บริษัท เจเทคโตะ ออโตโมทฟี (ไทยแลนด์) จำกดั
คู่มือความปลอดภัย
ในการทางาน
(SAFETY MANUAL)
คำนำ
จากกฎกระทรวงกาหนดมาตรฐานในการบรหิ ารและการจัดการด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย
และสภาพแวดล้อมในการทางาน พ.ศ.2549 หมวดที่ 1 ข้อ3 ระบุวา่ ให้นายจ้างจัดให้มีข้อบังคับและคมู่ ือว่า
ด้วยความปลอดภยั ในการทางานไวใ้ นสถานประกอบกิจการ ซ่ึงข้อบังคับว่าด้วยความปลอดภยั ในการทางาน
อย่างน้อยต้องกาหนดขั้นตอนและวิธกี ารปฏิบัติงานที่ปลอดภยั เพ่ือควบคุมมิให้มีการกระทาที่อาจก่อให้เกิด
ความไม่ปลอดภัยในการทางาน
ทั้งนี้บรษิ ัท เจเทคโตะ ออโตโมทีฟ(ไทยแลนด์) จากัด ได้ตระหนักถึงความสาคัญของความปลอดภัย
ในการทางานของพนักงานเป็นอย่างย่ิง จึงได้จัดทาคู่มือความปลอดภยั ในการทางานของพนักงานเล่มน้ีข้ึน
เพื่อเป็นแนวทางในการปฏบิ ัติงานให้เกิดความปลอดภยั และเพื่อให้พนักงานได้เข้าใจถึงความสาคัญของ
ความปลอดภัยในการทางานมากย่ิงขึ้น
บรษิ ัท เจเทคโตะ ออโตโมทฟี (ไทยแลนด)์ จำกัด
คมู่ อื ความปลอดภยั ในการทางาน2
สำรบญั
หัวข้อ หน้ำ
หมวดท่ี 1 ควำมรู้เบ้ืองต้นเกยี่ วกบั ควำมปลอดภัย อำชีวอนำมยั และสภำพแวดล้อมในกำรทำงำน 7
8
1. นโยบายความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทางาน 9
1.1 วัฒนธรรมความปลอดภัยของชาวเจเทคโตะ 10
1.2 ข้อปฏิบตั คิ วามปลอดภยั ในการทางาน 11
12
2. คาจากดั ความที่เกย่ี วข้อง 14
3. การแบง่ ระดบั ความรุนแรงและการแบง่ ประเภทอันตราย 14
4. สาเหตกุ ารเกดิ อุบตั เิ หตุ 15
5. สัดสว่ นของอุบตั เิ หตุ 16
6. ผลกระทบของอุบตั เิ หตุ 18
7. การรายงานอุบัตเิ หตุ 19
8. การเจ็บปว่ ยจากสภาพแวดลอ้ มการทางาน 22
9. โรคจากการทางาน 22
24
9.1 ห้องพยาบาล
9.2 การปฐมพยาบาลเบอ้ื งตน้
10. การควบคมุ และการปอ้ งกนั อันตราย
11. ความร่วมมือและการสง่ เสริมสขุ ภาพ
หมวดที่ 2 กฎหมำยควำมปลอดภยั อำชวี อนำมัย และสภำพแวดล้อมในกำรทำงำน
1. พระราชบญั ญัตคิ วามปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดลอ้ มในการทางาน พ.ศ.2554 27
2. กฎกระทรวงกาหนดมาตรฐานในการบรหิ ารและจัดการดา้ นความปลอดภัย อาชีวอนามยั และ 28
สภาพแวดลอ้ มในการทางาน พ.ศ.2549
3. กฎกระทรวง กาหนดมาตรฐานในการบริหารและการจัดการดา้ นความปลอดภยั อาชีวอนามัย 29
และสภาพแวดล้อมในการทางาน (ฉบับท่ี2) พ.ศ. 2553
4. กฎกระทรวงในการบรหิ ารและการจัดการดา้ นความปลอดภัย อาชีวอนามยั และสภาพแวดลอ้ ม 29
ในการทางานเก่ยี วกับเครื่องจักร ปัน้ จ่นั และหมอ้ น้า พ.ศ.2564
5. กฎกระทรวงกาหนดในการบรหิ ารจัดการและดาเนนิ การดา้ นความปลอดภยั อาชีวอนามยั 31
และสภาพแวดล้อมในการทางานเก่ยี วกบั การปอ้ งกันและระงับอัคคภี ยั พ.ศ. 2555
6. กฎกระทรวงกาหนดมาตรฐานในการบรหิ าร จัดการ และดาเนินการดา้ นความปลอดภยั 32
อาชีวอนามยั และสภาพแวดลอ้ มในการทางานเกย่ี วกบั ไฟฟ้า พ.ศ.2558
7. กฎกระทรวงกาหนดมาตรฐานในการบรหิ าร จัดการ และดาเนินการดา้ นความปลอดภัย 33
อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทางานเก่ียวกับความร้อน แสงสว่าง และเสียง พ.ศ. 2559
8. กฎกระทรวงกาหนดมาตรฐานในการบริหาร จัดการและดาเนนิ การดา้ นความปลอดภยั 38
อาชีวอนามัย และสภาพแวดลอ้ มในการทางานเกย่ี วกบั สารเคมอี นั ตราย พ.ศ. 2556
9. กฎกระทรวงกาหนดมาตรฐานในการบริหาร จัดการและดาเนนิ การดา้ นความปลอดภัย 40
อาชีวอนามยั และสภาพแวดลอ้ มในการทางานเกี่ยวกบั ที่อับอากาศ พ.ศ. 2562
10. กฎกระทรวงกาหนดอัตราน้าหนักท่ีนายจ้างใหล้ ูกจ้างทางานได้ พ.ศ.2547 41
11. ประกาศกรมสวัสดกิ ารและคมุ้ ครองแรงงาน เรื่อง หลกั เกณฑ์ วิธีการ และเง่ือนไขการฝึกอบรม 41
ผบู้ รหิ าร หวั หน้างาน และลูกจ้าง ดา้ นความปลอดภยั อาชีวอนามยั และสภาพแวดล้อมในการ
ทางาน พ.ศ.2555
12. ประกาศกรมสวัสดกิ ารและคมุ้ ครองแรงงานเรื่อง สัญลกั ษณเ์ ตอื นอนั ตราย เคร่ืองหมายเก่ยี วกบั 41
ความปลอดภยั อาชีวอนามยั และสภาพแวดล้อมในการทางาน และข้อความแสดงสทิ ธิและหนา้ ที่
ของนายจ้างและลูกจ้าง พ.ศ. 2554
คมู่ อื ความปลอดภยั ในการทางาน3
สำรบญั (ต่อ) หน้า
หัวข้อ 43
หมวดที่ 2 กฎหมำยควำมปลอดภยั อำชีวอนำมยั และสภำพแวดลอ้ มในกำรทำงำน (ตอ่ ) 44
13 กฎกระทรวงกาหนดมาตรฐานในการบริหารจัดการและดาเนนิ การดา้ นความปลอดภยั อาชีว 45
อนามัย และสภาพแวดล้อมในการทางาน ในสถานที่ท่ีมอี นั ตรายจากการตกจากท่ีสูงและท่ีลาดชัน
จากวัสดกุ ระเดน็ ตกหล่น และพังทลาย และจากการตกลงไปในภาชนะเก็บหรือรองรบั วัสดุ พ.ศ.2564 47
48
14 กฎกระทรวงกาหนดมาตรฐานในการบรหิ ารจัดการและดาเนินการดา้ นความปลอดภยั อาชีว 49
อนามยั และสภาพแวดล้อมในการทางานเกย่ี วกับงานก่อสรา้ ง พ.ศ. 2564 50
51
15 กฎกระทรวงกาหนดมาตรฐานในการบรหิ ารจัดการและดาเนินการดา้ นความปลอดภยั อาชีว 51
อนามัยและสภาพแวดลอ้ มในการทางานเก่ียวกบั น่งั ร้านและค้ายันพ.ศ. 2564 52
53
หมวดที่ 3 กฎกำรปฏิบัติงำนด้วยควำมปลอดภัย อำชวี อนำมัย และสภำพแวดล้อมในกำรทำงำน 53
54
1 กฎการใช้และการจัดเกบ็ สารเคมี/สารไวไฟ 55
2 กฎท่ัวไปสาหรบั การปฏิบตั งิ านท่ีสงู 55
3 กฎการใช้บันไดพับ 56
4 กฎการใช้น่งั ร้านหอเลอ่ื น 57
5 งานตดิ ตง้ั นั่งร้านแขวน และตาข่ายนริ ภยั 58
6 การปฏิบตั งิ านบนหลงั คา 58
7 กฎการปฏิบัตงิ านกบั รถกระเช้า 59
8 การปฏิบัตงิ านบนที่สงู รอบป้นั จนั่ เหนือศรี ษะ 60
9 การทางานเกยี่ วกบั ไฟฟ้าทั่วไป 61
10 กฎการใช้ปลกั๊ ตอ่ สายไฟแบบโรลและปลกั๊ พ่วง 62
11 กฎการใช้สว่านไฟฟ้า 64
12 กฎการทางานเชอ่ื มไฟฟ้า 65
13 กฎการตรวจสอบ ปรบั แก้ไข ระบบไฟฟ้าจากตคู้ วบคมุ 66
14 การใช้ Lock out (มาตรการป้องกันการทางานผดิ พลาดโดยบุคคลอื่น) 67
15 กฎการตรวจสอบ การซ่อมบารงุ เคร่ืองจักร
16 การปรบั แก้ไข ทดสอบการทางานเครื่องจักร
17 กฎและมาตรฐานท่ัวไปสาหรบั งานประกายไฟ
18 กฎการใช้เคร่ืองเจียรไฟฟ้าและเคร่ืองตดั ไฟเบอร์
19 กฎการทางานตดั -เชอื่ มดว้ ยแกส๊
20 กฎการทางานในที่อบั อากาศ
21 กฎและมาตรฐานทั่วไปในการเคลอ่ื นย้ายวัตถุหนกั
22 กฎงานยกโดยใช้สลิง
23 กฎการใช้ปั้นจน่ั ชนิดเคลอื่ นที่
24 กฎการทางานกบั รถยก
คมู่ ือความปลอดภยั ในการทางาน4
สำรบญั (ต่อ) หน้า
หัวข้อ 69
70
หมวดที่ 4 อืน่ ๆ 73
73
1. การวิเคราะหง์ านเพ่ือความปลอดภัย 75
2. ประเภทอุปกรณค์ มุ้ ครองความปลอดภัยส่วนบคุ คล (Personal Protective Equipment) 84
3. มาตรฐานสที ่อในโรงงานอตุ สาหกรรม 84
4. สัญลกั ษณ์ความปลอดภัย
5. มาตรฐานการกาหนดเสน้ และสีท่ีใช้ในโรงงาน 86
6. วิธีปฏิบัตเิ มอื่ เกดิ เหตฉุ ุกเฉิน 87
7. หมายเลขโทรศพั ท์ตดิ ตอ่ ฉุกเฉินเมอ่ื เกดิ เหตเุ พลิงไหม้ 87
88
หมวดที่ 5 กจิ กรรมส่งเสริมควำมปลอดภัย 94
1. กิจกรรมคน้ หาอนั ตราย (Kiken Yochi Training) 94
2. กจิ กรรมคน้ หาอันตรายและประเมนิ อนั ตราย (Completely Check Completely Find out)
3. กิจกรรมฮิยาริ ฮัทโตะ (Hiyari Hatto)
4. กจิ กรรมเดนิ ตรวจความปลอดภัย (Safety Patrol)
5 กิจกรรมขยายผลอบุ ตั เิ หตุ (Accident Yokoten)
6 กิจกรรมขับขป่ี ลอดภัย (Safety Driving)
คมู่ ือความปลอดภยั ในการทางาน5
หมวดที่ 1 ควำมรู้ท่ัวไปเกี่ยวกับควำมปลอดภัย อำชีวอนำมัย
และสภำพแวดล้อมในกำรทำงำน
คมู่ อื ความปลอดภยั ในการทางาน6
1. นโยบำยควำมปลอดภยั อำชวี อนำมัย และสภำพแวดล้อมในกำรทำงำน
1. มงุ่ มั่นในกำรขจดั อนั ตรำยและลดควำมเสีย่ งท่ีอาจก่อใหเ้ กดิ อบุ ัตเิ หตแุ ละการเจ็บปว่ ยจากการทางาน และพร้อมที่
จะปรบั ปรุง พัฒนาระบบการจัดการดา้ นความปลอดภยั อาชีวอนามัยและระบบการจัดการดา้ นสงิ่ แวดล้อมอย่าง
ตอ่ เน่อื ง
2. มงุ่ ม่นั ทจ่ี ะปฏิบตั ิให้สอดคล้องตำมพนั ธะสญั ญำ ขอ้ กำหนดกฎหมำย ข้อกาหนดอนื่ ที่องคก์ รเปน็ สมาชิกและ
ข้อกาหนดของลกู คา้
3. มุง่ มั่นและให้ควำมสำคัญในกำรให้คำปรึกษำและกำรมสี ่วนร่วมดา้ นความปลอดภยั อาชีวอนามัยและ
สภาพแวดลอ้ มในการทางานตอ่ พนกั งานทุกคน
4. ยกระดบั และพฒั นำพนักงำนทุกคนใหม้ คี วามรู้ ความเข้าใจและมีจิตสานึกที่ดใี นดา้ นความปลอดภัยและสงิ่ แวดลอ้ ม
5. มุง่ มั่นในเสริมสร้ำงสมรรถนะด้ำนสง่ิ แวดลอ้ มและดาเนนิ การรกั ษาสงิ่ แวดลอ้ ม ดว้ ยการประหยัดพลงั งาน การลด
การปลดปล่อยสง่ิ ปฏกิ ลู และการลดของเสยี ในกระบวนการผลิต โดยเน้นการป้องกนั ไม่ใหเ้ กดิ ผลกระทบหรอื มลพิษ
ตา่ งๆตอ่ สงิ่ แวดลอ้ มท่ีเกดิ จากบรษิ ทั และบริบทท่ีเก่ียวข้อง
6. สง่ เสริมและให้ควำมร่วมมือท่ีดใี นการทากจิ กรรมดา้ นความปลอดภยั และสงิ่ แวดลอ้ มกับชุมชนท้องถนิ่
7. นโยบายนจ้ี ะถูกสอื่ สารตอ่ ผทู้ ่ีเกีย่ วข้องและสาธารณชน
คมู่ อื ความปลอดภยั ในการทางาน7
1.1 วัฒนธรรมควำมปลอดภยั ขององค์กร
สแกนควิ อาร์โคด้ สาหรับศกึ ษาแนวทางปฏิบตั ติ ามวัฒนธรรมความปลอดภยั
คมู่ อื ความปลอดภยั ในการทางาน8
1.2 ขอ้ ปฏบิ ตั คิ วำมปลอดภัยในกำรทำงำน
คมู่ ือความปลอดภยั ในการทางาน9
2. คำจำกดั ควำมทีเ่ กยี่ วข้อง
ควำมปลอดภยั (Safety) คอื สภาพที่ปลอดภัยจากอุบตั ภิ ัยตา่ งๆ อันจะเกดิ แกร่ ่างกาย ชีวิต หรอื ทรพั ย์สินในขณะ
ที่ปฏิบัตงิ าน ซงึ่ ก็คอื สภาพการทางานท่ีถูกตอ้ งโดยปราศจาก "อุบตั เิ หตุ" ในการทางาน
อุบัติกำรณ์ (Incident) คอื เหตกุ ารณ์ที่เกิดขึน้ โดยไมค่ าดคดิ เปน็ เหตนุ าไปสกู่ ารเกิดอบุ ัตเิ หตุ (Accident) หรอื
เกอื บเกดิ อุบตั เิ หตุ (Near Miss)
เหตุกำรณเ์ กอื บเกดิ อบุ ัตเิ หตุ (Near Miss) คอื เหตกุ ารณ์ไมพ่ ึงประสงคเ์ มอ่ื เกดิ ขนึ้ แล้วมแี นวโน้มท่ีจะก่อใหเ้ กดิ
เปน็ อุบตั เิ หตุ หรือเกอื บไดร้ ับบาดเจ็บ เจ็บป่วย เสยี ชีวิต หรือความสญู เสยี ตอ่ ทรพั ย์สนิ สภาพแวดลอ้ มหรือสาธารณชน
อบุ ัตเิ หตุ (Accident) คอื เหตกุ ารณ์ไมพ่ ึงประสงค์ ที่อาจเกิดขึ้น โดยไม่ไดค้ าดคดิ ไว้ลว่ งหน้า หรอื ขาดการควบคมุ
แตเ่ มื่อเกดิ ขึน้ แล้วมีผลทาใหเ้ กิดการบาดเจ็บ เจ็บปว่ ย เสยี ชีวิตหรือความสูญเสยี ตอ่ ทรพั ย์สินสภาพแวดลอ้ มหรือ
สาธารณชน
คมู่ ือความปลอดภยั ในการทางาน10
3. กำรแบง่ ระดับควำมรุนแรงของอบุ ัตเิ หตแุ ละกำรแบ่งประเภทของอันตรำย
CASE A : อุบัตเิ หตถุ งึ ขน้ั หยดุ งาน
หมำยถงึ อุบัตเิ หตทุ ี่เกิดขึน้ ระหว่างการทางาน สง่ ผลให้พนักงานไดร้ บั บาดเจ็บรุนแรง ถึงขนั้ พิการ สญู เสียอวัยวะ
เสียชีวิต หรือหยุดงาน
CASE B : อบุ ัตเิ หตทุ ร่ี ับการรักษาในโรงพยาบาล
หมำยถงึ อบุ ัตเิ หตทุ ่ีเกดิ ขนึ้ ระหว่างการทางาน ท่ีสง่ ผลให้พนกั งานตอ้ งถูกนาส่งโรงพยาบาล แตไ่ ม่หยุดงาน
(สามารถกลบั เข้ามาทางานได)้
CASE C : อุบตั ิเหตทุ รี่ ับการปฐมพยาบาลเบอ้ื งตน้
หมำยถงึ อุบตั เิ หตทุ ่ีเกดิ ขนึ้ ระหว่างการทางาน ส่งผลให้พนักงานไดร้ บั บาดเจ็บเลก็ นอ้ ยและไปรกั ษาตวั ท่ีห้องพยาบาล
แล้วสามารถกลับเข้ามาทางานได้
CASE D : อบุ ัติเหตุที่ทาให้ทรพั ยส์ นิ ของบริษทั ฯเสียหาย
