The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by mookpcn18, 2019-03-04 13:50:10

รวมเล่มโครงการ

แบบสอบถามความพึงพอใจโครงการศึกษาดูงาน
ณ อุทยานรังสรรค์นวัตกรรมอวกาศ (Space inspirium) และ เจพาร์ค นิฮอน มูระ จ.ชลบุรี

วันเสาร์ ๑๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๒

ค าชี้แจง แบบสอบถามฉบับนี้ สร้างขึ้นเพื่อต้องการสอบถามความพึงพอใจของท่านเกี่ยวกับโครงการที่ได้จัดท าขึ้น ซึ่งข้อมูลที่ได้

จากการตอบแบบสอบถาม จะเป็นแนวทางการพัฒนาการจัดโครงการให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

ตอนที่ ๑ ข้อมูลทั่วไปของผู้ตอบแบบสอบถาม (กรุณาท าเครื่องหมาย  หน้าข้อความตามความเป็นจริง)
๑.๑ เพศ  ชาย  หญิง

๑.๒ ระดับการศึกษา  ปวช.  ปวส.

๑.๓ สถานะ  ครู  นักเรียน  นักศึกษา

ตอนที่ ๒ โครงการศึกษาดูงาน ( โปรดท าเครื่องหมาย  ลงในช่องที่ตรงกับความพึงพอใจ)
ระดับความพึงพอใจ ๕ : มากที่สุด ๔ : มาก ๓ : ปานกลาง ๒ : น้อย ๑ : น้อยที่สุด

ระดับความพึงพอใจ

ปาน
รายการประเมิน มากที่สุด มาก น้อย น้อยที่สุด
กลาง

๕ ๔ ๓ ๒ ๑

๑. ด้านการจัดโครงการ
๑.๑ มีการประชาสัมพันธ์ให้ทราบ

๑.๒ มีการล าดับขั้นตอนของกิจกรรม

๑.๓ กระบวนการจัดกิจกรรม
๑.๔ กระบวนการจัดกิจกรรมตรงกับวัตถุประสงค์การจัดงาน

๒.ด้านสถานที่/ระยะเวลาการด าเนินโครงการ

๒.๑ ความเหมาะสมของสถานที่ในการด าเนินงาน
๒.๒ ความเหมาะสมของระยะเวลาที่ใช้ในการด าเนินโครงการ

๒.๓ การอ านวยความสะดวกการประสานงานในโครงการ

๓.ผลที่ได้จากการเข้าร่วมโครงการ

๓.๑ นักเรียน นักศึกษาได้รับความรู้และประสบการณ์จากการไปดู
งานครั้งนี้

๓.๒ นักเรียน นักศึกษาได้รับความรู้ทางด้านวิทยาศาสตร์

๓.๓ นักเรียน นักศึกษาได้รู้จักการวางแผนอย่างเป็นระบบ
ตอนที่ ๓ ข้อเสนอแนะ

………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

ขอขอบคุณที่ให้ความร่วมมือ
สาขาวิชาคอมพิวเตอร์ธุรกิจ





สรุปและรายงานผลการปฏิบัติงาน

๑. ชื่อโครงการ โครงการศึกษาดูงาน


๒. วัตถุประสงค์ ๒.๑ เพื่อให้นักเรียน นักศึกษาได้รับความรู้และประสบการณ์
จากการไปดูงานครั้งนี้
๒.๒ เพื่อให้นักเรียน นักศึกษาได้รับความรู้ทางวิทยาศาสตร์
และเทคโนโลยี

๒.๓ เพื่อให้นักเรียน นักศึกษาได้รู้จักการวางแผนอย่างเป็น

ระบบ
๓. วันที่จัดท าโครงการ ๓.๑ วันเสาร์ที่ ๑๖ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๖๒

๔. สถานที่ด าเนินการ ๔.๑ พิพิธภัณฑ์อวกาศ ที่ ต.ทุ่งสุขลา อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี
และเจพาร์ค นิฮอน มูระ ต.สุรศักดิ์ อ.ศรีราชา จ.ชลบุรีvbdr4

๕. งบประมาณในการจัดกิจกรรม ๕.๑ ยอดเงินที่ได้รับการจัดสรร ๒๑,๔๐๐ บาท

๕.๒ ยอดเงินที่ใช้ไป ๑๗,๑๕๐บาท

๕.๓ ยอดเงินคงเหลือ ๔,๒๕๐ บาท

๖. จ านวนผู้เข้าร่วมกิจกรรม ๖.๑ เป้าหมายจ านวนนักเรียน นักศึกษาจ านวน ๒๓๑ คน
ครู อาจารย์ ๖ คน

๖.๒ ผู้เข้าร่วมโครงการจ านวน ๒๓๙ คน

๖.๓ ผู้เข้าร่วมโครงการคิดเป็นร้อยละ ๑๐๐

๗. ผลการด าเนินงาน ๗.๑ ความพึงพอใจอยู่ในระดับมากที่สุด


๘. ข้อเสนอแนะ ๘.๑ สถานที่ในการด าเนินงานร้อน
๘.๒ อาหารเช้าไม่โอเค



ชื่อ : นายฐิติกร สุวรรณโชติ
: นายพิชากร มีมาก
: นางสาวสุดาภรณ์ ทัตเศษ
: นางสาวพิมพ์ชนก ชนะศึก

: นางสาวปภาวดี ชอบแต่ง
: นางสาววรัทยา ก าแก้ว
: นางสาวมณีนุช ป๊อกแป๊ก
ชื่อโครงการ : โครงการศึกษาดูงาน

สาขาวิชา : สาขาวิชาคอมพิวเตอร์ธุรกิจ
อาจารย์ที่ปรึกษา : นายวิทูล เยื่องอย่าง
ปีการศึกษา : 2561


บทคัดย่อ
ในการจัดท าโครงการครั้งนี้โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้นักเรียน นักศึกษาได้รับความรู้และ
ประสบการณ์จากการดูงาน ได้รับความรู้ทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีและรู้จักการวางแผน

อย่างเป็นระบบ
ผลของการส ารวจความพึงพอใจจากแบบสอบถาม สรุปผลการประเมินที่ได้จากการส ารวจมี
ระดับความพึงพอใจระดับมาก ( ̅=๔.๒๗) ดังนี้เพศชายคิดเป็นร้อยละ ๒๖.๔ เพศหญิงคิดเป็นร้อยละ
๗๓.๔ ระดับการศึกษา ปวช. จ านวน ๙๓ คน คิดเป็นร้อยละ ๓๘.๖ ของประชากรทั้งหมด ระดับ

การศึกษา ปวส. จ านวน ๑๕๑ คน คิดเป็นร้อยละ ๖๑.๔ ของประชากรทั้งหมด ระดับสถานะ
นักเรียน จ านวน ๖๕ คน คิดเป็นร้อยละ ๖๐.๖ ของประชากรทั้งหมด ระดับสถานะ นักศึกษา จ านวน
๙๒ คน คิดเป็นร้อยละ ๓๗.๔ ของประชากรทั้งหมด ระดับสถานะ ครู อาจารย์ จ านวน ๕ คน คิด
เป็นร้อยละ ๒ ของประชากรทั้งหมด นักศึกษาที่เข้าร่วมโครงการศึกษาดูงาน กระบวนการขั้นตอนการ

บริหารในภาพรวมอยู่ในระดับ มาก ( = ๔.๒) กระบวนการขั้นตอนการบริหารในภาพรวมอยู่ใน
ระดับ มาก ( = ๔.๒)





กิตติกรรมประกาศ
โครงการศึกษาดูงาน นี้ส าเร็จลุล่วงไปได้อย่างดีก็ด้วยค าเสนอแนะ และความกรุณาอย่างดี

ยิ่งของท่านผู้อ านวยการวิทยาลัยเทคนิคระยอง ว่าที่เรือตรีชูชีพ อรุณเหลือง และรองผู้อ านวยการทุก
ฝ่ายที่ได้ให้ค าแนะน า เสนอแนะข้อคิดเห็นต่างๆอีกทั้งยังสละเวลาเพื่อตรวจสอบความพรต่างๆจึงใคร่

ขอกราบขอบพระคุณเป็นอย่างสูงมา ณ โอกาสนี้

ขอกราบขอบพระคุณท่าน นางพรทิพา บ ารุงรัตน์ หัวหน้าสาขาวิชาคอมพิวเตอร์ธุรกิจที่ให้
การสนับสนุนในการจัดท าโครงการ และแนะน าแนวความคิด ในการจัดท ารูปเล่มเอกสารโครงการ

อีกทั้งยังสละเวลามาเข้าร่วมโครงการศึกษาดูงาน ในครั้งนี้

ขอกราบขอบพระคุณท่าน อาจารย์วิทูล เยื่องอย่าง อาจารย์ที่ปรึกษาโครงการ ที่ให้การ
สนับสนุนในการจัดท าโครงการ แนะน าแนวความคิดในการจัดท ารูปเล่มเอกสารโครงการ อีกทั้งยัง
สละเวลามาเข้าร่วมโครงการศึกษาดูงาน รวมทั้งค าปรึกษาในการด าเนินงานจนประสบผลส าเร็จลุล่วง

