๕เล่มที่
การวเิ คราะหแ์ ละประเมินคณุ คา่ ดา้ นวรรณศิลป์
นางสาวสิรภิ า แสงสมัคร
ตาแหน่ง ครู วทิ ยฐานะชานาญการ
โรงเรียนคณะราษฎรบารงุ จังหวัดยะลา
สานักงานเขตพื้นท่ีการศึกษามธั ยมศึกษายะลา
สานกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาขน้ั พื้นฐาน
กระทรวงศกึ ษาธกิ าร
ก
คำนำ
การอ่าน คือกระบวนการที่ผู้อ่านรับรู้สารซึ่งเป็นความรู้ ความคิด ความรู้สึก และความคิดเห็น
ที่ผู้เขียนถ่ายทอดออกมาเป็นลายลักษณ์อักษรซึ่งเป็นทักษะที่สำคัญอย่างยิ่ง เป็นเครื่องมือในการแสวงหา
ความรู้ พัฒนาตนเอง คือ พัฒนาการศึกษา พัฒนาอาชีพ พัฒนาคุณภาพชีวิต นอกจากการอ่านจะเป็น
เคร่ืองมือในการแสวงหาความรู้ก่อใหเ้ กิดทกั ษะต่าง ๆ แลว้ ยงั ก่อให้เกิดความบันเทิง สนุกสนานเพลิดเพลิน
อีกทั้งได้แนวคิดจากการอ่าน การอ่านจึงเป็นหัวใจของการศึกษาทุกระดับ และการอ่านท่ีดีมีประสิทธิภาพ
จะต้องสามารถวิเคราะห์วิจารณ์สิ่งที่ได้รับจากการอ่านซึ่งเป็นลักษณะของความคิดที่อ่านแล้วมีประโยชน์
สามารถนำส่ิงที่ไดร้ ับจากการอ่านมาพนิ จิ พจิ ารณาเพ่ือประยุกต์ใช้ได้
แบบฝึกทักษะการอ่านวิเคราะห์วิจารณ์วรรณคดี เรื่องขุนช้างขุนแผน ตอนขุนช้างถวายฎีกา
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย จัดทำขึ้นเพื่อเป็นสื่อในการจัดการเรียนรู้ การอ่าน
วิเคราะห์วิจารณ์วรรณคดี ผู้จัดทำได้ศึกษาค้นคว้าเพิ่มเติมจากแบบเรียนของนักเรียน ตามเนื้อหาสาระ
การอา่ นวิเคราะหว์ ิจารณว์ รรณคดี ตามมาตรฐานการเรยี นรู ตวั ชวี้ ัดของหลักสตู รแกนกลางการศกึ ษา
ขัน้ พนื้ ฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑
ผู้จัดทำหวังเป็นอย่างยิ่งว่าแบบฝึกทักษะการอ่านวิเคราะห์วิจารณ์วรรณคดี เรื่องขุนช้างขุนแผน
ตอน ขนุ ช้างถวายฎีกา ชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 6 กลุม่ สาระการเรียนรู้ภาษาไทยเล่มน้ีจะเปน็ ประโยชน์
ในการสง่ เสริมให้นกั เรียนเป็นผู้ใฝ่รู้ ใฝ่เรยี น สามารถประยุกตใ์ ช้ความร้จู ากการอา่ นมากย่ิงข้นึ
สิรภิ า แสงสมคั ร
ตำแหน่งครู วิทยฐานะชำนาญการ
โรงเรยี นคณะราษฎรบำรุง จงั หวดั ยะลา
ข
สารบญั
เรื่อง หน้า
คำนำ……………………………………………………………………………………………………………………...…… ก
สารบญั ………………………………………………………………………………………………………………………… ข
คำชี้แจงสำหรบั ครู............…………………………………………………………………….............................. ค
คำชี้แจงสำหรบั นักเรียน............……………………………………………………………………………………… ง
สาระ/มาตรฐานการเรยี นรู้/ตัวชวี้ ดั /จุดประสงคก์ ารเรยี นร.ู้ .…………………………………………….… จ
แบบทดสอบก่อนเรยี น................................................................................................................ 1
ใบความร้ทู ี่ ๑ เรือ่ ง การสรรคำ................................................................................................... 5
9
แบบฝึกท่ี ๑-2 .......…………………………………………………….………………….………................. 13
ใบความร้ทู ี่ ๒ เรื่องการเรียบเรียงถอ้ ยคำ................................................................................... 15
18
แบบฝกึ ที่ 3-4 .......…………………………………………………….…………………..….…………....….. 24
ใบความรู้ที่ 3 เรอ่ื งการใช้โวหารภาพพจน.์ ................................................................................. 29
31
แบบฝึกที่ 5-6 .......…………………………………………………….…………………..….………………… 34
ใบความรทู้ ่ี 4 เรอื่ งรสวรรณคดี.................................................................................................. 39
40
แบบฝกึ ท่ี 7-8 .......…………………………………………………….…………………..….………………… 41
แบบทดสอบหลังเรยี น................................................................................................................. 42
บรรณานกุ รม………………………………………………………………………………………………………………. 57
ภาคผนวก..................................................................................................................................
เฉลยแบบทดสอบก่อนเรียน-หลังเรียน...............................................................................
เฉลย/แนวคำตอบแบบฝึกที่ ๑ – ๘……………………………………………………………..……......
เกณฑ์การใหค้ ะแนนแบบฝึกท่ี ๑ – ๘................................................................................
ค
คำชี้แจงสำหรบั ครู
แบบฝึกทักษะการอ่านวิเคราะห์วิจารณ์วรรณคดี เรื่องขุนช้างขุนแผน ตอนขุนช้างถวายฎีกา
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย เล่มที่ 5 เรื่อง การวิเคราะห์และประเมินคุณค่า
ด้านวรรณศิลป์ เล่มนี้ ประกอบด้วย มาตรฐานการเรียนรู้ ตัวชี้วัด จุดประสงค์การเรียนรู้ ใบความรู้
และแบบฝึกทักษะ เพือ่ ให้เกิดประโยชนส์ ำหรบั นกั เรยี นมากยิง่ ข้นึ ครูควรศึกษาและทำความเข้าใจคำชี้แจง
ในการใช้แบบฝกึ ทกั ษะอยา่ งละเอียด และปฏิบตั ิตามข้ันตอน ดังน้ี
๑. ทำความเข้าใจ ศึกษาแบบฝกึ ทกั ษะให้เข้าใจตลอดทั้งเล่ม
๒. เตรียมแบบฝึกทักษะ ชดุ เฉลยให้พรอ้ มและเพยี งพอตามจำนวนนกั เรียน
๓. เตรียมส่ือ อุปกรณ์ หนังสือเรยี น เอกสารใบความรูเ้ พิ่มเติม เพ่ือเปน็ แหลง่ ข้อมลู ใหน้ ักเรยี น
ศึกษาเพม่ิ เติม
๔. หลงั จากทำแบบฝึกทักษะในแตล่ ะคร้งั นักเรียนควรมีสว่ นร่วม เช่น อภิปรายร่วมกัน ตรวจ
ผลงาน สรปุ องคค์ วามรดู้ ว้ ยตนเอง และควรแจ้งผลการเรียนให้นกั เรยี นทราบความก้าวหน้าในการเรยี น
ทกุ คร้ัง
๕. บันทึกผลการทำแบบฝกึ ทักษะทุกครั้ง เพื่อสังเกตพัฒนาการเรยี นรขู้ องนักเรียน
6. อำนวยความสะดวก ใหค้ ำปรึกษา แนะนำในการทำกจิ กรรมแกน่ กั เรียน
ง
คำชี้แจงสำหรบั นักเรียน
แบบฝึกทักษะการอ่านวิเคราะห์วิจารณ์วรรณคดี ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 กลุ่มสาระการเรียนรู้
ภาษาไทย เล่มที่ 5 เรื่อง การวิเคราะห์และประเมินคุณค่าด้านวรรณศิลป์ ที่นักเรียนจะได้ศึกษาต่อไปน้ี
เปน็ แบบฝกึ ทนี่ ักเรยี นสามารถศกึ ษาไดด้ ว้ ยตนเองโดยปฏิบัติตามคำแนะนำดังต่อไปนี้
๑. นักเรยี นอ่านจุดประสงคก์ ารเรียนรกู้ ่อนลงมือศึกษาแบบฝึกทักษะในแต่ละกจิ กรรม
๒. นักเรียนทำแบบทดสอบก่อนเรยี นเพ่ือตรวจสอบดวู ่านกั เรียนมีพ้นื ฐานความรู้ ความเข้าใจ
มากน้อยเพียงใด
๓. นักเรียนสามารถศึกษาด้วยตนเองตามความสามารถ มีใบความรู้ มีแบบฝึกทักษะให้นักเรียน
ศกึ ษาและปฏบิ ตั ิ
๔. นกั เรยี นควรทำความเข้าใจก่อนวา่ แบบฝกึ เทักษะไม่ใช่การทำแบบทดสอบ แต่เปน็ การให้
นกั เรียน เรยี นรู้ด้วยตนเองตามความสามารถ
๕. นักเรียนควรมีสมาธิและความซื่อสัตย์ต่อตนเอง ในขณะศึกษาใบความรู้ และทำแบบฝึกทักษะ
ไมค่ วรเปดิ ดูเฉลยคำตอบก่อน จนกว่านกั เรยี นจะทำแบบฝึกทักษะในแตล่ ะกจิ กรรมเสรจ็ จึงเปิดดเู ฉลยได้
๖. นักเรียนทำแบบฝึกทักษะด้วยความมุ่งมั่น ตั้งใจ หากทำไม่ได้ ให้ศึกษาใบความรู้ใหม่ ไม่เข้าใจ
ให้ย้อนกลับไปอ่านเนื้อหาแบบฝึกทักษะใหม่อีกครั้ง หรือขอคำแนะนำจากครูผู้สอน และตอบคำถาม
นกั เรยี นสามารถตรวจดเู ฉลยคำตอบได้ทันที หลงั จากทน่ี กั เรยี นทำแบบฝึกทกั ษะแตล่ ะกิจกรรมเสรจ็ แล้ว
๗. เมื่อศึกษาแบบฝึกทักษะเสร็จแล้ว ให้ทำแบบทดสอบหลังเรียน และตรวจคำตอบจากเฉลย
แล้วนำผลคะแนนทไ่ี ดไ้ ปเปรยี บเทยี บคะแนนกอ่ นเรยี น
๘. รับฟงั การบอกคะแนนคำชมเชย และคำแนะนำเพม่ิ เตมิ จากครู
๙. ในการเขา้ รว่ มกจิ กรรมทกุ คร้ังนักเรียนควรใหค้ วามร่วมมือ ตัง้ ใจในการทำกิจกรรม
และตรงต่อเวลาเสมอ
จ
สาระ/มาตรฐานการเรียนรู/้ ตวั ช้วี ดั /จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้
สาระท่ี 5 วรรณคดแี ละวรรณกรรม
มาตรฐานการเรียนรู้ ท 5.1
เขา้ ใจและแสดงความคิดเห็น วิจารณ์วรรณคดีและวรรณกรรม
ไทยอย่างเห็นคุณค่าและนำมาประยุกต์ใชใ้ นชีวิตจริง
ตวั ช้วี ดั
ม.๔-๖/3 วเิ คราะหแ์ ละประเมินคุณคา่ ด้านวรรณศลิ ป์ของวรรณคดีและวรรณกรรมในฐานะ
ท่เี ปน็ มรดกทางวฒั นธรรมของชาติ
จุดประสงค์การเรียนรู้
1. วเิ คราะหแ์ ละประเมินคณุ ค่าวรรณศิลปใ์ นด้านการสรรคำได้
2. วเิ คราะหแ์ ละประเมนิ คา่ วรรณศลิ ปใ์ นดา้ นการเรียบเรยี งถ้อยคำได้
3. วิเคราะหแ์ ละประเมนิ คณุ คา่ วรรณศลิ ปด์ า้ นการใชโ้ วหารภาพพจน์ได้
4. วเิ คราะห์และประเมนิ คณุ ค่าวรรณศลิ ปด์ า้ นรสวรรณคดี
๑
แบบทดสอบก่อนเรียน
คำชแี้ จง
นกั เรียนอ่านข้อคำถาม และคำตอบใหล้ ะเอียด แล้วทำเครอ่ื งหมายกากบาท ( )
ทบั อกั ษร ก, ข, ค หรือ ง ลงในกระดาษคำตอบท่ีตรงกบั ตัวเลือกท่ีนกั เรียนเห็นว่าถกู ต้อง
ทส่ี ดุ เพียงข้อเดียว (๑๐ คะแนน)
......................................................................................................................................................
