ใบความรู้ที่ 1
เรื่อง ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับงานมาลัยดอกไม้สด
...............................................................................................................................
๑. ผลการเรียนรู้
๑.๑ อธิบายความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับงานมาลัยดอกไม้สดได้
๑.๒ เลือกใช้วัสดุอุปกรณ์ และการเก็บรักษาได้
๑.๓ เลือกซื้อและการจัดเตรียมดอกไม้ใบไม้เพื่อใช้ในงานร้อยมาลัยได้เหมาะสมกับชิ้นงาน
ประวัติความเป็นมางานมาลัย
บรรพบุรุษของไทยเรามีชื่อเสียงในงานด้านศิลปะการประดิษฐ์อย่างมากมาย โดยเฉพาะการประดิษฐ์
ตกแต่งพวงดอกไม้ ใบไม้ ผลไม้ และวัสดุอื่น ๆ เป็นที่ขึ้นชื่อมานานแต่โบราณกาลแล้ว แต่ไม่ปรากฏแน่ชัดว่าได้มี
การเริ่มต้นมาแต่ในสมัยใดแน่ คงเนื่องมาแต่ไม่มีการจดบันทึกเป็นลายลักษณ์อักษรไว้นั่นเองจึงไม่มีหลักฐาน
ใด ๆ ให้อนุชนรุ่นหลังได้สืบค้น ต่อมาในสมัยสุโขทัยเป็นราชธานี แต่ครั้งสมัยพระเจ้าอรุณมหาราช คือพระร่วง
เป็นพระเจ้าแผ่นดินมีพระสนมเอก คือ ท้าวศรีจุฬาลักษณ์ หรือนางนพมาศซึ่งเป็นผู้ที่มีความสามารถในงาน
ด้านฝีมือในการประดิษฐ์ดอกไม้สดเป็นเลิศ ในสมัยนั้นตามหลักฐานที่อ้างถึงในพระราชนิพนธ์เรื่อง
พระราชพิธี 12 เดือน ตอนหนึ่งที่กล่าวถึง ท้าวศรีจุฬาลักษณ์ ได้คิดตกแต่งโคมลอยให้งดงามวิจิตรกว่าโคมของ
พระสนมอื่นทั้งปวง โดยการน าเอาดอกไม้ต่าง ๆ มาประดิษฐ์ตกแต่ง และยังได้เอาผลไม้มาท าการแกะสลักตกแต่ง
ประกอบไปด้วย แต่ก็มิได้มีการอ้างถึงว่าในการตกแต่งครั้งนั้นมีการร้อยมาลัยมาประดับตกแต่งด้วยหรือไม่ และ
ในหลักฐานที่อ้างถึงตอนหนึ่งว่า ในเดือนเมษายนมีพระราชพิธีสนามใหญ่บรรดาเจ้าเมืองเศรษฐีคหบดีเข้าเฝ้า
ถวายบังคมสมเด็จพระร่วงเจ้า เพื่อถวายเครื่องราชบรรณาการ พระสนมก านัลต่าง ๆ ก็ร้อยกรองดอกไม้เป็นรูป
สัตว์ต่าง ๆ ใส่เมี่ยงหมากถวายให้สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานแก่ผู้มาเฝ้าและในครั้งนั้นนางนพมาศ ก็ร้อย
ดอกไม้สีเหลืองเป็นรูปพานทองสองชั้นรองขัน มีระย้าระบายงดงามในขันใส่เมี่ยงหมาก แล้วร้อยดอกไม้เป็นตา
ข่ายคลุมขันอีกทีหนึ่งเป็นที่เจริญตาและถูกกาละเทศะอีก สมเด็จพระร่วงเจ้าจึงทรงบัญญัติว่าถ้าชาวไทยท าการ
รับแขกเป็นการสนามใหญ่ มีการอาวาหมงคล หรือวิวาหมงคล เป็นต้น ให้ร้อยกรองดอกไม้เป็นรูปพานขันหมาก
ดังนี้ และให้เรียกว่า พานขันหมาก
ในสมัยรัตนโกสินทร์ทุกรัชกาล งานฝีมือด้านการประดิษฐ์ดอกไม้เป็นที่เลื่องลือมาก และก็เป็นที่นิยม
ประดิษฐ์ในงานพิธีต่าง ๆ สมัยรัชกาลที่ 5 มีพระราชนิยมการท าดอกไม้ของไทยเป็นอย่างยิ่ง ไม่ว่าจะ
ี
มีงานราชพิธีใด ๆ เจ้านายฝายในต้องประกวดกันจัดแต่งดอกไม้มาถวายให้ทรงใช้ในงานนั้น ๆ เสมอ พระมเหสเทวี
่
ทุกต าหนักใฝ่พระทัยในการจัดแต่งดอกไม้ และแต่ละพระองค์ก็มีชื่อเสียงในทางต่าง ๆ กัน
สมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถพระพันปีหลวง ครั้งยังด ารงพระอิสริยยศเป็น
พระบรมราชินีนาถโปรดเกล้าฯ ให้ฝึกหัดอบรมข้าหลวงและครูโรงเรียนราชินีให้รู้จักท าดอกไม้แห้งเลียนแบบ
ดอกไม้สดด้วย ทรงส่งเสริมฟื้นฟูการท าดอกไม้เป็นอันมาก พระองค์เองก็ทรงใช้เวลาว่างประดิษฐ์ดัดแปลงการท า
ดอกไม้แบบเก่าให้แปลกพิสดาร ออกไปอีก มีพระนามเลื่องลือในการร้อยพวงมาลัย ซึ่งแต่เดิมมาไทยนิยมร้อย
มาลัยด้วย ดอกมะลิ และเป็นมาลัยสีขาวกลมธรรมดาเท่านั้น และพลิกแพลงต่างกันไปบ้างก็เป็นมาลัย
เกลียว คือ มีลวดลายเป็นเกลียวขึ้นไป
สมเด็จพระพันปีหลวงได้ทรงคิดร้อยมาลัยด้วยดอกไม้ต่าง ๆ และใช้ใบไม้แทรกท าให้มีลวดลาย สีที่ต่างกัน
อย่างงดงาม และพลิกแพลงท ารูปต่างกันด้วย อีกทั้งในงานพระศพสมเด็จพระปิยมาวดีศรีพัชรินทรมาตา ซึ่งเป็น
พระมารดาของสมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถพระพันปีหลวงและสมเด็จพระศรีสวรินทราบรมราชเทวี
พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้าพระองค์นี้พระศพประดิษฐานอยู่ ณ วังสะพานถ่าน (คือ ที่ตลาดบ าเพ็ญบุญเวลานี้)
สมเด็จพระพันปีหลวง มีพระราชเสาวณีย์ด ารัสให้ท้าววรคณานันท์ (ม.ร.ว.ปั้ม มาลากุล) จัดท ามาลัย
ไปประดับพระศพ เช่น ตกแต่งตามฉัตรรัดพระโกษและแขวนตามประตู หน้าต่าง ตามประเพณีงานใหญ่ ๆ ของ
เจ้านายตลอดงานนี้ มาลัยที่ตกแต่งเปลี่ยนสี เปลี่ยนรูป เปลี่ยนแบบเรื่อย ๆ มา จึงนับได้ว่าตั้งแต่บัดนั้น การร้อย
มาลัยได้มีการวิวัฒนาการก้าวหน้ากว่าเดิมเป็นต้นมาหลายแบบ และในระหว่างนั้นท่านเจ้าคุณประยูรวงศ์ก็ได้
จัดท ามาลัยครุยขึ้นมา ท้าววรคณานันท์ เป็นผู้มีชื่อเสียงว่าเป็นเจ้าของมาลัยงามหลายแบบและความรู้ความ
ช านาญในเรื่องร้อยมาลัยนี้ก็ได้สืบต่อมาจนถึง ม.ล.ป้อง มาลากุล ผู้ซึ่งมีความสามารถในเรื่องการท าดอกไม้สด
และดอกไม้แห้งเป็นอย่างยิ่ง
ความส าคัญ ประโยชน์และโอกาสที่ใช้
ความส าคัญ
พวงมาลัยเป็นประดิษฐกรรมที่แสดงออกถึงความงดงาม ประณีตแห่งจิตใจ บ่งบอกถึงอารมณ์อัน
สุนทรียภาพ ความอ่อนหวาน อ่อนโยน ความรัก ความผูกพัน ความเมตตากรุณาความเอื้ออาทรต่อผู้อื่น
ความรู้สึกลึกซึ้งถึงความกตัญญูกตเวทิตาคุณ เป็นการแสดงความรู้สึกที่ปรารถนาอย่างยิ่งที่ใคร่จะบูชาสิ่งที่เคารพ
นั้นอย่างสูงสุดความรู้สึกที่ดีงามนั้นจึงได้ถ่ายทอดออกมาโดยการแสวงหาความรู้ความสามารถ การฝึกตนด้วย
ั
ุ
ความวิริยะอุตสาหะ เริ่มตั้งแต่คัดสรรหาวัสดุ อปกรณ์ ใบไม้ ดอกไม้ นานาพรรณมาผจงคัด ตด พับ จับจีบ ร้อย
กรอง ผูก มัด ให้มีรูปทรง สีสันลวดลายงามตาพัฒนาผลงานด้วยความรู้ที่เพิ่มพูนขึ้นจากการเรียนรู้และ
ประสบการณ์ฝึกทักษะ ประกอบกับใจที่เปี่ยมด้วยความรักจึงเกิดอารมณ์ที่ประณีตในการรังสรรค์ผลงานออกมา
ที่ละกลีบจนครบแถว จนครบลาย จนยาวขึ้นๆ พอที่จะน ามาขดเป็นวงผูก มัด และประดิษฐ์ร้อยกรองส่วนอื่น ๆ
มาผูกต่อกันให้เป็นพวงดอกไม้สมบูรณ์เรียกว่า “แต่งตัว” ให้ประณีตสวยงามในที่สุด กว่าจะได้ผลงานพวงมาลัย
มาแต่ละชิ้น ต้องใช้เวลาฝึกฝนและสร้างสรรค์อันยาวนาน ถ้าไม่มีอารมณ์ที่สุนทรีย์ ไม่มีดวงใจที่มุ่งมั่น ย่อมขาด
ความพากเพียรพยายามด้วยความรู้สึกนึกคิดในทางที่ดีงาม ที่กล่าวมาข้างต้นนั้นจึงจะท าให้บุคคลนั้นสามารถ
รังสรรค์ประดิษฐกรรมอันวิจิตรนี้เพื่อผู้อื่นได้
และสิ่งที่ได้มาพร้อม ๆ กันกับผลงานแต่ละชิ้นนั้น คือการได้ฝึกฝีมือและฝึกจิตให้ประณีตขึ้นโดยล าดับ
สมาธิ สติ ถูกปลุกให้ตื่นตลอดทุกขณะที่เคลื่อนไหว หยิบ จับ เรียง ร้อย ปล่อย ดึง รูด รัด มัด ผูก ตัด แต่ง ต้อง
เล็งให้ได้ระยะ ระเบียบ ลวดลายสวยงามทุกขณะ ในที่สุดผู้ที่ท างานอันประณีตอยู่เป็นประจ านี้จะเป็น ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้
เบิกบาน จิตใจอิ่มเอิบเพลิดเพลิน ยินดีเพิ่มขึ้นๆ เมื่อผลงานเริ่มเป็นรูปร่างสวยขึ้น ๆ จนสวยที่สุดเมื่อท าเสร็จ
สมบูรณ์ ความปิติยินดีนั้นสามารถน ามาซึ่งความสงบสุข จนลืมความรู้สึกที่ไม่ดีต่าง ๆ ไปได้ไม่ว่าจะเป็นความหิว
ความเมื่อยล้า ที่ต้องนั่งนิ่งเคลื่อนไหวเฉพาะมือ แขน และสายตาเพียงเล็กน้อย ความง่วง ความกังวลใด ๆ จะไม่
สามารถปรากฏขึ้นมาได้เลย นี่คืออานุภาพแห่งความสุขความเพลิดเพลินเจริญใจที่ได้รับขณะท างานหัตถศิลป์
ร้อยกรองพวงมาลัย ความยินดีนั้นยิ่งเพิ่มพูนขึ้นเมื่อได้รับความรู้สึกยินดีจากผู้รับพวงมาลัยงามนั้น ก่อให้เกิด
สัมพันธภาพที่แน่นแฟ้นขึ้นดุจหนึ่งการเรียงร้อยกลีบดอกไม้จ านวนนับไม่ถ้วนกระนั้น
ประโยชน์และโอกาสที่ใช้
แม้จะได้กล่าวอธิบายไว้ในรูปแบบของพวงมาลัยจ าแนกตามประโยชน์ใช้สอยแล้วเพื่อให้เกิดความ
กระจ่างชัดในคุณอนันต์ของพวงมาลัย จึงใคร่ขอเรียบเรียงไว้ดังนี้
๑. ในชีวิตประจ าวัน
๑.๑ ใช้บูชาพระรัตนตรัย และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ตนนับถือ มักจะร้อยหรือซื้อมาใส่พานวางหน้า
พระพุทธรูป หน้ากรอบรูปภาพผู้ที่ตนเคารพ หรือแขวน ห้อยไว้ใต้หิ้งบูชา ผู้
๑.๒ การแขวนพวงมาลัยเล็ก ๆ ไว้หน้ารถ เพื่อจุดมุ่งหมายบูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้คุ้มครองป้องกัน
ภยันตรายนานาที่จะอุบัติขึ้นให้แคล้วคลาดไป หรือผ่อนหนักเป็นเบา
ุ
๑.๓ ปรับกลิ่นอากาศในรถยนต์หอมเย็นชื่นใจ เช่น ดอกมะลิ พทธชาด เขียวกระแต และจ าปา จ าปี
มีกลิ่นหอมเย็นชื่นใจช่วยปรับกลิ่นอากาศในรถยนต์ให้ดีขึ้น ไม่มีอันตรายเหมือนการใช้น้ าหอมปรับอากาศที่เป็น
กลิ่นเคมีสังเคราะห์
๑.๔ เครื่องประดับดูสวยงาม การออกเรือไปท้องน้ าก็เช่นกันอาจจะมีอันตรายนานาประการจากคลื่น
ลมสัตว์ร้าย เจ้าของเรือจึงมักจะอัญเชิญเทพยดาอารักษ์ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ตนนับถือให้ประทับหัวเรือไปด้วยแล้วตั้ง
เครื่องบูชา ถ้าการไปครั้งนั้นส าคัญมาก เสี่ยงภัยมากก็จะตั้งส ารับอาหารคาว - หวาน ดอกไม้ - บายศรี
(เครื่องเซ่นสรวง บวงสรวง) ถ้าอย่างธรรมดาก็ใช้ดอกไม้สุดในรูปแบบใดก็ได้ พวงมาลัยนับว่าเหมาะที่สุด ไม่
เปลืองพื้นที่ ประหยัด แม้จะเหี่ยวแห้งไปแล้ว ก็ยังดูดีกว่าแบบอื่น แต่ถ้าไม่มีพวงมาลัยชาวทะเลใช้ช่อดอกไม้มัด
กาผูกติดหัวเรือ
๒. โอกาสพิเศษ
๒.๑ สักการะบูชาพระรัตนตรัยในพิที่ส าคัญทางพุทธศาสนา
๒.๒ สักการะบูชาพระรัตนตรัยในพิธีส าคัญตามประเพณีไทย
๒.๓ สักการะบูชาพระมหากษัตริย์เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา
๒.๔ ทูลเกล้าฯ ถวายองค์ประธานเมื่อเสด็จเปิดงานส าคัญ และเมื่อส่งเสด็จรับเสด็จไป – มาที่ต่าง ๆ
๒.๕ มอบเพื่อแสดงความยินดีต้อนรับและระลึกถึงในการอ าลาจากของบุคคลส าคัญที่มาเยี่ยมเยียน
ประเทศเรา
๒.๖ คล้องข้อมือ หรือคล้องคอบุคคลส าคัญในงาน เช่น คู่บ่าว – สาว ประธานเปิดงาน แขกพิเศษ
เพื่อให้เป็นจุดเด่น เพื่อเป็นเกียรติ
๑
๒
๒.๗ คล้อง ประดับและบูชาตามที่ต่าง ๆ ในพระบรมมหาราชวัง เช่น พระทวาร พระแกล พระ
๓
แกล ช่องแหวกพระวิสูตร ถือว่าที่เหล่านี้มีเทวดารักษาอยู่
๒.๘ ประดับและบูชาเครื่องใช้ส าหรับพระมหากษัตริย์ เช่น ฉัตร ฐานพระที่นั่ง เรือพระที่นั่ง โต๊ะเสวย
๒.๙ ประดับและบูชาเครื่องดนตรีไทยและเครื่องดนตรีสากลของบุคคลส าคัญก่อนและขณะบรรเลง
ถือว่าบูชาครูและเพื่อความสวยงาม
๒.๑๐ ประดับสถานที่ส าคัญ พระบรมราชานุสาวรีย์ ซุ้มรับเสด็จ โต๊ะที่ประทับแท่นยืนพูด โยงประตู - โยงหัวเสา
ส าหรับเปิดงาน
๒.๑๑ ประดับร่างกาย รัดเกล้ามวยผม คล้องคอ คล้องเฉวียงบ่า คล้องแขน หรือคล้องข้อมือ ถือด้วยมือ
๓. ประกอบอาชีพ เป็นงานอาชีพหลักได้
๔. เป็นอาชีพรอง และเป็นงานอดิเรก
๕. พัฒนาศิลปวัฒนธรรมทางด้านงานประดิษฐ์ดอกไม้
๖. พัฒนาจิตใจให้สงบร่มเย็น เพลิดเพลิน มีสมาธิ มีสติ มีความระลึกรู้สึกตัวในอิริยาบถใหญ่ อริยาบถ
ย่อย เป็นการเจริญวิปัสสนากรรมฐาน ส ารวมใจขจัดอาสวกิเลสมีโอกาสพบมรรคผลนิพพานได้โดยง่าย
จะเห็นได้ว่ามาลัยเป็นทั้งเครื่องบูชาที่งดงามและเป็นเครื่องประดับที่มีกลิ่นหอมตามธรรมชาติ ให้
ความรู้สึกสดชื่นสูงส่งบ่งบอกถึงความประณีตแห่งจิตใจที่รังสรรค์ออกมาเป็นงานฝีมือที่ประกอบด้วยความรัก