หมำยถงึ อุบตั เิ หตทุ ี่เกิดข้นึ ระหว่างการทางาน ไม่มกี ารบาดเจ็บ แตท่ าให้ทรัพย์สินบรษิ ัทฯ เสียหาย
CASE F : อุบตั เิ หตุเก่ยี วกบั ไฟ
หมำยถงึ อุบตั เิ หตทุ ี่เกิดข้นึ ระหว่างการทางาน ที่ก่อให้เกดิ ไฟไหม้
คมู่ อื ความปลอดภัยในการทางาน11
4. สำเหตกุ ำรเกดิ อุบัตเิ หตุ
จากผลการศกึ ษาวิจัยของ H.W. Heinrich ซงึ่ เปน็ บุคคลท่ีไดศ้ กึ ษาถึงสาเหตทุ ่ีก่อใหเ้ กดิ อุบตั เิ หตอุ ย่างจรงิ จังในโรงงาน
อุตสาหกรรมตา่ งๆ โดยสรุปสาเหตไุ ว้ดงั นี้
1.) กำรกระทำที่ไม่ปลอดภัย (Unsafe Acts) เป็นสาเหตใุ หญ่ที่กอ่ ให้เกดิ อุบัตเิ หตุ คดิ เป็นจานวน 85%
ของการเกิดอบุ ัตเิ หตทุ ั้งหมด ยกตวั อย่าง เช่น
(1) การทางานไม่ถูกวิธีหรอื ลดั ขั้นตอน
(2) การมที ัศนคตทิ ่ีไมถ่ ูกตอ้ ง เช่น อุบัตเิ หตเุ ป็นเร่ืองเคราะหก์ รรมแก้ไขป้องกนั ไม่ได้
(3) ความไมเ่ อาใจใสใ่ นการทางาน
(4) ความประมาท พลง้ั เผลอ เหม่อลอย
(5) การมนี ิสัยชอบเสย่ี ง
(6) การไมป่ ฏบิ ัตติ ามกฏระเบียบของความปลอดภยั ในการทางาน
(7) การทางานโดยไม่ใช้อปุ กรณ์ป้องกนั อันตรายส่วนบคุ คล (PPE)
(8) การแตง่ กายไม่เหมาะสม
(9) การถอดเครื่องกาบงั สว่ นอันตรายของเคร่ืองจักรออกหรอื ถอดเพ่ือซอ่ มแล้วไมใ่ ส่คนื
(10) การใช้เคร่ืองมือ/อุปกรณไ์ ม่เหมาะกบั งาน
(11) การหยอกลอ้ กนั ระหว่างทางาน
(12) การทางานโดยที่ร่างกายและจิตใจไมพ่ รอ้ มหรอื ผดิ ปกติ เช่น ไมส่ บาย,เมาคา้ ง,มีปญั หาครอบครวั เป็นตน้
รูปท่ี 5 ตวั อย่างการกระทาท่ีไมป่ ลอดภัย
คมู่ อื ความปลอดภัยในการทางาน12
2.) สำเหตจุ ำกสภำพกำรณ์ทไี่ ม่ปลอดภยั (Unsafe Condition) เป็นสำเหตรุ อง คดิ เปน็ จำนวน 15% เท่ำนน้ั
ยกตวั อย่าง เช่น
(1) เคร่ืองจักร เคร่ืองมอื อปุ กรณ์ชารดุ ขาดการซอ่ มแซมหรือบารุงรักษา
(2) การวางผังโรงงานไมถ่ ูกตอ้ ง
(3) ความไมเ่ ป็นระเบียบเรยี บรอ้ ยและสกปรกในการจัดเกบ็ วัสดสุ ง่ิ ของ
(4) สง่ิ แวดล้อมในการทางานไม่ดี เช่น แสงสว่างไมเ่ พียงพอ,การระบายอากาศไม่ดี,เสยี งดงั ,ฝนุ่ ละออง,ความร้อนสูง,
ไอระเหยของสารเคมี เปน็ ตน้
(5) ไมม่ ีการด์ ครอบป้องกันสว่ นท่ีเปน็ อันตรายของเคร่ืองจักร หรอื ส่วนที่เคลอ่ื นไหวตา่ งๆ เช่น เฟือง,โซ,่ พูลเลย์,
เพลาเกลยี ว
(6) ระบบไฟฟ้า หรอื อปุ กรณไ์ ฟฟ้าชารดุ บกพร่อง
รูปที่ 6 ตวั อย่างสภาพการณ์ที่ไม่ปลอดภยั (ปลอกหุ้มสายไฟขาดชารดุ )
คมู่ ือความปลอดภัยในการทางาน13
5. สัดส่วนของกำรเกดิ อบุ ัตเิ หตุ
จากสัดสว่ นของการเกดิ อบุ ตั เิ หตุ จะเห็นไดว้ ำ่ ก่อนท่จี ะเกิดอุบัตเิ หตุใดๆเกิดขึน มักเกิดเหตุกำรณ์ท่ีเกือบจะเป็นอุบัติเหตุ จำนวน
600 ครัง และมีกำรกระทำท่ีไม่ปลอดภัย กับสภำพท่ีไม่ปลอดภัย เป็นจำนวนมำก ดังนันถ้ำเรำสำมำรถลดกำรกระทำที่ไม่
ปลอดภัยและสภำพทไ่ี ม่ปลอดภัยกจ็ ะทำให้ลดกำรเกดิ เหตุกำรณเ์ กือบเป็นอุบตั เิ หตแุ ละลดสดั ส่วนกำรเกิดอุบตั เิ หตุได้
6. ผลกระทบของกำรเกดิ อุบตั เิ หตุ
แนวคดิ เก่ียวกับความสญู เสยี ท่ีเกิดข้ึนเมื่อเกิดอุบัตเิ หตุ เรยี กว่า ทฤษฎภี เู ขาน้าแข็ง (Iceberg Theory) โดย
เปรยี บเทียบความสูญเสียเหมือนก้อนน้าแข็งท่ีข้ัวโลก ที่มสี ว่ น ท่ีโผลเ่ หนือน้า และมีสว่ นท่ีจมอยใู่ ตผ้ วิ น้าเป็นอัตราส่วน
เหมอื นความสูญเสยี ทางออ้ มท่ีเกดิ ข้นึ ซงึ่ จากการศกึ ษาของเฮนริช พบว่าในการเกิดอุบตั เิ หตแุ ตล่ ะคร้ัง อัตราสว่ นโดย
ประมาณระหว่างคา่ ใช้จ่ายทางตรงและคา่ ใช้จ่ายทางอ้อม เปน็ 1 ตอ่ 4 ซงึ่ รายละเอียดของความสูญเสียทางตรงและ
ความสูญเสยี ทางอ้อมมีดงั นี้
รูปท่ี 7 ภเู ขำนำแขง็ แสดงควำมสูญเสียจำกกำรเกิดอุบัติเหตุ
รปู ท่ี 7 ภเู ขำนำแขง็ แสดงควำมสูญเสียจำกกำรเกิดอุบัติเหตุ
รปู ที่ 7 ภูเขำนำแขง็ แสดงควำมสญู เสียจำกกำรเกิดอบุ ัตเิ หตุ
รูปที่ 7 ภเู ขำนำแขง็ แสดงควำมสญู เสยี จำกกำรเกิดอุบัติเหตุ
1.) ควำมสญู เสยี ทำงตรง หมายถึง จานวนเงินท่ีตอ้ งจ่ายอันเก่ียวเน่อื งกบั ผทู้ ี่ไดร้ บั บาดเจ็บโดยตรงจากการเกดิ อบุ ตั เิ หตุ
ไดแ้ ก่ คา่ รักษาพยาบาล คา่ เงินทดแทน คา่ ทาขวัญ คา่ ทาศพ คา่ ประกันชีวิต
2.) ควำมสญู เสียทำงอ้อม หมายถึง คา่ ใช้จ่ายอนื่ ๆนอกเหนอื จากคา่ ใช้จ่ายทางตรงสาหรบั การเกดิ อุบัตเิ หตแุ ตล่ ะคร้ัง
ซงึ่ มักจะมีความสญู เสยี ที่มากกว่าความสญู เสยี ทางตรงเหมือนกับภูเขาท่ีจมอยใู่ ตน้ ้า `เช่น
1) การสูญเสียเวลาทางานของ
2) คา่ ใช้จ่ายในการซ่อมแซมเครื่องจักร เครื่องมือ อปุ กรณ์ที่ไดร้ บั ความเสียหาย
3) วัตถุดบิ หรือสินคา้ ที่ไดร้ ับความเสียหายตอ้ งท้ิง ทาลาย หรือขายท้ิง
4) ผลผลติ ลดลง เน่ืองจากกระบวนการผลิตขัดข้อง ตอ้ งหยุดชะงัก
5) คา่ สวัสดกิ ารตา่ ง ๆ ของผบู้ าดเจ็บ
คมู่ อื ความปลอดภยั ในการทางาน14
7. กำรรำยงำนอบุ ตั ิเหตุ
แผนผังข้ันตอนการรายงานและสอบสวนอบุ ัตกิ ารณ์
พนักงาน ผู้บงั คับบญั ชาหน่วยงาน เจ้าหน้าที่ความปลอดภยั ฝ่ ายบคุ คลและธุรการ OH&SMR
คมู่ ือความปลอดภยั ในการทางาน15
8. กำรเจบ็ ปว่ ยจำกสภำพแวดลอ้ มในกำรทำงำน
8.1 สภำพแวดล้อมในกำรทำงำนทเ่ี ป็นอันตรำยต่อสขุ ภำพ
สภาพแวดลอ้ มในการทางานที่เป็นอันตรายตอ่ สุขภาพ หมายถึง สงิ่ หรอื สภาพตา่ ง ๆ ท่ีอยรู่ อบตวั ผปู้ ฏิบัตงิ าน เช่น
ความรอ้ น ความเย็น แสงสว่าง เสยี งดงั ความสน่ั สะเทือน รังสี กา๊ ซ ไอสาร ฝนุ่ ฟูม ละออง สารเคมี เชือ้ โรค
และสตั ว์ตา่ ง ๆ นอกจากนย้ี ังรวมถึงสภาพการทางานที่ซา้ าซาก การเรง่ รบี ทางาน การทางานล่วงเวลา สัมพันธภาพ
ระหว่างเพ่ือนรว่ มงาน คา่ ตอบแทน และช่ัวโมงการทางาน เปน็ ตน้ ความไม่เหมาะสมของสภาพแวดล้อมในการทางาน
นับว่าเปน็ ปัจจัยท่ีมสี ว่ นเก่ยี วข้องในการกอ่ ใหเ้ กดิ การเจ็บปว่ ยจากการทางานได้
แบง่ เปน็ 5 กลมุ่ ไดแ้ ก่ สภาพแวดล้อมทางกายภาพ ทางเคมี ทางชีวภาพ ทางการยศาสตร์ และทางจิตวิทยาสังคม
ดงั ภาพท่ี 8
รปู ท่ี 8 สภำพแวดล้อมในกำรทำงำนทีเ่ ป็นอนั ตรำยตอ่ สขุ ภำพ
รปู ท่ี 8 สภำพแวดลอ้ มในกำรทำงำนที่เปน็ อนั ตรำยตอ่ สุขภำพ
(1) สภาพแวดลอ้ มทางกายภาพ เช่น ความรอ้ น ความเย็น แสงสว่าง เสยี งดงั ความสน่ั สะเทือน รงั สี
และความกดดนั บรรยากาศ เป็นตน้
(2) สภาพแวดล้อมทางเคมี เช่น สารเคมชี นิดตา่ ง ๆ ที่เปน็ วัตถุดบิ หรือผลผลติ หรอื ของเสียท่ีตอ้ งกาจัด โดยท่ัวไป
สารเคมีดงั กล่าวอาจจะอยใู่ นรูป กา๊ ซ ไอสาร ฝนุ่ ฟูม ควัน ละออง หรืออยใู่ นรูปของเหลว ตวั อย่างสารเคมี เช่น
ก๊าซคาร์บอนมอนนอกไซด์ ตะก่ัว แมงกานสี ปรอท เบนซีน คารบ์ อนเตตระคลอไรด์ แอสเบสตอส (ใยหิน) เป็นตน้
สารเคมเี หล่านอี้ าจเข้าสรู่ า่ งกายโดยการหายใจ การกิน หรือการดดู ซมึ ผ่านทางผิวหนงั ของผปู้ ฏิบัตงิ าน ปรมิ าณของ
สารเคมี นับว่ามีบทบาทอย่างมากที่ส่งผลใหเ้ กดิ โรคจากการทา งานช้าหรอื เร็ว ถ้าหากผปู้ ฏบิ ัตงิ านไดร้ ับสารเคมใี น
ปริมาณที่สูงมาก การเกิดโรคจะเห็นไดช้ ัดในระยะเวลาอันสน้ั แตถ่ ้าไดร้ บั ในปรมิ าณไม่มากนกั การเกิดโรคก็จะใช้
เวลานาน
(3) สภาพแวดล้อมทางชีวภาพ เช่น ไวรสั แบคทีเรยี เชื้อรา ไรฝนุ่ พยาธิ และสัตว์อ่นื ๆ เช่น ยุง หนู งู เป็นตน้
(4) สภาพแวดลอ้ มทางการยศาสตร์ เช่น การทางานท่ีมีท่าทางการทางานที่ไมเ่ หมาะสม การก้มยกย้ายของผดิ วิธี
การบิดเอี้ยวตวั การทางานซ้าาซาก การทางานหนักเกินขีดความสามารถของผปู้ ฏิบตั งิ าน การทางานท่ีสถานงี านมรี ะดบั
ความสูงไม่เหมาะสมกับความสูงของผปู้ ฏิบัตงิ าน เปน็ ตน้
(5) สภาพแวดลอ้ มทางจิตวิทยาสังคม เช่น งานท่ีก่อให้เกิดความเครยี ดตอ่ จิตใจท่ีเกิดจากการทางานแข่งกับเวลา
ตอ้ งทางานดว้ ยความเรง่ รีบ การทางานกะ การไดร้ ับคา่ จ้างท่ีไม่เหมาะสม สมั พันธภาพระหว่างผปู้ ฏิบตั งิ าน เปน็ ตน้
คมู่ อื ความปลอดภยั ในการทางาน16
8. กำรเจบ็ ป่วยจำกสภำพแวดลอ้ มในกำรทำงำน (ต่อ)
8.1 สภำพแวดลอ้ มในกำรทำงำนท่เี ป็นอนั ตรำยต่อสขุ ภำพ (ต่อ)
จากการที่ผปู้ ฏบิ ตั งิ านตอ้ งทางานในสภาพแวดล้อมในการทางานท่ีไมเ่ หมาะสม อาจเป็นผลทาให้เกดิ การเจ็บป่วย
หรอื เกดิ โรคจากการทางานขนึ้ เมือ่ เกิดการเจ็บป่วย ผปู้ ฏิบตั งิ านน้ันอาจไดร้ บั การตรวจวินิจฉัย รักษาพยาบาล
และฟื้นฟูสภาพให้หายได้ แตเ่ มอ่ื ผปู้ ฏิบัตงิ านน้ัน กลบั เข้าทางานในสภาพแวดลอ้ มการทางานที่ไม่เหมาะสมเช่นเดมิ อีก
ผปู้ ฏิบตั งิ านนนั้ ก็อาจไดร้ บั อนั ตรายทานองเดยี วกบั ท่ีเกิดข้ึนแลว้ ไมม่ ที ่ีสนิ้ สดุ ดงั ภาพท่ี 9
รูปท่ี 8 วงจรสมั พันธ์ระหวำ่ งสภำพแวดล้อมในกำรทำงำนและผปู้ ฏบิ ัติงำน
รูปท่ี 9 วงจรสมั พนั ธร์ ะหว่ำงสภำพแวดล้อมในกำรทำงำนและผปู้ ฏิบตั งิ ำน
รูปท่ี 8 วงจรสัมพนั ธ์ระหว่ำงสภำพแวดลอ้ มในกำรทำงำนและผปู้ ฏิบตั ิงำน
รปู ที่ 9 วงจรสมั พนั ธ์ระหวำ่ งสภำพแวดล้อมในกำรทำงำนและผปู้ ฏบิ ตั ิงำน
8.2 องคป์ ระกอบท่ที ำใหเ้ กดิ กำรเจ็บป่วย/โรคจำกกำรทำงำน
องคป์ ระกอบหลักท่ีทาให้เกิดอาการเจ็บป่วย และ/หรือโรคจากการทางาน มี 3 ปัจจัย ไดแ้ ก่
(1) ผปู้ ฏิบตั งิ าน ปัจจัยท่ีเกีย่ วกับตวั ผปู้ ฏบิ ตั งิ านที่นับว่ามอี ทิ ธิพลตอ่ การเจ็บปว่ ย และ /หรือโรคจากการทางานมี
หลายประการ เช่น อายุ เพศ กรรมพันธุ์ เชือ้ ชาติ ภาวะโภชนาการของแตล่ ะบุคคล โรคประจาตวั ความไวตอ่ การเกิดโรค
พื้นฐานการศกึ ษาของผปู้ ฏบิ ัตงิ านองคป์ ระกอบดา้ นจิตใจ และองคป์ ระกอบดา้ นพฤตกิ รรม เป็นตน้
(2) สภาพแวดลอ้ มในการทางานท่ีเปน็ อันตรายตอ่ สขุ ภาพ คอื สาเหตทุ ่ีสาคญั ของการเกิดการเจ็บป่วยและ/หรอื
โรคจากการทางานซงึ่ แบ่งไดเ้ ป็นกลมุ่ ใหญ่ ๆ ไดแ้ ก่ สภาพแวดล้อมทางกายภาพ ทางเคมี ทางชีวภาพ ทางการยศาสตร์
และทางจิตวิทยาสงั คม
(3) สง่ิ แวดล้อมทั่วไป เปน็ ปัจจัยภายนอกท่ีกระตนุ้ และสง่ เสริม ทั้งทางตรงและทางออ้ มท่ีจะทาใหโ้ รคเกิดเร็วข้ึน
เช่น สภาพที่พักอาศยั ไมถ่ ูกสุขลักษณะ สภาพภูมอิ ากาศ และสภาพ เศรษฐกจิ เป็นตน้
คมู่ อื ความปลอดภัยในการทางาน17
9. โรคจำกกำรทำงำน
โรคจากการทางาน หรอื อาจเรียกว่าโรคจากการประกอบอาชีพ ซง่ึ บางคร้ังอาจปรากฏอาการขน้ึ อย่างเฉียบพลนั
เน่ืองจากไดร้ บั สง่ิ ท่ีทาให้เกดิ โรคในปริมาณความเข้มข้นสูงในระยะเวลาสนั้ ๆ เช่น กรณหี ายใจเอากา๊ ซแอมโมเนียท่ีเกิด
การร่ัวไหลจากกระบวนการผลิต จะทาให้เกดิ ผลตอ่ ระบบทางเดนิ หายใจเกิดการเจ็บป่วยขน้ึ แตบ่ างครั้งโรคจากการทางาน
อาจปรากฏอาการแบบเรื้อรังเนื่องจากผปู้ ฏิบัตงิ านไดร้ บั สง่ิ ท่ีทาให้เกดิ โรคนน้ั ทีละเลก็ ทีละน้อย สะสมเป็นเวลานานหลาย
เดอื นหรอื หลายปี เช่น หตู งึ จากเสียงดงั โรคปอดฝนุ่ ฝ้าย โรคปอดฝนุ่ ทราย เปน็ ตน้
คมู่ ือความปลอดภยั ในการทางาน18
9.1 หอ้ งพยำบำล
หอ้ งพยำบำล
มแี พทยแ์ ผนปัจจบุ ันชัน้ หน่งึ ประจำ ทุกวันอังคำรและพฤหสั บดี
เวลาประจาการ 09.00 น. - 12.00 น.
มีพยำบำลวิชำชพี ประจำกะกำรทำงำนละ 1 คน
เวลาประจาการ กะเช้า : 07.00 น. - 19.00 น.
กะดกึ : 19.00 น. - 07.00 น.