ตามวัตถุประสงค์

ขอกราบขอบพระคุณท่าน อาจารย์พรทิพา บ ารุงรัตน์ อาจารย์ศลิษา หนูเสมียน อาจารย์
พันณ์ชิตา ค ามะฤทธิ์ อาจารย์ปรีชา คางงูเหลือม อาจารย์รุ่งนภา กองเกิด อาจารย์นายคณิศร แสนผูก
อาจารย์อนิรุตติ์ บัวระภาและอาจารย์วิทูล เยื่องอย่าง และอาจารย์ทุกๆแผนก ที่ให้การสนันสนุนใน

การจัดท าโครงการ อีกทั้งยังสละเวลามาเข้าร่วมโครงการศึกษาดูงานในครั้งนี้

คุณค่าและประโยชน์ของโครงการศึกษาดูงาน ฉบับนี้คณะผู้จัดท าขอมอบเป็นเครื่องบูชา
พระคุณ คุณพ่อ คุณแม่ ครู อาจารย์ และครอบครัว ตลอดจนผู้มีพระคุณทุกท่านที่ช่วยให้คณะ

ผู้จัดท ามีความมานะพยายามและประสบความส าเร็จในการศึกษา ผู้จัดท ามีความซาบซึ้งใจในความ
กรุณาอันดียิ่งจากทุกท่านที่ได้กล่าวนาม และขอขอบพระคุณมา ณ โอกาสนี้

คณะผู้จัดท า






ค ำน ำ


รายงานเล่มนี้เป็นผลการด าเนินโครงการศึกษาดูงาน จัดท าขึ้นเพื่อให้นักเรียน นักศึกษา
ได้รับความรู้และประสบการณ์จากการดูงาน ได้รับความรู้ทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีและ

รู้จักการวางแผนอย่างเป็นระบบ
อนึ่ง คณะผู้จัดท า หวังเป็นอย่างยิ่ง ว่าจะเป็นประโยชน์แก่นักเรียน นักศึกษา ครู-อาจารย์

และผู้สนใจทั่วไปดังเจตนารมณ์ที่ตั้ง หากมีข้อแนะประการใดคณะผู้จัดท าน้อมไว้ด้วยความ
ขอบพระคุณอย่างยิ่ง

โครงการเล่มนี้มีผลการด าเนินงานลุล่วงไปด้วยได้ดี โดยได้รับความร่วมมืออย่างยิ่งจาก

นักเรียนนักศึกษาและคณะผู้จัดท าโครงการ ใคร่ขอขอบพระคุณทุกท่าน ณ โอกาสนี้ด้วย



คณะผู้จัดท า




สารบัญ


หน้า

สรุปและรายงานผลการปฏิบัติงาน ก
บทคัดย่อ ข

กิตติกรรมประกาศ ค

ค าน า ง
สารบัญ จ

สารบัญ(ต่อ) ฉ
สารบัญตาราง ช

สารบัญภาพ ซ
บทที่ ๑ บทน า

๑.๑ หลักการและเหตุผล ๑

๑.๒ วัตถุประสงค์ ๑
๑.๓ เป้าหมาย ๑

๑.๔ ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ ๑

๑.๕ สถานที่ ๑
๑.๖ ค านิยามศัพท์ ๑

บทที่ ๒ เอกสารและทฤษฎีที่เกี่ยวข้อง
๒.๑ การศึกษา ๓

๒.๒ ดูงาน ๑๓
๒.๓ พิพิธภัณฑ์ ๑๔

๒.๒ PDCA ๑๕

บทที่ ๓ วิธีการด าเนินงาน
๓.๑ การศึกษาข้อมูลเบื้องต้น ๑๗

๓.๒ ประชากรและกลุ่มเป้าหมาย ๑๗

๓.๓ ขั้นตอนการด าเนินงาน ๑๗
๓.๔ เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล ๒๒

๓.๕ ขั้นตอนการด าเนินการและการเก็บรวบรวมข้อมูล ๒๓
๓.๖ พิจารณาจากคะแนนตามเกณฑ์ ๒๓

๓.๗ สถิติใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ๒๔




สารบัญ (ต่อ)
หน้า

บทที่ ๔ ผลการวิเคราะห์ข้อมูล

๔.๑ ผลการด าเนินงาน ๒๕
บทที่ ๕ สรุปผล การอภิปรายผลและข้อเสนอแนะ

๕.๑ สรุปผลการด าเนินโครงการ ๓๓

๕.๒ ข้อเสนอแนะ ๓๔
บรรณานุกรม

ประวัติผู้จัดท า





สารบัญตาราง

ตารางที่ หน้า
๔-๑ การวิเคราะห์ข้อมูลการแสดงเพศของผู้ตอบแบบสอบถามโครงการศึกษาดูงาน ๒๕

๔-๒ การวิเคราะห์ข้อมูลการแสดงระดับการศึกษาของผู้ตอบแบบสอบถามที่ได้ ๒๖

เข้าร่วมโครงการศึกษาดูงานคิดเป็นร้อยละจ าแนกตามระดับการศึกษา
๔-๓ การวิเคราะห์ข้อมูลการแสดงระดับสถานะของผู้ตอบแบบสอบถาม โครงการ ๒๗

ศึกษาดูงาน คิดเป็นร้อยละจ าแนกตามระดับสถานะ
๔-๔ การวิเคราะห์ข้อมูลแสดงระดับความพึงพอใจของนักเรียนนักศึกษาที่เข้าร่วม ๒๘

โครงการศึกษาดูงาน ด้านการจัดการโครงการ

๔-๕ การวิเคราะห์ข้อมูลแสดงระดับความพึงพอใจของนักเรียนนักศึกษาที่ ๒๙
เข้าร่วมโครงการศึกษาดูงาน ด้านสถานที่/ระยะเวลาด าเนินโครงการ




สารบัญรูปภาพ

ภาพที่ หน้า


๒-๑ แสดงลักษณะของสถานบริการและการศึกษาส าหรับเด็กปฐมวัย ๔

๒-๒ แสดงลักษณะของสถานบริการและการศึกษาส าหรับเด็กประถม ๕


๒-๓ แสดงลักษณะของสถานบริการและการศึกษาส าหรับเด็กมัธยม ๖

๒-๔ แสดงตัวอย่างลักษณะการเรียนระดับอาชีวศึกษา ๖

๒-๕ แสดงลักษณะของสถานบริการและการศึกษาระดับอุดมศึกษา ๗


๒-๖ การศึกษาของเด็กที่มีความสามารถพิเศษ ๘

๒-๗ การศึกษาของเด็กที่มีความบกพร่องทางด้านร่างกายหรือสติปัญญา ๘

๒-๘ แสดงลักษณะของสถานบริการและการศึกษานอกระบบโรงเรียน ๙


๒-๙ แสดงลักษณะการศึกษาตามอัธยาศัย ๑๐

๒-๑๐ แสดงระบบการศึกษาในประเทศไทย ๑๓


๓-๑ ท าการนัดรวมน้อง ๆ เวลา ๐๗.๓๐ น. เพื่อท าการเช็คชื่อช่วงเช้า ๑๗

๓-๒ Staff ท าการเตรียมของส าหรับรถแต่ละคันให้เรียบร้อย ๑๘


๓-๓ พาน้อง ๆ ขึ้นรถบัสประจ าแต่ละคันแล้วท าการแจกอาหารเช้า,ขนมเบรค ๑๘

๓-๔ พาน้อง ๆ เข้ามาภายใน Space Inspirium เพื่อรอเจ้าหน้าที่พาเข้าชมนิทรรศการต่าง ๆ ๑๙

๓-๕ แบ่งน้องเป็นกลุ่มเพื่อเข้าชมนิทรรศการภายใน Space Inspirium ๑๙


๓-๖ ชมภาพยนตร์ ๓ มิติ ๒๐

๓-๗ ทดลองการอยู่บนดาวอังคาร ๒๐

๓-๘ พาน้อง ๆ มาสถานที่ที่สอง เพื่อท าการทานอาหารและเดินเล่นตามอัธยาศัย ๒๑


๓-๘ เดินทางกลับวิทยาลัยเทคนิคระยองโดยสวัสดิภาพ ๒๑

๔-๑ แผนภูมิแสดงเพศของนักเรียน นักศึกษา ครู อาจารย์ ๒๕


๔-๒ แผนภูมิแสดงระดับการศึกษาการศึกษาของผู้ท าแบบสอบถามที่ได้เข้าร่วมโครงการ ๒๖

คิดเป็นร้อยละ จ าแนกตามระดับการศึกษา




สารบัญรูปภาพ(ต่อ)

