The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by ์Nittaya Konchum, 2022-09-14 02:47:03

ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่องไฟฟ้า

ชุดกิจกรรม เรื่องไฟฟ้า

คำนำ

ชุดกิจกรรมการเรียนรู้แบบเชิงรุก (Active Learning) หน่วยการเรียนรู้ที่ 6 ไฟฟ้า ชั้นมัธยมศกึ ษาปีที่
3 ผู้จัดทำได้ทำขึ้นตามพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พุทธศักราช 2542 ที่กำหนดให้สถานศึกษาจัดทำ
หลักสูตรสำหรับสถานศึกษาขึ้นมาใช้เอง ให้เป็นไปตามศักยภาพของนักเรียน เพื่อให้นักเรียนได้เรียนรู้อย่างมี
ความสุข การจัดกิจกรรมการเรียนการสอนต้องมีความหลากหลายน่าสนใจ ตลอดจนสื่อการเรียนการสอน
ประกอบจึงจะส่งผลให้นักเรียนเกิดการเรยี นรู้ได้ดีมีผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนสูงขึ้น ชุดกิจกรรมการเรียนรู้แบบ
เชิงรุก (Active Learning) หนว่ ยการเรียนรูท้ ี่ 6 ไฟฟา้ ชัน้ มัธยมศกึ ษาปที ี่ 3 ผจู้ ัดทำไดท้ ำข้ึน แยกเนื้อหาสาระ
การเรียนรู้ ตามจุดประสงค์การเรียนรู้ เพื่อความสะดวกในการฝึกทักษะ และอำนวยความสะดวกให้กับ
ครผู สู้ อน

หวังว่าชุดกิจกรรมการเรียนรู้แบบเชิงรุก (Active Learning) หน่วยการเรียนรู้ที่ 6 ไฟฟ้า ช้ัน
มัธยมศึกษาปีที่ 3 ชุดนี้จะเป็นประโยชน์ช่วยให้นักเรียนเรียนวิชาวิทยาศาสตร์เป็นเรื่องที่ง่ายต่อการทำความ
เข้าใจมากยง่ิ ขนึ้ และมที กั ษะการคดิ แกป้ ญั หาร่วมท้ังทักษะกระบวนการวทิ ยาศาสตร์มากยง่ิ ขึน้

นางนิตยา คนชมุ

ชุดกิจกรรมการเรยี นรแู้ บบเชงิ รกุ (Active Learning) | ไฟฟา้

คำชี้แจง

ชุดกิจกรรมการเรียนรู้แบบเชิงรุก (Active Learning) หน่วยการเรียนรู้ที่ 6 ไฟฟ้า ชั้นมัธยมศึกษาปีที่
3 ชุดนี้ เป็นเอกสารที่ใช้ประกอบการเรียน ที่นักเรียนสามารถศึกษาได้ด้วยตนเอง ให้นักเรียนอ่านคำแนะนำ
ทำตามคำชี้แจงแต่ละขั้นตอนตั้งแต่ต้นจนจบ นักเรียนจะได้รับความรู้อย่างครบถ้วนโดยปฏิบัติตามขั้นตอน
ดังต่อไปนี้

1. ศึกษาจุดประสงค์การเรียนรู้ เพื่อให้ทราบว่าเมื่อจบชุดการเรียนรู้ วิชาวิทยาศาสตร์ แต่ละชุดแล้ว
นักเรียนสามารถเรยี นรูอ้ ะไรไดบ้ า้ ง

2. ทำแบบทดสอบกอ่ นเรยี น เพ่ือใหร้ วู้ ่ามคี วามรพู้ นื้ ฐานเกยี่ วกับเรือ่ งทีจ่ ะศกึ ษา มากนอ้ ยเพียงใด
3. ศึกษาใบความรู้ ตัวอย่างโจทย์ ใบกจิ กรรม และฝกึ ทกั ษะชดุ การเรยี นวิชาวิทยาศาสตร์ตามท่ีกำหนดไว้

ซ่งึ จะเป็นแนวทางนำไปสู่การเรยี นและเขา้ ใจเน้อื หาได้ดขี ึน้
4. ทำแบบทดสอบหลังเรยี น เพ่อื วัดความร้คู วามเข้าใจอีกครั้ง
5. นักเรียนแต่ละคนต้องมีความซื่อสัตย์ต่อตนเองไม่เปิดดูคำตอบก่อนเรียน – หลังเรียน เฉลยแบบฝึก

ทักษะชดุ การเรยี นวชิ าวทิ ยาศาสตร์ กอ่ นทีจ่ ะปฏิบัตติ ามขนั้ ตอน
6. ถ้านักเรียนและผู้สนใจต้องการข้อมูลหรือเนื้อหาเพิ่มเติมจากชุดการเรียนวิชาวิทยาศาสตร์ ทั้งหมด

สามารถค้นคว้าไดจ้ ากเอกสารอ้างอิงทใ่ี ห้ไว้
7. นักเรยี นจะผ่านจุดประสงค์การเรียนรู้เมื่อนักเรียนสามารถตอบแบบทดสอบหลังเรียนชดุ การเรียน ได้

ร้อยละ 70 ขนึ้ ไป

ชุดกิจกรรมการเรยี นร้แู บบเชงิ รกุ (Active Learning) | ไฟฟ้า

สารบัญ หน้า

มาตรฐานการเรียนรู้ ตวั ชีว้ ัดช้ันปี จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ ข
ลำดบั เน้ือหาและกิจกรรมในชุดการเรยี น
1
แบบทดสอบก่อนเรยี น
5
ใบความรทู้ ี่ 1 ปริมาณทางไฟฟ้า 20
แบบตรวจสอบความเขา้ ใจที่ 1
23
ใบความรู้ท่ี 2 วงจรไฟฟา้ แบบอนุกรมและแบบขนาน 31
แบบตรวจสอบความเขา้ ใจที่ 2
33
ใบความรทู้ ี่ 3 พลังงานไฟฟ้า 40
แบบตรวจสอบความเข้าใจท่ี 3
42
ใบความรทู้ ่ี 4 อิเล็กทรอนกิ ส์ 57
แบบตรวจสอบความเขา้ ใจท่ี 4
59
แบบทดสอบหลงั เรียน
63
ภาคผนวก 72
เฉลยแบบบนั ทึกผลการทำกิจกรรม 75
เฉลยแบบตรวจสอบความเข้าใจที่ 1 77
เฉลยแบบตรวจสอบความเขา้ ใจท่ี 2 79
เฉลยแบบตรวจสอบความเข้าใจที่ 3 81
เฉลยแบบตรวจสอบความเข้าใจที่ 4
เฉลยแบบทดสอบก่อน-หลงั เรียน 82
83
เอกสารอ้างอิง
ทมี่ าของภาพและข้อมลู

ชดุ กิจกรรมการเรยี นรู้แบบเชงิ รกุ (Active Learning) | ไฟฟ้า

มาตรฐานการเรียนรู้

มาตรฐาน ว 2.3 เข้าใจความหมายของพลังงาน การเปลีย่ นแปลงและการถ่ายโอนพลงั งานปฏิสัมพันธ์
ระหว่างสสารและพลังงาน พลงั งานในชีวิตประจำวนั ธรรมชาตขิ องคลืน่ ปรากฏการณท์ ี่เกี่ยวขอ้ งกับเสยี ง แสง
และคลนื่ แมเ่ หล็กไฟฟ้า รวมทั้งนำความรู้ไปใช้ประโยชน์

ตัวชีว้ ัดชัน้ ปี

ว 2.3 ม. 3/1 วเิ คราะห์ความสัมพนั ธร์ ะหว่างความตา่ งศักย์ กระแสไฟฟา้ และความตา้ นทาน และคำนวณ
ปริมาณท่เี กย่ี วขอ้ งโดยใช้สมการ V = IR จากหลักฐานเชิงประจกั ษ์
ว 2.3 ม. 3/2 เขยี นกราฟความสัมพนั ธร์ ะหว่างความตา่ งกระแสไฟฟ้าและศักย์ไฟฟ้า
ว 2.3 ม. 3/3 ใช้โวลตม์ ิเตอร์ แอมมิเตอร์ในการวัดปรมิ าณทางไฟฟ้า
ว 2.3 ม. 3/4 วิเคราะห์ความตา่ งศกั ย์ไฟฟ้าและกระแสไฟฟา้ ในวงจรไฟฟ้าเม่ือต่อตวั ตา้ นทานหลายตัวแบบ
อนุกรมและแบบขนานจากหลักฐานเชงิ ประจักษ์
ว 2.3 ม. 3/5 เขยี นแผนภาพวงจรไฟฟ้าแสดงการต่อตวั ตา้ นทานแบบอนุกรมและขนาน
ว 2.3 ม. 3/6 บรรยายการทำงานของช้ินสว่ นอิเล็กทรอนกิ ส์อย่างงา่ ยในวงจรจากข้อมูลทีร่ วบรวมได้
ว 2.3 ม. 3/7 เขียนแผนภาพและตอ่ ชน้ิ ส่วนอเิ ล็กทรอนิกส์อย่างงา่ ยในวงจรไฟฟ้า
ว 2.3 ม. 3/8 อธบิ ายและคำนวณพลังงานไฟฟ้าโดยใชส้ มการ W = Pt รวมทงั้ คำนวณคา่ ไฟฟา้ ของ
เครือ่ งใช้ไฟฟา้ ในบ้าน
ว 2.3 ม. 3/9 ตระหนกั ในคุณคา่ ของการเลือกใชเ้ ครื่องใช้ไฟฟา้ โดยนำเสนอวธิ กี ารใชเ้ ครอื่ งใชไ้ ฟฟ้าอย่าง
ประหยดั และปลอดภยั

จุดประสงคก์ ารเรียนรู้

1. อธิบายสว่ นประกอบและประเภทของวงจรไฟฟา้ ได้ (K)
2. อธิบายการเขียนแผนภาพแสดงวงจรไฟฟ้าได้ (K)
3. สังเกตและใช้โวลตม์ เิ ตอร์ในการวดั ความตา่ งศักย์ได้ (K)
4. สงั เกตและใชแ้ อมมเิ ตอร์ในการวดั กระแสไฟฟา้ ได้ (K)
5. อธิบายความหมายของความตา่ งศักย์ กระแสไฟฟ้าได้ (K)
6. บอกวธิ ใี ชโ้ วลต์มเิ ตอรใ์ นการวดั ความตา่ งศักย์ได้ (K)
7. บอกวธิ ีใชแ้ อมมิเตอร์ในการวัดกระแสไฟฟา้ ได้ (K)

ชุดกจิ กรรมการเรียนรู้แบบเชงิ รุก (Active Learning) | ไฟฟา้ ก

8. สังเกตและอธบิ ายหน้าทีข่ องตวั ตา้ นทานได้ (K)
9. อธบิ ายลักษณะของตวั ต้านทานประเภทตา่ ง ๆ ได้ (K)
10. สังเกตและอธิบายการนำตัวต้านทานประเภทต่าง ๆ มาใชง้ านได้ (K)
11. อธิบายหน้าที่ โครงสรา้ งและประเภทของตวั เก็บประจุได้ (K)
12. สงั เกตและอธิบายการนำตวั เกบ็ ประจุมาใช้งานได้ (K)
13. อธิบายความสัมพนั ธ์ระหวา่ งความตา่ งศักย์ กระแสไฟฟ้า และความตา้ นทานได้ (K)
14. เขียนกราฟแสดงความสมั พันธ์ระหวา่ งความต่างศักยแ์ ละกระแสไฟฟ้าได้ (K)
15. อธบิ ายหนา้ ท่ีของไดโอด ทรานซสิ เตอร์ได้ (K)
16. สงั เกตและอธบิ ายการนำไดโอดมาใช้งานได้ (K)
17. อธิบายลักษณะของวงจรรวม (ไอซี) ได้ (K)
18. อธบิ ายความหมายของอเิ ล็กทรอนิกส์ได้ (K)
19. อธิบายการใช้อุปกรณ์อเิ ล็กทรอนิกสพ์ ้นื ฐานในการควบคมุ การไหลของกระแสไฟฟ้าในวงจรไฟฟ้าหรอื
วงจรอเิ ล็กทรอนกิ ส์ได้ (K)
20. สังเกตและอธิบายการต่อวงจรอเิ ล็กทรอนกิ สเ์ บื้องต้นได้ (K)
21. อธบิ ายการต่อตัวต้านทานแบบอนุกรมและแบบขนานในวงจรไฟฟ้าได้ (K)
22. เขยี นแผนภาพแสดงการต่อตวั ต้านทานแบบอนุกรมและแบบขนานในวงจรไฟฟา้ ได้ (K)
23. สงั เกตและอธบิ ายการต่อตวั ตา้ นทานแบบอนุกรมและแบบขนานในวงจรไฟฟ้าได้ (K)
24. สงั เกตและอธบิ ายการต่อหลอดไฟฟา้ แบบอนุกรมและแบบขนานในวงจรไฟฟ้าได้ (K)
25. เขยี นแผนภาพแสดงการต่อหลอดไฟฟา้ แบบอนุกรมและแบบขนานในวงจรไฟฟ้าได้ (K)
26. อธิบายการใช้พลงั งานไฟฟา้ ในบ้าน คำนวณหากำลงั ไฟฟา้ พลงั งานไฟฟ้า วิธีคิดค่าไฟฟา้ และองคป์ ระกอบ
ของคา่ ไฟฟ้าทต่ี ้องจา่ ยในแต่ละเดอื นได้ (K)
27. อธิบายการเลือกใชเ้ คร่ืองใช้ไฟฟ้าในบา้ นได้ (K)
28. อธิบายวิธใี ช้เครอื่ งใช้ไฟฟ้าอยา่ งประหยดั และปลอดภัยได้ (K)
29. อธบิ ายวิธีประหยดั พลงั งานไฟฟา้ ได้ (K)
30. มีความสนใจใฝ่รูห้ รืออยากรอู้ ยากเห็น (A)
31. พอใจในประสบการณ์การเรียนรทู้ ่เี กยี่ วกบั วิทยาศาสตร์ (A)
32. ทำงานรว่ มกบั ผู้อ่ืนอย่างสร้างสรรค์ (A)
33. สื่อสารและนำความรเู้ ร่ืองวงจรไฟฟ้าไปใชใ้ นชีวติ ประจำวันได้ (P)
34. สื่อสารและนำความร้เู ร่ืองความต่างศกั ย์ กระแสไฟฟ้า ความสัมพนั ธร์ ะหวา่ งความตา่ งศักยแ์ ละ
กระแสไฟฟา้ ไปใชใ้ นชวี ติ ประจำวันได้ (P)
35. สื่อสารและนำความรเู้ ร่ืองตัวตา้ นทาน ตวั เกบ็ ประจุไปใชใ้ นชวี ติ ประจำวนั ได้ (P)
36. สอ่ื สารและนำความร้เู รอ่ื งไดโอด ทรานซสิ เตอร์ไปใชใ้ นชวี ิตประจำวนั ได้ (P)

