2
บทที่ 9 เทคโนโลยีสารสนเทศและการ
สื่อสารในกระบวนการหาข้อมูล
การตลาด
สาระสำคญั
เทคโนโลยีเป็นเครื่องมือในการพัฒนาประเทศ รวมทั้งเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยส่งเสริมและสร้างความ
แข็งแกร่งทางเศรษฐกิจและสังคม ตลอดจนคุณภาพชีวิตของประชาชน โดยเทคโนโลยีทำให้มนุษย์สามารถ
ประกอบอาชพี ได้อย่างมปี ระสิทธิภาพมากขึ้น เชน่ การใช้เทคโนโลยสี รา้ งสรรค์ผลงานตา่ งๆ
คอมพิวเตอร์เปน็ อุปกรณท์ างอิเล็กทรอนิกสท์ ี่มนุษยใ์ ช้เปน็ เคร่ืองมือชว่ ยในการจดั การกบั ข้อมลู
การนำเสนอผลการวเิ คราะหข์ อ้ มลู
เมื่อผ่านกระบวนการประมวลผลแล้ว ลําดับต่อไปคือการนําเสนอผลการวิเคราะห์และ รายงานผล
โดยนําเสนอในรูปแบบต่างๆ ให้ รายงานมีความน่าสนใจ ได้แก่ การนําเสนอ โดยตาราง ( Tabular
Presentation) กราฟและ แผนภูมิประเภทต่างๆ (Graphic Presentation) ถ้า มีการนําเสนอรายงานผ่าน
รูปภาพหรือสื่อ ต่าง ๆ จะทําให้ง่ายต่อการเข้าใจ เพราะมีภาพ ก็จะสามารถทําให้ลดงานเขียนลงได้มาก การ
นาํ เสนอในรูปแบบของตาราง กราฟและแผนภูมิ สามารถทําไดห้ ลายรปู แบบดังนี้
การนาํ เสนอข้อมลู ในรปู ของกราฟ (Graph)
การนําเสนอข้อมูลในรูปของกราฟจะช่วยให้ผู้อ่านเข้าใจได้ดีขึ้น เพราะมีรายละเอียดที่ ดีกว่าในแบบ
อื่น รูปกราฟที่นิยมจะเป็นแผนภาพแบบแท่ง (Bar Chart) แผนภาพวงกลม (Pie Chart) แผนภาพเชิงเส้น
(Line Chart) และแผนภูมิรปู ภาพ (Pictographs) ดงั นี้
1. แผนภาพแบบแท่ง (Bar Chart) เป็นการนําเสนอข้อมูลด้วยแผนภาพ โดยใช้กราฟ แท่งแบบต่างๆ
ทัง้ แนวนอนและแนวต้ัง เปน็ แผนภาพทใ่ี ช้แสดงข้อมูลไดด้ กี วา่ แบบอื่นๆ วิธีการ สรา้ งอาจใชร้ ปู ส่ีเหลีย่ มผนื ผ้าที่
มีขนาดความกว้าง แต่ความสูงขึ้นกับความถี่ของข้อมูล ดังนั้น แผนภาพแบบแท่งจึงใช้เปรียบเทียบความถ่ี
ระหว่างกล่มุ
71
2. แผนภาพวงกลม (Pie Chart) เปน็ แผนภูมิทใ่ี ช้สัดส่วนของพน้ื ท่ีวงกลมท่ีแบง่ จาก อดศนย์กลางของ
รูปวงกลมนั้น โดยแบ่งจากจุดศูนย์กลางของวงกลม วิธีการนําเสนอข้อมูลโดยวิธี นี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ
เปรียบเทียบสว่ นประกอบของขอ้ มลู ท่ีสาํ คัญกับส่วนประกอบอนื่ ๆ ทั้งหมดของข้อมลู นน้ั
3. แผนภาพเชิงเส้น (Line Chart) เปน็ แผนภาพที่แสดงลกั ษณะของขอ้ มลู เป็น รายละเอียดส่วนยอ่ ย
