The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

การศึกษาสภาพการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน สำหรับเด็กที่ไม่มีหลักฐานทางทะเบียนราษฎรหรือไม่มีสัญชาติไทย และบุตรหลานของแรงงานข้ามชาติในจังหวัดตาก

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Warakorn Saikaew, 2023-06-28 23:46:47

รายงานการศึกษาสภาพการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน สำหรับเด็กที่ไม่มีหลักฐานทางทะเบียนราษฎรหรือไม่มีสัญชาติไทย

การศึกษาสภาพการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน สำหรับเด็กที่ไม่มีหลักฐานทางทะเบียนราษฎรหรือไม่มีสัญชาติไทย และบุตรหลานของแรงงานข้ามชาติในจังหวัดตาก

Keywords: เด็กที่ไม่มีหลักฐานทางทะเบียนราษฎร,เด็กไม่มีสัญชาติไทย,บุตรหลานของแรงงานข้ามชาติ

๔๑ 1) กำรสนทนำกลุ่ม (Focus Group)ผู้ศึกษาใช้วิธีการก าหนดประเด็นและแนวค าถามไว้ก่อนล่วงหน้า ตามวัตถุประสงค์ของการศึกษา และด าเนินการสนทนากลุ่ม ครั้งที่ 1 เมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2561 ผู้เข้าร่วมสนทนากลุ่ม จ านวน 24 คน และครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 4 เมษายน 2561 ผู้เข้าร่วมสนทนากลุ่ม จ านวน 24 คน ทั้งนี้ ผู้ให้ข้อมูลส าคัญประกอบด้วย ผู้บริหารสถานศึกษา ครู เจ้าหน้าที่ผู้ดูแล นักเรียน และผู้ปกครอง 2) กำรประชุมระดมควำมคิดเห็น หลังจากลงพื้นที่ศึกษาภาคสนามแล้วได้มีการประชุมระดมความคิดเห็น โดยรับฟังข้อเสนอแนะแนวทางการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน ส าหรับเด็กที่ไม่มีหลักฐานทางทะเบียนราษฎร หรือไม่มีสัญชาติไทยและบุตรหลานของแรงงานข้ามชาติในจังหวัดตาก เมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม ๒๕๖๑ ณ ห้องประชุมกลาง ชั้น 5 อาคาร 2 ส านักงานเลขาธิการสภาการศึกษา ผู้เข้าร่วมประชุม จ านวน 9 คน ประกอบด้วย ผู้แทนจากศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย กลุ่มเป้าหมายพิเศษ ส านักงาน ส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย ผู้แทนจากส านักงานคณะกรรมการศึกษาขั้นพื้นฐาน ผู้อ านวยการส านักมาตรฐานการศึกษาและพัฒนาการเรียนรู้ผู้อ านวยการกลุ่มและนักวิชาการศึกษากลุ่มพัฒนา นโยบายด้านการเพิ่มโอกาสการเรียนรู้ตลอดชีวิต ทั้งนี้ ในกำรตอบวัตถุประสงค์ข้อที่ 3 นอกจากใช้วิธีการเก็บข้อมูลโดยการสนทนากลุ่มและการประชุม ระดมความคิดเห็น เพื่อรับฟังข้อเสนอแนะเกี่ยวกับแนวทางการแก้ไขปัญหาจัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน ส าหรับเด็กที่ไม่มีหลักฐานทางทะเบียนราษฎรหรือไม่มีสัญชาติไทยและบุตรหลานของแรงงานข้ามชาติ ในจังหวัดตากแล้ว ได้น าผลจากการศึกษาสภาพการจัดการศึกษา ปัญหาและอุปสรรคในการจัดการศึกษา ขั้นพื้นฐานส าหรับเด็กที่ไม่มีหลักฐานทางทะเบียนราษฎร หรือไม่มีสัญชาติไทยและบุตรหลานของแรงงาน ข้ามชาติในจังหวัดตาก มาประกอบการจัดท าแนวทางการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน ส าหรับเด็กที่ไม่มีหลักฐาน ทางทะเบียนราษฎรหรือไม่มีสัญชาติไทย และบุตรหลานของแรงงานข้ามชาติในจังหวัดตากด้วย 2.สรุปผลจำกกำรศึกษำเอกสำรและกำรลงพื้นที่ศึกษำภำคสนำม น าข้อมูลจากการศึกษาเอกสารและจากการลงพื้นที ่ศึกษาภาคสนาม มารวบรวม เรียบเรียง แยกข้อมูลออกตามประเด็นที่ศึกษา ขั้นตอนที่ 3 กำรวิเครำะห์สังเครำะห์ข้อมูล 1) ข้อมูลจากการศึกษาเอกสาร ใช้วิธีวิเคราะห์เนื้อหา (Content Analysis) ในประเด็นที่เกี่ยวกับ การจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานส าหรับเด็กที่ไม่มีหลักฐานทางทะเบียนราษฎรหรือไม่มีสัญชาติไทยและบุตรหลาน ของแรงงานข้ามชาติ 2) ข้อมูลจากการศึกษาเอกสารและการศึกษาภาคสนาม ที่เกี่ยวกับการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานส าหรับ เด็กที่ไม่มีหลักฐานทางทะเบียนราษฎรหรือไม่มีสัญชาติไทยและบุตรหลานของแรงงานข้ามชาติจังหวัดตาก ใช้วิธีวิเคราะห์ตามประเด็น เพื ่อตอบวัตถุประสงค์ข้อที ่ ๑ ข้อที ่ ๒ และจัดท าแนวทางการจัดการศึกษา ขั้นพื้นฐานส าหรับเด็กที่ไม่มีหลักฐานทางทะเบียนราษฎรหรือไม่มีสัญชาติไทยและบุตรหลานของแรงงาน ข้ามชาติในจังหวัดตาก เพื่อตอบวัตถุประสงค์ข้อที่ 3 3) น าเสนอผลการศึกษาโดยการเขียนเชิงพรรณนา (Descriptive) 4) ยกร่างรายงานการศึกษาสภาพการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานส าหรับเด็กที่ไม่มีหลักฐาน ทางทะเบียนราษฎรหรือไม่มีสัญชาติไทยและบุตรหลานของแรงงานข้ามชาติในจังหวัดตาก