ชุดกจิ กรรมการเรียนรแู้ บบเชิงรกุ (Active Learning) | ไฟฟา้ ข

37. ส่อื สารและนำความรเู้ รื่องความรูเ้ รื่องวงจรรวม (ไอซ)ี อิเลก็ ทรอนกิ ส์เบ้ืองตน้ ไปใชใ้ นชวี ติ ประจำวนั ได้ (P)
38. สอ่ื สารและนำความรู้เรอ่ื งการตอ่ ตวั ต้านทานในวงจรไฟฟ้าไปใชใ้ นชวี ิตประจำวนั ได้ (P)
39. สอ่ื สารและนำความรเู้ รือ่ งการตอ่ ตัวตา้ นทานในวงจรไฟฟา้ ไปใช้ในชวี ติ ประจำวนั ได้ (P)
40. สื่อสารและนำความร้เู ร่ืองการตอ่ หลอดไฟฟ้าในวงจรไฟฟา้ ไปใช้ในชีวิตประจำวันได้ (P)
41. สอ่ื สารและนำความรเู้ ร่ืองกำลังไฟฟา้ พลงั งานไฟฟา้ การใชพ้ ลังงานไฟฟา้ และการคิดคา่ ไฟฟ้าไปใช้ใน
ชีวิตประจำวนั ได้ (P)
42. ส่ือสารและนำความรู้เรอื่ งการเลือกใชเ้ คร่ืองใช้ไฟฟา้ ในบา้ นไปใช้ในชีวิตประจำวนั ได้ (P)

ชดุ กิจกรรมการเรยี นร้แู บบเชงิ รกุ (Active Learning) | ไฟฟ้า ค

ลำดบั เน้อื หาและกจิ กรรมในชุดการเรียน

คำนำ
คำชแ้ี จงการใชช้ ดุ การเรียน

สารบัญ
มาตรฐานการเรียนรู้ ตัวช้วี ัดช้นั ปี จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้

แบบทดสอบก่อนเรียน
ใบความร้/ู ใบกิจกรรม/แบบตรวจสอบความเข้าใจ

แบบทดสอบหลงั เรยี น
เฉลย ใบกจิ กรรม/แบบตรวจสอบความเข้าใจ

ชดุ กจิ กรรมการเรียนรู้แบบเชงิ รุก (Active Learning) | ไฟฟ้า ง

แบบทดสอบก่อนเรยี น ไฟฟ้า

ช่ือ .................................................................................................................... ช้ัน .................................... เลขท่ี ..................................

คำชแ้ี จง 1. แบบทดสอบปรนัย 4 ตวั เลือก มที ้งั หมด 15 ขอ้ 15 คะแนน
2. ในแตล่ ะข้อ ให้นักเรียนเลือกคำตอบที่ถูกต้องท่ีสดุ เพียงคำตอบเดียว

แล้วทำเคร่อื งหมาย  ลงในกระดาษคำตอบ

1. ข้อใดเปน็ การต่อเครือ่ งวัดไฟฟา้ ท่ีไมถ่ ูกต้อง

1. 2.

3. 4.

2. ขอ้ ใดแสดงทิศทางการไหลของกระแสไฟฟ้าได้ถูกต้อง

1. ไหลจากทส่ี งู ลงสูท่ ีต่ ่ำ 2. ไหลจากขวั้ ลบไปยังขว้ั บวก

3. ไหลจากศักย์ไฟฟ้าสงู ไปยังศกั ยไ์ ฟฟา้ ต่ำ 4. ไหลจากแรงดันไฟฟ้าตำ่ ไปยงั แรงดันไฟฟ้าสงู

3. หลอดไฟฟ้าดวงหนึ่งมีกระแสไฟฟ้าไหลผ่าน 0.5 แอมแปร์ ต่อกับความต่างศักย์ไฟฟ้า 220 โวลต์

ความต้านทานของหลอดไฟฟ้าดวงนม้ี ีคา่ เทา่ ใด

1. 110 โอหม์ 2. 220 โอห์ม

3. 225 โอห์ม 4. 440 โอหม์

4. ตัวนาํ ไฟฟ้าในข้อใด เม่ือนาํ มาตอ่ ในวงจรไฟฟ้าแลว้ จะมกี ระแสไฟฟ้าไหลในวงจรมากทสี่ ดุ

1. ความตา้ นทาน 3 โอหม์ 2. ความตา้ นทาน 5 โอห์ม

3. ความตา้ นทาน 7 โอห์ม 4. ความต้านทาน 9 โอหม์

ชุดกิจกรรมการเรียนร้แู บบเชงิ รกุ (Active Learning) | ไฟฟา้ 1

5. จากแผนภาพวงจรไฟฟ้า กำหนดใหห้ ลอดไฟฟา้ ทกุ ดวงเหมือนกันทุกประการ

ข้อใดกลา่ วถูกตอ้ ง
1. หลอดไฟฟ้าที่ 1 มกี ระแสไฟฟา้ ไหลผ่านมากที่สุด
2. หลอดไฟฟา้ ที่ 4 มีกระแสไฟฟ้าไหลผ่านน้อยที่สดุ
3. หลอดไฟฟ้าท่ี 2 และ 3 มีกระแสไฟฟ้าไหลผ่านเทา่ กนั ท่ีสุด
4. มีกระแสไฟฟา้ ไหลผ่านหลอดไฟฟา้ ทงั้ 4 หลอดเท่ากนั

6. การเลอื กใช้ขนาดของสายไฟฟา้ ให้เหมาะสมต้องคำนึงถึงสิง่ ใด

1. พลงั งานไฟฟ้าท่ีใช้ไปในเคร่อื งใช้ไฟฟ้า 2. แรงดันของกระแสไฟฟา้

3. ปรมิ าณกระแสไฟฟ้าที่สายไฟจะทนได้ 4. ถกู ทกุ ข้อ

7. นนมีหลอดไฟ 3 ดวง คือ หลอด A หลอด B และหลอด C เหมือนกันทุกประการ นํามาต่อเป็นวงจร
เข้ากับถ่านไฟฉายแล้วหลอดไฟสวา่ งทุกดวง เม่อื ถอดหลอด A ออก หลอด B และหลอด C ยงั คงสว่าง
แต่เมื่อถอดหลอด C ออก หลอด A และหลอด B จะดับ อยากทราบว่า หลอดไฟทั้ง 3 ดวง ต่อกัน
แบบใด
1. หลอด A หลอด B และหลอด C ตอ่ ขนานท้งั หมด
2. หลอด A หลอด B และหลอด C ตอ่ อนุกรมทั้งหมด
3. หลอด A ตอ่ ขนานกับหลอด B แล้วตอ่ อนุกรมกบั หลอด C
4. หลอด B ตอ่ ขนานกบั หลอด C แล้วต่ออนุกรมกบั หลอด A

8. เครื่องใช้ไฟฟ้าในบา้ นและอุปกรณไ์ ฟฟา้ ควรตอบแบบใดในวงจรไฟฟ้าตามลำดบั
1. เครื่องใช้ไฟฟา้ ควรต่อแบบขนานและอปุ กรณ์ไฟฟ้าควรตอ่ แบบอนุกรม
2. เครอ่ื งใชไ้ ฟฟ้าควรต่อแบบอนุกรมและอุปกรณ์ไฟฟา้ ควรต่อแบบขนาน
3. ควรต่อแบบอนกุ รมทัง้ เครอื่ งใช้ไฟฟา้ และอุปกรณไ์ ฟฟ้า
4. ควรต่อแบบขนานทั้งเครอื่ งใช้ไฟฟ้าและอปุ กรณไ์ ฟฟ้า

ชุดกิจกรรมการเรียนรู้แบบเชงิ รกุ (Active Learning) | ไฟฟ้า 2

9. บุคคลใดใชเ้ ครอื่ งใชไ้ ฟฟ้าไดป้ ลอดภัยที่สุด
1. แกว้ ต่อเตา้ รบั สำหรับเคร่ืองเปา่ ผมไวใ้ นห้องน้ำ
2. กาญชาร์จโทรศัพทม์ อื ถอื จากปลัก๊ พว่ งทม่ี ีพดั ลมเสยี บอยู่
3. กิ่งซอ่ มเครื่องทำน้ำอุ่นเองหลังจากเรยี นเร่ืองวงจรไฟฟ้า
4. กอ้ ยใสร่ องเทา้ ฟองน้ำขณะใช้เคร่ืองซักผา้ ในบริเวณท่ีมนี ้ำขัง

10. หลอดไฟฟา้ ขนาด 90 วตั ต์ 220 โวลต์ ถา้ ใชง้ านนาน 10 ชัว่ โมง จะสิ้นเปลืองพลังงานไฟฟ้าไปกี่หน่วย

1. 0.9 หน่วย 2. 1.2 หนว่ ย 3. 2.4 หน่วย 4. 3.2 หนว่ ย

11. การตอ่ วงจรในข้อใด เมื่อสบั สวติ ชล์ งแล้วจะทำให้ออดมีเสียงดงั

1. 2.

3. 4.

12. “เครื่องใช้ไฟฟ้า A ใช้กับไฟฟ้าในบ้าน และจะใช้พลังงานไฟฟ้า 1,000 จูลในเวลา 4 วินาที” ตัวเลขที่

ระบบุ นเคร่ืองใชไ้ ฟฟา้ A ในขอ้ ใดสอดคล้องกบั ขอ้ ความดงั กลา่ ว

1. เครื่องใช้ไฟฟ้า A 220V 1kW 2. เครือ่ งใชไ้ ฟฟา้ A 110V 1kW

3. เคร่อื งใช้ไฟฟ้า A 220V 250W 4. เครอ่ื งใช้ไฟฟ้า A 110V 250W

13. พลังงานไฟฟา้ จำนวน 0.5 หนว่ ย เทา่ กับพลังงานไฟฟา้ กจี่ ูล

1. 840,000 จูล 2. 720,000 จูล

3. 360,000 จลู 4. 180,000 จลู

ชุดกิจกรรมการเรียนรแู้ บบเชิงรุก (Active Learning) | ไฟฟ้า 3

14. ในวงจรวทิ ยุนยิ มใช้อปุ กรณ์ใดในการควบคุมศักย์ไฟฟ้าในวงจรอิเล็กทรอนิกส์ เพือ่ ให้เสียงดังหรือค่อย

ตามความตอ้ งการ

1. LDR 2. ทรานซสิ เตอร์

3. ไดโอดเปล่งแสง 4. ตัวต้านทานแปรคา่ ได้

15. จงพิจารณาขอ้ ความต่อไปนี้

ก. ไมค่ วรใช้มือแตะขาตัวเกบ็ ประจทุ ่ีเคยใชแ้ ล้ว

ข. การต่อตัวต้านทานตอ้ งระวังการตอ่ ข้วั ไฟฟา้ ให้ถกู ต้อง

ค. ทรานซสิ เตอรท์ ำหน้าท่เี ปน็ สวติ ช์ไฟฟ้าได้

ง. ไดโอดเปล่งแสงสามารถใช้แทนแอมมเิ ตอรเ์ พ่ือบอกว่ามีกระแสไฟฟา้ ไหลในวงจรได้

ขอ้ ใดกลา่ วถกู ตอ้ ง

1. ก. และ ข. 2. ก. และ ค.

3. ก. , ค. และ ง. 4. ก. , ข. และ ค.

ชดุ กิจกรรมการเรียนรู้แบบเชิงรุก (Active Learning) | ไฟฟ้า 4

ใบความรูท้ ่ี 1

ปริมาณทางไฟฟ้า

การตอ่ วงจรไฟฟ้าอย่างง่าย ทำได้โดยการนำเอาสายไฟฟา้ หรือตัวนำไฟฟ้าไปต่อกับแหล่งกำเนิดไฟฟ้า
ที่มีความต่างศักย์ไฟฟ้าระหว่างขั้วบวกและขั้วลบ และต่อเข้ากับอุปกรณ์ไฟฟ้า เพื่อทำให้ประจุไฟฟ้าเคลื่อนท่ี
หรือเกดิ กระแสไฟฟา้ ขึ้น ขณะทีก่ ระแสไฟฟ้าเคลื่อนท่ีพลงั งานจากแหล่งกำเนดิ ไฟฟ้าจะส่งผ่านสายไฟฟ้าไปยัง
อุปกรณ์ไฟฟ้า แล้วอุปกรณ์ไฟฟ้าก็จะเปลี่ยนพลังงานไฟฟ้าเป็นพลังงานอื่น เช่น พลังงานแสง พลังงานเสียง
พลงั งานความรอ้ น เปน็ ตน้

ภาพท่ี 1.1 การทำงานของวงจรไฟฟ้าอยา่ งงา่ ยในไฟฉาย

กระแสไฟฟ้า (electric current) คือ ปริมาณประจุไฟฟ้าที่เคลื่อนที่ผ่านพื้นที่หน้าตัดของตัวนำ
ไฟฟา้ ในหนง่ึ หน่วยเวลา โดยเคลือ่ นท่จี ากจุดท่ีมศี ักย์ไฟฟ้าสูงไปยังจุดที่มีศักย์ไฟฟ้าต่ำ ดังภาพ ซึ่งกระแสไฟฟ้า
เกิดขึ้นได้หลายวิธี เช่น เกิดจากความแตกต่างของพลังงานสองบริเวณ เกิดจากปฏิกิริยาเคมี เกิดจากการ
เหนีย่ วนำของวตั ถุ เป็นตน้

ภาพที่ 1.2 กระแสไฟฟา้ ในสายไฟฟ้า

เมื่อมีกระแสไฟฟ้าไหลในวงจร เราสามารถวัดกระแสไฟฟ้าในวงจรไฟฟ้าได้ โดยใชอุปกรณ์ที่เรียกว่า
แอมมิเตอร์ (ammeter) มีหน่วยการวัด คือ แอมแปร์ (ampere : A) ใช้ตัวย่อแทนกระแสไฟฟ้าว่า I
สัญลกั ษณ์ของแอมมเิ ตอร์ คือ