ของขอ้ มลู ให้เหน็ การเปลี่ยนแปลงของข้อมูลไปตามเวลา
4. แผนภูมิรปู ภาพ (Pictographs) เปน็ การนาํ เสนอขอ้ มูลในลักษณะทไี่ ม่เปน็ ทางการ มากเกินไป และ
เออ้ื ต่อการวาดรปู ประกอบใหเ้ ห็นภาพชัดเจนขน้ึ
การนําเสนอขอ้ มลู ในรูปบทความ
การนําเสนอในรูปบทความเป็นการนาํ เสนอข้อมูลโดยใช้ตัวเลขและข้อความ การนําเสนอ ในลักษณะ
นี้จะเป็นการนําเสนอที่มีข้อมูลไม่มาก และไม่สลับซับซ้อน โดยอาจจะใช้ตัวเลขประกอบ กับข้อความ การ
เปรียบเทียบข้อมูลต่าง ๆ จะเห็นไม่ชัดเจน เมื่อมีข้อจํากัดด้านลักษณะข้อมูล เหล่านี้ จึงเป็นสาเหตุให้วิธีการ
นําเสนอข้อมลู ในรปู บทความไม่ค่อยเปน็ ทน่ี ิยมเทา่ ใดนกั เม่ือ เปรยี บเทียบกับการนําเสนอข้อมลู ในรปู แบบอืน่
การนำเสนอข้อมูลในรปู ตาราง
การนําเสนอข้อมูลในรูปตาราง เป็นการจัดข้อมูลให้กะทัดรัด สะดวกต่อการอ่าน การ สบเทียบ และ
บอกแหลง่ ท่ีมาของข้อมูล มีส่วนประกอบทส่ี าํ คญั ดังนี้
1. หมายเลขตาราง (Table Number) เพื่อบอกถึงลําดับที่ของตารางที่เท่าใดในกรณีที่มี ตาราง
มากกวา่ หนึง่ ตาราง
2. ช่ือเรอ่ื ง (Title) เป็นข้อความท่ีอธิบายว่าตารางเก่ียวกับเร่ืองอะไร โดยจะปรากฏอยู่ หลังหมายเลข
ตาราง
3. ประเภทของเรอ่ื ง (Stub) เปน็ การอธบิ ายถงึ ข้อมูลที่ปรากฏในแต่ละแถว ซ่ึงจะ ประกอบด้วยหัวขัว
(Stub Head) และต้นข้วั (Stub Entries)
4. หัวเร่ือง (Box Head) เป็นการอธิบายรายละเอยี ดตา่ งๆ ภายในแตล่ ะแถวต้งั
5. ตัวเรอ่ื ง (Body) เป็นข้อมลู ท่เี ป็นตัวเลขที่อยู่ใต้หัวเรื่องและแถวตัง้ ตา่ งๆ
6. หมายเหตุ (Footnote) เปน็ การอธบิ ายตวั เลขในตารางท่ียังไม่ชัดเจนในแต่ละแถวหรอื แตล่ ะสดมภ์
จะมหี รือไมม่ ีกไ็ ด้
7. แหล่งท่ีมาของข้อมูล (Source Note) เปน็ การแสดงแหลง่ ท่ีมาของข้อมลู วา่ มาจาก แหล่งใด
• ตารางแบบทางเดยี ว One Way Table
• ตารางแบบสองทาง Two Way Table
• ตารางหลายทาง Multi-Way Table
73
หลักเกณฑ์ในการเขยี นรายงาน
การเขยี นรายงานมีหลักเกณฑ์เชน่ เดียวกบั การเขยี นเรียงความท่ีดี นอกจากจะอาศัยการ เขียนอย่างมี
ระบบแล้ว ยังขึ้นอยู่กับความรู้และฝีมือของผู้เขียน ตลอดจนความชํานาญในการใช้ ถ้อยคําวไวยากรณ์และ
เครื่องหมายวรรคตอนอีกด้วย อย่างไรก็ดี การเขียนรายงานเพื่อเสนอ ผลการวิจัยควรจะคํานึงหลักเกณฑ์ 2
