รายงาน
เรอื่ ง แผนการเรียนรู้
กลมุ่ สาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์ รายวชิ าออกแบบและเทคโนโลยี ชั้นมธั ยมศึกษาปที ี่ 2
เสนอ
ผชู้ ่วยศาสตราจารย์ ดร.พชั รภี รณ์ บางเขยี ว
จดั ทำโดย
นางสาวปนัสยา ทงุ่ คาใน
รหัสนักศกึ ษา 6321112006 เลขท5ี่ หมู่เรียน D5
สาขาคอมพวิ เตอร์ศกึ ษา คณะวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
มหาวทิ ยาลยั ราชภัฏบา้ นสมเด็จเจา้ พระยา
รายงานฉบบั น้เี ป็นส่วนหนึ่งของวิชา การจดั การเรยี นรแู้ ละการจัดการช้นั เรียน
ภาคเรียนที่1 ปกี ารศกึ ษา 2565
ก
คำนำ
รายงานฉบับน้ีเปน็ สว่ นหน่ึงของรายวิชา การจดั การเรยี นร้แู ละการจดั การชั้นเรยี น ซงึ่ เน้ือหาภายใน
แผนการจดั การเรียนรวู้ ชิ าออกแบบและเทคโนโลยี ชั้นมัธยมศกึ ษาปที ี่ 2 จดั ทำขน้ึ เพื่อเปน็ แนวทางในการจดั การ
เรยี นการสอนที่เนน้ ผู้เรยี นเป็นสำคัญ ตามหลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษาขั้นพนื้ ฐานพุทธศกั ราช 2551
แผนการจดั การเรียนรู้เลม่ น้ี ประกอบไปด้วย แผนการจดั การเรียนร้รู ายปแี ละแผนการจดั การเรียนรู้ราย
หนว่ ย มีทง้ั หมด 4 หน่วย ได้แก่ หนว่ ยท1ี่ เร่อื ง มาแกป้ ญั หากันเถอะ หน่วยท่2ี ออกแบบกนั ก่อน หน่วยที่ 3
วางแผน สรา้ งสรรค์ และนำเสนอ หนว่ ยที4่ คาดการณเ์ ทคโนโลยีในอนาคต
ผู้จัดทำหวังวา่ รายงานฉบับนีจ้ ะเป็นส่ิงท่ีมอบหมายให้ท้ังความรแู้ ละวธิ กี ารท่ีจะนำไปประยุกต์ใช้ได้ และ
เกิดประโยชนแ์ ก่ผทู้ ี่สนใจศกึ ษาและผู้อา่ นทกุ ทา่ น หากมขี อ้ ผดิ พลาดประการใด ผู้จัดทำน้อมรบั ทุกคำตชิ มของผู้ที่
สนใจหรอื ผู้อ่าน เพื่อจะนำมาปรบั ปรุงในคร้ังต่อไป
ปนสั ยา ทงุ่ คาใน
6 พฤศจิกายน 2565
สารบญั ข
คำนำ ก
สารบัญ ข
แผนการจดั การเรียนรู้ 1
คำอธิบายรายวิชา 4
โครงสรา้ งรายวชิ า 5
แผนการจัดการเรียนรทู้ ่ี1 6
แผนการจดั การเรียนรู้ที่2 33
แผนการจดั การเรียนรทู้ ี่3 58
แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี4 78
1
แผนการจดั การเรียนรู้
สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ รายวชิ า ออกแบบและเทคโนโลยจี ำนวน 0.5 หนว่ ยกิต
ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 2
ปีการศึกษา 2565 เวลา 20 ชวั่ โมง
1. มาตรฐานการเรียน/ตัวชี้วดั
มาตรฐานการเรยี นรแู้ ละตวั ชี้วัด
ว4.1 คาดการณแ์ นวโนม้ เทคโนโลยีทจ่ี ะเกิดขึน้ โดยพิจารณาจากสาเหตุหรือปัจจัยท่สี ง่ ผลตอ่ การ
เปลีย่ นแปลงของเทคโนโลยแี ละวิเคราะห์ เปรียบเทียบ ตัดสินใจเลอื กใช้เทคโนโลยี โดยคำนงึ ถึงผลกระทบที่เกดิ ขึ้น
ตอ่ ชวี ติ สังคม และส่งิ แวดล้อม
ว4.1 ระบปุ ัญหาหรอื ความตอ้ งการในชุมชนหรอื ทอ้ งถ่ิน สรปุ กรอบของปญั หา รวบรวม วิเคราะห์ ขอ้ มลู
และแนวคดิ ทเ่ี ก่ียวข้องกบั ปัญหา
ว4.1 ออกแบบวธิ ีการแกป้ ญั หา โดยวเิ คราะห์ เปรยี บเทยี บ และตัดสินใจเลอื กข้อมูลท่ีจำเปน็ ภายใต้
เง่ือนไขและทรัพยากรที่มอี ยู่ นำเสนอ แนวทางการแกป้ ญั หาใหผ้ ้อู น่ื เขา้ ใจ วางแผน ข้นั ตอนการทำงานและ
ดำเนินการแกป้ ัญหา อย่างเป็นขน้ั ตอน
ว4.1 ทดสอบ ประเมินผล และอธบิ ายปัญหาหรอื ข้อบกพร่องท่เี กดิ ขึน้ ภายใต้กรอบเงอื่ นไข พรอ้ มทงั้ หา
แนวทางการปรับปรงุ แก้ไข และ นำเสนอผลการแก้ปญั หา
ว4.1 ใช้ความรแู้ ละทกั ษะเกยี่ วกับวสั ดอุ ุปกรณ์ เคร่อื งมอื กลไก ไฟฟ้า และอเิ ล็กทรอนิกส์ เพอื่ แกป้ ญั หา
หรือพัฒนางานไดอ้ ยา่ งถกู ต้อง เหมาะสม และปลอดภยั
2. จุดประสงคก์ ารเรียนรู้
สาระท่ี 4 เทคโนโลยี
1.1 นกั เรียนสามารถเปรยี บเทยี บ ตดั สินใจเลือกใชเ้ ทคโนโลยี โดยคำนกึ ถึงผลกระทบทเี่ กดิ ข้ึนต่อชวี ิต
สงั คมและส่ิงแวดล้อมได้ (K)
1.2 นักเรียนสามารถอภปิ รายการคาดการณ์แนวโนม้ เทคโนโลยีทจี่ ะเกิดขน้ึ โดยพิจารณาจากสาเหตุหรือ
ปัจจยั ได้ (P)
1.3 นักเรยี นมคี วามรบั ผดิ ชอบต่องานทค่ี รูผสู้ อนไดม้ อบหมายไว้ในชัน้ เรยี น (A)
2.1 นกั เรยี นสามารถระบปุ ัญหาหรือความต้องการในชมุ ชนหรอื ท้องถนิ่ ได้ (K)
2.2 นักเรียนสามารถตรวจสอบและสรปุ กรอบของปัญหารวบรวม วิเคราะห์ ขอ้ มูลและแนวคดิ ที่เกีย่ วข้อง
กับปัญหาได้ (P)
2
2.3 นักเรยี นเหน็ คุณค่าของปญั หาหรือความต้องการในชุมชนหรือท้องถน่ิ ได้ (A)
3.1 นักเรียนสามารถออกแบบวธิ ีการแกป้ ญั หา โดยวเิ คราะหเ์ ปรียบเทยี บและตดั สินใจเลอื กขอ้ มูลที่จำเปน็
ภายใตเ้ งอ่ื นไขและทรพั ยากรทมี่ อี ยู่ นำเสนอ แนวทางการแก้ปญั หาให้ผอู้ น่ื เขา้ ใจ วางแผน ขั้นตอนการทำงานและ
ดำเนินการแกป้ ญั หาอยา่ งเปน็ ข้นั ตอนได้ (K) (P)
3.2 นักเรยี นมคี วามกระตอื รอื ร้นในการคน้ ควา้ หาความรเู้ พมิ่ เติมด้วยตนเอง (A)
4.1 นกั เรยี นสามารถทดสอบ ประเมินผลและอธบิ ายปญั หาหรอื ข้อบกพรอ่ งทีเ่ กดิ ข้ึน ภายใต้กรอบเง่อื นไข
พร้อมทงั้ หาแนวทางการปรับปรงุ แกไ้ ขและนำเสนอผลการแก้ปัญหาได้ (K) (P)
4.2 นกั เรยี นมคี วามรบั ผดิ ชอบในกระบวนการการทำงานกลมุ่ (A)
5.1 นกั เรยี นสามารถใช้ความรู้และทกั ษะเกีย่ วกบั วสั ดุ อปุ กรณ์ เครื่องมือ กลไก ไฟฟา้ และอเิ ล็กทรอนิกส์
เพอ่ื แกป้ ญั หาหรอื พฒั นางานได้อยา่ งถูกต้อง เหมาะสมและปลอดภัยได้ (K) (P)
5.2 นกั เรยี นเห็นประโยชนข์ องการใช้เคร่อื งมือ กลไก ไฟฟ้าและอเิ ล็กทรอนิกส์ (A)
3. สาระสำคญั
การวเิ คราะหแ์ นวทางการแกป้ ญั หาโดยพจิ ารณาเงือ่ นไขหรือทรพั ยากรทางเทคโนโลยรี ่วมดว้ ย จะทำให้ได้
แนวทางการแก้ปัญหาที่เปน็ ไปไดแ้ ละเหมาะสมที่สดุ กับสถานการณ์ของปัญหานน้ั
การวเิ คราะหส์ ถานการณป์ ัญหำให้ทราบถึงประเด็นปัญหา รวมทั้งเง่อื นไขหรือขอ้ มูล ท่เี กี่ยวขอ้ ง
กับปัญหา เมือ่ นำข้อมูลทไ่ี ด้จากการวเิ คราะห์มาเขยี นสรปุ เป็นกรอบของปญั หาจะช่วยให้ปญั หานน้ั มีความ
ชดั เจนยิ่งข้ึน ซึง่ กรอบของปัญหานี้ถอื เปน็ สิง่ สำคัญทจี่ ะเป็นขอบเขตในการศึกษาหาแนวทางการแกป้ ัญหาตอ่ ไป
4. สาระการเรยี นรู้
- สาเหตหุ รอื ปจั จยั ต่าง ๆ เช่น ความกา้ วหน้าของ ศาสตรต์ า่ ง ๆ การเปล่ียนแปลงทางด้านเศรษฐกิจ
สงั คม วัฒนธรรม ทำให้เทคโนโลยีมกี าร เปล่ียนแปลงตลอดเวลา
- เทคโนโลยแี ตล่ ะประเภทมผี ลกระทบตอ่ ชีวติ สังคม และสิง่ แวดลอ้ มทีแ่ ตกตา่ งกัน จงึ ตอ้ ง วิเคราะห์
เปรียบเทยี บข้อดี ขอ้ เสีย และตดั สนิ ใจ เลอื กใช้ให้เหมาะสม
- ปัญหาหรือความตอ้ งการในชุมชนหรือทอ้ งถ่ิน มหี ลายอยา่ ง ขึ้นกับบรบิ ทหรือสถานการณ์ ท่ีประสบ เชน่
ด้านพลังงาน ส่งิ แวดลอ้ ม การเกษตร การอาหาร
- การระบุปัญหาจำเป็นต้องมีการวิเคราะห์ สถานการณ์ของปัญหาเพื่อสรุปกรอบของปัญหา แล้ว
ดำเนนิ การสบื ค้น รวบรวมข้อมลู ความรู้ จากศาสตรต์ ่าง ๆ ทีเ่ ก่ยี วข้อง เพ่ือนาํ ไปส่กู าร ออกแบบแนวทางการ
แกป้ ัญหา
3
- การวเิ คราะห์ เปรยี บเทยี บ และตัดสินใจ เลือกขอ้ มูลท่ีจําเปน็ โดยคำนงึ ถงึ เงอ่ื นไข และทรพั ยากร เช่น
งบประมาณ เวลา ข้อมูล และสารสนเทศ วสั ดุ เคร่อื งมอื และอปุ กรณ์ ช่วยให้ได้แนวทางการแก้ปัญหาท่เี หมาะสม
- การออกแบบแนวทางการแกป้ ญั หาทำได้ หลากหลายวิธี เช่น การรา่ งภาพ การเขยี น แผนภาพ การ
เขยี นผงั งาน
- การกำหนดข้ันตอนระยะเวลาในการทำงาน ก่อนดำเนินการแก้ปัญหาจะชว่ ยให้การทำงาน สำเรจ็ ไดต้ าม
เปา้ หมาย และลดข้อผดิ พลาด ของการทำงานทอ่ี าจเกิดขนึ้
- การทดสอบและประเมินผลเป็นการตรวจสอบ ชิ้นงาน หรือวิธีการว่าสามารถแก้ ปัญหาได้ ตาม
วัตถปุ ระสงคภ์ ายใตก้ รอบของปญั หา เพอ่ื หาขอ้ บกพร่องและดำเนินการปรบั ปรุงให้สามารถแกไ้ ขปัญหาได้
- การนาํ เสนอผลงานเปน็ การถา่ ยทอดแนวคิด เพอื่ ใหผ้ ู้อ่นื เข้าใจเก่ียวกบั กระบวนการทำงาน และชิ้นงาน
หรอื วิธีการทไี่ ด้ ซึง่ สามารถทำได้ หลายวิธี เช่น การเขียนรายงาน การทำแผ่นนาํ เสนอผลงาน การจดั นทิ รรศการ
- วสั ดุแตล่ ะประเภทมีสมบัตแิ ตกต่างกนั เช่น ไม้ โลหะ พลาสตกิ จึงต้องมีการวิเคราะหส์ มบตั ิ เพื่อเลอื กใช้