ความบูชา ความวิริยะ ดังกล่าวไว้ในตอนต้น จึงควรที่จะส่งเสริมให้อนุชนได้สืบสานพัฒนาต่อไปชั่วกาลนานช่อคิด
ผมนั้น มีนิยมกันมากแต่โบราณ คือมาลัยซีกและเกี่ยว มีอุบะบ้างไม่มีอุบะบ้างปัจจุบันเห็นได้บ่อยในการแต่งตัว
ละคร
ความหมาย
มาลัย หมายถึง ดอกไม้ที่ร้อยเป็นพวง เฉพาะในยุคต้นๆ แต่ในปัจจุบันมิใช่เพียงแค่ดอกไม้เท่านั้น ช่าง
ดอกไม้ได้น าเอาส่วนต่าง ๆ ของดอกไม้ และใบไม้ มาพับจับจีบก่อนร้อยกรอง บางชนิดต้องตัดขนาดกลีบดอกไม้
ใบไม้ก่อนพับจับจีบ บางชนิดร้อยได้ทั้งดอกเนื่องจากมีขนาดเล็ก ๆ การร้อยดอกไม้ต้องใช้เข็มมาลัย คือ เข็ม
ขนาดยาว เมื่อร้อยได้ยาวเต็มเข็มแล้วตองรูดออกใส่ด้าย บางพวงต้องใช้มากกว่าหนึ่งเข็ม เมื่อได้ยาวพอจึงผูกเป็น
้
วงกลม บางพวงมีการผูกกับมาลัยรูปทรงอื่น เช่น มาลัยซีก มาลัยแบน หรือมาลัยกลมแต่ดอกไม้ต่างชนิดกัน
ท าให้เกิดรูปทรงแปลกขึ้น เช่น เป็นห่วงคล้องกันคล้ายลูกโซ่เรียกว่า มาลัยลูกโซ่
ชนิดของมาลัย
1. แบ่งตามหน้าที่ใช้สอย
1.1 มาลัยชายเดียว หมายถึง มาลัยที่มีลักษณะเป็นพวงกลม มีอุบะห้อยเป็นชายเพียงพวงเดียว ซึ่งบาง
คนอาจเรียกว่า “มาลัยมือ มาลัยคล้องมือ หรือมาลัยคล้องแขน” ก็ได้ ถ้าใช้ในการทูลเกล้าถวาย ก็เรียกว่า
"มาลัยข้อพระกร" มาลัยชายเดียวนี้ใช้ส าหรับคล้องแขนหรือบูชาพระ
์
1.2 มาลัยสองชาย หมายถึง มาลัยที่นิยมผูกต่อริบบิ้นหรือโบวทั้งสองชาย และมีอุบะห้อยชายมาลัย ทั้ง
สองพวงมาลัยสองชายนี้ใช้ส าหรับคล้องคอบุคคลส าคัญในงานนั้น ๆ ใช้แขวนหน้ารถหรือหัวเรือก็ได้ บางคนอาจ
เรียกมาลัยชนิดนี้ว่า “มาลัยคล้องคอ” ถ้าใช้คล้องคอเจ้าบ่าว เจ้าสาว ก็เรียกว่า มาลัยบ่าว-สาว
1.3 มาลัยช าร่วย หมายถึง มาลัยขนาดเล็ก น่ารัก กระจุ๋มกระจิ๋ม ส าหรับมอบให้บุคคลจ านวน
มาก เป็นของช าร่วย ตอบแทน การขอบคุณที่มาร่วมในงานนั้น ๆ
2. แบ่งตามรูปแบบของการร้อย
2.1 มาลัยซีก หรือเสี้ยว หมายถึง มาลัยที่ร้อยตามขวางเพียงครึ่งวงกลม
2.2 มาลัยกลม หมายถึง มาลัยที่ร้อยให้มีลักษณะรูปทรงตามขวางเป็นวงกลมและรูปทรงตามยาวตรง
และขนานกันไปตลอดเข็ม นิยมร้อยตั้งแต่ขนาด 6 กลีบขึ้นไปจนถึง 12 กลีบ หรือมากกว่านี้ก็ได้ย่อมแล้วแต่ชนิด
ของดอกไม้ ถ้าดอกเล็กหรือกลีบเล็กก็ใช้จ านวนกลีบมาก แต่ถ้าดอกไม้ดอกใหญ่หรือกลีบใหญ่ก็ใช้จ านวนกลีบ
น้อย
2.3 มาลัยแบน หมายถึง มาลัยที่มีรูปทรงตามขวาง เป็นรูปยาวตามกลีบ ปลายกลีบของด้านตรงข้ามยาว
ประมาณจดแนวเส้นรอบวงแต่ปลายกลีบของด้านขวางและด้านตรงข้ามแคบ
2.4 มาลัยรี หมายถึง มาลัยที่มีรูปทรงตามขวาง เป็นรูปรูปทรงตามยาวขึ้นไปตลอดเข็ม
2.5 มาลัยสามเหลี่ยม หมายถึง มาลัยที่มีรูปทรงตามขวาง เป็นรูปสามเหลี่ยม
2.6 มาลัยสี่เหลี่ยม หมายถึง มาลัยที่มีรูปทรงตามขวาง เป็นรูปสี่เหลี่ยมด้าน
2.7 มาลัยตุ้ม หมายถึง มาลัยที่มีรูปทรงตามขวางเป็นรูปวงกลมขนาดเล็กแล้วค่อย ๆ ใหญ่ตรงกลาง หัว
ท้ายเรียว ช่วงกลางโค้งมน
2.8 มาลัยตัวหนอน หมายถึง มาลัยที่มีลักษณะคล้ายมาลัยตุ้มแต่ยาวกว่า
2.9 มาลัยตัวหนอนคู่ หมายถึง มาลัยที่มีลักษณะเหมือนมาลัยตุ้ม 2 ตุ้มร้อยต่อกัน
2.10 มาลัยสามกษัตริย์ หมายถึง มาลัยที่ร้อยด้วยดอกบานไม่รู้โรยเป็นชั้น ๆ คล้องต่อกันสามวง
2.11 มาลัยพวงดอกไม้ หมายถึง มาลัยที่ร้อยด้วยดอกไม้เรียงต่อกันเป็นสายยาว ผูกกันเป็นวง
3. แบ่งตามลักษณะโครงร่าง
่
3.1 มาลัยตัวสัตว์ หมายถึง มาลัยที่ร้อยให้เป็นรูปร่างสัตว์ เชน หนู กระรอก กระแต กระต่าย ฯลฯ
3.2 มาลัยลูกโซ่ หมายถึง มาลัยที่ร้อยจากมาลัยกลมหรือมาลัยซีก น ามาคล้องต่อกันเป็น
วงคล้องโซ่
3.3 มาลัยเปีย หมายถึง มาลัยที่ร้อยจากมาลัยกลมและตุ้ม มาประกอบเป็นพวง โดยเอา
มาลัยกลมผูกเป็นวงตรงกลาง บนและล่างต่อด้วยตุ้มด้านละ 1 ตุ้ม
3.4 มาลัยเถา หมายถึง มาลัยที่ร้อยจากมาลัยซีก แล้วน ามาผูกต่อเป็นวงกลม ไล่ขนาดแล้ว
น ามาวางซ้อนกันเป็นเถา เรียงขึ้นไปจากใหญ่ไปหาเล็ก จะเป็นดอกไม้ชนิดเดียวกัน หรือต่างชนิดกันก็ได้ วางบน
พานแต่งด้วยเย็บแบบรูปดาวร้อยเฟือง ติดทัดหู ยอดเถาแต่งด้วยมาลัยตุ้ม ตามความเหมาะสม ใช้เป็นเครื่อง
สักการบูชา หรือเป็นพุทธบูชาคู่กับกรวยอุปัชฌาย์ในงานพิธีอุปสมบท (จันทนา สุวรรณมาลี. 2533 : 197)
3.5 มาลัยครุย หมายถึง มาลัยที่ร้อยจากมาลัยกลมขนาดใหญ่ มีอุบะตุ้งติ้งห้อยระบายเปนครุย
็
โดยรอบ
วัสดุ - อุปกรณ์ที่ใช้ในการร้อยมาลัย
วัสดุที่ใช้ในการร้อยมาลัย
๑. ดอกไม้
กุหลาบมอญ เฟื่องฟ้า บานบุรี จ าปี จ าปา จ าปูน ชบาร่ม ชบาหนู กล้วยไม้ เบญจมาศใหญ่ พุด
พุทธชาด พุดเขี้ยวกระแต เล็บมือนาง มะลิลา รัก ขจร พังพวย ประทัดจีน กะเม็ง ผกากรองตูม
๒. ใบไม้
ใบแก้ว แก้วเจ้าจอม ใบไทร ทวิวรรณ ทองเงิน ทองนาค จามจุรี กิ่งแก้ว เฟื่องฟ้าต่าง โมก ฯลฯ
๓. ด้ายร้อยมาลัย
การเลือก เลือกด้ายที่มีขนาดโต นุ่ม เหนียว ถ้าใช้ด้ายกลุ่มส าหรับงานถักทอ ใช้เบอร์ ๒๐ หรือจะใช้
เชือกกล้วย เชือกฟางพลาสติก ฉีกให้ได้ขนาดสอดรูเข็มมาลัยได้ และความนุ่มช่วยให้ไม่คมตัดดอกไม้ขาดขณะรูด
ออกจากเข็ม ความเหนียวต้องรับน้ าหนักพวงมาลัยขนาดโตได้โดยไม่ขาด ส่วนด้ายร้อยอุบะควรใช้เบอร์ ๖๐
เพราะมีขนาดเล็กร้อยรูเข็มมือเบอร์ 6 หรือเข็มร้อยอุบะได้ ต้องการให้ปมเล็กแม้จะรวมอุบะหลายขาเป็นหนึ่ง
พวงก็ตาม
การใช้ เบอร์ ๒๐ หรือเชือกกล้วย เชือกฟาง ใช้ร้อยมาลัย เบอร์ ๖๐ สีขาวใช้ร้อยอุบะ สีเขียวคล้าย
ใบตอง ใช้เย็บดอกตุ้มและแบบต่าง ๆ บางครั้งอนุโลมใช้สีเหมือนดอกไม้ และใช้สีเหมือนริบบิ้นเมื่อเย็บริบบิ้น
การดูแลรักษา ม้วนปลายให้เรียบร้อย เก็บในที่แห้งไม่วางติดริบบิ้นสีหรือของมีสีที่ซึมตกติดด้ายได้
๔. ริบบิ้นหรือโบว์ ส่วนที่จะใช้ผูกติดกับมาลัยส าหรับคล้องคอ หรือใช้มือถือก็ได้ อาจเป็นริบบิ้น จากผ้า
ไนลอน ฟาง พลาสติก หลากสี หลากหลายเนื้อผิวสัมผัส เลือกใช้ให้กลมกลืนกับสีของดอกไม้ หรือกระดาษ
ห่อช่อดอกไม้ สีทอง สีเงิน ถือว่าหรูหรา ร่ ารวยมั่งคั่ง โอ่อ่า สมัยโบราณใช้ส าหรับพระมหากษัตริย์และเจ้านาย
ชั้นสูงเท่านั้น
อุปกรณ์ที่ใช้ในการร้อยมาลัย
1. เข็มร้อยมาลัย มีสองขนาด
๑.๑ ขนาดเล็ก มีความยาว ๑๒ - ๑๔ นิ้ว เหมาะกับงานร้อยกลีบดอกไม้และก้านดอกไม้ขนาดเล็ก
ผลงานจะดูละเอียดประณีต
๑.๒ ขนาดใหญ่ มีความยาว ๑๕ - ๑๖ นิ้ว เหมาะกับงานธุรกิจที่ต้องการความรวดเร็ว กลีบดอกไม้
และก้านดอกไม้ขนาดใหญ่ขึ้น ตัวมาลัยจะมีขนาดใหญ่และยาว
ทั้งสองขนาดต้องตรวจดูว่ารูเข็มโตและไม่แหว่ง ช ารุดถ้าปลายที่สามารถน าไปฝนกับหินลับมีด หรือ
ผิวคอนกรีตที่หยาบๆ ได้
๑.๓ เข็มอุบะ มีความยาว 5 นิ้ว ควรตรวจดูรูเข็มให้โตและไม่แหว่งช ารุด
๑.๔ เข็มมือ ควรใช้เบอร์ 6 อย่างยาว ควรตรวจดูรูเข็มให้โตและไม่แหว่งช ารุด
การใช้ เข็มมาลัย ใช้ร้อยมาลัย เข็มอุบะ ใช้ร้อยอุบะ เข็มมือ ใช้ร้อยอุบะ ร้อยตาข่าย เย็บดอกตุ้ม
ดอกทัดหู แบบต่าง ๆ
การดูแลรักษา หลังจากใช้งานแล้วพึ่งให้แห้ง ขัดด้วยกระดาษทรายเบอร์ 9 ทาน้ ามันวาสลีน หรือน้ ามัน
จักรเย็บผ้า ห่อไว้ในกระดาษฟอยล์ หรือกระดาษหนังสือพิมพ์ เข็มมือปักไว้ในหมอนเข็มก็ได้ ถ้าไม่ชัดให้หมด
คราบยางเหนียว จะขึ้นสนิมภายใน ๒ - ๓ วัน
* ปัญหาที่พบบ่อยคือท าเข็มหล่นหายไม่รู้ตัว ในแต่ละครั้งของการปฏิบัติงานต้องเสียเวลาหาเข็มหลาย
ครั้ง และต้องหยิบใช้เล่มใหม่หลายเล่ม ดังนั้น ในขั้นตอนการดูแลรักษาขณะปฏิบัติงานและขั้นตอนการใช้คือ ฝึก
ให้มีสติทุกครั้งทุกขณะที่จับเข็มใช้เข็มที่ใด เมื่อใด
๒. ผ้าขาวบาง ใช้ผ้าสาลู
การเลือก ใช้ผ้าสาลูโปร่งบางเบาที่ท าจากฝ้าย ๑๐๐ เปอร์เซ็นต์ ถ้าไม่มีใช้ผ้ามัสลินมีเนื้อละเอียดกว่า
สาลู แต่มีน้ าหนักเบากว่าผ้าอื่นและใกล้เคียงกับผ้าสาลู ตัดยาวผืนละ ๗๕ เซนติเมตร หรือ ๕๐ เซนติเมตร เป็น
ขนาดเล็ก
การใช้ ผ้าใหม่ซักขยี้เอาแป้งออก บิดพอหมาด น่ามาคลุมกลีบดอกไม้ ใบไม้ที่อยู่ในถาด กะละมัง
เตรียมจะร้อยมาลัย หรือมาลัยที่ร้อยแล้วคอยพรมน้ าให้ผ้าขึ้นเสมอ หรือถ้าแห้งน าไปจุ่มน้ าใหม่บิดให้หมาด
การดูแลรักษา หลังการใช้แล้วชักด้วยสารซักฟอกให้หมดยางดอกไม้ ใบไม้ ซักในน้ าเปล่าให้สะอาด
ซึ่งให้แห้ง พับเก็บเข้าดู
3. ผ้าขี้ริ้ว ใช้เช็คสถานที่ท างานเมื่อเกิดเปียกเปื้อน ใช้เสื้อผ้าเก่าแล้วเนื้อผ้าฝ้ายดีกว่าใยสังเคราะห์
ซักให้สะอาดยิ่งให้แห้งหลังใช้งาน
๔. ที่ฉีดน้ า
การเลือก ขนาดพอเหมาะ เมื่อยกบ่อย ๆ จะไม่ต้องออกแรงมาก ปากที่ฉีดพ่นน้ าพ่นได้ละอองฝอย
กระจายกว้าง สปริงที่เหนี่ยวฉีดอ่อนนุ่มนวลไม่ต้องออกแรงมาก ตัวขวดหรือโถน้ ามักจะเป็นพลาสติก ควรเลือก
สีอ่อนเย็นตา จะได้ไม่ระคายเคืองตา เสียรสนิยม เสียความรู้สึกที่ดี
การใช้ บีบที่ฉีดพ่นน้ า พ่นแรงฉีดระยะไกลละอองที่พุ่งออกเล็ก ๆ กระจายกว้างจะได้อ่อนแรงเมื่อ
กระทบกลีบดอกไม้ แต่ถ้าพ่นใกล้ให้ออกแรงเบาๆ เพื่อฉีดเฉพาะที่แคบ ๆ ให้ละอองที่กระทบกลีบดอกเบาๆ
ดอกไม้จะไม่ช้าและมีหยดโต
การดูแลรักษา ล้างตัวขวดให้สะอาด ใส่น้ าสะอาดให้เต็ม ถ้าน้ ามีฝุ่นผงจะอุดตันช่องรูเล็ก ๆ ที่ปาก
พ่นน้ าไม่สะดวก ถ้าใช้บ่อยไม่ต้องเอาน้ าออกเก็บในที่มืดจะไม่มีตะไคร่เกิดขึ้น ถ้านาน ๆ ใช้ที่ให้เทน้ าออกคว่ าให้
แห้ง แห้งแล้วปิดฝาเก็บในตู้
๕. ภาชนะ ถาด กะละมัง ถัง กล่อง ถุงพลาสติก
การเลือก
- ถาด อะลูมิเนียม สเตนเลส สังกะสีเคลือบ พลาสติก ใช้ได้ทุกชนิด ถ้าเป็นงานแสดงนิทรรศการ ควร
เลือกวัสดุที่สวยงาม เช่น เครื่องสาน แต่ต้องปูด้วยใบตอง เครื่องแก้ว เครื่องทองเหลือง ฯลฯ เลือกขนาด
พอเหมาะกับการใช้งานและสถานที่ปฏิบัติงาน รูปทรงถาดใช้ได้ทั้งรูปกลมรี และสี่เหลี่ยม
- กะละมัง ใช้ล้างและเก็บพักดอกไม้ ใบไม้ เมื่อคลุมผ้าขาวบางหมาดๆ แล้วจะไม่มีน้ าหนักกดทับดอกไม้
- ถัง ใช้พักแช่ คุ้มก้านดอกไม้ช่อที่ยังไม่ได้ตัดช่อสั้นหรือช่อกิ่งแก้ว กิ่งไม้ที่จะเก็บไว้ให้มาลัยตัวสัตว์เกาะ
- กล่องและถุงพลาสติก ใช้ส าหรับเก็บชิ้นส่วน หรือพวงมาลัยเก็บเข้าตู้เย็นพักรอการใช้ตั้งแต่ครึ่งวัน
หรือหลายวัน
* กะละมัง ถัง กล่อง และถุง เลือกขนาดพอเหมาะกับการใช้และการเก็บกับสถานที่ วัสดุ ถ้าเป็น
พลาสติกดีที่ราคาถูก น้ าหนักเบาเก็บรักษาง่าย ถ้าเป็นโลหะดูดีแต่มีน้ าหนัก ราคาแพง
การใช้ จัดเรียงดอกไม้ ใบไม้ไว้ใส่ภาชนะต่าง ๆ ขณะใช้ หรือเก็บพักรอการแต่งตัว หรือจัดเก็บเข้า
ตู้เย็นให้พอเหมาะคือไม่ให้แน่นเบียดทับกันจนหนักเสียรูปทรง จัดเรียงอย่าให้สับสนดูง่ายให้หยิบใช้สะดวก
การดูแลรักษา ภาชนะทุกชิ้น หลังใช้งานช าระล้างให้สะอาดด้วยน้ ายาล้างจาน ล้างน้ าเปล่าให้
ึ่
สะอาด พงให้แห้ง เช็ดตรงที่มีความชื้นหรือหยดน้ าเกาะอยู่เก็บเข้าชั้นหรือตู้ ส่วนถุงพลาสติกถ้าต้องการประหยัด
และอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมก็ปฏิบัติเช่นเดียวกับภาชนะอื่น ๆ ใช้หลายครั้งแล้วสกปรกหรือช ารุดล้างไม่ได้ซ่อมไม่ได้จึง
ทิ้ง ถ้าเป็นภาชนะท าด้วยโลหะ ต้องเช็ดให้แห้งหลังจากล้างสะอาด
๖. กรรไกร กรรไกรใช้ ๒ - ๓ ขนาด ให้เหมาะกับงานไม่ปะปนกัน
- กรรไกรส าหรับตัดกลีบดอกไม้ ใช้ขนาดเล็ก ความยาวตลอดเล่ม ๙ – ๑๒ เซนติเมตร หรือ
๓ ๑/๒ - ๕ นิ้ว
