ช้นั มธั ยมศกึ ษาปีท่ี ๕
นางสาวภาวนิ ี ชาวหงษา
นักศึกษาช้นั ปีท่ี ๓
มหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา
แผนการจดั การเรยี นรู้
กลุ่มสาระการเรยี นรภู้ าษาไทย
รายวิชาภาษาไทย ช้นั มัธยมศึกษาปีที่ ๕
เสนอ
ผูช้ ่วยศาสตราจารย์ ดร. พัชรภี รณ์ บางเขยี ว
จัดทาโดย
นางสาวภาวินี ชาวหงษา เลขท่ี ๒๕ หมู่เรียน D๗
รหัสนักศกึ ษา ๖๒๘๑๑๒๔๐๕๙ สาขาวชิ าภาษาไทย
แผนการจดั การเรียนรูเ้ ลม่ น้ีเป็นส่วนหน่งึ ของรายวิชา
วทิ ยาการจดั การเรียนรู้ (๑๑๙๐๓๐๑)
มหาวทิ ยาลยั ราชภัฏบา้ นสมเดจ็ เจ้าพระยา
คานา
รายงานฉบับน้ีเป็นส่วนหน่ึงของวิชา “วิทยาการจัดการเรียนรู้” โดยมีจุดประสงค์เพ่ือศึกษา
กระบวนการเขียนแผนการจัดการเรียนรู้ ให้สอดคล้องกับการเรียนรู้ในศตวรรษที่ ๒๑ กล่าวคือ การจัดการ
เรียนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นสาคัญ มีจุดเน้นเป็นความเข้าใจ สามารถนาองค์ความรู้ไปประยุกต์ใช้
ในชีวิตประจาวันได้อย่างเหมาะสม โดยแผนการจัดการจัดการเรียนรู้วิชาภาษาไทย ระดับชั้นมัธยมศึกษา
ปีที่ ๕ น้ีจัดทาข้ึนเพ่ือใช้เป็นแนวทางในการจัดการเรียนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นสาคัญ ตามหลักสูตร
แกนกลางข้ึนพน้ื ฐานพุทธศกั ราช ๒๕๕๑
เนื้อหาของแผนการจัดการเรียนรู้ฉบับน้ีประกอบด้วย มาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัด จุดประสงค์
การเรียนรู้ สาระสาคัญ สาระการเรียนรู้ สมรรถนะของผู้เรียน คาอธิบายรายวิชา โครงสร้างรายวิชา
โ ดยมีแผนการจัดการเรียนรู้หน่ว ยท่ี ๑ เพียง จานว น ๔ แผน แต่ละแผนประกอบไปด้ว ย
๑.มาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัด ๒.จุดประสงค์การเรียนรู้สู่ตัวช้ีวัด ๓.สาระสาคัญ ๔.สาระการเรียนรู้
๕.สมรรถนะสาคัญของผู้เรียน ๖.การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ๗.สื่อ/แหล่งเรียนรู้ ๘.สาระการเรียนรู้สู่
การบูรณาการ ๙.การวัดและประเมินผลการเรียนรู้ ๑๐.การจัดบรรยากาศเชิงบวก ๑๑. บันทึกผลหลังการ
สอน (ปัญหา/อุปสรรค/แนวทางแก้ไข, ขอ้ เสนอแนะ)
ผู้จัดทาขอขอบพระคุณผู้ช่วยศาสตราจารย์ดร. พัชรีภรณ์ บางเขียว เป็นอย่างย่ิงท่ีให้คาปรึกษาและ
คาแนะนาตลอดระยะเวลาการจัดทาแผนการเรียนรู้ และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าแผ่นการจัดการเรียนรู้เล่มนี้
เปน็ ประโยชนก์ บั การจัดการเรยี นรูใ้ นหอ้ งเรยี น ทาใหผ้ ูเ้ รียนสามารถพฒั นาการเรยี นรู้ได้อย่างมีประสิทธภิ าพ
นางสาวภาวินี ชาวหงษา
ผจู้ ัดทา
สารบญั หนา้
เร่อื ง ๑
คานา ๓
สารบัญ ๔
แผนการจัดการเรียนรู้รายปี ๔
๕
๑. มาตรฐานการเรยี นรแู้ ละตัวชวี้ ดั ๗
๒. จดุ ประสงค์การเรียนรู้ ๙
๓. สาระสาคัญ
๔. สาระการเรยี นรู้ ๑๔
๕. สมรรถนะสาคัญของผ้เู รียน ๑๔
๖. คาอธิบายรายวิชา ๑๔
๑๔
ตารางโครงสรา้ งรายวิชา ๑๔
แผนการจดั การเรยี นรหู้ น่วยที่ ๑ ธรรมชาตขิ องภาษา ๑๕
แผนการจัดการเรยี นรู้ที่ ๑ การปฐมนิเทศ ๑๕
๑๕
๑. มาตรฐานการเรียนรแู้ ละตัวชว้ี ดั ๑๖
๒. จุดประสงค์การเรียนรูส้ ูต่ วั ชี้วัด ๓๒
๓. สาระสาคญั ๓๒
๔. สาระการเรียนรู้ ๓๒
๕. สมรรถนะสาคัญของผเู้ รยี น
๖. การจดั กิจกรรมการเรียนรู้
๗. สือ่ /แหลง่ เรยี นรู้
๘. การวดั และประเมนิ ผลการเรียนรู้
แผนการจัดการเรยี นรทู้ ี่ ๒ การอา่ นร้อยแกว้ และร้อยกรอง
๑. มาตรฐานการเรยี นรู้และตัวชว้ี ดั
๒. จุดประสงคก์ ารเรยี นร้สู ตู่ ัวช้ีวดั
สารบญั (ตอ่ ) หน้า
เรือ่ ง
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ ๒ การอา่ นรอ้ ยแกว้ และร้อยกรอง (ต่อ) ๓๒
๓๒
๓. สาระสาคัญ ๓๒
๔. สาระการเรียนรู้ ๓๓
๕. สมรรถนะสาคญั ของผูเ้ รียน ๓๓
๖. การจดั กิจกรรมการเรียนรู้ ๓๔
๗. ส่อื /แหล่งเรยี นรู้ ๓๔
๘. การวดั และประเมินผลการเรยี นรู้ ๔๖
๔๖
แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี ๓ มหาเวสสันดรชาดก กณั ฑ์มัทรี ๔๖
๔๖
๑. มาตรฐานการเรียนรแู้ ละตัวชว้ี ดั ๔๗
๒. จุดประสงค์การเรยี นรสู้ ู่ตัวช้ีวัด ๔๗
๓. สาระสาคญั ๔๗
๔. สาระการเรียนรู้ ๔๙
๕. สมรรถนะสาคัญของผู้เรียน ๔๙
๖. การจดั กิจกรรมการเรยี นรู้ ๖๕
๗. สอ่ื /แหล่งเรยี นรู้ ๖๕
๘. การวัดและประเมินผลการเรยี นรู้ ๖๕
๖๕
แผนการจัดการเรียนร้ทู ี่ ๔ หลกั การวิเคราะห์วรรณคดีเบ้ืองต้น ๖๕
๖๖
๑. มาตรฐานการเรยี นร้แู ละตัวชว้ี ดั ๖๖
๒. จดุ ประสงค์การเรียนรู้ส่ตู วั ชี้วดั ๖๗
๓. สาระสาคญั ๖๘
๔. สาระการเรียนรู้
๕. สมรรถนะสาคัญของผ้เู รียน
๖. การจดั กิจกรรมการเรียนรู้
๗. ส่ือ/แหล่งเรยี นรู้
๘. การวัดและประเมนิ ผลการเรียนรู
๑
แผนการจดั การเรียนรู้ รายวชิ า วชิ าภาษาไทย
สาระการเรียนร้ภู าษาไทย ปกี ารศกึ ษา ๒๕๖๕
ชั้นมธั ยมศกึ ษาปีที่ ๕
ครผู สู้ อน นาวสางภาวนิ ี ชาวหงษา เวลา ๘๐ ชว่ั โมง / ๒ หนว่ ยกติ
๑.มาตรฐานการเรยี นรูแ้ ละตัวชี้วัด
สาระที่ ๑ การอา่ น
มาตรฐาน ท ๑.๑ ใช้กระบวนการอ่านสร้างความรู้และความคิดเพ่ือนาไปใช้ตัดสินใจ แก้ปัญหาใน
การดาเนินชีวิต และมีนสิ ยั รกั การอ่าน
สาระท่ี ๒ การเขยี น
มาตรฐาน ท ๒.๑ ใช้กระบวนการเขียนเขียนส่ือสาร เขียนเรียงความ ย่อความ และเขียนเร่ืองราว
ในรปู แบบตา่ ง ๆ เขียนรายงานขอ้ มูลสารสนเทศและรายงานการศึกษาค้นคว้าอยา่ งมีประสทิ ธิภาพ
สาระที่ ๓ การฟงั การดู และการพูด
มาตรฐาน ท ๓.๑ สามารถเลือกฟังและดูอย่างมีวิจารณญาณ และพูดแสดงความรู้ ความคิด
และความรู้สกึ ในโอกาสต่างๆ อย่างมีวจิ ารณญาณและ สร้างสรรค์
สาระท่ี ๔ หลกั การใชภ้ าษาไทย
มาตรฐาน ท ๔.๑ เข้าใจธรรมชาติของภาษาและหลักภาษาไทย การเปลี่ยนแปลงของภาษา
และพลังของภาษา ภูมปิ ญั ญาทางภาษา และรกั ษาภาษาไทยไวเ้ ปน็ สมบัติของชาติ
สาระที่ ๕ วรรณคดีและวรรณกรรม
มาตรฐาน ท ๕.๑ เข้าใจและแสดงความคิดเห็น วิจารณ์วรรณคดีและวรรณกรรมไทยอย่างเห็น
คุณคา่ และนามาประยุกตใ์ ช้ในชวี ติ จรงิ
ตวั ชีว้ ัด
มาตรฐาน ท๑.๑ ม.๔-๖/๑ อา่ นออกเสยี งบทรอ้ ยแกว้ และบทร้อยกรองได้อย่างถูกต้อง ไพเราะ และ
เหมาะสมกับเรื่อง ท่ีอ่าน
ท๑.๑ ม.๔-๖/๒ ตคี วาม แปลความ และขยายความ เรื่องที่อา่ น
ท๑.๑ ม.๔-๖/๓ วเิ คราะห์และวจิ ารณ์เร่อื งทีอ่ า่ น ในทกุ ๆ ด้านอย่างมเี หตผุ ล
ท๑.๑ ม.๔-๖/๔ คาดคะเนเหตุการณ์จากเร่ืองท่ีอ่าน และประเมินค่าเพ่ือนาความรู้ ความคิดไปใช้
ตดั สนิ ใจแก้ปัญหาใน การดาเนินชวี ติ
ท๑.๑ ม.๔-๖/๕ วิเคราะห์ วิจารณ์ แสดงความ คิดเห็นโต้แย้งกับเร่ืองที่อ่าน และ เสนอความคิดใหม่
อยา่ งมเี หตผุ ล
๒
ท๑.๑ ม.๔-๖/๖ ตอบคาถามจากการอา่ นประเภท ตา่ ง ๆ ภายในเวลาทีก่ าหนด
ท๑.๑ ม.๔-๖/๗ อ่านเรือ่ งต่าง ๆ แล้วเขียนกรอบ แนวคิดผังความคิด บนั ทกึ ยอ่ ความ และรายงาน