ใหเ้ หมาะสมกบั ลกั ษณะของงาน
- การสรา้ งชนิ้ งานอาจใช้ความรู้ เรื่องกลไก ไฟฟ้า อิเลก็ ทรอนิกส์ เชน่ LED มอเตอร์ บซั เซอร์ เฟือง รอก
ล้อ เพลา
- อุปกรณ์และเครื่องมือในการสรา้ งชิ้นงาน หรอื พฒั นาวธิ ีการมีหลายประเภท ต้องเลอื กใช้ ให้ถูกต้อง
เหมาะสม และปลอดภัย รวมทง้ั รู้จกั เกบ็ รกั ษา
4
คำอธบิ ายรายวิชา
สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ รายวชิ า ออกแบบและเทคโนโลยีจำนวน 0.5 หน่วยกิต
ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 2 ปกี ารศกึ ษา 2565 เวลา 20 ช่วั โมง
ศกึ ษา อธบิ ายความหมายของสาเหตหุ รือปัจจัยต่างๆ การวเิ คราะหเ์ ปรียบเทียบข้อดี ขอ้ เสียของเทคโนโลยี
และตัดสนิ ใจเลือกใช้ให้เหมาะสม ปญั หาหรอื ความต้องการในชุมชนหรือท้องถ่ิน มหี ลายอย่างข้ึนกับบริบทหรือ
สถานการณ์ท่ีประสบ การระบปุ ัญหาจำเป็นต้องมีการวิเคราะห์สถานการณข์ องปัญหาเพ่ือสรปุ กรอบของปัญหา
แล้วดำเนินการสบื ค้น รวบรวมข้อมลู ความรู้จากศาสตร์ตา่ งๆ ทเี่ กี่ยวขอ้ ง เพื่อนำไปสู่การออกแบบแนวทางการ
แก้ปัญหา การวเิ คราะห์ เปรยี บเทยี บ และตัดสินใจเลือกข้อมูลที่จำเป็น โดยคำนึงถึงเง่ือนไขและทรัพยากร การ
ออกแบบแนวทางการแก้ปญั หาทำได้หลากหลายวิธี การกำหนดข้ันตอนระยะเวลาในการทำงานก่อนดำเนินการ
แก้ปญั หา การทดสอบและประเมินเป็นการตรวจสอบชิ้นงาน หรอื วธิ กี ารว่าสามารถแกป้ ัญหา การนำเสนอผลงาน
เป็นการถ่ายทอดการวิเคราะห์สมบัติ เพื่อเลือกใช้ให้เหมาะสมกับลักษณะของงาน ความรู้ เรื่องกลไ ก ไฟฟ้า
อเิ ลก็ ทรอนกิ ส์
การรู้จักเลือกใช้อุปกรณ์และเคร่ืองมือในการสร้างชิน้ งานหรอื พัฒนาวิธีการ ให้ถูกตอ้ ง เหมาะสมและ
ปลอดภัย รวมทง้ั รูจ้ กั เก็บรักษา
ตวั ชวี้ ดั
ว4.1 ม.2/1 ม.2/2 ม.2/3 ม.2/4 ม.2/5
รวม 5 ตวั ชีว้ ดั
5
โครงสร้างรายวิชา
รายวชิ าโครงงานวิทยาศาสตร์ กลมุ่ สาระวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ช้ันมธั ยมศึกษาปที 2ี่ เวลา 20 ชว่ั โมง จำนวน 0.5 หน่วยกิต
ลำดับ หนว่ ยการเรียนรู้ ตัวช้วี ัด เวลา นำ้ หนกั
ท่ี ว.4.1 ม.2/2 (ช่ัวโมง) (คะแนน)
1 มาแก้ปัญหากนั เถอะ
1.1เทคโนโลยีการจัดการสิ่งแวดลอ้ ม ว.4.1 ม.2/23 4 15
1.2การวิเคราะหส์ ถานการณ์ปญั หา
1.3การรวบรวมข้อมลู เพื่อแก้ปญั หา ว.4.1 ม.2/3 4 15
2 ออกแบบกันกอ่ น ว.4.1 ม.2/4
2.1การวเิ คราะห์แนวทางการแกป้ ญั หา ว.4.1 ม.2/5 1 20
2.2การสรา้ งทางเลอื กในการแก้ปัญหา ว.4.1 ม.2/1 6 15
2.3การสร้างแบบจำลอง
สอบวัดผลกลางภาค 4 15
3. วางแผน สร้างสรรค์ และนำเสนอ
3.1การวางแผนการแกป้ ญั หา 1 20
3.2สิ่งทคี่ วรรู้ก่อนลงมือสรา้ งชิ้นงาน 20 100
3.3การทดสอบ ประเมนิ ผล และปรบั ปรุงแก้ไข
3.4การนำเสนอ
4 คาดการณ์เทคโนโลยีในอนาคต
4.1การเปล่ียนแปลงของเทคโนโลยีและการ
เลือกใช้เทคโนโลยี
4.2การคาดการณเ์ ทคโนโลยีในอนาคต
สอบวัดผลปลายภาค
รวมท้ังส้นิ ตลอดภาคเรียน
6
แผนการจดั การเรียนรทู้ ่ี 1
7
หน่วยการเรยี นรูท้ ี่ 1 เรอ่ื ง มาแกป้ ัญหากนั เถอะ
สาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์ รายวชิ า ออกแบบและเทคโนโลยจี ำนวน 1 หนว่ ยกิต
ช้ันมธั ยมศึกษาปที ี่ 2 ปีการศกึ ษา 2565 เวลา 4 ชัว่ โมง
1.ผลการเรยี นรู้
ผลการเรยี นรู้
ระบุปญั หาหรือความตอ้ งการในชมุ ชนหรือทอ้ งถ่ิน สรปุ กรอบของปญั หา รวบรวมวเิ คราะห์ข้อมลู และ
แนวคิดทเ่ี กี่ยวข้องกับปัญหา
2. จุดประสงค์การเรยี นรู้
ด้านความรู้ (K : Knowledge)
1. อธบิ ายหลักการทำงานของเทคโนโลยีในการจัดการสิง่ แวดลอ้ ม
2. วเิ คราะห์สถานการณ์ปัญหา และสรปุ กรอบของปญั หา
3. อธบิ ายวธิ กี ารรวบรวมขอ้ มลู ทเี่ ก่ียวข้องกับแนวทางการแกป้ ัญหา
ดา้ นทักษะ/กระบวนการ (P : Process)
1. เขยี นแผนทคี่ วามคดิ แสดงปญั หาทพี่ บ
2. เขียนกรอบแนวคิดในการแก้ปญั หา
3. นำเสนอแนวทางในการปอ้ งกนั และแก้ไขปัญหาที่เกดิ ขนึ้
ดา้ นคุณลักษณะ (A : Attribute)
1. เหน็ ความสำคญั ของระบบทางเทคโนโลยีในการจดั การส่ิงแวดลอ้ ม
2. ตระหนกั ถึงผลกระทบของปญั หาที่เกดิ ขน้ึ
3. มคี วามรบั ผดิ ชอบ ตรงต่อเวลา และทำงานร่วมกบั ผู้อื่นได้
4. ร่วมวางแผน รว่ มคดิ รว่ มทำ
3. สาระสำคญั / ความคิดรวบยอด
การวเิ คราะห์สถานการณป์ ัญหา ทำให้ทราบถึงประเดน็ ปัญหา รวมท้ังเง่ือนไขหรือขอ้ มูล ทเ่ี กีย่ วข้อง
กับปัญหา เมอ่ื นำข้อมลู ท่ีได้จากการวิเคราะหม์ าเขยี นสรปุ เป็นกรอบของปญั หาจะช่วยให้ปัญหานัน้ มคี วาม
ชัดเจนยิง่ ขึน้ ซ่ึงกรอบของปญั หาน้ีถือเป็นส่ิงสำคญั ท่จี ะเป็นขอบเขตในการศึกษาหาแนวทางการแก้ปัญหาต่อไป
8
การรวบรวมข้อมูลทเี่ กย่ี วข้องกับการแก้ปญั หา เป็นการมงุ่ หาแนวทางหรือวิธกี ารทจี่ ะนำมาใชใ้ นการ
แก้ปญั หาอย่างเหมาะสม ข้อมลู ท่ีสบื คน้ อาจมาจากหลายศาสตร์และมีวิธกี ารสืบคน้ ขอ้ มลู หลายวิธอี ยา่ งไรก็
ตามควรสืบคน้ จากแหล่งข้อมลู ที่น่าเช่ือถือ และต้องมีการอา้ งอิงแหลง่ ท่มี าของข้อมูลนน้ั ด้วย
4. สาระการเรียนรู้
4.1 สาระการเรยี นรู้แกนกลาง
1. เทคโนโลยีในการจัดการส่งิ แวดลอ้ ม
2. การวิเคราะห์สถานการณป์ ัญหา
3. การรวบรวมข้อมูลเพื่อแก้ปญั หา
4.2 สาระการเรียนร้ทู อ้ งถน่ิ
-
5. สมรรถนะสำคัญของผู้เรยี น
ความสามารถในการส่ือสาร ความสามารถในการคิด
ความสามารถในการแกป้ ญั หา ความสามารถในการใช้
ทักษะชวี ติ ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี
6. คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์
รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ซอื่ สตั ยส์ จุ ริต มวี ินยั ใฝ่เรยี นรู้
อย่อู ยา่ งพอเพยี ง มงุ่ มนั่ ในการทำงาน รกั ความเป็นไทย
มจี ิตสาธารณะ
7.ทักษะของผู้เรียนในศตวรรษท่ี 21 (3R + 8C) ส่กู ารพัฒนาคณุ ภาพผเู้ รียน
Reading – อา่ นออก
Riting - เขยี นได้
Rithmatic - มที กั ษะในการคำนวณ
Critical Thinking and Problem Solving - มที กั ษะในการคดิ วเิ คราะห์ การคิดอย่างมวี จิ ารณญาณและ
แก้ไขปญั หาได้
Creativity and Innovation : คดิ อยา่ งสร้างสรรค์ คิดเชงิ นวัตกรรม
Collaboration Teamwork and Leadership : ความรว่ มมอื การทำงานเปน็ ทมี และภาวะผนู้ ำ
Communication Information and Media Literacy : ทักษะในการส่ือสารและการรู้เท่าทนั สอ่ื
9
Cross-cultural Understanding : ความเขา้ ใจความแตกต่างทางวฒั นธรรมกระบวนการคดิ ขา้ มวัฒนธรรม
Computing and ICT Literacy : ทกั ษะการใช้คอมพวิ เตอร์ และการร้เู ทา่ ทนั เทคโนโลยี
Career and Learning Skills : ทักษะทางอาชีพ และการเรยี นรู้
Compassion : มคี ุณธรรม มเี มตตา กรณุ า มรี ะเบียบวินัย
8. กระบวนการทใี่ ชส้ อน (ระบุเฉพาะทใ่ี ช้ในชั่วโมงหรอื คาบสอน และระบุได้มากกวา่ ๑ ข้อ)
กระบวนการเรยี นความรู้ความเข้าใจ กระบวนการปฏิบตั ิ กระบวนการกลมุ่
กระบวนการสร้างความคดิ รวบยอด กระบวนกรสร้างค่านิยม กระบวนการแก้ปญั หา
กระบวนการสรา้ งความตระหนกั กระบวนการเรยี นภาษา กระบวนการสรา้ งเจตคติ
กระบวนการคณติ ศาสตร์ ทกั ษะกระบวนการ 9 ข้ัน อน่ื ๆ................................
กระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ กระบวนการคิดอยา่ งมวี ิจารณญาณ
กระบวนการอ่าน กระบวนการวิเคราะห์
9.วิธีการสอนทใี่ ชใ้ นการจดั การเรยี นรู้ (ระบุเฉพาะทใ่ี ชใ้ นชัว่ โมงหรอื คาบสอน และระบุไดม้ ากกวา่ ๑ ข้อ)
การบรรยาย (Lecture) การสาธติ (Demonstration) การทดลอง (Experiment)
แบบทศั นศกึ ษา (Field Trip) แบบนิรนยั (Deduction) แบบอปุ นัย (Induction)
การอภิปรายรายกลมุ่ ยอ่ ย (Small Group Discussion) การแสดงละคร (Dramatization)
แบบศูนย์การเรยี น (Learning Center) กรณีตวั อย่าง (Case study)
การใชส้ ถานการณ์จำลอง (Simulation) การแสดงบทบาทสมมติ (Role Playing)
การบทเรียนโปรแกรม (Programmed Instruction) การใช้เกม (Game) อ่นื ๆ.........