- กรรไกรส าหรับตัดด้าย และเชือกฟางร้อยมาลัยใช้ขนาดเล็กเท่ากันกับตัดกลีบดอกไม้ แต่ไม่ควรใช้
ร่วมกันเพราะจะท าให้ที่อเร็ว ใช้การไม่ดี ไม่คม
- กรรไกรส าหรับตัดใบตอง ใบไม้ขนาดกลางหรือใหญ่ ความยาวตั้งแต่ ๑๕–๒๒ เซนติเมตร หรือ
๗ - ๙ นิ้ว
การเลือก เลือกขนาดให้พอเหมาะกับหน้าที่ใช้งาน กรรไกรเล็กใช้หัวแม่มือและนิ้วชี้สอดช่องจับได้
พอดี กรรไกรขนาดกลางช่องหนึ่งพอดีหัวแม่มือ อีกช่องหนึ่งจะสอดได้สองนิ้วคือนิ้วชี้กับนิ้วกลาง ส่วนขนาดใหญ่
ช่องใหญ่จะสอดได้ ๓ - ๔ นิ้ว จับเหมาะมือ มีน้ าหนักเหมาะสม ขนาด วัสดุเนื้อดีจะมีน้ าหนักไม่หนักเกินไปและ
ไม่เบาเกินไป ด้ามจับถ้าเป็นโลหะชิ้นเดียวตลอดกับตัวคมกรรไกรจะทนนาน แต่ถ้าเป็นพลาสติกให้เลือกที่ด้ามฝัง
แน่น ลองตัดดูคมตัดได้เรียบตลอดแนวสุดปลายสนิท ไม่ควรเลือกที่ปลายคมเผยอ (อ้า) ห่างกันเมื่อหนีบสุดแล้ว
การใช้ - ใช้กรรไกรแต่ละหน้าที่ไม่ปะปนกัน งานชิ้นขนาดเล็ก ๆ ใช้กรรไกรขนาดเล็ก งานขนาดชิ้น
ใหญ่ ใช้กรรไกรขนาดใหญ่ที่ส าคัญกรรไกรตัดของสดกับของแห้งต้องแยกกันจึงจะคมนาน
- จับ หยิบ วาง แต่ละครั้งต้องมีสติไม่ปล่อยทิ้งจากมือให้ตก (หล่น) ลงไปกระทบโต๊ะหรือพื้น
ท้องเอง เพราะจะท าให้คมกระทบกันเกิดรอยสะดุดเวลาตัดจะไม่ขาดตลอด บางที่ถ้าหล่นโดยปลายกระทบพื้น
อาจจะท าให้ปลายหักหรือปักเท้าตนเองเกิดอันตรายบาดเจ็บ โบราณจึงมักสอนว่าอย่าให้กรรไกรหลุดมือ ด้วย
เหตุผลดังกล่าวเมื่อจะหยิบใช้วางแต่ละครั้ง ต้องตั้งใจหยิบใช้ วางอย่างระมัดระวัง (เช่นเดียวกับของมีคมทุกชนิด
รวมทั้งสื่อไฟฟ้าต้องระวังเมื่อจะเสียบสวิตช์ถอดสวิตซ์)
- วิธีหนีบกรรไกร การอ้าคมกรรไกรไม่มีปัญหา บางคนมีปัญหาว่าหนีบกรรไกรตัดอะไรก็ไม่
บาด ในขณะที่ผู้อื่นใช้กรรไกรนั้นตัดขาดคมดี ดังนั้นต้องขึ้นอยู่กับวิธีหนีบกรรไกร มิใช่เพียงแต่ออกแรงหนีบให้คม
ลับเข้าหากันเท่านั้น ต้องเหนี่ยวให้คนทั้งสองบ้างนั้นเบียดกันขณะหนีบด้วย กรรไกรนั้นอาจจะเก่าใช้งานมานาน
นอตที่ยึดอาจจะขยับหลวมออกไป หรือเขาท าคมกรรไกรตรงแบบขนานกันเกือบชิด กรรไกรที่ดีอมจะตรงแบบมี
มุมเฉเข้าเบียดชิดกัน เมื่อหนีบตัดวัสดุใด ๆ แค่หนีบเท่านั้นไม่ต้องเหนี่ยวคม บางอันต้องเหนี่ยวด้วย
การดูแลรักษา หลังจากใช้งานแล้ว ส ารวจดูว่ามีรอยคราบสกปรกติดอยู่หรือไม่ เช่น คราบยางเหนียว
ของดอกไม้ ใบไม้ ตองล้างน้ าใส่สารซักล้าง เช่น สบู่เหลวล้างจาน ขัดถูออกด้วยใยขัดหยาบๆ ล้างน้ าเปล่าสะอาด
้
แล้วเช็ดให้แห้ง พึ่งให้แห้งก่อนเก็บเข้าตู้หรือกล่องเก็บอุปกรณ์ ถ้าจะเก็บนานไม่หยิบใช้บ่อย ๆ ควรทาด้วยน้ ามัน
จักรเก็บในซองพลาสติก น้ ามันจะได้ไม่หยดซึมไปเปรอะเปื้อนสิ่งอื่น
๗. กรรไกรตัดลวด
การเลือก มีคมหนาขนาดสั้นกว่ากรรไกรตัดใบตองตัวแข็งแรงกว่า มีน้ าหนักมากกว่า บางแบบมี
ลักษณะคล้ายปากนกแก้ว เวลาซื้อควรขอเขาทดลองตัดลวด ตัดสังกะสี อะลูมิเนียม ดูว่าคมและสะดวกดีเพียงใด
ตัดได้ง่ายหรือยาก แบบใดเหมาะมือกว่ากัน
การใช้และการดูแลรักษา เช่นเดียวกับกรรไกรตัดกลีบดอกไม้ใบไม้
๘. คีมจับเข็มมาลัย
การเลือก ดูขนาด น้ าหนักเหมาะมือ คูคมที่มีฟันร่องฟันนูนและลึกชัดเจนลองหนีบจับดูวาจับได้แน่น
่
ดีขณะจึงไม่ลื่นหลุดง่าย
การใช้ วางเข็มทะแยงขวางกับแนวขนานของซี่ฟันของคีม อย่าวางเข็มขนานตามแนวเดียวกันกับ
ซี่ฟันของคีม ที่มีบคมให้แน่นก่อนออกแรงดึง ต้องนับเพื่อให้คนรูดมาลัยออกจากเข็มออกแรงพร้อมกัน ทิศทาง
การเหนี่ยวเข็มต้องให้ไปทางตรงเข็ม อย่าดึงเข็มให้เอนงอมาทางคีม บางคนไม่มั่นใจว่าขณะดึงจะเผลอปล่อยแรง
ที่หนีบ ก็ใช้อีกมือหนึ่งจับบีบปากคีมที่งับหนีบเข็มด้วยอีกชั้นหนึ่ง
การดูแลรักษา ตรวจดูที่ร่องฟันว่ามีเศษผง คราบเหนียว สิ่งใดติดอยู่ใช้แปรงทองเหลือง (แปรงสีฟัน
เก่าที่เลิกใช้แล้ว) จัดสิ่งที่อุดตันร่องเหล่านั้นถ้าปล่อยไว้นานจะคิดถาวร เป็นสนิม ถ้าฟันสึก ร่องตื้นขึ้น ให้ใช้ตะไบ
เหลี่ยมถูลับให้ฟันและร่องชัดขึ้นเช็ดให้แห้งก่อนเก็บ ถ้าจะเก็บนานหยอดน้ ามันจักรที่เกลียวไขนอตกันสนิมท า
ให้ปฝืดอ้าไม่ออกหุบไม่ลง
๙. ลวด ใช้เฉพาะท าหางมาลัยตัวสัตว์ และโครงมาลัยสร้อยระย้าบ่าว - สาว
การเลือก ขนาดเล็กเบอร์ ๒๔ ใช้ร้อยดอกไม้ท าหางตัวสัตว์ เลือกใช้ลวดที่มีความแข็งแรงพอรับ
น้ าหนักดอกไม้ได้ดี ส่วนลวดโครงมาลัยสร้อยระย้าบ่าว - สาว ให้ดูขนาดอวบอ้วนเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ
0.๓ เซนติเมตร อาจจะใช้ไม้แขวนเสื้อที่เป็นลวดอะลูมิเนียม
การใช้ ตัดตามขนาดยาวที่ต้องการดูวิธีใช้ที่หน้าเรื่องมาลัยตัวสัตว ์
การดูแลรักษา ดึง ปลด ตัดจากขออย่าให้ยุ่งเหยิง คอยจัดให้ขดวงเป็นระเบียบใช้ปลายลวดมัดเก็บ
สองที่ตรงกันข้ามขดลวดเก็บในลิ้นชักตู้ของแห้ง
๑๐. น้ ามันวาสลีน เป็นสารประกอบคาร์บอน มีลักษณะเป็นครีมใส สังเคราะห์จากไขมันหรือจาก
กระบวนการกลั่นปิโตรเลียม
การเลือก เลือกที่เป็นครีมใสหรือเกือบใส ไม่มีกลิ่นใช้ป้ายแผ่นใบตองเล็ก ๆ ทาเข็มมาลัย กันมิให้ยาง
ดอกไม้ ใบไม้ติดเข็มมาลัย ช่วยให้รูดมาลัยลื่นออกจากเข็มได้ง่าย ถ้ากลีบดอกไม้ ใบไม้ชนิดใดมียางมากต้องทา
เข็มบ่อย เช่น กลีบใบกระบือ ๓ - ๕ กลีบ ทาหนึ่งครั้ง ถ้ายางน้อย เช่น กลีบดอกกุหลาย ๑๐ - ๑๕ กลีบ จึงทา
น้ ามันครั้งหนึ่ง
การดูแลรักษา เก็บใส่ขวด กระปุก กระป๋อง ตลับ มีฝาปิด จะเป็นแก้ว โลหะ หรือพลาสติกก็ใช้ได้
ควรระวังอย่าให้เศษสิ่งสกปรกตกติดปะปนดูไม่สะอาดไม่น่าใช้
ใบความรู้ที่ ๒
เรื่อง ประโยชน์และการรักษาดอกไม้ ใบไม้ ที่ใช้ในการร้อยมาลัย
...............................................................................................................................
๑. ผลการเรียนรู้
๑.๑. อธิบายวิธีการเก็บรักษางานมาลัยดอกไม้สดได้
๑.๒ อธิบายประโยชน์และการน าไปใช้ของงานมาลัยดอกไม้สดในรูปแบบต่าง ๆ ได้
ชนิดของดอกไม้และใบไม้ที่ใช้ร้อยมาลัย
ดอกไม้ที่ใช้ร้อยทั้งดอก ได้แก่ ดอกพุดตูม มะลิตูม บานไม่รู้โรย พุทธชาด ดอกรัก เล็บมือนาง
เขี้ยวกระแต ชบาหนู ประทัด ฯลฯ
ดอกไม้ที่ใช่กลีบร้อย ได้แก่ กุหลาบ บานบุรี หงอนไก่ รักเร่ เฟื่องฟ้า แพงพวย ฯลฯ
ใบไม้ที่ใช้ร้อยมาลัย ได้แก่ ใบกระบือ ใบโกสน ใบแก้ว ใบมะยม ชบาด่าง ใบตองอ่อน กาบ
พลับพลึง ใบก้ามปู ฯลฯ
ดอกไม้และใบไม้ที่นิยมน ามาร้อยมาลัย
๑. กุหลาบมอญลูกผสม มีกลีบแข็งกลมกว้างกว่ากุหลาบมอญมีสีแดงเหลือบชมพู Rosa Hybrid และ
ขาวที่โคนกลีบ มีปลูกจ าหน่ายมากตลอดปีในตลาดดอกไม้ นิยมใช้ร้อยมาลัยได้ดีกว่ากุหลาบอื่น ๆ ในปัจจุบัน
เพราะกุหลาบมอญหายาก ไม่มีกลิ่นหอม
การเลือก เลือกดอกโตเต็มที่เพื่อให้ใช้ได้ทุกขนาดกลีบ เลือกดอกใหม่ สดสีสดใส กลีบแข็งสดชื่น
ปลายกลีบไม่เที่ยว ไม่ขาดรุ่งริ่ง เมื่อดึงกลีบดูจะเหนียวหลุดจากขั้วยาก ถ้าดอกไม้เก่าเกินหนึ่งวันจะดึงหลุดง่าย
ถ้าเกินสองสามวันแล้วกลีบยิ่งหลุดร่วงง่ายแม้จับเพียงเบาๆ
วิธีใช้ การปลิดกลีบออกจากบวมีสองวิธ ี
๑. ดึงปลิดทีละ ๒ - ๓ กลีบ มือซ้ายจับก้านชูดอก มือขวาจับกลีบขนาดที่ต้องการ ลักษณะ
รูปทรงดีดึงโน้มเข้าหากลางดอกถ้ายังไม่หลุดให้โยกซ้ายขวาเบาๆ กลีบที่เหลือคือขนาดที่ไม่ต้องการและกลีบที่
รูปทรงไม่ดี มีรอยต าหนิให้ไว้ติดขั้วพักไว้ในถุงหรือกะละมังหนึ่งต่างหาก ถ้าต้องการใช้เมื่อใดจึงน าออกมาปลิดอีก
ปลิดออกมาจ านวนน้อยแค่สอง - สามดอกก่อน พอใช้หมดจึงปลิดใหม่กลีบจะใหม่สดกว่าปลิดไว้ทีละมาก ๆ อีก
ประการหนึ่งการหยิบกลีบดอกมาใช้ที่ละกลีบจากกองเล็ก ๆ มือจะไม่ถูกต้องกลีบอื่น ๆ ให้ช้ ามือ
๒. ดึงปลิดทีละดอก มือขวาจับก้านชูดอก มือซ้ายจับโคนกลีบโดยรอบทั้งดอก จับดึงออกเบาๆ
พร้อมกับบิดไปทางซ้ายและขวาน้อย ๆ กลีบจะหลุดออกทั้งหมดให้เลือกกลีบไม่ดีทิ้งไปกองหนึ่ง เช่นเดียวกับข้อ
๑ คือปลิดใช้ทีละสอง – สามดอก หมดแล้วค่อยทยอยปลิดใหม่
การดูแลรักษา กุหลาบเป็นดอกไม้ที่ต้องการพรมน้ ามากให้สดแข็ง ควรพรมน้ าเมื่อสังเกตเห็นหยดน้ า
เหือดแห้งไป หรือกลีบเริ่มนิ่มใช้ผ้าขาวบางหมาดๆ หรือใบตองคลุมไว้รอการใช้ ถ้าจะเก็บค้างคืนหรือหลายวัน
ควรเรียงใส่ถุงหรือกล่องพลาสติกปิดให้มิดเก็บเข้าช่องผักในตู้เย็นดอกไม้ที่ใหม่สามารถเก็บได้นานกว่าหนึ่ง
สัปดาห์ ถ้าร้อยมาลัยเสร็จแล้วเก็บในตู้เย็นเฉพาะกุหลาบอยู่ได้ประมาณสองเดือนยังน าออกมาใช้ได้ดี
๒. เฟื่องฟ้า
การเลือก เวลาเช้าก่อนแดดแรงเลือกเก็บจากต้นเฉพาะดอกขนาดใหญ่ หรือช่อที่ดอกส่วนใหญ่ โต
ั
เต็มที่แล้ว ถ้ารีบตดทั้งช่อ ถ้ามีเวลาเลือกตัดเฉพาะดอกโดเต็มที่ใส่ภาชนะหรือถุงพลาสติกบางเบา โดยเฉพาะอย่า
วางดอกไม้ชนิดอื่นที่มีน้ าหนักมากกว่าทับเพราะจะท าให้มีรอยยับ เมื่อถึงสถานที่พักท างานแล้วรีบคลื่ออกเรียงใน
ถาดหรือกะละมังพรมน้ าบาง ๆ คลุมด้วยผ้าขาวบางหมาดๆ รอการใช ้
การใช้ น าออกจากใต้ผ้าขาวบาง มาปลิดกลีบทีละกลีบ หนึ่งดอกมีสามกลีบ วางเรียงไว้ตับละสาม
กลีบ แยกเกสรขนาดใหญ่ที่บานเต็มที่ไว้พวกหนึ่งเพื่อต้องการใช้ร้อยเป็นลวดลาย หยิบกลีบดอกทีละตับมาตัด
โคนกลีบออกให้เหลือขนาดความยาวกลีบที่ต้องการ เพื่อจะให้เกิดความรวดเร็วและคล่องตัวในการปฏิบัติงาน
ควรมีลูกมือปลิดกลีบ เรียงกลีบ และตัดโคนกลีบวางไว้ด้านขวามือของผู้ร้อยมาลัยผู้ร้อยมาลัยจะหยิบกลีบดอกมา
ทีละหนึ่งหรือสองกลีบ พับจับจีบร้อยได้เร็วกว่าท าเองทุกขั้นตอน
* ที่เรียกกลีบดอก ที่จริงแล้วคือกลีบเลี้ยงที่เปลี่ยนสีและมีขนาดใหญ่ และที่เรียกเกสร ที่จริงแล้วคือ
ดอก แต่คนทั่วไปนิยมเรียกเช่นนั้น
การดูแลรักษา อย่าวางดอกไม้อื่นที่มีน้ าหนักมากกว่าวางทับทั้งในขณะตัดจากต้นน ามาถึงที่พัก
พักรอการร้อยและขณะใช้ร้อย หลังจากร้อยเสร็จคลุมด้วยผ้าหมาดบางเบารอการแต่งตัว และรอการใช้งานควร
พรมน้ าเป็นระยะให้กลีบสดชื่นไม่เที่ยว
๓. บานบุรี
การเลือก เลือกดอกโตสมบูรณ์เต็มที่ไม่มีรอยต าหนิ ไม่เที่ยวนิ่ม สีเหลืองสดใส
การใช้ ใช้ได้สองส่วน คือตัดส่วนกลีบดอกออกมาตัดแต่งกลีบให้ได้รูป และส่วนฐานทรงกระบอก
สามารถใช้ในรูปร่างกลีบ และทรงดอกกลวงในส่วนโคนติดกับก้านชูดอก
การดูแลรักษา คอยพรมน้ าให้สดชื่นอย่าให้กลีบเที่ยวนิ่ม อย่าวางดอกไม้ใบไม้อื่นทับซ้อนขณะรอ
การร้อย ปฏิบัติเช่นเดียวกับดอกเฟื่องฟ้าแต่เพิ่มความระมัดระวังอย่าให้มีรอยยับ และขีดข่วน เพราะเมื่อเวลา
ผ่านไปครู่หนึ่ง รอยยับ รอยขีดข่วน จะเป็นรอยสีน้ าตาล ดูสับสนหม่นหมองไม่สวยสะอาดดาพาให้ใจหดหู
๔. จ าปี จ าปา จ าปูน
จ าปี มีสีขาวนวล ขนาดเล็ก ความยาวประมาณ ๑ ๑/๒ นิ้ว – ๑ ๓/๔ นิ้ว
จ าปา มีสีเหลืองสดใสคล้ายบานบุรี มีขนาดใหญ่กว่าจ าปีความยาวของดอกประมาณ ๑ ๓/๔ นิ้ว -
๒ ๑/๔ นิ้ว
จ าปูน มีสีเหลืองอมส้มแสด มีขนาดใหญ่พอๆ กับจ าปาและใหญ่กว่าเล็กน้อย
การเลือก เลือกขนาดสม่ าเสมอ หรือมีความยาวเท่ากันเป็นชุด ๆ มีสีสดใสผิวพรรณสะอาดปราศจาก
รอยขีดข่วน รอยพับ ขับ ปริ หัก
การใช้ คัดเลือกขนาดยาวเท่ากัน หลังจากคัดกลีบในกรวยใบตองแล้วน ามาร้อยเป็นดอกหุ้ม
การดูแลรักษา เมื่อซื้อหรือเด็ดจากต้น บางดอกจะบานกลีบงอนงอมากน้อยทั้งรอยพับทบเมื่อเบียด