ท๑.๑ ม.๔-๖/๘ สงั เคราะห์ความรู้จากการอ่าน สื่อสง่ิ พมิ พ์ สื่ออิเล็กทรอนกิ สแ์ ละ แหลง่ เรยี นรู้ตา่ ง ๆ
มาพฒั นาตน พัฒนาการเรียน และพฒั นาความรู้ ทางอาชพี
ท๑.๑ ม.๔-๖/๙ มีมารยาทในการอ่าน
มาตรฐาน ท ๒.๑ ใช้กระบวนการเขียนเขียนสื่อสาร เขียนเรียงความ ย่อความ และเขียนเร่ืองราว
ในรูปแบบตา่ ง ๆ เขยี นรายงานข้อมูลสารสนเทศและรายงานการศกึ ษาคน้ ควา้ อยา่ งมปี ระสิทธภิ าพ
ท๒.๑ ม.๔-๖/๑ เขียนส่ือสารในรูปแบบต่าง ๆ ได้ ตรงตามวัตถุประสงค์ โดยใช้ ภาษาเรียบเรียง
ถูกต้อง มีข้อมูล และสาระสาคัญชดั เจน
ท๒.๑ ม.๔-๖/๒ เขียนเรยี งความ
ท๒.๑ ม.๔-๖/๓ เขียนย่อความจากสื่อทีม่ ีรูปแบบ และเนอ้ื หาหลากหลาย
ท๒.๑ ม.๔-๖/๔ ผลิตงานเขียนของตนเอง ในรปู แบบตา่ งๆ
ท๒.๑ ม.๔-๖/๕ ประเมนิ งานเขียนของผู้อ่ืน แล้วนามาพฒั นางานเขยี นของตนเอง
ท๒.๑ ม.๔-๖/๖ เขียนรายงานการศึกษาค้นคว้า เรื่องที่สนใจตามหลักการเขียน เชิงวิชาการและใช้
ข้อมูลสารสนเทศ อา้ งอิงอย่างถกู ต้อง
ท๒.๑ ม.๔-๖/๗ บันทกึ การศึกษาคน้ ควา้ เพือ่ นาไป พัฒนาตนเองอย่างสม่าเสมอ
ท๒.๑ ม.๔-๖/๘ มีมารยาทในการเขยี น
มาตรฐาน ท ๓.๑ สามารถเลือกฟังและดูอย่างมีวิจารณญาณ และพูดแสดงความรู้ ความคิด
และความรูส้ กึ ในโอกาสต่างๆ อย่างมีวิจารณญาณและ สร้างสรรค์
ท๓.๑ ม.๔-๖/๑ สรุปแนวคิดและแสดงความคิดเห็น จากเรอ่ื งท่ีฟงั และดู
ท๓.๑ ม.๔-๖/๒ วิเคราะห์ แนวคิด การใช้ภาษา และ ความน่าเชื่อถือจากเร่ืองที่ฟังและดู อย่างมี
เหตผุ ล
ท๓.๑ ม.๔-๖/๓ ประเมินเรือ่ งท่ฟี ังและดู แลว้ กาหนด แนวทางนาไปประยกุ ตใ์ ชใ้ นการ ดาเนินชวี ิต
ท๓.๑ ม.๔-๖/๔ มวี จิ ารณญาณในการเลือกเร่ืองท่ฟี ัง และดู
ท๓.๑ ม.๔-๖/๕ พูดในโอกาสต่าง ๆ พูดแสดง ทรรศนะ โต้แย้ง โน้มน้าวใจ และ เสนอแนวคิดใหม่
ด้วยภาษาถกู ตอ้ ง เหมาะสม
ท๓.๑ ม.๔-๖/๖ มีมารยาทในการฟัง การดู และการพูด
มาตรฐาน ท ๔.๑ เข้าใจธรรมชาติของภาษาและหลักภาษาไทย การเปลี่ยนแปลงของภาษา
และพลังของภาษา ภมู ปิ ัญญาทางภาษา และรกั ษาภาษาไทยไว้เป็นสมบัติของชาติ
๓
ท๔.๑ ม.๔-๖/๑ อธบิ ายธรรมชาตขิ องภาษา พลงั ของ ภาษาและลักษณะของภาษา
ท๔.๑ ม.๔-๖/๒ ใชค้ าและกลุม่ คาสรา้ งประโยคตรง ตามวตั ถปุ ระสงค์
ท๔.๑ ม.๔-๖/๓ ใช้ภาษาเหมาะสมแก่โอกาส กาลเทศะ และบุคคลรวมทั้งคาราชาศัพท์ อย่าง
เหมาะสม
ท๔.๑ ม.๔-๖/๔ แตง่ บทร้อยกรอง
ท๔.๑ ม.๔-๖/๕ วิเคราะหอ์ ทิ ธพิ ลของภาษาต่างประเทศ และภาษาถ่นิ
ท๔.๑ ม.๔-๖/๖ อธบิ ายและวเิ คราะห์หลกั การสร้างคาในภาษาไทย
ท๔.๑ ม.๔-๖/๗ วิเคราะห์และประเมินการใช้ภาษาจาก สอ่ื ส่งิ พิมพแ์ ละสือ่ อิเลก็ ทรอนกิ ส์
มาตรฐาน ท ๕.๑ เข้าใจและแสดงความคิดเห็น วิจารณ์วรรณคดีและวรรณกรรมไทยอย่างเห็น
คณุ คา่ และนามาประยุกตใ์ ชใ้ นชวี ิตจรงิ
ท๕.๑ ม.๔-๖/๑ วเิ คราะหแ์ ละวจิ ารณว์ รรณคดีและวรรณกรรมตามหลักการวิจารณ์เบอื้ งต้น
ท๕.๑ ม.๔-๖/๒ วิเคราะห์ลักษณะเด่นของวรรณคดีเชื่อมโยงกับการเรียนรทู้ างประวัตศิ าสตร์และวิถี
ชีวิตของสงั คมในอดีต
ท๕.๑ ม.๔-๖/๓ วิเคราะห์และประเมินคุณค่าด้านวรรณศิลป์ของวรรณคดีและวรรณกรรมในฐานะท่ี
เป็นมรดกทางวัฒนธรรมของชาติ
ท๕.๑ ม.๔-๖/๔ สังเคราะหข์ อ้ คดิ จากวรรณคดแี ละวรรณกรรมเพ่ือนาไปประยุกต์ใช้ในชีวติ จรงิ
ท๕.๑ ม.๔-๖/๕ รวบรวมวรรณกรรมพื้นบ้านและอธบิ ายภูมิปญั ญาทางภาษา
ท๕.๑ ม.๔-๖/๖ ท่องจาและบอกคุณค่าบทอาขยานตามท่ีกาหนดและบทร้อยกรองที่มีคุณค่าตาม
ความสนใจและนาไปใชอ้ า้ งองิ
๒. จดุ ประสงค์การเรยี นรู้
๒.๑ ความรู้ (K)
๑. เพอ่ื ให้นักเรยี นอธบิ ายเนอื้ หาท่เี รียนเกณฑก์ ารวัดประเมินผลและขอ้ ตกลงรว่ มกันในชน้ั เรียนได(้ K)
๒. เพ่อื ให้นกั เรียนบอกหลักการการอ่านออกเสยี งร้อยกรองได้ (K)
๓. เพื่อใหน้ กั เรียนบอกความเปน็ มา ประวัตผิ ู้แต่งและแกน่ เรือ่ งมหาเวสสนั ดรชาดก กัณฑ์มัทรไี ด้ (K)
๔. บอกความหมายของคาวา่ วรรณกรรม และวรรณคดีได้ (K)
๔
๒.๒ ทักษะ (P)
๑. เพื่อใหน้ กั เรยี นพูดแนะนาตวั เอง พูดแสดงทรรศนะและความรสู้ กึ ที่มีตอ่ การเรียนออนไลน์ (P)
2. เพอ่ื ใหน้ กั เรียนอ่านออกเสยี งบทรอ้ ยแก้วและร้อยกรองไดถ้ ูกต้อง (P)
๓. เพ่ือให้นักเรยี นตอบคาถามจากการอ่านมหาเวสสันดรชาดก ภายในเวลาที่กาหนด (P)
๔. เพือ่ ใหน้ ักเรียนพูดสรุปเรอ่ื งย่อและข้อคดิ ท่ีได้จากมหาเวสสนั ดรชาดก กณั ฑ์มัทรี (P)
๕. อธบิ ายลกั ษณะของวรรณคดแี ละวรรณกรรมได้ (P)
๒.๓ จติ พสิ ยั (A)
๑. นกั เรียนมีมารยาทในการฟัง การดูและการพูด (A)
๒. เพื่อใหน้ ักเรยี นมมี ารยาทในการอา่ น (A)
๓. นกั เรยี นมีมารยาทในการฟัง การดู และการพดู (A)
๔. เห็นความสาคญั ของการศึกษาวรรณคดีและวรรณกรรมและนาไปใชไ้ ด้อยา่ งเหมาะสม (A)
๓. สาระสาคญั
หลักการอ่านวรรณคดีและวรรณกรรมเป็นเครื่องมือที่ทาให้ผู้อ่านต้องเข้าใจจุดมุ่งหมายในการแต่ง
คุณค่าความงามของวรรณคดีและวรรณกรรมเรื่องน้ัน ๆ และวรรณกรรมแต่ละประเภทจะมีจุดมุ่งหมาย
คุณค่า และความงามท่ีแตกต่างกันโดยสะท้อนออกมาจากเนื้อหา และกลวิธีการแต่ง ผู้อ่านจึงต้องอ่าน
ออกเสียงบทร้อยแก้วและบทร้อยกรองให้ถูกต้อง จับใจความสาคัญ สรุปความ และอธิบายรายละเอียด
จากเรื่องท่ีอ่านอย่างมีมารยาท คัดลายมือตัวบรรจงคร่ึงบรรทัดและมีมารยาทในการเขียน พูดสรุปใจความ
สาคัญ วิเคราะห์ข้อเท็จจริง ข้อคิดเห็น และความน่าเช่ือถือ รวมไปถึงวิเคราะห์และวิจารณ์เรื่องที่ฟังและดู
อย่างมีเหตุผลเพื่อ นาข้อคิดมาประยุกต์ใช้ในการดาเนินชีวิตอย่างมีมารยาท ในการฟัง ดู และพูด นอกจากนี้
ยังสามารถรวบรวมและอธิบายความหมายของคาภาษาต่างประเทศท่ีใช้ในภาษาไทย ดังน้ัน การศึกษา
หลักการอ่านวรรณคดีและวรรณกรรมโดยใช้ทักษะการอ่าน เขียน ฟัง ดู และพูด ด้วยความเข้าใจจะทาให้
ผู้อ่านเห็นคุณค่าของวรรณคดแี ละวรรณกรรมเหล่านน้ั ย่งิ ขึ้น
๔. สาระการเรียนรู้
ภาษาไทยเป็นทักษะที่ต้องฝึกฝนจนเกิดความชานาญในการใชภ้ าษาเพ่ือการส่ือสาร การเรียนรู้อย่าง
มีประสิทธภิ าพ และเพื่อนาไปใชใ้ นชวี ติ จรงิ
การอ่าน การอ่านออกเสียงคา ประโยค การอ่านบทร้อยแก้ว คาประพันธ์ชนิดต่าง ๆ การอ่านในใจ
เพือ่ สรา้ งความเข้าใจ และการคดิ วิเคราะห์ สังเคราะห์ความรจู้ ากส่ิงทอ่ี า่ น เพอ่ื นาไปปรับใชใ้ นชีวติ ประจาวัน
๕
การเขียน การเขียนสะกดตามอักขรวิธี การเขียนสื่อสาร โดยใช้ถ้อยคาและรูปแบบต่าง ๆ ของ
การเขียน ซ่ึงรวมถึงการเขียนเรียงความ ย่อความ รายงานชนิดต่าง ๆ การเขียนตามจินตนาการวิเคราะห์
วจิ ารณ์ และเขียนเชงิ สรา้ งสรรค์
การฟัง การดู และการพูด การฟังและดูอย่างมีวิจารณญาณ การพูดแสดงความคิดเห็นความรู้สึก
พูดลาดับเรื่องราวต่าง ๆ อย่างเป็นเหตุเป็นผล การพูดในโอกาสต่าง ๆ ท้ังที่เป็นทางการและไม่เป็นทางการ
