The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

การปฐมพยาบาลและการกู้ชีพขั้นพื้นฐาน

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by pongkaseam peerapun, 2023-08-01 05:03:11

การปฐมพยาบาลและการกู้ชีพขั้นพื้นฐาน

การปฐมพยาบาลและการกู้ชีพขั้นพื้นฐาน

Keywords: การปฐมพยาบาลและการกู้ชีพขั้นพื้นฐาน

คูมือหลักสูตร การขับรถบริการการแพทยฉุกเฉินและรถพยาบาล สถาบันการแพทยฉุกเฉินแหงชาติ National Institute for Emergency Medicine สถาบันการแพทยฉุกเฉินแหงชาติ National Institute for Emergency Medicine (๓) ในทางรื่วมทางแยก หรืือในรืะยะสิบุเมติรืจากทางรื่วมทางแยก (๔) ในทางขำ้าม หรืือในรืะยะสามเมติรืจากทางขำ้าม (๕) ในเขำติที�มีเคำรืื�องหมายจรืาจรืห้ามจอดรืถ (๖) ในรืะยะสามเมติรืจากท่อน ำ� าดับุเพลัิง (๗) ในรืะยะสิบุเมติรืจากที�ติิดติั�งสัญญาณุจรืาจรื (๘) ในรืะยะสิบุห้าเมติรืจากทางรืถไฟผู้่าน (๙) ซ้อนกันกับุรืถอื�นที�จอดอย่่ก่อนแลั้ว (๑๐) ติรืงปากทางเขำ้าออกขำองอาคำารืหรืือทางเดินรืถ หรืือในรืะยะห้าเมติรืจากปากทางเดินรืถ (๑๑) รืะหว่างเขำติปลัอดภัยกับุขำอบุทาง หรืือในรืะยะสิบุเมติรืนับุจากปลัายสุดขำองเขำติปลัอดภัยทั�งสองขำ้าง (๑๒) ในที�คำับุขำัน (๑๓) ในรืะยะสิบุห้าเมติรืก่อนถ่งเคำรืื�องหมายหยุดรืถปรืะจำาทางแลัะเลัยเคำรืื�องหมายไปอีกสามเมติรื (๑๔) ในรืะยะสามเมติรืจากติ่้ไปรืษณุีย์ (๑๕) ในลัักษณุะกีดขำวางการืจรืาจรื มาตรั้า ๕๘ การืจอดรืถในทางเดินรืถที�ผู้่้ขำับุขำี�ไม่อาจอย่่คำวบุคำุมรืถนั�น ผู้่้ขำับุขำี�ติ้องหยุดเคำรืื�องยนติ์แลัะห้ามลั้อ รืถนั�นไว้การืจอดรืถในทางเดินรืถที�เป็นทางลัาดหรืือชััน ผู้่้ขำับุขำี�ติ้องหันลั้อหน้าขำองรืถเขำ้าขำอบุทาง มาตรั้า ๕๙ เจ้าพนักงานจรืาจรืหรืือพนักงานเจ้าหน้าที�มีอำานาจสั�งให้ผู้่้ขำับุขำี�เคำลัื�อนย้ายรืถที�หยุดหรืือจอดอย่่ อันเป็นการืฝึ�าฝึืนบุทแห่งพรืะรืาชับุัญญัติินี�ได้ เจ้าพนักงานจรืาจรืหรืือพนักงานเจ้าหน้าที�มีอำานาจเคำลัื�อนย้ายรืถที�หยุดหรืือจอดอย่่อันเป็นการืฝึ�าฝึืนบุทแห่ง พรืะรืาชับุัญญัติินี� หรืือใชั้เคำรืื�องมือบุังคำับุไม่ให้เคำลัื�อนย้ายรืถดังกลั่าวได้ มาตรั้า ๖๐ การืหยุดรืถหรืือการืจอดรืถในทางเดินรืถนอกเขำติเทศบุาลั ผู้่้ขำับุขำี�ติ้องหยุดรืถหรืือจอดรืถ ณุ ที�ซ่�ง ผู้่้ขำับุขำี�ซ่�งขำับุรืถอื�นจะเห็นได้ในรืะยะไม่น้อยกว่าหน่�งรื้อยห้าสิบุเมติรื มาตรั้า ๖๑ ในเวลัาทีม�ีแสงสว่างไม่เพียงพอที�ผู้่้ขำบุขำี ั �จะมองเห็นรืถที�จอดในทางเดินรืถได้โดยชััดแจ้งในรืะยะไมน่ ้อย กว่าหน่�งรื้อยห้าสบุิเมติรื ผู้่้ขำบุขำี ัซ� ่�งจอดรืถในทางเดินรืถหรืือไหลั่ทางติ้องเปิดไฟหรืือใชั้แสงสว่างติามปรืะเภท ลัักษณุะ แลัะ เงื�อนไขำที�กำาหนดในกฎกรืะทรืวง การึจัอดรึถ กรืณุีจอดรืถบุนชั่องทางเดินรืถ คำวรืจอดรืถบุรืิเวณุด้านซ้ายขำองทางเดินรืถ โดยให้ด้านซ้ายขำองรืถชัิดแลัะขำนาน กับุขำอบุหรืือไหลั่ทางในรืะยะไม่เกิน ๒๕ เซนติิเมติรื ในลัักษณุะที�ไม่กีดขำวางชั่องทางจรืาจรื ไม่จอดรืถในบุรืิเวณุที�ห้ามจอด เชั่น บุนทางเท้า บุนสะพาน ในอุโมงคำ์ บุรืิเวณุทางรื่วมทางแยก เพรืาะนอกจากจะเสี�ยงติ่อการืเกิดอุบุัติิเหติุแลั้ว ยังผู้ิด กฎหมายอีกกรืณุีรืถจอดเสียบุนทาง คำวรืให้สัญญาณุจอดโดยเปิดไฟฉุกเฉิน นำากรืวย ป้ายสะท้อนแสง กิ�งไม้ หรืือวัสดุอื�น มาวางห่างจากรืถไม่ติ ำ� ากว่า ๕๐ เมติรื เติือนให้รืถคำันอื�นทรืาบุว่ามีรืถจอดเสีย จะได้รืะมัดรืะวังแลัะเปลัี�ยนชั่องทางได้ทัน จอดใหชั้ิดรืิมไหลั่ทางไมก่ ีดขำวางชั่องจรืาจรื จากนั�นให้พยายามนำารืถออกใหพ้ ้นชั่องทางเดินรืถโดยเรื็วสุด ป้องกันอบุุัติิเหติุ จำอดรั้ถ” กั้บ “หยุดรั้ถ” ๑. จำอดรั้ถ (park) พ.รื.บุ.จรืาจรืทางบุก พ.ศ.๒๕๒๒ ไม่ได้ให้คำำานิยามไว้ว่าการืจอดรืถคำืออะไรื แติ่การืจอดรืถ กำาหนดไว้ใน หมวด ๔ ว่าด้วยการืจอดรืถแลัะหยุดรืถ มาตรั้า ๕๔ วรั้รั้คสอง ว่า ผู้่้ขำับุขำี�ติ้องจอดรืถทางด้านซ้ายขำอง 94


คูมือหลักสูตร การขับรถบริการการแพทยฉุกเฉินและรถพยาบาล สถาบันการแพทยฉุกเฉินแหงชาติ National Institute for Emergency Medicine สถาบันการแพทยฉุกเฉินแหงชาติ National Institute for Emergency Medicine (๓) ในทางรื่วมทางแยก หรืือในรืะยะสิบุเมติรืจากทางรื่วมทางแยก (๔) ในทางขำ้าม หรืือในรืะยะสามเมติรืจากทางขำ้าม (๕) ในเขำติที�มีเคำรืื�องหมายจรืาจรืห้ามจอดรืถ (๖) ในรืะยะสามเมติรืจากท่อน ำ� าดับุเพลัิง (๗) ในรืะยะสิบุเมติรืจากที�ติิดติั�งสัญญาณุจรืาจรื (๘) ในรืะยะสิบุห้าเมติรืจากทางรืถไฟผู้่าน (๙) ซ้อนกันกับุรืถอื�นที�จอดอย่่ก่อนแลั้ว (๑๐) ติรืงปากทางเขำ้าออกขำองอาคำารืหรืือทางเดินรืถ หรืือในรืะยะห้าเมติรืจากปากทางเดินรืถ (๑๑) รืะหว่างเขำติปลัอดภัยกับุขำอบุทาง หรืือในรืะยะสิบุเมติรืนับุจากปลัายสุดขำองเขำติปลัอดภัยทั�งสองขำ้าง (๑๒) ในที�คำับุขำัน (๑๓) ในรืะยะสิบุห้าเมติรืก่อนถ่งเคำรืื�องหมายหยุดรืถปรืะจำาทางแลัะเลัยเคำรืื�องหมายไปอีกสามเมติรื (๑๔) ในรืะยะสามเมติรืจากติ่้ไปรืษณุีย์ (๑๕) ในลัักษณุะกีดขำวางการืจรืาจรื มาตรั้า ๕๘ การืจอดรืถในทางเดินรืถที�ผู้่้ขำับุขำี�ไม่อาจอย่่คำวบุคำุมรืถนั�น ผู้่้ขำับุขำี�ติ้องหยุดเคำรืื�องยนติ์แลัะห้ามลั้อ รืถนั�นไว้การืจอดรืถในทางเดินรืถที�เป็นทางลัาดหรืือชััน ผู้่้ขำับุขำี�ติ้องหันลั้อหน้าขำองรืถเขำ้าขำอบุทาง มาตรั้า ๕๙ เจ้าพนักงานจรืาจรืหรืือพนักงานเจ้าหน้าที�มีอำานาจสั�งให้ผู้่้ขำับุขำี�เคำลัื�อนย้ายรืถที�หยุดหรืือจอดอย่่ อันเป็นการืฝึ�าฝึืนบุทแห่งพรืะรืาชับุัญญัติินี�ได้ เจ้าพนักงานจรืาจรืหรืือพนักงานเจ้าหน้าที�มีอำานาจเคำลัื�อนย้ายรืถที�หยุดหรืือจอดอย่่อันเป็นการืฝึ�าฝึืนบุทแห่ง พรืะรืาชับุัญญัติินี� หรืือใชั้เคำรืื�องมือบุังคำับุไม่ให้เคำลัื�อนย้ายรืถดังกลั่าวได้ มาตรั้า ๖๐ การืหยุดรืถหรืือการืจอดรืถในทางเดินรืถนอกเขำติเทศบุาลั ผู้่้ขำับุขำี�ติ้องหยุดรืถหรืือจอดรืถ ณุ ที�ซ่�ง ผู้่้ขำับุขำี�ซ่�งขำับุรืถอื�นจะเห็นได้ในรืะยะไม่น้อยกว่าหน่�งรื้อยห้าสิบุเมติรื มาตรั้า ๖๑ ในเวลัาทีม�ีแสงสว่างไม่เพียงพอที�ผู้่้ขำบุขำี ั �จะมองเห็นรืถที�จอดในทางเดินรืถได้โดยชััดแจ้งในรืะยะไมน่ ้อย กว่าหน่�งรื้อยห้าสบุิเมติรื ผู้่้ขำบุขำี ัซ� ่�งจอดรืถในทางเดินรืถหรืือไหลั่ทางติ้องเปิดไฟหรืือใชั้แสงสว่างติามปรืะเภท ลัักษณุะ แลัะ เงื�อนไขำที�กำาหนดในกฎกรืะทรืวง การึจัอดรึถ กรืณุีจอดรืถบุนชั่องทางเดินรืถ คำวรืจอดรืถบุรืิเวณุด้านซ้ายขำองทางเดินรืถ โดยให้ด้านซ้ายขำองรืถชัิดแลัะขำนาน กับุขำอบุหรืือไหลั่ทางในรืะยะไม่เกิน ๒๕ เซนติิเมติรื ในลัักษณุะที�ไม่กีดขำวางชั่องทางจรืาจรื ไม่จอดรืถในบุรืิเวณุที�ห้ามจอด เชั่น บุนทางเท้า บุนสะพาน ในอุโมงคำ์ บุรืิเวณุทางรื่วมทางแยก เพรืาะนอกจากจะเสี�ยงติ่อการืเกิดอุบุัติิเหติุแลั้ว ยังผู้ิด กฎหมายอีกกรืณุีรืถจอดเสียบุนทาง คำวรืให้สัญญาณุจอดโดยเปิดไฟฉุกเฉิน นำากรืวย ป้ายสะท้อนแสง กิ�งไม้ หรืือวัสดุอื�น มาวางห่างจากรืถไม่ติ ำ� ากว่า ๕๐ เมติรื เติือนให้รืถคำันอื�นทรืาบุว่ามีรืถจอดเสีย จะได้รืะมัดรืะวังแลัะเปลัี�ยนชั่องทางได้ทัน จอดใหชั้ิดรืิมไหลั่ทางไมก่ ีดขำวางชั่องจรืาจรื จากนั�นให้พยายามนำารืถออกใหพ้ ้นชั่องทางเดินรืถโดยเรื็วสุด ป้องกันอบุุัติิเหติุ จำอดรั้ถ” กั้บ “หยุดรั้ถ” ๑. จำอดรั้ถ (park) พ.รื.บุ.จรืาจรืทางบุก พ.ศ.๒๕๒๒ ไม่ได้ให้คำำานิยามไว้ว่าการืจอดรืถคำืออะไรื แติ่การืจอดรืถ กำาหนดไว้ใน หมวด ๔ ว่าด้วยการืจอดรืถแลัะหยุดรืถ มาตรั้า ๕๔ วรั้รั้คสอง ว่า ผู้่้ขำับุขำี�ติ้องจอดรืถทางด้านซ้ายขำอง 94 คูมือหลักสูตร การขับรถบริการการแพทยฉุกเฉินและรถพยาบาล สถาบันการแพทยฉุกเฉินแหงชาติ National Institute for Emergency Medicine สถาบันการแพทยฉุกเฉินแหงชาติ National Institute for Emergency Medicine ทางเดินรืถ แลัะจอดรืถใหด้ ้านซ้ายขำองรืถขำนานชัิดกบุขำัอบุทางหรืือไหลั่ทางในรืะยะห่างไม่เกินยีส�บุหิ ้าเซนติิเมติรื หรืือจอด รืถติามทิศทางหรืือด้านหน่�งด้านใดขำองทางเดินรืถที�เจ้าพนักงานจรืาจรืกำาหนดไว้ แติ่ในกรืณุีที�มีชั่องเดินรืถปรืะจำาทางอย่่ ทางด้านซ้ายสุดขำองทางเดินรืถ ห้ามมิให้ผู้่้ขำบุขำี ั �จอดรืถในลัักษณุะดังกลั่าวในเวลัาทีก�ำาหนดให้ใชัชั้่องเดินรืถปรืะจำาทางนั�น” มาตรั้า ๕๗ เว้นแติ่จะได้มีบุทบุัญญัติิ กฎ หรืือขำ้อบุังคำับุติามพรืะรืาชับุัญญัติินี�กำาหนดไว้เป็นอย่างอื�น ห้ามมิให้ ผู้่้ขำับุขำี�จอดรืถ (๓) ในทางรื่วมทางแยก หรืือในรืะยะสิบุเมติรืจากทางรื่วมทางแยก นั�นหมายคำวามว่า ถ้าท่านไปจอดรืถติรืง สี�แยก ท่านผู้ิดติามมาติรืา ๕๗ แติ่ถ้าท่านติิดไฟแดง อันนั�นท่านหยุดรืถคำรืับุ หยุดรั้ถ (stop) พ.รื.บุ .จรืาจรืทางบุก ก็ไม่ได้ให้คำำานิยามการืหยุดรืถไว้คำรืับุ แติ่ในส่วนที�เกี�ยวกับุสัญญาณุจรืาจรื มีบุัญญัติิไว้ใน มาติรืา ๒๒ มาตรั้า ๒๒ ผู้่้ขำับุขำี�ติ้องปฏิิบุัติิติามสัญญาณุจรืาจรืหรืือเคำรืื�องหมายจรืาจรืที�ปรืากฏิขำ้างหน้าในกรืณุีติ่อไปนี� (๑) สัญญาณุจรืาจรืไฟสีเหลัืองอำาพัน ให้ผู้่้ขำับุขำี�เติรืียมหยุดรืถหลัังเส้นให้รืถหยุดเพื�อเติรืียมปฏิิบุัติิติามสัญญาณุที� จะปรืากฏิติ่อไปดังกลั่าวใน (๒) เว้นแติ่ผู้่้ขำับุขำี�ที�ได้เลัยเส้นให้รืถหยุดไปแลั้วให้เลัยไปได้ (๒) สัญญาณุจรืาจรืไฟสีแดงหรืือเคำรืื�องหมายจรืาจรืสีแดงที�มีคำำาว่า หยุด ให้ผู้่้ขำับุขำี�หยุดรืถหลัังเส้นให้รืถหยุด มาตรั้า ๕๕ ห้ามมิให้ผู้่้ขำับุขำี�หยุดรืถ (๑) ในชั่องเดินรืถ เว้นแติ่หยุดชัิดขำอบุทางด้านซ้ายขำองทางเดินรืถในกรืณุีที�ไม่มีชั่องเดินรืถปรืะจำาทาง (๒) บุนทางเท้า (๓) บุนสะพานหรืือในอุโมงคำ์ (๔) ในทางรื่วมทางแยก (๕) ในเขำติที�มีเคำรืื�องหมายจรืาจรืห้ามหยุดรืถ (๖) ติรืงปากทางเขำ้าออกขำองอาคำารืหรืือทางเดินรืถ (๗) ในเขำติปลัอดภัย (๘) ในลัักษณุะกีดขำวางการืจรืาจรื วิธ่จำอดรั้ถที่่�ป่ล่อดภั้ยเพิ่�อเป่็นกัารั้ป่้องกั้นอุบ้ติเหตุซ ำ� าซ้อน บุ่อยคำรืั�งนะคำรืับุที�มักเกิดอุบุัติิเหติุจากการืจอดรืถรืิมขำ้างทาง กีดขำวางส้นทางจรืาจรื ผู้่้ขำับุขำี�ไม่เปิดสัญญาณุไฟ ทำาให้ผู้่้ขำบุรืัถมาติามหลัังติ้องเปลัี�ยนชั่องทางเดินรืถ กรืะทันหัน ส่งผู้ลัให้เกิดอบุุัติิเหติุ เพื�อเป็นการืป้องกันอบุุัติิเหติซุำ� าซ้อน ที�อาจเกิดขำ่�น ดังนี� ๑. หลัีกเลัี�ยงการืจอดรืถในพื�นที�เสี�ยง เชั่น รืิมขำ้างทางโดยเฉพาะบุรืิเวณุทางขำ่�น ลังสะพาน ถนนที�มีไหลั่ทางแคำบุ หรืือมีลัักษณุะเป็นคำอขำวด ทางแยก ทางม้าลัาย ทางรืถไฟ แลัะปากซอยทางเขำ้าทางออกอย่างเด็ดขำาดหากรืถเสียปรืะสบุ อบุุัติิเหติุหรืือจำาเป็นติ้องจอดรืถในพื�นที�เสี�ยงคำวรืจอดรืถใหชั้ิดไหลั่ทางให้มากทีส�ุด พรื้อมเปิดสัญญาณุไฟฉุกเฉินแลัะนำาป้าย เติือนหรืือวัติถุอื�นๆเชั่นกรืวยสามเหลัี�ยมกิ�งไม้หรืือผู้้าที�มีลัักษณุะสะท้อนแสงมาวางไว้ด้านหลัังให้ห่างจากจุดที�รืถจอด ในรืะยะไม่ติ ำ� ากว่า ๕๐ เมติรืแลัะให้ผู้่้ขำับุรืถติามหลัังมาสามารืถมองเห็นได้อย่างน้อยไม่ติ ำ� ากว่า ๑๕๐ เมติรื (อย่างน้อย) เพื�อให้ผู้่้ขำับุขำี�รืถคำันอื�นมองเห็นได้อย่างชััดเจนแลัะเพิ�มคำวามรืะมัดรืะวังซ่�งจะชั่วยป้องกันอุบุัติิเหติุซ ำ� าซ้อนได้ ๒. หลัีกเลัี�ยงการืจอดรืถถ่ายภาพหรืือชัมทิวทัศน์ขำ้างทางติามแหลั่งท่องเที�ยว โดยเฉพาะติามเส้นทางขำ่�นเขำา ลังเขำา เพรืาะมีคำวามเสี�ยงติ่อการืเกิดอุบุัติิเหติุส่ง คำวรืจอดที�ชัมวิวหรืือถ่ายภาพบุรืิเวณุจุดชัมวิวเท่านั�น ในการืปฏิิบุัติิการื จอดรืถอย่างปลัอดภัยบุนพื�นที�ลัาดเอียง เชั่น ทางขำ่�น – ลังสะพาน หรืือทางเขำ้าออกบุ้านที�มีรืะดับุส่งกว่ารืะดับุพื�นถนน คำวรืเพิ�มคำวามรืะมัดรืะวัง โดยปฏิิบุัติิดังนี� 95


คูมือหลักสูตร การขับรถบริการการแพทยฉุกเฉินและรถพยาบาล สถาบันการแพทยฉุกเฉินแหงชาติ National Institute for Emergency Medicine สถาบันการแพทยฉุกเฉินแหงชาติ National Institute for Emergency Medicine รึถฉุุกเฉุิน มาตรั้า ๗๕ ในขำณุะที�ผู้่้ขำับุขำี�ขำับุรืถฉุกเฉินไปปฏิิบุัติิหน้าที� ผู้่้ขำับุขำี�มีสิทธิดังนี� ๑. ใชั้ไฟสัญญาณุแสงวับุวาบุ ใชั้เสียงสัญญาณุไซเรืน หรืือเสียงสัญญาณุอย่างอื�นติามที�อธิบุดีกำาหนดไว้ ๒. หยุดรืถหรืือจอดรืถ ณุ ที�ห้ามจอด ๓. ขำับุรืถเกินอัติรืาคำวามเรื็วที�กำาหนดไว้ ๔. ขำับุรืถผู้่านสัญญาณุจรืาจรืหรืือเคำรืื�องหมายจรืาจรืใดๆ ที�ให้รืถหยุด แติ่ติ้องลัดคำวามเรื็วขำองรืถให้ชั้าลัง ติามสมคำวรื ๕. ไม่ติ้องปฏิิบุัติิติามบุทแห่งพรืะรืาชับุัญญัติินี�หรืือขำ้อบุังคำับุการืจรืาจรืเกี�ยวกับุชั่องเดินรืถ ทิศทางขำองการืขำับุรืถ หรืือการืเลัี�ยวรืถที�กำาหนดไว้ ถอดบที่เรั้่ยนจำากัภัาพิรั้วมข้องกัารั้เกัิดอุบ้ติเหตุจำากัรั้ถฉุุกัเฉุิน EMS ๑๖๖๙ จากการืขำับุ / การืจอดรืถ / การืชั่วยเหลัือก่้ภัย / ก่้ชัีพ ออกปฏิิบุัติิการืในหลัายสถานการืณุ์ มักเกิดอุบุัติิเหติุให้เห็นเป็นปรืะจำา หลััก ข�อยกเว�น การึปฏิิบัติ/ผู้ลั ๑. ข้้บรั้ถฝ่า ส้ญญาณ์ไฟแดง/ แดง กัรั้ะพิรั้ิบ/ เหล่่องอำาพิ้น - ติ้องชัะลัอคำวามเรื็วลัง ติั�งแติ่เห็น ไฟสีเหลัืองอำาพัน แลัะเติรืียมหยุด หลัังเส้นให้หยุด (เส้นทางขำ้าม ม้าลัาย) ติาม ม.๒๑ (๑) (๒) - สัญญาณุไฟแดงกรืะพรืิบุ ให้ หยุดรืถหลัังเส้นให้หยุดเมื�อเห็นว่า ปลัอดภัยแลั้ว จ่งขำับุรืถออกไป (๕) - สัญญาณุไฟเหลัืองกรืะพรืิบุ ให้ลัดคำวามเรื็วลังแลัะผู้่านไปด้วย คำวามรืะมัดรืะวัง (๖) - รืถฉุกเฉิน ฝึ�าฝึืน สัญญาณุไฟแดงได้ แติ่ติ้องใชั้คำวาม รืะมัดรืะวังเพิ�มขำ่�นอีก ติามคำวรืแก่กรืณุี ติาม ม.๗๕ (๔) - ปัจจุบุัน สธ./สพฉ. ไม่ อนุญาติให้ฝึ�าฝึืนสัญญาณุไฟ แดงแลั้ว เพรืาะเกิดเหติุมาก ที�สุด/ส่ญเสียบุุคำลัากรืทาง การืแพทย์/ปชัชั. - มีคำดีคำวามอาญา/แพ่งขำ่�นส่่ศาลั - ส่วนมากจะไม่คำ่อยรืะมัดรืะวัง จะขำับุผู้่านไปแลัะเกิดอุบุัติิเหติุ ๒. ชัิงเข้้าที่างรั้่วม ที่างแยกัไม่ล่ด ความเรั้็ว/ไม่ให้ที่าง - ให้รืถที�อย่่ในทางรื่วมทางแยกไป ก่อน ม.๗๑ - ถ้าถ่งพรื้อมกัน ให้รืถทางซ้าย ไปก่อน - เว้นแติ่แยกนั�นเป็นเส้น ทางเอก ติัดกับุ ทางโท ให้สิทธิรืถในทางเอก ไปก่อน ฝึ�ายใดปรืะมาทฝึ�าฝึืนกฎจรืาจรื ติ้องรืับุผู้ิดติามสถานการืณุ์ แลัะแม้จะมีสิทธิไปก่อน แติ่ หากปรืะมาทรื่วมด้วยแลั้ว อาจติ้องรืับุผู้ิดได้เชั่นกัน ๓. เส่ยหล่้กัชัน ต้นไม้/เสาไฟฟ้า ข้้างที่าง / ตอม่อ / กัารั้์ดเรั้ล่ / แบรั้ิเออรั้์ - สภาพรื่างกายไม่พรื้อม อ่อนลั้า ง่วงนอน หลัับุใน กินยา แก้ไอ แก้ไขำ้ แก้หวัด หรืือ ยาบุาง ชันิดที�มีผู้ลัติ่อการืง่วงซ่ม - ห้ามขำับุรืถเมื�อปัจจัย ติ่างๆ ไม่พรื้อม - ศ่กษาสภาพเส้นทาง ลั่วงหน้า เขำ้าขำ่ายกรืะทำาโดยปรืะมาท เป็นเหติุให้ทรืัพย์สินผู้่้อื�น เสียหาย มีผู้่้อื�นได้รืับุบุาดเจ็บุ/ เจ็บุสาหัส / ติาย 96


คูมือหลักสูตร การขับรถบริการการแพทยฉุกเฉินและรถพยาบาล สถาบันการแพทยฉุกเฉินแหงชาติ National Institute for Emergency Medicine สถาบันการแพทยฉุกเฉินแหงชาติ National Institute for Emergency Medicine รึถฉุุกเฉุิน มาตรั้า ๗๕ ในขำณุะที�ผู้่้ขำับุขำี�ขำับุรืถฉุกเฉินไปปฏิิบุัติิหน้าที� ผู้่้ขำับุขำี�มีสิทธิดังนี� ๑. ใชั้ไฟสัญญาณุแสงวับุวาบุ ใชั้เสียงสัญญาณุไซเรืน หรืือเสียงสัญญาณุอย่างอื�นติามที�อธิบุดีกำาหนดไว้ ๒. หยุดรืถหรืือจอดรืถ ณุ ที�ห้ามจอด ๓. ขำับุรืถเกินอัติรืาคำวามเรื็วที�กำาหนดไว้ ๔. ขำับุรืถผู้่านสัญญาณุจรืาจรืหรืือเคำรืื�องหมายจรืาจรืใดๆ ที�ให้รืถหยุด แติ่ติ้องลัดคำวามเรื็วขำองรืถให้ชั้าลัง ติามสมคำวรื ๕. ไม่ติ้องปฏิิบุัติิติามบุทแห่งพรืะรืาชับุัญญัติินี�หรืือขำ้อบุังคำับุการืจรืาจรืเกี�ยวกับุชั่องเดินรืถ ทิศทางขำองการืขำับุรืถ หรืือการืเลัี�ยวรืถที�กำาหนดไว้ ถอดบที่เรั้่ยนจำากัภัาพิรั้วมข้องกัารั้เกัิดอุบ้ติเหตุจำากัรั้ถฉุุกัเฉุิน EMS ๑๖๖๙ จากการืขำับุ / การืจอดรืถ / การืชั่วยเหลัือก่้ภัย / ก่้ชัีพ ออกปฏิิบุัติิการืในหลัายสถานการืณุ์ มักเกิดอุบุัติิเหติุให้เห็นเป็นปรืะจำา หลััก ข�อยกเว�น การึปฏิิบัติ/ผู้ลั ๑. ข้้บรั้ถฝ่า ส้ญญาณ์ไฟแดง/ แดง กัรั้ะพิรั้ิบ/ เหล่่องอำาพิ้น - ติ้องชัะลัอคำวามเรื็วลัง ติั�งแติ่เห็น ไฟสีเหลัืองอำาพัน แลัะเติรืียมหยุด หลัังเส้นให้หยุด (เส้นทางขำ้าม ม้าลัาย) ติาม ม.๒๑ (๑) (๒) - สัญญาณุไฟแดงกรืะพรืิบุ ให้ หยุดรืถหลัังเส้นให้หยุดเมื�อเห็นว่า ปลัอดภัยแลั้ว จ่งขำับุรืถออกไป (๕) - สัญญาณุไฟเหลัืองกรืะพรืิบุ ให้ลัดคำวามเรื็วลังแลัะผู้่านไปด้วย คำวามรืะมัดรืะวัง (๖) - รืถฉุกเฉิน ฝึ�าฝึืน สัญญาณุไฟแดงได้ แติ่ติ้องใชั้คำวาม รืะมัดรืะวังเพิ�มขำ่�นอีก ติามคำวรืแก่กรืณุี ติาม ม.๗๕ (๔) - ปัจจุบุัน สธ./สพฉ. ไม่ อนุญาติให้ฝึ�าฝึืนสัญญาณุไฟ แดงแลั้ว เพรืาะเกิดเหติุมาก ที�สุด/ส่ญเสียบุุคำลัากรืทาง การืแพทย์/ปชัชั. - มีคำดีคำวามอาญา/แพ่งขำ่�นส่่ศาลั - ส่วนมากจะไม่คำ่อยรืะมัดรืะวัง จะขำับุผู้่านไปแลัะเกิดอุบุัติิเหติุ ๒. ชัิงเข้้าที่างรั้่วม ที่างแยกัไม่ล่ด ความเรั้็ว/ไม่ให้ที่าง - ให้รืถที�อย่่ในทางรื่วมทางแยกไป ก่อน ม.๗๑ - ถ้าถ่งพรื้อมกัน ให้รืถทางซ้าย ไปก่อน - เว้นแติ่แยกนั�นเป็นเส้น ทางเอก ติัดกับุ ทางโท ให้สิทธิรืถในทางเอก ไปก่อน ฝึ�ายใดปรืะมาทฝึ�าฝึืนกฎจรืาจรื ติ้องรืับุผู้ิดติามสถานการืณุ์ แลัะแม้จะมีสิทธิไปก่อน แติ่ หากปรืะมาทรื่วมด้วยแลั้ว อาจติ้องรืับุผู้ิดได้เชั่นกัน ๓. เส่ยหล่้กัชัน ต้นไม้/เสาไฟฟ้า ข้้างที่าง / ตอม่อ / กัารั้์ดเรั้ล่ / แบรั้ิเออรั้์ - สภาพรื่างกายไม่พรื้อม อ่อนลั้า ง่วงนอน หลัับุใน กินยา แก้ไอ แก้ไขำ้ แก้หวัด หรืือ ยาบุาง ชันิดที�มีผู้ลัติ่อการืง่วงซ่ม - ห้ามขำับุรืถเมื�อปัจจัย ติ่างๆ ไม่พรื้อม - ศ่กษาสภาพเส้นทาง ลั่วงหน้า เขำ้าขำ่ายกรืะทำาโดยปรืะมาท เป็นเหติุให้ทรืัพย์สินผู้่้อื�น เสียหาย มีผู้่้อื�นได้รืับุบุาดเจ็บุ/ เจ็บุสาหัส / ติาย 96


คูมือหลักสูตร การขับรถบริการการแพทยฉุกเฉินและรถพยาบาล สถาบันการแพทยฉุกเฉินแหงชาติ National Institute for Emergency Medicine สถาบันการแพทยฉุกเฉินแหงชาติ National Institute for Emergency Medicine ความส่งที่้าย หล่้กั ๖S ล่ำาด้บคิดแห่งความป่ล่อดภั้ย SAFE ส้งคม - ภาพลัักษณุ์โดยรืวมติ่อการืแพทย์ฉุกเฉิน/การืก่้ชัีพ/การืก่้ภัย SAFE งบป่รั้ะมาณ์แผู้่นดิน - ปรืะหยัดการืส่ญเสีย ในการืบุรืิหารืงาน ๔M SAFE องค์กัรั้ - ภาพลัักษณุ์การืทำางานการืแพทย์ฉุกเฉิน/การืก่้ชัีพ/การืก่้ภัย SAFE เพิ่�อนรั้่วมที่างบนถนน - ไม่รื่้อิโหน่ อิเหน่ ส่ญเสียด้วย/เสียคำวามรื่้ส่ก/รืังเกียจ EMS ๑๖๖๙ SAFE ตนเองแล่ะที่่มงาน - ติ้องอย่่รือดปลัอดภัย/ไรื้คำวามคำดี/พ้นจากคำวามรืับุผู้ิดทางแพ่ง SAFE ผู้้้ป่่วย - คำำาน่งถ่งสภาพอาการืบุาดเจ็บุ/การืปฐ์มพยาบุาลั ณุ จุดออกเหติุ แลัะ ในรืถฉุกเฉิน/คำวามจำาเป็นเรื่งด่วน ที�จะติ้องใชั้ขำ้อยกเว้นติาม ม.๗๕ พ.รื.บุ.จรืาจรืทางบุก 103


คูมือหลักสูตร การขับรถบริการการแพทยฉุกเฉินและรถพยาบาล สถาบันการแพทยฉุกเฉินแหงชาติ National Institute for Emergency Medicine สถาบันการแพทยฉุกเฉินแหงชาติ National Institute for Emergency Medicine ความส่งที่้าย หล่้กั ๖S ล่ำาด้บคิดแห่งความป่ล่อดภั้ย SAFE ส้งคม - ภาพลัักษณุ์โดยรืวมติ่อการืแพทย์ฉุกเฉิน/การืก่้ชัีพ/การืก่้ภัย SAFE งบป่รั้ะมาณ์แผู้่นดิน - ปรืะหยัดการืส่ญเสีย ในการืบุรืิหารืงาน ๔M SAFE องค์กัรั้ - ภาพลัักษณุ์การืทำางานการืแพทย์ฉุกเฉิน/การืก่้ชัีพ/การืก่้ภัย SAFE เพิ่�อนรั้่วมที่างบนถนน - ไม่รื่้อิโหน่ อิเหน่ ส่ญเสียด้วย/เสียคำวามรื่้ส่ก/รืังเกียจ EMS ๑๖๖๙ SAFE ตนเองแล่ะที่่มงาน - ติ้องอย่่รือดปลัอดภัย/ไรื้คำวามคำดี/พ้นจากคำวามรืับุผู้ิดทางแพ่ง SAFE ผู้้้ป่่วย - คำำาน่งถ่งสภาพอาการืบุาดเจ็บุ/การืปฐ์มพยาบุาลั ณุ จุดออกเหติุ แลัะ ในรืถฉุกเฉิน/คำวามจำาเป็นเรื่งด่วน ที�จะติ้องใชั้ขำ้อยกเว้นติาม ม.๗๕ พ.รื.บุ.จรืาจรืทางบุก 103


