แนวขอ้ สอบอตั นยั ตาแหน่งบริหาร/อานวยการ 1
ตาแหน่ง นกั บริหารท่ัวไป
1. พนกั งานเทศบาล ลกู จ้างประจา และพนกั งานจ้างของเทศบาล มหี น้าทดี่ าเนินการใหเ้ ปน็ ไป
ตามกฎหมายเพื่อรกั ษาประโยชน์สว่ นรวมของประเทศชาติ อานวยความสะดวกและให้บรกิ ารประชาชน
ตามหลกั ธรรมาภบิ าล โดยจะตอ้ งยดึ มน่ั ค่านยิ มหลักของมาตรฐาน จริยธรรม ตามประกาศหลักเกณฑ์
กาหนดน้นั มาตรฐานจริยธรรมดังกล่าวมีกี่ขอ้ อะไรบ้าง
คาตอบ 9 ขอ้ ประกาศคณะกรรมการกลาง (ก.จ. , ก.ท. และ ก.อบต.) เรื่อง มาตรฐานทั่วไป
เกย่ี วกับจริยธรรมของข้าราชการหรอื พนักงานส่วนท้องถิน่ ลกู จ้างประจา และพนกั งานจ้าง เพื่อให้ยึดถอื
เป็นหลกั การ แนวทางปฏิบัตแิ ละเปน็ เครอื่ งกากับความประพฤติของขา้ ราชการหรือพนกั งานสว่ นทอ้ งถ่ิน
ลูกจา้ งประจา และพนกั งานจ้าง โดยจะต้องยึดมนั่ ในคา่ นิยมหลักของมาตรฐานจรยิ ธรรม ดังน้ี
1. การยึดม่นั ในคุณธรรมและจริยธรรม
2. การมีจติ สานึกทด่ี ี ซอ่ื สัตย์ สจุ รติ และรับผดิ ชอบ
3. การยึดถอื ประโยชน์ของประเทศชาติเหนอื กว่าประโยชน์สว่ นตน และไมม่ ผี ลประโยชน์ทับ
ซอ้ น
4. การยนื หยดั ทาในสิ่งทถ่ี ูกต้อง เป็นธรรม และถูกกฎหมาย
5. การให้บริการแกป่ ระชาชนด้วยความรวดเร็ว มีอัธยาศัย และไม่เลือกปฏิบตั ิ
6. การให้ขอ้ มลู ขา่ วสารแกป่ ระชาชนอยา่ งครบถ้วน ถูกต้อง และไม่บดิ เบือนขอ้ เท็จจริง
7. การมุ่งผลสมั ฤทธขิ์ องงาน รักษามาตรฐาน มีคุณภาพโปร่งใส และตรวจสอบได้
8. การยึดม่ันในระบอบประชาธิปไตยอันมพี ระมหากษตั รยิ ์ทรงเป็นประมุข
9. การยดึ มน่ั ในหลักจรรยาวิชาชีพขององคก์ ร
คาถามที่ ๒. 2
คาว่า “แผนงาน”โครงการ”และ “งบประมาณ” มีความหมายเหมอื นกันหรือแตกต่างกัน
อยา่ งไร และมคี วามสอดคลอ้ งกนั หรอื ไม่อย่างไร เทศบาลานาแนวคิดน้ีมาใช้ในการปฏบิ ตั ิ
ราชการอย่างไรในปัจจบุ ัน จงอธบิ าย
คาตอบ
“แผนงาน” หมายความว่า ภารกิจแต่ละด้านท่ีองค์กรปกครองสวนท้องถ่ินมีหน้าที่ตาม
กฎหมายว่าด้วยองค์กรปกครองส่วนทอ้ งถน่ิ แต่ละรปู แบบ
“งบประมาณ” หมายความว่า แผนงาน หรืองานสาหรับประมาณการด้านรายรับและรายจ่าย
แสดงในรูปตัวเลขจำนวนเงิน การต้ังงบประมาณ คือ การแสดงแผนดำเนินงานออกเป็นตัวเลขจำนวน
เงนิ
"แผนหรือเคา้ โครงการตามทจ่ี ะกาหนดไว้"โครงการเป็นส่วนประกอบส่วนหน่งึ ในการวางแผน
พัฒนา ซึง่ ช่วยให้เห็นภาพ และทศิ ทางในการพัฒนา ซ่ึงมีขอบเขตในการท่ีจะสามารถติดตาม และ
ประเมนิ ผลได้
โครงการเกิดจากลักษณะความพยายามทจ่ี ะจดั กิจกรรม หรอื ดาเนินการให้บรรจุวัตถปุ ระสงค์ เพือ่
บรรเทา หรือลด หรือขจัดปญั หา และความต้องการทั้งในสภาวการณป์ จั จุบัน และอนาคต โครงการ
โดยท่ัวไป สามารถแยกไดห้ ลายประเภท เชน่ โครงการเพ่ือสนองความตอ้ งการโครงการพัฒนาท่ัวๆ ไป
โครงการตามนโยบายเรง่ ด่วน เป็นต้น
ความแตกตา่ งระหวา่ งแผนงาน โครงการ และงบประมาณจงึ เหน็ ไดว้ ่า
- แผนงาน แผนงานประกอบดว้ ยโครงการมากกวา 1 โครงการ แผนงาน เป็นการดาเนนิ งาน
ระยะยาว (5-10 ป)ี ในขณะที่ โครงการจะเป็นการดาเนินงานในระยะส้ัน (ไม่เกนิ 5 ป)ี
- การวางแผนงาน จะมีกระบวนการดาเนินการท่ัวทั้งองค์การ แต่การวางแผนโครงการจะจด
ทาโดยหน่วยงานเดียว และจะจัดทา โครงการเพ่ือสนับสนนุ แผนงานหลัก
- การบรหิ ารงบประมาณ ต้องนาการดาเนินงานให้บรรลุตามแผนน้ีย่อม ประกอบด้วยการทางาน
3 ข้นั ตอน คือ
(1) การจัดเตรียม
(2) การอนุมตั แิ ละ
(3) การบริหาร
เทศบาลนาแนวคดิ นี้มาใช้ในการปฏบิ ตั ิราชการ โดยการนาแผนไปปฏิบัตเิ ป็นกา3รบ่ง
บอกถงึ การตดั สนิ ใจเลือกทางเลอื กที่ดีท่ีสุดฉะนนั้ เพ่ือให้การปฏิบตั ติ ามแผนและวัตถปุ ระสงค์การ
ดาเนินงานจะตอ้ งคานึงถงึ การประหยดั และใหผ้ ลประโยชนท์ ี่เหมาะสมโดยใช้ทรัพยากร คน เงนิ และ
วัสดุอุปกรณ์ทีไ่ ดร้ ับจดั สรรเพอ่ื การดาเนนิ งานอยา่ งแท้จริงการปฏบิ ัตติ ามแผนจะเป็นการลงมือปฏบิ ัตติ าม
โครงการมีการมอบหมายงาน การจดั สรรทรพั ยากร การประสานงาน การควบคุม การปฏบิ ัติงานเพ่ือให้
การดาเนินงานเปน็ ไปตามเปูาหมาย เปน็ การปฏบิ ตั ิงานตามทไ่ี ดก้ าหนดไว้ในแผนงานหรอื โครงการ
เพื่อใหง้ านท่กี าหนดไวใ้ นแผนบรรลุเปูาหมายผู้บรหิ ารควรมกี ลวธิ ีในขน้ั การนาแผนไปปฏิบตั ิ การ
ดาเนินการในดา้ นการเตรียมบุคคล งบประมาณ วิธีการ วัสดุอุปกรณ์ กอ่ นดาเนนิ การมีการชแี้ จงให้
ผรู้ ับผดิ ชอบและผ้ปู ฏบิ ัตงิ านดาเนนิ การมกี ารให้คาแนะนาปรกึ ษาหารอื มกี ารควบคุมการปฏบิ ตั ิงานและ
การรายงานตลอดจนการปรับปรุงแกไ้ ขทกุ ระยะของการปฏิบตั งิ านมีความสาคญั ยงิ่
คาถามที่ 3 4
ทา่ นเข้าคาว่า “การปฏบิ ตั ริ าชการแทน”และ “การรกั ษาการแทน” ว่าอย่างไร จง
อธิบายและยกตวั อย่างการปฏิบตั ิราชการในเทศบาลมาประกอบการอธบิ ายใหเ้ ข้าใจ
ตอบ
ในหน่วยราชการทกุ หน่วยงานนั้นย่อมจะมีผ้ทู ่มี ีอานาจหน้าทแ่ี ตกต่างกนั ในรายหนว่ ยงานในราย
ดา้ น และผทู้ ่ีมีอานาจเหลา่ นนั้ กเ็ ปน็ จรงิ เชน่ มนุษย์ธรรมดาทย่ี ่อมจะตอ้ งมกี ารเจ็บปวุ ย มกี ิจสว่ นตวั
หรือมคี วามจาเปน็ บางอย่างท่ีทาให้สามารถปฏิบัตหิ น้าทข่ี องตนไดด้ งั นัน้ เพอื่ ไม่ให้เกิดปัญหาเกดิ ความ
เสียหายแก่ทางราชการกฎหมายจงึ กาหนดใหม้ ีการมอบอานาจกนั ไดโ้ ดยมอบอานาจนนั้ ก็มีคาสองคาคอื
1 ปฏิบัตริ าชการแทน
2 รักษาราชการแทน
(๑) การรักษาราชการแทน เปน็ เรื่องของ “การแทนตัว”ในทางกฎหมาย ผูร้ กั ษาราชการแทนทา
ไดท้ ุกอยา่ งถ้ามกี รณีจาเป็นเวน้ แต่ มิใชเ่ ร่อื งสาคัญและจาเป็น หรอื เป็นเร่อื ง “เฉพาะตวั ” และหรือมี
กฎหมายเฉพาะกาหนดไว้เชน่ ปลัดอาเภออาวุโสรักษาราชการแทนนายอาเภอ (รักษาราชการแทนลาดับ
ที่ ๑) เน่อื งจากนายอาเภอไปศึกษาอบรม รร.นปส. ในทางนิตินัยปลดั อาเภออาวุโสก็คอื นายอาเภอ
สามารถลงนามเอกสารราชการไดท้ กุ อยา่ งแต่กรณขี ออนุญาตให้มีและใช้อาวธุ ปนื (ป.๔) กรมการ
ปกครองสงั่ การเป็นหนังสือเปน็ นโยบายวา่ ให้เปน็ อานาจ “เฉพาะตัว” ของนายอาเภอ ฉะน้ัน ในระหว่าง
ท่ีปลัดอาเภออาวุโสรักษาราชการแทนนายอาเภอจะลงนาม ป.๔ ไม่ได้
หรอื ยงั มีเหตกุ รณีอ่ืน ๆ ที่โดยธรรมเนยี มปฏิบตั ริ าชการแล้ว “ไม่สมควร” เชน่ เป็นเรื่องงาน
นโยบายสาคัญเฉพาะเป็นเร่ืองสาคญั ทต่ี อ้ งให้ผูด้ ารงตาแหน่ง “ตวั จรงิ ” สั่งการหรือลงนาม ฯลฯ เป็นต้น
กรณีรักษาราชการแทนน้ี โดยนัยยะ ระบเุ หตุเบ้ืองต้นไว้ ๒ กรณี คือ
(๑.๑) กรณีทีผ่ ู้ดารงตาแหน่งไมอ่ ยู่ หรืออยู่แต่ไมส่ ามารถปฏบิ ัตหิ นา้ ทไ่ี ด้
(๑.๒) กรณีทไ่ี ม่มผี ดู้ ารงตาแหน่ง ไมว่ ่ากรณีใด ๆ เชน่ ตาย ลาออก พน้ จากตาแหนง่ (ตามวาระ
หรือถกู ใหอ้ อกฯ) ถกู ส่ังให้พ้นจากตาแหนง่ อืน่ หรอื ตาแหนง่ ว่างลงไม่ว่ากรณใี ด ๆ
ซ่งึ ทงั้ สองกรณเี ป็นหลักแม่บทของ “ราชการ” ตาม พรบ.ระเบียบบริหารราชการแผน่ ดนิ พ.ศ.
๒๕๓๔ หมวด ๖ (การรกั ษาราชการแทน) แต่ ในกรณีของ “ท้องถน่ิ ” หลกั การนี้ “เพี้ยน” เพราะ ในการ
“รักษาราชการแทนของปลดั อปท.” อ้างขอ้ (๑.๑)(๑.๒) ครบถว้ น แต่ กรณขี องหวั หน้าสว่ นราชการ
(หมายถงึ หน.กอง ผอ.กอง หรอื ผอ.สานกั ) การรักษาราชการแทนใช้ได้เฉพาะกรณีตามขอ้ (๑.๒)
เทา่ นนั้
ในกรณีของท้องถ่ิน (เทศบาล) อ้างตาม ประกาศ ก.ท.จ. เร่อื ง หลกั เกณฑ์และเง่ือนไขเกี่ยวกบั
การบริหารงานบคุ คลของเทศบาล ข้อ ๒๖๙, ๒๗๐
“ขอ้ ๒๖๙ ในกรณีท่ีไม่มปี ลัดเทศบาล หรือมแี ต่ไม่สามารถปฏิบตั ิราชการได้ ให้รองปลัดเทศบาล
เป็นผู้รักษาราชการแทน ถ้ามรี องปลัดเทศบาลหลายคน ให้นายกเทศมนตรีแต่งตง้ั รองปลัดเทศบาลคน
หน่งึ เป็นผู้รกั ษาราชการแทน ถ้าไมม่ ผี ูด้ ารงตาแหนง่ รองปลดั เทศบาล หรอื มแี ต่ไม่สามารถปฏบิ ตั ิราชการ
ได้ ใหน้ ายกเทศมนตรีแต่งตงั้ พนกั งานเทศบาลในเทศบาลซึ่งดารงตาแหน่งไม่ต่ากว่าผอู้ านวยการกอ5งหรือ
หัวหนา้ สว่ นราชการทเ่ี รียกชอื่ อย่างอน่ื เปน็ ผรู้ กั ษาราชการแทน
ในกรณที ่ไี ม่มีรองปลดั เทศบาล หรือมแี ตไ่ ม่สามารถปฏิบัตริ าชการไดน้ ายกเทศมนตรีจะแตง่ ตง้ั
พนกั งานเทศบาลในเทศบาลซงึ่ ดารงตาแหน่งไมต่ า่ กว่าผอู้ านวยการกองหรือหัวหน้าส่วนราชการท่ี
เรียกชอ่ื อย่างอนื่ เปน็ ผู้รกั ษาราชการแทนก็ได้
ขอ้ ๒๗๐ ในกรณีที่ไมม่ ผี ้ดู ารงตาแหนง่ ผู้อานวยการสานัก ผูอ้ านวยการกอง หรือหวั หน้าส่วน
ราชการทเ่ี รียกชือ่ อย่างอื่น ใหน้ ายกเทศมนตรแี ตง่ ตัง้ พนกั งานเทศบาลในสานกั กองหรือสว่ นราชการน้ัน
คนใดคนหนง่ึ ทเี่ ห็นสมควร ใหเ้ ปน็ ผรู้ ักษาราชการแทนได้ แตเ่ พ่ือความเหมาะสมแก่การรับผดิ ชอบการ
ปฏบิ ัติราชการในสานัก กองหรอื สว่ นราชการนน้ั นายกเทศมนตรีอาจจะแตง่ ตง้ั พนกั งานเทศบาลคนใด
คนหน่งึ ซง่ึ ดารงตาแหน่งไม่ตา่ กวา่ ผ้อู านวยการกองหรอื หวั หนา้ ส่วนราชการท่ีเรยี กชอื่ อย่างอ่ืนเปน็
ผู้รักษาราชการแทนก็ได้”
(๒) การปฏบิ ตั ิราชการแทน ในทางกฎหมายก็คอื “การมอบอานาจให้กระทาแทน” น่นั เอง
ฉะน้ัน หากผู้ดารงตาแหนง่ ตวั จริงมีการมอบอานาจถูกตอ้ งโดยชัดแจง้ กก็ ระทาไดห้ มดทุกอยา่ ง กรณีนี้
กระทาไดเ้ ฉพาะ “มตี วั ผู้ดารงตาแหนง่ ตวั จริงอยู่” เทา่ นั้นตวั รักษาการ ตัวรกั ษาการในตาแหน่ง หรอื ตัว
ผปู้ ฏบิ ัตหิ นา้ ท่(ี แทน) ไม่ได้
ตาม พรบ.ระเบยี บบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. ๒๕๓๔ หมวด ๕ (การปฏบิ ตั ริ าชการแทน)
(๓) การรักษาการในตาแหน่ง อันนี้เป็นเร่ืองเฉพาะ มีหลักการนี้กาหนดไวเ้ ฉพาะ พระราชบัญญตั ิ
ระเบยี บข้าราชการพลเรอื น พ.ศ. ๒๕๕๑ มาตรา ๖๘ อนั เป็นกฎหมายหลกั ท่ีขา้ ราชการฝุายพลเรือนต้อง
นาไปปรับใช้
“มาตรา ๖๘ ในกรณีท่ีตาแหนง่ ขา้ ราชการพลเรอื นสามัญวา่ งลง หรือผดู้ ารงตาแหน่งไมส่ ามารถ
ปฏิบัตหิ นา้ ทรี่ าชการได้ และเป็นกรณีทมี่ ไิ ดบ้ ญั ญัตไิ ว้ในกฎหมายว่าด้วยระเบียบบริหารราชการแผน่ ดนิ
ใหผ้ บู้ ังคบั บญั ชาซงึ่ มอี านาจสัง่ บรรจตุ ามมาตรา ๕๗ มอี านาจสัง่ ให้ขา้ ราชการพลเรือนที่
เหน็ สมควรรักษาการในตาแหน่งนน้ั ได้
ผู้รักษาการในตาแหนง่ ตามวรรคหนึ่ง ให้มีอานาจหน้าทีต่ ามตาแหนง่ ท่ีรักษาการน้ัน ในกรณีทีม่ ี
กฎหมายอืน่ กฎ ระเบียบ ข้อบงั คบั มติของคณะรฐั มนตรี มติคณะกรรมการตามกฎหมายหรอื คาส่งั
ผู้บังคับบัญชา แต่งต้งั ให้ผู้ดารงตาแหน่งน้ัน ๆ เป็นกรรมการ หรอื ใหม้ ีอานาจหน้าท่อี ย่างใด กใ็ ห้ผู้รักษา
การในตาแหน่งทาหนา้ ที่กรรมการ หรอื มีอานาจหน้าที่อยา่ งน้ันในระหว่างท่รี กั ษาการในตาแหน่งแล้วแต่
กรณี”
ในกรณีของทอ้ งถ่นิ (เทศบาล) ตาม ประกาศ ก.ท.จ. เร่ือง หลกั เกณฑ์และเง่ือนไขเกี่ยวกับการ
บรหิ ารงานบุคคลของเทศบาล ขอ้ ๒๗๓
“ข้อ ๒๗๓ ในกรณีท่ตี าแหน่งพนกั งานเทศบาลตาแหน่งอ่นื วา่ งลง หรอื ผ้ดู ารงตาแหนง่ ไมส่ ามารถ
ปฏบิ ตั ริ าชการได้ และเป็นกรณที ี่มิไดม้ ีการกาหนดไว้เกี่ยวกบั การปฏบิ ัติราชการแทนและการรักษา
ราชการแทน ให้นายกเทศมนตรมี ีอานาจสงั่ ให้พนกั งานเทศบาลทเี่ หน็ สมควรใหร้ กั ษาการในตาแหนง่ น้ัน