กันแน่นนึ่งอยู่นาน ต้องน ามาจัดระเบียบกลับทีละดอกให้คลี่กลีบตามทรงดอกแรกแย้มสอดเข้าไว้ในซองใบตอง
ทรงกรวย ๓๐ นาทีขึ้นไป แล้วจึงน าไปร้อยเป็นดอกตูมของอุบะ เมื่อร้อยอุบะเสร็จแล้วระหว่างรอการใช้ที่การท า
กรวยใบตองหุ้มดอกหุ้มไว้เพื่อกันหมองลม จ าปีจะดูแลง่ายกว่าจ าปา จ าปูน
๕. ชบาร่ม ชบาหนู
การเลือก เลือกขนาดโตเต็มที่ รูปทรงดี สีสดใส ไม่มีรอยต าหนิ
การใช้ ๑. ใช้ทั้งดอกเป็นดอกตุ้ม ต้องคัดขนาดเท่าๆ กัน
๒. ใช้เฉพาะกลีบเลี้ยงของชบาร่ม (และกลีบเลี้ยงของชบาใหญ่)
การดูแลรักษา ดูแลคล้ายจ าปา จ าปี แต่ง่ายกว่า ทนต่อการหมองคล้ าจากลมได้ดีกว่า แต่ไม่ทนต่อ
การขีดข่วนเช่นกัน
๖. กล้วยไม ้
การเลือก ใช้กล้วยไม้ที่กลีบไม่แข็งกรอบหนาเกินไป เช่น กล้วยไม้แจคการีนโธมัส มาดาม
การใช้ ตัดกลีบ คัดเลือก รูปร่างกลืนไว้แต่ละแบบเป็นแบบละกอง เพราะทุกส่วนใช้ประโยชน์ได้
ทั้งหมด
การดูแลรักษา ๑. จุ่มมน้ า ให้ก้านช่อจุ่มน้ าในถังประมาณ ๒ - ๔ นิ้ว ใช้ผ้าขาวบางหมาดๆ คลุมไว้
๒. เมื่อปลิดกลืนแต่ละชนิดใส่ถาดเตรียมร้อย รักษาความชื้นเดิมไว้อย่าให้คายน้ าไป
โดยคลุมด้วยผ้าขาวบางหมาดๆ
๓. ขณะร้อยและเมื่อรูดออกจากเข็มพักรอการแต่งตัวและรอการใช้ ไม่ต้องการการ
พรมน้ ามาก ต้องพรมละอองเล็ก ๆ บาง ๆ เท่านั้น ถ้าน้ ามากไปจะซึมเข้าเนื้อท าให้เนื้อซ้ านมองเห็นรอยช้ าเพราะ
้
ดูดน้ าไวฉ่ า
๗. พุด พุทธชาด เขี้ยวกระแต มะลิลา
การเลือก แต่ละชนิดเลือกดอกตูมกลีบปิดแน่น ขนาดเสมอกัน ถ้ามีหลายขนาดแยกไว้แต่ละพวก
ุ
คอกพุดเลือกขนาดตามต้องการ มีขนาดใหญ่ ย่อมต่าง ๆ กัน พดฝรั่งจะมีขนาดใหญ่สุด ถ้างานที่ประณีตมักจะไม่
เลือกใช้ ส่วนพุทธชาด และเขี้ยวกระแตต้องเลือกขนาดโตเต็มที่เพราะขนาดดอกเล็กมาก มะลิลาเลือกดอกเล็ก
ทรงดอกรียอดแหลม สวยกว่าดอกใหญ่กลมยอดท์ เก็บหรือซื้อเวลาเช้าสาย เลือกดอกไม้ใหม่สดสีขาวสดใส กลีบ
ดอกแข็ง ก้านชูดอกมีสีอมเขียวอ่อน ถ้าดอกไม้เก่าเวลาบ่าย ค าหรือดอกไม้ค้างคืนแช่เย็นดอกไม้จะช า นิ่ม สีอม
เหลือง และกลีบดอกเผยอแย้ม บานเร็ว
การใช้ ใช้ทั้งดอกร้อยมาลัย ร้อยตาข่าย เย็บแบบ เย็บดอกตู้ม บางครั้งใช้ร้อยอุบะเป็นดอกสวม
การดูแลรักษา ดอกพุดไม่ต้องการพรมน้ าโดยตรง แต่ควรพรมไกล ๆ และคลุมไว้ด้วยผ้าขาวบาง
หมาดๆ เท่านั้น พุทธชาด เขียวกระแต มะลิลาต้องการน้ าเล็กน้อย และไม่บ่อยนัก ถ้าพรมน้ ามากและบ่อยดอก
จะพองอวบโตเร็วขึ้นและกลีบจะเผยอแย้มบานเร็วในเวลาบ่ายก่อนค่ าและกลิ่นหอมอ่อนไม่หอมเย็นสดชื่น
๘. เล็บมือนาง พังพวย เข็ม ขจร ประทัดจีน
การเลือก เลือกดอกโตเต็มที่รูปทรงดี สีสันสดใส ไม่มีรอยขีดข่วน รอยฉีกขาด
การใช้ เล็บมือนาง ใช้ร้อยมาลัย ร้อยอุบะ เย็บแบบ เย็บดอกข่า ร้อยใส่ก้าน ช่อประดิษฐ์ปักแจกัน
จัดกระเช้า จัดช่อ พังพวย เข็ม ขลิบแต่งรูปปลายกลีบให้มีรูปทรงและขนาดเล็กลงน าไปร้อยมาลัย ดอกเข็มใช้
ร้อยเป็นอุบะฟูขึ้นได้ด้วย ขจร เลือกทุกขนาดร้อยอุบะเรียงไล่ขนาด ใช้เย็บแบบร้อยช่อ
การดูแลรักษา แยกเก็บแต่ละชนิดไว้ในภาชนะคลุมด้วยผ้าขาวบางหมาดๆ คอยพรมน้ าที่ผ้าขาวบาง
หรือหมั่นน าผ้าขาวบางไปชุบน้ าบิดให้หมาดมาคลุมรอการใช้ โดยเฉพาะดอกพังพวยถ้าถูกน้ าเป็นหยดที่ผิวกลีบ
คอกนาน ๆ จะท าให้สีม่วงตกเป็นรอยด่างขาว ดอกขจรสามารถเก็บในตู้เย็นได้หลายวัน เล็บมือนางจะเปลี่ยนสีไป
ทุกวันควรเลือกใช้อายุเดียวกันไว้ลายชั้นเดียวกันสามารถไล่สีอ่อนแก่ได้
๙. กะเม็ง ผกากรองตูม บานไม่รู้โรยจิ๋ว ดอกหญ้า
การเลือก กะเม็งและผกากรองเลือกขนาดโตพอเหมาะเริ่มโตเกือบเต็มที่ และยังเป็นเม็ดตูมเขียวเข้ม
บานไม่รู้โรยและดอกหญ้าเลือกบานและสดเต็มที่
การใช้ ใช้เป็นเกสรลวดลายยกดอก เป็นตามาลัยตัวสัตว์
การดูแลรักษา ใส่ถ้วยหรือกระทงใบตองขนาดพอดีกับปริมาณของ พรมน้ าคลุมด้วยผ้าขาวบาง
หมาดๆ ถ้ารอการใช้หลายวัน (๗ - ๑๐ วัน) ให้ห่อใบตองหรือใส่ถุงพลาสติกรัดปากถุงเข้าตู้เย็นไว ้
๑๐. ใบไม้ ใบแก้ว กิ่งแก้ว แก้วเจ้าจอม ใบไทร ใบจามจุรี ใบทวิวรรณ ใบตอง ใบเงิน ใบทอง ใบนาค หู
กระต่าย หางปลาช่อน ฯลฯ
การเลือก เลือกอายุค่อนข้างแก่มีสีเขียวเข้ม ถ้าใบยอดอ่อนจะเที่ยวง่าย ใบแก้วกรอบเปราะกว่าใน
แก้วเจ้าจอม ใบไม้ในธรรมชาติต้องทดลองน ามาพับจับจีบดูได้รูปทรงดี โคนกลีบไม่หนาเกินไปก็ใช้ได้และทดลอง
ใช้ร้อยดู วางไว้ได้นานกี่ชั่วโมง หรือถึงหนึ่งวันหรือมากกว่านั้นควรเลือกใช้ในไม้ที่สดทนคงรูปทรงอยู่ได้หลาย
ชั่วโมง
การดูแลรักษา ใบไม้ทุกชนิดต้องการพรมน้ ามากกว่าดอกไม้ ล้างให้สะอาด เรียงให้เป็นระเบียบคลุม
ด้วยผ้าขาวบางหมาดๆ ไว้ ถ้าเก็บไว้เกิน ๑ วัน ควรจัดเรียงใส่ถุงพลาสติกปิดให้สนิท เก็บไว้ในตู้เย็นช่องผักอยู่ได้
นาน ตั้งแต่หนึ่งสัปดาห์ถึงหนึ่งเดือนหรือมากกว่านั้นขึ้นอยู่กับชนิด อายุ และวิธีการเก็บรักษา ต้องศึกษาสังเกต
ธรรมชาติของใบไม้แต่ละชนิด
การดูแลรักษาพวงมาลัย
งานประดิษฐ์ดอกไม้สด หัวใจของประดิษฐ์กรรมนี้อยู่ที่ฝีมือประณีต ความสวยโดดเด่นแปลกตาใน
การสรรหาวัสดุและการคิดสร้างสรรค์รูปทรง ลวดลาย การใช้วิธีการ พับ จับ จีบ เย็บ กรอง อย่างเหมาะสม
กลมกลืน ความสามารถทั้งหมดครบทุกขั้นตอนนั้นจะมีคุณค่าสมบูรณ์ยิ่ง คือ ความสดใหม่ เหมือนพึ่งท าเสร็จไม่มี
ส่วนใดเที่ยวเฉาให้เห็น รูปทรงดี ไม่มีสิ่งบกพร่องปรากฏให้เห็น ที่กล่าวมานี้ คือ การดูแลรักษาพวงมาลัยในทุก
ขั้นตอน เริ่มตั้งแต่ก่อนท า ขณะท า ขณะรอการแต่งตัว รอการใช้ การพกพา การซ่อมแซมปรับปรุงแก้ไข
การดูแลรักษาพวงมาลัย
๑. การดูแลดอกไม้ ใบไม้สด ได้อธิบายไว้ในบทวัสดุ อุปกรณ์ และขอย้ าว่าคอกไม้ใบไม้ชนิดใด
ต้องการน้ ามาก ต้องฉีดพรมน้ าบ่อยครั้ง และคลุมด้วยผ้าขาวบางชิ้นบางชนิดต้องการน้ าเพียงเล็กน้อย บางชนิด
ไม่ต้องการการพรมน้ าโดยตรง เพียงแต่รักษาไม่ให้เสียน้ า คายน้ าเพิ่มขึ้น คลุมไว้ด้วยผ้าขาวบางหมาดๆ และพรม
น้ าที่ผ้าขาวบางเมื่อเห็นผ้าแห้ง
๒. การดูแลอุปกรณ์เครื่องมือเครื่องใช้ จัดวางให้สะดวกในการหยิบใช้แค่เอื้อม สิ่งใดใช้มือขวาจับให้
วางไว้ด้านขวา เช่น กรรไกร ที่ฉีดน้ า สิ่งที่จับด้วยมือซ้ายให้วางไว้ด้านซ้าย เช่น เข็มมาลัย กลีบดอกไม้ใบไม้ใน
ถาดตรงหน้า จัดเรียงกองที่ใช้บ่อยไว้ใกล้ที่สุดส่วนสิ่งที่หยิบน้อยครั้งก็วางไว้ห่างออกไป สิ่งที่ไม่ต้องการให้ถูก
ละอองน้ าให้วางไว้ห่างออกไป
๓. การดูแลส่วนประกอบมาลัยขณะรอการแต่งตัว โดยปกติช่างจะท าเสร็จทีละชิ้น ต้องเก็บไว้ได้ผ้า
ขึ้นทุกชิ้นก่อนที่จะท าครบและน าออกมาแต่งตัว มีค าแนะน าที่ส าคัญ เช่น
๓.๑ ตัวมาลัย เมื่อรูดออกพ้นเข็มมาลัยแล้ว ต้องรีบจัดระยะโดยรูดต่อไปพร้อมจัดระยะ ลวดลาย
ขนาดความยาวของมาลัยชิ้นใดควรเท่ากันก็ให้วัดขนาดที่ต้องการปิดหัวท้ายด้วยใบตอง วางตั้งแป้นให้พยุงมาลัย
อยู่ในลักษณะไม่กดน้ าหนักให้ปลายกลีบงอกับก้นถาด (“การรูดย้อนกลับไปกลับมาท าให้ช้ า รอยแทงเข็มจะ
หลวมไม่กระชับ)
๓.๒ ก้นถาดควรปูหรือรองด้วยแผ่นใบตอง หรือผ้าขาวบางหมาดๆ เมื่อเรียงส่วนประกอบลง
บนถาดทีละชิ้นที่ท าส าเร็จ ให้คลุมด้วยผ้าขาวบางชื้นไว้ตลอดเวลา จนเสร็จครบทุกชิ้นจึงน าออกไปแต่งตัว
๔. การดูแลพวงมาลัยดอกไม้สดขณะรอการใช้ พวงมาลัยที่แต่งตัวเสร็จแล้ว ควรน าใส่ถุงพลาสติก
ขนาดพอดีรองด้วยใบตอง กลัดด้วยเข็มหมุดยึดกับถุงเพื่อรักษารูปร่างรูปทรงขณะหิว ที่ริบบิ้นจะหิวก็หุ้มทบด้วย
ใบตอง
๔.๑ การเก็บพักในอาคารสถานที่ เก็บรอการใช้เกิน ๘ ชั่วโมง ให้น าเข้าตู้เย็นช่องผัก การเก็บใน
ตู้เย็นนี้ดอกไม้บางชนิดอยู่ได้ ๑ - ๓ วัน
๔.๒ การพกพาเดินทางไกล เช่น น าไปต่างประเทศ ให้น าถุงพวงมาลัยบรรจุกล่องกระดาษที่
มองเห็นได้ว่าเป็นดอกไม้ ถือติดตัวขึ้นเครื่องเป็นวิธีหนึ่ง
๔.๓ วิธีที่สอง พวงมาลัยหลายพวงบรรจุใส่กล่องโฟมรองพื้นด้วยน้ าแข็งปูคั่นด้วยใบตองและผ้า
กันไม่ให้ก้อนน้ าแข็งกระทบกลีบดอกไม้ เรียงถุงดอกไม้ลงไปจนเกือบเต็มกล่องปิดคั่นด้วยผ้าหรือกระดาษทิชชู
และใบตอง แล้วโรยน้ าแข็งส่วนบนและโรยลงตามช่องว่างเพื่อกระจายความเย็น ปิดกล่องด้วยกระดาษกาวเพื่อ
ไม่ให้น้ าไหล เขียนข้างกล่องว่า “ระวังของแตก” (Fragile) ภาพถ้วยแก้วแตกและลูกศรชี้ขึ้น เพื่อไม่ให้เขาโยน
หรือกลับทิศทางวางกล่อง
๕. การซ่อมแซมปรับปรุง
๕.๑ มาลัยหลุดจากโบ บางครั้งช่างดอกไม้ แม่ค้ารีบร้อนหลงลืมคิดว่าผูกปมมาลัยแน่นแล้วจึง
หยุด แล้วเขาปั่นขมวดชายด้ายที่เหลือซุกไว้ ขณะประธานคล้องให้ก่อนหลั่งน้ าพระพุทธมนต์ จนเสร็จพิธี เมื่อลุก
จากตั้งมาลัยก็หลุดลงมา เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นจริงที่โรงแรมแห่งหนึ่ง ผู้เขียนไปงานในฐานะนักร้องเพลงไทยเดิม
ขณะนั่งร้องเพลงอยู่กับวงดนตรีไทยจบท่อนพอดีจึงลุกขึ้นมาช่วยผาต่อให้เขาใหม่ เห็นชายด้ายที่เขาขมวดไว้ยาว
้
ประมาณ ๑ ๑/๔ นิ้ว ต้องผูกสามครั้ง ดานหลังด้านเดียวจนจับไม่ถนัด ซึ่งที่ถูกต้องนั้นต้องผูกด้านหน้าสองครั้ง
ั
แล้วพลิกด้านหลังขึ้นมาผูกอีกสองครั้งให้แน่น ตดชายห่างปม ๐.๕ เซนติเมตร แล้วซุกชายและปมหนีบเข้าไปใน
ซอกทบปลายริบบิ้น แต่ริบบิ้นตลาดนั้นไม่มีที่ซ่อนปมด้าย ปมและปลายด้ายจะอยู่ด้านหลังริบบิ้นมองเห็นได้ชัด
๕.๒ ดอกรักที่อุบะฉีกขาดโผล่ออกนอกพวงครึ่งดอก เนื่องจากร้อยแน่นตึงเกินไป พอรัดมาลัย
ซีกปิดปมรอยผูกอุบะคอกรักบางดอก บางขาอุบะก็ฉีกทะลักออกมา วิธีแก้ไขคือให้ดึงดอกนั้นออกทิ้ง ขยับดอกที่
เหลือเฉลี่ยให้ทิ้งตัวนุ่มนวลขึ้น ไม่แข็งที่ออย่างเดิมถ้าเห็นด้ายเหลืออยู่ส่วนใกล้ขั้วพวงให้ผลักอุบะขานั้นซุกไว้
ภายในพวง
๕.๓ ดอกพุดหลุดออกจากตัวมาลัยท าให้โหว่เป็นช่องว่าง ก้านดอกพุดฉีกขาดจากรอยร้อยเข็ม
่
วิธีแก้ไขคือให้ตัดก้านดอกพูดให้สั้นกว่ารอยร้อยเข็ม ปักไม้กลัดเล็ก ๆ พอดีแน่นหลอดก้านดอกพูดให้ยาวกวาก้าน
เดิมก่อนตัดเล็กน้อย แล้วปักไม้กลัดที่มีดอกพุดนั้นเข้าไปในช่องโหว่จนแน่นและหน้าดอกเสมอกัน
๕.๔ เปลี่ยนกลีบดอกใหม่ ถ้าพบว่าดอกพุดหรือกลีบดอกรักด ามาก ก็ให้ถึงทิ้งและปักแซมใหม่
เช่นเดียวกับข้อ ๕.๓
๕.๕ ซ่อมปลายกลีบ เมื่อปลายกลีบที่พับเกี่ยว หรือฉีกขาดไม่น่าดู แก้ได้สองวิธีคือ ใช้กรรไกร
ขลิบออกครึ่งกลีบ พับกลีบใหม่เหมือนกัน แต่สั้นกว่าประมาณให้โคนกลีบเกือบชิดด้ายร้อยมาลัย พับกลีบสอด
สวมกันใช้ปากคีบจับผลักเข้าไปให้ลึกที่สุด อีกวิธีหนึ่งดึงกลีบที่เสียนั้นทิ้งทั้งกลีบ พับกลีบใหม่ ขลิบที่โคนกลีบยาว
เท่ากับถึงต าแหน่งร้อยด้ายสอดกลีบเข้าไปให้อ้างับด้ายจัดให้เข้าที่ ขยับกลีบใกล้ๆ ให้เบียดแน่นๆ
ไม่ว่าจะเกิดปัญหาใด ๆ ให้หาวิธีแก้ไขให้แนบเนียนอย่าให้ดูรู้ว่าช ารุดผิดปกติ ทางที่ดีไม่ควรให้เกิด
ั
ปัญหา นั่นหมายความว่า ทุกขั้นตอนท าอย่างประณีตบรรจงระมัดระวงหยิบ จับ วาง ผูกมัด ทุกอย่างให้มั่นคง จะ
ไม่มีผิดพลาดได้ เรียกได้ว่าทั้งสวยทั้งทน สวยประณีตทั้งรูปร่างรูปทรง และใช้งานได้ตลอดเวลาอยู่ในงานนั้นโดย
ไม่มีการช ารุดเพียงแค่การขยับเขยื้อนตามอิริยาบถของผู้ใช้
ใบความรู้ที่ ๓
เรื่อง หลักการและวิธีการร้อยมาลัย
...............................................................................................................................