ภัาคผู้นวก


ภัาคผู้นวก


คูมือหลักสูตร การขับรถบริการการแพทยฉุกเฉินและรถพยาบาล สถาบันการแพทยฉุกเฉินแหงชาติ National Institute for Emergency Medicine สถาบันการแพทยฉุกเฉินแหงชาติ National Institute for Emergency Medicine ค ำสั่งสถำบันกำรแพทย์ฉุกเฉินแห่งชำติ ที่ ๒๕ / ๒๕๖๔ เรื่อง แต่งตั้งคณะกรรมกำรจัดท ำหลักสูตรฝึกอบรมพนักงำนขับรถปฏิบัติกำรฉุกเฉินกำรแพทย์และรถพยำบำล โดยที่เป็นการสมควรให้มีคณะกรรมการจัดท าหลักสูตรฝึกอบรมพนักงานขับรถปฏิบัติการฉุกเฉิน การแพทย์และรถพยาบาล ตามโครงการพัฒนาศักยภาพผู้ปฏิบัติการเฉพาะทางด้านการแพทย์ฉุกเฉิน เพื่อสนับสนุนการพัฒนาศักยภาพผู้ปฏิบัติการและเพิ่มสมรรถนะความเชี่ยวชาญทางด้านการแพทย์ฉุกเฉิน ทั้งในพื้นที่ปกติและพื้นที่พิเศษทั้งเพื่อให้การจัดท าหลักสูตรพนักงานขับรถปฏิบัติการฉุกเฉินการแพทย์และ รถพยาบาล เป็นไปด้วยความเรียบร้อย อาศัยอ านาจตามความในมาตรา ๑๙ และมาตรา ๒๔ แห่งพระราชบัญญัติการแพทย์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๕๑ เลขาธิการสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ จึงออกค าสั่งไว้ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ แต่งตั้งคณะกรรมการจัดท าหลักสูตรฝึกอบรมพนักงานขับรถปฏิบัติการฉุกเฉินการแพทย์ และรถพยาบาล ประกอบด้วย (๑) เรืออากาศเอก อัจฉริยะ แพงมา ที่ปรึกษา (๒) นายไพโรจน์ บุญศิริค าชัย ที่ปรึกษา (๓) นายพงศ์ธร เกียรติด ารงวงศ์ ที่ปรึกษา (๔) นางสาวศศดิศ ชูชนม์ ที่ปรึกษา (๕) นายพิเชษฐ์ หนองช้าง ประธาน (๖) ผู้อ านวยการกองสาธารณสุขฉุกเฉิน หรือผู้แทน กรรมการ (๗) ผู้บังคับการต ารวจจราจร หรือผู้แทน กรรมการ (๘) ผู้แทนกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กรรมการ (๙) ผู้อ านวยการส านักประสานการแพทย์ฉุกเฉิน กรรมการ (๑๐) ผู้อ านวยการส านักสนับสนุนการปฏิบัติการฉุกเฉิน กรรมการ (๑๑) ผู้อ านวยการส านักรับรองและก ากับมาตรฐาน กรรมการ (๑๒) ผู้แทนกรมการขนส่งทางบก กรรมการ (๑๓) นางสมจินตนา เอี่ยมสรรพางค์ กรรมการ (๑๔) นางสาวศุภลักษณ์ ชาลีพัด กรรมการ (๑๕) นายสมบัติ พุทธสัมฤทธิ์ กรรมการ (๑๖) นายนนท์ ภูปรัสสานนทท์ กรรมการ (๑๗) นายเฉลิมชัย หุ่นนาครินทร์ทร กรรมการ (๑๘) นายคมสันต์ทรัพย์เอนกนันต์ กรรมการ (๑๙) นายอุดมศักดิ์ มีชัย กรรมการ (๒๐) นายศิริชัย นิ่มมา กรรมการ (๒๑) นายกิตติเดช ศรีสุวรรณ กรรมการ 107


คูมือหลักสูตร การขับรถบริการการแพทยฉุกเฉินและรถพยาบาล สถาบันการแพทยฉุกเฉินแหงชาติ National Institute for Emergency Medicine สถาบันการแพทยฉุกเฉินแหงชาติ National Institute for Emergency Medicine -๒- (๒๒) นายพงษ์พิษณุ ศรีธรรมานุสาร กรรมการและเลขานุการ (๒๓) เรือเอก สมัคร ใจแสน กรรมการและผู้ช่วยเลขานุการ (๒๔) นางสาวเปรมสิณี ค าใบสี ผู้ช่วยเลขานุการ ข้อ ๒ ให้คณะกรรมการ ตามข้อ ๑ มีหน้าที่และอ านาจ ดังนี้ (๑) จัดท าหลักสูตรฝึกอบรมพนักงานขับรถปฏิบัติการฉุกเฉินการแพทย์และรถพยาบาล (๒) พัฒนาหลักสูตรฝึกอบรมพนักงานขับรถปฏิบัติการฉุกเฉินการแพทย์และรถพยาบาล การก ากับติดตาม การประเมินผลการฝึกอบรม และให้ข้อเสนอแนะแนวทางการด าเนินการฝึกอบรมพนักงาน ขับรถปฏิบัติการฉุกเฉินการแพทย์และรถพยาบาล (๓) ปฏิบัติงานอื่นๆ ตามที่ได้รับมอบหมาย ทั้งนี้ตั้งแต่บัดนี้ เป็นต้นไป สั่ง ณ วันที่ เรืออากาศเอก (อัจฉริยะ แพงมา) เลขำธิกำรสถำบันกำรแพทย์ฉุกเฉินแห่งชำติ 108 คูมือหลักสูตร การขับรถบริการการแพทยฉุกเฉินและรถพยาบาล สถาบันการแพทยฉุกเฉินแหงชาติ National Institute for Emergency Medicine สถาบันการแพทยฉุกเฉินแหงชาติ National Institute for Emergency Medicine ประกาศสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแหงชาติ เรื่อง หลักสูตรการขับรถบริการการแพทย์ฉุกเฉิน และรถพยาบาล (Emergency Vehicle Operation Course) ________________ โดยที่เปนการสมควรให้มีหลักสูตรการขับรถบริการการแพทย์ฉุกเฉิน และรถพยาบาล (Emergency Vehicle Operation Course) ตามที่คณะกรรมการจัดท าหลักสูตรฝกอบรมพนักงานขับรถ ปฏิบัติการฉุกเฉินการแพทย์และรถพยาบาล ได้จัดท าขึ้นเพื่อให้บุคลากรผู้มีหน้าที่ดูแลควบคุมหรือ ขับรถพยาบาล และรถบริการการแพทย์ฉุกเฉินได้มีโอกาสในการเรียนรู้ พัฒนาทักษะในการปฏิบัติหน้าที่ ตลอดจนการสร้างทัศนคติ และวัฒนธรรมความปลอดภัย อาศัยอ านาจตามความในมาตรา ๑๕ (๕) มาตรา ๑๙ และมาตรา ๒๔ แหงพระราชบัญญัติ การแพทย์ฉุกเฉิน พ.ศ.๒๕๕๑ เลขาธิการสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแหงชาติ จึงออกประกาศไว้ ดังตอไปนี้ ข้อ ๑ ประกาศนี้เรียกวา “ประกาศสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแหงชาติ เรื่อง หลักสูตรการขับรถ บริการการแพทย์ฉุกเฉินและรถพยาบาล (Emergency Vehicle Operation Course) ข้อ ๒ ประกาศฉบับนี้ ให้ใช้บังคับตั้งแตวันประกาศเปนต้นไป ข้อ ๓ ให้การฝกอบรมหลักสูตรการขับรถบริการการแพทย์ฉุกเฉิน และรถพยาบาล (Emergency Vehicle Operation Course) เปนไปตามรายละเอียดแนบท้ายประกาศนี้ ประกาศ ณ วันที่ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๖๔ เรืออากาศเอก (อัจฉริยะ แพงมา) เลขาธิการสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแหงชาติ 109


คูมือหลักสูตร การขับรถบริการการแพทยฉุกเฉินและรถพยาบาล สถาบันการแพทยฉุกเฉินแหงชาติ National Institute for Emergency Medicine สถาบันการแพทยฉุกเฉินแหงชาติ National Institute for Emergency Medicine ประกาศสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแหงชาติ เรื่อง หลักสูตรการขับรถบริการการแพทย์ฉุกเฉิน และรถพยาบาล (Emergency Vehicle Operation Course) ________________ โดยที่เปนการสมควรให้มีหลักสูตรการขับรถบริการการแพทย์ฉุกเฉิน และรถพยาบาล (Emergency Vehicle Operation Course) ตามที่คณะกรรมการจัดท าหลักสูตรฝกอบรมพนักงานขับรถ ปฏิบัติการฉุกเฉินการแพทย์และรถพยาบาล ได้จัดท าขึ้นเพื่อให้บุคลากรผู้มีหน้าที่ดูแลควบคุมหรือ ขับรถพยาบาล และรถบริการการแพทย์ฉุกเฉินได้มีโอกาสในการเรียนรู้ พัฒนาทักษะในการปฏิบัติหน้าที่ ตลอดจนการสร้างทัศนคติ และวัฒนธรรมความปลอดภัย อาศัยอ านาจตามความในมาตรา ๑๕ (๕) มาตรา ๑๙ และมาตรา ๒๔ แหงพระราชบัญญัติ การแพทย์ฉุกเฉิน พ.ศ.๒๕๕๑ เลขาธิการสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแหงชาติ จึงออกประกาศไว้ ดังตอไปนี้ ข้อ ๑ ประกาศนี้เรียกวา “ประกาศสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแหงชาติ เรื่อง หลักสูตรการขับรถ บริการการแพทย์ฉุกเฉินและรถพยาบาล (Emergency Vehicle Operation Course) ข้อ ๒ ประกาศฉบับนี้ ให้ใช้บังคับตั้งแตวันประกาศเปนต้นไป ข้อ ๓ ให้การฝกอบรมหลักสูตรการขับรถบริการการแพทย์ฉุกเฉิน และรถพยาบาล (Emergency Vehicle Operation Course) เปนไปตามรายละเอียดแนบท้ายประกาศนี้ ประกาศ ณ วันที่ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๖๔ เรืออากาศเอก (อัจฉริยะ แพงมา) เลขาธิการสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแหงชาติ 109


คูมือหลักสูตร การขับรถบริการการแพทยฉุกเฉินและรถพยาบาล สถาบันการแพทยฉุกเฉินแหงชาติ National Institute for Emergency Medicine สถาบันการแพทยฉุกเฉินแหงชาติ National Institute for Emergency Medicine เอกสารแนบท้ายประกาศประกาศสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ เรื่อง หลักสูตรการขับรถบริการการแพทย์ฉุกเฉิน และรถพยาบาล (Emergency Vehicle Operation Course) _____________________ ๑. ชื่อหลักสูตรที่รับรอง หลักสูตรการขับรถบริการการแพทย์ฉุกเฉิน และรถพยาบาล (Emergency Vehicle Operation Course : EVOC ) 2. ชื่อคุณวุฒิที่รับรอง ใบรับรองการผ่านการอบรมหลักสูตรการขับรถบริการการแพทย์ฉุกเฉิน และรถพยาบาล (Emergency Vehicle Operation Course) ทั้งนี้ใบรับรองมีอายุ ๓ ปีนับแต่วันที่ผ่านการอบรม 3. ปรัชญาของการฝึกอบรม บุคลากรทางการแพทย์ ที่ปฏิบัติงานในระบบการแพทย์ฉุกเฉิน (Emergency Medical Service) และระบบส่งต่อผู้ปวย (Referral System) เปนทรัพยากรมนุษย์ที่มีคุณค่าและมีความสําคัญยิ่งในการช่วยเหลือ ผู้เจ็บปวยฉุกเฉิน ณ จุดเกิดเหตุและการส่งต่อผู้ปวยไปยังโรงพยาบาลที่มีศักยภาพเหมาะสมเพื่อมุ่งช่วยให้ผู้ปวย พ้นภาวะวิกฤติ บุคลากรเหล่านี้นอกจากปฏิบัติงานด้วยความยากลําบากในการดูแลผู้ปวยฉุกเฉินวิกฤติในรถบริการ การแพทย์ฉุกเฉิน และรถพยาบาล (Ambulance) แล้ว ยังต้องรับความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุระหว่าง การเดินทางอีกด้วย ดังนั้นพนักงานขับรถบริการการแพทย์ฉุกเฉิน และรถพยาบาล เปนบุคลากรที่สําคัญที่สุด ในการออกปฏิบัติการแต่ละครั้ง จึงมีความจําเปนต้องมีทักษะในการขับรถและการปฏิบัติงาน เพื่อดูแล ความปลอดภัยระหว่างการปฏิบัติการ ซึ่งจะส่งผลต่อการช่วยเหลือผู้เจ็บปวยฉุกเฉินให้พ้นภาวะวิกฤติและ มีความปลอดภัย ๔. วัตถุประสงคของหลักสูตร (๑) เพื่อให้มีทัศนคติและจิตสํานึกที่ดี ในการขับรถบริการการแพทย์ฉุกเฉิน และรถพยาบาล อย่างปลอดภัย (๒) เพื่อให้มีความรู้และทักษะในการเตรียมความพร้อมของรถบริการการแพทย์ฉุกเฉิน และ รถพยาบาล และการเตรียมความพร้อมของสภาพร่างกายและจิตใจ (๓) เพื่อให้มีความรู้และทักษะในการปฏิบัติการ (Operation) ในการขับขี่รถบริการการแพทย์ ฉุกเฉิน และรถพยาบาล อย่างถูกต้องและปลอดภัย (๔) เพื่อให้มีความรู้และทักษะในการประเมิน ควบคุม บริหารจัดการความเหนื่อยล้า การวางแผน และบริหารจัดการความเสี่ยง ในการปองกันอุบัติเหตุ และแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน ๕. กิจกรรมการเรียนการสอน การฝึกอบรมโดยยึดผู้เข้ารับการอบรมเปนศูนย์กลางและใช้ปญหาเปนฐานการเรียนรู้(Trainee - centered และ Problem-based Training) (๑) การบรรยายในรูปแบบห้องเรียน หรือการบรรยาย ออนไลน์ (๒) การฝึกปฏิบัติในสถานการณ์จําลองและสถานการณ์จริง (๓) การมีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็น 110 คูมือหลักสูตร การขับรถบริการการแพทยฉุกเฉินและรถพยาบาล สถาบันการแพทยฉุกเฉินแหงชาติ National Institute for Emergency Medicine สถาบันการแพทยฉุกเฉินแหงชาติ National Institute for Emergency Medicine ๘. รึะยะเวลัาพิักก่อนเรึิ�มเวรึของบุคลัากรึอ่�น น้อยกว่า ๖ ชัม. + ๒ มากกว่า ๖ ชัม. + ๑ ๘ ชัม. + ๐ คำะแนน พนักงานขำับุคำนที� ๑ คำะแนน พนักงานขำับุคำนที� ๒ คำะแนน พนักงานขำับุคำนที� ๓ -2- ๖. ระยะเวลาการอบรม ระยะเวลาการฝึกอบรม ๒ วัน (จํานวน 18 ชั่วโมง 30 นาที) ๗. คุณสมบัติผู้เข้ารับการฝึกอบรม (๑) พนักงานขับรถบริการการแพทย์ฉุกเฉิน และรถพยาบาล ของสถานพยาบาลหรือ หน่วย ปฏิบัติการ ตามกฎหมายว่าด้วยการแพทย์ฉุกเฉิน องค์กรเอกชนที่ไม่แสวงหากําไร (มูลนิธิ/สมาคม) องค์กรปกครอง ส่วนท้องถิ่น และประชาชนที่สนใจ (๒) อายุ ๑๘-๕๕ ปีและมีใบอนุญาตขับขี่รถยนต์ส่วนบุคคล หรือใบขับขี่รถสาธารณะ (๓) หากอายุมากกว่า ๕๕ ปี จะต้องมีหนังสือรับรองสุขภาพ หรือผลการตรวจสุขภาพที่ออกจาก สถานพยาบาลมายื่นประกอบด้วย (๔) ไม่เป็นคนวิกลจริตหรือจิตฟนเฟอนไม่สมประกอบ และไม่เป็นโรคต้องห้ามตามที่กรมขนส่ง ทางบก กําหนด ๘. จ านวนผู้เข้ารับการอบรม รุ่นละไม่เกิน ๕๐ คน และอัตราส่วนครูในการฝึกปฏิบัติต่อผู้เรียน ไม่เกิน ๑:๘ ๙. โครงสร้างเนื้อหาหลักสูตร (Core Content) เนื้อหาสาระ เวลาในการอบรม ทฤษฎี ปฏิบัติ บทที่ 1 หลักการเคลื่อนย้ายผู้ปวยอยางปลอดภัยด้วยรถพยาบาลและรถบริการ การแพทย์ฉุกเฉิน (๑) เปาหมายในการเคลื่อนย้ายผู้ปวย (๒) ความเสี่ยงในการเคลื่อนย้ายผู้ปวย ปจจัยที่มีผลต่อความเสี่ยง และการบริหาร จัดการความเสี่ยง ความเสี่ยงต่ออุบัติเหตุจราจร สถานการณ์อุบัติเหตุและภาพลักษณ์ของประเทศไทย สาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุ ปจจัยที่ส่งผลต่อการเกิดอุบัติเหตุ และการจัดการเชิงระบบ ความเสี่ยงต่อการบาดเจ็บของบุคลากร และผู้ปวยขณะปฏิบัติงาน บนรถบริการการแพทย์ฉุกเฉิน และรถพยาบาล ณ ที่เกิดเหตุ ความเสี่ยงของผู้ปวยจากความล่าช้า หรือความไม่พร้อมในการดูแลรักษาขณะ เคลื่อนย้าย (๓) ปรัชญา แนวคิดและทัศนคติในการขับรถปลอดภัย เพิ่มการวิเคราะห์ให้เป็น/วิดีโอสถานการณ์ ให้สามารถคิดเป็น คิดได้/ปจจัยที่ส่งผลให้เกิด อุบัติเหตุ (๔) บทบาทของพนักงานขับรถพยาบาล และรถบริการการแพทย์ฉุกเฉินต่อความ ปลอดภัยในการเคลื่อนย้ายผู้ปวย 3 ชม. 111


คูมือหลักสูตร การขับรถบริการการแพทยฉุกเฉินและรถพยาบาล สถาบันการแพทยฉุกเฉินแหงชาติ National Institute for Emergency Medicine สถาบันการแพทยฉุกเฉินแหงชาติ National Institute for Emergency Medicine ๘. รึะยะเวลัาพิักก่อนเรึิ�มเวรึของบุคลัากรึอ่�น น้อยกว่า ๖ ชัม. + ๒ มากกว่า ๖ ชัม. + ๑ ๘ ชัม. + ๐ คำะแนน พนักงานขำับุคำนที� ๑ คำะแนน พนักงานขำับุคำนที� ๒ คำะแนน พนักงานขำับุคำนที� ๓ -2- ๖. ระยะเวลาการอบรม ระยะเวลาการฝึกอบรม ๒ วัน (จํานวน 18 ชั่วโมง 30 นาที) ๗. คุณสมบัติผู้เข้ารับการฝึกอบรม (๑) พนักงานขับรถบริการการแพทย์ฉุกเฉิน และรถพยาบาล ของสถานพยาบาลหรือ หน่วย ปฏิบัติการ ตามกฎหมายว่าด้วยการแพทย์ฉุกเฉิน องค์กรเอกชนที่ไม่แสวงหากําไร (มูลนิธิ/สมาคม) องค์กรปกครอง ส่วนท้องถิ่น และประชาชนที่สนใจ (๒) อายุ ๑๘-๕๕ ปีและมีใบอนุญาตขับขี่รถยนต์ส่วนบุคคล หรือใบขับขี่รถสาธารณะ (๓) หากอายุมากกว่า ๕๕ ปี จะต้องมีหนังสือรับรองสุขภาพ หรือผลการตรวจสุขภาพที่ออกจาก สถานพยาบาลมายื่นประกอบด้วย (๔) ไม่เป็นคนวิกลจริตหรือจิตฟนเฟอนไม่สมประกอบ และไม่เป็นโรคต้องห้ามตามที่กรมขนส่ง ทางบก กําหนด ๘. จ านวนผู้เข้ารับการอบรม รุ่นละไม่เกิน ๕๐ คน และอัตราส่วนครูในการฝึกปฏิบัติต่อผู้เรียน ไม่เกิน ๑:๘ ๙. โครงสร้างเนื้อหาหลักสูตร (Core Content) เนื้อหาสาระ เวลาในการอบรม ทฤษฎี ปฏิบัติ บทที่ 1 หลักการเคลื่อนย้ายผู้ปวยอยางปลอดภัยด้วยรถพยาบาลและรถบริการ การแพทย์ฉุกเฉิน (๑) เปาหมายในการเคลื่อนย้ายผู้ปวย (๒) ความเสี่ยงในการเคลื่อนย้ายผู้ปวย ปจจัยที่มีผลต่อความเสี่ยง และการบริหาร จัดการความเสี่ยง ความเสี่ยงต่ออุบัติเหตุจราจร สถานการณ์อุบัติเหตุและภาพลักษณ์ของประเทศไทย สาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุ ปจจัยที่ส่งผลต่อการเกิดอุบัติเหตุ และการจัดการเชิงระบบ ความเสี่ยงต่อการบาดเจ็บของบุคลากร และผู้ปวยขณะปฏิบัติงาน บนรถบริการการแพทย์ฉุกเฉิน และรถพยาบาล ณ ที่เกิดเหตุ ความเสี่ยงของผู้ปวยจากความล่าช้า หรือความไม่พร้อมในการดูแลรักษาขณะ เคลื่อนย้าย (๓) ปรัชญา แนวคิดและทัศนคติในการขับรถปลอดภัย เพิ่มการวิเคราะห์ให้เป็น/วิดีโอสถานการณ์ ให้สามารถคิดเป็น คิดได้/ปจจัยที่ส่งผลให้เกิด อุบัติเหตุ (๔) บทบาทของพนักงานขับรถพยาบาล และรถบริการการแพทย์ฉุกเฉินต่อความ ปลอดภัยในการเคลื่อนย้ายผู้ปวย 3 ชม. 111


คูมือหลักสูตร การขับรถบริการการแพทยฉุกเฉินและรถพยาบาล สถาบันการแพทยฉุกเฉินแหงชาติ National Institute for Emergency Medicine สถาบันการแพทยฉุกเฉินแหงชาติ National Institute for Emergency Medicine -3- เนื้อหาสาระ เวลาในการอบรม ทฤษฎี ปฏิบัติ บทที่ 2 การเตรียมความพร้อมด้านสภาพรางกายและจิตใจ และการบริหาร ความเหนื่อยล้า (๑) สมาธิและความพร้อมของร่างกาย-จิตใจ (๒) การตรวจสภาพความพร้อมของร่างกาย (Physical Fitness Test) (๓) การตรวจความพร้อมก่อนปฏิบัติงาน (๔) การบริหารจัดการความเหนื่อยล้า (ให้ผู้สอนยกตัวอย่างเคส) (5) แนวทางปฏิบัติเมื่อได้รับบาดเจ็บ หรือเจ็บปวย 30 นาที 30 นาที บทที่ 3 การเตรียมความพร้อมรถบริการการแพทย์ฉุกเฉิน และรถพยาบาล 1. การตรวจสภาพรถพยาบาลกอนใช้งาน (Check Before Driving) (1) ตรวจเช็คระบบเบรก และคลัตช (2) ตรวจเช็คระบบไฟฟา (3) ตรวจเช็คระดับน้ําในหม้อน้ําและหม้อพัก (4) ตรวจเช็คยางและแรงดันลมยาง (5) ตรวจเช็คระบบน้ํามันเชื้อเพลิง (6) ตรวจน้ํามันหล่อลื่น (7) ตรวจเสียงดังตามจุดต่างๆ 2. ระบบการบริหารการตรวจเช็ครถประจําวัน (1) การตรวจสอบความพร้อมของพาหนะ (2) การตรวจสอบความพร้อมของสัญญาณไฟฉุกเฉิน และอุปกรณในรถพยาบาล 30 นาที 30 นาที บทที่ 4 พื้นฐานการควบคุม และขับขี่รถบริการการแพทย์ฉุกเฉินและรถพยาบาล ในสถานการณ์ปกติ (๑) การเตรียมพร้อมก่อนการออกรถ 8 ขั้นตอน (๒) การขับรถด้วยเทคนิคระบบเสียงนําสมอง (๓) การใช้อุปกรณในการควบคุมรถ (๔) ท่านั่งขับรถ (๕) การคาดเข็มขัดนิรภัย (๖) การสตารทเครื่องยนต (๗) เทคนิคการมองที่ปลอดภัย (๘) การใช้สายตามองขณะขับขี่ (๙) การปรับมุมกระจก (๑๐) เทคนิคการมองกระจก (๑๑) การตรวจสอบการจราจร (๑๒) การออกรถที่ปลอดภัย (๑๓) การใช้พวงมาลัย ดึงดัน และแบบไขว้แขน (๑๔) การจอดและหยุดรถ (๑๕) การจอดรถริมทาง (๑๖) การเบรก (๑๗) ระยะตามรถ 1 ชม. 30 นาที 5 ชม. 112


คูมือหลักสูตร การขับรถบริการการแพทยฉุกเฉินและรถพยาบาล สถาบันการแพทยฉุกเฉินแหงชาติ National Institute for Emergency Medicine สถาบันการแพทยฉุกเฉินแหงชาติ National Institute for Emergency Medicine -3- เนื้อหาสาระ เวลาในการอบรม ทฤษฎี ปฏิบัติ บทที่ 2 การเตรียมความพร้อมด้านสภาพรางกายและจิตใจ และการบริหาร ความเหนื่อยล้า (๑) สมาธิและความพร้อมของร่างกาย-จิตใจ (๒) การตรวจสภาพความพร้อมของร่างกาย (Physical Fitness Test) (๓) การตรวจความพร้อมก่อนปฏิบัติงาน (๔) การบริหารจัดการความเหนื่อยล้า (ให้ผู้สอนยกตัวอย่างเคส) (5) แนวทางปฏิบัติเมื่อได้รับบาดเจ็บ หรือเจ็บปวย 30 นาที 30 นาที บทที่ 3 การเตรียมความพร้อมรถบริการการแพทย์ฉุกเฉิน และรถพยาบาล 1. การตรวจสภาพรถพยาบาลกอนใช้งาน (Check Before Driving) (1) ตรวจเช็คระบบเบรก และคลัตช (2) ตรวจเช็คระบบไฟฟา (3) ตรวจเช็คระดับน้ําในหม้อน้ําและหม้อพัก (4) ตรวจเช็คยางและแรงดันลมยาง (5) ตรวจเช็คระบบน้ํามันเชื้อเพลิง (6) ตรวจน้ํามันหล่อลื่น (7) ตรวจเสียงดังตามจุดต่างๆ 2. ระบบการบริหารการตรวจเช็ครถประจําวัน (1) การตรวจสอบความพร้อมของพาหนะ (2) การตรวจสอบความพร้อมของสัญญาณไฟฉุกเฉิน และอุปกรณในรถพยาบาล 30 นาที 30 นาที บทที่ 4 พื้นฐานการควบคุม และขับขี่รถบริการการแพทย์ฉุกเฉินและรถพยาบาล ในสถานการณ์ปกติ (๑) การเตรียมพร้อมก่อนการออกรถ 8 ขั้นตอน (๒) การขับรถด้วยเทคนิคระบบเสียงนําสมอง (๓) การใช้อุปกรณในการควบคุมรถ (๔) ท่านั่งขับรถ (๕) การคาดเข็มขัดนิรภัย (๖) การสตารทเครื่องยนต (๗) เทคนิคการมองที่ปลอดภัย (๘) การใช้สายตามองขณะขับขี่ (๙) การปรับมุมกระจก (๑๐) เทคนิคการมองกระจก (๑๑) การตรวจสอบการจราจร (๑๒) การออกรถที่ปลอดภัย (๑๓) การใช้พวงมาลัย ดึงดัน และแบบไขว้แขน (๑๔) การจอดและหยุดรถ (๑๕) การจอดรถริมทาง (๑๖) การเบรก (๑๗) ระยะตามรถ 1 ชม. 30 นาที 5 ชม. 112 คูมือหลักสูตร การขับรถบริการการแพทยฉุกเฉินและรถพยาบาล สถาบันการแพทยฉุกเฉินแหงชาติ National Institute for Emergency Medicine สถาบันการแพทยฉุกเฉินแหงชาติ National Institute for Emergency Medicine -4- เนื้อหาสาระ เวลาในการอบรม ทฤษฎี ปฏิบัติ (๑๘) เทคนิคการขับรถเข้าโค้งหรือวงเลี้ยว (๑๙) การขับรถเข้าทางโค้ง (๒๐) การขับรถทางลาดชัน (๒๑) การแซงที่ปลอดภัย (๒๒) การใช้ถนนทางรวมทางแยก (๒๓) การควบคุมรถพยาบาลขั้นพื้นฐาน ทั้งนี้ เมื่อรวมบทที่ ๔ และบทที่ ๕ แล้วจะต้องมีระยะเวลาไม่น้อยกว่า 4 ชั่วโมง บทที่ 5 การประเมิน ควบคุม และแก้ไขสถานการณไม่ปกติ และการปฏิบัติการรถบริการ การแพทยฉุกเฉินการแพทย และรถพยาบาลในสถานการณฉุกเฉิน 1. การปฏิบัติการรถบริการการแพทยฉุกเฉินและรถพยาบาลในสถานการณฉุกเฉิน (1) การขับรถในภาวะฉุกเฉินวิกฤตทางการแพทย (2) การขับรถผาน ทางรวม ทางแยก (3) การปฏิบัติการการแพทยฉุกเฉิน ณ จุดเกิดเหตุที่มีการจราจร 2. การประเมิน ควบคุม และแก้ไขสถานการณไม่ปกติ (1) การขับรถถอยหลังจากที่แออัด (2) การขับรถขณะฝนตกหนัก (3) การขับขี่หลังฝนหยุดตก (4) การขับรถเวลากลางคืน (5) การขับรถเมื่อมีสัญญาณน้ าปาไหลบาถนน (6) การขับรถบนถนนที่มีสภาพเปนดินหรือลูกรัง (7) การขับรถบนถนนที่ขรุขระ (8) การขับรถที่ต้องเผชิญกับลมแรงจัด (9) การขับรถฝาพายุฝุนและกลุมควันไฟ (10) การขับรถในชวงฤดูหนาว มีหมอกลงจัด (11) การขับรถในชวงน้ าทวมขัง (12) การขับรถถอยหลังในทางตรง 3. การประเมิน ควบคุม และแก้ไขสถานการณฉุกเฉิน (1) ทักษะการจัดการอุบัติเหตุของรถบริการการแพทยฉุกเฉิน (2) เบรกแตก (3) เบรกค้าง (4) สายคลัทธขาด (5) รถตกน้ า (6) รถลื่นไถล (7) ยางแบนขณะวิ่ง (8) ยางระเบิด (9) กระจกหน้ารถแตก 1 ชม. 5 ชม. 113