ได้ โดยใหพ้ จิ ารณาถึงความรคู้ วามสามารถ ความเหมาะสมและเป็นประโยชนต์ ่อทางราชการสูงสุด
การปฏบิ ัติราชการแทนนายกฯ ใช้ในกรณีทีน่ ายกฯ สามารถปฏิบตั หิ นา้ ท่ไี ดอ้ ยู่ เพยี งแต6เ่ พ่อื
ความเหมาะสมจงึ มอบอานาจให้ผอู้ ่ืนปฏบิ ัตหิ นา้ ทีแ่ ทนอยู่ ในวรรค 5 ของมาตรา 60 ไดแ้ ก่
ก. มอบอานาจให้รองนายกฯ การมอบในกรณีน้ีตอ้ งทาเป็นหนังสอื ไมต่ ้องทาเป็นคาส่งั กไ็ ด้
แตห่ ากจะทาเป็นคาสงั่ ก็ใช้ได้เพราะคาส่ังกเ็ ป็นหนังสือเช่นกนั
ข. มอบอานาจใหป้ ลัด อบต. หรือ รองปลัด อบต. การมอบในกรณนี ้ตี อ้ งทาเป็นคาสัง่
อย่างเดียวเท่าน้ันและต้องประกาศให้ประชาชนทราบด้วยซงึ่ ในทางปฏิบตั ิแล้วหากมี
รองนายกฯ อยคู่ วรมอบให้รองนายกฯ กอ่ น เวน้ แต่ ความเหมาะสมเฉพาะทง้ั สอง
กรณีนแ้ี มจ้ ะเป็นการมอบอานาจแต่ผู้รับมอบก็ต้องปฏิบัตติ ามโดยถือเปน็ เสมอื นเปน็
เชน่ คาสั่งภายในจะปฏิเสธไมร่ บั มอบไมไ่ ด้ และใชค้ าว่าปฏิบัติราชการแทน แทน
การรกั ษาราชการแทน ใช้ในกรณีทนี่ ายกไม่สามารถปฏิบัติหนา้ ที่ได้ ซ่งึ
หมายความรวมถงึ ไมอ่ ยู่ดว้ ย อยู่ในวรรคสองของมาตรา 60
การรักษาราชการแทน
เกิดขึน้ ในกรณที ี่ ไมม่ ีผูม้ าดารงตาแหน่ง และกรณีทมี่ แี ต่ไม่อาจปฏิบตั ิราชการได้
กฎหมายจงึ จะให้มผี รู้ กั ษาราชการแทน ซงึ่ การรักษาราชการแทนนีเ้ กดิ ขนึ้ โดยผลของกฎหมาย
ทนั ทโี ดยไม่จาเปน็ ต้องทาเป็นคาสัง่ หรอื หนงั สอื แต่งต้งั อกี และเมือ่ มีผมู้ าดารงตาแหนง่ แล้วหรือ
มาปฏบิ ตั หิ นา้ ที่ ไดแ้ ล้วการรักษาราชการแทนสิน้ สุดลงเช่น
ก. ใหร้ องนายกฯ รักษาราชการแทนเปน็ อนั ดบั แรก ในกรณที ่ีมีหลายคนตอ้ งมีคาสง่ั แตง่ ตัง้
ผูร้ ักษาการตามลาดบั อบต. นัน้ ซง่ึ ดารงตาแหนง่ ไม่ต่ากวา่ ผูอ้ านวยการกอง หรอื หวั หน้าส่วน
ราชการท่เี รียกช่ืออย่างอื่น และในกรณไี ม่มตี าแหน่งรองปลัดให้นายกฯ แต่งตงั้ พนักงาน
สว่ นตาบลทีด่ ารงตาแหนง่ ไม่ตา่ กวา่ ผูอ้ านวยการกองหรอื หัวหน้าส่วนราชการ
ข. ในกรณไี ม่มผี ู้ดารงตาแหน่ง (คอื มตี าแหนง่ แตไ่ ม่มีคน) ผอู้ านวยการกองหรือหัวหนา้ สว่ น
ราชการให้นายกฯ แตง่ ต้งั พนกั งานสว่ นตาบลในกอง หรอื ส่วนราชการนั้นเป็นผรู้ ักษา
ราชการแทนหรือจะแต่งตงั้ พนกั งานส่วนตาบลรอบกองหรือสว่ นน้นั ก็ได้ในกรณีนีจ้ ะแตง่ ตงั้ ได้
เฉพาะผู้ดารงตาแหนง่ ในไม่ต่ากว่าผอู้ านวยการกองหรอื หัวหน้าส่วนเท่านนั้
**ขอ้ สงั เกตการรักษาราชการแทนในกรณผี อู้ านวยการกองหรือหวั หนา้ สว่ นราชการตามข้อ
ข. น้นั แตกต่าง
จากขอ้ .ก การรกั ษาราชการแทนคือตามประกาศระบเุ ฉพาะกรณีท่มี ีตาแหนง่ แต่ไม่มผี ดู้ ารงตาแหนง่
เทา่ น้ัน. หากมีผู้ดารงตาแหน่งแต่ไม่สามารถปฏิบตั ิราชการไดห้ รอื เห็นว่านายกฯ จะแตง่ ตง้ั ให้เป็นผใู้ ด
รักษาราชการก็ได้แตห่ ากจะใชก้ ารมอบอานาจให้ปฏิบตั ริ าชการแทนก็ได้เชน่ กัน (และการมอบในกรณีน้ี
อาจเปน็ ใบลาก็ได้ ) และตาม ขอ้ ก.และข้อ ข. นนั้ กม็ ีข้อสงั เกตเพม่ิ เตมิ คอื
- รกั ษาราชการแทนมอี านาจหนา้ ทเ่ี ชน่ เดยี วกับผู้ทีซ่ ึ่งตนแทน
- ผูป้ ฏบิ ตั ิราชการแทนมอี านาจหนา้ ที่เช่นเดียวกับผู้ซึ่งมอบอานาจหรอื มอบหมายและหา7กโดย
ตาแหน่งแลว้ ผซู้ งึ่ เหมาะสมแทนหรอื ผู้ทีม่ อบอานาจหรือมอบหมายเปน็ กรรมการใดโดย
ตาแหน่งผรู้ กั ษาราชการแทนและผปู้ ฏบิ ัติราชการแทนกเ็ ป็นกรรมการน้ันด้วยและมีอานาจ
หน้าทเี่ ชน่ เดยี วกันทกุ ประการไม่ต้องเปล่ยี นคาสงั่ แตง่ ตั้งกรรมการในเรื่องน้ัน
- สาหรบั เฉพาะการรักษาราชการแทน. นายก อาจแตง่ ตัง้ พนกั งานส่วนตาบลอ่ืนทีเ่ ห็นว่า
เหมาะสมแตกตา่ งจากท่ีระบุไว้ขา้ งต้นก็ได้
คาถามท่ี ๔ 8
ในปจั จุบนั ราษฎรในภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนอื มที ัศนคติค่านิยมในการดาเนนิ ชวี ติ ยดึ ติดกับ
อบายมุขเช่น การเลน่ การพนัน เมาสุรา ชอบความสนกุ สนาน ใชจ้ ่ายฟุมเฟือย ในฐานะที่ท่านเปน็
พนกั งานเทศบาล ท่านมีแนวคิดท่เี ปน็ กิจกรรม/งาน/โครงการ/แผนงานอะไรบา้ งเพือ่ เสนอใหค้ ณะ
ผบู้ ริหาร
และสภาองค์การบรหิ ารส่วนตาบลอนุมตั ิใหด้ าเนนิ การตามท่ีทา่ นเสนอในการปลกู ฝงั ทศั นคติ
ค่านิยมวัฒนธรรมที่ถกู ตอ้ งดีงานของชาวภาคอสี าน ท่ีเปน็ รูปธรรม สามารถปฏบิ ตั ิได้จรงิ เพอ่ื ให้
หมบู่ ้าน/ชมุ ชนมีความสงบสขุ และความมัน่ คง
ตอบ
โครงสร้างของโครงการ
การเขยี นโครงการจะต้องร้แู ละเข้าใจโครงสรา้ งของโครงการเสยี ก่อนว่าประกอบไปด้วยส่วน
ใดบ้าง ซึ่งโดยทั่วไปโครงสร้างของโครงการประกอบด้วย
1. ชอื่ โครงการ ส่วนใหญ่มาจากงานทีต่ ้องการปฏิบัติ โดยจะตอ้ งมคี วามชดั เจนเหมาะสม
เฉพาะเจาะจง กะทัดรดั และสื่อความหมายไดอ้ ย่างชดั เจน
2. หลักการและเหตุผล เป็นการกล่าวถงึ ปัญหาและสาเหตแุ ละความจาเปน็ ท่ตี ้องมกี ารจดั ทา
โครงการ โดยผู้เขียนโครงการจะต้องพยายามพรรณนาความ โดยหาเหตุผล หลกั การ ทฤษฎี แนวทาง
นโยบายของรัฐบาล นโยบายของกระทรวง / กรม ตลอดจนความต้องการในการพฒั นาท้ังน้เี พ่อื แสดง
ข้อมลู ที่มนี ้าหนกั น่าเชือ่ ถอื และใหเ้ หน็ ความสาคัญของสถานการณ์ท่เี กิดขนึ้ โดยมีการอ้างองิ แหล่งทีม่ า
ของข้อมลู ด้วยเพอื่ ท่ผี อู้ นมุ ัตโิ ครงการจะไดต้ ดั สนิ ใจสนับสนุนโครงการต่อไป
3. วัตถุประสงค์ เป็นการระบถุ ึงเจตจานงในการดาเนินงานของโครงการ โดยแสดงให้เหน็ ถงึ ผลที่
ตอ้ งการจะบรรลไุ วอ้ ย่างกว้างๆมลี ักษณะเปน็ นามธรรม แต่ชัดเจนและไมค่ ลุมเครือ โดยโครงการหนึ่งๆ
อาจมวี ตั ถปุ ระสงค์มากกว่า 1 ข้อกไ็ ด้ คือ มวี ตั ถุประสงคห์ ลัก และวัตถปุ ระสงคร์ องหรอื วัตถุประสงค์
ทว่ั ไป และวตั ถปุ ระสงค์เฉพาะกไ็ ด้
หลกั การเขยี นวัตถปุ ระสงคท์ ด่ี ี
1. ตอ้ งมคี วามเป็นไปได้และมคี วามเฉพาะเจาะจงในการดาเนนิ การโครงการ
2. ต้องสามารถวัดและประเมินผลระดบั ของความสาเรจ็ ได้
3. ต้องระบุถึงการกระทาท่ีสามรถปฏิบัติได้ มิใช่สงิ่ เพ้อฝนั
4. ต้องระบใุ ห้มีความเปน็ เหตุเปน็ ผล และสอดคลอ้ งกบั ความเปน็ จรงิ 9
5. ตอ้ งมีการกาหนดขอบเขตของเวลาท่จี ะกระทาให้สาเรจ็ ไดอ้ ย่างชัดเจน
1. ขึน้ ตน้ ด้วย เช่น เพ่ือเพิ่ม..เพื่อลด..เพื่อสง่ เสรมิ . เพ่อื ปรบั ปรุง..เพอ่ื ขยาย.. เพอ่ื รณรงค์....เพ่ือ
เผยแพร่..
2. ระบผุ ลผลติ ( Output ) หรือระบผุ ลลพั ธ์ ( Outcome ) ทต่ี ้องการให้เกิดขึ้นเพียงประการ
เดยี วในวตั ถปุ ระสงคห์ นึ่งข้อ ถ้าเขียนวตั ถปุ ระสงค์ไว้หลายขอ้ ขอ้ ใดทาไมส่ าเร็จเราสามารถ
ประเมินผลได้ ซ่ึงอาจกาหนดเปน็ วัตถปุ ระสงค์หลกั 1 ขอ้ และวตั ถปุ ระสงคร์ อง 1 - 2 ขอ้ โดยมี
เง่ือนไขวา่
- ถ้าบรรลุวตั ถปุ ระสงค์หลัก แตไ่ มบ่ รรลุวตั ถุประสงค์รอง ควรทาต่อไป
- ถา้ บรรลวุ ตั ถปุ ระสงค์รองแต่ไมบ่ รรลุวัตถปุ ระสงคห์ ลัก อาจยตุ ิโครงการ
3. กาหนดเกณฑ์มาตรฐานของความสาเรจ็ ท่ีวัดได้ในเชงิ ปริมาณ และเชงิ คุณภาพ
4. กาหนดช่วงเวลา พน้ื ท่ี หรอื กลมุ่ เปูาหมาย
4. เปูาหมาย หมายถงึ ระบุถงึ ผลลพั ธส์ ดุ ทา้ ยที่คาดว่าจะไดจ้ ากการดาเนนิ โครงการ โดยจะระบุ
ทั้งผลที่เปน็ เชงิ ปรมิ าณและผลเชงิ คณุ ภาพ เปูาหมายจงึ คล้ายกับวตั ถปุ ระสงคแ์ ตม่ ีลักษณะ
เฉพาะเจาะจงมากกว่า มกี ารระบสุ ง่ิ ท่ีต้องการทาได้ชัดเจนและระบุเวลาทีต่ อ้ งการจะบรรลุ
5. วิธกี ารดาเนนิ งาน เปน็ การใหร้ ายละเอียดในการปฏิบัติ โดยปกติจะแยกเป็นกจิ กรรม
ย่อยๆหลายกจิ กรรม แตเ่ ปน็ กจิ กรรมเด่นๆ ซ่ึงจะแสดงใหเ้ หน็ ความเดน่ ชดั ตั้งแต่กจิ กรรมเรม่ิ ตน้ จนถึง
กจิ กรรมสุดท้ายว่ามกี จิ กรรมใดทต่ี ้องทาบ้าง ถ้าเปน็ โครงการทไ่ี มซ่ บั ซอ้ นมากนักกม็ กั จะนยิ มใช้แผนภมู ิ
แกนท์ ( Gantt chart) หรือแผนภูมิแท่ง ( Bar chart )
6. ผู้รบั ผดิ ชอบโครงการ เปน็ การระบวุ ่าใครหรือหน่วยงานใดเป็นผู้รับผดิ ชอบและมขี อบเขต
ความรับผิดชอบ
อยา่ งไรบา้ ง ทง้ั น้ีเพ่อื ว่ามีปัญหาจะไดต้ ดิ ต่อประสานงานได้ง่าย
7. งบประมาณ เปน็ การระบุค่าใชจ้ า่ ยทตี่ อ้ งใช้ในการดาเนินกจิ กรรมขนั้ ต่างๆ โดยทวั่ ไปจะแจก
แจงเปน็ หมวด
ย่อยๆ เช่น หมวดคา่ วัสดุ หมวดค่าใชส้ อย หมวดค่าตอบแทน หมวดค่าครุภัณฑ์ ซ่ึงการแจกแจง
งบประมาณจะมปี ระโยชน์ในการตรวจสอบความเปน็ ไปไดแ้ ละตรวจสอบความเหมาะสมในสถานการณ์
ต่างๆ นอกจากนนั้ ควรระบแุ หล่งท่มี าของงบประมาณด้วยว่าเป็นงบประมาณแผ่นดิน งบชว่ ยเหลือจาก
ประเทศตา่ งประเทศ เงนิ กู้ หรืองบบรจิ าค เป็นต้น
8. สถานทดี่ าเนินการ เปน็ การระบุสถานที่ตง้ั ของโครงการหรือระบวุ ่ากจิ กรรมน้ันจะทา ณ10
สถานท่ีแห่งใด
เพ่อื สะดวกต่อการจดั เตรยี มสถานท่ใี หพ้ ร้อมกอ่ นท่จี ะทากิจกรรมนั้นๆ
9. ระยะเวลาในการดาเนินการ เปน็ การระบุระยะเวลาเรมิ่ ต้นโครงการและระยะเวลาส้นิ สุด
โครงการโดย
จะต้องระบุ วัน เดือน ปี เช่นเดียวกบั การแสดงแผนภมู ิแกนท์ ( Gantt Chart )
10. ผลประโยชนท์ ่ีคาดว่าจะได้รบั เป็นการระบถุ ึงผลทค่ี าดว่าจะไดร้ ับจากการดาเนินโครงการ
ประกอบด้วย
ผลทางตรงและผลทางอ้อม นอกจากนัน้ ต้องระบดุ ว้ ยว่าใครจะไดร้ ับประโยชน์จากโครงการบา้ ง ได้รบั
ประโยชน์อย่างใด ระบุท้ังเชิงปริมาณ และเชงิ คุณภาพ หรือ เขียนข้นึ จากการคาดคะเนของผเู้ ขียน
โครงการเป็นการทบทวนวัตถปุ ระสงคข์ องโครงการวา่ การดาเนนิ งานของโครงการในแต่ละวัตถุประสงค์
นั้น คาดวา่ จะได้รับผลอยา่ งไร
11. การประเมินผลโครงการ เป็นการแสดงรายละเอียดว่าจะมีวธิ ีการควบคุมตดิ ตามและ
ประเมินผล
โครงการอย่างไร ใช้เครื่องมอื อะไรในการประเมนิ ผล ระยะเวลาในการประเมนิ ผลและใครเปน็ ผู้
ประเมนิ ผล ฯลฯ ดัชนีชีว้ ัดความสาเรจ็ ของโครงการคืออะไร
- วิธีประเมนิ ผลโครงการ ..................
- ระยะเวลาประเมินผลโครงการ...............
- ผู้ประเมินผลโครงการ...................
สรปุ
การเขียนโครงการเปน็ เรื่องท่ีไม่งา่ ย และไมย่ ากเกนิ ความสามารถของนักวางแผน หรือผูท้ ่ีมีหน้าท่ี
รับผดิ ชอบในการจัดทาแผนและโครงการของหนว่ ยงานตา่ งๆ ท้งั น้จี ะต้องมคี วามรคู้ วามเข้าใจเกีย่ วกับ
ความสัมพนั ธร์ ะหว่าง นโยบาย แผนงาน และโครงการ เพอื่ ที่จะไดเ้ ขียนโครงการได้สอดคล้องกบั
วัตถปุ ระสงค์ของแผนงาน และนโยบายต่อไป นอกจากน้ันการจะเปน็ ผูเ้ ขียนโครงการได้ดีทา่ นกจ็ ะตอ้ ง
หม่นั ฝกึ ฝน และเขียนโครงการบอ่ ยๆ มีขอ้ มูลมาก ข้อมูลถกู ตอ้ ง เพยี งพอ และทนั สมัยวิเคราะห์
สตถามานแบกาบรฟณอ์อรย์มา่กงาถรอ่ เขงแียทนโ้ กคอ่รงนกเขารยี ขนอโคงแรตงก่ลาะรหนแลว่ ยะหงาลนังจากนั้นก็นาขอ้ มลู ท่ีผา่ นการวิเคราะห์แลว้ มา11เขยี น
ตาแหนง่ นักบริหารงานท้องถ่ิน ปลัด/รองปลัด 1
ข้อสอบ 2
คาถามที่ ๑
ในฐานะที่ท่านเปน็ นกั บรหิ าร ทา่ นคิดว่าการบริหารราชการส่วนท้องถนิ่ มีปญั หาอุปสรรคใน
การบริหารงานมากมายปัญหาใดท่ีท่านเหน็ ว่า เปน็ ปญั หาทส่ี าคญั ท่ตี ้องได้รบั การปรับปรงุ แก้ไข ขอให้
เสนอ พร้อมแนวทางในการแก้ไขปญั หาท่เี ปน็ รูปธรรมและยกตวั อยา่ งใหเ้ หน็ พอสังเขป...