10
10. ชนิ้ งาน / ภาระงาน
7.1 ใบงาน เรอ่ื ง ปัญหาสง่ิ แวดลอ้ มรอบตัว
7.2 ใบงาน เร่ือง สำรวจส่ิงแวดล้อมในโรงเรียน
11.การวดั และการประเมนิ ผล
เกณฑ์การประเมนิ
ประเดน็ 3 ระดับคะแนน 1
การประเมนิ ใชค้ ำถาม 5W1H ใชค้ ำถาม 5W1H
ในการวเิ คราะหป์ ญั หา 2 ในการวเิ คราะหป์ ญั หา
1. การวเิ คราะห์ ได้ถกู ต้องทั้ง 6 ใชค้ ำถาม 5W1H ไดถ้ ูกตอ้ ง
สถานการณป์ ญั หา คำถามและสรุป ในการวิเคราะหป์ ญั หา น้อยกว่า 4 ค าถาม
และสรุปกรอบของ กรอบของปญั หา ไดถ้ ูกตอ้ ง 4-5 ค าถาม สรุปกรอบของปญั หา
ปัญหา ไดส้ อดคลอ้ งกบั การใช้ สามารถสรุปกรอบ ไมส่ อดคล้องกับการใช้
คำถาม 5W1H ของปญั หา คำถาม 5W1H
2. การรวบรวบขอ้ มูล กำหนดประเด็น ไดส้ อดคล้องกบั การใช้ กำหนดประเด็นในการ
ทเ่ี กีย่ วขอ้ งกบั ในการรวบรวมข้อมลู คำถาม 5W1H รวบรวมข้อมูลเพียง
แนวทางการแกป้ ญั หา ได้3 ประเดน็ ขึ้นไป กำหนดประเดน็ ใน 1 ประเด็น โดยระบุ
2.1 การกำหนด และระบแุ หล่งข้อมูล การรวบรวมข้อมูลได้ หรอื ไมร่ ะบแุ หลง่ ขอ้ มูล
ประเด็นและระบุ ทต่ี อ้ งการสบื คน้ 2 ประเดน็ และระบุ ทต่ี ้องการสืบค้น
แหล่งทมี่ า แหล่งข้อมลู ท่ตี อ้ งการ
2.2 การรวบรวม รวบรวมแนวทาง สบื คน้ รวบรวมแนวทาง
แนวทางการแกป้ ญั หา การแกป้ ญั หา 2 การแก้ปญั หาเพียง
และระบุแหลง่ ที่มา แนวทางขึน้ ไป รวบรวมแนวทาง 1 แนวทาง และระบุ
ของข้อมลู พร้อมกับระบุ การแก้ปัญหา 2 แหล่งทีม่ าของขอ้ มูล
แหลง่ ทม่ี าของข้อมูล แนวทางขึ้นไป แต่ระบุ และวนั ที่สืบค้น
และวันทส่ี ืบคน้ แหลง่ ท่ีมาของขอ้ มลู
ครบถ้วน และวันทส่ี ืบค้น
ไม่ครบถว้ น
11
เกณฑก์ ารตัดสนิ ระดบั คณุ ภาพ
คะแนน 7-9 คะแนน หมายถงึ ระดับคณุ ภาพ ดี
คะแนน 4-6 คะแนน หมายถงึ ระดับคณุ ภาพ พอใช้
คะแนน 1-3 คะแนน หมายถงึ ระดับคณุ ภาพ ปรับปรงุ
12. กิจกรรมการเรียนรู้
12.1 ชว่ั โมงที่ 1 – 2
12.1.1 ขัน้ นำ
1.ครนู ำภาพเกี่ยวกับปญั หารถตดิ มาให้นกั เรียนได้ร่วมวิเคราะหว์ า่ มีสาเหตแุ ละปจั จยั อะไร
และส่งผลกระทบต่อสงิ่ แวดล้อมอยา่ งไรบา้ ง
แนวคำตอบ สาเหตุและปจั จยั ของการทำให้เกิดปญั หารถตดิ เช่น
- ปรมิ าณรถมากแต่พ้ืนท่ีถนนมนี ้อย
- คนไม่มวี ินยั ในการขับข่ี เช่น เปล่ยี นเลนหรือแทรกเลน จอดขา้ งทาง จอด
ในทีห่ า้ มจอด
- การจดั ระเบียบการจราจรไม่มีประสิทธภิ าพ เช่น สัญญาณไฟจราจรไม่
สมั พนั ธ์กับปรมิ าณรถ ไมม่ ีปา้ ยจราจรเกิดอุบัติเหตคุ นนิยมใชร้ ถสว่ นตัว
มากกว่ารถสาธารณะซึ่งมีหลายเหตผุ ล เช่น รถส่วนตัวสะดวกสบาย
มากกวา่ ถึงจุดหมายเร็วกว่าเส้นทางการเดนิ รถของรถสาธารณะไม่
ครอบคลุม
ส่งผลกระทบต่อสง่ิ แวดล้อม คอื เกดิ มลพิษทางอากาศจากไอเสยี ของรถ มลพษิ ทาง
เสยี ง เกิดการสญู เปล่าท้ังเวลาและเชื้อเพลงิ
2. ครูอภปิ รายกับนักเรยี นตอ่ ไปว่าจะรู้ได้อยา่ งไรวา่ อะไรคอื สาเหตุทแ่ี ทจ้ รงิ ของ
ปญั หารถติด เพอ่ื ให้สามารถแกป้ ัญหาไดต้ รงจดุ หลังจากนัน้ ครสู รุปวา่ เราจะต้องทำความเขา้ ใจกบั สถานการณ์
ปัญหา แล้ววิเคราะห์ขอ้ มลู โดยอาจใชก้ ารตัง้ คำถามหรอื วธิ ีการต่าง ๆ เพ่ือใหไ้ ด้กรอบของปญั หาที่ชัดเจนขึ้น
ซึง่ เป็นส่งิ ทน่ี กั เรยี นจะได้เรียนร้หู ลงั จากน้ตี อ่ ไป
12.1.2 ขั้นสอน
1. ครใู หน้ กั เรยี นศึกษาหัวขอ้ ปัญหาสง่ิ แวดลอ้ มท่ีเกดิ จากมนุษยแ์ ละธรรมชาติในใบความร้แู ลว้ ร่วมกัน
อภิปรายเกีย่ วกบั ปัญหาส่งิ แวดลอ้ มอนื่ ๆ ที่พบ ครูให้ผู้เรียนทำใบงาน เรอ่ื ง ปัญหาสิ่งแวดลอ้ มรอบตัว โดย
วิเคราะห์ว่าเกดิ จากมนษุ ยห์ รอื ธรรมชาติเพอ่ื เพ่ิมเติมความร้ใู หม้ ากข้ึน
12
2. ครูให้นักเรียนศึกษาหัวขอ้ เทคโนโลยีในการจัดการสิง่ แวดลอ้ มในใบความรู้แลว้
อภปิ รายรว่ มกนั
แนวคำตอบ
ปญั หาสิง่ แวดล้อม สาเหตุ เทคโนโลยีในการจัดการ
สิง่ แวดล้อม
1.นำ้ เสียจากโรงงาน การปล่อยโลหะจำพวก สารตะกั่ว การคิดค้นวิธกี ารกำจดั สารโลหะ
ผลิตสนิ คา้ ประเภท สารหนแู คดเมยี ม โครเมยี ม เหล่าน้ี
อเิ ลก็ ทรอนิกส์ โดยใช้“Microbot” ดดู ซับตะกัว่
ออก
จากน้ำในการบำบดั น้ำเสยี ในโรงงาน
2.มลพิษทางอากาศใน การปล่อยควันและสารปนเปือ้ น การดกั จับฝุ่นขนาดเลก็ 10-40
โรงงาน สู่บรรยากาศ จากโรงงาน ไมครอน
ออกจากกระแสอากาศ ทำให้ลดฝนุ่
ละอองในอากาศไดโ้ ดยใช้แรงหนี
ศูนย์กลางหรือแรงเหว่ยี ง
3.ขยะมูลฝอย เกดิ จากการทำอาหาร ใชเ้ ทคโนโลยีการจัดการขยะมลู ฝอย
ทำเกษตรกรรม ทำให้เกิดขยะ ตาม
เชน่ เศษอาหาร เศษพชื การจำแนกประเภทของขยะ ดงั นี้
ถุงพลาสติก กระดาษ 1. ขยะทว่ั ไป ฝังกลบอยา่ งถูก
แก้ว ภาชนะบรรจสุ ารเคมี หลกั สขุ าภบิ าล
2. ขยะรไี ซเคิล นำไปผา่ น
กระบวนการแปรรปู เปน็ ผลิตภณั ฑ์
ใหม่
3. ขยะเปียก ทำปยุ๋ หมกั /ปุย๋
ชวี ภาพ
เปน็ อาหารสตั ว์
4. ขยะพษิ สง่ โรงงานเพ่ือ
กำจัดอย่างถกู วิธี
13
3. นกั เรยี นร่วมกันอภปิ รายเกีย่ วกบั คำถามว่านอกจากเทคโนโลยกี ารจดั การสิง่ แวดลอ้ มในใบความรแู้ ลว้
ยังมีเทคโนโลยีอะไรอกี บา้ งท่ีนักเรียนเคยพบเหน็
แนวคำตอบ นักเรยี นตอบตามความคดิ ของตัวเอง เช่น เส้ือผ้าทผ่ี ลิตจากก้น
บุหรี่ น้ำมันหลอ่ ลน่ื ท่ีเป็นสารอินทรียโ์ รงแรมทใ่ี ชพ้ ลังงานมนษุ ยค์ อมพวิ เตอรโ์ น้ตบกุ๊ ท่ีผลติ จากไมไ้ ผ่ เคร่อื งพิมพ์
ทีล่ บและพมิ พซ์ ้ำไดเ้ คร่ืองซักผ้าที่ใชน้ ้ำแค่ 1 แก้ว
4. ครูแบ่งกลมุ่ นักเรียนตามความเหมาะสม เพอื่ ทำใบงาน เร่ือง สำรวจปญั หาส่งิ แวดลอ้ มในโรงเรยี นและ
เขียนแผนที่ความคิดของปญั หา
12.1.3 ขั้นสรปุ
1. ครูและนกั เรียนรว่ มกนั สรปุ ความร้เู กย่ี วกบั เทคโนโลยใี นการจดั การสิง่ แวดล้อม
12.2 ชั่วโมงท่ี 3 – 4
12.2.1 ขัน้ นำ
1. ครูทบทวนความรู้เร่อื งเทคโนโลยใี นการจดั การสงิ่ แวดลอ้ ม โดยให้นกั เรียนระดมความคดิ
แก้ปญั หาจากโจทย์ทค่ี รูกำหนด
2. ครถู ามผเู้ รียนวา่ ในการวเิ คราะห์สถานการณป์ ญั หาเพอื่ ให้ได้ปญั หาทแ่ี ทจ้ รงิ และตรงจดุ ของ
นักเรยี นนั้นมหี ลักคดิ อยา่ งไร
12.2.2 ข้นั สอน
1. ครูให้นักเรียนจับกลมุ่ 3-4 คน ศกึ ษาหัวข้อ การวิเคราะหส์ ถานการณ์ของปัญหาโดยการใช้การ
ตงั้ คำถาม 5W1H จากนน้ั ครูอภิปรายรว่ มกับนกั เรยี นอกี ครั้งหน่งึ เกีย่ วกบั การต้ังคำถาม 5W1H ว่ามอี ะไรบ้าง แต่
ละคำถามหมายถงึ อะไร เพอื่ ให้นักเรียนเกดิ ความเข้าใจมากขึ้น
2. ครใู ห้นักเรยี นศกึ ษาการวิเคราะห์สถานการณ์ตวั อย่างในใบความร้เู กยี่ วกับปัญหา
ขยะในโรงเรยี นโดยการใชค้ ำถาม 5W1H และตัวอยา่ งการกำหนดกรอบของปัญหา จากนน้ั นักเรยี นและครู
อภิปรายรว่ มกนั เกย่ี วกบั การกำหนดกรอบของปัญหา
3. ครใู หน้ ักเรียนแต่ละกลมุ่ ทำใบงาน เรอื่ ง กำหนดกรอบของปญั หา
12.2.3 ขั้นสรุป
1. ครูใหน้ ักเรยี นนำเสนอกรอบของปัญหาของกลมุ่ ตนเองให้เพื่อน ๆ ในห้องได้รบั
ทราบ เพื่อเป็นการแลกเปล่ียนเรียนรู้และเปดิ มมุ มองของการกำหนดกรอบของปัญหาให้เห็นถึงความหลากหลาย
2. ครูและนักเรียนร่วมกนั สรุปแนวคิดการกำหนดกรอบของปญั หา
14
13.การจัดกจิ กรรมการเรียนรู้ เรอื่ ง มาแก้ปญั หากันเถอะ จำนวน 4 ชั่วโมง
หนว่ ยย่อยท่ี 1 เรื่อง เทคโนโลยีการจัดการส่งิ แวดลอ้ ม
ใช้รปู การเรียนรู้แบบร่วมมือ (Co-operative learning)
1. ขนั้ นำเขา้ สูบ่ ทเรยี น
1.นักเรยี นทำแบบทดสอบก่อนเรียนจานวน 10 ขอ้ เรอื่ ง การสรา้ งทางเลือกในการแกป้ ัญหา ในบทเรียน
เวบ็ ไซตช์ ่วยสอนโปรแกรม Google Sites โดยครูคอยบนั ทกึ คะแนนของนักเรียนแตล่ ะคนลงในสมดุ บนั ทกึ คะแนน
2.ครูช้ีแจงจดุ ประสงค์การเรียนรู้ เร่อื ง การสรา้ งทางเลือกในการแก้ปญั หา ให้นกั เรียนทุกคนในช้ัน เรยี น
ฟังและปฎิบัติตามกอ่ นเข้าสู่บทเรียน
3.นกั เรยี นดูสอื่ คลิปวิดีโอเกี่ยวข้องปญั หาต่าง ๆ ท่เี กิดขึ้นในสงั คมและชุมชนทอ้ งถ่ินผา่ นจอ โปรเจคเตอร์
หน้าชั้นเรียนจากนน้ั ต้ังคาถามชวนคิด “นกั เรียนคิดว่าทางเลอื กในการแกป้ ัญหานัน้ มีก่ ว่ี ิธี เพราะ สาเหตใุ ด”
จากนั้นสุ่มนักเรยี นตอบคาถาม จานวน 2-3 คน
4.นักเรยี นรว่ มกันศกึ ษาค้นควา้ ข้อมูลเกีย่ วกบั การสร้างทางเลอื กในการแกป้ ัญหา จากแหลง่ การ เรยี นรู้
ต่าง ๆ อย่างหลากหลาย เช่น อินเทอร์เน็ต และหนงั สือเรยี นวิชาการออกแบบและเทคโนโลยีชนั้ มัธยมศึกษาปีที่ 2
2. ขัน้ สอน โดยใช้กระบวนการสร้างความตระหนกั
1. นกั เรยี นเขา้ ศกึ ษาบทเรยี นเว็บไซตช์ ่วยสอนโปรแกรม Google Site เรือ่ ง การสร้างทางเลือกในการ
แกป้ ญั หา พร้อมกันในขณะท่คี รบู รรยายเน้ือหาการสอนหน้าชั้นเรยี น
2. ครผู ้สู อนอธิบายให้นกั เรียนในช้ันเรยี นฟังว่าการสร้างทางเลือกในการแกป้ ัญหาน้ัน มี 2 ประเภท