คูมือหลักสูตร การขับรถบริการการแพทยฉุกเฉินและรถพยาบาล สถาบันการแพทยฉุกเฉินแหงชาติ National Institute for Emergency Medicine สถาบันการแพทยฉุกเฉินแหงชาติ National Institute for Emergency Medicine -5- เนื้อหาสาระ เวลาในการอบรม ทฤษฎี ปฏิบัติ บทที่ 6 กฎหมายและถอดบทเรียนอุบัติเหตุที่เกิดจากรถบริการการแพทย์ฉุกเฉินและ รถพยาบาล 30 นาที 30 นาที รวม 7 ชม 11 ชม. 30 นาที 18 ชม. 30 นาที ๑๐. การเตรียมการสอนและสื่อการสอน (๑) การอบรมในห้องเรียน - โปรเจคเตอร์และจอรับภาพ - flipchart และ markers - เก้าอี้เรียน มีโตะรองเขียน จัดระยะหางเหมาะสม - คอมพิวเตอร์ และ laser pointer - เครื่องขยายเสียง และไมโครโฟน - เอกสารประกอบการบรรยาย (๒) การอบรมภาคปฏิบัติ - ตัวอยางเอกสารในการตรวจเช็ครถพยาบาล หรือรถบริการการแพทย์ฉุกเฉิน - รถพยาบาลที่ผู้เข้ารับอบรมใช้งาน พร้อมเตียงผู้ปวย - สถานที่ฝึกขับรถพยาบาล - อุปกรณ์ Road Safety: กรวยจราจร 3-4 อัน เสื้อสะท้อนแสง กระบองไฟ ถังดับเพลิง 5 ปอนด์ - ไมค์ และเครื่องขยายเสียง ๑๑. การประเมินผลการฝึกอบรม (๑) การทดสอบความรู้กอนและหลังการอบรมของผู้เข้ารับการอบรม (๒) การทดสอบทักษะปฏิบัติของผู้เข้ารับการอบรม (๓) การประเมินผลความพึงพอใจในการฝึกอบรม ๑๒. เกณฑ์การวัดผลผู้ผ่านการอบรม (๑) มีคะแนนการทดสอบความรู้หลังการอบรม ไมน้อยกวาร้อยละ ๗๐ (๒) ผานการทดสอบภาคปฏิบัติ ทุกทักษะ (๓) เวลาในการอบรม ร้อยละ ๑๐๐ ของเวลาในการอบรมทั้งหมด ๑๓. สถานที่ในการฝึกอบรม (๑) มีห้องฝึกอบรมสําหรับการบรรยาย (๒) มีพื้นที่ฝึกปฏิบัติขับรถ ไมน้อยกวา 50 x 60 เมตร (๓) มีสภาพพื้นที่และอุปกรณ์พร้อมตอการฝึกปฏิบัติทุกทักษะและทุกสถานการณ์ที่กําหนดไว้ใน หลักสูตร -5- เนื้อหาสาระ เวลาในการอบรม ทฤษฎี ปฏิบัติ บทที่ 6 กฎหมายและถอดบทเรียนอุบัติเหตุที่เกิดจากรถบริการการแพทย์ฉุกเฉินและ รถพยาบาล 30 นาที 30 นาที รวม 7 ชม 11 ชม. 30 นาที 18 ชม. 30 นาที ๑๐. การเตรียมการสอนและสื่อการสอน (๑) การอบรมในห้องเรียน - โปรเจคเตอร์และจอรับภาพ - flipchart และ markers - เก้าอี้เรียน มีโตะรองเขียน จัดระยะหางเหมาะสม - คอมพิวเตอร์ และ laser pointer - เครื่องขยายเสียง และไมโครโฟน - เอกสารประกอบการบรรยาย (๒) การอบรมภาคปฏิบัติ - ตัวอยางเอกสารในการตรวจเช็ครถพยาบาล หรือรถบริการการแพทย์ฉุกเฉิน - รถพยาบาลที่ผู้เข้ารับอบรมใช้งาน พร้อมเตียงผู้ปวย - สถานที่ฝึกขับรถพยาบาล - อุปกรณ์ Road Safety: กรวยจราจร 3-4 อัน เสื้อสะท้อนแสง กระบองไฟ ถังดับเพลิง 5 ปอนด์ - ไมค์ และเครื่องขยายเสียง ๑๑. การประเมินผลการฝึกอบรม (๑) การทดสอบความรู้กอนและหลังการอบรมของผู้เข้ารับการอบรม (๒) การทดสอบทักษะปฏิบัติของผู้เข้ารับการอบรม (๓) การประเมินผลความพึงพอใจในการฝึกอบรม ๑๒. เกณฑ์การวัดผลผู้ผ่านการอบรม (๑) มีคะแนนการทดสอบความรู้หลังการอบรม ไมน้อยกวาร้อยละ ๗๐ (๒) ผานการทดสอบภาคปฏิบัติ ทุกทักษะ (๓) เวลาในการอบรม ร้อยละ ๑๐๐ ของเวลาในการอบรมทั้งหมด ๑๓. สถานที่ในการฝึกอบรม (๑) มีห้องฝึกอบรมสําหรับการบรรยาย (๒) มีพื้นที่ฝึกปฏิบัติขับรถ ไมน้อยกวา 50 x 60 เมตร (๓) มีสภาพพื้นที่และอุปกรณ์พร้อมตอการฝึกปฏิบัติทุกทักษะและทุกสถานการณ์ที่กําหนดไว้ใน หลักสูตร 114 คูมือหลักสูตร การขับรถบริการการแพทยฉุกเฉินและรถพยาบาล สถาบันการแพทยฉุกเฉินแหงชาติ National Institute for Emergency Medicine สถาบันการแพทยฉุกเฉินแหงชาติ National Institute for Emergency Medicine -6- ๑๔. กฎระเบียบในการอบรม (๑) ผู้เข้ารับการอบรมจะต้องท าการทดสอบความรู้ก่อนเข้ามาเรียน (๒) ผู้เรียนจะต้องมารับการฝกอบรมตรงเวลา หากมาหลังเวลาเริ่มอบรมเกินกว่า ๑๕ นาทีไม่อนุญาต ให้เข้ารับการอบรม (๓) การแต่งกายให้ใส่เครื่องแบบของหน่วยงาน หรือแต่งกายสุภาพและไม่อนุญาตให้ใส่เสื้อแขนกุด กางเกงขาสั้น กางเกงยีนส์หรือรองเท้าแตะ หรือมีลักษณะอันเป็นอุปสรรคต่อการปฏิบัติฝกอบรม (๔) ไม่อนุญาตให้ใช้อุปกรณ์โทรศัพท์หรืออุปกรณ์สื่อสารในห้องเรียน ๑๕. คุณสมบัติและสัดสวนของวิทยากร (๑) เป็นครูผู้สอนที่ผ่านการรับรองจากกรมการขนส่งทางบก หรือ (๒) เป็นผู้ที่ผ่านการอบรมหลักสูตรครูผู้สอนหรือวิทยากร (Instructor) หรือขึ้นทะเบียนเป็น ครูผู้สอนหรือวิทยากร (Instructor) ของสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ หรือ (๓) เป็นครูผู้สอนหรือวิทยากร (Instructor) ตามประกาศหรือค าสั่งสถาบันการแพทย์ฉุกเฉิน แห่งชาติ (๔) ควรเป็นมีความรู้และประสบการณ์ความเชี่ยวชาญในหัวข้อที่สอน (๕) กรณีจ าเป็นอาจเชิญวิทยากรพิเศษจากหน่วยงานภายนอก ที่มีความรู้และประสบการณ์ ความเชี่ยวชาญ มาร่วมสอนในวิชาดังกล่าวตามตามจ าเป็นก็ได้ (๖) สัดส่วนของวิทยากรต่อผู้เข้ารับการฝกอบรมภาคปฏิบัติ ไม่เกิน 1 : ๘ ๑๖. เครื่องหมายตราสัญลักษณประจําหลักสูตร เครื่องหมายตราสัญลักษณ์ ประจ าหลักสูตรการขับรถบริการการแพทย์ฉุกเฉิน และรถพยาบาล (Emergency Vehicle Operation Course) 115


คูมือหลักสูตร การขับรถบริการการแพทยฉุกเฉินและรถพยาบาล สถาบันการแพทยฉุกเฉินแหงชาติ National Institute for Emergency Medicine สถาบันการแพทยฉุกเฉินแหงชาติ National Institute for Emergency Medicine -6- ๑๔. กฎระเบียบในการอบรม (๑) ผู้เข้ารับการอบรมจะต้องท าการทดสอบความรู้ก่อนเข้ามาเรียน (๒) ผู้เรียนจะต้องมารับการฝกอบรมตรงเวลา หากมาหลังเวลาเริ่มอบรมเกินกว่า ๑๕ นาทีไม่อนุญาต ให้เข้ารับการอบรม (๓) การแต่งกายให้ใส่เครื่องแบบของหน่วยงาน หรือแต่งกายสุภาพและไม่อนุญาตให้ใส่เสื้อแขนกุด กางเกงขาสั้น กางเกงยีนส์หรือรองเท้าแตะ หรือมีลักษณะอันเป็นอุปสรรคต่อการปฏิบัติฝกอบรม (๔) ไม่อนุญาตให้ใช้อุปกรณ์โทรศัพท์หรืออุปกรณ์สื่อสารในห้องเรียน ๑๕. คุณสมบัติและสัดสวนของวิทยากร (๑) เป็นครูผู้สอนที่ผ่านการรับรองจากกรมการขนส่งทางบก หรือ (๒) เป็นผู้ที่ผ่านการอบรมหลักสูตรครูผู้สอนหรือวิทยากร (Instructor) หรือขึ้นทะเบียนเป็น ครูผู้สอนหรือวิทยากร (Instructor) ของสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ หรือ (๓) เป็นครูผู้สอนหรือวิทยากร (Instructor) ตามประกาศหรือค าสั่งสถาบันการแพทย์ฉุกเฉิน แห่งชาติ (๔) ควรเป็นมีความรู้และประสบการณ์ความเชี่ยวชาญในหัวข้อที่สอน (๕) กรณีจ าเป็นอาจเชิญวิทยากรพิเศษจากหน่วยงานภายนอก ที่มีความรู้และประสบการณ์ ความเชี่ยวชาญ มาร่วมสอนในวิชาดังกล่าวตามตามจ าเป็นก็ได้ (๖) สัดส่วนของวิทยากรต่อผู้เข้ารับการฝกอบรมภาคปฏิบัติ ไม่เกิน 1 : ๘ ๑๖. เครื่องหมายตราสัญลักษณประจําหลักสูตร เครื่องหมายตราสัญลักษณ์ ประจ าหลักสูตรการขับรถบริการการแพทย์ฉุกเฉิน และรถพยาบาล (Emergency Vehicle Operation Course) 115


คูมือหลักสูตร การขับรถบริการการแพทยฉุกเฉินและรถพยาบาล สถาบันการแพทยฉุกเฉินแหงชาติ National Institute for Emergency Medicine สถาบันการแพทยฉุกเฉินแหงชาติ National Institute for Emergency Medicine -7- ID:…………………………... ๑๗. ใบรับรองผู้ผ่านการฝึกอบรม (โลโก้ สพฉ.) (โลโก้ หลักสูตร) สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ ขอรับรองว่า ……………………………………………………………………………….. ได้ผ่านการอบรม หลักสูตรการขับรถบริการการแพทย์ฉุกเฉิน และรถพยาบาล (Emergency Vehicle Operation Course : EVOC ) สถานที่ฝึกอบรม........................... ระหว่างวันที่…………………เดือน……………………………..พ.ศ………………………. เรืออากาศเอก (อัจฉริยะ แพงมา) เลขาธิการสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ วันออกบัตร.......... วันหมดอายุ.......... ๑๘. เกณฑ์การขอร่วมจัดฝึกอบรมหลักสูตรการขับรถบริการการแพทย์ฉุกเฉินและรถพยาบาล กับสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ องค์กร/หน่วยงานใดที่มีความประสงค์จะขอร่วมจัดฝึกอบรมหลักสูตรการขับรถบริการ การแพทย์ฉุกเฉินและรถพยาบาล จะต้องยื่นค าขออนุมัติจัดฝึกอบรมต่อสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ และสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติจะประเมินความพร้อมในการจัดการฝึกอบรม ตามเกณฑ์ดังต่อไปนี้ (๑) องค์กร/หน่วยงานร่วมจัดที่ร่วมฝึกอบรมหลักสูตรการขับรถบริการการแพทย์ฉุกเฉินและ รถพยาบาล ต้องผ่านเกณฑ์มาตรฐานและการรับรองจากกรมการขนส่งทางบก และกระทรวงศึกษาธิการ (๒) ก าหนดให้ใช้หลักสูตรการขับรถบริการการแพทย์ฉุกเฉินและรถพยาบาล ตามประกาศของ สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ (๓) ครูผู้สอนหรือวิทยากรต้องผ่านการอบรมหลักสูตรครูผู้สอนหรือวิทยากร (Instructor) หรือ ขึ้นทะเบียนเป็นครูผู้สอนหรือวิทยากร (Instructor) ตามประกาศสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติและมีครูผู้สอน หรือวิทยากรจะต้องเป็นไปตามสัดส่วนที่สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติก าหนด (๔) มีสถานที่ในการฝึกอบรมและฝึกปฏิบัติเป็นไปตามประกาศสถาบันการแพทย์ฉุกเฉิน แห่งชาติ (๕) เมื่อผ่านการประเมินให้เข้าร่วมจัดอบรมหลักสูตรการขับรถบริการการแพทย์ฉุกเฉินและ รถพยาบาล สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติจะรับรองในการเป็นองค์กร/หน่วยงานร่วมจัดฝึกอบรมหลักสูตรการ ขับรถบริการการแพทย์ฉุกเฉินและรถพยาบาล (๖) ในระหว่างการจัดอบรมทุกรุ่น องค์กร/หน่วยงานร่วมจัดต้องยินยอมให้สถาบันการแพทย์ ฉุกเฉินแห่งชาติตรวจประเมินคุณภาพการอบรมตลอดระยะเวลาการอบรมหลักสูตรในครั้งนั้น ๆ 116 คูมือหลักสูตร การขับรถบริการการแพทยฉุกเฉินและรถพยาบาล สถาบันการแพทยฉุกเฉินแหงชาติ National Institute for Emergency Medicine สถาบันการแพทยฉุกเฉินแหงชาติ National Institute for Emergency Medicine 1 ประกาศสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแหงชาติ เรื่อง เกณฑ์ วิธีการ และแนวทางการรับรองมาตรฐานรถบริการการแพทย์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๖๔ โดยที่เปนการสมควรกําหนดเกณฑ์ วิธีการ และแนวทางการรับรองมาตรฐานรถบริการการแพทย์ ฉุกเฉิน เพื่อให้เปนไปตามมาตรฐานและหลักเกณฑ์เกี่ยวกับระบบการแพทย์ฉุกเฉินที่คณะกรรมการการแพทย์ฉุกเฉิน มีมติในการประชุมครั้งที่ ๑/๒๕๕๓ เมื่อวันที่ ๒๖ ตุลาคม ๒๕๕๒ และใช้สําหรับการรับรองมาตรฐานรถบริการ การแพทย์ฉุกเฉินตามประกาศสํานักงานตํารวจแหงชาติ เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์การขออนุญาตใช้ไฟสัญญาณ วับวาบและเสียงสัญญาณ ลงวันที่ ๒ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๔๖ และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๕๓ อาศัยอํานาจตามความในมาตรา ๑๕ (๒) และ (๙) แหงพระราชบัญญัติการแพทย์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๕๑ สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแหงชาติจึงออกประกาศไว้ ดังตอไปนี้ ข้อ ๑ ประกาศนี้ เรียกวา “ประกาศสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแหงชาติ เรื่อง เกณฑ์ วิธีการ และ แนวทางการรับรองมาตรฐานรถบริการการแพทย์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๖๔” ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้มีผลใช้บังคับ ตั้งแตวันที่ 3 พฤษภาคม พ.ศ. 2564 เปนต้นไป ข้อ ๓ ให้ยกเลิกบรรดา กฎ คําสั่ง หรือคูมือแนวทางปฏิบัติที่เกี่ยวกับรถบริการการแพทย์ฉุกเฉิน อื่น ๆ ในสวนที่กําหนดไว้แล้วในประกาศนี้ หรือซึ่งแย้งกับความในประกาศนี้ ข้อ ๔ ในประกาศนี้ “รถบริการการแพทย์ฉุกเฉิน” หมายความวา รถหรือยานพาหนะทางบกทุกชนิดยกเว้นรถไฟหรือ รถราง ที่ปฏิบัติการฉุกเฉินนับแตการรับรู้ถึงภาวะการเจ็บปวยฉุกเฉินจนถึงการดําเนินการให้ผู้ปวยฉุกเฉินได้รับการ บําบัด รักษาให้พ้นภาวะฉุกเฉิน ซึ่งรวมถึงการประเมิน การจัดการ การประสานงาน การควบคุม ดูแล การติดตอสื่อสาร การลําเลียงหรือขนสง การตรวจวินิจฉัย และการบําบัดรักษาพยาบาลผู้ปวยฉุกเฉินทั้งนอกสถานพยาบาล และในสถานพยาบาล “สพฉ.” หมายความวา สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแหงชาติ ข้อ ๕ รถบริการการแพทย์ฉุกเฉิน ที่ สพฉ. จะรับรองมาตรฐาน เพื่อใช้ประกอบการพิจารณาอนุญาต ให้ใช้ไฟสัญญาณวับวาบและเสียงสัญญาณตามกฎหมายวาด้วยการจราจรทางบก แบงออกเปน ๒ ประเภท (๑) ประเภทลําเลียงผู้ปวย ซึ่งเปนรถที่มีเตียงและมีพื้นที่ในการปฏิบัติการแพทย์สําหรับผู้ปวยฉุกเฉิน ซึ่งมีลักษณะ อุปกรณ์ และเครื่องมือ ตามภาคผนวก ๑ แนบท้ายประกาศนี้ (๒) ประเภทไมลําเลียงผู้ปวย ซึ่งเปนรถที่ไมมีเตียงสําหรับผู้ปวยฉุกเฉิน แตสามารถปฏิบัติการแพทย์ และปฏิบัติการอํานวยการหรือลําเลียงอวัยวะ ยา เวชภัณฑ์เครื่องมือทางการแพทย์ เครื่องมือสื่อสาร หรือบุคลากร ทางการแพทย์ สําหรับให้บริการผู้ปวยฉุกเฉิน ซึ่งมีลักษณะ อุปกรณ์ และเครื่องมือ ตามภาคผนวก ๒ แนบท้าย ประกาศนี้ 117


คูมือหลักสูตร การขับรถบริการการแพทยฉุกเฉินและรถพยาบาล สถาบันการแพทยฉุกเฉินแหงชาติ National Institute for Emergency Medicine สถาบันการแพทยฉุกเฉินแหงชาติ National Institute for Emergency Medicine 1 ประกาศสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแหงชาติ เรื่อง เกณฑ์ วิธีการ และแนวทางการรับรองมาตรฐานรถบริการการแพทย์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๖๔ โดยที่เปนการสมควรกําหนดเกณฑ์ วิธีการ และแนวทางการรับรองมาตรฐานรถบริการการแพทย์ ฉุกเฉิน เพื่อให้เปนไปตามมาตรฐานและหลักเกณฑ์เกี่ยวกับระบบการแพทย์ฉุกเฉินที่คณะกรรมการการแพทย์ฉุกเฉิน มีมติในการประชุมครั้งที่ ๑/๒๕๕๓ เมื่อวันที่ ๒๖ ตุลาคม ๒๕๕๒ และใช้สําหรับการรับรองมาตรฐานรถบริการ การแพทย์ฉุกเฉินตามประกาศสํานักงานตํารวจแหงชาติ เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์การขออนุญาตใช้ไฟสัญญาณ วับวาบและเสียงสัญญาณ ลงวันที่ ๒ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๔๖ และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๕๓ อาศัยอํานาจตามความในมาตรา ๑๕ (๒) และ (๙) แหงพระราชบัญญัติการแพทย์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๕๑ สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแหงชาติจึงออกประกาศไว้ ดังตอไปนี้ ข้อ ๑ ประกาศนี้ เรียกวา “ประกาศสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแหงชาติ เรื่อง เกณฑ์ วิธีการ และ แนวทางการรับรองมาตรฐานรถบริการการแพทย์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๖๔” ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้มีผลใช้บังคับ ตั้งแตวันที่ 3 พฤษภาคม พ.ศ. 2564 เปนต้นไป ข้อ ๓ ให้ยกเลิกบรรดา กฎ คําสั่ง หรือคูมือแนวทางปฏิบัติที่เกี่ยวกับรถบริการการแพทย์ฉุกเฉิน อื่น ๆ ในสวนที่กําหนดไว้แล้วในประกาศนี้ หรือซึ่งแย้งกับความในประกาศนี้ ข้อ ๔ ในประกาศนี้ “รถบริการการแพทย์ฉุกเฉิน” หมายความวา รถหรือยานพาหนะทางบกทุกชนิดยกเว้นรถไฟหรือ รถราง ที่ปฏิบัติการฉุกเฉินนับแตการรับรู้ถึงภาวะการเจ็บปวยฉุกเฉินจนถึงการดําเนินการให้ผู้ปวยฉุกเฉินได้รับการ บําบัด รักษาให้พ้นภาวะฉุกเฉิน ซึ่งรวมถึงการประเมิน การจัดการ การประสานงาน การควบคุม ดูแล การติดตอสื่อสาร การลําเลียงหรือขนสง การตรวจวินิจฉัย และการบําบัดรักษาพยาบาลผู้ปวยฉุกเฉินทั้งนอกสถานพยาบาล และในสถานพยาบาล “สพฉ.” หมายความวา สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแหงชาติ ข้อ ๕ รถบริการการแพทย์ฉุกเฉิน ที่ สพฉ. จะรับรองมาตรฐาน เพื่อใช้ประกอบการพิจารณาอนุญาต ให้ใช้ไฟสัญญาณวับวาบและเสียงสัญญาณตามกฎหมายวาด้วยการจราจรทางบก แบงออกเปน ๒ ประเภท (๑) ประเภทลําเลียงผู้ปวย ซึ่งเปนรถที่มีเตียงและมีพื้นที่ในการปฏิบัติการแพทย์สําหรับผู้ปวยฉุกเฉิน ซึ่งมีลักษณะ อุปกรณ์ และเครื่องมือ ตามภาคผนวก ๑ แนบท้ายประกาศนี้ (๒) ประเภทไมลําเลียงผู้ปวย ซึ่งเปนรถที่ไมมีเตียงสําหรับผู้ปวยฉุกเฉิน แตสามารถปฏิบัติการแพทย์ และปฏิบัติการอํานวยการหรือลําเลียงอวัยวะ ยา เวชภัณฑ์เครื่องมือทางการแพทย์ เครื่องมือสื่อสาร หรือบุคลากร ทางการแพทย์ สําหรับให้บริการผู้ปวยฉุกเฉิน ซึ่งมีลักษณะ อุปกรณ์ และเครื่องมือ ตามภาคผนวก ๒ แนบท้าย ประกาศนี้ 117


คูมือหลักสูตร การขับรถบริการการแพทยฉุกเฉินและรถพยาบาล สถาบันการแพทยฉุกเฉินแหงชาติ National Institute for Emergency Medicine สถาบันการแพทยฉุกเฉินแหงชาติ National Institute for Emergency Medicine 2 ข้อ ๖ หน่วยปฏิบัติการ สถานพยาบาล หรือหน่วยงานหรือองค์กรอื่น ที่ประสงค์จะขอรับการรับรอง มาตรฐานรถบริการการแพทย์ฉุกเฉิน ต้องขึ้นทะเบียนปฏิบัติงานในระบบการแพทย์ฉุกเฉิน หรือผ่านการรับรอง ตามเกณฑ์ที่ สพฉ. กําหนด ข้อ ๗ รถที่จะขอรับการรับรองมาตรฐานรถบริการการแพทย์ฉุกเฉิน ต้องมีลักษณะหรือได้รับ การจดทะเบียน ดังนี้ (๑) จดทะเบียนในนามหน่วยงานของรัฐ หรือนิติบุคคล หรือผู้ปฏิบัติการที่มีบันทึกข้อตกลง หรือสัญญาร่วมปฏิบัติการกับหน่วยงานของรัฐ หรือนิติบุคคล (๒) จดทะเบียน ต่อทะเบียน ชําระภาษีรถยนต์ และภาษีสรรพสามิตถูกต้องครบถ้วน (๓) ในกรณีเป็นรถบริการการแพทย์ฉุกเฉินประเภทลําเลียงผู้ปวยต้องจดทะเบียนเป็นรถพยาบาล ตามกฎหมายว่าด้วยพระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ. 2522 (๔) การขอรับรองเป็นรถบริการการแพทย์ฉุกเฉินครั้งแรก รถต้องมีอายุไม่เกิน ๗ ปี นับจากวันที่ จดทะเบียน (๕) จัดให้มีประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจโดยมีความคุ้มครองตามกรมธรรมรถยนต์ตามภาคผนวก ๑ แนบท้ายประกาศนี้ กรณีในพื้นที่พิเศษ พื้นที่ห่างไกล พื้นที่ขาดแคลน พื้นที่ที่เข้าถึงได้ยาก ต้องการจัดให้มีรถบริการ การแพทย์ฉุกเฉินแต่ไม่เป็นไปตาม เกณฑ์ วิธีการ และแนวทางการรับรองมาตรฐานรถบริการการแพทย์ฉุกเฉิน ให้ดําเนินการพิจารณาผ่านคณะกรรมการที่กํากับดูแลด้านการแพทย์ฉุกเฉินระดับจังหวัด และส่งเรื่องให้ สพฉ. พิจารณาเป็นกรณีไป ข้อ ๘ รถบริการการแพทย์ฉุกเฉินที่ สพฉ. ออกหนังสือรับรองมาตรฐานแล้ว ให้ระยะเวลา การรับรอง มีผลคราวละ ๓ ปี ทั้งนี้รถบริการการแพทย์ฉุกเฉินที่จะขอต่ออายุการรับรองมาตรฐาน ต้องมีอายุรถไม่เกิน ๑๒ ปี นับแต่วันที่จดทะเบียน เว้นแต่รถบริการการแพทย์ฉุกเฉินที่มีความจําเป็นตาม ข้อ ๗ วรรคสอง ข้อ ๙ ให้รถที่ผ่านการรับรองมาตรฐานและได้รับการอนุญาตเป็นรถบริการการแพทย์ฉุกเฉิน มีสิทธิ ใช้ไฟสัญญาณวับวาบและเสียงสัญญาณไซเรนได้ตามกฎหมายว่าด้วยการจราจรทางบก โดยให้ติดตั้งไฟสัญญาณ วับวาบไว้บนหลังคารถ โดยวางตําแหน่งไฟสัญญาณวับวาบแสงแดงไว้ที่ด้านขวาเหนือผู้ขับขี่แสงน้ําเงินอยู่ฝงซ้าย เหนือศีรษะของผู้ขับขี่ ข้อ ๑๐ กรณีดังต่อไปนี้ เป็นเหตุที่ สพฉ. ใช้ในการยกเลิกการรับรองมาตรฐานรถบริการการแพทย์ ฉุกเฉิน (๑) หน่วยปฏิบัติการ สถานพยาบาล หรือหน่วยงานหรือองค์กรอื่นที่ไม่เป็นไปตามข้อ ๖ (๒) หน่วยปฏิบัติการ สถานพยาบาล หรือหน่วยงานหรือองค์กรอื่นได้สิ้นสภาพ หรือยุบ หรือยกเลิกหรือมีการควบรวมเข้าด้วยกัน (๓) ใช้รถบริการการแพทย์ฉุกเฉินในการทําความผิดต่อกฎหมายอาญาอย่างร้ายแรง (๔) ฝาฝนหรือกระทําการผิดกฎจราจร จนเป็นเหตุให้มีผู้อื่นได้รับบาดเจ็บสาหัส 118 คูมือหลักสูตร การขับรถบริการการแพทยฉุกเฉินและรถพยาบาล สถาบันการแพทยฉุกเฉินแหงชาติ National Institute for Emergency Medicine สถาบันการแพทยฉุกเฉินแหงชาติ National Institute for Emergency Medicine 3 (๕) หนวยปฏิบัติการ สถานพยาบาล หรือหนวยงาน หรือองค์กรอื่นตามข้อ ๖ ซึ่งถูกจํากัดสิทธิตาม มาตรา ๒๙ วรรคสาม และไมดําเนินการปรับปรุงแก้ไขตามที่ กพฉ. หรือ สพฉ. สั่งการและการนั้นกระทบตอการ มาตรฐานการดําเนินการ หรือความปลอดภัยในการปฏิบัติการฉุกเฉิน (๖) ผู้ปฏิบัติการซึ่งเปนเจ้าของกรรมสิทธิ์หรือผู้ครอบครองรถบริการการแพทย์ฉุกเฉินที่มีบันทึก ข้อตกลง หรือสัญญารวมปฏิบัติการตามข้อ ๗ (๑) พ้นสภาพจากการเปนผู้ปฏิบัติการของหนวยปฏิบัติการ สถานพยาบาล หรือหนวยงานหรือองค์กรอื่นตามข้อ ๖ ไมวากรณีใด ๆ และไมสามารถหาสังกัดใหมได้ ภายใน ๙๐ วันนับแตวันที่พ้นจากสภาพดังกลาว (๗) มีการร้องเรียนหรือตรวจพบหรือความปรากฏวารถบริการการแพทย์ฉุกเฉิน ไมมีลักษณะที่เปน สาระสําคัญตามภาคผนวก ๑ หรือภาคผนวก ๒ แนบท้ายประกาศนี้ เมื่อความปรากฏหรือมีการร้องเรียนเหตุตามวรรคหนึ่ง หรือเหตุฝาฝนตามมาตรา ๒๙ (๓) แหงพระราชบัญญัติการแพทย์ฉุกเฉิน พ.ศ.๒๕๕๑ ให้มีการสอบสวนข้อเท็จจริง และหากพบวามีมูลกระทําผิด ให้ สพฉ. มีหนังสือตักเตือนหรือยกเลิก และให้ใช้หนังสือตักเตือนประกอบการพิจารณาตออายุการรับรองด้วย หากมีการตักเตือนแล้วไมปรับปรุงแก้ไข ให้ สพฉ.ประกาศยกเลิกการรับรองมาตรฐานรถบริการการแพทย์ฉุกเฉิน ข้อ ๑๑ วิธีการขอรับการรับรองมาตรฐานรถบริการการแพทย์ฉุกเฉิน สพฉ. อาจมอบหมายให้บุคคล หรือหนวยงานอื่นตรวจสภาพหรือเอกสารหลักฐานเบื้องต้น หรือให้เปนไปตามขั้นตอนการรับรองมาตรฐานรถ บริการการแพทย์ฉุกเฉิน ที่ สพฉ. กําหนด ซึ่งอาจกําหนดให้ยื่นและแสดงรายละเอียดในระบบสารสนเทศ ตามภาคผนวก ๓ แนบท้ายประกาศนี้ แบบหนังสือรับรองมาตรฐานรถบริการการแพทย์ฉุกเฉิน หรือตราสัญลักษณ์ของรถบริการการแพทย์ ฉุกเฉินที่ได้ผานการรับรองมาตรฐานแล้ว ให้เปนไปตามภาคผนวก ๔ แนบท้ายประกาศนี้ ข้อ ๑๒ ให้ถือวารถบริการการแพทย์ฉุกเฉินที่ได้รับการรับรองมาตรฐานรถบริการการแพทย์ฉุกเฉิน จาก สพฉ. ให้ไว้แล้วกอนประกาศนี้มีผลใช้บังคับ เปนรถบริการการแพทย์ฉุกเฉินที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน ตามประกาศนี้ไปจนถึงวันหมดอายุเดิม กรณีที่มีการเปลี่ยนผู้ถือกรรมสิทธิ์หรือเปลี่ยนผู้ครอบครองรถบริการ การแพทย์ฉุกเฉิน ให้เปนหน้าที่ของผู้ขอรับรองที่ต้องแจ้งการเปลี่ยนผู้ถือกรรมสิทธิ์หรือเปลี่ยนผู้ครอบครอง กรณีที่ผู้ถือกรรมสิทธิ์หรือผู้ครอบครองรายใหมไมผานการประเมินตามข้อ ๖ และข้อ ๗ ให้ถือวา การรับรองมาตรฐานรถบริการการแพทย์ฉุกเฉินสิ้นสุดลง ข้อ ๑๓ ให้เลขาธิการสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแหงชาติ เปนผู้รักษาการตามประกาศนี้ กรณีที่มี ปญหาต้องวินิจฉัยเกี่ยวกับการปฏิบัติตามประกาศนี้ หรือมีเหตุอันสมควรให้ยกเว้นหรือผอนผันการปฏิบัติ ตามประกาศนี้ให้สํานักรับรองและกํากับมาตรฐาน หรือหนวยงานใน สพฉ. ที่ได้รับมอบหมาย เสนอความเห็น เพื่อประกอบการพิจารณาของเลขาธิการสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแหงชาติเปนกรณีไป ประกาศ ณ วันที่ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๔ เรืออากาศเอก (อัจฉริยะ แพงมา) เลขาธิการสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแหงชาติ 119


คูมือหลักสูตร การขับรถบริการการแพทยฉุกเฉินและรถพยาบาล สถาบันการแพทยฉุกเฉินแหงชาติ National Institute for Emergency Medicine สถาบันการแพทยฉุกเฉินแหงชาติ National Institute for Emergency Medicine 3 (๕) หนวยปฏิบัติการ สถานพยาบาล หรือหนวยงาน หรือองค์กรอื่นตามข้อ ๖ ซึ่งถูกจํากัดสิทธิตาม มาตรา ๒๙ วรรคสาม และไมดําเนินการปรับปรุงแก้ไขตามที่ กพฉ. หรือ สพฉ. สั่งการและการนั้นกระทบตอการ มาตรฐานการดําเนินการ หรือความปลอดภัยในการปฏิบัติการฉุกเฉิน (๖) ผู้ปฏิบัติการซึ่งเปนเจ้าของกรรมสิทธิ์หรือผู้ครอบครองรถบริการการแพทย์ฉุกเฉินที่มีบันทึก ข้อตกลง หรือสัญญารวมปฏิบัติการตามข้อ ๗ (๑) พ้นสภาพจากการเปนผู้ปฏิบัติการของหนวยปฏิบัติการ สถานพยาบาล หรือหนวยงานหรือองค์กรอื่นตามข้อ ๖ ไมวากรณีใด ๆ และไมสามารถหาสังกัดใหมได้ ภายใน ๙๐ วันนับแตวันที่พ้นจากสภาพดังกลาว (๗) มีการร้องเรียนหรือตรวจพบหรือความปรากฏวารถบริการการแพทย์ฉุกเฉิน ไมมีลักษณะที่เปน สาระสําคัญตามภาคผนวก ๑ หรือภาคผนวก ๒ แนบท้ายประกาศนี้ เมื่อความปรากฏหรือมีการร้องเรียนเหตุตามวรรคหนึ่ง หรือเหตุฝาฝนตามมาตรา ๒๙ (๓) แหงพระราชบัญญัติการแพทย์ฉุกเฉิน พ.ศ.๒๕๕๑ ให้มีการสอบสวนข้อเท็จจริง และหากพบวามีมูลกระทําผิด ให้ สพฉ. มีหนังสือตักเตือนหรือยกเลิก และให้ใช้หนังสือตักเตือนประกอบการพิจารณาตออายุการรับรองด้วย หากมีการตักเตือนแล้วไมปรับปรุงแก้ไข ให้ สพฉ.ประกาศยกเลิกการรับรองมาตรฐานรถบริการการแพทย์ฉุกเฉิน ข้อ ๑๑ วิธีการขอรับการรับรองมาตรฐานรถบริการการแพทย์ฉุกเฉิน สพฉ. อาจมอบหมายให้บุคคล หรือหนวยงานอื่นตรวจสภาพหรือเอกสารหลักฐานเบื้องต้น หรือให้เปนไปตามขั้นตอนการรับรองมาตรฐานรถ บริการการแพทย์ฉุกเฉิน ที่ สพฉ. กําหนด ซึ่งอาจกําหนดให้ยื่นและแสดงรายละเอียดในระบบสารสนเทศ ตามภาคผนวก ๓ แนบท้ายประกาศนี้ แบบหนังสือรับรองมาตรฐานรถบริการการแพทย์ฉุกเฉิน หรือตราสัญลักษณ์ของรถบริการการแพทย์ ฉุกเฉินที่ได้ผานการรับรองมาตรฐานแล้ว ให้เปนไปตามภาคผนวก ๔ แนบท้ายประกาศนี้ ข้อ ๑๒ ให้ถือวารถบริการการแพทย์ฉุกเฉินที่ได้รับการรับรองมาตรฐานรถบริการการแพทย์ฉุกเฉิน จาก สพฉ. ให้ไว้แล้วกอนประกาศนี้มีผลใช้บังคับ เปนรถบริการการแพทย์ฉุกเฉินที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน ตามประกาศนี้ไปจนถึงวันหมดอายุเดิม กรณีที่มีการเปลี่ยนผู้ถือกรรมสิทธิ์หรือเปลี่ยนผู้ครอบครองรถบริการ การแพทย์ฉุกเฉิน ให้เปนหน้าที่ของผู้ขอรับรองที่ต้องแจ้งการเปลี่ยนผู้ถือกรรมสิทธิ์หรือเปลี่ยนผู้ครอบครอง กรณีที่ผู้ถือกรรมสิทธิ์หรือผู้ครอบครองรายใหมไมผานการประเมินตามข้อ ๖ และข้อ ๗ ให้ถือวา การรับรองมาตรฐานรถบริการการแพทย์ฉุกเฉินสิ้นสุดลง ข้อ ๑๓ ให้เลขาธิการสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแหงชาติ เปนผู้รักษาการตามประกาศนี้ กรณีที่มี ปญหาต้องวินิจฉัยเกี่ยวกับการปฏิบัติตามประกาศนี้ หรือมีเหตุอันสมควรให้ยกเว้นหรือผอนผันการปฏิบัติ ตามประกาศนี้ให้สํานักรับรองและกํากับมาตรฐาน หรือหนวยงานใน สพฉ. ที่ได้รับมอบหมาย เสนอความเห็น เพื่อประกอบการพิจารณาของเลขาธิการสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแหงชาติเปนกรณีไป ประกาศ ณ วันที่ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๔ เรืออากาศเอก (อัจฉริยะ แพงมา) เลขาธิการสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแหงชาติ 119


