ทีม แล้วให้นักเรียนเล่นเกม Hangman คำศัพท์ต่อไปนี้ Music, Maths, Science,

difficult, library, Physical Education โดยครูเลือกคำศัพท์มาทีละ 1 คำ แล้วขีดตามจำนวนตัวอักษร
ของคำศัพท์แต่ละคำน้ัน เช่น คำว่า Music ครูขีด 5 ขีด ดังน้ี __ __ __ __ __ แล้วให้นักเรียนแต่ละกลุ่ม
ผลัดกันทายตัวอักษร ถ้าทายถูกก็รอด ถ้าทายผิดก็จะถูกแขวนคอ โดยครูวาดรูปภาพคนถูกแขวนคอทีละ
สว่ น ดงั น้ี หวั , ตัว, แขนซา้ ย, แขนขวา, ขาขา้ งซ้าย และขาข้างขวา ทีมท่ถี ูกแขวนคอกจ็ ะแพ้

2. ครูแจง้ จุดประสงคก์ ารเรียนรูข้ องบทเรยี นนี้ ให้นกั เรยี นทราบ

กจิ กรรมพัฒนาการเรยี นรู้

1. นักเรียนเปิดหนังสือเรียน หน้า 6 ข้อ 4 Ask your friends. และอ่านออกเสียงตามครู จากนั้นครูเขียน

ประโยคบนกระดาน ดงั นี้

Pattern A: Whatwis your favourite subject?

B: My favourite subject is English.

C: I like Maths.

16

ครูอธิบายว่าให้นักเรียนทำแบบสำรวจเกี่ยวกับวิชาท่ีเพ่ือนชอบ (Survey Game) โดยครูแจกกระดาษซึ่ง

เป็นตารางสำรวจใหน้ ักเรยี นคนละ 1 แผ่น และถามคำถามเพ่อื นเก่ยี วกบั วชิ าที่เพื่อนชอบตามตัวอย่างทคี่ รู

เขียนให้บนกระดาน โดยให้นักเรียนเขียนช่ือเพ่ือนที่ตนเองถามคำถามลงในตารางและทำเคร่ืองหมาย 

ลงในช่องรายวชิ าตามขอ้ มลู ที่ได้รับ

ตวั อยา่ ง Name Maths Art P.E. Music Science Computer

1. Suchada 

2. Malinee 

3. Somchart 

4. Decha 

5. Siriwan 

เมื่อนักเรียนทำกิจกรรมเสร็จแล้ว ครูสุ่มเรียกนักเรียนชาย 3 คน และนักเรียนหญิง 3 คน ให้ออกมา
รายงานผลหนา้ ช้นั เรียน ดังน้ี

e.g. Student: Suchada likes Maths. Malinee and Somchart like P.E.
But Decha likes Music. Siriwan likes Computer.

2. ครูถามนกั เรียนว่าใครมีตารางสอนบ้าง
Teacher: Who’s got a timetable? Please show me.

นักเรียนที่มีชูตารางสอนของตนเองขึ้น จากน้ันครูสุ่มหยิบตารางสอนของนักเรียน 1 คน มาแสดงให้
นักเรียนคนอ่นื ๆ ดู

Teacher: This is a timetable.
Students: Timetable (นักเรยี นออกเสยี งตามครู)
เมื่อครสู ังเกตว่านักเรยี นทกุ คนในชั้นเข้าใจความหมายของคำว่า “Timetable” ซึ่งแปลว่า ตารางสอนแล้ว
ครูให้นักเรียนดูตารางสอนในหนังสือเรียน หน้า 6 ข้อ 5 Read, ask and answer. และอ่านคำศัพท์ใน
ตารางสอนพร้อมๆ กนั ถ้านกั เรยี นยังอ่านไม่คล่อง ให้นักเรยี นอ่านตามครู จากน้ันให้นักเรียนจับคกู่ ับเพอ่ื น
ท่ีน่ังติดกัน เพ่ือฝึกสนทนาถาม-ตอบเก่ียวกับตารางสอน โดยดูตัวอย่างจากในหนังสือเรียน หน้า 6 ข้อ 5
ดังน้ี
A: What has Mary got on Monday at 11:00?
B: She’s got Maths.
A: Where has she got it?
B: In the classroom.
ครสู มุ่ เรยี กนกั เรยี น 3 คู่ ให้ออกมาพูดบทสนทนาหน้าช้นั เรียน โดยไมใ่ ห้ซำ้ กบั ตวั อยา่ ง
3. ครูทบทวนการใช้ Present Simple Tense และ Verb to be ดงั นี้

17

รูปแบบของ Present Simple Tense + v. เตมิ s
Singular Subjectw + v.
Plural Subject

Verb to be ของ Present Simple Tense ได้แก่ is, am, are
นักเรียนช่วยกนั คิดประโยค Present Simple Tense โดยครูเขยี นประโยคท่ีนกั เรียนแตง่ บนกระดาน และ
ชว่ ยแกไ้ ขประโยคใหถ้ ูกตอ้ ง เช่น

- We learn English on Tuesday.
- I come to school by bus everyday.
- She gets up at six o’clock.
- We play football in the afternoon.
- I am a student.
- We are happy.
- She is in the classroom.
นกั เรยี นอ่านประโยคบนกระดานตามครู แลว้ คัดลอกส่งิ ท่ีครอู ธบิ ายลงในสมดุ ของตน
4. ครทู บทวนการอา่ นเวลา และการใช้ prepositions กับเวลา ได้แก่ in, on และ at ดังนี้

ใช้กับช่วงเวลา เชน่ ชว่ งเวลาเชา้ บา่ ย ค่ำ กลางคนื

in in the morning in the afternoon

in the evening in the night time

on ใช้กบั วัน on Saturday
on Monday

ใช้กับเวลา

at at 8:30 at 9:00
at lunch time at noon

at midnight

5. ครูให้นักเรียนเปิดหนังสือเรียน และดูรูปภาพในหนังสือเรียน หน้า 7 ข้อ 6 Listen, read and say ‘yes’
or ‘no’. จากนน้ั ครถู ามคำถามนักเรยี น ด้วยคำถามตอ่ ไปนี้
Teacher: Who’s the boy?
Students: Mark.
Teacher: Where is he?
Students: He’s in the lab.

18

นักเรียนฟัง CD/track 7 และอ่านเน้ือหาในหนังสือเรียนเก่ียวกับ ด.ช.มาร์ค โดยอ่านออกเสียงตาม CD
หลายๆ ครงั้ จนคล่อง

w
Hello! My name is Mark. I am 10 years old. My favourite
subject is Science. It is not difficult for me. I’ve got Science in
the lab.

ครูให้นักเรียนจับคู่กับเพ่ือนข้างเคียง (Pair work) เพ่ืออ่านประโยคที่กำหนดให้ 4 ประโยค แล้วช่วยกัน

พิจารณ าว่าถูกหรือผิด สุดท้ายครูเฉลยโดย การอ่านประโยคท้ัง 4 แล้วให้นักเรียนตอบว่า

Yes หรือ No

w No.
1. Mark is nine years old.

2. Science is difficult for Mark. No.

3. Mark has got Science in the lab. Yes.

4. Mark likes Science. Yes.

6. ครสู อนการออกเสียง (Pronunciation) แอล (L) ดังน้ี
ครูชูบัตรอักษร L และออกเสียง “แอล” โดยครูบอกให้นักเรียนสังเกตดูปากครู จากน้ันให้นักเรียนออก
เสยี งตาม ครูบอกวิธกี ารออกเสียง /l/ ว่าใหน้ ักเรยี นใช้ปลายล้ินแตะค้างไวท้ ีห่ ลังฟนั บน

7. ครูเขียนคำต่อไปน้ี Paul, wall, ball, mall แล้วออกเสียงให้นักเรียนฟัง เพ่ือให้นักเรียนฝึกออกเสียง
คำศพั ทท์ ่ีลงทา้ ยด้วย /l/

8. นักเรียนช่วยกันระดมสมองในการเปรียบเทียบตัวอักษร l ว่าออกเสียงใกล้เคียงกับตัวอักษรตัวใดใน
ภาษาไทย สดุ ท้ายจึงสรุปว่าตัวอักษร l เทียบเท่ากับ ‘ล’ ในภาษาไทยน่ันเอง แตก่ ารออกเสียงไม่เหมือนกัน
เพราะตวั อกั ษร l ตอ้ งใชป้ ลายลนิ้ แตะคา้ งไวท้ ีห่ ลังฟันบน

9. นักเรียนกลุ่มเดิมช่วยกันคิดหาคำศัพท์อื่นๆ ท่ีลงท้ายด้วยเสียง /l/ แล้วให้แต่ละกลุ่มส่งตัวแทนออกมา
รายงานหน้าชั้น โดยครูเขียนคำตอบของนักเรยี นแต่ละกลุ่มบนกระดาน เช่น small, call, will, kill, hill,
April, pencil, Bill, ill, etc. จากน้ันครูให้นักเรียนอ่านออกเสียงคำศัพท์ดังกล่าวตามครูหลายๆ คร้ัง จน
นักเรียนสามารถออกเสียงคำศัพท์ท่ีลงท้ายด้วย /l/ ได้คล่อง เสร็จแล้วครูให้นักเรียนคัดลอกคำศัพท์
ดังกล่าวลงในสมดุ ของตนเอง

10. นักเรยี นดรู ปู ภาพเดก็ ชายชล้ี กู บอลในหนงั สือเรยี น หน้า 7 ขอ้ 8 Listen and say. และตอบคำถามครู
Teacher: What do you see in the picture? (ช้ีที่ภาพในหนงั สือเรียน)
Students: A boy, a ball, a wall

19

จากน้ันครูเปิด CD /track 8 ให้นักเรียนฟัง 2-3 คร้ัง ครูให้เวลานักเรียนในการท่องประโยคน้ี โดยไม่ดู
หนงั สอื เรยี น แล้วสุ่มเรยี กนกั เรยี น 5-6 คน ให้ลกุ ขน้ึ ยนื พูดประโยคน้ี ทลี ะคน

Paul points to the ball on the wall.

กจิ กรรมรวบยอด

1. นักเรียนอ่านคำส่ังในหนังสือเรียน หน้า 7 ข้อ 7 Draw and write about your favourite subject.

จากน้ันครูอธิบายภาระงาน“My favourite subject” ให้นักเรียนฟัง แล้วแจกกระดาษแข็งขนาดเท่า

ไปรษณียบัตรให้นักเรียนทุกคน เพ่ือวาดภาพวิชาท่ีชอบ และระบายสีให้สวยงาม แล้วให้นักเรียนเขียน

บรรยายเกี่ยวกับตนเอง และวิชาท่ีตนเองชอบลงไป นักเรียนอาจปรึกษากับเพ่ือนข้างเคียงได้ และดู

ตัวอย่างการเขียนจากที่ไดเ้ รียนมาขา้ งต้น

ตวั อย่าง Hello! My name is……………………………….…

รูปวาดของนักเรยี นที่ I am ……….. years old. I learn at Wittaya
ระบายสเี รยี บร้อยแล้ว School. My favourite subject is English. It
is easy for me. I’ve got English in the

classroom.

ครูสุ่มเรียกนักเรียน 3-4 คน ให้อ่านผลงานของตนเองให้เพื่อนๆ ฟังหน้าช้ันเรียน พรอ้ มทั้งแสดงผลงานให้
เพอื่ นดู จากน้ันครูใหห้ วั หนา้ ห้องรวบรวมผลงานของเพอื่ นๆในห้องสง่ ครู
2. ครูเขียนตารางสอนของ Ben ในแบบฝึกหัด หน้า 6 ข้อ 5 What has Ben got? Listen and write.
บนกระดาน และพูดว่า

Teacher: What has Ben got? (ชไี้ ปที่ภาพตารางสอนบนกระดาน)
Students: Timetable.
นักเรียนดูตารางสอนของ Ben อย่างคร่าวๆ จากน้ันครูเปิด CD /track 6 ให้นักเรียนฟัง 2-3 คร้ัง
แล้วจึงให้นักเรียนเติมชื่อวิชาลงในช่องว่างในตาราง โดยนักเรียนอาจปรึกษากับเพื่อนข้างเคียงได้ จากนั้น
จงึ เฉลยคำตอบพร้อมกนั

20

Jack: Hello, Benw.
Ben: Hi, Jack! What time is it?
Jack: It’s almost 11:00. What class have you got?
Ben: Umm… Let’s see. Today is Wednesday. I’ve

got Maths.
Jack: Me too! I like Maths.
Ben: I don’t. It’s difficult for me.
Jack: How about Thursday?
Ben: I like Thursday. I’ve got P.E. in the morning

and English in the afternoon.
Jack: I’ve got English on Friday. How about you?
Ben: Friday is my favourite day. I’ve got Music at

1:30 and Maths at 2:30.
Jack: Maths? But you don’t like Maths.
Ben: No….but what have I got after Maths on

Friday?
....Saturday!