๔-๓ แผนภูมิแสดงระดับสถานะของนักเรียน นักศึกษา ครู อาจารย์ที่ได้เข้าร่วม ๒๗


โครงการคิดเป็นร้อยละจ าแนกตาม ระดับสถานะ

๔-๔ แผนภูมิความพึงพอใจ ด้านการจัดโครงการ ๒๘


๔-๕ แผนภูมิแสดงความพึงพอใจ ด้านสถานที่/ระยะเวลาด าเนินโครงการ ๒๙

๔-๖ แผนภูมิแสดงความพึงพอใจ ด้านผลที่ได้จากการเข้าร่วมโครงการ ๓๐

๔-๗ แผนภูมิแสดงสรุประดับความพึงพอใจของ นักเรียน นักศึกษา ครู อาจารย์ ๓๒


ที่เข้าร่วมโครงการศึกษาดูงาน

บทที่ ๑


บทน ำ


๑.๑ หลักกำรและเหตุผล

โดยแผนการศึกษาแห่งชาติ ๖ ยุทธศาสตร์นั้นตามที่ยุทธศาสตร์ที่ ๓ การพัฒนา ศักยภาพ คนทุก
ช่วงวัยและ การสร้าง สังคม แห่งการเรียนรู้ นั้นชมรมวิชาชีพคอมพิวเตอร์ธุรกิจมีนโยบายที่จะเปิดโอกาส
ให้นักเรียน นักศึกษา เล็งเห็นเส้นทางอาชีพโอกาสของการท างานในอนาคตและเสริมสร้างความรู้ทางด้าน
วิทยาศาสตร์เทคโนโลยี สถานศึกษาจึงจัดให้มีการศึกษาดูงาน เพื่อช่วยให้นักเรียนนักศึกษาวางแผนใน

การด าเนินชีวิต การท างานอย่างมีประสิทธิภาพจากการเรียนรู้มีเป้าหมายที่ชัดเจนมากขึ้นและเพื่อให้
การศึกษาแหล่งเรียนรู้วิทยาศาสตร์นอกห้องเรียนเป็นกิจกรรมเสริมหลักสูตร ที่จะส่งเสริมและพัฒนาให้
นักเรียนได้รับความรู้ความเข้าใจ ประสบการณ์จากแหล่งเรียนรู้โดยตรงเห็นความก้าวหน้า และตระหนัก
ถึงความส าคัญของการศึกษาด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในการพัฒนาประเทศ ตลอดจนเกิด

แรงบันดาลใจและมีเจตคติที่ดีต่อการเรียนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมากขึ้น
ดังนั้นชมรมวิชาชีพคอมพิวเตอร์ธุรกิจ วิทยาลัยเทคนิคระยอง จึงได้จัดท าโครงการศึกษาดูงานขึ้น
เนื่องจากเห็นความส าคัญของการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ได้เรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ได้เรียนรู้ถึงความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ให้เกิดขึ้นในสังคม ทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ในปัจจุบัน

และอนาคต ได้เข้าใจและสร้างความตระหนักความส าคัญทางวิทยาศาสตร์ให้เกิดขึ้นในสังคม ทางชมรม
วิชาชีพคอมพิวเตอร์ธุรกิจ จึงได้จัดโครงการศึกษาดูงานขึ้นเพื่อให้นักเรียนเข้าชมงานนิทรรศการและท า
ปฏิบัติทางพิพิธภัณฑ์อวกาศ ที่ ต.ทุ่งสุขลา อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี และเจพาร์ค นิฮอน มูระ ต.สุรศักดิ์

อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี
๑.๒ วัตถุประสงค์
๑.๒.๑ เพื่อให้นักเรียน นักศึกษาได้รับความรู้และประสบการณ์จากการไปดูงานครั้งนี้

๑.๒.๒ เพื่อให้นักเรียน นักศึกษาได้รับความรู้ทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

๑.๒.๓ เพื่อให้นักเรียน นักศึกษาได้รู้จักการวางแผนอย่างเป็นระบบ
๑.๓ เป้ำหมำย
๑.๓.๑ เป้าหมายเชิงปริมาณ : นักเรียน นักศึกษา ระดับชั้นปวช. ๑ และปวส. ๑ สาขาวิชา

คอมพิวเตอร์ธุรกิจ จ านวน ๒๓๑ คน และครูอาจารย์ สาขาวิชาคอมพิวเตอร์ธุรกิจ จ านวน ๙ คน

๑.๔ ประโยชน์ที่คำดว่ำจะได้รับ
๑.๔.๑ นักเรียน นักศึกษาได้รับความรู้และประสบการณ์จากการไปดูงานครั้งนี้
๑.๔.๒ นักเรียน นักศึกษาได้รับความรู้ทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
๑.๔.๓ นักเรียน นักศึกษาได้รู้จักการวางแผนอย่างเป็นระบบ

๑.๕ สถำนที่
พิพิธภัณฑ์อวกาศ ที่ ต.ทุ่งสุขลา อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี และเจพาร์ค นิฮอน มูระ ต.สุรศักดิ์
อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี



๑.๖ ค ำนิยำมศัพท์
๑.๖.๑ ศึกษา การเล่าเรียน ฝึกฝน และอบรมเพื่อให้เกิดความรู้และทักษะต่าง ๆ

๑.๖.๒ ดูงาน เยี่ยมชมกิจการที่เกี่ยวเนื่องกับงานของตัวเอง เพื่อน ามาปรับใช้ เป็นต้น
๑.๖.๓ พิพิธภัณฑ์ สถานที่เก็บรวบรวม และจัดแสดงสิ่งต่าง ๆ ที่มีความส าคัญด้านประวัติศาสตร์

ศิลปะวัฒนธรรม หรือความรู้อื่น ๆ เพื่อให้เป็นประโยชน์ต่อการศึกษา และให้ความเพลิดเพลินแก่
ประชาชน

๑.๖.๔ PDCA หมายถึง วงจรการบริหารงานคุณภาพ

Plan (วางแผน) หมายถึง การวางแผนงานการด าเนินงานตามวัตถุประสงค์อย่าง
รอบคอบ รวมถึงการก าหนดหัวข้อจากเป้าหมายที่ต้องการปรับปรุง

Do (ปฏิบัติตามแผน) หมายถึง การด าเนินการตามแผนที่ได้เขียนไว้อย่างเป็นระบบ
อาจจะประกอบด้วย การมีโครงสร้างรองรับ การด าเนินการ มีวิธีการ ด าเนินงาน และผลของการ

ด าเนินการ

Check (ตรวจสอบการปฏิบัติตามแผน) หมายถึง การปรับปรุงแก้ไขส่วนที่มีปัญหา หรือ
ถ้าไม่มีปัญหาใดๆ ก็ยอมรับแนวทางการปฏิบัติตามแผนงานที่ได้ส าเร็จ เพื่อน าไปใช้งานในครั้งต่อไป

Act (ปรับปรุงแก้ไข) หมายถึง การน าผลการประเมินมาพัฒนาแผน อาจระกอบด้วย การ
น าผลการ ประเมินมาวิเคราะห์ว่ามีโครงสร้าง หรือขั้นตอนการปฏิบัติงานใดที่ควร ปรับปรุงหรือพัฒนาสิ่ง

ที่ดีอยู่แล้วให้ดีขึ้นอีก

บทที่ ๒


เอกสารและทฤษฎีที่เกี่ยวข้อง


การด าเนินโครงการครั้งนี้ ผู้ด าเนินโครงการได้แนวคิด ทฤษฎี เอกสารที่เกี่ยวข้องเพื่อใช้

เป็นแนวทางในการก าเนินโครงการศึกษาดูงาน ครั้งนี้ผู้จัดท าได้ศึกษาเอกสารและทฤษฎีที่เกี่ยวข้องใน
การจัดท า ได้ศึกษาหาความรู้เกี่ยวกับโครงการศึกษาดูงาน ได้แบ่งข้อมูลต่าง ๆได้ดังนี้ (๑) ศึกษา

(๒) ดูงาน (๓) พิพิธภัณฑ์ (๔) PDCA

๒.๑ การศึกษา
๒.๑.๑ ความหมายของการศึกษา

การศึกษา ในความหมายทั่วไปอย่างกว้างที่สุด เป็นวิธีการส่งผ่านจุดมุ่งหมายและธรรม
เนียมประเพณีให้ด ารงอยู่จากรุ่นหนึ่งสู่อีกรุ่นหนึ่ง โดยทั่วไป การศึกษาเกิดขึ้นผ่านประสบการณ์ใด ๆ

ซึ่งมีผลกระทบเชิงพัฒนาต่อวิธีที่คนคนหนึ่งจะคิด รู้สึกหรือกระท า แต่ในความหมายเทคนิคอย่างแคบ

การศึกษาเป็นกระบวนการอย่างเป็นทางการซึ่งสังคมส่งผ่านความรู้ ทักษะ จารีตประเพณีและค่านิยม
ที่สั่งสมมาจากรุ่นหนึ่งไปยังอีกรุ่นหนึ่ง นั่นคือ การสอนในสถานศึกษา ส าหรับปัจจุบันนี้มีการแบ่ง