คูมือหลักสูตร การขับรถบริการการแพทยฉุกเฉินและรถพยาบาล สถาบันการแพทยฉุกเฉินแหงชาติ National Institute for Emergency Medicine สถาบันการแพทยฉุกเฉินแหงชาติ National Institute for Emergency Medicine 4 ภาคผนวก แนบท้ายประกาศสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแหงชาติ เรื่อง เกณฑ์ วิธีการ และแนวทางการรับรองมาตรฐานรถบริการการแพทย์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๖๔ ภาคผนวก 1 เกณฑ์การรับรองรถบริการการแพทย์ประเภทล าเลียงผู้ปวย _________________________________ สวนที่ ๑ เครื่องมือและอุปกรณ์การแพทย์ ระดับปฏิบัติการแพทย์ขั้นพื้นฐาน หมายถึง รถบริการการแพทย์ฉุกเฉินซึ่งดําเนินกิจการปฏิบัติ การแพทย์ขั้นพื้นฐานตามการอํานวยการ ให้แก่ผู้ปวยฉุกเฉินที่มีความเสี่ยงต่ําต่อการเสียชีวิตหรือการรุนแรงขึ้นของ การบาดเจ็บ หรืออาการปวยนั้นในห้วงเวลาขณะทําการปฏิบัติการฉุกเฉินนั้น เครื่องมือและอุปกรณ์การแพทย์ที่จ าเป็นต้องมี ๑. เตียงเคลื่อนย้ายผู้ปวย มีล้อเข็น มีเข็มขัดนิรภัยรัดผู้ปวย ไม่น้อยกว่า ๓ จุด และสามารถปรับนั่งได้ ล้อรถเข็นหมุนได้รอบ 360 องศาอย่างน้อย ๒ ล้อ มีกลไกสําหรับช่วยเข็นขึ้นรถบริการการแพทย์ฉุกเฉิน สามารถ รองรับน้ําหนักทั้งหมดได้ไม่น้อยกว่า 150 กิโลกรัม เป็นผลิตภัณฑ์จากผู้ผลิตที่ได้รับการรับรองคุณภาพ มาตรฐานสากล (EN ๑๗๘๙) ผ่านการรับรองมาตรฐานการทดสอบการชนด้วยแรงไม่น้อยกว่า ๑๐ G ตามมาตรฐาน (EN 1865) หรือมาตรฐานอื่นหรือการทดสอบอื่นที่เทียบเท่าพร้อมแนบเอกสาร หรือตามที่ สพฉ. ประกาศ เพิ่มเติม มีเบาะรองนอนตลอดตามยาวของเตียง สามารถถอดล้างทําความสะอาดได้ มีช่องสําหรับเสียบเสาน้ําเกลือ ทั้งด้านซ้ายและขวา พร้อมเสาน้ําเกลือจํานวน 1 ต้น สามารถปรับระดับสูงต่ําได้ และยึดติดกับโครงเตียงได้อย่าง มั่นคง ๒. มีระบบป้องกันการกระดกของเตียงเมื่อผู้ปวยนั่งบริเวณปลายเตียง ส่วนท้ายเตียงจะต้องมีความ มั่นคงไม่กระดกล้ม ๓. มีกลไกในการพับขาเตียงให้พับไปกับฐานเตียงโดยแยกบังคับให้ขาเตียงพับขึ้นทีละขา และเมื่อดึง เตียงลงจากรถล้อคู่หลังและคู่หน้าจะกางออกเองโดยอัตโนมัติ (Automatic Loading Stretcher) มีราวป้องกัน ผู้ปวยตกเตียงทั้งสองข้าง สามารถพับเก็บไปด้านล่างได้ ๔. มีกลไกในการยึดตรึงผู้ปวยเพื่อป้องกันการเลื่อนหลุดไปด้านหน้าหรือด้านหลังระหว่างการ เคลื่อนย้าย โดยอาจเป็นเข็มขัดนิรภัยรัดผู้ปวยไม่น้อยกว่า ๓ จุด หรือกลไกอื่นเพิ่มเติม ๕. ฐานเตียง มีกลไกในการยึดตรึงระหว่างฐานเตียงและเตียงเคลื่อนย้ายผู้ปวย เพื่อป้องกันไม่ให้เตียง หลุดออกจากฐานเตียงขณะเคลื่อนย้าย ผ่านการรับรองมาตรฐานการทดสอบการชนด้วยแรงไม่น้อยกว่า ๑๐ G ตาม มาตรฐาน (EN 1865) หรือตามที่ สพฉ. ประกาศ เพิ่มเติม ๖. ฐานเตียงสําหรับติดตั้งบนรถบริการการแพทย์ฉุกเฉิน มีความมั่นคงปลอดภัย โดยฐานเตียงได้รับ การทดสอบความปลอดภัยตามมาตรฐาน (EN ๑๗๘๙) หรือ (EN 1865) หรือตามที่สพฉ. ประกาศ เพิ่มเติม 120 คูมือหลักสูตร การขับรถบริการการแพทยฉุกเฉินและรถพยาบาล สถาบันการแพทยฉุกเฉินแหงชาติ National Institute for Emergency Medicine สถาบันการแพทยฉุกเฉินแหงชาติ National Institute for Emergency Medicine 5 ๗. มี Long Spinal Board พร้อมสายรัดตรึง ที่ยึดตรึงศีรษะ (Head Immobilizer) สามารถใช้ล็อคศีรษะ ผู้ปวย/ผู้บาดเจ็บกับแผ่นกระดานรองหลังได้อย่างมั่นคง โดยมีกลไกสําหรับประคองศีรษะผู้ปวย/ผู้บาดเจ็บและมี ฐานรองสําหรับยึดติดกับแผ่นกระดานรองหลัง ได้รับการทดสอบความปลอดภัยตามมาตรฐาน (EN ๑๗๘๙) หรือ (EN 1865) หรือตามที่ สพฉ. ประกาศ เพิ่มเติม ๘. มีอุปกรณ์ในการยึดตรึงแขนขาในกรณีผู้ปวยมีแขนขาผิดรูป ไม่น้อยกว่า ๓ ขนาด ๙. มีเฝือกคอชนิดแข็ง (Hard Collar) ไม่น้อยกว่า 3 ขนาด ๑๐. มีเฝือกดาม แขน ขา ๑๑. มีแหล่งกําเนิดออกซิเจน พร้อมระบบจ่ายกาซ ชุด Regulator (ชุดลดแรงดัน) ที่ใช้งานได้ดี/ปลอดเชื้อ ๑๑.๑. มีกลไกยึดตรึง ไม่ให้หลุดออกจากจุดยึดในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุ ๑๑.๒. มีกลไกในการปรับอัตราการไหลของออกซิเจน สามารถปรับอัตราการไหล 0 - 15 ลิตร/นาที หรือมีกลไกที่สามารถให้ออกซิเจนกับผู้ปวยได้เพียงพอกับความต้องการ 12. มีแหล่งกําเนิดออกซิเจนแบบพกพาน้ําหนักรวมไม่เกิน 5 กิโลกรัมสําหรับเคลื่อนย้ายได้สะดวก พร้อมกระเป๋าหิ้วพร้อมชุดยึดบนรถบริการการแพทย์ฉุกเฉินที่ได้มาตรฐาน (EN 1789) หรือตามที่สพฉ. ประกาศ เพิ่มเติม 13. มีอุปกรณ์เพื่อใช้ในการวัดและติดตามสัญญาณชีพซึ่งได้แก่ อุณหภูมิร่างกาย ชีพจร ความดันโลหิต และความอิ่มตัวของออกซิเจนในฮีโมโกลบินจากชีพจร (Pulse Oximetry) 14. มีกระเป๋าปฐมพยาบาลพร้อมอุปกรณ์พื้นฐาน ได้แก่ ถุงมือปราศจากเชื้อ สําลีไม้พันสําลี ผ้ากอซชนิดบางและหนา Elastic Bandage ขนาด ๔ และ ๖ นิ้ว พลาสเตอร์เหนียว กรรไกร แอลกอฮอล์น้ําเกลือ สําหรับล้างแผล อุปกรณ์ล้างตา 15. มีอุปกรณ์สําหรับดูดเสมหะ และมีกลไกการยึดตรึงอุปกรณ์ดูดเสมหะ ไม่มีส่วนประกอบที่อาจ จะแตกได้เมื่อเกิดอุบัติเหตุ 16. มีชุดสําหรับหนีบสายสะดือ 17. มีเครื่องมือตรวจวัดระดับน้ําตาลในเลือด 18. อาจมีเครื่องฟืนคืนคลื่นหัวใจด้วยไฟฟาชนิดอัตโนมัติ (Automated External Defibrillator) และ มีกลไกในการยึดตรึงเครื่องดังกล่าวประจํายานพาหนะ/สามารถเคลื่อนย้ายไปใช้นอกยานพาหนะได้ 19. มีอุปกรณ์และกระเป๋าสําหรับเก็บอุปกรณ์ตามมาตรฐาน BLS, PHTLS 20. มีอุปกรณ์ที่ใช้เพื่อการเปิดทางเดินหายใจและช่วยเหลือการหายใจเบื้องต้น เช่น Pocket Mask Oro Pharyngeal Airway 21. มี Self Inflating Bag สําหรับช่วยหายใจ ผู้ใหญ่ เด็ก และเด็กแรกเกิด ๒๒. มีเก้าอี้พร้อมล้อเข็น สําหรับเคลื่อนย้ายผู้ปวยขึ้นลงบันได (Stair chair) ระดับปฏิบัติการแพทยขั้นสูงและขั้นเฉพาะทาง หมายถึง รถบริการการแพทย์ฉุกเฉินซึ่งได้ ดําเนินกิจการปฏิบัติการการแพทย์ขั้นสูงตามการอํานวยการ ให้แก่ผู้ปวยฉุกเฉินที่มีความเสี่ยงสูงต่อการเสียชีวิต หรือการรุนแรงขึ้นในห้วงเวลาขณะทําการปฏิบัติการฉุกเฉิน และดําเนินกิจการจัดการปฏิบัติการแพทย์เฉพาะทาง ให้แก่ผู้ปวยฉุกเฉินที่มีความเสี่ยงสูงยิ่งต่อการเสียชีวิต การเกิดภาวะแทรกซ้อน หรือการรุนแรงขึ้นของการบาดเจ็บ หรืออาการปวยนั้นอย่างรวดเร็วในห้องเวลาขณะทําการปฏิบัติการปฏิบัติการฉุกเฉิน นั้น 121


คูมือหลักสูตร การขับรถบริการการแพทยฉุกเฉินและรถพยาบาล สถาบันการแพทยฉุกเฉินแหงชาติ National Institute for Emergency Medicine สถาบันการแพทยฉุกเฉินแหงชาติ National Institute for Emergency Medicine 4 ภาคผนวก แนบท้ายประกาศสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแหงชาติ เรื่อง เกณฑ์ วิธีการ และแนวทางการรับรองมาตรฐานรถบริการการแพทย์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๖๔ ภาคผนวก 1 เกณฑ์การรับรองรถบริการการแพทย์ประเภทล าเลียงผู้ปวย _________________________________ สวนที่ ๑ เครื่องมือและอุปกรณ์การแพทย์ ระดับปฏิบัติการแพทย์ขั้นพื้นฐาน หมายถึง รถบริการการแพทย์ฉุกเฉินซึ่งดําเนินกิจการปฏิบัติ การแพทย์ขั้นพื้นฐานตามการอํานวยการ ให้แก่ผู้ปวยฉุกเฉินที่มีความเสี่ยงต่ําต่อการเสียชีวิตหรือการรุนแรงขึ้นของ การบาดเจ็บ หรืออาการปวยนั้นในห้วงเวลาขณะทําการปฏิบัติการฉุกเฉินนั้น เครื่องมือและอุปกรณ์การแพทย์ที่จ าเป็นต้องมี ๑. เตียงเคลื่อนย้ายผู้ปวย มีล้อเข็น มีเข็มขัดนิรภัยรัดผู้ปวย ไม่น้อยกว่า ๓ จุด และสามารถปรับนั่งได้ ล้อรถเข็นหมุนได้รอบ 360 องศาอย่างน้อย ๒ ล้อ มีกลไกสําหรับช่วยเข็นขึ้นรถบริการการแพทย์ฉุกเฉิน สามารถ รองรับน้ําหนักทั้งหมดได้ไม่น้อยกว่า 150 กิโลกรัม เป็นผลิตภัณฑ์จากผู้ผลิตที่ได้รับการรับรองคุณภาพ มาตรฐานสากล (EN ๑๗๘๙) ผ่านการรับรองมาตรฐานการทดสอบการชนด้วยแรงไม่น้อยกว่า ๑๐ G ตามมาตรฐาน (EN 1865) หรือมาตรฐานอื่นหรือการทดสอบอื่นที่เทียบเท่าพร้อมแนบเอกสาร หรือตามที่ สพฉ. ประกาศ เพิ่มเติม มีเบาะรองนอนตลอดตามยาวของเตียง สามารถถอดล้างทําความสะอาดได้ มีช่องสําหรับเสียบเสาน้ําเกลือ ทั้งด้านซ้ายและขวา พร้อมเสาน้ําเกลือจํานวน 1 ต้น สามารถปรับระดับสูงต่ําได้ และยึดติดกับโครงเตียงได้อย่าง มั่นคง ๒. มีระบบป้องกันการกระดกของเตียงเมื่อผู้ปวยนั่งบริเวณปลายเตียง ส่วนท้ายเตียงจะต้องมีความ มั่นคงไม่กระดกล้ม ๓. มีกลไกในการพับขาเตียงให้พับไปกับฐานเตียงโดยแยกบังคับให้ขาเตียงพับขึ้นทีละขา และเมื่อดึง เตียงลงจากรถล้อคู่หลังและคู่หน้าจะกางออกเองโดยอัตโนมัติ (Automatic Loading Stretcher) มีราวป้องกัน ผู้ปวยตกเตียงทั้งสองข้าง สามารถพับเก็บไปด้านล่างได้ ๔. มีกลไกในการยึดตรึงผู้ปวยเพื่อป้องกันการเลื่อนหลุดไปด้านหน้าหรือด้านหลังระหว่างการ เคลื่อนย้าย โดยอาจเป็นเข็มขัดนิรภัยรัดผู้ปวยไม่น้อยกว่า ๓ จุด หรือกลไกอื่นเพิ่มเติม ๕. ฐานเตียง มีกลไกในการยึดตรึงระหว่างฐานเตียงและเตียงเคลื่อนย้ายผู้ปวย เพื่อป้องกันไม่ให้เตียง หลุดออกจากฐานเตียงขณะเคลื่อนย้าย ผ่านการรับรองมาตรฐานการทดสอบการชนด้วยแรงไม่น้อยกว่า ๑๐ G ตาม มาตรฐาน (EN 1865) หรือตามที่ สพฉ. ประกาศ เพิ่มเติม ๖. ฐานเตียงสําหรับติดตั้งบนรถบริการการแพทย์ฉุกเฉิน มีความมั่นคงปลอดภัย โดยฐานเตียงได้รับ การทดสอบความปลอดภัยตามมาตรฐาน (EN ๑๗๘๙) หรือ (EN 1865) หรือตามที่สพฉ. ประกาศ เพิ่มเติม 120 คูมือหลักสูตร การขับรถบริการการแพทยฉุกเฉินและรถพยาบาล สถาบันการแพทยฉุกเฉินแหงชาติ National Institute for Emergency Medicine สถาบันการแพทยฉุกเฉินแหงชาติ National Institute for Emergency Medicine 5 ๗. มี Long Spinal Board พร้อมสายรัดตรึง ที่ยึดตรึงศีรษะ (Head Immobilizer) สามารถใช้ล็อคศีรษะ ผู้ปวย/ผู้บาดเจ็บกับแผ่นกระดานรองหลังได้อย่างมั่นคง โดยมีกลไกสําหรับประคองศีรษะผู้ปวย/ผู้บาดเจ็บและมี ฐานรองสําหรับยึดติดกับแผ่นกระดานรองหลัง ได้รับการทดสอบความปลอดภัยตามมาตรฐาน (EN ๑๗๘๙) หรือ (EN 1865) หรือตามที่ สพฉ. ประกาศ เพิ่มเติม ๘. มีอุปกรณ์ในการยึดตรึงแขนขาในกรณีผู้ปวยมีแขนขาผิดรูป ไม่น้อยกว่า ๓ ขนาด ๙. มีเฝือกคอชนิดแข็ง (Hard Collar) ไม่น้อยกว่า 3 ขนาด ๑๐. มีเฝือกดาม แขน ขา ๑๑. มีแหล่งกําเนิดออกซิเจน พร้อมระบบจ่ายกาซ ชุด Regulator (ชุดลดแรงดัน) ที่ใช้งานได้ดี/ปลอดเชื้อ ๑๑.๑. มีกลไกยึดตรึง ไม่ให้หลุดออกจากจุดยึดในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุ ๑๑.๒. มีกลไกในการปรับอัตราการไหลของออกซิเจน สามารถปรับอัตราการไหล 0 - 15 ลิตร/นาที หรือมีกลไกที่สามารถให้ออกซิเจนกับผู้ปวยได้เพียงพอกับความต้องการ 12. มีแหล่งกําเนิดออกซิเจนแบบพกพาน้ําหนักรวมไม่เกิน 5 กิโลกรัมสําหรับเคลื่อนย้ายได้สะดวก พร้อมกระเป๋าหิ้วพร้อมชุดยึดบนรถบริการการแพทย์ฉุกเฉินที่ได้มาตรฐาน (EN 1789) หรือตามที่สพฉ. ประกาศ เพิ่มเติม 13. มีอุปกรณ์เพื่อใช้ในการวัดและติดตามสัญญาณชีพซึ่งได้แก่ อุณหภูมิร่างกาย ชีพจร ความดันโลหิต และความอิ่มตัวของออกซิเจนในฮีโมโกลบินจากชีพจร (Pulse Oximetry) 14. มีกระเป๋าปฐมพยาบาลพร้อมอุปกรณ์พื้นฐาน ได้แก่ ถุงมือปราศจากเชื้อ สําลีไม้พันสําลี ผ้ากอซชนิดบางและหนา Elastic Bandage ขนาด ๔ และ ๖ นิ้ว พลาสเตอร์เหนียว กรรไกร แอลกอฮอล์น้ําเกลือ สําหรับล้างแผล อุปกรณ์ล้างตา 15. มีอุปกรณ์สําหรับดูดเสมหะ และมีกลไกการยึดตรึงอุปกรณ์ดูดเสมหะ ไม่มีส่วนประกอบที่อาจ จะแตกได้เมื่อเกิดอุบัติเหตุ 16. มีชุดสําหรับหนีบสายสะดือ 17. มีเครื่องมือตรวจวัดระดับน้ําตาลในเลือด 18. อาจมีเครื่องฟืนคืนคลื่นหัวใจด้วยไฟฟาชนิดอัตโนมัติ (Automated External Defibrillator) และ มีกลไกในการยึดตรึงเครื่องดังกล่าวประจํายานพาหนะ/สามารถเคลื่อนย้ายไปใช้นอกยานพาหนะได้ 19. มีอุปกรณ์และกระเป๋าสําหรับเก็บอุปกรณ์ตามมาตรฐาน BLS, PHTLS 20. มีอุปกรณ์ที่ใช้เพื่อการเปิดทางเดินหายใจและช่วยเหลือการหายใจเบื้องต้น เช่น Pocket Mask Oro Pharyngeal Airway 21. มี Self Inflating Bag สําหรับช่วยหายใจ ผู้ใหญ่ เด็ก และเด็กแรกเกิด ๒๒. มีเก้าอี้พร้อมล้อเข็น สําหรับเคลื่อนย้ายผู้ปวยขึ้นลงบันได (Stair chair) ระดับปฏิบัติการแพทยขั้นสูงและขั้นเฉพาะทาง หมายถึง รถบริการการแพทย์ฉุกเฉินซึ่งได้ ดําเนินกิจการปฏิบัติการการแพทย์ขั้นสูงตามการอํานวยการ ให้แก่ผู้ปวยฉุกเฉินที่มีความเสี่ยงสูงต่อการเสียชีวิต หรือการรุนแรงขึ้นในห้วงเวลาขณะทําการปฏิบัติการฉุกเฉิน และดําเนินกิจการจัดการปฏิบัติการแพทย์เฉพาะทาง ให้แก่ผู้ปวยฉุกเฉินที่มีความเสี่ยงสูงยิ่งต่อการเสียชีวิต การเกิดภาวะแทรกซ้อน หรือการรุนแรงขึ้นของการบาดเจ็บ หรืออาการปวยนั้นอย่างรวดเร็วในห้องเวลาขณะทําการปฏิบัติการปฏิบัติการฉุกเฉิน นั้น 121


คูมือหลักสูตร การขับรถบริการการแพทยฉุกเฉินและรถพยาบาล สถาบันการแพทยฉุกเฉินแหงชาติ National Institute for Emergency Medicine สถาบันการแพทยฉุกเฉินแหงชาติ National Institute for Emergency Medicine 6 เครื่องมือและอุปกรณ์การแพทย์ที่จ าเป็นต้องมี ๑. เตียงเคลื่อนย้ายผู้ปวย มีล้อเข็น มีเข็มขัดนิรภัยรัดผู้ปวย ไม่น้อยกว่า ๓ จุด และสามารถปรับนั่งได้ ล้อรถเข็นหมุนได้รอบ 360 องศาอย่างน้อย ๒ ล้อ มีกลไกสําหรับช่วยเข็นขึ้นรถบริการการแพทย์ฉุกเฉิน สามารถ รองรับน้ําหนักทั้งหมดได้ไม่น้อยกว่า 150 กิโลกรัม เป็นผลิตภัณฑ์จากผู้ผลิตที่ได้รับการรับรองคุณภาพ มาตรฐานสากล (EN ๑๗๘๙) ผ่านการรับรองมาตรฐานการทดสอบการชนด้วยแรงไม่น้อยกว่า ๑๐ G ตามมาตรฐาน (EN 1865) หรือมาตรฐานอื่นหรือการทดสอบอื่นที่เทียบเท่าพร้อมแนบเอกสาร หรือตามที่ สพฉ. ประกาศ เพิ่มเติม มีเบาะรองนอนตลอดตามยาวของเตียง สามารถถอดล้างทําความสะอาดได้ มีช่องสําหรับเสียบเสาน้ําเกลือ ทั้งด้านซ้ายและขวา พร้อมเสาน้ําเกลือจํานวน 1 ต้น สามารถปรับระดับสูงต่ําได้ และยึดติดกับโครงเตียงได้อย่างมั่นคง ๒. มีระบบป้องกันการกระดกของเตียงเมื่อผู้ปวยนั่งบริเวณปลายเตียง ส่วนท้ายเตียงจะต้องมีความ มั่นคงไม่กระดกล้ม ๓. มีกลไกในการพับขาเตียงให้พับไปกับฐานเตียงโดยแยกบังคับให้ขาเตียงพับขึ้นทีละขา และเมื่อดึงเตียงลงจากรถล้อคู่หลังและคู่หน้าจะกางออกเองโดยอัตโนมัติ (Automatic Loading Stretcher) มีราวป้องกันผู้ปวยตกเตียงทั้งสองข้าง สามารถพับเก็บไปด้านล่างได้ ๔. มีกลไกในการยึดตรึงผู้ปวยเพื่อป้องกันการเลื่อนหลุดไปด้านหน้าหรือด้านหลังระหว่างการ เคลื่อนย้าย โดยอาจเป็นเข็มขัดนิรภัยรัดผู้ปวยไม่น้อยกว่า ๓ จุด หรือกลไกอื่นเพิ่มเติม ๕. ฐานเตียง มีกลไกในการยึดตรึงระหว่างฐานเตียงและเตียงเคลื่อนย้ายผู้ปวย เพื่อป้องกันไม่ให้เตียง หลุดออกจากฐานเตียงขณะเคลื่อนย้าย ผ่านการรับรองมาตรฐานการทดสอบการชนด้วยแรงไม่น้อยกว่า ๑๐ G ตาม มาตรฐาน (EN 1865) หรือตามที่ สพฉ. ประกาศ เพิ่มเติม ๖. ฐานเตียงสําหรับติดตั้งบนรถบริการการแพทย์ฉุกเฉิน มีความมั่นคงปลอดภัย โดยฐานเตียงได้รับ การทดสอบความปลอดภัยตามมาตรฐาน (EN ๑๗๘๙) หรือ (EN 1865) หรือตามที่สพฉ. ประกาศ เพิ่มเติม ๗. มี Long Spinal Board พร้อมสายรัดตรึง ที่ยึดตรึงศีรษะ (Head Immobilizer) สามารถใช้ล็อคศีรษะ ผู้ปวย/ผู้บาดเจ็บกับแผ่นกระดานรองหลังได้อย่างมั่นคง โดยมีกลไกสําหรับประคองศีรษะผู้ปวย/ผู้บาดเจ็บ และมีฐานรองสําหรับยึดติดกับแผ่นกระดานรองหลัง ได้รับการทดสอบความปลอดภัยตามมาตรฐาน (EN ๑๗๘๙) หรือ (EN 1865) หรือตามที่ สพฉ. ประกาศ เพิ่มเติม ๘. มีอุปกรณ์ในการยึดตรึงแขนขาในกรณีผู้ปวยมีแขนขาผิดรูป ไม่น้อยกว่า ๓ ขนาด ๙. มีเฝือกคอชนิดแข็ง (Hard Collar) ไม่น้อยกว่า 3 ขนาด ๑๐. มีเฝือกดาม แขน ขา ๑๑. มีแหล่งกําเนิดออกซิเจน พร้อมระบบจ่ายกาซ ชุด Regulator (ชุดลดแรงดัน) ที่ใช้งาน ได้ดี/ปลอดเชื้อ ๑1.๑ มีกลไกยึดตรึง ไม่ให้หลุดออกจากจุดยึดในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุ ๑1.๒ มีกลไกในการปรับอัตราการไหลของออกซิเจน สามารถปรับอัตราการไหล 0 - 15 ลิตร/นาที หรือมีกลไกที่สามารถให้ออกซิเจนกับผู้ปวยได้เพียงพอกับความต้องการ 12. มีแหล่งกําเนิดออกซิเจนแบบพกพาน้ําหนักรวมไม่เกิน 5 กิโลกรัมสําหรับเคลื่อนย้ายได้สะดวก พร้อมกระเปาหิ้วพร้อมชุดยึดบนรถบริการการแพทย์ฉุกเฉินที่ได้มาตรฐาน (EN 1789) หรือตามที่สพฉ. ประกาศ เพิ่มเติม 122 คูมือหลักสูตร การขับรถบริการการแพทยฉุกเฉินและรถพยาบาล สถาบันการแพทยฉุกเฉินแหงชาติ National Institute for Emergency Medicine สถาบันการแพทยฉุกเฉินแหงชาติ National Institute for Emergency Medicine 123 7 13. มีอุปกรณ์เพื่อใช้ในการวัดและติดตามสัญญาณชีพซึ่งได้แก่ อุณหภูมิร่างกาย ชีพจร ความดันโลหิต อัตราการหายใจ และความอิ่มตัวของออกซิเจนในฮีโมโกลบินจากชีพจร (Pulse Oximetry) หรืออื่น ๆ ที่จําเป็นต่อผู้ปวย 14 มีกระเป๋าปฐมพยาบาลพร้อมอุปกรณ์พื้นฐาน ได้แก่ ถุงมือปราศจากเชื้อ สําลีไม้พันสําลีผ้าก๊อซ ชนิดบางและหนา Elastic Bandage ขนาด ๔ และ ๖ นิ้ว พลาสเตอร์เหนียว กรรไกร แอลกอฮอล์ น้ําเกลือสําหรับ ล้างแผล อุปกรณ์ล้างตา 15. มีอุปกรณ์สําหรับดูดเสมหะ และมีกลไกการยึดตรึงอุปกรณ์ดูดเสมหะ ไม่มีส่วนประกอบที่อาจ จะแตกได้เมื่อเกิดอุบัติเหตุ 16. มีอุปกรณ์ที่จําเป็นสําหรับการช่วยเหลือการคลอดฉุกเฉิน 17. มีเครื่องมือตรวจวัดระดับน้ําตาลในเลือด 18. มีเครื่องฟื้นคืนคลื่นหัวใจด้วยไฟฟ้า (Defibrillator หรือ Automated External Defibrillator)และมี กลไกในการยึดตรึงเครื่องดังกล่าวประจํายานพาหนะ /สามารถเคลื่อนย้ายไปใช้นอกยานพาหนะได้ 19. มีอุปกรณ์และกระเป๋าสําหรับเก็บอุปกรณ์ตามมาตรฐาน ACLS ATLS หรือPHTLS 20. มีอุปกรณ์ที่ใช้เพื่อการเปดทางเดินหายใจและช่วยเหลือการหายใจเบื้องต้นและขั้นสูง เช่น Pocket Mask, Oro Pharyngeal Airway,Endotracheal Tube,Supraglottic Airway With Gastric Access เป็นต้น 21. มี Self Inflating Bag สําหรับช่วยหายใจ ผู้ใหญ่ เด็ก และเด็กแรกเกิด 22. มี Portable Respirator ซึ่งมีความสามารถในการช่วยหายใจในเด็กและผู้ใหญ่สามารถทํา Low Flow Ventilation และสามารถทํา PEEP (Positive End Expiration Pressure) 23. ยาและเวชภัณฑ์ ตามรายละเอียดที่กําหนด และมีคุณภาพสําหรับใช้กับผู้ปวย จํานวน/ปริมาณตาม ความจําเป็นอย่างน้อยเท่ากับมาตรฐาน ACLS ATLS PHTLS ๒๔. มีเก้าอี้พร้อมล้อเข็น สําหรับเคลื่อนย้ายผู้ปวยขึ้นลงบันได (Stair chair) สวนที่ ๒ เครื่องมือและอุปกรณ์สนับสนุนการปฏิบัติการฉุกเฉินของรถบริการการการแพทย์ฉุกเฉิน 1. ติดตั้งไฟสัญญาณวับวาบ แสงแดง - น้ําเงิน โดยไฟสัญญาณวับวาบแสงแดงจะต้องอยู่ฝงขวาเหนือ ศีรษะของผู้ขับขี่แสงน้ําเงินอยู่ฝงซ้ายเหนือศีรษะของผู้ขับขี่ และเสียงสัญญาณพร้อมอุปกรณ์ โดยการติดตั้งดังกล่าว ต้องดําเนินการขออนุญาตอย่างถูกต้องตามประกาศสํานักงานตํารวจแห่งชาติ เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์การขอ อนุญาตใช้ไฟสัญญาณวับวาบและเสียงสัญญาณ (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๕๓ 2. มีสัญลักษณ์หน่วยงานสังกัดขนาดชัดเจน ชื่อหน่วยงานสังกัดมีขนาดความสูงไม่น้อยกว่า ๑๐ เซนติเมตร 3. มีเครื่องขยายเสียงขนาดไม่น้อยกว่า 100 วัตต์ พร้อมลําโพง ใช้กับไฟกระแสตรง 12 โวลต์ พร้อมใช้งาน 4. มีชุดอุปกรณ์ที่มีกลไกในการแปลงกระแสไฟฟ้ากระแสตรงที่มีแรงดัน 12 โวลต์เป็นไฟฟ้า กระแสสลับที่มีแรงดัน 220 โวลต์ความถี่ 50 เฮิรตซ์ ขนาดไม่น้อยกว่า ๑,๐๐๐ วัตต์ (เป็นแบบ Pure Sine Wave) พร้อมปลั๊กไฟฟ้า 220 โวลต์จํานวนไม่น้อยกว่า 2 จุดและมีปลั๊กไฟฟ้าแบบที่ USB อย่างน้อย 1 จุด และมี ชุดสายพ่วงต่อแบบม้วนสําหรับใช้ไฟฟ้า 220 โวลต์