1. ขอ้ ใดไมเ่ กย่ี วข้องกับการพิจารณาคณุ คา่ ด้านวรรณศลิ ป์
ก. การสรรคำ
ข. การใช้โวหาร
ค. การเรยี บเรียงถ้อยคำ
ง. การวเิ คราะห์ความเช่ือ
2. ข้อใดมกี ารเลอื กใช้คำใหเ้ หมาะกับเน้อื เรื่องและฐานะของบุคคลในเรื่อง
ก. ขอเดชะละอองธลุ ีบาท องคห์ รริ กั ษร์ าชรงั สรรค์
เมอื่ กระหม่อมฉันมาแต่อารญั ครงั้ นั้นโปรดประทานขนุ แผนไป
ข. คราน้นั วนั ทองเจา้ พลายงาม ไดฟ้ งั ความครา้ มครนั่ หวัน่ ไหว
ขนุ แผนเรยี กวันทองเขา้ ห้องใน ไม่ไว้ใจจึงเสกด้วยเวทมนตร์
ค. แตน่ ง่ิ ดกู ิรยิ าเปน็ ช้านาน หาวา่ ขานตอบโต้อย่างไรไม่
ความอาลัยป่นั ปว่ นยวนวญิ ญา
ทั้งรกั ทั้งแคน้ แน่นฤทัย
ง. เพราะกแู พ้ความจม่ืนไวย มนั จงึ เหมิ ใจทำจองหอง
พอ่ ลูกแม่ลกู ถูกทำนอง ถงึ สองคร้งั แลว้ จึงเป็นแตเ่ ช่นนี้
3. ข้อใดมคี วามโดดเด่นของคำประพันธ์ในลักษณะของการซำ้ คำ
ก. สีข้ีผึ้งสีปากกินหมากเวทย์ ซึง่ วเิ ศษสารพัดแก้ขัดสน
นำ้ มนั พรายน้ำมันจนั ทนส์ รรเสกปน เคยคมุ้ ขังบงั ตนแต่ไรมาก
ข. ทุกวันนีล้ กู ชายสบายยศ พรอ้ มหมดเมียม่งิ ก็มีสอง
มบี ่าวไพร่ใช้สอยทง้ั เงนิ ทอง พนี่ อ้ งขา้ งพ่อกบ็ รบิ รู ณ์
ค. ยายจันงนั งกยกมือไหว้ นน่ั พอ่ จะไปไหนพ่อทนู หัว
ไม่นุ่งผอ่ นนุ่งผ้าดนู ่ากลัว ขนุ ช้างมองดตู ัวกต็ กใจ
ง. พลางเรียกหาขา้ ไทอยู่ว้าวุ่น ออี ุ่นอีอิ่มอีฉมิ อสี อน
อมี ีอีมาอสี าคร นิง่ นอนไยหวามาหากู
๒
4. ข้อใดปรากฎรสวรรณคดี “สัลลาปังคพสิ ยั ” เหน็ นายนัน้ แกผ้ า้ กางขาอยู่
ก. บ่าวผหู้ ญงิ ว่งิ ไปอยู่งกงัน ตกตะลึงแลดูไม่เข้ามา
ตา่ งคนทรุดนง่ั บงั ประตู
ร้องว่าแม่คณุ แมช่ ว่ ยผัว
ข. ตกใจตื่นผวาคว้าวนั ทอง ให้นกึ กลวั ปรอทจะตอดตาย
ลกุ ขึน้ งกงนั ตวั ส่ันรัว
เศร้าหมองโศกาน้ำตาไหล
ค. ว่าพลางนางลกุ ออกจากห้อง พอรุง่ แจ้งแสงใสก็ถงึ เรือน
พระหมนื่ ไวยก็พามารดาไป
เจ้าวนั ทองไปไหนอย่างไรหาย
ง. ขุนชา้ งตัวสัน่ เทาบอกบ่าวไพร่ พบแล้วอยา่ วุ่นวายให้เชิญมา
เอง็ ไปดูใหร้ ซู้ ึ่งแยบคาย
5. บุคคลใดสามารถใช้ความรู้ในเรอ่ื งการวิเคราะห์คุณค่าด้านวรรณศิลปจ์ ากบทประพันธ์ต่อไปน้ี
ได้ถูกต้อง
อะไรพอสว่างวางเข้ามา เด็กหวาจับถองใหจ้ งได้
ลุกขึน้ ถกเขมรร้องเกนไป ทุดอา้ ยไพรข่ ้ีครอกหลอกผ้ดู ี
ก. เจนนก่ี ลา่ วว่าบทนใ้ี ช้คำได้ถกู ตอ้ งตามความหมาย กลา่ วคอื ใช้คำวา่ “รอ้ งเกน” ซ่ึงมี
ความหมายว่ารอ้ งตะโกนดังๆ ซ่งึ เหมาะสมกับเน้ือความทีข่ ุนช้างโกรธเมอื่ เหน็ ใคร
(หม่ืนวเิ ศษผล) ทเี่ ขา้ มา
ข. ลลิ ลี่กลา่ วว่าบทนมี้ คี วามงามทางวรรณศลิ ปใ์ นด้านรสวรรณคดีท่ีเรยี กวา่ พิโรธวาทังในคำวา่
“ถกเขมร” ซึง่ เป็นฉากทขี่ ุนช้างโกรธ
ค. แพร่กี ล่าววา่ บทประพันธ์ข้างตน้ มีความโดดเดน่ เร่ืองการเลือกใชค้ ำโดยคำนงึ ถึงเสยี ง
วรรณยกุ ต์ในคำวา่ สว่าง-วาง
ง. แนนนี่กลา่ ววา่ บทนมี้ ีการใช้ภาพพจน์ท่ีเรยี กว่านามนัย ในคำวา่ “ผู้ดี” ซึ่งหมายถึงขุนช้าง
มาอยู่ไยกบั อ้ายหินชาติ แสนอบุ าทว์ใจจติ ริษยา
ดงั ทองคำทำเล่ยี มปากกะลา หน้าตาดำเหมือนมนิ หม้อมอม
6. คำประพนั ธข์ ้างต้นใชโ้ วหารภาพพจน์ใด
ก. อุปมา
ข. อปุ ลกั ษณ์
ค. บุคคลวตั
ง. นามนัย
๓
7. ขอ้ ใดมกี ารใช้โวหารแบบอปุ ลกั ษณ์ ใครมาเทศน์เอาผ้ากูไปไหน
ก. สองมือปิดขาเหมอื นทา่ เปรต ยายจนั ไปเอาผา้ ให้ข้าที
ใหน้ กึ อดสหู มู่ขา้ ไท ทนี ีห้ น้าจะดำเปน็ น้ำหมึก
ข. เจา้ พลายงามตามรับเอากลับมา จะพาแมต่ กลึกให้จำตาย
กำเริบใจด้วยเจา้ ไวยกำลงั ฮึก มาเกลือกกล้ัวปทุมมาลย์ทห่ี วานหอม
ค. เหมือนแมลงวันว่อนเคล้าทเ่ี น่าชั่ว ว่านกั แม่จะตรอมระกำใจ
ดอกมะเดื่อฤาจะเจือดอกพะยอม มแี ตท่ ุกขเ์ จบ็ ใจดังเหนบ็ หนาม
ง. ทุกวนั นใ้ี ชแ่ ม่จะผาสุก จะคนื ความคดิ ไปก็ใชท่ ี
ต้องจำจนทนกรรมทต่ี ิดตาม
8. ขอ้ ใดมกี ารใช้ “อติพจน์” ถึงประหารชีวิตเปน็ ผุยผง
ก. ระวางโทษเบ็ดเสร็จเจด็ สถาน แล้วลงจากพระทีน่ ัง่ เข้าวังใน
ตามกฤษฎกี ารักษาพระองค์
เอาความผดิ คดิ หกั ใหเ้ หือดหาย
ข. มใิ ช่หนุ่มดอกอย่ากลุ้มกำเรบิ รัก ฉันกลบั กลายแลว้ หม่อมจงฟาดฟนั
ถา้ รักนอ้ งป้องปิดให้มิดอาย พอเจา้ ไวยเปน็ ความก็คา้ งส้นิ
ไม่เดือดดิ้นเทา่ พ่ีกับวันทอง
ค. กลับมาหมายว่าจะไปตาม เหง่ือออกโทรมลา้ นกระบาลใส
หัวอกใครไดแ้ คน้ ในแผ่นดนิ ช่างทำไดต้ ่างตา่ งทุกอยา่ งจริง
ง. ครานัน้ ขนุ ชา้ งฟังบา่ วบอก
คดิ คิดให้แคน้ แสนเจ็บใจ
9. ขอ้ ใดไมม่ ีการเรียงถ้อยคำเปน็ ประโยคคำถามเชงิ วาทศลิ ป์
ก. ครานน้ั พระองค์ทรงธรนนิ ทร์ หาได้ยินวันทองทลู ขนึ้ ไม่
พระตรัสความถามซกั ไปทนั ใด ฤามงึ ไมร่ กั ใครให้ว่ามา
ข. ใชจ่ ะอม่ิ เอบิ อาบดว้ ยเงินทอง มใิ ช่ของตวั ทำมาแตไ่ หน
ทง้ั ผู้คนชา้ งมา้ แลข้าไท ไม่รกั ใคร่เหมือนกบั พ่อพลายงาม
ค. พีผ่ ิดพ่ีกม็ าลแุ กโ่ ทษ จะคมุ โกรธคุมแค้นไปถึงไหน
ความรกั พี่ยงั รักระงมใจ อย่าตัดไมตรีตรึงให้ตรอมตาย
ง. ความรักหนกั หนว่ งทรวงสวาดิ พี่ไม่คลาดคลายรักแต่สักสง่ิ
เผอิญเป็นวิปรติ พ่ีผิดจรงิ จะนอนน่ิงถอื โทษโกรธอยู่ไย
10. ข้อใดวิเคราะห์คณุ คา่ ดา้ นวรรณศิลปข์ องคำประพนั ธ์ไมถ่ ูกต้อง
ก. มโี วหารภาพพจน์ท่เี รียกว่าปฏปิ ุจฉา
ข. มกี ารเลน่ คำซ้ำในบทประพนั ธ์
ค. มีข้อคดิ ทีแ่ ฝงอยใู่ นวรรคท่ีหนึ่งและวรรคทีส่ อง
ง. มีสมั ผสั สระโดดเดน่ ในวรรคทส่ี องและวรรคทส่ี าม
๔
กระดาษคำตอบแบบทดสอบก่อนเรียน
ชือ่ -นามสกุล.....................................................................ช้นั ............. เลขที่ ..............