เบอร์โทรติดตอ่ ภำยในห้องพยำบำล กด 186
กรณวี ันหยดุ หากพนักงานเจ็บป่วยสามารถใช้ยาสามญั ประจาบา้ นที่บรษิ ทั ฯ เตรยี มไว้ให้ท่ีปอ้ มรปภ.หน้าได้
9.2 กำรปฐมพยำบำลเบอื้ งต้น
การใหก้ ารช่วยเหลือเบอ้ื งตน้ เม่ือพบอบุ ตั เิ หตแุ กผ่ บู้ าดเจ็บกอ่ นนาส่งโรงพยาบาล เพ่ือปอ้ งกันไมใ่ ห้เกดิ การบาดเจ็บ
เพ่ิมขึ้น พิการ หรอื เสยี ชีวิต
หลักกำรปฐมพยำบำล กำรชว่ ยเหลอื เมือ่ พบผปู้ ว่ ย
1) อย่า ตน่ื เตน้ ตกใจ 1) เรียกผปู้ ่วย
2) สังเกตอาการผบู้ าดเจ็บ 2) ขอความช่วยเหลอื
3) ให้การปฐมพยาบาลตามลาดบั 3) พลิกตวั ผปู้ ่วย
4) แจ้งหนว่ ยแพทย์หลกั ที่อยใู่ กลเ้ คยี ง 4) ตรวจการหายใจ
5) นาสง่ โรงพยาบาล 5) ผปู้ ่วยหายใจเองไดใ้ หน้ อนท่าท่ีปลอดภัย คอื นอนตะแคงกงึ่ ควา่
6) นาสง่ โรงพยาบาล
รปู ท่ี 1 กำรชว่ ยเหลอื เมอื่ พบผปู้ ว่ ย
คมู่ ือความปลอดภยั ในการทางาน19
9.2 กำรปฐมพยำบำลเบ้ืองตน้ (ต่อ)
1.) กำรเป็นลมจำกกำรเสียเหงื่อ หมายถึง เป็นลมจากการเสยี เหง่ือ เปน็ ภาวะการสูญเสยี น้าและเกลอื แร่ ในร่างกายทางเหงื่อ
หลงั จากการทางานหนกั หรอื ออกกาลงั กายอย่างหักโหมในวันที่อากาศรอ้ นจัด
อำกำร ปวดศรี ษะ ผิวหนังเย็นซดี และช้นื อาจเปน็ ตะคริว มเี หงื่อออกมาก
กำรปฐมพยำบำล
1. ใหผ้ ปู้ ว่ ยนอนราบ พักในที่รม่ และเย็น หรอื ที่มีอากาศถ่ายเทไดด้ ี
2. ให้ดมื่ น้ามากๆ (คอ่ ยๆ จิบ) หรอื ใหด้ ม่ื น้าผสมเกลอื แร่
3. ถ้าอาการไมด่ ขี ้ึนควรรีบนาส่งโรงพยาบาล
รปู ท่ี 2 กำรปฐมพยำบำลผู้ปว่ ยเปน็ ลมจำกกำรเสยี เหง่ือ
2.) กำรเป็นลมจำกควำมร้อน
สำเหตุ เกดิ จากรา่ งกายไมส่ ามารถระบายความรอ้ นออกได้ เน่ืองจากอยกู่ ลางแจ้งหรือในที่รอ้ นจัดทาใหก้ ลไกขับเหง่ือ
ของรา่ งกายไมท่ างาน
กำรปฐมพยำบำล
1. ใหผ้ ปู้ ว่ ยนอนราบในที่รม่ และเย็น
2. เช็ดตวั ผปู้ ่วยดว้ ยน้าเย็น เพ่ือให้ความร้อนลดลงใหเ้ ร็วท่ีสดุ
3. ถ้าอาการไมด่ ขี ้นึ ควรรีบนาส่งโรงพยาบาล
รูปท่ี 3 กำรปฐมพยำบำลผปู้ ่วยเป็นลมจำกควำมรอ้ น
คมู่ ือความปลอดภัยในการทางาน20
9.2 กำรปฐมพยำบำลเบอื้ งตน้ (ต่อ)
3.) สิ่งแปลกปลอมผงฝุ่นเขำ้ ตำ
กำรปฐมพยำบำล
1. เปิดลูกตาเพื่อหาสง่ิ แปลกปลอม
2. ให้ลา้ งตาดว้ ยน้าสะอาด
3. ถ้าฝนุ่ ผง ตดิ ที่ตาขาว ใช้ปลายผา้ สะอาดหรอื ปลายไม้พันสาลีเข่ยี เศษผงออก
4. ถ้าฝนุ่ ผง ตดิ แน่นหรอื ตดิ ตาดาให้ปดิ ตาดว้ ยผา้ สะอาด
5. รีบนาสง่ โรงพยาบาล
ข้อหำ้ ม
1. หา้ มขยตี้ า เพราะจะทาให้ตาระคายเคอื งเพิ่มมากขึ้น
2. หา้ มใช้ของมีคมหรอื ไม้เขี่ยเศษผงที่เข้าตา รูปท่ี 4 ห้ำมขยีตำเม่ือสิง่ แปลกปลอมเขำ้ ตำ
4.) เลือดกำเดำไหล
สำเหตุ มาจากการกระทบกระแทก การเป็นหวัด การสง่ั น้ามกู การตดิ เช้อื ในช่องจมกู หรือ ความหนาวเย็นของอากาศ
กำรปฐมพยำบำล
1. ให้ผปู้ ว่ ยนงั่ นิง่ ๆ เอนตวั ไปข้างหน้าเลก็ น้อย
2. ใช้มอื บบี ปลายจมกู และให้หายใจทางปากโดยบีบปลายจมกู ไว้10 นาที ใหค้ ลายมือออกถ้าเลอื ดยังไหลตอ่ ใหบ้ ีบตอ่ อกี
10 นาที ถ้าเลอื ดไมห่ ยุดใน 20 นาที ใหร้ บี นาส่งโรงพยาบาล
3. ถ้ามีเลอื ดออกมาก ให้ผปู้ ว่ ยบว้ นเลือดหรือน้าลายลงในอ่าง หรือภาชนะที่รองรบั
4. เมอื่ เลอื ดหยุดแล้ว ใช้ผา้ สะอาดเช็ดบริเวณจมกู และปาก
ขอ้ หำ้ ม 1) หา้ มสงั่ น้ามกู หรอื ล้วงแคะ ขยจ้ี มกู เพราะจะทาใหอ้ าการแย่ลง
5.) ข้อเท้ำเคล็ด ข้อเท้ำแพลง
ข้อเท้าเคล็ด ข้อเท้าแพลง เกิดจากการเคลอื่ นไหวผิดท่า ทาให้เกดิ การหมนุ พลกิ บิด ของข้อเท้า เช่น เดนิ พลาด ตกหลุม
เหยียบก้อนหินถูกกระแทก หรือของหล่นทับ มกั มอี าการ ปวด บวม เจ็บ เคลอ่ื นไหวไม่ถนัดในผสู้ งู อายุสว่ นมากจะมกี ระดกู
บริเวณข้อเท้าหกั ร่วมดว้ ย
กำรปฐมพยำบำล
1. ใหข้ ้อเท้าท่ีไดร้ บั บาดเจ็บอยนู่ ง่ิ ๆ หา้ มเดนิ
2. ยกเท้าใหส้ งู เล็กนอ้ ยเพ่ือหา้ มเลือดและลดบวม
3. ประคบดว้ ยความเย็นทันทีนานอย่างน้อย 20 นาที ห้ามประคบดว้ ยความร้อนใน 24 ชั่วโมงแรก
4. ยึดข้อเท้าใหน้ ิ่งดว้ ยผ้ายืด ถ้าสวมรองเท้าผ้าใบ หรอื รองเท้าที่ผูกดว้ ยเชือกใหค้ ลายเชือกผูกรองเท้าแตไ่ มต่ อ้ งถอดรองเท้า
5. ถ้าให้การปฐมพยาบาลแลว้ อาการไมด่ ขี นึ้ ให้รบี นาสง่ โรงพยาบาล
ข้อควรระวัง
ถ้ามีอาการปวด และบวมมากขึ้น เดนิ ไม่ได้ แสดงว่ามกี ระดกู หักรว่ มดว้ ยให้ปฐมพยาบาลเหมือนข้อเท้าหกั แล้วรีบ
นาสง่ โรงพยาบาล
คมู่ อื ความปลอดภยั ในการทางาน21
10. กำรควบคุมและกำรป้องกนั อันตรำย
มาตรการป้องกนั อนั ตราย หรือควบคมุ ความเสยี่ งที่อาจจะเกิดขึ้นจากการทางานเป็นการดาเนนิ การเพ่ือขจัดหรือ
ลดอนั ตรายท่ีอาจเกิดขน้ึ จากการทางานให้หมดไปหรืออยใู่ นระดบั ที่ยอมรบั ได้ ซงึ่ ควรดาเนินการตามลาดบั โดยเร่ิมจาก
มาตรการลาดบั ที่ 1 จนถึงมาตรการลาดบั ท่ี 5 แตโ่ ดยทั่วไปแล้วจะใช้มาตรการควบคมุ มากกว่า 1 มาตรการ เพ่ือใหก้ าร
ควบคมุ อนั ตรายและลดความเสยี่ งเป็นไปอย่างไดผ้ ลลาดบั มาตรการควบคมุ อนั ตรายหรือความเสยี่ งที่เกิดขน้ึ จาก
การทางาน ดงั น้ี
มำตรกำรลำดับที่ 1 กำรขจดั อนั ตรำย
ในการควบคมุ ความเสย่ี ง มาตรการที่ตอ้ งพิจารณาเปน็ ลาดบั แรกคอื การขจัดอนั ตรายซงึ่ ถือเปน็ มาตรการคมุ้ ครอง
ดแู ลที่ดที ่ีสดุ เพราะช่วยลดความเสยี่ งตอ่ การสมั ผัสอันตรายได้ ทาใหล้ กู จ้างมีโอกาสไดร้ บั อนั ตรายนอ้ ยท่ีสดุ และเปน็
การควบคมุ ที่ถาวร เช่น การใช้หนุ่ ยนตท์ างานแทนมนุษย์ การแยกเสน้ ทางคนเดนิ กบั เส้นทางยานพาหนะ เปน็ ตน้
หากสามารถควบคมุ ความเสยี่ งดว้ ยมาตรการลาดบั ที่ 1 ได้ อันตรายท่ีอาจเกดิ ขึ้นกจ็ ะหมดไป ดงั น้ันอาจไมจ่ าเป็น
ตอ้ งควบคมุ ความเสย่ี งดว้ ยมาตรการลาดบั ถัดไป แตห่ ากไม่สามารถควบคมุ อันตรายดว้ ยมาตรการลาดบั ที่ 1 ได้
ก็จะตอ้ งควบคมุ อนั ตรายดว้ ยมาตรการลาดบั ถัดไป
มำตรกำรลำดบั ท่ี 2 กำรทดแทนดว้ ยส่ิงที่มีอันตรำยนอ้ ยกว่ำ
มาตรการควบคมุ อนั ตรายหรอื ความเสยี่ งท่ีตอ้ งพิจารณาเปน็ ลาดบั ท่ี 2 คอื การทดแทนดว้ ยวัสดุ วิธีการทางาน
หรืออุปกรณ์ที่มอี ันตรายนอ้ ยกว่า ถือเปน็ มาตรการที่ช่วยลดความเสย่ี งตอ่ การสัมผสั อนั ตราย ทาให้มโี อกาสไดร้ บั อนั ตราย
จากการทางานนอ้ ยลง เช่น การเลือกใช้สารเคมีที่มอี นั ตรายนอ้ ยกว่าแทนการใช้สารเคมีท่ีมอี ันตรายมาก หรอื การใช้สที ่ี
ใช้น้าเป็นตวั ทาละลายแทนการใช้สที ี่ใช้สารประเภทน้ามนั เป็นตวั ทาละลาย การนาขน้ั ตอนการทางานท่ีมีความเสยี่ งบน
ท่ีสูงลงมาทาในระดบั พ้ืนดนิ เปน็ ตน้
คมู่ อื ความปลอดภยั ในการทางาน22
10. กำรควบคุมและกำรปอ้ งกนั อันตรำย (ต่อ)
มำตรกำรลำดบั ที่ 3 กำรควบคมุ ทำงวิศวกรรม
หากไมส่ ามารถควบคมุ อันตรายหรือความเสย่ี งดว้ ยการขจัดอันตราย (มาตรการลาดบั ท่ี 1) และการทดแทนดว้ ย
สง่ิ ท่ีมีอันตรายน้อยกว่า(มาตรการลาดบั ที่ 2) ได้ กใ็ หพ้ ิจารณาดาเนินการควบคมุ ดว้ ยการควบคมุ ทางวิศวกรรมซงึ่ เปน็
การดาเนินการควบคมุ เพื่อให้สถานท่ีทางานปลอดภยั เช่น การตดิ ตง้ั การ์ดสว่ นที่เปน็ อนั ตรายของเครื่องจักร การตดิ ตงั้
ระบบระบายอากาศ การลดความดงั ของเสยี ง การยกย้ายวัสดโุ ดยใช้อปุ กรณเ์ คร่ืองกล การป้ องกันการตกจากท่ีสูงโดย
การตดิ ตง้ั ราวกันตก เป็นตน้
มำตรกำรลำดับท่ี 4 กำรควบคมุ เชงิ บริหำรจดั กำร
การควบคมุ อันตรายหรอื ความเสย่ี งมาตรการท่ี 4 เปน็ การควบคมุ เชิงบรหิ ารจัดการโดยการให้ข้อมูลความรู้
และการอบรมท่ีเหมาะสม การตรวจสอบอุปกรณ์ความปลอดภัย มรี ะบบการอนญุ าตเข้าปฏิบตั งิ าน การตรวจวัด
สภาพแวดลอ้ มในการทางาน การจัดใหม้ ีโครงการเฝา้ ระวังสขุ ภาพสาหรบั ผปู้ ฏิบตั งิ านท่ีไดม้ กี ารชบี้ ่งว่ามคี วามเสยี่ ง เช่น
ผทู้ ี่สมั ผสั กบั เสียงดงั ผทู้ ่ีใช้เครื่องมือที่ มคี วามสน่ั สะเทือน ผทู้ ี่มคี วามผดิ ปกตขิ องระบบทางเดนิ หายใจ เป็นตน้
มำตรกำรลำดบั ท่ี 5 กำรใชอ้ ปุ กรณ์คุ้มครองควำมปลอดภัยส่วนบคุ คล
ในกรณีท่ีสถานประกอบกจิ การไมส่ ามารถควบคมุ อันตรายดว้ ยมาตรการลาดบั ท่ี 1 - 4 อย่างไดผ้ ล จึงเลือกใช้
มาตรการลาดบั ท่ี 5 เปน็ มาตรการสุดท้าย คอื การใช้อปุ กรณค์ มุ้ ครองความปลอดภัยสว่ นบุคคล เช่น การใช้หน้ากากกนั ฝนุ่
ชุดกันความรอ้ น ครอบหูหรือที่อดุ หลู ดเสยี ง เปน็ ตน้ มาตรการใช้อุปกรณ์คมุ้ ครองความปลอดภัยส่วนบคุ คลน้ีไม่ควรนา
มาใช้เปน็ มาตรการหลักในการปอ้ งกันอันตราย เนอ่ื งจากมาตรการลาดบั ท่ี 5 เปน็ มาตรการควบคมุ เพื่อลดความรุนแรง
ของการเกดิ อบุ ตั เิ หตุ ไมใ่ ช่เป็นการลดความเสยี่ งของการเกิดอุบตั เิ หตุ หากจาเปน็ ตอ้ งใช้ ให้เลือกใช้อย่างถูกตอ้ งและ
เหมาะสมกับลักษณะงาน เนือ่ งจากลูกจ้างมกั มปี ัญหากบั การใช้อปุ กรณค์ มุ้ ครองความปลอดภัยส่วนบุคคล เช่น อปุ กรณ์มี
ขนาดไมพ่ อดกี ับผสู้ วมใส่ ผใู้ ช้ไม่บารงุ รกั ษาความสะอาดอุปกรณท์ าให้ไมถ่ ูกสุขอนามยั ผใู้ ช้ไมเ่ คยชินกับการใช้อปุ กรณ์
การสวมใส่เปน็ เวลานานทาให้รู้สึกร้อน อดึ อดั ราคาญ ไมส่ ะดวกสบาย เปน็ อปุ สรรคตอ่ การปฏบิ ัตงิ าน ทาใหอ้ าจไม่ไดร้ ับ
ความร่วมมอื ท่ีดใี นการใช้อปุ กรณจ์ ากผปู้ ฏิบตั งิ าน อย่างไรก็ตามควรให้ผใู้ ช้มสี ว่ นรว่ มในการเลอื กใช้อุปกรณ์คมุ้ ครอง
ความปลอดภัยสว่ นบุคคล ตลอดจนมกี ารใหค้ วามรู้เกย่ี วกับวิธีการใช้ การบารงุ รักษาอุปกรณ์อย่างถูกตอ้ ง
คมู่ อื ความปลอดภยั ในการทางาน23
11. ควำมร่วมมอื และกำรสง่ เสริมสุขภำพของลกู จ้ำง
หากนายจ้างไดด้ าเนินการตามมาตรการดงั กล่าวข้างตน้ แล้ว แตล่ ูกจ้างไม่ให้ความรว่ มมอื ท่ีดใี นการดาเนนิ การรว่ ม
กบั นายจ้างกจ็ ะทาให้การดาเนนิ มาตรการป้องกนั อันตรายหรอื ควบคมุ ความเสย่ี งไม่ประสบความสาเร็จ ดงั น้ันลกู จ้างจึง
ตอ้ งมีความตระหนักถึงปญั หาความไมป่ ลอดภัยในการทางานท่ีมีผลกระทบตอ่ ตนเองและเพื่อนร่วมงาน และมจี ิตสานึก
ในการป้องกันอุบัตเิ หตแุ ละโรคจากการทางาน ซงึ่ เป็นหน้าที่ของลกู จ้างทุกคนท่ีจะตอ้ งปฏบิ ตั ใิ นเร่ืองตา่ งๆ ดงั น้ี
11.1 การให้ความร่วมมอื กับนายจ้างในการดาเนินการตามกิจกรรมและโครงการตา่ ง ๆ เช่น
(1) การปฏิบตั ติ ามกฎระเบียบดา้ นความปลอดภัยของสถานประกอบกจิ การอย่างเครง่ ครัด
(2) การใช้อปุ กรณ์คมุ้ ครองความปลอดภยั สว่ นบุคคลอย่างถูกตอ้ ง
(3) หากพบสภาพการทางาน หรอื การกระทาที่ไมป่ ลอดภัยตา่ ง ๆ ตอ้ งแจ้งใหห้ ัวหน้างานทราบโดยเร็ว
(4) การเข้ารบั การอบรมในหลักสูตรความปลอดภยั ในการทางานตา่ ง ๆ
(5) การเข้ารับการตรวจสุขภาพเปน็ ระยะ ๆ เพื่อการเฝา้ ระวังโรคจากการทางาน
(6) เข้าร่วมกิจกรรมและโครงการดา้ นความปลอดภัยฯ ที่นายจ้างจัดขึ้น
11.2 การเข้ารบั การอบรมในหลักสตู รความปลอดภัยในการทางานตา่ ง ๆ
การทางานในสถานประกอบกิจการ อาจมคี วามเสยี่ งตอ่ การเกดิ อบุ ัตเิ หตแุ ละเจ็บป่วย จากสภาพแวดลอ้ มใน
การทางาน ท่ีอนั ตรายและไม่ถูกสุขลกั ษณะ ดงั น้นั การอบรมหลักสตู รความปลอดภัยตา่ งๆ จึงมคี วามสาคญั ท่ีทาใหล้ ูกจ้าง
ไดท้ ราบสาเหตขุ องอันตรายและวิธีการป้องกนั ตลอดจนมีสว่ นรว่ มในการดาเนนิ การตามมาตรการโครงการ
และกจิ กรรมตา่ งๆ ที่สถานประกอบกิจการจัดขนึ้ ท้ังนีใ้ นการเข้ารับการอบรม ลูกจ้างควรปฏบิ ัติ ดงั นี้
(1) ตงั้ ใจเรยี น เนือ่ งจากสง่ิ ท่ีเรยี นเปน็ แนวทางในการป้ องกนั การบาดเจ็บและการเจ็บปว่ ยที่อาจเกิดขึน้ ในงาน
ประจาวัน ดงั นน้ั ถ้าสงสยั ให้สอบถามจนเข้าใจ หากไมเ่ ข้าใจอาจทาให้มีการปฏิบตั ผิ ดิ หรือละเลยการปฏบิ ัตทิ ี่ถูกตอ้ ง
และอาจกอ่ ผลเสยี หายตอ่ ผลผลิต หรือทาใหเ้ กดิ การบาดเจ็บเป็นอันตรายตอ่ ชีวิตและทรพั ย์สินโดยส่วนรวมได้
(2) จดจาสง่ิ ท่ีเรียนรู้เพราะการทางานในสถานประกอบกจิ การตอ้ งปฏิบตั ติ ามระเบยี บและข้อบังคบั ที่ไดเ้ รียนรู้
จึงตอ้ งรู้ข้อควรระมดั ระวังและขน้ั ตอนการทางาน เม่อื ฝกึ ปฏิบตั ใิ หส้ อบถามผสู้ อนหรือหวั หนา้ งานจนสามารถปฏบิ ตั ไิ ด้
อย่างถูกตอ้ ง
(3) หมน่ั ฝึกฝนถึงแมว้ ่าไดเ้ รยี นรู้และฝึกปฏิบัตจิ นเข้าใจแลว้ ยังตอ้ งนามาฝึกฝนใหเ้ กดิ ความชานาญ
ทาซ้าๆ จนสามารถปฏิบตั ไิ ดไ้ ม่ผดิ ขั้นตอนและผลงานเปน็ ที่พอใจ
11.3 การเริ่มทางานวันใหม่ดว้ ยอารมณส์ ดใส
การมีอารมณท์ ่ีดยี ่อมส่งผลใหม้ สี มาธิในการทางาน สามารถสร้างผลงานท่ีมีประสทิ ธิภาพ หากเกดิ ปญั หา
เฉพาะหน้า ท่ีตอ้ งตดั สินใจกจ็ ะมสี ตใิ นการแกไ้ ขไดอ้ ย่างถูกตอ้ ง โดยเฉพาะในเรื่องความปลอดภยั ในการทางานกอ่ นเร่ิม
ทางาน หากลกู จ้างพักผอ่ นไมเ่ พียงพอ หรือยังคงออ่ นเพลยี หรอื เรง่ รีบมาทางานใหท้ ันเวลา จะทาให้มอี ารมณท์ ี่ขนุ่
มัวหงุดหงดิ เมื่อร่างกายและจิตใจไมม่ ีความพร้อมในการทางานย่อมเป็นสาเหตนุ าไปสกู่ ารเกดิ อุบัตเิ หตไุ ด้ ดงั น้นั ลกู จ้าง
จึงตอ้ งมกี ารวางแผนในการปฏิบตั กิ ิจกรรมนอกงานตา่ ง ๆ เพื่อไมใ่ ห้ส่งผลกระทบตอ่ การทางาน
คมู่ อื ความปลอดภยั ในการทางาน24
11. ควำมร่วมมือและกำรส่งเสริมสขุ ภำพของลกู จ้ำง (ต่อ)