๔๒ ขั้นตอนที่ ๔ จัดท ำรำยงำนฉบับสมบูรณ์ ขั้นตอนนี้ประกอบด้วย ๒ ขั้นตอนย่อย ดังนี้ 1. กำรพิจำรณำตรวจสอบเนื้อหำ ควำมถูกต้องของร่างรายงานการศึกษาสภาพการจัดการศึกษา ขั้นพื้นฐาน ส าหรับเด็กที่ไม่มีหลักฐานทางทะเบียนราษฎร หรือไม่มีสัญชาติไทยและบุตรหลานของแรงงาน ข้ามชาติในจังหวัดตาก 1) จัดท า ร่าง รายงานการศึกษาสภาพการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน ส าหรับเด็กที่ไม่มีหลักฐาน ทางทะเบียนราษฎรหรือไม่มีสัญชาติไทย และบุตรหลานของแรงงานข้ามชาติในจังหวัดตาก และจัดส่งให้ ผู้ทรงคุณวุฒิ จ านวน 2 ท่าน คือ 1) ศำสตรำจำรย์ ดร.สมพงษ์ จิตระดับ ผู้อ านวยการศูนย์วิชาการ และเครือข่ายวิชาการด้านเด็ก เยาวชน และครอบครัว คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และ 2) ดร.เปรมใจ วังศิริไพศำล นักวิชาการศูนย์วิจัยการย้ายถิ่นแห่งเอเชียสถาบันเอเชียศึกษา จุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลัย ผู้เชี่ยวชาญการวิจัยเกี่ยวกับเด็กข้ามชาติ พิจารณา ร่าง รายงานฯ ให้ข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะ การปรับปรุงเนื้อหาให้มีความสมบูรณ์ เพื่อน าไปประกอบรายงานการจัดการศึกษาส าหรับเด็กที่ไม่มีสัญชาติไทย และบุตรหลานแรงงานข้ามชาติในประเทศไทย 2) น า ร่าง รายงานการศึกษาสภาพการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน ส าหรับเด็กที่ไม่มีหลักฐานทางทะเบียน ราษฎรหรือไม่มีสัญชาติไทย และบุตรหลานของแรงงานข้ามชาติในจังหวัดตาก จัดส่งให้ผู้ทรงคุณวุฒิ จ านวน 2 ท่าน คือ 1) ดร.ปรเมศวร์ ศิริรัตน์รองเลขาธิการส านักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบ และการศึกษาตามอัธยาศัย และ 2) นำงเกื้อกูล ชั่งใจ อดีตผู้อ านวยการส านักมาตรฐานการศึกษา และพัฒนาการเรียนรู้พิจารณาร ่าง รายงานฯ ให้ข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะการปรับปรุงเนื้อหา ให้มีความสมบูรณ์ 2. จัดท ำรำยงำนฉบับสมบูรณ์ ผู้ศึกษาน าข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะจากผู้ทรงคุณวุฒิมาปรับปรุง ร่าง รายงานฯ และจัดท าเป็น รายงานการศึกษาสภาพการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานส าหรับเด็กที่ไม่มีหลักฐานทางทะเบียนราษฎรหรือ ไม่มีสัญชาติไทยและบุตรหลานของแรงงานข้ามชาติในจังหวัดตาก ฉบับสมบูรณ์