คาตอบ
ปญั หาและอปุ สรรคที่เกยี่ วขอ้ งกบั องค์กรปกครองส่วนทอ้ งถนิ่
การกระจายอานาจให้แก่องค์กรปกครองสว่ นท้องถน่ิ เกดิ จากบทบัญญตั ิของรฐั ธรรมนญู แห่ง
ราชอาณาจกั รไทย พ.ศ. 2540 หมวด 9 ว่าดว้ ยการปกครองส่วนท้องถ่นิ ซึ่งทาให้รฐั ต้องดาเนนิ การ
กระจายอานาจให้แก่องคก์ รปกครองส่วนทอ้ งถ่ิน ท้ังในด้านการถ่ายโอนภารกจิ งบประมาณ และ
บคุ ลากร อนั เป็นไปตามพระราชบญั ญตั กิ าหนดแผนและข้นั ตอนการกระจายอานาจใหแ้ กอ่ งค์กรปกครอง
สว่ นท้องถน่ิ พ.ศ. 2542
จะมีปญั หาอปุ สรรค การรับถา่ ยโอนบคุ ลากรของ องค์กรปกครองส่วนท้องถ่ิน ดงั กลา่ ว แต่
องคก์ รปกครองสว่ นท้องถ่ินก็ไดใ้ ชป้ ระโยชน์จากบคุ ลากรที่ถา่ ยโอนมาได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในระดับ
ปานกลาง โดยมอบหมายให้บคุ ลากรที่รับการถ่ายโอนมานั้นรบั ผิดชอบงานด้านทถ่ี นัด บคุ ลากรท่ีถา่ ย
โอนมาในตาแหนง่ วชิ าชพี เช่น นายช่างโยธา วิศวกร เป็นประโยชนต์ ่อองคก์ รปกครองส่วนท้องถิ่น
มากจะมีปัญหาบา้ งก็ในกรณีของเทศบาลบางเทศบาลไดร้ บั การถา่ ยโอนบคุ ลากรที่องคก์ รเองมีอยู่
เพยี งพอแล้วทาให้เกิดปัญหาคนลน้ งาน
เปน็ ปัญหาด้านบคุ คลทสี่ าคญั สาหรับการดูแลภารกจิ ทีไ่ ดร้ ับการถา่ ยโอนอยู่ที่ขอรับการโอนจาก
กลุ่มตา่ งๆเช่น
การถ่ายโอนบคลากร
- บคุ ลากรท่ีถ่ายโอนมายงั ไม่เพยี งพอต่อภารกิจท่ีองค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินรบั การถา่ ย
โอน
อยกบอง-ค์กรปกบคคุ รลอางกสรวบนาทงอสง่วถนนเหน็ ว่าจะได้รับสวสั ดิการและความก้าวหนา้ นอยลงกวาเดมหากโอ13นมา
- บคลากรของหนวยงานทจะตองถ่ายโอนภารกจใหแก่ องคก์ รปกครองสวนทองถน ยงไมม
ความเขาใจกบบทบาทภารกจทจะตองเปลยนแปลง
งบประมาณ
- องคก์ รปกครองส่วนท่องถ่ินได้รับการถ่ายโอนภารกิจและงานโดยท่ีไม่มงี บประมาณ
ดาเนินการ
- ขาดงบประมาณทีก่ อ่ ใหเ่ กิดความคลอ่ งตัวในการดแลพัฒนาท้องถ่ิน เช่น คา่ บารุงดูแล
รกั ษาทางหลวงทไี่ ดรบั การถา่ ยโอนจากกรมทางหลวงในเร่ืองการตัดหญ้า สวสั ดิการและ สงเคราะห์
ผดู้ ้อยโอกาส
ขเ้ สนอแนะ
1. ควรมกี ารจดั การประชาสัมพนั ธ์ เผยแพร่ ใหค้ วามรู้แก่บคุ ลากรขององค์กรปกครองส่วน
ทอ้ งถ่ิน เพอ่ื ทาความเข้าใจต่อแผนการกระจายอานาจและเห็นความสาคัญของภารกิจทไี่ ดร้ บการถ่าย
โอน จะต้องทาหน้าที่นม้ี ากข้ึน
2. ยังมคี วามเข้าใจไม่ตรงกันระหว่างหน่วยงานท่ีจะต้องถ่ายโอนภารกิจกบั องค์กรปกครองสว่ น
ท้องถ่ินในแผนการกระจายอานาจ ซ่ึงต้องหาทางแก้ไขเพื่อทาให้เกิดความเข้าใจรว่ มกัน งานบางประเภท
ที่ ตอ้ งคานงึ ถึงมาตรฐานการให้บรกิ าร อาทิ งานขนส่ง งานด้านการจัดการศกึ ษา เป็นต้น เพื่อทาให้
องคก์ รปกครองสว่ นท้องถิ่นเขา้ ใจว่าทาไมจึงยงั ไมถ่ายโอน และสวนกลางไม่ไดห้ วงอานาจ
3. องคก์ รปกครองสว่ นท้องถิ่นยงั ไม่มีความเข้าใจในกฎระเบียบ
ให้นาปรญั ชาเศรษฐกจิ พอเพียงเปน็ ปรัชญาทีพ่ ระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอยหู่ วั ทรงช้ีถงึ แนวทางการ
ดาเนนิ ชีวติ ของประชาชนในทุกระดับ ไม่ว่าจะในระดบั ครอบครวั ชุมชน หรือ รฐั ในการปฏิบัตงิ าน
หรอื บรหิ ารพัฒนาประเทศให้ดาเนนิ ไปในทางสายกลาง มีความพอประมาณ ตั้งอย่บู นพ้นื ฐานของความ
ไมป่ ระมาท มีเหตผุ ล และสร้างระบบภมู ิคมุ้ กันตอ่ ผลกระทบตา่ ง ๆ อนั อาจจะเกิดขน้ึ จาก
ภายนอกและภายในอย่างรอบคอบ ในขณะเดียวกันจะต้องเสรมิ สร้างพืน้ ฐานจติ ใจของคนใหม้ คี วาม
สานกึ ในคุณธรรม ความซ่อื สตั ย์ และความรอบรู้ท่ีเหมาะสม การดาเนินชีวิตควรใชค้ วามอดทน
ความเพยี ร มีสติปญั ญา พร้อมรบั ตอ่ การเปลีย่ นแปลงจากสภาพแวดลอ้ ม แแลละะววัฒิกนฤธตรรสมรโลา้ งกคภวาา41ยมนอก
ไดเ้ ป็นอย่างดี การดารงชวี ิตและปฏิบตั ติ นม่งุ เนน้ การอย่รู อดปลอดภยั
มนั่ คงและความย่ังยนื ของการพัฒนา
2 ปญั หาด้านโครงสรา้ งองค์กร ปัญหานี้ไดก้ อ่ ให้เกิดขอ้ จากัดในดา้ นการดาเนินงานในดา้ นการดแู ลผงั
เมอื งเหนอื ด้านการถา่ ยโอนโดยเฉพาะอย่างย่งิ การจัดสรรงบประมาณบุคลากรและทรพั ยากรอ่ืนเปน็ การ
จัดสรรตามหน่วยงาน
3 ปัญหาดา้ นผู้บรหิ าร ความสาคญั เป็นอย่างยิง่ ตอ่ การสนบั สนนุ ทรพั ยากรต่างๆโดยเฉพาะคนและ
งบประมาณซึง่ ผลการศึกษานจี้ ะทาให้งบประมาณในดา้ นการบริหารจดั การไดอ้ ยา่ งมปี ระสทิ ธิภาพขน้ึ อยู่
กับวิสยั ทศั นข์ องผู้บรหิ าร ที่มกั จะเกิดปญั หา
4 ปญั หาด้านเทคโนโลยีเกี่ยวข้องกบั ประชาชน ทีย่ ังไม่เขา้ ใจบทบาทหนา้ ท่ีขององค์กรปกครองสว่ น
ท้องถ่นิ ทจ่ี ะมาพัฒนาชมุ ชนของตนเอง
คาถามท่ี ๒ 1
5
หากสว่ นราชการ (เทศบาลตาบล) มกี ารเปลยี่ นแปลงบุคลากรระดับผู้บรหิ ารและเจา้ หน้าทผ่ี ู้
ปฏบิ ัติตลอดเวลาทา่ นมวี ธิ ีการบรหิ ารงานอย่างไร จึงจะสามารถทาให้งานดาเนนิ ไปไดโ้ ดยไม่ตดิ ขัด ไม่
เสยี หาย และมกี ารพฒั นาอยา่ งต่อเนื่อง
คาตอบ
การเปล่ียนแปลงผู้บรหิ ารเพ่ือปรับปรงุ กระบวนการทางานมีวิธใี นการบริหารดังนี้
1. ทศั นคติของผบู้ ริหารระดบั สงู สุดขององคก์ ร เร่อื งแรกทสี่ าคญั ที่สดุ ในการทจ่ี ะก่อใหเ้ กดิ การ
เปลย่ี นแปลง
ในองค์กรไดอ้ ยา่ งเด็ดขาด ก็คือ ทัศนคตแิ ละความคดิ ของผบู้ ริหารสูงสุดขององคก์ ร บุคคลผนู้ ้มี ี
ความสาคัญอย่างย่งิ ต่อการเปลยี่ นแปลงขององคก์ ร ถา้ คนนีเ้ ขา้ ใจเหตผุ ล และประโยชน์ท่จี ะเกดิ ข้ึนจาก
การเปล่ียนแปลง เขาจะเป็นกลไกสาคญั ทจ่ี ะผลักดนั ในทกุ ฝาุ ยในองคก์ รต้องขยับตัวและเปลี่ยนแปลง
ตามไปด้วย เพราะนเ่ี ปน็ นโยบาย
2. ทาความเขา้ ใจกับผู้บริหารระดบั รองลงมา เม่ือเบอร์หนงึ่ ผ่านแลว้ ก็ต้องลงมาที่ผู้บริหารระดบั
ถัดไป ซ่งึ
จะตอ้ งสอื่ ความและทาความเข้าใจถึงความจาเปน็ เหตุผล และผลดี ผลเสีย ตา่ งๆ ของการเปลย่ี นแปลง
ทจ่ี ะเกดิ ขนึ้ ซ่ึงในการทาความเข้าใจนั้นกต็ ้องชแ้ี จงให้เหน็ ถงึ ผลดขี องการเปล่ยี นแปลงทจี่ ะเกดิ ขนึ้ ใน
อนาคต และทสี่ าคญั ก็คอื ผ้บู รหิ ารกล่มุ น้ีจะได้รบั อะไร มีผลดีอยา่ งไรตอ่ การทางาน เพราะน่ีเปน็ อีกจุดท่ี
สาคญั มาก ถา้ ผู้บรหิ ารกลุ่มนีไ้ มเ่ ข้าใจ หรือเขา้ ใจแบบผดิ ๆ ส่ิงที่จะเกิดข้นึ กค็ ือ ถ้าผบู้ รหิ ารบางคนมี
อทิ ธิพลมากหน่อย ก็จะเดินเข้าไปหาผู้บริหารสูงสดุ แล้วก็สาธยายถงึ ผลเสียของการเปลย่ี นแปลงครั้งนี้
จนไม่มีชิน้ ดี และถา้ ผู้บรหิ ารสูงสดุ ไม่แขง็ แรงพอ ก็จะเชอื่ และฟงั จากนั้นโครงการเปลี่ยนแปลงน้กี จ็ ะ
เริ่มมปี ัญหาเกิดขน้ึ เร่มิ หยุดๆ เดินๆ บางแหง่ หยดุ หายไปเลยกม็ ี ดงั น้นั ถา้ จะให้เกิดความราบรืน่ มากท่สี ุด
ก็จะต้องทาให้ผู้บรหิ ารระดบั ถดั ลงมากล่มุ นีเ้ หน็ ภาพท่ีชดั เจน และเขา้ ใจว่าทาไมถงึ ตอ้ งเกิดการ
เปลีย่ นแปลง เพื่อให้เขาเป็นผูส้ นบั สนุนการเปล่ยี นแปลงใหก้ ับทมี งานของเขาเองด้วย
3. ทาความเข้าใจกับผูท้ ไ่ี ด้รับผลกระทบจากการเปลีย่ นแปลง อกี เรื่องทส่ี าคัญกค็ ือ เวลาทม่ี ีการ
เทปาลใหยี่ นง้ าแนปทล่ีทงเากอิดยขูน่ นึ้ ้ันลจดะลตงอ้ งเมพผีิม่ ู้ทขไ่ี้ึนดร้หับรผือลตก้อรงะเปทลบ่ยี โนดแยปตรลงงจตาากแกหานร่งเปงาลนี่ยบนาแงปอลยง่าใงนขแอตบล่ เะขคตรหง้ั นเา้ชท่น่คี อวาา16จมจะ
รบั ผิดชอบเปลี่ยนแปลงไป ฯลฯ บคุ คลเหล่าน้จี ะต้องไดร้ บั การดแู ลเปน็ พเิ ศษ เพราะเร่ืองของความรูส้ ึก
ของคนเรานั้นมนั เปน็ สิ่งที่คาดเดาไม่ได้ บางคนบอบบางมาก บางคนไม่รู้สกึ อะไร บางคนต้องดูแลเปน็
พิเศษ ดงั นัน้ ถ้าจะไมใ่ ห้เกิดปัญหากับบคุ คลเหล่านี้ ผู้บรหิ ารสงู สุดเองอาจจะตอ้ งเปน็ ผู้ที่เขา้ ไปพูดคุย
และทาความเข้าใจกบั บคุ คลทไ่ี ดร้ บั ผลกระทบโดยตรงเหล่านี้ก่อน เพอ่ื สร้างความเข้าใจ และความมั่นใจ
ว่า องคก์ รไม่ไดม้ ีเจตนาจะกล่นั แกล้งหรือทาให้รู้สึกไมด่ ี แต่ถ้าเราร่วมมอื กนั เรากจ็ ะทาใหอ้ งค์กรดขี น้ึ
และตวั บุคคลเหลา่ นก้ี จ็ ะมีอนาคตทีด่ ขี นึ้ ด้วยเชน่ กัน เรือ่ งเหล่านจ้ี ะตอ้ งมกี ารวางแผนล่วงหน้าอย่างดี
มฉิ ะนัน้ การเปลย่ี นแปลงก็จะเริ่มไม่ราบร่นื อย่างทีค่ ดิ
4. ทาใหก้ ารเปลยี่ นแปลงเป็นเรื่องธรรมชาติ เมือ่ การเปลย่ี นแปลงเริ่มสาเร็จ กอ็ ย่าเพงิ่ หยดุ
เปลยี่ นแปลง
เพราะการเปล่ยี นแปลงเป็นสงิ่ ที่หลกี เล่ียงไมไ่ ด้ ดงั นั้น ผู้บริหารทุกระดบั จะตอ้ งพยายามสร้างบรรยากาศ
ของการเปล่ียนแปลงอยู่ตลอดเวลา ทาใหพ้ นักงานรู้สกึ วา่ การเปลีย่ นแปลงนน้ั เป็นเรอื่ งธรรมดาทตี่ ้อง
เกิดขึ้น และเป็นสงิ่ ท่ีจะนาเรา และองคก์ รของเราไปสู่อนาคตท่ดี ขี ึน้ ได้ด้วย ผบู้ ริหารเองก็ต้องใสเ่ ขา้ ไป
เพ่อื ให้เขาสรา้ งบรรยากาศ และส่งเสรมิ ใหพ้ นกั งานมีทศั นคติทีด่ ตี ่อการเปล่ียนแปลงไดด้ ว้ ย
คาถามที่ ๓ 1
7
พรบ. ระเบียบบรหิ ารงานบคุ คลสว่ นท้องถ่นิ พ.ศ. 2542 คณะกรรมการในระดับจังหวัด
เฉพาะที่เกี่ยวข้องกับองค์การบริหารสว่ นตาบล แตล่ ะคณะมีจานวนก่ที ่าน จานวนเท่าได มี
อานาจหน้าท่อี ย่างไร....
ตอบ
คณะกรรมการพนกั งานเทศบาล (กทจ.) ประกอบด้วย ( ๑ ๕ ๖ ๖)
๑) ผวจ. เป็นประธาน
๒) หัวหน้าสว่ นราชการประจาจังหวัดจานวน ๕ คน
๓) ผู้แทนเทศบาลจานวน ๖ คน
(ก) ประธานสภา ซึ่งประธานสภาคัดเลือกจานวน ๒ คน
(ข) นายกเทศมนตรี ซ่ึงนายกคดั เลือกจานวน ๒ คน
(ค) ผแู้ ทนพนักงานเทศบาล ซงึ่ ปลดั เทศบาลในเขตจงั หวดั คดั เลือก จานวน ๒ คน
๔) ผู้ทรงคุณวุฒิจานวน ๖ คน ด้านการบริหารท้องถิ่น การบริหารงานบุคคล ระบบราชการ
การบรหิ าร และการการจัดการ และดา้ นอนื่ ๆ
การคัดเลือกประธานสภา นายก และผูแ้ ทนพนกั งานเทศบาล ให้ ผวจ.ดาเนินการ
การคัดเลือกผู้ทรงคุณวุฒิ ให้ ๑) และ ๒) เสนอจานวน ๙ คน และ ๓) เสนอรายช่ือจานวน ๙
คน และให้บคุ คลทงั้ ๑๘ คน ประชมุ เพ่ือคดั เลือกกันเองใหเ้ หลอื ๖ คน
ให้ ผวจ. แตง่ ต้งั ขรก. หรอื พนักงานเทศบาล เป็นเลขานกุ าร กทจ.