11.3 การเจ็บปว่ ยบอ่ ย ๆ ทาใหข้ าดงานและประสิทธิภาพการทางานลดลง
รวมท้ังยังพบว่าการประสบอนั ตรายจากการทางานท่ีเกิดข้ึน ส่วนหนึง่ มสี าเหตพุ ้ืนฐานมาจากปญั หาสุขภาพของ
ลกู จ้าง การเจ็บปว่ ยของแตล่ ะคนขึน้ กับสภาพแวดลอ้ ม โภชนาการตง้ั แตก่ าเนิด การเป็นหวัดบ่อย ๆ ก็เปน็ สญั ญาณเตอื น
ความบกพร่องในการดแู ลสุขภาพตนเองได้ เช่นกนั ดงั นน้ั เพื่อป้องกนั การเจ็บป่วยลกู จ้างควรสง่ เสริมสขุ ภาพกายและ
ใจตนเอง ดงั นี้
(1) การรับประทานอาหารท่ีเปน็ ประโยชนต์ อ่ รา่ งกาย ครบท้ัง 5 หมู่ ไดแ้ ก่
- หมู่ 1 โปรตนี (เนื้อสตั ว์ ไข่ นม)
- หมู่ 2 คารโ์ บไฮเดรต (ข้าว แป้ง น้าตาล เผือก มนั )
- หมู่ 3 เกลือแร่หรือแรธ่ าตุ (พืชผัก)
- หมู่ 4 วิตามิน (ผลไม้)
- หมู่ 5 ไขมัน (ไขมนั จากพืชและสตั ว์)
(2) การพักผอ่ นให้เพียงพอ เพื่อใหร้ า่ งกายไดร้ ับการฟ้ืนฟูก่อนเร่ิมการทางานในแตล่ ะวัน เนอ่ื งจากความ
อ่อนเพลียเปน็ สาเหตหุ นงึ่ ท่ีมคี วามสาคญั ตอ่ การเกิดอุบัตเิ หตุ
(3) การผอ่ นคลายความเครียด ดว้ ยกิจกรรมตา่ ง ๆ เช่น ฝึกสมาธิ ทาจิตใจให้รา่ เริงแจ่มใส เปน็ ตน้ เน่ืองจาก
ความเครียดทาใหข้ าดสมาธิในการทางานซง่ึ อาจทาใหเ้ กิดอุบตั เิ หตจุ ากการทางานได้
(4) การงดสง่ิ เสพตดิ เช่น เหล้า บหุ รี่ ยาบา้ เปน็ ตน้ เพราะผตู้ ดิ สงิ่ เสพตดิ จะมีร่างกายทรุดโทรม ความตา้ นทาน
โรคต่า ทาให้เสยี่ งตอ่ การเกิดอบุ ัตเิ หตุ และโรคจากการทางานมากกว่าคนท่ัวไป
(5) หมัน่ ออกกาลังกายอย่างสม่าเสมอเพ่ือใหร้ า่ งกายแข็งแรง มกี ารยืดเหยียดกลา้ มเนอ้ื เพื่อลดการบาดเจ็บและ
เพ่ิมความตนื่ ตวั ในการทางาน
(6) ทาความสะอาดท่ีพักอาศยั และสถานท่ีทางานให้ถูกสขุ ลกั ษณะอย่างสม่าาเสมอ พรอ้ มท้ังดแู ลความสะอาด
ของรา่ งกายตนเอง เพื่อลดความเสยี่ งจากการไดร้ ับสง่ิ สกปรกและเชื้อโรคเข้าสรู่ ่างกาย
คมู่ ือความปลอดภยั ในการทางาน25
หมวดที่ 2 กฎหมำยควำมปลอดภยั อำชีวอนำมัย และสภำพแวดล้อมในกำรทำงำน
คมู่ อื ความปลอดภยั ในการทางาน26
1. พระรำชบัญญตั ิควำมปลอดภัย อำชวี อนำมยั และสภำพแวดล้อมในกำรทำงำน พ.ศ.2554
" นำยจำ้ ง" หมายความว่า ผปู้ ระกอบกิจการซงึ่ ยอมใหบ้ คุ คลหนง่ึ บุคคลใดเข้ามาทางานหรอื ทาผลประโยชน์ใหแ้ ก่
หรือในสถานประกอบการ
หนา้ ที่ของนายจ้าง
1) จัดและดแู ลสถานประกอบกิจการและลกู จ้างให้มีสภาพการทางานและสภาพแวดล้อมในการทางานที่ปลอดภัยและ
ถูกสุขลักษณะ รวมทั้งสง่ เสรมิ สนบั สนนุ การปฏบิ ตั งิ านของลกู จ้างมใิ หล้ ูกจ้างไดร้ ับอันตราย
2) บริหารจัดการ และดาเนนิ การดา้ นความปลอดภัย อาชีวอนามยั และสภาพแวดลอ้ มในการทางาน ให้เปน็ ไปตาม
มาตรฐานท่ีกาหนด
3) จัดให้มเี จ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทางาน บุคลากร หนว่ ยงานหรอื คณะบคุ คลเพื่อดาเนินการดา้ นความปลอดภัยใน
สถานประกอบกจิ การ
4) แจ้งใหล้ ูกจ้างทราบถึงอันตรายท่ีอาจจะเกดิ ข้ึนจากการทางานและแจกคมู่ ือปฏิบตั งิ านให้ลูกจ้างทุกคนกอ่ นท่ีลกู จ้าง
จะเข้าทางาน เปลย่ี นงาน หรือเปลย่ี นสถานท่ีทางาน
5) จัดให้ผบู้ รหิ าร,หัวหนา้ งาน และลกู จ้างทุกคน ไดร้ ับการฝกึ อบรมความปลอดภยั อาชีวอนามยั และสภาพแวดล้อมใน
การทางาน
6) ตดิ ประกาศสัญลกั ษณเ์ ตอื นอันตรายและเครื่องหมายเกยี่ วกับความปลอดภัย อาชีวอนามยั และสภาพแวดลอ้ มในการ
ทางาน รวมท้ังข้อความแสดงสิทธิและหน้าที่ของนายจ้างและลกู จ้างในที่ท่ีเห็นไดง้ า่ ย ณ สถานประกอบกิจการ
7) ให้นายจ้างจัดและดแู ลให้ลกู จ้างสวมใส่อปุ กรณค์ มุ้ ครองความปลอดภัยสว่ นบคุ คลท่ีไดม้ าตรฐาน
8) จัดให้มีการประเมินอันตราย
9) ศกึ ษาผลกระทบของสภาพแวดลอ้ มในการทางานท่ีมผี ลตอ่ ลูกจ้าง
10) จัดทาแผนการดาเนนิ งานดา้ นความปลอดภัย อาชีวอนามยั และสภาพแวดล้อมในการทางานและจัดทาแผนการควบคมุ
ดแู ลลกู จ้างและสถานประกอบกิจการ
11) สง่ ผลการประเมนิ อันตราย การศกึ ษาผลกระทบ แผนการดาเนินงานและแผนการควบคมุ ตาม
สแกนควิ อำร์โคด้ ศกึ ษำกฎหมำยฉบับเตม็
คมู่ อื ความปลอดภัยในการทางาน27
1. พระรำชบัญญตั คิ วำมปลอดภัย อำชีวอนำมยั และสภำพแวดลอ้ มในกำรทำงำน พ.ศ.2554 (ตอ่ )
"ลกู จำ้ ง" หมายความว่า ผซู้ งึ่ ไดร้ ับความยินยอมให้ทางานหรือทาผลประโยชนใ์ ห้แก่หรือในสถานประกอบกจิ การของนายจ้าง
หนา้ ท่ีของลูกจ้าง
1) ใหค้ วามร่วมมือกบั นายจ้างในการดาเนนิ การและส่งเสรมิ ดา้ นความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดลอ้ มในการ
ทางาน เพ่ือให้เกิดความปลอดภัยแกล่ ูกจ้างและสถานประกอบกิจการ
2) ปฏบิ ัตติ ามหลกั เกณฑ์ดา้ นความปลอดภยั อาชีวอนามยั และสภาพแวดลอ้ มในการทางานตามมาตรฐานที่กาหนดใน
กฎกระทรวงน้ัน
3) กรณีที่ลกู จ้างทราบถึงข้อบกพร่องหรอื การชารุดเสยี หาย และไมส่ ามารถแก้ไขไดด้ ว้ ยตนเองใหแ้ จ้งตอ่ เจ้าหนา้ ที่
ความปลอดภัยในการทางาน หวั หน้างาน หรอื ผบู้ รหิ าร
4) สวมใสแ่ ละดแู ลรกั ษาอุปกรณค์ มุ้ ครองความปลอดภยั ส่วนบคุ คลใหส้ ามารถใช้งานไดต้ ามสภาพและลกั ษณะของงาน
ตลอดระยะเวลาทางาน
2. กฎกระทรวงกำหนดมำตรฐำนในกำรบริหำรและจัดกำรด้ำนควำมปลอดภัย อำชีวอนำมัย และสภำพแวดล้อม
ในกำรทำงำน พ.ศ.2549
1) ให้นายจ้างจัดใหม้ ขี ้อบังคบั และคมู่ ือว่าดว้ ยความปลอดภัยในการทางานไว้ในสถานประกอบกิจการ
2) ใหน้ ายจ้างซง่ึ มผี รู้ ับเหมาชนั้ ตน้ หรอื ผรู้ บั เหมาช่วงเข้ามาปฏบิ ตั งิ านในสถานประกอบกจิ การ จัดให้มีข้อบังคบั และคมู่ ือ
ว่าดว้ ยความปลอดภยั สาหรบั ผรู้ ับเหมา
3) ให้นายจ้างจัดอบรมลูกจ้างให้มคี วามรู้เกยี่ วกับข้อบงั คบั และคมู่ อื ความปลอดภัยก่อนการปฏบิ ัตงิ าน ใหแ้ ก่ลูกจ้างท่ีเข้ามา
ทางานใหม่ หรอื ลกู จ้างที่ทางานในลักษณะหรอื สภาพของงานที่แตกตา่ งไปจากเดมิ อันอาจเป็นอันตรายตอ่ สุขภาพอนามยั
ของลกู จ้าง
4) ใหน้ ายจ้างแตง่ ตงั้ เจ้าหนา้ ที่ความปลอดภยั ในการทางาน ระดบั หัวหนา้ งาน, ระดบั บริหาร, ระดบั วิชาชีพ, คณะกรรมการ
ความปลอดภยั ฯ, หนว่ ยงานความปลอดภยั
สแกนคิวอำร์โค้ดศึกษำกฎหมำยฉบับเต็ม
คมู่ ือความปลอดภัยในการทางาน28
3. กฎกระทรวง กำหนดมำตรฐำนในกำรบริหำรและกำรจัดกำรด้ำนควำมปลอดภัย อำชีวอนำมัยและสภำพแวดล้อม
ในกำรทำงำน (ฉบับท่ี2) พ.ศ.2553
1) นายจ้างที่มีลกู จ้างตง้ั แต่ 50 คน ขึน้ ไป ใหจ้ ัดใหม้ รี ะบบการจัดการดา้ นความปลอดภัยในการทางาน โดยอย่างน้อย
ตอ้ งประกอบดว้ ย
(1) นโยบายดา้ นความปลอดภยั ฯ
(2) โครงสร้างการบริหารดา้ นความปลอดภยั ฯ
(3) แผนงานดา้ นความปลอดภัย ฯ และการนาไปปฏบิ ัติ สแกนคิวอำร์โค้ดศึกษำกฎหมำยฉบบั เต็ม
(4) การประเมินผลและทบทวนการจัดการดา้ นความปลอดภัย ฯ
(5) การดาเนนิ การปรบั ปรงุ ดา้ นความปลอดภยั ฯ ตอ้ งปรบั ปรุงและพัฒนาระบบการจัดการดา้ นความปลอดภยั
อย่างนอ้ ยปลี ะหน่ึงครั้ง
2) ใหน้ ายจ้างดาเนนิ การควบคมุ ดแู ลการดาเนินการใหเ้ ป็นไปตามระบบฯ และสง่ เสรมิ ใหล้ ูกจ้างทุกคนมสี ่วนร่วม
ในการดาเนนิ การตามระบบ
3) จัดทาเอกสารเกยี่ วกบั การจัดใหม้ รี ะบบ ใหน้ ายจ้างเก็บเอกสารไว้ในสถานประกอบการเปน็ เวลาไมน่ ้อยกว่า 2 ปี
นบั แตว่ ันจัดทา
4) จัดให้ลกู จ้างสามารถเข้าถึงข้อมลู ตา่ ง ๆ ที่เก่ียวข้องกับระบบฯ ได้
4. กฎกระทรวงในกำรบริหำรและกำรจัดกำรด้ำนควำมปลอดภยั อำชีวอนำมยั และสภำพแวดลอ้ มในกำรทำงำนเกย่ี วกบั
เครื่องจกั ร ปัน้ จนั่ หมอ้ น้ำ พ.ศ.2564
1. ในบรเิ วณทมี่ ีกำรติดตัง กำรซอ่ มแซม หรอื กำรตรวจสอบเคร่อื งจกั รหรือเครื่องปอ้ งกันอันตรำยจำกเคร่ืองจักร ตอ้ งตดิ ป้ำยแสดง
กำรดำเนนิ กำรดงั กลำ่ ว รวมทงั จัดใหม้ ีระบบ วิธีกำร หรืออปุ กรณป์ ้องกนั มใิ ห้เครือ่ งจักรนันทำงำน
2. ในกำรประกอบ กำรตดิ ตงั กำรทดสอบ กำรใช้ กำรซ่อมแซม กำรบำรุงรักษำ กำรตรวจสอบ กำรรอื ถอน หรือกำรเคล่อื นยำ้ ย
เคร่อื งจักร รถยก ลิฟต์ เครอ่ื งจกั รสำหรับใช้ในกำรยกคนขนึ ทำงำนบนที่สูง นำยจ้ำงต้องปฏิบัตติ ำมรำยละเอยี ดคณุ ลักษณะและ
คู่มอื กำรใชง้ ำนท่ีผูผ้ ลติ กำหนดไว้ ในกรณที ี่มกี ำรเคลอื่ นย้ำยเครื่องจักรที่มนี ำหนกั ตงั แต่ 1 ตนั ขึนไป ตอ้ งจดั ให้มแี ผนปอ้ งกนั
อันตรำยจำกกำรเคลอื่ นยำ้ ย
3. เคร่อื งจกั รดงั ต่อไปนี ตอ้ งจัดใหม้ ีกำรตรวจสอบประจำปี โดยต้องมสี ำเนำเอกสำรกำรตรวจสอบไว้ใหพ้ นกั งำนตรวจควำม
ปลอดภัยตรวจสอบได้
(1) เครอื่ งจักรทใี่ ช้ในงำนยกและงำนขนย้ำย ได้แก่ รถยก ระบบสำยพำนลำเลยี ง
(2) เครื่องจักรกลทใี่ ช้ในงำนดนิ และงำนถนน
(3) เคร่ืองจกั รที่ใช้ในงำนคอนกรีต
(4) เครอ่ื งจกั รท่ีใช้ในงำนฐำนรำก ไดแ้ ก่ เครื่องตอกเสำเขม็ เป็นต้น
(5) เคร่อื งจักรที่ใชใ้ นงำนขดุ งำนเจำะ หรอื งำนขุดเจำะอุโมงค์
(6) เครื่องจกั รที่ใชใ้ นงำนรอื ถอนทำลำย
(7) เครอ่ื งจกั รอืน่ ที่อำจก่อให้เกิดอนั ตรำยจำกกำรใชง้ ำนตำมท่ีอธบิ ดีประกำศกำหนด
4. นำยจ้ำงต้องไมใ่ ชห้ รือยอมให้ลกู จำ้ งใช้เครอื่ งจกั รทำงำนเกินพิกดั ของเครื่องจักร
5.ในกำรทำงำนเกย่ี วกับเคร่ืองป๊ัมโลหะหรอื เครอื่ งจักรอน่ื ที่อำจกอ่ ใหเ้ กดิ อันตรำย ต้องจดั ให้มขี อ้ ควำมเก่ียวกบั วธิ ีกำรทำงำนกับ
เครื่องจักรนนั ตดิ ไวบ้ ริเวณท่ีลูกจ้ำงทำงำน
6.นำยจำ้ งตอ้ งจดั ใหม้ ีกำรประเมนิ อนั ตรำยของเคร่อื งจักรท่ีอำจก่อให้เกิดอันตรำยจำกกำรใชง้ ำนถงึ ขันสูญเสยี อวัยวะ ได้แก่
เคร่ืองจกั รประเภทเคร่ืองบด เคร่ืองโม่ เคร่อื งตดั นำแขง็ หรือเครอื่ งจกั รอนื่ ตำมทอ่ี ธิบดีประกำศกำหนด
คมู่ อื ความปลอดภยั ในการทางาน29
4. กฎกระทรวงในกำรบริหำรและกำรจัดกำรด้ำนควำมปลอดภัย อำชวี อนำมยั และสภำพแวดลอ้ มในกำรทำงำนเกย่ี วกบั
เครื่องจักร ป้ันจัน่ หม้อน้ำ พ.ศ.2564
7.ในกำรทำงำนเกยี่ วกบั เครือ่ งป๊มั โลหะ เครื่องเชอ่ื มไฟฟ้ำ เครอื่ งเช่อื มก๊ำซ หรอื เครอ่ื งจักรชนดิ อื่น ลกู จำ้ งต้องผ่ำนกำรอบรม
เกีย่ วกบั ขนั ตอนและวธิ กี ำรทำงำนทป่ี ลอดภยั ในกำรทำงำนของเครือ่ งจกั ร เป็นต้น โดยวิทยำกรซงึ่ มคี ุณสมบัติตำมหลกั สตู รท่ี
อธิบดีประกำศกำหนด
8.ต้องดูแลให้พืนบริเวณรอบเครื่องจกั รมีควำมปลอดภยั
9.นำยจำ้ งตอ้ งจัดใหม้ ีวิธีกำรดำเนนิ กำรเพอื่ ปอ้ งกันอนั ตรำยจำกเคร่ืองจักร ดงั ต่อไปนี
(1) เครอื่ งจักรทใี่ ช้พลงั งำนไฟฟ้ำต้องมรี ะบบหรอื วิธกี ำรป้องกนั กระแสไฟฟ้ำร่วั เข้ำตวั บุคคลหรือเครื่องจักรและต้องต่อสำยดิน
(2) เคร่ืองจักรท่ใี ช้พลงั งำนไฟฟ้ำ สำยไฟฟ้ำท่ีต่อเข้ำเคร่ืองจักรต้องเดินมำจำกทส่ี งู
(3) เคร่ืองจกั รชนิดอัตโนมัตติ ้องมีสีเคร่ืองหมำยปิด - เปดิ ท่สี วติ ชอ์ ัตโนมตั ติ ำมหลักสำกลและมีเครอ่ื งป้องกันมสี ิง่ ใดมำกระทบ
สวิตชอ์ ันเปน็ เหตใุ ห้เคร่ืองจักรทำงำน
(4) เครื่องจกั รท่ีมกี ำรถำ่ ยทอดพลงั งำนโดยใช้เพลำ สำยพำน รอก ต้องมตี ะแกรงหรอื ทคี่ รอบปดิ คลมุ ส่วนทห่ี มนุ ได้และสว่ นส่ง
ถำ่ ยกำลังใหม้ ิดชดิ
(5) เครอ่ื งจกั รทมี่ ใี บเล่ือยวงเดอื นหรอื ใบเลือ่ ยสำยพำน ตอ้ งจัดให้มเี คร่อื งปอ้ งกันอนั ตรำยจำกใบเลอ่ื ย
(6) เคร่อื งจกั รทใ่ี ชเ้ ปน็ เครื่องลบั ฝน หรอื แต่งผวิ โลหะแล้วกอ่ ให้เกิดประกำยไฟ ต้องมเี คร่ืองปิดบงั ประกำยไฟหรือเศษวัสดแุ ละ
อยูห่ ่ำงจำกวสั ดเุ ชือเพลิง
(7) เครอ่ื งจักรที่ใชใ้ นกำรขนึ รปู พลำสติกหรอื วสั ดอุ น่ื โดยลกั ษณะฉีด เปำ่ หรอื วธิ กี ำรอืน่ ต้องมีเครอ่ื งปอ้ งกนั อันตรำย
10ต้องบำรงุ รักษำและดแู ลเครอ่ื งป้องกันอนั ตรำยจำกเครื่องจักรให้อยใู่ นสภำพทส่ี ำมำรถป้องกันอนั ตรำยได้
11.ตอ้ งจัดใหท้ ำงเดินเขำ้ ออกจำกพืนทีส่ ำหรบั ปฏิบัตงิ ำนเกี่ยวกับเครื่องจักรมีควำมกวำ้ งไมน่ ้อยกว่ำ 80 เซนติเมตร
12.ต้องจดั ทำรัว คอกกัน หรือเสน้ แสดงเขตอันตรำย ณ บรเิ วณทต่ี งั ของเครื่องจกั ร
13.ต้องติดตงั เคร่อื งปอ้ งกนั วัสดตุ กหล่นบรเิ วณสำยพำนลำเลียง และต้องมอี ปุ กรณฉ์ ุกเฉนิ
14.ตอ้ งควบคุมดแู ลไมใ่ หผ้ ูซ้ ่งึ ไมเ่ กยี่ วข้องเข้ำไปในบรเิ วณเส้นทำงสำยพำนลำเลียง
15.ต้องจัดให้มีวศิ วกรควบคุมดูแลกำรติดตงั เครอ่ื งจักรท่คี วบคุมโดยระบบอิเล็กทรอนิกสห์ รือคอมพวิ เตอร์ ในบรเิ วณพืนท่ที ม่ี ี
กระแสไฟฟ้ำเหน่ียวนำ
สแกนควิ อำร์โคด้ ศึกษำกฎหมำยฉบบั เตม็
คมู่ อื ความปลอดภัยในการทางาน30
5. กฎกระทรวงในกำรบริหำรและกำรจดั กำรด้ำนควำมปลอดภยั อำชวี อนำมัย และสภำพแวดล้อมในกำรทำงำนเกยี่ วกบั
กำรปอ้ งกนั และระงับอคั คีภัย พ.ศ.2555
1) จัดให้มีระบบป้องกันและระงับอัคคภี ยั และตอ้ งดแู ลให้อยใู่ นสภาพพรอ้ มใช้งาน
2) จัดทาปา้ ยข้อปฏบิ ัตเิ กีย่ วกบั การดบั เพลิงและการอพยพหนไี ฟ ปดิ ประกาศใหเ้ ห็นไดช้ ัดเจน
3) สถานประกอบกิจการที่มีลกู จ้างตงั้ แต่ 10 คนข้ึนไป ให้มีแผนป้องกนั และระงบั อคั คภี ัย ประกอบดว้ ยการตรวจตรา
การอบรม
4ก)ารใหรณม้ เีรสงน้ คท์ างหนีไฟทุกชน้ั ช้ันละ 2 เสน้ ทาง สามารถอพยพลกู จ้างท้ังหมดสจู่ ุดที่ปลอดภัยไดภ้ ายใน 5 นาที