๔๓ แผนภาพที่ ๕ ขั้นตอนวิธีด าเนินการ ขั้นตอนที่ 1 กำรก ำหนดกรอบแนวคิด และกำรศึกษำ การเก็บรวบรวมข้อมูลและการศึกษาข้อมูลเชิงลึก การศึกษาจากเอกสารและการศึกษาภาคสนาม ก าหนดสถานศึกษาที่ใช้เป็นกรณีศึกษาภาคสนาม 1) การศึกษาในระบบโรงเรียนภายใต้การก ากับดูแล ของหน่วยงานภาครัฐ (โรงเรียนรัฐ/โรงเรียนเอกชน) - โรงเรียนแม่ตาวแพะ - โรงเรียนบ้านหัวฝาย - โรงเรียนบ้านท่าอาจ - โรงเรียนอนุกูลวิทยา (วัดดอนแก้ว) - โรงเรียนอิสลามศึกษา 2)การจัดการศึกษานอกระบบโดยส านักงานส่งเสริม การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย(กศน.) 3)ศูนย์การเรียนเด็กข้ามชาติขององค์กรเอกชน (NGOs) - ศูนย์พัฒนาการเรียนรู้เพื่อเด็กด้อยโอกาสซีดีซี - ศูนย์การเรียนรู้ปารมี - ศูนย์การเรียนรุ่งอรุณ - ศูนย์การเรียนซันเซท จัดท าก าหนดการ ก าหนดประเด็นในการศึกษา รวบรวม วิเคราะห์ข้อมูลจากการศึกษาเอกสาร และจากการศึกษาภาคสนาม จัดท าร่างรายงานฯ จ านวน ๒ ครั้ง สถานศึกษา ๑๐ แห่ง ใช้กระบวนการเชิงคุณภาพ ประชุมรับฟังความคิดเห็น การสนทนากลุ่ม (Focus Group) การสัมภาษณ์เชิงลึก (In-depth Interview) การสังเกตการณ์ บันทึกภาพและเสียง ศึกษาเอกสารงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง แต่งตั้งคณะท างานฯ รวบรวมข้อมูลและเตรียมการ ก่อนลงพื้นที่ศึกษาภาคสนาม แนวคิดเกี่ยวกับสิทธิการศึกษา ความหมายเด็กที่ไม่มีหลักฐานทางทะเบียนราษฎร เด็กไม่มีสัญชาติไทย และบุตรหลานของแรงงานข้ามชาติ แนวคิดเกี่ยวกับการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานส าหรับเด็กที่ ไม่มีหลักฐานทางทะเบียนราษฎรหรือไม่มีสัญชาติไทย และบุตรหลานของแรงงานข้ามชาติในประเทศไทย กฎหมายระหว่างประเทศและกฎหมายและนโยบายที่ เกี่ยวข้องของประเทศไทย บริบทของจังหวัดตาก ขั้นตอนที่ ๒ กำรเก็บรวบรวมข้อมูล กำรลงพื้นที่ศึกษำ ภำคสนำมและกำร สัมภำษณ์ ขั้นตอนที่ ๓ กำรวิเครำะห์ สังเครำะห์ข้อมูล แต่งตั้งคณะท างานการศึกษาน าร่องการจัดการศึกษา ส าหรับบุตรหลานแรงงานข้ามชาติในประเทศไทย ประชุมร่วมกับคณะท างานฯ เพื่อก าหนดกรอบการท างาน วางแผนการด าเนินงาน และพิจารณาคัดเลือกพื้นที่ กรณีศึกษาภาคสนาม ขั้นตอนที่ ๔ จัดท ำรำยงำน ฉบับสมบูรณ์ ยกร่างรายงานการศึกษา การพิจารณาร่างรายงาน จัดท ารายงานฉบับสมบูรณ์ เผยแพร่ผลการศึกษาผ่านช่องทาง ต่าง ๆ ผู้ทรงคุณวุฒิ4 ท่านพิจารณา - ลงพื้นที่ศึกษาภาคสนาม สรุปผลจากการลงพื้นที่