คูมือหลักสูตร การขับรถบริการการแพทยฉุกเฉินและรถพยาบาล สถาบันการแพทยฉุกเฉินแหงชาติ National Institute for Emergency Medicine สถาบันการแพทยฉุกเฉินแหงชาติ National Institute for Emergency Medicine 6 เครื่องมือและอุปกรณ์การแพทย์ที่จ าเป็นต้องมี ๑. เตียงเคลื่อนย้ายผู้ปวย มีล้อเข็น มีเข็มขัดนิรภัยรัดผู้ปวย ไม่น้อยกว่า ๓ จุด และสามารถปรับนั่งได้ ล้อรถเข็นหมุนได้รอบ 360 องศาอย่างน้อย ๒ ล้อ มีกลไกสําหรับช่วยเข็นขึ้นรถบริการการแพทย์ฉุกเฉิน สามารถ รองรับน้ําหนักทั้งหมดได้ไม่น้อยกว่า 150 กิโลกรัม เป็นผลิตภัณฑ์จากผู้ผลิตที่ได้รับการรับรองคุณภาพ มาตรฐานสากล (EN ๑๗๘๙) ผ่านการรับรองมาตรฐานการทดสอบการชนด้วยแรงไม่น้อยกว่า ๑๐ G ตามมาตรฐาน (EN 1865) หรือมาตรฐานอื่นหรือการทดสอบอื่นที่เทียบเท่าพร้อมแนบเอกสาร หรือตามที่ สพฉ. ประกาศ เพิ่มเติม มีเบาะรองนอนตลอดตามยาวของเตียง สามารถถอดล้างทําความสะอาดได้ มีช่องสําหรับเสียบเสาน้ําเกลือ ทั้งด้านซ้ายและขวา พร้อมเสาน้ําเกลือจํานวน 1 ต้น สามารถปรับระดับสูงต่ําได้ และยึดติดกับโครงเตียงได้อย่างมั่นคง ๒. มีระบบป้องกันการกระดกของเตียงเมื่อผู้ปวยนั่งบริเวณปลายเตียง ส่วนท้ายเตียงจะต้องมีความ มั่นคงไม่กระดกล้ม ๓. มีกลไกในการพับขาเตียงให้พับไปกับฐานเตียงโดยแยกบังคับให้ขาเตียงพับขึ้นทีละขา และเมื่อดึงเตียงลงจากรถล้อคู่หลังและคู่หน้าจะกางออกเองโดยอัตโนมัติ (Automatic Loading Stretcher) มีราวป้องกันผู้ปวยตกเตียงทั้งสองข้าง สามารถพับเก็บไปด้านล่างได้ ๔. มีกลไกในการยึดตรึงผู้ปวยเพื่อป้องกันการเลื่อนหลุดไปด้านหน้าหรือด้านหลังระหว่างการ เคลื่อนย้าย โดยอาจเป็นเข็มขัดนิรภัยรัดผู้ปวยไม่น้อยกว่า ๓ จุด หรือกลไกอื่นเพิ่มเติม ๕. ฐานเตียง มีกลไกในการยึดตรึงระหว่างฐานเตียงและเตียงเคลื่อนย้ายผู้ปวย เพื่อป้องกันไม่ให้เตียง หลุดออกจากฐานเตียงขณะเคลื่อนย้าย ผ่านการรับรองมาตรฐานการทดสอบการชนด้วยแรงไม่น้อยกว่า ๑๐ G ตาม มาตรฐาน (EN 1865) หรือตามที่ สพฉ. ประกาศ เพิ่มเติม ๖. ฐานเตียงสําหรับติดตั้งบนรถบริการการแพทย์ฉุกเฉิน มีความมั่นคงปลอดภัย โดยฐานเตียงได้รับ การทดสอบความปลอดภัยตามมาตรฐาน (EN ๑๗๘๙) หรือ (EN 1865) หรือตามที่สพฉ. ประกาศ เพิ่มเติม ๗. มี Long Spinal Board พร้อมสายรัดตรึง ที่ยึดตรึงศีรษะ (Head Immobilizer) สามารถใช้ล็อคศีรษะ ผู้ปวย/ผู้บาดเจ็บกับแผ่นกระดานรองหลังได้อย่างมั่นคง โดยมีกลไกสําหรับประคองศีรษะผู้ปวย/ผู้บาดเจ็บ และมีฐานรองสําหรับยึดติดกับแผ่นกระดานรองหลัง ได้รับการทดสอบความปลอดภัยตามมาตรฐาน (EN ๑๗๘๙) หรือ (EN 1865) หรือตามที่ สพฉ. ประกาศ เพิ่มเติม ๘. มีอุปกรณ์ในการยึดตรึงแขนขาในกรณีผู้ปวยมีแขนขาผิดรูป ไม่น้อยกว่า ๓ ขนาด ๙. มีเฝือกคอชนิดแข็ง (Hard Collar) ไม่น้อยกว่า 3 ขนาด ๑๐. มีเฝือกดาม แขน ขา ๑๑. มีแหล่งกําเนิดออกซิเจน พร้อมระบบจ่ายกาซ ชุด Regulator (ชุดลดแรงดัน) ที่ใช้งาน ได้ดี/ปลอดเชื้อ ๑1.๑ มีกลไกยึดตรึง ไม่ให้หลุดออกจากจุดยึดในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุ ๑1.๒ มีกลไกในการปรับอัตราการไหลของออกซิเจน สามารถปรับอัตราการไหล 0 - 15 ลิตร/นาที หรือมีกลไกที่สามารถให้ออกซิเจนกับผู้ปวยได้เพียงพอกับความต้องการ 12. มีแหล่งกําเนิดออกซิเจนแบบพกพาน้ําหนักรวมไม่เกิน 5 กิโลกรัมสําหรับเคลื่อนย้ายได้สะดวก พร้อมกระเปาหิ้วพร้อมชุดยึดบนรถบริการการแพทย์ฉุกเฉินที่ได้มาตรฐาน (EN 1789) หรือตามที่สพฉ. ประกาศ เพิ่มเติม 122 คูมือหลักสูตร การขับรถบริการการแพทยฉุกเฉินและรถพยาบาล สถาบันการแพทยฉุกเฉินแหงชาติ National Institute for Emergency Medicine สถาบันการแพทยฉุกเฉินแหงชาติ National Institute for Emergency Medicine 123 7 13. มีอุปกรณ์เพื่อใช้ในการวัดและติดตามสัญญาณชีพซึ่งได้แก่ อุณหภูมิร่างกาย ชีพจร ความดันโลหิต อัตราการหายใจ และความอิ่มตัวของออกซิเจนในฮีโมโกลบินจากชีพจร (Pulse Oximetry) หรืออื่น ๆ ที่จําเป็นต่อผู้ปวย 14 มีกระเป๋าปฐมพยาบาลพร้อมอุปกรณ์พื้นฐาน ได้แก่ ถุงมือปราศจากเชื้อ สําลีไม้พันสําลีผ้าก๊อซ ชนิดบางและหนา Elastic Bandage ขนาด ๔ และ ๖ นิ้ว พลาสเตอร์เหนียว กรรไกร แอลกอฮอล์ น้ําเกลือสําหรับ ล้างแผล อุปกรณ์ล้างตา 15. มีอุปกรณ์สําหรับดูดเสมหะ และมีกลไกการยึดตรึงอุปกรณ์ดูดเสมหะ ไม่มีส่วนประกอบที่อาจ จะแตกได้เมื่อเกิดอุบัติเหตุ 16. มีอุปกรณ์ที่จําเป็นสําหรับการช่วยเหลือการคลอดฉุกเฉิน 17. มีเครื่องมือตรวจวัดระดับน้ําตาลในเลือด 18. มีเครื่องฟื้นคืนคลื่นหัวใจด้วยไฟฟ้า (Defibrillator หรือ Automated External Defibrillator)และมี กลไกในการยึดตรึงเครื่องดังกล่าวประจํายานพาหนะ /สามารถเคลื่อนย้ายไปใช้นอกยานพาหนะได้ 19. มีอุปกรณ์และกระเป๋าสําหรับเก็บอุปกรณ์ตามมาตรฐาน ACLS ATLS หรือPHTLS 20. มีอุปกรณ์ที่ใช้เพื่อการเปดทางเดินหายใจและช่วยเหลือการหายใจเบื้องต้นและขั้นสูง เช่น Pocket Mask, Oro Pharyngeal Airway,Endotracheal Tube,Supraglottic Airway With Gastric Access เป็นต้น 21. มี Self Inflating Bag สําหรับช่วยหายใจ ผู้ใหญ่ เด็ก และเด็กแรกเกิด 22. มี Portable Respirator ซึ่งมีความสามารถในการช่วยหายใจในเด็กและผู้ใหญ่สามารถทํา Low Flow Ventilation และสามารถทํา PEEP (Positive End Expiration Pressure) 23. ยาและเวชภัณฑ์ ตามรายละเอียดที่กําหนด และมีคุณภาพสําหรับใช้กับผู้ปวย จํานวน/ปริมาณตาม ความจําเป็นอย่างน้อยเท่ากับมาตรฐาน ACLS ATLS PHTLS ๒๔. มีเก้าอี้พร้อมล้อเข็น สําหรับเคลื่อนย้ายผู้ปวยขึ้นลงบันได (Stair chair) สวนที่ ๒ เครื่องมือและอุปกรณ์สนับสนุนการปฏิบัติการฉุกเฉินของรถบริการการการแพทย์ฉุกเฉิน 1. ติดตั้งไฟสัญญาณวับวาบ แสงแดง - น้ําเงิน โดยไฟสัญญาณวับวาบแสงแดงจะต้องอยู่ฝงขวาเหนือ ศีรษะของผู้ขับขี่แสงน้ําเงินอยู่ฝงซ้ายเหนือศีรษะของผู้ขับขี่ และเสียงสัญญาณพร้อมอุปกรณ์ โดยการติดตั้งดังกล่าว ต้องดําเนินการขออนุญาตอย่างถูกต้องตามประกาศสํานักงานตํารวจแห่งชาติ เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์การขอ อนุญาตใช้ไฟสัญญาณวับวาบและเสียงสัญญาณ (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๕๓ 2. มีสัญลักษณ์หน่วยงานสังกัดขนาดชัดเจน ชื่อหน่วยงานสังกัดมีขนาดความสูงไม่น้อยกว่า ๑๐ เซนติเมตร 3. มีเครื่องขยายเสียงขนาดไม่น้อยกว่า 100 วัตต์ พร้อมลําโพง ใช้กับไฟกระแสตรง 12 โวลต์ พร้อมใช้งาน 4. มีชุดอุปกรณ์ที่มีกลไกในการแปลงกระแสไฟฟ้ากระแสตรงที่มีแรงดัน 12 โวลต์เป็นไฟฟ้า กระแสสลับที่มีแรงดัน 220 โวลต์ความถี่ 50 เฮิรตซ์ ขนาดไม่น้อยกว่า ๑,๐๐๐ วัตต์ (เป็นแบบ Pure Sine Wave) พร้อมปลั๊กไฟฟ้า 220 โวลต์จํานวนไม่น้อยกว่า 2 จุดและมีปลั๊กไฟฟ้าแบบที่ USB อย่างน้อย 1 จุด และมี ชุดสายพ่วงต่อแบบม้วนสําหรับใช้ไฟฟ้า 220 โวลต์


คูมือหลักสูตร การขับรถบริการการแพทยฉุกเฉินและรถพยาบาล สถาบันการแพทยฉุกเฉินแหงชาติ National Institute for Emergency Medicine สถาบันการแพทยฉุกเฉินแหงชาติ National Institute for Emergency Medicine 8 5. มีสวิทซ์ตัดไฟฟา (Circuit Breaker) สําหรับห้องปฏิบัติการซึ่งติดตั้งอยู่ในห้องคนขับ 6. มีเครื่องวิทยุคมนาคม กรณียื่นขอรับรองครั้งแรกให้ดําเนินการตามระเบียบสถาบันการแพทย์ฉุกเฉิน แห่งชาติว่าด้วยการควบคุมการใช้เครื่องวิทยุคมนาคมแบบสังเคราะห์ความถี่ (Synthesizer) พ.ศ. 2562 และ เปนไปตามการอนุญาตของสํานักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงกิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคม แห่งชาติกําหนด ในกรณีต่ออายุรถบริการการแพทย์ฉุกเฉินต้องมีหนังสืออนุญาตจากสํานักงานคณะกรรมการ กิจการกระจายเสียงกิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ 7. อุปกรณ์ควบคุมสถานการณ์ - กรวยยาง - กระบองไฟกระพริบ - ไฟฉายส่องสว่าง - เทปจราจร - เสื้อสะท้อนแสง - นกหวีด 8. มีกล้องบันทึกภาพภายในรถและการจราจร สามารถบันทึกภาพได้ตลอดระยะเวลาปฏิบัติภารกิจ และสามารถเชื่อมต่อกับศูนย์ควบคุมรถพยาบาลได้ 9. มีระบบติดตามและระบุตําแหน่งรถยนต์ที่สามารถเชื่อมกับระบบที่ สพฉ. กําหนด 10. มีเครื่องดับเพลิงแบบยกหิ้ว มีมาตรฐาน มอก. สามารถดับเพลิงได้ ตาม Class A B C ได้ระยะเวลา ไม่น้อยกว่าถังดับเพลิงชนิดเหลวระเหยชนิดไม่มีสาร CFC ขนาดไม่น้อยกว่า ๕ ปอนด์พร้อมติดตั้ง ๑ ชุด 11. มีอุปกรณ์ปองกันและควบคุมการติดเชื้อที่เพียงพอกับจํานวนเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงาน ได้แก่ ถุงมือ Maskถุงขยะติดเชื้อ ผ้ากันเปื้อน รองเท้าบูต น้ํายาทําความสะอาดพื้นผิวภายในรถ น้ํายาล้างมือแบบแห้ง สวนที่ ๓ สวนประกอบด้านรถหรือยานพาหนะ (ด้านโครงสร้างความปลอดภัย) ๑. เปนรถหรือพาหนะสําหรับการบริการการแพทย์ฉุกเฉินตามประกาศสํานักงานตํารวจแห่งชาติที่มีมิติ ขนาดและอุปกรณ์ ส่วนควบเปนไปตามกฎหมายว่าด้วยพระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ.2522 ตัวถังสีขาวและมีแถบสี เหลืองฉุกเฉินการแพทย์Sulphur Yellow รหัสสี RAL 1016 เปนหลัก (แถบสีเหลืองอาจเปนสติกเกอร์หรือสีทา รถ) คาดรอบรถหรือพาหนะ มีขนาดความกว้างไม่น้อยกว่า ๑๐ เซนติเมตร 2. ติดฟิล์มกรองแสงชนิดมาตรฐาน เพื่อความเปนส่วนตัวและความปลอดภัยของผู้ปวย เมื่อวัด การผ่านของแสงแล้วต้องผ่านทั้งกระจกและฟิล์มกรองแสงที่มีแสงผ่านได้ไม่น้อยกว่าร้อยละ 40 3. ห้องคนขับมีผนังกั้นแยกออกจากช่วงหลังซึ่งจัดเปนห้องปฏิบัติการ มีวัสดุกั้นแบ่งและมีกลไก ในการสื่อสารถึงกันได้ โดยห้องคนขับและห้องปฏิบัติการ ชุดผนังต้องออกแบบให้มีความแข็งแรง ปลอดภัยกับ ผู้โดยสารและผู้ขับเมื่อเกิดการชน (เช่น UN-ECE R66 หรือตามมาตรฐานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการชน หรือการ ทดสอบอื่นที่เทียบเท่าหรือดีกว่า หรือตามที่ สพฉ. กําหนดเพิ่มเติม) พร้อมเอกสารยืนยัน 4. มีระบบปรับอากาศ มีคุณสมบัติดังนี้ 4.1 ติดตั้งพัดลมไฟฟาระบายอากาศ จํานวน 1 เครื่อง โดยมีสวิทซ์ปิด – เปิด อยู่ในชุดควบคุม เดียวกันที่แผงทั้งหมด โดยที่ติดตั้งด้านบนของห้องปฏิบัติการรอยต่อจะต้องเชื่อมด้วยวัสดุถาวรกันน้ําอย่างดีโดย ฝาครอบด้านนอกตัวรถและในตัวรถที่สามารถกันน้ําอย่างดี 124


คูมือหลักสูตร การขับรถบริการการแพทยฉุกเฉินและรถพยาบาล สถาบันการแพทยฉุกเฉินแหงชาติ National Institute for Emergency Medicine สถาบันการแพทยฉุกเฉินแหงชาติ National Institute for Emergency Medicine 8 5. มีสวิทซ์ตัดไฟฟา (Circuit Breaker) สําหรับห้องปฏิบัติการซึ่งติดตั้งอยู่ในห้องคนขับ 6. มีเครื่องวิทยุคมนาคม กรณียื่นขอรับรองครั้งแรกให้ดําเนินการตามระเบียบสถาบันการแพทย์ฉุกเฉิน แห่งชาติว่าด้วยการควบคุมการใช้เครื่องวิทยุคมนาคมแบบสังเคราะห์ความถี่ (Synthesizer) พ.ศ. 2562 และ เปนไปตามการอนุญาตของสํานักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงกิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคม แห่งชาติกําหนด ในกรณีต่ออายุรถบริการการแพทย์ฉุกเฉินต้องมีหนังสืออนุญาตจากสํานักงานคณะกรรมการ กิจการกระจายเสียงกิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ 7. อุปกรณ์ควบคุมสถานการณ์ - กรวยยาง - กระบองไฟกระพริบ - ไฟฉายส่องสว่าง - เทปจราจร - เสื้อสะท้อนแสง - นกหวีด 8. มีกล้องบันทึกภาพภายในรถและการจราจร สามารถบันทึกภาพได้ตลอดระยะเวลาปฏิบัติภารกิจ และสามารถเชื่อมต่อกับศูนย์ควบคุมรถพยาบาลได้ 9. มีระบบติดตามและระบุตําแหน่งรถยนต์ที่สามารถเชื่อมกับระบบที่ สพฉ. กําหนด 10. มีเครื่องดับเพลิงแบบยกหิ้ว มีมาตรฐาน มอก. สามารถดับเพลิงได้ ตาม Class A B C ได้ระยะเวลา ไม่น้อยกว่าถังดับเพลิงชนิดเหลวระเหยชนิดไม่มีสาร CFC ขนาดไม่น้อยกว่า ๕ ปอนด์พร้อมติดตั้ง ๑ ชุด 11. มีอุปกรณ์ปองกันและควบคุมการติดเชื้อที่เพียงพอกับจํานวนเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงาน ได้แก่ ถุงมือ Maskถุงขยะติดเชื้อ ผ้ากันเปื้อน รองเท้าบูต น้ํายาทําความสะอาดพื้นผิวภายในรถ น้ํายาล้างมือแบบแห้ง สวนที่ ๓ สวนประกอบด้านรถหรือยานพาหนะ (ด้านโครงสร้างความปลอดภัย) ๑. เปนรถหรือพาหนะสําหรับการบริการการแพทย์ฉุกเฉินตามประกาศสํานักงานตํารวจแห่งชาติที่มีมิติ ขนาดและอุปกรณ์ ส่วนควบเปนไปตามกฎหมายว่าด้วยพระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ.2522 ตัวถังสีขาวและมีแถบสี เหลืองฉุกเฉินการแพทย์Sulphur Yellow รหัสสี RAL 1016 เปนหลัก (แถบสีเหลืองอาจเปนสติกเกอร์หรือสีทา รถ) คาดรอบรถหรือพาหนะ มีขนาดความกว้างไม่น้อยกว่า ๑๐ เซนติเมตร 2. ติดฟิล์มกรองแสงชนิดมาตรฐาน เพื่อความเปนส่วนตัวและความปลอดภัยของผู้ปวย เมื่อวัด การผ่านของแสงแล้วต้องผ่านทั้งกระจกและฟิล์มกรองแสงที่มีแสงผ่านได้ไม่น้อยกว่าร้อยละ 40 3. ห้องคนขับมีผนังกั้นแยกออกจากช่วงหลังซึ่งจัดเปนห้องปฏิบัติการ มีวัสดุกั้นแบ่งและมีกลไก ในการสื่อสารถึงกันได้ โดยห้องคนขับและห้องปฏิบัติการ ชุดผนังต้องออกแบบให้มีความแข็งแรง ปลอดภัยกับ ผู้โดยสารและผู้ขับเมื่อเกิดการชน (เช่น UN-ECE R66 หรือตามมาตรฐานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการชน หรือการ ทดสอบอื่นที่เทียบเท่าหรือดีกว่า หรือตามที่ สพฉ. กําหนดเพิ่มเติม) พร้อมเอกสารยืนยัน 4. มีระบบปรับอากาศ มีคุณสมบัติดังนี้ 4.1 ติดตั้งพัดลมไฟฟาระบายอากาศ จํานวน 1 เครื่อง โดยมีสวิทซ์ปิด – เปิด อยู่ในชุดควบคุม เดียวกันที่แผงทั้งหมด โดยที่ติดตั้งด้านบนของห้องปฏิบัติการรอยต่อจะต้องเชื่อมด้วยวัสดุถาวรกันน้ําอย่างดีโดย ฝาครอบด้านนอกตัวรถและในตัวรถที่สามารถกันน้ําอย่างดี 124 คูมือหลักสูตร การขับรถบริการการแพทยฉุกเฉินและรถพยาบาล สถาบันการแพทยฉุกเฉินแหงชาติ National Institute for Emergency Medicine สถาบันการแพทยฉุกเฉินแหงชาติ National Institute for Emergency Medicine 125 9 4.2 ในห้องคนขับและห้องปฏิบัติการ ติดตั้งระบบปรับอากาศตามมาตรฐาน ผู้ผลิตและติดตั้ง ระบบกรองอากาศฆ่าเชื้อโรค (มีระบบเครื่องปรับอากาศที่มีการติดตั้ง Filter หรือ ระบบที่ฆ่าเชื้อและกรองฝุ่นละออง ได้) โดยอาจแยกระบบปรับอากาศของห้องคนขับออกจากห้องปฏิบัติการได้ และติดตั้งพัดลมไฟฟาหรือเครื่อง ระบายอากาศในห้องปฏิบัติการ 4.3 ในกรณีที่รถมีระบบปรับอากาศเดียวไม่สามารถแยกระบบปรับอากาศของห้องคนขับออก จากห้องปฏิบัติการ จะต้องมีกลไกในการปองกันมิให้อากาศในห้องปฏิบัติการกลับเข้าไปสู่ห้องคนขับได้ 5. ในห้องคนขับมีวิทยุพร้อมชุดแสดงภาพจากกล้องส่องหลังและแผนที่ดาวเทียมเพื่อช่วยในการหา เส้นทางมีวิทยุพร้อมลําโพง และมีสัญญาณแจ้งเตือนการคาดเข็มขัดนิรภัยทุกที่นั่ง 6. ห้องคนขับมีประตู ปิด - เปิด ทั้งด้านซ้ายและด้านขวาที่มีกุญแจล็อค 7. ห้องปฏิบัติการ 7.1 มีกลไกในการเข้าถึงส่วนของห้องปฏิบัติการ โดยมีระบบล็อคปองกันการเหวี่ยงของประตู เมื่อเปิดใช้งาน 7.2 มีขนาดความสูงที่เหมาะสมในการปฏิบัติการช่วยชีวิต วัดจากพื้น เตียงของผู้ป่วย ในห้องปฏิบัติการถึงด้านบนสุดของห้องปฏิบัติการ โดยมีความสูงไม่น้อยกว่า 900 มิลลิเมตร หรือมีความสูง ที่เพียงพอที่สามารถปฏิบัติการฉุกเฉินได้อย่างสะดวก หรือมีเครื่องช่วยกระบวนการปมและฟนคืนชีพผู้ป่วย (Auto CPR) 8. มีแผ่นบังแสงแดดกระจกด้านหน้าซ้าย - ขวา ข้างละ 1 อัน 9. มีชั้นสําหรับเก็บเอกสารทางการแพทย์ เปนแบบล็อคได้มีฝาปิดที่แน่นหนา 10. มีเครื่องประจุไฟแบตเตอรี่ (Battery Charger) 11. มีชุดแปลงไฟฟาจากกระแสตรง ๑๒ โวลต์ เปนกระแสสลับ ๒๒๐ โวลต์ ๕๐ เฮิรตซ์ เพื่อใช้กับเครื่องมือแพทย์ 12. มีชุดควบคุมระบบไฟฟา, ไฟฟาแสงสว่าง (Cut Out) ของห้องปฏิบัติการ อยู่ในห้องคนขับ 13. ในห้องคนขับและห้องปฏิบัติการ ติดตั้งระบบปรับอากาศ แยกควบคุมแอร์ทั้งสองห้อง สามารถปรับ ทิศทาง – ระดับความเย็นได้ 14. ส่วนที่ใช้เพื่อการบําบัดรักษาที่อยู่ด้านหลังของส่วนผู้ขับขี่จัดเปนห้องปฏิบัติการให้มีพื้นที่เพียงพอ สําหรับการจัดวางเตียงพร้อมผู้ป่วยฉุกเฉินในลักษณะนอนราบ มีประตูปิดด้านท้าย ปิดล็อคสนิทเมื่อมีการลําเลียง หรือขนย้ายผู้ป่วย และต้องมีพื้นที่สําหรับผู้ปฏิบัติการในการให้การช่วยเหลือผู้ป่วยฉุกเฉินอย่างเพียงพอ ดังนี้ (เฉพาะรถบริการการแพทย์ฉุกเฉินขั้นสูงและขั้นเฉพาะทาง) 14.1 ด้านหัวเตียง จัดให้มีระยะห่างระหว่างขอบเตียงด้านหัว ห่างขอบ ผนังกั้นส่วนของคนขับให้ เพียงพอกับการปฏิบัติการดูแล ระบบ ทางเดินหายใจจากด้านหัวเตียง 14.2 ความสูงของส่วนที่ใช้เพื่อการปฏิบัติการฉุกเฉินเพียงพอในการปฏิบัติการ เช่น การช่วยฟนคืนชีพ (CPR) 14.3 จัดให้มีที่นั่งพร้อมเข็มขัดนิรภัยทุกที่นั่งสําหรับผู้ปฏิบัติการฉุกเฉิน ที่ สามารถให้การดูแล ผู้ป่วยฉุกเฉินได้อย่างสะดวก 14.4 ห้องปฏิบัติการด้านซ้ายมีประตู ปิด – เปิด ด้านหลังมีประตูปิด – เปิด ได้สะดวก สําหรับยก เตียงผู้ป่วยเข้า – ออกจากรถบริการการแพทย์ฉุกเฉิน 14.5 ห้องปฏิบัติการ มีไฟฟาให้แสงสว่างเพียงพอ


คูมือหลักสูตร การขับรถบริการการแพทยฉุกเฉินและรถพยาบาล สถาบันการแพทยฉุกเฉินแหงชาติ National Institute for Emergency Medicine สถาบันการแพทยฉุกเฉินแหงชาติ National Institute for Emergency Medicine 10 15. ผนังและฝาเพดานภายในห้องปฏิบัติการทําด้วยวัสดุที่ไมกอให้เกิดอันตรายในกรณีอุบัติเหตุ และไมปลดปลอยควันพิษในกรณีที่เกิดไฟไหม้ มีไฟให้แสงสวาง เปนไฟ LED แบบสําหรับใช้ทางการแพทย์ ติดตั้ง ตามตําแหนงที่เหมาะสมจํานวน 4 ชุด แยกสวิทซ์ปิด – เปิดแตละชุดให้มีความสวางเพียงพอ 16. พื้นผิวพาหนะภายในสวนห้องปฏิบัติการมีพื้นผิวเรียบไมลื่น ทนตอสารเคมีเพื่อทําความสะอาด 17. ในห้องปฏิบัติการฝงประตูด้านข้างสามารถรองรับผู้โดยสารได้ ๒ ที่นั่ง และมีกลไกในการปรับ เบาะเพื่อให้มี Clearance ชองทางเดินไมน้อยกวา ๒๐ เซนติเมตร มีชุดเก้าอี้นั่งเดี่ยว 2 ที่นั่ง ปรับเอนนอนได้ ติดตั้งบนฐานเก้าอี้ยึดล็อคกับพื้นรถตามมาตรฐานการรองรับการกระแทก 10 G (พร้อมแนบเอกสารรับรอง) หรือการทดสอบอื่นที่ได้มาตรฐานเทียบเทา พร้อมเข็มขัดนิรภัยแบบดึงรั้งสี่จุดปลดล็อคเดียวติดตั้งกับเก้าอี้ทุกตัวยึด ติดกับโครงสร้างรถอยางมั่นคงตามมาตรฐาน UN-ECE R 14, UN-ECE R16 หรือตามที่สพฉ. ประกาศ เพิ่มเติม 18. ภายในห้องปฏิบัติการสวนท้ายสุดด้านบนติดตั้งโคมไฟสปอร์ตไลท์ชนิดปรับได้มีสวิทช์ควบคุม ชนิด 2 ทาง สามารถควบคุมการเปิด – ปิด ได้ จากห้องคนขับและสวนท้ายของห้องปฏิบัติการ 19. มีที่จัดเก็บอุปกรณ์การแพทย์และอุปกรณ์อื่นที่จําเปนอยางเปนสัดสวน เปนระเบียบ และมีความปลอดภัยจากการหลุดรวงปลิวออกจากที่จัดเก็บในกรณีที่มีการชนหรือกระแทกหรือพลิกคว่ําของรถ 20. บนเพดานรถมีที่แขวนภาชนะใสน้ําเกลือ/เลือด สามารถแขวนพร้อมกันได้เพดานด้านใน มีที่แขวนภาชนะใสน้ําเกลือหรือเลือดแบบกลองเปิดเมื่อไมได้ใช้งานจะไมมีสวนหนึ่งสวนใดยื่นออกมาจากเพดาน เมื่อดึงออกมาใช้งานสามารถแขวนภาชนะพร้อมกันได้ 2 ที่ และมีที่รัดภาชนะทั้ง 2 แบบสามารถปรับขนาดได้ (สําหรับรถบริการบริการการแพทย์ฉุกเฉินทางบกระดับปฏิบัติการแพทย์ขั้นสูงและระดับเฉพาะทาง) 21. มีประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจ โดยมีความคุ้มครองตามกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ไมต่ํากวา ประเภท ๕ (แบบประกัน 2 บวก แบบประกัน 3 บวก) 126 คูมือหลักสูตร การขับรถบริการการแพทยฉุกเฉินและรถพยาบาล สถาบันการแพทยฉุกเฉินแหงชาติ National Institute for Emergency Medicine สถาบันการแพทยฉุกเฉินแหงชาติ National Institute for Emergency Medicine 127 11 ภาคผนวก ๒ เกณฑ์การรับรองรถบริการการแพทย์ประเภทไมล าเลียงผู้ปวย รถบริการการแพทย์ฉุกเฉินประเภทไม่ลําเลียงผู้ปวย คือ เป็นรถที่ไม่มีเตียงสําหรับผู้ปวยฉุกเฉิน แต่และสามารถปฏิบัติการอํานวยการหรือลําเลียง ยาเวชภัณฑ์ เครื่องมือทางการแพทย์ เครื่องมือสื่อสาร หรือ บุคลากรทางการแพทย์ สําหรับให้บริการผู้ปวยฉุกเฉิน แบ่งออกเป็น 2 ประเภท 1. ประเภทสนับสนุนการปฏิบัติการอ านวยการ 1.1 รถสนับสนุนการสื่อสารในสถานการณ์ฉุกเฉิน 1.2 รถสนับสนุนการ รับ – ส่ง สัญญาณดาวเทียม 1.3 รถบัญชาการในสถานการณ์ฉุกเฉิน เครื่องมือและอุปกรณ์สนับสนุนการปฏิบัติการฉุกเฉินของรถหรือพาหนะจ าเป็นต้องมี ก. ติดตั้งไฟสัญญาณวับวาบ แสงแดง - น้ําเงิน โดยไฟสัญญาณวับวาบแสงแดงจะต้องอยู่ฝงขวา เหนือศีรษะของผู้ขับขี่แสงน้ําเงินอยู่ฝงซ้ายเหนือศีรษะของผู้ขับขี่ และเสียงสัญญาณพร้อมอุปกรณ์ โดยการติดตั้ง ดังกล่าวต้องดําเนินการขออนุญาตอย่างถูกต้องตามประกาศและข้อกําหนดของสํานักงานตํารวจแห่งชาติ เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์การขออนุญาตใช้ไฟสัญญาณไฟวับวาบและเสียงสัญญาณ (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๕๓ ข. มีเครื่องขยายเสียงขนาดไม่น้อยกว่า 100 วัตต์ พร้อมลําโพง ใช้กับไฟกระแสตรง 12 โวลต์ พร้อมใช้งาน ค. มีชุดอุปกรณ์ที่มีกลไกในการแปลงกระแสไฟฟ้ากระแสตรงที่มีแรงดัน 12 โวลต์เป็นไฟฟ้า กระแสสลับที่มีแรงดัน 220 โวลต์ความถี่ 50 เฮิรตซ์ ขนาดไม่ น้อยกว่า 1,000 วัตต์ (เป็นแบบ Pure Sine Wave) พร้อมปลั๊กไฟฟ้า 220 โวลต์จํานวนไม่น้อยกว่า 2 จุดและมีปลั๊กไฟฟ้าแบบที่ USB อย่างน้อย 1 จุด และมีชุดสายพ่วงต่อแบบม้วนสําหรับใช้ไฟฟ้า 220 โวลต์ ง. มีเครื่องวิทยุคมนาคม ในกรณียื่นขอรับรองครั้งแรกให้ดําเนินการตามระเบียบสถาบันการแพทย์ ฉุกเฉินแห่งชาติว่าด้วยการควบคุมการใช้เครื่องวิทยุคมนาคมแบบสังเคราะห์ความถี่ (Synthesizer) พ.ศ. 2562 และเป็นไปตามการอนุญาตของสํานักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงกิจการโทรทัศน์และกิจการ โทรคมนาคมแห่งชาติกําหนด ในกรณีต่ออายุรถบริการการแพทย์ฉุกเฉินให้มีหนังสืออนุญาตจากสํานักงานคณะกรรมการกิจการ กระจายเสียงกิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ จ. อุปกรณ์ควบคุมสถานการณ์ - ขวาน - เชือกคล้องตัวพร้อมอุปกรณ์ยึดเหนี่ยว - กรวยยาง - กระบองไฟกระพริบ - กรรไกรตัดเหล็ก - ไฟฉายส่องสว่าง - เทปจราจร - เสื้อสะท้อนแสง - รองเท้าบู๊ต - นกหวีด - อุปกรณ์ตัดถ่างโลหะแบบใช้มือ (ถ้ามี)


คูมือหลักสูตร การขับรถบริการการแพทยฉุกเฉินและรถพยาบาล สถาบันการแพทยฉุกเฉินแหงชาติ National Institute for Emergency Medicine สถาบันการแพทยฉุกเฉินแหงชาติ National Institute for Emergency Medicine 127 11 ภาคผนวก ๒ เกณฑ์การรับรองรถบริการการแพทย์ประเภทไมล าเลียงผู้ปวย รถบริการการแพทย์ฉุกเฉินประเภทไม่ลําเลียงผู้ปวย คือ เป็นรถที่ไม่มีเตียงสําหรับผู้ปวยฉุกเฉิน แต่และสามารถปฏิบัติการอํานวยการหรือลําเลียง ยาเวชภัณฑ์ เครื่องมือทางการแพทย์ เครื่องมือสื่อสาร หรือ บุคลากรทางการแพทย์ สําหรับให้บริการผู้ปวยฉุกเฉิน แบ่งออกเป็น 2 ประเภท 1. ประเภทสนับสนุนการปฏิบัติการอ านวยการ 1.1 รถสนับสนุนการสื่อสารในสถานการณ์ฉุกเฉิน 1.2 รถสนับสนุนการ รับ – ส่ง สัญญาณดาวเทียม 1.3 รถบัญชาการในสถานการณ์ฉุกเฉิน เครื่องมือและอุปกรณ์สนับสนุนการปฏิบัติการฉุกเฉินของรถหรือพาหนะจ าเป็นต้องมี ก. ติดตั้งไฟสัญญาณวับวาบ แสงแดง - น้ําเงิน โดยไฟสัญญาณวับวาบแสงแดงจะต้องอยู่ฝงขวา เหนือศีรษะของผู้ขับขี่แสงน้ําเงินอยู่ฝงซ้ายเหนือศีรษะของผู้ขับขี่ และเสียงสัญญาณพร้อมอุปกรณ์ โดยการติดตั้ง ดังกล่าวต้องดําเนินการขออนุญาตอย่างถูกต้องตามประกาศและข้อกําหนดของสํานักงานตํารวจแห่งชาติ เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์การขออนุญาตใช้ไฟสัญญาณไฟวับวาบและเสียงสัญญาณ (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๕๓ ข. มีเครื่องขยายเสียงขนาดไม่น้อยกว่า 100 วัตต์ พร้อมลําโพง ใช้กับไฟกระแสตรง 12 โวลต์ พร้อมใช้งาน ค. มีชุดอุปกรณ์ที่มีกลไกในการแปลงกระแสไฟฟ้ากระแสตรงที่มีแรงดัน 12 โวลต์เป็นไฟฟ้า กระแสสลับที่มีแรงดัน 220 โวลต์ความถี่ 50 เฮิรตซ์ ขนาดไม่ น้อยกว่า 1,000 วัตต์ (เป็นแบบ Pure Sine Wave) พร้อมปลั๊กไฟฟ้า 220 โวลต์จํานวนไม่น้อยกว่า 2 จุดและมีปลั๊กไฟฟ้าแบบที่ USB อย่างน้อย 1 จุด และมีชุดสายพ่วงต่อแบบม้วนสําหรับใช้ไฟฟ้า 220 โวลต์ ง. มีเครื่องวิทยุคมนาคม ในกรณียื่นขอรับรองครั้งแรกให้ดําเนินการตามระเบียบสถาบันการแพทย์ ฉุกเฉินแห่งชาติว่าด้วยการควบคุมการใช้เครื่องวิทยุคมนาคมแบบสังเคราะห์ความถี่ (Synthesizer) พ.ศ. 2562 และเป็นไปตามการอนุญาตของสํานักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงกิจการโทรทัศน์และกิจการ โทรคมนาคมแห่งชาติกําหนด ในกรณีต่ออายุรถบริการการแพทย์ฉุกเฉินให้มีหนังสืออนุญาตจากสํานักงานคณะกรรมการกิจการ กระจายเสียงกิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ จ. อุปกรณ์ควบคุมสถานการณ์ - ขวาน - เชือกคล้องตัวพร้อมอุปกรณ์ยึดเหนี่ยว - กรวยยาง - กระบองไฟกระพริบ - กรรไกรตัดเหล็ก - ไฟฉายส่องสว่าง - เทปจราจร - เสื้อสะท้อนแสง - รองเท้าบู๊ต - นกหวีด - อุปกรณ์ตัดถ่างโลหะแบบใช้มือ (ถ้ามี)