คณะกรรมการพนักงานส่วนตาบล ประกอบด้วย ( ๑ ๘ ๙ ๙)
๑) ผวจ. หรือรอง ผวจ. ซึ่งได้รับมอบหมาย เปน็ ประธาน
๒) นายอาเภอหรือหวั หน้าสว่ นราชการประจาจงั หวัด จานวน ๘ คน
๓) ผู้แทน อบต. จานวน ๙ คน
(ก) ประธานสภา ซง่ึ ประธานสภาคดั เลอื กจานวน ๓ คน
(ข) ประธานกรรมการ อบต. ซ่งึ ประธานกรรมการ อบต. คัดเลือกจานวน ๓ คน
(ค) ผแู้ ทนพนักงานส่วนตาบล ซงึ่ ปลัด อบต. คัดเลือกจานวน ๓ คน
๔) ผู้ทรงคุณวฒุ ิจานวน ๙ คน การบรหิ ารงานทอ้ งถ่ิน บริหารงานบคุ คล ระบบราชการ กา81ร
และการจัดการ
บรหิ าร
การคัดเลอื กผูท้ รง ให้ ๑) และ ๒) เสนอจานวน ๑๕ คน และ ๓) เสนอรายชอ่ื จานวน ๑๕ คน
และใหบ้ ุคคลทั้ง ๓๐ คน ประชมุ เพือ่ คัดเลอื กกันเองใหเ้ หลอื ๙ คน
การคดั เลือกประธาน ประธานกรรมการบรหิ าร อบต. และผูแ้ ทนพนักงานเทศบาล ให้ ผวจ.ดาเนนิ การ
ให้ ผวจ. แตง่ ต้ัง ขรก. หรือพนกั งานส่วนตาบล เปน็ เลขานกุ าร กอบต.
ข้อสอบปรนัย ตาแหนง่ อานวยการ การศกึ ษาศาสนาและวัฒนธรรม 1
คาถามขอ้ 1 9
ให้คดิ โครงการ “เสริมสร้างและพฒั นาผู้บรหิ ารการศึกษาเพ่อื พฒั นาการบรหิ ารงานวชิ าการใน
ของเขตงานทร่ี ับผิดชอบ โดยอธิบายตามหวั ขอ้ ตอ่ ไปนี้พอเข้าใจ
- หลกั การและเหตผุ ล
- วัตถปุ ระสงคข์ องโครงการ
คาตอบ
หลักการและเหตผุ ล
ผูบ้ ริหารสถานศกึ ษา เป็นบุคลากรทางการศึกษาท่มี ีบทบาทสาคญั ในการผลักดนั ให้การ
ปฏิรูปการเรยี นรู้ ซ่งึ เปน็ หัวใจของการปฏริ ูปการศึกษาตามพระราชบัญญตั ิการศกึ ษาแห่งชาติ พ.ศ.
2542 แก้ไขเพิม่ เติม (ฉบับท่ี 2) พ.ศ. 2545 ประสบความสาเรจ็ ดังนัน้ ภารกจิ ด้านการเรียนรขู้ อง
ผ้เู รยี นจึงเปน็ ภารกิจหลกั ท่ผี บู้ รหิ าร จะต้องให้ความสาคัญเป็นลาดับแรก นอกจากน้ีเพอื่ รองรับ
เจตนารมณข์ องพระราชบัญญตั กิ ารศึกษาแหง่ ชาตดิ งั กลา่ ว ทก่ี าหนดไว้ในมาตรา 39 ว่าใหก้ ระทรวง
กระจายอานาจการบรหิ ารและการจดั การศกึ ษาไปยังสถานศึกษาโดยตรงทง้ั ด้านวิชาการ งบประมาณ
การบริหารงานบคุ คล และการบรหิ ารทั่วไป ผู้บริหารสถานศกึ ษาในยุคปฏริ ูป จึงตอ้ งปรบั เปล่ียนบทบาท
และวธิ ีการบริหารของตนใหม่ โดยจะต้องมคี ณุ สมบตั ิเปน็ ผนู้ าทางวชิ าการ มีความรอบรู้ มีวิสัยทศั น์ มี
คุณธรรม จริยธรรม และมีความ มงุ่ มัน่ ตงั้ ใจท่ีจะพัฒนาตนเองและสถานศกึ ษาของตนให้มีความเป็นเลิศ
ทางดา้ นการจดั การศึกษาไดอ้ ย่างมีคณุ ภาพบุคลากรทางการศึกษาขั้นพื้นฐานทุกระดบั ไมว่ า่ จะเป็น
ผ้บู ริหารสถานศึกษาและศึกษานิเทศก์ต่างก็ตอ้ งผลิตผลงานวิจัยและวชิ าการเพ่ือการขอเลอ่ื นวิทยฐานะ
ของตนเองดังนัน้ การอบรมในหลกั สตู รนี้จะเปน็ การตอบสนองความตอ้ งการของบุคลากรทางการศึกษา
ได้เปน็ อยา่ งดี ซึง่ โดยหลักการการเขา้ สู่ตาแหน่งและรบั เงนิ วิทยฐานะของครูชานาญการพิเศษ ครู
เช่ยี วชาญ และครูเช่ยี วชาญพิเศษ ไดก้ าหนไวข้ ้อหนง่ึ ว่า ครูจะตอ้ งสง่ ผลงานเพ่ือการประเมนิ เป็นผลงาน
วชิ าการ 1 เรอื่ งและเปน็ ผลงานวิจยั อีก 1 เรือ่ ง เพื่อที่จะได้รบั เงนิ วิทยฐานะ ตามทีก่ ระทรวงศกึ ษาธิการ
ได้กาหนดหลักเกณฑ์ต่าง ๆ เพือ่ ให้ครูเขา้ สตู่ าแหน่งและรับเงินวิทยฐานะตา่ ง ๆ
ดังนน้ั เพ่อื การตอบสนองต่อความต้องการของผบู้ ริหารและครูสถานศกึ ษาขั้นพน้ื ฐาน สาหรับการ
พัฒนาศกั ยภาพทางการจัดการเรยี นการสอน การทาวิจยั และการทาผลงานวิชาการเพื่อเขา้ ส่ตู าแหน่ง
แเชลิงะปรฏับิบเงตั นิ กิ วาทิ รยหฐลาักนสะตู รกตาา่ รงวๆจิ ยั นเพนั้ อ่ื ทพาัฒงศนนูากยา์กรฬี เราียแนละกสารขุ สภอานพแมลหะากวาิทรผยลาลติ ัยผรลงังสาิตนวจิชึงาไกดาจ้ รัดเโพคือ่ รเงลกื่อานร02วอิทบยรม
ฐานะสาหรับผ้บู รหิ ารและครูระดบั การศกึ ษาข้นั พ้นื ฐาน เพ่อื กาหนดวิทยฐานะชานาญการพิเศษ
เชี่ยวชาญ และเช่ียวชาญพิเศษ
วตั ถปุ ระสงค์
วัตถุประสงคโ์ ครงการ มีจุดมุง่ เนน้ สาคญั เพื่อให้ผู้รบั การฝึกอบรม มีลกั ษณะดังตอ่ ไปน้ี
1. มีความรู้ ความเข้าใจในการพฒั นาผูบ้ รหิ ารการศกึ ษาเพอื่ พัฒนาการบรหิ ารงานวิชาการ
ในของเขตงานท่รี ับผิดชอบ
2. สามารถ การวิจัยพัฒนาผู้บรหิ ารการศึกษาเพื่อพัฒนาการบริหารงานวิชาการในของเขต
งานทร่ี ับผดิ ชอบ
3. สามารถทางานผลงานวชิ าการ ผูบ้ ริหารการศึกษาเพอ่ื พฒั นาการบริหารงานวิชาการใน
ของเขตงานทีร่ ับผิดชอบ
คาถามขอ้ 2 2
ท่านมคี วามเข้าใจความหมายและขอบเขต “การศกึ ษาขนั้ พ้นื ฐาน”อยา่ งไร อธิบาย 1
ตอบคำวำ่
“การศึกษาพนื้ ฐาน” (Basic Education) เป็นคาท่ีมีความหมายหลากหลาย ในสหรัฐอเมริกา
การศกึ ษาพ้ืนฐาน หมายถงึ “การสอนให้มีทกั ษะ ในการส่ือสาร คดิ คานวณ และเขา้ สงั คม เพื่อให้บุคคล
สามารถอ่านออก เขียนได้ คิดคานวณเป็น สามารถค้นคว้าหาความรู้ตอ่ ไปได้ รู้จักโลกแหง่ การงาน หน่วย
สวสั ดิการสงั คม ทางานกับนายจา้ งได้ รจู้ กั การบริโภคท่ีเหมาะสม รจู้ ักการปรับปรุงสขุ ภาพ”
(Cartwright, 1970: 407) ตามความหมายนี้ มุ่งถึงการศกึ ษาเบือ้ งต้น เปน็ สาคัญ องค์การยูเนสโก ซง่ึ
เป็นศูนย์รวมของนานาชาติ ในดา้ นการศกึ ษา ไดใ้ ห้คานิยามการศกึ ษาพืน้ ฐาน ไวว้ ่า
“การศึกษาสาหรบั คนทุกเพศทกุ วยั ให้มีโอกาสได้เรียนความรู้ท่วั ไป ทเ่ี ปน็ ประโยชนแ์ ก่ชวี ติ
ปลกู ฝงั ให้เกิดความอยากเรยี น อยากรู้ มีทกั ษะในการเรยี นด้วยตนเอง ร้จู กั ถาม สังเกต วิเคราะห์
ตระหนกั ว่า ตนเป็นส่วนหนึ่งของชมุ ชน มีความรับผิดชอบต่อตนเอง และผอู้ นื่ ” (Edgar Faure, 1972:
162) ในท่ีประชมุ โลก ว่าดว้ ยการศึกษาเพ่ือปวงชน (World Conference on Education for All :
WCEFA) ซงึ่ จัดขนึ้ ทีโ่ รงแรมจอมเทียน ประเทศไทย เม่อื ปี 1990 ท่ปี ระชุมพอใจ ที่จะใช้คาวา่ “การ
ตอบสนองความต้องการ ทางการเรียนข้นั พ้ืนฐาน” (meeting basic learning needs” มากกว่าการใช้
ชื่อ “การศึกษาพื้นฐาน” (Basic Education) อย่างไรก็ตาม ต่อๆมา คาวา่ “ความต้องการเรียนร้ขู ้ัน
พน้ื ฐาน” (basic learning needs) กับคาว่า “การศึกษาพนื้ ฐาน” กไ็ ด้มกี ารนาไปใช้แทนกันอย่บู อ่ ยๆ
ในการประชุมคร้ังนน้ั ได้มีการใหน้ ิยามศพั ท์ 2 คาไว้ดงั นี้
ความตอ้ งการการเรียนรู้ ข้ันพื้นฐาน (Basic learning needs) หมายถึง ความรู้ ทักษะ เจตคติ และ
ค่านิยม ทจ่ี าเปน็ สาหรับบุคคล เพือ่ ความอยรู่ อด ปรับปรุงคณุ ภาพชีวติ และการเรียนรตู้ ่อเนอ่ื ง
การศกึ ษาพ้ืนฐาน (Basic education) หมายถึง การศึกษาทมี่ ุง่ ให้ตอบสนอง ความต้องการ
ทางการเรียนรู้ ข้นั พน้ื ฐาน ซ่งึ รวมถงึ การเรียนการสอน ในระดับตน้ ซึง่ เปน็ พนื้ ฐาน ใหแ้ ก่การเรยี นรู้ขนั้
ต่อไป เช่น การศึกษาสาหรับเดก็ วัยเริม่ ตน้ การศกึ ษาระดบั ประถม การสอนให้รูห้ นงั สอื ทกั ษะความรู้
ท่ัวไป ทกั ษะเพ่อื การดารงชีวติ สาหรบั เยาวชนและผ้ใู หญ่ ในบางประเทศ การศึกษาพ้ืนฐาน ยงั ขยาย
ขอบเขต ไปถึงระดบั มัธยมดว้ ย
ดังน้ัน จงึ เหน็ ได้ว่า การศกึ ษาพ้ืนฐาน มิไดห้ มายความจากัด อยเู่ ฉพาะการศกึ ษา ช้นั
ประถมศึกษา ซง่ึ เป็นการศึกษาชนั้ ตน้ เทา่ นั้น แต่ยังครอบคลุมการศกึ ษา ชั้นมธั ยมศึกษา ซ่งึ บคุ คล22ส่วน
ใหญ่ มโี อกาสได้เขา้ เรียนดว้ ย
แผนการศึกษาแหง่ ชาติ พุทธศักราช 2535 ไดก้ ล่าวไว้ ในหมวดท่ี 3 แนวนโยบายการศกึ ษาว่า
“5. ใหก้ ารศกึ ษา ระดับมัธยมศกึ ษา เป็นการศกึ ษาขั้นพนื้ ฐาน ของปวงชน รัฐพงึ เรง่ รัด และขยาย
การศกึ ษาข้นั พื้นฐาน เพอื่ ปวงชนอยา่ งทัว่ ถึง เพ่อื ยกระดบั คณุ ภาพชีวติ ของประชาชน ใหส้ ูงขนึ้ ”
ข้อความนี้ แสดงใหเ้ หน็ ว่า ทางราชการไทยไดถ้ ือวา่ การศกึ ษาข้ันพืน้ ฐาน มขี อบเขต ครอบคลมุ ถงึ
การศึกษาระดับมธั ยมด้วย
รัฐธรรมนญู แหง่ ราชอาณาจกั รไทย พุทธศกั ราช 2540 ไดร้ ะบไุ วว้ ่า“มาตรา 43 บคุ คล ยอ่ มมี
สิทธิเสมอกัน ในการรบั การศึกษาข้ันพน้ื ฐาน ไม่นอ้ ยกวา่ สบิ สองปี ท่ีรัฐจะตอ้ งจัดให้ท่ัวถงึ และมคี ณุ ภาพ
โดยไมเ่ ก็บค่าใชจ้ า่ ย --” ซง่ึ เปน็ การยนื ยนั อกี คร้งั หน่ึงว่า การศึกษาขนั้ พื้นฐาน มีขอบเขตขยาย ถึง
การศกึ ษาระดบั มธั ยมปลาย ซึ่งใชเ้ วลาเรยี น ต้งั แตร่ ะดับประถมศึกษา สิบสองปี
สรุปได้วา่ การศกึ ษาพืน้ ฐาน ตามความหมายของเอกสารน้ี เปน็ การศึกษาที่จัดให้ ตงั้ แตร่ ะดบั
กอ่ นวัยเรยี น ไปจนถึงชนั้ มัธยมศกึ ษาตอนปลาย
คาถามขอ้ 3 2
3
ในการถา่ ยโอนภารกจิ ดา้ นการจัดการศกึ ษาใหอ้ งคก์ รปกครองสว่ นทอ้ งถ่นิ มกี ่ี พรบ.อะไรบา้ ง
ตอบ
1. พ.ร.บ.กาหนดแผนและข้ันตอนการกระจายอานาจใหแ้ ก่ อปท.(ฉบับที 2) พ.ศ. 2549
มาตรา 30 , 32 , 33
2. แผนปฏิบตั ิการกาหนดขน้ั ตอนการกระจายอานาจใหแ้ ก่ อปท. 2545
3. พ.ร.บ.การศกึ ษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542
4. พ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการกระทรวง ศธ. พ.ศ. 2546
5. กฎ ศธ. เรื่อง กาหนดหลกั เกณฑแ์ ละวธิ กี ารประเมินความพรอ้ มในการจัดการศึกษาข้ัน
พนื้ ฐานของ อปท. พ.ศ.2547 (29 ก.ย.47)
6. กฎ ศธ. เรอื่ ง กาหนดหลักเกณฑ์และวิธกี ารประเมนิ ความพร้อมในการจัดการศึกษาขั้น
พื้นฐานของ อปท. (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2549 (29 ก.ย.47)
7. ประกาศ ศธ. เร่อื ง หลกั เกณฑ์ วธิ ีการ เงอื่ นไข ตวั ชี้วัดและระดบั คุณภาพ ในการ
ประเมินความพรอ้ มในการจัดการศกึ ษาข้ันพน้ื ฐานของ อปท.(29 ก.ย.47)
8. ประกาศ ศธ. เรอื่ ง วิธกี ารและเงื่อนไขการแสดงถงึ ความสมคั รใจให้โอนสถานศกึ ษาขั้น
พ้นื ฐานไปสงั กดั อปท. พ.ศ. 2549 (13 ม.ค. 49)
กฎหมายการบริหารงานบุคคลขา้ ราชการ พนกั งานครูและบคุ ลากรทางการศกึ ษาทอ้ งถน่ิ
1. พ.ร.บ.ระเบยี บบริหารงานบคุ คลสว่ นท้องถิ่น พ.ศ. 2542
1.1 มาตรฐานกลาง กถ.
1.2 มาตรฐานทัว่ ไป ก.จ. / ก.ท. / ก.อบต.
1.3 ประกาศ ก.จ.จ. / ก.ท.จ. / ก.อบต.จงั หวัด
2. พ.ร.บ.สภาครแู ละบุคลากรทางการศกึ ษา พ.ศ. 2546
2.1 ระเบียบครุ ุสภา 2
2.2 ขอ้ บงั คบั ครุ สุ ภา 4
3. พ.ร.บ.ระเบยี บข้าราชการครูและบคุ ลากรทางการศกึ ษา พ.ศ. 2547
3.1 กฎ ก.ค.ศ.
3.2 หลักเกณฑ์ ก.ค.ศ.
4. พ.ร.บ.เงินเดอื น เงนิ วทิ ยฐานะ และเงินประจาตาแหน่งขา้ ราชการครูและบุคลากรทางการ
ศกึ ษา พ.ศ. 2547
คาถามข้อ 4 2
5
ในฐานะทา่ นเปน็ ผูบ้ ริหารในกองการศึกษา ให้เขียน วสิ ยั ทัศน์ (VISION) กรมสง่ เสริมการ
ปกครองท้องถ่นิ เกย่ี วกับดา้ นการศกึ ษาขององค์กรปกครองส่วนท้องถิน่
ตอบ
วสิ ยั ทัศน์ (VISION) กรมส่งเสริมการปกครองทอ้ งถิน่
กรมส่งเสรมิ การปกครองท้องถ่นิ เปน็ องคก์ รหลกั ในการสง่ เสรมิ ศกั ยภาพขององคก์ รปกครองสว่ น
ทอ้ งถิน่ ใหเ้ ขม้ แข็ง เพอ่ื สร้างความมนั่ คงและมั่งคั่ง ของประชาชนอยา่ งแท้จริง
พันธก์ ิจกรมส่งเสริมการปกครองทอ้ งถ่ิน
1. พฒั นาระบบบรหิ ารการจัดการศึกษาขององคก์ รปกครองส่วนทอ้ งถิ่นใหม้ ปี ระสทิ ธภิ าพและ
ทันสมัย
2. พฒั นาและใชป้ ระโยชนจ์ ากระบบเทคโนโลยสี ารสนเทศ
3. พัฒนาระบบจัดทะมาตรฐานการปฏบิ ัติงาน ตลอดจนกากับดแู ลองค์กรปกครองส่วนทอ้ งถ่นิ
ใหเ้ ปน็ ไปตามมาตรฐานท่ีกาหนด
4. พฒั นาความเข้มแข็งดา้ นการบริหารจัดการบรกิ ารสาธารณะขององคก์ รปกครองส่วนท้องถ่นิ
ภายใต้หลักเกณฑก์ ารบรหิ ารบา้ นเมืองทด่ี ี
5. ส่งเสรมิ ภาคประชาชนให้มีสว่ นร่วมในการบริหารงาน และตรวจสอบการดาเนนิ งานของ
องคก์ รปกครองสว่ นทอ้ งถิ่น
6. พฒั นาความเข้มแข็งด้านการเงิน การคลงั ขององค์กรปกครองส่วนท้องถน่ิ
7. ส่งเสริมและสนบั สนนุ องค์กรปกครองสว่ นท้องถนิ่ ในการพัฒนาเศรษฐกจิ สงั คม
ทรพั ยากรธรรมชาติและส่งิ แวดล้อม การเมอื ง การปกครอง และความมัน่ คง ใหส้ อดคล้องกับ
ยทุ ธศาสตรก์ ารบริหารราชการแผ่นดนิ ยุทธศาสตร์การพัฒนาจงั หวดั และความตอ้ งการของ
ชมุ ชน
ยทุ ธศาสตร์การจัดการศกึ ษาทอ้ งถนิ่
1. การจัดการศกึ ษาในศนู ยพ์ ัฒนาเด็กเลก็
2. การจดั การศึกษาระดับปฐมวัยหรือระดบั กอ่ นประถมศึกษา
3. การจดั การศึกษาภาคบังคับ
4. การจัดการศึกษาชว่ งช้นั ที่ 4 และอาชีวศกึ ษา 2
5. การจัดการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศัย 6
6. การสง่ เสรมิ การกฬี า นันทนาการ กจิ กรรมเด็ก เยาวชนและประชาชน
7. การสง่ เสริมศาสนา ศลิ ปะ วฒั นธรรม จารตี ประเพณี และภูมิปัญญาท้องถ่นิ
ขอ้ สอบ อัตนยั ตาแหน่งนักบริหารงานทอ้ งถ่ิน 2
7
.................................................................................................................................