และการพดู เพื่อโน้มนา้ วใจ
หลักการใช้ภาษาไทย ธรรมชาติและกฎเกณฑ์ของภาษาไทย การใช้ภาษาให้ถูกต้องเหมาะสมกับ
โอกาศและบุคคล การแตง่ บทประพนั ธป์ ระเภทตา่ ง ๆ และอทิ ธพิ ลของภาษาตา่ งประเทศในภาษาไทย
วรรณคดแี ละวรรณกรรม วเิ คราะหว์ รรณคดีและวรรณกรรมเพ่อื ศึกษาข้อมลู แนวความคดิ คุณค่าของ
งานประพันธ์ และความเพลิดเพลนิ การเรียนร้แู ละทาความเข้าใจบทเห่ บทร้องเลน่ ขิงเด็กเพลงพ้ืนบ้านที่เป็น
ภูมิปัญญาที่มีคุณค่าของไทย ซึ่งได้ถ่ายทอดคสามรู้สึกนึกคิด ค่านิยม ขนบธรรมเนียมประเภณี เร่ืองราวของ
สังคมในอดีต และความงามของภาษา เพ่ือให้เกิดความซาบซึ้งและภูมิใจในบรรพบุรษที่ได้สั่งสมสืบทอดมา
จนถงึ ปัจจบุ ัน
๕. สมรรถนะสาคัญของผเู้ รยี น
หลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ มุ่งพัฒนาผู้เรียนให้มีคุณภาพ
มาตรฐานการเรียนรู้ ซ่ึงการพัฒนาผู้เรียนให้บรรลุมาตรฐานการเรียนรู้ที่กาหนดน้ัน จะช่วยให้ผู้เรียนเกิด
สมรรถนะสาคญั ๕ ประการ ดงั นี้
๑. ความสามารถในการส่ือสาร เป็นความสามารถในการรับและส่งสาร มีวัฒนธรรมในการใช้
ภาษาถ่ายทอดความคิด ความรู้ความเข้าใจ ความรู้สึก และทัศนะของตนเองเพ่ือแลกเปลี่ยน ข้อมูลข่าวสาร
และประสบการณอ์ ันจะเปน็ ประโยชนต์ ่อการพัฒนาตนเองและสังคม รวมทง้ั การเจรจาตอ่ รองเพือ่ ขจดั และลด
ปัญหาความขัดแย้งต่าง ๆ การเลือกรับหรือไม่รับข้อมูลข่าวสารด้วยหลักเหตุผล และความถูกต้อง ตลอดจน
การเลอื กใชว้ ิธกี ารสอ่ื สารท่ีมีประสทิ ธิภาพโดยคานึงถึงผลกระทบที่มตี ่อตนเองและสังคม
๒. ความสามารถในการคิด เป็นความสามารถในการคิดวิเคราะห์ การคิดสังเคราะห์ การคิด
อย่างสร้างสรรค์ การคิดอย่างมีวิจารณญาณ และคิดอย่างเป็นระบบ เพ่ือนาไปสู่การสร้างองค์ความรู้หรือ
สารสนเทศ เพอ่ื การตดั สนิ ใจเกยี่ วกับตนเองได้อย่างเหมาะสม
๓. ความสามารถในการแก้ปัญหา เป็นความสามารถในการแก้ปัญหาและอุปสรรค
ต่าง ๆ ที่เผชิญได้อย่างถูกต้องเหมาะสมบนพื้นฐานของหลักเหตุผล คุณธรรมและข้อมูลสารสนเทศ เข้าใจ
ความสัมพันธ์ในสังคมแสวงหาความรู้ ประยุกต์ความรู้มาใช้ในการป้องกันและแก้ไขปัญหาและมี
การตัดสนิ ใจท่ีมปี ระสทิ ธิภาพโดยคานึงถงึ ผลกระทบที่เกดิ ข้นึ ต่อตนเอง สังคมและส่งิ แวดลอ้ ม
๔. ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต เป็นความสามารถในการนากระบวนการต่าง ๆ ไปใช้ใน
การดาเนินชีวิตประจาวัน การเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง การทางาน และการอยู่ร่วมกันในสังคมด้วย
๖
การสร้างเสริมความสัมพันธ์อันดีระหว่างบุคคล การจัดการปัญหาและความขัดแย้งต่าง ๆ
อย่างเหมาะสม การปรับตัวให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงของสังคมและสภาพแวดล้อมและการรู้จักหลีกเล่ียง
พฤติกรรมท่ีไม่พึ่งประสงคเ์ ม่ืออยู่กบั ผู้อน่ื
๕. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี เป็นความสามารถในการเลือกและใช้เทคโนโลยี
ด้านต่าง ๆ และมีทักษะกระบวนการทางเทคโนโลยี เพื่อการพัฒนาตนเองและสังคม ในด้านการเรียนรู้
การสอ่ื สาร การทางาน การแกป้ ัญหาอยา่ งสร้างสรรค์ ถูกต้องเหมาะสมและมคี ุณธรรม
๗
๖. คาอธบิ ายรายวิชา
คาอธิบายรายวิชา
กลมุ่ สาระการเรียนรูภ้ าษาไทย
ชน้ั มัธยมศกึ ษาปที ่ี ๕ เวลา ๔๐ ชว่ั โมง จานวน ๑ หนว่ ยกติ ภาคเรยี นท่ี ๑
คาอธิบายรายวชิ า
ศึกษาและอ่านออกเสียงร้อยแก้วและบทร้อยกรองได้ถูกต้องไพเราะและเหมาะส มกับเร่ืองท่ีอ่าน
สามารถตีความ แปลความ ขยายความ วิเคราะห์วิจารณ์เร่ืองที่อ่านอย่างมีเหตุผล คาดคะเนเหตุการณ์และ
ประเมินค่าเพื่อนาไปใช้ตัดสินใจแก้ปัญหาในชีวติ ประจาวัน ตอบคาถามจากการอ่านประเภทตา่ ง ๆ ท่ีกาหนด
มีมารยาทในการอ่าน เขียนสื่อสารในรูปแบบต่าง ๆ ได้ตรงตามวัตถุประสงค์โดยใช้ภาษาเรียบเรียงถูกต้อง
มขี อ้ มลู และสาระสาคัญชัดเจน เชน่ เขียนเรียงความ เขยี นย่อความจากสอ่ื ทม่ี รี ูปแบบหลากหลาย เขียนบนั ทึก
การศึกษาคันคว้าและมีมารยาทในการเขียน สรุปแนวคิด วิเคราะห์แนวคิด การใช้ภาษาและความน่าเช่ือถือ
จากเรื่องที่ฟังและดูอย่างมีเหตุผล ประเมินเร่ืองท่ีฟังและดูแล้วกาหนดแนวทางในการนาไปประยุกต์
ในการดาเนินชีวิต มีวิจารณญาณในการเลือกเรื่องท่ีฟังและดู มีมารยาทในการฟัง การดูและการพูด
อธิบายธรรมชาติของภาษา พลังของภาษาและลักษณะของภาษา ใช้คาและกลุ่มคาสร้างประโยค
ตรงตามวัตถุประสงค์ แต่งบทร้อยกรองได้ถูกต้องตามฉันทลักษณ์ วิเคราะห์และวิจารณ์วรรณคดีและ
วรรณกรรมตามหลักการวิจารณ์เบ้ืองต้น วิเคราะห์ลักษณะเด่นของวรรณคดีเช่ือมโยงกับการเรียนรู้ทาง
ประวัติศาสตร์และ วิถีชีวิตในอดีต วิเคราะห์และประเมินคุณค่าด้านวรรณศิลป์ของวรรณคดีและ
วรรณกรรมเพื่อนาไปประยุกต์ใช้ ในชีวิตจริง ท่องจาบทอาขยานตามท่ีกาหนดและบทร้อยกรองตาม
ความสนใจและบอกคุณคา่ สามารถนาไปใช้อ้างอิงได้
โดยใช้กิจกรรมท่ีเน้นการฝึกทักษะท้ังด้านการฟัง ดู พูด อ่านและเขียน ฝึกให้มีวิจารณญาณในด้าน
ต่างๆเน้นการคิดวิเคราะห์ การแสดงความคิดเห็นอย่างมีเหตุผล การสังเคราะห์ความรู้ ข้อคิดและประเมิน
คุณค่าเรียนรู้แบบบูรณาการตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง อาเชียนศึกษาและงานสวนพฤกษศาสตร์
โรงเรียน
เพ่ือให้ผู้เรียนมีความรู้ทางด้านภาษาไทยอย่างถูกต้อง สามารถนาไปใช้ในชีวิตประจาวันได้อย่างมี
ประสทิ ธิภาพและรักความเป็นไทย
รหัสตัวชี้วดั
ท ๑.๑ ม.๔-๖/๑, ม.๔-๖/๒, ม.๔-๖/๔, ม.๔-๖/๖, ม.๔-๖/๗, ม.๔-๖/๙
ท ๒.๑ ม.๔-๖/๑, ม.๔-๖/๒, ม.๔-๖/๓, ม.๔-๖/๗, ม.๔-๖/๘
ท ๓.๑ ม.๔-๖/๑, ม.๔-๖/๒, ม.๔-๖/๓, ม.๔-๖/๔, ม.๔-๖/๖
ท ๔.๑ ม.๔-๖/๑, ม.๔-๖/๒, ม.๔-๖/๔
ท ๕.๑ ม.๔-๖/๑, ม.๔-๖/๒, ม.๔-๖/๓, ม.๔-๖/๔, ม.๔-๖/๕, ม.๔-๖/๖
รวมท้ังสิ้น ๒๕ ตัวชว้ี ดั
๘
คาอธิบายรายวชิ า
กลุม่ สาระการเรยี นรภู้ าษาไทย
ชัน้ มธั ยมศึกษาปที ี่ ๕ เวลา ๔๐ ชัว่ โมง จานวน ๑ หน่วยกิต ภาคเรยี นที่ ๒
คาอธบิ ายรายวิชา
ศึกษาและอ่านออกเสียงบทร้อยแก้วและบทร้อยกรองได้ถูกต้องไพเราะ เหมาะสมกับเร่ืองท่ีอ่าน
ตีความ แปลความและขยายความเรื่องท่ีอ่าน วิเคราะห์วิจารณ์ แสดงความคิดเห็น และเสนอแนวคิดใหม่
อย่างมีเหตุผล ตอบคาถามจากเร่ืองท่ีอ่าน เขียนกรอบแนวคิด ผังความคิด บันทึก ย่อความ และรายงาน
สังเคราะห์ความรู้จากการอ่านสื่อสิ่งพิมพ์ ส่ืออิเล็กทรอนิกส์และแหล่งเรียนรู้ต่างๆมาพัฒนาตน พัฒนาการ
เรียนและพัฒนาความรู้ทางอาชีพ มีมารยาทในการอ่าน เขียนสื่อสารในรูปแบบต่างๆได้ตรงตามวัตถุประสงค์
โดยใช้ภาษาเรียบเรียงถูกต้อง มีข้อมูลและสาระสาคัญชัดเจน ผลิตงานเขียนของตนเองในรูปแบบต่างๆ
ประเมินงานเขียนของผู้อ่ืน แล้วนามาพัฒนางานเขียนของตนเอง มีมารยาทในการเขียน พูดในโอกาสต่างๆ