ระดับชั้นทางการศึกษาออกเป็นขั้นๆ เช่น การศึกษาปฐมวัย ประถมศึกษา มัธยมศึกษา ทั้งนี้รวมไปถึง
ระดับอาชีวศึกษา อุดมศึกษา และการฝึกงาน ส าหรับประเทศไทย มีกฎหมายบังคับให้ประชาชนไทย

ทุกคนต้องจบการศึกษาภาคบังคับ และสามารถเรียนได้จนจบการศึกษาขั้นพื้นฐานโดยไม่เสีย

ค่าใช้จ่าย นอกจากนี้ในปัจจุบันยังเปิดโอกาสให้มีการเรียนการสอนโดยผู้ปกครองที่บ้านหรือที่เรียกว่า
โฮมสคูลอีกด้วย ค าว่า "education" เป็นศัพท์จากภาษาลาติน ēducātiō ("การปรับปรุง,การอบรม")

จาก ēdūcō ("ฉันรู้,ฉันฝึก") ส าหรับการศึกษาตามพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๔๒ มี
๓ รูปแบบคือ การศึกษาในระบบ การศึกษานอกระบบ และการศึกษาตามอัธยาศัย

๒.๑.๑.๑ ระดับปฐมวัย
ระดับปฐมวัยเป็นการจัดการศึกษาให้เด็กก่อนวัยที่ต้องศึกษาการศึกษาขั้น

พื้นฐาน โดยเป็นการวางรากฐานชีวิตเพื่อปูพื้นฐานที่ดีก่อนการเรียนในระดับต่อไป โดยทั่วไปแล้วผู้ที่
เข้าศึกษาในระดับนี้มักมีอายุตั้งแต่ ๔ – ๘ ปี การเรียนการสอนในระดับนี้จะเน้นการสอนที่เกี่ยวข้อง

กับจิตวิทยาพัฒนาการของเด็ก ซึ่งเน้นในด้านการพัฒนาร่างกาย จิตใจ สังคม สติปัญญาและอารมณ์

ของเด็ก นอกจากนี้ยังเน้นให้เด็กเรียนรู้ทักษะต่างๆผ่านกิจกรรมการเล่นและกิจกรรมเกมส์ เพื่อ
เสริมสร้างความสัมพันธ์ทางสังคม และเกิดการเรียนรู้ผ่านกิจกรรมเหล่านี้อีกด้วย ซึ่งการใช้เกมส์และ

การเล่นถือได้ว่าเป็นวิธีการหลักส าหรับสอนเด็กในระดับปฐมวัย โครงสร้างหลักสูตรการศึกษาปฐมวัย
จะมีจุดเน้นทั้งสิ้น ๒ ด้านคือ ด้านประสบการณ์ส าคัญ ประกอบไปด้วย ด้านร่างกาย ด้านอารมณ์จิตใจ

ด้านสังคม




และด้านสติปัญญา อีกด้านหนึ่งคือสาระที่ควรเรียนรู้ ประกอบไปด้วย เรื่องราวเกี่ยวกับตัวเด็ก
เรื่องราวเกี่ยวกับบุคคลและสถานที่รอบตัวเด็ก ธรรมชาติรอบตัวและสิ่งต่างๆรอบตัวเด็ก





































ภาพที่ ๒.๑ แสดงลักษณะของสถานบริการและการศึกษาส าหรับเด็กปฐมวัย


๒.๑.๑.๒ ระดับประถมศึกษา
ประถมศึกษาเป็นการศึกษาในระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน โดยทั่วไปแล้วการศึกษา

ในระดับประถมศึกษาจะมีระยะเวลาในการเรียนประมาณ ๗ – ๑๒ ปี ขึ้นอยู่กับการวางแผนจัด
การศึกษาของแต่ละประเทศ ส าหรับประเทศไทยมีจัดการเรียนการสอนในระดับชั้นประถมศึกษา ๖ ปี

ตั้งแต่ในระดับประถมศึกษาปีที่ ๑ ถึงประถมศึกษาปีที่ ๖ โดยผู้เข้าศึกษาในระดับประถมศึกษามักจะมี

อายุประมาณ ๖-๗ ปี โดยในปัจจุบันนี้ยังมีเด็กกว่า ๖๑ ล้านคนที่ไม่มีโอกาสได้เรียนในระดับ
ประถมศึกษา ซึ่ง ๔๗% ในจ านวนนี้จะหมดโอกาสการเข้าศึกษาต่ออย่างสิ้นเชิง อย่างไรก็ตาม

UNESCO ได้พยายามสนับสนุนให้เกิดการศึกษาส าหรับทุกคน โดยได้ด าเนินการที่เรียกว่าการศึกษา
เพื่อปวงชน ซึ่งทุกประเทศจะต้องประสบความส าเร็จในด้านจ านวนคนเข้าศึกษาในระดับประถมศึกษา

ตามประกาศของ UNESCO ภายในปี พ.ศ. ๒๕๕๘ หลังจากนักเรียนจบชั้นประถมศึกษาแล้วจะ

สามารถเข้าศึกษาต่อในระดับชั้นมัธยมศึกษาได้ ซึ่งนักเรียนเหล่านี้มักจะมีอายุประมาณ ๑๑ – ๑๓ ปี





































ภาพที่ ๒.๒ แสดงลักษณะของสถานบริการและการศึกษาส าหรับเด็กประถม

๒.๑.๑.๓ ระดับมัธยมศึกษา
มัธยมศึกษาเป็นการจัดการศึกษาในระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน โดยจัดการศึกษา

ให้กับนักเรียนที่จบในระดับประถมศึกษามาแล้ว ส าหรับผู้เรียนในระดับชั้นมัธยมศึกษามักจะมีอายุ

ประมาณ ๑๑ – ๑๘ ปี ส าหรับการจัดการศึกษาในระดับมัธยมศึกษามีจุดประสงค์เพื่อเสริมสร้าง
ความรู้และทักษะกระบวนการเฉพาะด้าน เพื่อน าไปใช้ในการศึกษาระดับสูงต่อไป

ส าหรับประเทศโดยส่วนใหญ่แล้วการศึกษาในระดับชั้นมัธยมศึกษาถือได้ว่าเป็น
การศึกษาภาคบังคับ ส าหรับประเทศไทย นักเรียนจะต้องจบการศึกษาในระดับชั้นมัธยมศึกษา

ตอนต้น จึงจะถือว่าจบการศึกษาภาคบังคับ อย่างไรก็ตามหลังจากจบระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น

แล้ว นักเรียนสามารถเลือกที่จะหยุดเรียนแล้วออกไปประกอบอาชีพ หรือ เรียนต่อก็ได้
ในกรณีที่เรียนต่อจะมี ๒ ระบบให้เลือกเรียน ระหว่างสายสามัญ ซึ่งเป็นการเรียน

ต่อในระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย โดยมีการจัดการเรียนการสอนที่เป็นพื้นฐานส าหรับการเรียนต่อ
ในระดับอุดมศึกษา และสายอาชีพ ซึ่งจะสอนเกี่ยวกับอาชีพทางด้านต่างๆ เช่น งานช่าง และ

เกษตรกรรม เป็นต้น โดยทั้งหมดนี้รัฐบาลไทยจะเป็นผู้ด าเนินการทางด้านค่าใช้จ่ายทั่วไปจนจบ

ระดับชั้นมัธยมศึกษา






























ภาพที่ ๒.๓ แสดงลักษณะของสถานบริการและการศึกษาส าหรับเด็กมัธยม

๒.๑.๑.๔ ระดับอาชีวศึกษา

อาชีวศึกษาเป็นการศึกษาเพื่อเตรียมคนส าหรับการประกอบอาชีพในอนาคต ทั้งใน
ด้านของงานช่างฝีมือ งานธุรกิจ งานวิศวกรรม และงานบัญชี โดยเป็นการศึกษาเพื่อให้ผู้เรียนสามารถ

ปฏิบัติงานได้จริงๆ ซึ่งแตกต่างจากการศึกษาในระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายที่เน้นให้มีความรู้
พื้นฐานมากเพียงพอส าหรับศึกษาต่อในระดับมหาวิทยาลัย การศึกษาในระดับอาชีวศึกษาจะเน้นให้มี

การฝึกงาน เพื่อเสริมสร้างให้ผู้เรียนมีประสบการณ์มากยิ่งขึ้น ส าหรับประเทศไทยเริ่มมีการจัดการ

เรียนการสอนในสายอาชีพตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๔๕๒ โดยในสมัยนั้นเน้นจัดการเรียนการสอนทางด้าน
แพทย์ ผดุงครรภ์ ภาษาอังกฤษ พาณิชยการ และครู






