ประการ คอื
1. การเขียนรายงานต้องมีเนื้อหาครบถ้วนสมบูรณ์ การเขียนรายงานการวิจัยต้องมี นาสาระ
ครบถว้ นของการวจิ ยั ซึง่ จะต้องครอบคลุมเรอ่ื งตา่ งๆ ดังน้ี
1. ปัญหาของเร่ืองทีต่ อ้ งการจะศึกษา
2. กระบวนการวจิ ัยหรือระเบียบวธิ ีการวจิ ัย เชน่ การออกแบบการวิจยั (Research Design) การเก็บ
รวบรวมข้อมลู (Data Collection) และสถิติทีใ่ ชใ้ นการวิเคราะห์
3. ผลทีไ่ ดจ้ ากการวจิ ยั
4. ความหมายของผลการวจิ ยั
2. การเขียนรายงานจะต้องมีคุณค่าในตัวเอง การเขียนรายงานต้องมีหลักและวิธี ในการเขียน
รายงาน โดยจะตอ้ งคํานงึ ถึงเรอื่ งตา่ งๆ ดังนี้
1. ความถูกต้อง การเขียนรายงานจะต้องไม่ให้เกิดความผิดพลาดเรื่องข้อเท็จจริง โดยหลีกเลี่ยงการ
เขยี นส่งิ ทไ่ี มเ่ ก่ียวข้องกับการศกึ ษา ไมม่ ีอคติและบดิ เบือนข้อเท็จจรงิ
2. ความรัดกุม ควรเขียนให้สั้น กะทัดรัด ตรงประเด็น และตรวจทานอย่างละเอียด รอบคอบ เพื่อ
เรยี บเรียงถอ้ ยคาํ ทไ่ี ม่จาํ เป็นออก จะทาํ ให้รายงานมีคณุ ภาพมากข้นึ
3. ความชดั เจน การเขยี นรายงานท่ีดจี ะต้องมีความชดั เจน และควรคาํ นึงถงึ เร่ือง (1) ใชป้ ระโยคที่ง่าย
(2) ใช้ไวยากรณ์ถูกต้อง (3) ใช้เครื่องหมายวรรคตอนถูกต้อง (4) ควรใช้ตัวย่อ เฉพาะคําที่รู้จักทั่วไป (5) ไม่ใช้
ถ้อยคําทีก่ าํ กวม (6) ใช้หัวข้อยอ่ ยเพอื่ ป้องกันความสับสน (7) ใช้ประโยคท่เี หมาะสมเมอ่ื เริม่ ย่อหน้าใหม่
4. ความต่อเนื่อง เป็นการเขียนรายงานที่ถ่ายทอดแนวความคิดออกมาให้ถูกต้องและ ต่อเนื่องกัน
ตามลาํ ดับ
5. ความกลมกลืน เป็นการเขียนในเรื่องต่างๆ ให้มีความต่อเนื่องกัน เมื่ออ่านแล้ว ไม่รู้สึกสะดุดหรือ
ชะงัก หรอื เปน็ คนละเรอื่ งกบั ตอนต้นๆ
6. การเน้นความสําคัญ เป็นการจัดลําดับหรือจัดคําให้เหมาะสม เพื่อให้ผู้อ่านเห็น แนวความคิดของ
ผู้วจิ ยั ชัดเจน โดยจะตอ้ งเขยี นเนน้ ถงึ ความสาํ คญั ในเรอ่ื งต่างๆ ซึง่ จะทาํ ให้ผู้อ่าน มคี วามเข้าใจชดั เจนยง่ิ ข้ึน
7. ความง่าย เป็นการเขยี นรายงานทไ่ี มม่ ีข้อความสับสน ควรใช้ประโยคงา่ ยๆ และ หลีกเลย่ี งคําศัพท์ท่ี
ยากต่อความเข้าใจมาใช้ เพราะอาจจะเป็นการสร้างทัศนคตทิ ่ีไมด่ กี ับผู้อ่านได้
74
8. ไม่ควรใช้ภาษาพูดในการเขียนรายงาน ควรเป็นภาษาที่มีหลักไวยากรณ์ ประโคน ควรจะกะทัดรัด