อนึ่ง ครูอาจนำแผ่นป้ายขนาดใหญ่ที่เขียน Audio script ติดบนกระดาน ถ้าคิดว่ากิจกรรมน้ียากหรือ
เนือ้ หายาวเกินไป การเหน็ ประโยคจะทำใหน้ ักเรียนเข้าใจไดด้ ขี นึ้

TIMETABLE NAME: Ben

Day/Time 9:30 10:30 11:00 12:00 1:30 2:30

Wednesday Music Maths Art Science
BREAK
Thursday P.E. LUNCH
Maths English English

Friday Art P.E. Music Maths

3. นักเรียนดูตารางสอน ในแบบฝึกหัด หน้า 6 ข้อ 6 Read and complete the sentences. แล้วให้
นักเรียนอ่านประโยคที่กำหนดให้ด้านล่างของตารางสอน โดยพร้อมเพรียงกัน จากนั้นให้นักเรียนจับคู่กับ

21

เพ่ือนขา้ งเคียง (Pair work) เพื่อเตมิ คำลงในช่องว่าง โดยใช้ข้อมลู จากในตารางสอนที่กำหนดให้ เสร็จแล้ว
ครูสุม่ เรยี กนกั เรยี น 6 คู่ ใหย้ ืนขึ้นอ่านประโยคท่เี ตมิ คำสมบรู ณ์แลว้ ทลี ะคู่ คลู่ ะ 1 ข้อ (สุม่ จากแถวหลงั )

w
1. On Monday Ben has got English at 11:00.
2. He’s got Science on Tuesday at 9:30.
3. On Wednesday he’s got Art at 1:30 in the Art room.
4. On Monday he’s got Music at 1:30.
5. On Tuesday he’s got Music at 2:30.
6. Ben has got two Science lessons a week.

4. นักเรียนดูภาพเด็กผู้หญิงกำลังเล่นดนตรีในแบบฝึกหัด หน้า 7 ข้อ 7 Read and complete. จากนั้น

ครถู ามคำถามนกั เรียน ดงั นี้

Teacher: Who is she? (ช้ที ่รี ูปภาพในแบบฝกึ หดั )

Students: A girl, Paula.

Teacher: What’s she doing?

Students: She’s playing the violin.

นักเรยี นช่วยกนั นำคำศัพท์ที่กำหนดให้ไปเตมิ ลงในช่องวา่ งให้ถกู ต้อง จากนนั้ จึงช่วยกนั เฉลยคำตอบ

1. name w 5. difficult
3. subject

2. years 4. easy 6. in

5. นักเรียนเล่นเกม Rearrange sentences competition โดยครูเตรียมอุปกรณ์การเล่นเกม ได้แก่ กระดาษ
แข็งสี 5 สี สำหรับ 5 ประโยค สีละ 1 ประโยค ครูเขียนประโยคตามแบบฝึกหัด หน้า 7 ข้อ 8 Write the
sentences. แล้วจึงใช้กรรไกรตัดแบ่งประโยคออกเปน็ คำๆ ครเู ตรียมชุดบัตรคำให้เพียงพอแกจ่ ำนวนกลุ่ม
ของนักเรยี น ซ่ึงจะถูกแบ่งออกเป็นกลุ่ม กลุ่มละ 4-5 คน (group work) เมื่อนักเรียนแต่ละกลุ่มได้รับแจก
ชุดบัตรคำ ประโยค 5 ประโยค (ประโยคละ 1 สี) แล้ว ครูให้นักเรียนในแต่ละกลุ่มช่วยกันเรียงแต่ละ
ประโยคให้ได้ใจความสมบูรณ์ และอย่าให้กลุ่มอื่นดู กลุ่มท่ีเรยี งเสร็จก่อนให้เรียนเชิญครมู าดูผลงาน ครูจด
บันทึกและให้คะแนนกลุ่ม (คะแนนเก็บ) นักเรียนที่ทำงานเสร็จแล้วสามารถออกไปพักผ่อนนอกห้องได้
ชั่วคราว และกลับเข้าห้องเรียน เม่ือกลุ่มสุดท้ายรายงานครูเสร็จเรียบร้อย ครูเฉลยประโยคที่เรียงถูกต้อง
บนกระดาน ดงั น้ี

1. My name is Kim. 2. I am ten years old.

3. My favourite subject is Maths. 4. It is easy for me.

5. I’ve got Maths in the classroom.

22

นักเรียนอ่านประโยคเหล่าน้ีตามครูพร้อมๆ กัน จากน้ันครูให้แต่ละกลุ่มช่วยกันฝึกอ่านเองจนคล่อง เสร็จ
แล้วจึงให้แต่ละกลุ่มอ่านออกเสียงประโยคทั้งหมดอีกครั้งทีละกลุ่ม ครูให้เพื่อนๆ ในชั้นช่วยกันปรบมือให้
กลมุ่ ท่อี ่านได้ถกู ตอ้ ง เสียงดังฟังชัด และพร้อมเพรียงกนั มากท่ีสุด
6. ครูทบทวนการออกเสียงคำศัพท์ท่ีลงท้ายด้วย /l/ อีกครั้ง จากน้ันครูสอนการออกเสียงคำศัพท์
ทล่ี งท้ายด้วย /n/ โดยการชูภาพขา้ วโพดแลว้ พูด

Teacher: corn, corn
Students: พดู ตามครู และดปู ากครูดว้ ย
ครชู ูปากกา Teacher: pen, pen
Students: พดู ตามครู
นักเรยี นสังเกตวิธกี ารออกเสยี ง /n/ จากครู โดยครพู ูดวา่ “เอ็น เอ็น” จากน้ันครูให้นกั เรียนช่วยกันคิดและ
เปรียบเทียบตัวอักษร n ว่าออกเสียงคล้ายกับตัวอักษรตัวใดในภาษาไทย ครูให้เวลานักเรียนแสดงความ
คิดเหน็ จนได้ขอ้ สรุปว่าเท่ากับเสียง “น” น่ันเอง
7. ครูให้นกั เรยี นเปดิ แบบฝึกหัด หน้า 7 ข้อ 9 Listen : ball, born. Listen, circle and say. เพอ่ื สำรวจ คำ
ทจ่ี ะไดฟ้ ัง จากนน้ั ครูเปดิ CD/track 9 ให้นักเรียนฟงั 2 คร้งั

doll call worn

นักเรียนวงกลมคำศัพท์ที่ได้ยินจาก CD ในแบบฝึกหัด หน้า 7 ข้อ 9 เมื่อครูเฉลยคำตอบแล้ว

ให้นักเรียนออกเสียงตามครูให้ถูกต้อง โดยครูสุ่มเรียกนักเรียน 2-3 คน ให้ออกเสียงให้เพื่อนๆ ในห้องฟัง

เพื่อตรวจสอบการออกเสียงของนักเรียน จากน้ันครูแบ่งนักเรียนออกเป็นกลุ่ม กลุ่มละ 5 คน เพื่อช่วยกัน

คิดหา “วชิ า” ทีน่ อกเหนอื จากท่ไี ดย้ นิ มาแล้วในบทน้ี ครเู ขยี นคำตอบบนกระดาน

Thai - ภาษาไทย

Agriculture - เกษตร

Religion - ศาสนา

Cooking - การทำอาหาร

Dancing - นาฏศิลป,์ กจิ กรรมเขา้ จงั หวะ

นักเรียนทุกคนช่วยกันแปลความหมายของคำศัพท์เก่ียวกับวิชาเหล่าน้ี ถ้าไม่ทราบ ให้เปิดหาดูใน

Dictionary เสรจ็ แล้วใหน้ กั เรียนคัดลอกคำศัพทเ์ หลา่ น้ีลงในสมุดของตนเอง

7. การวดั และประเมนิ ผล
7.1 การประเมนิ ก่อนเรยี น
- ประเมนิ การทำแบบทดสอบ

23

7.2 การประเมินระหวา่ งการจดั กจิ กรรมการเรียนรู้
- ประเมินการทำแบบฝกึ หัด
- สงั เกตพฤติกรรมการเรยี นรู้ในชว่ งการทำกิจกรรม

7.3 การประเมินหลังการเรียน
- ประเมินการทำแบบทดสอบ
- ประเมินคณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์

7.4 การประเมนิ ช้ินงาน/ภาระงาน (รวบยอด)
- ประเมนิ การพดู ถาม-ตอบเกยี่ วกบั วชิ าท่ีชอบ วชิ าทเ่ี รียนและสถานท่ที ่เี รยี น
- ประเมินงานเขยี นหัวขอ้ My favourite subject
- ประเมนิ การพดู แสดงความคิดเหน็ เกยี่ วกบั วิชาทช่ี อบ

8. สื่อ/แหลง่ การเรยี นรู้
1. หนังสอื เรียน Smile ป. 4
2. แบบฝึกหดั Smile ป. 4
3. Audio CD Smile ป. 4
4. บัตรภาพ บตั รคำ

24

แผนการจัดกwารเรยี นรู้ที่ 3
Unit 1 School day

1. สาระสำคัญ
การเรียนรู้คำศัพท์เกี่ยวกับชีวิตประจำวัน และโครงสร้างประโยค Present Simple Tense ทำให้

ผู้เรียนสามารถพูดและเขียนเก่ียวกับชีวิตในโรงเรียนของตนเองได้ ซึ่งเป็นการเรียนรู้ภาษาอังกฤษเพ่ือนำไปใช้
สื่อสารในชีวิตประจำวนั

2. ตวั ชีว้ ดั /จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้
- อ่านออกเสยี งคำและขอ้ ความส้นั ๆ ถูกตอ้ งตามหลกั การอ่านได้
- พดู และเขยี นใหข้ ้อมูลเกย่ี วกับชวี ิตประจำวันของตนเองได้
- ฟังและอ่านจับใจความได้
- เขยี นจดหมายเกย่ี วกับเพอ่ื นของตนเองได้
- เขยี นแผนภมู เิ วนน์ (Venn Diagram) เพ่อื แสดงความสมั พันธ์ของสิง่ ทเี่ พื่อนชอบได้
- ใช้ Present Simple Tense ไดถ้ ูกต้อง
- เลน่ เกมและรอ้ งเพลงภาษาองั กฤษที่กำหนดได้

3. สาระการเรียนรู้
3.1 สาระการเรียนรแู้ กนกลาง
- กลมุ่ คำ ประโยคเดย่ี ว และความหมายเกี่ยวกบั ตนเอง และโรงเรยี น
- ประโยค และเนอ้ื เรือ่ งสั้นๆ ท่ีมภี าพประกอบ
- ประโยคและข้อความทีใ่ ช้ในการพูดให้ข้อมูลเก่ยี วกบั ตนเอง
- คำ กลมุ่ คำท่มี ีความหมายสมั พันธ์ของส่ิงต่างๆใกลต้ วั เช่น แผนภมู ิ Venn Diagram
- กจิ กรรมทางภาษาและวัฒนธรรม เช่น การเลน่ เกม การร้องเพลง
- การใช้ภาษาในการฟัง/พูดในสถานการณง์ า่ ยๆ ทเี่ กดิ ข้นึ ในห้องเรียน
- การใชภ้ าษาต่างประเทศในการรวบรวมคำศัพท์ทเ่ี กย่ี วข้องใกล้ตวั จากสื่อและแหลง่ การ
เรียนรตู้ า่ งๆ
- Present Simple Tense
3.2 สาระการเรียนรทู้ อ้ งถ่ิน
-