5) สถานประกอบกิจการท่ีมีอาคารตง้ั แต่ 2 ชั้นขนึ้ ไป หรอื มพี ้ืนท่ี 300 ตารางเมตรข้ึนไป ให้มีระบบสญั ญาณแจ้งเหตุ
เพลิงไหม้ทุกชั้น
6) ใหม้ แี สงสว่างอย่างเพียงพอสาหรับเส้นทางหนไี ฟ และแหล่งจ่ายไฟฟ้าสารองท่ีสามารถจ่ายไฟฟ้าไดใ้ นทันที
7) ให้มปี ้ายบอกทางหนไี ฟ ตวั หนงั สอื สูงไมน่ ้อยกว่า 15 เซนตเิ มตร มีแสงสว่างหรอื ใช้ไฟส่องให้เหน็ ชัดเจน
8) ใหน้ ายจ้างจัดให้มีเคร่ืองดบั เพลงิ แบบเคลอื่ นย้ายได้ ดแู ลรักษาใหอ้ ยใู่ นสภาพที่ใช้งานไดด้ ี ไม่นอ้ ยกว่า 6 เดอื นตอ่ 1 คร้ัง
พร้อมตดิ ปา้ ยผลการตรวจสอบและวันท่ีทาการตรวจสอบคร้ังสดุ ท้ายไว้ท่ีอปุ กรณด์ งั กลา่ ว
9) ให้นายจ้างตดิ ตงั้ ปา้ ยแสดงจุดตดิ ตง้ั อุปกรณ์ดบั เพลิง อุปกรณด์ บั เพลิงในที่เห็นไดช้ ัดเจน ไม่มสี ง่ิ กดี ขวาง
10) ให้นายจ้างจัดใหล้ ูกจ้างไม่น้อยกว่ารอ้ ยละ 40 ของจานวนลูกจ้างในแตล่ ะหน่วยงานของสถานประกอบกิจการรบั การ
ฝกึ อบรมการดบั เพลิงขน้ั ตน้
11) ให้นายจ้างจัดให้ลกู จ้างฝึกซ้อมอพยพหนีไฟออกจากอาคารไปตามเส้นทางหนไี ฟตามที่กาหนด
12) ใหน้ ายจ้างจัดใหล้ กู จ้างทุกคนฝึกซอ้ มดบั เพลิงและฝึกซอ้ มอพยพหนไี ฟพรอ้ มกันอย่างนอ้ ยปีละ 1 ครั้ง และ ให้นายจ้าง
ส่งแผนการฝึกซอ้ มดบั เพลงิ และฝกึ ซอ้ มอพยพหนไี ฟ กอ่ นการฝึกซอ้ มไมน่ ้อยกว่า 30 วัน และจัดทารายงานผลการฝึกซอ้ ม
และยนื่ ตอ่ อธิบดแี ละผซู้ งึ่ อธิบดมี อบหมายภายใน 30 วัน นับจากเสร็จสน้ิ การซ้อม
สแกนคิวอำรโ์ คด้ ศึกษำกฎหมำยฉบับเต็ม
คมู่ อื ความปลอดภยั ในการทางาน31
6. กฎกระทรวงในกำรบริหำรและกำรจดั กำรด้ำนควำมปลอดภัย อำชวี อนำมยั และสภำพแวดลอ้ มในกำรทำงำนเกย่ี วกบั
ไฟฟำ้ พ.ศ.2558
นายจ้างตอ้ งดาเนินการ ดงั น้ี
1) จัดทาข้อบังคบั เกยี่ วกบั การปฏิบตั งิ านดา้ นความปลอดภัยเกยี่ วกับไฟฟ้า
2) จัดอบรมลกู จ้างที่ทางานเกยี่ วกับไฟฟ้าใหม้ ีความรู้และทักษะในการทางานอย่างปลอดภัย
3) จัดใหม้ ีและเกบ็ รักษาแผนวงจรไฟฟ้าที่ตดิ ตงั้ ในสถานประกอบกิจการท้ังหมดที่วิศวกรหรอื การไฟฟ้าประจาท้องถนิ่ รบั รอง
ไว้ให้พนกั งานตรวจความปลอดภยั ตรวจสอบ หากเปลยี่ นแปลงไปจากเดมิ ตอ้ งแก้ไขแผนผังน้นั ให้ถูกตอ้ ง
4) จัดให้มีแผ่นป้ายที่มตี วั อกั ษรหรอื สญั ลักษณ์เตอื นให้ระวังอันตรายจากกระแสไฟฟ้าตดิ ไว้ในบรเิ วณท่ีอาจเกิดอันตรายจาก
กระแสไฟฟ้า
5) ห้ามให้ลกู จ้างที่ทางานเกย่ี วกบั ไฟฟ้าเข้าใกล้สง่ิ ที่เป็นตวั นาไฟฟ้าที่ไมม่ ฉี นวนหุม้ เข้าใกล้สงิ่ ท่ีมีกระแสไฟฟ้า
6) ดแู ลไม่ให้ลูกจ้างใสเ่ สอ้ื ผา้ ท่ีเปยี กหรือเปน็ สอื่ นาไฟฟ้าทางานเก่ียวกับกระแสไฟฟ้าที่มแี รงดนั เกิน 50 โวลต์ เว้นแตจ่ ะไดใ้ ส่
อุปกรณค์ มุ้ ครองความปลอดภัยหรือใช้อปุ กรณป์ ้องกันอนั ตรายที่เหมาะสม
7) กรณใี หล้ กู จ้างทางานเกีย่ วกบั ไฟฟ้า นายจ้างตอ้ งจัดให้มอี ุปกรณ์ที่เป็นฉนวนไฟฟ้าหรอื อปุ กรณ์ป้องกนั อันตรายที่เหมาะสม
กบั แรงดนั ไฟฟ้าให้แกล่ ูกจ้าง
8) ดแู ลบรภิ ณั ฑ์ไฟฟ้าและสายไฟฟ้าใหใ้ ช้งานไดอ้ ย่างปลอดภัย หากชารุดให้รีบซอ่ มแซมและเก็บหลักฐานไว้
9) นายจ้างตอ้ งจัดให้มแี ผน่ ภาพพรอ้ มคาบรรยายตดิ ไว้บรเิ วณที่ทางานท่ีลกู จ้างสามารถมองเหน็ ไดช้ ัดเจน
10) ตอ้ งจัดใหม้ ีกุญแจหรือระบบการป้องกันมใิ ห้มีการสบั สวิตซ์เชื่อมวงจร ตลอดระยะเวลาที่ลกู จ้างทางานเกี่ยวกับไฟฟ้า
และใหต้ ดิ ปา้ ยแสดงเครื่องหมายหรอื สัญลกั ษณ์หา้ มสับสวิตช์เชือ่ มตอ่ วงจรไว้ดว้ ย
11) หา้ มลกู จ้างทาความสะอาดบรภิ ณั ฑไ์ ฟฟ้าท่ีมกี ระแสไฟฟ้า
12) กรณีลกู จ้างทางานสูงกว่า 4 เมตรข้ึนไป ตอ้ งจัดให้มกี ารใช้สายหรือเชือกช่วยชีวิตและเข็มขัดนริ ภัยพรอ้ มอปุ กรณ์
และหมวกนริ ภยั
สแกนควิ อารโ์ คด้ ศกึ ษากฎหมายฉบับเต็ม
คมู่ ือความปลอดภยั ในการทางาน32
7. กฎกระทรวงในกำรบริหำรและกำรจัดกำรดำ้ นควำมปลอดภัย อำชวี อนำมยั และสภำพแวดลอ้ มในกำรทำงำนเกย่ี วกบั
ควำมร้อน แสงสว่ำง และเสยี ง พ.ศ.2559
ควำมร้อน
“อณุ หภมู เิ วตบลั บโ์ กลบ” (Wet Bulb Globe Temperature - WBGT) หมายความว่า
1) อุณหภมู ิท่ีวัดเปน็ องศาเซลเซยี สซงึ่ วัดนอกอาคารท่ีไม่มแี สงแดดหรอื ในอาคารมรี ะดบั ความร้อนเท่ากบั 0.7 เท่าของอณุ หภมู ิ
ที่อา่ นคา่ จากเทอร์โมมิเตอรก์ ระเปาะเปียกตามธรรมชาติ (natural wet bulb thermometer) บวก 0.3 เท่าของอุณหภูมทิ ี่
อ่านคา่ จากโกลบเทอรโ์ มมเิ ตอร์ (globe thermometer) หรอื
2) อณุ หภูมิที่วัดเปน็ องศาเซลเซียสซง่ึ วัดนอกอาคารท่ีมีแสงแดด มีระดบั ความร้อนเท่ากับ 0.7 เท่าของอณุ หภมู ทิ ี่อ่านคา่ จาก
เทอรโ์ มมเิ ตอร์กระเปาะเปียกตามธรรมชาติ บวก 0.2 เท่าของอุณหภูมทิ ี่อา่ นคา่ จากโกลบเทอรโ์ มมิเตอร์ และบวก 0.1 เท่า
ของอุณหภมู ทิ ่ีอ่านคา่ จากเทอร์โมมเิ ตอรก์ ระเปาะแหง้ (dry bulb thermometer)
“ระดับควำมร้อน” หมายความว่า อุณหภมู เิ วตบลั บ์โกลบในบรเิ วณท่ีลกู จ้างทางานตรวจวัดโดยคา่ เฉลยี่ ในช่วงเวลาสองชวั่ โมง
ท่ีมอี ุณหภูมิเวตบัลบ์โกลบสูงสดุ ของการทางานปกติ
“งำนเบำ” หมายความว่า ลกั ษณะงานที่ใช้แรงน้อยหรือใช้กาลงั งานที่ทาใหเ้ กดิ การเผาผลาญอาหารในร่างกายไมเ่ กิน 200
กโิ ลแคลอรตี อ่ ชว่ั โมง เช่น งานเขียนหนงั สอื งานพิมพ์ดดี งานบันทึกข้อมูลงานเย็บจักร งานนงั่ ตรวจสอบผลติ ภณั ฑ์ งาน
ประกอบชิ้นงานขนาดเล็ก งานบังคบั เครื่องจักรดว้ ยเท้าการยืนคมุ งาน
“งำนปำนกลำง” หมายความว่า ลักษณะงานท่ีใช้แรงปานกลางหรอื ใช้กาลังงานที่ทาให้เกิดการเผาผลาญอาหารในรา่ งกาย
เกนิ 200 กิโลแคลอรตี อ่ ชวั่ โมง ถึง 350 กโิ ลแคลอรตี อ่ ชั่วโมง เช่น งานยก ลาก ดนั หรอื เคลอื่ นย้ายสงิ่ ของดว้ ยแรงปานกลาง
งานตอกตะปู งานตะไบ งานขับรถบรรทุกงานขับรถแทรกเตอร์
“งำนหนกั ” หมายความว่า ลักษณะงานที่ใช้แรงมากหรอื ใช้กาลังงานท่ีทาให้เกดิ การเผาผลาญอาหารในรา่ งกายเกนิ 350
กิโลแคลอรีตอ่ ชว่ั โมง เช่น งานที่ใช้พลว่ั ตกั หรือเคร่ืองมือลักษณะคลา้ ยกนั งานขุด งานเลอ่ื ยไม้ งานเจาะไม้เนอ้ื แข็ง งานทุบโดย
ใช้คอ้ นขนาดใหญ่ งานยก หรอื เคลอ่ื นย้ายของหนักข้นึ ที่สูงหรอื ที่ลาดชัน
1) ให้นายจ้างควบคมุ และรักษาระดบั ความร้อนภายในสถานประกอบกจิ การที่มลี กู จ้างทางานอยมู่ ใิ หเ้ กินมาตรฐานท่ีกาหนด
ดงั น้ี
- งานเบา WBGT ไม่เกนิ 34 ºC ,
- งานปานกลาง WBGT ไมเ่ กนิ 32 ºC ,
- งานหนกั WBGT ไมเ่ กิน 30 ºC
2) กรณีสถานประกอบกิจการมแี หลง่ ความร้อนที่อาจเป็นอันตราย ใหน้ ายจ้างดาเนินการดงั น้ี
- ตดิ ปา้ ยหรอื ประกาศเตอื นอันตรายในบรเิ วณดงั กลา่ วใหม้ องเห็นไดช้ ัดเจน
- ใหป้ รบั ปรุงหรือแกไ้ ขสภาวะการทางานทางดา้ นวิศวกรรม และปดิ ประกาศการปรับปรุงหรือแก้ไขดงั กล่าวไว้ดว้ ย
- กรณที ่ีไม่สามารถปรับปรุงหรอื แกไ้ ขสภาวะการทางานดงั กล่าวได้ ตอ้ งจัดใหม้ ีมาตรการควบคมุ หรือลดภาระงาน
และใหล้ ูกจ้างสวมใส่อปุ กรณค์ มุ้ ครองความปลอดภยั สว่ นบคุ คลตลอดเวลาที่ทางาน
คมู่ ือความปลอดภัยในการทางาน33
7. กฎกระทรวงในกำรบริหำรและกำรจัดกำรดำ้ นควำมปลอดภยั อำชีวอนำมัย และสภำพแวดล้อมในกำรทำงำนเกยี่ วกบั
ควำมร้อน แสงสว่ำง และเสยี ง พ.ศ.2559 (ต่อ)
แสงสว่าง
1) นายจ้างตอ้ งจัดให้สถานประกอบกจิ การมีความเข้มของแสงสว่างไม่ตา่ กว่ามาตรฐานกาหนด
2) ตอ้ งใช้หรอื จัดใหม้ ฉี าก แผ่นฟิล์มกรองแสง หรือมาตรการอ่นื ท่ีเหมาะสมและเพียงพอเพื่อป้องกนั มใิ หแ้ สงตรงหรือแสง
สะท้อนจากแหล่งกาเนดิ แสงหรอื ดวงอาทิตย์ที่มแี สงจ้าสอ่ งเข้านยั น์ตาลกู จ้างโดยตรงในขณะทางาน
3) ทางานในที่มดื ทึบ และคบั แคบ ตอ้ งจัดใหม้ ีอปุ กรณส์ อ่ งแสงสว่าง โดยอาจเป็นชนดิ ตดิ อยใู่ นพ้ืนท่ีทางานหรือตดิ ตวั บุคคล
ก็ได้ หากไม่สามารถทาไดต้ อ้ งจัดให้มีอปุ กรณป์ ้องกันอันตรายสว่ นบุคคลตลอดเวลาที่ทางาน
คมู่ อื ความปลอดภัยในการทางาน34
7. กฎกระทรวงในกำรบริหำรและกำรจดั กำรด้ำนควำมปลอดภยั อำชวี อนำมัย และสภำพแวดลอ้ มในกำรทำงำนเกยี่ วกบั
ควำมร้อน แสงสว่ำง และเสียง พ.ศ.2559 (ตอ่ )
เสยี ง
1) ตอ้ งควบคมุ ระดบั เสียงท่ีลกู จ้างไดร้ บั เฉลยี่ ตลอดเวลาการทางานในแตล่ ะวันไมใ่ ห้เกินมาตรฐานที่กาหนด
2) หากในสถานประกอบกจิ การมรี ะดบั เสยี งเกินมาตรฐานท่ีกาหนด ให้นายจ้างดาเนินการดงั นี้
- ให้ลกู จ้างหยุดทางานจนกว่าจะไดป้ รับปรุงให้ระดบั เสียงเปน็ ไปตามมาตรฐานที่กาหนด โดยให้ปรับปรงุ หรือแก้ไข
ทางดา้ นวิศวกรรม
- ปดิ ประกาศในการปรับปรงุ หรอื แกไ้ ขระดบั เสยี งท่ีเกนิ มาตรฐาน
- กรณีที่ไม่สามารถปรับปรงุ หรือแกไ้ ขสภาวะการทางานดงั กล่าวได้ ตอ้ งจัดใหล้ ูกจ้างสวมใสอ่ ุปกรณ์คมุ้ ครองความ
ปลอดภัยสว่ นบคุ คลตลอดเวลาที่ทางาน
3) ในบรเิ วณท่ีมรี ะดบั เสยี งเกนิ มาตรฐานท่ีกาหนด ตอ้ งจัดให้มีเครื่องหมายเตอื นให้ใช้อปุ กรณ์คมุ้ ครองความปลอดภยั
ส่วนบคุ คลตดิ ไว้ให้ลูกจ้างเห็นไดโ้ ดยชัดเจน
4) กรณมี ีระดบั เสยี งเฉลยี่ ตลอดระยะเวลาการทางาน 8 ชวั่ โมงตง้ั แต่ 85 เดซิเบลเอขึน้ ไป ใหจ้ ัดให้มมี าตรการอนรุ ักษ์
การไดย้ ินในสถานประกอบกจิ การตามหลักเกณฑแ์ ละวิธีการท่ีกาหนด
คมู่ อื ความปลอดภัยในการทางาน35
7. กฎกระทรวงในกำรบริหำรและกำรจัดกำรดำ้ นควำมปลอดภยั อำชวี อนำมัย และสภำพแวดลอ้ มในกำรทำงำนเกย่ี วกบั
ควำมร้อน แสงสว่ำง และเสียง พ.ศ.2559 (ต่อ)
อุปกรณค์ มุ้ ครองความปลอดภัยสว่ นบคุ คล
1) นายจ้างตอ้ งจัดใหม้ ีและดแู ลใหล้ กู จ้างใช้อปุ กรณค์ มุ้ ครองความปลอดภัยสว่ นบคุ คล และตอ้ งบารุงรักษาอุปกรณใ์ ห้อยใู่ น
สภาพท่ีใช้งานไดอ้ ย่างปลอดภยั
2) จัดใหล้ ูกจ้างไดร้ ับการฝกึ อบรมเก่ยี วกบั วิธีการใช้และบารงุ รกั ษาอุปกรณ์คมุ้ ครองความปลอดภยั สว่ นบุคคล พรอ้ มเก็บ
หลักฐานการฝกึ อบรมไว้ ณ สถานประกอบกิจการ
การตรวจวัดสภาพแวดลอ้ มในการทางานและการรายงานผล
1) นายจ้างตอ้ งจัดให้มีการตรวจวัดและวิเคราะหส์ ภาวะการทางานเกีย่ วกับระดบั ความร้อน แสงสว่าง หรอื เสียงภายใน
สถานประกอบกิจการตามหลกั เกณฑ์และวิธีการที่กาหนด
2) จัดทารายงานผลการตรวจวัดและวิเคราะห์สภาวะการทางานตามแบบที่กาหนด พรอ้ มสง่ รายงานผลดงั กล่าวตอ่ อธิบดี
ภายใน 30 วันนบั แตว่ ันท่ีเสรจ็ สน้ิ การตรวจวัด พรอ้ มเก็บรายงานผลการตรวจวัดและวิเคราะหส์ ภาวะการทางานดงั กล่าวดว้ ย
3) ให้ตรวจสขุ ภาพลูกจ้างท่ีทางานในสภาวะการทางานที่อาจไดร้ บั อนั ตรายจากความรอ้ น แสงสว่าง หรือเสยี ง และรายงาน
ผล รวมท้ังดาเนนิ การที่เกย่ี วข้องกับการตรวจสขุ ภาพของลูกจ้างตาม พ.ร.บ. ความปลอดภยั อาชีวอนามัย และสภาพแวดลอ้ ม
ในการทางาน พ.ศ. 2554
สแกนควิ อาร์โค้ดศึกษากฎหมายฉบบั เตม็
คมู่ อื ความปลอดภัยในการทางาน36
8. กฎกระทรวงในกำรบริหำรและกำรจดั กำรดำ้ นควำมปลอดภยั อำชวี อนำมัย และสภำพแวดล้อมในกำรทำงำนเกยี่ วกบั
สำรเคมีอนั ตรำย พ.ศ.2556
นยิ ำม
“สารเคมีอันตราย” หมายความว่า ธาตุ สารประกอบ หรอื สารผสม ตามบัญชีรายชื่อที่อธิบดปี ระกาศกาหนด ซงึ่ มสี ถานะ
เป็นของแข็ง ของเหลว หรอื ก๊าซ ไมว่ ่าจะอยใู่ นรปู ของเสน้ ใย ฝนุ่ ละออง ไอ หรือฟูม ท่ีมคี ณุ สมบตั อิ ย่างหนึง่ อย่างใดหรือ
หลายอย่างรวมกัน ดงั ตอ่ ไปน้ี
(1) มพี ิษ กดั กรอ่ น ระคายเคอื ง ซง่ึ อาจทาใหเ้ กิดอาการแพ้ การกอ่ มะเรง็ การเปลย่ี นแปลงทางพันธุกรรม เปน็ อันตรายตอ่
ทารกในครรภ์หรือสขุ ภาพอนามัย หรอื ทาใหถ้ ึงแกค่ วามตาย
2) เป็นตวั ทาปฏิกิริยาท่ีรุนแรง เปน็ ตวั เพ่ิมออกซิเจนหรอื ไวไฟ ซง่ึ อาจทาใหเ้ กิดการระเบิดหรอื ไฟไหม้
“ครอบครอง” หมายความว่า การมไี ว้เพ่ือตนเองหรอื ผอู้ นื่ ไม่ว่าจะมีไว้เพ่ือขาย ขนสง่ ใช้หรือเพ่ือประการอน่ื ใด และรวม
ถึงการท้ิงไว้ หรอื ปรากฏอยใู่ นบริเวณที่ครอบครองดว้ ย
สำระสำคัญของกฎหมำย ท่ีให้นายจ้างดาเนินการ
หมวด 1 ขอ้ มลู ควำมปลอดภัยของสำรเคมีอันตรำย
1. จัดทาบญั ชีรายช่อื และรายละเอยี ดข้อมูลความปลอดภยั ของสารเคมีอนั ตราย และแจ้งตอ่ อธิบดภี ายใน 7 วันนบั แตว่ ัน
ท่ีมีสารเคมอี ันตรายอยใู่ นครอบครอง และให้ทาการแจ้งภายในเดอื นมกราคมของทุกปีดว้ ย
2. จัดทาคมู่ อื เกีย่ วกบั แนวปฏบิ ัตแิ ละขน้ั ตอนในการทางานเกย่ี วกบั สารเคมีอันตราย คาแนะนาลูกจ้างเกี่ยวกบั การป้องกัน
อนั ตราย ความหมายของข้อมลู ที่มบี นฉลากและเอกสารข้อมลู ความปลอดภัยของสารเคมอี นั ตราย
3. ลูกจ้างตอ้ งปฏบิ ตั ติ ามวิธีการทางานท่ีถูกตอ้ ง เม่อื เกิดเหตฉุ ุกเฉินตอ้ งบรรเทาเหตแุ ละแจ้งหัวหน้างานทราบทันที
4. ปิดฉลากภาษาไทยไว้ที่บรรจุภัณฑ์ แสดงชือ่ ผลิตภัณฑ์ ชอ่ื สารเคมีอนั ตราย รปู สญั ลกั ษณ์ คาสญั ญาณ ข้อความแสดง
อนั ตราย และข้อควรระวังหรือข้อปฏบิ ัตเิ พื่อปอ้ งกนั อันตราย และจัดใหม้ ีปา้ ยห้าม ปา้ ยใหป้ ฏิบัติ หรือป้ายเตอื นในที่เปิดเผย
5. สารเคมอี นั ตรายที่อธิบดกี าหนดให้ควบคมุ เป็นพิเศษ ให้ปดิ ประกาศหรือจัดทาป้ายแจ้งข้อความเกยี่ วกบั อนั ตรายและ