คำชี้แจง จงเลือกตวั อักษร ก, ข, ค, หรือ ง และทำเคร่อื งหมายกากบาท (X) ไดค้ ะแนน
ในชอ่ งทถ่ี กู ท่สี ุด (๑๐ คะแนน)
ขอ้ ก ข ค ง
๑
2
3
4
5
6
7
8
9
10
๕
ใบความรทู้ ่ี 1
เร่ือง การสรรคำ
ความหมายของการสรรคำ
การสรรคำ คือการเลือกใช้คำให้สื่อความคิด ความเข้าใจ ความรู้สึกและอารมณ์ได้อย่างงดงาม
โดยคำนึงถงึ ความงามด้านเสียง โวหาร และรูปแบบคำประพันธ์
วธิ ีการสรรคำ
1. เลือกใชค้ ำให้ถูกตอ้ งตรงตามความหมาย เชน่
ก. เจ้าหนา้ ทีก่ ารเงินต้องทำงานอยา่ งรอบคอบจะเผอเรอไม่ได้
ข. ตำรวจยืนเผอเรอไม่ระวังตวั ผู้รา้ ยจึงแยง่ ปืนไปได้
“เผอเรอ” หมายความวา่ เลินเล่อ ไมร่ อบคอบ จงึ เหมาะกับประโยค ก สว่ นประโยค ข ใช้
“เผอเรอ” ไม่ถกู ตอ้ งตามความหมาย แต่ควรใช้ “เผลอ” จะถูกตอ้ งเหมาะสมมากกว่า
เพราะ “เผลอ” แปลวา่ หลงลืม หรอื ไม่ระวงั ตัว
2. เลอื กใช้คำใหเ้ หมาะกบั เน้อื เรอ่ื งและฐานะของบคุ คลในเร่อื ง เชน่
“กาลคร้งั หนง่ึ นานมาแลว้ .........” เปน็ คำทีเ่ หมาะสมกบั เนื้อเรอ่ื งทเ่ี ปน็ นิทาน
ในอดีตกาลนานมาแล้วมีพระเจา้ แผน่ ดินองค์หนึ่งในชมพทู วปี พระนามวา่ พระเจา้ วิเทหะ
ครองแผ่นดินอย่เู มืองมถิ ลิ า ........” ในอดตี กาล เปน็ คำที่ใช้กับเน้ือเร่อื งทเี่ ปน็ ชาดก
3. เลือกใช้คำใหเ้ หมาะสมแก่ลกั ษณะคำประพนั ธ์
คำพ้นื ฐานโดยท่ัวไปใชไ้ ด้ทัง้ งานเขียนร้อยแกว้ และร้อยกรองแตม่ ีคำศพั ท์บางคำท่ใี ช้ได้
เฉพาะในบทร้อยแกว้ เทา่ น้ัน เชน่ ชลธี คงคา ไคลคลา หรือคำท่เี ปน็ คำสรอ้ ยที่ใชใ้ นคำประพันธ์
เทา่ นน้ั เช่น แฮ เฮย นาแม่ แมร่ า เป็นต้น
“เพรางายวายเสพรส แสนกำสรดอดโอชา
อม่ิ ทกุ ข์อ่ิมชลนา อิ่มโศกาหน้านองชล”
๖
4. เลอื กใช้คำไวพจนใ์ ห้ถูกต้องตรงตามความหมายทต่ี ้องการ
คำไวพจน์ หมายถึง คำที่เขียนต่างกัน แต่มีความหมายเหมือนกันหรือใกล้เคียงกัน คำท่ี
เป็นคำไวพจนข์ องกนั นั้น หลายคำไมอ่ าจใช้แทนกันไดเ้ สมอไป บางคำใชไ้ ด้ในรอ้ ยกรองเท่านั้น
บางคำใช้ได้ทั้งร้อยแก้วและร้อยกรอง เช่น บ้านกับเรือน เราใช้บ้านพักหรือเรือนพัก
แตเ่ รือนหอใชบ้ า้ นหอไมไ่ ด้ หรอื บา้ นเมืองจะใชเ้ รอื นเมืองไมไ่ ด้
ตวั อย่างคำไวพจนท์ หี่ มายถึงผูห้ ญงิ
อนงค์ เอวอร ทรามวัย สดุ า เอวบาง จอมสวาท นาฏบังอร นุชนาฏ สายสมร
เน้ือนวล เจ้าตาตรู วนดิ า นวลละออง สายสวาท นงเยาว์ โฉมฉาย
5. เลือกใชค้ ำโดยคำนึงถึงเสียง มหี ลายลักษณะ ได้แก่
5.1 คำเลียนเสยี งธรรมชาติ (สัทพจน์) ตอ้ งเปน็ คำเลียนเสยี งท่ีรจู้ กั กันและยอมรับตรงกนั ว่า
ตอ้ งออกเสียงอยา่ งนั้น เชน่ โครมคราม ตึงตัง ผัวะผะ เปร้ียงปรา้ ง ครืนครนื ฮือฮา
กรอบแกรบ
ตวั อยา่ ง
“ไผ่ซออ้อเอียดเบียดออด ลมลอดไล่เล้ยี วเรียวไผ่
ออดแอดแอดออดยอดไกว แพใบไล้น้ำลำคลอง”
(บนพรมใบไผ่ : เนาวรตั น์ พงษไ์ พบลู ย)์
5.2 คำที่เลน่ เสียงวรรณยุกต์
ตวั อยา่ ง
“กลองทองตคี รุ่มครึม้ เดินเรยี ง
ทา้ ตะเติงเตงเสียง ครุ่มคร้นื
เสียงปร่ี ่เี ร่ือยเพียง การเวก
แต้นแตร่นแตรฝร่ังขน้ึ หวหู่ วู้เสียงสังข์”
(กาพย์ห่อโคลงประพาสธารทองแดง : เจ้าฟา้ ธรรมธเิ บศร)
5.3 คำท่เี ลน่ เสียงสมั ผัส มี 2 ชนดิ คือ มันแสนสุดลกึ ลำ้ เหลือกำหนด
5.3.1 เล่นเสียงสัมผัสสระ กไ็ ม่คดเหมือนหน่งึ ในน้ำใจคน”
“แลว้ สอนวา่ อย่าไวใ้ จมนุษย์
ถึงเถาวัลยพ์ ันเกยี่ วที่เลี้ยวลด (พระอภยั มณี : สนุ ทรภ)ู่
คำทเี่ ลน่ เสยี งสัมผสั สระ ไดแ้ ก่ ว่า-อย่า, ไว้-ใจ, ลำ้ -กำ,วลั ย์-พนั ,เกี่ยว-เลยี้ ว,ใจ
๗
5.3.2 เล่นเสยี งสมั ผัสอักษร
“แลลงิ ลงิ ลอดไม้ ลางลงิ
แลลกู ลงิ ลงชิง ลูกไม้
ลิงลมไลล่ มติง ลิงโลด หนีนา
แลลูกลงิ ลางไหล้ ลอดเลี้ยวลางลิง”
(ลิลิตพระลอ)
จากคำประพันธข์ า้ งต้นเปน็ การเลน่ เสยี งสัมผสั อักษร “ล”
6. คำทีเ่ ล่นเสียงหนักเบา มีท้ังในร้อยแก้วและร้อยกรอง ทำใหอ้ ่านออกเสียงหนักเบา
เป็นจงั หวะ โดยเฉพาะบทร้อยกรองประเภทฉันท์ จะบงั คับเสียงหนกั เบา (ครุ ลหุ)
ตัวอย่าง
“เอออเุ หมน่ ะมึงชงิ ช่างกระไร
ททุ าสสถุลฉะน้ฉี ะไหน กม็ าเป็น
ศกึ บ่ถึงและมงึ กย็ งั มิเห็น
จะน้อยจะมากจะยากจะเยน็ ประการใด
อวดฉลาดและคาดแถลงเพราะใจ
ขยาดขยนั้ มิทันอะไร ก็หม่ินกู”
(สามัคคเี ภทคำฉนั ท์ : ชิต บุรทัต)
7. เสียงสมดลุ ทางภาษา อ่านออกเสียงจะรสู้ ึกถึงลลี าจังหวะทส่ี มดุลกนั
ตัวอย่าง
สงสารใจใจเจ้าเอ๋ยไม่เคยน่ิง วนและวง่ิ คนื และวันหว่นั และไหว
เหมอื นถูกกายกำบังกักขังใจ ใจจึงไดด้ ้นิ รนทุกหนทาง”
“ใจจงึ หนา่ ยจงึ เหน่ือยจึงเม่ือยลา้ วุน่ ผวาว่อนไหวถูกไล่ต้อน
เกดิ แล้วกอ่ ล่อแลว้ เร้นเย็นแล้วร้อน ไม่พักผ่อนสักคราวเฝา้ แฟบฟู”
(วารดี ุรยิ างค์ : เนาวรตั น์ พงษ์ไพบูลย)์
๘
8. เลอื กใช้คำโดยคำนงึ ถึงคำพอ้ งเสยี งและคำซ้ำ
เมื่อนำคำพ้องเสยี งและคำซำ้ มาเรยี บเรยี งหรือร้อยกรองเขา้ ดว้ ยกัน จะทำให้เกิดเสยี ง
ไพเราะเพม่ิ ความพิศวง นา่ ฟงั หากใช้ในบทพรรณนาหรอื บทคร่ำครวญยิ่งทำใหส้ ะเทอื น
อารมณ์ ดังนี้
8.1 คำพอ้ งเสยี ง คอื คำที่มีเสยี งเหมือนกนั เขียนเหมือนกัน แต่ความหมายตา่ งกนั
ตวั อย่าง
“สายหยดุ หยดุ กลนิ่ ฟุ้ง ยามสาย
สายบ่หยุดเสนห่ ์หาย ห่างเศร้า
กีค่ นื กี่วันวาย วางเทวษ ราแม่
ถวลิ ทุกค่ำเช้า หยุดไดฉ้ นั ใด”
8.2 การเล่นคำซ้ำ อัสดง
ตัวอยา่ ง ค่ำแล้ว
นุชพ่ี เพียงแม่
“รอนรอนสุรยิ โอ้ คลับคลา้ ยเรียมเหลียว
เรอ่ื ยเร่อื ยลบั เมรลุ ง (กาพย์เหเ่ รอื : เจ้าฟ้าธรรมาธิเบศร)
รอนรอนจิตจำนง
เรือ่ ยเร่ือยเรียมคอยแก้ว เสยี งแก้วพ่ีหรือเสยี งใคร
สดุ สายใจพ่ตี ามมา
8.3 การซำ้ ความ
ตวั อยา่ ง งามมารยาทนาดกรกราย
งามคำหวานลานใจถวลิ
เสยี งสรวลระรีน่ ี้
เสียงสรวลเสยี งทรามวัย
งามทรงวงดงั่ วาด
งามพร้ิมยิม้ แยม้ พราย
๙
แบบฝกึ ทกั ษะท่ี 1
คำช้แี จง ให้นักเรียนทำเคร่อื งหมายถูก (✓) หนา้ ขอ้ ทเี่ หน็ วา่ ถกู ตอ้ ง และทำเครอ่ื งหมายกากบาท ()
หนา้ ข้อความท่ีไม่ถูกต้อง (10 คะแนน)
................ ๑. การสรรคำ คอื การเลอื กใชค้ ำใหส้ อ่ื ความคดิ ความเข้าใจ ความรู้สึก
และอารมณไ์ ด้อย่างงดงาม
................ 2. การสรรคำต้องคำนงึ ถงึ ความงามด้านเสยี ง โวหาร และรูปแบบคำประพันธ์
................ 3. การใช้คำใหเ้ หมาะสมกบั เน้ือเร่อื งและฐานะของบุคคลเป็นสว่ นหนงึ่
ในการสรรคำ
................. 4. คำไวพจนท์ กุ คำสามารถใช้ในร้อยแกว้ ได้
................. 5. สทั พจนต์ อ้ งเปน็ คำเลียนเสียงที่รจู้ ักกนั และยอมรับตรงกันว่าตอ้ งออกเสียง
อยา่ งนน้ั
................. 6. คำท่ีเลน่ เสยี งหนกั เบามักปรากฏในคำประพันธ์ประเภทฉนั ท์
................ 7. คำพอ้ งเสยี ง คอื คำทม่ี ีเสียงเหมอื นกนั เขยี นเหมือนกนั ความหมายไมต่ ่างกัน
................. 8. การเลือกใช้คำโดยคำนึงถงึ คำพ้องและคำซำ้ หากใชใ้ นบทพรรณนา
หรือบทครำ่ ครวญย่ิงทำใหส้ ะเทือนอารมณ์
................. 9. การเล่นเสยี งสมั ผัสมี 2 ชนดิ คือเลน่ เสียงสมั ผัสอกั ษรกบั เล่นเสยี งสัมผัส
พยัญชนะ
................ 10. “คำว่า แฮ เฮย นาแม่ แมร่ า เป็นคำประพันธท์ ีใ่ ช้ในคำประพันธเ์ ทา่ น้นั ”
จากขอ้ ความนก้ี ล่าวถงึ การสรรคำในเร่อื งการใชค้ ำให้เหมาะแก่
ลกั ษณะคำประพนั ธ์
๑๐
แบบฝึกทักษะท่ี 2
คำช้แี จง ให้นักเรยี นพจิ ารณาบทประพันธ์จากเรื่องขุนชา้ งขนุ แผน ตอนขนุ ช้างถวายฎีกาในแต่ละข้อ
ตอ่ ไปนว้ี า่ มคี วามงามทางวรรณศิลป์โดดเดน่ ในดา้ นการสรรคำอย่างไร โดยเขียนคำตอบพร้อม
วิเคราะห์ลงในชอ่ งว่าง (10 คะแนน)
1. อัดอึดฮึดฮดั ด้วยขัดใจ เมื่อไรตะวันจะลบั หลา้
เข้าห้องหวนละหอ้ ยคอยเวลา จนสรุ ิยาเลยี้ วลับเมรไุ กร
ตอบ ................................................................................................................................. .......
................................................................................................................. .................................
............................................................................................................................. .....................
2. จะกล่าวถึงพระองคผ์ ้ทู รงเดช เสด็จคืนนิเวศน์พอจวนค่ำ
ฝีพายรายเลม่ มาเต็มลำ เรอื ประจำแหนแหเ่ ซ็งแซม่ า
พอเรือพระท่นี ัง่ ประทบั ท่ี ขุนช้างก็รลี่ งตีนทา่
ลอยคอชูหนงั สือด้อื เขา้ มา ผุดโผล่โงหน้ายดึ แคมเรือ
ตอบ ................................................................................................................................. .......
................................................................................................................. .................................
............................................................................................................................. .....................
3. แม่เลี้ยงลูกมาถึงเจ็ดขวบ เคราะหป์ ระจวบจากแม่หาเห็นไม่
จะคดิ ถึงลกู บา้ ง อยา่ งไร หาไม่ใจแม่ไม่คิดเลย
ถา้ คดิ เหน็ เอน็ ดูว่าลูกเต้า
ใหล้ กู คลายอารมณ์ได้ชมเชย แมท่ ูนเกลา้ ไปเรือนอย่าเชือนเฉย
เหมอื นเมื่อคร้งั แม่เคยเล้ียงลกู มา
ตอบ ................................................................................................................................. .......
................................................................................................................. .................................
............................................................................................................................. .....................
4. ยายจนั งนั งกยกมือไหว้ นั่นพ่อจะไปไหนพ่อทนู หวั
ไมน่ ุ่งผอ่ นนุ่งผา้ ดูนา่ กลวั ขนุ ช้างมองดูตัวก็ตกใจ
ตอบ ................................................................................................................................. .......
..................................................................................................................................................
............................................................................................................................. .....................
๑๑
5. วันนนั้ แพ้กูเมอื่ ดำนำ้ กก็ รว้ิ ซำ้ จะฆ่าให้เปน็ ผี
แสนแค้นด้วยมารดายงั ปรานี ให้ไปขอชีวขี ุนช้างไว้
แคน้ แมจ่ ำจะแก้ให้หายแค้น ไมท่ ดแทนอา้ ยขุนชา้ งบ้างไม่ได้
หมายจิตคิดจะให้มันบรรลัย ไมส่ มใจจำเพาะเคราะห์มนั ดี
ตอบ ................................................................................................................................. .......
................................................................................................................. .................................
............................................................................................................................. .....................
6. บอกว่าเราจับไข้มาหลายวัน เกรงแมจ่ ะไม่ทนั มาเหน็ หน้า
เม่ือคืนนี้ซำ้ มีอนั เปน็ มา เราใชค้ นไปหาแมว่ นั ทอง
ตอบ ................................................................................................................................. .......
................................................................................................................. .................................
............................................................................................................................. .....................
7. เงียบสตั ว์จตั บุ ททวบิ าท ดาวดาษเดือนสว่างกระจา่ งไข
นำ้ ค้างตกกระเซน็ เย็นเยือกใจ สงดั เสยี งคนใครไม่พูดจา
ตอบ ................................................................................................................................. .......
............................................................................................................................. .....................
............................................................................................................. .....................................