- การสรา้ งทางเลือกในการออกแบบ
- การออกแบบแนวทางการแก้ปัญหา
3. ครอู ธิบายการออกแบบการแก้ปัญหาที่เป็นช้ินงาน ควรคำนงึ ถึงหลักการออกแบบผลติ ภณั ฑ์ เพื่อให้
ได้ ช้ินงานท่ตี รงกับการแกป้ ญั หาหรอื ความต้องการของผใู้ ช้งานเปน็ สว่ นสำคัญ
4. นักเรียนเรียนแตล่ ะกลมุ่ ร่วมกันศึกษาหัวข้อ 2.2 การสรา้ งทางเลอื กในการออกแบบ แลว้ รว่ มกัน
อภิปรายความสำคัญหรือประโยชนข์ องการนาหลักการออกแบบผลิตภัณฑ์ และความคิดสร้างสรรค์ มาใชใ้ นการ
ออกแบบช้นิ งานหรอื วธิ ีการในขน้ั ตอนต่อไป
5. ใหน้ ักเรยี นศึกษาหัวข้อที่ 2.3 การออกแบบแนวทางการแกป้ ญั หา ซึ่งมกี ารรา่ งภาพ การเขียน
แผนภาพและการเขียนผังงาน
6. นักเรียนเรยี นศึกษาการออกแบบอุปกรณบ์ บี อัดขยะของนนทแ์ ละวิธีการออกมาตรการเพื่อลดขยะ
พลาสติกของน้าหวานจากนน้ั นกั เรียนและครูอภปิ รายรว่ มกัน
15
7. ใหน้ กั เรยี นแต่ละกลุม่ ออกแบบชนิ้ งานหรอื วธิ ีการในงานกิจกรรมที่ 2.2 เรอื่ ง รวบรวมข้อมูล โดย
สรา้ งทางเลือกในการออกแบบช้ินงานหรอื วิธีการจากแนวทางการแก้ปญั หาของกลุม่ ให้ไดม้ ากท่ีสุด และเขยี น
อธบิ ายจุดทีส่ ำคญั ของแบบนั้น ๆ จากนั้นเลอื กรูปแบบทตี่ รงกับความตอ้ งการมากทีส่ ดุ พร้อมอธบิ ายเหตผุ ลใน การ
เลือก
8. นักเรยี นแต่ละกล่มุ ออกมานาเสนอชิ้นงานเก่ียวกบั กล่มุ ตนเองหนา้ ชั้นเรยี นใหค้ รแู ละเพอ่ื นรว่ มชั้น ฟัง
โดยใชง้ านโปรแกรมคอมพิวเตอร์ Microsoft PowerPoint นำเสนอผ่านจอโปรเจคเตอรห์ น้าชั้นเรยี น
9. นกั เรยี นทาแบบทดสอบหลงั เรียนจานวน 10 ข้อ เรอ่ื ง การสรา้ งทางเลอื กในการแก้ปญั หาใน เว็บไซต์
ชว่ ยสอน Google Sites เรยี นโดยครูคอยบนั ทกึ ผลคะแนนของนักเรียนแต่ละคนลงในสมุดบันทกึ คะแนน
3. ขั้นสรปุ
1. ครแู ละนกั เรียนร่วมกันอภิปรายและสรุปความรู้ เรอ่ื งการสร้างทางเลือกในการแก้ปัญหา โดยการ
ซักถาม ความเขา้ ใจนกั เรยี นทุกคนในชั้นเรยี น
2. ครูเปดิ โอกาสให้นกั เรยี นซักถามประเด็นทย่ี ังไมเ่ ขา้ ใจ พร้อมทงั้ ชมเชยนักเรยี นที่ต้ังใจเรียน และให้
ความร่วมมือในการทากิจกรรมในช้ันเรยี น
หนว่ ยยอ่ ยที่ 2 เรอ่ื ง การวเิ คราะห์สถานการณ์ปัญหา
ใช้รปู การณ์เรียนรแู้ บบร่วมมือ (Co-operative learning)
1.ขน้ั นำเขา้ สู่บทเรียน
1. นกั เรียนทาแบบทดสอบก่อนเรียนจานวน 10 ขอ้ เรื่อง การวิเคราะห์สถานการณ์ปัญหา ในบทเรียน
เว็บไซต์ชว่ ยสอนโปรแกรม Google Sites โดยครคู อยบันทึกคะแนนของนกั เรยี นแตล่ ะคนลงในสมดุ บันทกึ คะแนน
2. ครูช้ีแจงจดุ ประสงค์การเรียนรู้ เรอื่ ง เทคโนโลยีในการจดั การสิ่งแวดลอ้ ม ใหน้ กั เรยี นทกุ คนในชั้นเรยี น
ฟงั และปฏิบัตติ ามกอ่ นเขา้ ส่บู ทเรยี น
3. นักเรยี นรว่ มกันศึกษาค้นคว้าข้อมลู เกีย่ วกบั เทคโนโลยใี นการจัดการสิง่ แวดลอ้ ม จากแหลง่ การเรยี นรู้
ตา่ ง ๆ เชน่ อินเทอร์เนต็ และหนงั สือเรียนการออกแบบเละเทคโนโลยีชั้นมธั ยมศึกษาปีท่ี 2
2. ข้นั สอน โดยใชก้ ระบวนการสร้างความตระหนกั
1. นกั เรยี นเขา้ ศกึ ษาบทเรยี นเวบ็ ไซต์ Google Site เร่ือง เทคโนโลยีในการจัดการสง่ิ แวดล้อม พร้อมกนั
ในขณะทค่ี รบู รรยายเน้อื หาการสอนหน้าชั้นเรียน
2. ครตู งั้ คาถามชวนคิด “ปัญหาสิง่ แวดล้อมมอี ะไรบา้ งและอะไรคือสาเหตุทีท่ าให้เกดิ ปัญหาน้นั ” แลว้ สุม่
นักเรยี นตอบ 2-3 คน ให้ออกมาอธบิ ายหนา้ ช้ันเรยี น
3. ครอู ธบิ ายปัญหาเกี่ยวข้องกับสิ่งแวดลอ้ มทีเ่ กดิ ขึน้ ในชีวติ ประจาวนั ซ่ึงแบ่งออก เป็น 2 ประเภท ดังนี้
16
- ปญั หาสงิ่ แวดลอ้ มท่เี กิดจากมนุษย์
- ปญั หาส่งิ แวดลอ้ มท่เี กิดจากธรรมชาติ
4. ครยู กตวั อย่างเทคโนโลยีในการจดั การปัญหาสิง่ แวดลอ้ มทเ่ี กดิ ขน้ึ ในชีวติ ประจาวนั ให้นักเรยี นรว่ มกัน
วเิ คราะหแ์ ละอภปิ รายกบั ครผู ้สู อนในชั้นเรยี น ดังนี้
- เทคโนโลยีในการบาบดั น้าเสีย
- เทคโนโลยีในการบาบัดมลพิษทางอากาศ
- เทคโนโลยใี นการจดั การขยะมลู ฝอย
5. ครแู บ่งกลุ่มนกั เรียนออกเปน็ 6 กลมุ่ กลุ่มละ 5 คน โดยคละกนั ตามความสามารถ เกง่ ปานกลาง และ
ออ่ น แลว้ ใหส้ ำรวจปัญหาส่งิ แวดล้อมในโรงเรยี นหรอื ชมุ ชนจากนั้นเขียนแผนทคี่ วามคดิ เพื่อแสดงปญั หาท่ี
พบจากการสำรวจใหไ้ ด้มากท่ีสดุ
6. นักเรียนแต่ละกลุ่มออกมานาเสนอปัญหาสิ่งแวดลอ้ มในโรงเรยี นหรือชุมชนใหค้ รแู ละเพ่อื นรว่ มชั้นฟัง
โดยใช้โปรแกรมคอมพิวเตอรใ์ นการนาเสนอช้นิ งานผ่านจอโปรเจคเตอรห์ น้าช้ันเรียน
7. นกั เรยี นทาแบบทดสอบหลงั เรยี นจานวน 10 ขอ้ เรื่อง เทคโนโลยใี นการจดั การสิ่งแวดล้อม โดยครูคอย
บันทึกผลคะแนนของนกั เรียนแตล่ ะคนลงในสมดุ บันทกึ คะแนน
3. ขั้นสรปุ
1. ครูและนกั เรียนรว่ มกันอภปิ รายและสรปุ ความรู้ เร่ืองเทคโนโลยใี นการจัดการสงิ่ แวดลอ้ ม
โดยการซักถามความเขา้ ใจนกั เรยี นทุกคนในชั้นเรียน
2. ครเู ปิดโอกาสใหน้ กั เรียนซักถามประเด็นท่ยี ังไมเ่ ข้าใจ พร้อมทง้ั ชมเชยนักเรียนทต่ี ง้ั ใจเรยี น และให้
ความรว่ มมือในการทากจิ กรรมในช้ันเรียน
หนว่ ยยอ่ ยท่ี 3 เรอื่ ง การรวบรวมขอ้ มูลเพ่ือแกป้ ัญหา
ใชร้ ูปการณ์เรยี นรแู้ บบรว่ มมือ (Co-operative learning)
1.ขัน้ นำเข้าส่บู ทเรยี น
1.นกั เรยี นทำแบบทดสอบก่อนเรียนจานวน 10 ข้อ เร่อื ง การรวบรวมข้อมูลเพ่อื แกป้ ญั หา บทเรยี น
เว็บไซตช์ ่วยสอนโปรแกรม Google Sites โดยครูคอยบันทึกคะแนนของนกั เรียนแตล่ ะคนลงในสมุด
บนั ทกึ คะแนน
2. ครูชีแ้ จงจุดประสงคก์ ารเรียนรู้ เรื่อง การรวบรวมข้อมลู เพ่อื แก้ปญั หา โดยใหน้ ักเรยี นทุกคนในชน้ั เรียน
ฟังและปฏบิ ตั ิตามกอ่ นเข้าสบู่ ทเรยี น
17
3. นกั เรยี นร่วมกันศกึ ษาค้นควา้ ข้อมลู เก่ียวกบั การรวบรวมขอ้ มลู เพ่ือแก้ปญั หา จากแหล่งการเรียนรตู้ ่าง
ๆ อย่างหลากหลาย เช่น อินเทอรเ์ นต็ และหนังสือเรียนวชิ าการออกแบบและเทคโนโลยีชน้ั มธั ยมศึกษา
ปที ่ี 2
2. ขน้ั สอน โดยใชก้ ระบวนการสรา้ งความตระหนกั
1. นกั เรียนเขา้ ศกึ ษาบทเรียนเว็บไซตช์ ว่ ยสอนโปรแกรม Google Site เรอื่ ง การรวบรวมข้อมูลและ
แนวคิดทเ่ี ก่ียวข้องกับปัญหาพร้อมกนั ในขณะท่คี รูบรรยายเน้ือหาการสอนหน้าช้ันเรียน
2. นกั เรยี นร่วมกันวิเคราะห์ แล้วตอบคาถามกระตุ้นความคิด ดังน้ี
- ถ้านักเรยี นตอ้ งการรวบรวมขอ้ มูลเก่ียวกบั ปญั หาฝ่นุ PM2.5 จะรวบรวมข้อมลู จากแหลง่ ใดได้
บ้างโดยบันทกึ คำตอบเปน็ แผนภาพความคดิ ดังน้ี
3. นักเรยี นรว่ มกันวิเคราะห์เก่ียวกับการรวบรวมขอ้ มลู และแนวคดิ ท่เี กย่ี วขอ้ งกับปญั หาแล้วตอบคำถาม
ดังน้ี
3.1 การรวบรวมขอ้ มลู หมายถงึ อะไรและมคี วามสำคัญอยา่ งไรบ้างในชวี ิตประจาวัน
3.2 ลักษณะของข้อมลู ทด่ี คี วรมีองค์ประกอบและลกั ษณะอยา่ งไรบา้ ง
3.3 ขอ้ มลู เชิงปริมาณแตกต่างกบั ข้อมูลเชิงคณุ ภาพอยา่ งไรบา้ ง
3.4 นักเรียนคิดว่าวิธีการรวบรวมข้อมลู วธิ ใี ดดที ี่สุด เพราะเหตใุ ด
4. ครอู ธิบายการรวบรวมขอ้ มูลซึง่ สามารถทาได้หลายวิธี เช่น ค้นหาในอนิ เทอรเ์ น็ต สำรวจจากสถานที่
จรงิ ทดลอง สอบถามจากเปน็ ผเู้ ช่ยี วชาญ เป็นต้น
5. ครใู ห้นกั เรยี นใช้คำคน้ หาในอนิ เทอร์เน็ต โดยใช้คาสำคัญ หรอื keyword ในการคน้ หา เชน่ “ขยะ” ซึง่
เป็นคำคน้ หาที่กวา้ ง ต้องใชค้ ำทีเ่ ฉพาะเจาะจง “การลดปริมาณขยะ”
6. ครใู ห้นกั เรียนค้นหาข้อมูลให้หลากหลาย เชน่ ขอ้ มูลแบบตัวหนังสอื รูปภาพ คลิปวดิ ีโอ เป็นต้น
จากนน้ั ให้นามาเขยี นในใบกิจกรรมที่ 1.4 การรวบรวมขอ้ มลู พร้อมระบแุ หลง่ ที่มาให้เรยี บรอ้ ย
7. นกั เรียนแต่ละกลมุ่ ออกมานาเสนอช้ินงานเก่ยี วกบั กลุ่มตนเองหน้าชั้นเรยี นให้ครแู ละเพ่ือนรว่ มชนั้ ฟัง
โดยใชง้ านโปรแกรมคอมพิวเตอร์ Microsoft PowerPoint ผ่านจอโปรเจคเตอรห์ นา้ ช้ันเรียน
18
8. นักเรยี นทาแบบทดสอบหลงั เรยี นจำนวน 10 ขอ้ เรือ่ ง การรวบรวมขอ้ มลู เพ่อื แกป้ ัญหา ในเวบ็ ไซตช์ ่วย
สอน Google Sites โดยครูคอยบนั ทึกผลคะแนนของนักเรยี นแตล่ ะคนลงในสมดุ บนั ทกึ คะแนน
3. ข้นั สรุป
1. ครแู ละนักเรยี นรว่ มกนั อภปิ รายและสรุปความรู้ เรือ่ งการรวบรวมข้อมูลเพ่ือแกป้ ญั หา โดยการซกั ถาม
ความเขา้ ใจนักเรียนทุกคนในชนั้ เรียน
2. ครูเปดิ โอกาสให้นกั เรยี นซักถามประเด็นทยี่ ังไม่เขา้ ใจ พร้อมทงั้ ชมเชยนกั เรียนที่ต้งั ใจเรียน และให้
ความรว่ มมอื ในการทากจิ กรรมในช้ันเรียน
14. สอ่ื และแหลง่ การเรยี นรู้
1. หนงั สอื เรียน เทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลย)ี ชั้น มัธยมศึกษาปีท่ี 2 สสวท.