และเขา้ ใจง่าย ควรหลกี เลีย่ งคําแสลงต่างๆ เพราะไมส่ ภุ าพ
ขน้ั ตอนในการเขียนรายงาน
ในการเขียนรายงาน ผู้วิจัยควรให้ความสําคัญกับเนื้อหามากกว่าแบบฟอร์ม จึงควร พิจารณาขั้นตอน
การเขยี นรายงานต่างๆ เพื่อใหต้ รงกบั วัตถปุ ระสงค์และมีความสมบูรณด์ ังนี้
1. ควรเขียนรายงานฉบับร่างก่อน ในการเขียนรายงานน้ันควรจะเขียนฉบับร่างกอ่ น โดยเขียนเน้นถึง
การถ่ายทอดแนวความคิดที่ได้จากการศึกษาก่อน เช่น มีความคิดเห็นในเรื่องนั้น อย่างไรบ้าง ก็ให้เขียนลงไว้
ก่อนให้ต่อเนื่องกัน โดยไม่ต้องสนใจเรื่องภาษาหรือไวยากรณ์ว่าจะถูก หรือผิด เมื่อเขียนฉบับร่างเสร็จแล้วจึง
กลบั มาแก้ไขในภายหลัง
2. การลงมอื เขยี น เม่ือศึกษาค้นคว้าเสรจ็ สิ้นใหม่ ๆ ผูว้ จิ ัยควรรีบลงมือเขยี นรายงาน ทันทีเพ่ือป้องกัน
การลืม โดยไม่ต้องรอให้ทุกอย่างพร้อมก่อน หรือหวังที่จะเริ่มต้นด้วยถ้อยคําที่ สละสลวย ถูกต้องสมบูรณ์
เพราะหากมัวแต่รอก็จะไม่ได้ลงมือทําสักที ซึ่งเมื่อเวลาผ่านไป ความคิดอ่านต่างๆ ท่ีดีก็จะหายไป แต่ถ้าได้ลง
มือเขียนถ่ายทอดความคิดไปแล้วก็เกิดความคิด ต่อเนื่อง และเรียบเรียงต่อไปได้ง่ายขึ้น สามารถกลับมาแก้ไข
ถ้อยคําท่รี ่างไว้ได้
3. ควรละส่วนประกอบไว้ก่อน ในการเขียนรายงานการวิจัยบางครั้งอาจต้องการ ตัวเลข แผนภาพ
ตาราง หรือภาพประกอบตา่ งๆ ควรละส่วนประกอบเหลา่ นี้ไว้ก่อน เพราะจะทําให้ เสียเวลา และอาจจะทําให้
ความคดิ เห็นตา่ งๆ สะดุดหยุดลง ในขนั้ ตอนนี้อาจจะทําหมายเหตุหรือ ทําเครอื่ งหมายเอาไว้ว่าจะต้องใช้ตัวเลข
ตาราง แผนภาพ หรือภาพประกอบอะไรบา้ ง แลว้ จงึ กลับมาตรวจแก้ไขภายหลังใหส้ มบูรณ์
4. การแก้ไขขึ้นต้น เมื่อเขียนรายงานการวิจัยฉบับร่างเสร็จแล้ว ควรทิ้งไว้สักระยะหนึ่ง แล้วจึงลงมือ
ตรวจแกไ้ ขขน้ั ตน้ ดว้ ยตนเอง เพอื่ ใหส้ ามารถเหน็ ขอ้ บกพร่องของตนเองไดด้ ีขนึ้
5. การแกไ้ ขข้นั สุดท้าย เมอื่ พิมพ์ฉบบั รา่ งเป็นรูปแบบรายงานตามแบบฟอรม์ แล้ว กค็ วรตรวจแก้ไขข้ัน
สดุ ทา้ ยเพ่อื ความสมบูรณ์ของรายงาน
6. ข้นั พิมพ์เผยแพร่ เมอื่ แกไ้ ขเสรจ็ สนิ้ แลว้ ก็จะพมิ พร์ ายงานการวจิ ยั เพื่อเผยแพรห่ รือ แจกจา่ ย
ลกั ษณะของรายงานทีด่ ี
การรายงานทีด่ ี มลี ักษณะสําคญั 5 ประการ ได้แก่