8. ได้ยินเสยี งฆ้องยำ่ ประจำวัง ลอยลมลอ่ งดงั ถึงเคหา
คะเนนับยำ่ ยามไดส้ ามครา ดเู วลาปลอดหว่ งทกั ทิน
ตอบ ............................................................................................................................. ...........
....................................................................................................................... ...........................
............................................................................................................................. .....................
๑๒
9. พลางเรยี กหาขา้ ไทอยู่ว้าวุ่น ออี ่นุ อีอม่ิ อีฉมิ อีสอน
อมี อี ีมาอสี าคร น่ิงนอนไยหวามาหากู
ตอบ ................................................................................................................................. .......
........................................................................................................................... .......................
............................................................................................................................. .....................
10. คราน้ันวันทองไดร้ ับสั่ง ละล้าละลังประนมก้มเกศี
หวั สยองพองพร่ันทันที ทูลคดีพระองค์ผู้ทรงธรรม์
ขอเดชะละอองธลุ บี าท องคห์ รริ กั ษ์ราชรังสรรค์
เมือ่ กระหม่อมฉันนน้ั มาแต่อารญั ครง้ั น้ันโปรดประทานขุนแผนไป
ตอบ ........................................................................................................................................
............................................................................................................................. .....................
............................................................................................................................. .....................
๑๓
ใบความรทู้ ี่ 2
เรื่อง การเรียบเรยี งถอ้ ยคำ
ความหมาย
การเรียบเรยี งถ้อยคำ คอื การจดั วางถอ้ ยคำทเ่ี ลอื กสรรแลว้ ให้มาเรยี งร้อยกนั อย่างต่อเนอื่ งตาม
จังหวะ ใหเ้ กิดความไพเราะ เหมาะสม ตามโครงสร้างภาษา ในกรณเี ป็นร้อยกรองต้องคำนึงถงึ ฉันทลักษณ์
กลวธิ ใี นการเรียบเรยี งถ้อยคำ
1. เรียงข้อความที่บรรจสุ าระสำคญั ไวข้ า้ งท้ายสุด จะวางเง่อื นไขอยูต่ น้ ผลสรปุ อยู่ท้าย
ข้อความ
ตวั อย่าง พี่ขอพบศรสี วัสดเิ์ ปน็ มัจฉา
แมน้ เน้อื เยน็ เป็นหว้ งมหรรณพ เชยผกาโกสุมปทุมทอง
จะรอ่ นลงสิงสเู่ ปน็ คสู่ อง
แม้เปน็ บัวตวั พ่ีเปน็ ภมุ รา เป็นคู่ครองพิศวาสทกุ ชาติไป
แมเ้ ป็นถ้ำอำไพใคร่เปน็ หงส์
ขอติดตามทรามสงวนนวลละออง (พระอภยั มณี : สุนทรภ)ู่
2 เรยี งคำ วลี หรือประโยค ท่มี คี วามสำคัญเท่าๆ กัน เคียงขนานกันไป จะมีเน้อื ความคล้อย
กันตามต่อเนอ่ื งหรือเลือกอย่างใดอย่างหนงึ่
ตัวอย่าง มีควนั
หา้ มเพลงิ ไว้อยา่ ให้ ส่องไซร้
คืนเล่า
ห้ามสรุ ิยะแสงจนั ทร์ จง่ึ ห้ามนนิ ทา
หา้ มอายใุ หห้ ัน
หา้ มดั่งนไ้ี วไ้ ด้ (โคลงโลกนติ ิ : สมเด็จฯ กรมพระยาเดชาดิศร)
3. เรียงประโยคให้เนื้อหาเข้มข้นข้นึ ไปตามลำดับดุจขึ้นบันไดจนถึงข้นั สดุ ท้ายซง่ึ สำคญั ท่สี ดุ
ตัวอย่าง เมียตน
ร้อยชู้ฤาเทา่ เน้ือ แม่ได้
บ่ง่าย เลยนา
เมยี แลพ่ ันฤาดล ธิราชผมู้ ีคณุ ฯ
ทรงครรภ์คลอดเปน็ คน
เล้ยี งยากนักท้าวไท้ (ลิลิตพระลอ)
๑๔
4. เรยี งประโยคให้มเี นื้อความเข้มข้นไปตามลำดบั แลว้ คลายความเข้มข้นลงในชว่ งสุดท้าย
อยา่ งฉับพลัน เป็นการจบแบบหักมุม
ตัวอย่าง สะสวย
มียศมีทรัพยซ์ ้ำ อ่อนให้
เขาจัก แคลนนา
หญงิ อยากจะเอออวย เดือดร้อนรนไย
งอนง้อก็เขนิ ขวย
ผดิ ก็หาใหม่ได้ (โคลงสภุ าษิตบางประอนิ : รัชกาลที่ 5)
5. เรยี งถ้อยคำให้เป็นประโยคคำถามเชงิ วาทศิลป์ เป็นคำถามที่ไม่ต้องการคำตอบ แตเ่ ป็น
แนวคดิ อย่างใดอย่างหนึ่งท่ตี ้องการนำเสนอ
ตัวอย่าง ของไทยแน่นนั้ หรือคือภาษา
ในโลกน้มี อี ะไรเปน็ ไทยแท้ รวมเรยี กวา่ วรรณคดีไทย
ซงึ่ ผลิดอกออกผลแต่ตน้ มา (ม.ล.ปนิ่ มาลากุล)
๑๕
แบบฝึกทกั ษะที่ 3
คำชี้แจง ใหน้ กั เรียนทำเครื่องหมายถกู (✓) หนา้ ขอ้ ท่ีเหน็ วา่ ถูกตอ้ ง และทำเครื่องหมายกากบาท ()
หน้าข้อความที่ไม่ถูกตอ้ ง (10 คะแนน)
................ ๑. การจดั วางถ้อยคำทเี่ ลอื กสรรแลว้ ใหม้ าเรียงรอ้ ยกันอย่างตอ่ เนือ่ งตามจงั หวะ
ใหเ้ กดิ ความไพเราะ เหมาะสม ตามโครงสรา้ งภาษา คือการเรียบเรียงถ้อยคำ
................ 2. การเรยี บเรยี งถ้อยคำในกรณคี ำประพันธน์ ้นั เปน็ ร้อยกรองต้องคำนงึ ถึง
ฉนั ทลกั ษณ์
................. 3. การเรยี งข้อความทีบ่ รรจุสาระสำคัญไว้ข้างทา้ ยสดุ จะวางเง่อื นไขอยตู่ น้
ผลสรุปอย่ทู ้ายข้อความไม่ได้
................. 4. ในการเรียบเรียงถ้อยคำไม่สามารถเรยี งคำ วลี หรือประโยคที่มคี วามสำคญั
เทา่ ๆ กนั เคียงขนานกันไปได้
................. 5. การเรียงคำ วลี หรอื ประโยค ทม่ี คี วามสำคญั เทา่ ๆ กัน เคียงขนานกันไป
จะมเี น้ือความคล้อยกันตามตอ่ เน่อื งหรือเลอื กอย่างใดอย่างหน่งึ เปน็ กลวิธี
ในการเรียบเรยี งถอ้ ยคำ
................. 6. กลวธิ ใี นการเรียงประโยคมักวางเนื้อหาทีส่ ำคัญไวต้ อนต้นแลว้ คอ่ ยๆ คล่ีคลาย
ให้เนอื้ หาทส่ี ำคญั นอ้ ยลงอยบู่ นสดุ เหมือนเดนิ ข้นึ บนั ได
................. 7. การเรียบเรียงถอ้ ยคำไม่นยิ มเรยี งประโยคให้เนอ้ื หาเขม้ ขน้ ขึ้นไปตามลำดบั
................. 8. การเรยี บเรียงถอ้ ยคำโดยการเรียงประโยคใหม้ เี นื้อความเข้มขน้ ไปตามลำดบั
แล้วคลายความเขม้ ขน้ ในช่วงสุดทา้ ยอยา่ งฉบั พลนั เรียกว่าการจบแบบหักมมุ
................. 9. คำถามเชงิ วาทศลิ ป์เปน็ คำถามทีต่ อ้ งการคำตอบ
................ 10. การเรียบเรียงถ้อยคำโดยใช้คำถามเชิงวาทศิลปเ์ ป็นแนวคดิ อยา่ งใดอย่าง
หนง่ึ ทีต่ อ้ งการนำเสนอ
๑๖
แบบฝึกทักษะท่ี 4
คำช้ีแจง นักเรยี นพจิ ารณาคำประพันธ์ตอ่ ไปน้ีแลว้ วิเคราะห์และประเมินคา่ ว่ามลี ักษณะของ
การเรียบเรียงถ้อยคำอยา่ งไร (10 คะแนน)
1. ว่าตงั้ แต่บดั น้ีสบื ต่อไป หน้าท่ีของผู้ใดให้รกั ษา
ถา้ ประมาทราชการไมน่ ำพา ปล่อยใหใ้ ครเขา้ มาในล้อมวง
ระวางโทษเบด็ เสร็จเจ็ดสถาน ถงึ ประหารชีวติ เปน็ ผุยผง
ตามกฤษฎีการักษาพระองค์ แลว้ ลงจากพระท่ีนัง่ เข้าวังใน
ตอบ ................................................................................................................................. .......
............................................................................................................................. .....................
............................................................................................................. .....................................
............................................................................................................................. .....................
2. เข้าตรงบโทนอน้ ตน้ กญั ญา เพ่ือนโขกลงดว้ ยกะลาวา่ ผเี สื้อ
มหาดเล็กอยูง่ านพดั พลดั ตกเรอื ร้องวา่ เสอื ตัวใหญว่ า่ ยน้ำมา
ขนุ ชา้ งดงึ ดอ้ื มือยึดเรือ มิใชเ่ สอื กระหม่อมฉนั ล้านเกศา
สู้ตายขอถวายซึ่งฎกี า แคน้ เหลือปญั ญาจะทานทน
ตอบ ................................................................................................................................. .......
........................................................................................................................... .......................
............................................................................................................................. .....................
..................................................................................................................................................
3. ถ้ารักใหม่ก็ไปอยกู่ บั อา้ ยช้าง ถ้ารักเก่าเข้าข้างอ้ายขุนแผน
อย่าเวยี นวนไปใหค้ นมันหม่ินแคลน ถ้าแมน้ มึงรักไหนใหว้ า่ มา
ตอบ ................................................................................................................................. .......
........................................................................................................................... .......................
............................................................................................................................. .....................
..................................................................................................................................................
๑๗
4. พีผ่ ดิ พีก่ ็มาลุแกโ่ ทษ จะคุมโกรธคุมแค้นไปถึงไหน
ความรกั พ่ยี งั รักระงมใจ อย่าตดั ไมตรีตรึงให้ตรอมตาย
ตอบ ................................................................................................................................. .......
............................................................................................................................. .....................
............................................................................................................................. .....................
............................................................................................................. .....................................
5. อวี นั ทองตวั มันเหมือนรากแก้ว ถ้าตดั โคนเสียแลว้ ก็ใบเหี่ยว
ใครจะควรสสู่ มเปน็ กลมเกลยี ว ใหเ้ ดด็ เด่ียวรกู้ ันแต่วันนี้
ตอบ ................................................................................................................................. .......
........................................................................................................................... .......................
............................................................................................................................. .....................
..................................................................................................................................................