25

4. สมรรถนะสำคัญของผเู้ รยี น
4.1 ความสามารถในการคิด
- การคดิ วิเคราะห์
- การคดิ อยา่ งสรา้ งสรรค์
4.2 ความสามารถในการสื่อสาร

5. คณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์
- ซ่ือสตั ยส์ จุ รติ
- มงุ่ มนั่ ในการทำงาน
- มีวนิ ยั

6. กิจกรรมการเรียนรู้
กจิ กรรมนำสู่การเรยี น
1. นกั เรียนทบทวนคำศัพท์ใน Unit 1 Lesson 1 ด้วยบัตรภาพและบัตรคำ พรอ้ มนำงานท่ีได้รับมอบหมายมา

ส่งครู ครูแจกงานคืนแก่นักเรียน แล้วให้นักเรียนเขียนตามคำบอก (Dictation) คำศัพท์ท่ีนักเรียนได้เรียน
มาแลว้ ใน Lesson 1
ครูแสดงบตั รภาพที่สือ่ ถงึ วชิ าตา่ งๆ และบตั รคำ พร้อมอา่ นออกเสียง แลว้ ให้นกั เรียนอา่ นตาม ดงั นี้

English Maths P.E. History Computer

Geography Music Art Science

2. ครูสุ่มเรียกนักเรียน 3 คน ให้ออกมาหน้าช้ันเรียน เพ่ือช่วยกันจับคู่บัตรภาพและบัตรคำให้สัมพันธ์กัน
นักเรียนคนอืน่ ๆ ทเ่ี หลอื ชว่ ยบอกใบ้ได้ แตห่ ้ามพดู ภาษาไทย
Students: Yes,…… ./No!/ Okay.

3. ครทู ดสอบนกั เรียนด้านโครงสร้างภาษา และคำศพั ท์ โดยการแบ่งนกั เรียนออกเปน็ กลุ่ม กลุ่มละ 5 คน เพ่ือ
แต่งประโยคท่ีเกี่ยวกับช่ือวิชา และห้องเรียน กลุ่มละ 4 ประโยค นักเรียนทุกคนในแต่ละกลุ่มช่วยกันแต่ง
ประโยค จากนนั้ แตล่ ะกล่มุ ออกมานำเสนอผลงาน โดยใหแ้ บง่ บทพดู กันเพอ่ื นำเสนอใหค้ รบทง้ั 5 คน
Example: 1) We have got Maths in the classroom.
2) You have got P.E. in the gym.
3) I have got Science in the lab.
4) She has got Art in the Art room. etc.

26

4. นักเรียนเปิดหนังสือเรียน หน้า 8-15 อย่างคร่าวๆ แล้วตอบคำถามครูว่าเห็นอะไรบ้าง โดยครูให้เวลา
นกั เรียน 3 นาทใี นการทำกจิ กรรมนี้
Teacher: Class, what do you see on pp. 8 - 15?
Students: (ช่วยกันตอบ) Football, Harry, Maria, Ben, Anna, May, lab,
party,………etc.
Teacher: (ชมเชย) Very good!

5. ครูอธิบายว่าใน Unit 1 Lesson 2 น้ี นักเรียนจะได้เรียนรู้เกี่ยวกับคำศัพท์ในโรงเรียนเพิ่มเติม โครงสร้าง
ประโยค Present Simple Tense เพ่ือบอกถึงกิจวัตรประจำวัน ฝึกพูดสนทนา แต่งประโยค และเขียน
จดหมายงา่ ยๆ

กจิ กรรมพฒั นาการเรียนรู้
1. นักเรียนเปิดหนังสือเรียน หน้า 8 ข้อ 1 Listen, point and repeat. เพ่ือดูรูปภาพใน Word box ซึ่งมี

ท้ังหมด 8 ภาพ จากน้ันครเู ปิด CD/track 10 ให้นักเรียนฟัง 2 คร้ัง และฝกึ พดู ตาม

cafeteria playground do homework
go to bed in the morning in the afternoon
in the evening at night

จากน้ันครูให้นักเรียนอ่านออกเสียงคำศัพทพ์ ร้อมๆ กันทั้งห้อง โดยครูสุ่มเรยี กนกั เรียนที่นั่งอยู่ แถวหลัง 3-
4 คน ให้ยืนขึ้นอา่ นทลี ะคน
2. นักเรียนดูภาพ ในหนังสือเรียน หน้า 8 ข้อ 2 Listen and number. โดยครูชี้ไปที่ภาพทีละภาพ แล้วถาม
นักเรียนเก่ียวกับรายละเอียดในภาพ จากนั้นครูให้นักเรียนจับคู่กับเพื่อนข้างเคียง (Pair work) และเปิด
CD/track 11 ใหน้ กั เรยี นฟัง เพอ่ื ให้นกั เรียนเรียงลำดับรปู ภาพตามทไ่ี ด้ฟัง

1. This is the cafeteria. 1. C
2. The boys are playing in the playground. 2. D
3. I do homework at 5 o’clock. 3. A
4. I go to bed at 9 o’clock. 4. E
5. It’s evening. 5. B

ครูติดแผ่นป้ายหรือเขียน Audio script ให้นักเรียนดูบนกระดาน แล้วเปิด CD/track 11 อีกครั้ง
แลว้ จงึ อา่ นออกเสยี ง Audio script พร้อมกัน
3. นกั เรียนอา่ นประโยคที่กำหนดให้ทั้ง 5 ประโยค ในหนังสอื เรียน หน้า 8 ข้อ 3 Listen and write. พร้อมๆ
กัน จากนั้นครูเปิด CD/track 12 ให้นักเรียนฟังและเติมคำศัพท์ที่ขาดหายไปในแต่ละประโยคให้ถูกต้อง

27

โดยไม่ดูเพ่ือนข้างเคียง (Individual work) แต่สามารถเปิดหนังสือเรียนเพื่อดูคำศัพท์ในบทเรียนท่ีผ่านมา
ได้ กอ่ นทำกิจกรรมครูแนะนำใหน้ กั เรียนเห็นถึงความสำคัญของความซ่ือสัตย์ต่อตนเอง

1. The boys are playing football in the playground.
2. I go to bed at night.
3. After school I do homework.
4. I eat in the cafeteria.
5. I get up at 7 o’clock in the morning.

ครูเขียนเฉลยให้นักเรยี นดูบนกระดาน และให้นักเรียนตรวจคำตอบของตนเองด้วยความซ่ือสัตย์ นักเรียน

ทไ่ี ด้คะแนนเกนิ 4 ข้ึนไป (1 ขอ้ ถือเปน็ 1 คะแนน) ถือว่าผ่าน จากนั้นครูให้นักเรียนอ่านประโยคทีส่ มบรู ณ์

แล้วท้ัง 5 ประโยคพร้อมๆ กัน สุดท้ายเพ่ือเป็นการตรวจสอบ ครูสุ่มเรียกนักเรียน 5 คน ให้ยืนข้ึนอ่าน

ประโยคดงั กลา่ วอกี ครัง้ คนละ 1 ประโยค

4. ครูเขียนตัวอย่างประโยคบอกเล่า (Affirmation sentence) ประโยคปฏิเสธ (Negative sentence) และ

ประโยคคำถาม (Question) ในรูปของ Present Simple Tense บนกระดาน แลว้ ใหน้ ักเรยี นช่วยกันบอก

กฎ จากนั้นให้นักเรียนแต่งประโยคบอกเล่า ปฏิเสธ และคำถามอย่างละ 1 ประโยค (Individual work)

โดยพยายามนึกถงึ สงิ่ รอบตัว หรือสถานการณใ์ กลต้ ัวมากที่สุด และมเี นื้อหาทม่ี ีความหมาย (make sense)

โดยเขียนใส่กระดาษท่ีเตรียมไว้ เสร็จแล้วครูเป่านกหวีด และให้นักเรียนทุกคนลุกจากที่น่ัง เพื่อวิ่งไปจับคู่

กับนักเรียนที่อยู่อกี ฝั่งหนึ่ง และรายงานประโยคบอกเล่าและปฏิเสธของตน พร้อมท้ังถามคำถามเพ่อื นด้วย

คำถามท่ีตนเองแต่งไว้

e.g. Dang: I like fruit. I don’t like vegetables.

Do you like vegetables?

Duang: Yes, I do. I don’t eat pork. I eat chicken.

Do you eat chicken?

Dang: No, I don’t.

ครูคอยสังเกต และจดบนั ทึกพฤตกิ รรมของนักเรียนในช่วงการทำกจิ กรรมน้ี

5. ครชู บู ตั รภาพใบหน้า ด.ช.แฮร่ี (Harry) และรปู โรงเรยี น แลว้ กล่าวกับนกั เรยี นว่า

Teacher: This is Harry. And this is his school.

What does Harry do at school?

6. นักเรียนดูภาพกิจกรรมของ Harry ท้ัง 5 ภาพ ในหนังสือเรียน หน้า 9 ข้อ 4 What does Harry do at

school? Listen and number. ครชู ี้ไปท่ีภาพทีละภาพ แล้วให้นักเรียนตอบเป็นภาษาอังกฤษส้ันๆ แต่ได้

ใจความ

28

Students: Harry eats. (ครชู ้ีภาพ A)

Harry plays the guitar. (ครูช้ีภาพ B)

Harry goes home. (ครูชภ้ี าพ C)

Harry plays. (ครูชภ้ี าพ D)

Harry is in the lab. (ครชู ีภ้ าพ E)

7. ครูเปิด CD/track 14 ให้นกั เรียนฟัง 2 รอบ และเรียงลำดับรูปภาพตามประโยคท่ีได้ยนิ จากน้ันครเู ปิด CD

อกี คร้งั โดยหยุด CD หลังจบแต่ละประโยค เพือ่ ใหน้ กั เรยี นตรวจทานคำตอบของตนเอง

1. Harry has got Science in the morning.
2. At 9:30 he plays with his friends.
3. He has lunch at 12:00.
4. In the afternoon he plays the guitar in the Music room.
5. He goes home at 4:00.

เสรจ็ แล้วครูให้นักเรียนช่วยกันเฉลยคำตอบ โดยครตู รวจคำตอบของนักเรียนอีกครัง้ และเขยี นคำตอบของ
นกั เรยี นท่ีถูกตอ้ งแลว้ บนกระดาน จากน้นั ให้อ่านประโยคคำตอบพร้อมๆ กันอกี ครง้ั

1. E 2. D 3. A 4. B 5. C

8. ครูสุ่มเรียกนักเรียน 2 คน (ชาย 1 คน และหญิง 1 คน) ออกมาหน้าช้ันเรียน เพื่อบอกเล่าเกี่ยวกับกิจวัตร

ประจำวันของตนเอง ตามประเด็นท่ีครูกำหนดให้บนกระดาน ดังนี้ (ครูเตรียมกับนักเรียน ท้ัง 2 คนก่อน

ลว่ งหนา้ )

- เวลาตื่นนอน - กลับบ้าน

- ไปโรงเรยี น - เลน่ กฬี า

- รับประทานอาหารกลางวัน - กิจกรรมยามวา่ ง

Boy: I wake up at 6 o’clock. I go to school by bus.

I have lunch at noon. I go home at 4 o’clock.

I play ping-pong. I like computer games.

Dear: I wake up at 7 o’clock. I go to school on foot.

I have lunch at noon. I go home at 4 o’clock.

I like to swim. I like cooking.

ครูถามนกั เรียนวา่ ด.ช. Boy และ ด.ญ. Dear มอี ะไรท่ีคลา้ ยกัน เม่อื ไดค้ ำตอบวา่

Students: They have lunch at noon and go home at 4 o’clock.