คาถามท1่ี .
ในฐานะท่ีทา่ นเปน็ ผบู้ ริหาร (นกั บรหิ ารงานเทศบาล) ท่านมีวธิ ีการ/หลกั การ การบริหารความ
ขัดแยง้ ในการปฏบิ ตั ิงานในองคก์ าร ได้อย่างไร เพ่ือใหก้ ารปฏิบตั ิบรรลุวตั ถปุ ระสงคต์ ามเปาู หมายของ
องค์กร อย่างมีประสทิ ธภิ าพ พร้อมอธิบายเหตุผล
ตอบ
ความขัดแยง้ เกดิ จาก
1. ความขดั แย้ง เกิดข้นึ เมื่อบุคคลตอ้ งมีการตดั สนิ ใจ แตล่ ะคนจะมกี ารตัดสนิ ใจที่แตกต่างกันไป
ขน้ึ อยูก่ ับการเลอื กกระทา
2. ความขัดแย้ง ความขัดแยง้ เกิดขึน้ ระหวา่ งบคุ คลเมอ่ื ไม่สามารถทาให้ทุกฝุายบรรลุเปูาหมาย
หรือความพงึ พอใจรว่ มกันได้
3. ความขดั แย้งเป็นกระบวนการทางสังคม เกิดขน้ึ เมอ่ื แตล่ ะฝาุ ยมีการรับรู้ทแ่ี ตกตา่ งกัน ค่านยิ ม
ท่ีแตกต่างกนั และแต่ละฝาุ ยมจี ดุ มุง่ หมายทเี่ ขา้ กันไมไ่ ด้ทาใหเ้ กิดความขัดแยง้ ตามมา
ความขัดแยง้ เปน็ ส่ิงที่เกิดขนึ้ ตามธรรมชาติ และไมใ่ ช้เปน็ แต่เพียงการกระทบกระทง่ั ทางกายแต่
ยงั สร้างความกระทบกระท่งั ทางจิตใจ ไดแ้ ก่ การก่อให้เกิดความขัดแยง้ ทางความคิด การขดั แยง้ ทาง
อารมณ์ และเกดิ ความกดดนั ทางด้านจติ ใจ เป็นต้น ดังน้ัน นกั บรหิ ารตอ้ งตระหนกั วา่ กลยุทธ์การจดั การ
ความขดั แยง้ จะต้องคาน่ึงถึงสมมตฐิ านทีว่ ่า
ความขัดแย้งเปน็ สง่ิ ที่หลกี เลยี่ งไมไ่ ด้ แตส่ ามารถจัดการได้ โดยผนู้ าทรี่ ูจ้ ักและเข้าใจธรรมชาตขิ อง
ความขัดแยง้ สามารถเปลี่ยนความขัดแย้งใหเ้ ป็นสง่ิ ท่ีสรา้ งสรรค์ตอ่ องค์การได้ เนอื่ งจากความขดั แย้งใน
ปริมาณท่ีเหมาะสมสามารถก่อให้เกิดการจงู ใจใหค้ นรเิ ร่มิ แก้ใขปัญหาได้ ดงั นน้ั นกั บริหารทเี่ ข้าใจ
ธรรมชาติของความขดั แยง้ ย่อมได้เปรียบในการท่ีจะควบคมุ ความขดั แย้งใหอ้ ยู่ในปริมาณทีเ่ หมาะสมต่อ
การบรหิ ารองคก์ าร
2
8
2. ยุทธศาสตรห์ ลกั ที่ คสช.ยึดถือเปน็ แนวทางปจั จุบัน มีก่ดี ้าน และท่านสามารถนามาปรับใช้ในการ
ปฏิบัตงิ านในองคก์ ร ไดอ้ ยา่ งไร เพ่อื ใหก้ ารปฏบิ ัตบิ รรลุวัตถุประสงค์ตามเปูาหมายขององคก์ รและ
นาไปสูก่ ารพัฒนาชุมชน /หม่บู า้ น/ตาบล ไดอ้ ย่างย่งั ยืน จงอธิบาย
3. ในปัจจบุ ันถา้ วาระการดารงตาแหน่งของของผู้บริหารหรอื สมาชกิ สภาท้องถ่นิ หมดวาระลง เทศบาล
จะต้องดาเนนิ การอย่างไรบา้ ง จงอธิบาย
4. หลกั ปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพียง มีความหมายและหลักปฏิบตั อิ ย่างไร ท่านสามารถนามาใช้เปน็
แนวทางปฏิบตั ิในการปฏิบัติงานได้อย่างไรบ้าง จงอธิบาย
5. ตามพระราชบญั ญตั เิ ทศบาลและพระราชบัญญัตแิ ผนและขั้นตอนการกระจายอานาจ กาหนดหน้าท่ี
ของเทศบาลไว้อยา่ งไรจงอธิบายมาให้เป็นทเ่ี ข้าใจ
วิธจี ัดการกับความขดั แย้งสามารถทาได้หลายวิธีท้งั นี้ข้นึ อยกู่ บั สถานการณ์ หรือสไตล์ในการ
บรหิ ารของนักบริหาร ซ่งึ สามารถแบ่งรูปแบบของการบริหารความขัดแย้งไดด้ ังนี้
1. การหลบหลกี ความขัดแย้ง
ผทู้ ่ีเกีย่ วข้องจะใช้ความเพิกเฉยในการแกป้ ัญหาความขัดแยง้ โดยจะไม่มกี ารให้ความสนใจท้งั
ประโยชน์ของตนเองและประโยชน์ของผู้อื่น หรอื ไมใ่ หค้ วามร่วมมือกับฝุายตรงขา้ ม และพยามหลบหลีก
หรอื หลกี เลย่ี งการเผชิญหนา้ กบั ความขัดแยง้ ซง่ึ แมว้ ิธีการน้ีจะเปน็ การลดภาวะตรงึ เครียดได้ระยะหนง่ึ
แต่จะไม่สามารถทาให้เกดิ การเปล่ียนแปลงสถานการณไ์ ด้อย่างแท้จรงิ แต่หากความขดั แย้งเปน็ เรอ่ื งเล็ก
ๆ นอ้ ย ๆ และเป็นความขัดแยง้ ท่ีไม่รนุ แรงและไม่มีความชดั เจน การบริหารความขัดแย้งโดยการวางเฉย
จะมคี วามเหมาะสมอย่างมาก หรอื ในกรณีท่สี ถานการณ์ทีร่ ุนแรงและเปน็ อันตรายหากเข้าไปเกี่ยวข้อง
การหลกี เลี่ยงกเ็ ป็นกลยุทธ์ที่เหมาะสมที่จะนามาใช้
2
9
2. การให้ความช่วยเหลือ
การจัดการความขัดแย้งวิธนี ้ีคือการให้ความช่วยเหลือฝุายตรงขา้ ม หรอื การให้ความรว่ มมือ โดย
ไม่สนใจวา่ ฝุายของตนเองจะไดร้ บั ผลประโยชน์อะไรบา้ ง การใช้กลยุทธ์การให้ความช่วยเหลือจะเหมาะ
กับสถานการณ์ท่ีความขัดแย้งคอ่ นข้างรนุ แรงหรือวิกฤติ
3. การแข่งขัน
การใช้กลยุทธ์การแขง่ ขันเปน็ กลยุทธ์ท่ีฝาุ ยที่ใช้กลยุทธ์จะแสวงหาชอ่ งทางทจี่ ะได้รับประโยชน์
สูงสุด หรือแสวงหาความได้เปรียบ นอกจากนี้ยังมีการใหค้ วามรว่ มมอื ในการแก้ปญั หานอ้ ยมาก
เนอ่ื งจากฝุายท่ีใชก้ ลยุทธ์นจ้ี ะยดึ เปาู หมาย และวธิ กี ารของตนเองเปน็ หลัก และการแข่งขันจะมานาไปสู่
การแพ้ ชนะ การใช้วิธนี ผ้ี ู้บริหารจะต้องม่ันใจว่าสดุ ท้ายจะทาให้เกิดการชนะ แพ้ และตอ้ งมีขอ้ มลู ทมี่ าก
พอและถกู ต้อง และมอี านาจมากพอ และการใช้วิธีน้ีในการแก้ปัญหาความขัดแยง้ จะทาใหไ้ ม่มีการตดิ ต่อ
สมั พนั ธก์ ับฝาุ ยตรงข้ามอีกในอนาคต
4. การใหค้ วามร่วมมอื
การใช้กลยุทธ์ในการใหค้ วามรว่ มมือจะทาให้ท้ังสองฝุายไดร้ บั ประโยชนส์ ูงสดุ มากกวา่ วธิ ีทกี่ ล่าว
มา เปน็ วิธกี ารจัดการความขดั แย้งทท่ี าใหต้ า่ งฝุายต่างมีความพอใจในผลทไ่ี ด้รบั จากการแกป้ ัญหา และ
ทั้งสองฝาุ ยต่างให้ความร่วมมอื ซงึ่ กนั และกัน ซงึ่ คอ่ นขา้ งเป็นกลยุทธท์ ่ีเปน็ อุดมคติ เนื่องจากต่างฝุายต่าง
เห็นว่าการแก้ปญั หาความขัดแยง้ จะทาให้เกิดการชนะท้งั สองฝาุ ย ทง้ั นี้แตล่ ะฝุายจะต้องรขู้ อ้ มลู ของอกี
ฝาุ ยเปน็ อย่างดี และความขดั แยง้ ทเ่ี กิดข้นึ เปน็ ความขัดแยง้ ท่ไี มร่ นุ แรง แต่การแก้ปญั หาโดยวิธนี จี้ ะมกี าร
ใชร้ ะยะเวลาพอสมควร
...............................................
คาถามท่ี ๒ 3
0
หากท่านได้รบั การแต่งตง้ั เปน็ ผูบ้ ริหารองคก์ รปกครองสว่ นทอ้ งถิ่น หากทา่ นใช้หลกั การบริหาร
เชิงกลยุทธ์อย่างไรและการบรหิ ารเชิงกลุ ยุทธ์ทดี่ ีคืออะไรบ้างในการบริหารเชงิ กลยุทธ์ ทจี่ ะนามาใช้ใน
การบริหารราชการต่อองค์กรท่เี กดิ ประสิทธภิ าพและประสิทธผิ ล (อธิบายพอสังเขป)
ตอบ
การบริหารเชงิ กลยทุ ธ์ – ลกั ษณะการบริหาร
กลยทุ ธ์ ก็คอื รปู แบบหรือแผนการดาเนนิ งานที่รวบรวมเอาเปาู หมาย หรอื นโยบายหลกั เขา้ ไว้
ดว้ ยกนั เพือ่ นาไปสกู่ ารปฏิบัติ โดยมีข้ันตอนท่สี าคัญไดแ้ กก่ ารกากับ หรอื ควบคมุ ใหส้ ามารถดาเนินการ
ได้อยา่ งเหมาะสมสอดคล้องกับสภาพแวดล้อมและสถานการณ์ในขณะน้ัน ซ่ึงกค็ อื กระบวนการบริหาร
เชงิ กลยทุ ธ์ น้ันเอง
ลกั ษณะการบรหิ ารเชิงกลยุทธ์
การบรหิ ารเชงิ กลยทุ ธ์ คือกระบวนการบรหิ ารทม่ี ีความตอ่ เนื่อง และมีความเชื่อมโยงเก่ียวข้องกบั
ทกุ แผนก หรอื ทุกหน่วยงานในองคก์ ร ลักษณะการบริหารจึงแยกออกเปน็ 3 ประเดน็ ดังนี้
1.เนน้ ลาดับความสาคญั ของกิจกรรม
เปน็ ข้ันตอนผบู้ ริหารจะตอ้ งดาเนนิ งานภายในองค์กรท่ตี นรับผดิ ชอบอยู่ โดยเน้นในเรือ่ งลาดับ
ขัน้ ตอนความสาคญั ก่อนหลังของกิจกรรมตา่ งๆ ตลอดจนทาการวิเคราะหส์ ภาพแวดล้อมทัง้ ภายในและ
ภายนอก การกาหนดทิศทาง การปฏิบตั ิการเชิงกลยุทธ์การควบคุมดูแลตรวจสอบ และประเมินผล
เชงิ กลยทุ ธ์ เพือ่ ปรับเปลยี่ นให้เกิดความเหมาะสมในดา้ นต่างๆอยา่ งต่อเนอ่ื งและสมา่ เสมอ
2.กระบวนการทเี่ ป็นวงจร
หมายถึง กระบวนการบริหารเชิงกลยุทธจ์ ะเร่ิมตน้ จากข้ันตอนแรกแลว้ ดาเนนิ ไปอย่างตอ่ เนอ่ื ง
จนถงึ ขน้ั ตอนสุดทา้ ยแลว้ ย้อนกลบั มาดาเนินการในข้ันตอนแรกอกี คร้ัง วนเวยี นอยา่ งนี้ตลอดไปเปรียบ
เหมือนกระบวนการท่ีเปน็ วงจร มีการวนเวียนมายังจุดเดิมคล้ายกับการเดนิ ตามเสน้ วงกลม
3.ผสมผสานทกั ษะและความเช่ียวชาญเฉพาะดา้ น 3
1
เปน็ การบริหารเชงิ กลยุทธ์ที่มลี ักษณะมงุ่ เนน้ ให้ความสาคญั กบั กระบวนการบริหาร ในเรอ่ื งการ
รวมพลังทรพั ยากรมนุษย์โดยให้ความสาคญั กบั การผสมผสานทกั ษะ และความเชย่ี วชาญเฉพาะด้าน อาทิ
เชน่ ด้านการตลาด การผลติ การเงนิ และดา้ นอน่ื ๆ
ดังนน้ั ลกั ษณะการบรหิ ารเชิงกลยุทธ์ จงึ นอกจากจะเนน้ ที่ข้ันตอนการทางานและใหค้ วามสาคัญ
กบั กระบวนการทางานท่ีเป็นวงจร การบรหิ ารงานยังมุ่งให้ทุกฝุายทางานเปน็ ทีม มกี ารประสานช่วยเหลือ
กัน เพื่อให้เกิดพลงั แหง่ ความสามัคคภี ายในองคก์ ร และไม่ได้มุ่งให้ฝาุ ยใดฝาุ ยหนง่ึ มีความสามารถพเิ ศษ
หรือมีอานาจเหนือฝุายใด
คาถามท่ี ๒ 3
พระราชบัญญตั ิระเบียบปริหารงานบคุ คลสว่ นทอ้ งถนิ่
พ.ศ. 2552 ไดก้ าหนดองคก์ รท2่ี
เกีย่ วขอ้ งกับการบรหิ ารงานบคุ คลของท้องถิน่ ไว้อย่างไร แตล่ ะองคก์ รประกอบดว้ ยบคุ คลสามฝุายมีใคร
บา้ ง และมีบทบาทหนา้ ท่ีสัมพันธ์ในแต่ละองค์กรอยา่ งไร จงอธิบายพอสังเขป
ตอบ
คณะกรรมการข้ารากชารองค์การบรหิ ารส่วนตาบลมจ่ี านวน 27 คน โดยแบง่ ออกเป็น 3 สว่ น
คือ
1. คณะกรรมการโดยการแต่งต้ัง จานวน 9 คน มี ผวจ. หรือรอง ผวจ. ซ่ึงได้รับมอบหมาย เป็น
ประธาน และนายอาเภอหรือหัวหน้าสว่ นราชการประจาจงั หวดั จานวน ๘ คน
๒.ผ้แู ทน อบต. จานวน ๙ คน
(ก) ประธานสภา ซงึ่ ประธานสภาคดั เลือกจานวน ๓ คน
(ข) ประธานกรรมการ อบต. ซ่ึงประธานกรรมการ อบต. คดั เลือกจานวน ๓ คน
(ค) ผู้แทนพนกั งานสว่ นตาบล ซง่ึ ปลดั อบต. คัดเลือกจานวน ๓ คน
๓. ผู้ทรงคุณวุฒจิ านวน ๙ คน การบริหารงานทอ้ งถิ่น บรหิ ารงานบุคคล ระบบราชการ การ
บรหิ าร และการจดั การ
การคดั เลอื กผู้ทรง ให้ ๑) และ ๒) เสนอจานวน ๑๕ คน และ ๓) เสนอรายชอ่ื จานวน ๑๕ คน
และให้บคุ คลทั้ง ๓๐ คน ประชุมเพ่ือคัดเลอื กกันเองให้เหลือ ๙ คน
คณะกรรมการข้าราชการองค์การบรหิ ารส่วนตาบลมหี นา้ ท่ี
1. กาหนดคุณสมบัตเิ ฉพาะที่สาคัญสาหรับข้าราชการพนักงานสว่ นตาบล
๒. กาหนดจานวนและตาแหนง่ อัตราเงินเดือน และเงนิ ผลประโยชน์ตอบแทน
๓. กาหนดหลักเกณฑ์ การโอน ย้าย ระหวา่ งหน่วยงานรฐั วสิ าหกิจทเี่ ก่ียวขอ้ ง
๔. กาหนดระเบียบ กฏเกณฑ์ การปฏบิ ตั ขิ า้ ราชการองคก์ ารบริหารส่วนตาบล
๕. กากบั ดูแล เสนอแนะใหค้ าแนะนากับขา้ ราชการองค์การบรหิ ารส่วนตาบล
3
3
ข้อ 4. หลกั ธรรมาภิบาลคืออะไรจงอธิบาย
ตอบ หลักธรรมาภิบาลคือ หลกั การบรหิ ารจัดการในการจัดระเบยี บสังคมของประเทศเพือ่
ประโยชนส์ ุข
ของประชาชน มี 6 ข้อ
1. หลักนิตธิ รรม คอื การใช้กฎหมายระเบียบข้อบังคับในการปฏบิ ตั ิให้ยุติธรรมอย่าง
รอบคอบและรวดเรว็
2. หลักคุณธรรม คอื การปฎิบตั งิ านอยา่ งเป็นธรรมตรงไปตรงมา
3. หลกั ความร่วมมอื คือ การปฎิบัตงิ านแบบมสี ่วนรว่ มฟงั ความคิดเห็นของบคุ คลอ่นื เชน่
การประชุมประจาเดอื นเป็นต้น
4. หลักความโปรง่ ใส คือ การปฎบิ ตั งิ านตา่ งๆในการดาเนินงานเชน่ การจดั ทาประชาคมก่อน
ดาเนินโครงการ
5. หลกั ความรับผิดชอบ คือ การปฎบิ ตั ิงานดว้ ยความถูกตอ้ ง รอบคอบกล้ารบั ผดิ ในงานที่
ตนเองทา
6. หลกั การตรวจสอบได้ คอื การดาเนนิ การต่างๆประชาชนสามารถขอดูเอกสารต่างๆท่เี กีย่ วข้องได้
ตามความเหมาะสม
แขผอ้ น2งานงบจปงรอะธมิบาาณยรราายยจจา่า่ ยยกทลวั่ าไปงขแอลงะเรทาศยบจา่าลยตปารมะแกผอนบงดา้วนยมงีหบมปวรดะอมะาไณรบกลา้ งาใงหแ้เปลน็ะรทา่ีเขยจ้าใา่ จย34ตาม
ตอบ รายจา่ ยตามแผนงานประกอบดว้ ย
1. หมวดรายจ่ายทว่ั ไป คือ
- เงนิ เดอื น
- คา่ ตอบแทน
- คา่ ใชส้ อย
- คา่ สาธารณูปโภค
- ค่าเงนิ อุดหนนุ
- คา่ เงนิ อื่นๆ
2. หมวดรายจ่ายเพอ่ื การลงทุน
- คา่ วัสดุ
- คา่ ท่ีดนิ และสง่ิ กอ่ สรา้ ง
รายจ่ายงบกลาง เป็นรายจ่ายท่ีตัง้ ไว้เพือ่ ใช้ในการดาเนนิ การนอกเหนือจากรายจ่ายตามแผนงาน เชน่
งบประมาณท่ีใชใ้ นเหตุกรณีภัยพบิ ัติฉกุ เฉินเป็นต้น
ตัวอยา่ งคาถาม 3
5
1. “ประชาชนเป็นศนู ยก์ ลาง บริการเปน็ เลศิ เชดิ ชวู ัฒนธรรม น้อมนาเศรษฐกจิ พอเพยี ง”ทา่ นเขา้ ใจ
คากลา่ วนอี้ ย่างไร และจะนาไปปฏิบตั ิให้เปน็ รูปธรรม เพื่อให้เกดิ ประโยชนส์ งู สดุ ตอ่ ประชาชน
และองค์กรอยา่ งไร อธิบาย
2. หนา้ ทีข่ องเทศบาลตาบล ทเี่ ทศบัญญัติไว้ตามมาตรา 50 แห่งพระราชบัญญัติเทศบาล พ.ศ.