พูดแสดงทรรศนะโต้แย้ง โน้มนา้ วใจ เสนอแนวคิดใหม่ดว้ ยภาษาท่ีถูกต้องเหมาะสม มมี ารยาทในการฟัง การ
ดู และการพูด ใช้ภาษาเหมาะสมแก่โอกาส กาลเทศะและบุคคล รวมทั้งคาราชาศัพท์อย่างเหมาะสม
วิเคราะห์อิทธิพลของภาษาต่างประเทศและภาษาถิ่น อธิบายและวิเคราะห์หลักการสร้างคาในภาษาไทย
วิเคราะห์และประเมินการใช้ภาษาจากส่ือสิ่งพิมพ์และส่ืออิเล็กทรอนิกส์ วิเคราะห์วิจารณ์วรรณคดีและ
วรรณกรรมตามหลักการวิจารณ์เบ้ืองต้น วิเคราะห์ลักษณะเด่นของวรรณคดีเชื่อมโยงกับการเรียนรู้ทาง
ประวัติศาสตร์และวิถีชีวิตในอดีต วิเคราะห์และประเมินคุณค่าด้านวรรณศิลป์ของวรรณคดีและวรรณกรรม
เพื่อนาไปประยุกต์ใช้ในชีวิตจริง ท่องจาบทอาขยานตามที่กาหนดและบทร้อยกรองตามความสนใจและบอก
คณุ คา่ สามารถนาไปใช้อ้างองิ ได้
โดยใช้กิจกรรมท่ีเน้นการฝึกทักษะท้ังด้านการฟัง ดู พูด อ่านและเขียน ฝึกให้มี
วิจารณญาณในด้านต่างๆเน้นการคิดวิเคราะห์ การแสดงความคิดเห็นอย่างมีเหตุผล การสังเคราะห์ความรู้
ข้อคิด และประเมินคุณค่าเรียนรู้แบบบูรณาการตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง อาเซียนศึกษา
และงานสวนพฤกษศาสตรโ์ รงเรยี น
เพื่อให้ผู้เรียนมีความรู้ทางด้านภาษาไทยอย่างถูกต้อง สามารถนาไปใช้ในชีวิตประจาวันได้
อย่างมีประสิทธิภาพและรักความเปน็ ไทย
รหสั ตัวช้ีวัด
ท ๑.๑ ม.๔-๖/๑, ม.๔-๖/๓, ม.๔-๖/๕, ม.๔-๖/๘, ม.๔-๖/๙
ท ๒.๑ ม.๔-๖/๔, ม.๔-๖/๕, ม.๔-๖/๖, ม.๔-๖/๘
ท ๓.๑ ม.๔-๖/๑, ม.๔-๖/๔, ม.๔-๖/๕, ม.๔-๖/๖
ท ๔.๑ ม.๔-๖/๓, ม.๔-๖/๕, ม.๔-๖/๖, ม.๔-๖/๗
ท ๕.๑ ม.๔-๖/๑, ม.๔-๖/๒, ม.๔-๖/๓, ม.๔-๖/๔, ม.๔-๖/๕, ม.๔-๖/๖
รวมท้ังส้ิน ๒๓ ตัวช้วี ัด
๙
โครงสร้างรายวิชา
รายวิชาภาษาไทย รายวิชา ท๓๒๑๐๑ กลุ่มสาระการเรยี นรูภ้ าษาไทย
จานวน ๔๐ ช่ัวโมง ๑ หนว่ ยกิต
ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปีที่ ๕ (ภาคเรียนท่ี ๑) ปกี ารศกึ ษา ๒๕๖๕
ที่ ชอ่ื หน่วยการเรยี นรู้ ตัวชว้ี ัดชว่ งชน้ั สาระการเรยี นรู้ จานวนชั่วโมง
๑ ธรรมชาติของภาษา ท ๑.๑ ม.๔-๖/๑ - ปฐมนเิ ทศ ๑๒
ม.๔-๖/๒ - การอ่านออกเสียงบทร้อยแกว้ ๘
ม.๔-๖/๔ ถูกต้องตามหลักการอ่าน
ม.๔-๖/๙ - การอ่านออกเสยี งบทร้อยกรอง
ถกู ต้องตามหลักการอา่ น
ท ๓.๑ ม.๔-๖/๑ - ตคี วามแปลความและขยายความ
ม.๔-๖/๖ - วิเคราะห์
- วจิ ารณ์
ท ๔.๑ ม.๔-๖/๑ - การพดู สรุปแนวคิด
ท ๕.๑ ม.๔-๖/๑ - การแสดงความคิดเหน็
- ตอบคาถามจากการอา่ นประเภท
ม.๔-๖/๒
ม.๔-๖/๓ ต่างๆ
ม.๔-๖/๔ - วิเคราะหแ์ นวคิดการใช้ ภาษาจาก
ม.๔-๖/๕ เรื่องที่ฟังและดู
ม.๔-๖/๖ - หลักการวิจารณ์ วรรณคดีและ
วรรณกรรมเบ้ืองต้น
๒ วาทการส่อื ความ ท ๑.๑ ม.๔-๖/๑ - การวิเคราะห์และประเมินค่า
ม.๔-๖/๒ วรรณคดีและวรรณกรรม ตลอดจน รวบรวม
ม.๔-๖/๖ วรรณกรรมพ้ืนบ้านท่ี แสดงถึงภาษากับ
ม.๔-๖/๗ วฒั นธรรม
ท ๒.๑ ม.๔-๖/๑ - อ่านออกเสียงบทร้อยกรอง บท
ม.๔-๖/๗ เสภา
ม.๔-๖/๘
- อา่ นจบั ใจความ
ท ๓.๑ ม.๔-๖/๑ - มารยาทในการอ่าน
ม.๔-๖/๒ - พูดในโอกาสตา่ งๆ
ม.๔-๖/๓ - พดู แสดงทรรศนะ
ม.๔-๖/๔ - พดู โตแ้ ยง้
- พูดโนม้ น้าวใจ
ท ๔.๑ ม.๔-๖/๒ - คาซอ้ น
- คาซา้
- คาประสม
- คาจากภาษาอ่ืน
๑๐
ท่ี ชื่อหน่วยการเรียนรู้ ตวั ชวี้ ัดชว่ งชัน้ สาระการเรยี นรู้ จานวนชว่ั โมง
๓ ตามรอยพอ่ แห่งแผน่ ดนิ
ท ๑.๑ ม.๔-๖/๒ - อ่านออกเสียงบทร้อยกรอง บท ๘
ม.๔-๖/๖ เสภา
ม.๔-๖/๗
- อ่านจบั ใจความ
ท ๒.๑ ม.๔-๖/๑ - มารยาทในการอ่าน
ม.๔-๖/๒ - วิเคราะห์แนวคิดการใช้ ภาษาจาก
ม.๔-๖/๘ เรอื่ งท่ฟี ังและดู
- มารยาท ในการฟงั ดู และพดู
ท ๓.๑ ม.๔-๖/๑ - ใ ช้ ภ า ษ า เ ห ม า ะ ส ม แ ก่ โ อ ก า ส
ม.๔-๖/๒ กาลเทศะและบุคคลรวมท้ังคาราชาศัพท์
ม.๔-๖/๓ อย่างเหมาะสม
ม.๔-๖/๔ - เขยี นส่ือสารไดต้ รงตาม วตั ถปุ ระสงค์
- มมี ารยาทในการเขียน
ท ๔.๑ ม.๔-๖/๔ - วิเคราะห์แนวคิดการใช้ ภาษาจาก
เรอื่ งทฟ่ี ังและดู
๔ วรรณศิลปส์ านวฒั นธรรม ท ๑.๑ ม.๔-๖/๑ - อ่านอย่างมวี ิจารณญาณ ๑๒
ม.๔-๖/๒ - ประโยค
ม.๔-๖/๗ - ข้อสังเกตเกย่ี วกับประโยค
- การแสดงความเก่ยี วขอ้ งของประโยค
ท ๒.๑ ม.๔-๖/๑ ในกลมุ่ ประโยค
ม.๔-๖/๓ - วิเคราะห์แนวคิดการใช้ ภาษาจาก
ม.๔-๖/๗ เรื่องทฟ่ี ังและดู
ท ๕.๑ ม.๔-๖/๑ - หลักการวิจารณ์ วรรณคดีและ
ม.๔-๖/๒ วรรณกรรมเบือ้ งตน้
ม.๔-๖/๓
ม.๔-๖/๔ - การวิเคราะห์และประเมินค่า
ม.๔-๖/๕ วรรณคดีและวรรณกรรม ตลอดจน รวบรวม
ม.๔-๖/๖ วรรณกรรมพื้นบ้านที่ แสดงถึงภาษากับ
วัฒนธรรม
๑๑
โครงสร้างรายวชิ า
รายวิชาภาษาไทย รายวิชา ท๓๒๑๑๐๒ กลุ่มสาระการเรยี นรู้ภาษาไทย
จานวน ๔๐ ชว่ั โมง ๑ หน่วยกติ
ชน้ั มธั ยมศึกษาปที ี่ ๕ (ภาคเรยี นท่ี ๒) ปกี ารศึกษา ๒๕๖๕
ที่ ช่ือหนว่ ยการเรียนรู้ ตัวชี้วัดชว่ งชน้ั สาระการเรยี นรู้ จานวนชว่ั โมง
๑ รอ้ ยเรยี งจานรรจา ท ๑.๑ ม.๔-๖/๑ - อา่ นออกเสยี งบทร้อยกรอง บท เสภา ๑๒
ม.๔-๖/๓ - อา่ นจับใจความ ๘
ม.๔-๖/๙ - มารยาทในการอา่ น
- เขยี นส่ือสารไดต้ รงตาม วตั ถปุ ระสงค์
ท ๓.๑ ม.๔-๖/๑ - มีมารยาทในการเขียน
ม.๔-๖/๔ - วิเคราะห์แนวคิดการใช้ ภาษาจาก
ม.๔-๖/๖ เร่ืองทฟ่ี งั และดู
- มารยาท ในการฟัง ดู และพูด
ท ๔.๑ ม.๔-๖/๑ - ใช้ภาษาเหมาะสมแก่โอกาส กาลเทศะ
ท ๕.๑ ม.๔-๖/๑ และบุคคลรวมท้ังคาราชาศัพท์ อย่าง
เหมาะสม
ม.๔-๖/๒ - หลักการวิจารณ์ วรรณคดีและ
ม.๔-๖/๓ วรรณกรรมเบ้ืองต้น
ม.๔-๖/๔ - การวิเคราะห์และประเมนิ คา่ วรรณคดี
ม.๔-๖/๕ และวรรณกรรม ตลอดจน รวบรวม
ม.๔-๖/๖ วรรณกรรมพ้ืนบ้านท่ี แสดงถึงภาษากับ
วฒั นธรรม
๒ ภาษาสรา้ งสรรค์ ท ๑.๑ ม.๔-๖/๑
ม.๔-๖/๓ - อา่ นออกเสียงบทร้อยกรอง บท เสภา
ม.๔-๖/๕ - อ่านจบั ใจความ
- มารยาทในการอา่ น
ท ๓.๑ ม.๔-๖/๑ - เขียนสอ่ื สารไดต้ รงตาม วตั ถปุ ระสงค์
ม.๔-๖/๕ - มีมารยาทในการเขยี น
ม.๔-๖/๖ - วิเคราะห์แนวคิดการใช้ ภาษาจาก
เร่ืองทีฟ่ ังและดู
ท ๔.๑ ม.๔-๖/๕ - มารยาท ในการฟัง ดู และพดู
ม.๔-๖/๖
๑๒
ท่ี ชื่อหน่วยการเรยี นรู้ ตัวชว้ี ดั ช่วงช้ัน สาระการเรียนรู้ จานวนชว่ั โมง
๓ กลั่นถ้อยร้อยความ ท ๑.๑ ม.๔-๖/๑ - การอา่ นออกเสยี งร้อยแกว้ ๘
๔ ตามรอยวรรณคดี ม.๔-๖/๓ - การอ่านจบั ใจความ
ม.๔-๖/๕ - มารยาทในการอา่ น
- การเขียนโน้มน้าวใจ
ท ๒.๑ ม.๔-๖/๔ - การเขยี นเรียงความ
ม.๔-๖/๕ - มารยาทในการเขยี น
ม.๔-๖/๖ - ธรรมชาตขิ องภาษา วิเคราะห์ ประเมนิ
ม.๔-๖/๘ คณุ ค่างานเขียน
ท ๓.๑ ม.๔-๖/๑ - อ่านออกเสียงบทรอ้ ยกรอง บทเสภา ๑๒
ม.๔-๖/๔ - อา่ นจับใจความ
- มารยาทในการอา่ น
ท ๑.๑ ม.๔-๖/๑ - วิเคราะห์แนวคิดการใช้ ภาษาจากเรื่อง
ม.๔-๖/๓ ทฟ่ี ังและดู
ม.๔-๖/๕ - มารยาท ในการฟงั ดู และพูด
ม.๔-๖/๘ - ใช้ภาษาเหมาะสมแก่โอกาส กาลเทศะ
และบุคคลรวมท้ังคาราชาศัพท์ อย่าง