1. การนําหลักการและ/หรือทฤษฎีมาใช้อย่างเหมาะสม ในการศึกษาวิจัยจะต้องมีการวิเคราะห์
เจาะลึกในรายละเอียดของเนือ้ หา
2. การแสดงความคิดริเรม่ิ สร้างสรรค์อย่างเหมาะสม จุดมุ่งหมายในการเขยี น รายงานนอกจากเพ่ือให้
มกี ารค้นควา้ อยา่ งกวา้ งขวางแล้ว ยงั มุ่งใหเ้ กิดความคดิ รเิ ริม่ สรา้ งสรรค์ สามารถนําหลกั การทางก็มาใชใ้ นเรื่องที่
จะศกึ ษาอยา่ งลึกซ้ึง
75
3. ความสมบูรณ์และความถูกต้องของเนื้อหาสาระของรายงาน รายงานที่ดีจะต้องมี ความสมบูรณ์
ถูกต้องในข้อเท็จจริง เนื้อหาสาระจะต้องสมบูรณ์ตามชื่อเรื่องที่กําหนด การอ้างอิง ที่มาหรือแหล่งค้นคว้า
จะตอ้ งแนใ่ จว่าถกู ต้อง
4. ความชัดเจนของการเขียนรายงาน รายงานจะต้องมีความชัดเจนในด้านลําดบั การ เสนอเรื่อง การ
ใช้ภาษา การใชแ้ ผนภูมภิ าพประกอบรายงาน เพือ่ ใหก้ ารนาํ เสนอเนือ้ หาชัดเจน เข้าใจง่าย
5. ความเหมาะสมของรูปแบบการเขยี นรายงาน รายงานทด่ี นี อกจากจะมีเนื้อหา สมบูรณแ์ ล้ว รปู แบบ
ยงั จะตอ้ งเหมาะสมในดา้ นการจดั เคา้ โครงเรอ่ื งอย่างเป็นระเบียบ ไม่ซา้ํ ซ้อน สับสน การอ้างอิง
รูปแบบการนำเสนอรายงาน
การนําเสนอจะประสบความสําเร็จได้อย่างมีประสิทธิภาพ หรืออาจดูได้จากปฏิกิริยา ตอบสนองของ
ผู้ฟัง ซึ่งแสดงออกด้วยความชื่นชมในผลของการนําเสนอ ดังนั้น ย่อมแสดงให้รู้ว่า การนําเสนอนั้นได้บรรลุ
วัตถุประสงค์ตามเป้าหมาย โดยในการนําเสนอรายงานจะมีรูปแบบการ นําเสนอ 2 รูปแบบ คือ การเสนอ
รายงานด้วยวาจา และด้วยลายลกั ษณ์อกั ษร ดงั นี้
1. การเสนอรายงานด้วยวาจา (Oral Reports) เป็นการเสนอรายงานแบบบรรยาย ต่อที่ประชุม
ต่อผู้บังคับบัญชาด้วยปากเปล่า ในกรณีนี้ควรจัดเตรียมหัวข้อที่สําคัญๆ ไว้ให้พร้อม โดยการคัดหัวข้อเรื่องท่ี
สําคญั จัดเรยี งลําดบั เรอ่ื งที่จะนําเสนอก่อนหน้าหลงั ไว้ และในการนําเสนอ ควรมกี ารเตรียมตัว ดังน้ี
• ควรทาํ ความเขา้ ใจเนอื้ หางานวิจยั อยา่ งถ่องแท้
• รู้จกั ผูฟ้ ังเป็นอยา่ งดี
• เตรยี มอุปกรณต์ ่างๆ ในการนําเสนอให้พรอ้ ม
• ฝกึ การนาํ เสนอก่อนการนําเสนอจริง
• รักษาเวลาในการนาํ เสนองาน
2. การนําเสนอรายงานเป็นลายลักษณ์อักษร (Written Reports) เป็นรายงานที่จัดทำเป็นรูปเล่ม
ซึ่งไม่มีรูปแบบตายตัว ขึ้นอยู่กับแต่ละสถานที่ที่ผู้วิจัยเป็นสมาชิกหรือเป็นพนักงาน เป็นรูปแบบการนำเสนอ