2496 ภายใตบ้ ังคับ แหง่ กฎหมาย เทศบาลตาบล มีหน้าที่ต้องทาในเขตเทศบาลตาบล
ดงั ตอ่ ไปน้ี
1) รักษาความสงบเรียบร้อยของประชาชน
2) ใหม้ แี ละบารุงทางบกและทางนา้
3) รักษาความสะอาดของถนน หรือทางเดินหรือท่ีสาธารณะรวมทั้งการกาจัดขยะมลู ฝอยและส่งิ
ปฏกิ ลู
ในฐานะท่ีทา่ นเป็นรองปลัดเทศบาล ท่านมีวิธีการที่จะบริหารจัดการในเร่อื งดังกล่าวให้เกดิ
ประโยชนส์ ขุ แก่ประชาชนอยา่ งไร
3. เทศบัญญัตงิ บประมาณรายจ่ายของเทศบาลเทศบาลประกอบไปด้วยสว่ นใดบา้ ง การทีเ่ ทศบาล
จะประกาศเปน็ เทศบญั ญัติงบประมาณรายจ่ายประจาปแี ละมผี ลบังคบั ใช้ได้ต้องผา่ นข้ันตอน
อะไรบา้ ง จงอธิบายมาให้เป็นท่ีเขา้ ใจ
4. ปจั จุบันปญั หาขยะมลู ฝอยในชมุ ชนเปน็ ปัญหาระดบั ชาติตามโครงการ “จงั หวัดสะอาด 3 B
ประชารัฐ” มหี ลกั การและเปาู หมายในการดาเนนิ การอย่างไร จงอธบิ าย
5. จงอธิบายขั้นตอนการยกร่างรฐั ธรรมนูญ ตามรัฐธรรมนญู แห่งราชอาณาจกั รไทย (ชั่วคราว) พ.ศ.
2557 แกไ้ ขเพิม่ เตมิ (ฉบับท่ี 1 ) พ.ศ. 2558 กาหนดไว้มาให้เปน็ ที่เขา้ ใจ
6. ทา่ นเข้าใจคาว่า “การปฏบิ ัตริ าชการแทน”และการรกั ษาการแทน”ว่าอย่างไรจงอธิบายและ
ยกตวั อยา่ งการปฏิบัตริ าชการในเทศบาลประกอบการอธิบาย
นักบริหารทั่วไป 3
6
1. ในฐานะที่ท่านเปน็ นกั บริหาร ท่านคิดว่าการบรหิ ารราชการสว่ นทอ้ งถ่นิ มปี ัญหาอปุ สรรคในการบรหิ ารงาน
มากมายปัญหาใดท่ีทา่ นเห็นว่า เป็นปัญหาท่ีสาคญั ท่ีต้องได้รบั การปรบั ปรงุ แก้ไข ขอใหเ้ สนอ พรอ้ มแนวทาง
ในการแก้ไขปญั หาทีเ่ ปน็ รปู ธรรมและยกตัวอย่างใหเ้ หน็ พอสังเขป...
2. หากส่วนราชการ (เทศบาลตาบล) มกี ารเปล่ียนแปลงบุคลากรระดับผู้บรหิ ารและเจ้าหน้าท่ผี ู้ปฏิบัติ
ตลอดเวลาท่านมวี ธิ ีการบริหารงานอย่างไร จึงจะสามารถทาใหง้ านดาเนินไปได้โดยไม่ติดขัด ไมเ่ สียหาย
และมกี ารพฒั นาอย่างต่อเนื่อง
3. พรบ. ระเบียบบรหิ ารงานบุคคลส่วนทอ้ งถ่ิน พ.ศ. 2542 คณะกรรมการในระดับจงั หวัดเฉพาะท่ีเก่ยี วขอ้ ง
กับองค์การบรหิ ารสว่ นตาบล และคณะมจี านวนกี่ทา่ น จานวนเทา่ ได มีอานาจหน้าท่ีอย่างไร....
4. หลกั ธรรมาภิบาลคอื อะไรจงอธิบาย....
ตวั อยา่ งคาถาม บรหิ ารงานสาธารณสุข 3
7
..................................................................................................................................................
1.ในฐานะทีท่ ่านเป็นผู้บริหาร (นักบริหารงานเทศบาล) ท่านมีวิธีการ/หลักการ การบริหารความขัดแย้ง
ในการปฏิบัตงิ านในองค์การ ได้อย่างไร เพือ่ ใหก้ ารปฏบิ ตั ิบรรลุวัตถปุ ระสงคต์ ามเปาู หมายขององคก์ ร
อยา่ งมีประสิทธิภาพ พร้อมอธิบายเหตุผล
2. ยุทธศาสตร์หลักที่ คสช.ยดึ ถอื เป็นแนวทางปัจจุบัน มีกดี่ ้าน และท่านสามารถนามาปรับใช้ในการ
ปฏิบตั งิ านในองคก์ ร ได้อย่างไร เพื่อใหก้ ารปฏิบตั ิบรรลวุ ัตถุประสงคต์ ามเปูาหมายขององค์กรและ
นาไปสกู่ ารพัฒนาชุมชน /หมบู่ า้ น/ตาบล ไดอ้ ยา่ งยั่งยนื จงอธบิ าย
3. ในปจั จุบนั ถา้ วาระการดารงตาแหนง่ ของของผ้บู ริหารหรือสมาชิกสภาท้องถิ่นหมดวาระลง เทศบาล
จะตอ้ งดาเนินการอย่างไรบ้าง จงอธิบาย
4. หลกั ปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพยี ง มีความหมายและหลกั ปฏบิ ตั ิอย่างไร ท่านสามารถนามาใช้เป็น
แนวทางปฏบิ ัตใิ นการปฏบิ ัตงิ านได้อย่างไรบา้ ง จงอธิบาย
5. ตามพระราชบัญญัตเิ ทศบาลและพระราชบญั ญัตแิ ผนและขน้ั ตอนการกระจายอานาจ กาหนดหนา้ ท่ี
ของเทศบาลไวอ้ ยา่ งไรจงอธบิ ายมาให้เปน็ ท่เี ข้าใจ
...............................................
แนวคาถาม ขอ้ สอบอัตนยั ตาแหนง่ บรหิ ารงาน 3
8
ขอ้ 1. ท่านต้องการให้กองสาธารณสขุ ในอีก 10 ปี ข้างหน้าของทอ้ งถิ่นท่านเป็นไปในรปู แบบใด
ในมติ ิของผใู้ หบ้ รกิ าร ผู้รับบริการ และการบงั คับใช้กฎหมาย อธิบาย
ตอบ กองสาธารณสุข และสง่ิ แวดลอ้ มในอีก 10 ปี ข้างหนา้
ดา้ นมติ ขิ องผใู้ ห้บรกิ ารผูร้ ับบรกิ าร และการบังคับใช้กฎหมาย พยายามพัฒนาระบบการดูแล
ใหช้ มุ ชนในความรบั ผิดชอบ
1. การสง่ เสรมิ สุขภาพ คือ บารุงรกั ษาใหร้ ่างกายแขง็ แรง มีภมู ติ ้านทาน
2. การปูองกันและควบคุมโรค คอื การระมัดระวัง ปูองกนั ไมใ่ หป้ วุ ยเป็นโรค
3. การฟืน้ ฟสู มรรถภาพ เมื่อเกดิ ความพกิ าร หรือ การทาหนา้ ทข่ี องอวยั วะเกดิ ความผิดปกตกิ ็มี
การฟ้นื ฟใู ห้คืนสภาพ หรอื ใช้งานได้
มีความประสงค์ให้ทอ้ งถิน่ มีการพฒั นาไปในระบบการควบคมุ โรค ดา้ นระบบการคุ้มครอง
ผู้บริโภคดา้ นบรกิ าร อาหาร และผลิตภัณฑส์ ขุ ภาพ และประเด็นท่ี ดา้ นสง่ิ แวดลอ้ มและสขุ ภาพ ซ่งึ
บูรณาการร่วมกันระหว่างกรมอนามัย กรมควบคุมโรค และสานกั งานคณะกรรมการอาหารและยา ลด
ผลกระทบต่อสขุ ภาพ
ทถ่ี กู กาหนดโดยปัจจยั ทางอนามยั ส่งิ แวดลอ้ ม ดังน้นั ผูป้ ฏิบตั ิงานด้านอนามัยส่ิงแวดลอ้ มหรอื นกั อนามยั
สิ่งแวดล้อมจาเปน็ ตอ้ งเขา้ ใจความสัมพนั ธ์ระหว่างส่งิ แวดล้อมและสขุ ภาพเพ่ือแก้ไขปญั หาได้อย่าง
ครอบคลุม
นอกจากนีก้ ารดาเนินงานอนามยั สิง่ แวดลอ้ มท่ดี าเนินงานตามขอบเขตงานอนามยั ส่ิงแวดล้อม
จาเป็นตอ้ งขยายใหเ้ ห็นถงึ ผลกระทบต่อสขุ ภาพ ผนวกกบั การประเมินความเสี่ยงต่อสุขภาพ โดยพิจารณา
สิ่งคกุ คามด้านอนามัยส่ิงแวดลอ้ มตง้ั แต่แหลง่ กาเนิดว่าเปน็ ส่ิงคกุ คามทางกายภาพ เคมหี รอื ชีวภาพ เมอื่
สิง่ คุกคามออกมาสูส่ งิ่ แวดล้อมแล้วอยใู่ นตวั กลางอะไรบา้ ง เชน่ น้า อากาศ ดนิ และห่วงโซ่อาหาร เปน็
ต้น แล้วมีโอกาสทค่ี นมคี วามเส่ียงที่จะสัมผสั สิ่งคุกคามน้ันไดอ้ ย่างไร เชน่ ทางการหายใจการกนิ และการ
สมั ผสั เปน็ ต้น และเมื่อรับเข้าสูร่ ่างกายแลว้ จะเกดิ ผลกระทบตอ่ สขุ ภาพอย่างไรตั้งแต่ระยะที่ยังไมป่ รากฏ
อาการจนถงึ เมือ่ เกิดอาการและการเจ็บปวุ ยทั้งในลกั ษณะเฉยี บพลันและเรื้อรงั
3
9
ขอ้ 2. แนวทางการใช้จ่ายเงนิ กองทุนหลักประกันสุขภาพในระดับท้องถ่นิ หรอื พ้ืนทตี่ ามประกาศ
ฉบบั ปรบั ปรงุ ใหม่ พ.ศ. 2557 มีกข่ี อ้ อะไรบ้าง
ตอบ มี 5 ข้อ
ตามประกาศข้อ ๗ เงนิ กองทนุ หลกั ประกันสุขภาพ ใหใ้ ช้จ่ายเพือ่ สนบั สนนุ หรือสง่ เสริมเป็น
ค่าใชจ้ ่ายตามแผนงาน หรือโครงการ หรือกิจกรรม ทีค่ ณะกรรมการกองทนุ อนมุ ตั ิ ดงั น้ี
(๑) เพ่ือสนับสนุน และสง่ เสรมิ การจัดบริการสาธารณสุขของหนว่ ยบรกิ าร หรือสถานบริการ
หรอื หนว่ ยงานสาธารณสขุ ในพืน้ ท่ี โดยเน้นเร่ืองการสรา้ งเสรมิ สขุ ภาพ การปูองกนั โรค การฟื้นฟู
สมรรถภาพ และการรักษาพยาบาลระดับปฐมภมู เิ ชิงรกุ ท่ีจาเป็นตอ่ สุขภาพและการดารงชีวิต เพ่ือให้
กลุ่มแมแ่ ละเด็ก กล่มุ ผสู้ ูงอายุ กลมุ่ คนพกิ าร กลุ่มผู้ประกอบอาชีพทม่ี คี วามเส่ียง และกล่มุ ผ้ปู ุวยโรค
เรือ้ รงั ที่อยใู่ นพ้ืนท่ี สามารถเข้าถงึ บรกิ ารสาธารณสขุ ได้อยา่ งท่ัวถงึ และมีประสทิ ธภิ าพมากข้นึ
(๒) เพือ่ สนับสนนุ ใหก้ ลมุ่ หรอื องค์กรประชาชน หรือหนว่ ยงานอ่นื ในพ้นื ท่ี ได้ดาเนนิ งานตาม
แผนงาน หรือโครงการ หรือกิจกรรมเพ่อื การสร้างเสริมสุขภาพ การปูองกนั โรค
(๓) เพือ่ สนับสนุนและส่งเสรมิ กจิ กรรมการสรา้ งเสริมสขุ ภาพ การปูองกันโรค การฟ้ืนฟู
สมรรถภาพ และการรกั ษาพยาบาลระดบั ปฐมภูมเิ ชิงรกุ ของศนู ย์เดก็ เล็กหรือศูนยช์ อ่ื อน่ื ทดี่ าเนนิ
กิจกรรมเกี่ยวกับการพฒั นาและดแู ลเดก็ เล็กในชมุ ชน หรอื ศูนยพ์ ัฒนาและฟ้นื ฟูคุณภาพชีวติ ผู้สูงอายแุ ละ
คนพกิ าร หรอื ศูนยช์ ื่ออืน่ ทีด่ าเนนิ กิจกรรมเกีย่ วกบั การพัฒนาและฟ้นื ฟูคุณภาพชีวิตผสู้ ูงอายุและคน
พิการในชุมชน ตามหลกั เกณฑ์ทส่ี านกั งานกาหนด เป็นเงินไม่น้อยกวา่ ร้อยละ ๑๕ ของเงนิ รายรับของ
กองทนุ หลกั ประกันสุขภาพในแตล่ ะปงี บประมาณนั้น
(๔) เพ่ือสนับสนนุ ค่าใช้จา่ ยในการบรหิ ารหรอื พฒั นากองทุนหลักประกันสขุ ภาพให้มี
ประสิทธภิ าพ ท้ังนีต้ ้องไมเ่ กินร้อยละ ๑๕ ของเงนิ รายรับของกองทนุ หลกั ประกันสุขภาพในแต่ ละ
ปีงบประมาณนนั้
(๕) กรณีเกิดโรคระบาดหรือภัยพิบตั ิในพืน้ ท่ี ให้คณะกรรมการกองทุนพจิ ารณาอนุมตั ิจา่ ย
เงนิ กองทุนเพือ่ สนับสนุนและส่งเสริมกจิ กรรมในการปูองกันและแก้ไขปัญหาสาธารณสุขได้ตามความ
จาเปน็ เหมาะสม และทันต่อสถานการณ์ได้
************************************************************* 4
0
ขอ้ 3 ปญั หาสาธารณสุขทีส่ าคัญในพ้ืนท่ขี องท่าน คอื ปัญหาอะไร และทา่ นได้ดาเนนิ การแกไ้ ข
ปัญหาอยา่ งไร
ตอบ
ขอ้ 4 อธบิ ายขั้นตอน แนวทางการจดั การขยะมูลฝอยและของอนั ตรายตาม Roadmap การจัดการ
ขยะมลู ฝอยและของเสยี อันตรายของคณะรักษาความสงบแหง่ ชาติ
ตอบ
ข้อ 5 บทบาทขององคก์ ารปกครองส่วนท้องถิน่ ในการบริหารจัดการทรพั ยากรธรรมชาติและ
สิง่ แวดลอ้ ม (อธิบาย)
ตอบ บทบาทขององค์กรปกครองสว่ นท้องถน่ิ กับการจัดการทรพั ยากรธรรมชาติและส่งิ แวดลอ้ ม
โดยหลักการพน้ื ฐานนั้น องค์กรสาธารณะซึ่งอาจเป็นรัฐบาลระดบั ชาติ หรือองคก์ รปกครองสว่ น
ทอ้ งถนิ่ หรือองค์กรชุมชน จะเป็นผ้ถู ือครองกรรมสิทธ์สิ ่งิ ทเี่ ปน็ ทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละสิ่งแวดล้อมใน
สงั คม ท้ังน้ีย่อมเป็นไปตามที่กฎหมายกาหนด องค์กรสาธารณะผูถ้ อื ครองกรรมสทิ ธิ์ในทรัพยส์ ินอนั เปน็
ทรพั ยากรธรรมชาตใิ ดๆ ย่อมมีหน้าท่ีคุม้ ครองรกั ษาดแู ลทรพั ยส์ นิ อนั เป็นทรพั ยากรธรรมชาตินนั้ ๆ มใิ ห้
เสียหายหรือถูกบุกรุกทาลาย และมหี นา้ ที่บรหิ ารจดั การทรพั ยส์ นิ เหลา่ น้ันใหเ้ กิดประโยชนส์ ูงสุดต่อ
ประชาชนได้อยา่ งย่ังยืนอยา่ งไรกต็ าม ในปัจจบุ ันน้ีพบว่ามีการบุกรุกพนื้ ที่สาธารณะ แหล่งนา้ สาธารณะ
ปุาไม้ ภูเขา แหล่งทอ่ งเทย่ี ว แหลง่ ประมง ปล่อยให้แหล่งทรพั ยากรธรรมชาตเิ สอ่ื มโทรม ต้ืนเขนิ
ปนเปื้อน อกี ทั้งกอ่ ให้เกิดความขัดแยง้ การแย่งชิงทรพั ยากรธรรมชาตริ ะหว่างปจั เจกชน ชุมชน และเป็น
ภัยคุกคามสขุ ภาพและความปลอดภยั ของประชาชน อาทิ ปญั หาภยั แล้ง น้าทว่ ม ไฟปาุ โรคระบาด และ
อ่ืนๆ อันมสี าเหตุมาจากความเสือ่ มโทรมของทรพั ยากรธรรมชาติและสิง่ แวดล้อม และเนอื่ งจากมีปัญหา
เกย่ี วกับส่งิ แวดล้อมในชมุ ชนผทู้ ี่ไดร้ บั ผลกระทบมากท่สี ดุ ก็คอื คนในชมุ ชน การจดั การทรพั ยากรและ
ส่งิ แวดลอ้ มอยา่ งมสี ว่ นร่วมของชุมชนนับเปน็ อกี แนวทางหนึ่งท่ีทาให้เกิดความย่งั ยนื ในการพัฒนาได้
การให้อานาจกบั ชุมชนท้องถ่ินในการจัดการทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละสิ่งแวดลอ้ ม ซึง่ ทาใหก้ ารพัฒนาหรือ
แก้ไขปัญหาทรัพยากรเป็นไปอย่างมปี ระสทิ ธภิ าพมากข้นึ เพราะชุมชนท้องถนิ่ อยใู่ กลช้ ิดกบั ทรพั ยากร
โดยเฉพาะองค์กรปกครองสว่ นท้องถน่ิ ซึ่งเปน็ องค์กรของรฐั ท่ีทางานอยูใ่ นทอ้ งถิ่น และมคี วามใกล้ชดิ กับ
ทปอ้กงคถร่ินอมงบากริหทาี่สรุดส่วนกทา้อรงใถห่ิน้อขาอนงาปจรกะบั เอทงศคไ์กทรยปกครอมงีกสฎ่วหนมทาอ้ ยงจถัดิ่นตในั้งอกงาครก์จรดั แกตา่ลรชะปมุ ชระนเภทโใดหยอ้ พานบาวจา่ 41อองงคค์ก์กรร
ปกครองส่วนทอ้ งถ่นิ ในการออกขอ้ บญั ญัติเพือ่ เปน็ เครือ่ งมือในการจัดทาบริการสาธารณะ โดยการออก