ชุดกิจกรรมการเรยี นรแู้ บบเชงิ รกุ (Active Learning) | ไฟฟ้า 5

ข้ัวบวกของแอมมิเตอร์
รองรับกระแสไฟฟา้ สูงสดุ ต่าง ๆ กนั

ข้วั ลบของแอมมเิ ตอร์

ภาพท่ี 1.3 แอมมเิ ตอร์

การวัดค่ากระแสไฟฟ้าทำได้โดยต่อหลอดไฟฟ้าขนาดเล็กเข้ากับแบตเตอรี่ และวัดกระแสไฟฟ้าที่ไหล
ผา่ นหลอดไฟฟ้า โดยนำปลาย + ของแอมมิเตอรผ์ ่านหลอดไฟฟ้าต่อกับขั้ว + ของถ่านไฟฉายซ่งึ มีศักย์ไฟฟ้าสูง
และนำปลาย – ของแอมมิเตอรต์ ่อกับขวั้ – ของถา่ นไฟฉายซงึ่ มศี ักย์ไฟฟ้าต่ำ ดงั รูป

ภาพที่ 1.4 การต่อแอมมิเตอรเ์ พือ่ วัดกระแสไฟฟ้าในวงจร

ข้อควรระวังในการวัดกระแสไฟฟา้ ดังนี้
• แอมมิเตอร์แต่ละเครื่องมีการกำหนดขีดจำกัดในการวัดกระแสไว้ ดังนั้น ในการวัดแต่ละครั้งควร
ประมาณปรมิ าณกระแสที่จะวัดก่อน เพือ่ เลอื กใชแ้ อมมิเตอร์ท่มี ขี ดี จำกัดท่ีเหมาะสม
• อยา่ ต่อปลาย + และ - ของแอมมเิ ตอร์ผิดพลาด เพราะจะทำใหเ้ ขม็ ของแอมมิเตอร์ตกี ลบั
• ห้ามต่อปลายทั้งสองของแอมมิเตอร์กับขว้ั ท้ังสองของถา่ นไฟฉายโดยตรง เพราะเขม็ ของแอมมิเตอร์จะ
ตจี นสุดสเกล อาจทำใหพ้ ังได้

ชุดกิจกรรมการเรยี นรู้แบบเชงิ รกุ (Active Learning) | ไฟฟา้ 6

กิจกรรมที่ 1

สังเกต การวดั กระแสไฟฟา้

จุดประสงคข์ องกิจกรรม
1. สงั เกตและอธิบายการวัดกระแสไฟฟา้ ได้
2. อา่ นคา่ กระแสไฟฟ้าจากแอมมิเตอร์ได้

วัสดแุ ละอุปกรณ์

1. กระบะถา่ นไฟฉายพร้อมถา่ นไฟฉายขนาด 1.5 โวลต์ 4 ก้อน 1 ชดุ
หลอด
2. หลอดไฟฟ้าขนาด 6 โวลต์ 1 อนั
เส้น
3. สวิตช์ 1 เครอื่ ง

4. สายไฟฟ้าพร้อมคลิปหนบี ปากจระเข/้ ท่เี สยี บ 4

5. แอมมิเตอร์แบบเข็ม 1

วิธีดำเนนิ กจิ กรรม
1. ตอ่ หลอดไฟฟ้า ถ่านไฟฉาย (ใชถ้ ่านไฟฉาย 1 ก้อน) แอมมิเตอร์ และสวติ ชเ์ ปน็ วงจรไฟฟ้า ดังรปู

1.5 V

2. สบั สวติ ชล์ งให้วงจรปดิ สังเกตความสวา่ งของหลอดไฟฟ้า พร้อมทั้งบันทึกค่ากระแสไฟฟา้ ท่ีวัดได้จาก
แอมมเิ ตอร์ แลว้ ยกสวติ ช์ข้นึ ให้วงจรเปิด

3. ดำเนนิ การเชน่ เดียวกับข้อ 1 และ 2 โดยการเพิม่ ถ่านไฟฉายในวงจรครง้ั ละ 1 ก้อนจนครบ 4 กอ้ น
จากน้ันสบั สวติ ชล์ งใหว้ งจรปิด สังเกตความสว่างของหลอดไฟฟ้า พร้อมทั้งบนั ทึกค่ากระแสไฟฟ้าทีว่ ดั
ได้จากแอมมเิ ตอร์ แลว้ ยกสวิตชข์ ึน้ ใหว้ งจรเปดิ

4. อภิปรายและสรปุ วา่ การต่อหลอดไฟฟา้ เขา้ กับถ่านไฟฉายจำนวนกก่ี อ้ น ทำใหห้ ลอดไฟฟ้าสวา่ งมาก
ท่ีสุด

ชดุ กจิ กรรมการเรียนรูแ้ บบเชงิ รกุ (Active Learning) | ไฟฟ้า 7

แบบบันทึกผลการทำกิจกรรมท่ี 1
ปัญหา ........................................................................................................................................................

1. ผลการทำกิจกรรม

2. คำถามทา้ ยกจิ กรรม
2.1 เม่ือต้องการวดั ปริมาณกระแสไฟฟ้าทีไ่ หลผา่ นในวงจรไฟฟ้าต้องต่อแอมมิเตอร์เข้ากบั วงจรไฟฟ้า
แบบใด
............................................................................................................................. ...................................
.................................................................................................................................. ..............................
2.2 ถ้านกั เรยี นสลบั ขั้วสายไฟฟ้าทีต่ ่อกบั แอมมิเตอร์ ผลที่เกิดขนึ้ จะเปน็ อย่างไร
................................................................................................................................................... .............
...................................................................................................................... ..........................................
2.3 จำนวนถ่านไฟฉายมผี ลต่อความสว่างของหลอดไฟฟ้าหรือไม่ อย่างไร
............................................................................................................................. ...................................
................................................................................................ ................................................................

3. สรปุ ผลการทำกจิ กรรม
............................................................................................................................. ...................................
........................................................................................................................................ ........................
.......................................................................................................... ......................................................
............................................................................................................................. ...................................

ชดุ กจิ กรรมการเรยี นรู้แบบเชงิ รกุ (Active Learning) | ไฟฟ้า 8

เมื่อต่อแอมมิเตอร์เข้าในวงจรไฟฟ้า ในลักษณะครบวงจรแล้วหลอดไฟสว่าง เข็มของแอมมิเตอร์จะ
เบนไปจากตำแหน่งเดิม อ่านค่าปริมาณกระแสไฟฟ้าได้ค่าหนึ่ง ซึ่งการใช้แอมมิเตอร์วัดปริมาณกระแสไฟฟ้ามี
ลักษณะเช่นเดียวกับการใช้มาตราวัดปริมาณน้ำที่ไหลผ่านท่อประปา คือ ต้องต่อแอมมิเตอร์แทรกในวงจรท่ี
กระแสไฟฟ้าไหลผ่านเรียงลำดับในวงจรไฟฟ้าเพื่อให้กระแสไฟฟ้าที่อ่านได้จากแอมมิเตอร์เป็นค่าเดียวกับ
กระแสไฟฟ้าทีไ่ หลผ่านวงจรนั้น จงึ ต้องตอ่ แอมมิเตอร์แบบอนกุ รมในวงจร ดังภาพ

ภาพที่ 1.5 ใช้แอมมเิ ตอรต์ อ่ อนกุ รรม เมอื่ ตอ้ งการวดั กระแสไฟฟ้าท่ีผา่ นหลอดไฟฟ้า

การไหลของกระแสไฟฟ้ามีลักษณะเหมือนการไหลของน้ำ กล่าวคือ น้ำจะไหลจากระดับสูง (พลังงาน
มาก) ไปสู่ระดับต่ำกว่า (พลังงานน้อย) เสมอ กระแสไฟฟ้าจะไหลได้เมื่อจุด 2 จุดในวงจรไฟฟ้ามีความต่าง
ศักย์ไฟฟ้าแตกต่างกัน ความแตกต่างของระดับพลังงานของจุด 2 จุดในวงจรไฟฟ้า เราเรียกว่า ความต่าง
ศักยไ์ ฟฟ้า (electrical potential) โดยกระแสไฟฟ้า จะไหลจากจุดที่มศี ักย์ไฟฟ้าสงู ไปยังจดุ ท่ีมีศักย์ไฟฟ้าต่ำ
กว่าเสมอ และจะหยุดไหลเมื่อศักย์ไฟฟ้าเท่ากัน เครื่องมือที่ใช้วัดความต่างศักย์ไฟฟ้า เรียกว่า โวลต์มิเตอร์
(voltmeter) มหี น่วยการวัด คอื โวลต์ (volt : V) ใชต้ ัวย่อแทนความต่างศกั ยว์ ่า V สญั ลักษณข์ องโวลต์มเิ ตอร์
คอื

ภาพที่ 1.6 ความตา่ งศกั ย์ไฟฟา้ ระหว่างจุด A และ จดุ B

ชดุ กิจกรรมการเรยี นรแู้ บบเชิงรกุ (Active Learning) | ไฟฟา้ 9

ขั้วบวกของโวลตม์ เิ ตอร์
รองรับความตา่ งศกั ยไ์ ฟฟา้ สูงสุดตา่ ง ๆ กัน

ขวั้ ลบของโวลต์มเิ ตอร์

ภาพท่ี 1.7 โวลต์มิเตอร์

เมื่อเราต้องการวัดความต่างศักย์ระหว่างจุด 2 จุดใด ๆ ในวงจรไฟฟ้า สามารถทำได้โดยการนำโวลต์
มเิ ตอรต์ อ่ ครอ่ มระหว่าง 2 จดุ นัน้ ดังภาพ

ภาพท่ี 1.8 การตอ่ โวลต์มเิ ตอรเ์ พอ่ื วัดความตา่ งศกั ยไ์ ฟฟา้ ในวงจร

ชดุ กิจกรรมการเรยี นรู้แบบเชงิ รุก (Active Learning) | ไฟฟ้า 10

กิจกรรมที่ 2

สงั เกต การวัดความต่างศักย์

จุดประสงค์ของกิจกรรม
1. สงั เกตและอธบิ ายการวดั ความตา่ งศักยไ์ ด้
2. อา่ นค่าความตา่ งศกั ยจ์ ากโวลต์มเิ ตอร์ได้

วัสดแุ ละอุปกรณ์

1. กระบะถา่ นไฟฉายพร้อมถ่านไฟฉายขนาด 1.5 โวลต์ 4 กอ้ น 1 ชดุ
หลอด
2. หลอดไฟฟ้าขนาด 6 โวลต์ 1 อนั
เส้น
3. สวติ ช์ 1 เคร่อื ง

4. สายไฟฟ้าพร้อมคลิปหนีบปากจระเข้/ทเ่ี สียบ 5

5. โวลต์มิเตอรแ์ บบเข็ม 1

วิธีดำเนินกิจกรรม
1. ตอ่ หลอดไฟฟา้ ถ่านไฟฉาย (ใช้ถ่านไฟฉาย 1 ก้อน) โวลต์มเิ ตอร์ และสวติ ชเ์ ปน็ วงจรไฟฟ้า ดงั รปู

1.5 V

2. สับสวติ ช์ลงใหว้ งจรปดิ สงั เกตความสว่างของหลอดไฟฟ้า พร้อมทัง้ บันทกึ ค่าความตา่ งศักย์ทว่ี ดั ได้จาก
โวลตม์ ิเตอร์ แลว้ ยกสวติ ช์ขึน้ ใหว้ งจรเปดิ

3. ดำเนินการเชน่ เดียวกับข้อ 1 และ 2 แต่เพิ่มถ่านไฟฉายในวงจรครง้ั ละ 1 ก้อน จนครบ 4 ก้อน สงั เกต
ความสวา่ งของหลอดไฟฟา้ พรอ้ มทง้ั บนั ทกึ คา่ ความต่างศักย์ท่ีวัดไดจ้ ากโวลตม์ ิเตอร์

ชุดกจิ กรรมการเรยี นรู้แบบเชิงรุก (Active Learning) | ไฟฟ้า 11

แบบบนั ทึกผลการทำกจิ กรรมที่ 2
ปญั หา ........................................................................................................................................................

1. ผลการทำกจิ กรรม

2. คำถามท้ายกิจกรรม
2.1 เมอ่ื เพ่ิมจำนวนถ่านไฟฉายมากขึ้น คา่ ความต่างศักย์ท่ีอ่านไดจ้ ากโวลตม์ ิเตอร์มกี ารเปล่ียนแปลง
หรอื ไม่ อย่างไร
............................................................................................................................. ...................................
............................................................................................................................. ...................................
2.2 เมอื่ เพิ่มจำนวนถ่านไฟฉายมากข้ึน ความสว่างของหลอดไฟฟ้ามีลักษณะเปล่ียนแปลงไป อยา่ งไร
............................................................................................................................. ...................................
............................................................................................... .................................................................
2.3 คา่ ความตา่ งศกั ย์ท่ีอา่ นได้จากโวลต์มเิ ตอร์มีความสมั พนั ธก์ บั ความสว่างของหลอดไฟฟ้าหรือไม่
อย่างไร
.......................................................................................... ......................................................................
............................................................................................................................. ...................................
....................................................................................................................................................... .........

3. สรปุ ผลการทำกิจกรรม
............................................................................................................................. ...................................
................................................................................................ ................................................................
............................................................................................................................. ...................................
............................................................................................................................................................ ....