๑๘
ใบความรทู้ ่ี 3
เร่อื ง การใช้โวหารภาพพจน์
โวหาร คือการใช้ถ้อยคำภาษาอย่างมีชั้นเชิงพลิกแพลงที่ลึกซึ้งประทับใจ มุ่งให้เกิดความรู้สึกด้าน
อารมณ์เป็นสำคญั ทำให้เหน็ ภาพพจน์
ภาพพจน์ หมายถงึ ภาพเกิดข้ึนในใจเนื่องมาแต่การใช้โวหาร ทำให้เขา้ ใจความหมายได้ชัดเจนขึ้น
เข้าถึงความคิดและความรู้สึกของผู้แต่ง สามารถถ่ายทอดความรู้สึก ความคิดเหล่านัน้ มาเป็นของผู้อ่านเอง
ทำใหเ้ กดิ ความซาบซงึ้ ในงานเขียนทง้ั รอ้ ยแกว้ และร้อยกรอง
โวหารภาพพจน์ ไดแ้ ก่
อปุ มา คือการเปรียบเทยี บสิ่งหนงึ่ ว่าเหมือนส่ิงหนง่ึ โดยใช้คำเปรียบเทยี บว่า เหมือน ประดุจ
ดงั ด่งั เฉก เชน่ ราว ราวกบั คลา้ ย กล เพยี ง เพี้ยง พ่าง ย่อม อย่าง เปรียบ ปาน ปูน ประหนึ่ง เสมือน
ประเล่ห์ ป้ิม เง่ือน ครุวนา
ตัวอยา่ ง
คุณแมห่ นาหนักเพีย้ ง พสุธา
คุณบิดรดุจอา- กาศกวา้ ง
คณุ พ่พี ่างศิขรา เมรมุ าศ
คณุ พระอาจารย์อ้าง อาจสสู้ าคร
(โคลงโลกนิติ : สมเด็จพระเจา้ บรมวงศ์เธอ กรมพระยาเดชาดิศร)
เปรียบเทยี บพระคุณของแม่ พ่อ พ่ี และครูอาจารย์เหมือนแผ่นดนิ ท้องฟ้า ภูเขา
และมหาสมุทรตามลำดับ
ไม้เรยี งผกาทุพ ชกะสอี รณุ แสง
ปานแก้มแฉล้มแดง ดรณุ ี ณ ยามอาย
(มัทนะพาธา : รัชกาลท่ี ๖)
เปรียบสกี ุหลาบ วา่ แดงเหมอื นแกม้ ผ้หู ญิงยามเขินอาย
เธอเปรยี บดังดอกไม้วยั สาวนอ้ ย งามกว่าสร้อยแสงดาวพราวอ้อมสรวง
เธอจึงเปน็ ความหวงั ชายทั้งปวง ไมแ่ พด้ วงเดือนอยู่กลางหมู่ดาว
(วนั ทดี่ อกไม้บาน)
๑๙
อปุ ลักษณ์ คือการเปรยี บเทียบสิง่ หน่ึงเป็นสง่ิ หนึ่ง โดยใช้คำเปรียบวา่ เปน็ คือ หรอื อาจไมม่ ี
คำเปรยี บแต่ใจความก็ยังเปรียบสง่ิ หนงึ่ เป็นสงิ่ หน่ึง
ตัวอย่าง
พ่อตายคอื ฉตั รกั้ง หานหัก
แมด่ บั ดจุ รถจักร จากดว้ ย
ลูกตายบว่ ายรัก แรงรำ่
เมยี มงิ่ ตายวายมว้ ย มือคุ้มแดนไตร
(โคลงโลกนิติ : สมเด็จพระเจ้าลกู ยาเธอ กรมพระยาเดชาดิศร)
นารไี ร้สรร ภษู า
ผัวกเ็ ปน็ อาภรณ์ พลิ าศ
แมไ้ รซ้ ่งึ ภารดา งามเหอื ด
ถงึ จะแตง่ รัตนมาษ ไป่พร้อมโสภา
(พระนลคำหลวง : รชั กาลท่ี ๖)
โอแ้ มเ่ ทพธิดาจากฟา้ กวา้ ง ใจคนอา้ งวา้ งขวัญแสนหวนั่ ไหว
อยากได้เธอมาประทับไวก้ บั ใจ แตไ่ ม่กล้าบังอาจดว้ ยขลาดเกิน
(วนั ดอกไมบ้ าน)
ความรเู้ ป็นเพื่อนได้ ในยาม เปล่ียวนา
เปน็ เครือ่ งอาภรณ์คราว พดู โต้
เป็นแรงเม่ือคดิ ความ ควรตดั สินแฮ
เปน็ ทรัพยท์ ุกเพล้โพล้ พรุง่ งาย
(วชริ ญาณภาษติ : สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานภุ าพ)
เพชรน้ำค้างค้างหลน่ บนพรมหญา้ เย็นหยาดฟา้ มาฝันหลงวันใหม่
...หนงั สือคือโรงละครใหญ่ อะไรท่เี ก่ียวกับชีวิตไมว่ ่าสูงวา่ ต่ำมอี ย่ใู นหนงั สือพิมพ์ทั้งสิ้น...
ขอ้ สังเกต หากมคี ำวา่ เป็น คือ แต่ไม่ใช่การเปรยี บเทยี บก็ไมใ่ ช่อุปลักษณ์ เชน่
เธอคือนางสาวไทย ✓ เธอคอื นางแมวปา่
ฉนั เปน็ หวั หน้าชน้ั ✓ ฉนั เป็นแก้วตาดวงใจของแม่
๒๐
บุคคลวัต หรอื บุคลาธิษฐาน คอื การสมมุติให้สงิ่ ต่าง ๆ ท่ีไม่ใชม่ นุษยใ์ ห้ทำกิรยิ าอย่างมนุษย์
ตวั อย่าง
น้ำเซาะหนิ รนิ รินหลากไหล ไมห่ ลับเลยชว่ั ฟา้ ดินสลาย
สรรพสัตว์พอฟ้ืนก็วอดวาย สลายซากเป็นกากธลุ ี
(ลำนำภกู ระดงึ : อังคาร กัลยาณพงศ)์
ลมระเริงลู่หวิวพลวิ้ ระลอก สัพยอกยอดไม้ไปล่วิ ลอ่ ง
แล้วใบไม้ก็ไหวสา่ ยขึงข่ายกรอง ทอแสงทองทอดประดับซับนำ้ คา้ ง
(วารีดุริยางค์ : เนาวรตั น์ พงษ์ไพบลู ย์)
ใจเมอื งบ้าดังจะผก หักอกเมอื งดังจะพัง
(ลิลติ พระลอ)
ทะเลไม่เคยหลบั ใหล ใครตอบได้ไหมไฉนจึงต่นื
บางครัง้ สะอน้ื ทะเลมันตืน่ อยรู่ ำ่ ไป
เมอ่ื ฟ้าหล่งั นำ้ ตา หมุเ่ มฆาพาหัวเราะ
แผน่ ดินรว่ มยั่วลอ้ ลมรมุ ด่าว่าซ้ำเตมิ
อติพจน์ อธพิ จน์ อวพจน์ คอื การกลา่ วทผี่ ดิ ไปจากความจริง ทำให้เกดิ อารมณส์ ะเทือนใจ
กวา่ ปกติ อาจกล่าวให้เกนิ จริง หรือกลา่ วน้อยกว่าจรงิ
ตัวอยา่ ง
หวิ จนไสจ้ ะขาด รอ้ งไหจ้ นนำ้ ตาเปน็ สายเลอื ด
ใจกว้างอย่างกับแม่นำ้ เหน่อื ยจนสายตัวแทบขาด
ขอให้อายยุ นื นานเป็นหม่ืนปี เหน็ ช้างตวั เทา่ หมู
งบี เดยี วกถ็ ึงแล้ว ผา้ ข้ีรว้ิ ห่อทอง
เรียมร่ำน้ำเนตรถ้วม ถึงพรหม
พาหมู่สัตวจ์ ่อมจม ชพี ม้วย
สุเมรุเปือ่ ยเป็นตม ทบทา่ ว ลงนา
หากอกกนิษฐ์พรหมฉ้วย พไ่ี ว้จงึ คง
(ตำนานศรีปราชญ์ : พระยาปรยิ ตั ิธรรมธาดา)
“ถงึ ต้องง้าวหลาวแหลนสักแสนเล่ม ให้ติดเตม็ ตวั ฉดุ พอหลดุ ถอน
แตต่ ้องตาพาใจอาลยั วอน สุดจะถอนทง้ิ ขว้างเสยี กลางคัน”
(นิราศวดั เจ้าฟา้ )
๒๑
นามนยั คอื การเรยี กช่ือสิ่งหนงึ่ โดยใชค้ ำอนื่ แทน ไม่เรียกตรง ๆ เป็นคำที่เข้าใจกนั ท่วั ไป
หรือเป็นการนำเอาสว่ นยอ่ ยเด่น ๆ ของสง่ิ น้นั มากลา่ วแทนสว่ นใหญ่
ตัวอยา่ ง
ถึงหนา้ วงั ดังหนง่ึ ใจจะขาด คิดถึงบาทบพิตรอดิศร
โอผ้ ่านเกลา้ เจา้ ประคุณของสนุ ทร แตป่ างก่อนเคยเฝ้าทกุ เช้าเย็น
(นิราศภเู ขาทอง : สุนทรภ)ู่
หรอื ใช้คำต่อไปน้ี ➔ สตปิ ัญญา
สมอง
สมอ ➔ กองทัพเรือ
เกา้ อ้ี ➔ ตำแหน่ง
เคยี ว ➔ ชาวนา / พรรคคอมมวิ นสิ ต์
แซมบ้า ➔ บราซลิ
สิงโตคำราม ➔ องั กฤษ
โคราช
เมืองยา่ โม ➔ นครราชสมี า
➔ นครราชสมี า
สญั ลกั ษณ์ คือการใชส้ ง่ิ หนึ่งแทนสงิ่ หนึง่ ที่มคี ณุ สมบตั ิหรือภาวะบางอย่างรว่ มกนั
ตวั อยา่ ง
แรกเชอ่ื วา่ เน้อื ทบั ทิมแท้ มาแปรเป็นพลอยหุงไปเสียได้
กาลวงวา่ หงสใ์ ห้ปลงใจ ด้วยมไิ ดด้ ูหงอนแต่กอ่ นมา
สัญลักษณ์ (ขุนชา้ งขุนแผน)
ดอกไม้ แทน
ราชสหี ์ ผหู้ ญิงเพราะบอบบาง
สดี ำ ผู้มีอำนาจ มีบารมี
สีขาว ความตาย เศร้า อธรรม
สเี ขยี ว
เมฆ หมอก ความดี บริสทุ ธ์ิ สว่าง
ความสุข ความสดชนื่
อปุ สรรค ความเศร้า
๒๒
อุปมานทิ ศั น์ คอื การใช้เรอ่ื งราวหรือนทิ านมาประกอบเพื่อขยายหรือแนะนำโดยนัยให้ผูอ้ า่ น
เข้าใจ แนวคดิ หลักธรรม หรือข้อควรปฏิบตั ิท่ตี ้องการสื่อไดช้ ดั เจน
ตวั อย่าง
เรือ่ งนีก้ เ็ ขา้ ทำนองหมาป่ากับลกู แกะนนั่ แหละ
ไม่รูจ้ กั บุญคณุ คนเหมอื นเร่ืองชาวนากบั งูเห่า
ทำตวั เป็นเด็กเล้ยี งแกะพูดอะไรใครก็ไมเ่ ช่ือ
เดยี่ วหละพดู จาโกหกบ่อย ๆ จมูกจะงอกยาวเปน็ พนี ็อกคิโอ
หลอ่ นทำตัวเปน็ นางซนิ รอราชรถมาเกย
เราตอ้ งทำตัวเหมือนไม้ไผท่ ี่มัดรวมเปน็ กำจงึ จะพน้ ภัยได้
สทั พจน์ คอื การกลา่ วเลยี นเสยี งธรรมชาติ
ตวั อยา่ ง
บัดเดยี๋ วดังหงา่ งเหง่งวังเวงแว่ว สะดงุ้ แลว้ เหลยี วแลชะแง้หา
เห็นโยคีขร่ี งุ้ พุ่งออกมา ประคองพาขึ้นไปจนบนบรรพต
ไผซ่ อออ้ เอียดเบียดออด (พระอภยั มณี)
ออดแอดแอดออดยอดไกว
ลมลอดไล่เลีย้ วเรียวไผ่
แพใบไลน้ ำ้ ลำคลอง
(บนพรมไม้ไผ่ : เนาวรตั น์ พงษ์ไพบูลย์)
กระทาปกั หาตวั เมยี จ้อ ชูคอปกี หางกางหก
คอ้ นทองร้องรับกนั ป๊กป๊ก นกคุ่มเปรยี วปรื๋อกระพือบนิ
ไกป่ ่าขนั แจ้วอย่แู นวไพร เขย่ี ค้ยุ ขยุ ไผ่เป็นถิ่นถน่ิ
หารังเรยี กคอู่ ยู่กบั ดิน หยดุ กินวง่ิ กรากกระตา๊ กไป
(ขนุ ช้างขนุ แผน)
๒๓
ปฏพิ ากย์ คอื การใช้ถ้อยคำทีต่ รงกันข้ามเพ่อื แสดงความขัดแยง้ ในเนื้อ ความเป็นการเน้น
ความให้นา่ สนใจและกินใจ
ตัวอย่าง
แทบฝ่ังธารทเ่ี ราเฝ้าฝนั ถึง เสยี งน้ำซึ่งกระซิบสาดปราศจากเสียง
จกั รวาลวุ่นวายไรส้ ำเนียง โลกนเี้ พยี งแผน่ ภพสงบเย็น
(วารีดรุ ิยางค์ : เนาวรตั น์ พงษไ์ พบูลย)์
มอื น้อยน้อยของแมด่ แู ค่น้ี เคยเฆย่ี นตลี กู บ้างในบางหน
แต่มือเดยี วกนั น้ีแหละสทู้ น ประคองลูกให้พ้นภยันตราย
(ไหมแท้ท่ีแมท่ อ : ไพวรินทร์ ขาวงาม)
คนื วันของเรานั้นมนี ้อย เศร้าสรอ้ ยเพยี งใดเลา่ ใจสลาย
เม่อื มเี กิดโลกนกี้ ม็ ีตาย มรี ักแลว้ กลับกลายเป็นเกลยี ดชัง
(คนื วนั มนี ้อย : กานติ ณ ศรทั ธา)
งดงามด่ังทุ่งทองลออกดอกไม้ กระจ่างอยู่ในใจแม่ไกลหา่ ง
แจม่ ชดั ในความมืดไม่จดื จาง ในความว่างเงยี บสงดั ย่ิงชัดเจน
(มติ รภาพ : วันรวี รงุ่ แสง)
สารพัดวบิ ัตไิ ดใ้ นมนษุ ย์ สูงแลว้ ทรดุ สุขแลว้ เศร้าเคลา้ สนอง
อยุธยาวิโยคกรรมตามครรลอง ประเมินมองหมายดูร้แู ลว้ ปลง
(นริ าศพระอาราม : จนิ ตนา ป่ินเฉลียว)
อัพภาส คือการใชค้ ำทีม่ ีการกรอ่ นเสียงจากคำซ้ำ เช่น รกิ ริก เปน็ ระริก
ตัวอย่าง
เกา้ อี้โยกริมระเบียงฟงั เสียงน้ำ งามสงบพลบค่ำระร่ำไหล
เหงาด่งั ว่านำ้ หยดจนหมดใจ เหลือสิ่งใดไวบ้ ้างระหวา่ งชีวิต
เพ่อื ชน่ื ชมรมณีย์กบั ชวี ิต ท่จี ะคดิ ทจี่ ะทำตามคิดเหน็
ระเรือ่ ยเร่ือยเฉื่อยฉ่ำลืมลำเคญ็ ลมื ความเป็นปรัศนีของชีวติ
๒๔
แบบฝึกทกั ษะท่ี 5
คำช้ีแจง นักเรยี นพิจารณาบทกลอนต่อไปนว้ี ่าเป็นภาพพจน์ใด (10 คะแนน)
1. เป็นการเปรียบเหมือน คลา้ ยดุจเพียงราว
ยกคำอยา่ งครา่ ว โวหารอะไร
ตอบ ........................................................................................................................................