ภาพที่ ๒.๔ แสดงตัวอย่างลักษณะการเรียนระดับอาชีวศึกษา




๒.๑.๑.๕ ระดับอุดมศึกษา
การศึกษาในระดับอุดมศึกษา (tertiary, third stage,post secondary

education) เป็นการศึกษาที่ไม่ได้บังคับว่าต้องจบการศึกษาในระดับนี้ การศึกษาในระดับนี้เป็น
การศึกษาที่สูงขึ้นมาจากการศึกษาในระดับมัธยมศึกษา การศึกษาในระดับอุดมศึกษานั้นแบ่งได้

ออกเป็น ๒ ระดับคือระดับปริญญาบัณฑิตและระดับบัณฑิตศึกษา ส าหรับการจัดการศึกษาใน
ระดับอุดมศึกษาเป็นหน้าที่ของมหาวิทยาลัยและวิทยาลัยเป็นผู้ด าเนินการ หากผู้เข้าศึกษาใน

ระดับอุดมศึกษาเรียนจบแล้วจะได้รับปริญญาบัตรเป็นสัญลักษณ์บ่งบอกถึงการผ่านหลักสูตรนั้นๆ

การที่จะเข้าศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษาได้นั้นจ าเป็นต้องผ่านการสอบคัดเลือกเข้าศึกษาต่อก่อน
ส่งผลให้วิธีการนี้ท าให้มีทั้งผู้ที่ได้สิทธิ์ศึกษาต่อและผู้ที่ไม่ได้สิทธิ์ศึกษาต่อ ส าหรับการศึกษาใน

ระดับอุดมศึกษามีความส าคัญมากในการสมัครงาน เพราะมักมีการก าหนดวุฒิการศึกษาขั้นต่ าใน

ระดับปริญญาตรี นอกจากนี้ยังมีความส าคัญในการพัฒนาก าลังคนในการพัฒนาประเทศชาติอีกด้วย
ในปัจจุบันมหาวิทยาลัยและวิทยาลัยมีทั้งมหาวิทยาลัยที่เป็นของรัฐ มหาวิทยาลัยในก ากับของรัฐ และ

มหาวิทยาลัยเอกชน




































ภาพที่ ๒.๕ แสดงลักษณะของสถานบริการและการศึกษาระดับอุดมศึกษา

๒.๑.๑.๖ การศึกษาพิเศษ
การศึกษาพิเศษเป็นการจัดการศึกษาส าหรับผู้ที่มีความต้องการพิเศษ ดังนั้น

รัฐบาลจ าเป็นต้องสนับสนุนงบประมาณและสาธารณูปโภคต่างๆเพื่อสนับสนุนการศึกษาในรูปแบบนี้

โดยกลุ่มที่มีความต้องการพิเศษแบ่งออกเป็น ๒ ประเภท คือ เด็กที่มีปัญญาเลิศ ซึ่งจะเน้นการพัฒนา




ความสามารถและความถนัดเฉพาะของบุคคล อีกประเภทหนึ่งคือเด็กที่มีความบกพร่องทางด้าน
ร่างกายหรือสติปัญญา โดยการจัดการศึกษาจะเน้นการเรียนการสอนรายบุคคล ควบคู่ไปกับการ

เรียนรู้ในห้องเรียนปกติ รวมไปถึงพัฒนาทักษะการด ารงชีวิตให้กับผู้ที่มีความต้องการพิเศษให้สามารถ
ด ารงชีวิตในสังคมได้































ภาพที่ ๒.๖ การศึกษาของเด็กที่มีความสามารถพิเศษ


































ภาพที่ ๒.๗ การศึกษาของเด็กที่มีความบกพร่องทางด้านร่างกายหรือสติปัญญา




๒.๑.๑.๗ การศึกษานอกระบบโรงเรียน
ตามความในพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พุทธศักราช ๒๕๔๒ ได้ให้นิยาม
เกี่ยวกับการศึกษานอกระบบโรงเรียน ความว่าเป็นการศึกษาที่มีความยืดหยุ่นในการก าหนด

จุดมุ่งหมาย รูปแบบ วิธีการจัดการศึกษา ระยะเวลาของการศึกษา การวัดและประเมินผล ซึ่งเป็น

เงื่อนไขส าคัญของการส าเร็จการศึกษา โดยเนื้อหาและหลักสูตรจะต้องมีความเหมาะสมสอดคล้องกับ
สภาพปัญหาและความต้องการของบุคคลแต่ละกลุ่ม ดังนั้นการจัดการเรียนการสอนนอกระบบ

โรงเรียนจะเป็นการจัดให้กับผู้ที่ไม่ได้อยู่ในระบบโรงเรียนหรือผ่านจากระบบโรงเรียนมาแล้ว โดยส่วน
ใหญ่แล้วผู้ที่เข้าศึกษานอกระบบโรงเรียนมักเป็นผู้ใหญ่เป็นส่วนมาก เพื่อเรียนรู้การอ่านออกเขียนได้

และน าความรู้ที่ได้ไปประยุกต์ใช้กับอาชีพของตัว ส าหรับประเทศไทยมีการจัดการเรียนการสอน

รูปแบบการศึกษานอกโรงเรียนอยู่เป็นจ านวนมาก โดยนิยมจัดตั้งศูนย์การเรียนรู้ชุมชนหรือศูนย์การ
เรียนรู้นอกระบบโรงเรียน เพื่อให้ประชาชนเข้ามาเรียนรู้ได้ โดยภายในศูนย์จะมีอาจารย์ประจ าและ

อาจารย์อาสาสมัครเป็นผู้จัดกิจกรรมการเรียนการสอน นอกจากนี้แล้วการศึกษานอกระบบโรงเรียน
ยังมีการจัดการศึกษาในรูปแบบอื่นๆด้วย เช่น การศึกษาผู้ใหญ่ การศึกษาชุมชน เป็นต้น








































ภาพที่ ๒.๘ แสดงลักษณะของสถานบริการและการศึกษานอกระบบโรงเรียน

๑๐


๒.๑.๑.๘ การศึกษาตามอัธยาศัย
การศึกษาตามอัธยาศัย (Informal Education) โดยพระราชบัญญัติการศึกษา
แห่งชาติ พุทธศักราช ๒๕๔๒ ได้ให้ความหมายของการศึกษาตามอัธยาศัยว่าเป็นการศึกษาที่ผู้เรียนได้

เรียนรู้ด้วยตนเอง ตามความสนใจ ศักยภาพ ความพร้อมและโอกาส โดยศึกษาจากบุคคล

ประสบการณ์ สังคม สิ่งแวดล้อม สื่อ หรือแหล่งความรู้อื่น ดังนั้นถือได้ว่าการศึกษาตามอัธยาศัยเป็น
การเรียนรู้ตลอดชีวิตได้เช่นเดียวกัน ส าหรับการเรียนรู้ตามอัธยาศัยสามารถจ าแนกออกได้เป็น ๓

ประเภท คือ การเรียนรู้ด้วยการน าตัวเอง การเรียนรู้ที่เกิดขึ้นโดยบังเอิญและการเรียนรู้ใน
ชีวิตประจ าวัน การศึกษาตามอัธยาศัยมักเป็นการศึกษาที่เกิดขึ้นภายนอกห้องเรียน ไม่ได้เกี่ยวข้องกับ

หลักสูตรโดยเฉพาะเจาะจงและมักเกิดขึ้นโดยความบังเอิญ ดังนั้นส่งผลให้การศึกษาในประเภทนี้

เกิดขึ้นได้ในทุกๆสถานที่ ทั้งที่บ้าน โรงเรียนและที่อื่นๆ ซึ่งเป็นการศึกษาเพียงรูปแบบเดียวของมนุษย์
เท่านั้นที่จ าเป็นต้องเรียนรู้ตลอดชีวิต




























ภาพที่ ๒.๙ แสดงลักษณะการศึกษาตามอัธยาศัย

๒.๑.๑.๙ การศึกษาในรูปแบบอื่นๆ

การศึกษาทางเลือกเป็นการศึกษาที่มีความแตกต่างจากการศึกษาในกระแสหลัก
โดยยึดความต้องการของชุมชนในท้องถิ่นเป็นหลัก ใช้กระบวนการสอนที่มีความหลากหลายรูปแบบ

และหยิบยกปรัชญาการศึกษาหลายๆปรัชญาเข้ามาประยุกต์ใช้ โดยการศึกษาในรูปแบบนี้ถือได้ว่าเป็น
การศึกษาที่เป็นอุดมคติ และลดบทบาทของการจัดการศึกษาในรูปแบบของโรงเรียนลง ส าหรับการจัด

การศึกษาทางเลือกนั้นมีทั้งรูปแบบที่เรียนในโรงเรียนการศึกษาทางเลือก โฮมสคูล รวมไปถึงรูปแบบ

๑๑


อันสคูลลิ่ง ส าหรับโรงเรียนการศึกษาทางเลือกในประเทศไทยยกตัวอย่างเช่น โรงเรียนรุ่งอรุณ เป็นต้น
นักการศึกษาที่มีแนวคิดเรื่องการศึกษาทางเลือกและได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวาง ยกตัวอย่างเช่น