ชุดกิจกรรมการเรยี นร้แู บบเชงิ รกุ (Active Learning) | ไฟฟา้ 12

เมื่อต่อโวลต์มิเตอร์เข้าในวงจรไฟฟ้า ในลักษณะครบวงจรแล้วหลอดไฟสว่าง เข็มของโวลต์มิเตอร์จะ
เบนไปจากตำแหน่งเดิม อ่านค่าความต่างศักย์ไฟฟ้าได้ค่าหนึ่ง ซึ่งการใช้โวลต์มิเตอร์วัดความต่างศักย์ไฟฟ้า
จะต้องต่อคร่อมระหว่างจุดสองจุดที่ต้องการวัดหรือต่อแบบขนาน และพิจารณาขั้วให้ถูกต้อง โดยต่อขั้วบวก
ของโวลตม์ ิเตอรเ์ ขา้ ทางด้านขัว้ บวกของแหลง่ กำเนิดไฟฟา้ และตอ่ ข้วั ลบของโวลตม์ เิ ตอรเ์ ข้าทางด้านข้ัวลบของ
แหล่งกำเนิดไฟฟ้า ถ้าต่อสลับขั้วกัน เข็มของโวลต์มิเตอร์จะเบนไปในทิศทางตรงกันข้าม ซึ่งอาจทำให้โวลต์
มเิ ตอร์เสยี หายได้

ภาพท่ี 1.9 ใช้โวลต์มิเตอรต์ อ่ ขนาน เมอ่ื ต้องการวัดความตา่ งศกั ยท์ ค่ี ร่อมหลอดไฟฟา้

กระแสไฟฟ้าและความต่างศักย์ไฟฟ้า เป็นส่งิ ทมี่ คี วามสัมพันธ์เกี่ยวเนื่องกนั กล่าวคือ กระแสไฟฟ้าจะ
เกดิ ขนึ้ หรอื ไหลผา่ นไดม้ ากหรือนอ้ ยกข็ น้ึ อย่กู บั ลักษณะตวั นำไฟฟา้ ว่ามคี ุณสมบัตเิ ปน็ อยา่ งไร

ชดุ กจิ กรรมการเรยี นรูแ้ บบเชงิ รกุ (Active Learning) | ไฟฟ้า 13

กจิ กรรมท่ี 3

สังเกตความสมั พนั ธ์ระหว่างความต่างศกั ยก์ ับกระแสไฟฟ้า

จุดประสงคข์ องกิจกรรม
สังเกตและอธิบายความสัมพันธ์ระหว่างความต่างศกั ย์กบั กระแสไฟฟ้าได้

วัสดุและอุปกรณ์

1. กระบะถา่ นไฟฉายพร้อมถา่ นไฟฉายขนาด 1.5 โวลต์ 4 กอ้ น 1 ชดุ
ตวั
2. ตวั ต้านทาน 100 โอหม์ 1 อนั
เสน้
3. สวติ ช์ 1 เครื่อง
เครอ่ื ง
4. สายไฟฟ้าพร้อมคลิปหนีบปากจระเข/้ ท่เี สยี บ 6

5. แอมมเิ ตอร์แบบเข็ม 1

6. โวลต์มิเตอรแ์ บบเข็ม 1

วิธดี ำเนนิ กจิ กรรม
1. ตอ่ ตวั ต้านทานขนาด 100 โอหม์ ถ่านไฟฉาย (ใชถ้ ่านไฟฉาย 1 ก้อน) แอมมิเตอร์ โวลตม์ ิเตอร์ และ
สวิตชเ์ ปน็ วงจรไฟฟา้ ดังรปู

100 

1.5 V

2. สับสวติ ชล์ งใหว้ งจรปิด สังเกตและบนั ทึกค่าความตา่ งศกั ย์จากโวลตม์ เิ ตอร์ และค่ากระแสไฟฟา้ จาก
แอมมเิ ตอร์ แลว้ ยกสวิตช์ขึน้ ให้วงจรเปดิ

3. ดำเนินการเชน่ เดยี วกับข้อ 1 และ 2 แตเ่ พ่มิ ถ่านไฟฉายในวงจรครง้ั ละ 1 ก้อนจนครบ 4 กอ้ น
4. นำผลทไ่ี ด้จากข้อ 2 และ 3 มาเขียนกราฟแสดงความสมั พันธร์ ะหว่างความต่างศักย์และกระแสไฟฟ้า

โดยใหค้ วามต่างศักย์อยู่แกนนอนและกระแสไฟฟ้าอยูแ่ กนตั้ง

ชุดกิจกรรมการเรียนรูแ้ บบเชิงรุก (Active Learning) | ไฟฟา้ 14

แบบบันทกึ ผลการทำกจิ กรรมที่ 3
ปญั หา ........................................................................................................................................................

1. ผลการทำกจิ กรรม

ชุดกิจกรรมการเรียนรู้แบบเชงิ รุก (Active Learning) | ไฟฟา้ 15

2. คำถามทา้ ยกิจกรรม
2.1 กราฟแสดงความสัมพนั ธร์ ะหว่างความตา่ งศกั ย์และกระแสไฟฟ้ามลี ักษณะใด
............................................................................................................................. ...................................
............................................................................................................................................................. ...
2.2 กระแสไฟฟา้ ที่ไหลผ่านตัวต้านทานและความต่างศกั ย์ระหว่างปลายทง้ั สองของตวั ตา้ นทานมี
ความสัมพนั ธก์ ันอย่างไร
............................................................................................................................. ...................................
............................................................................................................................. ...................................

3. สรุปผลการทำกจิ กรรม
................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. ...................................
................................................................................................................................ ................................
................................................................................................... .............................................................
............................................................................................................................. ...................................

ชุดกจิ กรรมการเรยี นรแู้ บบเชงิ รุก (Active Learning) | ไฟฟ้า 16

กระแสไฟ ้ฟา ่ที ่ผานลวดตัวนำ (A)เมื่อต่อตัวนำไฟฟ้าที่มีลักษณะเป็นลวดตัวนำเส้นหนึ่ง ได้แก่ ลวดนิโครม ซึ่งเป็นโลหะผสมระหว่าง
นิกเกิลกับโครเมียม เข้ากับสายไฟฟ้าและแหล่งกำเนิดไฟฟ้า ทำให้มีความต่างศักย์ไฟฟ้าระหว่างปลายลวด
ตัวนำทั้งสองด้านและมีกระแสไฟฟ้าผ่านลวดตัวนำ ถ้าความต่างศักย์ไฟฟ้าของปลายทั้งสองของลวดตัวนำ
เปลี่ยนไป กระแสไฟฟ้าที่ผ่านลวดตัวนำนั้นก็จะมีค่าเปลี่ยนไปด้วย โดยเมื่อเขียนกราฟความสัมพันธ์ระหว่าง
ความต่างศักย์ไฟฟา้ และกระแสไฟฟ้าจะได้กราฟเส้นตรงผ่านจุดกำเนิด ดังภาพ

0 ความต่างศักยไ์ ฟฟา้ ที่คร่อมลวดตวั นำ (V)

ภาพที่ 1.10 กราฟความสมั พันธร์ ะหวา่ งความตา่ งศักยไ์ ฟฟา้ และกระแสไฟฟา้ ของลวดตวั นำ

กราฟระหว่างกระแสไฟฟ้า (I ) และความต่างศักย์ไฟฟ้า (V) เป็นกราฟเส้นตรง แสดงว่าความต่าง
ศักย์ไฟฟ้า เพิ่มขึ้น กระแสไฟฟ้าก็จะเพิ่มตาม โดยที่อัตราส่วนระหว่างความต่างศักย์ไฟฟ้าและกระแสไฟฟ้ามี
ค่าคงที่

V = คา่ คงท่ี

I

เรียกค่าคงที่น้ีว่า ความต้านทานไฟฟ้า (resistance) มีสัญลักษณ์เป็น R มีหน่วยเป็นโวลต์ต่อ
แอมแปร์ หรอื โอหม์ (ohm : W) จากความสมั พนั ธข์ องกระแสไฟฟ้า ความต่างศกั ย์ไฟฟา้ และความต้านทาน
ไฟฟา้ สามารถเขยี นความสมั พนั ธ์ใหม่ในรปู สมการไดว้ า่

V = IR

ถ้าเปลี่ยนตัวนำไฟฟ้าที่มีความต้านทานไฟฟ้าต่าง ๆ กัน จะพบว่าอัตราส่วนระหว่างความต่าง
ศกั ยไ์ ฟฟา้ กบั กระแสไฟฟ้าก็จะตา่ งกันด้วย

ชุดกจิ กรรมการเรยี นรแู้ บบเชงิ รกุ (Active Learning) | ไฟฟ้า 17

ตัวอยา่ งท่ี 1

ถ้าลวดนิโครมมีความต้านทาน 50 โอห์ม ต่ออยู่กับเซลล์ไฟฟ้าขนาด 1.5 โวลต์ จะมีกระแสไฟฟ้าไหลผ่าน
ลวดนิโครมเทา่ ใด

วธิ ที ำ โจทย์ถาม กระแสไฟฟา้ ทไี่ หลผ่านลวดนิโครม ( I )
โจทย์บอก ลวดนิโครมมีความต้านทาน 50 โอห์ม (R)
ต่ออยกู่ บั เซลลไ์ ฟฟ้าขนาด 1.5 โวลต์ (V)

จากความสมั พันธ์ I = V

R

แทนคา่ I = 1.5 V

50 W

I = 0.03 A

ดังนน้ั จะมีกระแสไฟฟ้าไหลผา่ นลวดนโิ ครม 0.03 แอมแปร์

ตวั อย่างท่ี 2

ลวดทองแดงต่ออยู่กับเซลล์ไฟฟ้าขนาด 3.0 โวลต์ จะมีกระแสไฟฟ้าไหลผ่านลวดทองแดง 0.05 แอมแปร์
อยากทราบวา่ ลวดทองแดงมีความต้านทานเท่าใด

วธิ ีทำ โจทยถ์ าม ความต้านทานของลวดทองแดง (R)
โจทยบ์ อก เซลลไ์ ฟฟา้ ขนาด 3.0 โวลต์ (V)
กระแสไฟฟา้ ไหลผา่ นลวดทองแดง 0.05 แอมแปร์ ( I )

จากความสัมพันธ์ R = V

I

แทนคา่ R = 3.0 V

0.05 A

R = 60 W

ดังนั้น ลวดทองแดงมคี วามต้านทาน 60 โอห์ม

ข้อควรรู้ วธิ กี ารจำสตู รงา่ ย ๆ ให้ใช้รูปตอ่ ไปนี้ V
หาคา่ V ปิด V ไว้ จะได้ V = IR IR

หาค่า I ปดิ I ไว้ จะได้ I = V

R

หาค่า R ปิด R ไว้ จะได้ R = V

I

ชุดกจิ กรรมการเรยี นรู้แบบเชิงรกุ (Active Learning) | ไฟฟา้ 18

ตัวอย่างท่ี 3

วงจรไฟฟา้ ประกอบด้วยแบตเตอรี่ สายไฟฟา้ และอุปกรณ์ไฟฟา้ ถ้าให้ความตา่ งศักยไ์ ฟฟา้ ของอุปกรณไ์ ฟฟ้า
น้นั 16 โวลต์ กระแสไฟฟ้าทผ่ี า่ นอปุ กรณไ์ ฟฟา้ นั้นจะเทา่ กบั 8 มิลลิแอมแปร์ ถ้าเปลี่ยนความตา่ งศกั ยไ์ ฟฟา้
ทใี่ หแ้ กอ่ ปุ กรณ์นัน้ เป็น 20 โวลต์ กระแสไฟฟ้าท่ผี า่ นอุปกรณไ์ ฟฟ้านน้ั จะเปน็ ก่มี ิลลแิ อมแปร์

วิธที ำ จากโจทย์ ถา้ ความต่างศักย์ไฟฟา้ ของอุปกรณ์ไฟฟ้าเป็น V = 16 V
กระแสไฟฟา้ จะเท่ากบั I = 8 mA = 0.008 A
จากความสัมพันธ์ V = IR จะได้วา่ ความต้านทานไฟฟา้ ของอุปกรณไ์ ฟฟา้ เปน็

R= V
I

แทนคา่ R = 16
0.008
R = 2,000 W

และเมื่อเปล่ียนความตา่ งศักย์ไฟฟา้ เป็น V = 20 V

จากความสมั พนั ธ์ V = IR จะได้วา่ กระแสไฟฟ้าทผ่ี ่านอุปกรณ์ไฟฟ้านน้ั เปน็

I =V
R

แทนค่า I = 20
2000
I = 0.010 A หรือ 10 mA

ดงั นั้น กระแสไฟฟ้าทีผ่ ่านอปุ กรณ์ไฟฟา้ นน้ั จะเปน็ 10 มิลลิแอมแปร์

ชุดกจิ กรรมการเรียนรแู้ บบเชงิ รุก (Active Learning) | ไฟฟ้า 19

แบบตรวจสอบความเขา้ ใจที่ 1

คำชีแ้ จง จงตอบคำถามต่อไปน้ี กระแสไฟฟา้ ความตา่ งศักยไ์ ฟฟา้

1. จงเตมิ คำหรือข้อความลงในช่องวา่ งใหถ้ ูกต้อง
ปริมาณทางไฟฟา้

1. สัญลกั ษณท์ ่ีใชแ้ ทนปริมาณทางไฟฟ้า
2. เครื่องมือวดั ปริมาณทางไฟฟ้า
3. หนว่ ยของปรมิ าณทางไฟฟ้า
4. สัญลกั ษณข์ องหน่วยของปริมาณทางไฟฟ้า
5. สัญลกั ษณท์ ีใ่ ช้ในวงจรไฟฟ้า

2. จากภาพวงจรไฟฟ้า จงเขยี นแผนภาพการต่อแอมมเิ ตอร์และโวลตม์ ติ อร์ในลกั ษณะต่อไปนี้
กข

1) ถา้ ต้องการวัดค่ากระแสไฟฟ้าทผ่ี า่ นหลอดไฟฟา้ ก
2) ถ้าต้องการวัดค่าความต่างศักย์ไฟฟา้ ท่ีตกคร่อมหลอดไฟฟ้า ข

ชุดกิจกรรมการเรยี นรูแ้ บบเชงิ รุก (Active Learning) | ไฟฟ้า 20

3. เมื่อต่อแอมมิเตอร์เข้าในวงจรไฟฟ้าโดยใช้ขั้วบวกที่รองรับ
กระแสไฟฟ้าสูงสุดของแอมมิเตอร์เป็น 10 แอมแปร์เข็มของ
แอมมิเตอรช์ ดี้ ังภาพ ค่าทอ่ี า่ นได้เปน็ เท่าใด

........................................................................................................................................................................
........................................................................................................................................................................

4. เมื่อต่อโวลต์มิเตอร์ระหว่างอุปกรณ์ไฟฟ้าโดยใช้ขั้วบวกท่ี
รองรับความต่างศักย์ไฟฟ้าสูงสุดของโวลต์มิเตอร์เป็น 15
โวลต์ เข็มของโวลตม์ ิเตอรช์ ้ดี ังภาพ ค่าทอี่ า่ นได้เปน็ เท่าใด

........................................................................................................................................................................
........................................................................................................................................................................

5. อุปกรณ์ไฟฟ้าชิ้นหนึ่งใช้กับความต่างศักย์ 220 โวลต์ ถ้าอุปกรณ์ไฟฟ้าชิ้นนี้มีความต้านทาน 110 โอห์ม
อยากทราบว่า อุปกรณ์ไฟฟา้ ชิ้นน้จี ะยอมใหก้ ระแสไฟฟ้าไหลผ่านก่ีแอมแปร์
........................................................................................................................................................................
........................................................................................................................................................................
........................................................................................................................................................................
........................................................................................................................................................................
........................................................................................................................................................................