2. โอเวอ่ ร์แอคตงิ้ เกนิ จริงไปมาก
งา่ ยง่ายไม่ยาก รบี ทายเรว็ ไว
ตอบ ........................................................................................................................................
3. การใชถ้ ้อยคำ ความหมายขดั แย้ง
เช่น มดื เหน็ แสง รบี แถลงมาไวไว
ตอบ ............................................................................................................................. ...........
4. การใช้คำที่ มกี ารกร่อนเสียง
ตอบอย่างพร้อมเพรียง ว่าคอื อะไร
ตอบ ........................................................................................................................................
5. เป็นการเปรียบเปน็ มีคำ “คือ” “เท่า”
“เป็น”ดว้ ยนะเจา้ ไหนลองตอบมา
ตอบ ............................................................................................................................. ...........
6. การเอย่ ส่งิ หนึ่ง ใหซ้ ึง่ ความหมาย
เป็นอย่างอื่นไป เรียกอะไรทายมา
ตอบ ........................................................................................................................................
๒๕
7. การใชค้ ำถาม ไมต่ ้องการคำตอบ
แตค่ รูน้ันชอบ ใหห้ นูตอบมา
ตอบ ............................................................................................................................. ...........
8. เลยี นเสียงธรรมชาติ เปน็ ทว่ งทำนอง
เสยี งฟา้ ฝน สัตว์ร้อง ขา้ วของโครมคราม
ตอบ ............................................................................................................................. ...........
9. เปน็ การกลา่ วถึง สงิ่ ซงึ่ ไม่มชี ีวติ
แสดงพฤติกรรมมีสิทธิ์ ให้มีชีวิตเหมือนคน
ตอบ ............................................................................................................................. ...........
10. เอาสง่ิ ทเ่ี ป็นรูปธรรม แทนคำคำน้ี
เช่น “หงส”์ คือคุณค่ามี สว่ น “กา” คำนตี้ ่ำต้อยจัง
ตอบ ............................................................................................................................. ...........
๒๖
แบบฝกึ ทกั ษะท่ี 6
คำช้แี จง นักเรยี นพิจารณาคำประพนั ธ์ในแต่ละข้อต่อไปนว้ี า่ มีความงามทางวรรณศลิ ปโ์ ดดเดน่ ในดา้ น
โวหารภาพพจนใ์ ด จากน้ันวเิ คราะห์และประเมนิ คา่ บทประพนั ธ์ (20 คะแนน)
1. กลบั มาหมายวา่ จะไปตาม พอเจา้ ไวยเปน็ ความกค็ ้างส้นิ
หัวอกใครไดแ้ ค้นในแผน่ ดิน ไม่เดอื ดดิน้ เทา่ พ่ีกับวันทอง
ตอบ ............................................................................................................................. ...........
....................................................................................................................... ...........................
............................................................................................................................. .....................
................................................................................. .................................................................
2. อะไรแม่แซร่ ้องทง้ั ห้องนอน ลูกรอ้ นรำคาญใจจึงมาหา
จะร้องไยใชโ่ จรผรู้ า้ ยมา สนทนาด้วยลูกอย่าตกใจ
ตอบ ........................................................................................................................................
............................................................................................................................. .....................
............................................................................................................. .....................................
............................................................................................................................. .....................
3. วนั ทองฟงั ความใหค้ ร้ามครั่น บังคมคลั ประนมกม้ เกศา
ขอเดชะพระองค์ทรงศักดา พระอาญาเปน็ พน้ ลน้ เกล้าไป
ตอบ ............................................................................................................................. ...........
....................................................................................................................... ...........................
............................................................................................................................. .....................
................................................................................. .................................................................
4. มาอยู่ไยกบั อ้ายหนิ ชาติ แสนอบุ าทว์ใจจติ ริษยา
ดงั ทองคำทำเลย่ี มปากกะลา หน้าตาดำเหมอื นมินหมอ้ มอม
ตอบ ............................................................................................................................. ...........
....................................................................................................................... ...........................
............................................................................................................................. .....................
................................................................................. .................................................................
๒๗
5. วันน้ันพอพระปิ่นนรินทร์ราช เสด็จพระพาสบัวยงั หากลบั ไม่
ขนุ ชา้ งมาถึงซ่ึงวังใน กค็ อยจ้องที่ใต้ตำหนักนำ้
ตอบ ............................................................................................................................. ...........
....................................................................................................................... ...........................
............................................................................................................................. .....................
............................................................................................................. .....................................
6. ขอเดชะละอองธุลบี าท องคห์ รริ ักษ์ราชรงั สรรค์
เม่ือกระหม่อมฉนั มาแต่อารัญ ครั้งนนั้ โปรดประทานขุนแผนไป
ตอบ ............................................................................................................................. ...........
....................................................................................................................... ...........................
............................................................................................................................. .....................
................................................................................. .................................................................
7. เจ้าพลายงามตามรับเอากลับมา ทีนี้หน้าจะดำเปน็ นำ้ หมึก
กำเริบใจด้วยเจา้ ไวยกำลังฮึก จะพาแม่ตกลึกใหจ้ ำตาย
ตอบ ............................................................................................................................. ...........
....................................................................................................................... ...........................
............................................................................................................................. .....................
................................................................................. .................................................................
8. จะกลา่ วถึงขุนแผนแสนสนิท เรอื งฤทธล์ิ ือจบพิภพไหว
อยบู่ ้านสขุ เกษมเปรมใจ สมสนิทพสิ มัยด้วยสองนาง
ตอบ...................................................................................................... ....................................
.................................................................................................................. ................................
............................................................................................................................. .....................
..................................................................................................................................................
๒๘
9. ครานนั้ พระองคผ์ ู้ทรงเดช ปนิ่ ปักนคเรศเรืองศรี
เห็นสามราเข้ามาอญั ชลี พระปรานีเหมอื นลกู ในอทุ ร
ตอบ ..........................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
............................................................................................................................. .....................
............................................................................................................................. .....................
10. เหมือนแมลงวนั ว่อนเคล้าท่เี น่าชัว่ มาเกลอื กกลัว้ ปทุมมาลย์ท่หี วานหอม
ดอกมะเด่ือฤาจะเจือดอกพะยอม ว่านกั แมจ่ ะตรอมระกำใจ
ตอบ............................................................................................................................. ............
...................................................................................................................... ............................
............................................................................................................................. .....................
..................................................................................................................................................
๒๙
ใบความรทู้ ี่ 4
เร่อื ง รสวรรณคดี
รสวรรณคดี
รสทางวรรณคดีไทย มีอยู่ ๔ ชนดิ คอื เสาวรจนี นารีปราโมทย์ พโิ รธวาทงั สลั ลาปงั คพิไสย
๑) เสาวรจนีย์ (บทชมโฉม) คือการเล่าชมความงามของตัวละครในเรื่อง อาจเป็นตัวละคร
ที่เป็นมนุษย์ อมนุษย์ หรือสัตว์ ซึ่งการชมนี้อาจจะเป็นการชมความเก่งกล้าของกษัตริย์ ความงามของ
ปราสาทราชวังหรอื ความเจรญิ รงุ่ เรืองของบ้านเมือง ตลอดจนพรรณนาธรรมชาติ
ตวั อยา่ ง
“เจ้าร่างนอ้ ยนอนน่ิงบนเตียงต่ำ คมขำงามแฉล้มแจม่ ใส
คิว้ คางบางงอนอ่อนละไม รอยไรเรยี บรบั ระดบั ดี
ผมเปลอื ยเล้อื ยประลงบนบา่ งอนปลายเกศาดสู มศรี
ทีน่ อนน้อยน่านอนอ่อนดี มหี มอนขา้ งคปู่ ระคองเคยี ง”
(ขุนช้างขุนแผน)
“ว่าพลางทางชมคณานก โผนผกจบั ไม้อึงม่ี
เบญจวรรณจบั วัลย์ชาลี เหมอื นวนั พี่ไกลสามสดุ ามา
นางนวลจบั นางนวลนอน เหมือนพีแ่ นบนวลสมรจนิ ตะหรา
จากพรากจับจากจำนรรจา เหมอื นจากนางสการะวาตี
(อิหนา : รชั กาลท่ี ๒)
๒) นารีปราโมทย์ (บทเกี้ยว โอ้โลม) คือการเกี้ยวพาราสีระหว่างหนุ่มสาว การกล่าวแสดง
ความรัก หรอื พดู ใหเ้ กิดความพงึ พอใจ
ตวั อย่าง
“บรรจงจูบลูบผมแล้วชมพักตร์ นา่ รกั นวลเนื้อเจา้ นิ่มนิ่ม
น้ำตาคลอเป่ยี มอยู่เรียมรมิ เจ้าเยื้อนย้มิ สกั หน่อยเถิดกลอยใจ”
(ขนุ ช้างขุนแผน)
“ทิง้ ซงึ เข้าคลงึ นางสองข้างแขน หนา้ แนบแนมแกม้ ขาวสาวมิหวง
มอื ดงึ ด้ายซา้ ยขยำกำเต็มยวง นอ้ งอย่าห่วงหลาปน่ั อ้ายขว้นั เอง”
(คลึง : วิโรจน์ ศรสี ุโร)
๓๐
๓) พิโรธวาทัง พิโรธวาทัง (บทตัดพ้อ) คือการกล่าวข้อความแสดงอารมณ์ไม่พอใจ ตั้งแต่
เรื่องเล็กน้อยไปจนถึงเรือ่ งใหญ่ ตั้งแต่ ไม่พอใจ โกรธ ตัดพ้อ ประชดประชัน กระทบกระเทียบเปรียบเปรย
เสียดสี และดา่ วา่ อยา่ งรุนแรง
ตัวอยา่ ง
ครั้งน้ีเสยี รักกไ็ ด้รู้ ถงึ เสยี รกู้ ไ็ ด้เชาวนท์ เ่ี ฉาฉงน
เป็นชายหมิน่ ชายตอ้ งอายคน จำจนจำจากอาลยั ลาน
(เจ้าพระยาพระคลัง(หน))
จะเจ็บจำไปถงึ ปรโลก ฤารอยโศกรู้รา้ งจางหาย
จะเกดิ กฟ่ี ้ามาตรมตาย อยา่ หมายวา่ จะให้หัวใจ
(อังคาร กัลยาณพงศ)์
๔) สัลลาปงั คพิสัย (บทโศก) คือการกลา่ วขอ้ ความแสดงอารมณโ์ ศกเศร้า ครำ่ ครวญ อาลัย
และชอกชำ้
ตัวอย่าง
อุรารานร้าวแยก ยลสยบ
เอนพระองค์ลงทบ ทา่ วดน้ิ
เหนือคอคชซอนซบ สังเวช
วายชวิ าตม์สุดสิน้ สู่ฟ้าเสวยสวรรค์
(ลลิ ิตตะเลงพ่าย : สมเด็จพระมหาสมณเจา้ กรมพระยานุชิตชิโนรส)
๓๑
แบบฝกึ ทกั ษะที่ 7
คำช้แี จง นกั เรยี นวเิ คราะห์และประเมนิ คุณค่าด้านวรรณศิลปใ์ นแง่ของรสวรรณคดีจากคำประพนั ธ์
ตอ่ ไปนใี้ ห้ถกู ต้อง (๑๐ คะแนน)
๑. ครานั้นพระองคผ์ ู้ทรงภพ ฟังจบแค้นคงั่ ดังเพลิงไหม้
เหมอื นดินประสิวปลดิ ติดกบั เปลวไฟ ดดู เู๋ ปน็ ไดเ้ จยี ววนั ทอง
ตอบ .............................................................................................................................................
................................................................................................................................................. .......
............................................................................................................................. ..........................
............................................................................................................................. ..........................
๒. โอเ้ จ้าแก้วแววตาของพี่เอ๋ย เจ้าหลับใหลกระไรเลยเป็นหนักหนา
ดังนิ่มน้องหมองใจไม่นำพา ฤๅขัดเคืองคดิ ว่าพ่ีทอดทิ้ง
ความรกั หนักหนว่ งทรวงสวาท พี่ไม่คลาดคลายรักแต่สกั สงิ่
เผอญิ เปน็ วิปรติ พ่ีผิดจริง จะนอนน่งิ ถือโทษโกรธอยไู่ ย
ตอบ .............................................................................................................................................
............................................................................................................................. ...........................
....................................................................................................... ................................................
............................................................................................................................. ..........................