๑. ผลการเรียนรู้
๑.๑ อธิบายหลักการและวิธีการร้อยมาลัยดอกไม้สดได้
หลักการร้อยมาลัย
พวงมาลัยที่สวยงามต้องมีรูปทรงดี ขนาดเหมาะสม สัดส่วนดี สีสันสวยสด ลวดลายสวยเด่นสะดุดตา
มีความประณีตงามแบบวิจิตรพิสดาร ต้องมีหลักการร้อย ดังนี้
๑. ต้องควบคุมรูปทรง ขนาด สัดส่วน ให้ได้ตามที่ต้องการ
๑.๑ มาลัยซีก มาลัยกลม ต้องส่งกลีบ ส่งดอก ส่งก้านให้ยาวสม่ าเสมอ ฉะนั้นการคัดดอกไม้ให้มีขนาด
เท่ากันจึงมีความจ าเป็นมาก
๑.๒ มาลัยตุ้ม มาลัยลูกเดือย ต้องส่งกลีบ ส่งดอก ส่งก้าน ให้ไล่ขนาดตามรูปทรงที่ขยายตัวใหญ่ขึ้น
หดตัวเล็กลง ตามต้องการ
๑.๓ มาลัยแบน มาลัยสามเหลี่ยม มาลัยสี่เหลี่ยม มาลัยรี ต้องส่งกลีบ ส่งดอก ส่งก้าน สั้น ยาว ขนาด
ต่าง ๆ เป็นแต่ละต าแหน่ง ต้องรักษาระดับขนาดให้คงที่ทุกต าแหน่งตามรูปทรง
นอกจากการคัดขนาดดอกไม้แล้ว ต้องอาศัยความแม่นย า เที่ยงตรงในการเล็งขนาดส่งก้าน ส่งกลีบ
ซึ่งการเล็งคือมองอย่างกะ ค านวณขนาดขึ้นอยู่กับ ตา ใจ และมือ ที่มีความแม่นย าสัมพันธ์กันเป็นอย่างดี คือ
หนึ่งเดียวทุกขณะ
๒. การออกแบบลวดลาย สีสันให้สวยเด่นสะดุดตา และมีทั้งส่วนที่ดูอ่อนหวานกลมกลืน มีส่วนที่ตัด
กันฉุดฉาด ให้ความรู้สึกสดชื่นมีพลังลวดลายที่สลับซับซ้อน ดูพิสดาร ใช้ดอกไม้ที่ช่วยให้ดูน่าสนใจเพราะมี
รูปลักษณ์หลากหลาย กระจิ๋มกระจิ๋ม ลายชัดเจนไม่สับสน ลายไม่ขาดไม่เกิน
๓. สวยสดงดงาม ความสวยงามของพวงดอกไม้สดต้องสวยสด สดชื่น แข็งแรง ไม่ดูอ่อนแอ เหี่ยว เฉา
หรือเกือบเหี่ยว
๔. ความประณีต ต้องเห็นแต่ความเรียบร้อยสวยงามสมบูรณ์แบบ ทั้งรูปทรง ขนาด สัดส่วน ลวดลาย
สีสัน ผิวสัมผัส ความสด การปิดซ่อนไม่ให้เห็นรอยต่อผูกมัด มัดให้แน่นเหนียวไม่มีการหลุดขาดตลอดเวลาการใช้
งาน ตลอดจนการเลือกใช้วัสดุอุปกรณ์ที่มีคุณภาพดี กล่าวได้ว่าทั้งสวยงามประณีตและสดชื่น แข็งแรงทนต่อ
การใช้งาน ไม่มีการหลุด ขาด ตกหล่น หรือชิ้นส่วนใด ๆ หลุดร่วงออกจากพวงขณะใช้งาน
หลักการปลิดกลีบและวิธีการปลิดกลีบดอกไม้
๑. เลือกปลิดเฉพาะกลีบที่ใช้การได้ คือเว้นไม่ปลิดกลีบที่ไม่สมบูรณ์ (ฉีกขาดแหว่ง) และกลีบที่ไม่ได้ขนาด
๒. จับ ดึงค่อยๆ อย่างเบามือ อย่าให้กลีบ และมีรอยฉีกขาดที่โคนกลีบ
๓. ปลิดใช้ทีละน้อยคอก ถ้าปลิดคราวละหลายดอกจะท าให้กลีบดอกช้ าจากการแบ่งแยกและเลือกหยิบ
ขนาดต่าง ๆ
๔. คอกที่ยังไม่ปลิดควรพักอยู่ภายใต้ผ้าขึ้น
๕. กลีบดอกที่ปลิดแล้วควรพรมน้ าให้สดชื่นก่อนร้อยและขณะร้อย
- ดอกไม้บางชนิดใช้ทั้งดอกร้อยไม่ต้องปลิดกลีบ ได้แก่ มะลิ พุด พุทธชาด เขี้ยวกระแต เล็บมือนาง
ตูม กะเม็ง ผกากรองน้ าตูม ประทัดจีน หางนกยูงตูม รัก
- ดอกไม้บางชนิดที่ใช้ทั้งดอกร้อยแต่ตกแต่งกลีบก่อน ได้แก่
พังพวย หรือแพงพวย ต้องตัดแต่งให้ดอกเล็กลงก่อน
เล็บมือนาง ใช้ร้อยแบบธรรมชาติเดิมและแบบม้วนกลีบมัดรวมกับก้าน
ดอกรัก มาลัยบางแบบต้องตัดกลีบรักออกจากแกนดอกทุกกลีบและได้แกนพร้อมยอดรักอีกหนึ่งชั้น
- ดอกไม้ขนาดใหญ่หลายชนิดที่ใช้ร้อยทั้งดอกเป็นมาลัยแบบง่าย ต้องการจ านวนมากในเวลา
เตรียมการสั้นมีฝีมือแรงงานน้อย ได้แก่ กุหลาบ ดาวเรือง กล้วยไม้ รัก บานไม่รู้โรย ฯลฯ ดูได้ในชุดมาลัยสร้อย
ระย้า
วิธีตัดกลีบดอกไม้ - ใบไม้
ดอกไม้ ที่ตัดก่อนร้อยมาลัย ได้แก่ เฟื่องฟ้า บานบุรี ร าเพย กล้วยไม้ ฝ้ายค าส่วนโคนกลีบ นอกนั้นจับจีบ
ร้อยใส่เข็มแล้วตัดโคนกลีบคือกุหลาบ ฝ้ายค า (ส่วนปลายกลีบพับให้เห็นแต่สันทบ ซ่อนริมทั้งหมดเพราะจะบอบ
บางมาก) มัดกลีบดอกก่อนร้อยคือเล็บมือนาง
ดอกไม้บางชนิดสามารถตัดแบ่งกลีบ พับหรือม้วนกลีบก่อนร้อย ถ้าจ าเป็นต้องใช้ใบหรือกลีบอื่นพันก้าน
ก่อนร้อยให้ถนัด แน่นและหนาพอดีสมส่วนกับด้านปลายกลีบเช่น หงอนไก่ สร้อยทอง ดาวเรือง เฉพาะดอก
้
ดาวเรืองหรือดอกอื่นที่มีลักษณะคล้ายกลีบดอกดาวเรืองนี้ ตองเรียงกลีบซ้อนกัน ๒ - ๓ กลีบ ม้วนเป็นทรงกรวย
ก่อนร้อย
ใบไม้ ที่ตัดกลีบก่อนร้อยมาลัยคือใบทวิวรรณ ใบแก้ว ใบไม้อื่น ๆ ให้ทดลองน ามาร้อยดูว่าพับได้สวยและ
สดทนนานหรือไม่ ก็ตัดให้เป็นรูปร่างเดียวกันนี้
การพับกลีบส าหรับร้อยมาลัย มีวิธีพับ 3 แบบ
1. แบบที่ 1 พับจีบทบ
โดยพับเอาโคนกลีบหรือปลายกลีบออกช้างนอกในเวลาร้อย พับทบครึ่งกลีบ แล้วพับทบริมกลีบ
กลับออกมาทั้งสองข้าง เหมาะส าหรับพับกสืบกุหลาบ
2. แบบที่ 2 พับกลีบม้วน
โดยเอาปลายกลีบออกช้างนอก ให้วิธีการม้วนกลีบเป็นรูปหลอดกลม ๆ เหมาะส าหรับพับ
กลีบดอกกุหลาบมอญ กลีบบานบุรี กลีบกลัวยไม้
3. แบบที่ 3 พับกลีบทบครึ่ง
พับกลีบแบบทบครึ่งธรรมดา โดยไม่ต้องทบกลีบออกทั้งสองช้าง การพับกลีบแบบนี้เหมาะส าหรับ
ใบไม้ที่มีลักษณะแข็ง ๆ รอบ แตกง่าย ใบเล็กหรือแคบ เช่น ใบแก้ว เป็นต้น
วิธีจับเข็มมาลัย
๑. ส าหรับผู้ที่ถนัดปกติ (เข็มเย็บผ้า เนาผ้าสอยผ้า จะจับด้วยมือขวา) จะจับเข็มมาลัยด้วยมือซ้ายจับ
ดอกไม้มือขวา
๒. ให้ก้นเข็มพ้นเสมอก ามือ
๓. ใส่แป้นใบตองก่อนร้อยมาลัยเสมอ
๔. ขณะเข็มอยู่ในก ามือสามารถใช้นิ้วชี้และหัวแม่มือซ้ายช่วยมือขวาพับกลีบดอกไม้ด้วย
๕. มือขวาจับกรรไกรเล็กตัดโคนกลีบหรือก้านดอกที่ยาวเกินขนาด
วิธีทาน้ ามันที่เข็ม
ใช้น้ ามันวาสลีนขนาดประมาณเม็ดถั่วด าหรือเม็ดข้าวโพดแปะใส่ใบตองขนาดกว้าง ๑ ๑/๔ x ๒ ๑/๒ นิ้ว
น ามาโอบเข็มจับรูดขึ้นจนสุดปลายเข็มมือซ้ายที่จับเข็มให้หมุนเข็มกลับไปกลับมาให้น้ ามันทารอบเข็ม
วิธีรูดมาลัยออกจากเข็ม
มาลัยขนาดยาวต้องใช้สองคนช่วยกันท า
๑. ร้อยด้ายใส่เข็ม ร้อยแป้นปิดมาลัย
๒. พรมน้ าให้ทั่วดอกไม้ในเข็ม (ยกเว้นดอกไม้ที่ต้องการน้ าน้อย)
๓. ทาน้ ามันให้ทั่วเข็มและด้าย
๔. คนหนึ่งจับคีมหนีบเฉียง แต่ถึงตามแนวตรงปลายเข็มอย่าให้เข็มงอ อีกคนหนึ่งใช้มือซ้ายดุนประคอง
มาลัยไว้ ขณะที่มือขวาดึงรูดออกจากเข็ม
๕. เมื่อจะเริ่มรูดมาลัยออกจากเข็มต้องนับ ทั้งสองคนจะค่อยๆ ออกแรงจนมาลัยเคลื่อนที่ แล้วออกแรง
พอเหมาะกับการเคลื่อนไม่ช้านักและไม่เร็วจนควบคุมไม่ได้
๖. เมื่อรูดมาลัยออกพ้นเข็มให้มีด้ายอยู่ประมาณ ๓ - ๕ นิ้ว ทั้งสองข้าง
๗. รีบจัดแถวและระยะให้คงรูปทรงและลวดลายเหมือนอยู่ในเข็ม
ใบความรู้ที่ ๔
เรื่อง งานมาลัย
...............................................................................................................................
๑. ผลการเรียนรู้
๑.๑ ปฏิบติการร้อยมาลัยดอกไม้สดประเภทต่าง ๆ ได้
ั
ส่วนประกอบของมาลัย
มาลัยกลม
ล าตัวมาลัย มาลัยซีก
มาลัยเสี้ยว
อุบะ
มาลัยสองชาย มาลัยช าร่วย
ริบบิ้น
ล าตัวมาลัย
มาลัยซีก
อุบะ
โบว์ริบบิ้น
การประดิษฐ์โบว์ริบบิ้น
ริบบิ้นคือส่วนที่เป็นสายนิ้วของมาลัยชายเดียวบางแบบ และเป็นส่วนที่เป็นสายคล้องคอของมาลัยสอง
ชาย แต่มีบางแบบที่ไม่ใช้ริบบิ้นคล้องคอ
หลักการเย็บริบบิ้น
๑. เลือกแบบที่ส่งเสริมให้พวงมาลัยมีความงามสมบูรณ์ยิ่งขึ้น
๒. เลือกใช้ริบบิ้นที่เหมาะสมทั้งขนาด สีสัน ลวดลายและผิวสัมผัส
๓. เลือกด้ายเย็บริบบิ้นที่เหมาะสมทั้งสีและขนาด
๔. ระมัดระวังให้รอยสันทบ และรอยจีบรุดต้องพอง นุ่มนวล สละสลวย ไม่ลีบแบนแฟบ ดูเหี่ยวแห้งแข็ง
๕. พับซ่อนริมรอยตัดริบบิ้นให้เรียบร้อย
๖. มีความประณีตในการซ่อนปมรอยเย็บให้มิดชิด และเปิดช่องซ่อนปมรอยผูกด้าย ร้อยมาลัยกับด้าย
ชายริบบิ้น
๗. มีความถูกต้องในการตรึงด้ายชายริบบิ้น ต้องตรึงด้ายชายริบบิ้นกับชั้นที่เป็นชายนิ้วจึงจะแข็งแรง
ไม่ควรตรึงกับชิ้นที่เป็นหูโบ เพราะอาจจะเกิดการหลุดขาดเมื่อถูกถ่วงดึงด้วยน้ าหนักของพวงมาลัย
* * * ค าว่า “แบบ” หมายความรวมทั้งรูปทรง ขนาด สีสัน ผิวสัมผัส ความประณีต ความกลมกลืน
วัสดุ - อุปกรณ์
ริบบิ้น ด้าย เข็มมือ กรรไกร
ริบบิ้น เลือกขนาด สี ลวดลาย เนื้อผ้า (ผิวสัมผัส)
ขนาด - ขนาดเล็ก มีแถบกว้างตั้งแต่ ๑/๔, ๓/๘ - ๑/๒ นิ้ว หรือ ๐.๗, ๑.๐, ๑.๒ - ๑.๕
เซนติเมตร
- ขนาดกลาง มีแถบกว้างตั้งแต่ ๓/๔ - ๗/๘ นิ้ว หรือ ๒ เซนติเมตร
- ขนาดใหญ่ มีแถบกว้าง ๑, ๑ ๑/๘, ๑ ๑/๔, ๑ ๓/๘ นิ้ว หรือ ๒.๕ - ๓ เซนติเมตร
ทั้งสามขนาดนี้เป็นริบบิ้นที่ใช้ประกอบมาลัยช าร่วย และมาลัยที่ใช้กับบุคคล ถ้าจะใช้กับสถานที่อาจจะ
ใช้ขนาดที่กล่าวแล้วนี้ และขนาดที่มีแถบกว้างกว่านี้ก็ได้ ถ้าใช้กับสถานที่ที่โตขึ้นๆ เช่น ช่องหน้าต่าง ช่องประตู
แท่นยืนพูด ขอบแท่นที่ประทับ ฯลฯ
สี ควรเลือกสีที่กลมกลืนกับสีของพวงมาลัย โดยที่ให้สมีความอ่อนโยนนุ่มนวลกว่าดอกไม้ ใบไม้
ถ้าเลือกสีสด เข้มกว่าจะท าให้สีของดอกไม้ใบไม้สลดซบเซาลงไป ซึ่งผิดจุดประสงค์ของการใช้คอกไม้สด ถ้าเลือก
ริบบิ้นสีส้ม แสด แดง เขียว ฟ้า น้ าเงิน ม่วง ควรจะให้เป็นสีที่หม่นเบรคด้วยสีตรงกันข้าม หรืออมเทา ด า น้ าตาล
- สีขาว ควรเป็นสีขาวนวล เพราะสีขาวสะอาดของผ้าริบบิ้นจะท าให้สีขาวของกลีบดอกไม้ดู
หมอง แต่ถ้าในพวงดอกไม้พวงนั้นไม่มีดอกไม้สีขาวเลยก็สามารถใช้ริบบินขาวสะอาดได้
- สีเงิน เทาเงิน ใช้กับพวงมาลัยที่จะใช้เคารพพระบรมศพ พระศพเจ้านายใช้ได้กับดอกไม้ทุก
สีและเป็นพวงมาลัยของเจ้านายและพระราชวงศ์ชั้นสูงที่จะทรงใช้เคารพศพ หรือสีเงินสลับสีทอง ใช้ในงานทั่วไป
และงานม
- สีทอง ทองแกมสีอื่นเล็กน้อย ใช้ได้กับพวงมาลัยทุกสี ส าหรับถวายเจ้านายและเป็น
พวงมาลัยของเจ้านายและพระราชวงศ์ชั้นสูงที่จะทรงใช้ในงานทั่วไปและงานมงคล ดังนั้นถ้าใช้กับบุคคลทั่วไป
ควรหลีกเลี่ยงการใช้ริบบิ้นสีทองล้วน และทองแกมสีอื่นเล็กน้อย ถ้าต้องการความหรูหราควรเลือกริบบิ้นพื้นสีอื่น
ที่มีลวดลพื้นสีอื่นที่มีลวดลายสีแกมทองเล็กน้อย
ในปัจจุบันนิยมใช้ริบบิ้นทองขนาดเล็ก ประกอบมาลัยช าร่วยทั่วไปจนชินตาส าหรับชนทั่วไป
ลวดลาย ควรเลือกลวดลายที่ดูประณีต คือลายขนาดเล็กๆ เมื่อมองรวมกับลวดลายของ
พวงมาลัยแล้ว ให้ลวดลายของพวงมาลัยโดดเด่นสะดุดตากว่าลวดลายของริบบิ้น
เนื้อผ้า ผิวสัมผัส หรือผิวพรรณของเนื้อผ้าที่ท าริบบิ้น ควรมีความละเอียดนุ่มนวล ทั้งผิวด้าน
และผิวมัน ไม่ควรเลือกผิวที่หยาบกระด้าง ที่ดูแตกต่างอย่างมากกับผิวพรรณของกลีบดอกไม้ ใบไม้สด ไม่ควร
เลือกเนื้อผ้าบางอย่างที่แข็ง เปราะฉีกขาดง่ายเย็บและจับจีบไม่ได้ จะมีรอยปริแตกทันที
อีกประการหนึ่งควรเลือกริบบิ้นใยธรรมชาติ หรือที่ผสมใยสังเคราะห์เล็กน้อย บางชนิดเป็นใย
สังเคราะห์ ๑๐๐ เปอร์เซ็นต์ ซึ่งเป็นอันตรายต่อสิ่งแวดล้อม เพราะย่อยสลายยาก ถ้าเผาไหม้เกิดกลิ่นที่เป็น
อันตรายต่อสุขภาพ ให้ลองสังเกตและทดลองเผาดูจากเศษริบบิ้นสวยๆเมื่อได้มาในโอกาสต่างๆ มักจะพบว่าวัสดุ
ใดที่มีผิวมันวาวสวยงามเป็นพิเศษ มักจะมีพิษภัยมากกว่าวัสดุที่ดูเป็นธรรมชาติมากกว่า
ควรเก็บริบบิ้นบางชนิดที่มีสีสดมากแยกแต่ละสีใส่ถุงกระดาษ หรือผ้ากั้นไม่ให้ติดกันเพราะสีจะตกใส่