รูดอร์ฟ สไตเนอร์ และมาเรีย มอนเตสเซอรี
๒.๑.๒ ความส าคัญของการศึกษา

การศึกษาส่งผลให้เกิดความรู้ ความรู้นั้นสามารถน ามาใช้พัฒนาคนให้มีความสามารถที่
จะใช้ประกอบอาชีพและเอาตัวรอดได้ รวมทั้งช่วยขัดเกลาคนให้มีจิตส านึกและคุณธรรม เป็นผู้เจริญ

ทางปัญญาและจิตใจ ซึ่งคนเหล่านี้นอกจากจะสามารถพัฒนาตนเองแล้ว ยังส่งผลต่อสังคมและ

ประเทศชาติให้เจริญรุ่งเรืองและก้าวหน้าทัดเทียมอารยประเทศได้ด้วย เราจึงสามารถเรียบเรียงความ
ส าคัญของการศึกษาได้ ดังนี้

๒.๑.๒.๑ ช่วยขัดเกลาให้ผู้ได้รับการศึกษามีจิตใจอันดีงาม มีจิตส านึกและคุณธรรม รู้

ว่าสิ่งใดควรท า ไม่ควรท า
๒.๑.๒.๒ ช่วยให้ผู้ได้รับการศึกษามีคุณภาพชีวิตที่ดี และใช้ความรู้ที่ได้รับไปด ารงชีวิต

ได้อย่างมีความสุข สามารถประกอบอาชีพที่ เลี้ยงดูตนเองและครอบครัวได้
๒.๑.๒.๓ ผู้ที่ได้รับการศึกษาที่ดี จะสามารถช่วยเกื้อหนุนประเทศชาติให้สามารถธ ารง

อยู่สืบไปอย่างมั่นคง สืบเนื่องจากการศึกษานั้น จะเป็นการปลูกฝังให้ผู้ได้รับการศึกษารู้จักรักและ
หวงแหนในประเทศชาติของตน

๒.๑.๒.๔ ประเทศชาติที่มีการศึกษาที่ดี จะท าให้มีพลเมืองมีศักยภาพ ส่งผลให้การ

พัฒนาประเทศก้าวล้ าตามไปด้วย ส่งผลให้ทัดเทียมต่อนานาอารยประเทศได้
๒.๑.๓ ประเภทของการศึกษา

การศึกษามีสามรูปแบบ คือ การศึกษาในระบบ การศึกษานอกระบบ และ

การศึกษาตามอัธยาศัย คือ
๒.๑.๓.๑ การศึกษาในระบบ เป็นการศึกษาที่ก าหนดจุดมุ่งหมาย วิธีการศึกษา

หลักสูตร ระยะเวลาของการศึกษา การวัดและการประเมินผล ซึ่งเป็นเงื่อนไขของการส าเร็จ
การศึกษาที่แน่นอน

๒.๑.๓.๒ การศึกษานอกระบบ เป็นการศึกษาที่มีความยืดหยุ่นในการก าหนด
จุดมุ่งหมาย รูปแบบวิธีการจัดการศึกษา ระยะเวลาของการศึกษา การวัดและประเมินผล ซึ่งเป็น

เงื่อนไขส าคัญของการส าเร็จการศึกษา โดยเนื้อหาและหลักสูตรจะต้องมีความเหมาะสมสอดคล้องกับ

สภาพปัญหาและความต้องการของบุคคลแต่ละกลุ่ม
๒.๑.๓.๓ การศึกษาตามอัธยาศัย เป็นการศึกษาที่ให้ผู้เรียนได้เรียนรู้ด้วยตนเองตาม

ความสนใจศักยภาพ ความพร้อมและโอกาส โดยศึกษาจากบุคคล ประสบการณ์ สังคม

สภาพแวดล้อม หรือแหล่งความรู้อื่นๆ

๑๒


๒.๑.๓.๔ สถานศึกษาอาจจัดการศึกษาในรูปใดรูปแบบหนึ่งหรือทั้งสามรูปแบบก็ได้ให้มีการ
เทียบโอนผลการเรียนที่ผู้เรียนสะสมไว้ในระหว่างรูปแบบเดียวกันหรือต่างรูปแบบได้ไม่ว่าจะเป็นผล

การเรียนจากสถานศึกษาเดียวกันหรือไม่ก็ตาม รวมทั้งจากการเรียนรู้นอกระบบตามอัธยาศัย การฝึก
อาชีพ หรือจากประสบการณ์การท างานการสอน และจะส่งเสริมให้สถานศึกษาจัดได้ทั้ง 3 รูปแบบ

การศึกษาในระบบมีสองระดับคือ การศึกษาขั้นพื้นฐานและการศึกษาระดับอุดมศึกษา
๒.๑.๓.๔.๑ การศึกษาขั้นพื้นฐานประกอบด้วย การศึกษาซึ่งจัดไม่น้อยกว่าสิบ

สองปีก่อนระดับอุดมศึกษา การแบ่งระดับและประเภทของการศึกษาขั้นพื้นฐาน ให้เป็นไปตามที่

ก าหนดในกฎกระทรวง การแบ่งระดับหรือการเทียบระดับการศึกษานอกระบบหรือการศึกษาตาม
อัธยาศัยให้เป็นไปตามที่ก าหนดในกฎกระทรวง

การศึกษาในระบบที่เป็นการศึกษาขั้นพื้นฐานแบ่งเป็นสามระดับ

(๑) การศึกษาก่อนระดับประถมศึกษา เป็นการจัดการศึกษาให้แก่เด็กที่มีอายุ ๓ – ๖ ปี
(๒) การศึกษาระดับประถมศึกษา โดยปกติใช้เวลาเรียน ๖ ปี

(๓) การศึกษาระดับมัธยมศึกษา แบ่งเป็นสองระดับ ดังนี้
๒.๑.๓.๔.๒ การศึกษาระดับอุดมศึกษาแบ่งเป็นสองระดับ คือ ระดับต่ ากว่าปริญญา

และระดับปริญญา การใช้ค าว่า "อุดมศึกษา" แทนค าว่า "การศึกษาระดับมหาวิทยาลัย" ก็เพื่อจะให้
ครอบคลุมการศึกษาในระดับประกาศนียบัตรหรืออนุปริญญา ที่เรียนภายหลังที่จบการศึกษาขั้น

พื้นฐานแล้ว ทั้งนี้การศึกษาภาคบังคับจ านวนเก้าปีโดยให้เด็กซึ่งมีอายุย่างเข้าปีที่เจ็ดเข้าเรียนใน

สถานศึกษาขั้นพื้นฐานจนอายุย่างเข้าปีที่สิบหก เว้นแต่สอบได้ชั้นปีที่เก้าของการศึกษาภาคบังคับ
หลักเกณฑ์และวิธีการนับอายุให้เป็นไปตามที่ก าหนดในกฎกระทรวง

การศึกษาภาคบังคับนั้นต่างจากการศึกษาขั้นพื้นฐานซึ่งการศึกษาขั้นพื้นฐานไม่บังคับ

ให้ประชาชนต้องเข้าเรียนแต่เป็นสิทธิ์ของคนไทย ส่วนการศึกษาภาคบังคับเป็นการบังคับให้เข้าเรียน
ถือเป็นหน้าที่ของพลเมืองตามมาตรา ๖๙ ของรัฐธรรมนูญ

๒.๑.๔ ประโยชน์ของการศึกษา
๒.๑.๔.๑ มีความรู้ทางวิชาการด้านต่าง ๆ ที่น่าสนใจเพิ่มมากขึ้น

๒.๑.๔.๒ สามารถน าความรู้ที่ได้รับจากการเรียนไปใช้ในการประกอบอาชีพและการ
พัฒนาวิชาชีพของตน

๒.๑.๔.๓ น าความรู้ไปใช้ในการด าเนินชีวิตประจ าวันของตนอย่างมีคุณภาพ

๒.๑.๔.๔ ได้ทดสอบความสามารถของตน ในการเรียนตามระบบการสอนทางไกล
ในมหาวิทยาลัยเปิด

๒.๑.๔.๕ สามารถขอโอนชุดวิชาที่ได้รับใบสัมฤทธิบัตรเข้าในหลักสูตรการศึกษา

ระดับปริญญาตรีและประกาศนียบัตรของ มสธ. ตามโครงสร้างหลักสูตรปัจจุบัน เมื่อสมัครเป็น
นักศึกษาใหม่ของ มสธ.