มาตรการป้องกนั อนั ตรายที่อาจเกดิ จากสารเคมีอนั ตรายดงั กล่าว
6. จัดทาปา้ ยข้อความ “หา้ มสบู บหุ ร่ี รับประทานอาหารหรือเครื่องดม่ื ประกอบอาหาร หรอื เก็บอาหาร” ณ บริเวณสถาน
ที่ทางาน สถานท่ีเกบ็ หรอื ในยานพาหนะขนสง่ สารเคมีอันตราย
หมวด 3 กำรคมุ้ ครองควำมปลอดภัย
7. จัดใหบ้ ริเวณที่ลกู จ้างทางานเกี่ยวกบั สารเคมอี ันตราย มีสภาพถูกสขุ ลกั ษณะ มรี ะบบระบาย โดยให้มอี อกซิเจนใน
บรรยากาศไม่ตา่ กว่าร้อยละ 19.5 โดยปรมิ าตร และมรี ะบบปอ้ งกนั และกาจัดอากาศเสีย
8. จัดใหม้ ีสถานที่และอุปกรณ์เพื่อคมุ้ ครองความปลอดภัย ในบรเิ วณที่ลกู จ้างทางานเกี่ยวกับสารเคมอี นั ตราย ไดแ้ ก่
ที่ล้างตาและฝกั บัวชาระลา้ งรา่ งกาย, ท่ีล้างมอื และล้างหน้า, ห้องอาบน้า, อุปกรณ์และเวชภณั ฑส์ าหรับการปฐมพยาบาล,
อปุ กรณด์ บั เพลิง, ชุดทางานเฉพาะ และท่ีเกบ็ ชุดทางานท่ีใช้แลว้
9. จัดหาอปุ กรณป์ ้องกันอนั ตรายส่วนบคุ คลใหล้ ูกจ้างใช้ และให้ลกู จ้างสวมใสอ่ ปุ กรณค์ มุ้ ครองความปลอดภยั
สว่ นบคุ คลน้ันๆ กรณที ี่ลกู จ้างไม่ใช้หรอื ไม่สวมใส่ ให้นายจ้างสงั่ ลูกจ้างหยุดการทางานทันที
10. ห้ามเข้าพักอาศยั หรอื พักผ่อนในสถานท่ีทางานเกี่ยวกับสารเคมีอนั ตราย สถานที่เก็บ หรอื ในยานพาหนะขนสง่
สารเคมอี นั ตราย
11. กรณีที่มกี ารร้องเรยี นหรอื มปี ญั หาดา้ นความไมป่ ลอดภยั ใหต้ รวจสอบข้อเท็จจรงิ และแก้ไขใหเ้ กดิ ความปลอดภยั โดย
ไม่ชักช้า
คมู่ ือความปลอดภยั ในการทางาน37
8. กฎกระทรวงในกำรบริหำรและกำรจดั กำรดำ้ นควำมปลอดภยั อำชีวอนำมยั และสภำพแวดลอ้ มในกำรทำงำนเกยี่ วกบั
สำรเคมีอันตรำย พ.ศ.2556 (ตอ่ )
หมวด 4 กำรเกบ็ รักษำ กำรบรรจุ และกำรถำ่ ยเทสำรเคมีอันตรำย
12. สถานท่ีเกบ็ รกั ษาสารเคมอี ันตรายให้มสี ภาพและคณุ ลักษณะ ดงั ตอ่ ไปน้ี
(1) ทนไฟไดไ้ มน่ อ้ ยกว่า 60 นาที กรณีตวั ทาปฏกิ ริ ิยาท่ีรุนแรง ตวั เพ่ิมออกซิเจน หรอื ไวไฟตอ้ งทนไฟไดไ้ มน่ อ้ ยกว่า
180 นาที หรอื ไม่น้อยกว่า 90 นาทีหากมีระบบน้าดบั เพลงิ อัตโนมัติ
(2) มพี ้ืนเรียบสามารถรับน้าหนกั ได้ และไม่ดดู ซับสารเคมอี ันตราย มใิ ห้มีขยะ เศษวัสดหุ รือสงิ่ ท่ีเปน็ เชอื้ เพลิง
(3) มีระยะหา่ งจากอาคารที่ลูกจ้างทางานในระยะท่ีปลอดภยั
(4) มที างเดนิ ภายในและภายนอกกว้างเพียงพอท่ีจะนาเครื่องมือและอปุ กรณด์ บั เพลิงมาใช้ไดอ้ ย่างสะดวก
(5) มีทางเข้าออกไมน่ ้อยกว่า 2 ทาง ใช้ประตทู นไฟชนิดเปดิ ออกสภู่ ายนอก ปิดกุญแจห้องทุกครั้งเม่ือไมท่ างาน
(6) มีระบบระบายอากาศท่ีเหมาะสม
(7) มกี ารป้องกันสาเหตทุ ่ีอาจทาให้เกดิ อัคคภี ยั
(8) จัดทาเขอ่ื น กาแพง ทานบ ผนัง เพื่อกกั มใิ ห้สารเคมีอันตรายท่ีเป็นของเหลว ไหลออกภายนอก
(9) จัดทารั้วลอ้ มรอบสถานที่เก็บรักษาสารเคมีอันตรายท่ีอยนู่ อกอาคาร
(10) มปี า้ ยข้อความ “สถานที่เก็บรกั ษาสารเคมีอนั ตราย หา้ มเข้าโดยไม่ไดร้ ับอนญุ าต” ปิดประกาศไว้ที่ทางเข้า
(11) มเี ครื่องหมายหรือสญั ลกั ษณ์ที่แสดงถึงอันตรายของสารเคมอี ันตราย
(12) มีแผนผังแสดงท่ีตงั้ ของอุปกรณด์ บั เพลงิ อปุ กรณผ์ จญเพลงิ อปุ กรณท์ ี่ใช้ในกรณฉี ุกเฉิน
หมวด 5 กำรขนถำ่ ย กำรเคลื่อนยำ้ ย หรือกำรขนส่ง
19. ในการขนถ่ายเคลอื่ นย้ายหรือขนส่งสารเคมีอนั ตราย ใหม้ ีมาตรการป้องกนั การฟุ้งกระจายเครื่องดบั เพลงิ ชนดิ เคลอ่ื นย้าย
บรรทุกสารเคมีอนั ตรายท่ีอาจเกดิ ปฏิกริ ยิ าตอ่ กันไว้รวมกัน ตรวจสอบความพร้อมของยานพาหนะและผขู้ ับขี่ จัดใหม้ คี มู่ ือ
หรอื ข้อปฏบิ ัตใิ นการแกไ้ ขปญั หากรณีฉุกเฉินเปน็ ภาษาไทยและฝึกอบรมและฝกึ ซอ้ มอย่างน้อยปีละ 1 คร้ัง และห้าม
บรรทุกสารเคมที ่ีอาจเกดิ ปฏกิ ิรยิ าตอ่ กันไว้รวมกนั ในยานพาหนะ
20. ในการส่งโดยใช้ท่อ ใหใ้ ช้ท่อและข้อตอ่ ท่ีแข็งแรง ตรวจสอบให้อยใู่ นสภาพพร้อมใช้ ตดิ ตงั้ ในลกั ษณะที่มีการปอ้ งกัน
การกระแทก ท่อใตด้ นิ หรือใตน้ ้าตอ้ งทนทานตอ่ การกดั กรอ่ นและมเี ครื่องหมายแสดงตาแหน่งท่อตลอดแนว ใช้ท่อท่ีมสี ีตา่ ง
กนั สาหรับสารเคมีแตล่ ะชนดิ มฉี นวนกันความร้อนหมุ้ ท่อสาหรับสารเคมีที่เกิดความร้อน และวางท่อสง่ ให้มรี ะยะหา่ งที่
ปลอดภัยและให้ตอ่ สายดนิ ที่ท่อน้ันดว้ ย
หมวด 6 กำรจดั กำรและกำรกำจัด
21. การทาความสะอาดหรือกาจัดสารที่หกร่ัวไหล ใหท้ าตามที่ข้อมูลความปลอดภัยของสารแตล่ ะชนดิ ท่ีกาหนด ส่วนการ
กาจัดอาจใช้การเผา ฝัง หรอื ใช้สารเคมี ตามหลกั วิชาการและตามกฎหมายที่เกย่ี วข้อง
22. ภาชนะบรรจุท่ีใช้แลว้ ตอ้ งไม่ใช้บรรจุสงิ่ ของอื่น โดยเก็บรวบรวมไว้ในที่ปลอดภัยและกาจัดโดยวิธีที่เหมาะสม
หมวด 7 กำรควบคมุ ระดบั ควำมเข้มข้นของสำรเคมีอนั ตรำย
23. มีระบบป้องกันและควบคมุ ระดบั ความเข้มข้นของสารเคมีอันตรายสถานท่ีทางานและสถานท่ีเก็บรักษา
24. ให้มีการตรวจวัดและวิเคราะห์ระดบั ความเข้มข้นของสารเคมีอนั ตรายในบรรยากาศของสถานท่ีทางานและสถานท่ี
รกั ษาสารเคมีอนั ตราย และสง่ รายงานผลการตรวจวัดภายในสบิ 15 นับแตว่ ันที่ทราบผลการตรวจวัด โดยหลักเกณฑ์
วิธีการตรวจวัด และการวิเคราะห์ผลการตรวจวัดใหเ้ ปน็ ไปตามท่ีอธิบดกี าหนด
25. ในกรณีท่ีระดบั ความเข้มข้นของสารเคมีอันตรายเกนิ ขีดจากดั ให้ใช้มาตรการกาจัดหรอื ควบคมุ ทางวิศวกรรมและ
การบรหิ ารจัดการสภาพแวดลอ้ ม และตอ้ งมมี าตรการป้องกันอันตรายส่วนบคุ คลดว้ ยวิธีการที่เหมาะสม
คมู่ ือความปลอดภัยในการทางาน38
8. กฎกระทรวงในกำรบริหำรและกำรจัดกำรด้ำนควำมปลอดภัย อำชวี อนำมยั และสภำพแวดล้อมในกำรทำงำนเกยี่ วกบั
สำรเคมอี ันตรำย พ.ศ.2556 (ตอ่ )
หมวด 8 กำรดูแลสุขภำพอนำมัย
26. ใหม้ กี ารประเมินความเสย่ี งตอ่ สุขภาพของลูกจ้าง และทารายงานการประเมินและจัดส่งแก่อธิบดหี รือผซู้ ง่ึ อธิบดมี อบ
หมายภายใน 15 วัน นับแตว่ ันท่ีทราบผลการประเมนิ หากผลการประเมินอยใู่ นระดบั ที่อาจก่อใหเ้ กิดอนั ตราย ให้แก้ไข
ปรบั ปรงุ ใหอ้ ยใู่ นระดบั ที่ปลอดภัย และนาผลการประเมนิ ไปใช้ประกอบการวางแผนการตรวจและการเฝา้ ระวังสุขภาพ
อนามัยของลูกจ้าง 180 นาที หรอื ไมน่ อ้ ยกว่า 90 นาทีหากมรี ะบบน้าดบั เพลงิ อตั โนมตั ิ
หมวด 9 กำรควบคุมและปฏิบตั ิกำรกรณีมเี หตุฉกุ เฉิน
27. ใหน้ ายจ้างที่มสี ารเคมอี ันตรายไว้ในครอบครองตามรายช่อื และปรมิ าณที่กาหนด ประเมนิ ความเสย่ี งและจัดทารายงาน
การประเมินความเสย่ี งอย่างน้อย 5 ปีตอ่ 1 คร้ัง
28. ใหน้ ายจ้างจัดทาแผนปฏบิ ัตกิ ารกรณีมีเหตฉุ ุกเฉินของสถานประกอบกิจการและเกบ็ แผนไว้ ณ สถานประกอบกจิ การ
และฝึกซ้อมตามแผนอย่างน้อยปลี ะ 1 คร้ัง
29. ฝึกอบรมลกู จ้างที่มหี น้าที่ควบคมุ และระงับเหตตุ ามที่อธิบดกี าหนด และฝึกอบรมทบทวนอย่างนอ้ ยปีละ 1 ครั้ง
30. ในกรณีที่เกิดเหตฉุ ุกเฉินสารเคมี ตอ้ งหยุดทางานทันที และออกไปใหพ้ ้นรศั มอี ันตราย พร้อมท้ังตรวจสอบและระงบั
เหตทุ ันที และกรณที ่ีอาจส่งผลกระทบตอ่ ประชาชน ให้ทาการเตอื นอนั ตรายใหป้ ระชาชนท่ีอาจไดร้ บั ผลกระทบทราบทันที
สแกนคิวอำร์โค้ดศกึ ษำกฎหมำยฉบบั เต็ม
คมู่ ือความปลอดภยั ในการทางาน39
9. กฎกระทรวงในกำรบริหำรและกำรจัดกำรดำ้ นควำมปลอดภยั อำชวี อนำมัย และสภำพแวดล้อมในกำรทำงำนเกย่ี วกบั
ท่อี บั อำกำศ พ.ศ.2562
“ท่อี บั อำกำศ” (Confined Space) หมายความว่า ที่ซงึ่ มีทางเข้าออกจากดั และไม่ไดอ้ อกแบบไว้สาหรบั เป็นสถานท่ีทางาน
อย่างตอ่ เนอื่ งเป็นประจา และมีสภาพอันตรายหรือมีบรรยากาศอันตราย เช่น อโุ มงค์ ถ้า บ่อ หลุม ห้องใตด้ นิ ห้องนริ ภัย
ถังน้ามัน ถังหมัก ถัง ไซโล ท่อ เตา ภาชนะหรอื สง่ิ อน่ื ท่ีมลี ักษณะคล้ายกนั
1) ให้นายจ้างจัดใหม้ ีปา้ ยข้อความว่า ที่อับอากาศ อันตรายหา้ มเข้า ใหม้ ีขนาดมองเห็นไดช้ ัดเจน
2) หา้ มใหล้ ูกจ้างหรือบคุ คลใดเข้าไปในที่อับอากาศ ยกเว้นว่าจะไดร้ บั อนุญาตจากผมู้ หี น้าท่ีในการอนญุ าตกอ่ น และหา้ มให้
ลกู จ้างท่ีเปน็ โรคเกยี่ วกบั ทางเดนิ หายใจ โรคหวั ใจ หรือโรคอืน่ ซง่ึ แพทย์เห็นว่าเข้าไปในที่อบั อากาศอาจเปน็ อนั ตรายตอ่
บุคคลดงั กลา่ ว
3) ให้มกี ารตรวจวัด บนั ทึกผลการตรวจวัดและประเมินสภาพอันตราย,สภาพอากาศในท่ีอบั อากาศ โดยให้ดาเนนิ การท้ังก่อน
ระหว่างท่ีลกู จ้างทางานในที่อบั อากาศ และจัดเกบ็ ผลการประเมินไว้อย่างนอ้ ย 1 ปี
4) ใหน้ ายจ้างจัดใหล้ ุกจ้างไดร้ บั การฝกึ อบรมความปลอดภยั ในการทางานในที่อบั อากาศ
5) ตอ้ งจัดให้มีผคู้ วบคมุ งานท่ีผ่านการอบรมความปลอดภยั ในการทางานในท่ีอบั อากาศ ประจาในพ้ืนที่ทางานตลอดเวลา
6) ผคู้ วบคมุ งานตอ้ งจัดทาแผนช่วยเหลอื ผปู้ ฏบิ ตั งิ านในกรณเี กดิ เหตฉุ ุกเฉิน และมีหนา้ ที่ในการสงั่ หยุดการทางานไดท้ ันที
7) ลกู จ้างท่ีปฏิบตั งิ านในท่ีอบั อากาศสามารถปฏิเสธการทางานได้ หากเหน็ ว่าการทางานนนั้ ไมม่ ีความปลอดภยั
8) ให้นายจ้างจัดใหม้ อี ปุ กรณค์ มุ้ ครองความปลอดภัย อปุ กรณ์ช่วยเหลอื และช่วยชีวิตท่ีเหมาะสมกับงาน
9) จัดให้ลกู จ้างท่ีผา่ นการอบรมความปลอดภัยในที่อบั อากาศเปน็ ผชู้ ่วยเหลอื และทาหน้าที่เปน็ ผชู้ ่วยเหลอื
10) จัดให้มสี งิ่ ท่ีปดิ กน้ั เพ่ือป้องกันไมใ่ ห้บุคคลใดเข้าไปหรือตกลงไปในท่ีอบั อากาศ
11) ประกาศห้ามลกู จ้างหรือบุคคลใดสูบบหุ รี่ หรอื พกอุปกรณ์สาหรบั จุดไฟหรอื ตดิ ไฟเข้าไปในที่อับอากาศ โดยให้ปดิ ปา้ ย
ประกาศห้ามไว้บริเวณทางเข้า-ออกที่อบั อากาศ
12) ห้ามนายจ้างอนญุ าตให้ลกู จ้างทางานที่กอ่ ใหเ้ กดิ ความร้อนหรือประกายไฟ และงานที่ใช้สารระเหยง่าย สารพิษ
หรอื สารไวไฟในที่อับอากาศ
13) นายจ้างเป็นผมู้ ีหนา้ ท่ีรับผดิ ชอบในการอนญุ าตใหล้ กู จ้างทางานในที่อบั อากาศ หรอื จะมอบหมายเป็นหนังสอื ให้ลกู จ้าง
ท่ีไดร้ ับการอบรมฯ เป็นผรู้ ับผิดชอบในการอนญุ าตแทนก็ได้ และตอ้ งเก็บหนงั สอื มอบหมายไว้ ณ สถานประกอบกจิ การ
14) จัดให้มกี ารฝึกอบรมความปลอดภยั ในการทางานในที่อบั อากาศแก่ลกู จ้างทุกคนที่ทางานในท่ีอบั อากาศ
15) ใหน้ ายจ้างจัดให้มหี นังสอื อนญุ าตให้ลกู จ้างทางานในท่ีอากาศทุกคร้ัง
สแกนคิวอำรโ์ ค้ดศึกษำกฎหมำยฉบบั เต็ม
คมู่ ือความปลอดภัยในการทางาน40
10. กฎกระทรวงกำหนดอตั รำน้ำหนกั ทน่ี ำยจำ้ งใหล้ กู จำ้ งทำงำนได้ พ.ศ.2547
1) ใหน้ ายจ้างใช้ลูกจ้าง ยก แบก หาม หาบ ทูน ลาก หรอื เข็นของหนกั ไมเ่ กนิ อัตราน้าหนักเฉลยี่ ตอ่ ลูกจ้าง 1 คน ดงั นี้
- 20 กิโลกรมั สาหรบั ลูกจ้างเดก็ หญิงอายุตง้ั แต่ 15 ปี แตไ่ ม่ถึง 18 ปี
- 25 กโิ ลกรัม สาหรบั ลกู จ้างเดก็ ชายอายุตง้ั แต่ 15 ปี แตไ่ มถ่ ึง 18 ปี
- 25 กโิ ลกรัม สาหรบั ลกู จ้างหญิง
- 55 กิโลกรมั สาหรบั ลกู จ้างชาย สแกนควิ อารโ์ คด้ ศกึ ษากฎหมายฉบบั เตม็
กรณีของหนักเกนิ อตั ราน้าหนกั ท่ีกาหนดใหน้ ายจ้างจัดใหล้ ูกจ้างใช้เคร่ืองทุ่นแรงท่ีเหมาะสม
11. ประกำศกรมสวัสดิกำรและค้มุ ครองแรงงำน เร่ือง หลกั เกณฑ์ วิธีกำร และเง่ือนไขกำรฝกึ อบรมผบู้ ริหำร หวั หน้ำงำน
และลกู จำ้ ง ด้ำนควำมปลอดภยั อำชวี อนำมยั และสภำพแวดลอ้ มในกำรทำงำน พ.ศ. 2555
1) ให้มีการฝกึ อบรมดา้ นความปลอดภัย อาชีวอนามยั และสภาพแวดล้อมในการทางาน ใหแ้ กล่ กู จ้างระดบั บริหาร
ระดบั หวั หน้างาน และลูกจ้างทุกคน สาหรับการฝึกอบรม ผจู้ ัดฝึกอบรมตอ้ งดาเนนิ การ ดงั นี้
(1) ใหผ้ เู้ ข้ารบั การฝกึ อบรม เข้ารับการฝึกอบรมเตม็ เวลาตลอดหลักสตู ร
- หลกั สูตรฝกึ อบรมดา้ นความปลอดภัยฯ ระดบั ผบู้ ริหาร ให้มรี ะยะเวลาฝกึ อบรม 12 ช่วั โมง
- หลกั สูตรฝกึ อบรมดา้ นความปลอดภยั ฯ ระดบั หัวหน้างาน ให้มีระยะเวลาฝกึ อบรม 12 ชัว่ โมง
- หลักสูตรฝกึ อบรมดา้ นความปลอดภัยฯ สาหรับลกู จ้างท่ัวไปหรือลูกจ้างใหม่ ใหม้ รี ะยะเวลาฝึกอบรม 6 ชัว่ โมง
- หลกั สูตรฝึกอบรมดา้ นความปลอดภยั สาหรบั ลกู จ้างเปลย่ี นงาน เปลยี่ นสถานที่ทางาน หรือเปลยี่ นแปลงเคร่ืองจักร
อุปกรณซ์ งึ่ มปี ัจจัยเสยี่ งตา่ งไปจากเดมิ มีระยะเวลาการฝึกอบรม 3 ช่ัวโมง
(2) จัดให้ห้องฝึกอบรมหนง่ึ หอ้ งมผี เู้ ข้ารบั การฝึกอบรมไมเ่ กิน 60 คน
(3) จัดให้มีการวัดผลและประเมินผลผเู้ ข้ารับการฝึกอบรม
(4) ออกหลกั ฐานแสดงการผา่ นการฝกึ อบรมให้แก่ผกู้ ารฝกึ อบรม พรอ้ มเกบ็ หลักฐานไว้ในสถานประกอบการ
สแกนควิ อารโ์ คด้ ศกึ ษากฎหมายฉบบั เตม็
12. ประกำศกรมสวัสดิกำรและคุ้มครองแรงงำนเรื่อง สัญลักษณ์เตอื นอันตรำย เคร่ืองหมำยเกย่ี วกบั ควำมปลอดภัย
อำชีวอนำมัย และสภำพแวดลอ้ มในกำรทำงำน และข้อควำมแสดงสทิ ธิและหน้ำทข่ี องนำยจ้ำงและลกู จำ้ ง พ.ศ. 2554
1) ให้นายจ้างตดิ ประกาศสญั ลักษณเ์ ตอื นอนั ตราย และเครื่องหมายเกย่ี วกับความปลอดภยั ฯ ให้เหมาะสมกบั ลกั ษณะและ
สภาพการทางานในที่ที่เหน็ ไดง้ า่ ย ณ สถานประกอบกิจการ
2) ให้นายจ้างตดิ ประกาศข้อความแสดงสทิ ธิและหน้าท่ีของนายจ้างและลูกจ้างในท่ีที่เหน็ ไดง้ ่าย ณ สถานประกอบกจิ การ
ซงึ่ ตอ้ งประกอบไปดว้ ยข้อความ ดงั นี้
คมู่ อื ความปลอดภยั ในการทางาน41