2. เวบ็ ไซต์ www.wuttichaiteacher.online
3. โปรแกรมนำเสนอ Microsoft PowerPoint เรือ่ งการสร้างทางเลอื กในการแก้ปัญหา
15. การวัดผลประเมนิ ผล วิธีการวัด เครอ่ื งมือวดั เกณฑ์การวดั
จดุ ประสงค์การเรยี นรู้
1.นักเรียนสามารถระบุ 1.การตอบคำถามใน 1.แบบฝกึ หดั 1.สามารถตอบคำถามใน
ปญั หาหรอื ความตอ้ งการ แบบฝึกหดั แบบฝึกหดั ไดถ้ กู ตอ้ งตาม
ในชมุ ชนหรอื ทอ้ งถ่ินได้ หลกั การ 80 % ขน้ึ ไป
(K) 2.ตรวจใบงาน
2.นกั เรียนสามารถ 2.แบบประเมินใบงาน 2.สามารถตอบคำถามใน
ตรวจสอบและสรุปกรอบ ใบ งานได้ 80 % ข้นึ ไป
ของปัญหารวบรวม
วเิ คราะห์ ขอ้ มูลและ
แนวคิดทเ่ี กย่ี วข้องกบั
ปัญหาได้ (P)
3.นกั เรยี นเหน็ คณุ คา่ ของ 3.สงั เกตพฤตกิ รรม 3.แบบประเมิน 19
ปัญหาหรอื ความต้องการ ในขณะปฏบิ ตั งิ าน พฤตกิ รรม
ในชุมชนหรอื ท้องถ่ินได้ 3.นักเรยี นมีคุณลักษณะ
(A) อนั พงึ ประสงค์ ได้ 85%
ขนึ้ ไป
16. การประเมินผลเกณฑ์การใหค้ ะแนนชิน้ งาน คะแนน
หวั ข้อท่ีประเมิน 21
3
เกณฑก์ ารให้คะแนนช้ินงาน
1. เนื้อหา เนื้อหาถูกต้องตรงตาม เนื้อหาค่อนขา้ งถูกตอ้ ง เนื้อหาไมส่ อดคลอ้ ง
หวั ขอ้ เปน็ ไปตามทไี่ ด้ เป็นไปตามท่ไี ดก้ ำหนดไว้แต่ กับประเดน็ หรอื หวั ข้อ
กำหนดไว้รายละเอยี ด ครอบคลมุ ประเดน็ ไม่ค่อย ทไ่ี ดก้ ำหนดไว
ครอบคลุมชดั เจน ชัดเจน
2. ความคิดสรา้ งสรรค์ สร้างช้ินงานไดอ้ ยา่ ง สรา้ งชิ้นงานอย่างสร้างสรรค์ ไมม่ คี วามคดิ
สรา้ งสรรคม์ กี ารตกแต่ง ตกแตง่ ลงสอี ยา่ งสวยงามใน สรา้ งสรรคใ์ ช้สีตกแตง่
ลงสอี ยา่ งสวยงามใน รูปแบบท่คี อ่ นข้างเหมะสม อย่างไมเ่ หมาะสมกับ
รปู แบบทเ่ี หมะสม ชิ้นงาน
3. เวลา ส่งช้นิ งานภายในเวลาท่ี ส่งช้ินงานภายในเวลากำหนด ส่งชน้ิ งานชา้ กวา่
กำหนดชัดเจน คอ่ นขา้ งสมบรู ณ กำหนด 1 วัน
20
17.การประเมินสมรรถนะของผู้เรยี น
การประเมิณสมรรถนะ วิธีการวัด เครอ่ื งมอื ที่ใช้ เกณฑก์ ารประเมิณและเกณฑ์การผ่าน
1. ความสามารถในการ -ใชแ้ บบประเมณิ -แบบประเมนิ ความสามารถ 5 = มคี วามสามารถในการสอ่ื สารทดี่ มี าก
ส่ือสาร รายบคุ คล ในการสื่อสาร 4 = มีความสามารถในการส่ือสารท่ดี ี
3 = มีความสามารถในการสื่อสารปาน
กลาง
2 = มคี วามสามารถในการสอ่ื สารที่นอ้ ย
1 = มีความสามารถในการสื่อสารนอ้ ย
ท่ีสุด
****ผ่านเกณฑก์ ารประเมินอยา่ งน้อยใน
ระดบั ปานกลาง *
2.ความสามารถในการคิด -ใชแ้ บบประเมิน -แบบประเมินความสามารถ 5 = มคี วามสามารถในการคดิ ทดี่ ีมาก
รายบุคคล
ในความคดิ 4 = มคี วามสามารถในการคิดทดี่ ี
3 = มีความสามารถในการคดิ ปาน
กลาง
2 = มคี วามสามารถในการคดิ ท่นี อ้ ย
1 = มีความสามารถในการคิดนอ้ ย
ท่สี ดุ
****ผา่ นเกณฑก์ ารประเมนิ อย่างน้อยใน
ระดับปานกลาง *
3.ความสามารถในการ -ใชแ้ บบประเมิน -แบบประเมนิ ความสามารถ 5 = มีความสามารถในการแก้ปัญหาทด่ี ี
แก้ปญั หา รายบุคคล
ในการแกป้ ัญหา มาก
4 = มคี วามสามารถในการแก้ปัญหาทด่ี ี
3 = มคี วามสามารถในการแก้ปญั หาปาน
กลาง
2 = มีความสามารถในการแกป้ ัญหาที่
นอ้ ย
1 = มคี วามสามารถในการแก้ปัญหาน้อย
ท่ีสุด
****ผ่านเกณฑก์ ารประเมนิ อยา่ งน้อยใน
ระดบั ปานกลาง *
4.ความสามารถในการใช้ -ใชแ้ บบประเมนิ -แบบประเมินความสามารถ 5 = มคี วามสามารถในทกั ษะชีวติ ท่ดี มี าก
ทักษะชวี ติ รายบคุ คล
ในทักษะชีวิต 4 = มีความสามารถในทกั ษะชีวิตทีด่ ี
3 = มคี วามสามารถในทักษะชวี ติ ปาน
21
กลาง
2 = มีความสามารถในทกั ษะชีวติ ทนี่ อ้ ย
1 = มคี วามสามารถในทักษะชีวิตน้อย
ทสี่ ุด
****ผา่ นเกณฑก์ ารประเมินอย่างนอ้ ยใน
ระดบั ปานกลาง *
18.คุณลักษณะอันพงึ ประสงคข์ องผเู้ รียน
การประเมณิ คุณลักษระอนั พงึ วิธกี ารวัด เครอ่ื งมอื ทใี่ ช้ เกณฑ์การประเมิณและเกณฑ์การผา่ น
ประสงค์
1. มีวินัย -ใชแ้ บบประเมณิ -แบบประเมนิ ความมวี นิ ยั 5 = มีวินัยในการเรยี นดีมาก
รายบคุ คล 4 = มีวินัยในการเรียนดี
3 = มีวินยั ในการเรียนปานกลาง
2 = มีวินยั ในการเรียนที่น้อย
1 = มีวนิ ยั ในการเรยี นน้อยท่ีสดุ
****ผ่านเกณฑก์ ารประเมินอยา่ งน้อยใน
ระดับปานกลาง *
2.ใฝเ่ รียนรู้ -ใชแ้ บบประเมนิ -แบบประเมินความใฝเ่ รียนรู้ 5 = มคี วามใฝ่เรยี นรู้ทดี่ มี าก
รายบุคคล
4 = มีความสามารถในการคิดทด่ี ี
3 = มีความใฝ่เรยี นรู้ปานกลาง
2 = มีความใฝ่เรยี นรู้น้อย
1 = มคี วามใฝเ่ รยี นรู้น้อยทสี่ ุด
****ผ่านเกณฑ์การประเมนิ อยา่ งนอ้ ยใน
ระดับปานกลาง *
3.มุ่งมน่ั ในการทำงาน -ใชแ้ บบประเมนิ -แบบประเมนิ ความมุ่งมั่นใน 5 = มีความมุ่งมั่นในการทำงานดีมาก
รายบคุ คล
การทำงาน 4 = มีความมงุ่ มั่นในการทำงานดี
3 = มีความมงุ่ มน่ั ในการทำงานปานกลาง
2 = มคี วามสามารถในการแกป้ ญั หาที่
น้อย
1 = มีความมุ่งม่นั ในการทำงานน้อยทส่ี ุด
****ผ่านเกณฑ์การประเมนิ อยา่ งนอ้ ยใน
ระดบั ปานกลาง*
22
19.ทักษะของผเู้ รียนในศตวรรษท่ี 21
การประเมิณคณุ ลกั ษระอนั พึง วธิ กี ารวัด เครื่องมอื ทใ่ี ช้ เกณฑ์การประเมณิ และเกณฑก์ ารผา่ น
ประสงค์
1. ทกั ษะการอา่ น -ใชแ้ บบประเมิณ -แบบประเมนิ ความมีวนิ ัย 5 = มีวินยั ในการเรยี นดีมาก
รายบคุ คล 4 = มีวินยั ในการเรยี นดี
3 = มีวินยั ในการเรียนปานกลาง
2 = มีวนิ ยั ในการเรียนทีน่ อ้ ย
1 = มีวินยั ในการเรียนน้อยทส่ี ุด
****ผา่ นเกณฑ์การประเมินอย่างนอ้ ยใน
ระดบั ปานกลาง *
2.ทกั ษะการเขียน -ใชแ้ บบประเมิน -แบบประเมนิ ความใฝเ่ รียนรู้ 5 = มีความใฝ่เรยี นรู้ที่ดมี าก
รายบคุ คล
4 = มีความสามารถในการคดิ ทด่ี ี
3 = มีความใฝเ่ รยี นรู้ปานกลาง
2 = มคี วามใฝ่เรียนรู้น้อย
1 = มีความใฝเ่ รยี นรู้น้อยทส่ี ุด
****ผ่านเกณฑก์ ารประเมินอยา่ งน้อยใน
ระดับปานกลาง *
3.ทกั ษะในการวิเคราะห์การ -ใชแ้ บบประเมิน -แบบประเมนิ ความมงุ่ มนั่ ใน 5 = มีความมุ่งมั่นในการทำงานดมี าก
คดิ อยา่ งมวี จิ ารณญานและ รายบุคคล การทำงาน 4 = มีความมุง่ มน่ั ในการทำงานดี
แกไ้ ขได้
3 = มีความมงุ่ มน่ั ในการทำงานปานกลาง
2 = มีความสามารถในการแกป้ ัญหาที่
น้อย
1 = มีความม่งุ มน่ั ในการทำงานน้อยทีส่ ุด
****ผ่านเกณฑก์ ารประเมินอยา่ งน้อยใน
ระดับปานกลาง*
4.ทกั ษะการใชค้ อมพวิ เตอร์ -ใชแ้ บบประเมินการมี -แบบประเมินการมีส่วนรว่ ม 5 = มีความมงุ่ มั่นในการทำงานดมี าก
และการรู้เทา่ ทันเทคโนโลยี สว่ นรว่ มในกจิ กรรม
ในกจิ กรรม 4 = มีความมุ่งม่นั ในการทำงานดี
3 = มีความมุ่งมั่นในการทำงานปานกลาง
2 = มคี วามสามารถในการแกป้ ัญหาที่
น้อย
1 = มีความมุ่งมน่ั ในการทำงานน้อยทสี่ ุด
****ผ่านเกณฑก์ ารประเมินอยา่ งนอ้ ยใน
ระดบั ปานกลาง*
23
แบบการประเมินใบงานท่ี 1.1 เรือ่ ง ปญั หาสง่ิ แวดลอ้ มรอบตวั
ชือ่ -นามสกลุ ................................................................................................ชั้น.................. ....เลขที่..................
ลำดบั ประเด็นการประเมนิ 543 2 1
ข้อที่ (ดมี าก) (ดี) (พอใช้) (ปรบั ปรุง) (ไม่มี
ผลงาน)
1 ความถูกต้องของเนอื้ หา
2 ออกแบบแนวคดิ หรือวิธกี ารแกป้ ญั หา
อย่างเป็นลำดบั ขนั้ ตอน
3 การให้เหตผุ ลประกอบการอธิบาย
แนวคิดหรอื วิธกี ารแก้ปญั หา
รวมคะแนน
ลงชือ่ ............................................ผู้ประเมิน
........................./............................/.....................
24
แบบการประเมินใบงานท่ี 1.1 เร่อื ง ปญั หาสิ่งแวดล้อมรอบตวั
ชอื่ -นามสกลุ …………………………………………………… ช้นั ………………….. เลขท่ี …………………..
ระดบั คะแนน
ประเดน็ ที่ประเมิน 5 4 3 2 1
(ดีมาก) (ดี) (พอใช้) (ปรับปรุง) (ผลงาน)
1. ความถูกต้องของเนื้อหา แนวคิดหรือ แนวคดิ หรือ แนวคดิ หรอื วธิ กี าร แนวคดิ หรอื วธิ กี าร ไม่มีการนำเสนอ
วิธกี ารแก้ปัญหามี วิธกี ารแก้ปัญหามี แก้ปญั หามคี วาม แกป้ ญั หามีความ ผลงานท่ี
ความถกู ตอ้ ง ตรง ความถกู ตอ้ ง ถกู ตอ้ ง ถกู ต้อง มอบหมายให้
ตามเง่อื นไขทกุ แตต่ รงตาม แตต่ รงตามเงื่อนไข แตต่ รงตามเงือ่ นไข
กรณี เงอื่ นไข 50% ขน้ึ น้อยกว่า 50% น้อยกว่า 25%
ไป
2. ออกแบบแนวคดิ หรอื วธิ ีการ สามารถออกแบบ สามารถออกแบบ สามารถออกแบบ สามารถออกแบบ ไม่มกี ารนำเสนอ
แก้ปัญหาอยา่ งเป็นลำดับขั้นตอน แนวคิดหรอื แนวคดิ หรือ แนวคิดหรอื วิธกี าร แนวคดิ หรือวธิ กี าร ผลงานที่
วธิ กี ารแก้ปัญหา วธิ กี ารแก้ปญั หา แกป้ ัญหาได้ แต่ยัง แกป้ ัญหาได้ แตย่ งั มอบหมายให้
ไดอ้ ยา่ งเป็นลำดับ ได้อยา่ งเปน็ ลำดบั ไมเ่ ป็นลำดบั ไมเ่ ป็นลำดับข้ันตอน
ขั้นตอนทชี่ ดั เจน ขนั้ ตอน แต่ยงั ไม่ ข้นั ตอนที่ยังไม่
ชัดเจน
ชัดเจน
3. การใหเ้ หตุผลประกอบการ อธบิ ายแนวคดิ อธบิ ายแนวคดิ อธบิ ายแนวคิดหรอื อธิบายแนวคดิ หรอื ไมม่ ีการนำเสนอ
อธบิ ายแนวคิดหรือวธิ กี าร หรอื วธิ ีการ หรือวิธีการ วธิ กี ารแกป้ ัญหาได้ วิธีการแก้ปัญหา ผลงานที่
แก้ปัญหา แกป้ ัญหาได้พรอ้ ม แกป้ ัญหาได้ พรอ้ มทัง้ ให้เหตุผล พร้อมได้ แตไ่ มใ่ ห้ มอบหมายให้
ท้ังใหเ้ หตุผล พรอ้ มทั้งให้ ประกอบ โดย เหตผุ ลประกอบ
ประกอบอยา่ ง เหตุผลประกอบ เหตุผลไม่มคี วาม
สมเหตสุ มผลทกุ โดยเหตุผลมคี วาม สมเหตสุ มผลนอ้ ย
ประเดน็ สมเหตสุ มผล 50% ลงไป
มากกว่า 50% ขนึ้
ไป
เกณฑก์ ารตดั สินคณุ ภาพ
ชว่ งคะแนน ระดบั คณุ ภาพ
8 - 10 ดีมาด
6 - 7 ดี
3-5 พอใช้
1-2 ปรับปรุง
25
แบบการประเมนิ ใบงานท่ิ 1.2 เรือ่ ง สำรวจสง่ิ แวดลอ้ มในโรงเรียน
ช่ือ-นามสกลุ ................................................................................................ช้ัน.................. ....เลขที.่ .................
ลำดับ ประเดน็ การประเมิน 543 2 1
ข้อที่ (ดีมาก) (ดี) (พอใช้) (ปรับปรุง) (ไมม่ ี
ผลงาน)
1 ความถกู ตอ้ งของเนอ้ื หา
2 ออกแบบแนวคดิ หรือวธิ ีการแก้ปญั หา
อยา่ งเป็นลำดับข้นั ตอน
3 การใหเ้ หตุผลประกอบการอธบิ าย
แนวคดิ หรือวิธีการแก้ปัญหา
รวมคะแนน
ลงชื่อ............................................ผ้ปู ระเมิน
........................./............................/.....................
26
แบบการประเมนิ ใบงานที่ 1.2 เรื่อง สำรวจส่งิ แวดลอ้ มในโรงเรยี น
ช่ือ-นามสกลุ …………………………………………………… ชน้ั ………………….. เลขท่ี …………………..