ท ๔.๑ ม.๔-๖/๗ เหมาะสม
ท ๕.๑ ม.๔-๖/๑ - หลักการวิจารณ์ ว รรณคดีและ
วรรณกรรมเบอ้ื งต้น
ม.๔-๖/๒ - การวิเคราะห์และประเมนิ ค่า วรรณคดี
ม.๔-๖/๓ และวรรณกรรม ตลอดจน รวบรวม
ม.๔-๖/๔ วรรณกรรมพื้นบ้านที่ แสดงถึงภาษากับ
ม.๔-๖/๕ วัฒนธรรม
ม.๔-๖/๖
๑๓
๑๔
แผนการจดั การเรยี นรทู้ ่ี ๑ เร่ือง การปฐมนิเทศ
รหัสวิชา ท๓๒๑๐๑ รายวิชา ภาษาไทย กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย
ช้ันมัธยมศกึ ษาปีที่ ๕ ภาคเรยี นที่ ๑ ปกี ารศกึ ษา ๒๕๖๕
หน่วยการเรียนรู้ท่ี ๑ เรอ่ื ง ธรรมชาตขิ องภาษา เวลา ๒ ชว่ั โมง
๑. มาตรฐานการเรียนรู้/ตวั ชี้วัด
มาตรฐาน ท ๓.๑ สามารถเลือกฟังและดอู ยา่ งมวี จิ ารณญาณ และพดู แสดงความคดิ และความรสู้ ึก
ในโอกาสต่างๆ อย่างมวี ิจารณญาณและสรา้ งสรรค์
ตัวชวี้ ดั ท ๓.๑ ม. ๔-๖/๕ พูดในโอกาสตา่ งๆ พดู แสดงทรรศนะ โต้แย้ง โนม้ น้าวใจและ
เสนอแนวคดิ ใหม่ดว้ ยภาษาถกู ต้องเหมาะสม
ท ๓.๑ ม. ๔-๖/๖ มมี ารยาทในการฟงั การดูและการพูด
๒. จุดประสงค์การเรียนรู้สู่ตวั ชี้วัด (K,P,A)
๑. เพอื่ ให้นักเรียนอธบิ ายเนอ้ื หาท่ีเรยี นเกณฑ์การวัดประเมินผลและข้อตกลงร่วมกนั ในช้ันเรยี นได้(K)
๒. เพ่ือใหน้ ักเรียนพดู แนะนาตัวเอง พูดแสดงทรรศนะและความร้สู ึกทม่ี ีตอ่ การเรยี นออนไลน์(P)
๓. นกั เรียนมีมารยาทในการฟัง การดูและการพูด(A)
๓. สาระสาคญั
การปฐมนิเทศเป็นการสร้างความเข้าใจอันดีต่อกันระหว่างครูและนักเรียน เป็นการตกลงในเบื้องต้น
ก่อนเร่ิมการเรียนการสอน ทาให้ครูได้รู้จักนักเรียนดียง่ิ ข้ึน ทราบความต้องการ ความรู้สึก และทัศนคติท่ีมีต่อ
วิชาท่ีเรียน นักเรียนสามารถพูดแนะนาตัวเอง พูดแสดงทรรศนะและความรู้สึกที่มีต่อการเรียนออนไลน์ ได้
มมี ารยาทในการฟัง และการพูด
๔. สาระการเรยี นรู้
๔.๑ ความรู้ (K)
- คาอธิบายรายวิชา ท๓๒๑๐๑
- เกณฑ์การวดั ประเมินผลรายวชิ า ท๓๒๑๐๑
๔.๒ ทกั ษะ/กระบวนการ/กระบวนการคิด (P)
- ทกั ษะการพดู
- กระบวนการคิด
๔.๓ คุณลักษณะอนั พึงประสงค์ (A)
- ใฝ่เรียนรู้
- มวี นิ ัย
๑๕
๕. สมรรถนะสาคญั ของผเู้ รยี น
๑. ความสามารถในการสื่อสาร
๒. ความสามารถในการคิด
๓. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี
๗. การจัดกิจกรรมการเรยี นการสอน
แผนการจัดการเรียนรู้เพ่อื ใชใ้ นการสอนทางไกล ในสถานการณก์ ารแพร่ระบาดของโรคติดเช้อื ไวรสั
โคโรนา (COVID-19) ผ่านทางช่องทางแอปพลเิ คชัน LINE , Google ClassroomและGoogle Meet
ขนั้ นา
๑. ครูเปิดหอ้ งเรียนออนไลน์โดยใชช้ อ่ งทางทน่ี ดั หมายกับนกั เรียน คือแอปพลเิ คชนั
Google Meet
๒. ครูสนทนากับนักเรียน และเช็คชือ่ เขา้ เรียนโดยการให้นักเรียนแนะนาตัวเรยี งตามเลขที่
ขั้นสอน
๓. ครูแชร์หน้าจอเน้อื หา power point เร่ือง การปฐมนิเทศก่อนเรยี น
๔. ครแู จ้งคาอธบิ ายรายวชิ า ตวั ชี้วัดมาตรฐานการเรยี นรู้ วธิ ีการเรยี น การวดั ผลประเมินผล
พรอ้ มทั้งเกณฑก์ ารผา่ นมาตรฐานการเรยี นรู้
๕.ครูให้นักเรียนมีส่วนร่วมในการทาข้อตกลงในช้ันเรียน โดยให้นักเรียนเสนอและสรุป
ข้อตกลงในช้ันเรียนเพ่ือให้นกั เรียนทุกคนปฏิบัติได้ถูกต้อง
๖. ครูประเมินความรู้ความเข้าใจเบ้ืองต้นของนักเรียนในเร่ืองวิธีการเรียน เกณฑ์การผ่าน
มาตรฐานการเรียนรู้ และข้อตกลงในชั้นเรียน โดยให้นักเรียนตอบคาถามเป็นรายบุคคล และ
เสรมิ แรงทางบวกโดยการกล่าวชมนักเรยี นที่ตอบถูก หรือรว่ มกจิ กรรม
๗. นักเรียนทาแบบทดสอบก่อนเรียน เร่ือง ร่ายยาวมหาเวสสันดรชาดก กัณฑ์มัทรี โดย
แบบทดสอบปรนยั (Google form) ชนดิ เลือกตอบ ๔ ตัวเลอื ก จานวน ๒๐ ขอ้ เพอ่ื วดั พน้ื ฐานความรู้
ของนักเรียน
ข้นั สรปุ
๘. นักเรยี นพดู แสดงทรรศนะและความรสู้ กึ ท่ีมตี ่อการเรยี นออนไลน์
๙. ครสู รุปการปฐมนิเทศและการเตรียมความพร้อมในชัว่ โมงเรียนตอ่ ไป
๘. การจดั บรรยากาศเชงิ บวก
- นกั เรยี นมสี ว่ นรว่ มในการเสนอความคิดเหน็
- กจิ กรรมตอบคาถาม โดยการเสรมิ แรงทางบวก กล่าวชมนักเรยี นทีต่ อบคาถามไม่ว่าจะถูกหรือผดิ
๙. สือ่ การเรยี นรู้/แหล่งเรียนรู้
- Power point เร่อื ง การปฐมนเิ ทศ
- แบบทดสอบก่อนเรยี น (google form)
๑๖
๑๐. การวดั และประเมินผล ชิ้นงาน/ภาระ วธิ กี าร เคร่อื งมอื การ เกณฑก์ าร
จดุ ประสงค์การเรียนรูส้ ู่ตวั ช้ีวัด ประเมิน ประเมิน ประเมิน
การตอบ คาถาม ตอบคาถามได้
ด้านความรู้ (K) - คาตอบ คาถาม
- การอธิบาย แบบประเมิน ถกู ต้องและ
๑.อธิบายภาพรวมเน้ือหาที่เรียน การประเมนิ ทกั ษะการพูด ชัดเจน
ร า ย วิ ช า เ ก ณ ฑ์ ก า ร วั ด แ ล ะ การพดู
ประเมินผล รวมถึงข้อปฏิบัติและ แบบสังเกต ไมน่ อ้ ยกว่า
ขอ้ ตกลงรว่ มกนั ภายในช้ันเรยี น การสังเกต การมสี ว่ นร่วม ๘๐%
พฤติกรรม ในชนั้ เรียน
ด้านทกั ษะ/กระบวนการ (P) การพูดแนะนา ไดค้ ะแนน ๑๕
รายบคุ คล คะแนนข้ึนไป
๑.แนะนาตวั เองใหเ้ พ่อื นและครูรู้จกั ตวั เองและ ถอื วา่ ผา่ น
แสดงความร้สู กึ
๒.ร่วมกันแสดงความรู้สึกท่ีมีต่อการ เกณฑ์
เรียนออนไลน์เพื่อเข้าใจกันและกัน ทมี่ ีตอ่ การเรยี น
มากขึน้ ออนไลน์ นักเรียนตอ้ งได้
คะแนนรวม ๔
ด้านคณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์(A) - คะแนนข้ึนไป
๑. ใฝเ่ รยี น
๒. มีมารยาทในการฟงั และการพดู
๑๗
แบบบนั ทกึ คะแนนทดสอบก่อนเรียน
เรื่อง รา่ ยยาวมหาเวสสันดรชาดก กณั ฑ์มทั รี
คาช้ีแจง : ให้ผู้สอนประเมินความถูกต้องของการทาแบบประเมินผลการทดสอบก่อนเรียน
เรื่อง รา่ ยยาวมหาเวสสันดรชาดก กัณฑ์มัทรี โดยให้คะแนนขอ้ ละ ๑ คะแนน
ที่ ช่อื -สกุล คะแนน
๑.
๒.
๓.
๔.
๕.
๖.
๗.
๘.
๙.
...
ลงชอื่ ...................................................ผู้ประเมนิ
(นางสาวภาวินี ชาวหงษา)
............../.................../................
๑๘
แบบประเมินทักษะการพดู
คาชี้แจง :แบบประเมินทักษะการพูดของนักเรียนเป็นรายบุคคล โดยทาเครื่องหมาย / ในช่องให้คะแนน
ที่เห็นสมควรตามความเป็นจรงิ
ที่ รายการการประเมนิ
ดา้ นประเดน็ ดา้ น ด้าน ดา้ นการใช้ ดา้ นการใช้
เนอ้ื หา นา้ เสยี ง อกั ขรวิธี
ชือ่ -สกุล ภาษาแสดง อวัจนภาษา รวม
ทรรศนะ
๔ ๓ ๒ ๑ ๔ ๓๒๑๔๓๒๑๔๓๒๑๔๓๒๑
๑
๒
๓
๔
...
ข้อเสนอแนะ
................................................................................................................................ ............................................
....................................................................................... .....................................................................................
คะแนนเตม็ ๒๐ คะแนน
คะแนนท่ไี ด้ ......... คะแนน
ระดับคณุ ภาพ ..................
