The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

สื่อการสอน ไตรภูมิพระร่วง ตอนมนุสสภูมิ

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by siripa_26, 2022-08-31 18:42:14

สื่อการสอน ไตรภูมิพระร่วง ตอนมนุสสภูมิ

สื่อการสอน ไตรภูมิพระร่วง ตอนมนุสสภูมิ

สร้ แลโอชารสน้ันกเ็ ป็ นนา้ ชุ่ม
ข้าไปในท้องกมุ ารน้ันแล
นกไ็ ด้กนิ ทุกคา่ เช้าทุกวนั

เบื้องหลงั กมุ ารน้ันต่อห
อยู่ในท้องแม่ แล

หลงั ท้องแม่ แลน่ังยอง
ลกามือท้งั สอง...

กมุ ารน้ันอยู่ในท้องแม่บ่ห่อน
ได้หายใจเข้าออกเสียเลย
บ่ห่อนได้เหยยี ดตนี
เหยยี ดมือออก ดง่ั เราท่าน
ท้งั หลายนีส้ ักคาบเลย



คนผู้ใดอยใู่ นทอ้ งแม่ ๖ เด

แลคลอดบห่ อ่ นจะได้สักค

ดอื น
คาบ



เม่ือจะออกจากท้องแม่
วนั น้ันไสร้

จึงลมกรรมชวาต
พดั ให้หัวผู้น้อยน้ันลง

มาสู่ทจี่ ะออก
แลคบั แคบ
แอ่นยนั นักหนา

คร้ันออกจากท้องแม่แ
จงึ รู้หาย

แต่น้ันไป เม่ือหน้ากมุ ารน้ัน
ยใจเข้าออกแล

ผแิ ลคนผู้มาแต่สวรรค
กย็ ่อมหัวเร

ค์... คร้ันว่าออกมาไสร้
ราะก่อนแล

ผคิ นอนั มาแต่นรกกด็ ี แลม
ความอนั ลาบากน้ัน คร

มาแต่เปรตกด็ มี ันคานึงถงึ
ร้ันว่าออกมากร็ ้องไห้แล

น่าสังเกตไหมว่าเหต
เร่ืองกาเนิดมนุษย์อย
วทิ ยาศาสตร์ จนแท

ผลงานกวโี บราณ

ตุใดผู้แต่งจงึ เข้าใจ
ย่างความคดิ
ทบไม่น่าเช่ือว่าน่ีคือ

เนื้อหาไตรภูมพิ ระร่วง

ลาดบั การกาเนิดของมนุษย์ ในไตรภูมพิ ระ
ปฏสิ นธิ = กลั ละ (ขนาด เศษ ๑ ส่วน
๗ วนั = อมั พุทะ (นา้ ล้างเนื้อ)
๑๔ วนั = เปสิ (ชิ้นเนื้อ)
๒๑ วนั = ฆนะ (ก้อนเนื้อ, แท่งเนื้อ
๒๘ วนั = เบญจสาขาหูด (มีหัว แ
๓๕ วนั = มีฝ่ ามือ นิว้ มือ ลายนิว้
๔๒ วนั = มขี น เลบ็ มือ เลบ็ เท้า (
๕๐ วนั = ท่อนล่างสมบูรณ์
๘๔ วนั = ท่อนบนสมบูรณ์
๑๘๔ วนั = เป็ นเดก็ สมบูรณ์ นั่งกล

ะร่วง เริ่มจาก
น ๒๕๖ ของเส้นผม)

นอ ขนาดเท่าไข่ไก่)
แขน ๒ ขา ๒) ครบ ๑ เดือน
วมือ
(เป็ นมนุษย์ครบสมบูรณ์)

ลางท้องแม่ (๖ เดือน)

เนื้อหาไตรภูมพิ ระร่วง

การคลอด
ท้อง ๖ เดือนคลอด ทารกน้ันไม่ร
ท้อง ๗ เดือนคลอด ทารกน้ันไม่แ

รอด (บ่ห่อนได้สักคาบ)
แข็งแรง (บ่มไิ ด้กล้าแขง็ )

ลกั ษณะเด่น

หนังสือไตรภูมพิ ระร่วง ถึงแม้ว่า
และมีศัพท์ทางพระพุทธศาสนาปะปนอย
พืน้ ฐานทางพุทธศาสนามาก่อนก็ตาม แต
เกิดจินตภาพและทาให้เกิดความรู้สึกคล้อ
น่ากลวั ในนรกภูมิ และความสุขสบายใน
ใดเร่ืองหน่ึง ผู้ทรงพระราชนิพนธ์ได้ทรงอธ

าเป็ นวรรณคดีโบราณที่ใช้ภาษาไทยแบบเก่า
ยู่มาก ทาให้ยากแก่การอ่านสาหรับผู้ที่ไม่มี
ต่สานวนพรรณนาแจ่มแจ้ง ไพเราะ ช่วยให้
อยตามไปด้วย เช่น ตอนพรรณนาถึงความ
นสวรรค์ เป็ นต้น ทุก ๆ ตอนที่กล่าวถึงเร่ือง
ธิบายตอนน้ันอย่างละเอยี ด