คูมือหลักสูตร การขับรถบริการการแพทยฉุกเฉินและรถพยาบาล สถาบันการแพทยฉุกเฉินแหงชาติ National Institute for Emergency Medicine สถาบันการแพทยฉุกเฉินแหงชาติ National Institute for Emergency Medicine 12 ฉ. กล้องบันทึกภาพภายในรถและการจราจร สามารถบันทึกภาพได้ตลอดระยะเวลาปฏิบัติภารกิจ ช. มีระบบติดตามและระบุตําแหน่งรถยนต์ที่สามารถเชื่อมกับระบบที่ สพฉ. กําหนดได้ ซ. มีเครื่องดับเพลิงแบบยกหิ้ว มีมาตรฐาน มอก. สามารถดับเพลิงได้ ตาม Class A B C ได้ระยะเวลา ไม่น้อยกว่าถังดับเพลิงชนิดเหลวระเหยชนิดไม่มีสาร CFC ขนาดไม่น้อยกว่า ๕ ปอนด์พร้อมติดตั้ง ๑ ชุด ฌ. มีอุปกรณ์ปองกันและควบคุมการติดเชื้อที่เพียงพอกับจํานวนเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงาน ได้แก่ ถุงมือ Mask ถุงขยะติดเชื้อ ผ้ากันเปื้อน รองเท้าบูต น้ํายาทําความสะอาดพื้นผิวภายในรถ น้ํายาล้างมือแบบแห้ง ญ. มีชุดปฐมพยาบาลและทําแผลเบื้องต้น ฎ. มีศักยภาพในการรับส่งสัญญาณหรือเป็นแม่ข่ายในสถานการณ์ฉุกเฉินหรือสถานการณ์ภัยพิบัติ ระดับจังหวัด ระดับเขตหรือระดับประเทศได้ สวนประกอบดานรถหรือยานพาหนะ (ดานโครงสรางความปลอดภัย) ๑. เป็นรถหรือพาหนะสําหรับการบริการการแพทย์ฉุกเฉินตามประกาศสํานักงานตํารวจแห่งชาติ ที่มีมิติขนาดและอุปกรณ์ ส่วนควบเป็นไปตามพระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ.2522 ตัวถังสีขาวและมีแถบสีเหลือง ฉุกเฉินการแพทย์ Sulphur Yellow รหัสสี RAL 1016 เป็นหลัก (แถบสีเหลืองอาจเป็นสติกเกอร์หรือสีทารถ) คาดรอบรถหรือพาหนะ มีขนาดกว้างไม่น้อยกว่า ๑๐ ซม. 2. มีสัญลักษณ์หน่วยงานสังกัดขนาดชัดเจน ชื่อหน่วยงานสังกัดมีขนาดความสูงไม่น้อยกว่า ๑๐ เซนติเมตร 3. ติดฟล์มกรองแสงชนิดมาตรฐาน เพื่อความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยของผู้ปวย เมื่อวัดการ ผ่านของแสงแล้วต้องผ่านทั้งกระจกและฟล์มกรองแสงที่มีแสงผ่านได้ไม่น้อยกว่าร้อยละ 40 4. ในห้องคนขับมีวิทยุพร้อมชุดแสดงภาพจากกล้องส่องหลังและแผนที่ดาวเทียมเพื่อช่วยในการหา เส้นทางมีวิทยุพร้อมลําโพง และมีสัญญาณแจ้งเตือนการคาดเข็มขัดนิรภัยทุกที่นั่งมีระบบกล้องบันทึกภาพหน้ารถที่ สามารถบันทึกภาพได้ตลอดระยะเวลาปฏิบัติภารกิจและสามารถเชื่อมต่อกับศูนย์ควบคุมรถพยาบาลได้ 2. ประเภทสนับสนุนการปฏิบัติการแพทย์ 2.๑ ประเภทรถจักรยานยนต์(Motorlance) เป็นหน่วยปฏิบัติการประเภทปฏิบัติการแพทย์ระดับพื้นฐานขึ้นไป หรือหน่วยปฏิบัติการ ประเภทอํานวยการระดับพื้นฐานขึ้นไป เครื่องมือและอุปกรณ์สนับสนุนการปฏิบัติการฉุกเฉินของรถหรือพาหนะจําเปนตองมี ก. มีชุดปฐมพยาบาล และอุปกรณ์ปฐมพยาบาลและทําแผลพื้นฐาน ข. มีสัญลักษณ์ระบุสังกัดหน่วยงานได้อย่างชัดเจน ค. ติดตั้งไฟสัญญาณวับวาบ แสงแดง - น้ําเงิน โดยไฟสัญญาณวับวาบแสงแดงจะต้องอยู่ฝงขวา มือของผู้ขับขี่แสงน้ําเงินอยู่ฝงซ้ายมือของผู้ขับขี่ และเสียงสัญญาณพร้อมอุปกรณ์ โดยการติดตั้งดังกล่าวต้อง ดําเนินการขออนุญาตอย่างถูกต้องตามประกาศและข้อกําหนดของสํานักงานตํารวจแห่งชาติ เรื่อง กําหนด หลักเกณฑ์การขออนุญาตใช้ไฟสัญญาณไฟวับวาบและเสียงสัญญาณ (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๕๓ ง. มีเครื่องขยายพร้อมลําโพง ที่พร้อมใช้งาน 128


คูมือหลักสูตร การขับรถบริการการแพทยฉุกเฉินและรถพยาบาล สถาบันการแพทยฉุกเฉินแหงชาติ National Institute for Emergency Medicine สถาบันการแพทยฉุกเฉินแหงชาติ National Institute for Emergency Medicine 12 ฉ. กล้องบันทึกภาพภายในรถและการจราจร สามารถบันทึกภาพได้ตลอดระยะเวลาปฏิบัติภารกิจ ช. มีระบบติดตามและระบุตําแหน่งรถยนต์ที่สามารถเชื่อมกับระบบที่ สพฉ. กําหนดได้ ซ. มีเครื่องดับเพลิงแบบยกหิ้ว มีมาตรฐาน มอก. สามารถดับเพลิงได้ ตาม Class A B C ได้ระยะเวลา ไม่น้อยกว่าถังดับเพลิงชนิดเหลวระเหยชนิดไม่มีสาร CFC ขนาดไม่น้อยกว่า ๕ ปอนด์พร้อมติดตั้ง ๑ ชุด ฌ. มีอุปกรณ์ปองกันและควบคุมการติดเชื้อที่เพียงพอกับจํานวนเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงาน ได้แก่ ถุงมือ Mask ถุงขยะติดเชื้อ ผ้ากันเปื้อน รองเท้าบูต น้ํายาทําความสะอาดพื้นผิวภายในรถ น้ํายาล้างมือแบบแห้ง ญ. มีชุดปฐมพยาบาลและทําแผลเบื้องต้น ฎ. มีศักยภาพในการรับส่งสัญญาณหรือเป็นแม่ข่ายในสถานการณ์ฉุกเฉินหรือสถานการณ์ภัยพิบัติ ระดับจังหวัด ระดับเขตหรือระดับประเทศได้ สวนประกอบดานรถหรือยานพาหนะ (ดานโครงสรางความปลอดภัย) ๑. เป็นรถหรือพาหนะสําหรับการบริการการแพทย์ฉุกเฉินตามประกาศสํานักงานตํารวจแห่งชาติ ที่มีมิติขนาดและอุปกรณ์ ส่วนควบเป็นไปตามพระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ.2522 ตัวถังสีขาวและมีแถบสีเหลือง ฉุกเฉินการแพทย์ Sulphur Yellow รหัสสี RAL 1016 เป็นหลัก (แถบสีเหลืองอาจเป็นสติกเกอร์หรือสีทารถ) คาดรอบรถหรือพาหนะ มีขนาดกว้างไม่น้อยกว่า ๑๐ ซม. 2. มีสัญลักษณ์หน่วยงานสังกัดขนาดชัดเจน ชื่อหน่วยงานสังกัดมีขนาดความสูงไม่น้อยกว่า ๑๐ เซนติเมตร 3. ติดฟล์มกรองแสงชนิดมาตรฐาน เพื่อความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยของผู้ปวย เมื่อวัดการ ผ่านของแสงแล้วต้องผ่านทั้งกระจกและฟล์มกรองแสงที่มีแสงผ่านได้ไม่น้อยกว่าร้อยละ 40 4. ในห้องคนขับมีวิทยุพร้อมชุดแสดงภาพจากกล้องส่องหลังและแผนที่ดาวเทียมเพื่อช่วยในการหา เส้นทางมีวิทยุพร้อมลําโพง และมีสัญญาณแจ้งเตือนการคาดเข็มขัดนิรภัยทุกที่นั่งมีระบบกล้องบันทึกภาพหน้ารถที่ สามารถบันทึกภาพได้ตลอดระยะเวลาปฏิบัติภารกิจและสามารถเชื่อมต่อกับศูนย์ควบคุมรถพยาบาลได้ 2. ประเภทสนับสนุนการปฏิบัติการแพทย์ 2.๑ ประเภทรถจักรยานยนต์(Motorlance) เป็นหน่วยปฏิบัติการประเภทปฏิบัติการแพทย์ระดับพื้นฐานขึ้นไป หรือหน่วยปฏิบัติการ ประเภทอํานวยการระดับพื้นฐานขึ้นไป เครื่องมือและอุปกรณ์สนับสนุนการปฏิบัติการฉุกเฉินของรถหรือพาหนะจําเปนตองมี ก. มีชุดปฐมพยาบาล และอุปกรณ์ปฐมพยาบาลและทําแผลพื้นฐาน ข. มีสัญลักษณ์ระบุสังกัดหน่วยงานได้อย่างชัดเจน ค. ติดตั้งไฟสัญญาณวับวาบ แสงแดง - น้ําเงิน โดยไฟสัญญาณวับวาบแสงแดงจะต้องอยู่ฝงขวา มือของผู้ขับขี่แสงน้ําเงินอยู่ฝงซ้ายมือของผู้ขับขี่ และเสียงสัญญาณพร้อมอุปกรณ์ โดยการติดตั้งดังกล่าวต้อง ดําเนินการขออนุญาตอย่างถูกต้องตามประกาศและข้อกําหนดของสํานักงานตํารวจแห่งชาติ เรื่อง กําหนด หลักเกณฑ์การขออนุญาตใช้ไฟสัญญาณไฟวับวาบและเสียงสัญญาณ (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๕๓ ง. มีเครื่องขยายพร้อมลําโพง ที่พร้อมใช้งาน 128 คูมือหลักสูตร การขับรถบริการการแพทยฉุกเฉินและรถพยาบาล สถาบันการแพทยฉุกเฉินแหงชาติ National Institute for Emergency Medicine สถาบันการแพทยฉุกเฉินแหงชาติ National Institute for Emergency Medicine 129 13 สวนประกอบด้านยานรถหรือพาหนะ (ด้านโครงสร้างความปลอดภัย) ๑. มีมาตรฐานและผ่านการรับรองจากผู้ผลิต ๒. เป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยพระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ.2522 2.๒ ประเภทรถยนต์ ๒.๒.1. รถลําเลียงยา เวชภัณฑ์ เครื่องมือทางการแพทย์ ผู้ปฏิบัติการ หรืออวัยวะสําคัญ ๒.๒.๒ รถแพทย์ฉุกเฉิน ( Doctor Car) เครื่องมือและอุปกรณ์สนับสนุนการปฏิบัติการฉุกเฉินของรถหรือพาหนะจําเป็นต้องมี ก. ติดตั้งไฟสัญญาณวับวาบ แสงแดง-น้ําเงิน โดยไฟสัญญาณวับวาบแสงแดงจะต้องอยู่ฝงขวา เหนือศีรษะของผู้ขับขี่แสงน้ําเงินอยู่ฝงซ้ายเหนือศีรษะของผู้ขับขี่ และเสียงสัญญาณพร้อมอุปกรณ์ โดยการติดตั้ง ดังกล่าวต้องดําเนินการขออนุญาตอย่างถูกต้องตามประกาศสํานักงานตํารวจแห่งชาติ เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ การขออนุญาตใช้ไฟสัญญาณวับวาบและเสียงสัญญาณ (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๕๓ ข. มีเครื่องขยายเสียงขนาดไม่น้อยกว่า 100 วัตต์ พร้อมลําโพง ใช้กับไฟกระแสตรง 12 โวลต์พร้อมใช้งาน ค. มีชุดอุปกรณ์ที่มีกลไกในการแปลงกระแสไฟฟ้ากระแสตรงที่มีแรงดัน 12 โวลต์เป็นไฟฟ้า กระแสสลับที่มีแรงดัน 220 โวลต์ความถี่ 50 เฮิรตซ์ ขนาดไม่น้อยกว่า ๑,๐๐๐ วัตต์ (เป็นแบบ Pure Sine Wave) พร้อมปลั๊กไฟฟ้า 220 โวลต์จํานวนไม่น้อยกว่า 2 จุดและมีปลั๊กไฟฟ้าแบบที่ USB อย่างน้อย 1 จุด และ มีชุดสายพ่วงต่อแบบม้วนสําหรับใช้ไฟฟ้า 220 โวลต์ ง. มีเครื่องวิทยุคมนาคมในกรณีขอรับรองครั้งแรกให้ดําเนินการตามระเบียบสถาบันการแพทย์ฉุกเฉิน แห่งชาติว่าด้วยการควบคุมการใช้เครื่องวิทยุคมนาคมแบบสังเคราะห์ความถี่ (Synthesizer) พ.ศ. 2562 และ เป็นไปตามการอนุญาตของสํานักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงกิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคม แห่งชาติกําหนด ในกรณีต่ออายุรถบริการการแพทย์ฉุกเฉินให้มีหนังสืออนุญาตจากสํานักงานคณะกรรมการกิจการ กระจายเสียงกิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ จ. อุปกรณ์ควบคุมสถานการณ์ - ขวาน - เชือกคล้องตัวพร้อมอุปกรณ์ยึดเหนี่ยว - กรวยยาง - กระบองไฟกระพริบ - กรรไกรตัดเหล็ก - ไฟฉายส่องสว่าง - เทปจราจร - เสื้อสะท้อนแสง - รองเท้าบู๊ต - นกหวีด ฉ. มีระบบบันทึกภาพภายในรถและการจราจร สามารถบันทึกภาพต่อเนื่องได้ตลอดระยะเวลาปฏิบัติการ ช. มีระบบติดตามและระบุตําแหน่งรถยนต์ที่สามารถเชื่อมกับระบบที่ สพฉ. กําหนดได้ ซ. มีเครื่องดับเพลิงแบบยกหิ้ว มีมาตรฐาน มอก. สามารถดับเพลิงได้ ตาม Class A B C ได้ระยะเวลาไม่ น้อยกว่าถังดับเพลิงชนิดเหลวระเหยชนิดไม่มีสาร CFC ขนาดไม่น้อยกว่า ๕ ปอนด์พร้อมติดตั้ง ๑ ชุด ฌ. มีอุปกรณ์ป้องกันและควบคุมการติดเชื้อที่เพียงพอกับจํานวนเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงาน ได้แก่ ถุงมือ Mask ถุงขยะติดเชื้อ ผ้ากันเปื้อน รองเท้าบู๊ต น้ํายาทําความสะอาดพื้นผิวภายในรถ น้ํายาล้างมือแบบแห้ง ญ. มีอุปกรณ์ปฐมพยาบาลและทําแผลพื้นฐาน ฎ. มีอุปกรณ์การแพทย์ตามวัตถุประสงค์ของการใช้รถยนต์


คูมือหลักสูตร การขับรถบริการการแพทยฉุกเฉินและรถพยาบาล สถาบันการแพทยฉุกเฉินแหงชาติ National Institute for Emergency Medicine สถาบันการแพทยฉุกเฉินแหงชาติ National Institute for Emergency Medicine 14 สวนประกอบดานรถหรือยานพาหนะ (ดานโครงสรางความปลอดภัย) ๑. เป็นรถหรือพาหนะสําหรับการบริการการแพทย์ฉุกเฉินตามประกาศสํานักงานตํารวจแหงชาติ ที่มีมิติขนาดและอุปกรณ์ สวนควบเป็นไปตามพระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ.2522 2. มีสัญลักษณ์หนวยงานสังกัดขนาดชัดเจน ชื่อหนวยงานสังกัดมีขนาดความสูงไมนอยกวา ๑๐ เซนติเมตร 3. ในหองคนขับมีวิทยุพรอมชุดแสดงภาพจากกลองสองหลังและแผนที่ดาวเทียมเพื่อชวยในการหา เสนทางมีวิทยุพรอมลําโพง และมีสัญญาณแจงเตือนการคาดเข็มขัดนิรภัยทุกที่นั่งมี ๔. มีสัญลักษณ์ระบุสังกัดหนวยงานที่ใหชัดเจน ๕. มีที่จัดเก็บอุปกรณ์การแพทย์และอุปกรณ์อื่นที่จําเป็นอยางเป็นสัดสวน เป็นระเบียบและมีความ ปลอดภัยจากการหลุดรวง ปลิวออกจากที่จัดเก็บในกรณีที่มีการชนหรือกระแทกหรือพลิกคว่ําของรถบริการ การแพทย์ฉุกเฉิน 130 คูมือหลักสูตร การขับรถบริการการแพทยฉุกเฉินและรถพยาบาล สถาบันการแพทยฉุกเฉินแหงชาติ National Institute for Emergency Medicine สถาบันการแพทยฉุกเฉินแหงชาติ National Institute for Emergency Medicine 131 15 ภาคผนวก 3 ขั้นตอนการรับรองรถบริการการแพทย์ฉุกเฉิน . . 5 30


คูมือหลักสูตร การขับรถบริการการแพทยฉุกเฉินและรถพยาบาล สถาบันการแพทยฉุกเฉินแหงชาติ National Institute for Emergency Medicine สถาบันการแพทยฉุกเฉินแหงชาติ National Institute for Emergency Medicine 14 สวนประกอบดานรถหรือยานพาหนะ (ดานโครงสรางความปลอดภัย) ๑. เป็นรถหรือพาหนะสําหรับการบริการการแพทย์ฉุกเฉินตามประกาศสํานักงานตํารวจแหงชาติ ที่มีมิติขนาดและอุปกรณ์ สวนควบเป็นไปตามพระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ.2522 2. มีสัญลักษณ์หนวยงานสังกัดขนาดชัดเจน ชื่อหนวยงานสังกัดมีขนาดความสูงไมนอยกวา ๑๐ เซนติเมตร 3. ในหองคนขับมีวิทยุพรอมชุดแสดงภาพจากกลองสองหลังและแผนที่ดาวเทียมเพื่อชวยในการหา เสนทางมีวิทยุพรอมลําโพง และมีสัญญาณแจงเตือนการคาดเข็มขัดนิรภัยทุกที่นั่งมี ๔. มีสัญลักษณ์ระบุสังกัดหนวยงานที่ใหชัดเจน ๕. มีที่จัดเก็บอุปกรณ์การแพทย์และอุปกรณ์อื่นที่จําเป็นอยางเป็นสัดสวน เป็นระเบียบและมีความ ปลอดภัยจากการหลุดรวง ปลิวออกจากที่จัดเก็บในกรณีที่มีการชนหรือกระแทกหรือพลิกคว่ําของรถบริการ การแพทย์ฉุกเฉิน 130 คูมือหลักสูตร การขับรถบริการการแพทยฉุกเฉินและรถพยาบาล สถาบันการแพทยฉุกเฉินแหงชาติ National Institute for Emergency Medicine สถาบันการแพทยฉุกเฉินแหงชาติ National Institute for Emergency Medicine 131 15 ภาคผนวก 3 ขั้นตอนการรับรองรถบริการการแพทย์ฉุกเฉิน . . 5 30


คูมือหลักสูตร การขับรถบริการการแพทยฉุกเฉินและรถพยาบาล สถาบันการแพทยฉุกเฉินแหงชาติ National Institute for Emergency Medicine สถาบันการแพทยฉุกเฉินแหงชาติ National Institute for Emergency Medicine 16 วิธีการขอการรับรอง 1. หน่วยปฏิบัติการยื่นคําขอรับรองผ่านระบบสารสนเทศรับรองพาหนะบริการการแพทย์ฉุกเฉิน 2. สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ สํานักงานสาธารณสุขจังหวัด สํานักการแพทย์กรุงเทพมหานคร องค์การบริหารส่วนจังหวัดที่ดําเนินการด้านการแพทย์ฉุกเฉินตรวจสอบความถูกต้อง ตามประกาศสถาบันการแพทย์ ฉุกเฉินแห่งชาติ เรื่อง เกณฑ์ วิธีการ และแนวทาการรับรองมาตรฐานรถบริการการแพทย์ฉุกเฉิน พ.ศ. 256๔ 2.1 กรณีข้อมูลถูกต้องตามประกาศสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติให้ดําเนินการตาม ข้อถัดไป 2.2 กรณีไม่ถูกต้องแจ้งกลับไปยังหน่วยปฏิบัติการที่ขอรับรอง 3. สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ ให้การรับรองผ่านระบบสารสนเทศรับรองพาหนะบริการ การแพทย์ฉุกเฉิน 4. แจ้งผลการรับรองไปยังหน่วยปฏิบัติการหรือสํานักงานสาธารณสุขจังหวัดที่ขอรับรอง ในรูปแบบไปรษณีย์อิเล็คทรอนิกส์ผ่านระบบสารสนเทศรับรองพาหนะบริการการแพทย์ฉุกเฉิน 5. หน่วยปฏิบัติการหรือสํานักงานสาธารณสุขจังหวัด ยื่นขออนุญาตใช้ไฟสัญญาณวับวาบ โดยใช้ หนังสือรับรองและให้ความเห็นชอบฯ พร้อมเอกสารแนบตามที่สํานักงานตํารวจแห่งชาติกําหนดยื่นประกอบ การขออนุญาต ดังนี้ 5.1 กรุงเทพมหานครยื่นคําขอที่ กองบังคับการตํารวจจราจร 5.2 ต่างจังหวัดยื่นคําขอที่ กองบังคับการตํารวจภูธรจังหวัด 6. อนุญาตให้ใช้ไฟสัญญาณวับวาบ 6.1 กรุงเทพมหานครอนุญาตโดยผู้บัญชาการตํารวจนครบาล 6.2 ต่างจังหวัดอนุญาตโดยผู้ว่าราชการจังหวัด 7. หน่วยปฏิบัติการที่ได้รับการอนุญาตใช้ไฟสัญญาณวับวาบ ให้ดําเนินการแจ้งผลการได้รับ การอนุญาตผ่านระบบสารสนเทศรับรองพาหนะบริการการแพทย์ฉุกเฉิน 17 ภาคผนวก 4 หนังสือรับรอง หรือสัญลักษณ์ในการใหการรับรอง _____________________ 1. หนังสือรับรองและใหความเห็นชอบรถบริการการแพทย์ฉุกเฉิน ฯ 17 ภาคผนวก 4 หนังสือรับรอง หรือสัญลักษณ์ในการใหการรับรอง _____________________ 1. หนังสือรับรองและใหความเห็นชอบรถบริการการแพทย์ฉุกเฉิน ฯ 132


คูมือหลักสูตร การขับรถบริการการแพทยฉุกเฉินและรถพยาบาล สถาบันการแพทยฉุกเฉินแหงชาติ National Institute for Emergency Medicine สถาบันการแพทยฉุกเฉินแหงชาติ National Institute for Emergency Medicine 16 วิธีการขอการรับรอง 1. หน่วยปฏิบัติการยื่นคําขอรับรองผ่านระบบสารสนเทศรับรองพาหนะบริการการแพทย์ฉุกเฉิน 2. สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ สํานักงานสาธารณสุขจังหวัด สํานักการแพทย์กรุงเทพมหานคร องค์การบริหารส่วนจังหวัดที่ดําเนินการด้านการแพทย์ฉุกเฉินตรวจสอบความถูกต้อง ตามประกาศสถาบันการแพทย์ ฉุกเฉินแห่งชาติ เรื่อง เกณฑ์ วิธีการ และแนวทาการรับรองมาตรฐานรถบริการการแพทย์ฉุกเฉิน พ.ศ. 256๔ 2.1 กรณีข้อมูลถูกต้องตามประกาศสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติให้ดําเนินการตาม ข้อถัดไป 2.2 กรณีไม่ถูกต้องแจ้งกลับไปยังหน่วยปฏิบัติการที่ขอรับรอง 3. สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ ให้การรับรองผ่านระบบสารสนเทศรับรองพาหนะบริการ การแพทย์ฉุกเฉิน 4. แจ้งผลการรับรองไปยังหน่วยปฏิบัติการหรือสํานักงานสาธารณสุขจังหวัดที่ขอรับรอง ในรูปแบบไปรษณีย์อิเล็คทรอนิกส์ผ่านระบบสารสนเทศรับรองพาหนะบริการการแพทย์ฉุกเฉิน 5. หน่วยปฏิบัติการหรือสํานักงานสาธารณสุขจังหวัด ยื่นขออนุญาตใช้ไฟสัญญาณวับวาบ โดยใช้ หนังสือรับรองและให้ความเห็นชอบฯ พร้อมเอกสารแนบตามที่สํานักงานตํารวจแห่งชาติกําหนดยื่นประกอบ การขออนุญาต ดังนี้ 5.1 กรุงเทพมหานครยื่นคําขอที่ กองบังคับการตํารวจจราจร 5.2 ต่างจังหวัดยื่นคําขอที่ กองบังคับการตํารวจภูธรจังหวัด 6. อนุญาตให้ใช้ไฟสัญญาณวับวาบ 6.1 กรุงเทพมหานครอนุญาตโดยผู้บัญชาการตํารวจนครบาล 6.2 ต่างจังหวัดอนุญาตโดยผู้ว่าราชการจังหวัด 7. หน่วยปฏิบัติการที่ได้รับการอนุญาตใช้ไฟสัญญาณวับวาบ ให้ดําเนินการแจ้งผลการได้รับ การอนุญาตผ่านระบบสารสนเทศรับรองพาหนะบริการการแพทย์ฉุกเฉิน 17 ภาคผนวก 4 หนังสือรับรอง หรือสัญลักษณ์ในการใหการรับรอง _____________________ 1. หนังสือรับรองและใหความเห็นชอบรถบริการการแพทย์ฉุกเฉิน ฯ 17 ภาคผนวก 4 หนังสือรับรอง หรือสัญลักษณ์ในการใหการรับรอง _____________________ 1. หนังสือรับรองและใหความเห็นชอบรถบริการการแพทย์ฉุกเฉิน ฯ 132 คูมือหลักสูตร การขับรถบริการการแพทยฉุกเฉินและรถพยาบาล สถาบันการแพทยฉุกเฉินแหงชาติ National Institute for Emergency Medicine สถาบันการแพทยฉุกเฉินแหงชาติ National Institute for Emergency Medicine 17 ภาคผนวก 4 หนังสือรับรอง หรือสัญลักษณ์ในการใหการรับรอง _____________________ 1. หนังสือรับรองและใหความเห็นชอบรถบริการการแพทย์ฉุกเฉิน ฯ 17 ภาคผนวก 4 หนังสือรับรอง หรือสัญลักษณ์ในการใหการรับรอง _____________________ 1. หนังสือรับรองและใหความเห็นชอบรถบริการการแพทย์ฉุกเฉิน ฯ 133


คูมือหลักสูตร การขับรถบริการการแพทยฉุกเฉินและรถพยาบาล สถาบันการแพทยฉุกเฉินแหงชาติ National Institute for Emergency Medicine สถาบันการแพทยฉุกเฉินแหงชาติ National Institute for Emergency Medicine 18 2. สัญลักษณในการใหการรับรอง ตัวอยางสัญลักษณแบบที่ 1 ตัวอยางสัญลักษณแบบที่ 2 60 ซม. 10 ซม. Logo TEMSA ภ - ภ ฤ QR Code XXXXX 134 คูมือหลักสูตร การขับรถบริการการแพทยฉุกเฉินและรถพยาบาล สถาบันการแพทยฉุกเฉินแหงชาติ National Institute for Emergency Medicine สถาบันการแพทยฉุกเฉินแหงชาติ National Institute for Emergency Medicine ตััวอย่งก รประเมินิคำว มเส่�ยงก่อนิก รเคำลื่่�อนิย้ยผู้้้ป่วยด้้วยรถพยบัลื่ (ที่่�ม Mayo Clinic Pre-transport Risk assessment) คำำานวนคำะแนนรืวมคำวามเสี�ยงทั�งหมด กรืณุีที�คำะแนนมากกว่า ๓๐ คำะแนนคำวรืปรื่กษาแพทย์อำานวยการื หรืือ หัวหน้าหน่วยงานก่อนเคำลัื�อนย้าย หากเลัี�ยงการืเดินทางได้คำวรืเลัี�ยง ๑. ปรึะสบการึณ์ขับรึถพิยาบาลั น้อยกว่า ๑ ปี+ ๕ ๑-๒ ปี + ๒ ๒-๕ ปี+ ๑ มากกว่า ๕ ปี๐ คำะแนน ๔. ที่ัศนวิศัย กลัางวันมองเห็นไม่ชััด + ๕ กลัางคำืนมองเห็นไม่ชััด + ๕ กลัางคำืนมองเห็นชััด + ๓ กลัางวันมองเห็นชััด + ๐ คำะแนน ๒.สภัาพิถนน Off road ดินโคำลันแฉะ โคำ้งแคำบุชััน ไม่คำวรืใชั้ทาง + ๑๕ พื�นผู้ิวลัื�นยาวติ่อเนื�อง + ๑๐ สภาพดี+ ๐ คำะแนน ๓.ปรึะเภัที่ถนน ๒ เลันเป็นส่วนใหญ่+ ๔ ๒ เลันสลัับุ ๔ เลัน + ๓ ๔ เลัน + ๐ คำะแนน 135


คูมือหลักสูตร การขับรถบริการการแพทยฉุกเฉินและรถพยาบาล สถาบันการแพทยฉุกเฉินแหงชาติ National Institute for Emergency Medicine สถาบันการแพทยฉุกเฉินแหงชาติ National Institute for Emergency Medicine 18 2. สัญลักษณในการใหการรับรอง ตัวอยางสัญลักษณแบบที่ 1 ตัวอยางสัญลักษณแบบที่ 2 60 ซม. 10 ซม. Logo TEMSA ภ - ภ ฤ QR Code XXXXX 134 คูมือหลักสูตร การขับรถบริการการแพทยฉุกเฉินและรถพยาบาล สถาบันการแพทยฉุกเฉินแหงชาติ National Institute for Emergency Medicine สถาบันการแพทยฉุกเฉินแหงชาติ National Institute for Emergency Medicine ตััวอย่งก รประเมินิคำว มเส่�ยงก่อนิก รเคำลื่่�อนิย้ยผู้้้ป่วยด้้วยรถพยบัลื่ (ที่่�ม Mayo Clinic Pre-transport Risk assessment) คำำานวนคำะแนนรืวมคำวามเสี�ยงทั�งหมด กรืณุีที�คำะแนนมากกว่า ๓๐ คำะแนนคำวรืปรื่กษาแพทย์อำานวยการื หรืือ หัวหน้าหน่วยงานก่อนเคำลัื�อนย้าย หากเลัี�ยงการืเดินทางได้คำวรืเลัี�ยง ๑. ปรึะสบการึณ์ขับรึถพิยาบาลั น้อยกว่า ๑ ปี+ ๕ ๑-๒ ปี + ๒ ๒-๕ ปี+ ๑ มากกว่า ๕ ปี๐ คำะแนน ๔. ที่ัศนวิศัย กลัางวันมองเห็นไม่ชััด + ๕ กลัางคำืนมองเห็นไม่ชััด + ๕ กลัางคำืนมองเห็นชััด + ๓ กลัางวันมองเห็นชััด + ๐ คำะแนน ๒.สภัาพิถนน Off road ดินโคำลันแฉะ โคำ้งแคำบุชััน ไม่คำวรืใชั้ทาง + ๑๕ พื�นผู้ิวลัื�นยาวติ่อเนื�อง + ๑๐ สภาพดี+ ๐ คำะแนน ๓.ปรึะเภัที่ถนน ๒ เลันเป็นส่วนใหญ่+ ๔ ๒ เลันสลัับุ ๔ เลัน + ๓ ๔ เลัน + ๐ คำะแนน 135


๘. รึะยะเวลัาพิักก่อนเรึิ�มเวรึของบุคลัากรึอ่�น น้อยกว่า ๖ ชัม. + ๒ มากกว่า ๖ ชัม. + ๑ ๘ ชัม. + ๐ คำะแนน พนักงานขำับุคำนที� ๑ คำะแนน พนักงานขำับุคำนที� ๒ คำะแนน พนักงานขำับุคำนที� ๓ ตััวอย่�งแบับัฟอร์เช็็คำรถ ห น้ า ที่ | 103 มากกว่า 6 ชม. + 1 8 ชม. + 0 คะแนน บุคลากรคนที่ 1 คะแนน บุคลากรคนที่ 2 คะแนน บุคลากรคนที่ 3 ตัวอย่ำงแบบฟอร์เช็ครถ ล ำดับ รำยกำรตรวจเช็ค ผลกำรตรวจเช็ค ปกติ ไม่ปกติ ปรับปรุงแก้ไข 1. ระบบเบรก B-Break ระดับน ้ามันเบรกในกระปุกระหว่าง min-max ปกติ ต ่ากว่าระดับ ☐ เติมน ้ามันเบรกอยู่ในระดับ ตรวจดูสภาพของน ้ามันเบรก สีใส สีด า ☐ เปลี่ยนน ้ามันเบรก ตรวจเช็คระดับน ้ามันคลัทซ์ (รถรุ่นเก่า) ปกติ ต ่ากว่าระดับ ☐ เติมน ้ามันคลัทช์อยู่ในระดับ *ถ้าพบน ้ามันเบรกยุบลงมากผิดปกติ ทั้งเบรก และ คลัตซ์ -- รอยรั่วซึม เช็ค ☐ สายน ้ามันเบรก ☐ ลอยรั่วลูกยางปั๊มเบรกทุกล้อ 2. ระบบไฟ E- Electric system ตรวจระดับน ้ากลั่นในแบตเตอรี่ให้อยู่ในระดับ ปกติ ต ่ากว่าระดับ ให้เติมน ้ากลั่นอยู่ในระดับ แบบฟอร์มการตรวจเช็คสภาพรถก่อนใช้งาน ประจ าวัน Check Before Driving on Ambulance ทะเบียน ยี่ห้อ รุ่น จดทะเบียน ว/ด/ป ผู้ตรวจเช็ค ชื่อ นามสกุล วันที่ เวลา กม.ที่ 137 คูมือหลักสูตร การขับรถบริการการแพทยฉุกเฉินและรถพยาบาล สถาบันการแพทยฉุกเฉินแหงชาติ National Institute for Emergency Medicine สถาบันการแพทยฉุกเฉินแหงชาติ National Institute for Emergency Medicine 137