อยา่ งเปน็ ทางการ (Formal Presentation) โดยมรี ูปแบบทวั่ ไป ดังนี้
รูปแบบการนาํ เสนอ
2.1 หน้าปก
2.2 คํานาํ
23 สารบัญเน้ือเรื่อง และสารบญั ตาราง (แผนภาพ กราฟ ตาราง)
2.4 สรุปยอ่ สาํ หรับผู้บรหิ าร
2.5 เนอ้ื หา
- บทนํา
76
- วิธีการวจิ ยั (การดําเนนิ งาน)
- ผลการวิจยั (ดาํ เนินงาน)
2.6 สรปู และขอ้ เสนอแนะ
2.7 ภาคผนวก
การนำเสนอรายงาน
การนําเสนอรายงาน หมายถึง การนําเน้อื หาสาระที่ไดจ้ ัดทําในรปู แบบทส่ี ําคัญตา่ งๆ ซ่ึง อยูใ่ นรูปแบบ
ของการคัดย่อ หรือการนําเสนอโดยการสรปุ เป็นการสง่ ขอ้ มลู นําเสนออย่างตอ่ เน่ือง ต้ังแตเ่ รม่ิ ต้นจนจบ นับว่า
เป็นการนําเสนอที่ดี การนําเสนอจะประสบความสําเร็จอย่างมี ประสิทธิภาพหรือไม่ ดูได้จากปฏิกิริยา
สนองตอบของผ้ฟู งั ซ่งึ แสดงออกด้วยความช่ืนชมใน ผลของการนาํ เสนอรายงาน
การเตรยี มตวั นาํ เสนอ
การเตรยี มตวั ในการนาํ เสนอเพอื่ ให้กระชบั สน้ั ชดั เจนและมปี ระโยชน์ ประกอบด้วย
1. กาํ หนดวตั ถุประสงคใ์ นการนาํ เสนอ
2. วเิ คราะห์ผฟู้ ัง
3. เตรยี มแผนการนาํ เสนอ
4. คดั เลือกเน้ือหาสาระที่เหมาะสม
5. จัดลาํ ดับเน้ือหาเพอ่ื ประสิทธิภาพการนําเสนอ
6. ทดลองนําเสนอและประเมินผลเพ่อื ปรบั ปรงุ แก้ไข
เทคนิคการนาํ เสนอรายงาน
ผ้นู ําเสนอรายงานต้องคดั เลือกข้อมูลในการนาํ เสนอดว้ ยวาจา และใชเ้ ทคนิคให้เหมาะสม กับผู้ฟังโดย
คํานึงถึงว่าเทคนิคใดสามารถสร้างความตั้งใจของผู้ฟัง หรืออาจสร้างความไม่พอใจต่อ ผู้ฟังได้ ซึ่งสามารถนํา
เทคนคิ การนําเสนอรายงานได้ 3 วธิ ี คือ
1. การโน้มน้าวใจ (Persuasion) ในการนําเสนอทุกครั้งต้องมีการจูงใจ เพื่อให้ผู้ฟังเกิด ความเชื่อม่ัน
และเขา้ ใจในการนาํ เสนอเรื่องทีก่ ําลงั พดู
2. การชี้แจง (Explanation) การชี้แจงจะช่วยให้เกิดความคุ้นเคยกับวัตถุประสงค์ของ ผู้พูด เพื่อให้
ข้อมูลใหม่ๆ แก่ผู้ฟังได้เข้าใจถึงความสําคัญของเนื้อหาที่นําเสนอ เป็นการอธิบาย กว้างๆ ไม่เจาะลึกใน
รายละเอียด
77
3. การชี้นํา (Instruction) เป็นการนําเสนอเพื่อแนะนําวิธีใช้ขั้นตอนใหม่ เครื่องมือใหม่ เป็นต้น และ
เพื่อต้องการให้ผู้ฟังได้เรียนรู้อย่างแท้จริงจึงจําเป็นต้องเสนอรายละเอียด เช่น การ แนะนําวิธีให้บริการแก่