๑๓


๒.๑.๔.๖ ผู้เรียนสามารถเรียนโครงการสัมฤทธิบัตรไปพร้อมกับการประกอบอาชีพ
ได้โดยไม่ต้องแยกจากชีวิตครอบครัว

๒.๑.๔.๗ ผู้เรียนสามารถศึกษาอยู่ที่บ้านได้โดยไม่ต้องเข้าชั้นเรียนตามปกติ
ประหยัดทั้งเวลาและค่าใช้จ่ายในการเดินทางและอื่น ๆ

๒.๑.๔.๘ ผู้เรียนมีอิสระในการจัดการเรียนให้เหมาะสมกับความสามารถและ
สภาพแวดล้อมของตนเองสามารถค้นคว้าเพิ่มเติมได้จากห้องสมุดประชาชนประจ าจังหวัด “มุม

มสธ.” (ทุกจังหวัดทั่วประเทศ)

๒.๑.๔.๙ ผู้เรียนสามารถเรียนได้ตามอัธยาศัยและตลอดชีวิต ไม่จ ากัดในเรื่องของ
เวลาเรียน

๒.๑.๔.๑๐ นักเรียน นักศึกษาที่ก าลังศึกษาอยู่ในสถาบันอื่น ๆ และนักศึกษา มสธ.ที่

ลงทะเบียนเรียนตามหลักสูตรปกติ สามารถสมัครเรียน โครงการสัมฤทธิบัตรควบคู่ในเวลาเดียวกันได้


































ภาพที่ ๒.๑๐ แสดงระบบการศึกษาในประเทศไทย
๒.๒ ดูงาน

๒.๒.๑ ความหมายของดูงาน
การศึกษาดูงาน (Study tour) หรือ สุนทรียทัศนา เป็นการขอไปเรียนทางลัดจาก

ประสบการณ์ของผู้อื่นโดยเข้าไปดูสถานที่จริง การปฏิบัติจริงๆของเขา หรืออาจใช้ในหน่วยงานตนเอง

โดยการให้เพื่อนที่ท าดีๆสาธิตหรือท าเป็นตัวอย่างให้เราดู ให้เราเรียนรู้ก็ได้
การศึกษาดูงานนั้น เป็นกิจกรรมหนึ่งในกระบวนการพัฒนาบุคลากร ในอันที่จะช่วย

เพิ่มพูนความรู้ทักษะประสบการณ์ ให้กับตัวบุคลากร อีกทั้งเปิดมุมมองที่จะรับกับการเรียนรู้ในสิ่ง

๑๔


ใหม่ๆ สร้างความพร้อมให้แก่ทั้งตัวบุคลากรเอง และสร้างผลสัมฤทธิ์ให้แก่ทีมงานและหน่วยงาน
การศึกษาดูงาน (Study tour) ถือเป็นเครื่องมือในการแลกเปลี่ยนเรียนรู้เช่นกัน

๒.๒.๒ วัตถุประสงค์ของการดูงาน
๒.๒.๒.๑ เพื่อให้บุคลากรทุกระดับได้น าความรู้จากการศึกษาดูงานมาปรับเปลี่ยน

พฤติกรรมในการท างานพัฒนาระบบและกลไกการประกันคุณภาพภายใน
๒.๒.๒.๒ เพื่อพัฒนาสถานศึกษาให้เป็นองค์การแห่งการเรียนรู้ในอนาคต

๒.๒.๒.๓ เพื่อให้เกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ทั้งภายในและภายนอกสถานศึกษา

๒.๒.๓ ประโยชน์ของการศึกษาดูงาน
๒.๒.๓.๑ เพิ่มความรู้ความเข้าใจ ความคิด ความสัมพันธ์ในการท างาน และการ

ท างานเป็นทีม คือมีส่วนร่วมกันคิดและลงมือท า

๒.๒.๓.๒ ช่วยกระตุ้นให้เกิดการเรียนรู้ร่วมกัน ร่วมทั้งแลกเปลี่ยนประสบการณ์
มุมมองความคิดเห็นต่างๆ ร่วมกันในสถานการณ์เดียวกัน หรือเหตุการณ์เดียวกัน

๒.๒.๓.๓ ท าให้ได้เห็นถึงเทคนิควิธีการในการน ามาปรับใช้หรือแก้ไขปัญหา อันที่จะ
ก่อประโยชน์ในการท างานเป็นการเปิดมุมมอง เปิดประสบการณ์ให้กับพนักงาน และน าประสบการณื

ที่ได้มาใช้ในการท างาน
๒.๓ พิพิธภัณฑ์

๒.๓.๑ ความหมายสากลของพิพิธภัณฑ์
“พิพิธภัณฑ์” ในความรับรู้ของคนทั่วไปอาจจะหมายถึง สถานที่หนึ่ง ๆ ซึ่งจัดแสดง
สิ่งของต่าง ๆ เพื่อให้ความรู้และความเพลิดเพลินแก่ผู้เข้าชม แต่อย่างไรก็ตาม ในทางพิพิธภัณฑวิทยา

ที่ยอมรับกันในปัจจุบันแล้ว “พิพิธภัณฑ์” มีความหมายกว้างขวางมากกว่าสถานที่และการจัดแสดง
แต่เทียบเท่าได้กับค าว่า“แหล่งเรียนรู้” เลยทีเดียว กล่าวคือ สภาการพิพิธภัณฑสถานระหว่างชาติ
(International Council of Museum) หรือ ICOM ได้ให้ค าจัดของค าว่า“พิพิธภัณฑ์” ไว้ดังนี้
“พิพิธภัณฑ์ เป็นองค์กรที่ไม่แสวงหาผลก าไรที่เปิดเป็นสถานที่สาธารณะ และเป็นสถาบันถาวรที่

ให้บริการแก่สังคมและมีส่วนในการพัฒนาสังคม มีหน้าที่รวบรวม สงวนรักษา ค้นคว้าวิจัย เผยแพร่
ความรู้ และจัดแสดง วัตถุอันเป็นหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับมนุษย์และสิ่งแวดล้อมของมนุษย์ ทั้งนี้เพื่อ
จุดประสงค์ทางการค้นคว้า การศึกษา และ ความเพลิดเพลินใจ”
๒.๓.๒ ชนิดของพิพิธภัณฑ์

๒.๓.๒.๑ พิพิธภัณฑ์โบราณคดี
พิพิธภัณฑ์ที่จัดแสดงโบราณวัตถุ และบางแห่งจัดเป็นโบราณสถานเอง
ซึ่งมีลักษณะของพิพิธภัณฑ์กลางแจ้ง ตัวอย่างเช่น อาโครโปลิสแห่งเอเธนส์

๒.๓.๒.๒ พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์
พิพิธภัณฑ์ที่จัดแสดงความรู้จากประวัติศาสตร์และความสัมพันธ์ระหว่าง
ช่วงเวลานั้นจนถึงปัจจุบัน ในพิพิธภัณฑ์ขนาดใหญ่จะมีการจัดแสดงประวัติศาสตร์ที่หลากหลาย ใน

ขณะเดียวกันบางพิพิธภัณฑ์มีการจัดแสดงประวัติแสดงเฉพาะประวัติศาสตร์ของท้องถิ่นนั้น ตัวอย่าง

๑๕


ของพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์เช่น บ้านประวัติศาสตร์ ซึ่งเป็นบ้านที่มีความส าคัญในตัวอาคารเองในเชิง
สถาปัตยกรรมหรือเป็นบ้านเกิดของบุคคลที่มีชื่อเสียง อุทยานประวัติศาสตร์เองก็นับเป็นพิพิธภัณฑ์
ประวัติศาสตร์ด้วยเช่นกัน เช่น อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย หรือ อุทยานประวัติศาสตร์เดียร์ฟิลด์
พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์อีกประเภทหนึ่งได้แก่ พิพิธภัณฑ์มีชีวิต ซึ่งเป็นพิพิธภัณฑ์ที่แสดงถึงความ

เป็นอยู่ของชุมชนในสมัยก่อนที่ยังคงเก็บรักษาและน ามาแสดงให้คนรุ่นปัจจุบันได้ดู
๒.๓.๒.๓ พิพิธภัณฑ์ประวัติธรรมชาติ
พิพิธภัณฑ์แสดงเรื่องราวของธรรมชาติในโลก โดยเน้นถึงตัวธรรมชาติและ
วัฒนธรรมของมนุษย์ ซึ่งรวมถึงการเกิดของไดโนเสาร์ บุคคลในยุคหิน ตัวอย่างเช่น พิพิธภัณฑ์ประวัติ

ธรรมชาติฟีลด์ในชิคาโก
๒.๓.๒.๔ พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์
พิพิธภัณฑ์ที่แสดงถึงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดยจะน างานวิจัยหรือ
สิ่งประดิษฐ์ที่ส าคัญมาแสดงในรูปแบบที่เข้าใจง่าย พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์มักจะสนับสนุนให้ผู้เข้าชมมี

ปฏิสัมพันธ์กับทางวัตถุหรือเหตุการณ์ที่น ามาแสดง เพื่อให้เรียนรู้ได้เข้าใจง่ายยิ่งขึ้น ตัวอย่างเช่น การ
ทดลองอย่างง่าย หรือการใส่แว่นสามมิติเพื่อเข้ามชม ตัวอย่างเช่น ท้องฟ้าจ าลอง
๒.๓.๒.๕ พิพิธภัณฑ์ศิลปะ