ระดบั คะแนน
ประเด็นทีป่ ระเมนิ 5 4 3 2 1
(ดมี าก) (ดี) (พอใช้) (ปรับปรงุ ) (ผลงาน)
1. ความถกู ตอ้ งของเน้ือหา แนวคิดหรือ แนวคดิ หรือ แนวคิดหรือวิธกี าร แนวคดิ หรอื วธิ กี าร ไมม่ ีการนำเสนอ
วธิ ีการแก้ปญั หามี วิธกี ารแกป้ ัญหามี แก้ปญั หามคี วาม แก้ปญั หามีความ ผลงานท่ี
ความถกู ต้อง ตรง ความถูกตอ้ ง ถูกต้อง ถูกตอ้ ง มอบหมายให้
ตามเงือ่ นไขทุก แต่ตรงตาม แต่ตรงตามเง่อื นไข แตต่ รงตามเง่อื นไข
กรณี เงอ่ื นไข 50% ขน้ึ นอ้ ยกว่า 50% น้อยกวา่ 25%
ไป
2. ออกแบบแนวคิดหรอื วิธีการ สามารถออกแบบ สามารถออกแบบ สามารถออกแบบ สามารถออกแบบ ไมม่ กี ารนำเสนอ
แก้ปัญหาอย่างเปน็ ลำดับขัน้ ตอน แนวคดิ หรือ แนวคิดหรอื แนวคิดหรือวธิ ีการ แนวคดิ หรือวิธกี าร ผลงานที่
วิธีการแก้ปญั หา วิธีการแกป้ ญั หา แกป้ ญั หาได้ แต่ยัง แก้ปญั หาได้ แต่ยัง มอบหมายให้
ไดอ้ ย่างเป็นลำดบั ไดอ้ ยา่ งเปน็ ลำดับ ไม่เป็นลำดับ ไม่เปน็ ลำดบั ขั้นตอน
ขั้นตอนทช่ี ัดเจน ข้ันตอน แตย่ ังไม่ ขั้นตอนท่ยี งั ไม่
ชดั เจน
ชัดเจน
3. การใหเ้ หตผุ ลประกอบการ อธิบายแนวคิด อธิบายแนวคดิ อธิบายแนวคดิ หรือ อธิบายแนวคดิ หรอื ไมม่ ีการนำเสนอ
อธบิ ายแนวคิดหรอื วธิ ีการ หรอื วธิ ีการ หรอื วิธีการ วธิ ีการแก้ปัญหาได้ วธิ กี ารแก้ปัญหา ผลงานที่
แก้ปญั หา แกป้ ัญหาไดพ้ รอ้ ม แก้ปญั หาได้ พร้อมทั้งให้เหตุผล พรอ้ มได้ แตไ่ มใ่ ห้ มอบหมายให้
ทงั้ ใหเ้ หตุผล พร้อมทง้ั ให้ ประกอบ โดย เหตผุ ลประกอบ
ประกอบอยา่ ง เหตผุ ลประกอบ เหตผุ ลไม่มีความ
สมเหตสุ มผลทุก โดยเหตผุ ลมีความ สมเหตุสมผลน้อย
ประเด็น สมเหตุสมผล 50% ลงไป
มากกวา่ 50% ขึน้
ไป
เกณฑก์ ารตัดสนิ คุณภาพ
ช่วงคะแนน ระดบั คุณภาพ
8 - 10 ดีมาด
6 - 7 ดี
3-5 พอใช้
1-2 ปรบั ปรุง
27
บันทึกผลหลังสอน
1) ผลการจัดกิจกรรมการเรยี นรู้
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
2) ปญั หา/อปุ สรรค
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
3) ข้อเสนอแนะ/แนวทางการแกไ้ ข
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
ลงช่ือ................................................
(นางสาวปนัสยา ทุ่งคาใน)
28
ความคดิ เห็น/ขอ้ เสนอแนะของหัวหน้ากลุ่มสาระหรอื ผู้ทไ่ี ดร้ ับมอบหมาย
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
ลงชอ่ื ......................................................
(…………………….....………………..)
หวั หนา้ กลุม่ สาระ..........................................
ขอ้ เสนอแนะของผูบ้ ริหาร
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
ลงชื่อ......................................................
(…………………….....………………..)
รองผูอ้ ำนวยการกลมุ่ บรหิ ารวชิ าการ
ข้อเสนอแนะของผบู้ รหิ าร
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
ลงชอ่ื ......................................................
(…………………….....………………..)
ผอู้ ำนวยการโรงเรียน..........................................
29
ชิ้นงาน/ภาระงาน (รวบยอด)
ใบงานเรือ่ ง ปญั หาสง่ิ แวดล้อมรอบตวั
คำชแี้ จง ให้นกั เรียนจดั กลุ่มสิ่งแวดลอ้ มให้ถกู ต้อง
บา้ น รถไฟ ทางด่วน ภเู ขา นำ้ ตก โตะ๊
เก้าอี้ อากาศ ป่าไม้ ดิน โทรทศั น์ นก
หนังสอื โทรศพั ท์ กอ้ นหิน ตู้เยน็ แมว ทะเล
สิ่งแวดลอ้ มทเ่ี กิดขึ้นเองตามธรรมชาติ ส่ิงแวดลอ้ มที่มนษุ ย์สร้างข้ึน
30
ชนิ้ งาน/ภาระงาน (รวบยอด)
เฉลยใบงาน
ใบงานเรอ่ื ง ปัญหาส่งิ แวดล้อมรอบตัว
คำชแ้ี จง ใหน้ กั เรียนจัดกลมุ่ สงิ่ แวดลอ้ มใหถ้ กู ตอ้ ง
บ้าน รถไฟ ทางด่วน ภูเขา นำ้ ตก โต๊ะ
เก้าอ้ี อากาศ ป่าไม้ ดนิ โทรทศั น์ นก
หนงั สอื โทรศพั ท์ กอ้ นหิน ตู้เย็น แมว ทะเล
ส่งิ แวดล้อมที่เกดิ ข้นึ เองตามธรรมชาติ สง่ิ แวดล้อมที่มนุษย์สร้างขน้ึ
ภูเขา นำ้ ตก บา้ น รถไฟ
อากาศ ปา่ ไม้ ทางดว่ น โตะ๊
ดนิ นก
เกา้ อี้ โทรทัศน์ หนังสือ
ก้อนหิน แมว ทะเล โทรศพั ท์ ตูเ้ ยน็
31
ช้ินงาน/ภาระงาน (รวบยอด)
ใบงานเร่ือง สำรวจส่ิงแวดล้อมในโรงเรียน
คำช้แี จง ให้นกั เรยี นสำรวจสง่ิ แวดลอ้ มในโรงเรยี นว่ามอี ะไรบ้าง
32
ช้นิ งาน/ภาระงาน (รวบยอด)
เฉลย แนวคำตอบ
ใบงานเรอ่ื ง สำรวจสิ่งแวดล้อมในโรงเรียน
คำชี้แจง ใหน้ ักเรียนสำรวจสิ่งแวดลอ้ มในโรงเรียนวา่ มอี ะไรบ้าง
บริเวณโรงเรยี น
อาคารเรียน
ห้องเรียน
ห้องนำ้
โรงอาหาร
ห้องพละ
ยมิ
ที่จอดรถ
สวนพฤกษศาสตร์
33
แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 2
34
หน่วยการเรียนรทู้ ี่ 2 เรอ่ื ง ออกแบบและวางแผน
สาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์ รายวชิ า ออกแบบและเทคโนโลยจี ำนวน 1 หน่วยกิต
ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 2 ปีการศกึ ษา 2565 เวลา 4 ชว่ั โมง
1. ผลการเรยี นรู้
ผลการเรยี นรู้
ออกแบบวธิ กี ารแก้ปญั หา โดยวเิ คราะหเ์ ปรยี บเทยี บ และตดั สินใจเลอื กข้อมูลทจ่ี ำเป็นภายใตเ้ ง่อื นไข
และทรัพยากรทมี่ อี ยู่ นำเสนอแนวทางการแก้ปญั หาให้ผู้อน่ื เขา้ ใจ วางแผน ข้ันตอนการทำงานและดำเนนิ การ
แก้ปัญหาอยา่ งเปน็ ข้ันตอน
2. จุดประสงค์การเรียนรู้
ดา้ นความรู้ (K : Knowledge)
1. วิเคราะห์แนวทางในการแกป้ ญั หา
2. อธบิ ายขน้ั ตอนของกระบวนการแก้ปัญหา
3. อธบิ ายข้ันตอนวธิ กี ารสร้างทางเลือกในการออกแบบ
4. อธิบายกระบวนการการออกแบบผลติ ภัณฑ์
5. อธิบายวิธกี ารสรา้ งแบบจำลอง
6. อธิบายขขน้ั ตอนในการวางแผนเพ่ือแก้ปญั หา
ด้านทกั ษะ/กระบวนการ (P : Process)
1. ตัดสินใจเลอื กขอ้ มูลทีจ่ ำเป็น โดยคำนงึ ถงึ เง่อื นไขและทรัพยากร เพ่ือหาแนวทางการแก้ปญั หา
2. สรา้ งทางเลือกในการออกแบบการแกป้ ัญหา
3. ออกแบบชิ้นงานหรือวธิ ีการท่สี อดคล้องกบั แนวทางการแก้ปัญหา
4. สรา้ งแบบจำลองอุปกรณ์เพอ่ื ใช้ในการแก้ปญั หา
5. น าเสนอแนวทางการแก้ปญั หาใหผ้ ู้อนื่ เข้าใจ
6. วางแผนการทำงานกอ่ นลงมือสรา้ งชิ้นงาน
35
ด้านคุณลักษณะ (A : Attribute)
1. เหน็ ความสำคญั ของการวเิ คราะหแ์ นวทางการแกป้ ญั หาและการออกแบบชิ้นงาน
2. ตระหนักถึงผลกระทบของปญั หาท่เี กิดขนึ้
3. มคี วามรับผดิ ชอบ ตรงตอ่ เวลา และทำงานรว่ มกบั ผูอ้ ่ืนได้
4. ร่วมวางแผน ร่วมคิด ร่วมทำ
3. สาระสำคญั / ความคิดรวบยอด
การวิเคราะหแ์ นวทางการแก้ปัญหาโดยพจิ ารณาเง่อื นไขหรือทรพั ยากรทางเทคโนโลยรี ว่ มดว้ ย จะทำ
ให้ได้แนวทางการแก้ปัญหาทเ่ี ปน็ ไปได้และเหมาะสมทส่ี ุดกบั สถานการณข์ องปญั หานัน้
การออกแบบกอ่ นการสรา้ งช้ินงานหรือดำเนินการแกป้ ัญหา จะตอ้ งคำนึงถึงหลักการออกแบบ
ผลิตภัณฑแ์ ละความคิดสร้างสรรค์เพ่อื ใหไ้ ด้ชิน้ งานตามความต้องการ การออกแบบนจ้ี ะทำใหท้ ราบรายละเอยี ด
และมขี อ้ มูลในการสร้างหรอื ดำเนนิ การแก้ปัญหา รวมท้งั เปน็ การส่อื สารให้ผู้อน่ื เขา้ ใจ
การวางแผนการทำงานอย่างเป็นขน้ั ตอนก่อนลงมือสร้างชน้ิ งานช่วยให้การทำงานสำเรจ็ ได้ตาม
เป้าหมาย ซ่งึ ในการสรา้ งชิน้ งานต้องมีการเลอื กใช้อุปกรณ์เหมาะสมกบั งานและใช้อย่างถูกวิธโี ดยคำนึงถงึ ความ
ปลอดภยั
4. สาระการเรียนรู้
4.1 สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง
1. การวเิ คราะหแ์ นวทางการแก้ปัญหา
2. การสร้างทางเลือกในการออกแบบ
3. การออกแบบแนวทางการแกป้ ัญหา
4. การสรา้ งแบบจำลอง
5. การวางแผนการแก้ปญั หา
4.2 สาระการเรยี นรู้ทอ้ งถน่ิ
-
5. สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน
ความสามารถในการสื่อสาร ความสามารถในการคดิ
ความสามารถในการแกป้ ัญหา ความสามารถในการใช้
ทักษะชวี ติ ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี
36
6. คณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ ซือ่ สัตยส์ ุจริต มีวนิ ัย ใฝเ่ รยี นรู้
รกั ชาติ ศาสน์ กษตั รยิ ์ ในการทำงาน รักความเปน็ ไทย
อยอู่ ย่างพอเพยี ง ม่งุ มน่ั
มจี ติ สาธารณะ
7.ทักษะของผู้เรยี นในศตวรรษท่ี 21 (3R + 8C) สูก่ ารพัฒนาคุณภาพผเู้ รยี น
Reading – อา่ นออก
Riting - เขียนได้
Rithmatic - มที กั ษะในการคำนวณ
Critical Thinking and Problem Solving - มที ักษะในการคิดวเิ คราะห์ การคิดอย่างมวี จิ ารณญาณและ
แกไ้ ขปัญหาได้
Creativity and Innovation : คดิ อย่างสร้างสรรค์ คดิ เชิงนวตั กรรม
Collaboration Teamwork and Leadership : ความรว่ มมอื การทำงานเป็นทีมและภาวะผนู้ ำ
Communication Information and Media Literacy : ทักษะในการส่ือสารและการรู้เทา่ ทันสื่อ
Cross-cultural Understanding : ความเข้าใจความแตกต่างทางวฒั นธรรมกระบวนการคดิ ขา้ มวัฒนธรรม
Computing and ICT Literacy : ทกั ษะการใชค้ อมพิวเตอร์ และการรเู้ ทา่ ทนั เทคโนโลยี
Career and Learning Skills : ทกั ษะทางอาชพี และการเรียนรู้
Compassion : มคี ุณธรรม มเี มตตา กรณุ า มีระเบียบวนิ ยั
8. กระบวนการทใ่ี ชส้ อน (ระบุเฉพาะท่ใี ชใ้ นช่ัวโมงหรือคาบสอน และระบุได้มากกวา่ ๑ ขอ้ )
กระบวนการเรียนความรู้ความเข้าใจ กระบวนการปฏบิ ัติ กระบวนการกลุ่ม
กระบวนการสรา้ งความคิดรวบยอด กระบวนกรสร้างคา่ นยิ ม กระบวนการแก้ปัญหา
กระบวนการสร้างความตระหนกั กระบวนการเรยี นภาษา กระบวนการสร้างเจตคติ
กระบวนการคณติ ศาสตร์ ทกั ษะกระบวนการ 9 ข้นั อ่นื ๆ................................
กระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ กระบวนการคิดอย่างมีวจิ ารณญาณ
กระบวนการอ่าน กระบวนการวิเคราะห์
37
9.วิธกี ารสอนท่ใี ชใ้ นการจัดการเรียนรู้ (ระบุเฉพาะทใี่ ชใ้ นชว่ั โมงหรือคาบสอน และระบไุ ดม้ ากกวา่ ๑ ขอ้ )
การบรรยาย (Lecture) การสาธิต (Demonstration) การทดลอง (Experiment)
แบบทศั นศกึ ษา (Field Trip) แบบนิรนยั (Deduction) แบบอปุ นัย (Induction)
การอภิปรายรายกลุ่มย่อย (Small Group Discussion) การแสดงละคร (Dramatization)
แบบศนู ยก์ ารเรียน (Learning Center) กรณีตวั อย่าง (Case study)
การใชส้ ถานการณจ์ ำลอง (Simulation) การแสดงบทบาทสมมติ (Role Playing)
การบทเรยี นโปรแกรม (Programmed Instruction) การใช้เกม (Game) อ่นื ๆ.........
10. ช้ินงาน / ภาระงาน
10.1 ใบงาน เรอ่ื ง ออกแบบชน้ิ งานหรือวิธีการ
10.2 ใบงาน เรื่อง สร้างแบบจำลอง
11.การวัดและการประเมนิ ผล
เกณฑ์การประเมนิ
ประเด็น 3 ระดับคะแนน 1
การประเมนิ วิเคราะหเ์ งื่อนไขและ 2 วิเคราะห์เง่ือนไขและ
ทรัพยากรไดถ้ ูกต้อง ทรัพยากรไมถ่ ูกต้อง
1. การวเิ คราะหแ์ ละ และครอบคลุม วเิ คราะห์เง่ือนไขและ
ตดั สนิ ใจเลอื ก ทรัพยากรไดถ้ ูกต้อง ให้เหตผุ ลในการ
ข้อมูลท่จี าเปน็ โดย ใหเ้ หตุผลในการตัดสิน แตไ่ มค่ รอบคลุม ตดั สินใจ
คำนึงถึง ใจ เลือกแนวทางการ เลอื กแนวทางการ
เงอ่ื นไขและทรัพยากร แกป้ ญั หาได้อยา่ ง ใหเ้ หตผุ ลในการตดั สิน แกป้ ญั หาไม่ถูกตอ้ ง
เพือ่ สมเหตสุ มผล ใจ เลือกแนวทางการ
หาแนวทางการแก้ปญั หา แก้ปัญหาไดไ้ ม่ชัดเจน
1.1 การวเิ คราะห์
เง่อื นไขและทรัพยากร
1.2 การตดั สนิ ใจเพอื่
เลือกแนวทางการ
แก้ปัญหา
38
2. การออกแบบชน้ิ งาน ออกแบบชิ้นงานหรือ ออกแบบชิ้นงานหรอื ออกแบบชนิ้ งานหรือ
หรอื วิธีการทส่ี อดคลอ้ งกับ วธิ ีการท่ีสอดคล้องกบั วิธกี ารทีส่ อดคล้องกบั
วธิ กี ารทส่ี อดคลอ้ งกับ แนวทางการแก้ปัญหา แนวทางการแกป้ ญั หา แนวทางการแกป้ ญั หา
แนว ไดอ้ ย่างน้อย 3 ได้2 แนวทางและให้ ได้1 แนวทางและ
ทางการแกป้ ญั หา แนวทาง เหตุผลในการตดั สนิ ใจ ใหเ้ หตผุ ลในการตัดสนิ
2.1 การออกแบบ และใหเ้ หตผุ ลในการ ได้ถูกตอ้ ง ใจได้ถูกต้อง
ชนิ้ งาน ตัดสินใจได้ถกู ต้อง
2.2 การสร้าง แบบจำลองตรงตาม แบบจำลองตรงตาม แบบจำลองตรงตาม
แบบจำลองและทดสอบ แบบรา่ ง/ผังงานและ แบบร่าง/ผงั งานแต่ แบบร่าง/ผังงานแต่
แนวทางการแกป้ ัญหา แสดงการทำงานหรือ แสดงการทำงานหรอื ไม่สามารถแสดงการ
แนวทางการแกป้ ญั หาได้ แนวทางการแก้ปญั หาได้ ทำงานหรอื แนวทางการ
3.การนำเสนอแนวทาง อยา่ งสมบรู ณ์ ไม่สมบูรณ์ แกป้ ญั หาได้
การแก้ปญั หา นำเสนอรายละเอียด นำเสนอขั้นตอนการ นำเสนอข้ันตอนการแก้
ขน้ั ตอนการแก้ปญั หา แก้ปัญหาได้ชดั เจน ปญั หาได้ไม่ชัดเจน
4. การวางแผนการ ได้ชัดเจน แตไ่ มค่ รบถว้ น สอื่ สารใหผ้ อู้ ่ืนเข้าใจได้
ทำงาน สอ่ื สารให้ผู้อื่นเข้าใจ ขาดรายละเอียด บางส่วน
กอ่ นลงมือสร้างช้ินงาน ไดอ้ ยา่ งครบถ้วน ไปบางสว่ น ขาดรายละเอยี ด
สมบูรณ์ ในแตล่ ะขนั้ ตอน
วางแผนการทำงาน วางแผนการทำงาน วางแผนการทำงานกอ่ น
กอ่ นลงมือสร้าง ก่อนลงมือสร้าง ลงมอื สร้างช้นิ งาน
ชน้ิ งานไดส้ อดคล้อง ช้ินงาน ระบขุ ้นั ตอน ระบขุ ้นั ตอนการทำงาน
กบั ปัญหา โดยมี การทำงาน ระยะเวลา แต่ไมร่ ะบรุ ะยะเวลา
รายละเอยี ดข้ันตอน ทใ่ี ช้ในแต่ละข้ันตอน หรือผ้รู ับผดิ ชอบ
การทำงาน ระยะเวลา และผู้รบั ผดิ ชอบ
ท่ใี ชใ้ นแตล่ ะขนั้ ตอน แตข่ าดรายละเอียด
และผรู้ ับผิดชอบ สว่ นใดสว่ นหนงึ่
ได้ครบถ้วน
39
เกณฑ์การตัดสินระดบั คณุ ภาพ
คะแนน 7-9 คะแนน หมายถึง ระดบั คุณภาพ ดี
คะแนน 4-6 คะแนน หมายถงึ ระดบั คณุ ภาพ พอใช้
คะแนน 1-3 คะแนน หมายถงึ ระดับคณุ ภาพ ปรบั ปรงุ
12. กจิ กรรมการเรียนรู้
12.1 ช่ัวโมงที่ 7 – 8
12.1.1 ขั้นนำ
1. ครูถามวา่ จากทนี่ ักเรยี นรวบรวมข้อมลู และไดแ้ นวทางในการแก้ปัญหามาหลาย
แนวทางแล้ว ลำดับตอ่ ไปนกั เรียนคิดวา่ ควรจะต้องดำเนินการอย่างไร เพอ่ื ให้สามารถนำแนวทางนั้นมาใช้ในการ
แกป้ ญั หาได้จรงิ หลงั จากนน้ั ครแู ละนักเรยี นรว่ มกันสรุปคำตอบ
แนวคำตอบ นำแนวทางท่สี บื คน้ ไดม้ าวิเคราะห์และตดั สินใจวา่ จะเลือกวิธกี ารใดมาใช้ในการ
แก้ปัญหา จากนัน้ จึงนำไปสู่การออกแบบ
12.1.2 ขั้นสอน
1. ครูใหน้ กั เรยี นจบั กลุ่ม 3 – 4 คน แลว้ ศึกษาหวั ขอ้ การวเิ คราะหแ์ นวทางการ
แก้ปญั หาในใบความรู้ เก่ียวกับทรัพยากรทางเทคโนโลยี7 ด้าน แลว้ ร่วมกนั อภิปรายทรัพยากรทางเทคโนโลยีในแต่
ละดา้ นเพื่อทำความเขา้ ใจรว่ มกนั
2. ครูใหน้ กั เรยี นแต่ละกล่มุ ศกึ ษาตารางวิเคราะห์ทรพั ยากรทางเทคโนโลยีและผลการ
วิเคราะหต์ ามแนวทางการแกป้ ญั หา แล้วลองวิเคราะหว์ า่ ภายใต้สภาพแวดลอ้ มหรอื บริบทของกล่มุ ตนเอง จะ
เลอื กแนวทางการแกป้ ญั หาใดใน 3 แนวทาง พรอ้ มใหเ้ หตผุ ลประกอบ
3. ครูส่มุ เลือกกลมุ่ นำเสนอแล้วอภิปรายร่วมกัน
4. ครสู รุปผลการวเิ คราะห์ตามแนวทางการแก้ปัญหา โดยชป้ี ระเดน็ ให้เหน็ ว่าแนว
ทางการแก้ปญั หาอาจเปลย่ี นไปตามบรบิ ทของแตล่ ะทอ้ งถิ่น ซึ่งมีปัจจยั ทสี่ ำคัญคอื ความแตกตา่ งของทรัพยากร
ทางเทคโนโลยแี ละเปดิ โอกาสใหน้ กั เรยี นซักถาม
5. ครูให้นกั เรยี นทำใบงาน เรื่อง วเิ คราะหแ์ ละเลือกแนวทางการแก้ปัญหา โดยวิเคราะห์แนว
ทางการแก้ปัญหาของกลมุ่ ตนเองท่ีรวบรวมไดจ้ ากใบงานกอ่ นกน้าน้ี
6. ครสู มุ่ นกั เรียนกลมุ่ นำเสนอแนวทางการแกป้ ญั หาของกลุ่มตนเอง โดยใหน้ ักเรยี น
กลมุ่ อ่นื ๆ แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกบั แนวทางการแกป้ ญั หา ครูเสนอแนะเพ่ิมเตมิ เก่ยี วกับทรพั ยากรทาง
เทคโนโลยที ีน่ กั เรียนนำมาใชใ้ นการพิจารณาเลือกแนวทางแก้ปัญหา
40
12.1.3 ข้ันสรปุ
1. ครแู ละนักเรยี นรว่ มกันสรุปความรเู้ กี่ยวกับเทคโนโลยใี นการจัดการส่ิงแวดลอ้ ม
12.2 ชั่วโมงท่ี 9 – 10
12.2.1 ขน้ั นำ
1. ครูใหน้ กั เรียนทบทวนความรเู้ รอื่ ง การวิเคราะหแ์ นวทางการแก้ปญั หา แลว้ ให้นกั เรียนแสดง
ความคดิ เหน็ ในคำถามต่อไปนี้
คำถาม
นักเรียนคิดวา่ จากข้อมลู ที่นกั เรยี นได้ทำการวิเคราะหม์ านั้น สามารถนำมาสร้างทางเลือกในการ
ออกแบบวิธีการแก้ปัญหาไดอ้ ยา่ งไร
2. ครเู ชื่อมโยงคำตอบเข้าสูเ่ นื้อหา การสรา้ งทางเลือกในการออกแบบ
12.2.2 ขน้ั สอน
1. ครใู ห้นกั เรยี นแต่ละกลุ่มร่วมกนั ศึกษาหวั ข้อ การสร้างทางเลือกในการออกแบบแลว้ รว่ มกัน
อภปิ รายความสำคญั หรือประโยชน์ของการนำหลักการออกแบบผลิตภณั ฑ์และความคิดสร้างสรรค์มาใช้ในการ
ออกแบบช้ินงานหรอื วิธีการในขั้นตอนตอ่ ไป และเริ่มการสรา้ งแบบจำลอง
2. ครูใชค้ ำถามเพ่อื นำไปสกู่ ารเรยี นรใู้ นเรือ่ งต่อไปวา่ หลงั จากทีแ่ ต่ละกลุ่มไดต้ ัดสนิ ใจเลือกแนว
ทางการแกป้ ญั หา 1 แนวทางแล้ว ควรดำเนนิ การต่อไปอย่างไร
แนวคำตอบ ออกแบบแนวทางการแก้ปัญหา หรือออกแบบวธิ ีการแกป้ ญั หาทไี่ ด้เลือกไว้
3. ครถู ามว่าถ้าตอ้ งการถ่ายทอดความคดิ ของการออกแบบแนวทางการแกป้ ัญหาเพอ่ื สื่อสารให้
ผ้อู ืน่ เขา้ ใจตรงกันสามารถทำในรปู แบบใดได้บ้าง
แนวคำตอบ การถา่ ยทอดความคิดเพอ่ื ส่อื สารให้ผู้อ่ืนเขา้ ใจตรงกันสามารถทำไดห้ ลายรปู แบบ
เช่น การรา่ งภาพ การเขียนแผนภาพ การเขียนผังงาน การเขียนอธบิ ายเป็นขัน้ ตอน
4. ครใู หน้ กั เรยี นแตล่ ะกล่มุ หาขอ้ มลู เพิม่ เติมเกี่ยวกบั การถา่ ยทอดความคิดเพ่อื สอ่ื สารให้ผูอ้ ่ืน
เขา้ ใจตรงกัน ในอนิ เทอร์เนต็ และนำเสนอแบบจำลอง
12.2.3 ข้ันสรปุ
1. ครแู ละนักเรียนร่วมกนั สรปุ ความรูเ้ กยี่ วกบั การสร้างทางเลือกในการออกแบบ
2. ครูและนกั เรียนร่วมกนั สรุปเก่ยี วกับการนำเสนอของแต่ละกลุ่ม
41
13.การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ เรอ่ื ง ออกแบบกนั กอ่ น จำนวน 4 ช่ัวโมง
หน่วยยอ่ ยท่ี 1 เรือ่ ง การวเิ คราะห์แนวทางการแก้ปญั หา
ใช้รปู การณ์เรียนรแู้ บบรว่ มมือ (Co-operative learning)
1. ข้ันนำเข้าสู่บทเรยี น
1. ครชู แ้ี จงจดุ ประสงค์การเรียนรู้ เรอื่ ง การวเิ คราะหแ์ นวทางการแกป้ ญั หา ให้นักเรยี นทุกคนในช้ัน เรยี น
ฟงั และปฏิบตั ิตามกอ่ นเขา้ สู่บทเรยี น
2. นกั เรยี นร่วมกันศกึ ษาค้นคว้าข้อมูลเกี่ยวกับการวเิ คราะหแ์ นวทางการแกป้ ัญหา จากแหล่งการ เรียนรู้
ต่าง ๆ อยา่ งหลากหลาย เช่น อินเทอร์เน็ต และหนงั สือเรียนวิชาการออกแบบและเทคโนโลยีชั้น มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 2
2. ข้ันสอน โดยใช้กระบวนการสร้างความตระหนัก