คุณค่าของเร่ือง

๑. ด้านภาษาและสานวนโวหาร
เป็ นวรรณคดีเล่มแรกทเี่ รียบเรียงใน

คัมภีร์ จึงมีศัพท์ทางศาสนาและภาษาไทย
ภาษาในสมยั กรุงสุโขทัย ตลอดจนสานวน
ไปในทางศาสนาโวหารและพรรณนาโวห
พรรณนาดเี ด่น สละสลวยไพเราะ ก่อให้เก
จนิ ตภาพหรือภาพในใจอย่างเด่นชัด เช่น

" บ้างเต้นบ้างราบ้างฟ้อน ระบาบนั ล
ขับศัพท์สาเนียง หมู่นักคุณจุณกันไปเดียรดาษพ
กกึ ก้องทานุกดี ทมี่ ดี อกไม้อนั ตระการต่าง ๆ ส่ิง มจี
ในเมืองฟ้า สนุกนีท้ ุกเม่ือบาเรอกนั บมวิ าย "

นลกั ษณะการค้นคว้าจากคัมภีร์ ต่าง ๆ ถึง ๓๐
ยโบราณอยู่มาก สามารถนามาศึกษาการใช้
นโวหารต่าง ๆ ไตรภูมิพระร่วงมสี านวนหนัก
หาร ใช้การผูกประโยคยาว และใช้ถ้อยคา
กดิ ความรู้สึกด้านอารมณ์สะเทือนใจ และให้

ลือเพลงดุริยดนตรี บ้างดีดบ้างสีบ้างตีบ้างเป่ า บ้าง
พื้น ฆ้องกลองแตรสังข์ระฆังกังสดาลมโหระทึก
จวงจนั ทน์ กฤษณาคันธาทานอง ลบองดังเทพยดา

คุณค่าของเร่ือง

๒. ด้านความรู้
๒.๑ ด้านวรรณคดี ทา ให้คนช้ั

ความคิดของคนโบราณ ซึ่งจะเป็ นพื้นฐาน
บัณฑุกัมพล ช้างเอราวัณ เขาพระสุเมรุ ป
สวรรค์

๒.๒ ด้านภูมศิ าสตร์ เป็ นความรู้ท
มอี ยู่ ๔ ทวปี ได้แก่ ชมพูทวปี บุรพวเิ ทหทว
มเี ขาพระสุเมรุเป็ นศูนย์กลาง

ชันหลังได้รับความรู้ทางวรรณคดี อันเป็ น
นของวรรณคดีไทย เช่น พระอินทร์ แท่น
ป่ าหิมพานต์ ต้นปาริชาติ ต้นนารีผล นรก

ทางภูมศิ าสตร์ของคนโบราณ โดยเชื่อว่าโลก
วปี อุตตรกรุ ุทวีป และอมรโคยานทวปี โดย

คุณค่าของเร่ือง

๓. ด้านสังคมและวฒั นธรรม
๓.๑ คาสอนทางศาสนา ไตรภูมิ พ

ทาบุญรั กษาศีลเจริ ญสมาธิภาวนาจ
แนวความคิดนี้มีอิทธิพลเหนือจิตใจของค
ศีลธรรมของสังคม สอนปรัชญาทางพระพ
มนุษยชาติให้หลุดพ้นจากวัฏสงสาร ให้ค
ร่วมกนั ในสังคม

พระร่วงสอนให้คนทาบุญละบาป เช่น การ
ะได้ ขึ้นสวรรค์ การทาบาปจะตกนรก
คนไทยมาช้านาน เป็ นเสมือนแนวการสอน
พุทธศาสนา ชี้ให้เห็นแก่นแท้ของชีวติ อนั นา
คนปฏิบัติชอบซ่ึงเป็ นประโยชน์ต่อการอยู่

คุณค่าของเรื่อง

๓.๒ ค่านิยมเชิงสังคม อิทธิพล
คนไทย ให้ต้ังมั่นและยึดม่ันในการเป็ นค
ทาน รู้จักเสียสละ เชื่อม่ันในผล แห่งกรรม
ประพฤติ เพื่อให้ สังคมมีความสงบส
ด้านประเพณีและวัฒนธรรม ความเชื่อที่ย
งานศพ ภาพนรกและสวรรค์ก่อให้เกิดผล
สถาปัตยกรรม

ของหนังสือเล่มนีใ้ ห้ค่านิยมเชิงสังคมต่อ
คนใจบุญ มีเมตตากรุณา รักษาศีล บาเพ็ญ
ม ไตรภูมิพระร่วงกาหนดกรอบแห่งความ
สุ ขผู้ปกครองแผ่นดินต้องมีคุณธรรม
ยงั สืบทอดมาจนถึงปัจจุบัน เช่น ประเพณี
ลงานด้านจิตรกรรม ประติมากรรม และ

คุณค่าของเร่ือง

๓.๓ ศิลปกรรม จิตรกร นิยมนา
ไปเขียนภาพสีไว้ในโบสถ์วิหาร โดยจะเข
องค์พระประธาน และเขียนภาพสวร
ก่อให้เกดิ ผลงานด้านจติ รกรรม ประตมิ ากร

าเรื่องราวและความคิดในไตรภูมพิ ระร่วง
ขียนภาพนรกไว้ที่ผนังด้านล่าง หรือหลัง
รรค์ไว้ท่ีผนังเบื้องบนรอบโบสถ์วิหา ร
รรม และสถาปัตยกรรม