ปะปนกันเป็นรอยด่าง (รวมทั้งดอกไม้พลาสติก)
ด้าย ด้ายส าหรับเย็บริบบิ้น ใช้เบอร์ ๖๐ สีที่กลมกลืนกับริบบิ้น
เข็มมือ ใช้เข็มมือเบอร์ 6
กรรไกร ตัดด้ายและริบบิ้น ใช้กรรไกรขนาดเล็กมีความยาวของคมกรรไกร ๒ - ๒ ๑/๒ นิ้ว
ใช้คนละเล่มกับกรรไกรที่ใช้ตัดกลีบดอกไม้สด เพราะถ้าใช้ปะปนกันจะซื้อง่ายตัดด้ายไม่ขาด
รูปแบบริบบิ้น
รูปแบบของริบบิ้นที่ใช้ประกอบพวงมาลัย มีต้นแบบอยู่สองแบบคือ แบบหูกระต่าย และแบบดอกกลม นอกนั้น
เป็นแบบที่ดัดแปลงให้มี ๒ - ๓ ชั้น หรือผสมผสานสีริบบิ้น
ริบบิ้นหูกระต่ายชั้นเดียว
ริบบิ้นหูกระต่าย มีความสวยงามแบบอ้อนแอ้นอรชรมีแบบหูชั้นเดียวและหูสองชั้นตวอยางที่แสดงภาพนี้
่
ั
เป็นแบบหูชั้นเดียวแต่ซ้อนแถบริบบิ้นสองชั้น เพื่อต้องการผสมผสานสีชมพูกับม่วง หางริบบิ้นตัดปลายเฉียง
วัสดุ - อุปกรณ์
ริบบิ้นกว้าง ๑ ๑/๘ - ๑ ๑/๔ นิ้ว ยาว ๑.๕๐ เมตร ส าหรับมาลัยสองชาย ๑ พวง ด้ายเบอร์ ๖๐
เข็มมือเบอร์ ๙
วิธีท า ริบบิ้นหูกระต่ายชั้นเดียว
๑. ตัดริบบิ้นยาว ๗ ๑/๒ นิ้ว จ านวน ๒ ชิ้น
๒. ทบริบบิ้นชายเกยกันตรงกลาง ๑/๔ นิ้ว
๓. ใช้ด้ายสีกลมกลืนกับริบบิ้นสนเข็มแล้วค้น
กลางแถบริบบิ้น
๔. จึงรูดให้รอยจีบทบชิดตรึงให้แน่น
๕. ตัดริบบิ้น ยาว ๕ นิ้ว จ านวน ๒ ชิ้น น ามา
ต้นแล้วดึงรูคกลางแถบตรึงให้แน่น ตัดชายเป็นรูปหยักเตรียม
ตรึงสองชิ้นติดกัน
6. น าชิ้นหูและชิ้นหางมาตรึงติดกัน โดยเรียงหูเป็นชิ้นบน หางเป็นชิ้นล่าง เตรียมตัดริบบิ้นครึ่ง
แถบ ทบให้สันทบอยู่ทั้งสองข้างความยาว ๑ ๑/๒ - ๑ ๓/๔ นิ้ว ถ้าริบบิ้นบาง กลางหูที่จับจีบจะมีขนาดเล็ก
ใช้เส้นรัดกลางหู ๑ ๑/๒ นิ้ว
๗. ปิดรอยตรงจับจีบกลางหูริบบิ้นสอยตรึงด้านหลังทบริมซ้อนไว้ด้านในท าเช่นนี้สองชิ้น
๘. ตัดริบบิ้นท าสายนิ้วพวงมาลัย ส่วนที่ใช้คล้องคอ ความยาวขนาดของชาย ๒๓ - ๒๕ นิ้ว หญิง
๒๒ - ๒๓ นิ้ว
๙. พับทบมุมซ้ายขึ้นมาท ามุมฉาก
๑๐. พับทบมุมขวาขึ้นมาให้ปลายเสมอ มุมด้านล่างเป็นมุมฉากตรึงกลางและมุมที่เผยอให้ชิด
๑๑. น าสายหิ้วมาลัยมาตรึงติดกับริบบิ้นหูกระต่ายที่เสร็จแล้ว โดยหงายด้านไม่เรียบร้อยมา
ประกบกัน
๑๒. ตรงกลางที่รัดกลางริบบนและด้านซ้าย - ขวา เปิดเผยอให้เหลือพื้นที่ซ่อนปมรอยต่อของ
ด้ายจากสายนิ้วมาลัยกับด้ายที่ตัวมาลัย
๑๓. เย็บด้ายขึ้นลงที่ชิ้นสายนิ้วให้มีความแข็งแรงพอ ถ้าใช้ด้ายเบอร์ ๖๐ ใช้ทบ ๘ เส้น ถ้าใช้
ด้ายเบอร์ ๔๐ ทบ 4 เส้น ด้ายเบอร์ ๒๐ ทบ ๒ เส้น ความยาวประมาณ ๓ - ๔ นิ้ว เตรียมไว้ผูกกับตัวมาลัย
ท าเช่นเดียวกันทั้งสองข้าง
** ถ้าใครเย็บด้ายผิดที่คือเย็บด้ายนี้ตรงกับชิ้นริบบิ้น น้ าหนักของตัวมาลัยอาจจะถ่วงให้หูริบบิ้นหลุดจาก
สายหิ้ว ถ้าตรึงริบบิ้นกับสายนิ้วไม่แน่นแข็งแรงพอ
** อีกสาเหตุหนึ่งที่ตัวมาลัยหลุดขณะใช้งานเนื่องจากลูกค้ายรอยต่อเหนือพวงมาลัยน้อยกว่า ๓ ครั้ง
และไม่แน่น บางทีด้ายนั้นเป็นด้ายที่มีความลื่นมัน มีก าลังในการคลายตัวออกจากปม ถ้าตัดชายสันติคปมยิ่งหลุด
ง่ายขึ้น ฉะนั้นจึงควรเลือกด้ายฝ้ายแท้หรือเชือกฟางพลาสติก
ริบบิ้นหูกระต่ายสองชั้น
ภาพซ้าย ริบบิ้นอยู่ตรงกัน ด้านหน้ากับด้านหลัง มีหาง
หรือชายสี่ชาย มีดอกกุหลาบปิดรอยเย็บจับกลางหูริบบิ้น ปลาย
ขลิบหยัก
ภาพขวา ริบบิ้นซ้อนกันตรงเหนือชั้นล่าง มีชายสองชาย
ปลายขลิบหยัก
วิธีเย็บหูริบบิ้นนั้นท าเช่นเดียวกันกับริบบิ้นหูกระต่ายชั้น
เดียว
ริบบิ้นดอกกลม แบบที่ ๑
็
๑. ริบบิ้นดอกกลมผ้าโปร่งสองชั้น มีกุหลาบริบบิ้นทองเปนเกสร
๒. ริบบิ้นกว้าง ๑ ๑/๔ นิ้ว ๒ ชิ้น ยาว ๑๔ นิ้ว และดอกเล็ก
ยาว ๖ นิ้ว ตัดริมออก ๑/๔ นิ้ว
๓. ดอกใหญ่ตัดริบบิ้นยาว ๘ นิ้ว ด้นถี่ ๆ
๔. ด้นจนสุดปลายแล้วรูด
๕. รูดมาชิดตรึงริมติดกัน ด้นต่อริมทั้งสองให้ลายหยักสวมกัน
ตรึงที่ริมนอกแล้วต้นกลับมาหยุดตัดด้ายด้านใน
6. ดอกกลมคอกใหญ่ตรึงเสร็จแล้ว
ิ้
๗. ท าดอกกลมดอกเล็กจากริบบิ้นชนล่างข้อ ๒ ตัดยาว ๑๕
เซนติเมตร
๘. น ามาวางบนดอกใหญ่ตรงติดกัน
๙. น าดอกกุหลาบริบบิ้นทองมาตรึงติดเป็นเกสร
๑0. ดอกริบบินกลมผ้าโปร่งมีเกสรแล้ว
๑๑. วิธีท าดอกกุหลาบริบบิ้นทอง
๑๑.๑ ตัดริบบิ้นทองแถบกว้าง ๑.๕ เซนติเมตร ยาว ๕ - ๑๐ เซนติเมตร
ถ้าตัดส าหรับ ๕ ดอก ใช้ยาว ๔๐ เซนติเมตร
๑๑.๒ ม้วนริมซ้ายเป็นกรวยเกสร
๑๑.๓ จับสันทบเฉลียงขึ้นมาโอบรอบเฉลียงโอบวนไปทางขวา โดยมือซ้ายจับ
ริบบิ้นหมุนไปทางซ้าย ท าเช่นนี้วนเรื่อยไปจนดอกโตขึ้นๆ
๑๒. วิธีต่อสายหิวและชาย
๑๒.๑ ตัดริบบิ้นผ้าขาวลายทองกว้าง ๑ นิ้ว ยาว ๕ - ๕ ๑/๒ นิ้ว เนาและรูดกลางชิ้นหยุดด้าย
๑๒.๒ ตัดริบบิ้นอีกชิ้นหนึ่งท าสายคล้องคอยาว ๑๕ - ๒๑ นิ้ว พับทบริมไปทางซ้าย ๆ และทบกลับ
ทางขวา ตรึงแล้วน าไปเย็บติดกับดอกกลมตรึงชายก่อน เปิดมุมแหลมสันทบไว้เป็นที่ซ่อนปิดปมต่อพวงมาลัย
๑๒.๓ ตรึงห่างๆ ที่สายคล้องคอติดดอกกลมให้แนบเป็นแนวตรงกับชาย เมื่อผูกต่อกับมาลัยแล้ว จะทรง
ตัวดีขณะคล้องคอ
๑๒.๔ ตรึงด้ายกับสายคล้องคอเตรียมผูกกับมาลัย ตัดชายหยัก
ริบบินดอกกลม แบบที่ ๒
๑. ริบบิ้นดอกกลมแบบนี้แตกต่างจากแบบแรกตรงที่มีหูกระต่ายสองชั้น รองรับดอกกลมผ้า
โปร่งดอกเล็กชั้นเดียว มีเกสรกุหลาบริบบิ้นทองเช่นเดียวกัน
๒. ตัดริบบิ้นยาว ๕ ๑/๒ - ๖ นิ้ว พับทบให้ชายเกยกันตรงกลาง เนาห่างๆ แล้วรูด ตรึง
แล้วหยุดด้าย
๓. ท าหูกระต่ายอีกหูหนึ่ง โดยเนารูดตรึงติดกันสองหู
๔. ท าดอกกลมขนาดเล็ก น ามาตรึง
๕. ท าดอกกุหลาบริบบิ้นทองน ามาตรึง
๖. ตัดริบบิ้นยาว ๔ ๑/๒ - ๕ นิ้ว ท าหาง ตัดปลายหยักและเนารูดกลางชิ้น น ามาตรึง
ด้านหลัง
๗. ตัดริบบิ้นท าสายคล้องคอเช่นเดียวกับแบบที่ ๑ ชายใช้ขนาดยาวกว่าหญิงประมาณ ๒ นิ้ว ตรึงสาย
คล้องคอเสร็จแล้วตรึงด้ายเตรียมผูกกับมาลัย
* ย้ าเตือน เปิดมุมสันทบปลายแหลมสายคล้องคอไว้ซ่อนปมรอยต่อ และด้ายที่ตรึงจะผูกกับมาลัยนั้น
ต้องตรึงกับสายคล้องคอจะมั่นคงไม่เกิดอุบัติเหตุหลุด ขาด ขณะอยู่ในงาน
ขั้นตอนต่าง ๆ ในการร้อยมาลัย
1. เตรียมเข็มมาลัย ชนิดที่ตรงไม่โค้งงอและไม่เป็นสนิม ใช้น้ ามันวาสลินทาเข็มให้ลื่น แล้วเช็ดให้สะอาด
2. เตรียมแป้นใบตอง ส าหรับรองรับมาลัยขณะที่ร้อยมาลัย 1 เข็ม จะต้องใช้แป้นใบตอง 2 อัน ขนาด
ใหญ่กว่ามาลัยที่ร้อยเล็กน้อย
การเตรียมแป้นใบตอง
1. ฉีกใบตองขนาดเท่ากัน 2 ชิ้น ตัดหัวและ 2. พับปลายด้านบนทับลงมาด้านล่าง
ปลายให้เรียบร้อย วางซ้อนทางใบตองแข็งท ามุมฉาก
3. พับปลายด้านซ้ายพับมาทางขวา 4. พับใบตองด้านล่างทบขึ้นด้านบน
5. พับใบตองดานขวาพับมาทางซ้าย 6. พับใบตองด้านซ้ายอ้อมไปสอดด้านหลัง
้
ระหว่างชั้น
5.พับใบตองชิ้นบนทบลงด้านหลัง 8. อ้อมปลายใบตองด้านล่างไปสอดด้านบน
ระหว่างชั้น
9ตัดปลายใบตองที่เหลือให้เรียบร้อย
ดอกตุ้ม
ดอกตุ้ม หมายถึง ดอกที่ร้อยอยู่ปลายล่างสุดของอุบะ จะมีขนาดใหญ่สุด ลักษณะคล้ายลูกตุ้มนาฬิกา
แขวนผนังแบบมีลูกตุ้ม คล้ายลูกตุ้มของตาชั่งจีน คล้ายลูกดิ่งช่างก่อสร้างรูปทรงดอกกลมและยอดแหลมคล้าย
ดอกบัวตูม บางคนเรียกดอกข่าเพราะรูปทรงคล้ายดอกข่า แต่ความหมายไม่ค่อยดีส าหรับงานมงคลสมรสให้เรียก
ดอกหุ้มดีกว่า
ดอกข่า จะนึกถึงขิงก็ราข่าก็แรง เกรงว่าคู่สามี ภรรยาจะโรยราง่าย หรือจะรุนแรงรสชาติของข่าก็เผ็ดขึ้น
ซึ่งล้วนไม่พึงประสงค์
ส่วนค าว่า ดอกตุ้ม ตุ้มมีลักษณะตูม ดอกไม้ตูม ความเยาว์วัยเสมอ (Always young) ท าให้รู้สึกสดชื่น
น่ารักน่าเอ็นด ู
ประเภทดอกตุ้มมมี ๒ ประเภทดังนี้
๑. ดอกตุ้มธรรมชาติ
๒. ดอกตุ้มประดิษฐ์
ดอกตุ้มธรรมชาติ ใช้ดอกไม้ขนาดเล็กตามลักษณะเดิมในธรรมชาติคัดขนาดให้พอดีใช้งานร้อยได้
โดยไม่มีการประดิษฐ์ใหม่ เช่น บานไม่รู้โรย จ าปี จ าปา ชบาร่ม ชบาหนู
ดอกตุ้มประดิษฐ์ ใช้ดอกไม้เล็กๆ หรือกลีบดอกไม้มาประดิษฐ์ใหม่โดยเย็บมัด หรือกรองให้มีขนาดและ
รูปทรงที่ต้องการ เรียกดอกตุ้มกุหลาบ ดอกตู้มมะลิ ชื่อตามกลีบดอก หรือดอกที่น ามาประดิษฐ์ ซึ่งใช้ดอกไม้ได้
หลายชนิด เช่น กุหลาบ มะลิ พด กล้วยไม้ ดาวเรือง เบญจมาศ หงอนไก่ และใบไม้ต่างๆ เช่น ใบแก้ว ใบว่าน ใบ
ุ
โกศล ดอนหญ้า ดอกไม้ และใบไม้สดที่น ามาประดิษฐ์ต้องแข็งแรง นุ่มนวลพอพับจับจีบได้ไม่เปราะแตกฉีกขาด
ง่ายเกินไป
วิธีการท าดอกข่า สามารถท าได้ทั้งการเย็บและการมัด
1. การท าดอกข่ากุหลาบด้วยวิธีการเย็บ เหมาะส าหรับผู้ที่ฝึกหัดท าใหม่ เพราะมีวิธีการท าได้ง่าย
มั่นคง ไม่หลุดง่าย
วัสดุที่ใช้
1. เลือกกลีบกุหลาบ ใหญ่ เล็ก ไว้เป็นพวก ๆ นรมน้ าให้สดเสมอ
2. ตัดใบตองกว้างประมาณ 3 นิ้ว ยาว 5 นิ้ว
1. ฉีกใบตองกว้าง 3 นิ้ว ยาว 5นิ้ว แล้วม้วนเป็นทรงกรวยแล้วจึงใช้แม็กเย็บ
(สาเหตุที่ใช้ทรงกรวยเพราะว่าสามารถช่วยพยุงดอกตุ้มหรือดอกข่าได้ดีและ
รักษาปลายกลีบไม่ใช้ช้ าเวลาใช้งาน)
2. ใช้กลีบกุหลาบมอญด้านหน้าที่มีแดงเข้มแล้วกระพุ้งกลีบดอกกุหลาบมอญ
(ขวาทับซ้าย)
3. แล้วน าไปโอบที่ยอดกรวยใบตองให้ปลายกลีบสูงกว่ายอดกรวยเล็กน้อย
4. แล้วเย็บให้อยู่กึ่งกลางกลีบแล้วพันด้ายรอบกลีบกุหลาบ 1 รอบแล้วเย็บฝั่ง
ตรงข้ามกลีบให้ทะลุ
5. ใช้กลีบกุหลาบเท่ากลีบแรก 2 กลีบ พับกลีบกระทุ้ง (ขวาทับซ้าย)
วางประกบกลีบแรก เย็บให้แน่น กลีบที่ 2 วางประกบอีกด้านให้
ตรงกันข้าม และให้ปลายประกบกัน เย็บให้แน่น
6.กลีบชั้นที่ 2 นี้ ต้องลดล าดับปลายกลีบต่ าลงมากว่าปลายกลีบชั้นที่
1 เล็กน้อย
7. ใช้กลีบกุหลาบใหญ่กว่าแถวที่ 2 เล็กน้อย จ านวน 3 กลีบ พับกลับ
กระทุ่ง (ขวาทับซ้าย) ส่งกลีบลคชั้นเล็กน้อย วางให้สับหว่างหรือเลี่ยง
หว่างกันบ้าง แต่ทั้ง 3 กลีบ ให้วางประกบโดยรอบชั้นที่ 2
8.ใช้กุหลาบจ านวน 4 กลีบ พับและเย็บ เช่น เดียวกับชั้นที่ 2 และ
3 ส่งกลีบให้ลดชั้นพองาม สับหว่างและเสี่ยงหว่างกันให้กลีบทั้ง 4
เรียงรอบชั้นที่ 3
2. การท าดอกข่ากุหลาบโดยวิธีการมัด เหมาะส าหรับผู้ที่มีความช านาญแล้ว ส าหรับผู้หัดใหม่จะพบกับ
ปัญหาว่า มัดแน่นเกินไปกลีบก็จะฉีกขาด แต่ถ้ามัดหลวมกลีบดอกก็จะหลุดหรือเคลื่อนที่ได้ รูปทรงของดอกข่าก็
จะไม่สวย
1. ใช้ใบตองกว้างประมาณ 5 นิ้ว ยาว 6
นิ้ว ม้วนเป็นกลมๆ แล้วใช้ด้ายพัน
(ถ้าไม่มีใบตองสามารถใช้ก้านกก ถั่วฝักยาว ก้านมัน
ส าปะหลัง)
2. แถวที่ 1 ใช้กลีบกุหลาบขนาดเล็ก
จ านวน 2 กลีบ พับกระทุ้ง กลีบแรกประกบยอด
แหลมของกรวยใบตอง มัดให้แน่น กลีบที่ 2 วาง
ประกบตรงกันข้าม
3. แถวที่ 2 ใช้กลีบกุหลาบ 4 กลีบ พับ
กระพุ้ง วางประกบให้สับหว่างแถวที่ 1 และลด
ปลายกลีบต่ ากว่าแถวที่ 1 พองาม
4. แถวที่ 3 ใช้กลีบกุหลาบ 4 กลีบ วางสับ
หว่างเช่นเดียวกันโดยรอบ ส่งกลีบลดชั้นเล็กน้อยพอ
งาม มัดให้แน่น
๓. การท าดอกข่ามะลิ มีวิธีการท าเช่นเดียวกัน และท าได้ทั้งวิธีการเย็บและมักเช่นเดียวกับดอกข่า
กุหลาบ แต่การวางกลีบแตกต่างจากกลีบกุหลาบ โดยมีวิธีการท า ดังนี้