1. นกั เรียนเขา้ ศึกษาบทเรยี นเวบ็ ไซตช์ ่วยสอนโปรแกรม Google Site เรื่อง การวิเคราะห์แนว ทางการ
แก้ปญั หา พร้อมกันในขณะทค่ี รูบรรยายเน้อื หาการสอนหนา้ ช้ันเรยี น
2. นักเรยี นรว่ มกันออกแบบวธิ ีการแกป้ ญั หาฝนุ่ PM2.5 โดยสง่ ตัวแทนนกั เรียนออกมาเขยี นคำตอบลง ใน
ตาราง แล้วร่วมกนั ให้คะแนน ดงั ตัวอยา่ ง
42
3. นกั เรยี นรว่ มกนั ออกแบบการแกป้ ัญหาฝุ่น PM2.5 โดยใชแ้ ผนภาพความคิด ดงั ตัวอยา่ ง
4. ครูอธิบายการแกป้ ัญหาใดๆ อาจมวี ธิ ีการแกป้ ญั หาไดห้ ลายวิธี การวิเคราะหแ์ นวทางการแกป้ ญั หาโดย
พิจารณาจากเง่อื นไขและทรพั ยากรทางเทคโนโลยีรว่ มด้วย จะช่วยให้ได้แนวทางการแก้ปญั หาท่เี ป็นไปไดแ้ ละ
เหมาะสมทสี่ ุดกับสถานการณ์ของปญั หานั้น
5. นกั เรยี นศกึ ษาหวั ข้อ 2.1 การวิเคราะห์แนวทางการแก้ปญั หาในหนังสือเรียน เกย่ี วกบั ทรัพยากรทาง
เทคโนโลยี 7 ดา้ นแลว้ ร่วมกนั อภิปรายทรพั ยากรทางเทคโนโลยีในแตล่ ะด้านเพ่ือทาความเขา้ ใจรว่ มกนั
6. นักเรียนแตล่ ะกลมุ่ ศกึ ษาตารางวเิ คราะหท์ รพั ยากรทางเทคโนโลยแี ละผลการวเิ คราะหต์ ามแนวทางการ
แก้ปญั หาของนนทแ์ ละน้าหวาน แล้วลองวิเคราะห์ว่า ภายใตส้ ภาพแวดลอ้ มหรือบริบทของกลุ่มตนเอง จะเลอื ก
แนวทางการแก้ปัญหาใดใน 3 แนวทางของนนทแ์ ละนา้ หวาน พร้อมใหเ้ หตุผลประกอบ ผู้สอนสุ่มเลอื กบางกล่มุ
นำเสนอแล้วอภปิ รายรว่ มกัน
7. ผสู้ อนสรุปผลการวเิ คราะหต์ ามแนวทางการแกป้ ัญหาของนนท์และน้าหวาน โดยช้ีประเด็นให้เห็นว่า
แนวทางการแก้ปญั หาของนนท์และน้าหวานอาจเปล่ียนไปตามบรบิ ทของแตล่ ะทอ้ งถิน่ ซ่ึงมีปจั จัยที่สำคญั คอื ความ
แตกตา่ งของทรพั ยากรทางเทคโนโลยี และเปิดโอกาสให้ผู้เรยี นซักถาม
8. ผูเ้ รียนทำกจิ กรรมท่ี 2.1 วิเคราะห์และเลือกแนวทางการแกป้ ัญหา โดยวเิ คราะห์แนวทางการแก้ปัญหา
ของกลุม่ ตนเองท่ีรวบรวมไดจ้ ากกิจกรรมที่ 1.4
9. ครูสุม่ นักเรยี นบางกลมุ่ นำเสนอแนวทางการแก้ปัญหาของกลุ่มตนเอง โดยให้นกั เรยี นกล่มุ อ่ืน ๆ แสดง
ความคดิ เหน็ เก่ยี วกับแนวทางการแกป้ ัญหาผ่านจอโปรเจคเตอร์หน้าช้ันเรียน
43
3. ขน้ั สรปุ
1. ครแู ละนกั เรยี นรว่ มกนั อภิปรายและสรุปความรู้ เร่ืองการวเิ คราะหแ์ นวทางการแกป้ ญั หา โดยการ
ซักถามความเขา้ ใจนักเรยี นทุกคนในชนั้ เรยี น
2. ครูเปดิ โอกาสให้นักเรียนซักถามประเดน็ ทย่ี ังไมเ่ ขา้ ใจ พร้อมทง้ั ชมเชยนักเรียนทต่ี ั้งใจเรียน และให้
ความร่วมมอื ในการทำกิจกรรมในชั้นเรยี น
หนว่ ยยอ่ ยท่ี 2 เรือ่ ง การสรา้ งทางเลอื กในการออกแบบ
ใชร้ ปู การณเ์ รียนรแู้ บบรว่ มมือ (Co-operative learning)
1. ขัน้ นำเขา้ สู่บทเรียน
1. ครูให้นักเรียนทบทวนความรเู้ ร่อื ง การวิเคราะหแ์ นวทางการแก้ปัญหา แลว้ ใหน้ ักเรยี นแสดงความ
คิดเหน็ ในคำถามต่อไปน้ี
คำถาม นกั เรียนคดิ ว่าจากข้อมลู ที่นักเรียนไดท้ ำการวเิ คราะห์มาน้ัน สามารถนำมาสรา้ งทางเลือกในการ
ออกแบบวิธกี ารแกป้ ัญหาไดอ้ ย่างไร
2. ครูเชอื่ มโยงคำตอบเขา้ ส่เู น้ือหา การสรา้ งทางเลือกในการออกแบบ
2. ขั้นสอน โดยใช้กระบวนการสรา้ งความตระหนัก
1. ครใู หน้ ักเรียนแตล่ ะกลมุ่ รว่ มกันศึกษาหวั ขอ้ การสร้างทางเลอื กในการออกแบบแลว้ รว่ มกนั อภิปราย
ความสำคญั หรอื ประโยชน์ของการน าหลกั การออกแบบผลิตภัณฑ์และความคดิ สรา้ งสรรค์มาใช้ในการออกแบบ
ชิน้ งานหรอื วิธีการในข้ันตอนต่อไป
2. ครใู ช้คำถามเพอ่ื นำไปส่กู ารเรยี นรใู้ นเรื่องตอ่ ไปวา่ หลังจากทแี่ ตล่ ะกลมุ่ ไดต้ ัดสินใจเลือกแนวทางการ
แก้ปัญหา 1 แนวทางแล้ว ควรดำเนนิ การต่อไปอยา่ งไร
แนวคำตอบ ออกแบบแนวทางการแกป้ ัญหา หรือออกแบบวธิ ีการแกป้ ัญหาทไี่ ดเ้ ลอื กไว้
3. ครูถามวา่ ถ้าตอ้ งการถา่ ยทอดความคิดของการออกแบบแนวทางการแกป้ ัญหาเพือ่ ส่ือสารใหผ้ ้อู ื่นเข้าใจ
ตรงกนั สามารถทำในรูปแบบใดไดบ้ า้ ง
แนวคำตอบ การถ่ายทอดความคดิ เพอื่ สอ่ื สารให้ผู้อื่นเข้าใจตรงกันสามารถทำไดห้ ลายรปู แบบ เช่น การ
รา่ งภาพ การเขยี นแผนภาพ การเขียนผังงาน การเขยี นอธิบายเปน็ ขน้ั ตอน
4. ครใู ห้นักเรียนแตล่ ะกลุ่มหาขอ้ มูลเพิ่มเติมเก่ยี วกบั การถา่ ยทอดความคดิ เพื่อสือ่ สารให้ผอู้ ่ืนเข้าใจตรงกัน
ในอินเทอรเ์ นต็
3. ขั้นสรปุ
1. ครแู ละนกั เรียนร่วมกันสรปุ ความร้เู กี่ยวกับการสร้างทางเลือกในการออกแบบ
44
หนว่ ยย่อยที่ 3 เร่ือง การออกแบบแนวทางการแก้ปญั หา
ใช้รปู การณ์เรยี นรแู้ บบรว่ มมอื (Co-operative learning)
1. ขั้นนำเข้าสู่บทเรียน
1. ครูทบทวนเนอ้ื หาเกย่ี วกบั การสรา้ งทางเลือกในการออกแบบ
2. ขั้นสอน โดยใช้กระบวนการสร้างความตระหนกั
1. ครใู หน้ ักเรยี นศึกษาหวั ขอ้ การออกแบบแนวทางการแกป้ ญั หา โดยใหผ้ เู้ รียนจับสลากกลุ่มละ 1 หัวข้อ
ใน 3 หัวขอ้ คอื การร่างภาพ การเขียนแผนภาพ และการเขยี นผังงาน
2. ครูสุ่มนักเรียนนำเสนอหวั ข้อท่ีศึกษา โดยสุ่มหวั ขอ้ ละ 1 กลมุ่ เมื่อนำเสนอครบทง้ั 3 หัวขอ้ แลว้
นักเรียนและครรู ่วมกันอภปิ ราย
3. ครูให้นักเรียนศกึ ษาการออกแบบอปุ กรณ์บีบอัดขยะ และวธิ ีการออกมาตรการเพื่อลดขยะพลาสตกิ
จากนนั้ นักเรยี นและครูอภิปรายร่วมกนั
4. ครูสรปุ ความคดิ รวบยอดและช้ีประเดน็ ให้เห็นว่าการออกแบบทีด่ ที จี่ ะไดว้ ธิ ีการแก้ปัญหาทต่ี รงกับความ
ตอ้ งการควรคำนงึ ถึงหลักการออกแบบผลิตภัณฑ์และทรพั ยากรทางเทคโนโลยโี ดยออกแบบชิน้ งานหรอื วธิ ีการให้มี
มากกวา่ 1 ทางเลือก เพื่อใหไ้ ด้แบบหรือวธิ ีการทต่ี รงกับความต้องการไดม้ ากท่ีสดุ นอกจากน้ีการออกแบบแนว
ทางการแกป้ ัญหาสามารถใช้โปรแกรมคอมพิวเตอรเ์ ขา้ มาช่วยไดโ้ ดยให้นักเรียนศึกษาเพิ่มเติม
5. นักเรียนร่วมกันทำ เรอื่ ง ออกแบบชน้ิ งานหรือวิธีการของกลมุ่ ตนเอง
3. ข้นั สรปุ
1. ครูและนกั เรยี นรว่ มกนั สรุปผลในประเดน็ การถา่ ยทอดความคดิ ของนกั เรียนแต่ละกลุ่มและครใู ห้
ข้อเสนอแนะเพม่ิ เติม
45
หน่วยย่อยท่ี 4 เรอื่ ง การสรา้ งแบบจำลอง
ใชร้ ูปการณ์เรียนรแู้ บบรว่ มมอื (Co-operative learning)
1. ขัน้ นำเขา้ สูบ่ ทเรียน
1. ครทู บทวนเนือ้ หาเกย่ี วกบั การออกแบบแนวทางการแกป้ ญั หา
2. ข้นั สอน โดยใชก้ ระบวนการสรา้ งความตระหนกั
1. ครูให้นกั เรยี นศกึ ษาหัวข้อ การสร้างแบบจำลอง รวมถงึ ตวั อยา่ งการสร้างแบบจำลองอปุ กรณบ์ ีบอดั
ขยะ จากน้ันครแู ละนกั เรียนรว่ มกันอภปิ ราย พร้อมกับสรปุ ความคดิ รวบยอด
2. ครูใหน้ กั เรยี นแตล่ ะกลมุ่ ทำ เร่ือง สร้างแบบจำลอง โดยสร้างแบบจำลองจากการออกแบบชิ้นงานหรอื
วธิ ีการในใบงานทีแ่ ล้ว
3. ครใู ห้นกั เรียนทุกกล่มุ น าเสนอการออกแบบและแบบจำลอง นกั เรยี นสามารถกำหนด
รปู แบบการนำเสนอผลงานของกลุ่มตนเองตามความสนใจและเหมาะสมกับแนวทางการแก้ปญั หา โดยมี
ประเด็นการนำเสนอดงั น้ี
- ปัญหาคอื อะไร
- แนวทางการแกป้ ญั หามีอะไรบา้ ง
- เลอื กแนวทางการแกป้ ญั หาใด เพราะอะไร
- รายละเอียดของการออกแบบชิน้ งานหรอื วิธกี ารแบบจำลองของชน้ิ งานหรือวิธีการแก้ปญั หา
3. ขั้นสรปุ
1. ครูและนักเรียนร่วมกนั สรุปเกีย่ วกับการนำเสนอของแต่ละกลุม่
14. สื่อและแหล่งการเรยี นรู้
1.ใบความรเู้ ร่อื ง การออกแบบแนวทางการแกป้ ญั หา
2.คอมพิวเตอร์
3.หอ้ งสมดุ
4.อินเตอร์เน็ต
5.ใบงานออกแบบช้นิ งานหรือวิธกี าร
6.ใบงานสร้างแบบจำลอง
46
15. การวดั ผลประเมินผล วิธกี ารวัด เครื่องมอื วัด เกณฑก์ ารวดั
จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้
1.นกั เรียนสามารถ 1.การตอบคำถามใน 1.แบบฝึกหัด 1.สามารถตอบคำถามใน
2.แบบประเมินใบงาน แบบฝึกหดั ไดถ้ ูกตอ้ งตาม
ออกแบบวิธีการแกป้ ญั หา แบบฝึกหัด หลกั การ 80 % ขนึ้ ไป
2.สามารถตอบคำถามใน
โดยวิเคราะหเ์ ปรยี บเทยี บ 2.ตรวจใบงาน ใบ งานได้ 80 % ขึ้นไป
และตัดสนิ ใจเลอื กข้อมูล
ท่ีจำเปน็ ภายใตเ้ ง่อื นไข
และทรพั ยากรท่มี ีอยู่
นำเสนอ แนวทางการ
แกป้ ญั หาใหผ้ ้อู ืน่ เขา้ ใจ
วางแผน ข้ันตอนการ
ทำงานและดำเนินการ
แกป้ ัญหาอยา่ งเปน็
ข้นั ตอนได้ (K) (P)
2.นกั เรียนมคี วาม 1.สังเกตพฤตกิ รรม 1.แบบประเมิน 1.นกั เรยี นมีคุณลกั ษณะ
พฤตกิ รรม อัน พึงประสงค์ ได้ 85%
กระตือรือร้นในการ ในขณะปฏบิ ตั งิ าน ขน้ึ ไป
ค้นคว้าหาความรเู้ พิม่ เติม
ดว้ ยตนเอง (A)
16.การประเมนิ ผลเกณฑก์ ารใหค้ ะแนนชนิ้ งาน คะแนน
หัวข้อทีป่ ระเมิน 21
3
เกณฑก์ ารใหค้ ะแนนชิ้นงาน
1. เนอื้ หา เนอ้ื หาถูกตอ้ งตรงตาม เนือ้ หาค่อนข้างถูกตอ้ ง เนอื้ หาไมส่ อดคลอ้ ง
หัวข้อเปน็ ไปตามท่ไี ด้ เป็นไปตามทไ่ี ดก้ ำหนดไว้แต่ กับประเด็นหรือหัวข้อ
กำหนดไว้รายละเอยี ด ครอบคลมุ ประเดน็ ไมค่ อ่ ย ทไ่ี ด้กำหนดไว
ครอบคลุมชัดเจน ชัดเจน