12. ประกำศกรมสวัสดิกำรและคุม้ ครองแรงงำนเรื่อง สญั ลกั ษณเ์ ตือนอันตรำย เคร่ืองหมำยเกยี่ วกบั ควำมปลอดภยั
อำชีวอนำมยั และสภำพแวดลอ้ มในกำรทำงำน และข้อควำมแสดงสิทธิและหนำ้ ทข่ี องนำยจำ้ งและลูกจำ้ ง พ.ศ. 2554 (ต่อ)
(1) นายจ้างและลกู จ้างมหี นา้ ท่ีในการปฏบิ ตั ติ ามพระราชบญั ญัตคิ วามปลอดภยั อาชีอนามัย และสภาพแวดลอ้ มใน
การทางาน พ.ศ.2554
(2) นายจ้างมหี น้าท่ีจัดและดแู ลสถานประกอบกิการและลูกจ้างให้มสี ภาพการทางานและสภาพแวดลอ้ มในการทางาน
ท่ีปลอดภัยและถูกสุขลกั ษณะ รวมท้ังส่งเสริมและสนบั สนุนการปฏบิ ตั งิ านของลกู จ้าง มใิ หล้ กู จ้างไดร้ บั อันตรายตอ่ ชีวิต
รา่ งกาย จิตใจ และสขุ ภาพอนามัย
(3) นายจ้างมีหน้าที่จัดและดแู ลใหล้ ูกจ้างสวมใสอ่ ุปกรณค์ มุ้ ครองความปลอดภัยส่วนบคุ คลที่ไดม้ าตรฐาน ถ้าลกู จ้างไม่
สวมใสอ่ ปุ กรณ์ดงั กล่าว ใหน้ ายจ้างสงั่ ใหห้ ยุดการทางานจนกว่าลกู จ้างจะสวมใสอ่ ุปกรณน์ ั้น
(4) นายจ้างมหี น้าที่จัดใหผ้ บู้ รหิ าร หวั หน้างาน และลูกจ้างทุกคนไดร้ ับการฝึกอบรมให้สามารถบริหารจัดการและดาเนนิ
การดา้ นควมปลอดภัย อาชีวอนามยั และสภาพแวดล้อมในการทางานไดอ้ ย่างปลอดภัยกอ่ นเข้าทางาน เปลย่ี นงาน เปลย่ี น
สถานท่ีทางาน หรอื เปลยี่ นแปลงเคร่ืองจักรหรอื อุปกรณ์
(5) นายจ้างมหี น้าที่แจ้งให้ลกู จ้างทราบถึงอันตรายที่อาจเกดิ ขน้ึ จากการทางานและแจกคมู่ ือปฏบิ ัตงิ านให้ลกู จ้างทุกคน
กอ่ นที่ลูกจ้างจะเข้าทางาน เปลย่ี นงาน หรือเปลยี่ นสถานที่ทางาน
(6) นายจ้างมีหนา้ ที่ตดิ ประกาศ คาเตอื น คาสงั่ หรือคาวินิจฉัยของอธิบดกี รมสวัสดกิ ารและคมุ้ ครองแรงงาน พนกั งาน
ตรวจความปลอดภัย หรือคณะกรรมการความปลอดภยั อาชีวอนามัยและสภาพแวดล้อมในการทางาน แลว้ แตก่ รณี
(7) นายจ้างเป็นผอู้ อกคา่ ใช้จ่ายในการดาเนินงานดา้ นความปลอดภยั อาชีวอนามยั และสภาพแวดลอ้ มในการทางาน
(8) ลูกจ้างมหี น้าท่ีให้ความรว่ มมอื กับนายจ้างในการดาเนินการและสง่ เสริมดา้ นความปลอดภัย อาชีวอนามัย และ
สภาพแวดล้อมในการทางาน โดยคานึงถึงสภาพของงานและหนา้ ท่ีรับผดิ ชอบ
(9) ลูกจ้างมีหนา้ ที่แจ้งข้อบกพร่องของสภาพการทางานหรอื การชารดุ เสยี หายของอาคาร สถานท่ี เคร่ืองมอื หรอื
อุปกรณ์ ท่ีไมส่ ามารถแกไ้ ขไดด้ ว้ ยตนเองตอ่ เจ้าหน้าท่ีความปลอดภยั ในการทางานหัวหนา้ งาน หรอื ผบู้ รหิ าร
(10) ลูกจ้างมีหนา้ ที่สวมใส่อุปกรณ์คมุ้ ครองความปลอดภยั สว่ นบุคคลที่นายจ้างจัดใหแ้ ละดแู ลใหส้ ามารถใช้งานไดต้ าม
สภาพและลักษณะของงานตลอดระยะเวลาทางาน
(11) ในสถานที่ท่ีมสี ถานประกอบกจิ การหลายแห่ง ลกู จ้างมีหนา้ ที่ปฏิบัตติ ตามหลักเกณฑเ์ กย่ี วกบั ความปลอดภยั
อาชีวอนามยั และสภาพแวดล้อมในการทางานของนายจ้าง และสถานประกอบกจิ การอนื่ ท่ีไม่ใช่ของนายจ้างดว้ ย
(12) ลกู จ้างมสี ทิ ธิไดร้ ับความคมุ้ ครองจากการเลิกจ้าง หรอื ถูกโยกย้ายหนา้ ที่การงานเพราะเหตทุ ี่ฟ้องร้อง เปน็ พยาน
ให้หลักฐาน หรอื ใหข้ ้อมลู เกย่ี วกบั ความปลอดภยั อาชีวอนามัยและสภาพแวดลอ้ มในการทางานตอ่ พนกั งานตรวจความ
ปลอดภยั คณะกรรมการความปลอดภยั อาชีวอนามัย และสภาพแวดลอ้ มในการทางาน หรอื ศาล
(13) ลกู จ้างมสี ทิ ธิไดร้ บั คา่ จ้างหรือสทิ ธิประโยชนอ์ ่นื ใด ในระหว่างหยุดการทางานหรือหยุดกระบวนการผลติ ตามคาสง่ั
ของพนกั งานตรวจความปลอดภัย เว้นแตล่ กู จ้างท่ีจงใจกระทาการอันเปน็ เหตใุ ห้มีการหยุดการทางานหรือหยุดกระบวนการ
ผลิต
สแกนควิ อำร์โคด้ ศกึ ษำกฎหมำยฉบับเต็ม
คมู่ ือความปลอดภัยในการทางาน42
13. กฎกระทรวงกำหนดมำตรฐำนในกำรบริหำร จดั กำร และดำเนนิ กำรด้ำนควำมปลอดภยั อำชีวอนำมัย และสภำพแวด
ลอ้ มในกำรทำงำน ในสถำนทท่ี ม่ี อี นั ตรำยจำกกำรตกจำกทีส่ งู และท่ลี ำดชันจำกวัสดกุ ระเด็น ตกหล่น และพังทลำย และ
จำกกำรตกลงไปในภำชนะเกบ็ หรือรองรับวัสดุ พ.ศ.2564
ทำงำนในทีส่ งู ” หมำยควำมวำ่ กำรทำงำนในพืนที่ปฏิบัติงำนทสี่ งู จำกพืนดนิ หรอื จำกพนื อำคำรตงั แต่ 2 เมตรขึนไป ซง่ึ ลูกจำ้ งอำจพลดั ตก
ลงมำได้
1. จดั ใหม้ ีขอ้ บงั คบั และขันตอนกำรปฏิบตั งิ ำนเพอื่ ควำมปลอดภัยในทสี่ ูง ที่ลำดชัน ที่อำจมกี ำรกระเด็น ตกหลน่ หรือพังทลำยของวสั ดุ
ส่งิ ของ และท่อี ำจทำให้ลกู จ้ำงพลดั ตกลงไปในภำชนะเกบ็ หรือรองรบั วสั ดุ รวมทงั ตอ้ งอบรมหรือชีแจงใหล้ กู จ้ำงทรำบก่อนเรม่ิ ปฏบิ ัตงิ ำน
และเกบ็ สำเนำเอกสำรดงั กล่ำวไว้ให้พนักงำนตรวจควำมปลอดภัยตรวจสอบได้
2. จัดใหม้ อี ุปกรณ์คุ้มครองควำมปลอดภัยสว่ นบคุ คลทีม่ มี ำตรฐำนเหมำะสมกับกำรทำงำน และลักษณะของอันตรำยทีอ่ ำจเกิดขนึ ได้
ตลอดเวลำท่ีลูกจำ้ งทำงำน และจดั ใหม้ ีกำรตรวจสอบสภำพกอ่ นกำรใช้งำนทุกครงั และตอ้ งมสี ำเนำเอกสำรดังกลำ่ วไวใ้ ห้พนักงำนตรวจ
ควำมปลอดภัยตรวจสอบได้
3. รำวกนั หรือรัวกนั ตกต้องมคี วำมสูงไม่นอ้ ยกว่ำ 90 เซนติเมตร แตไ่ ม่เกนิ 1.10 เมตร ในกรณีท่ใี ช้แผงทึบแทนรำวกันหรอื รวั กันตก แผง
ทึบต้องมคี วำมสงู ไมน่ ้อยกวำ่ 90 เซนติเมตร
การป้องกันอันตรายจากการตกจากทส่ี งู และท่ลี าดชนั
1. กำรทำงำนในทีส่ งู นำยจำ้ งตอ้ งจัดใหม้ ีนงั่ ร้ำนหรือวธิ ีกำรอน่ื ทเ่ี หมำะสมกับสภำพของกำรทำงำนในที่สูง
2. กำรทำงำนในที่สงู ตังแต่ 4 เมตรขนึ ไป นำยจำ้ งตอ้ งจัดทำรำวกันหรอื รัวกนั ตก ตำข่ำยนิรภัย หรอื อุปกรณ์ป้องกนั อื่นทเี่ หมำะสมกบั
สภำพของกำรทำงำน ทงั นี ตอ้ งจดั ใหม้ ีกำรใช้เข็มขัดนริ ภยั และเชือกนริ ภยั หรอื สำยชว่ ยชวี ติ ตลอดกำรทำงำน
3. กรณที ่ีมปี ลอ่ งหรอื ช่องเปิดต่ำง ๆ ซึ่งอำจทำให้ลกู จ้ำงพลดั ตกลงไปได้ ต้องจัดทำฝำปดิ ทีแ่ ขง็ แรง รำวกัน รัวกันตก หรอื แผงทึบ พรอ้ ม
ทังติดป้ำยเตือนอันตรำยให้ชัดเจน
4. นำยจำ้ งตอ้ งไม่ใหล้ ูกจ้ำงทำงำนในทส่ี ูงนอกอำคำรหรอื พนื ทเ่ี ปดิ โลง่ ในขณะท่ีมีพำยุลมแรง ฝนตกหรือฟำ้ คะนอง
5. กำรใชบ้ ันไดไตช่ นดิ เคลอื่ นยำ้ ยได้, บนั ไดไต่ชนิดติดตรงึ กับทท่ี ม่ี คี วำมสงู เกิน 6 เมตรขึนไป, ขำหยงั่ หรือมำ้ ยืน นำยจำ้ งต้องดูแลบันได ขำ
หยั่งหรือมำ้ ยืนใหป้ ลอดภัยตอ่ กำรใชง้ ำน และเปน็ ไปตำมท่กี ฎกระทรวงฉบบั นกี ำหนด
6. กำรทำงำนบนทล่ี ำดชนั และมีควำมสูงของพืนระดบั ที่เอยี งตังแต่ 2 เมตรขนึ ไป นำยจ้ำงต้องจดั ใหม้ ีนั่งร้ำน เข็มขัดนิรภยั และเชอื ก
นริ ภยั หรือสำยชว่ ยชวี ติ หรอื มำตรกำรป้องกันกำรพลดั ตก ทังนี ขึนอยกู่ บั ควำมเหมำะสมและสภำพของกำรทำงำน
การป้องกันอันตรายจากวัสดกุ ระเด็น ตกหลน่ และพงั ทลาย
1. กำรลำเลียงวสั ดุส่งิ ของบนท่สี งู ต้องจัดใหม้ ีรำง ปล่อง เครือ่ งจักร หรืออุปกรณท์ ีเ่ หมำะสมในกำรลำเลียง
2. กำหนดเขตอันตรำยในบรเิ วณพืนท่ที อี่ ำจมกี ำรกระเด็น ตกหลน่ หรือพงั ทลำยของวสั ดุสง่ิ ของ และตดิ ปำ้ ยเตือนอันตรำยบริเวณพืนที่
ดังกลำ่ ว พรอ้ มทงั จัดใหม้ มี ำตรกำรควบคมุ ดูแลเพ่อื ใหเ้ กดิ ควำมปลอดภัย
3. กรณที ีม่ ีวสั ดสุ ่ิงของอย่บู นที่สูงทอ่ี ำจกระเดน็ ตกหล่น หรือพังทลำยลงมำได้ ใหน้ ำยจำ้ งดำเนินกำร ดังนี
O จัดทำขอบกันของตกหรอื มำตรกำรปอ้ งกนั ทีเ่ หมำะสม
O จัดให้มีมำตรกำรควบคุมดูแลเพ่ือให้เกดิ ควำมปลอดภยั แก่ลูกจ้ำงตลอดระยะเวลำกำรทำงำน
O จัดเรียงวสั ดุสง่ิ ของให้เกิดควำมม่ันคงปลอดภยั ทำผนงั กัน ในกรณีทมี่ ีกำรเคลอ่ื นย้ำยวัสดสุ ง่ิ ของ ใหจ้ ัดให้
มมี ำตรกำรป้องกนั อันตรำยจำกกำรตกหล่น หรอื พังทลำยของวสั ดสุ ิง่ ของทีจ่ ะทำกำรเคลือ่ นย้ำยนันดว้ ย
4. กรณีทม่ี ีกำรทำงำนในท่อ ช่อง โพรง บอ่ ท่ีอำจเกิดกำรพงั ทลำยได้ ใหจ้ ัดทำผนงั กนั คำยนั ที่สำมำรถป้องกนั อนั ตรำย
การป้องกนั อนั ตรายจากการตกลงไปในภาชนะเกบ็ หรอื รองรับวัสดุ
1. นำยจ้ำงตอ้ งจัดใหม้ สี ง่ิ ปิดกัน จดั ทำรำวกนั หรือรัวกันตกที่มน่ั คงแข็งแรงล้อมรอบภำชนะนัน หำกไมอ่ ำจดำเนินกำรได้ นำยจำ้ งต้องจัด
ใหล้ กู จำ้ งสวมใสเ่ ขม็ ขดั นริ ภัยและเชอื กนริ ภยั หรอื สำยช่วยชวี ิตตลอดระยะเวลำกำรทำงำน
2. กรณีภำชนะเก็บหรือรองรบั วสั ดุท่ีมคี วำมสูงตังแต่ 4 เมตรขนึ ไป นำยจำ้ งต้องจดั ใหม้ ีส่งิ ปดิ กนั จัดทำรำวกันหรือรัวกันตกที่ม่นั คง
แข็งแรงเหมำะสมกบั สภำพของกำรทำงำน และตอ้ งใหล้ ูกจ้ำงสวมใสเ่ ข็มขดั นริ ภยั และเชอื กนิรภยั หรอื สำยชว่ ยชวี ติ ตลอดระยะเวลำกำร
ทำงำนด้วย
สแกนควิ อำรโ์ คด้ ศึกษำกฎหมำยฉบบั เต็ม คมู่ อื ความปลอดภยั ในการทางาน43
สแกนคิวอำร์โคด้ ศึกษำกฎหมำยฉบับเต็ม
14.กฎกระทรวงกำหนดมำตรฐำนในกำรบริหำร จดั กำร และดำเนนิ กำรด้ำนควำมปลอดภยั อำชีวอนำมัย และสภำพแวด
ลอ้ มในกำรทำงำนเกย่ี วกบั งำนกอ่ สร้ำง พ.ศ. 2564
“งำนกอ่ สร้ำง” หมำยควำมว่ำ กำรกอ่ สรำ้ งสง่ิ กอ่ สร้ำงทุกชนดิ เช่น อำคำร สนำมบิน ทำงรถไฟ ทำงรถรำง ถนน อุโมงค์ ทำ่ เรอื อู่เรอื คำน
เรือ สะพำนเทยี บเรอื สะพำน ทำงนำ ท่อระบำยนำ ประปำ รัว กำแพง ประตู ป้ำยหรอื สง่ิ ท่สี ร้ำงขนึ สำหรับติดหรอื ตงั ปำ้ ย พืนทีห่ รอื
สงิ่ ก่อสรำ้ งเพื่อจอดรถ กลบั รถ ทำงเข้ำออกของรถ และหมำยควำมรวมถึงงำนต่อเตมิ ซอ่ มแซม ปรบั ปรุง ดัดแปลง เคลอื่ นย้ำย รือถอน
หรือทำลำยส่งิ ก่อสรำ้ งนันด้วย
1. ให้นำยจำ้ งแจ้งขอ้ มูลงำนกอ่ สรำ้ งดงั ตอ่ ไปนี ก่อนเริม่ งำนไมน่ อ้ ยกวำ่ 15 วัน ต่ออธิบดีหรือผู้ซึง่ อธิบดีมอบหมำย
1) งำนอำคำรท่มี พี ืนท่รี วมกนั ทกุ ชนั หรือชันใดชนั หนึง่ ในหลงั เดยี วกนั เกิน 2,000 ตร.ม. หรอื อำคำรทมี่ คี วำมสูงตังแต่ 15 เมตรขึนไป และมี
พนื ทรี่ วมกนั ทกุ ชนั หรือชันใดชนั หนง่ึ ในหลงั เดียวกันเกิน 1,000 ตร.ม.
2) งำนอำคำรที่มคี วำมสูงตังแต่ 23 เมตรขนึ ไป
3) งำนสะพำนทมี่ ีควำมยำวระหวำ่ งก่ึงกลำงตอม่อแรกถงึ กง่ึ กลำงตอมอ่ สดุ ท้ำยตงั แต่ 30 เมตรขึนไป งำนสะพำน
ข้ำมทำงแยกหรือทำงยกระดับ สะพำนกลบั รถ หรือทำงแยกตำ่ งระดบั
4) งำนขุด งำนซอ่ มแซม หรืองำนรอื ถอนระบบสำธำรณปู โภคทล่ี กึ ตงั แต่ 3 เมตรขนึ ไป
5) งำนอโุ มงค์หรือทำงลอด
6) งำนก่อสร้ำงอ่ืนทอี่ ธบิ ดีประกำศกำหนด
2. ใหน้ ำยจ้ำงทม่ี กี ำรดำเนินงำนเก่ยี วกับงำนกอ่ สร้ำงต้องปฏบิ ตั ิ ดังนี
พนื ทท่ี ำงำนกอ่ สรำ้ งตอ้ งมคี วำมมน่ั คงแขง็ แรง สำมำรถรองรับนำหนักเคร่ืองจกั ร อปุ กรณ์ และวสั ดใุ นงำนกอ่ สรำ้ งไดอ้ ยำ่ งปลอดภยั จัดให้
มีผคู้ วบคมุ งำนทำหน้ำทตี่ รวจควำมปลอดภัยในกำรทำงำนก่อนกำรทำงำนและขณะทำงำนทุกขันตอนรกั ษำควำมสะอำดในบริเวณเขต
กอ่ สร้ำง แยกขยะที่อนั ตรำยและไม่อันตรำยจัดใหม้ แี สงสวำ่ งฉุกเฉนิ ในเขตกอ่ สรำ้ งใหเ้ พยี งพอเพอ่ื ใช้ในเวลำทไ่ี ฟฟำ้ ดบั
3. กรณที ีม่ ีกำรขนยำ้ ยดนิ ทขี่ ุดออกจำกเขตก่อสร้ำง ต้องจัดให้มสี ถำนทีเ่ กบ็ กองดินท่จี ะขนยำ้ ยท่ีเหมำะสมและตอ้ งกำหนดมำตรกำร
ปอ้ งกันอันตรำยอันเกิดจำกกำรเก็บกองดินนนั รวมทงั กำรฟงุ้ กระจำยของฝุ่นอันเกดิ จำกดนิ ดงั กล่ำว
4. กรณที ี่ลูกจ้ำงทำงำนก่อสรำ้ งบนพนื ต่ำงระดบั ที่มีควำมสงู ตงั แต่ 1.50 เมตรขึนไป ต้องจดั ให้มบี นั ไดหรือทำงลำดพรอ้ มทังตดิ ตงั รำวกนั
ตกตำมมำตรฐำนสมำคมวิศวกรรมสถำนแห่งประเทศไทยฯ หรือมำตรกำรอื่นใดเพอ่ื ควำมปลอดภยั
5. นำยจำ้ งตอ้ งไม่ใหล้ กู จ้ำงทำงำนก่อสรำ้ งในขณะท่ีเกดิ ภัยธรรมชำติ หรือมเี หตุอ่นื ใดที่อำจจะทำให้เกิดควำมไม่ปลอดภัยในกำรทำงำน
ของลูกจำ้ ง
6. นำยจ้ำงต้องติดตงั ป้ำย ดงั นี ตดิ ปำ้ ยเตือนอันตรำย สญั ญำณแสงสีส้ม ณ ทำงเข้ำออกของยำนพำหนะทกุ แหง่ และจัดให้มีผใู้ ห้สัญญำณ
ในขณะทม่ี ยี ำนพำหนะเขำ้ ออกเขตก่อสรำ้ งติดปำ้ ยแสดงหมำยเลขโทรศัพท์ของหนว่ ยงำนทเ่ี กี่ยวขอ้ ง เพอ่ื ขอควำมชว่ ยเหลือในยำมฉุกเฉนิ
ติดหรอื ตงั ป้ำยสญั ลักษณ์เตอื นอันตรำยและเครือ่ งหมำยป้ำยบงั คบั เก่ียวกบั ควำมปลอดภยั อำชวี อนำมยั และสภำพแวดล้อมในกำรทำงำน
ที่เหมำะสมกบั ลกั ษณะงำน
กรณีมที ำงร่วมหรือทำงแยกในเขตก่อสร้ำง ต้องติดตังปำ้ ยสญั ลักษณ์เตือนหรือบังคบั และสัญญำณแสงสีสม้ เพ่อื แสดงว่ำข้ำงหน้ำเปน็
ทำงร่วมหรือทำงแยก และตอ้ งตดิ ตังกระจกนูนขนำดเส้นผำ่ นศูนยก์ ลำงไมน่ อ้ ยกว่ำ 50 เซนตเิ มตร บรเิ วณทำงขนสง่ ทีเ่ ลียวโค้งหรอื หกั
7. กำหนดบริเวณเขตกอ่ สรำ้ ง โดยทำรวั สงู ไม่น้อยกวำ่ 2 เมตร ท่มี นั่ คงแข็งแรงไวต้ ลอดแนวเขตกอ่ สรำ้ ง และมปี ้ำย “เขตกอ่ สร้ำง” และ
ห้ำมใหบ้ คุ คลซง่ึ ไม่เกี่ยวขอ้ งเขำ้ ไปในเขตกอ่ สร้ำง
8. กำหนดเขตอนั ตรำยในเขตก่อสรำ้ ง โดยจดั ทำรวั หรอื กนั เขตด้วยวัสดุท่ีเหมำะสมกบั อันตรำยนนั และมีป้ำย “เขตอนั ตรำย” และในเวลำ
กลำงคืนตอ้ งจดั ใหม้ สี ัญญำณไฟสีสม้ ตลอดเวลำ และห้ำมให้บคุ คลซง่ึ ไม่เก่ียวขอ้ งเขำ้ ไปในเขตอนั ตรำย9. ให้นำยจ้ำงดำเนินกำรตำม
กฎกระทรวงนี กรณีท่ีจะอนญุ ำตใหบ้ คุ คลใดเข้ำพักหรอื อำศัยในอำคำรทอ่ี ยใู่ นระหว่ำงกำรกอ่ สร้ำงหรือในเขตกอ่ สรำ้ ง
10. นำยจำ้ งตอ้ งจดั และดูแลใหล้ ูกจำ้ งใชอ้ ุปกรณ์คุ้มครองควำมปลอดภยั ส่วนบคุ คลตลอดเวลำท่ที ำงำนก่อสรำ้ ง