1. ฉีกใบตองกว้าง 2 นิ้ว ยาว 3 นิ้ว ม้วนพันก้านดอกมะลิทั้งก้าน นับเป็นชั้นที่ 1
2. เลือกดอกมะลิที่ใหญ่ขั้นเล็กน้อย กรีดด้วยเข็มแล้วฉีกเป็นสองซีกน ากลีบมะลิที่ซีกไว้มา
โอบรอบชั้นแรกโดยให้ปลายกลีบต่ า ลงมาเล็กน้อยจนรอบมัดและเย็บนับ เป็นชั้นที่2
3. เลือกดอกมะลิที่ใหญ่ขึ้นแบ่งครึ่งแล้วน า มาโอบหุ้มจนรอบดอกให้ปลายกลีบลดต่ าลงเป็นชั้นที่ 3
และ ชั้นที่4
4. ดอกข่าส าเร็จ
๓. การท าดอกข่าดอกพุด มีวิธีการท าเช่นเดียวกัน และท าได้ทั้งวิธีการเย็บและมักเช่นเดียวกับดอกข่า
กุหลาบ แต่การวางกลีบแตกต่างจากกลีบกุหลาบ โดยมีวิธีการท า ดังนี้
็
1. เลือกดอกพุดขนาดเท่า ๆ กัน 1 ดอก เปนชั้นที่ 1 ชั้นที่ 2 น าดอก
พุด 4-5 ดอกมาโอบจนรอบ ดอกพุดชั้นที่1 โดยมัดให้ต่ ากว่า ดอกในชั้นที่ 1
2. ชั้นที่ 3 น าดอกพุด 6-7 ดอกมาโอบจนรอบดอกพุดชั้นที่2 โดย
มัดให้ต่ ากว่าดอกในชั้นที่ 2
3. ชั้นที่ 4 น าดอกพุดมาโอบจนรอบชั้นที่3 โดยมัดให้ต่ ากว่าดอกใน
ชั้นที่ 3
4. ดอกข่าจากดอกพุดส าเรจ
็
การประดิษฐ์ดอกข่าบาน
1. จับกระพุ้งกลีบกล้วยไม้ประกบกับก้านมันส าปะหลัง
ใช้ด้ายมัดให้แน่นแล้ว กระพุ้งกลีบที่ 2 วางประกบตรงกันข้ามกับกลีบ
แรก
2. ชั้นที่ 2 น ากลีบกล้วยไม้ 3 กลีบ วางประกบปลาย
กลีบให้เสมอกัน
3. ชั้นที่ 3 น ากลีบกล้วยไม้ 4 กลีบวางประกบสับหว่าง
กับกลีบชั้นที่ 2
อุบะ
อุบะ หมายถึง ดอกไม้ที่ร้อยเป็นเส้นหรือสาย ภายในหนึ่งเส้นหรือหนึ่งสายประกอบไปดวย ดอกตุ้ม ดอก
้
ครอบ และดอกสวม เรียงล าดับจากใหญ่ขึ้นไปเล็ก ความยาวของอุบะขึ้นอยู่กับความเหมาะสมและความสวยงาม
ของงานนั้น ๆ ส่วนประกอบของอุบะ
ดอกสวม
ดอกครอบ
ดอกตม
ุ้
1. ดอกตุ้ม คือ ดอกที่อยู่ส่วนล่างสุดของตัวอุบะ จะเป็นดอกอะไรก็ได้แล้วแต่ความเหมาะสมและความ
สวยงาม ส่วนใหญ่จะใช้ดอกรัก ดอกกุหลาบ ดอกจ าปี ดอกจ าปา ดอกบานไม่รู้โรย ดอกเบญจมาศหนู ดอก
กล้วยไม้ หรือดอกข่าที่ประดิษฐ์จากกลีบดอกไม้อื่น ๆ ก็ได้
2. ดอกครอบ บางที่เรียกว่าหมวก หรือกลีบเลี้ยงก็ได้ ใช้เพื่อปิดก้านดอกตุ้ม ต่อกับดอกสวม ท าให้
เรียบร้อยสวยงามขึ้น ส่วนมากนิยมใช้ชั่วชบา กลีบเลี้ยงคอกรัก ในปัจจุบันขั้วชบาหาได้ค่อนข้างยาก ถ้าต้องการ
ใช้จ านวนมาก ๆ และต้องการให้ออกครอบเป็นสีเขียวก็อาจจะต้องใช้กลีบเลี้ยงพลาสติกแทน แต่จะมีข้อเสียที่ไม่
อ่อนช้อย สวยงามเท่าของจริงตามธรรมชาติ จึงมักนิยมใช้กลีบเลี้ยงดอกรักร้อยรองก่อนที่จะร้อยกลีบเลี้ยง
พลาสติก จะท าให้ลดความแข็งกระด้างลงไปบ้าง แต่ถ้าคอกตุ้มเป็นดอกไม้ที่มีกลีบเลี้ยงโดยธรรมชาติอยู่แล้ว ก็
สามารถใช้เป็นดอกครอบได้เลย เช่น คอกกุหลาบ ดอกชบาหนู หรือ ดอกชบาหนูใหญ่ เป็นต้น
3. ดอกสวม คือ คอกที่ร้อยอยู่เหนือดอกครอบขึ้นไป จะมีจ านวนเท่าใดก็ได้แล้วแต่ความเหมาะสม คอก
สวมนิยมใช้ดอกไม้ที่จะเล็กกว่าดอกตุ้ม ได้แก่ ดอกรัก ดอกมะลิ ดอกพุทธชาด คอกมะละกอ คอกประทัดจีน เป็นต้น
หน้าที่และประโยชน์ของอุบะ
อุบะ เป็นส่วนส าคัญที่ช่วยเพิ่มความงามของงานประดิษฐ์ดอกไม้สดแบบไทยให้คงเอกลักษณ์และมีเสน่ห์
ยิ่งขึ้น มีหน้าที่และประโยชน์ดังนี้
1. ใช้ผูกส่วนปลายของมาลัย
2. ใช้ผูกตามมุมดอกไม้คลุมไตร และมุมเฟื่อง
3. ใช้มัดให้ห้อยหรือรัดที่ปากพานดอกไม้ เช่น พานรองรับน้ าพระพุทธมนต์ นุ่มคู่สวดกรวยอุปัชฌาย ์
4. ผูกที่ช่วงมุมหยักของเพื่อง แต่งขอบโต๊ะ ขอบเวที ฯลฯ
5. ใช้ผูกส่วนล่างของเพื่อง หรือระย้าระบายต่าง ๆ
6. ใช้ผูกตามมุมเครื่องแขวนดอกไม้สด หรือตามที่ผูกรวม สายโยงมุม และตามที่ต่าง ๆ ที่เหมาะสมเป็น
ส่วนส าคัญที่ช่วยเพิ่มความสวยงามของงานประดิษฐ์ดอกไม้สดแบบไทยให้ดูมีเสน่ห์มากขึ้น
หลักทั่วไปในการร้อยอุบะ
1. ดอกตุ้ม ของอุบะทุกสายจะต้องมีชนาดเท่ากัน
2. ดอกครอบ ควรเป็นกลีบดอกรัก ดอกขจร ดอกชบา ต้องเลือกกลีบที่สุด ไม่ซ้ า
3. ตอกตุ้มและดอกสวม ต้องตัดก้านให้เสมอกัน
4. การร้อยดอกสวม ดอกแรกควรมีขนาดใหญ่ สวมเรียงจากดอกใหญ่ไปหาคอกเล็ก
5. ต้องท าปมด้ายให้ขนาดใหญ่กว่าก้นเข็ม จึงจะไม่หลุดง่าย และต้องซ่อนปมค้ายไว้ในซอกกลีบดอกไม้
อย่าให้มองเห็น
7. อย่ารุดดอกสวมจนเบียดกันแน่น เพราะจะท าให้อุบะแข็งที่อไม่ทิ้งตัว
8. เมื่อร้อยอุบะขาเดียวหรือตุ้งติ้ง จะต้องใช้ด้ายคู่เพื่อง่ายแก่การผูก ส่วนอุบะชนิดอื่น ๆ ซึ่งต้องใช้หลาย
ชาใน 1 พวง ควรใช้ด้ายเดี่ยว เมื่อผูกรวมเป็นนวงแล้วจะได้ปมขนาดเล็กง่ายแก่การปิดบัง
9. การผูกหรือเช้าพวง ต้องรู้วิธีและท าให้ถูกต้อง อุบะชนิดใดเช้าเป็นวงเข้าเป็นชั้น หรือเข้าเป็นคู่ เมื่อ
เช้าเป็นพวงแล้วปลายตุ้มล่างสุดต้องเสมอกัน ไม่เขย่ง
วัสดุอุปกรณ์ในการร้อยอุบะ
1. ดอกหุ้ม ใช้จ าปี จ าปา บานไม่รู้โรย ชบาหนู ดอกข่ากุหลาบ ดอกข่ามะลี หรือดอกไม้อื่น ๆ ที่น ามา
ประดิษฐ์ในรูปทรงของดอกข่า
2. ดอกครอบ หรือหมวก หรือกลีบเลี้ยง ถ้าออกตุ้มที่ใช้เป็นดอกไม้ที่มีกลีบเลี้ยงโดยธรรมชาติอยู่แล้วก็
ใช้ได้เลย เช่น ชบา แต่ถ้าใช้ออกอื่นที่ไม่มีกลีบเลี้ยง ควรใช้กลีบเลี้ยงที่มีขนาดเหมาะสมกับชนิดของดอกตุ้มที่ใช้
ุ้
้
ไม่ควรใหญ่จนมองเห็นดอกตมไม่ชัดเจน ดอกครอบนี้ยังช่วยปิดรอยเย็บที่ไม่เรียบร้อยที่ขั้วดอกข่าอีกดวย
๓. ดอกสวม ควรใช้ดอกรัก มะลิ ขจร พุด บานไม่รู้โรย ฯลฯ ควรเลือกดอกสวมตามล าดับใหญ่ชั้นไปเล็ก
หรือที่เรียกว่าเรียงเถา โดยคัดเลือกขนาดดอกตามล าดับ แล้ววางเรียงเป็นแถวไว้ก่อน เมื่อถึงเวลาร้อยก็หยิบมา
ร้อยเป็นชุด ๆ ได้เลย
ั
4. เข็มร้อยอุบะ ใช้เข็มมืออย่างยาวเบอร์ 8-9 หรืออาจตดครึ่งเข็มมาลัยน าไปฝนให้แหลม
5. ด้ายร้อยอุบะ ใช้ด้ายเบอร์ 60
6. อุปกรณ์อื่น ๆ เช่น มีด กรรไกร กระบอกฉีดน้ า ถาด กะละมัง ผ้าขาวบ
ชนิดของอุบะ
1. อุบะชาเดียว หรือตั้งตั้ง
2. อุบะแขก หรือนวงเต่ารั้ง หรือพวงเต่าร้าง
3. อุบะพ ู่
4. อุบะ ไทยธรรมดา
5. อุบะไทยทรงเครื่อง
6. อุบะแตระ หรือสร้อยสน
ลักษณะของอุบะชนิดต่าง ๆ และวิธีการท า
1. อุบะขาเดียว หรือ ตุ้งติ้ง มีลักษณะเป็นขาเดียวหรือสายเดียว ประกอบด้วย ดอกตุ้ม
1 ดอก ดอกครอบ 1 ดอก และดอกสวมจ านวนตามต้องการ ขึ้นอยู่กับความเหมาะสมและ
สวยงาม ตุ้งติ้งใช้ผูกตามชายเฟื่อง ระบายระย้าใช้ผูกเป็นชายมาลัยตุ้มเล็ก ๆ ส าหรับเป็นของ
ช าร่วยใช้ตกแต่งดอกไม้สดอื่น ๆ เพื่อความสวยงามยิ่งขึ้น และเป็นส่วนประกอบของอุบะชนิดอื่น
มีวิธีการท าดังนี้
1.1 แทงปลายเข็มในซอกกลีบของดอกตู้ม ให้ทะลุขึ้นไปยังชั่วของก้านดอกตู้ม
เพื่อซ่อนปมด้าย
อุบะชาเดียว หรือ 1.2 ร้อยดอกครอบ หรือหมวก หรือกลีบเลี้ยง 1 ดอก
1.3 ร้อยต่อด้วยดอกสวม เรียงเป็นเถาจากดอกใหญ่ไปหาดอกเล็กตามล าดับ จ านวน
ตุ้งติ้ง
ตามความเหมาะสมกับงานที่จะใช้
2. อุบะแขก หรือพวงเต่ารั้ง หรือพวงเต่าร้าง มีลักษณะเป็นพวง ประกอบด้วยอุบะขา
เดียวหลาย ๆ เส้น ปลายดอกหุ้มเท่ากันและเสมอกันทั้งพวง ใช้ผูกเป็นชายมาลัยชายเดียวมาลัย
คล้องคอ มาลัยตุ้ม มุมคลุมไตร มุมหยักเฟื่อง มุมโครงเครื่องแขวน ตกแต่งนวงกลางแต่
ผ้าเช็ดหน้า หรือใช้เป็นของช าร่วย
มีวิธีการท าดังนี้
2.1 ร้อยอุบะขาเดียวให้ได้จ านวนที่ต้องการและความเหมาะสมของชิ้นงาน
ซึ่งอุบะแต่ละชาต้องมีความยาวเท่ากัน
2.2 จัดอุบะเข้าพวง โดยใช้มือซ้ายจับตุ้งติ้งไว้ขาหนึ่งเป็นหลักก่อน ใช้มือขวา
หยิบมาเพิ่มอีกทีละขาอย่างเป็นระเบียบ จัดวางให้ปลายดอกตุ้มเสมอกันทุกขา
อุบะแขก
ถ้าขาใดไม่เท่ากันต้องจัดแต่งให้เสมอกัน
3. อุบะพู่ อุบะผู้มีลักษณะเป็นนวงปลายเล็กลงตามล าดับ คล้ายพู่เรือสุพรรณหงส์
ดอกตุ้มต่างระดับกันเป็นชั้น ๆ 2-3 หรือ 4 ชั้น แต่ละชั้นจะมีจ านวนที่ขาก็ได้แล้วแต่ความงาม
มักใช้เป็นชายมาลัยคล้องมือ หรือชายมาลัยคล้องคอ ใช้แขวนตรงกลางของนวงกลาง มุมคลุมไตร
มีวิธีการท าดังนี้
3.1 ร้อยอุบะขาเดียว หรือตงติ้งขนาดสั้นยาวต่างกันในแต่ละชั้น สั้น-ยาวเท่ากับช่วง
ุ้
ของดอกตุ้ม ขนาดยาวที่สุด 1 ขา ขนาดที่ 2 มี 4-5 ขา และขนาดสั้นที่สุด 8-9 ขา
(ในกรณีที่เป็นอุบะพู่สามชั้น)
อุบะพู่ 3.2 เรียงอุบะทีละชั้นและผูกให้ให้แน่นเป็นชั้น ๆ การเข้าพวงอุบะพู่ในแต่ละชั้น
ควรให้ปลายดอกตุ้มเสมอกันทุกเส้นตลอดชั้น ส่วนความห่างของปลายดอกตุ้มในแต่ละ
ชั้นนั้นแล้วแต่ความเหมาะสม ถ้าเป็นอุบะนวงเล็ก ความห่างก็ไม่ควรห่างมากนัก แต่ถ้า
เป็นอุบะปูพวงใหญ่ ความห่างก็ควรจะเพิ่มขึ้นตามความเหมาะสมด้วย
4. อุบะไทยรรรมดา มีลักษณะเป็นเส้นเดียวที่ขั้วของนวง แล้วแยกกระจายเป็น 2-2 หรือ
3-3 ที่ปลายพวง อุบะแบบนี้ใช้ส าหรับแขวนประดับตามส่วนที่เป็นมุมแหลมของงานดอกไม้สด เช่น
เครื่องแขวน มุมคลุมไตร กระเช้าแขวน แต่งผ้าเช็ดหน้าเป็นของช าร่วย หรือจะใช้ห้อยชายมาลัยเปีย
มาลัยตุ้ม มาลัยสองชาย
มีวิธีการท าดังนี้
4.1 ร้อยตุ้งติ้ง แล้วน ามาผูกรวมกัน 2 หรือ 3 ขา เป็นหนึ่งพวงผูกให้แน่น แล้วร้อยดอก
สวมจ านวนเท่าใดก็ได้ (มักจะใช้ดอกสวมเท่ากับดอกสวมของตุ้งติ้ง)
อุบะไทยรรรมดา
4.2 ร้อยอุบะเหมือนข้อ 1 อีก 1 พวง แล้วชาน ามาผูกให้แน่น จากนั้นร้อยต่อด้วยดอกสวม
ไม่มีก าหนดแน่นอน ขึ้นอยู่กับขนาดความต้องการของงานอุบะไทยธรรมดา
๕. อุบะไทยทรงเครื่อง มีลักษณะคล้ายอุบะไทยธรรมดา ต่างกันตรงที่เมื่อรวมขาตุ้งตงเป็น
ิ้
พวงแทนที่จะร้อยดอกสวมโดยทันที ก็จะต้องร้อยดอกตุ้มก่อนที่จะร้อยดอกสวม
ุ
อุบะ ไทยทรงเครื่อง ที่ใช้ในจุดเดียวกันอบะ ไทยมรรมดา เช่น ประดับตามส่วนของมุม
แหลมของเครื่องแขวน ห้อยชายมาลัย
มีวิธีการท าดังนี้
5.1 ร้อยตุ้งติ้ง แล้วน ามาผูกรวมกัน 2-3 ขา ผูกให้แน่น
5.2 ร้อยต่อด้วยดอกตุ้มและดอกสวมตามล าดับ
อุบะไทยทรงเครื่อง
5.3 ถ้าต้องการมวงใหญ่ ก็ร้อยเช่นเดียวกับข้อ 1 และ 2 ให้ได้จ านวนตามต้องการและ
เหมาะสม แล้วร้อยดอกตุ้ม 1 ดอก ดอกครอบ 1 ดอก และดอกสวมตามจ านวนที่ต้องการ
จ านวนขาและดอกสวมไม่จ ากัดจ านวน ขึ้นอยู่กับขนาดและรูปทรงที่ต้องการ
6. อุบะแตระ หรืออุบะสร้อยสน เป็นอุบะที่มีลักษณะแปลกออกไปจากอุบะชนิดอื่น ๆ ท า
จากดอกจ าปีล้วน ๆ ในปัจจุบันมีที่ใช้น้อย เพราะมีข้อเสียตรงที่บอบช้ าและเหี่ยวได้ง่าย ในสมัยก่อน
มักใช้ประดับมาลัยตุ้มหรือมาลัยที่แขวนอยู่ตามที่ต่าง ๆ ของห้อง
มีวิธีการท าดังนี้
6.1 เลือกดอกจ าปาที่งามที่สุดไว้ 1 ดอก ขลิบเกสรออก แล้วเจาะที่ปลายกลีบ
6.2 ตัดดอกจ าปาที่มีกลีบงาม ๆ 4-5 ดอก มาปลิดกลีบเตรียมไว้ แล้วคัดขนาดให้กลีบ
อุบะแตระ หรือ เท่ากันในแต่ละชั้น
อุบะสร้อยสน 6.3 เลือกกลีบดอกที่จะคล้องในชั้นที่ 1 จ านวน เท่ากับกลีบดอกที่เจาะไว้ในข้อที่ 6. 1 ใช้
มีดคม ๆ ผ่าครึ่งกลีบตั้งแต่เกือบสุดโคนมายังปลายกลีบดอกให้แยกออกจากกันและเจาะที่
ปลายกลีบทั้งสอง
6.4 น าไปแช่ในน้ าที่ผสมน้ ามะนาว เพื่อให้กลีบแข็งและไม่ด า แล้วน าไปคล้องที่กลีบดอก