29

9. ครูให้นักเรียนเปิดหนังสือเรียน หน้า 9 ข้อ 5 Listen and complete. และอ่านข้อความในวงกลม 2 วง
ซ่ึงเป็นเร่ืองเก่ียวกับกิจวัตรประจำวันของ Maria และ Ben โดยครูอธิบายให้นักเรียนฟังว่าวงกลม ทั้ง 2
วงมีบางส่วนซ้อนทับกันอยู่ ซึ่งข้อมูลท่ีอยู่ในส่วนดังกล่าวนั้น คือกิจวัตรประจำวันที่คล้ายกันของ Maria
และ Ben จากน้ันครูให้นักเรียนอ่านคำส่ัง Complete in your notebook. ที่อยู่ด้านล่างของข้อ 5 และ
อ่านข้อความท่ีกำหนดให้ จากนั้นครูเปิด CD/track 15 ให้นักเรียนฟัง 2 รอบ และเขียนคำตอบท่ีได้ยินลง
ในสมุดของตนเอง เสร็จแล้วครูให้นักเรียนช่วยกันเฉลยคำตอบ โดยครูเขียนคำตอบท่ีถูกต้องบนกระดาน
และให้นักเรียนตรวจคำตอบของตนเอง ครูเปิด CD อีกคร้ัง และให้นักเรียนอ่านข้อความท่ีเติมคำสมบูรณ์
ตาม CD ดว้ ย

Maria goes to school at eight. She likes Music. She
plays basketball. Ben goes to school at seven. He likes Art.
He plays football. Maria and Ben like Computer. They have
lunch at the cafeteria.

Maria goes to school at 8:00. She likes music. She
plays basketball. Ben goes to school at 7:00. He likes Art. He
plays football. Maria and Ben like Computer. They have lunch
at the cafeteria.

10. ครูให้นักเรียนช่วยกันสังเกตกริยาในข้อความ ว่าเป็นอย่างไร โดยครูอาจอ่านคำกริยาในข้อความทั้งหมด

โดยเน้นเสียง /s/ เม่ือคำน้ันเติม s หรือ es เช่น goes, likes, plays, likes, plays, like, have จน

นักเรียนได้ข้อสรุปว่าประโยคในข้อความดังกล่าว อยู่ในโครงสร้างของ Present Simple Tense ซ่ึงเมื่อ

ประธานเป็นเอกพจน์ กรยิ าตอ้ งเติม s/es ดังน้ี

ประธานของประโยคเปน็ เอกพจน์ w กริยาเติม s

ประธานของประโยคเปน็ พหูพจน์กริยาชอ่ ง 1 (ไมเ่ ติม s)

ประธานของประโยคเปน็ I กริยาชอ่ ง 1 (ไมเ่ ติม s)

ครูอธิบายเพ่ิมเติมว่า วงกลม 2 วง ซึ่งมีบางส่วนซ้อนทับกันน้ัน เรียกว่า แผนภูมิเวนน์ (Venn Diagram)

จากน้ันครใู หน้ ักเรียนอ่านประโยค 3 ประโยค ในหนงั สือเรยี น หน้า 9 หัวข้อ Remember! พร้อมๆ กนั ครู

ชใี้ ห้นกั เรยี นสังเกตดูการเติม s หลงั คำกรยิ าอีกครง้ั

Students: She plays tennis. (เนน้ ออกเสียง s)

He plays football. (เนน้ ออกเสยี ง s)

They like Computer.

30

กิจกรรมรวบยอด
1. นักเรียนทบทวนคำศัพท์ โดยดูภาพ 1-6 ที่กำหนดให้ในแบบฝึกหัด หน้า 8 ข้อ 1 Look, match and say.

แล้วจับคู่ภาพเหล่านี้กับคำศัพท์ a-f ซึ่งอยู่ทางด้านขวามือ โดยให้นักเรียนโยงเส้นจับคู่รูปภาพกับคำศัพท์
เมอื่ นักเรียนทำเสร็จแล้วให้นกั เรียนเปรียบเทียบคำตอบกับเพื่อนข้างเคียง จากนัน้ ครเู ขียนเฉลยคำตอบบน
กระดาน เสร็จแล้วให้นักเรยี นชน้ี ิ้วไปท่ีภาพทลี ะภาพ แลว้ อ่านออกเสยี งคำศพั ทพ์ ร้อมๆ กนั ครูอาจสมุ่ เรียก
นักเรยี น 2-3 คน ให้ลุกข้นึ อ่านทลี ะคน เพือ่ เป็นการตรวจสอบ

1. b 3. a 5. d
2. e 4. f 6. c

2. นักเรียนดูตัวอักษรในกรอบที่กำหนดให้ ในแบบฝึกหัด หน้า 8 ข้อ 2 Circle the words. แล้วจับกลุ่มกับ
เพ่ือนทตี่ นชอบ กลมุ่ ละ 3 คน ช่วยกันวงกลมตัวอักษรให้เป็นคำศพั ทท์ ถี่ ูกต้อง โดยครูบอกใบแ้ กน่ ักเรยี นว่า
มีคำศัพท์ซ่อนอยู่ทั้งหมด 9 คำ เสร็จแล้วครูให้นักเรียนช่วยกันเฉลยคำตอบ โดยครูเขียนคำตอบท่ีถูกต้อง
บนกระดาน และใหน้ กั เรยี นอา่ นคำตอบบนกระดานพร้อมๆ กัน

morning Monday night
cafeteria homework afternoon
evening Science bed

3. ครูให้นักเรียนทำกิจกรรมขั้นก่อนฟัง โดยอ่านประโยคที่กำหนดให้ ในแบบฝึกหัด หน้า 8 ข้อ 3 Listen
and write. พร้อมกัน จากนั้นครูเปิด CD/track 13 ให้นักเรียนฟัง 2-3 ครั้ง และให้นักเรียนเติมคำท่ีขาด
หายไปลงในชอ่ งวา่ ง

1. The students are in the playground.
2. I do homework at 6 o’clock in the evening.
3. They’ve got Science at 9:30 in the morning.
4. The students have lunch in the cafeteria.
5. I watch television at night.
6. I’ve got Art in the afternoon.

เมื่อนักเรียนเติมคำศัพท์เสร็จแล้ว ครูตดิ แผ่นป้ายขนาดใหญ่ที่เขียน Audio script ไว้บนกระดาน และเปิด
CD/track 13 อีกครั้ง โดยให้นักเรียนอ่าน Audio script บนกระดานตามไปด้วย เพ่ือเฉลยคำตอบ เม่ือ
นักเรียนฟัง CD จบแลว้ ครูให้นกั เรยี นตรวจคำตอบของตนเองและแก้ไขใหถ้ ูกตอ้ ง

31

จากน้ันครูสุ่มเรียกนักเรียน 6 คน ให้อ่านคำตอบคนละ 1 ข้อ เสร็จแล้วจึงให้นักเรียนทั้งชั้นอ่านคำตอบ
พรอ้ มกันอกี ครงั้ หนง่ึ
4. นักเรียนดูรูปภาพที่กำหนดให้ ในแบบฝึกหัด หน้า 9 ข้อ 4 What does May do at school? Put the
pictures in order and say. จากนั้นเรียงรูปภาพดังกล่าว ให้ถูกต้องตามลำดับเหตุการณ์ที่นักเรียนคาด
วา่ จะเปน็ ไปได้ เสรจ็ แลว้ ครูชภู าพใบหนา้ May แลว้ ถามนักเรียนว่า

Teacher: Who is she?
Students: She’s May.
Teacher: What does May do at school?ครชู ีท้ ่ภี าพทีละภาพ จาก A-E
Students: She eats lunch, learns P.E., goes home, plays, learns Science.

(ตอบตามภาพทีค่ รูช้ี ยงั ไม่เรยี งลำดบั เหตุการณ์ตามเวลา)
Teacher: Excellent!
5. นักเรียนทำงานเป็นกลุ่ม กลุ่มละ 4 คน ช่วยกันแต่งประโยคให้ถูกต้องตามหลักไวยากรณ์ และเรียง
เหตุการณ์ตามลำดับเวลา โดยเขียนลงบนกระดาษ เมื่อทุกกลุ่มพร้อม จึงส่งตัวแทนออกมาอ่านประโยคที่
รา่ งไว้ ทลี ะกลมุ่ ครูจดบนั ทึกและให้คะแนนแกน่ กั เรยี นทุกคน เพอ่ื เปน็ คะแนนเก็บปลายภาค

E, D, A, B, C
(Suggested Answer)

May’s got Science at 9:30 am. She plays in the
playground with her friends at 10:30 am. She has lunch at
12:00 am. At 1:00 pm in the afternoon she’s got P.E. She goes
home at 3:30 pm.

6. ครูทบทวนเรือ่ ง Present Simple Tense อกี ครั้ง โดยเน้นว่า

ประธานเอกพจน์ (ยกเว้น I, you) - กรยิ าเตมิ s/es
กรยิ าชอ่ ง 1 (ไมเ่ ติม s)
ประธานพหูพจน์ -

7. ครูทดสอบความเข้าใจของนักเรียนแต่ละคน (Individual work) โดยให้นักเรียนอ่านประโยคบอกเล่าท่ี
กำหนดให้ ซึ่งอยู่ในรูปของ Present Simple Tense ในแบบฝึกหัด หน้า 9 ข้อ 5 Read and compare.
และให้เวลานักเรียน 5-6 นาที เลือกวงกลมคำกริยาท่ีถูกต้องในแต่ละประโยค เสร็จแล้วครูให้นักเรียน
ช่วยกันเฉลยคำตอบ โดยครเู ขียนคำตอบที่ถกู ต้องบนกระดาน

1. like 3. listens 5. play
2. eat 4. read 6. writes

32

8. ครูให้นักเรียนตรวจคำตอบของตนเอง และแจ้งให้นักเรียนทราบว่า คนท่ีถูกมากกว่า 5 ข้อ ถือว่าผ่าน
จากนั้นให้นักเรียนอ่านประโยคที่ถูกต้องท้ัง 6 ประโยค พร้อมๆ กัน โดยเน้นออกเสียง s หลังคำกริยาเม่ือ
ประธานเป็นเอกพจน์

1. goes 4. wishes 7. studies 10. carries
2. does 5. watch 8. kisses
3. try 6. plays 9. cry

9. นักเรียนทำแบบทดสอบด้วยตนเอง (Individual work) เพื่อประเมินตนเองภายในระยะเวลาที่ครูกำหนด
ครูเน้นให้นักเรียนมีความซ่ือสัตย์สุจริต และหยิ่งในศักดิ์ศรีของตนเอง จึงไม่ควรลอกงานของผู้อ่ืน จากนั้น
ครูพดู เฉลยคำตอบ โดยใหน้ ักเรียนแลกกนั ตรวจแบบทดสอบกบั เพือ่ น ครูชี้แจงให้นักเรยี นทราบว่า ตอบถูก
1 ขอ้ จะคดิ เปน็ 1 คะแนน ผู้ใดถูกเกนิ กวา่ 8 ขอ้ ถือว่าผ่านเกณฑ์

7. การวดั และประเมินผล
7.1 การประเมินก่อนเรยี น
- ประเมนิ การทำแบบทดสอบ
7.2 การประเมนิ ระหวา่ งการจดั กิจกรรมการเรยี นรู้
- ประเมินการทำแบบฝกึ หดั
- สังเกตพฤตกิ รรมการเรียนรใู้ นช่วงการทำกิจกรรม
7.3 การประเมินหลังการเรยี น
- ประเมนิ การทำแบบทดสอบ
- ประเมินคุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์
7.4 การประเมินช้นิ งาน/ภาระงาน (รวบยอด)
- ประเมนิ การพดู นำเสนอเกย่ี วกบั กิจวัตรประจำวันของตนเอง
- ประเมนิ งานเขียนจดหมายถึงครูเกย่ี วกบั เพือ่ นท่ีตนชอบ
- ประเมินการอา่ นออกเสียงความเรียงที่กำหนด
- ประเมินงานเขียนเกีย่ วกบั กจิ วัตรประจำวนั ของตนเองใน 1 วนั
- ประเมนิ การรวบรวมคำศพั ท์ ใน My word book

8. สอื่ /แหล่งการเรียนรู้ 4. บัตรภาพ บัตรคำ
1. หนงั สอื เรียน Smile ป.4 5. ซองจดหมาย และกระดาษเขียนจดหมาย
2. แบบฝกึ หดั Smile ป.4
3. Audio CD Smile ป.4