ใบงาน
เร่ือง ศลิ ปโ์ วหารและภาษากวี ตอนมนุสสภูมิ

ตอนที่ ๑
คำชแี้ จง ให้นักเรียนอ่านบทประพนั ธ์ทีก่ ำหนด แลว้ บอกวา่ บทประพันธด์ ังกล่าวใช้โวหารประเภทใด
๑. อมั พุทะน้ันโดยใหญไ่ ปทกุ วารไสร้ ครน้ั ไดถ้ ึง ๗ วาร ขน้ เป็นดง่ั ตะก่วั อันเช่อื มอยใู่ นหมอ้ เรยี กช่ือวา่ เปสิ

เปสนิ ้นั ค่อยใหญไ่ ปทกุ วัน คร้ันถึง ๗ วนั แขง็ เป็นกอ้ นดั่งไข่ไก่ เรียกวา่ ฆนะ ฆนะนน้ั ค่อยใหญ่ไปทุกวัน
ครั้นถงึ ๗ วนั เป็นต่มุ ออกได้ ๕ แห่งด่งั หูดนัน้ เรียกว่า เบญจสาขาหดู

๒. คนผใู้ ดจากแตน่ รกมาเกดิ จัน้ เมื่อคลอดออกตนกมุ ารนนั้ ร้อน เมอื่ มนั อยู่ในทอ้ งแมน่ น้ั ยอ่ มเดือดเน้อื ร้อน
ใจแลกระหนกระหาย อกี เนือ้ แม่นน้ั กพ็ ลอยร้อนดว้ ยโสด คนผจู้ ากแต่สวรรค์ลงมาเกิดนั้น เมื่อจะคลอด
ออก ตนกุมารนัน้ เย็น เย็นเนอ้ื เยน็ ใจ เมอ่ื ยังอยใู่ นทอ้ งแม่นั้น อยู่เยน็ เปน็ สขุ สำราญบานใจ แลเน้อื แม่
นนั้ ก็เยน็ ดว้ ยโสด

๓. อันวา่ สายสะดอื แหง่ กุมารนน้ั กลวงด่งั สายกา้ นบัวอันมีช่อื วา่ อบุ ล จะงอยไส้ดือน้นั กลวงขน้ึ ไปเบื้องบนตดิ
หลงั ท้องแม่แลขา้ วนำ้ อาหารอนั ใดแมก่ ินไสร้ แลโอชารสนนั้ กเ็ ป็นนำ้ ชมุ่ เข้าไปในไสด้ ือนน้ั แลเข้าไปใน
ท้องกุมารน้ันแล สะหน่อยๆ

๔. ด้วยอำนาจแหง่ ไฟธาตุอนั ร้อนนั้น สว่ นตัวกุมารนัน้ บม่ ิไหม้ เพราะว่าเป็นธรรมดาด้วยบุญกมุ ารน้นั จะเปน็
คนแลจงึ ให้บมไิ หมบ้ มิตายเพือ่ ดง่ั นั้นแลแต่กุมารนน้ั อยู่ในท้องแม่ บห่ ่อนไดห้ ายใจเข้าออกเสยี เลย

๕. เม่อื กมุ ารน้ันคลอดออกจากทอ้ งแม่ ออกแลไปบ่มพิ น้ ตน ตนเยน็ นน้ั แลเจบ็ เนอ้ื เจบ็ ตนนักหนา ด่ังชา้ ง
สารอันท่านชกั ท่านเข็นออกจากประตูลักษอันนอ้ ยนนั้ แลคับตวั ออกยากลำบากนน้ั ผิบ่มิดงั่ นั้น ดั่งคน
ผู้อยู่ในนรกแล แลภูเขาอนั ชอื่ คังไคยบรรพตหบี แลเหงแลบดบนี้ ้ันแล

๖. เบ้อื งหลงั กุมารนนั้ ตอ่ หลังทอ้ งแม่แลนง่ั ยองอยูใ่ นท้องแม่ แลกำมือท้งั สองคู้คอต่อหัวเขา่ ทง้ั สอง เอาหวั ไว้
เหนือหวั เข่าเมอ่ื นง่ั อย่นู ้ัน เลอื ดแลนำ้ เหลืองยอ้ ยลงเต็มตนยะหยดทกุ เม่ือแล ดุจด่งั ลงิ เม่ือฝนตก แลนั่ง
กำมอื เซาเจ่าอยใู่ นโพรงไม้นน้ั แล

๗. ผแิ ลคนอนั มาแตน่ รกกด็ ี แลมาแต่เปรตก็ดี มนั คำนึงถงึ ความอันลำบากนน้ั ครน้ั ว่าออกมากร็ อ้ งไห้แล
ผแิ ลคนผู้มาแต่สวรรค์ แลคำนงึ ถงึ ความสุขแตก่ อ่ นน้ัน คร้ันวา่ ออกมาไสร้ ก็ยอ่ มหวั รอ่ กอ่ นแล

๘. เมอื่ กมุ ารอยใู่ นท้องแมน่ ั้นลำบากนกั หนา พงึ เกลยี ดพึงหน่ายพน้ ประมาณนกั ก็ชืน้ แลเหม็นกลนิ่ ตืดและ
เออื นอันได้ ๘๐ ครอก ซง่ึ อยใู่ นทอ้ งแมอ่ นั เปน็ ทเี่ หม็นแลทอ่ี อกลูกออกเตา้ ท่ีเถ้า ทตี่ ายท่ีเร่ว ฝงู ตดื แล
เออื นท้ังหลายนน้ั คนกนั อยู่ในทอ้ งแม่ ตดื แลเออื นฝงู น้ันเริมตวั กุมารน้นั ไสร้ ดจุ ด่ังหนอนอันอย่ใู นปลาเนา่
แลหนอนอนั อยู่ในลามกอาจมน้นั แล