ลกู ค้าและวิธกี ารใช้เครื่องมือ เป็นต้น
78
แบบประเมินผลท้ายบทท่ี 9
คำสงั่ จงเลอื กคำตอบท่ถี กู ตอ้ งเพยี งคำตอบเดียว
1. ข้อใดเป็นการนำเสนอข้อมูลทีส่ ามารถแทนคำบรรยายได้
ก. วาจา
ข. กราฟ
ค. ลายลกั ษณอ์ กั ษร
ง. การแสดง
2. การนำเสนอแบบใดเหมาะกับข้อมลู ไม่มาก และเปรียบเทียบขอ้ มลู ไมม่ าก
ก. บทความ
ข. แผนภมู ิรปู ภาพ
ค. รูปแบบตาราง
ง. แผนภาพเชิงเส้น
3. ข้อใดคอื เหตผุ ลของการนำเสนอขอ้ มูลในรูปแบบตาราง
ก. ใช้กระดาษน้อย
ข. ง่ายตอ่ การคน้ หา
ค. ง่ายตอ่ การพจิ ารณา
ง. ข้อมูลไมซ่ ำ้ ซ้อน
4. ข้อใดคือข้นั ตอนสุดทา้ ยของการเขียนรายงาน
ก. ตรวจทานรายงาน
ข. พิมพเ์ ผยแพร่
ค. สง่ รายงาน
ง. แก้ไขรายงาน
5. ข้ันตอนแรกของการเขียนรายงานคือข้อใด
ก. ลงมอื เขยี นรายงาน
ข. แก้ไขข้ันตน้
ค. แก้ไขขัน้ สดุ ทา้ ย
78
ง. รา่ งรายงาน
6. ผเู้ ขยี นรายงานควรใหผ้ ู้อน่ื อ่านรายงานของตนเองเพ่ือตรวจแกไ้ ข “ผอู้ ่นื ” หมายถงึ ใคร
ก. ผู้ทรงคณุ วฒุ ิ
ข. ผเู้ ขยี นรายงานเอง
ค. ผู้วจิ ารณ์
ง. ผ้ทู ำวจิ ัย
7. ขอ้ ใดไมใ่ ช่สว่ นประกอบของการนำเสนอขอ้ มลู ในรูปแบบตาราง
ก. ทา้ ยเรือ่ ง
ข. หมายเลขตาราง
ค. หวั เร่อื ง
ง. ชอื่ เรื่อง
8. เหตใุ ดการนำเสนอรายงานแบบบทความจึงไม่ได้รบั ความนยิ ม
ก. อธิบายมากเกินไป
ข. รูปแบบไม่น่าสนใจ
ค. มขี อ้ จำกดั ในการเปรียบเทียบข้อมูล
ง. ถูกทกุ ข้อ
9. การเขยี นรายงานควรเริ่มจากข้อใดกอ่ น
ก. เขียนฉบบั รา่ ง
ข. เขยี นฉบบั จริง
ค. แกไ้ ขขนั้ ต้น
ง. ถูกทุกขอ้
10. เหตุใดจงึ นำเอาการรายงานไปเปรยี บเทยี บกบั ฎกี ากฎหมาย
ก. ใช้ลายลกั ษณอ์ ักษรอา้ งองิ ได้
ข. การรายงานรบั รองโดยผูเ้ ชยี่ วชาญ
ค. สามารถถตัดสินใจไดส้ ะดวก
ง. ถูกทุกขอ้
80
ใบงานท่ี 9
คำช้แี จง ให้นักศกึ ษาตอบคำถามตอ่ ไปนี้ (เขียนลงในสมดุ )
1. จงอธบิ ายการนำเสนอข้อมูลในรูปตารางมาให้เข้าใจ
2. การเขียนรายงานจะต้องมีคุณคา่ ในตัวเองอยา่ งไร จงอธบิ าย
3. การเขียนรายงานจะต้องมีคุณค่าในตัวเอง หมายความว่าอย่างไร จงอธบิ าย
4. เทคนคิ การนำเสนอรายงานแบ่งออกเป็น 3 วิธี ได้แก่อะไรบ้าง จงอธิบาย
หนงั สือ E-Book
81
บรรณานุกรม
จุฑา เทียนไทย และพรรณพิมล ก้านกนก. การบริหารงานขาย, กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์มหาวิทยาลัย
รามคำแหง, 2534.