คูมือหลักสูตร การขับรถบริการการแพทยฉุกเฉินและรถพยาบาล สถาบันการแพทยฉุกเฉินแหงชาติ National Institute for Emergency Medicine สถาบันการแพทยฉุกเฉินแหงชาติ ห น้ า ที่ National Institute for Emergency Medicine | 104 ล ำดับ รำยกำรตรวจเช็ค ผลกำรตรวจเช็ค ปกติ ไม่ปกติ ปรับปรุงแก้ไข ตรวจท าความสะอาดขั้วแบตเตอรี่ ปกติ มีขี้เกลือ ให้ล้างท าความสะอาดด้วยน ้าอุ่น และ ทาวาสลิน หรือ ไขปลาวาฬ ตรวจเช็คเหล็กรัดแบตเตอรี่ ปกติ หลวม ให้ขันสกรูยึดให้แน่น ตรวจเช็คไฟหน้า ซ้าย – ขวา ติดทุกดวง ไม่ติดซ้าย ไม่ติดขวา เช็คฟิวล์ หรือเปลี่ยนหลอดไฟหน้า ตรวจเช็คไฟสูง ซ้าย – ขวา ติดทุกดวง ไม่ติดซ้าย ไม่ติดขวา เช็คฟิวล์ หรือเปลี่ยนหลอดไฟ ตรวจเช็คไฟหรีหน้า ซ้าย – ขวา ติดทุก ดวง ไม่ติดซ้าย ไม่ติดขวา เช็คฟิวล์ หรือเปลี่ยนหลอดไฟ ตรวจเช็คไฟเลี้ยวหน้า ซ้าย – ขวา ติดทุกดวง ไม่ติดซ้าย ไม่ติดขวา เช็คฟิวล์ หรือเปลี่ยนหลอดไฟ ตรวจเช็คไฟหรี่หลัง ซ้าย – ขวา ติดทุกดวง ไม่ติดซ้าย ไม่ติดขวา เช็คฟิวล์ หรือเปลี่ยนหลอดไฟ ตรวจเช็คไฟท้าย ซ้าย – ขวา ติดทุกดวง ไม่ติดซ้าย ไม่ติดขวา เช็คฟิวล์ หรือเปลี่ยนหลอดไฟ ตรวจเช็คไฟเบรก ซ้าย – ขวา ติดทุกดวง ไม่ติดซ้าย ไม่ติดขวา เช็คฟิวล์ หรือเปลี่ยนหลอดไฟ ตรวจเช็คไฟเลี้ยวหลัง ซ้าย – ขวา ติดทุกดวง ไม่ติดซ้าย ไม่ติดขวา เช็คฟิวล์ หรือเปลี่ยนหลอดไฟ ตรวจเช็คไฟถอยหลัง ติดปกติ ไม่ติด เช็คฟิวล์ หรือเปลี่ยนหลอดไฟ ตรวจเช็คเสียงออด-ถอยหลัง(ถ้ามี) มีเสียง ไม่มีเสียง เช็คฟิวล์ และ ออด ตรวจเช็คไฟส่องป้ายทะเบียน ติด ไม่ติด เช็คฟิวล์ หรือเปลี่ยนหลอดไฟ ตรวจเช็คไฟฉุกเฉิน Hazard กระพริบ ไม่กระพริบ เช็คสวิตซ์ หรือ รีเลย์ ตรวจเช็คไฟสปอตไลท์สนาม( ถ้ามี) ติด ไม่ติด เช็คฟิวล์ หรือเปลี่ยนหลอดไฟ ตรวจเช็คไฟวับวาบ หน้า แสงครบ หมุนปกติ แสงไม่ครบ ค้างไม่หมุน เช็คฟิวล์ หรือเปลี่ยนหลอดไฟ เช็ค มอร์เตอร์ ตรวจเช็คไฟวับวาบ หลัง แสงครบ หมุนปกติ แสงไม่ครบ ค้างไม่หมุน เช็คฟิวล์ หรือเปลี่ยนหลอดไฟ ตรวจเช็คไฟแฟลซ(Flash) ซ้าย แสง กระพริบปกติ แสงไม่ กระพริบ เช็คฟิวล์ หรือ รีเลย์ ตรวจเช็คไฟแฟลซ(Flash) ขวา แสง กระพริบปกติ แสงไม่ กระพริบ เช็คฟิวล์ หรือ รีเลย์ (ถ้า) ไฟวับวาบใช้ หลอด LED แสงครบ กระพริบปกติ แสงไม่ครบ ไม่กระพริบ ให้เช็คแผงวงจรไฟวับวาบ ตรวจเช็คไฟตัดหมอก หน้า-หลัง ซ้าย – ขวา หน้า หลัง ติดทุกดวง ไม่ติดซ้าย ไม่ติดขวา เช็คฟิวล์ หรือเปลี่ยนหลอดไฟ 3. ระบบน ้ำหล่อเย็น และน ้ำฉีดกระจก W -Water ตรวจเช็คยางปัดน ้าฝน ปาดเรียบ ปาดไม่เรียบ เปลี่ยนยางปัดน ้าฝนใหม่ ตรวจเช็คกระปุกฉีดน ้าปัดน ้าฝน อยู่ระดับ ขีดสูงสุด อยู่ต ่ากว่า ระดับสูงสุด เติมน ้าถึงระดับ ตรวจเช็คระดับน ้าในหม้อน ้า (รุ่นเก่า) เปิดฝาปิด หม้อน ้าดู พอดี ขาด เติมน ้าให้เต็ม ห น้ า ที่ | 105 ล ำดับ รำยกำรตรวจเช็ค ผลกำรตรวจเช็ค ปกติ ไม่ปกติ ปรับปรุงแก้ไข ตรวจเช็คระดับน ้าในหม้อพักน ้า พอดี ขาด เติมน ้าถึงระดับ ตรวจเช็คคราบน ้าบริเวณฝาปิดหม้อน ้า ไม่มีคราบ มีคราบ ควรเปลี่ยนฝาปิดหม้อน ้า ตรวจเช็ครอยแตกร้าว-ความยืดหยุ่นของท่อ ยางหม้อน ้า สภาพดี แข็ง รั่ว บน แข็ง รั่ว ล่าง เปลี่ยนท่อยางใหม่ 4. สภำพยำง และลมยำง A – Air ตรวจเช็คครีบกระดาษกรองอากาศ ปกติ ครีบล้ม ควรเปลี่ยน ตรวจเช็คไส้กรองอากาศ สะอาด สกปรก ใช้ลมเป่าท าความสะอาด ตรวจเช็คแรงดันลมยางหน้า (รถไม่ได้บรรทุก) มาตรฐาน 28-33 Psi ไม่เป็นไป ตามเกณฑ์ เติมลม หรือ ปล่อยลมทิ้ง ตรวจเช็คแรงดันลมยางหน้า (รถบรรทุก – รถ Ambulance) มาตรฐาน 30-35 Psi ไม่เป็นไปตาม เกณฑ์ เติมลม หรือ ปล่อยลมทิ้ง ตรวจเช็คแรงดันลมยางหลัง (รถไม่ได้บรรทุก) มาตรฐาน 28-30 Psi ไม่เป็นไป ตามเกณฑ์ เติมลม หรือ ปล่อยลมทิ้ง ตรวจเช็คแรงดันลมยางหลัง (รถบรรทุก – รถ Ambulance) มาตรฐาน 30-50 Psi ไม่เป็นไป ตามเกณฑ์ เติมลม หรือ ปล่อยลมทิ้ง ตรวจเช็ครอยฉีก แก้มยาง ดอกยาง สภาพดี มีรอยฉีก เปลี่ยนยาง ตรวจเช็คสัปดาห์ / ปีคศ. ผลิตยาง ........../......... เทียบกับปีปัจจุบัน........................ ไม่เกิน 3 ปี เกิน 3 ปี ให้ระวังหน้ายาง มีรอยแตกลายงา ตรวจเช็คร่องลึกของดอกยาง กับ หมุดกลางร่อง ดอกยาง ใช้งานได้ ยางสูงกว่าหมุด สึกหรอยาง เสมอหมุด เปลี่ยนยาง ตรวจเช็ค ฝาครอบจุกเติมลมยาง มีครบ ไม่ครบ ควรจัดหาใส่ ตรวจรอยรั่วซึมของจุ๊ปยาง ให้น ้าแฟ๊บหรือน ้ายาที่มี ฟอง สภาพดี ไม่มีฟอง มีรั่วซึม มีฟอง ควรไขลูกศรให้แน่นขึ้น ตรวจเช็คลมยางอะไหล่ ใช้เคาะฟังเสียง ปกติ ไม่มีลมยาง ควรเติมลมยางอะไหล่ ตรวจเช็คที่ยึดยางอะไหล่ แน่น หลวม ควรติดตั้งให้แน่นหนา 5. ระบบน ้ำมันเชื้อเพลิง Fule ตรวจเช็คเกย์วัดปริมาณน ้ามัน ปกติ ค้าง เข้าศูนย์บริการ ตรวจ เดรนน ้า กรองดักน ้า ( รถดีเซล) ปกติไม่มีน ้า มีน ้า ต้องถ่าย เดรนน ้าทิ้ง 6. น ้ำมันหล่อลื่น O - Oil วัดระดับน ้ามันเครื่องตามขีดระดับที่ก้านวัด ให้อยู่ ระหว่างขีดบน - ขีดล่าง ปกติ ขาดต ่ากว่า ขีดล่าง เติมน ้ามันเครื่อง วัดระดับน ้ามันเพาเวอร์ อยู่ระหว่างขีดบน-ขีดล่าง ปกติ ขาดต ่ากว่า ขีดล่าง เติมให้อยู่ในระดับ ตรวจเช็คสภาพสีของน ้ามันเพาเวอร์ สีแดง สถาพปกติ สีแดงขุ่น ผิดปกติ ต้องเปลี่ยนน ้ามันเพาเวอร์ วัดระดับน ้ามันเกียร์ออโต -ขณะเครื่องเย็น ดูที่ก้านวัด ต้องอยู่ระหว่างกลาง ของระดับ Cool -ขณะเครื่องร้อนดูที่ก้านวัด ต้องอยู่ ระหว่างกลาง ของระดับ Hot ปกติ ขาด เติมน ้ามันเกียร์ออโตเพิ่ม 7. เสียงดัง N - NOISE 138 คูมือหลักสูตร การขับรถบริการการแพทยฉุกเฉินและรถพยาบาล สถาบันการแพทยฉุกเฉินแหงชาติ National Institute for Emergency Medicine สถาบันการแพทยฉุกเฉินแหงชาติ ห น้ า ที่ National Institute for Emergency Medicine | 104 ล ำดับ รำยกำรตรวจเช็ค ผลกำรตรวจเช็ค ปกติ ไม่ปกติ ปรับปรุงแก้ไข ตรวจท าความสะอาดขั้วแบตเตอรี่ ปกติ มีขี้เกลือ ให้ล้างท าความสะอาดด้วยน ้าอุ่น และ ทาวาสลิน หรือ ไขปลาวาฬ ตรวจเช็คเหล็กรัดแบตเตอรี่ ปกติ หลวม ให้ขันสกรูยึดให้แน่น ตรวจเช็คไฟหน้า ซ้าย – ขวา ติดทุกดวง ไม่ติดซ้าย ไม่ติดขวา เช็คฟิวล์ หรือเปลี่ยนหลอดไฟหน้า ตรวจเช็คไฟสูง ซ้าย – ขวา ติดทุกดวง ไม่ติดซ้าย ไม่ติดขวา เช็คฟิวล์ หรือเปลี่ยนหลอดไฟ ตรวจเช็คไฟหรีหน้า ซ้าย – ขวา ติดทุก ดวง ไม่ติดซ้าย ไม่ติดขวา เช็คฟิวล์ หรือเปลี่ยนหลอดไฟ ตรวจเช็คไฟเลี้ยวหน้า ซ้าย – ขวา ติดทุกดวง ไม่ติดซ้าย ไม่ติดขวา เช็คฟิวล์ หรือเปลี่ยนหลอดไฟ ตรวจเช็คไฟหรี่หลัง ซ้าย – ขวา ติดทุกดวง ไม่ติดซ้าย ไม่ติดขวา เช็คฟิวล์ หรือเปลี่ยนหลอดไฟ ตรวจเช็คไฟท้าย ซ้าย – ขวา ติดทุกดวง ไม่ติดซ้าย ไม่ติดขวา เช็คฟิวล์ หรือเปลี่ยนหลอดไฟ ตรวจเช็คไฟเบรก ซ้าย – ขวา ติดทุกดวง ไม่ติดซ้าย ไม่ติดขวา เช็คฟิวล์ หรือเปลี่ยนหลอดไฟ ตรวจเช็คไฟเลี้ยวหลัง ซ้าย – ขวา ติดทุกดวง ไม่ติดซ้าย ไม่ติดขวา เช็คฟิวล์ หรือเปลี่ยนหลอดไฟ ตรวจเช็คไฟถอยหลัง ติดปกติ ไม่ติด เช็คฟิวล์ หรือเปลี่ยนหลอดไฟ ตรวจเช็คเสียงออด-ถอยหลัง(ถ้ามี) มีเสียง ไม่มีเสียง เช็คฟิวล์ และ ออด ตรวจเช็คไฟส่องป้ายทะเบียน ติด ไม่ติด เช็คฟิวล์ หรือเปลี่ยนหลอดไฟ ตรวจเช็คไฟฉุกเฉิน Hazard กระพริบ ไม่กระพริบ เช็คสวิตซ์ หรือ รีเลย์ ตรวจเช็คไฟสปอตไลท์สนาม( ถ้ามี) ติด ไม่ติด เช็คฟิวล์ หรือเปลี่ยนหลอดไฟ ตรวจเช็คไฟวับวาบ หน้า แสงครบ หมุนปกติ แสงไม่ครบ ค้างไม่หมุน เช็คฟิวล์ หรือเปลี่ยนหลอดไฟ เช็ค มอร์เตอร์ ตรวจเช็คไฟวับวาบ หลัง แสงครบ หมุนปกติ แสงไม่ครบ ค้างไม่หมุน เช็คฟิวล์ หรือเปลี่ยนหลอดไฟ ตรวจเช็คไฟแฟลซ(Flash) ซ้าย แสง กระพริบปกติ แสงไม่ กระพริบ เช็คฟิวล์ หรือ รีเลย์ ตรวจเช็คไฟแฟลซ(Flash) ขวา แสง กระพริบปกติ แสงไม่ กระพริบ เช็คฟิวล์ หรือ รีเลย์ (ถ้า) ไฟวับวาบใช้ หลอด LED แสงครบ กระพริบปกติ แสงไม่ครบ ไม่กระพริบ ให้เช็คแผงวงจรไฟวับวาบ ตรวจเช็คไฟตัดหมอก หน้า-หลัง ซ้าย – ขวา หน้า หลัง ติดทุกดวง ไม่ติดซ้าย ไม่ติดขวา เช็คฟิวล์ หรือเปลี่ยนหลอดไฟ 3. ระบบน ้ำหล่อเย็น และน ้ำฉีดกระจก W -Water ตรวจเช็คยางปัดน ้าฝน ปาดเรียบ ปาดไม่เรียบ เปลี่ยนยางปัดน ้าฝนใหม่ ตรวจเช็คกระปุกฉีดน ้าปัดน ้าฝน อยู่ระดับ ขีดสูงสุด อยู่ต ่ากว่า ระดับสูงสุด เติมน ้าถึงระดับ ตรวจเช็คระดับน ้าในหม้อน ้า (รุ่นเก่า) เปิดฝาปิด หม้อน ้าดู พอดี ขาด เติมน ้าให้เต็ม ห น้ า ที่ | 105 ล ำดับ รำยกำรตรวจเช็ค ผลกำรตรวจเช็ค ปกติ ไม่ปกติ ปรับปรุงแก้ไข ตรวจเช็คระดับน ้าในหม้อพักน ้า พอดี ขาด เติมน ้าถึงระดับ ตรวจเช็คคราบน ้าบริเวณฝาปิดหม้อน ้า ไม่มีคราบ มีคราบ ควรเปลี่ยนฝาปิดหม้อน ้า ตรวจเช็ครอยแตกร้าว-ความยืดหยุ่นของท่อ ยางหม้อน ้า สภาพดี แข็ง รั่ว บน แข็ง รั่ว ล่าง เปลี่ยนท่อยางใหม่ 4. สภำพยำง และลมยำง A – Air ตรวจเช็คครีบกระดาษกรองอากาศ ปกติ ครีบล้ม ควรเปลี่ยน ตรวจเช็คไส้กรองอากาศ สะอาด สกปรก ใช้ลมเป่าท าความสะอาด ตรวจเช็คแรงดันลมยางหน้า (รถไม่ได้บรรทุก) มาตรฐาน 28-33 Psi ไม่เป็นไป ตามเกณฑ์ เติมลม หรือ ปล่อยลมทิ้ง ตรวจเช็คแรงดันลมยางหน้า (รถบรรทุก – รถ Ambulance) มาตรฐาน 30-35 Psi ไม่เป็นไปตาม เกณฑ์ เติมลม หรือ ปล่อยลมทิ้ง ตรวจเช็คแรงดันลมยางหลัง (รถไม่ได้บรรทุก) มาตรฐาน 28-30 Psi ไม่เป็นไป ตามเกณฑ์ เติมลม หรือ ปล่อยลมทิ้ง ตรวจเช็คแรงดันลมยางหลัง (รถบรรทุก – รถ Ambulance) มาตรฐาน 30-50 Psi ไม่เป็นไป ตามเกณฑ์ เติมลม หรือ ปล่อยลมทิ้ง ตรวจเช็ครอยฉีก แก้มยาง ดอกยาง สภาพดี มีรอยฉีก เปลี่ยนยาง ตรวจเช็คสัปดาห์ / ปีคศ. ผลิตยาง ........../......... เทียบกับปีปัจจุบัน........................ ไม่เกิน 3 ปี เกิน 3 ปี ให้ระวังหน้ายาง มีรอยแตกลายงา ตรวจเช็คร่องลึกของดอกยาง กับ หมุดกลางร่อง ดอกยาง ใช้งานได้ ยางสูงกว่าหมุด สึกหรอยาง เสมอหมุด เปลี่ยนยาง ตรวจเช็ค ฝาครอบจุกเติมลมยาง มีครบ ไม่ครบ ควรจัดหาใส่ ตรวจรอยรั่วซึมของจุ๊ปยาง ให้น ้าแฟ๊บหรือน ้ายาที่มี ฟอง สภาพดี ไม่มีฟอง มีรั่วซึม มีฟอง ควรไขลูกศรให้แน่นขึ้น ตรวจเช็คลมยางอะไหล่ ใช้เคาะฟังเสียง ปกติ ไม่มีลมยาง ควรเติมลมยางอะไหล่ ตรวจเช็คที่ยึดยางอะไหล่ แน่น หลวม ควรติดตั้งให้แน่นหนา 5. ระบบน ้ำมันเชื้อเพลิง Fule ตรวจเช็คเกย์วัดปริมาณน ้ามัน ปกติ ค้าง เข้าศูนย์บริการ ตรวจ เดรนน ้า กรองดักน ้า ( รถดีเซล) ปกติไม่มีน ้า มีน ้า ต้องถ่าย เดรนน ้าทิ้ง 6. น ้ำมันหล่อลื่น O - Oil วัดระดับน ้ามันเครื่องตามขีดระดับที่ก้านวัด ให้อยู่ ระหว่างขีดบน - ขีดล่าง ปกติ ขาดต ่ากว่า ขีดล่าง เติมน ้ามันเครื่อง วัดระดับน ้ามันเพาเวอร์ อยู่ระหว่างขีดบน-ขีดล่าง ปกติ ขาดต ่ากว่า ขีดล่าง เติมให้อยู่ในระดับ ตรวจเช็คสภาพสีของน ้ามันเพาเวอร์ สีแดง สถาพปกติ สีแดงขุ่น ผิดปกติ ต้องเปลี่ยนน ้ามันเพาเวอร์ วัดระดับน ้ามันเกียร์ออโต -ขณะเครื่องเย็น ดูที่ก้านวัด ต้องอยู่ระหว่างกลาง ของระดับ Cool -ขณะเครื่องร้อนดูที่ก้านวัด ต้องอยู่ ระหว่างกลาง ของระดับ Hot ปกติ ขาด เติมน ้ามันเกียร์ออโตเพิ่ม 7. เสียงดัง N - NOISE 139


คูมือหลักสูตร การขับรถบริการการแพทยฉุกเฉินและรถพยาบาล สถาบันการแพทยฉุกเฉินแหงชาติ National Institute for Emergency Medicine สถาบันการแพทยฉุกเฉินแหงชาติ ห น้ า ที่ National Institute for Emergency Medicine | 104 ล ำดับ รำยกำรตรวจเช็ค ผลกำรตรวจเช็ค ปกติ ไม่ปกติ ปรับปรุงแก้ไข ตรวจท าความสะอาดขั้วแบตเตอรี่ ปกติ มีขี้เกลือ ให้ล้างท าความสะอาดด้วยน ้าอุ่น และ ทาวาสลิน หรือ ไขปลาวาฬ ตรวจเช็คเหล็กรัดแบตเตอรี่ ปกติ หลวม ให้ขันสกรูยึดให้แน่น ตรวจเช็คไฟหน้า ซ้าย – ขวา ติดทุกดวง ไม่ติดซ้าย ไม่ติดขวา เช็คฟิวล์ หรือเปลี่ยนหลอดไฟหน้า ตรวจเช็คไฟสูง ซ้าย – ขวา ติดทุกดวง ไม่ติดซ้าย ไม่ติดขวา เช็คฟิวล์ หรือเปลี่ยนหลอดไฟ ตรวจเช็คไฟหรีหน้า ซ้าย – ขวา ติดทุก ดวง ไม่ติดซ้าย ไม่ติดขวา เช็คฟิวล์ หรือเปลี่ยนหลอดไฟ ตรวจเช็คไฟเลี้ยวหน้า ซ้าย – ขวา ติดทุกดวง ไม่ติดซ้าย ไม่ติดขวา เช็คฟิวล์ หรือเปลี่ยนหลอดไฟ ตรวจเช็คไฟหรี่หลัง ซ้าย – ขวา ติดทุกดวง ไม่ติดซ้าย ไม่ติดขวา เช็คฟิวล์ หรือเปลี่ยนหลอดไฟ ตรวจเช็คไฟท้าย ซ้าย – ขวา ติดทุกดวง ไม่ติดซ้าย ไม่ติดขวา เช็คฟิวล์ หรือเปลี่ยนหลอดไฟ ตรวจเช็คไฟเบรก ซ้าย – ขวา ติดทุกดวง ไม่ติดซ้าย ไม่ติดขวา เช็คฟิวล์ หรือเปลี่ยนหลอดไฟ ตรวจเช็คไฟเลี้ยวหลัง ซ้าย – ขวา ติดทุกดวง ไม่ติดซ้าย ไม่ติดขวา เช็คฟิวล์ หรือเปลี่ยนหลอดไฟ ตรวจเช็คไฟถอยหลัง ติดปกติ ไม่ติด เช็คฟิวล์ หรือเปลี่ยนหลอดไฟ ตรวจเช็คเสียงออด-ถอยหลัง(ถ้ามี) มีเสียง ไม่มีเสียง เช็คฟิวล์ และ ออด ตรวจเช็คไฟส่องป้ายทะเบียน ติด ไม่ติด เช็คฟิวล์ หรือเปลี่ยนหลอดไฟ ตรวจเช็คไฟฉุกเฉิน Hazard กระพริบ ไม่กระพริบ เช็คสวิตซ์ หรือ รีเลย์ ตรวจเช็คไฟสปอตไลท์สนาม( ถ้ามี) ติด ไม่ติด เช็คฟิวล์ หรือเปลี่ยนหลอดไฟ ตรวจเช็คไฟวับวาบ หน้า แสงครบ หมุนปกติ แสงไม่ครบ ค้างไม่หมุน เช็คฟิวล์ หรือเปลี่ยนหลอดไฟ เช็ค มอร์เตอร์ ตรวจเช็คไฟวับวาบ หลัง แสงครบ หมุนปกติ แสงไม่ครบ ค้างไม่หมุน เช็คฟิวล์ หรือเปลี่ยนหลอดไฟ ตรวจเช็คไฟแฟลซ(Flash) ซ้าย แสง กระพริบปกติ แสงไม่ กระพริบ เช็คฟิวล์ หรือ รีเลย์ ตรวจเช็คไฟแฟลซ(Flash) ขวา แสง กระพริบปกติ แสงไม่ กระพริบ เช็คฟิวล์ หรือ รีเลย์ (ถ้า) ไฟวับวาบใช้ หลอด LED แสงครบ กระพริบปกติ แสงไม่ครบ ไม่กระพริบ ให้เช็คแผงวงจรไฟวับวาบ ตรวจเช็คไฟตัดหมอก หน้า-หลัง ซ้าย – ขวา หน้า หลัง ติดทุกดวง ไม่ติดซ้าย ไม่ติดขวา เช็คฟิวล์ หรือเปลี่ยนหลอดไฟ 3. ระบบน ้ำหล่อเย็น และน ้ำฉีดกระจก W -Water ตรวจเช็คยางปัดน ้าฝน ปาดเรียบ ปาดไม่เรียบ เปลี่ยนยางปัดน ้าฝนใหม่ ตรวจเช็คกระปุกฉีดน ้าปัดน ้าฝน อยู่ระดับ ขีดสูงสุด อยู่ต ่ากว่า ระดับสูงสุด เติมน ้าถึงระดับ ตรวจเช็คระดับน ้าในหม้อน ้า (รุ่นเก่า) เปิดฝาปิด หม้อน ้าดู พอดี ขาด เติมน ้าให้เต็ม ห น้ า ที่ | 105 ล ำดับ รำยกำรตรวจเช็ค ผลกำรตรวจเช็ค ปกติ ไม่ปกติ ปรับปรุงแก้ไข ตรวจเช็คระดับน ้าในหม้อพักน ้า พอดี ขาด เติมน ้าถึงระดับ ตรวจเช็คคราบน ้าบริเวณฝาปิดหม้อน ้า ไม่มีคราบ มีคราบ ควรเปลี่ยนฝาปิดหม้อน ้า ตรวจเช็ครอยแตกร้าว-ความยืดหยุ่นของท่อ ยางหม้อน ้า สภาพดี แข็ง รั่ว บน แข็ง รั่ว ล่าง เปลี่ยนท่อยางใหม่ 4. สภำพยำง และลมยำง A – Air ตรวจเช็คครีบกระดาษกรองอากาศ ปกติ ครีบล้ม ควรเปลี่ยน ตรวจเช็คไส้กรองอากาศ สะอาด สกปรก ใช้ลมเป่าท าความสะอาด ตรวจเช็คแรงดันลมยางหน้า (รถไม่ได้บรรทุก) มาตรฐาน 28-33 Psi ไม่เป็นไป ตามเกณฑ์ เติมลม หรือ ปล่อยลมทิ้ง ตรวจเช็คแรงดันลมยางหน้า (รถบรรทุก – รถ Ambulance) มาตรฐาน 30-35 Psi ไม่เป็นไปตาม เกณฑ์ เติมลม หรือ ปล่อยลมทิ้ง ตรวจเช็คแรงดันลมยางหลัง (รถไม่ได้บรรทุก) มาตรฐาน 28-30 Psi ไม่เป็นไป ตามเกณฑ์ เติมลม หรือ ปล่อยลมทิ้ง ตรวจเช็คแรงดันลมยางหลัง (รถบรรทุก – รถ Ambulance) มาตรฐาน 30-50 Psi ไม่เป็นไป ตามเกณฑ์ เติมลม หรือ ปล่อยลมทิ้ง ตรวจเช็ครอยฉีก แก้มยาง ดอกยาง สภาพดี มีรอยฉีก เปลี่ยนยาง ตรวจเช็คสัปดาห์ / ปีคศ. ผลิตยาง ........../......... เทียบกับปีปัจจุบัน........................ ไม่เกิน 3 ปี เกิน 3 ปี ให้ระวังหน้ายาง มีรอยแตกลายงา ตรวจเช็คร่องลึกของดอกยาง กับ หมุดกลางร่อง ดอกยาง ใช้งานได้ ยางสูงกว่าหมุด สึกหรอยาง เสมอหมุด เปลี่ยนยาง ตรวจเช็ค ฝาครอบจุกเติมลมยาง มีครบ ไม่ครบ ควรจัดหาใส่ ตรวจรอยรั่วซึมของจุ๊ปยาง ให้น ้าแฟ๊บหรือน ้ายาที่มี ฟอง สภาพดี ไม่มีฟอง มีรั่วซึม มีฟอง ควรไขลูกศรให้แน่นขึ้น ตรวจเช็คลมยางอะไหล่ ใช้เคาะฟังเสียง ปกติ ไม่มีลมยาง ควรเติมลมยางอะไหล่ ตรวจเช็คที่ยึดยางอะไหล่ แน่น หลวม ควรติดตั้งให้แน่นหนา 5. ระบบน ้ำมันเชื้อเพลิง Fule ตรวจเช็คเกย์วัดปริมาณน ้ามัน ปกติ ค้าง เข้าศูนย์บริการ ตรวจ เดรนน ้า กรองดักน ้า ( รถดีเซล) ปกติไม่มีน ้า มีน ้า ต้องถ่าย เดรนน ้าทิ้ง 6. น ้ำมันหล่อลื่น O - Oil วัดระดับน ้ามันเครื่องตามขีดระดับที่ก้านวัด ให้อยู่ ระหว่างขีดบน - ขีดล่าง ปกติ ขาดต ่ากว่า ขีดล่าง เติมน ้ามันเครื่อง วัดระดับน ้ามันเพาเวอร์ อยู่ระหว่างขีดบน-ขีดล่าง ปกติ ขาดต ่ากว่า ขีดล่าง เติมให้อยู่ในระดับ ตรวจเช็คสภาพสีของน ้ามันเพาเวอร์ สีแดง สถาพปกติ สีแดงขุ่น ผิดปกติ ต้องเปลี่ยนน ้ามันเพาเวอร์ วัดระดับน ้ามันเกียร์ออโต -ขณะเครื่องเย็น ดูที่ก้านวัด ต้องอยู่ระหว่างกลาง ของระดับ Cool -ขณะเครื่องร้อนดูที่ก้านวัด ต้องอยู่ ระหว่างกลาง ของระดับ Hot ปกติ ขาด เติมน ้ามันเกียร์ออโตเพิ่ม 7. เสียงดัง N - NOISE 138 คูมือหลักสูตร การขับรถบริการการแพทยฉุกเฉินและรถพยาบาล สถาบันการแพทยฉุกเฉินแหงชาติ National Institute for Emergency Medicine สถาบันการแพทยฉุกเฉินแหงชาติ ห น้ า ที่ National Institute for Emergency Medicine | 104 ล ำดับ รำยกำรตรวจเช็ค ผลกำรตรวจเช็ค ปกติ ไม่ปกติ ปรับปรุงแก้ไข ตรวจท าความสะอาดขั้วแบตเตอรี่ ปกติ มีขี้เกลือ ให้ล้างท าความสะอาดด้วยน ้าอุ่น และ ทาวาสลิน หรือ ไขปลาวาฬ ตรวจเช็คเหล็กรัดแบตเตอรี่ ปกติ หลวม ให้ขันสกรูยึดให้แน่น ตรวจเช็คไฟหน้า ซ้าย – ขวา ติดทุกดวง ไม่ติดซ้าย ไม่ติดขวา เช็คฟิวล์ หรือเปลี่ยนหลอดไฟหน้า ตรวจเช็คไฟสูง ซ้าย – ขวา ติดทุกดวง ไม่ติดซ้าย ไม่ติดขวา เช็คฟิวล์ หรือเปลี่ยนหลอดไฟ ตรวจเช็คไฟหรีหน้า ซ้าย – ขวา ติดทุก ดวง ไม่ติดซ้าย ไม่ติดขวา เช็คฟิวล์ หรือเปลี่ยนหลอดไฟ ตรวจเช็คไฟเลี้ยวหน้า ซ้าย – ขวา ติดทุกดวง ไม่ติดซ้าย ไม่ติดขวา เช็คฟิวล์ หรือเปลี่ยนหลอดไฟ ตรวจเช็คไฟหรี่หลัง ซ้าย – ขวา ติดทุกดวง ไม่ติดซ้าย ไม่ติดขวา เช็คฟิวล์ หรือเปลี่ยนหลอดไฟ ตรวจเช็คไฟท้าย ซ้าย – ขวา ติดทุกดวง ไม่ติดซ้าย ไม่ติดขวา เช็คฟิวล์ หรือเปลี่ยนหลอดไฟ ตรวจเช็คไฟเบรก ซ้าย – ขวา ติดทุกดวง ไม่ติดซ้าย ไม่ติดขวา เช็คฟิวล์ หรือเปลี่ยนหลอดไฟ ตรวจเช็คไฟเลี้ยวหลัง ซ้าย – ขวา ติดทุกดวง ไม่ติดซ้าย ไม่ติดขวา เช็คฟิวล์ หรือเปลี่ยนหลอดไฟ ตรวจเช็คไฟถอยหลัง ติดปกติ ไม่ติด เช็คฟิวล์ หรือเปลี่ยนหลอดไฟ ตรวจเช็คเสียงออด-ถอยหลัง(ถ้ามี) มีเสียง ไม่มีเสียง เช็คฟิวล์ และ ออด ตรวจเช็คไฟส่องป้ายทะเบียน ติด ไม่ติด เช็คฟิวล์ หรือเปลี่ยนหลอดไฟ ตรวจเช็คไฟฉุกเฉิน Hazard กระพริบ ไม่กระพริบ เช็คสวิตซ์ หรือ รีเลย์ ตรวจเช็คไฟสปอตไลท์สนาม( ถ้ามี) ติด ไม่ติด เช็คฟิวล์ หรือเปลี่ยนหลอดไฟ ตรวจเช็คไฟวับวาบ หน้า แสงครบ หมุนปกติ แสงไม่ครบ ค้างไม่หมุน เช็คฟิวล์ หรือเปลี่ยนหลอดไฟ เช็ค มอร์เตอร์ ตรวจเช็คไฟวับวาบ หลัง แสงครบ หมุนปกติ แสงไม่ครบ ค้างไม่หมุน เช็คฟิวล์ หรือเปลี่ยนหลอดไฟ ตรวจเช็คไฟแฟลซ(Flash) ซ้าย แสง กระพริบปกติ แสงไม่ กระพริบ เช็คฟิวล์ หรือ รีเลย์ ตรวจเช็คไฟแฟลซ(Flash) ขวา แสง กระพริบปกติ แสงไม่ กระพริบ เช็คฟิวล์ หรือ รีเลย์ (ถ้า) ไฟวับวาบใช้ หลอด LED แสงครบ กระพริบปกติ แสงไม่ครบ ไม่กระพริบ ให้เช็คแผงวงจรไฟวับวาบ ตรวจเช็คไฟตัดหมอก หน้า-หลัง ซ้าย – ขวา หน้า หลัง ติดทุกดวง ไม่ติดซ้าย ไม่ติดขวา เช็คฟิวล์ หรือเปลี่ยนหลอดไฟ 3. ระบบน ้ำหล่อเย็น และน ้ำฉีดกระจก W -Water ตรวจเช็คยางปัดน ้าฝน ปาดเรียบ ปาดไม่เรียบ เปลี่ยนยางปัดน ้าฝนใหม่ ตรวจเช็คกระปุกฉีดน ้าปัดน ้าฝน อยู่ระดับ ขีดสูงสุด อยู่ต ่ากว่า ระดับสูงสุด เติมน ้าถึงระดับ ตรวจเช็คระดับน ้าในหม้อน ้า (รุ่นเก่า) เปิดฝาปิด หม้อน ้าดู พอดี ขาด เติมน ้าให้เต็ม ห น้ า ที่ | 105 ล ำดับ รำยกำรตรวจเช็ค ผลกำรตรวจเช็ค ปกติ ไม่ปกติ ปรับปรุงแก้ไข ตรวจเช็คระดับน ้าในหม้อพักน ้า พอดี ขาด เติมน ้าถึงระดับ ตรวจเช็คคราบน ้าบริเวณฝาปิดหม้อน ้า ไม่มีคราบ มีคราบ ควรเปลี่ยนฝาปิดหม้อน ้า ตรวจเช็ครอยแตกร้าว-ความยืดหยุ่นของท่อ ยางหม้อน ้า สภาพดี แข็ง รั่ว บน แข็ง รั่ว ล่าง เปลี่ยนท่อยางใหม่ 4. สภำพยำง และลมยำง A – Air ตรวจเช็คครีบกระดาษกรองอากาศ ปกติ ครีบล้ม ควรเปลี่ยน ตรวจเช็คไส้กรองอากาศ สะอาด สกปรก ใช้ลมเป่าท าความสะอาด ตรวจเช็คแรงดันลมยางหน้า (รถไม่ได้บรรทุก) มาตรฐาน 28-33 Psi ไม่เป็นไป ตามเกณฑ์ เติมลม หรือ ปล่อยลมทิ้ง ตรวจเช็คแรงดันลมยางหน้า (รถบรรทุก – รถ Ambulance) มาตรฐาน 30-35 Psi ไม่เป็นไปตาม เกณฑ์ เติมลม หรือ ปล่อยลมทิ้ง ตรวจเช็คแรงดันลมยางหลัง (รถไม่ได้บรรทุก) มาตรฐาน 28-30 Psi ไม่เป็นไป ตามเกณฑ์ เติมลม หรือ ปล่อยลมทิ้ง ตรวจเช็คแรงดันลมยางหลัง (รถบรรทุก – รถ Ambulance) มาตรฐาน 30-50 Psi ไม่เป็นไป ตามเกณฑ์ เติมลม หรือ ปล่อยลมทิ้ง ตรวจเช็ครอยฉีก แก้มยาง ดอกยาง สภาพดี มีรอยฉีก เปลี่ยนยาง ตรวจเช็คสัปดาห์ / ปีคศ. ผลิตยาง ........../......... เทียบกับปีปัจจุบัน........................ ไม่เกิน 3 ปี เกิน 3 ปี ให้ระวังหน้ายาง มีรอยแตกลายงา ตรวจเช็คร่องลึกของดอกยาง กับ หมุดกลางร่อง ดอกยาง ใช้งานได้ ยางสูงกว่าหมุด สึกหรอยาง เสมอหมุด เปลี่ยนยาง ตรวจเช็ค ฝาครอบจุกเติมลมยาง มีครบ ไม่ครบ ควรจัดหาใส่ ตรวจรอยรั่วซึมของจุ๊ปยาง ให้น ้าแฟ๊บหรือน ้ายาที่มี ฟอง สภาพดี ไม่มีฟอง มีรั่วซึม มีฟอง ควรไขลูกศรให้แน่นขึ้น ตรวจเช็คลมยางอะไหล่ ใช้เคาะฟังเสียง ปกติ ไม่มีลมยาง ควรเติมลมยางอะไหล่ ตรวจเช็คที่ยึดยางอะไหล่ แน่น หลวม ควรติดตั้งให้แน่นหนา 5. ระบบน ้ำมันเชื้อเพลิง Fule ตรวจเช็คเกย์วัดปริมาณน ้ามัน ปกติ ค้าง เข้าศูนย์บริการ ตรวจ เดรนน ้า กรองดักน ้า ( รถดีเซล) ปกติไม่มีน ้า มีน ้า ต้องถ่าย เดรนน ้าทิ้ง 6. น ้ำมันหล่อลื่น O - Oil วัดระดับน ้ามันเครื่องตามขีดระดับที่ก้านวัด ให้อยู่ ระหว่างขีดบน - ขีดล่าง ปกติ ขาดต ่ากว่า ขีดล่าง เติมน ้ามันเครื่อง วัดระดับน ้ามันเพาเวอร์ อยู่ระหว่างขีดบน-ขีดล่าง ปกติ ขาดต ่ากว่า ขีดล่าง เติมให้อยู่ในระดับ ตรวจเช็คสภาพสีของน ้ามันเพาเวอร์ สีแดง สถาพปกติ สีแดงขุ่น ผิดปกติ ต้องเปลี่ยนน ้ามันเพาเวอร์ วัดระดับน ้ามันเกียร์ออโต -ขณะเครื่องเย็น ดูที่ก้านวัด ต้องอยู่ระหว่างกลาง ของระดับ Cool -ขณะเครื่องร้อนดูที่ก้านวัด ต้องอยู่ ระหว่างกลาง ของระดับ Hot ปกติ ขาด เติมน ้ามันเกียร์ออโตเพิ่ม 7. เสียงดัง N - NOISE 139