ตอนที่ ๒
คำช้แี จง ให้นกั เรียนอ่านบทประพนั ธท์ ีก่ ำหนด แล้วบอกว่ามคี วามงามทางวรรณศลิ ป์โดดเดน่ ในด้านใด

๑. ฝูงตืดแลเออื นทงั้ หลายนั้นคนกนั อยู่ในท้องแม่ ตืดแลเออื นฝงู นนั้ เรมิ ตัวกมุ ารนั้นไสร้ ดุจดง่ั หนอนอนั อยใู่ น
ปลาเนา่ แลหนอนอนั อย่ใู นลามกอาจมนน้ั แล

๒. เมอ่ื กมุ ารอยู่ในทอ้ งแม่นน้ั ลำบากนักหนา พงึ เกลยี ดพึงหนา่ ยพน้ ประมาณนัก ก็ชนื้ แลเหม็นกล่นิ ตืด
และเอือนอนั ได้ ๘๐ ครอก ซงึ่ อยู่ในทอ้ งแม่อันเป็นท่ีเหม็นแลทอ่ี อกลกู ออกเต้า ทเ่ี ถ้า ทตี่ ายท่เี ร่ว

๓. จะงอยไส้ดือนั้นกลวงขึ้นไปเบือ้ งบนติดหลงั ท้องแม่แลข้าวน้ำอาหารอนั ใดแมก่ นิ ไสร้ แลโอชารสนนั้ กเ็ ปน็
น้ำชุ่มเขา้ ไปในไสด้ ือนน้ั

๔. ส่วนตัวกมุ ารนั้นบม่ ไิ หม้ เพราะว่าเปน็ ธรรมดาดว้ ยบญุ กมุ ารน้นั จะเปน็ คนแล จงึ ให้บมไิ หม้บมติ ายเพอ่ื ดัง่
นน้ั แลแตก่ ุมารนน้ั อยใู่ นท้องแม่ บห่ อ่ นไดห้ ายใจเข้าออกเสยี เลย บ่หอ่ นไดเ้ หยยี ดตนี มือออกดงั่ เราท่าน
ทั้งหลายน้ีสกั คาบหนึง่ เลย

๕. เบอ้ื งหลงั กมุ ารน้นั ตอ่ หลังทอ้ งแม่ แลนง่ั ยองอยใู่ นทอ้ งแม่ แลกำมอื ทั้งสองค้คู อตอ่ หวั เขา่ ท้ังสอง เอา
หวั ไวเ้ หนือหวั เข่าเมอ่ื นัง่ อย่นู ้นั เลือดแลน้ำเหลืองยอ้ ยลงเตม็ ตนยะหยดทกุ เม่ือแล

๖. ในท้องแม่นนั้ รอ้ นนักหนาดุจด่ังเราเอาใบตองเขา้ จ่อตน แลต้มในหมอ้ ในหมอ้ นนั้ ไสร้

๗. แลกมุ ารนนั้ เจบ็ เนอื้ เจ็บตนด่ังคนอนั ท่านขังไวใ้ นไหอันคับแคบนักหนา แคน้ เนือ้ แค้นใจ
แลเดือดเนื้อเดือดใจนักหนา เหยียดตีนมอื บ่มิได้ ด่ังท่านเอาใสไ่ ว้ในทค่ี บั

๘. เมอื่ กุมารน้นั คลอดออกจากท้องแม่ ออกแลไปบ่มพิ น้ ตน ตนเยน็ นั้นแลเจบ็ เนอื้ เจ็บตนนกั หนา ด่ังชา้ งสาร
อนั ท่านชักทา่ นเข็นออกจากประตูลักษอันน้อยนน้ั แลคบั ตวั ออกยากลำบากนั้น ผบิ ม่ ิดงั่ น้นั ดง่ั คนผูอ้ ยใู่ น
นรกแล แลภูเขาอันชื่อคงั ไคยบรรพตหบี แลเหงแลบดบ้นี น้ั แล

เฉลยใบงาน
เรือ่ ง ศลิ ปโ์ วหารและภาษากวี ตอนมนสุ สภูมิ
ตอนที่ ๑
คำช้แี จง ให้นักเรยี นอ่านบทประพนั ธ์ทกี่ ำหนด แล้วบอกว่าบทประพนั ธ์ดงั กล่าวใชโ้ วหารประเภทใด

๑. อัมพุทะน้ันโดยใหญไ่ ปทกุ วารไสร้ ครน้ั ไดถ้ ึง ๗วาร ขน้ เป็นดง่ั ตะก่ัวอนั เชื่อมอยูใ่ นหมอ้ เรยี กช่ือวา่ เปสิ
เปสินน้ั คอ่ ยใหญไ่ ปทุกวัน คร้นั ถงึ ๗วัน แข็งเป็นก้อนดงั่ ไข่ไก่ เรยี กวา่ ฆนะ ฆนะนนั้ ค่อยใหญ่ไปทกุ วัน คร้ันถึง
๗ วนั เป็นตุ่มออกได้ ๕ แห่งด่ังหูดนน้ั เรยี กวา่ เบญจสาขาหูด

บรรยายโวหาร และอุปมาโวหาร (เปน็ บรรยายโวหารท่ีกวีใชอ้ ุปมาโวหารประกอบด้วย)