ระดบั คณุ ภาพ
๑๗ – ๒๐ คะแนน ระดบั คุณภาพ ดี
๑๔ – ๑๖ คะแนน ระดับคณุ ภาพ ปานกลาง
๑๑ – ๑๓ คะแนน ระดบั คุรภาพ พอใช้
๘ – ๑๐ คะแนน ระดับคณุ ภาพ ปรับปรงุ
ไดค้ ะแนน ๑๑ คะแนน ข้นึ ไปถือว่า ผา่ นเกณฑ์
๑๙
เกณฑ์การประเมนิ ทักษะการพูด
เกณฑ์การประเมนิ ระดบั คุณภาพ
ด้านประเด็นเนื้อหา
๔ ๓๒ ๑
ดา้ นนา้ เสียง
ด้านอักขรวิธี พูดตรงประเดน็ ตาม พดู ตรงประเดน็ พูดไมค่ ่อยตรง พดู ไม่ตรงประเด็น
ดา้ นการใช้ภาษาแสดง ประเดน็ ตาม ตามเน้ือหาทก่ี าหนด
เนอ้ื หาท่ีกาหนด ตามเนือ้ หาที่ เน้อื หาที่กาหนด
ทรรศนะ ไมม่ ีท่มี า มี
มที มี่ า ข้อสนบั สนนุ กาหนด มีทมี่ า มที ม่ี ีข้อสนบั สนุน ขอ้ สนับสนุน และ
ดา้ นการใชอ้ วจั นภาษา และข้อสรปุ ไม่ ข้อสรุปไมช่ ดั เจน
และข้อสรุปชัดเจนดี ขอ้ สนบั สนุน และ ค่อยชดั เจน
มาก ข้อสรุปชดั เจนดี
นา้ เสียงไพเราะชวน นา้ เสยี งแจ่มใส นา้ เสยี งธรรมดา นา้ เสียงธรรมดา
ฟัง นุ่มนวลแจม่ ใส เสยี งดังชดั เจน เสยี งดังชดั เจน เสียงคอ่ ย
เสยี งดงั ชดั เจน
ออกเสียงคาควบ ออกเสียงคาควบ ออกเสียงคาควบ ออกเสียงคาควบ
กล้าได้ถูกต้องตาม กล้าผิดอักขรวิธี กลา้ ผดิ อักขรวธิ ี กล้าผดิ อกั ขรวิธี
จานวน ไมเ่ กิน จานวนไม่เกิน จานวน ตั้งแต่ ๖ คา
อกั ขรวธิ ีทุกคา
๓ คา ๕ คา ข้นึ ไป
ใชภ้ าษาไทยในการ ใชภ้ าษาไทยใน ใชภ้ าษาไทยใน ใชภ้ าษาไทยในการ
พดู ดว้ ยถ้อยคา การพดู ด้วย การพดู ด้วย พดู ไม่ค่อยคา
กะทัดรดั ให้ ถอ้ ยคากะทัดรัด ถอ้ ยคากะทดั รัด กะทัดรดั ให้
ความหมายชดั เจน ให้ความหมาย ให้ความหมาย ความหมายไม่
เรียงลาดับเว้นวรรค ชดั เจนเรยี งลาดับ ชดั เจนเรยี งลาดับ ชดั เจนเรยี งลาดับ
ตอนได้ถูกต้อง เวน้ วรรคตอนได้ เว้นวรรคตอนได้
ถูกต้อง พูดติดขดั เวน้ วรรคตอนได้ ถกู ต้อง ติดขัดตัง้ แต่
ไมเ่ กิน ๒ แห่ง ถกู ต้อง ติดขดั ไม่ ๔ แหง่ ขน้ึ ไป
เกนิ ๓ แห่ง
ภาษามอื สหี น้าแวว ใช้ภาษามือ สหี น้า ใชภ้ าษามือ มาก ไม่มีการใชภ้ าษามือ
ตา ระบายรอยยิ้ม แววตา ระบาย เกินไป หรือน้อย ประกอบการพูดได้
ประกอบการพูดได้ รอยยม้ิ ประกอบ เกนิ ไป ระบาย ไมเ่ หมาะสม ไม่มี
เหมาะสมทกุ ตอน การพดู ไดเ้ หมาะ- รอยยม้ิ ค่อนขา้ ง การระบายรอยยิ้ม
สมบางตอน เหมาะสม
๒๐
แบบสังเกตพฤตกิ รรมการมสี ่วนรว่ มในช้ันเรยี นรายบุคคล
คาชี้แจง :แบบสังเกตพฤติกรรมการมสี ่วนรว่ มในช้นั เรียนสร้างข้ึนเพ่ือใหค้ รผู ้สู อนประเมินพฤติกรรมนักเรียน
เปน็ รายบุคคล โดยทาเคร่อื งหมาย / ในชอ่ งให้คะแนนที่เห็นสมควรตามความเปน็ จรงิ
พฤติกรรมและระดับคะแนน
พฤติกรรม ความมวี ินัย ความต้งั ใจ ความสนใจ
ตรงตอ่ เวลา และม่งุ มนั ใน ใฝ่เรยี นใฝร่ ู้
การทางาน
ความ
เลขที่ รายชอ่ื รับผดิ ชอบ รวม
๓๒๑๓๒๑๓๒๑
๑.
๒.
๓.
๔.
...
ขอ้ สังเกตเพ่มิ เตมิ
...................................................................................................................................................................... ......
............................................................................................................................................................................
ระดับคะแนน ๓ หมายถึง ดมี าก เกณฑร์ ะดบั คะแนน ๗ – ๙ = ๓
๒ หมายถึง ดี ๕–๖ = ๒
๑ หมายถงึ พอใช้ ๕–๔ = ๑
หมายเหตุ นักเรียนต้องได้คะแนนรวม ๔ คะแนนขึ้นไป และได้รับคะแนนอย่างน้อย ๑ คะแนนในแต่ละ
ประเดน็ การประเมนิ จงึ จะถือวา่ ผา่ นการประเมนิ ครงั้ น้ี
ลงช่อื ....................................................ผู้ประเมิน
(..........................................................)
.........../................./..........
๒๑
เกณฑป์ ระเมนิ พฤติกรรมการมีสว่ นร่วมในชั้นเรยี นรายบุคคล
คาชี้แจง :เกณฑ์การประเมินน้ีสร้างขึ้นเพ่ือใช้เป็นเกณฑ์ในการให้คะแนนโดยครู ตามรายการประเมินพร้อม
ทั้งเกณฑ์การให้คะแนนในแต่ละหัวข้อท่ีตรงกับพฤติกรรมของนักเรียนตามความเป็นจริงและครูจะประเมิน
ลงในแบบสงั เกตพฤตกิ รรมการมสี ่วนรว่ มในชั้นเรยี น
รายการประเมิน ๓ (ดีมาก) เกณฑก์ ารประเมิน ๑ (พอใจ)
๒ (ด)ี
๑. ความมีวินัย ตรงต่อ ๑.เข้าเรยี นตรงเวลา ๑.เข้าเรียนช้ากวา่ ๑.เข้าเรียนช้าเกินกว่า
๑๐ นาที
เวลา ความรับผดิ ชอบ ๒.อุปกรณ์การเรียนครบ กาหนด แตไ่ ม่เกนิ ๑๐
นาที ๒ . ไ ม่ น า อุ ป ก ร ณ์ ก า ร
ตามท่คี รูกาหนด เช่น ๒.อุปกรณก์ ารเรยี นไม่ เรียนมาเลยแม้แต่ชิ้น
หนงั สือเรยี น ใบความรู้ ครบตามที่ครกู าหนด เดียว
2. ความต้ังใจ และมุ่งมั่น 1.ทางานดว้ ยความ 1. ทางานด้ว ยคว าม 1.ไม่ตั้งใจทางาน
ตั้งใจ 2.ไม่ซักถามหรือแสดง
ในการทางาน ตง้ั ใจ 2.ซักถามแสดงความ ความคดิ เหน็ ใดๆท้งั ส้ิน
คดิ เห็นบ้างบางครัง้
2.ซักถามและแสดง
ความคดิ เหน็ บ่อยครัง้
3. ความสนใจ ใฝเ่ รยี นใฝร่ ู้ 1.ปฏิบัติงานที่ครูสั่ง 1.ปฏิบัติงานตามท่ีครู 1.ปฏิบัติงานตามท่ีครู
ทันที สง่ั สั่ง
2.จดบันทกึ และตง้ั ใจฟงั 2.จดบนั ทกึ บ้างบางคร้ัง 2 . จ ด บั น ทึ ก บ้ า ง
ครสู อน ไมต่ ้ังใจฟงั เท่าทีค่ วร บ า ง ค รั้ ง ไ ม่ ตั้ ง ใ จ ฟั ง
เทา่ ท่ีควร
ระดบั คุณภาพ/การวัดการประเมนิ ผล
คะแนน 7 – 9 หมายถงึ นกั เรยี นมีคณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์ ดีมาก
คะแนน 5 – 6 หมายถงึ นกั เรียนมคี ุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์ ดี
คะแนน 3 – 4 หมายถงึ นักเรียนมีคุณลักษณะอันพึงประสงค์ พอใช้
๒๒
แบบทดสอบก่อนเรยี น
เรือ่ ง ร่ายยาวมหาเวสสนั ดรชาดก กัณฑ์มทั รี
คาชแ้ี จง : จงเลอื กคาตอบทถ่ี ูกที่สุดเพียงข้อเดียว
1. ผแู้ ต่ง ร่ายยาวมหาเวสสนั ดรชาดก กัณฑ์มัทรี คือบุคคลในข้อใด
ก. เจา้ พระยาพระคลงั (หน) ข. สนุ ทรภู่
ค.สานักวดั สงั ขก์ ระจาย ง. พระเจา้ อทู่ อง
2. รา่ ยยาวมหาเวสสันดรชาดก มที งั้ หมดกี่พระคาถา
ก. 20 พระคาถา ข. 50 พระคาถา
ค. 80 พระคาถา ง. 90 พระคาถา
3. กณั ฑ์มทั รเี ปน็ กณั ฑ์ทีเ่ ท่าใด ในเร่อื งรา่ ยยาวมหาเวสสนั ดรชาดก
ก. กณั ฑ์ที่ 8 ข. กณั ฑท์ ่ี 9
ค. กัณฑท์ ี่ 10 ง. กัณฑ์ท่ี 11
4. ชาดก หมายถึงข้อใด
ก. นิทานท่มี คี ติสอนใจ ข.เรื่องที่แตง่ ข้ึนเพ่อื ใชเ้ ทศน์
ค. เรอื่ งราวของพระเวสสนั ดร ง. เร่อื งราวของพระพทุ ธเจา้ ที่มีมาในชาตกิ อ่ นๆ
5. คณุ สมบัติของพระเวสสันดรทคี่ วรนามาปฏิบตั ใิ นปจั จุบนั คอื ข้อใด
ก. เปน็ ทีพ่ ึง่ ของคนที่ยากจน ข. การให้ทานลกู ชาย-หญิง
ค. ความเสียสละเพ่ือประโยชน์ของสว่ นรวม ง. ความสุจริตใจทมี่ ตี ่อบคุ คลไมเ่ ลือกช้นั วรรณะ
6. ขอ้ ใดกลา่ วถึงผแู้ ตง่ เรอ่ื งร่ายยาวมหาเวสสันดรไมถ่ กู ต้อง
ก. บรรดาศกั ดิ์แรกคือหลวงสรวิชิต ข. รับราชการในสมยั พระบาทสมเด็จพระพทุ ธ-
เลิศหล้านภาลัย
ค. บรรดาศกั ดส์ิ ูงสดุ คือ เจา้ พระยาพระคลัง ง. มนี ามจริงว่า หน
๒๓
7. การท่เี ทวดาแปลงเป็นสัตว์ทัง้ สามมาขวางทางพระนางมัทรีไว้จนมืดค่า แลว้ ก็ปลอ่ ยให้พระนางมัทรีผา่ นไป
น้ัน เปน็ เพราะสาเหตุในข้อใด
ก. เพราะ เห็นใจนางท่ีคดิ ถงึ สองกุมารและสามี
ข. เพราะ พระเวสสนั ดรสง่ กระแสจิตมาขอความชว่ ยเหลอื
ค. เพราะ สงสารและเหน็ ใจในคาอ้อนวอนของพระนางมทั รี
ง. เพราะ เห็นว่าถว่ งเวลาไว้พอสมควรท่ีจะทาให้ชูชกพาสองกมุ ารไปได้ไกลจากอาศรมมากแล้ว