ข้อบัญญตั ิท้องถ่นิ เกิดจาก “ปญั หา” ทเี่ กิดขนึ้ ในชุมชน เป็นปญั หาท่ีคนในชุมชนไม่สามารถแก้ไขได้เอง
หรือต้องการการสนับสนนุ จากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น อาจเป็นปญั หาเดยี วหรือหลายปัญหา ซ่ึง
หลายๆ ปัญหาท่ชี มุ ชนไม่สามารถแก้ไขไดน้ ้นั เรียกวา่ “ประเดน็ ปญั หา” เม่ือปัญหาน้ันถกู กล่าวถึงในวง
กว้างและไม่ไดเ้ ปน็ เพยี งปัญหาของใครคนใดคนหน่ึงจนเปน็ “ประเดน็ สาธารณะ” จากน้ัน หนว่ ยงาน
หรือผูท้ ี่เกย่ี วขอ้ งกับปญั หาน้ันๆ ให้ความสนใจและตอ้ งการแกไ้ ขปัญหา เกิดการยกระดับแนวทางการ
แกไ้ ขปญั หาไปเป็น “วาระสาธารณะ” และรว่ มกนั พัฒนาแนวทางการแกไ้ ขปัญหาอย่างเข้มขน้ มีการ
แบง่ บทบาทหนา้ ที่ และการมสี ว่ นร่วมในการแก้ไขปญั หาน้ันๆ อย่างชัดเจน จนเกดิ เปน็ “นโยบาย
สาธารณะ” ในข้ันตอนนเ้ี องท่ีองคก์ รปกครองสว่ นท้องถิน่ มบี ทบาทสาคัญในการร่วมแกไ้ ขปญั หาอยา่ ง
จรงิ จงั เน่ืองจากถอื ว่าเป็นหนว่ ยงานที่ใกลช้ ิดกับชุมชนมากที่สุด ดังนั้น องค์กรปกครองส่วนทอ้ งถิ่น
จาเปน็ ต้องมีการพัฒนาและ “ออกขอ้ บญั ญตั ิทอ้ งถิ่น” โดยมเี ปูาหมายสาคญั ๒ ประการ คือ เพ่อื ควบคมุ
พฤตกิ รรมท่ีไมเ่ หมาะสมของมนษุ ย์ และเพื่อวางแผนการแก้ไขปัญหาและพฒั นาชุมชน
อานาจขององคก์ รปกครองสว่ นทอ้ งถ่ินตามรัฐธรรมนญู แห่งราชอาณาจกั รไทย พ.ศ.๒๕๕๐ รับรอง
อานาจขององคก์ รปกครองทอ้ งถ่นิ ดังนี้
มาตรา ๖ “รฐั ธรรมนญู เป็นกฎหมายสูงสดุ ของประเทศ บทบญั ญตั ใิ ดของกฎหมาย กฎ หรอื ขอ้ บังคับ ขดั
หรือแยง้ ตอ่ รฐั ธรรมนูญน้ี บทบญั ญตั นิ ัน้ เป็นอันใช้บงั คับมไิ ด้” ซึ่งองคก์ รปกครองส่วนท้องถนิ่ สามารถ
ออกขอ้ บัญญตั ิท้องถ่นิ ท่ีสอดคลอ้ งกบั รฐั ธรรมนญู ไดต้ ามแนวนโยบายบริหารราชการแผน่ ดนิ ท่ีเน้นการ
กระจายอานาจให้องคก์ รปกครองสว่ นทอ้ งถ่ิน
มาตรา ๖๖ “ บคุ คลซงึ่ รวมกันเป็นชุมชน ชมุ ชนท้องถ่นิ หรอื ชุมชนท้องถ่ินดง้ั เดิม ยอ่ มมีสิทธิอนุรักษ์
หรือฟ้นื ฟจู ารตี ประเพณี ภมู ิปัญญาทอ้ งถ่นิ ศลิ ปวัฒนธรรมอันดขี องทอ้ งถนิ่ และของชาติและมสี ว่ นร่วม
ในการจัดการ การบารุงรักษา และการใชป้ ระโยชนจ์ ากทรัพยากรธรรมชาติ สง่ิ แวดล้อมรวมทง้ั ความ
หลากหลายทางชีวภาพอย่างสมดลุ และย่ังยืน ”
มาตรา ๗๘ (๓) “กระจายอานาจใหอ้ งค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินพึ่งตนเองและตดั สินใจในกจิ การของ
ทอ้ งถ่ินไดเ้ อง ส่งเสรมิ ใหอ้ งค์กรปกครองส่วนทอ้ งถ่ินมีสว่ นรว่ มในการดาเนินการตามแนวนโยบาย
พ้ืนฐานแห่งรัฐ พัฒนาเศรษฐกจิ ของทอ้ งถ่ินและระบบสาธารณูปโภคและสาธารณปู การ ตลอดทัง้
โครงสรา้ งพน้ื ฐานสารสนเทศในทอ้ งถนิ่ ให้ทั่วถึงและเทา่ เทยี มกันทว่ั ประเทศ รวมทั้งพัฒนาจังหวดั ที่มี
คจังวหามวดัพนร้อ้นั ม”ใหโ้เดปยน็ กอางรคอ์กอรกปขก้อคบรญัองญสัต่วเินกท่ีย้อวงกถบั ่ินกขานรจาดัดใกหาญรท่ รพั ยากโดรธยรครามนชงึ าถตึงิเจสตานมาารรมถณอข์้าองถงงึปรรฐั ะธชร24ารชมนนใญูน
มาตรา
มาตรา ๒๙๐ เพ่อื สง่ เสรมิ และรกั ษาคณุ ภาพส่ิงแวดล้อม ซ่งึ องค์กรปกครองสว่ นทอ้ งถิ่นยอ่ มมอี านาจ
หน้าทตี่ ามท่ีกฎหมายบัญญตั ิ กฎหมายตามวรรคหนึ่งอยา่ งนอ้ ยต้องมีสาระสาคัญดงั ตอ่ ไปน้ี
(๑) การจดั การ การบารงุ รักษา และการใช้ประโยชน์จากทรพั ยากรธรรมชาติและส่งิ แวดล้อม ทอี่ ยู่ใน
เขตพ้ืนที่
(๒)การเข้าไปมีสว่ นในการบารงุ รักษาทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละส่ิงแวดลอ้ มท่ีอยูน่ อกเขตพน้ื ที่ เฉพาะใน
กรณที ่ีอาจมผี ลกระทบต่อการดารงชวี ติ ของประชาชนในพน้ื ทีข่ องตน
(๓)การมีสว่ นร่วมในการพิจารณาเพอื่ ริเร่มิ โครงการหรอื กิจกรรมใดนอกเขตพ้ืนท่ีซ่งึ อาจมีผลกระทบต่อ
คณุ ภาพสงิ่ แวดล้อมหรอื สุขภาพอนามัยของประชาชนในพ้นื ที่ (อา้ งอิงจาก www.codi.or.th)
จากกฎหมายดังกล่าวเป็นการให้อานาจกับองค์กรปกครองส่วนท้องถ่นิ ในการจดั การ
ทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละสง่ิ แวดล้อม เปน็ การทแี่ สดงใหเ้ หน็ ถงึ การสร้างกฎหมายรองรับการทางานใน
การบริหารจัดการทรัพยากร โดยใหอ้ านาจกบั หน่วยงานทอ้ งถิน่ ในการดูแล เพ่ือใหก้ ารดาเนนิ งานเปน็ ที่
เก่ียวข้องกับชมุ ชนมปี ระสิทธิภาพประสบความสาเร็จและสามารถดาเนนิ งานได้อย่างเต็มทต่ี ามอานาจ
กฎหมายทีไ่ ดก้ าหนดไว้การจดั การทรัพยากรธรรมชาตแิ ละสงิ่ แวดล้อมโดยการมีสว่ นรว่ มของชมุ ชนนั้น
ทาให้การแกไ้ ขปัญหาในเรื่องทรัพยากรธรรมชาติและสิง่ แวดลอ้ มมีความยั่งยืนและเกดิ ความสุมดุล
เพราะเกิดจากความรว่ มมือของคนในชุมชน เกดิ ความรกั ความหว่ งแหนในทรัพยากร ซงึ่ การมสี ่วนร่วม
ของทกุ ภาคส่วนในชุมชน ทั้ง ชุมชนเอง องคก์ ารบริหารสว่ นทอ้ งถิน่ ภาครัฐ ภาคเอกชน และหน่วยงาน
ต่างๆทีเ่ กยี่ วข้องทาใหเ้ กดิ การแก้ไขปัญหาไดอ้ ยา่ งจริงจัง การใหอ้ านาจกบั ชุมชน ในการดูแลทรพั ยากร
ร่วมกนั โดยมอี งค์กรปกครองสว่ นทอ้ งถิ่นสร้างขอ้ บญั ญตั ทิ ้องถนิ่ ขนึ้ มารองรับการดาเนินงานของชมุ ชน
ในการจดั การทรพั ยากรธรรมชาติและส่งิ แวดลอ้ ม ซึง่ จะทาใหก้ ารดาเนนิ งานของชมุ ชนมปี ระสทิ ธิภาพ
ได้รับการยอมรับและเปน็ รูปธรรมท่ชี ัดเจนมากยิง่ ข้นึ ดงั นั้นองค์กรปกครองสว่ นท้องถนิ่ จึงมบี ทบาท
สาคัญในการตราขอ้ บัญญัตติ าบลขน้ึ มาเพ่อื รองรบั การดาเนนิ งานของชมุ ชนในการจัดการ
ทรัพยากรธรรมชาติและสิง่ แวดล้อมโดยชมุ ชน
ตาแหนง่ กองสวัสดกิ ารสงั คม 4
3
ในฐานะท่านเปน็ ผู้บรหิ ารในกองสวสั ดกิ ารสงั คม ท่านจะบริหารงานอย่างไรให้มีประสทิ ธภิ าพ
สามารถได้รับรางวัลธรรมภบิ าล
ตอบ
งานสวสั ดกิ ารมหี น้าท่ีความรับผดิ ชอบเกย่ี วกับงานสวัสดกิ ารสังคมและสงั คมสงเคราะห์ ส่งเสริม
สวสั ดิการเบ้ียยงั ชพี เด็ก เยาวชน ผู้พิการ ผู้สูงอายุ ผู้ปุวยเอดส์ เดก็ ทไ่ี ด้รบั ผลกระทบจากโรคเอดส์ เดก็
ทีย่ ากจนขาดผ้อู ปุ การะเลี้ยงดู งานส่งเสริมสนับสนุนกจิ กรรมและพฒั นาอาชพี กล่มุ สตรี เดก็ เยาวชน
ผู้สูงอายุ ผู้พกิ าร งานให้คาปรกึ ษา แนะนา ด้านสวัสดิการแรงงาน การประกันสงั คม งานส่งเสรมิ และ
สนบั สนุนการจดั ทาอาชพี การเกษตร งานส่งเสริมและสนับสนุนงานศนู ย์สงเคราะห์ราษฎรประจาหมบู่ ้าน
งานสนบั สนนุ การจดั หาท่ีอยอู่ าศัยแกผ่ ู้ยากไร้ งานสง่ เสรมิ และสนบั สนนุ กิจกรรมชมรมผูส้ ูงอายุ กจิ กรรม
กลุ่มผ้ปู ุวยเอดส์ งานสง่ เสริมและใหค้ าปรึกษาการฌาปณกิจสงเคราะห์ งานสง่ เสริมและใหค้ าปรึกษา
กองทนุ หม่บู า้ น/ชุมชนและการออมทรัพย์ งานส่งเสรมิ และสนบั สนุนศูนย์พฒั นาครอบครวั ตาบลและ
หม่บู า้ น งานสง่ เสริมภารกิจบทบาทหนา้ ท่แี ละสทิ ธสิ ตรี งานส่งเสริมและสนบั สนนุ วสิ าหกิจชมุ ชน/การ
เคหะ
ดังนน้ั ในการท่จี ะทาใหห้ น่วยงานการบรหิ ารราชการบา้ นเมอื งท่ีดี เป็น การบรหิ ารราชการเพอื่
บรรลเุ ปูาหมาย เพือ่ ให้เกิดประโยชน์สุขแก่ประชาชน เกิดผลสัมฤทธติ์ ่อภารกจิ ของรัฐ มีประสทิ ธภิ าพ
และเกิดความคุ้มค่าในเชงิ ภารกิจของรฐั ไม่มขี ้ันตอนการปฏบิ ัติงานเกินความจาเป็น มีการปรับปรุง
ภารกิจของส่วนราชการให้ทนั ตอ่ สถานการณ์ ประชาชนได้รบั การอานวยความสะดวกและไดร้ บั การ
ตอบสนองความต้องการ และมีการการประเมินผลการปฏบิ ัติราชการอย่างสมา่ เสมอ
การบรหิ ารราชการบา้ นเมอื งทด่ี ตี ามทกี่ ล่าวมาแลว้ ขา้ งต้นน้ี มสี าระสาคัญอยู่หลายประการ ดังน้ี
1. การบริราชการทใ่ี ห้เป็นไปเพ่ือประโยชน์สุขของประชาชน หมายถึง การ
ปฏิบตั ิราชการที่มีเปูาหมายเพอื่ ให้เกดิ ความผาสกุ และความเป็นอยู่ที่ดีของประชาชน ความสงบ และ
ความปลอดภัย ของสงั คมส่วนรวม ตลอดจนประโยชน์สูงสุดของประเทศ
2. การบรหิ ารราชการแบบมุ่งผลสมั ฤทธิ์ หมายถึง การบรหิ ารงานมุ่งเน้นผลลัพธ์
ทเ่ี กิดขึ้นจากการปฏบิ ัติงานทส่ี อดคล้องเปน็ ไปในแนวเดยี วกับภารกิจและวัตถปุ ระสงค์ทก่ี าหนดข้นึ ไว้
สาหรบั งานนนั้ ๆ โดยผลลพั ธ์ท่ีเกิดขึน้ มคี วามคมุ้ ค่ากบั การใช้ทรพั ยากรอย่างมีประสทิ ธิภาพ และ
สามารถกาหนดตวั ชีว้ ัดผลการปฏิบัตงิ านไดอ้ ยา่ งชัดเจน ซึ่งสง่ ผลต่อการบรหิ ารงานอยา่ งมี 4
ประสทิ ธภิ าพและเปน็ ประโยชน์โดยตรงต่อความตอ้ งการของประชาชน 4
3. การบรหิ ารงานอยา่ งมปี ระสทิ ธิภาพและเกิดความคุ้มคา่ ในเชิงภารกิจของรัฐ
โดยการกาหนดวธิ ีการปฏิบตั งิ านของส่วนราชการให้เกดิ ประสิทธิภาพและประสทิ ธผิ ล และวดั ความ
คุ้มคา่ ในแตล่ ะภารกจิ โดยให้ส่วนราชการยดึ หลกั ความโปรง่ ใส ความคุ้มค่า และความชดั เจนในการ
ปฏบิ ัตริ าชการ
ระบบบรหิ ารกิจการบ้านเมืองทดี่ ี พ.ศ. 2544 ระบุวา่ หลกั ธรรมาภิบาล มีองคป์ ระกอบท่สี าคัญ
๖ ประการดังนี้
1. หลกั นติ ิธรรม คือ การตรากฎหมาย กฎ ระเบยี บข้อบงั คับและกตกิ าต่างๆ ให้ทันสมัยและ
เปน็ ธรรม ตลอดจนเปน็ ทยี่ อมรับของสังคมและสมาชิก โดยมกี ารยินยอมพร้อมใจและถอื ปฏิบัตริ ่วมกนั
อยา่ งเสมอภาคและเป็นธรรม กล่าวโดยสรุป คือ สถาปนาการปกครองภายใต้กฎหมาย มิใชก่ ระทากนั
ตามอาเภอใจหรืออานาจของบุคคล
2. หลักคณุ ธรรม คอื การยึดถือและเชอ่ื มัน่ ในความถกู ต้องดีงาม โดยการรณรงคเ์ พือ่ สร้าง
ค่านยิ มทดี่ งี ามให้ ผู้ปฏิบัติงานในองค์กรหรือสมาชิกของสงั คมถอื ปฏิบตั ิ ได้แก่ ความซอ่ื สัตย์สจุ รติ ความ
เสียสละ ความอดทนขยันหมน่ั เพียร ความมีระเบยี บวนิ ยั เปน็ ตน้
3. หลกั ความโปรง่ ใส คือ การทาใหส้ ังคมไทยเป็นสังคมที่เปดิ เผยข้อมลู ข่าวสารอยา่ ง
ตรงไปตรงมา และสามารถตรวจสอบความถกู ตอ้ งไดโ้ ดยการปรับปรุงระบบและกลไกการทางานของ
องคก์ รให้ มี ความโปร่งใส มกี ารเปดิ เผยขอ้ มูลข่าวสารหรือเปดิ ให้ ประชาชนสามารถเข้าถงึ ขอ้ มูล
ขา่ วสารได้ สะดวก ตลอดจนมรี ะบบหรือกระบวนการตรวจสอบและประเมนิ ผลท่มี ีประสทิ ธิภาพ ซงึ่ จะ
เป็นการสร้างความไวว้ างใจซ่ึงกันและกนั และช่วยให้ การทางานของภาครฐั และภาคเอกชนปลอดจาก
การทุจริตคอรัปชนั่
4. หลักความมีส่วนร่วม คือ การทาให้ สงั คมไทยเป็นสังคมท่ีประชาชนมี ส่วนร่วมรบั รู้ และ
รว่ มเสนอความเหน็ ในการตัดสนิ ใจสาคัญ ๆ ของสังคม โดยเปิดโอกาสให้ ประชาชนมี ช่องทางในการ
เข้ามามีส่วนรว่ ม ไดแ้ ก่การแจ้งความเหน็ การไต่สวน สาธารณะ การประชาพิจารณก์ ารแสดงประชามติ
หรอื อืน่ ๆ และขจดั การผกู ขาดท้งั โดยภาครัฐหรอื โดยภาคธรุ กจิ เอกชน ซึ่งจะช่วยให้ เกดิ ความสาม45ัคคี
และความรว่ มมือกนั ระหว่างภาครัฐและภาคธรุ กจิ เอกชน
5. หลักความรับผดิ ชอบ ผู้บริหารตลอดจนคณะขา้ ราชการ ทั้งฝุายการเมืองและขา้ ราชการ
ประจา ต้องตัง้ ใจปฏิบัติ ภารกิจตามหน้าทอ่ี ยา่ งดยี ง่ิ โดยม่งุ ให้ บริการแก่ ผู้มารับบริการ เพอ่ื อานวย
ความสะดวกตา่ งๆ มีความรับผิดชอบต่อความบกพร่องในหนา้ ทกี ารงานทต่ี นรับผดิ ชอบอย่แู ละพรอ้ มท่ี
จะปรับปรุงแก้ ไขได้ ทันท่วงที
6. หลักความคุม้ ค่า ผ้บู ริหารตอ้ งตระหนกั ว่ามีทรพั ยากรคอ่ นขา้ งจากดั ดังนัน้ ในการบรหิ าร
จัดการจาเปน็ จะตอ้ งยึดหลักความประหยัดและความคุ้มค่า ซ่งึ จาเปน็ จะตอ้ งต้ังจดุ มุ่งหมายไปท่ี
ผรู้ ับบริการหรือประชาชนโดยส่วนรวม
...............................................