แรกในข้อ 6.1 ท าชั้นในสุดไล่เรียงออกมาชั้นนอก
6.5 น ากลีบจ าปามาท าเช่นเดียวกับข้อ 3 – 4 โดยเพิ่มจ านวนขึ้นตามล าดับ น าไปคล้อง
ชั้นที่ 3 และ 4 ตามล าดับ เพื่อให้ได้ขนาดที่ต้องการ เมื่อถึงชั้นสุดท้ายไปต้องเจาะกลีบ
เพราะไม่ต้องคล้องอีกแล้ว
6.6 ใช้เข็มแทงที่ซอกกลีบแรกไปยังขั้วก้านดอกใช้ดอกมะลิท าเป็นดอกสวม
มาลัยซีก
มาลัยซีก หมายถึงมาลัยที่มองรูปทรงหน้าตัดตามขวางได้รูปครึ่งวงกลม มีขนาดต่างๆ ขนาดใหญ่สุด เส้น
ผ่านศูนย์กลางประมาณ ๓.๕ เซนติเมตร หรือ ๑ ๑/๒ นิ้ว มักจะร้อย ๕ - ๕ (๙ หลัก) หรือร้อย ๔ - ๓ (๗ หลัก)
ขนาดกลางมีเส้นผ่านศูนย์กลาง ๓ เซนติเมตร หรือ ๑ ๑/๔ นิ้ว ร้อย ๔ - ๓ (๓ หลัก) ขนาดเล็กมีเส้นผ่าน
ศูนย์กลาง ๒ - ๒.๕ เซนติเมตร หรือ 7 - 9 นิ้ว ร้อย ๔ - ๓ หรือ ๓ - ๒ (๕ หลัก) ใช้รัดปิดปมรอยต่อหรือรัด
ตกแต่งให้มีความสวยงามเพิ่มรูปทรงลวดลายขึ้น
ร้อย ๓ - ๒ (๕ หลัก) ร้อย ๔ - ๓ (๗ หลัก)
ร้อย ๕ - ๔ (๙ หลัก)
ี้
มาลัยเส ยว โบราณเรียก เกี้ยว คือมาลัยที่มีรูปทรงหน้าตัดตามขวางได้น้อยกว่าครึ่งวงกลม ประมาณ
เสี้ยวหนึ่งของวงกลม หรือมากกว่าเล็กน้อย ใช้รัดในที่เล็กๆ เป็นซอกแคบๆ มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ
๑.๕ - ๒ เซนติเมตร หรือ ๑/๒ - ๓/๔ นิ้ว ร้อย ๓ - ๒ (๕ หลัก) หรือ ๒ - ๑ (๓ หลัก)
ค าว่า เกี้ยว ยังมีความหมายอีกคล้ายอย่างภาษาอีสาน หมายถึง รัด โอบรัด วนรอบ (แล้วมัด) พาด
คล้อง ดังนั้นบางท่านก็เรียกมาลัยซีกว่า เกี้ยว ด้วยก็มี ถ้าน ามารักมุ่นมวยผมหรือรัดเกล้าผมมวย จะเรียกว่า
เกี้ยวเกล้า รัดเกล้า
ร้อย ๒ - ๑ (๓ หลัก) ร้อย ๓ - ๒ (๕ หลัก)
แผนผังมาลัยซีก ๓ หลัก (มาลัยซีก ๒-๑) แผนผังมาลัยซีก ๕ หลัก (มาลัยซีก ๓-๒)
จ านวนแถว
แถวที่ 1๒ แถวที่ 1๒
แถวที่ 1๑ แถวที่ 1๑
แถวที่ 1๐ แถวที่ 1๐
แถวที่ ๙ แถวที่ ๙
แถวที่ ๘ แถวที่ ๘
แถวที่ ๗ แถวที่ ๗
แถวที่ ๖ แถวที่ ๖
แถวที่ ๕ แถวที่ ๕
แถวที่ ๔ แถวที่ ๔
แถวที่ ๓ แถวที่ ๓
แถวที่ ๒ แถวที่ ๒
แถวที่ 1 แถวที่ 1
กลีบท 2 1 กลีบท 1 2 3
ี่
ี่
* อ่านจากแถวที่ ๑ ข้างล่างขึ้นข้างบน
* อ่านแต่ละแถวจากซ้ายไปกวา
วิธีการร้อยมาลัยซีก ๓ หลัก
๑. แถวที่ 1 กุหลาบ ๒ กลีบ เรียงจากซ้ายไปขวา ร้อยเรียงต่อกันใน
ลักษณะที่ไม่เกินครึ่งวงกลม
๒. แถวที่ 2 กุหลาบ ๑ กลีบ ร้อยเรียงต่อกัน สับหว่างแถวที่ 1
๓. แถวที่ 3, 5, 7, 9 ร้อยตรงกับแถวที่ 1
๔. แถวที่ 4, 6, 8, 10, ๑๑, ๑๒ ร้อยตรงกับแถวที่ 2
วิธีการร้อยมาลัยซีก ๕ หลัก
๑. แถวที่ 1 กุหลาบ 3 กลีบ เรียงจากซ้ายไปขวา ร้อยเรียงต่อกันใน
ลักษณะที่ไม่เกินครึ่งวงกลม
๒. แถวที่ 2 กุหลาบ 2 กลีบ ร้อยเรียงต่อกัน สับหว่างแถวที่ 1
๓. แถวที่ 3, 5, 7, 9 ร้อยตรงกับแถวที่ 1
๔. แถวที่ 4, 6, 8, 10, ๑๑, ๑๒ ร้อยตรงกับแถวที่ 2
แผนผังมาลัยซีก ๗ หลัก (มาลัยซีก ๔-๓) แผนผังมาลัยซีก ๙ หลัก (มาลัยซีก ๕-๔)
จ านวนแถว จ านวนแถว
แถวที่ 1๒ แถวที่ 1๒
แถวที่ 1๑ แถวที่ 1๑
แถวที่ 1๐ แถวที่ 1๐
แถวที่ ๙ แถวที่ ๙
แถวที่ ๘ แถวที่ ๘
แถวที่ ๗ แถวที่ ๗
แถวที่ ๖ แถวที่ ๖
แถวที่ ๕ แถวท ๕
ี่
แถวที่ ๔ แถวที่ ๔
แถวที่ ๓ แถวที่ ๓
แถวที่ ๒ แถวที่ ๒
แถวที่ 1 แถวที่ 1
ี่
กลีบท 1 2 3 4 กลีบท 1 2 3 4 5
ี่
* อ่านจากแถวที่ ๑ ข้างล่างขึ้นข้างบน
* อ่านแต่ละแถวจากซ้ายไปกวา
วิธีการร้อยมาลัยซีก ๗ หลัก
๑. แถวที่ 1 กุหลาบ ๔ กลีบ เรียงจากซ้ายไปขวา ร้อยเรียงต่อกันในลักษณะที่
ไม่เกินครึ่งวงกลม
๒. แถวที่ 2 กุหลาบ ๓ กลีบ ร้อยเรียงต่อกัน สับหว่างแถวที่ 1
๓. แถวที่ 3, 5, 7, 9 ร้อยตรงกับแถวที่ 1
๔. แถวที่ 4, 6, 8, 10, ๑๑, ๑๒ ร้อยตรงกับแถวที่ 2
วิธีการร้อยมาลัยซีก ๙ หลัก
๑. แถวที่ 1 กุหลาบ ๕ กลีบ เรียงจากซ้ายไปขวา ร้อยเรียงต่อกันใน
ลักษณะที่ไม่เกินครึ่งวงกลม
๒. แถวที่ 2 กุหลาบ ๔ กลีบ ร้อยเรียงต่อกัน สับหว่างแถวที่ 1
๓. แถวที่ 3, 5, 7, 9 ร้อยตรงกับแถวที่ 1
๔. แถวที่ 4, 6, 8, 10, ๑๑, ๑๒ ร้อยตรงกับแถวที่ 2
ลักษณะของมาลัย
มาลัยซีก หรือเลี้ยว มีลักษณะเป็นมาลัยที่ร้อยวนไม่เต็มเข็ม คือร้อยเพียงครึ่ง เดียว ไม่วนมาจรดกันจน
เต็มรอบ มีอีกชื่อหนึ่งว่า เกี้ยว เพราะสมัยโบราณนิยมร้อยสวมจุกผม ของเด็กแทนเกี้ยวรัดผม ส่วนค าว่า มาลัย
เสี้ยว ใช้เรียกมาลัยซีกที่มีขนาดเล็กที่สุด
มาลัยซีกที่ใช้ร้อยในสมัยโบราณ มี 3 ชนิด คือ
1. มาลัยซีก 7 หลัก เรียกว่า 4-3 หมายถึงแถวแรกหรือแถวคี่ ร้อย 4 หลัก แถวที่ 2 หรือแถวคู่ ร้อย 3
หลัก สลับกันไป
2. มาลัยซีก 5 หลัก เรียกว่า 3-2 หมายถึงแถวแรกหรือแถวคี่ ร้อย 3 หลัก แถวที่ 2 หรือแถวคู่ ร้อย 2
หลัก สลับกันไป
3. มาลัยซีก 3 หลัก เรียกว่า 2-1 หมายถึงแถวแรกหรือแถวคี่ร้อย 2 หลัก แถวที่ 2 หรือแถวคู่ ร้อย 1
หลัก สลับกันไป
ในปัจจุบัน มีการร้อยมาลัยซีก 9 หลัก หรือมาลัย 5-4 และมาลัยซีก 11 หลัก เรียกว่า 6-5 ซึ่งเป็น
มาลัยซีกที่ใหญ่ที่สุด
มาลัยซีกสามารถร้อยได้ทั้งแบบที่มีลายและไม่มีลาย ดอกไม้ที่นิยมน ามาร้อยมาลัย ศึก โดยทั่ว ๆ ไป
ได้แก่ กุหลาบ มุด กลีบดอกรัก แกนกลางดอกรัก เปลือกดอกรัก และ มะลิ ส่วนไส้มาลัยซีกหรือส่วนที่เป็นลาย
ของมาลัยซิกนั้น นิยมใช้ดอกกระเส็ง ดอกผกากรองตูม และ ใบไม้ต่าง ๆ ที่ใช้ในการร้อยมาลัย
หลักส าคัญของการร้อยมาลัยซีก
1. การร้อยมาลัยซีก จะต้องเริ่มต้นร้อยจ านวนกลีบมาก และจบการร้อยด้วย จ านวนกลับน้อยเสมอ
เช่น มาลัย 5 หลัก คือ 3-2 ก็จะต้องขึ้นต้นแถวแรก 3 กลีบ แถวที่ 2 2 กลีบ และจบลงด้วยแถว 2 กลีบ
2. ในแต่ละแถวจะต้องร้อยให้กลีบสับหว่างกันเสมอ
3. พยายามเลือกกลีบให้เท่ากัน เวลาร้อยจะต้องส่งกลีบให้เท่ากัน และในทุกแถวจะต้องตรงกันด้วย
แถว 3.5.7 ซึ่งเป็นแถว จะต้องร้อยให้ตรงกับแถวที่ 1 ส่วนแถวที่ 4, 6, 8 ซึ่งเป็นแถวคู่ จะต้องร้อยให้ตรงกับ
แถวที่ 2 และจะต้องร้อยสลับกันเช่นนี้จนได้ความยาวตามความต้องการ
มาลัยกลม
มาลัยกลม หมายถึง มาลัยที่ใช้ร้อยให้มีลักษณะรูปทรงตามขวางเป็นวงกลม และรูปร่างตามยาวตรงและ
ขนานกันไปตลอดเข็ม นิยมร้อยตั้งแต่ขนาด 6 กลีบชิ้นไปจนถึง 12 กลีบหรือมากกว่านี้ก็ได้ แล้วแต่ชนิดของ
ดอกไม้ ถ้าดอกเล็ก กลีบเล็ก ก็ใช้จ านวนกลีบมาก ถ้าเป็นดอกใหญ่ กลีบใหญ่ ก็ใช้จ านวนน้อย
มาลัยกลม นิยมร้อยทั้งแบบที่มีลวดลายและไม่มีลวดลาย ลวดลายที่ใช้ในการร้อยมาลัยกลม ได้แก่
ลายคตกริช ลายตาประชุมและลายประกอบ โดยจะร้อยดอกพุด กลีบกุหลาบเป็นพื้น แล้วใช้ดอกไม้ ใบไม้ที่มีสี
สด ๆ มาร้อยเป็นลวดลายท าให้เกิดความโดดเด่น
หลักส าคัญของการร้อยมาลัยกลม
1. คัดเลือกกลีบดอกไม้หรือดอกไม้ที่จะร้อยให้มีขนาดเท่ากัน และจะต้องวัดดอกทุกครั้งก่อนแทงใส่เข็ม
ทั้งนี้เพื่อให้มาลัยที่ร้อยมีสัดส่วนและรูปทรงที่สวยงาม
2. ร้อยแถวแรกให้เป็นวงกลม จักระยะห่างแต่ละกลีบให้เท่ากัน โดยเริ่มร้อยกลีบแรกจากซ้ายวนไป
ทางขวา จนครบจ านวนที่ต้องการ
3. ร้อยแถวที่ 2 โดยวางกลีบให้สับหว่างกับกลีบดอกไม้ในแถวแรกทุกครั้งครบจ านวน ซึ่งจะเท่ากันกับ
แถวที่ 1 เสมอ หากแถวใดจ านวนกลีบลดน้อยลงหรือเพิ่มขึ้น แสดงว่าร้อยสับหว่างผิด
4. มาลัยกลมแบบไม่มีลาย ร้อยเรียงวนโดยรอบเข็ม จัดระยะห่างให้เท่ากันเมื่อร้อยแถวที่ 1 ครบแล้ว
เริ่มร้อยแถวที่ 2 โดยกลีบแรกของแถวที่ 2 จะต้องสับหว่างระหว่างกลีบที่ 1 และที่ 2 เสมอ และกลีบต่อ ๆ ไปก็
ร้อยให้สับหว่างเช่นกันทุกแถว
5. มาลัยกลม ลายด้านเดียวจะขึ้นกี่กลีบก็ได้ แต่ถ้าเป็นมาลัยที่มีลายสองข้างจะต้องชิ้นจ านวนกลีบคู่
เสมอ ส่วนมากนิยมชั้น 8 กลีบ หรือ 10 กลีบ หรือมากกว่านั้น การร้อยก็เรียงวนโดยรอบเข็มเช่นกัน พอถึง
ลวดลายก็ร้อยกลีบที่มีสีต่างไปจากสีพื้นที่ร้อยอยู่เดิม
ประโยชน์ของมาลัยกลม
1. ใช้เป็นมาลัยสองชาย หรือมาลัยคล้องคอ
2. ใช้เป็นมาลัยคล้องมือ มาลัยช าร่วย
3. ใช้ท าเป็นมาลัยหัวเรือ แขวนรถ
4. ใช้เป็นส่วนประกอบ หรือตกแต่งการประดิษฐ์ดอกไม้สดประเภทต่าง ๆ
แผนผังมาลัยกลมกลีบรัก ๖ หลัก
จ านวนแถว
แถวที่ 1๐
แถวที่ ๙
แถวที่ ๘
แถวที่ ๗
แถวที่ ๖
แถวที่ ๕
แถวที่ ๔
แถวที่ ๓
แถวที่ ๒
แถวที่ 1
จ านวนกลีบ 6 5 4 3 2 1
วิธีร้อยมาลัยกลม
แถวที่ 1 ดอก 6 โดยรอบเข็มจัดระยะห่างแต่ละดอกให้เท่ากัน
แถวที่ 2 ดอก 6 (ดอกแรกอยู่ระหว่างกลีบที่ 1 และกลีบที่ ๒ ของแถวที่ 1 ดอกต่อ ๆ ไปก็สับ
หว่างกับดอกในแถวที่ 1 ทุกดอกจนครบจ านวน 6 ดอกถ้าขาดหรือเกินกว่านี้แสดงว่าร้อยสับหว่างผิด )
แผนผังมาลัยกลม
จ านวนแถว
แถวที่ 1๐
แถวที่ ๙
แถวที่ ๘
แถวที่ ๗
แถวที่ ๖
แถวที่ ๕
แถวที่ ๔
แถวที่ ๓
แถวที่ ๒
แถวที่ 1
กลีบท 8 7 6 5 4 3 2 1
ี่
วิธีร้อยมาลัยกลม
๑. เริ่มต้นร้อยเช่นเดียวกับมาลัยซีก แต่ร้อยเรียงดอกให้ครบวงกลม ถ้าขนาดเล็กสุดร้อย ๕ - ๕ ขนาด
ใหญ่ขึ้น ๖ - ๖, ๗ - ๗, ๘ - ๘ ถ้าใช้ดอกพุด พุทธชาด อาจจะร้อย ๙ - ๙, ๑๐ - ๑๐, ๑๑ - ๑๑, ๑๒ - ๑๒ ขึ้นอยู่
กับขนาดดอกเรียงกันเกือบชิดดอก และก้านซ้อนทับกันไม่หนาจนเกินไป
๒. ต้องร้อยจบด้วยชั้นที่สองเสมอ เมื่อเริ่มต้นร้อยเรียงชั้นที่หนึ่ง และร้อยสับหว่างด้วยชั้นที่สอง ร้อยชั้น
ที่หนึ่งและสองสับหว่างกันไปจนยาวพอต้องการแล้วจบการร้อยด้วยชั้นที่สองเสมอ เพื่อส าหรับให้ออก (กลีบ)
สวมสับหว่างกันเมื่อผูกต่อกันเป็นวง (เป็นพวง)
๓. ขนาดของพวงมาลัยปกติจะต้องร้อยมาลัยสี่เข็ม แต่ละเข็มยาว 6 นิ้ว รูดต่อกันเป็นวงรวมอุบะแล้วได้
ความยาว ๑๔ - ๑๖ นิ้ว เมื่อรูดมาลัยออกมาใส่ด้ายหรือเชือกฟางแล้ว ความยาวจะเหลือสั้นกว่าเดิมเล็กน้อย
ถ้าพวงมาลัยขนาดเล็กลงก็ใช้ความยาวสั้นลงกว่านี้
มาลัยกลมกลีบดอกรัก
มาลัยกลมกลีบดอกรัก นิยมน ามาแต่งตัวเป็นมาลัยลูกโซ่ ส าหรับคล้องคอ หรือท ามาลัยคล้องมือ
วิธีการร้อย
1. น าดอกรักมาผ่าออกเป็นกลีบ ๆ หนึ่งดอกจะได้ 5 กลีบ โดยตัดแกนในของดอกออกจะได้กลีบดอกรัก
ดังภาพ แกนในของดอกรักที่ตัดออกนั้น สามารถน าไปร้อยมาลัยสึกได้ดอกรักที่จะน ามาร้อยมาลัยนี้ ควรใช้ดอก
รักแก้ว เพราะมีขนาดใหญ่ และไม่มีจุดด า ๆ ที่กลีบดอก
2. ตัดปลายกลีบนิดหน่อยแล้วแทงเข็มตรงส่วนที่กระนั่งโค้งใหญ่ที่สุด ให้ส่วนโค้งเข้าหาตัวผู้ร้อย แถวละ
5 กลีบเว้นระยะห่างโดยรอบทุกกลีบเท่ากัน
3. ร้อยแถวที่ 2 วางกลับให้สับหว่างกับ แถวที่ 1 ส่งปลายกลีบให้เท่ากันทุกกลีบ ทุกแถว และต้องร้อย
ให้ไปทางเดียวกันทุกกลีบ
แผนผังมาลัยกลมลายเกลียวคู่
จ านวนแถว
แถวที่ 1๐
แถวที่ ๙
แถวที่ ๘
แถวที่ ๗
แถวที่ ๖
แถวที่ ๕
แถวที่ ๔
แถวที่ ๓
แถวที่ ๒
แถวที่ 1
ี่
กลีบท 8 7 6 5 4 3 2 1
มาลัยกลมลายเกลียวคู่
มาลัยกลมลายเกลียว มักเรียกกันสั้นๆ ว่ามาลัยเกลียว มีหลักการและวิธีการร้อยเช่นเดียวกันกับ
มาลัยกลม ต่างกันเฉพาะสอดสีสลับไป