6. ถ้าอุปกรณ์ไฟฟ้าชนิดหนึ่ง ระบุด้านข้างว่า 220 โวลต์ 4 แอมแปร์ แล้วความต้านทานของอุปกรณ์ไฟฟ้า
ชนดิ นม้ี คี า่ ที่โอห์ม
........................................................................................................................................................................
........................................................................................................................................................................
........................................................................................................................................................................

ชดุ กิจกรรมการเรยี นรูแ้ บบเชงิ รุก (Active Learning) | ไฟฟา้ 21

7. นําแบตเตอร่ีขนาด 6 โวลต์ ไปตอ่ กับหลอดไฟฟ้าที่มีความต้านทาน 12 โอหม์ ตอ่ มานาํ หลอดไฟฟ้าดวงเดิม
ไปต่อกับแบตเตอร่ีขนาด 18 โวลต์ กระแสไฟฟา้ ท่ีไหลผา่ นหลอดไฟครั้งที่ 2 มคี ่าเปน็ กเี่ ท่าของกระแสไฟฟ้า
ครั้งแรก
........................................................................................................................................................................
........................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................. .......................
........................................................................................................................................................................
........................................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................... ...............
........................................................................................................................................................................
........................................................................................................................................................................

8. เจนทดลองนำลวดตัวนำเสน้ หนึ่งมาวดั ค่ากระแสไฟฟ้าและความต่างศักย์ไฟฟ้าได้ผลดังกราฟ ถ้าเจนวัดค่า
ความต่างศกั ยไ์ ด้ 18 โวลต์ จะมีกระแสไฟฟ้าไหลในวงจรกีแ่ อมแปร์

........................................................................................................................................................................
........................................................................................................................................................................
........................................................................................................................................................................
..................................................................................................................................... ...................................
........................................................................................................................................................................
........................................................................................................................................................................
............................................................................................................................................. ...........................
........................................................................................................................................................................

ชุดกิจกรรมการเรียนรแู้ บบเชิงรุก (Active Learning) | ไฟฟา้ 22

ใบความรทู้ ่ี 2

วงจรไฟฟา้ แบบอนกุ รมและแบบขนาน

เมื่อกระแสไฟฟ้าไหลผ่านอุปกรณ์ต่าง ๆ ในวงจรไฟฟ้า อุปกรณ์เหล่านี้จะมีความต้านทานเฉพาะตวั ที่
ยอมให้กระแสไฟฟ้าไหลผ่านได้มากหรือน้อยแตกต่างกัน กระแสไฟฟ้าจะไหลในวงจรได้ก็ต่อเมื่อต่อครบวงจร
หรือเรียกว่า วงจรปิด (close circuit) ทำให้อุปกรณ์ไฟฟ้าทำงาน แต่ถ้าส่วนใดของวงจรขาดหรือเรียกว่า
วงจรเปิด (open circuit) กระแสไฟฟ้าจะหยุดไหล อุปกรณ์ไฟฟ้าจะหยุดทำงานทันที สาเหตุอาจเกิดจาก
สายไฟฟ้าหลวม สายไฟฟ้าหลุด หรอื เคร่อื งใช้ไฟฟ้าชํารุด

ส่วนสำคัญของวงจรไฟฟ้า คือการต่ออุปกรณ์ไฟฟ้าใช้งานในลักษณะต่าง ๆ กัน โดยทั่วไปอุปกรณ์
ไฟฟ้าที่นำมาต่อใช้งานในวงจรไฟฟ้าอาจต่อแบบอนุกรม ต่อแบบขนาน หรืออาจจะต่อทั้งสองแบบในวงจร
เดียวกนั ขนึ้ อยู่กบั ลักษณะการนำไปใชง้ าน

1. การตอ่ วงจรไฟฟ้าแบบอนกุ รม

วงจรไฟฟ้าแบบอนุกรม (series circuit) เป็นวงจรที่นำเอาอุปกรณ์ทางไฟฟ้ามาต่อกันในลักษณะท่ี
ปลายดา้ นหน่ึงของอุปกรณ์ตวั ท่ี 1 ต่อเขา้ กับอุปกรณ์ตวั ที่ 2 จากนั้นนำปลายทเี่ หลือของอุปกรณ์ตัวที่ 2 ไปต่อ
กบั อปุ กรณ์ตวั ที่ 3 และจะต่อลักษณะน้ีไปเรื่อย ๆ ซ่งึ การตอ่ แบบนี้จะทำให้กระแสไฟฟ้าไหลไปในทิศทางเดียว
กระแสไฟฟ้าภายในวงจรอนุกรมจะมีค่าเทา่ กันทุก ๆ จุด แตค่ า่ ความต่างศักย์ไฟฟ้าท่ีคร่อมอุปกรณ์ไฟฟ้าแต่ละ
ตวั มคี ่าแตกต่างกัน ขึ้นอย่กู ับความตา้ นทานไฟฟ้าของอุปกรณ์ไฟฟา้ น้นั ซง่ึ เม่อื รวมความต่างศักย์ไฟฟ้าท่ีคร่อม
อุปกรณไ์ ฟฟา้ ทุกตวั แลว้ นนั้ จะต้องมคี ่าเทา่ กับความตา่ งศักยไ์ ฟฟ้ารวมของวงจร

ภาพท่ี 2.1 แผนภาพการตอ่ วงจรไฟฟ้าแบบอนกุ รม

ชุดกิจกรรมการเรียนรู้แบบเชิงรกุ (Active Learning) | ไฟฟ้า 23

ในการต่ออปุ กรณ์ไฟฟา้ แบบอนุกรม ถ้าอุปกรณ์ไฟฟ้าตัวใดตวั หนึง่ เสียหายหรอื ไม่ทำงาน ก็จะทำให้
เปน็ วงจรเปิด ไม่มีกระแสไฟฟ้าในวงจร อุปกรณ์ไฟฟ้าท่ีเหลอื ก็จะไม่ทำงาน ดงั นั้นการต่ออปุ กรณ์ไฟฟา้ แบบ
อนกุ รมจงึ ใช้กบั อุปกรณ์ไฟฟา้ ท่มี ีหน้าท่คี วบคุมวงจรไฟฟ้า เชน่ สวติ ช์

2. การต่อวงจรไฟฟา้ แบบขนาน

วงจรไฟฟ้าแบบขนาน (parallel circuit) เป็นวงจรที่เกิดจากการต่ออุปกรณ์ไฟฟ้าตั้งแต่ 2 ตัวข้ึน
ไปให้ขนานกับแหล่งจ่ายไฟมีผลทำให้ค่าความต่างศักย์ไฟฟ้าที่ตกคร่อมอุปกรณ์ไฟฟ้าแต่ละตัวมีค่าเท่ากัน แต่
กระแสไฟฟ้าที่ผ่านอุปกรณ์ไฟฟ้าแต่ละตัวไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับค่าความต้านทานไฟฟ้าของอุปกรณ์ไฟฟ้าแต่ละ
ตัว ทิศทางการไหลของกระแสไฟฟ้าจะมีตั้งแต่ 2 ทิศทางข้ึนไปตามลักษณะของสาขาของวงจร ซึ่งเมื่อ
กระแสไฟฟ้าท่ีผา่ นอปุ กรณแ์ ตล่ ะตัวรวมกนั จะเท่ากบั กระแสไฟฟา้ รวมของวงจรไฟฟา้

ภาพที่ 2.2 แผนภาพการต่อวงจรไฟฟา้ แบบขนาน

ในการต่ออุปกรณ์ไฟฟ้าแบบขนาน ถ้าอุปกรณ์ไฟฟ้าตัวใดตัวหนึ่งเสียหายหรือไม่ทำงานจะยังมี
กระแสไฟฟ้าในวงจรผา่ นอุปกรณ์ไฟฟ้าท่เี หลือใหท้ ำงานต่อไปได้ ดงั นน้ั การตอ่ อุปกรณไ์ ฟฟ้าแบบขนานจึงมักใช้
กับการตอ่ อุปกรณไ์ ฟฟา้ ต่าง ๆ ภายในบา้ น

ชุดกิจกรรมการเรียนรู้แบบเชิงรกุ (Active Learning) | ไฟฟ้า 24

นอกจากนี้ยังมีการต่อวงจรไฟฟ้าแบบผสม ซึ่ง ภาพที่ 2.3 แผนภาพการตอ่ วงจรไฟฟา้ แบบผสม
เป็นการต่อวงจรไฟฟ้าโดยการต่อรวมกันระหว่าง
วงจรไฟฟ้าแบบอนุกรมกบั วงจรไฟฟา้ แบบขนาน ภายใน
วงจรผสม อุปกรณ์ไฟฟ้าบางตัวต่อวงจรแบบอนุกรม
และอุปกรณ์ไฟฟ้าบางตัวต่อวงจรแบบขนาน การต่อ
วงจรไม่มีมาตรฐานตายตัว เปลี่ยนแปลงไปตามลักษณะ
การต่อวงจรตามต้องการ โดยการวิเคราะห์แก้ปัญหา
ของวงจรผสมต้องอาศัยหลักการทำงานตลอดจนอาศัย
คุณสมบตั ขิ องวงจรไฟฟา้ ทัง้ แบบอนุกรมและแบบขนาน

ตารางท่ี 1 แสดงการเปรียบเทยี บผลการตอ่ หลอดไฟฟ้าแบบอนุกรมและแบบขนาน

แบบอนกุ รม แบบขนาน

กระแสไฟฟา้ ที่ไหลผ่านหลอดไฟฟ้า แต่ละหลอดมี กระแสไฟฟ้าท่ไี หลผา่ นหลอดไฟฟ้าแต่ละหลอดจะ
ค่าเท่ากัน และเท่ากับกระแสไฟฟา้ ทั้งหมดทไ่ี หล ไม่เท่ากัน แต่ถ้าหลอดมีความต้านทานไม่เท่ากัน
ในวงจร ดังสมการ แต่กระแสไฟฟ้ารวมจะเท่ากับผลบวกของ
กระแสไฟฟ้าทีผ่ ่านแต่ละหลอด ดังสมการ
Iรวม = I = I = I = ...
1 2 3

Iรวม = I+ I+ I+ ...
1 2 3

ความต่างศักย์รวม มีค่าเท่ากับผลบวกของความ ความต่างศักย์รวม จะมีค่าเท่ากับความต่างศักย์
ตา่ งศกั ยข์ อง หลอดไฟแตล่ ะหลอด ดังสมการ ของหลอดไฟฟ้าแต่ละหลอด ดังสมการ

Vรวม = V+ V+ V+ ... Vรวม = V = V = V = ...
1 2 3 1 2 3

หลอดไฟทุกหลอดจะทำงานและหยุดทำงาน หลอดไฟแต่ละหลอดจะทำงานและหยุดทำงาน
พร้อมกนั ไม่สามารถเลอื กเปิด-ปิด หลอดใดหลอด แยกกัน ดังนั้นจึงสามารถเลือกเปิด-ปิด หลอดใด
หน่งึ ตามต้องการได้ หลอดหน่งึ ได้ตามต้องการ

ชดุ กิจกรรมการเรียนร้แู บบเชิงรกุ (Active Learning) | ไฟฟา้ 25

กจิ กรรมที่ 4

สงั เกตการตอ่ หลอดไฟฟา้ ในวงจรไฟฟา้

จดุ ประสงค์ของกิจกรรม
สงั เกตและอธิบายการตอ่ หลอดไฟฟา้ แบบอนุกรมและแบบขนานในวงจรไฟฟ้าได้

วสั ดแุ ละอุปกรณ์

1. กระบะถ่านไฟฉายพร้อมถา่ นไฟฉายขนาด 1.5 โวลต์ 4 ก้อน 1 ชุด
หลอด
2. หลอดไฟฟ้าขนาด 6 โวลต์ 2 อัน
เสน้
3. สวติ ช์ 1

4. สายไฟฟา้ พร้อมคลิปหนบี ปากจระเข/้ ท่ีเสียบ 6

วิธดี ำเนินกิจกรรม
1. ต่อถา่ นไฟฉาย สวิตช์ และหลอดไฟฟ้า เป็นวงจรไฟฟา้ ดงั รูป จากน้นั สับสวิตช์ลงใหว้ งจรปิด สงั เกต
ความสว่างของหลอดไฟฟ้า แล้วยกสวิตชข์ ึ้นให้วงจรเปดิ

6V

2. ต่อหลอดไฟฟ้า 6 โวลต์ อีก 1 หลอดเขา้ กับวงจรไฟฟ้า โดยการตอ่ แบบขนานและแบบอนกุ รม
จากนั้นสบั สวิตช์ลงให้วงจรปิด สงั เกตความสวา่ งของหลอดไฟฟา้ และเขยี นแผนภาพแสดงวงจรไฟฟ้า
แล้วยกสวติ ชข์ ึ้นให้วงจรเปิด

ชดุ กจิ กรรมการเรียนรูแ้ บบเชิงรุก (Active Learning) | ไฟฟ้า 26

แบบบันทกึ ผลการทำกิจกรรมการทดลองท่ี 4

ปญั หา ........................................................................................................................................................
1. ผลการทำกจิ กรรม

การต่อหลอดไฟฟา้ ความสว่างของหลอดไฟฟ้า แผนภาพแสดงวงจรไฟฟ้า

การตอ่ หลอดไฟฟ้า 1
หลอด เข้ากับถ่านไฟฉาย
การต่อหลอดไฟฟ้า 2
หลอดแบบอนุกรมเข้ากบั
ถา่ นไฟฉาย
การตอ่ หลอดไฟฟ้า 2
หลอดแบบขนานเข้ากบั
ถา่ นไฟฉาย

2. คำถามท้ายกิจกรรม
2.1 เมอื่ สับสวติ ช์ลงให้กระแสไฟฟ้าไหลผ่านในวงจรไฟฟา้ ท่ีมีหลอดไฟฟา้ 2 หลอดที่ต่อกันแบบ
อนุกรมและแบบขนาน ความสว่างของหลอดไฟฟ้าในการต่อแต่ละแบบมลี ักษณะแตกตา่ งกนั หรอื ไม่
อยา่ งไร
........................................................................................ ........................................................................
............................................................................................................................. ...................................
2.2 การตอ่ หลอดไฟฟ้าแบบขนานมีขอ้ ดอี ย่างไร เมื่อเปรียบเทยี บกบั การต่อหลอดไฟฟา้ แบบอนกุ รม
............................................................................................................................. ...................................
............................................................................................................................................................... .