33

แผนการจัดกwารเรียนรู้ที่ 4
Unit 1 School day

1. สาระสำคัญ
การเรียนรู้คำศัพท์เกี่ยวกับชีวิตประจำวัน และโครงสร้างประโยค Present Simple Tense ทำให้

ผู้เรียนสามารถพูดและเขียนเก่ียวกับชีวิตในโรงเรียนของตนเองได้ ซ่ึงเป็นการเรียนรู้ภาษาอังกฤษเพ่ือนำไปใช้
สอ่ื สารในชีวติ ประจำวนั

2. ตวั ชี้วัด/จุดประสงคก์ ารเรียนรู้
- อา่ นออกเสยี งคำและขอ้ ความสน้ั ๆ ถกู ต้องตามหลกั การอ่านได้
- พูดและเขียนใหข้ ้อมูลเกี่ยวกบั ชวี ิตประจำวันของตนเองได้
- ฟังและอ่านจับใจความได้
- เขยี นจดหมายเกยี่ วกบั เพอ่ื นของตนเองได้
- เขียนแผนภูมิเวนน์ (Venn Diagram) เพ่อื แสดงความสมั พันธ์ของส่งิ ทเี่ พ่ือนชอบได้
- ใช้ Present Simple Tense ได้ถูกต้อง
- เล่นเกมและร้องเพลงภาษาองั กฤษท่ีกำหนดได้

3. สาระการเรยี นรู้
3.1 สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง
- กลุ่มคำ ประโยคเด่ยี ว และความหมายเก่ยี วกบั ตนเอง และโรงเรียน
- ประโยค และเน้ือเรอ่ื งสน้ั ๆ ทมี่ ภี าพประกอบ
- ประโยคและข้อความที่ใช้ในการพดู ใหข้ ้อมูลเกีย่ วกบั ตนเอง
- คำ กลุม่ คำทม่ี ีความหมายสมั พันธข์ องส่ิงต่างๆใกล้ตวั เช่น แผนภมู ิ Venn Diagram
- กจิ กรรมทางภาษาและวฒั นธรรม เชน่ การเลน่ เกม การรอ้ งเพลง
- การใช้ภาษาในการฟัง/พดู ในสถานการณง์ ่ายๆ ทเ่ี กดิ ขึน้ ในห้องเรยี น
- การใชภ้ าษาตา่ งประเทศในการรวบรวมคำศัพท์ที่เก่ยี วข้องใกลต้ ัว จากสื่อและแหลง่ การ
เรียนรตู้ า่ งๆ
- Present Simple Tense
3.2 สาระการเรยี นรทู้ อ้ งถิ่น
-

34

4. สมรรถนะสำคัญของผเู้ รียน
4.1 ความสามารถในการคดิ
- การคิดวิเคราะห์
- การคดิ อยา่ งสรา้ งสรรค์
4.2 ความสามารถในการส่อื สาร

5. คุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์
- ซอ่ื สตั ย์สุจรติ
- มุ่งม่นั ในการทำงาน
- มีวนิ ัย

6. กิจกรรมการเรียนรู้
กจิ กรรมนำสู่การเรียน
1. ครูให้นักเรียนเล่นเกม Memory game เพื่อทบทวนคำศัพท์ที่นักเรียนได้เรียนมาแล้ว โดยเรียงบัตรภาพ

บนกระดานแถว A และบัตรคำบนกระดานแถว B ให้เวลานักเรียนในการจำประมาณ 30 วินาที จากน้ัน
ครคู ว่ำบัตรภาพบนกระดาน แลว้ ใหน้ ักเรียนจบั คูบ่ ตั รภาพกับบตั รคำใหต้ รงกัน

12345

A ภาพโรงอาหาร ภาพโรงยิม ภาพหอ้ งดนตรี ภาพหอ้ งสมุด ภาพหอ้ งศลิ ปะ (บัตรภาพ)

B gym library Art cafeteria Music (บตั รคำ)

ตัวอย่าง Student 1: A1 ภาพโรงอาหาร คูก่ บั B4 cafeteria
2. ครูแจ้งจดุ ประสงคก์ ารเรียนรูใ้ นช่ัวโมงน้ี ให้นกั เรยี นทราบ
กิจกรรมพัฒนาการเรียนรู้
1. นักเรียนทดสอบความเข้าใจเก่ียวกับหลักการเติม s ของ Present Simple Tense โดยอ่านประโยคท่ี

กำหนดให้ ในหนังสือเรียน หน้า 10 ข้อ 6 Circle the answers. แล้วเขยี นคำตอบที่ถูกต้องลงในสมุดของ
ตนเอง ครูอธิบายให้นักเรียนฟังว่ากิจกรรมน้ีถือเป็นการประเมินตนเอง จึงให้นักเรียนทำงานด้วยตนเอง
อย่างซ่ือสัตย์ เสร็จแล้วครูให้นักเรียนแลกเปล่ียนสมุดกับเพื่อนที่น่ังข้างๆ เพื่อสลับกันตรวจ โดยครูเขียน
คำตอบทถ่ี ูกต้องบนกระดาน ครอู ธิบายว่าคนท่ตี อบถกู เกนิ 5 ขอ้ ถอื วา่ ผา่ น

1. like 3. listens 5. reads
2. play 4. go 6. make

35

นกั เรยี นอ่านประโยคท่ีถูกต้องโดยเน้นการออกเสียง s หลังคำกริยา ในขอ้ ทม่ี ีประธานเปน็ เอกพจน์ สุดท้าย
ครสู ุ่มเรยี กนักเรียน 6 คน ใหย้ นื ขน้ึ อา่ นประโยคทีถ่ กู ตอ้ งอีกครั้ง คนละ 1 ประโยค
2. นักเรียนเล่นเกม Circle and the Blind โดยครูให้นักเรียนทุกคนลุกจากที่น่ัง แล้วแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม
เท่าๆ กัน ตามความสมัครใจ กลุ่มแรกจับมือกันทำเป็นวงกลมวงใหญ่ และอีกกลุ่มหนึ่งเข้ามาอยู่ในวงกลม
กลุ่มท่ีอยู่ภายในวงกลมจะถูกปิดตา เมื่อครูให้สัญญาณโดยการเป่านกหวีด ผู้ท่ีอยู่ในวงกลมจะเลือกผู้ที่จับ
มือเป็นวงกลม (ตาบอดจับคู่กับตาดี) เมื่อได้คู่ของแต่ละคนแล้ว ครูแจกกระดาษให้คู่ละ 1 แผ่น เพื่อเขียน
กิจวัตรประจำวันของตนในแต่ละวัน และเปรียบเทียบกับกิจวัตรประจำวันของคู่ตนเอง จากน้ันจึงเขียน
กิจวัตรของแต่ละคนลงในวงกลม 2 วง ซึ่งซ้อนกัน โดยส่วนที่ซ้อนกันคือกิจวัตรท่ีเหมือนกัน นักเรียน
สามารถดตู ัวอยา่ งได้จากหนงั สือเรยี น หนา้ 9 ขอ้ 5 ซงึ่ ไดเ้ รยี นมาแลว้
ครใู ห้นกั เรยี นแต่ละคู่ปรกึ ษากันในการทำงาน โดยใหน้ ักเรียนร่างประโยคคนละ 5 ประโยค แตล่ ะคู่ช่วยกัน
เปรียบเทียบข้อมูลของคู่ตนเอง แล้วจึงวาดวงกลม 2 วง และเติมข้อมูลลงในวงกลม (อาจระบายสีวงกลม
เพื่อความสวยงามและชัดเจน) จากนั้นให้นักเรียนฝึกพูด ครูให้นักเรียนท่ีมีความพร้อมก่อนออกมารายงาน
หน้าช้ันตามความสมัครใจ เช่น ด.ช.เคน และด.ญ.จอย ออกมาหน้าชั้น และโชว์ผลงานของคู่ตนเองให้
เพื่อนๆ ดู พรอ้ มกับพดู นำเสนอ

Joy Ken

- eats breakfast at 6:30. - go to school - eats breakfast at 7:00.
- plays baseball.
- plays badminton. by bus. - likes English.
- have lunch
- likes P.E. at noon.

Joy: I eat breakfast at 6:30. I play badminton. And I like P.E.
(ช้นี วิ้ ประกอบในวงกลมของตนเองขณะพดู )

Ken: I eat breakfast at 7:00. I play baseball. And I like English.
(ชน้ี ้ิวประกอบในวงกลมของตนเองขณะพูด)

Joy & Ken: (พูดพร้อมกัน) We go to school by bus. We have lunch at noon.
(ช้นี ้ิวประกอบในสว่ นวงกลมท่ีซอ้ นทบั กนั )

ครใู หค้ ะแนนการนำเสนอหนา้ ชั้นของนกั เรยี นแตล่ ะคู่ เพื่อเป็นคะแนนเก็บ 10 คะแนน

36

3. นักเรียนเปิดหนังสือเรียน หน้า 10 ข้อ 7 Ask, answer and tell the class. และอ่านบทสนทนาระหว่าง

May และ Anna พร้อมกัน โดยครูให้นักเรียนครึ่งห้องฝ่ังซ้าย เป็น May และนักเรียนอีกคร่ึงห้อง

ฝ่ังขวา เป็น Anna

Anna: May, do you like Art?

May: Yes, I do.

Anna: Do you like Maths?

May: No, I don’t.

นกั เรียนทกุ คนอา่ นสรปุ พร้อมๆ กัน ดงั น้ี

Students: May likes Art. She doesn’t like Maths.

4. ครูอธิบายสรุปเก่ียวกับประโยคคำถาม คำตอบ และปฏิเสธในรูปของ Present Simple Tense อีกคร้ัง

และเนน้ ให้นักเรยี นระมดั ระวังในการใช้ประโยคบอกเล่าและปฏิเสธ เมอื่ ประธานของประโยคเปน็ เอกพจน์

5. นักเรียนจับคู่กับเพื่อนข้างเคียง เพ่ือฝึกสนทนาดังตัวอย่างข้างต้น โดยให้แต่ละคู่ผลัดกันเป็นท้ังผู้ถามและ

ผตู้ อบ ครูเดินสงั เกตพฤตกิ รรมการเรียนรู้ ขณะนกั เรยี นทำกจิ กรรม

ตัวอย่าง Jim: Pat, do you like Science?

Pat: Yes, I do.

Jim: Do you like Maths?

Pat: No, I don’t.

จากนัน้ จึงขออาสาสมคั ร 3 คู่ ออกมาพดู บทสนทนาหนา้ ช้ันเรียน รวมท้ังสรปุ ผล เช่น

Jim: Pat likes Science. She doesn’t like Maths. (ชท้ี ่ี Pat)

Pat: Jim likes P.E. He doesn’t like Art. (ชี้ที่ Jim)

เสร็จแลว้ ครูใหน้ กั เรยี นทง้ั ช้ันปรบมอื ใหก้ ำลังใจ

6. นักเรียนดูรูปภาพในหนังสือเรียน หน้า 11 ข้อ 8 Listen, read and say ‘yes’ or ‘no’. แล้วบอกครูว่า

เห็นอะไรในรปู ภาพบ้าง

Teacher: Class, what do you see in the pictures?

Students: School, classroom, canteen, football, students,

lunch,….etc.

7. ครูบอกนักเรียนว่าในรูปภาพท่ีนักเรียนเห็นเป็นกิจวัตรประจำวันของ Ben ในวันจันทร์ จากนั้น

ครเู ปดิ CD/track 16 ให้นกั เรยี นฟงั 2-3 รอบ โดยใหน้ ักเรียนดูเนื้อหาในหนังสือเรยี นตามไปดว้ ย

Today is Monday. Ben goes to school at 8 o’clock.
He’s got Science and Maths in the morning. He eats lunch at
11:30. In the afternoon, he’s got Music and Art. At break time,
he plays football. He goes home at 4 o’clock.