๒. คนผู้ใดจากแต่นรกมาเกดิ จนั้ เมื่อคลอดออกตนกมุ ารนนั้ รอ้ น เมอ่ื มนั อย่ใู นท้องแมน่ ้นั ยอ่ มเดือดเนือ้ ร้อน
ใจแลกระหนกระหาย อีกเนอื้ แม่น้นั กพ็ ลอยรอ้ นด้วยโสด คนผูจ้ ากแต่สวรรค์ลงมาเกดิ นัน้ เมอื่ จะคลอด
ออก ตนกมุ ารน้นั เย็น เยน็ เนอื้ เย็นใจ เมอ่ื ยังอยู่ในทอ้ งแมน่ น้ั อยเู่ ย็นเป็นสุขสำราญบานใจ แลเนือ้ แม่
น้ันกเ็ ย็นดว้ ยโสด
พรรณนาโวหาร

๓. อันวา่ สายสะดอื แห่งกมุ ารน้นั กลวงด่งั สายก้านบัวอันมีชอ่ื วา่ อุบล จะงอยไสด้ ือนน้ั กลวงขึ้นไปเบ้อื งบนตดิ
หลังทอ้ งแมแ่ ลขา้ วน้ำอาหารอนั ใดแมก่ ินไสร้ แลโอชารสนนั้ ก็เป็นนำ้ ชมุ่ เข้าไปในไสด้ ือนนั้ แลเขา้ ไปใน
ทอ้ งกมุ ารนัน้ แลสะหน่อยๆ
พรรณนาโวหาร และอุปมาโวหาร (เป็นพรรณนาโวหารทีก่ วีใชอ้ ุปมาโวหารประกอบด้วย)

๔. ด้วยอำนาจแหง่ ไฟธาตุอันรอ้ นน้ัน ส่วนตัวกมุ ารน้ันบ่มิไหม้ เพราะว่าเป็นธรรมดาดว้ ยบญุ กมุ ารนัน้ จะเป็น
คนแลจึงให้บมิไหม้บมติ ายเพื่อดง่ั นน้ั แลแตก่ มุ ารนนั้ อยู่ในท้องแม่ บห่ อ่ นได้หายใจเขา้ ออกเสยี เลย
บรรยายโวหาร

๕. เม่อื กุมารนั้นคลอดออกจากทอ้ งแม่ ออกแลไปบ่มพิ ้นตน ตนเยน็ น้ันแลเจบ็ เนื้อเจ็บตนนกั หนา ด่งั ชา้ ง
สารอนั ท่านชกั ท่านเข็นออกจากประตูลักษอันน้อยนน้ั แลคบั ตัวออกยากลำบากนน้ั ผิบ่มิดั่งนั้น ดง่ั คน
ผู้อยู่ในนรกแล แลภูเขาอนั ชื่อคังไคยบรรพตหีบแลเหงแลบดบีน้ ้ันแล
บรรยายโวหาร และอปุ มาโวหาร (เปน็ บรรยายโวหารทก่ี วีใช้อปุ มาโวหารประกอบด้วย)

๖. เบือ้ งหลงั กุมารนน้ั ตอ่ หลงั ท้องแมแ่ ลนั่งยองอยู่ในท้องแม่ แลกำมือท้งั สองคคู้ อต่อหวั เขา่ ทง้ั สอง เอาหวั ไว้
เหนอื หัวเขา่ เมอื่ นัง่ อย่นู ้ัน เลอื ดแลนำ้ เหลืองย้อยลงเต็มตนยะหยดทุกเมือ่ แล ดจุ ดงั่ ลงิ เม่อื ฝนตก แลนั่ง
กำมือเซาเจา่ อย่ใู นโพรงไมน้ น้ั แล
พรรณนาโวหาร และอปุ มาโวหาร (เปน็ พรรณนาโวหารท่กี วีใช้อุปมาโวหารประกอบดว้ ย)

๗. ผิแลคนอันมาแต่นรกก็ดี แลมาแต่เปรตก็ดี มันคำนงึ ถงึ ความอันลำบากนน้ั คร้ันวา่ ออกมาก็ร้องไหแ้ ล
ผิแลคนผู้มาแตส่ วรรค์ แลคำนงึ ถงึ ความสุขแต่ก่อนนนั้ ครั้นว่าออกมาไสร้ กย็ อ่ มหัวร่อกอ่ นแล
บรรยายโวหาร

๘. เม่อื กุมารอยู่ในทอ้ งแม่นน้ั ลำบากนกั หนา พึงเกลยี ดพึงหน่ายพน้ ประมาณนัก กช็ น้ื แลเหม็นกลน่ิ ตืดและ
เอือนอันได้ ๘๐ ครอก ซ่ึงอย่ใู นทอ้ งแม่อันเปน็ ท่เี หม็นแลทอี่ อกลกู ออกเต้า ทีเ่ ถา้ ที่ตายท่ีเร่ว ฝูงตืดแล
เออื นทัง้ หลายนน้ั คนกันอยใู่ นท้องแม่ ตืดแลเอือนฝูงนัน้ เริมตัวกมุ ารน้นั ไสร้ ดุจด่งั หนอนอนั อยู่ในปลาเนา่
แลหนอนอนั อย่ใู นลามกอาจมน้ันแล
พรรณนาโวหาร และอปุ มาโวหาร (เปน็ พรรณนาโวหารท่ีกวใี ชอ้ ปุ มาโวหารประกอบด้วย)