3. สรปุ ผลการทำกจิ กรรม
............................................................................................................ ....................................................
............................................................................................................................. ...................................
................................................................................................................................................................

ชดุ กิจกรรมการเรยี นรแู้ บบเชงิ รุก (Active Learning) | ไฟฟา้ 27

วงจรไฟฟ้าในบ้าน
การนำพลังงานไฟฟ้ามาใช้ในบ้านจะต้องมีการต่อวงจรไฟฟ้าเพื่อให้กระแสไฟฟ้าไหลเข้าบ้าน และนำ

พลังงานไฟฟ้ามาใช้กับเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน อุปกรณ์ในวงจรไฟฟ้าประกอบด้วย สายไฟ สะพานไฟ ฟิวส์
เต้ารับ เต้าเสียบ และสวิตช์ไฟฟ้า ซึ่งจะต้องต่อเข้ากับวงจรภายในบ้านแบบอนุกรม ส่วนเครื่องใช้ไฟฟ้า เช่น
พัดลมตู้เยน็ หมอ้ หงุ ข้าว เครือ่ งซกั ผา้ และหลอดไฟท่ีให้แสงสว่าง จะถูกนำมาต่อเขา้ กับวงจรไฟฟ้าภายในบ้าน
แบบขนาน ซึ่งการต่อวงจรลักษณะนี้จะทำให้อุปกรณ์และเครื่องใช้ไฟฟ้าแต่ละชนิดอยู่คนละวงจร ถ้า
เครื่องใชไ้ ฟฟา้ ชนิดใดชนิดหน่ึงเกิดขัดข้องเนื่องจากสาเหตุใดก็ตาม เครอ่ื งใช้ไฟฟ้าชนดิ อืน่ กย็ งั คงใช้ได้ตามปกติ
เพราะไม่ได้อยู่ในวงจรเดียวกัน จึงทำให้แต่ละบ้านมีวงจรไฟฟ้าย่อย ๆ หลายวงจร และทุกบ้านควรจะต้องมี
แผงวงจรภายในบ้านที่ได้ผ่านการตรวจสอบจากหน่วยงานการไฟฟ้าของรัฐเสียก่อน เพื่อความถูกต้องและ
ปลอดภยั

ภาพท่ี 2.4 การตอ่ สายสง่ พลังงานไฟฟา้ เข้าภายในบ้าน

โดยปกติสาย L (สายไฟที่มีศักย์ไฟฟ้าเป็น 220 โวลต์) และสาย N (สายกลางซึ่งมีศักย์ไฟฟ้าเป็นศูนย์)
ที่ต่อเข้าบ้านจะต่อเข้ากับแผงควบคุมไฟฟ้า ซึ่งเป็นที่ควบคุมการจ่ายพลังงาน ไฟฟ้าทั้งหมดในบ้านอย่างมี
ระบบ บนแผงควบคุมไฟฟ้ามักจะประกอบด้วย ฟิวส์รวม สะพานไฟรวม และสะพาน ไฟย่อย โดยสะพานไฟ
ย่อยมีไว้เพื่อแยกและควบคุมการส่งพลังงานไฟฟ้าไปยังวงจรไฟฟ้าย่อยตามส่วนต่าง ๆ ของบ้านเรือน เช่น
วงจรชนั้ ล่าง วงจรชัน้ บน วงจรในครวั เป็นตน้

ชดุ กจิ กรรมการเรียนรู้แบบเชงิ รุก (Active Learning) | ไฟฟา้ 28

อปุ กรณท์ ีใ่ ช้ในวงจรไฟฟ้า

อุปกรณ์ต่าง ๆ ที่จำเป็นต้องใช้ในวงจรไฟฟ้า เพื่อช่วยให้การใช้ไฟฟ้าเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและ
ปลอดภยั มีหลายชนดิ ท่ีสำคัญ ดงั นี้

สายไฟ (wire)
เป็นอุปกรณ์สำหรับส่งพลังงานไฟฟ้าจากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่งโดยกระแสไฟฟ้าจะนำพลังงานไฟฟ้า

ผ่านไปตามสายไฟจนถึงเครื่องใช้ไฟฟ้าสายไฟทำด้วยสารที่มีคุณสมบัติเป็นตัวนำไฟฟ้า ยอมให้ กระแสไฟฟ้า
ไหลผา่ นไดด้ ี ได้แก่

1. สายไฟแรงสูง ทำด้วยอะลูมิเนียม เพราะอะลูมิเนียมมีราคาถูกและน้ำหนักเบากว่า ทองแดง
(อะลมู ิเนยี มมคี วามต้านทานสงู กวา่ ทองแดง)

2. สายไฟทั่วไป (สายไฟในบ้าน) ทำด้วยโลหะทองแดง เพราะทองแดงมีราคาถูกกว่าโลหะ เงิน (เงินมี
ความต้านทานนอ้ ยกว่า ทองแดง) จำแนกได้ ดงั นี้
• สายทนความรอ้ น มีเปลือกนอกเป็นฉนวนท่ีทนความรอ้ น เช่น สายเตารดี
• สายคแู่ ขง็ ใช้เดินในอาคารบ้านเรอื น
• สายคเู่ ดย่ี ว มีลกั ษณะอ่อน ใช้กับเครื่องใชไ้ ฟฟ้าภายในบา้ น เชน่ วิทยุ โทรทศั น์
• สายเด่ียว ใชเ้ ดินในทอ่ ร้อยสาย

ภาพท่ี 2.5 สายไฟแรงสูง ภาพท่ี 2.6 ตวั อยา่ งสายไฟทั่วไป (สายคแู่ ข็ง) ทใ่ี ชใ้ นบา้ นเรือน

เม่อื เราสังเกตสายไฟจะเหน็ วา่ มฉี นวนหุม้ เพ่อื ป้องกัน ภาพที่ 2.7 แผนภาพการลดั วงจร
ไม่ให้ลวดตัวนำในสายไฟฟ้าแตะกัน ถ้าลวดตัวนำแตะกันจะ
ทำให้กระแสไฟฟ้าจำนวนมากเคล่ือนทผ่ี ่านส่วนท่ีแตะกันโดย
ไม่ผ่านเครื่องใช้ไฟฟ้า เรียกว่า ไฟฟ้าลัดวงจร (short
circuit) ซึ่งจะส่งผลให้เกิดความร้อนสูงและเป็นต้นเหตุให้
เกิดไฟไหม้ ดังนั้นเราควรตรวจสภาพสายไฟฟ้าอยู่เสมอ ถ้า
พบว่าสายไฟฟ้าชำรุดควรเปลี่ยนสายไฟฟ้าใหม่เพื่อความ
ปลอดภยั

ชดุ กจิ กรรมการเรยี นรู้แบบเชิงรุก (Active Learning) | ไฟฟ้า 29

ฟิวส์ (fuse) ภาพที่ 2.7 ฟวิ ส์ชนดิ ต่าง ๆ
เป็นอุปกรณ์ที่ทำหน้าที่ป้องกันไม่ให้กระแสไฟฟ้าไหล

ผ่านเข้ามามากเกินไป ถ้ามีกระแสไฟฟ้าไหล ผ่านมามากฟิวส์จะ
ตัดวงจรไฟฟ้าในบ้านโดยอัตโนมัติ ฟิวส์ทำด้วยโลหะผสม
ระหว่างตะกั่วกับดีบุก และบิสมัทผสมอยู่ ซึ่งเป็นโลหะที่มีจุด
หลอมเหลวต่ำ มีความต้านทานสูง และมีรูปร่างแตกต่างกันไป
ตามวัตถุประสงค์ของการใชง้ าน

ขนาดของฟิวส์ถูกกำหนดให้เป็นค่าของกระแสไฟฟ้า
สูงสุดที่ไหลผ่านได้โดยฟิวส์ไม่ขาด เช่น 5, 10, 15 และ 30
แอมแปร์ ถ้าฟิวส์ขนาด 15 แอมแปร์ หมายความว่า ฟิวส์ที่ยอม
ให้กระแสไฟฟ้าไหลผ่านได้ไม่เกิน 15 แอมแปร์ ถ้าเกินกว่าน้ี
ฟิวส์จะขาด การเลือกใช้ฟิวส์ ควรเลือกขนาดของฟิวส์ให้
พอเหมาะกับปริมาณกระแสไฟฟ้าทใี่ ชใ้ นบ้าน

สวิตช์ (switch)
เป็นอุปกรณ์ตัดหรือต่อวงจรไฟฟ้าในส่วนที่ต้องการ ทำหน้าที่คล้ายสะพานไฟ โดยต่ออนุกรมเข้ากับ

เครือ่ งใช้ไฟฟ้า

สะพานไฟ (cut-out)
เป็นอุปกรณ์สำหรับตัดหรือต่อวงจรไฟฟ้าทั้งหมดภายใน

บ้าน ประกอบด้วยฐานและ คันโยกที่มีลักษณะ เป็นขาโลหะ 2 ขา
ซ่งึ มีท่จี บั เป็นฉนวน เมื่อสบั คันโยกลงไปในรอ่ งทท่ี ำดว้ ยตัวนำไฟฟ้า
กระแสไฟฟ้าจากมาตรไฟฟ้าจะไหลเข้าสู่วงจรไฟฟ้าในบ้าน และ
เมอื่ ยกคันโยกขน้ึ กระแสไฟฟา้ จะ หยดุ ไหล เชน่ การตดั วงจร

เต้ารับและเตา้ เสียบ (plug) ภาพท่ี 2.8 สะพานไฟ

เต้ารบั และเต้าเสียบมี 2 ประเภท ดงั น้ี

1. เตา้ รบั หรอื ปล๊กั ตวั เมยี คือ อุปกรณส์ ว่ นท่ีติดอยู่กบั วงจรไฟฟ้าในบา้ นอย่างถาวร เช่น ฝาผนงั บา้ น หรอื

อาคารเพอื่ รองรบั การเสียบของเต้าเสียบจากเครื่องใชไ้ ฟฟ้า

2. เต้าเสียบหรือปลั๊กตัวผู้ คือ อุปกรณ์ส่วนที่ติดอยู่กับปลายสายไฟของเครื่องใช้ไฟฟ้า มีอยู่ 2 แบบ คือ

เตา้ เสียบ 2 ขา ใช้กบั เต้ารบั ที่มี 2 ช่อง เต้าเสยี บ 3 ขา ใช้กบั เต้ารับทม่ี ี 3 ชอ่ ง โดยขากลางจะเชือ่ มต่อ

กบั สายดนิ ชว่ ยปอ้ งกัน อนั ตรายกรณีกระแสไฟฟา้ รั่ว

ชดุ กิจกรรมการเรียนรแู้ บบเชิงรุก (Active Learning) | ไฟฟ้า 30

แบบตรวจสอบความเข้าใจที่ 2

คำชแ้ี จง จงตอบคำถามต่อไปน้ี
1. จากภาพวงจรไฟฟ้าท่ีกำหนดให้ สามารถเขียนแผนภาพวงจรไฟฟา้ ได้อยา่ งไร

2. พิจารณาภาพวงจรไฟฟ้าที่กำหนดให้ ถ้าความต่างศักย์ไฟฟ้า
ของแหล่งกำเนิดไฟฟ้าเป็น 9.0 โวลต์ และแอมมิเตอร์อ่านค่า
กระแสไฟฟา้ ไดเ้ ป็น 0.5 แอมแปร์
1) กระแสไฟฟา้ ท่ีผา่ นหลอดไฟฟา้ A เทา่ กบั .............................
2) กระแสไฟฟ้าทผ่ี า่ นหลอดไฟฟา้ B เทา่ กับ .............................
3) กระแสไฟฟา้ ที่ผา่ นหลอดไฟฟ้า C เท่ากับ .............................
4) ถ้าความต่างศักย์ที่คร่อมหลอดไฟฟ้า A เป็น 2.0 โวลต์ และ
ความต่างศักย์ที่คร่อมหลอดไฟฟ้า B เป็น 3.0 โวลต์
ความต่างศักย์ท่คี ร่อมหลอดไฟฟ้า C เป็น .................................

3. พิจารณาภาพวงจรไฟฟ้าที่กำหนดให้ ถ้าความต่างศักย์ไฟฟ้าของ
แหลง่ กำเนิดไฟฟ้าเปน็ 12.0 โวลต์ และแอมมเิ ตอรอ์ า่ นคา่ กระแสไฟฟ้า
ไดเ้ ปน็ 2.0 แอมแปร์
1) ความต่างศกั ย์ท่คี ร่อมหลอดไฟฟา้ A เท่ากบั .............................
2) ความต่างศกั ย์ที่คร่อมหลอดไฟฟ้า B เท่ากบั .............................
3) ถ้ากระแสไฟฟ้าท่ผี า่ นหลอดไฟฟ้า A เปน็ 0.5 แอมแปร์ แลว้
กระแสไฟฟ้าทผ่ี ่านหลอดไฟฟ้า B เป็น ...........................................

ชุดกจิ กรรมการเรียนรแู้ บบเชงิ รกุ (Active Learning) | ไฟฟา้ 31

4. เพราะเหตุใดการต่อหลอดไฟฟ้าหรืออุปกรณ์ไฟฟ้าต่าง ๆ ในบ้านจึงควรต่อวงจรแบบขนานมากกว่าแบบ
อนกุ รม
........................................................................................................................................................................
........................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................... ..

5. พจิ ารณาวงจรไฟฟา้ ท่กี ำหนดใหต้ ่อไปน้ี

1) วงจรทีเ่ กิดไฟฟา้ ลดั วงจร คือ .....................................................................................................................
2) วงจรทหี่ ลอดไฟฟา้ สวา่ งทุกดวง คอื ...........................................................................................................
3) วงจรท่ีหลอดไฟฟา้ ไม่สว่างทกุ ดวง คือ .......................................................................................................
4) ถ้าเปลี่ยนหลอดไฟหลอดที่ 1 ในวงจร ก. ข. และ ค. เป็นฟิวส์ วงจรที่ฟิวส์จะตัดกระแสไฟฟ้าในวงจร
ทันที คือ .................................................................................................................................... .....................