ชาญวิทย์ เมธาชยั วฒุ ิ คมั ภีร์นกั ขาย. กรุงเทพฯ: ศูนย์การพมิ พพ์ ลชัย, 2541
ดวงกมล ศรีเกษม และคณะ, ศิลปะการขาย. กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์ บริษัทพัฒนาคุณภาพวิชาการ (พว.)
จำกัด, 2559
ทวีศกั ดส์ิ ุวคนธ์, บรหิ ารงานขาย. กรุงเทพฯ: เอช เอ็น กรุ๊ป, 2543
ทนิ วฒั น์ มฤคพิทกั ษ,์ ศิลปะการขาย. กรุงเทพฯ: สถาบนั พัฒนาบุคลกิ ภาพ, ม.ป.ป.
นราศรี ไววนิชกุล และชูศกั ดิ์ อุดมศรี, ระเบยี บวธิ ีวิจยั ธรุ กจิ . กรุงเทพฯ : สำนักพมิ พ์จุฬาลงกรณม์ หาวทิ ยาลัย,
2533
พนมบุญญ์ไพร.คอมพิวเตอร์และสารสนเทศเพื่องานอาชีพ.กรุงเทพฯ : สำนักพิมพ์ บริษัทพัฒนาคุณภาพ
วิชาการ (พว.)
จำกดั , 2559
ไพบูลย์ สำราญภตู ิ, คู่แขง่ Mini : จากหัวใจเซลล์แมน. กรงุ เทพฯ: สารมวลชน, 2530
ไพโรจน์ ทิพยมาตร์, คู่มือการเรียนการสอนการขายและการตลาด กรุงเทพฯ: ศูนย์การศึกษานอกระบบ,
2551
ภัทราภรณ์ เสียงสุทธิวงศ์, การขายเบื้องต้น 1. กรุงเทพฯ : สำนักพิมพ์ บริษัทพัฒนาคุณภาพวิชาการ (พว.)
จำกัด, 2559
ราชบัณฑติ ยสถาน พจนานกุ รม ฉบับราชบณั ฑติ ยสถาน พ.ศ. 2554. กรุงเทพฯ: ราชบัณฑติ ยสถาน, 2556
วารินทร์ สินสูงสุด และปานทิพย์ องค์ทองคำ, ยอดนักขาย แชรึ่งไอเดียส์ (Sharing Ideas): จุดประกาย
ความคิดผนู้ ำ
กรุงเทพฯ: สายใจ, ม.ป.ป.
ศศนนั ท์ววิ ฒั นชาต, เทคนิคการขายอย่างมีประสิทธิภาพ. พิมพ์ครัง้ ที่ 2. กรุงเทพฯ: จุฬาลงกรณม์ หาวทิ ยาลัย,
2545
ศริ วิ รรณ เสรรี ตั น์. การบริหารการตลาด กรงุ เทพฯ: บรษิ ัทธรี ะพัฒน์ฟลิ ม์ และไซเทก็ ซ์ จำกดั , 2541
สอ้าน โปรยบำรงุ . การบรหิ ารการขาย. กรงุ เทพฯ: จามจรุ โี ปรดักท์, 2547
สุปัญญา ไชยชาญ. การบรหิ ารงานขาย. กรุงเทพฯ: บรษิ ทั ที เอ ลิฟวงิ่ จำกัด, 2536.
สุภาภรณ์ ธีระจันทร์, การขายเบื้องต้น 2. กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์ บริษัทพัฒนาคุณภาพวชิ าการ (พว.) จำกัด,
2559.
อบุ ลรตั น์ ไวยปรีซี เทคนคิ การขาย. กรุงเทพฯ : สำนกั พมิ พพ์ ิศิษฐก์ ารพิมพ์, 2538.
82