8. ขอ้ ใดมกี ารใชภ้ าพพจนอ์ ุปมา
ก. เจา้ มาตายจากพี่ไปในวงวัด เจ้าจะเอาปา่ ชัฏนห่ี รือมาเปน็ ปา่ ช้า
ข. ทรงพระกันแสงโศกาไห้พไิ รรา่ กรรมเอย๋ กรรม กรรมของมทั รี
ค. ทงั้ พ้นื ปา่ พระหิมพานต์ก็ผัดผันหว่นั ไหวอยวู่ ิงเวยี น เปล่ยี นเป็นพยับมดื ไมเ่ ห็นหน
ง. พระกายนางให้เสียวสนั่ หว่นั ไหวไปท้งั องค์ ดจุ ชายธงอันต้องกาลังลมอยู่ลิ่วๆ
9. “เจา้ มทั รีผูม้ ีรูปงาม ไฉนวันนจี้ งึ กลบั เสียจนคา่ ไม่ห่วงลกุ หว่ งผวั เสียบ้างเลย มาตกทุกข์ได้ยากอยูด่ ว้ ยกนั
เท่านี้ ยังจะมาประพฤติมิดีอีกหรอื ไร” ข้อความนี้จัดเปน็ รสทางวรรณคดีประเภทใด
ก. เสาวรจนี ข. นารีปราโมทย์
ค. พิโรธวาทงั ง. สลั ลาปงั คพิสยั
10. เพลงพณิ พาทย์ประจากัณฑ์มัทรีคอื เพลงอะไร
ก. เพลงทยอยโอด ข. เพลงกราวนอก
ค. เพลงโอดเชดิ ฉิง่ ง. เพลงพญาโศก
11. จดุ ประสงค์ในการแต่งรา่ ยยาวมหาเวสสนั ดรชาดก กณั ฑม์ ทั รี คือข้อใด
ก.แตง่ เพ่ือใชเ้ ทศน์ ข.แต่งเพื่ออทุ ิศให้กับมารดา
ค.แตง่ เพื่อความบันเทงิ ง.แต่งเพอ่ื ทจี่ ะนาหลักธรรมในพระพุทธศาสนามา
มาสอนประชาชน
12. วรรณคดีมโมสรสมัยรัชกาลท่ี 6 ได้ยกยอ่ งรา่ ยยาวมหาเวสสันดรชาดก วา่ เปน็ ยอดในเร่อื งใด
ก.ยอดของร่ายยาว ข.ยอดของลลิ ิต
ค.ยอดของรอ้ ยแกว้ ง.ยอดของความเรียง
๒๔
13. พระเวสสันดรทรงใช้อุบายใดทท่ี าให้พระนางมัทรี “ความโศกเสอ่ื มสวา่ งสงบจิต”
ก. ไม่ตอบคาถาม ข. แสดงความเกรย้ี วกราด
ค. แสดงอาการหงึ หวง ง. แสดงอาการครา่ ครวญ
14. พระพุทธเจา้ ทรงเทศน์เรื่องมหาเวสสันดรชาดก มีมลู เหตุมาจากข้อใด
. ก.เพอื่ เทศนโ์ ปรดพระญาติวงศเ์ ม่ือคราวเสดจ็ เมืองกรงุ กบลิ บัสดุ์คร้งั แรก
ข.พระภกิ ษุสงฆ์อาราธนาให้เทศน์
ค.เพอ่ื แสดงอนิสงสแ์ ห่งปิยบุตรทารบารมี
ง.ปรารภฝนในการโบกขรพรรษใหเ้ ป็นสาเหตุ
15. ข้อใดกล่าวถูกเกีย่ วกับความเชอ่ื ในประเพณีการเทศน์มหาชาติ
ก. ผใู้ ดฟงั การเทศน์เรื่องพระเวสสันดรครบ 13 กัณฑ์ ภายในวันเดียวจะได้เกดิ ในสมัยพระศรีอาริย์
ข. ผู้ใดฟงั การเทศนเ์ ร่ืองพระเวสสนั ดรครบ 13 กณั ฑ์ ภายในวันเดยี วจะไดส้ าเรจ็ พระอรหันต์
ค. ผ้ใู ดฟงั การเทศนเ์ รื่องพระเวสสันดรครบ 13 กัณฑ์ ภายในวนั เดียวจะไดบ้ ญุ มหาศาล
ง. ผใู้ ดฟังการเทศน์เร่ืองพระเวสสันดรครบ 13 กณั ฑ์ ภายในวันเดียวจะไดไ้ ปเกิดบนสวรรค์
16. “นางก็เศร้าสร้อยสลดพระทยั ดั่งเอาเหลก็ แดงมาแทงใจใหเ้ จ็บจิตนีเ่ หลอื ทน อุปมาเหมือนคนไขห้ นักแลว้
มิหนายงั แพทย์เอายาพิษมาวางซ้าให้เวทนา” ขอ้ ความดังกล่าวเด่นในด้านใดมากทส่ี ดุ
ก. ใช้ภาษาไพเราะความหมายชดั เจน ข. การเลน่ คา
ค. ให้อารมณ์ความร้สู กึ ง. การเลน่ เสยี งสัมผัสในวรรค
17. “พระนยั เนตรท้ังสองขา้ งไมข่ าดสายพระอัสสชุ ล” คาที่ขีดเส้นใต้คอื ขอ้ ใด
ก.เหงอ่ื ข. น้าตา
ค.ดวงตา ง. ใจหาย
18. “ทง้ั พวงแกว้ และพวงทองก็โรยรว่ งจากกลีบเมฆกระทาสักการบูชา แก่สมเดจ็ นางพระยามัทรี” คา
ประพันธ์ที่ยกมานี้ พระนางมัทรีได้รับการสกั การะในเรื่องใด
ก. ความซื่อสัตย์ต่อสามี ข. การอนุโมทนาในทานของพระเวสสนั ดร
ค. ความรักลกู ง. ความเมตตาสงสาร
๒๕
19. “น้าเอย๋ เคยมาเป่ยี มขอบเป็นไรจ่ึงขอดขน้ ลงขุน่ หมอง พระพายเจา้ เอย่ เคยมาพดั ต้องกลบี อุบลพากลน่ิ
สคุ นธข์ จรรสมา รวยร่นื เปน็ ไรจง่ึ เส่อื มหอมหายช่นื ไมเ่ ฉ่อื ยฉ่า” คาประพนั ธท์ ยี่ กมาน้ีมนี ้าเสียง เป็นอย่างไร
ก. ตัดพอ้ ข. บ่นพึมพา
ค. คร่าครวญ ง. ออดอ้อน
20. พระเวสสันดรประทานช้างคบู่ า้ นคูเ่ มือง ชื่อวา่ อะไร
ก. ปจั จยั นาค ข.ก้านกลว้ ย
ค.ปัจจัยนาเคนทร์ ง.ไมม่ ีข้อใดถกู
๒๖
แบบทดสอบก่อนเรยี นในรปู แบบออนไลน์ (google form)
เรอ่ื ง รา่ ยยาวมหาเวสสันดรชาดก กัณฑ์มัทรี
ลงิ ก์แบบทดสอบ https://forms.gle/ycAgmsn8Do3MUchL6
QR Code แบบทดสอบ
๒๗
ส่ือการสอน
๒๘
๒๙
๓๐
11. บนั ทกึ ผลหลงั การสอน
11.1 สรปุ ผลการเรยี นการสอน
นักเรียนทราบถึงคาอธิบายรายวิชาภาษาไทย ท30101 ขอบเขตเนื้อหาวิชา เกณฑ์การวัด
และการประเมินผล รวมถึงข้อตกลงและการปฏิบัติตนในการเรียนรายวิชาภาษาไทย นักเรียนส่วน
ใหญ่มีความสนใจ ให้ความร่วมมือในการแสดงความคิดเห็นเก่ียวกับการทาข้อตกลงในห้องเรียน
ครแู ละนกั เรยี นรว่ มกนั แสดงความรู้สกึ ทมี่ ีตอ่ การเรียนออนไลนเ์ พ่ือเข้าใจกนั และกันมากขึ้น
11.2 ปัญหา/อุปสรรค
นักเรียนบางส่วนไม่กล้าแสดงออกในการแสดงความคิดเห็นและไม่สนใจในการร่วมกันเสนอ
ขอ้ ตกลงในห้องเรยี น นกั เรียนสว่ นน้อยเข้าเรียนไม่ตรงเวลาตามท่ตี ารางเรยี นที่กาหนด
11.3 แนวทางแกไ้ ข /แนวทางการพฒั นา
ครผู ้สู อนใชค้ าพูดทีเ่ ป็นกันเอง เปดิ โอกาสให้นักเรยี นไดร้ ่วมแสดงความคดิ เหน็ ทุกคนและ
พูดสรปุ ข้อตกลงภายในห้องเรียนตามท่ีไดต้ กลงกนั ไว้
ลงช่ือ ภาวินี ชาวหงษา
( นางสาวภาวนิ ี ชาวหงษา )
ครผู สู้ อน
๓๑
๓๒
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 2 เรอ่ื ง การอา่ นร้อยแกว้ และร้อยกรอง
รหัสวิชา ท32101 รายวชิ า ภาษาไทย กล่มุ สาระการเรยี นรภู้ าษาไทย
ช้ันมัธยมศึกษาปที ี่ 5
หนว่ ยการเรยี นร้ทู ่ี 1 ภาคเรียนที่ 1 ปกี ารศกึ ษา 256๕
เรื่อง ธรรมชาตขิ องภาษา เวลา 2 ชัว่ โมง
1.มาตรฐานการเรียนร/ู้ ตัวช้วี ดั
มาตรฐาน ท 1.1 ใช้กระบวนการอา่ นสร้างความร้แู ละความคิดเพอื่ นาไปใช้ตัดสินใจ แกป้ ัญหาในการ
ดาเนนิ ชีวติ และมีนสิ ยั รกั การอา่ น
ตวั ช้ีวดั ท 1.1 ม. 4-6/1 อ่านออกเสยี งบทร้อยแก้ว และบทร้อยกรองได้อยา่ งถกู ต้อง
ไพเราะและเหมาะสมกบั เรื่องท่ีอ่าน
ท 1.1 ม. 4-6/9 มมี ารยาทในการอ่าน
2. จุดประสงค์การเรียนรู้สูต่ วั ชี้วัด (K,P,A)
1. เพอ่ื ให้นกั เรียนบอกหลักการการอ่านออกเสียงร้อยกรองได้(K)
2. เพอ่ื ใหน้ ักเรยี นอ่านออกเสยี งบทร้อยแกว้ และรอ้ ยกรองไดถ้ ูกต้อง(P)
3. เพอ่ื ให้นกั เรียนมมี ารยาทในการอา่ น(A)
3. สาระสาคัญ
การอ่านออกเสียงร้อยกรอง เป็นการอ่านที่มุ่งให้เกิดความเพลิดเพลินซาบซึ้งในรสของคาประพันธ์
ซึ่งจะต้องอ่านอย่างมีจังหวะ ลีลา และท่วงทานองตามลักษณะคาประพันธ์แต่ละชนิด สามารถถ่ายถอดความคิด
ความรู้สกึ และอารมณ์ของผู้อา่ นไปยังผู้ฟงั ผอู้ ่านออกเสียงร้อยกรองท่ีดี ยอ่ มตอ้ งร้หู ลักในการอ่าน และมที ักษะใน
การอ่าน นกั เรยี นสามารถอา่ นออกเสยี งบทรอ้ ยกรองได้ถูกต้องและมีมารยาทในการอา่ น
4. สาระการเรยี นรู้
4.1 ความรู้ (K)
- หลักการอ่านออกเสยี งรอ้ ยแกว้ และร้อยกรอง
4.2 ทักษะ/กระบวนการ/กระบวนการคดิ (P)
- ทกั ษะการอ่าน
- ทักษะการเขียน
4.3 คณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์ (A)
- ใฝเ่ รียนรู้
- รกั ความเป็นไทย
๓๓
5. สมรรถนะสาคญั ของผู้เรียน
1. ความสามารถในการสื่อสาร
2. ความสามารถในการคดิ
3. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี
6. สาระการเรียนรสู้ กู่ ารบรูณาการ
การบรู ณาการการเรียนรู้กับส่ือออนไลน์ในปจั จุบนั
7. การจัดกิจกรรมการเรยี นการสอน
แผนการจัดการเรยี นร้เู พอ่ื ใช้ในการสอนทางไกล ในสถานการณก์ ารแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัส โค
โรนา (COVID-19) ผ่านทางชอ่ งทางแอปพลิเคชัน LINE , Google ClassroomและGoogle Meet
ขนั้ นา
1. ครเู ปดิ หอ้ งเรียนออนไลน์โดยใช้ช่องทางทีน่ ดั หมายกับนักเรยี น คือแอปพลเิ คชัน