ชุดกิจกรรมการเรยี นรูแ้ บบเชงิ รุก (Active Learning) | ไฟฟ้า 32

ใบความร้ทู ี่ 3

พลงั งานไฟฟา้

เมื่อเราสังเกตเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้านแต่ละชนิด จะพบว่ามีเลขที่ระบุเกี่ยวกับความต่างศักย์ไฟฟ้าและ
กำลังไฟฟ้ากำกับไว้ที่เครื่องใช้ไฟฟ้าเหล่านั้น ตัวอย่างเช่น บนหลอดไฟฟ้ามีตัวเลขกำกับว่า 220V 60W
หมายความว่า หลอดไฟฟ้าดวงนี้ต้องใช้กับความต่างศักย์ไฟฟ้า 220 โวลต์เท่านั้น และหลอดไฟฟ้าดวงนี้มี
กำลังไฟฟ้า 60 วัตต์ กำลังไฟฟ้า 60 วัตต์ บอกถึงปริมาณพลังงานไฟฟ้าที่หลอดไฟฟ้าใช้ไปในเวลา 1 วินาที
ดังนั้นขณะทีเ่ ปดิ ไฟ หลอดไฟฟ้าดวงน้ีจะต้องใชพ้ ลงั งานไฟฟ้า 60 จูลในเวลา 1 วินาที ซึ่งเรียกว่า กำลังไฟฟ้า
(electric power) มีหนว่ ยเปน็ จลู ต่อวนิ าที (J/s) หรอื วตั ต์ (W) เขยี นเปน็ ความสมั พันธไ์ ดด้ งั นี้

P = W
t

เมอื่ P คอื กำลังไฟฟา้ ของเครอ่ื งใชไ้ ฟฟ้า มหี น่วยเปน็ วัตต์ (W)
t
W คือ เวลาท่ีใชไ้ ฟฟา้ มหี นว่ ยเปน็ วนิ าที (s)

คือ พลงั งานไฟฟา้ ที่เคร่ืองใชไ้ ฟฟ้าใชไ้ ป มีหน่วยเป็น จลู (J)

ก. หลอดฟลอู อเรสเซนต์ ข. เครอ่ื งปรบั อากาศ

ภาพที่ 3.1 กำลังไฟฟ้าที่ระบุบนเครื่องใช้ไฟฟ้า

จากภาพที่ 3.1 ที่ระบุกำลังไฟฟ้าของเครื่องปรับอากาศเป็น 2,330 วัตต์ หมายความว่าในเวลา 1

วินาที เครื่องปรับอากาศนี้ใช้พลังงานไฟฟ้า 2,330 จูล จากค่ากำลังไฟฟ้าที่ระบุไว้บนเครื่องใช้ไฟฟ้า เรา

สามารถคำนวณพลังงานไฟฟ้าทั้งหมดที่เครื่องใช้ไฟฟ้าใช้ไปได้จากสมการ P= W ซึ่งเขียนเป็นสมการ
t
ความสมั พันธ์ใหมไ่ ด้เป็น

W = Pt

ชดุ กจิ กรรมการเรยี นรแู้ บบเชิงรกุ (Active Learning) | ไฟฟา้ 33

เมื่อเราทราบค่ากำลังไฟฟ้าที่ใช้กับเครื่องใช้ไฟฟ้า จะสามารถหาพลังงานไฟฟ้าที่สิ้นเปลืองไปกับ
เครื่องใชไ้ ฟฟ้าน้นั ได้

ตัวอยา่ งที่ 1

จงหาพลงั งานไฟฟ้าที่ใชใ้ นเตารีดทีม่ กี ำลังไฟฟ้า 1,250 วัตต์ และรีดผ้านาน 20 นาที

วิธีทำ โจทย์กำหนด เตารดี มกี ำลังไฟฟ้า 1,250 วตั ต์
รีดผา้ นาน 20 นาที

นั่นคือ รดี ผ้านาน 20 x 60 วินาที เท่ากบั 1,200 วินาที

จากความสมั พนั ธ์ W = Pt

= 1,250 W x 1,200 s

= 1,500,000 J

ดังนั้น พลงั งานไฟฟ้าท่ีใชใ้ นเตารีดเท่ากับ 1,500,000 จลู

จากตัวอย่างข้างต้น จะเห็นได้ว่าค่าพลังงานไฟฟ้าที่คํานวณได้มีค่ามาก โดยทั่วไปจึงนิยมวัดพลังงาน
ไฟฟ้าที่ใช้กับเคร่ืองใช้ไฟฟ้าเปน็ หนว่ ยท่ใี หญ่กว่าหนว่ ยจลู โดยวดั กําลังไฟฟ้าเปน็ กิโลวัตต์ และคิดช่วงเวลาเป็น
ชั่วโมง ดังนั้น พลงั งานไฟฟ้าจึงวัดไดเ้ ปน็ กโิ ลวตั ต์-ชัว่ โมง หรอื เรียกว่า หนว่ ย หรอื ยูนิต (unit)

ในการหาค่าพลังงานไฟฟ้าท่ีใชเ้ พ่ือคำนวณค่าไฟฟ้า จะกำหนดหน่วยแตล่ ะปรมิ าณดงั น้ี

กำลังไฟฟา้ มหี น่วยเป็น กิโลวัตต์ (kW)

เวลาท่ีใช้ มหี น่วยเป็น ชั่วโมง (h)

พลังงานไฟฟา้ ทใ่ี ช้ มีหนว่ ยเปน็ กโิ ลวัตต์ ชัว่ โมง (kW h) หรอื หน่วย (unit)

ตวั อยา่ งท่ี 2

ถา้ เปดิ เครื่องปรับอากาศท่ีมกี ำลงั ไฟฟ้า 2,500 วตั ต์ นาน 3 ชว่ั โมง จะส้ินเปลืองพลังงานไฟฟา้ กี่หน่วย

วธิ ีทำ โจทย์กำหนด เครอื่ งปรบั อากาศท่ีมกี ำลังไฟฟ้า 2,500 วตั ต์ หรือ 2.5 กโิ ลวตั ต์

ใช้นาน 3 ชว่ั โมง

จากความสัมพันธ์ W = Pt
= 2.5 kW x 3 h

= 7.5 unit

ดงั นนั้ เครื่องปรับอากาศ จะสิน้ เปลืองพลงั งานไฟฟ้า 7.5 หน่วย

ชุดกิจกรรมการเรยี นรู้แบบเชงิ รกุ (Active Learning) | ไฟฟา้ 34

ตัวอยา่ งท่ี 3
หลอดไฟฟ้า 40 วัตต์ 6 หลอด ถ้าเปดิ พร้อมกนั จะใช้กำลงั ไฟฟา้ รวมกันกี่กโิ ลวัตต์ และถ้าเปดิ ใชเ้ ปน็ เวลา 12
ช่ัวโมง จะใช้พลงั งานไฟฟ้ากีห่ นว่ ย

วิธที ำ โจทย์กำหนด หลอดไฟฟา้ 40 วัตต์ 6 หลอด มีกำลงั ไฟฟ้าเทา่ กับ 40 x 6 = 240 วัตต์
หรอื คิดเปน็ 0.24 กิโลวัตต์

จากความสัมพันธ์ W = Pt
= 0.24 kW x 12 h
= 2.88 unit

ดงั นัน้ ถ้าเปดิ หลอดไฟฟา้ 40 วตั ต์ 6 หลอด พร้อมกนั จะใช้กำลังไฟฟ้ารวมกัน 0.24 กโิ ลวัตต์
และใช้พลังงานไฟฟา้ ไป 2.88 หนว่ ย

ตวั อย่างที่ 4

นาย ก วางแผนจะซื้อกาต้มน้ำไฟฟ้าขนาด 1.5 ลิตร ที่สามารถต้มน้ำมวล 800 กรัมซึ่งมีอุณหภูมิ 20 องศา
เซลเซียส ให้มีอุณหภูมิ 90 องศาเซลเซียสภายใน 4 นาที ถ้ากาต้มน้ำไฟฟ้าที่ขายในท้องตลาดมีกําลังไฟฟ้า
ขนาด 600 วัตต์ 1,000 วตั ต์ และ 1,500 วตั ต์ นาย ก ต้องเลือก ซื้อกาตม้ นำ้ ไฟฟา้ กี่วตั ต์จึงจะสอดคล้องกับ
ความต้องการ กําหนดให้ความร้อนจําเพาะของน้ำเท่ากับ 4.2 จูลต่อกรัม องศาเซลเซียส โดยในการเปล่ยี น
พลังงานไฟฟ้าเปน็ พลังงานความรอ้ นไมค่ ิดการสญู เสียพลังงาน

วิธที ำ หากาํ ลังไฟฟ้าของกาต้มนำ้ ไฟฟ้าขนาด 1.5 ลติ ร

โจทย์กำหนด มวลของน้ำท่ีตอ้ งการตม้ มคี า่ 800 กรมั

ใชก้ าต้มนำ้ ไฟฟา้ เปน็ เวลา 4 นาที เพ่ือทำให้อณุ หภมู ิเปล่ยี นแปลงจาก

20 องศาเซลเซยี ส ไปเป็น 90 องศาเซลเซยี ส

นัน่ คือ อณุ หภมู ทิ เี่ ปลีย่ นแปลงไป 90 - 20 องศาเซลเซยี ส เท่ากับ 70 องศาเซลเซียส

ใชเ้ วลาในการต้มนำ้ นาน 4 x 60 วินาที เท่ากับ 240 วินาที

จากความสมั พนั ธ์ P = W
t
และพลงั งานไฟฟ้าในทนี่ ้ีถกู เปล่ียนเป็นพลงั งานความร้อนท่ีทำใหน้ ้ำเปล่ยี นแปลงอุณหภูมิ โดยไม่

คิด

การสูญเสยี พลังงาน กําหนดใหเ้ ปน็ Q

จากความสมั พันธ์ Q = mcD T

ชดุ กจิ กรรมการเรียนรู้แบบเชิงรุก (Active Learning) | ไฟฟ้า 35

น่นั คอื = mcD T
t
800 g ´ 4.2 J / g °C ´ 70 °C
= 240 s

= 980 J/s หรอื 980 W

กาตม้ นำ้ ไฟฟา้ ขนาด 1.5 ลติ รท่สี ามารถต้มนำ้ มวล 800 กรัม จากอุณหภูมิ 20 องศาเซลเซยี สเปน็

อณุ หภมู ิ 90 องศาเซลเซยี สภายใน 4 นาที ควรมกี ําลังไฟฟ้าเท่ากับ 980 วัตต์

ดังนัน้ นาย ก ตอ้ งเลือกซ้ือกาต้มนำ้ ไฟฟา้ ขนาด 1,000 วัตต์

การคิดคา่ ไฟฟา้ ทใี่ ช้ในแต่ละเดือนนัน้ นอกจากจะคิดจากพลังงานไฟฟ้าทั้งหมดท่ีใช้ซ่ึงคือค่าไฟฟ้าฐาน
แล้ว ยังรวมคา่ บรกิ ารรายเดือน คา่ ไฟฟา้ ผนั แปร (Ft) และภาษีมูลคา่ เพ่มิ เข้าไปด้วย ดังสมการ

ค่าพลงั งานไฟฟ้า = คา่ ไฟฟา้ ฐาน + ค่าไฟฟ้าผันแปร (Ft) + ภาษมี ูลค่าเพ่ิม

• คา่ ไฟฟา้ ฐาน คดิ จากพลังงานไฟฟ้าท่ีเครื่องใช้ไฟฟา้ ท้ังหมดใช้ไปใน 1 เดือน คูณดว้ ยค่าไฟฟ้าต่อ
หนว่ ย

• ค่าไฟฟ้าผันแปร (Ft) เป็นค่าใช้จ่ายที่การไฟฟ้าไม่สามารถควบคุมได้ เช่น ราคาเชื้อเพลิง และ
เป็นตัวเลขที่เป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรี แล้วนำไปคูณกับจำนวนหน่วยของพลังงานไฟฟ้า
ทั้งหมดท่ใี ช้ไป 1 เดือน

• ภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) เป็นตัวเลขที่ผู้ขอรับบริการจะต้องเป็นผู้รับภาระตามกฎหมายกำหนด
นอกจากน้ี ผใู้ ชไ้ ฟฟ้ายงั ตอ้ งรบั ผดิ ชอบคา่ บรกิ ารรายเดอื นอกี ด้วย

ชดุ กิจกรรมการเรยี นรแู้ บบเชิงรุก (Active Learning) | ไฟฟา้ 36

พลงั งานไฟฟ้าทใ่ี ชท้ ั้งหมด

ค่าไฟฟ้าฐาน
ค่าบรกิ าร
ค่าไฟฟ้าผนั แปร

ภาษมี ลู คา่ เพิ่ม

ภาพท่ี 3.2 ตัวอย่างใบแจง้ ค่าไฟฟ้า

การคดิ อตั ราค่าไฟฟ้าประเภทบ้านอยู่อาศยั

การคิดค่าไฟฟ้าจะคิดในอัตราก้าวหน้า โดยอัตราค่าไฟฟ้าประเภทบ้านอยู่อาศัยแบ่งออกเป็น 2

ประเภท คือ ประเภทอตั ราปกติไมเ่ กนิ 150 หน่วยต่อเดือน และเกิน 150 หน่วยตอ่ เดอื น ดงั ตาราง

ตาราง รายละเอียดอัตราค่าไฟฟ้าประเภทบา้ นอยู่อาศยั

อตั ราการใชพ้ ลังงานไฟฟ้าปกติไมเ่ กนิ หน่วยละ อัตราการใช้พลังงานไฟฟา้ ปกติเกนิ หนว่ ยละ

150 หน่วยต่อเดอื น (บาท) 150 หน่วยต่อเดือน (บาท)

15 หนว่ ยแรก (หน่วย 1 – 15) 2.3488 150 หนว่ ยแรก (หนว่ ย 1 – 150) 3.2484

10 หนว่ ยตอ่ ไป (หนว่ ย 16 – 25) 250 2.9882 หน่วยต่อไป (หน่วย 151 – 400) 4.2218

10 หนว่ ยตอ่ ไป (หน่วย 26 – 35) 3.2405 เกินกว่า 400 หนว่ ย (หนว่ ย 401 ขึน้ ไป) 4.4217

65 หนว่ ยตอ่ ไป (หนว่ ยที่ 36 – 100) 3.6237 ค่าบรกิ ารรายเดือน 38.22 บาท

50 หนว่ ยตอ่ ไป (หนว่ ย 101 - 150) 3.7171

คา่ บรกิ ารรายเดือน 8.19 บาท

ทม่ี า : การไฟฟ้านครหลวง กระทรวงมหาดไทย, 2561

ชดุ กจิ กรรมการเรียนรแู้ บบเชิงรุก (Active Learning) | ไฟฟ้า 37

การคำนวณค่าไฟฟ้าทีผ่ ใู้ ชไ้ ฟฟา้ ต้องจ่ายใน 1 เดือน สามารถศึกษาไดจ้ ากตัวอยา่ งโจทยต์ อ่ ไปนี้