37

8. ครูแบ่งนักเรียนออกเป็นกลุ่ม กลุ่มละ 5 คน โดยแบ่งตามใบรายช่ือของนักเรียน โดยให้นักเรียน
แต่ละกลมุ่ ช่วยกันระดมความคิด (Brainstorm) และตัดสินว่าประโยคที่กำหนดให้ (a-e) ถูกหรอื ผดิ เพราะ
อะไร เสร็จแลว้ นักเรียนช่วยกนั เฉลยคำตอบ โดยครอู ่านประโยค และนกั เรยี นพูดวา่ ‘Yes’ หรือ ‘No’

a. Ben’s got Music in the morning. No.
b. He’s got Art in the afternoon. Yes.
c. He plays football at break time. Yes.
d. He eats lunch at twelve. No.
e. He goes home at four. Yes.

นักเรียนบอกเหตุผลข้อที่ตอบ No (ข้อ a และ d) และระบุประโยคที่ถูกต้องควรเป็นอะไร จากน้ันครูบอก

นักเรียนว่าให้นักเรียนแข่งขันอ่านออกเสียง (Reading Competition) โดยครูให้นักเรียนกลุ่มเดิมฝึกอ่าน

ออกเสียงเน้ือหาในหนังสือเรยี น หน้า 11 ข้อ 8 ตาม CD 1 รอบ และใหน้ ักเรยี นฝึกอ่านกันเองภายในกลุ่ม

ประมาณ 5-10 นาที จากน้นั ครูอธิบายเกณฑ์ที่ใช้ในการตัดสินการแขง่ ขนั ใหน้ กั เรียนทราบ ดงั น้ี

ความพร้อม การฝึกเตรียมตวั มาก่อน

เสียงดงั ฟงั ชัด ข้อละ 10 คะแนน
อา่ นคำศพั ท์และประโยคไดถ้ กู ต้อง

สำเนยี งเหมือนเจ้าของภาษา

9. ครูให้แต่ละกลุ่มอ่านออกเสียงทีละกลุ่ม ตามลำดับความพร้อม ครูคอยสังเกตและให้คะแนนตามเกณฑ์ท่ีได้

แจ้งไว้ เมื่อแต่ละกลุ่มอ่านเสร็จแล้ว ครูรวบรวมคะแนน และประกาศกลุ่มที่ชนะเลิศ และให้รางวัลเล็กๆ

น้อยๆ เพอ่ื เปน็ แรงจูงใจต่อไป เช่น ลกู อม ปากกา ดนิ สอ ยางลบ ฯลฯ

10. ครูทบทวนการใช้ have/have got ในประโยคบอกเล่า ปฏิเสธ และคำถาม ในรูปของ Present Simple

Tense ดงั น้ี

have หรอื have got ใช้ในการแสดงความเปน็ เจ้าของ หรอื ความหมายทเ่ี กยี่ วข้องกนั

บอกเล่า ประธานเอกพจน์ (ยกเวน้ I, you) + has/ has got
have/have got
ประธานพหูพจน์ +

ปฏิเสธ ประธานเอกพจน์ (ยกเวน้ I, you) + hasn’t got / doesn’t have
haven’t got / don’t have
ประธานพหูพจน์ +

38

Does + ประธานเอกพจน์ (ยกเว้น I, you) + have…………? หรือ

คำถาม Has + ประธานเอกพจน์ (ยกเว้น I, you) + got………….?
Do + ประธานพหูพจน์ + have………? หรอื

Have + ประธานพหูพจน์ + got ………?

Background Information
คำกริยา ‘have’ กบั ‘have got’ ตา่ งกนั อย่างไร
‘have’ กับ ‘have got’ คือ คำกริยาตัวเดียวกัน โดย ‘have got’ เป็น
ภาษาอังกฤษแบบอังกฤษ (British English) และมักใช้ในภาษาพูดหรือภาษาที่ไม่เป็น
ทางการ (informal) มีความหมายว่า ‘มี’ (แสดงถึงความเป็นเจ้าของ) เช่น I have 2
books. หรือ I have got 2 books. แต่คำกริยา ‘have’ และ ‘have got’ นั้น มี
ความหมายมากกว่า ‘ม’ี อยา่ งทีค่ ุ้นเคยและพบอย่บู ่อยๆ คือ
╴ ใช้ในความหมายวา่ ‘กิน’ หรือ ‘รับประทาน’
เช่น I have eggs for breakfast. I’ve got salad.
╴ ใช้เมอ่ื พดู ถงึ การเจ็บไขไ้ ด้ปว่ ย
เชน่ She has a headache. I’ve got a stomachache.
╴ ใชเ้ มื่อพูดถงึ การเรยี น
เชน่ I have Maths. I’ve got Science.

11. ครูเตรียมพร้อมนักเรียนในการทำกิจกรรมในหนังสือเรียน หน้า 11 ข้อ 9 Look and write about your
day. โดยใหน้ ักเรียนเล่นเกม Who are you? เพ่ือทบทวนคำศัพท์วัน ทั้ง 7 วัน ใน 1 สปั ดาห์ โดยครชู ูบตั ร
คำ ดงั น้ี

Sunday Monday Tuesday Wednesday

Thursday Friday Saturday

นกั เรียนอ่านคำศพั ทว์ ันทั้ง 7 ในบตั รคำพรอ้ มๆ กนั จากน้ันครูถามคำถามนักเรียน (elicit) ดังน้ี
Teacher: How many days do you go to school?
Students: Five days.
Teacher: What are the days?
Students: Monday, Tuesday, Wednesday, Thursday and Friday.
Teacher: What about Saturday and Sunday?

39

Students: We play games, watch T.V., go shopping, stay at home,….etc.
(นักเรยี นแข่งกนั ตอบ)

Teacher: Excellent!
ครูแจกกระดาษแข็งขนาดไปรษณียบัตรแก่นักเรียน คนละ 1 แผ่น เลือกวันท่ีตนเองชอบ 1 วัน แล้วแต่ง
ประโยคอย่างน้อย 8 ประโยค เก่ียวกับกิจวัตรประจำวันของตนเอง โดยดูตัวอย่างการเขียนของ Ben ใน
หนังสือเรยี น หน้า 11 ข้อ 8 และเขียนลงท้ายเฉพาะอักษรตัวแรกของชื่อตนเอง ให้นักเรียนทำงานคนเดียว
(Individual work) แต่อาจถามเพ่ือนหรือปรึกษาครูได้ ครูเน้นให้นักเรียนมีความคิดริเร่ิมสร้างสรรรค์ และ
ใช้ Present Simple Tense ให้ถูกต้อง โดยครูพยายามกระตุ้นให้นักเรียนมีความมุ่งม่ันในการทำงาน ไม่
ควรท้อถอยเมือ่ พบปัญหาหรืออุปสรรคในการทำงาน

ตัวอยา่ ง 1
Today is Wednesday. I go to school at 7:30. I’ve got English and

Maths in the morning. I have lunch at noon in the canteen.
In the afternoon, I’ve got P.E. and Music. At break time, I drink

school milk and play football. I go home by bus at 4:30.

ตวั อยา่ ง 2
Today is Sunday. I get up very late. I have breakfast at 10

o’clock. I do my homework in the morning. I have lunch at 12:30.
In the afternoon, I watch T.V. with my mother. I play football

with my father. I have dinner at 6 o’clock.

กจิ กรรมรวบยอด

1. นักเรียนทบทวนการใช้คำกริยาใน Present Simple Tense อีกคร้ัง โดยเปิดแบบฝึกหัด หน้า 10 ข้อ 6

Complete the sentences. โดยก่อนทำ ครดู ึงความสนใจของผเู้ รยี น ด้วยการชูภาพของ Anna แล้วถาม

นกั เรียนดงั ต่อไปน้ี

Teacher: Class…..be quiet! Who is she? (ชูใบหน้า Anna)

Students: She’s Anna.

Teacher: What does she do? (ช้ที ภี่ าพในแบบฝกึ หดั )

Students: She plays with her friends.

นักเรียนอ่านเน้ือเร่ืองที่กำหนดให้ แล้วนำคำท่ีให้ไว้เติมลงในช่องว่างให้สมบูรณ์ จากน้ันครูให้นักเรียน

ช่วยกันเฉลยคำตอบ โดยครูเขียนคำกริยาที่ถูกต้องบนกระดาน เพ่ือให้นักเรียนตรวจคำตอบของตนเองอีก

ครัง้ เสร็จแลว้ ครูใหน้ ักเรียนอา่ นเนื้อเรอื่ งทีเ่ ติมคำสมบรู ณแ์ ล้วพร้อมๆ กนั

1. gets up 2. eat 3. go 4. plays

40

2. นักเรียนเล่นเกม Triple Game (3 คน อลเวง) โดยครใู ห้นักเรียนทุกคนยืนข้ึน เมื่อครูเป่านกหวีด นักเรียน
ต้องจับกลุ่ม กลุ่มละ 3 คน โดยมีข้อแม้ว่าต้องมีท้ังนักเรียนชายและหญิงอยู่ในกลุ่ม ทุกคนนำแบบฝึกหัด
Smile ป.4 ติดมือไปด้วย จากน้ันครใู ห้นักเรยี น 1 คนในแต่ละกลุ่มถามคำถามเพ่ือนซ่ึงเป็นนักเรียนชาย 1
คน และนักเรียนหญิง 1 คน เก่ียวกับวิชาต่างๆ เหมือนดังตัวอย่างในแบบฝึกหัด หน้า 10 ข้อ 7 Ask two
students in class. Write yes or no. เชน่
Student: Do you like Computer?
Boy: Yes, I do.
Girl: No, I don’t.
เม่ือได้รับคำตอบแล้ว นักเรียนที่เป็นคนถามเขียนคำตอบของเพื่อนส้ันๆ ว่า Yes หรือ No ลงในตารางที่
กำหนดให้ จากนั้นถามคำถามข้อทเี่ หลือ จนครบ 3 ข้อ เมอื่ นักเรียนได้ยินสญั ญาณนกหวีดจากครอู ีกครั้ง
นักเรยี นทุกคนต้องจับกลุ่มใหม่ ซ่ึงสมาชิกในกลุ่มต้องไมซ่ ้ำกบั กลุ่มเดิม และมีทั้งนักเรียนชายและนักเรียน
หญิงอย่ภู ายในกล่มุ แล้วดำเนินกจิ กรรมเช่นเดิม โดยครกู ำหนดให้นักเรียนทุกคนต้องมีโอกาสเป็นทัง้ ผ้ถู าม
คำถามและผู้ตอบ และจดบันทึกคำตอบลงในแบบฝึกหัด โดยเขียนชื่อเพ่ือนทตี่ นถามลงไปด้วย จากน้นั จึง
เติมประโยคท่ีกำหนดให้ใต้ตารางให้สมบูรณ์ด้วยคำว่า ‘likes’ หรือ ‘doesn’t like’ โดยอาศัยข้อมูลจาก
คำตอบของเพอื่ นทีน่ ักเรยี นได้ถาม เชน่
1) Ann is a girl in my class. She doesn’t like Computer.
She likes Music. She doesn’t like Maths.
2) Ken is a boy in my class. He likes Computer.
He doesn’t like Music. He likes Maths.
นักเรยี นนำแบบฝกึ หัดมาส่งครูท้ายชั่วโมง เพอ่ื ครูจะไดร้ วบรวมนำไปตรวจในเวลาวา่ ง

3. นักเรียนดูภาพกิจกรรมของ Anna ในแบบฝึกหัด หน้า 11 ข้อ 8 Listen and complete. จากนั้นอ่าน
ประโยคท่ีกำหนดให้ ซึ่งยังไม่สมบูรณ์ เพื่อเตรียมความพร้อมก่อนฟัง CD เสร็จแล้วครูเปิด CD/ track 17
ใหน้ กั เรียนฟัง 2 ครงั้

Anna’s Day
1. Anna’s first class is in the gym. Anna likes P.E. It’s easy.
2. Then, Anna goes to the classroom. There she reads, writes

and studies Maths.
3. At 12:00, she has lunch in the playground with her friends.
4. After lunch, Anna’s got Art class and Science.
5. After school, Anna goes home. She does homework but it’s

difficult.
6 Anna goes to bed at 8:00 pm.