ตอนท่ี ๒
คำช้ีแจง ใหน้ ักเรียนอา่ นบทประพนั ธ์ท่กี ำหนด แลว้ บอกวา่ มคี วามงามทางวรรณศิลปโ์ ดดเด่นในด้านใด

๑. ฝูงตืดแลเออื นทั้งหลายนน้ั คนกนั อย่ใู นทอ้ งแม่ ตืดแลเอือนฝูงนน้ั เรมิ ตวั กุมารนัน้ ไสร้ ดุจดั่งหนอนอนั อยใู่ น
ปลาเนา่ แลหนอนอนั อยใู่ นลามกอาจมนั้นแล
การใชอ้ ปุ มา

๒. เมื่อกมุ ารอยูใ่ นทอ้ งแม่นั้นลำบากนกั หนา พงึ เกลยี ดพึงหน่ายพน้ ประมาณนกั กช็ น้ื แลเหม็นกลิน่ ตืดและ
เอือนอันได้ 80 ครอก ซ่งึ อยใู่ นทอ้ งแมอ่ ันเป็นทีเ่ หม็นแลทีอ่ อกลกู ออกเต้า ท่ีเถา้ ที่ตายที่เรว่
การซำ้ คำเพอื่ ยำ้ ความหมายและสรา้ งจงั หวะไพเราะ ไดแ้ ก่ คำว่า พึงเกลียดพึงหนา่ ย ออกลกู ออกเตา้
ท่เี ถา้ ที่ตายที่เร่ว

๓. จะงอยไสด้ ือน้นั กลวงข้นึ ไปเบื้องบนติดหลงั ทอ้ งแมแ่ ลขา้ วน้ำอาหารอนั ใดแมก่ นิ ไสร้ แลโอชารสนนั้ กเ็ ปน็
น้ำชุม่ เขา้ ไปในไส้ดอื นน้ั
การหลากคำที่มคี วามหมายเหมอื นกนั หรอื คล้ายกนั ได้แก่ คำว่า ขา้ วนำ้ อาหาร

๔. ส่วนตัวกมุ ารนั้นบม่ ไิ หม้ เพราะวา่ เปน็ ธรรมดาด้วยบญุ กุมารน้นั จะเปน็ คนแล จงึ ให้บมิไหม้บมิตายเพอ่ื ดั่ง
น้ันแลแตก่ มุ ารนน้ั อยใู่ นท้องแม่ บ่หอ่ นไดห้ ายใจเข้าออกเสียเลย บ่ห่อนไดเ้ หยียดตนี มอื ออกดงั่ เราท่าน
ทงั้ หลายนี้สกั คาบหนงึ่ เลย
การซ้ำคำเพอ่ื ยำ้ ความหมายและสรา้ งจังหวะไพเราะ ไดแ้ ก่ คำวา่ บมไิ หม้บมิตาย และการซ้ำคำวา่
บ่ห่อน

๕. เบ้ืองหลงั กมุ ารน้ันต่อหลงั ทอ้ งแม่ แลนง่ั ยองอยใู่ นท้องแม่ แลกำมอื ทงั้ สองคคู้ อตอ่ หวั เขา่ ทั้งสอง เอาหัวไว้
เหนอื หวั เขา่ เมื่อนง่ั อยนู่ ้นั เลอื ดแลนำ้ เหลอื งยอ้ ยลงเตม็ ตนยะหยดทกุ เม่ือแล
การใช้คำอัพภาส ได้แก่ คำวา่ ยะหยด

๖. ในทอ้ งแม่นน้ั ร้อนนกั หนาดจุ ด่งั เราเอาใบตองเขา้ จ่อตน แลต้มในหม้อในหม้อนน้ั ไสร้
การใชอ้ ุปมา

๗. แลกุมารนั้นเจบ็ เนอื้ เจ็บตนดั่งคนอนั ท่านขงั ไวใ้ นไหอันคบั แคบนกั หนา แค้นเนือ้ แค้นใจ แลเดอื ดเนอ้ื เดือด
ใจนกั หนา เหยียดตีนมอื บม่ ิได้ ด่งั ทา่ นเอาใสไ่ วใ้ นที่คับ
มลี กั ษณะเด่นดา้ นวรรณศิลป์ ๒ ลักษณะ คอื
๑) การซำ้ คำเพือ่ ย้ำความหมายและสรา้ งจงั หวะไพเราะ ไดแ้ ก่ คำว่า เจ็บเน้ือเจ็บตน แค้นเนอ้ื แค้นใจ
เดือดเนอื้ เดอื ดใจ
๒) การใชอ้ ุปมา

๘. เม่อื กมุ ารนน้ั คลอดออกจากทอ้ งแม่ ออกแลไปบม่ ิพ้นตน ตนเย็นนั้นแลเจบ็ เนื้อเจ็บตนนักหนา ดั่งชา้ งสาร
อันทา่ นชักท่านเข็นออกจากประตลู กั ษอนั น้อยน้ัน แลคบั ตวั ออกยากลำบากนนั้ ผิบ่มดิ ง่ั นัน้ ด่งั คนผ้อู ยูใ่ น
นรกแล แลภเู ขาอันชื่อคังไคยบรรพตหบี แลเหงแลบดบ้ีนั้นแล
มีลกั ษณะเดน่ ดา้ นวรรณศิลป์ ๓ ลกั ษณะ คอื
๑) การซ้ำคำเพ่ือยำ้ ความหมายและสร้างจังหวะไพเราะ ได้แก่ คำว่า เจบ็ เนื้อเจ็บตน ทา่ นชักทา่ นเข็น
๒) การหลากคำท่ีมีความหมายเหมอื นกนั หรอื คล้ายกนั ไดแ้ ก่ คำวา่ ภูเขา และ บรรพต ซ่ึงหมายถงึ ภูเขา
และคำวา่ หีบ เหง บดบี้ ซงึ่ มีความหมายทำนองเดยี วกัน คือหมายถึง หนบี ทับ บดบี้
๓) การใช้อปุ มา

.......................................................