ตวั อยา่ งที่ 5

ใบแจง้ คา่ ไฟฟ้าของบา้ นนายประหยดั ในเดือนพฤษภาคม 2562 จากการไฟฟา้ ส่วนภูมภิ าค ซง่ึ บ้านหลังน้ีใช้
พลงั งานไฟฟา้ ประเภทอัตราปกตเิ กิน 150 หน่วยตอ่ เดอื น มรี ายละเอียดดังภาพ นายประหยดั จะตอ้ งจ่ายค่า
ไฟฟ้าเทา่ ใด จงแสดงการหาค่าไฟฟ้า

วิธที ำ
พลงั งานไฟฟา้ ท้งั หมดทใ่ี ช้ไป = เลขครง้ั หลัง – เลขคร้งั
กอ่ น = 5245 – 4977

= 268 หนว่ ย
หาคา่ ไฟฟ้าฐาน ดงั น้ี
150 หน่วยแรก 3.2484 x 150 = 487.26 บาท
118 หนว่ ยถัดไป 4.2218 x 249 = 498.17 บาท
รวมค่าไฟฟา้ ฐาน 487.26 + 498.17 = 985.43 บาท

หาคา่ ไฟฟ้าผนั แปร (Ft) ดงั นี้
คา่ ไฟฟ้าผันแปร = -0.1590 บาท/หน่วย

= -0.1590 x 268
= -42.61 บาท
และคา่ บริการรายเดือน 38.22 บาท
รวมเงินท่ตี อ้ งชำระก่อนภาษมี ูลค่าเพ่มิ 985.43 + (-
42.61) + 38.22 = 981.04 บาท

หาคา่ ภาษีมูลคา่ เพ่ิม 7% ดงั น้ี

ค่าภาษีมลู คา่ เพิ่ม = 7 x 981.04 บาท
100
= 68.67 บาท

รวมท่ีตอ้ งชำระทงั้ ส้ิน 981.04 + 68.67 = 1049.71

บาท

ดงั นน้ั นายประหยดั จะตอ้ งจ่ายคา่ ไฟฟา้ เดอื นนี้ เท่ากบั 1049.71 บาท

ชุดกจิ กรรมการเรยี นรแู้ บบเชงิ รกุ (Active Learning) | ไฟฟา้ 38

การใชเ้ ครอื่ งใชไ้ ฟฟา้ อยา่ งประหยัดและปลอดภัย

เน่ืองจากคา่ ไฟฟา้ ท่ีต้องจา่ ยในแตล่ ะเดือนคิดจากพลังงานไฟฟา้ ทีเ่ คร่ืองใช้ไฟฟา้ ใช้ท้งั หมด ซ่ึงพลังงาน
ไฟฟา้ ทใ่ี ชข้ ้นึ อย่กู ับกำลังไฟฟ้าของเคร่ืองใช้ไฟฟ้าและระยะเวลาทีเ่ ราใช้งานเคร่ืองใช้ไฟฟ้าเหลา่ นั้น ดังน้ัน การ
ใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าให้ประหยัดจึงควรพิจารณากำลังไฟฟ้าของเครื่องใช้ไฟฟ้าให้เหมาะสมกับการใช้งาน ซ่ึง
เคร่ืองใช้ไฟฟ้าแต่ละประเภทจะมีลักษณะแตกตา่ งกันไป ดังน้ี

1. เครื่องใช้ไฟฟ้าที่ให้พลังงานแสงสว่าง เช่น หลอดไส้ มีลักษณะเป็นกระเปาะแก้วใส โดยภายใน
กระเปาะแก้วมีแก๊สไนโตรเจนและอาร์กอนบรรจุอยู่ แต่มีสภาพเกือบเป็นสุญญากาศ การใช้
เครื่องใช้ไฟฟ้าชนิดนี้ให้ประหยัดและปลอดภัย เช่น ปิดไฟทุกครั้งเมื่อไม่มีคนอยู่ในห้อง เลือกใช้
หลอดไฟที่มีกำลงั วัตต์เหมาะสมกับการใช้งาน สำหรับบริเวณท่ีตอ้ งการความสวา่ งมาก ภายในอาคาร
ควรเลือกใช้หลอดฟลูออเรสเซนต์ ส่วนภายนอกอาคารควรเลือกใช้หลอดไอโซเดียม และหลอดไอ
ปรอท เป็นตน้

2. เคร่อื งใชไ้ ฟฟา้ ที่ให้พลังงานความร้อน เชน่ เตารดี ไฟฟ้า หมอ้ หงุ ขา้ วไฟฟ้า เครื่องปิ้ง ขนมปัง เครื่อง
ทำน้ำอุ่น กาตม้ นำ้ ไฟฟา้ เครอ่ื งใช้ไฟฟ้าประเภทนม้ี ักประกอบดว้ ยขดลวดความร้อน เมอ่ื กระแสไฟฟ้า
ไหลผา่ นขดลวดจะทำใหข้ ดลวดมคี วามรอ้ นขน้ึ ซง่ึ เป็นการเปลี่ยนพลังงานไฟฟา้ เปน็ พลังงานความร้อน
การใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าชนิดนี้ให้ประหยัดและปลอดภัย เช่น การใช้เตารีดควรตั้งปุ่มปรับความร้อนให้
เหมาะสมกับชนิดของผ้า ดึงเต้าเสียบออกก่อนจะรีดเสร็จประมาณ 2-3 นาที แล้วรีดต่อไปจนเสร็จ
ควรตรวจสอบดวู ่าเตารีดอยูใ่ นสภาพพร้อมที่จะใชง้ านหรือไม่ เชน่ สาย ตวั เคร่อื ง เป็นตน้

3. เครื่องใช้ไฟฟ้าที่ให้พลังงานกล เช่น เครื่องปั่นผลไม้ เครื่องดูดฝุ่น เครื่องปรับอากาศ เครื่องซักผ้า
ตู้เย็น พัดลม มีมอเตอร์เป็นส่วนประกอบสำคัญ โดยมอเตอร์ทำหน้าที่เปลี่ยนพลังงานไฟฟ้าเป็น
พลังงานกลในรูปของการหมุน การใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าชนิดนี้ให้ประหยัดและปลอดภัย เช่น ในการใช้
เครื่องซักผ้าควรใส่ผ้าแต่พอเหมาะ ไม่น้อยเกินไป และไม่มากจนเกินกำลังเครื่อง ตู้เย็นควรตั้งให้ห่าง
จากแหล่งความร้อนหรือให้หลังตู้ห่างจากฝาเกิน 15 ซ.ม. เพื่อระบายความร้อนได้สะดวก ไม่เปลือง
ไฟฟา้ เป็นต้น

ก. ภายในอาคารควรใช้ ข. รดี เสือ้ ผ้าทจี ำนวนมากในครงั้ เดยี ว ค. ตงั้ ตู้เยน็ ให้ห่างจากแหล่งความรอ้ น

หลอดฟลูออเรสเซนต์

ภาพที่ 3.3 การใชเ้ คร่อื งใช้ไฟฟา้ อย่างประหยดั และปลอดภยั

ชุดกจิ กรรมการเรยี นรู้แบบเชงิ รุก (Active Learning) | ไฟฟ้า 39

แบบตรวจสอบความเข้าใจท่ี 3

คำชแี้ จง จงตอบคำถามต่อไปน้ี

1. หมอ้ หงุ ข้าวใบหน่ึงมีกำลังไฟฟา้ 1 กิโลวตั ต์ หมายความวา่ อยา่ งไร
............................................................................................................................. ...........................................
........................................................................................................................................................................

2. พัดลมดูดอากาศขนาด 220V 54W หมายความว่าอย่างไร
.............................................................................................................. ..........................................................
............................................................................................................................. ...........................................

3. พัดลมต้งั พื้น A และ B มีขนาด 30W 220V กบั 70W 220V ตามลำดบั ถา้ เปดิ ใช้งานระยะเวลาเทา่ กัน พัด
ลมต้ังพืน้ ชนดิ ใดทส่ี ิน้ เปลอื งพลังงานไฟฟ้ามากกว่า และมากกวา่ เท่าไร
............................................................................................................................. ...........................................
........................................................................................................................................................................

4. บา้ นของรุ้งใชห้ ลอดเรืองแสง 40 วัตต์ 5 หลอด ถ้าเปิดใช้ทุกหลอดวนั ละ 10 ชว่ั โมง จะใช้กำลงั ไฟฟ้าก่ีวัตต์
และใชพ้ ลงั งานไฟฟ้าไปกี่หน่วย
........................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. ...........................................
............................................................................................................................. ...........................................
........................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. ...........................................
............................................................................................................................. ...........................................

5. เพราะเหตุใดเครื่องใช้ไฟฟา้ ประเภทที่ให้ความรอ้ น จึงมีอันตรายมากกวา่ เครื่องใช้ไฟฟา้ ประเภทอ่นื ๆ
............................................................................................................................. ...........................................
...................................................................................................................................................... ..................
................................................................................................................. .......................................................

6. บอกหลักการเลอื กซ้ือและการใชง้ านเครือ่ งใชไ้ ฟฟา้ อยา่ งปลอดภยั
............................................................................................................................. ...........................................
............................................................................................................................. ...........................................
........................................................................................................................................................................

ชดุ กิจกรรมการเรียนรู้แบบเชิงรกุ (Active Learning) | ไฟฟา้ 40

7. บา้ นของเรณูใชเ้ ครอ่ื งใช้ไฟฟ้า ดงั น้ี

1. หม้อหงุ ขา้ ว 220 โวลต์ 900 วตั ต์ จำนวน 1 เครือ่ ง วันละ 1 ชว่ั โมง

2. ตู้เย็น 220 วัตต์ จำนวน 1 เครอ่ื ง วนั ละ 24 ชัว่ โมง

3. หลอดไฟฟ้า 40 วัตต์ จำนวน 5 ดวง วันละ 5 ชว่ั โมง

4. โทรทศั น์ 100 วัตต์ จำนวน 1 เคร่อื ง วันละ 4 ชวั่ โมง

ถ้าเรณใู ช้พลงั งานไฟฟา้ เท่ากันทุกวัน ในรอบเดอื นสิงหาคม เรณจู ะต้องจ่ายเงินค่าไฟฟ้าเท่าใด เม่ือคิด

ค่าไฟฟา้ ในอตั ราคา่ ไฟฟา้ ดังน้ี

จำนวนพลงั งานไฟฟ้า หน่วยที่ ค่าพลงั งานไฟฟา้ (บาทต่อหน่วย)

150 หนว่ ยแรก 1-150 3.2484

250 หน่วยตอ่ ไป 151-400 4.2218

เกนิ กวา่ 400 หนว่ ย 401 เป็นตน้ ไป 4.4217

(กาํ หนดใหค้ า่ Ft เทา่ กับ -11.60 สตางคต์ ่อหนว่ ย และค่าบริการเทา่ กบั 38.22 บาท)

........................................................................................................................................................................

....................................................................................................................................... .................................

........................................................................................................................................................................

........................................................................................................................................................................

.............................................................................................................................................. ..........................

........................................................................................................................................................................

........................................................................................................................................................................

........................................................................................................................................................................

........................................................................................................................................................................

.................................................................................................................................... ....................................

........................................................................................................................................................................

........................................................................................................................................................................

........................................................................................................................................... .............................

........................................................................................................................................................................

........................................................................................................................................................................

.................................................................................................................................................. ......................

........................................................................................................................................................................

........................................................................................................................................................................

......................................................................................................................................................... ...............

ชุดกิจกรรมการเรียนรู้แบบเชงิ รุก (Active Learning) | ไฟฟ้า 41

ใบความรูท้ ี่ 4

อเิ ลก็ ทรอนิกส์

เครื่องใช้ไฟฟ้าต่าง ๆ ที่เราใช้อํานวยความสะดวกในปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นโทรทัศน์ คอมพิวเตอร์
ไมโครเวฟ ตู้เย็น เครื่องใช้ไฟฟา้ เหลา่ น้ีต่างก็มชี ้นิ สว่ นอิเล็กทรอนิกสเ์ ป็นสว่ นประกอบในวงจร เพือ่ ให้เขา้ ใจการ
ทำงานของเครื่องใช้ไฟฟ้าเหล่านี้ เราควรทำความเขา้ ใจเกย่ี วกับช้นิ สว่ นอิเล็กทรอนิกส์ดว้ ย แต่ในระดับน้ีเราจะ
ศึกษาช้นิ สว่ นอเิ ล็กทรอนกิ ส์บางตัวทเี่ ป็นพ้นื ฐานเทา่ นัน้

ภาพท่ี 4.1 ตัวอยา่ งวงจรไฟฟ้าที่มีชน้ิ สว่ นอิเลก็ ทรอนกิ สอ์ ยูภ่ ายในวงจร

ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์เป็นอุปกรณ์ที่ทำหน้าที่ควบคุมการไหลของกระแสไฟฟ้าในวงจรไฟฟ้า ซ่ึง
แผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์และเครื่องใช้ไฟฟ้าทุกชนิดล้วนมีชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ต่าง ๆ เป็นส่วนประกอบ เช่น
ตัวต้านทาน ตัวเก็บประจุ ไดโอด ทรานซิสเตอร์ ซึ่งชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์แต่ละชนิดทำหน้าที่แตกต่างกัน
เพ่ือให้วงจรทำงานได้ตามตอ้ งการ

1 ตวั ตา้ นทาน

ตัวตา้ นทานเปน็ ชิ้นสว่ นอเิ ล็กทรอนิกสช์ นดิ หนงึ่ ที่มีสมบัติในการตา้ นการเคล่ือนที่ของกระแสไฟฟ้า ซึ่ง
แบ่งออกเปน็ 2 ประเภท คอื ตัวตา้ นทานคงทีแ่ ละตวั ต้านทานแปรค่าได้ ดงั ภาพ

ก. ตวั ต้านทานคงท่ี ข. ตัวต้านทานแปรค่าได้

ภาพท่ี 4.2 ตัวต้านทาน

ชุดกิจกรรมการเรยี นรแู้ บบเชิงรุก (Active Learning) | ไฟฟา้ 42


Click to View FlipBook Version