41

นักเรียนช่วยกันเฉลยคำตอบ เสร็จแล้วครูติดแผ่นป้าย Audio script ของ CD/track 17 ให้นักเรียนดูบน
กระดาน และให้นกั เรยี นอา่ นออกเสยี งโดยพรอ้ มเพรียงกนั ครูสุ่มเรียกนกั เรยี น 6 คน ให้ยืนขึ้นอา่ นทีละคน
เพื่อเปน็ การตรวจสอบความสามารถในการอา่ นของนักเรียนอีกครัง้ หนงึ่
4. นักเรียนแบ่งออกเป็นกลุ่ม กลุ่มละ 4 คน เพื่อแข่งขันกันเรียงประโยคให้ถูกต้อง ซ่ึงมีอยู่ด้วยกันทั้งหมด 6
ประโยค ในแบบฝึกหัด หน้า 11 ข้อ 9 Write the sentences. โดยครูแจกกระดาษเปล่าให้แต่ละกลุ่ม
กลุ่มละ 1 แผ่น นักเรียนช่วยกันคิดและเรียงประโยคให้ถูกต้อง โดยกลุ่มที่เสร็จก่อนและส่งงานแก่ครูโดย
เรียงประโยคได้ถูกต้องทุกข้อ จึงจะถือว่าชนะ ครูประกาศผลการแข่งขัน และให้รางวัลเล็กๆ น้อยๆ กับ
กลมุ่ ทีช่ นะ จากนน้ั ให้กล่มุ ทช่ี นะออกมาเฉลยคำตอบบนกระดาน

My school starts at 9:00. I study Science and English in
the morning. I’ve got Science in the lab. In the afternoon, I
study Maths in the classroom. After school, I play football
with my friends. I go home at 4:30.

7. การวัดและประเมินผล
7.1 การประเมนิ ก่อนเรียน
- ประเมินการทำแบบทดสอบ
7.2 การประเมินระหว่างการจดั กิจกรรมการเรยี นรู้
- ประเมินการทำแบบฝึกหัด
- สงั เกตพฤตกิ รรมการเรียนรู้ในช่วงการทำกิจกรรม
7.3 การประเมนิ หลังการเรยี น
- ประเมินการทำแบบทดสอบ
- ประเมนิ คณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์
7.4 การประเมินช้ินงาน/ภาระงาน (รวบยอด)
- ประเมินการพดู นำเสนอเกีย่ วกับกจิ วตั รประจำวันของตนเอง
- ประเมินงานเขียนจดหมายถึงครูเกีย่ วกับเพือ่ นทีต่ นชอบ
- ประเมนิ การอา่ นออกเสยี งความเรยี งท่กี ำหนด
- ประเมินงานเขยี นเก่ียวกับกิจวตั รประจำวนั ของตนเองใน 1 วนั
- ประเมนิ การรวบรวมคำศพั ท์ ใน My word book

42

8. สอ่ื /แหล่งการเรยี นรู้
1. หนังสือเรียน Smile ป.4
2. แบบฝกึ หัด Smile ป.4
3. Audio CD Smile ป.4
4. บตั รภาพ บตั รคำ
5. ซองจดหมาย และกระดาษเขียนจดหมาย

43

แผนการจดั กwารเรียนรู้ที่ 5
Unit 1 School day

1. สาระสำคัญ
การเรียนรู้คำศัพท์เกี่ยวกับชีวิตประจำวัน และโครงสร้างประโยค Present Simple Tense ทำให้

ผู้เรียนสามารถพูดและเขียนเก่ียวกับชีวิตในโรงเรียนของตนเองได้ ซ่ึงเป็นการเรียนรู้ภาษาอังกฤษเพ่ือนำไปใช้
สอ่ื สารในชีวติ ประจำวนั

2. ตวั ชี้วัด/จุดประสงคก์ ารเรียนรู้
- อา่ นออกเสยี งคำและขอ้ ความสน้ั ๆ ถกู ต้องตามหลกั การอ่านได้
- พูดและเขียนใหข้ ้อมูลเกี่ยวกับชวี ิตประจำวนั ของตนเองได้
- ฟังและอ่านจับใจความได้
- เขยี นจดหมายเกยี่ วกบั เพอ่ื นของตนเองได้
- เขียนแผนภมู ิเวนน์ (Venn Diagram) เพ่อื แสดงความสมั พันธ์ของสิ่งทเี่ พ่ือนชอบได้
- ใช้ Present Simple Tense ได้ถูกต้อง
- เล่นเกมและร้องเพลงภาษาองั กฤษท่ีกำหนดได้

3. สาระการเรยี นรู้
3.1 สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง
- กลุ่มคำ ประโยคเด่ยี ว และความหมายเก่ยี วกบั ตนเอง และโรงเรียน
- ประโยค และเน้ือเรอ่ื งสน้ั ๆ ทมี่ ภี าพประกอบ
- ประโยคและข้อความที่ใช้ในการพดู ใหข้ ้อมูลเกีย่ วกบั ตนเอง
- คำ กลุม่ คำทม่ี ีความหมายสมั พันธข์ องส่ิงต่างๆใกล้ตวั เช่น แผนภมู ิ Venn Diagram
- กจิ กรรมทางภาษาและวฒั นธรรม เชน่ การเลน่ เกม การร้องเพลง
- การใช้ภาษาในการฟัง/พดู ในสถานการณง์ ่ายๆ ทเ่ี กดิ ขึน้ ในห้องเรยี น
- การใชภ้ าษาตา่ งประเทศในการรวบรวมคำศัพท์ที่เก่ยี วข้องใกลต้ ัว จากสื่อและแหลง่ การ
เรียนรตู้ า่ งๆ
- Present Simple Tense
3.2 สาระการเรยี นรทู้ อ้ งถิ่น
-

44

4. สมรรถนะสำคญั ของผเู้ รยี น
4.1 ความสามารถในการคดิ
- การคดิ วิเคราะห์
- การคิดอย่างสร้างสรรค์
4.2 ความสามารถในการสื่อสาร

5. คุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์
- ซื่อสัตยส์ จุ ริต
- มุ่งม่นั ในการทำงาน
- มวี ินยั

6. กิจกรรมการเรียนรู้
กิจกรรมนำสูก่ ารเรยี น
1. ครทู บทวนส่งิ ท่ีนกั เรยี นไดเ้ รียนมาแลว้ โดยการถามคำถามเกีย่ วกบั สง่ิ ทีน่ ักเรยี นเรียนในแตล่ ะวนั

- What subject have you got on Monday in the afternoon?
- What subject have you got on Friday in the morning?
- When have you got P.E.?
2. ครูแจง้ จุดประสงค์การเรยี นรใู้ นบทเรยี นนีว้ ่า นกั เรียนจะได้ทบทวนและฝกึ ซ้ำในสงิ่ ที่เรียนมาแล้วใน Unit 1
โดยนักเรยี นจะไดพ้ ดู และเขียนบอกเล่าเก่ยี วกับชวี ติ ในโรงเรียนของตนเอง อ่านและเขียน จดหมายถึงเพือ่ น
ทางจดหมาย และ e-mail
กจิ กรรมพฒั นาการเรียนรู้
1. นกั เรยี นอ่านประโยคคำถาม ในหนังสือเรียน หน้า 12 ข้อ 1 Match the questions and answers. แล้ว
ถามนักเรียนว่าคำถามข้อใดที่ตอบด้วย Yes หรือ No ได้ เม่ือได้คำตอบว่า คำถามข้อ 4 และ 5 แล้ว ครู
ถามวา่ คำถามขอ้ 5 Can you play basketball? ตรงกับคำตอบข้อใด เพราะอะไร เมอื่ ได้คำตอบว่า No, I
can’t. เพราะมคี ำว่า can’t อยู่ ครูถามวา่ คำถามข้อ 4 Do you like computers? น่าจะตรงกบั คำตอบ
ข้อใด นักเรียนตอบว่าข้อ a Yes, I like computers. เพราะเป็นคำตอบท่ีเหลืออยู่ท่ีขึ้นต้นด้วย Yes หรือ
No จากน้ันครูให้นักเรียนจับคู่คำถามกับคำตอบข้อที่เหลือด้วยตนเองลงในสมุด เสร็จแล้วครูอ่านประโยค
คำถาม และใหน้ ักเรยี นทงั้ ช้ันอ่านประโยคคำตอบข้อทส่ี ัมพันธ์กัน

1. c 2. e 3. d 4. a 5. b

สดุ ท้ายครูให้นักเรยี นจับคู่กันฝึกพูดถาม-ตอบ โดยใช้คำถามทั้ง 5 ข้อ ในข้อ 1 ครูเดินสังเกตขณะนักเรียน
ทำกจิ กรรม และสุม่ เรียกนกั เรียน 3-4 คู่ให้ออกมาสนทนาหนา้ ชนั้ เรียน

45

2. นกั เรียนจับคู่กบั เพ่ือน พูดคยุ แลกเปลี่ยนขอ้ มูลเก่ียวกับกิจวัตรประจำวันของตนเองตามความเปน็ จริง โดย
ใช้โครงสร้างประโยคที่กำหนดให้ในหนังสือเรียน หน้า 12 ข้อ 2 Talk about your school day. ในการ
พูดคุย ครูบอกนักเรียนว่า ครูจะสุ่มเรียกนักเรียน 6 คน ให้ออกมาพูดรายงานกิจวัตรประจำวันของตนเอง
ดังนั้นนกั เรยี นทกุ คนต้องเตรียมพร้อม ฝกึ ซอ้ มการพูดใหด้ ี

(Suggested Answer)
My school starts at 8:00. My favourite subjects are

English and Art. Maths is difficult for me. After school I play
basketball. I go home at 4 o’clock. I do my homework at 8
o’clock. I go to bed at 9 o’clock.

3. ครูเตรยี มอุปกรณ์การสอน ได้แก่ ซองจดหมายท่ีมีสีสันสะดุดตา ครูเปิดซองจดหมาย แล้วดึงแผ่น กระดาษ
สีสดใสออกมาจากซองจดหมาย ทำท่าอา่ น ขยบั ปาก จากนั้นจึงเงยหนา้ ขึ้นถามนักเรยี นว่า
Teacher: What am I doing?
Students: You are reading a letter.
ครูติดภาพใบหน้าของ Maria และ Alison บนกระดาน โดยข้ันกลางด้วยซองจดหมาย แล้วอธิบายวา่
Teacher: This is Maria. She writes a letter to Alison. (ชภ้ี าพประกอบ)
Alison is her friend.

4. นักเรียนรวมกลุ่มทำงานกัน กลุ่มละ 4 คน (Group work) เพื่อเรียงช้ินส่วนของจดหมาย 5 ช้ิน ใน
หนังสือเรียน หน้า 13 ข้อ 3 Read and number. ให้ได้ใจความสมบูรณ์ โดยให้นักเรียนแต่ละคนในกลุ่ม
อ่านประโยคท่ีกำหนดให้จากข้อ A-E แล้วปรึกษากันภายในกลุ่มว่า ข้อความ A-E ข้อความใดควรอยู่ก่อน
หรือหลัง จากน้ันให้แต่ละกลุ่มต้ังชื่อกลุ่มของตนเอง โดยใช้ชื่อดอกไม้เป็นหลัก ครูแจกกระดาษแข็งขนาด
สี่เหลี่ยมผืนผ้าและปากกาเมจิกให้นักเรียนแต่ละกลุ่ม เพ่ือเขียนคำตอบของกลุ่มตนเองลงในกระดาษท่ีครู
แจกให้ ครูให้ทุกกลุ่มนำกระดาษทีเ่ ขียนคำตอบแลว้ มาติดบนกระดานพร้อมๆ กัน รวมทั้งเขยี นช่ือกลุ่มของ
ตนเองบนกระดาน หน้ากระดาษคำตอบของกลมุ่ ตนเอง เช่น

กลุ่ม Rose DCAEB

กลมุ่ Sunflower DCAEB

กลุม่ Orchid DAECB

เสร็จแลว้ ครเู ขียนเฉลยคำตอบให้นกั เรียนดูบนกระดาน

46

D CA E B

ครูติดแผ่นป้ายจดหมายที่เรียงสมบูรณ์แล้ว ให้นักเรียนดูบนกระดาน เพ่ือให้นักเรียนเห็นรูปแบบของ
จดหมาย จากนน้ั ครใู หน้ กั เรยี นอ่านจดหมายพร้อมๆ กัน

Hello Alison, W

How are you? I’m fine. I’m back to school now. I like my school.
This is my school day.
School starts at 8 o’clock. I eat lunch at the cafeteria at 12 o’clock.
I go home at 3 o’clock. In the evening, I eat dinner and then do my
homework. At night, I watch television. I go to bed at 9 o’clock.
Well, it’s time to go. Bye-bye.