ใบงาน
เรอ่ื ง อา่ นคดิ พนิ จิ สาร ตอนมนสุ สภมู ิ
คำชแี้ จง ให้นักเรยี นตอบคำถามต่อไปน้ี
๑. นักเรียนคิดวา่ เนือ้ หาเร่อื งกำเนิดมนษุ ย์ ต้ังแต่ขัน้ ตอนปฏสิ นธิในครรภ์มารดา จนกระทั่งคลอด
ออกจากครรภม์ ารดา ดังที่บรรยายไว้ ในตอนมนสุ สภมู ิ มีความสอดคล้องกบั ความรู้ทาง
วทิ ยาศาสตร์ ในปัจจุบันหรอื ไม่ อยา่ งไร

๒. เร่อื ง ไตรภมู ิพระรว่ ง ตอน มนุสสภูมิ สะทอ้ นความคิดความเช่ือของคนในสงั คมอดตี อยา่ งไรบา้ ง

๓. “เรอื่ ง ไตรภมู ิพระรว่ ง ตอน มนสุ สภมู ิ สะทอ้ นสจั ธรรมที่ว่า การเกิดของมนษุ ย์เป็นทุกข์”
นกั เรยี นเห็นด้วยกบั คำกลา่ วน้ีหรอื ไม่ อยา่ งไร

เฉลยใบงาน
เรอ่ื ง อา่ นคดิ พนิ จิ สาร ตอนมนสุ สภมู ิ

คำชแ้ี จง ให้นกั เรียนตอบคำถามตอ่ ไปน้ี

๑. นกั เรยี นคิดว่าเนื้อหาเรื่องกำเนิดมนษุ ย์ ตั้งแต่ขนั้ ตอนปฏสิ นธิในครรภ์มารดา จนกระทั่งคลอด
ออกจากครรภม์ ารดา ดังท่ีบรรยายไว้ ในตอนมนสุ สภมู ิ มคี วามสอดคล้องกับความรทู้ าง
วิทยาศาสตร์ ในปัจจบุ นั หรอื ไม่ อย่างไร
มีความสอดคล้องกบั ความรทู้ างวทิ ยาศาสตร์หลายตอน เชน่
- ตอนท่ีกลา่ วถึงวิวฒั นาการของทารกตัง้ แต่เริม่ เป็นกอ้ นเนือ้ เล็กๆ จนกระทั่งกลายเปน็ ร่างกาย

มนษุ ยม์ ีอวัยวะตา่ งๆ
- ตอนทีก่ ลา่ วถึง “ไส้ดือ” หรือสายสะดอื ของทารกว่า สายสะดือนี้เช่อื มต่อกบั ท้องมารดา และ

เป็นจดุ ท่ีนำอาหารจากมารดาไปเลี้ยงทารก
- ตอนทีก่ ลา่ วถึงการคลอดทารกว่า ทารกจะกลบั หัวหันลงมาตอนท่ีมารดาเจ็บทอ้ งและถงึ

กำหนดคลอด

๒. เร่อื ง ไตรภมู พิ ระร่วง ตอน มนสุ สภูมิ สะทอ้ นความคดิ ความเชื่อของคนในสังคมอดีตอยา่ งไรบา้ ง
- สะทอ้ นความเชื่อเรื่องบุญ-กรรม เชน่ ตอนท่ีกลา่ ววา่ ทารกทีอ่ ยใู่ นครรภ์มารดาไม่ตายจากความ
รอ้ นในครรภเ์ พราะวา่ มีบญุ ทีจ่ ะได้

เกดิ เป็นมนุษย์ หรือตอนที่กล่าววา่ ทารกที่มาจากนรก ผลกรรมจะสง่ ผลใหร้ ้สู ึกทุกขย์ ากลำบาก
ร้อนใจตงั้ แต่อยใู่ นครรภ์ และทำให้

มารดารสู้ กึ รอ้ นและลำบากไปด้วย ขณะท่ีทารกที่มาจากสวรรค์ จะอยู่เยน็ เป็นสุขต้ังแตอ่ ยใู่ นครรภ์
จนกระท่งั คลอดออกมา
- สะทอ้ นความเชื่อเรอื่ งการเวียนวา่ ยตายเกิด เชน่ การท่กี ลา่ วว่าทารกน้ันอาจมาจากทง้ั นรก
สวรรค์ และแดนเปรต ก็สะทอ้ นความ

เช่อื เรอ่ื งการเวียนวา่ ยตายเกดิ ในสงั สารวัฏอยา่ งชดั เจน
- สะท้อนความเชอื่ เร่อื งนรก-สวรรค์ เช่น ตอนที่กลา่ วว่าทารกทจี่ ะมาเกิดนัน้ มาจากทงั้ นรกและ
สวรรค์

๓. “เรอ่ื ง ไตรภูมิพระรว่ ง ตอน มนุสสภูมิ สะท้อนสจั ธรรมท่ีว่า การเกิดของมนษุ ย์เปน็ ทุกข์” นักเรยี น
เหน็ ด้วยกับคำกลา่ วนีห้ รือไม่ อย่างไร

ชื่อ....................................................... นามสกุล.................................................... ชนั้ ม.6/.............. เลขท.ี่ ..............