คูมือหลักสูตร การขับรถบริการการแพทยฉุกเฉินและรถพยาบาล สถาบันการแพทยฉุกเฉินแหงชาติ National Institute for Emergency Medicine สถาบันการแพทยฉุกเฉินแหงชาติ ห น้ า ที่ National Institute for Emergency Medicine | 106 ล ำดับ รำยกำรตรวจเช็ค ผลกำรตรวจเช็ค ปกติ ไม่ปกติ ปรับปรุงแก้ไข ตรวจเช็คแตร ดัง ไม่ดัง ตรวจเช็คฟิวล์ และ รีเรย์ ตรวจเสียงสัญญาณไซเรน ดัง ไม่ดัง แก้ไข ตรวจเช็คเสียงดังต่าง ๆ c มี ไม่มี ถ้ามีแจ้งบริเวณเสียงที่ดัง น ้ำมันหล่อลื่น O - Oil 8. ระบบควำมเย็น - เครื่องปรับอำกำศ Air-condition ตรวจเช็คสวิทย์ทุกจังหวะของพัดลมแอร์ ปกติ ลมออก ครบทุก จังหวะ ไม่ปกติ ลม ออกไม่ครบ ควรเช็คสวิทย์พัดลม ตรวจเช็คระบบความเย็น เย็น ไม่เย็น เช็คน ้ายาแอร์ ตรวจเช็คตาแมว ที่ท่อน ้ายาแอร์ ใส มีฟอง มีฟองน้ายาแอร์ขาด ควรเติม ตรวจเช็คสายพานพัดลม มาตรฐานกดด้วยนิ้วลงได้ ครึ่งซม. ไม่เกิน 1 ซม. ปกติ ตึง เกิน หย่อนเกิน ควรปรับตั้งมูลเล่ย์สายพาน 9. ตรวจเช็คภำยในห้องคนขับ ตรวจเช็คการท างาน เซฟตี้เบลท์ โดยกระชาด-กระตุก ล๊อค ไม่ล๊อค ควร แก้ใข หรือ เปลี่ยน ตรวจเช็คสวิทย์ปรับกระจก มองข้าง ซ้าย -ขวา ท างาน เสีย แก้ไข ตรวจเช็คการท างานของ Parking Brake ล๊อคอยู่ ล๊อคไม่อยู่ ต้องปรับตั้งสายเคเบิ้ลใหม่ ตรวจเช็คไฟสัญญาณเตือนต่างๆเมื่อสตาร์ท เครื่องยนต์ ปกติ ติดค้าง สัญญลักษ์ของไฟสัญญาณที่ติดค้าง .............................................. ตรวจเช็คไฟส่องสว่างในห้องคนขับ .ใช้งานได้ เสีย เช็คฟิวล์ เปลี่ยนหลอดไฟ ตรวจเช็คไฟส่องสว่างในห้องผู้โดยสาร ใช้งานได้ เสีย เช็คฟิวล์ เปลี่ยนหลอดไฟ 10. อุปกรณ์ที่จ ำเป็นในกำรขับรถ ตรวจเช็คมีฟิวล์ส ารอง มีเพียงพอ ขาด จัดหาส ารอง ตรวจเช็คเข็มวัดแรงดันถังดับเพลิง ปกติ ไม่ขึ้น เปลี่ยนถังดับเพลิง ตรวจเช็คเครื่องมือประจ ารถ (แม่แรง บ๊อคขันล้อ ไขควง ประแจ) มี ไม่มี ควรจัดเตรียมไว้ในรถ ตรวจเช็ค ป้ ายสามเหลี่ยม หรือกรวยจราจร สะท้อนแสง มี ไม่มี ควรจัดเตรียมไว้ในรถ 11. เครื่องมืออุปกรณ์ปฐมพยำบำล ตรวจเช็คสภาพถังออกซิเจน และหัวเกย์ ปรับแรงดัน สภาพดี บกพร่อง ตรวจเช็ค ปริมาณก๊าซออกซิเจน สภาพดี บกพร่อง ตรวจเช็คฐานตัวล๊อคเปล สภาพดี บกพร่อง ตรวจเช็คเครื่องดูดเสมหะ สภาพดี บกพร่อง ตรวจเช็ค Spinal สภาพดี บกพร่อง ตรวจเช็ค Board / Belt / Head สภาพดี บกพร่อง ตรวจเช็ค Immobilizer สภาพดี บกพร่อง ตรวจเช็ค Stair Chair สภาพดี บกพร่อง ตรวจเช็ค ปล็กไฟส ารอง สภาพดี บกพร่อง 12. วัสดุในกำรปฐมพยำบำลเบื้องต้น ห น้ า ที่ | 107 ล ำดับ รำยกำรตรวจเช็ค ผลกำรตรวจเช็ค ปกติ ไม่ปกติ ปรับปรุงแก้ไข ถุงมือ M/L มีเพียงพอ ขาด หน้ากากอนามัยUrinal/bedpan มีเพียงพอ ขาด แอลกอฮอล์ ล้างมือ มีเพียงพอ ขาด กระดาษทิชชู มีเพียงพอ ขาด ชามรูปไต มีเพียงพอ ขาด ถุงขยะแดง ขาว มีเพียงพอ ขาด น ้าดื่ม และหลอดดูด มีเพียงพอ ขาด แอมบู และหน้ากาก มีเพียงพอ ขาด อุปกรณ์ PPE มีเพียงพอ ขาด ชุดผู้ป่วย มีเพียงพอ ขาด แผ่นรองซัง มีเพียงพอ ขาด แพมเพิส M/L มีเพียงพอ ขาด ล็อครถ เก็บกุญแจในที่ๆ ก าหนดไว้ น าเอกสารเก็บใส่แฟ้ม และติดป้ายพร้อมใช้หลังเสร็จสิ้นการตรวจสอบ กรณีไม่พร้อมใช้ให้ติด ป้ายไม่พร้อมใช้ และแจ้งหัวหน้าเวรเพื่อด าเนินการต่อให้พร้อมใช้ ใบเช็ครถหลังใช้ 140


คูมือหลักสูตร การขับรถบริการการแพทยฉุกเฉินและรถพยาบาล สถาบันการแพทยฉุกเฉินแหงชาติ National Institute for Emergency Medicine สถาบันการแพทยฉุกเฉินแหงชาติ ห น้ า ที่ National Institute for Emergency Medicine | 106 ล ำดับ รำยกำรตรวจเช็ค ผลกำรตรวจเช็ค ปกติ ไม่ปกติ ปรับปรุงแก้ไข ตรวจเช็คแตร ดัง ไม่ดัง ตรวจเช็คฟิวล์ และ รีเรย์ ตรวจเสียงสัญญาณไซเรน ดัง ไม่ดัง แก้ไข ตรวจเช็คเสียงดังต่าง ๆ c มี ไม่มี ถ้ามีแจ้งบริเวณเสียงที่ดัง น ้ำมันหล่อลื่น O - Oil 8. ระบบควำมเย็น - เครื่องปรับอำกำศ Air-condition ตรวจเช็คสวิทย์ทุกจังหวะของพัดลมแอร์ ปกติ ลมออก ครบทุก จังหวะ ไม่ปกติ ลม ออกไม่ครบ ควรเช็คสวิทย์พัดลม ตรวจเช็คระบบความเย็น เย็น ไม่เย็น เช็คน ้ายาแอร์ ตรวจเช็คตาแมว ที่ท่อน ้ายาแอร์ ใส มีฟอง มีฟองน้ายาแอร์ขาด ควรเติม ตรวจเช็คสายพานพัดลม มาตรฐานกดด้วยนิ้วลงได้ ครึ่งซม. ไม่เกิน 1 ซม. ปกติ ตึง เกิน หย่อนเกิน ควรปรับตั้งมูลเล่ย์สายพาน 9. ตรวจเช็คภำยในห้องคนขับ ตรวจเช็คการท างาน เซฟตี้เบลท์ โดยกระชาด-กระตุก ล๊อค ไม่ล๊อค ควร แก้ใข หรือ เปลี่ยน ตรวจเช็คสวิทย์ปรับกระจก มองข้าง ซ้าย -ขวา ท างาน เสีย แก้ไข ตรวจเช็คการท างานของ Parking Brake ล๊อคอยู่ ล๊อคไม่อยู่ ต้องปรับตั้งสายเคเบิ้ลใหม่ ตรวจเช็คไฟสัญญาณเตือนต่างๆเมื่อสตาร์ท เครื่องยนต์ ปกติ ติดค้าง สัญญลักษ์ของไฟสัญญาณที่ติดค้าง .............................................. ตรวจเช็คไฟส่องสว่างในห้องคนขับ .ใช้งานได้ เสีย เช็คฟิวล์ เปลี่ยนหลอดไฟ ตรวจเช็คไฟส่องสว่างในห้องผู้โดยสาร ใช้งานได้ เสีย เช็คฟิวล์ เปลี่ยนหลอดไฟ 10. อุปกรณ์ที่จ ำเป็นในกำรขับรถ ตรวจเช็คมีฟิวล์ส ารอง มีเพียงพอ ขาด จัดหาส ารอง ตรวจเช็คเข็มวัดแรงดันถังดับเพลิง ปกติ ไม่ขึ้น เปลี่ยนถังดับเพลิง ตรวจเช็คเครื่องมือประจ ารถ (แม่แรง บ๊อคขันล้อ ไขควง ประแจ) มี ไม่มี ควรจัดเตรียมไว้ในรถ ตรวจเช็ค ป้ ายสามเหลี่ยม หรือกรวยจราจร สะท้อนแสง มี ไม่มี ควรจัดเตรียมไว้ในรถ 11. เครื่องมืออุปกรณ์ปฐมพยำบำล ตรวจเช็คสภาพถังออกซิเจน และหัวเกย์ ปรับแรงดัน สภาพดี บกพร่อง ตรวจเช็ค ปริมาณก๊าซออกซิเจน สภาพดี บกพร่อง ตรวจเช็คฐานตัวล๊อคเปล สภาพดี บกพร่อง ตรวจเช็คเครื่องดูดเสมหะ สภาพดี บกพร่อง ตรวจเช็ค Spinal สภาพดี บกพร่อง ตรวจเช็ค Board / Belt / Head สภาพดี บกพร่อง ตรวจเช็ค Immobilizer สภาพดี บกพร่อง ตรวจเช็ค Stair Chair สภาพดี บกพร่อง ตรวจเช็ค ปล็กไฟส ารอง สภาพดี บกพร่อง 12. วัสดุในกำรปฐมพยำบำลเบื้องต้น ห น้ า ที่ | 107 ล ำดับ รำยกำรตรวจเช็ค ผลกำรตรวจเช็ค ปกติ ไม่ปกติ ปรับปรุงแก้ไข ถุงมือ M/L มีเพียงพอ ขาด หน้ากากอนามัยUrinal/bedpan มีเพียงพอ ขาด แอลกอฮอล์ ล้างมือ มีเพียงพอ ขาด กระดาษทิชชู มีเพียงพอ ขาด ชามรูปไต มีเพียงพอ ขาด ถุงขยะแดง ขาว มีเพียงพอ ขาด น ้าดื่ม และหลอดดูด มีเพียงพอ ขาด แอมบู และหน้ากาก มีเพียงพอ ขาด อุปกรณ์ PPE มีเพียงพอ ขาด ชุดผู้ป่วย มีเพียงพอ ขาด แผ่นรองซัง มีเพียงพอ ขาด แพมเพิส M/L มีเพียงพอ ขาด ล็อครถ เก็บกุญแจในที่ๆ ก าหนดไว้ น าเอกสารเก็บใส่แฟ้ม และติดป้ายพร้อมใช้หลังเสร็จสิ้นการตรวจสอบ กรณีไม่พร้อมใช้ให้ติด ป้ายไม่พร้อมใช้ และแจ้งหัวหน้าเวรเพื่อด าเนินการต่อให้พร้อมใช้ ใบเช็ครถหลังใช้ 140 คูมือหลักสูตร การขับรถบริการการแพทยฉุกเฉินและรถพยาบาล สถาบันการแพทยฉุกเฉินแหงชาติ National Institute for Emergency Medicine สถาบันการแพทยฉุกเฉินแหงชาติ ห น้ า ที่ National Institute for Emergency Medicine | 106 ล ำดับ รำยกำรตรวจเช็ค ผลกำรตรวจเช็ค ปกติ ไม่ปกติ ปรับปรุงแก้ไข ตรวจเช็คแตร ดัง ไม่ดัง ตรวจเช็คฟิวล์ และ รีเรย์ ตรวจเสียงสัญญาณไซเรน ดัง ไม่ดัง แก้ไข ตรวจเช็คเสียงดังต่าง ๆ c มี ไม่มี ถ้ามีแจ้งบริเวณเสียงที่ดัง น ้ำมันหล่อลื่น O - Oil 8. ระบบควำมเย็น - เครื่องปรับอำกำศ Air-condition ตรวจเช็คสวิทย์ทุกจังหวะของพัดลมแอร์ ปกติ ลมออก ครบทุก จังหวะ ไม่ปกติ ลม ออกไม่ครบ ควรเช็คสวิทย์พัดลม ตรวจเช็คระบบความเย็น เย็น ไม่เย็น เช็คน ้ายาแอร์ ตรวจเช็คตาแมว ที่ท่อน ้ายาแอร์ ใส มีฟอง มีฟองน้ายาแอร์ขาด ควรเติม ตรวจเช็คสายพานพัดลม มาตรฐานกดด้วยนิ้วลงได้ ครึ่งซม. ไม่เกิน 1 ซม. ปกติ ตึง เกิน หย่อนเกิน ควรปรับตั้งมูลเล่ย์สายพาน 9. ตรวจเช็คภำยในห้องคนขับ ตรวจเช็คการท างาน เซฟตี้เบลท์ โดยกระชาด-กระตุก ล๊อค ไม่ล๊อค ควร แก้ใข หรือ เปลี่ยน ตรวจเช็คสวิทย์ปรับกระจก มองข้าง ซ้าย -ขวา ท างาน เสีย แก้ไข ตรวจเช็คการท างานของ Parking Brake ล๊อคอยู่ ล๊อคไม่อยู่ ต้องปรับตั้งสายเคเบิ้ลใหม่ ตรวจเช็คไฟสัญญาณเตือนต่างๆเมื่อสตาร์ท เครื่องยนต์ ปกติ ติดค้าง สัญญลักษ์ของไฟสัญญาณที่ติดค้าง .............................................. ตรวจเช็คไฟส่องสว่างในห้องคนขับ .ใช้งานได้ เสีย เช็คฟิวล์ เปลี่ยนหลอดไฟ ตรวจเช็คไฟส่องสว่างในห้องผู้โดยสาร ใช้งานได้ เสีย เช็คฟิวล์ เปลี่ยนหลอดไฟ 10. อุปกรณ์ที่จ ำเป็นในกำรขับรถ ตรวจเช็คมีฟิวล์ส ารอง มีเพียงพอ ขาด จัดหาส ารอง ตรวจเช็คเข็มวัดแรงดันถังดับเพลิง ปกติ ไม่ขึ้น เปลี่ยนถังดับเพลิง ตรวจเช็คเครื่องมือประจ ารถ (แม่แรง บ๊อคขันล้อ ไขควง ประแจ) มี ไม่มี ควรจัดเตรียมไว้ในรถ ตรวจเช็ค ป้ ายสามเหลี่ยม หรือกรวยจราจร สะท้อนแสง มี ไม่มี ควรจัดเตรียมไว้ในรถ 11. เครื่องมืออุปกรณ์ปฐมพยำบำล ตรวจเช็คสภาพถังออกซิเจน และหัวเกย์ ปรับแรงดัน สภาพดี บกพร่อง ตรวจเช็ค ปริมาณก๊าซออกซิเจน สภาพดี บกพร่อง ตรวจเช็คฐานตัวล๊อคเปล สภาพดี บกพร่อง ตรวจเช็คเครื่องดูดเสมหะ สภาพดี บกพร่อง ตรวจเช็ค Spinal สภาพดี บกพร่อง ตรวจเช็ค Board / Belt / Head สภาพดี บกพร่อง ตรวจเช็ค Immobilizer สภาพดี บกพร่อง ตรวจเช็ค Stair Chair สภาพดี บกพร่อง ตรวจเช็ค ปล็กไฟส ารอง สภาพดี บกพร่อง 12. วัสดุในกำรปฐมพยำบำลเบื้องต้น ห น้ า ที่ | 107 ล ำดับ รำยกำรตรวจเช็ค ผลกำรตรวจเช็ค ปกติ ไม่ปกติ ปรับปรุงแก้ไข ถุงมือ M/L มีเพียงพอ ขาด หน้ากากอนามัยUrinal/bedpan มีเพียงพอ ขาด แอลกอฮอล์ ล้างมือ มีเพียงพอ ขาด กระดาษทิชชู มีเพียงพอ ขาด ชามรูปไต มีเพียงพอ ขาด ถุงขยะแดง ขาว มีเพียงพอ ขาด น ้าดื่ม และหลอดดูด มีเพียงพอ ขาด แอมบู และหน้ากาก มีเพียงพอ ขาด อุปกรณ์ PPE มีเพียงพอ ขาด ชุดผู้ป่วย มีเพียงพอ ขาด แผ่นรองซัง มีเพียงพอ ขาด แพมเพิส M/L มีเพียงพอ ขาด ล็อครถ เก็บกุญแจในที่ๆ ก าหนดไว้ น าเอกสารเก็บใส่แฟ้ม และติดป้ายพร้อมใช้หลังเสร็จสิ้นการตรวจสอบ กรณีไม่พร้อมใช้ให้ติด ป้ายไม่พร้อมใช้ และแจ้งหัวหน้าเวรเพื่อด าเนินการต่อให้พร้อมใช้ ใบเช็ครถหลังใช้ 141


คูมือหลักสูตร การขับรถบริการการแพทยฉุกเฉินและรถพยาบาล สถาบันการแพทยฉุกเฉินแหงชาติ National Institute for Emergency Medicine สถาบันการแพทยฉุกเฉินแหงชาติ National Institute for Emergency Medicine บัรรณนิุกรม รืายงานอุบุัติิเหติุจรืาจรืทางหลัวงแผู้่นดินปี 2550. กรืมทางหลัวง [อินเทอรื์เน็ติ]. 2550 [เขำ้าถ่งเมื�อ 30 ก.คำ. 2557]. เขำ้าถ่งได้จาก: http://saraban.doh.go.th. สำานักสาธารืณุสุขำฉุกเฉิน กรืะทรืวงสาธารืณุสุขำ. หลัักส่ติรืฝึึกอบุรืมพนักงานขำับุรืถพยาบุาลั Thai Emergency Ambulance Driving Course (TEAm) ฉบุบุั ปรืบุั ปรืุงคำรืั�งที� 1. กรืุงเทพฯ: สำานักงานกิจการืโรืงพิมพ์สงเคำรืาะห์ องคำ์การืทหารืผู้่านศ่ก; 2557. ศาสติรืาจารืย์พลัติำารืวจโทหญิง ดรื.นัยนา เกิดวิชััย ขำ้อกฎหมายเกี�ยวกับุรืถฉุกเฉิน พรืะรืาชับุัญญัติิจรืาจรืทางบุก พ.ศ. ๒๕๒๒ เขำ้าถ่งได้จาก: https://www.tgia.org/upload/file_group/9/download_1383.pdf รืายงานสรืุปผู้ลัโคำรืงการือบุรืมเชัิงปฏิิบุัติิการืเพื�อพัฒนาศักยภาพผู้่้ขำับุรืถพยาบุาลัในรืะบุบุปฏิิบุัติิการืฉุกเฉินแลัะรืะบุบุ ส่งติ่อปี 2557. โรืงพยาบุาลัขำอนแก่น. 2557. (อัดสำาเนา) เทคำนิคำการืขำับุรืถปลัอดภัยเชัิงป้องกันอุบุัติิเหติุ. โรืงเรืียนทักษะพิพัฒน์. 2557. (อัดสำาเนา) คำวามรืุนแรืงขำองอุบุัติิเหติุที�เกี�ยวขำ้องกับุคำวามเรื็ว. ศ่นย์วิจัยอุบุัติิเหติุแห่งปรืะเทศไทย [อินเทอรื์เน็ติ]. 2550 [เขำ้าถ่งเมื�อ 2 ส.คำ. 2557]. เขำ้าถ่งได้จาก: http://www.tarc.ait.ac.th/th/speed.php. รืายงานสรืุปสถิติิการืเกิดอุบุัติิเหติุขำองรืถพยาบุาลั. สถาบุันการืแพทย์ฉุกเฉินแห่งชัาติิ. 2557. (อัดสำาเนา) สาเหติุการืเกิดอุบุัติิเหติุ. สำานักงานติำารืวจแห่งชัาติิ [อินเทอรื์เน็ติ]. 2549 [เขำ้าถ่งเมื�อ 2 ส.คำ. 2557]. เขำ้าถ่งได้จาก: http://www.tarc.ait.ac.th/th/speed.php. ศาสติรืาจารืย์เกียรืติิคำุณุ แพทย์หญิง พวงทอง ไกรืพิบุ่ลัย์. เหนื�อยลั้า อ่อนลั้า อ่อนเพลัีย (Fatigue) แหลั่งที�มา http://haamor.com/th/%E0%B8%AD%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0% B9%80%E0%B8%9E%E0%B8%A5%E0%B8%B5%E0%B8%A2/ สืบุคำ้นเมื�อ 20 มิถุนายน 2564 (Mackie, R.R. & Miller, J.C. (1978) Effects of hours of service, regularity of schedules and cargo loading on truck and bus driver fatigue. DOT-HS-5-01142, Human Factors Research Inc ) Connor J, Whitlock G, Norton R, Jackson R. The role of driver sleepiness in car crashes: a systematic review of epidemiological studies. Accid Anal Prev. 2001 Jan;33(1):31-41. doi: 10.1016/s0001- 4575(00)00013-0. PMID: 11189120. Andrea Abbas MS.NRP. EMS Fatigue Mitigation and Safety แหลั่งที�มา. https://mcrh.msu.edu/programs/ EMS%20Faituge%20Mitigation%20and%20Safety%20BETP.pdf สืบุคำ้นเมื�อ 02 มีนาคำม 2564 Dr Michelle Millar, Technical Officer (Human Performance), ICAO. Measuring Fatigue.2012. แหลั่งที�มาhttps://www.icao.int/safety/fatiguemanagement/FRMSBangkok/4.%20Measuring%20 Fatigue.pdf. สืบุคำ้นเมื�อ 02 มีนาคำม 2564 Emergency Vehicle Operation Course (Ambulance) National Curricurum . 1995. แหลั่งที�มา : https://www.ems.gov/pdf/education/Other/EVOC_Participant_Guide.pdf. สืบุคำ้นเมื�อ 02 มีนาคำม, 2564 142


คูมือหลักสูตร การขับรถบริการการแพทยฉุกเฉินและรถพยาบาล สถาบันการแพทยฉุกเฉินแหงชาติ National Institute for Emergency Medicine สถาบันการแพทยฉุกเฉินแหงชาติ National Institute for Emergency Medicine บัรรณนิุกรม รืายงานอุบุัติิเหติุจรืาจรืทางหลัวงแผู้่นดินปี 2550. กรืมทางหลัวง [อินเทอรื์เน็ติ]. 2550 [เขำ้าถ่งเมื�อ 30 ก.คำ. 2557]. เขำ้าถ่งได้จาก: http://saraban.doh.go.th. สำานักสาธารืณุสุขำฉุกเฉิน กรืะทรืวงสาธารืณุสุขำ. หลัักส่ติรืฝึึกอบุรืมพนักงานขำับุรืถพยาบุาลั Thai Emergency Ambulance Driving Course (TEAm) ฉบุบุั ปรืบุั ปรืุงคำรืั�งที� 1. กรืุงเทพฯ: สำานักงานกิจการืโรืงพิมพ์สงเคำรืาะห์ องคำ์การืทหารืผู้่านศ่ก; 2557. ศาสติรืาจารืย์พลัติำารืวจโทหญิง ดรื.นัยนา เกิดวิชััย ขำ้อกฎหมายเกี�ยวกับุรืถฉุกเฉิน พรืะรืาชับุัญญัติิจรืาจรืทางบุก พ.ศ. ๒๕๒๒ เขำ้าถ่งได้จาก: https://www.tgia.org/upload/file_group/9/download_1383.pdf รืายงานสรืุปผู้ลัโคำรืงการือบุรืมเชัิงปฏิิบุัติิการืเพื�อพัฒนาศักยภาพผู้่้ขำับุรืถพยาบุาลัในรืะบุบุปฏิิบุัติิการืฉุกเฉินแลัะรืะบุบุ ส่งติ่อปี 2557. โรืงพยาบุาลัขำอนแก่น. 2557. (อัดสำาเนา) เทคำนิคำการืขำับุรืถปลัอดภัยเชัิงป้องกันอุบุัติิเหติุ. โรืงเรืียนทักษะพิพัฒน์. 2557. (อัดสำาเนา) คำวามรืุนแรืงขำองอุบุัติิเหติุที�เกี�ยวขำ้องกับุคำวามเรื็ว. ศ่นย์วิจัยอุบุัติิเหติุแห่งปรืะเทศไทย [อินเทอรื์เน็ติ]. 2550 [เขำ้าถ่งเมื�อ 2 ส.คำ. 2557]. เขำ้าถ่งได้จาก: http://www.tarc.ait.ac.th/th/speed.php. รืายงานสรืุปสถิติิการืเกิดอุบุัติิเหติุขำองรืถพยาบุาลั. สถาบุันการืแพทย์ฉุกเฉินแห่งชัาติิ. 2557. (อัดสำาเนา) สาเหติุการืเกิดอุบุัติิเหติุ. สำานักงานติำารืวจแห่งชัาติิ [อินเทอรื์เน็ติ]. 2549 [เขำ้าถ่งเมื�อ 2 ส.คำ. 2557]. เขำ้าถ่งได้จาก: http://www.tarc.ait.ac.th/th/speed.php. ศาสติรืาจารืย์เกียรืติิคำุณุ แพทย์หญิง พวงทอง ไกรืพิบุ่ลัย์. เหนื�อยลั้า อ่อนลั้า อ่อนเพลัีย (Fatigue) แหลั่งที�มา http://haamor.com/th/%E0%B8%AD%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0% B9%80%E0%B8%9E%E0%B8%A5%E0%B8%B5%E0%B8%A2/ สืบุคำ้นเมื�อ 20 มิถุนายน 2564 (Mackie, R.R. & Miller, J.C. (1978) Effects of hours of service, regularity of schedules and cargo loading on truck and bus driver fatigue. DOT-HS-5-01142, Human Factors Research Inc ) Connor J, Whitlock G, Norton R, Jackson R. The role of driver sleepiness in car crashes: a systematic review of epidemiological studies. Accid Anal Prev. 2001 Jan;33(1):31-41. doi: 10.1016/s0001- 4575(00)00013-0. PMID: 11189120. Andrea Abbas MS.NRP. EMS Fatigue Mitigation and Safety แหลั่งที�มา. https://mcrh.msu.edu/programs/ EMS%20Faituge%20Mitigation%20and%20Safety%20BETP.pdf สืบุคำ้นเมื�อ 02 มีนาคำม 2564 Dr Michelle Millar, Technical Officer (Human Performance), ICAO. Measuring Fatigue.2012. แหลั่งที�มาhttps://www.icao.int/safety/fatiguemanagement/FRMSBangkok/4.%20Measuring%20 Fatigue.pdf. สืบุคำ้นเมื�อ 02 มีนาคำม 2564 Emergency Vehicle Operation Course (Ambulance) National Curricurum . 1995. แหลั่งที�มา : https://www.ems.gov/pdf/education/Other/EVOC_Participant_Guide.pdf. สืบุคำ้นเมื�อ 02 มีนาคำม, 2564 142 คูมือหลักสูตร การขับรถบริการการแพทยฉุกเฉินและรถพยาบาล สถาบันการแพทยฉุกเฉินแหงชาติ National Institute for Emergency Medicine สถาบันการแพทยฉุกเฉินแหงชาติ National Institute for Emergency Medicine Platzer, G., "The Geometry of Automotive Rearview Mirrors - Why Blind Zones Exist and Strategies to Overcome Them," SAE Technical Paper 950601, 1995, แหลั่งที�มา https://doi.org/10.4271/950601. สืบุคำ้นเมื�อ 05 มีนาคำม 2564 Lights and Siren Use by Emergency Medical Services (EMS): Above All Do No Harm, U. S. Department of Transportation National Highway Traffic Safety Administration Office of Emergency Medical Services, page 45-50 (EMS) แหลั่งที�มาhttps://www.ems.gov/pdf/Lights_and_Sirens_Use_by_ EMS_May_2017.pdf. สืบุคำ้นเมื�อ 10 เมษายน 2564 EMS safety program guide National EMS SAFETY COUNCIL.2015. แหลั่งที�มา http://www.naemt.org/docs/default-source/ems-health-and-safety-documents/ nemssc/ems-safety-program-guide-10-11-17.pdf?status=Temp&sfvrsn=0.13715842522823762. สืบุคำ้นเมื�อ 10 เมษายน 2564. 143


Click to View FlipBook Version