Your friend,
Maria

กจิ กรรมรวบยอด
1. ครูช้ีให้นักเรียนดูรูปภาพเด็กผู้หญิง 2 คน ในงานปาร์ตี้ ในหนังสือเรียน หน้า 14 ข้อ 4 Write to

a pen-friend. ครถู ามนกั เรียนท้ังชัน้ วา่ เห็นอะไรในงานปาร์ตี้บา้ ง
Teacher: What do you see in the party?
Students: Anna, Betty, cake, bananas, apples, balloons, etc. (ช่วยกนั ตอบ)
Teacher: (ชมเชยนักเรียน) Very good!

นักเรียนอ่านจดหมายต้นแบบในใจ จากนั้นครูขออาสาสมัครนักเรียน 3 คน ให้ยืนข้ึนอ่าน คนละหน่ึงย่อ
หน้า เสร็จแล้วครูให้นักเรียนเล่นเกมทายใจเพ่ือนคนโปรด (Individual work) โดยการให้นักเรียนนึกถึง
เพ่ือนที่ตนชอบที่สุด 1 คน จากน้ันเขียนจดหมายถึงครู โดยข้ึนต้นด้วย Dear (ชื่อครู), และลงท้ายด้วย
Your student, และเนื้อหาในจดหมายอาจเป็นเหตุการณ์สมมติเกี่ยวกับ Christmas Day party,
Songkarn Day party, Mother’s Day party, New Year Day party, etc. โดยครูเน้นให้นักเรียนมี
ความคิดรเิ ริ่มสรา้ งสรรค์ และปดิ ช่ือเพ่ือนคนโปรดของตนเองเปน็ ความลับ ครูให้เวลานกั เรียนทำกิจกรรมน้ี
ตามความเหมาะสม และตามความสามารถของนักเรียนส่วนใหญ่ และเน้นกับนักเรียนว่า ครมู ีคะแนนเก็บ
ให้ 10 คะแนน ขอให้นกั เรียนตั้งใจและมุ่งม่ันในการทำงาน เพือ่ ให้ผลงานออกมาดีท่ีสดุ เพ่อื เป็นการพฒั นา
ศกั ยภาพของตัวนักเรียนเอง เสร็จแลว้ ใหน้ กั เรยี นนำชนิ้ งานมาสง่ ครู

47

ตัวอยา่ ง

Dear Ms Sompong, W

This is my New Year Day party and this is my best friend, Kritsana.

Kritsana is ten years old. She likes English and Art. She plays the

violin very well. She doesn’t like Maths and Science. They are

difficult for her. I like P.E., Music and Computer. Computer is easy

for me. I like English, too. Tell me about your best friend.

Your student,

Wonpen

ครูขออาสาสมัคร 2 คน คนหนึ่งอ่านชื่อเพื่อนคนโปรดในจดหมายของนักเรียนในห้องแต่ละฉบับ ส่วนอีก
คนหนึง่ ขีด / หลงั ชอื่ นักเรยี นที่ถกู กล่าวถึงในใบรายชือ่ ของหอ้ ง เพื่อสำรวจว่าบุคคลที่เปน็ ทีช่ ่ืนชอบ (ชาย 1
คนและหญงิ 1 คน) มากที่สุดในห้องเรยี น คือใคร
เมอ่ื สำรวจเสรจ็ แล้ว ครูให้นกั เรยี นที่เป็นท่ีชน่ื ชอบทงั้ 2 คน ออกมาหน้าชั้นเรยี น โดยครูเตรยี มมงกุฎและค
ฑากระดาษ เพอ่ื มอบใหใ้ นฐานะ Mr and Miss Popular of the class 4/…… . ทุกคนปรบมอื แสดงความ
ชนื่ ชมใหก้ ับเพ่อื นทง้ั 2 คน ครรู วบรวมจดหมายของนักเรยี นเพ่อื นำไปตรวจในเวลาว่าง
* หมายเหตุ: ถ้าครูคำนวณเวลาแล้วพบว่านักเรียนในห้องอาจใช้เวลาในการทำกิจกรรมนี้นาน ครูควรให้
นักเรียนไปทำเปน็ การบา้ น แล้วจึงลงคะแนนเสียงในชว่ั โมงต่อไป
2. นักเรียนจับคู่กับเพื่อนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกัน เพ่ือถามและตอบคำถามท่ีกำหนดให้ ในแบบฝึกหัด หน้า 12
ขอ้ 1 Answer the questions. เมื่อนกั เรยี นฝกึ พูดถาม-ตอบเสร็จแล้ว ครใู ห้นกั เรยี นเขยี นคำตอบของตน
ลงในแบบฝึกหดั ดว้ ย

e.g. A: What is your favourite subject?
B: English.
A: What subject is difficult for you?
B: Maths.
A: What subject is easy for you?
B: P.E.
A: Do you like Computer?
B: Yes, I do.
A: Can you play the guitar?
B: No, I can’t.
A: Where do you eat lunch?

48

B: In the canteen.
* หมายเหตุ: บางครง้ั เราใชค้ ำว่า canteen แทน cafeteria
ครูบอกนักเรียนให้แสดงสีหน้าท่าทางประกอบการพูดด้วย จากน้ันครูคัดเลือกนักเรียน 8 คู่ ท่ีครูเห็นว่า
สามารถสนทนาได้ดี ใหอ้ อกมาสนทนาใหเ้ พื่อนๆ ดูหน้าชั้นเรียน เม่ือแต่ละคู่สนทนาเสร็จ ครเู อ่ยชมเชยว่า
แต่ละคู่สนทนาได้ดีอย่างไร เช่น สำเนียงถูกต้อง เสียงดังฟังชัด มีการแสดงสีหน้าหรือท่าทางประกอบการ
พดู อย่างเหมาะสม เป็นต้น และให้เพอ่ื นๆ ในชั้นช่วยกันปรบมือให้
3. นักเรียนดูรูปภาพประกอบในแบบฝึกหัด หน้า 12 ข้อ 2 Read and complete. โดยครูถามเกร่ินนำว่า
นักเรยี นเห็นอะไรหรอื ใครในภาพบ้าง

Teacher: What and who do you see in this picture? (ชี้ท่ภี าพ)
Students: A teacher, blackboard, tables, Anna, May, Harry, Ben……

(แขง่ กันตอบ)
นักเรียนอ่านเน้ือเรื่องทก่ี ำหนดให้ แลว้ เตมิ คำที่ขาดหายไป ซึ่งมีทัง้ หมด 10 คำ นักเรียนสามารถปรึกษากับ
เพอ่ื นข้างเคยี งได้ จากนน้ั จงึ ชว่ ยกนั เฉลย โดยครูเขียนคำตอบลงบนกระดาน

1. classroom 2. is 3. writes
4. easy 5. are 6. likes
7. doesn’t 8. Science 9. difficult
10. P.E.

นักเรียนต่างตรวจคำตอบของตนเอง ผู้ใดตอบถูกมากกว่า 8 ข้อ ถือว่าผ่านเกณฑ์ ครูขอให้อาสาสมัคร
นักเรียน 1 คน อ่านประโยคท้งั หมดให้เพื่อนๆ ฟงั
4. นักเรียนอ่าน e-mail ที่ Emma เขียนถึง Maria ในแบบฝึกหัด หน้า 13 ข้อ 3 Re-write the e-mail in
your notebook. โดยครูให้นักเรียนอ่านเน้ือความใน e-mail อย่างคร่าวๆ ก่อนประมาณ 2-3 นาที
นกั เรียนจับคู่กับเพ่ือนที่นั่งอยู่ด้านหลัง (Pair work) เพ่ือช่วยกันคิดและเรียงประโยคในส่วนท่อนกลางของ
e-mail ให้ได้ใจความสมบูรณ์ จากนั้นครูส่มุ เรียกนักเรียน 2-3 คู่ ให้อ่านประโยคที่ถูกต้องทีละคู่ เสร็จแล้ว
ครูเขยี นเฉลยประโยคที่เรยี งถูกต้องแล้วบนกระดาน หรือเขียนใส่แผ่นป้ายติดบนกระดาน เพอื่ ให้นักเรียนดู
และตรวจคำตอบของตนเอง สุดทา้ ยครูให้นกั เรียนอา่ นคำตอบทีถ่ ูกต้องพรอ้ มๆ กนั

I’ve got lots of homework. Have you got lots of homework
too? What’s your favourite subject? My favourite subjects are
Science and Maths.

49

5. ครูชูกระดาษ 1 แผ่น ท่ีมีหัวกระดาษเหมือน e-mail เช่น hotmail.com, g-mail.com, yahoo.com,
..etc. และมตี วั อักษรเป็นภาษาองั กฤษ ใหน้ ักเรยี นเห็นแต่ไกล แลว้ บอกนกั เรยี นวา่ ท่ี Emma เขยี น e-mail
ถึง Maria ในกิจกรรมที่ผ่านมาน้ัน บัดน้ี Maria ได้ส่ง e-mail ตอบกลับมาแล้ว แต่เน้ือหายังเรียงลำดับไม่
ถูกต้อง จึงขอให้นักเรียนจับคู่กับเพ่ือนที่นั่งอยู่ทางซ้ายมือ (Pair work) ช่วยกันเรียงประโยค a-f ใน
แบบฝึกหัด หน้า 13 ข้อ 4 Put the sentences in order. Write Maria’s letter. ใหม่ให้ได้ใจความ
เหมาะสม (make sense) นกั เรียนแตล่ ะคู่ชว่ ยกนั ทำงานภายในเวลาทค่ี รูกำหนด
เสร็จแล้วจึงเฉลยคำตอบพร้อมๆ กัน โดยครูเขียนเฉลยให้นักเรียนดูอีกครั้งบนกระดาน และให้นักเรียน
ตรวจและแก้ไขคำตอบของตนเอง ครูใหน้ กั เรยี นอ่านคำตอบทถ่ี ูกตอ้ งพร้อมๆ กัน

b, f, d, a, c, e

7. การวดั และประเมินผล
7.1 การประเมินก่อนเรียน
- ประเมนิ การทำแบบทดสอบ
7.2 การประเมนิ ระหวา่ งการจัดกิจกรรมการเรยี นรู้
- ประเมนิ การทำแบบฝกึ หดั
- สงั เกตพฤตกิ รรมการเรียนรใู้ นชว่ งการทำกจิ กรรม
7.3 การประเมินหลงั การเรยี น
- ประเมนิ การทำแบบทดสอบ
- ประเมินคุณลักษณะอนั พึงประสงค์
7.4 การประเมนิ ช้นิ งาน/ภาระงาน (รวบยอด)
- ประเมนิ การพูดนำเสนอเกยี่ วกับกิจวตั รประจำวันของตนเอง
- ประเมินงานเขยี นจดหมายถงึ ครเู กยี่ วกบั เพื่อนทต่ี นชอบ
- ประเมินการอา่ นออกเสียงความเรยี งทก่ี ำหนด
- ประเมินงานเขยี นเกีย่ วกับกจิ วัตรประจำวนั ของตนเองใน 1 วัน
- ประเมินการรวบรวมคำศพั ท์ ใน My word book

8. สอ่ื /แหล่งการเรยี นรู้ 2. แบบฝึกหดั Smile ป.4
1. หนงั สือเรยี น Smile ป.4 4. บตั รภาพ บัตรคำ
3. Audio CD Smile ป.4
5. ซองจดหมาย และกระดาษเขยี นจดหมาย


Click to View FlipBook Version