แบบฝกึ ทักษะ

วเิ คราะหค์ ุณคา่ ดา้ นวรรณศลิ ป์จากเรอื่ งไตรภูมพิ ระรว่ ง ตอนมนุสสภูมิ

คำชีแ้ จง ใหน้ ักเรียนอา่ นบทประพันธ์ทีก่ ำหนด แล้วบอกวา่ บทประพันธ์ดงั กล่าวมีความงามโดดเดน่ ทางภาษา

อยา่ งไร โดยนำตัวอักษรเติมหน้าขอ้ ความใหถ้ ูกตอ้ ง

ก. พรรณนาโวหาร ข. การใชอ้ ุปมา ค. คำอพั ภาส

ง. การหลากคำ จ. บรรยายโวหาร ฉ. การซ้ำคำ

................................................................................................................................................

................ 1. ฝูงตืดแลเอือนท้งั หลายนั้นคนกันอยู่ในทอ้ งแม่ ตืดแลเอือนฝูงน้นั เรมิ ตัวกุมารนัน้ ไสร้ ดุจดง่ั

หนอนอันอยู่ในปลาเนา่ แลหนอนอันอยูใ่ นลามกอาจมน้นั แล

................. 2. ผแิ ลคนอันมาแตน่ รกก็ดี แลมาแตเ่ ปรตกด็ ี มันคำนงึ ถงึ ความอันลำบากนั้น ครัน้ วา่ ออกมา
กร็ อ้ งไหแ้ ล ผแิ ลคนผมู้ าแต่สวรรค์ แลคำนึงถงึ ความสุขแต่ก่อนนัน้ ครั้นวา่ ออกมาไสร้ กย็ อ่ ม หัวรอ่
ก่อนแล

.................. 3. คนผู้ใดจากแตน่ รกมาเกดิ นัน้ เมื่อคลอดออกตนกุมารนั้นร้อน เมือ่ มันอยู่ในท้องแมน่ ั้น
ยอ่ มเดือดเนอ้ื รอ้ นใจแลกระหนกระหาย อีกเนื้อแมน่ ัน้ กพ็ ลอยร้อนดว้ ยโสด คนผู้จากแต่สวรรค์ลงมาเกดิ
นัน้ เมื่อจะคลอดออก ตนกุมารนัน้ เย็น เยน็ เนือ้ เย็นใจ เมื่อยังอยู่ในท้องแมน่ ัน้ อยูเ่ ย็นเป็นสุขสำราญ
บานใจ แลเนื้อแม่นั้นกเ็ ย็นด้วยโสด

...................4. เมือ่ กุมารอยู่ในทอ้ งแมน่ ัน้ ลำบากนักหนา พึงเกลียดพึงหน่ายพน้ ประมาณนัก กช็ ื้นแลเหมน็ กลิ่น
ตืดและเอือนอันได้ 80 ครอก ซึ่งอยู่ในทอ้ งแม่อันเปน็ ทเ่ี หม็นแลทีอ่ อกลูกออกเต้า ที่เถ้า ทีต่ ายทีเ่ รว่

..................5. จะงอยไสด้ อื นั้นกลวงข้นึ ไปเบ้อื งบนติดหลังท้องแมแ่ ลข้าวน้ำอาหารอันใดแมก่ นิ ไสร้ แลโอชารส
นัน้ กเ็ ปน็ น้ำชุ่มเขา้ ไปในไสด้ ือนัน้

............... 6. เบื้องหลังกุมารนั้นต่อหลังท้องแม่ แลนัง่ ยองอยู่ในทอ้ งแม่ แลกำมือทั้งสองคูค้ อตอ่ หวั เขา่ ท้งั สอง
เอาหัวไว้เหนอื หัวเขา่ เมื่อนงั่ อยู่นน้ั เลือดแลนำ้ เหลืองยอ้ ยลงเต็มตนยะหยดทุกเมือ่ แล

.................7. ในทอ้ งแมน่ ั้นร้อนนักหนาดจุ ดั่งเราเอาใบตองเข้าจอ่ ตน แลต้มในหมอ้ นัน้ ไสร้
..................8. เมือ่ กุมารนัน้ คลอดออกจากท้องแม่..... แลภูเขาอันชื่อคังไคยบรรพตหีบแลเหงแลบดบี้นั้นแล

..................9. เพราะว่าเปน็ ธรรมดาดว้ ยบุญกุมารนัน้ จะเป็นคนแล จึงใหบ้ มไิ หม้บมติ ายเพือ่ ด่งั น้นั แลแต่กุมาร
นัน้ อยู่ในทอ้ งแม่ บห่ อ่ นได้หายใจเข้าออกเสียเลย บห่ อ่ นไดเ้ หยียดตีนมือออก

.................10. อันว่าสายสะดือแห่งกุมารน้นั กลวงดัง่ สายก้านบัวอันมีชื่อวา่ อุบล


Click to View FlipBook Version