สแกนควิ อำรโ์ ค้ดศึกษำกฎหมำยฉบบั เต็ม
คมู่ ือความปลอดภยั ในการทางาน44
15.กฎกระทรวงกำหนดมำตรฐำนในกำรบริหำร จัดกำร และดำเนินกำรด้ำนควำมปลอดภยั อำชวี อนำมัยและสภำพแวดลอ้ ม
ในกำรทำงำนเกย่ี วกบั นง่ั ร้ำนและค้ำยนั พ.ศ. 2564
“น่ังร้ำน” หมำยควำมว่ำ โครงสร้ำงชัว่ ครำวท่สี งู จำกพืนหรือพนื ของอำคำร หรือส่วนของสง่ิ กอ่ สร้ำง สำหรับเปน็ ท่ีรองรับผทู้ ำงำน
วัสดุ หรอื เครือ่ งมือและอปุ กรณ์
“คำยัน” หมำยควำมวำ่ โครงชั่วครำวท่ีรองรบั ยดึ โยง หรอื เสริมควำมแข็งแรงของโครงสร้ำงสงิ่ ก่อสร้ำง นั่งรำ้ น แบบหล่อคอนกรตี
หรือเคร่ืองจักรและอุปกรณใ์ นระหว่ำงกำรก่อสรำ้ ง กำรติดตัง หรอื กำรซ่อมบำรงุ
1. นำยจำ้ งต้องจดั ให้มีอุปกรณ์ค้มุ ครองควำมปลอดภยั ส่วนบุคคลที่เหมำะสมกบั งำนนงั่ รำ้ นและคำยนั และดแู ลให้ลกู จ้ำงสวมใส่
ตลอดระยะเวลำทล่ี กู จำ้ งทำงำน
2. นำยจำ้ งตอ้ งจดั ให้มีข้อบังคบั และขันตอนกำรปฏิบตั งิ ำนเพื่อควำมปลอดภยั ในกำรทำงำนกับนงั่ ร้ำนหรือคำยัน รวมทงั ต้องอบรม
หรอื ชแี จงใหล้ กู จำ้ งทรำบกอ่ นปฏบิ ตั ิงำนอย่ำงเครง่ ครดั และตอ้ งมีสำเนำเอกสำรเพ่อื ใหพ้ นักงำนตรวจสอบได้
3. นำยจำ้ งต้องกำหนดเขตอันตรำยในบริเวณพืนท่ที ่มี ีกำรติดตงั กำรใช้ กำรเคลอ่ื นยำ้ ยและกำรรือถอนน่งั รำ้ นหรอื คำยัน และ
จัดทำรัวหรอื กันเขตและมปี ้ำย “เขตอันตรำย” แสดงให้เหน็ ไดช้ ัดเจน เวลำกลำงคนื ต้องจดั ใหม้ สี ัญญำณไฟสีสม้ ตลอดเวลำ และ
หำ้ มใหบ้ คุ คลซ่ึงไม่เก่ยี วขอ้ งเขำ้ ไปในเขตอนั ตรำย
4. นำยจ้ำงตอ้ งตดิ หรือตังป้ำยสญั ลักษณเ์ ตอื นอันตรำยและเครื่องหมำยป้ำยบังคับเกีย่ วกับควำมปลอดภัย
5. ในกำรสรำ้ ง ประกอบ ตดิ ตัง ทดสอบ ตรวจสอบ ใช้ เคล่อื นย้ำย และรือถอนนัง่ รำ้ นและคำยนั นำยจ้ำงต้องปฏบิ ตั ติ ำม
รำยละเอยี ดคณุ ลกั ษณะและคู่มือกำรใช้งำนทผ่ี ูผ้ ลิตกำหนดไว้ หำกไม่มรี ำยละเอยี ดคุณลักษณะและคูม่ ือกำรใชง้ ำน ตอ้ งให้
วิศวกรจัดทำรำยละเอยี ดคุณลกั ษณะและคู่มอื กำรใชง้ ำนเปน็ หนังสือ และต้องมีสำเนำเอกสำรเพอื่ ให้พนักงำนตรวจสอบได้
6. นำยจำ้ งต้องจัดให้มีกำรคำนวณออกแบบและควบคมุ กำรใช้นง่ั รำ้ นโดยวิศวกรตำมหลกั เกณฑ์ วิธีกำร และเง่อื นไขทก่ี ำหนด
7. นำยจำ้ งต้องไม่ให้ลูกจำ้ งทำงำนบนนงั่ รำ้ นทมี่ พี ืนล่นื ชำรุดหรือมีสภำพท่ีอำจกอ่ ใหเ้ กดิ อนั ตรำย และนงั่ ร้ำนท่ีอยู่ภำยนอกอำคำร
หรอื สว่ นอน่ื ทีอ่ ำจเกดิ อันตรำยในขณะท่ีมีพำยุ ลมแรง ฝนตก หรือฟำ้ คะนอง
8. นำยจ้ำงตอ้ งจัดใหม้ ีมำตรกำรปอ้ งกันวสั ดรุ ่วงหลน่ สำหรับกำรทำงำนบนนง่ั รำ้ นหลำยชนั พรอ้ มกนั
9. นำยจ้ำงต้องตรวจสอบนง่ั รำ้ นทกุ ครงั ก่อนกำรใชง้ ำนและทำรำยงำนผลกำรตรวจสอบ และตอ้ งมีสำเนำเอกสำรเพอ่ื ใหพ้ นักงำน
ตรวจสอบได้
10. กำรสร้ำง ประกอบ หรือตดิ ตังคำยนั นำยจำ้ งตอ้ งจดั ให้มกี ำรคำนวณ ออกแบบ และควบคมุ โดยวศิ วกร
11. นำยจำ้ งต้องจดั ให้มีกำรตรวจสอบสว่ นประกอบของคำยันและทรี่ องรบั คำยันทกุ ครงั ก่อนกำรใชง้ ำนและระหวำ่ งใชง้ ำน หำก
พบวำ่ ไมม่ นั่ คงแข็งแรงและปลอดภยั
12. กรณีทใ่ี ช้คำยันรองรับกำรเทคอนกรีต อปุ กรณ์ เคร่อื งจกั ร หรอื รองรับสิง่ อ่ืนใดที่มลี กั ษณะคลำ้ ยกนั นำยจำ้ งตอ้ งควบคมุ ดูแล
มิใหบ้ ุคคลทไ่ี มเ่ กีย่ วขอ้ งเข้ำไปอย่ใู นหรอื ใตบ้ ริเวณนนั
13. สำเนำเอกสำรที่กำหนดให้ทำเป็นหนังสือ สำมำรถอย่ใู นรูปแบบอิเล็กทรอนกิ สไ์ ด้
สแกนคิวอำร์โคด้ ศกึ ษำกฎหมำยฉบบั เตม็
คมู่ ือความปลอดภัยในการทางาน45
หมวดท่ี 3 กฎกำรปฏิบตั ิงำนด้วยควำมปลอดภยั
คมู่ ือความปลอดภยั ในการทางาน46
1. กฎกำรใชแ้ ละกำรจดั สำรเคม/ี สำรไวไฟ
รูปภำพ ข้อ กฎกำรปฏิบตั งิ ำน จดุ สำคัญ
1 สารเคมีที่นาเข้ามาใช้ในพื้นท่ีตอ้ งมีเอกสาร ผู้ปฏิบตั เิ ข้าใจอันตราย วธิ กี ารใช้งาน และการ
ข้อมูลความปลอดภัยสารเคมี (SDS) ที่เปน็ ปฏิบัติหากสัมผัสกับสารเคมี
ภาษาไทยติดแสดงที่ภาชนะบรรจุอย่างชัดเจน
2 สวมใส่อุปกรณ์คมุ้ ครองความปลอดภัยส่วน ตรวจสอบสภาพอุปกรณ์ก่อนสวมใส่
บุคคลตามคาแนะนาในเอกสาร SDS เพื่อ
ป้องกันการสัมผัสกับสารเคมีโดยตรง เม่ือมีการรั่วไหลของสารเคมีทาให้การหยุด
การรั่วไหลเบอื้ งต้น (Anzen Leader) และ
วางสารเคมีบนถาดรอง ท้ังในพืน้ ท่ีปฏบิ ัติงาน ผคู้ วบคุมงานของบรษิ ัทเพื่อแก้ไขอย่างเรง่ ดว่ น
รวมถึงพ้ืนที่การจัดเก็บ ห้ามวางสารเคมีบนพ้ืนท่ีโดยตรง
ห้ามวางสารเคมีใกลร้ างระบายน้าฝน
3
4 สารไวไฟท่ีมีอยู่ทั้งหมดในโรงงานทั้งหมดตอ้ งมี ตรวจสอบคา่ สายดินหลงั การตอ่ ตอ้ งไม่เกิน 10
5 การต่อสายดินต้องตรวจสอบต่อสายดนิ ใหด้ ี โอหม์ การใช้สารเคมีตอ้ งปฏบิ ตั ติ าม Chemical
control procedure
6 ตรวจสอบระบบถ่ายเทอากาศของพืน้ ท่ีปฏบิ ตั ิ พ้นื ท่ีปฏิบตั งิ านตอ้ งไม่มีกลิน่ สารเคมี
งานให้เพยี งพอต่อการหายใจ
กันพืน้ ที่การปฏบิ ตั ิงาน
ตรวจสอบพื้นท่ีปฎิบัตงิ านที่ใช้สารไวไฟ และ ติดปา้ ยเตือน “มีการใช้สารไวไฟ หา้ มทางาน
พื้นท่ีจัดเก็บตอ้ งไม่มีแหล่งกาเนิดความรอ้ น ที่ก่อใหเ้ กิดประกายไฟ”
หรอื งานประกายไฟในรศั มี10 เมตร และมี ห้ามนาสง่ิ ของที่เป็นแหล่งกาเนิดไฟ เช่นไม้ขีด
ถังดับเพลิงในระยะ 5 เมตร อย่างน้อย 1 ถัง ไฟแช็ค เข้ามาในพื้นท่ีปฏิบัติงาน
ห้ามนาสารเคมีที่สามารถทาปฏิกิรยิ ากันได้ไว้
ในพ้นื ท่ีเดยี วกัน
7 เม่ือไม่ใช้สารเคมีต้องยืนยันวา่ ภาชนะบรรจุถูก หา้ มรบั ประทานอาหารหรอื เคร่ืองดื่มขณะ
ปดิ อยู่เสมอ ปฏิบตั งิ านกับสารเคมี
คมู่ อื ความปลอดภยั ในการทางาน47
2. กฏทั่วไปสำหรับกำรปฏิบัติงำนบนทีส่ งู
รูปภำพ ขอ้ กฎกำรปฏิบตั ิงำน จุดสำคัญ
ผูป้ ฏบิ ตั ิงาน ณ พน้ื ที่ท่ีมีความสงู หรอื ความลกึ ตอ้ งไดร้ บั การรบั รองจากแพทย์วา่ ไม่เปน็ โรค
1 ตง้ั แต่ 2 เมตรข้ึนไป ตอ้ งผา่ นการอบรมหลัก ลมชัก,โรคเบาหวาน,โรคหัวใจ และ
สตู รการปฏิบัตงิ านบนที่สงู โรคความดนั โลหติ สงู
2 สวมใส่หมวกนิรภัยและเข็มขัดนิรภยั 2 ตะขอ ตรวจสอบอุปกรณก์ ่อนสวมใส่
สาหรบั ปอ้ งกันการตกจากท่ีสงู ห้ามใช้ตะขอเล็ก ห้ามอ้อมมายึดเชือก
คล้องเข็มขัดนิรภัยตลอดการปฏิบัตงิ านบน การเปลื่ยนจุดปฏิบตั งิ านต้องคลอ้ งตะขอท่ีจุด
ท่ีสูง ถัดไปก่อนแล้วจึงปลดตะขออีกตวั จาก
3 จุดเดมิ
ห้ามปลดตะขอพรอ้ มกัน 2 อัน
4 กรณขี ้ึน-ลงพนื้ ท่ีตา่ งระดบั ตงั้ แต่ 0.5 ม.ตอ้ งจัด กรณพี น้ื ท่ีตา่ งระดบั ตงั้ แต่ 1.2 ม. ขึ้นไปตอ้ ง
ให้มีบันไดข้ ึ้นลง ตดิ ตั้งบันไดพร้อมราวจับ
ตดิ ตง้ั แผน่ ปูสาหรับเดนิ และปฏิบัตงิ าน ความกว้างของแผ่นปูไม่น้อยกว่า 45 ซม.
5 ระยะห่างระหว่างแผ่นไม่เกนิ 3 ซม.
ตดิ ตงั้ ราวกนั ตกพรอ้ มราวกลางและมีมาตรการ กนั ตกสูง 90-110 ซม. ราวกลางสูง45-55 ซม.
6 ป้องกนั ของตกที่ขอบหรือช่องเปิดของพื้นท่ี
ปฏิบัตงิ าน
ในกรณไี ม่สามารถตดิ ตงั้ ราวกนั ตกให้ตดิ ต้งั เชือกชีวิต ตรวจสอบพื้นท่ีปฏิบัตงิ านให้มีจุดคลอ้ ง
(Lifeline) เกียวตะขอ
จุดคลอ้ งเกี่ยวตอ้ งมั่นคง แข็งแรงและสามารถรบั
7 แรงกระชากจากการตกได้
จุดคลอ้ งเก่ียวควรสงู กว่าระดบั เอว ยกเว้นกรณีที่ไม่
สามารถตดิ ต้งั ได้
8 หากมีการปฏิบัตงิ านทับซ้อนดา้ นล่างจะตอ้ ง
ตดิ ต้งั ตาขา่ ยหรอื มาตรการอ่ืนป้องกันของตก
9 แขวนป้าย“อยู่ระหว่างการปฏิบัตงิ านบนท่ีสูง” แขวนป้ายให้สามารถมองเห็นไดช้ ัดเจน
และกันพนื้ ที่ดา้ นลา่ งบรเิ วณท่ีมีการปฏิบัตงิ าน
10 การนาวัสดขุ ้ึน-ลงท่ีสงู ตอ้ งผกู มัดเพื่อป้องกนั การตก ห้ามวางวัสดอุ ปุ กรณ์ ขึ้น-ลง ระหว่างการปฏิบัตงิ าน
บนท่ีสูง
11 กรณีจาเป็นตอ้ งวางวัสดไุ ปไว้บนท่ีสงู ตอ้ งผกู มัดเพือ่ ห้ามวางวัสดอุ ุปกรณก์ ดี ขวางทางเดนิ หรือพืน้ ท่ี
ป้องกันการตก ปฏิบัตงิ าน
12 มีแสงสว่างเพียงพอสาหรบั การปฏิบัตงิ านบนท่ีสูง ความเขม้ ข้นของการสอ่ งสว่างไม่น้อยกว่า 70 ลักซ์
หรือในหลุม และเหมาะสมกบั ลกั ษณะงาน
กรณปี ฏิบัตงิ านนอกอาคารให้หยุดการปฏิบัตงิ านบน ความเรว็ ลมไม่เกิน 10 เมตรตอ่ วินาที
13 ท่ีสูงทันทีหากมีลมพัดแรงหรอื ฝนฟ้าคะนอง
14 ใช้อปุ กรณ์สาหรับการทางานบนที่สูงอยา่ งเหมาะสม ห้ามใช้รถกระเช้าสว่ นบุคคล
คมู่ ือความปลอดภยั ในการทางาน48
3. กฎกำรใชบ้ ันไดพบั ข้อ กฎกำรปฏิบตั ิงำน จุดสำคญั
รูปภำพ
โครงสรา้ งของบันไดตอ้ งพรอ้ มใช้งานไม่ชารดุ ต้องผ่านการตรวจสอบและตดิ สต๊ิกเกอรอ์ นุญาต
-โครงสรา้ งไม่แอ่น งอ เสียรปู ทรง หัก ผุกรอ่ น ใหใ้ ช้งาน
-ขันบันไดกวา้ งมากกวา่ 5 ซม. ไม่มีคราบน้ามัน จารบี สารอืนใดท่ีทาให้ล่ืนตดิ
1 -สว่ นลา่ งสดุ ขาบันได ท้ัง 4 จุด ต้องยึดติดด้วย อยู่กับขั้นบันไดหรอื เฟรมบันได
วสั ดปุ ้องกันการล่ืน
-ส่วนของบันไดพับที่สูงเกิน 2 เมตร ตอ้ งทาด้วย
สแี ดง
หา้ มผูป้ ฏบิ ตั ิงานยืนบนบันไดสงู เกิน 2 เมตร หากจาเป็นตอ้ งยืนปฏบิ ัตเิ กิน 2 เมตร ตอ้ ง
2 ไดร้ บั การอนูญาตจาก Safety และ คลอ้ งเข็มขัด
นิรภัยตลอดเวลา
ตง้ั บนั ไดใหไ้ ดร้ ะนาบและม่ันคง สาหรบั การทางานบนตะแกรง หรอื Grating
ต้องพจิ ารณาจัดหาวสั ดทุ ี่แข็งแรง วางปูบนพื้น
ดงั กล่าวก่อนวางบนั ไดพับและต้องพิจารณาการ
วางตอ้ งสมดุลไม่ใหเสียการทรงตัว
หา้ มใช้บันไดพบั บนพน้ื ท่ีอ่อนหรอื ยุบตัวขรขุ ระ
3 หรอื เปน็ หลุม
หา้ มนาบันไดพับมากางตรงและใช้แทนบนั ได้
พาด
หา้ มใช้บนั ไดพบั พงิ กับผนังเพื่อใช้งาน
ห้ามใช้บันไดพบั บนนั่งรา้ น
ห้ามใช้บันไดพับตัง้ แต่ 2 ตัวมาตอ่ กัน
กางบนั ไดใหส้ ดุ ก่อนปฏิบตั งิ าน ลอ็ คสลักให้ครบ
4 กางบนั ไดใหส้ ุดและทามุมประมาณ 75 องศา
ขณะข้ึนลงบนั ไดต้องมี 3 ส่วนของรา่ งกาย(มือ กรณที ี่ต้องส่งวสั ดุส่งิ ของตอ้ งจัดหาคนลาเลียง
และเท้า) สมั ผัสกับบนั ไดอย่างม่ันคงตลอดวลา ของใหผ้ ้ปู ฏิบัตงิ านบนบนั ไดพับ
ห้ามขึ้นหรอื ลงบนั ไดพบั ขณะถือวสั ดอุ ื่นๆหรอื
5 สัมภาระบางอย่าง
ห้ามโยนวสั ดุหรอื สงิ่ ของขึ้นลงขณะใช้บนั ไดพบั
ข้ึนปฏิบตั งิ านบนบนั ได้พับคร้ังละ 1 คนเท่านั้น ตอ้ งขึ้นปฏิบัตหิ น้างานฝังท่ีมีพ้นื ที่เพียงพอต่อ
การยืนอย่างม่ันคง
6 หา้ มผปู้ ฏิบตั งิ านเงยคอ 90 องศา
ห้ามปฏบิ ัตงิ านบนชันบนสุดของบนั ไดพบั
หา้ มใช้บันไดพบั กับงานท่ีใช้แรงใหก้ ารดงึ
7 ตืนไม่เกินบนั ไดข้ันท่ีสามนับจากข้ันสูงสดุ ของ กรหะา้ชมากเอซื้อ่ึงมมทีผาลงตาอ่ นกแาลระทหรันงตหวัลงั เข้าหาบนั ได
บันไดเพื่อใหย้ ืนไดอ้ ย่างม่ันคง
8 ต้องมีผ้ชู ่วยจับบันไดม่ันคงอยู่ตลอดเวลาขณะที่ ขณะปฏบิ ัติงานห้ามผหู้ น่ึงผูใ้ ดพิงบนั ได
มีผู้ปฏบิ ตั ิงานบนบันไดพบั
กรณีการใช้บนั ไดใกล้ช่องปดิ ต้องมีมาตรการ ตดิ ต้ัง ตาข่ายกันตกหรอื ปิดช่องเปดิ นั้นด้วย
ความปลอดภัย ในการปอ้ งกันการตกลงไปใน วสั ดทุ ่ีมีความแข็งแรง
9 ช่องเปดิ นั้น
ห้ามทางานใกล้ช่องเปิด หากไม่มีมาตรการ
ปอ้ งกันตกลงไปในช่องเปิด
คมู่ อื ความปลอดภยั ในการทางาน49
4. นัง่ ร้ำนหอเลอ่ื น ขอ้ กฎกำรปฏบิ ตั งิ ำน จุดสำคัญ
รูปภำพ
นั่งร้านหอเลื่อนจะตอ้ งผา่ นการตรวจสอบและไดร้ บั ตรวจสอบให้ครบถ้วนโดยใช้แบบตรวจสอบ
1 อนุญาตให้ใช้งาน ตดิ ป้ายแสดงสถานะของนั่งรา้ นหลงั การตรวจสอบ
ล้อของน่ังร้านตอ้ งสามารถล็อคไดอ้ ยา่ งแน่นหนา สภาพลอ้ ไดม้ าตรฐานและไม่เสียรปู ทรง
2 และก่อนปฏิบัตงิ านตอ้ งล็อคล้อทุกครง้ั
ลอ้ ของน่ังรา้ นทุกล้อตอ้ งสมั ผมั กบั พ้นื
ตดิ ตัง้ บันไดสาหรบั ข้ึน-ลงน่ังรา้ นพร้อมราวจับ จับราวบันไดตลอดเวลา ไม่ถือสิ่งของขณะข้ึนลงบันได
3 ห้ามปีนข้ึน-ลง นั่งรา้ น
4 ตดิ ตงั้ ราวกันตกในระดบั ความสูง 90-110 ซม.
(พรอ้ มราวกลางสูง 45-55ซม.)ให้ครบทุกดา้ น
ตดิ ต้งั ขอบกันตกสาหรบั พื้นที่ปฏิบัตงิ านท่ีมีความสงู
5 อย่างน้อย 10 ซม.
ปูแผ่นเหลก็ ให้เตม็ พ้นื ที่ยืนปฏิบัตงิ าน โดยแผ่นปูควร กรณที ี่แผน่ ปูไม่เตม็ พนื้ ที่ปฏิบัตงิ าน ให้ตดิ ตั้งราวกัน
6 มีความกว้างไม่น้อยกว่า 45 ซม. ตก
ความสงู ของราวกนั ตกอยู่ระหว่า 90-110ซม.
นั่งรา้ นท่ีสูงตัง้ แต่ 3 ช้ันขึ้นไปตอ้ งตดิ ตงั้ คา้ ยนั เพ่อื ไม่ตั้งน่ังรา้ นหอเลื่อนสงู เกิน 4 ชั้น
7 ความม่ันคงของโครงสร้างนั่งรา้ น
8 ขณะปฏิบัตงิ านบนน่ังรา้ น ตอ้ งใช้เข้มขัดนิรภัยคลอ้ ง ห้ามเคลื่อนย้านคณะมีผู้ปฏิบัตงิ านนั่งอยู่บนน่ังรา้ น
กับโครงสรา้ งตลอดเวลาการปฏิบัตงิ าน
9 ผกู ยึดหรือจัดเกบ็ อปุ กรณท์ ี่ใช้สาหรบั การปฏิบัตงิ าน ห้ามโยนวัสดอุ ปุ กรณ์ ข้ึน-ลงนั่งร้าน
บนน่ังร้าน
ตดิ ป้ายแสดงน้าหนักที่นั่งรา้ นสามารถรบั ได้ มีเอกสารแสดงรายละเอยี ด (specification)ของ
น่ังรา้ นหรอื มีมาตรฐานท่ีอ้างอิงได้
10 ตอ้ งรบั น้าหนักด้ยิ า่ งน้อย 250 กโิ ลกรัม
นั่งรา้ นตอ้ งตดิ บนพืน้ ราบเรียบและแขง็ แรงเพียงพอ หากพนื้ ที่ไม่มั่นคงตอ้ งผูกมัดน่ังรา้ นหอเลื่อนกบั
11 ในการรองรับโครงสร้าง โครงสร้างท่ีมั่นคงแขง็ แรง
ห้ามพาดวัสดอุ ื่นๆท่ีทาให้นั่งร้านเสยี การทรงตวั
12 กาหนดและก้ันพน้ื ท่ีการทางาน ตดิ ป้ายแสดงการปฏิบัตงิ านบนที่สงู
คมู่ ือความปลอดภัยในการทางาน50