Google Meet
2. ใชค้ าถามกระต้นุ ให้นักเรยี นเกิดกระบวนการคดิ วา่ “ร้อยแกว้ และร้อยกรองแตกตา่ งกนั
อยา่ งไร” เพื่อให้นกั เรียนร่มกันอภิปราย
ข้ันสอน
3. ครูแชร์หน้าจอเน้ือหาpower point เพื่ออธิบายหลักการอ่านออกเสียงร้อยแก้วและ
รอ้ ยกรอง
4. นักเรียนอ่านบทร้อยแก้วและบทร้อยกรองที่ครูจัดเตรียมให้ โดยเปิดไมค์อ่านตามความสมัคร
ใจและอ่านบททีต่ นสนใจ
5. ครูเปิดตัวอย่างวีดิทัศน์การอ่านบทอาขยานหลัก เร่ือง มหาเวสสันดรชาดก กัณฑ์มัทรี
ใหน้ ักเรียนฟัง
6. ครูและนักเรียนร่วมกนั สรุปหลกั การอ่านออกเสยี งร้อยแกว้ และรอ้ ยกรอง
ขั้นสรุป
7. ครูเปิดโอกาสใหน้ ักเรยี นสอบถามในประเด็นที่ไม่เขา้ ใจหรือสอบถามเพิ่มเตมิ
8. ครูมอบหมายงานใหน้ ักเรยี นคัดบทอาขยานลงในสมุด พร้อมท้ังอธิบายวธิ สี ง่ งานผ่านทาง
แอปพลเิ คชัน LINE
๓๔
8. การจัดบรรยากาศเชิงบวก
- กิจกรรมตอบคาถาม โดยการเสริมแรงทางบวก กล่าวชมนักเรยี นท่ตี อบคาถามไมว่ า่ จะถูกหรอื ผิด
- ให้นักเรียนได้แสดงความสามารถในการอ่านออกเสียง เรียนรู้และสังเกตการอ่านของผู้อื่นแล้วนามา
ประยุกตใ์ ชก้ บั ตนเอง
- การเปดิ โอกาสให้นักเรยี นสอบถามในประเด็นที่ไม่เข้าใจหรือสอบถามเพ่ิมเติม
9. สื่อการเรยี นรู้/แหล่งเรยี นรู้
- Power point เรื่อง หลักการอา่ นออกเสียงร้อยแกว้ และร้อยกรอง
- หนังสอื เรยี นวรรรณคดแี ละวรรณกรรม ช้ัน ม.5
- คลปิ วดี ิทัศน์การอ่านบทอาขยาน เรอ่ื ง มหาเวสสันดรชาดก กัณฑ์มัทรี
10. การวดั และประเมนิ ผล วธิ กี าร เคร่อื งมือการ เกณฑ์การ
ประเมิน ประเมิน ประเมิน
จุดประสงคก์ ารเรียนรูส้ ตู่ วั ชี้วัด ช้นิ งาน/ภาระ การตอบ
ด้านความรู้ (K) - คาตอบ คาถาม คาถาม ตอบคาถามได้
1.บอกหลกั การการอ่านออกเสยี ง - การอธิบาย
รอ้ ยแก้วและรอ้ ยกรองได้ การประเมิน ถกู ต้องและ
วดี ิทัศนอ์ า่ นบท การอ่านบท ชดั เจน
ด้านทักษะ/กระบวนการ(P) รอ้ ยแกว้ รอ้ ยแก้ว
1.อ่านออกเสยี งบาทร้อยแกว้ ได้ ไมน่ ้อยกวา่
ถกู ต้อง(P) วดี ทิ ศั น์ท่องบท การประเมนิ 80%
2.อา่ นออกเสียงบทร้อยกรองได้ อาขยาน การทอ่ ง
ถูกต้อง(P) อาขยาน แบบประเมนิ ได้คะแนน 13
- การสังเกต การอ่านออก คะแนนข้ึนไป
ด้านคณุ ลักษณะอันพึงประสงค์(A) พฤติกรรม เสยี งรอ้ ยกรอง ถอื วา่ ผา่ นเกณฑ์
1. ใฝ่เรียน
2. มีมารยาทในการอา่ น แบบประเมิน ได้คะแนน 13
การอ่านออก คะแนนขน้ึ ไป
เสยี งรอ้ ยกรอง ถือวา่ ผ่านเกณฑ์
- แบบสังเกต นักเรียนต้องได้
การมีส่วนรว่ ม คะแนนรวม 4
ในในชนั้ เรียน คะแนนขน้ึ ไป
รายบุคคล
๓๕
แบบประเมนิ การอ่านออกเสียงร้อยกรอง
เลขท่ี ชื่อ-สกุล ถกู ตอ้ ง การแบง่ วรรค ออกเสยี ง การใช้นา้ เสยี ง จงั หวะลลี าใน รวม 20
ตอน ชดั เจน การอ่าน คะแนน
ตาม
อักขรวิธี
4 3 2 1 4 3 2 1 4 3 2 1 4 3 2 1 4 3 2 1 20
1.
2.
3.
4.
5.
6.
7.
8.
9.
10.
11.
12.
13.
14.
15.
16.
17.
18.
19.
20.
21. ๓๖
22.
23. ลงชือ่ ..................................ผู้ประเมิน
24. นางสาวภาวนิ ี ชาวหงษา
25.
26. .........../................./.............
27. ระดบั คุณภาพ
28.
29. ดีมาก
30. ดี
31. พอใช้
32.
ปรับปรุง
เกณฑก์ ารตัดสินระดบั คณุ ภาพ
ช่วงคะแนน
17 - 20
13 - 16
9 - 12
5-8
๓๗
แบบสังเกตพฤติกรรมการมสี ่วนรว่ มในชน้ั เรียนรายบุคคล
คาชี้แจง :แบบสังเกตพฤติกรรมการมีส่วนร่วมในช้ันเรียนสร้างข้ึนเพื่อให้ครูผูส้ อนประเมินพฤติกรรมนักเรียนเปน็
รายบุคคล โดยทาเครอ่ื งหมาย / ในชอ่ งให้คะแนนทีเ่ หน็ สมควรตามความเป็นจริง
พฤติกรรมและระดับคะแนน
พฤติกรรม ความมวี ินัย ความตั้งใจ ความสนใจ
ตรงต่อเวลา และม่งุ มนั ใน ใฝ่เรยี นใฝร่ ู้
การทางาน
ความ
เลขที่ รายชือ่ รบั ผิดชอบ รวม
1. 321321321
2.
3.
4.
...
ขอ้ สังเกตเพิม่ เตมิ
....................................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................
ระดบั คะแนน 3 หมายถึง ดมี าก เกณฑ์ระดับคะแนน 7 - 9 = 3
2 หมายถงึ ดี 5-6 = 2
1 หมายถงึ พอใช้ 5-4 = 1
หมายเหตุ นักเรียนต้องได้คะแนนรวม 4 คะแนนข้ึนไป และได้รับคะแนนอย่างน้อย 1 คะแนนในแต่ละประเด็น
การประเมิน จึงจะถือว่าผา่ นการประเมินครั้งนี้
ลงชื่อ....................................................ผปู้ ระเมิน
(..........................................................)
.........../................./........
๓๘
เกณฑป์ ระเมนิ พฤติกรรมการมสี ว่ นรว่ มในชนั้ เรยี นรายบคุ คล
คาช้ีแจง :เกณฑ์การประเมินน้ีสร้างข้ึนเพ่ือใช้เป็นเกณฑ์ในการให้คะแนนโดยครู ตามรายการประเมินพร้อมทั้ง
เกณฑ์การใหค้ ะแนนในแตล่ ะหวั ข้อที่ตรงกับพฤติกรรมของนกั เรยี นตามความเป็นจรงิ และครจู ะประเมิน ลงในแบบ
สังเกตพฤติกรรมการมสี ่วนร่วมในชน้ั เรียน
รายการประเมิน 3 (ดมี าก) เกณฑ์การประเมิน 1 (พอใจ)
2 (ด)ี
1. ความมวี ินยั ตรงต่อเวลา 1.เขา้ เรียนตรงเวลา 1.เขา้ เรียนช้ากวา่ 1.เข้าเรียนช้าเกินกว่า
ความรบั ผิดชอบ 2.อปุ กรณ์การเรียนครบ กาหนด แตไ่ มเ่ กนิ 10 10 นาที
ตามทคี่ รกู าหนด เช่น นาที
หนงั สือเรยี น ใบความรู้ 2.ไม่นาอุปกรณ์ การ
2.อปุ กรณ์การเรียนไม่ เรียนมาเลยแม้แต่ชิ้น
เดียว
ครบตามที่ครกู าหนด
2. ความตั้งใจ และมุ่งมั่น 1.ทางานด้วยความตง้ั ใจ 1.ทางานด้วยความต้ังใจ 1.ไมต่ ัง้ ใจทางาน
ในการทางาน 2.ซกั ถามและแสดง 2.ซักถามแสดงความ 2.ไม่ซักถามหรือแสดง
ความคดิ เหน็ บ่อยครง้ั คิดเห็นบา้ งบางคร้ัง ความคดิ เห็นใดๆท้ังสน้ิ
3. ความสนใจ ใฝเ่ รยี นใฝ่รู้ 1. ปฏิบัติงานที่ครูส่ัง 1.ปฏิบัติงานตามท่ีครูสง่ั 1.ปฏิบตั ิงานตามท่ีครูสงั่
ทนั ที 2.จดบันทกึ บา้ งบางครง้ั 2.จดบนั ทกึ บา้ งบางครั้ง
2.จดบนั ทึกและตั้งใจฟัง ไม่ตงั้ ใจฟังเทา่ ทค่ี วร ไมต่ ้งั ใจฟงั เทา่ ทค่ี วร
ครสู อน
ระดับคณุ ภาพ/การวดั การประเมนิ ผล
คะแนน 7 – 9 หมายถงึ นักเรยี นมคี ณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์ ดมี าก
คะแนน 5 – 6 หมายถงึ นักเรยี นมีคณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์ ดี
คะแนน 3 – 4 หมายถึง นกั เรียนมคี ุณลักษณะอนั พึงประสงค์ พอใช้
๓๙
ภาระชนิ้ งาน
ใหน้ ักเรยี นคัดบทอาขยานร่ายยาวมหาเวสสนดั รชาดก กัณฑ์มทั รลี งในสมุดดว้ ยลายมอื บรรจงครงึ่ บรรทัด
๔๐
สื่อการสอน
วนืส
๔๑
๔๒
๔๓
๔๔
11. บันทกึ ผลหลงั การสอน
11.1 สรุปผลการเรียนการสอน
นักเรียนใหค้ วามสนใจในเน้อื หาที่เรียน ร่วมกันแสดงความคดิ เห็นและตอบคาถาม สามารถ
อธิบายความหมายของร้อยแกว้ และร้อยกรองได้ นักเรียนบางสว่ นมคี วามสามารถในการอา่ นทานอง
เสนาะจึงอา่ นใหเ้ พื่อนในห้องฟัง มีการพดู คุยสอบถามข้อสงสยั ระหว่างครแู ละนกั เรียน
11.2 ปัญหา/อปุ สรรค
นกั เรียนบางสว่ นไม่กล้าแสดงออกและขาดความมั่นใจในการอ่านออกเสียงทานองเสนาะ เสียงวีดทิ ัศน์ที่ใช้เป็น
ส่อื ในการสอนมเี สยี งค่อนข้างเบา ทาใหน้ ักเรยี นไดย้ นิ ไม่ชัดเจน
11.3 แนวทางแกไ้ ข /แนวทางการพัฒนา
ครผู ู้สอนพดู ใหก้ าลงั ใจ และไมก่ ดดันนักเรียน ใหน้ ักเรยี นทาออกมาใหเ้ ตม็ ที่ตามความสามารถ
ของตนเอง ครูปรับปรงุ สือ่ การสอนทนั ทเี ม่ือหมดคาบสอน
ลงชื่อ ภาวินี ชาวหงษา
(นางสาวภาวนิ ี ชาวหงษา)
นกั ศกึ ษาทดลองสอน
๔๕