คาถามกองคลัง นกั บรหิ ารงานคลงั 4
คาถามที่ ๑ 6
ในฐานะท่านดารงตาแหน่งผบู้ รหิ ารกองคลังท่มี ี หากเกดิ กรณีเงนิ วนั ท่ี 15 ตุลาคม 2560
เทศบาลของทา่ นได้รับใบแจง้ หน้ีจากโรงพยาบาลซึง่ เปน็ รายจ่ายที่เกิดในปี 2558 ซึง่ ไดม้ ีการเรยี กเก็บ
มาแล้วแตย่ งั ไมม่ กี ารจา่ ยจึงตอ้ งดาเนินการแก้ไขอย่างไร ระเบียบอะไร อธบิ าย
ตอบ ต้องดาเนนิ การตรวจสอบงบประมาณกวา่ ว่ามเี พยี งพอทจ่ี ะจา่ ยเขาไปหรือไม่ เมือ่ ตรวจแล้ว
หากไมเ่ พียงพอท่จี ะจ่ายต้องดาเนนิ การดงั น้ี
1. โอนงบประมาณจากรายจ่ายทไ่ี ม่จาเป็นต้องจา่ ยมาเพม่ิ ในหมวดค่าตอบแทนประเภทค่า
รักษาพยาบาล ตามระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยวธิ งี บประมาณ พ.ศ. 2541 ข้อ 26 อานาจ
นายกฯ
2. ตามระเบียบกระทรวงมหาดไทยวา่ ด้วยการรับเงนิ การเบกิ จ่ายเงนิ การฝากเงิน การเกบ็
รกั ษาเงินและการตรวจเงินขององค์กรปกครองสวนทอ้ งถน่ิ พ.ศ. 2547 ขอ้ 39 กาหนดว่ารายจ่ายท่ีขอ
เบิกจากกองคลัง เปน็ รายจ่ายตามงบประมาณในปีใดใหเ้ บกิ ได้ในปีนั้นรวมทั้งเงินอุดหนนุ ทรี่ ะบุ
วัตถุประสงค์ และขอ้ 56 คา่ ใช้จา่ ยทเ่ี ปน็ รายจา่ ยประจาทเี่ กดิ ขนึ้ ในปีใดให้เบกิ จา่ ยจากงบประมาณ
รายจ่ายในปนี ้ัน ดงั น้นั เม่ือรายจ่ายดงั กล่าวเกดิ ขน้ึ ในปงี บประมาณ 2558 ซึ่งได้ผ่านมาแลว้ จึงตอ้ ง
ดาเนินการขอทาความตกลงต่อผ้วู ่าราชการจังหวดั ตามข้อ 4 ให้ปลดั กระทรวงมหาดไทยรกั ษาการตาม
ระเบียบนี้ และใหม้ ีอานาจตีความวินิจฉยั ปญั หา ยกเว้นการปฏิบตั ิตามระเบียบนี้ กาหนดหลกั เกณฑ์และ
วิธีการปฏิบัติ เพ่ือดาเนินการให้เป็นไปตามระเบยี บนี้ ปลักกระทรวงมหาดไทย อาจหมอบอานาจเร่ือง
ใดเรือ่ งหนงึ่ ตามวรรคแรกใหผ้ วู้ า่ ราชการจงั หวัดได้
ดงั นั้นใหท้ าหนังสือไปขอความตกลงต่อผวู้ า่ ราชการจังหวัดเพ่ือให้ยกเวน้ การไม่ปฏบิ ตั ิตาม
ระเบียบ ขอ้ 59 โดยแนบใบโอนงบประมาณเพ่ือแสดงวา่ มงี บประมาณเพยี งพอที่จะจา่ ยและแนบใบแจง้
หน้ี เม่อื ไดร้ ับการอนุมัติมาแลว้ จึงดาเนนิ การเบกิ จ่ายใหแ้ ก่เจา้ หนต้ี อ่ ไป
คาถาม 2. 4
7
ได้เบกิ จ่ายเงนิ ลว่ งลา้ เงินสะสม โดยมไิ ดร้ ับอนมุ ตั จิ ากสภาท้องถ่นิ และตอ่ มาตรวจสอบ
พบในภายหลงั ดาเนินการไดห้ รอื ไมอ่ ยา่ งไร
ตอบ หากหนว่ ยงานได้ขอทาความตกลงยกเวน้ การปฏบิ ัตติ ามระเบียบฯ เป็นกรณีพเิ ศษ
เนอ่ื งจากได้นาเงนิ สะสมไปใช้กอ่ นไดร้ ับอนมุ ัตจิ ากสภาทอ้ งถ่ินตามระเบยี บฯ ขอ้ 89 การใช้จ่ายเงิน
ฯ เป็นไปตามอานาจหน้าท่ี ซึ่งประชาชนได้รับประโยชน์ และมใิ ช่การกระทาโดยทจุ ริต ทางราชการไม่
เสียประโยชนฯ์ โดยจงั หวัดเหน็ ว่า ตามระเบยี บฯ ข้อ 4 ปลัดกระทรวงมหาดไทยมอบอานาจให้ ผวจ.
พิจารณาทาความตกลงไดเ้ ฉพาะกรณีก่อนการปฏบิ ัติ
1. ตามระเบียบมท.ว่าด้วยวธิ ีการงบประมาณของ อปท. พ.ศ. 2541 ข้อ 33 กาหนดให้
คณะผูบ้ ริหารท้องถิ่น เจา้ หน้าที่งบประมาณและหัวหน้าหนว่ ยงานคลัง ร่วมกันรบั ผดิ ชอบในการควบคุม
งบประมาณ ควบคมุ การรับ การเบกิ จ่ายเงนิ การควบคุมบญั ชี รายงานและเอกสารอ่นื ท่ีเก่ียวกับการรบั
จ่ายเงิน
2. ตามระเบยี บเบิกจ่ายฯ ข้อ 4 ให้ อปท.ที่ไมส่ ามารถปฏบิ ัตติ ามระเบียบนไี้ ด้ ให้ขอทา
ความตกลงกับ ปมท.กอ่ นการปฏบิ ตั ิ (มอบให้ ผวจ.แล้ว)
ข้อเทจ็ จริง
ดงั น้ันเมอ่ื หนว่ ยงานได้เบกิ จ่ายเงนิ ล่วงล้าเงินสะสม โดยมิไดร้ บั อนุมตั จิ ากสภาท้องถิ่น และ
ต่อมาตรวจสอบพบในภายหลงั จึงขอทาความ ตกลงยกเวน้ การปฏิบัติตามระเบยี บ ซงึ่ กรณดี ังกล่าวไม่
สามารถ ขอทาความตกลงได้ ดงั น้นั หนว่ ยงานตอ้ งดาเนนิ การดงั นี้
1.แตง่ ต้ังกรรมการตรวจสอบเพื่อหาผู้รับผดิ ทางละเมดิ ของเจ้าหน้าท่ีผู้เกย่ี วข้อง
2. ดาเนินการทางวนิ ัยกับเจา้ หนา้ ที่ผ้เู กย่ี วข้องที่มิไดป้ ฏบิ ัติตามระเบียบแบบแผน
ของทางราชการ
คาถาม ข้อ 3 4
8
ในฐานะผอ.กองคลังท่านมีวิธีการในการควบคมุ การใช้จา่ ยเงนิ งบประมาณอยา่ งไรอธบิ าย
ตอบ การควบคุมการใช้จ่าย เป็นการกากับดูแลการใชจ้ ่ายเงินขององค์กรใหโ้ ปร่งใส คมุ้ ค่ากับ
การลงทนุ เพื่อให้เกดิ การใช้จ่ายด้วยความมน่ั ใจอย่างสมเหตุสมผล เกย่ี วกับความเชอ่ื ถอื ได้ และความมี
คุณภาพสมบูรณ์ของข้อมลู สนเทศ การปฏิบตั ติ าม นโยบาย แผนงาน วิธีการ กฎหมาย และระเบียบ
ขอ้ บงั คับ การปอู งกนั ระวังรกั ษาทรพั ย์สนิ การใชท้ รัพยากรอย่างประหยดั มีประสิทธภิ าพ และบรรลผุ ล
สาเร็จตามวัตถุประสงค์ และเปูาหมายของการดาเนินงาน หรอื แผนงานทกี่ าหนดไว้
1. จดั ทาทะเบียนคมุ งบประมาณของหนว่ ยงานจากหนังสืองบประมาณประจาปีทไ่ี ด้รับอนมุ ตั ิ
แลว้ ตามหมวดรายรบั และทะเบียนคมุ งบประมาณจ่ายของหน่วยงาน ตามหมวดรายจ่าย แยกเป็น
แผนงาน/โครงการ กจิ กรรม โดยการแสดงยอดตามงบประมาณที่ไดร้ บั จัดสรร เพื่อใช้ในการควบคมุ
2. ตรวจสอบและบนั ทกึ การจองงบประมาณในทะเบียนคมุ งบประมาณจา่ ย กรณีบริหารงาน
แบบรวมศนู ยใ์ ห้บนั ทึกทีห่ น่วยงานคลัง กรณีบรหิ ารแบบกระจายตามหนว่ ยงานให้บนั ทึกท่ีหนว่ ยงานผู้
เบกิ
3. บันทกึ การรบั เงินในทะเบยี นคุมงบประมาณรับ ตามใบสาคญั รบั และบันทึกตัดจ่ายเงนิ
งบประมาณในทะเบียนคมุ งบประมาณจ่าย ตามใบสาคญั จา่ ย หน่วยงานคลงั ต้องบันทกึ รายการทั้งหมด
ขององคก์ ร ซง่ึ สามารถสอบยนั กบั หนว่ ยงานผ้เู บกิ ภายในองค์กรได้
4. สรุปรายงานการรับ-จา่ ยเงินงบประมาณคงเหลอื ประจาเดอื นเพ่อื ใช้ในการควบคุมและติดตาม
การปฏิบัติงานขององคก์ รให้เป็นไปตามแผนทก่ี าหนดดงั นี้
1) รายงานการรับเงนิ ตามหน่วยงาน และตามหมวดรายรับ
2) รายงานการใชจ้ า่ ยเงนิ งบประมาณของหนว่ ยงาน ตามหมวดรายจ่าย โดยจาแนกเป็น
แผนงาน งาน/โครงการ และกิจกรรม
5. กรณมี กี ารขอผกู พนั เบิกจา่ ยขา้ มปี, กนั เหลอื่ มปแี ละขยายเวลาจะตอ้ งดาเนินการกอ่ นสิน้
ปีงบประมาณอย่างน้อย 1 เดอื น ตามข้อผกู พนั สญั ญา ที่เกดิ ข้นึ จริง
คาถามข้อ 4 4
9
ในฐานะหัวหนา้ ฝุาย/ผอ.กองคลงั ท่านมแี นวคดิ อย่างไรใน การบริหารพสั ดุ อธิบายมาพอสังเขป
ตอบ
การบรหิ ารพสั ดุเป็นงานหนงึ่ ในระบบการควบคุมการใช้จ่ายที่เกยี่ วขอ้ งกบั การจัดหาและการจดั ซอ้ื
วสั ดุ อปุ กรณ์ ครภุ ณั ฑ์ รวมทั้งการจดั จ้าง บริการ เพ่ือใหก้ ารปฏิบัติงานขององค์กรลลุ ่วงตามแผนงาน
การบรหิ ารพสั ดุเป็นเครือ่ งมอื สาหรบั ผู้บริหารทจ่ี ะบริหารงานใหบ้ รรลเุ ปูาหมาย ในดา้ นการควบคมุ
งบประมาณ ตลอดจนควบคมุ การใช้ทรัพยากรขององคก์ รให้คมุ้ ค่าและมีประสทิ ธิภาพสงู สดุ ไดแ้ ก่ การ
จดั หาพัสดุใหต้ รงตามความตอ้ งการ ทันเวลาท่กี าหนดดว้ ยตน้ ทนุ ตา่ ทสี่ ดุ ดงั นน้ั องคก์ รจาเปน็ ต้องมกี าร
จดั ระบบพัสดทุ ีด่ ีเพอ่ื ช่วยปอู งกนั การรั่วไหลของผลประโยชนอ์ นั เกิดจากทรัพย์สิน และสามารถดูแล
รกั ษาทรพั ย์สินให้สามารถใช้งานได้อยา่ งคุ้มค่า และประหยดั
การบรหิ ารพสั ดุ เป็นกระบวนการบริหารและจัดการให้ไดม้ าซงึ่ สง่ิ ของหรือบริการเพ่อื ใชใ้ นการ
ดาเนนิ งานขององคก์ รอย่างมีประสิทธภิ าพ โดยระบบพสั ดทุ ่ดี ี นอกจากจะเป็นระบบหนึ่งท่ชี ว่ ยควบคมุ
การใชจ้ า่ ยให้มีประสิทธภิ าพแล้ว ควรเป็นระบบทโ่ี ปร่งใสสามารถควบคุมและตรวจสอบได้โดยบุคคล
ภายในและภายนอกองค์กร
หลกั การบรหิ ารพสั ดุท่ดี ี
(1) หลกั ว่าดว้ ยความสมดลุ ระหวา่ งการควบคมุ และความคลอ่ งตวั โดยระบบบริหารพัสดคุ วรมี
ดลุ ยภาพของการควบคมุ และความคล่องตัว ควบคมุ เพ่อื ทาใหม้ ่นั ใจวา่ การใชจ้ ่ายไมร่ ว่ั ไหล ใน
ขณะเดียวกันต้องคล่องตัวเพอื่ ใหไ้ ดพ้ สั ดทุ ี่จะตรงกบั ความตอ้ งการ ตามเวลาที่ตอ้ งการ โดยการใชจ้ ่ายท่ี
คุ้มค่า
(2) หลกั ว่าด้วยการควบคุมโดยเนน้ ที่ผลสมั ฤทธม์ิ ากกว่าเน้นพธิ กี าร กล่าวคือ มุ่งบริหารให้ได้
พัสดตุ ามความต้องการ และตรงเวลาทีต่ อ้ งการ โดยใชค้ า่ ใชจ้ า่ ยต่าท่ีสดุ ทงั้ นีไ้ ม่เนน้ วา่ จะต้องใชพ้ ิธีการใด
ขั้นตอนใดเป็นสาคัญ ยกเว้นวา่ พิธกี าร และขนั้ ตอนเปน็ เงื่อนไขให้ไดผ้ ลสัมฤทธิ์
(3) หลักว่าดว้ ยความคุ้มค่าของการควบคุมมากกวา่ ความถูกต้องอย่างสมบูรณ์ โดยระบบบริหาร
พัสดุจะตอ้ งวางอย่บู นพ้ืนฐานความคมุ้ ค่าในการบริหารพสั ดุ เช่น ถ้าต้นทนุ การควบคุมในการจัดหาใน
ระบบพัสดุสงู มากกว่าผลเสยี จากการร่วั ไหลทจ่ี ะสามารถปูองกันได้ กค็ วรจะปล่อยให้รัว่ ไหล และค่อย
ดาเนนิ การตรวจสอบตดิ ตามภายหลงั
เดยี วกัน(ใ4น)ทหกุ ลอกั ปว่าทด.้วหยรคือวทากุมขมนีมาาดตขรน้ึฐาอนยทกู่ ่หีบั ลคาวยาหมลเหามการะะสบมบซบึ่งรแหิ ตา่ลระพัสอดปไุทม.จ่ คาวเปรจ็นัดตหอ้ างรมะมี บาบตบรฐราิหนา05รพสั ดุ
ไปปรบั ใช้ให้เหมาะสมกับ อปท.ของตนเอง