๓. ท่ีจริงใจเหน็ ไปอยเู่ รือนอน่ื คงคดิ คืนทีห่ ม่อมเป็นแมน่ ม่นั
ดว้ ยรักลูกรกั ผวั ยังพวั พัน คราวนั้นกไ็ ปอยเู่ พราะจำใจ
แคน้ คิดดว้ ยมิตรไม่รักเลย ยามมที ี่เชยเฉยเสียได้
เสยี แรงร่วมทกุ ข์ยากกันกลางไพร กนิ ผลไมต้ ่างข้าวทกุ เพรางาย
พอไดด้ ีมีสุขลืมทุกข์ยาก ก็เพราะหากหมอ่ มมีซึ่งที่หมาย
ว่านักก็เครื่องเคืองระคาย เอน็ ดูน้องอย่าใหอ้ ายเขาอีกเลย
ตอบ ..............................................................................................................................................
............................................................................................................................. ...........................
............................................................................................................................. ..........................
........................................................................................................ ..............................................
๓๒
.
๔. ชมพลางย่างเยอื้ งชำเลอื งมา เปิดมุง้ เหน็ หนา้ แม่วนั ทอง
น่ิงนอนอยบู่ นเตียงเคียงขุนช้าง มันแนบข้างกอดกลมประสมสอง
เจ็บใจดงั หวั ใจจะพงั พอง ขยับจอ้ งดาบง่าอยากฆา่ ฟนั
จะใครถ่ บี ขุนชา้ งที่กลางตัว นกึ กลัวจะถูกแม่วันทองนนั่
ตอบ............................................................................... .......................................................... .......
................................................................................................................................................. .......
............................................................................................................................ ...........................
............................................................................................................................. ..........................
๕. คราน้นั จงึ โฉมเจา้ วันทอง เศร้าหมองด้วยลกู เป็นหนกั หนา
พอ่ พลายงามทรามสวาทของแมอ่ า แม่โศกาเกอื บเจยี นจะบรรลัย
ใช่จะอิม่ เอบิ อาบดว้ ยเงนิ ทอง มใิ ชข่ องตัวทำมาแต่ไหน
ท้ังผูค้ นชา้ งมา้ แลข้าไท ไม่รกั ใคร่เหมือนกบั พ่อพลายงาม
ทุกวันน้ีใชแ่ ม่จะผาสุก มแี ตท่ กุ ข์ใจเจบ็ ดังเหน็บหนาม
ตอ้ งจำจนทนกรรมที่ติดตาม จะขนื ความคิดไปก็ใช่ที
ตอบ .............................................................................................................................................
........................................................................................................................................................
............................................................................................................................. ..........................
............................................................................................................................................. ..........
๓๓
แบบฝกึ ทักษะท่ี 8
คำชแี้ จง นกั เรยี นยกตัวอย่างคำประพันธ์จากเร่ืองขนุ ชา้ งขนุ แผน ตอนขนุ ช้างถวายฎีกา แลว้ วิเคราะห์
และประเมนิ คุณคา่ ดา้ นวรรณศลิ ป์ในแง่ของรสวรรณคดีดงั ต่อไปนี้ (20 คะแนน)
1. เสาวรจนี
ตอบ ............................................................................................................................. .......................
........................................................................................................... .................................................
............................................................................................................................. ...............................
............................................................................................................................................................
............................................................................................................................. ..............................
๒. นารีปราโมทย์
ตอบ ............................................................................................................................. .......................
........................................................................................................... .................................................
............................................................................................................................. ...............................
............................................................................................................................................................
............................................................................................................................. ..............................
3. พโิ รธวาทัง
ตอบ ....................................................................................................................................................
............................................................................................................................................................
............................................................................................................................. ...............................
................................................................................................................................................... .........
......................................................................................................................... ..................................
4. สัลลาปงั คพิสัย
ตอบ ....................................................................................................................................................
............................................................................................................................................................
............................................................................................................................. ...............................
............................................................................................................................. ...............................
............................................................................................................................. ..............................
๓๔
แบบทดสอบหลงั เรียน
คำชี้แจง
นกั เรียนอา่ นขอ้ คำถาม และคำตอบให้ละเอียด แลว้ ทำเคร่ืองหมายกากบาท ( )
ทับอักษร ก, ข, ค หรือ ง ลงในกระดาษคำตอบท่ีตรงกบั ตัวเลอื กท่ีนกั เรยี นเหน็ ว่าถูกต้อง
ท่สี ุด เพยี งข้อเดียว (๑๐ คะแนน)
......................................................................................................................................................
1. ข้อใดไม่เกย่ี วข้องกับการพิจารณาคุณคา่ ด้านวรรณศิลป์
ก. การเลือกใชค้ ำให้สื่อความคิด ความเข้าใจ ความร้สู กึ และอารมณไ์ ด้อยา่ งงดงามโดยคำนึงถงึ
ความงามด้านเสยี ง โวหาร และรปู แบบคำประพนั ธ์ การใชโ้ วหาร
ข. การจดั วางถ้อยคำท่เี ลือกสรรแล้วใหม้ าเรยี งร้อยกนั อยา่ งต่อเน่อื งตามจังหวะ ใหเ้ กิดความ
ไพเราะ เหมาะสม ตามโครงสรา้ งภาษา ในกรณีเป็นรอ้ ยกรองต้องคำนงึ ถึงฉันทลักษณ์
ค. การใช้ถ้อยคำภาษาอยา่ งมีช้ันเชงิ พลิกแพลงที่ลึกซงึ้ ประทบั ใจ มุ่งให้เกิดความรู้สึกด้านอารมณ์
เป็นสำคญั ทำให้เหน็ ภาพพจน์
ง. การพิจารณาเนอ้ื หาในคำประพันธท์ ีส่ ะท้อนวิถชี วี ิตความเป็นอยู่ของตัวละครจากเร่ือง
2. ข้อใดปรากฏรสวรรณคดีตา่ งจากคำข้ออื่น
ก. มาอยไู่ ยกับอา้ ยหินชาติ แสนอบุ าทว์ใจจิตริษยา
ดงั ทองคำทำเลี่ยมปากกะลา หน้าตาดำเหมือนมินหม้อมอม
ข. ทกุ วนั น้ีใชแ่ มจ่ ะผาสุก มีแตท่ ุกขใ์ จเจบ็ ดังเหน็บหนาม
ตอ้ งจำจนทนกรรมท่ตี ิดตาม จะขืนความคดิ ไปกใ็ ชท่ ี
ค. ว่าแลว้ ปิดบานหน้าต่างผาง ขุนช้างเดอื ดดาลทะยานไส้
ทอดตัวลงกับหมอนถอนฤทยั ดดู เู๋ ปน็ ไดเ้ จยี ววนั ทอง
ง. มึงน่ถี ่อยยง่ิ กว่าถ่อยอีทา้ ยเมอื ง จะเอาเรื่องไม่ไดส้ ักสงิ่ สรรพ์
ละโมบมากตัณหาตาเปน็ มัน สักร้อยพนั ใหม้ งึ ไม่ถึงใจ
3. ขอ้ ใดมีการเลือกใช้คำให้เหมาะกับเนอ้ื เร่ืองและฐานะของบุคคลในเรอ่ื ง
ก. ขอเดชะละอองธุลีบาท องค์หรริ ักษ์ราชรงั สรรค์
เมอื่ กระหม่อมฉันมาแต่อารญั ครงั้ นน้ั โปรดประทานขุนแผนไป
ข. ครานั้นวนั ทองเจ้าพลายงาม ไดฟ้ งั ความคร้ามครน่ั หวนั่ ไหว
ขุนแผนเรยี กวนั ทองเข้าห้องใน ไมไ่ วใ้ จจงึ เสกด้วยเวทมนตร์
ค. แตน่ ่ิงดกู ริ ยิ าเป็นช้านาน หาวา่ ขานตอบโต้อยา่ งไรไม่
ทั้งรกั ท้ังแค้นแน่นฤทยั ความอาลัยป่ันป่วนยวนวิญญา
ง. เพราะกแู พ้ความจมืน่ ไวย มันจงึ เหิมใจทำจองหอง
พอ่ ลูกแมล่ กู ถูกทำนอง ถงึ สองครั้งแล้วเป็นแต่เชน่ นี้
๓๕
4. ข้อใดมีความโดดเด่นของคำประพันธ์ในลักษณะของการซำ้ คำ
ก. สขี ้ผี ง้ึ สปี ากกนิ หมากเวทย์ ซ่ึงวเิ ศษสารพัดแก้ขัดสน
นำ้ มันพรายนำ้ มันจันทนส์ รรเสกปน เคยคมุ้ ขงั บงั ตนแตไ่ รมาก
ข. พลางเรยี กหาขา้ ไทอยู่วา้ วุ่น อีอนุ่ อีอ่ิมอีฉมิ อีสอน
อมี ีอีมาอสี าคร นิ่งนอนไยหวามาหากู
ค. ทุกวนั น้ีลกู ชายสบายยศ พรอ้ มหมดเมียมง่ิ ก็มสี อง
มบี า่ วไพร่ใชส้ อยทง้ั เงนิ ทอง พีน่ ้องข้างพ่อก็บริบูรณ์
นั่นพอ่ จะไปไหนพ่อทนู หัว
ง. ยายจันงนั งกยกมอื ไหว้ ขนุ ช้างมองดูตวั กต็ กใจ
ไม่นุ่งผ่อนนุ่งผ้าดูน่ากลัว
5. ขอ้ ใดปรากฎรสวรรณคดี “สัลลาปงั คพิสัย”
ก. บา่ วผหู้ ญงิ วง่ิ ไปอย่งู กงัน เหน็ นายนั้นแกผ้ ้ากางขาอยู่
ต่างคนทรุดน่งั บงั ประตู ตกตะลึงแลดไู มเ่ ข้ามา
ข. ตกใจต่ืนผวาคว้าวนั ทอง รอ้ งวา่ แม่คุณแม่ช่วยผวั
ลุกขึ้นงกงนั ตัวสั่นรัว ใหน้ ึกกลัวปรอทจะตอดตาย
ค. วา่ พลางนางลกุ ออกจากห้อง เศร้าหมองโศกาน้ำตาไหล
พระหม่ืนไวยก็พามารดาไป พอรุ่งแจง้ แสงใสกถ็ งึ เรือน
ง. ขุนชา้ งตวั สั่นเทาบอกบ่าวไพร่ เจ้าวันทองไปไหนอยา่ งไรหาย
เอ็งไปดูใหร้ ู้ซ่ึงแยบคาย พบแลว้ อยา่ วุ่นวายให้เชิญมา
อะไรพอสวา่ งวางเข้ามา เด็กหวาจับถองใหจ้ งได้
ลกุ ขน้ึ ถกเขมรร้องเกนไป ทดุ อ้ายไพร่ข้ีครอกหลอกผดู้ ี
6. บุคคลใดตอ่ ไปนส้ี ามารถใชค้ วามรูใ้ นเร่ืองการวเิ คราะห์คณุ คา่ ด้านวรรณศลิ ป์จากบทประพนั ธข์ ้างต้น
ได้ถูกต้อง
ก. ธิดาล่าววา่ บทนี้มคี วามงามทางวรรณศิลปใ์ นด้านรสวรรณคดที ีเ่ รียกวา่ พโิ รธวาทังในคำวา่
“ถกเขมร” ซงึ่ เป็นฉากทขี่ นุ ช้างโกรธ
ข. นารกี ลา่ วว่าบทน้ใี ช้คำไดถ้ ูกต้องตามความหมาย กลา่ วคือใช้คำวา่ “รอ้ งเกน” ซง่ึ มีความหมาย
ว่าร้องตะโกนดังๆ ซ่ึงเหมาะสมกบั เนื้อความท่ีขุนช้างโกรธเมือ่ เห็นใคร
(หมื่นวเิ ศษผล) ทีเ่ ข้ามา
ค. อนงค์กล่าววา่ บทประพันธข์ ้างต้นมคี วามโดดเดน่ เร่ืองการเลอื กใช้คำโดยคำนึงถึงเสียง
วรรณยกุ ต์ในคำว่า สวา่ ง-วาง
ง. สดุ ากลา่ ววา่ บทน้มี กี ารใชภ้ าพพจน์ที่เรยี กว่านามนยั ในคำวา่ “ผดู้ ี” ซึ่งหมายถงึ ขนุ ช้าง
๓๖
7. ขอ้ ใดมกี ารใช้โวหารแบบอุปลักษณ์ ใครมาเทศนเ์ อาผ้ากูไปไหน
ก. สองมือปดิ ขาเหมือนทา่ เปรต ยายจนั ไปเอาผ้าให้ขา้ ที
ให้นึกอดสูหมู่ข้าไท มาเกลือกกลว้ั ปทุมมาลยท์ ่ีหวานหอม
ข. เหมอื นแมลงวันวอ่ นเคล้าที่เน่าชัว่ ว่านกั แม่จะตรอมระกำใจ
ดอกมะเด่ือฤาจะเจือดอกพะยอม ทนี หี้ นา้ จะดำเป็นน้ำหมึก
ค. เจ้าพลายงามตามรับเอากลบั มา จะพาแมต่ กลึกใหจ้ ำตาย
กำเริบใจด้วยเจา้ ไวยกำลังฮึก มแี ต่ทุกข์เจบ็ ใจดังเหนบ็ หนาม
ง. ทุกวนั นี้ใชแ่ มจ่ ะผาสุก จะคืนความคดิ ไปกใ็ ช่ที
ตอ้ งจำจนทนกรรมทีต่ ิดตาม
เหมือนแมลงวันว่อนเคล้าท่ีเน่าชวั่ มาเกลือกกลวั้ ปทุมมาลยท์ ห่ี วานหอม
ดอกมะเด่ือฤาจะเจือดอกพะยอม วา่ นกั แมจ่ ะตรอมระกำใจ
8. คำประพันธข์ า้ งตน้ ใชโ้ วหารภาพพจนใ์ ด
ก. อปุ มา
ข. นามนยั
ค. บคุ คลวัต
ง. อุปลักษณ์
เสยี แรงเปน็ ลูกผชู้ ายไม่อายเพ่ือน จะพาแมไ่ ปเรือนให้จงได้
แม้นมไิ ปใหง้ ามก็ตามใจ จะบาปกรรมอยา่ งไรกเ็ ตม็ ที
9. ขอ้ ใดวเิ คราะห์คุณค่าด้านวรรณศลิ ป์ของคำประพนั ธ์ข้างต้นไม่ถกู ต้อง
ก. มโี วหารภาพพจนท์ ี่เรียกว่าปฏปิ ุจฉา
ข. มีการเลน่ คำซำ้ ในบทประพันธ์
ค. มสี มั ผัสพยัญชนะโดดเดน่ ในวรรคทหี่ นง่ึ และวรรคที่สอง
ง. มีสัมผสั สระโดดเดน่ ในวรรคที่สองและวรรคทสี่ าม
10. ข้อใดมกี ารใชค้ ำไวพจน์ ไมต่ ัดใจให้ตรอมเสน่หา
ก. ใจนอ้ งมิให้หมองอารมณห์ ม่อม หมอ่ มอยา่ วา่ เลยว่าฉันไม่คืนคิด
ถ้าตดั รักหักใจแลว้ ไม่มา ไปกราบทูลสมเด็จพระพันวษา
ข. มันก็จะสอดแนมแกมเท็จ มารดากจ็ ะตอ้ งซ่งึ โทษภยั
ดจู ะระแวงผดิ ในกิจจา หาว่าขานตอบโต้อย่างไรไม่
ค. แต่นิง่ ดูกิรยิ าเป็นชา้ นาน ความอาลัยปัน่ ป่วนยวนวญิ ญา
ท้ังรกั ทัง้ แคน้ แน่นฤทยั ข้าพเจ้าร้องปลุกไปในบ้าน
ง. พอพบท่านมารดามาส่งทกุ ข์ ท่านจึงรบี ไปในกลางคืน
จะกลบั ข้ึนเคหาเห็นช้านาน
๓๗
กระดาษคำตอบแบบทดสอบหลังเรยี น
ชอื่ -นามสกุล.....................................................................ช้นั ............. เลขที่ ..............