พิพิธภัณฑ์ศิลปะ หรือรู้จักในชื่อหอศิลป์ เป็นพิพิธภัณฑ์ที่จัดแสดงงาน
ศิลปะในหลายรูปแบบ ไม่ว่า ภาพเขียน ภาพถ่าย ประติมากรรม ตัวอย่างเช่น พิพิธภัณฑ์ลูฟร์
นอกจากนี้พิพิธภัณฑ์ศิลปะบางแห่งยังมีการแสดงเฉพาะศิลปะสมัยใหม่ เช่น พิพิธภัณฑ์ศิลปะสมัยใหม่
ในนิวยอร์กซิตี

๒.๔ PDCA

PDCA หรือที่เรียกว่าวงจรเดมิง (อังกฤษ: Deming Cycle) หรือวงจรชูฮาร์ต (Shewhart
Cycle) คือวงจรการควบคุมคุณภาพ
๒.๔.๑ Plan (วางแผน) หมายถึง การวางแผนการด าเนินงานอย่างรอบคอบ ครอบคลุมถึง
การก าหนดหัวข้อที่ต้องการปรับปรุงเปลี่ยนแปลง ซึ่งรวมถึงการพัฒนาสิ่งใหม่ๆ การแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น
จากการปฏิบัติงาน อาจประกอบด้วย การก าหนดเป้าหมาย หรือวัตถุประสงค์ของการด าเนินงาน

Plan การจัดอันดับความส าคัญของ เป้าหมาย ก าหนดการด าเนินงาน ก าหนดระยะเวลาการ
ด าเนินงาน ก าหนดผู้รับผิดชอบหรือผู้ด าเนินการและก าหนดงบประมาณที่จะใช้ การเขียนแผน
ดังกล่าวอาจปรับเปลี่ยนได้ตามความเหมาะสมของลักษณะ การด าเนินงาน การวางแผนยังช่วยให้เรา

สามารถคาดการณ์สิ่งที่เกิดขึ้นในอนาคต และช่วยลดความสูญเสียต่างๆที่อาจเกิดขึ้นได้
๒.๔.๒ Do (ปฏิบัติตามแผน) หมายถึง การด าเนินการตามแผน อาจประกอบด้วย การมี
โครงสร้างรองรับ การด าเนินการ (เช่น คณะกรรมการหรือหน่วยงานของคณะ) มีวิธีการ ด าเนินการ
(เช่น มีการประชุมของคณะกรรมการมีการจัดการเรียน การสอน มีการแสดงความจ านงขอรับ

นักศึกษาไปยังทบวงมหาวิทยาลัย) และมีผลของการด าเนินการ (เช่น รายชื่อนักศึกษาที่รับในแต่ละปี)
๒.๔.๓ Check (ตรวจสอบการปฏิบัติตามแผน) หมายถึง การประเมินแผน
อาจประกอบด้วย การประเมินโครงสร้างที่รองรับ การด าเนินการ การประเมินขั้นตอนการด าเนินงาน
และการประเมินผลของ การด าเนินงานตามแผนที่ได้ตั้งไว้ โดยในการประเมินดังกล่าวสามารถ

๑๖


ท าได้เอง โดยคณะกรรมการที่รับผิดชอบแผนการด าเนินงานนั้น ๆ ซึ่งเป็นลักษณะของการประเมิน
ตนเอง โดยไม่จ าเป็นต้องตั้งคณะกรรมการ อีกชุดมาประเมินแผน หรือไม่จ าเป็นต้องคิดเครื่องมือหรือ
แบบประเมิน ที่ยุ่งยากซับซ้อน
๒.๔.๔ Act (ปรับปรุงแก้ไข) หมายถึง การน าผลการประเมินมาพัฒนาแผน อาจ

ประกอบด้วย การน าผลการ ประเมินมาวิเคราะห์ว่ามีโครงสร้าง หรือขั้นตอนการปฏิบัติงานใดที่ควร
ปรับปรุงหรือพัฒนาสิ่งที่ดีอยู่แล้วให้ดียิ่งขึ้นไปอีก และสังเคราะห์รูปแบบ การด าเนินการใหม่ที่
เหมาะสม ส าหรับการด าเนินการ ในปีต่อไป

บทที่ ๓


วิธีการด าเนินงาน

การด าเนินโครงการศึกษาดูงานมีรายละเอียดในการด าเนินงานโครงการ ดังนี้ คือ

๓.๑ การศึกษาข้อมูลเบื้องต้น
๓.๒ ประชากรและกลุ่มเป้าหมาย
๓.๓ ขั้นตอนการด าเนินงาน
๓.๔ เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล
๓.๕ ขั้นตอนการด าเนินการและเก็บรวบรวมข้อมูล

๓.๖ พิจารณาจากคะแนนตามเกณฑ์
๓.๗ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล

๓.๑ การศึกษาข้อมูลเบื้องต้น

๓.๑.๑ ศึกษาค้นคว้าจากเอกสารต าราและสื่อต่างๆ
๓.๑.๒ คณะผู้จัดท าร่วมกันออกแบบสอบถาม โดยใช้ความรู้จากการศึกษาค้นคว้าเรื่องโครงการ
ศึกษาดูงาน
๓.๑.๓ ส ารวจกลุ่มเป้าหมายและจัดท าโครงร่างแบบสอบถาม

๓.๒ ประชากรและกลุ่มเป้าหมาย
๓.๒.๑ ประชากร
การศึกษาครั้งนี้ประชากรที่ใช้ในการจัดท าโครงการศึกษาดูงาน ได้แก่ นักเรียน นักศึกษา ระดับชั้น

ปวช. ๑ และปวส. ๑ สาขาวิชาคอมพิวเตอร์ธุรกิจ จ านวน ๒๓๑ คน และครูอาจารย์ สาขาวิชา
คอมพิวเตอร์ธุรกิจ จ านวน ๙ คน

๓.๓ ขั้นตอนการด าเนินงาน
๓.๓.๑ ท าการนัดรวมน้อง ๆ เวลา ๐๗.๓๐ น. เพื่อท าการเช็คชื่อช่วงเช้า























ภาพที่ ๓-๑ ท าการนัดรวมน้อง ๆ เวลา ๐๗.๓๐ น. เพื่อท าการเช็คชื่อช่วงเช้า

๑๘

๓.๓.๒ Staff ท าการเตรียมของส าหรับรถแต่ละคันให้เรียบร้อย (สมุดเช็คชื่อ,ขนมเบรค,น้ าดื่ม
,ถุงขยะ,ชุดยา)



























ภาพที่ ๓-๒ Staff ท าการเตรียมของส าหรับรถแต่ละคันให้เรียบร้อย (สมุดเช็คชื่อ,ขนมเบรค,น้ าดื่ม,

ถุงขยะ,ชุดยา

๓.๓.๓ พาน้อง ๆ ขึ้นรถบัสประจ าแต่ละคันแล้วท าการแจกอาหารเช้า,ขนมเบรค





























ภาพที่ ๓-๓ พาน้อง ๆ ขึ้นรถบัสประจ าแต่ละคันแล้วท าการแจกอาหารเช้า,ขนมเบรค

๑๙


๓.๓.๔ มาถึงสถานที่แรก พาน้อง ๆ เข้ามาภายใน Space Inspirium เพื่อรอเจ้าหน้าที่พาเข้าชม
นิทรรศการต่าง ๆ





























ภาพที่ ๓-๔ พาน้อง ๆ เข้ามาภายใน Space Inspirium เพื่อรอเจ้าหน้าที่พาเข้าชมนิทรรศการต่าง ๆ


๓.๓.๔.๑ แบ่งน้องเป็นกลุ่มเพื่อเข้าชมนิทรรศการภายใน Space Inspirium






























ภาพที่ ๓-๕ แบ่งน้องเป็นกลุ่มเพื่อเข้าชมนิทรรศการภายใน Space Inspirium

๒๐

๓.๓.๔.๒ ชมภาพยนตร์ ๓ มิติ






























ภาพที่ ๓-๖ ชมภาพยนตร์ ๓ มิติ

๓.๓.๔.๓ ทดลองการอยู่บนดาวอังคาร




























ภาพที่ ๓-๗ ทดลองการอยู่บนดาวอังคาร

๒๑

๓.๓.๔.๔ พาน้อง ๆ มาสถานที่ที่สอง เพื่อท าการทานอาหารและเดินเล่นตามอัธยาศัย

























ภาพที่ ๓-๘ พาน้อง ๆ มาสถานที่ที่สอง เพื่อท าการทานอาหารและเดินเล่นตามอัธยาศัย

๓.๓.๔.๕ รวมน้องเช็คชื่อก่อนกลับ


































ภาพที่ ๓-๘ เดินทางกลับวิทยาลัยเทคนิคระยองโดยสวัสดิภาพ


Click to View FlipBook Version