คำชแ้ี จง จงเลอื กตวั อักษร ก, ข, ค, หรอื ง และทำเครื่องหมายกากบาท (X) ได้คะแนน
ในช่องทถ่ี ูกที่สดุ (๑๐ คะแนน)
ขอ้ ก ข ค ง
๑
2
3
4
5
6
7
8
9
10
๓๘
บรรณานุกรม
กระทรวงศกึ ษาธิการ. (2557). หนงั สอื เรียนรายวิชาพื้นฐานภาษาไทยวรรณคดวี จิ ักษณ์. กรงุ เทพฯ:
คุรสุ ภาลาดพรา้ ว.
เทพพงษ์ ปานเพช็ ร. (2550). การอา่ นคำประพันธ.์ ยะลา: เอสพริ้น.
ธเนศ เวศรภ์ าดา. (2549). หอมโลกวรรณศิลป์ : การสร้างรสสนุ ทรีย์แห่งวรรณคดีไทย. กรงุ เทพฯ :
ปาเจรา.
สุภาพร มากแจ้ง. (2535). กวีนิพนธไ์ ทย. กรุงเทพฯ: โอเดยี นสโตร์.
๓๙
ภาคผนวก
๔๐
เฉลยแบบทดสอบ
ก่อนเรียน-หลังเรยี น
ก่อนเรียน หลังเรียน
1. ข 1. ข
2. ค 2. ก
3. ก 3. ข
4. ง 4. ค
5. ค 5. ข
6. ข 6. ง
7. ค 7. ข
8. ก 8. ง
9. ข 9. ก
10. ง 10. ค
เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน ระดับคะแนน
๑๐
แบบทดสอบกอ่ นเรียน - แบบทดสอบหลังเรยี น
เกณฑก์ ารให้คะแนน ๐
เลือกคำตอบถกู ต้อง ได้ข้อละ ๑ คะแนน (๑๐ ขอ้ )
เลือกคำตอบไม่ถกู ต้องหรือไม่ตอบทุกข้อ
๔๑
เฉลย/แนวคำตอบ
แบบฝึกทกั ษะท่ี 1-8
๔๒
เฉลยแบบฝกึ ทักษะที่ 1
คำช้แี จง ให้นกั เรยี นทำเคร่ืองหมายถูก (✓) หนา้ ข้อที่เหน็ ว่าถกู ต้อง และทำเคร่อื งหมายกากบาท ()
หน้าข้อความที่ไม่ถูกต้อง (10 คะแนน)
....... ✓......... ๑. การสรรคำ คือ การเลอื กใช้คำให้สือ่ ความคดิ ความเข้าใจ ความรสู้ กึ
และอารมณไ์ ดอ้ ย่างงดงาม
........ ✓........ 2. การสรรคำต้องคำนงึ ถึงความงามด้านเสยี ง โวหาร และรปู แบบคำประพนั ธ์
......... ✓........ 3. การใช้คำให้เหมาะสมกับเนื้อเรื่องและฐานะของบคุ คลเป็นสว่ นหนง่ึ
ในการสรรคำ
................. 4. คำไวพจนท์ กุ คำสามารถใชใ้ นร้อยแกว้ ได้
.........✓........ 5. สัทพจน์ต้องเป็นคำเลยี นเสียงท่รี จู้ กั กนั และยอมรับตรงกันว่าต้องออกเสยี ง
อยา่ งนัน้
..........✓....... 6. คำท่เี ลน่ เสียงหนกั เบามกั ปรากฏในคำประพันธป์ ระเภทฉนั ท์
................. 7. คำพอ้ งเสียง คอื คำทมี่ เี สียงเหมือนกัน เขียนเหมอื นกนั ความหมายไม่ตา่ งกัน
.........✓........ 8. การเลือกใช้คำโดยคำนึงถงึ คำพอ้ งและคำซำ้ หากใชใ้ นบทพรรณนา
หรอื บทคร่ำครวญยิ่งทำให้สะเทอื นอารมณ์
................. 9. การเลน่ เสยี งสมั ผัสมี 2 ชนิด คอื เลน่ เสียงสมั ผัสอกั ษรกับเลน่ เสียงสัมผัส
พยัญชนะ
.........✓....... 10. “คำว่า แฮ เฮย นาแม่ แม่รา เปน็ คำประพนั ธท์ ่ใี ชใ้ นคำประพันธเ์ ท่านั้น”
จากข้อความนกี้ ลา่ วถงึ การสรรคำในเร่อื งการใช้คำให้เหมาะแก่
ลกั ษณะคำประพันธ์
๔๓
เฉลยแบบฝกึ ทกั ษะที่ 2
คำชแี้ จง ใหน้ ักเรียนพจิ ารณาบทประพันธ์จากเรื่องขุนชา้ งขนุ แผน ตอนขุนช้างถวายฎกี าในแตล่ ะขอ้
ตอ่ ไปน้ีว่ามคี วามงามทางวรรณศิลป์โดดเด่นในด้านการสรรคำอย่างไร โดยเขียนคำตอบพรอ้ ม
วเิ คราะห์ลงในช่องว่าง (10 คะแนน)
1. อดั อดึ ฮดึ ฮัดดว้ ยขดั ใจ เม่ือไรตะวันจะลับหลา้
เขา้ ห้องหวนละห้อยคอยเวลา จนสรุ ยิ าเลี้ยวลับเมรุไกร
ตอบ ....การเลอื กใช้คำได้ถกู ต้องตรงตามความหมายที่ต้องการ จากบทประพนั ธ์คำวา่
ตะวนั และสรุ ยิ า หมายถึง พระอาทติ ย์ ถือวา่ กวเี ลอื กใช้คำได้อย่างหลากหลายเหมาะกับบริบท....
2. จะกลา่ วถึงพระองค์ผู้ทรงเดช เสดจ็ คืนนเิ วศนพ์ อจวนค่ำ
ฝีพายรายเลม่ มาเต็มลำ เรือประจำแหนแหเ่ ซง็ แซม่ า
พอเรือพระทีน่ ง่ั ประทบั ท่ี ขนุ ชา้ งก็รลี่ งตีนท่า
ลอยคอชหู นังสือดื้อเขา้ มา ผุดโผลโ่ งหน้ายึดแคมเรอื
ตอบ ....กวเี ลือกใช้คำเหมาะกับฐานะของบุคคล ได้แก่ คำวา่ พระองคผ์ ู้ทรงเดช เสดจ็ นเิ วศน์
เรอื พระที่นงั่ ประทบั ใชก้ ับพระมหากษัตริย์ สว่ นคำวา่ ร่ี ตีนท่า ลอยคอ ชู ผดุ โผล่ โงหน้า
จะใชก้ ับขนุ ชา้ ง.....
3. แม่เลย้ี งลกู มาถงึ เจ็ดขวบ เคราะห์ประจวบจากแม่หาเหน็ ไม่
จะคดิ ถึงลูกบ้าง อยา่ งไร หาไม่ใจแม่ไม่คดิ เลย
ถา้ คิดเหน็ เอ็นดูว่าลูกเต้า
ให้ลูกคลายอารมณ์ได้ชมเชย แม่ทนู เกลา้ ไปเรือนอยา่ เชือนเฉย
เหมอื นเมื่อครัง้ แมเ่ คยเลีย้ งลกู มา
ตอบ ...การเลอื กใช้คำได้เหมาะแกล่ ักษณะคำประพนั ธ์ ใชค้ ำง่าย จากบทประพันธ์เป็นตอนที่
พลายงามข้ึนเรือนขุนชา้ งเพื่อพาแม่มาอยู่ดว้ ย จงึ ไดพ้ ยายามพูดโน้มนา้ วให้แม่เห็นใจกลับมาอยู่
ดว้ ยกนั หลงั จากตอ้ งจากกนั เม่อื พลายงามอายเุ พยี งเจด็ ขวบ...
๔๔
4. ยายจันงันงกยกมือไหว้ นัน่ พ่อจะไปไหนพ่อทนู หัว
ไมน่ งุ่ ผ่อนนุ่งผา้ ดูน่ากลวั ขุนชา้ งมองดตู วั กต็ กใจ
ตอบ ...กวีเลือกใช้คำเหมาะแกเ่ นอ้ื เร่ือง เกยี่ วกบั บา่ วที่ตกใจยกมือไหวแ้ ลว้ บอกขุนช้าง
วา่ จะไปไหนทำไมไม่นงุ่ ผ้า ขุนชา้ งดตู วั เองก็ตกใจเช่นกัน...
5. วันน้นั แพ้กูเมือ่ ดำน้ำ ก็กร้วิ ซำ้ จะฆา่ ใหเ้ ป็นผี
แสนแค้นดว้ ยมารดายงั ปรานี ให้ไปขอชวี ีขุนช้างไว้
แคน้ แมจ่ ำจะแก้ใหห้ ายแค้น ไม่ทดแทนอา้ ยขุนช้างบา้ งไม่ได้
หมายจิตคดิ จะให้มนั บรรลยั ไมส่ มใจจำเพาะเคราะหม์ นั ดี
ตอบ ...การเลน่ คำซ้ำ กวีเล่นคำว่าแคน้ เพื่อจะเน้นความหมายใหเ้ หน็ ว่าพลายงามคิดเคืองแคน้
ขุนชา้ ง อยตู่ ลอดเวลาและเป็นความแคน้ ท่ฝี ังใจ...
6. บอกวา่ เราจบั ไข้มาหลายวนั เกรงแม่จะไม่ทนั มาเหน็ หน้า
เม่อื คืนนี้ซำ้ มีอนั เป็นมา เราใชค้ นไปหาแม่วันทอง
ตอบ ...การเลอื กใช้คำได้เหมาะแกล่ ักษณะคำประพันธ์ จากบทประพนั ธ์ข้างต้นกวีใช้คำงา่ ยๆ
เล่าเรื่องโดยไม่ต้องตีความหมายกเ็ ข้าใจถึงเรื่องได้วา่ พลายงามใหค้ นไปบอกขนุ ช้างเพ่ือไม่ใหข้ ุนชา้ ง
โกรธและเป็นความกนั ว่าพลายงามจบั ไข้ มาหลายวันกลวั ว่าแม่จะไมท่ ันมาดใู จจึงใช้คนให้
ไปหาแมว่ ันทอง...
7. เงียบสัตวจ์ ตั ุบททวบิ าท ดาวดาษเดอื นสว่างกระจ่างไข
น้ำค้างตกกระเซน็ เยน็ เยอื กใจ สงัดเสยี งคนใครไม่พดู จา
ตอบ ...การเลอื กใช้คำโดยคำนงึ ถึงเสียงการเล่นเสียงสัมผัสเพื่อใหเ้ กิดทำนองทไ่ี พเราะ นา่ ฟงั และ
แสดงให้เหน็ ความสามารถของกวีในด้านการเลน่ เสียงสัมผสั เสียงสระ ไดแ้ กส่ ตั ว์-จัต(ุ บท), สวา่ ง-
กระจา่ ง, เซ็น-เยน็ , ใคร-ไม.่ ....