๔๔ ๓.๒ ประชำกรและกลุ่มตัวอย่ำง การศึกษาครั้งนี้ มีประชากรและกลุ่มตัวอย่าง ดังนี้ 3.2.1 ประชำกร (Population) ในการศึกษาครั้งนี้ คือ สถานศึกษาที่จัดการศึกษาในระดับการศึกษา ขั้นพื้นฐาน ใน 3 รูปแบบ ได้แก่ การจัดการศึกษาในระบบโรงเรียน การศึกษานอกระบบและการศึกษา ตามอัธยาศัย และการจัดการศึกษาในศูนย์การเรียนเด็กข้ามชาติ(Migrant Learning Center-MLC) ที่ตั้งอยู่ในจังหวัดตาก 3.2.2 กลุ่มตัวอย่ำง (Sample) ที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้คือ สถานศึกษาที่จัดการศึกษาในระดับ การศึกษาขั้นพื้นฐานใน 3 รูปแบบ ได้แก่ การจัดการศึกษาในระบบโรงเรียน การศึกษานอกระบบและ การศึกษาตามอัธยาศัย และการจัดการศึกษาในศูนย์การเรียนเด็กข้ามชาติ(Migrant Learning Center-MLC) ที่ตั้งอยู่ในอ าเภอแม่สอด จังหวัดตาก โดยการเลือกกลุ่มตัวอย่างแบบเจาะจง ( Purposive sampling) ซึ่งมีเกณฑ์ในการคัดเลือก ดังนี้ 1) เป็นสถานที่มีการจัดการศึกษาในรูปแบบแตกต่างกัน 2) เป็นสถานศึกษา ที่มีสังกัด/แหล่งงบประมาณแตกต่างกัน 3) สถานศึกษามีจ านวนนักเรียนไม่มีสัญชาติไทยเรียนอยู่มากกว่า ร้อยละ 60 (ยกเว้นการจัดการศึกษาของ กศน.) และ 4) สถานที่ตั้งของสถานศึกษา (ใกล้ชายแดน/ชุมชน) ดังนั้น จากการคัดเลือกกลุ่มตัวอย่างจึงได้สถานศึกษาที่ใช้ในการศึกษาดังนี้ ๑) การจัดการศึกษาในระบบโรงเรียนภายใต้การก ากับดูแลของหน่วยงานภาครัฐ ส านักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) จ านวน ๓ โรงเรียน ได้แก่ (๑) โรงเรียนแม่ตาวแพะ (๒) โรงเรียนบ้านหัวฝาย (๓) โรงเรียนบ้านท่าอาจ ส านักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.) จ านวน ๒ โรงเรียน ได้แก่ (๑) โรงเรียนอนุกูลวิทยา (วัดดอนแก้ว) (๒) โรงเรียนอิสลามศึกษา 2) การจัดการศึกษานอกระบบโดยส านักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษา ตามอัธยาศัย (กศน.) อ าเภอแม่สอด 3) ศูนย์การเรียนเด็กข้ามชาติ(Migrant Learning Center-MLC) ขององค์กรเอกชน (NGOs) จ านวน 4 ศูนย์ ได้แก่ (๑) ศูนย์พัฒนาการเรียนรู้เพื่อเด็กด้อยโอกาส ซีดีซี ( Children’s Development Center: CDC ) (๒) ศูนย์การเรียนรู้ปารมี (Parami Learning Center) (๓) ศูนย์การเรียนรุ่งอรุณ (Morning Glory Learning Center) (๔) ศูนย์การเรียนซันเซท (Sunset School) ทั้งนี้ผู้ให้ข้อมูลส าคัญ (Key informant) ได้แก ่ ผู้บริหารสถานศึกษา ครู นักเรียน เจ้าหน้าที่ ผู้ดูแล และผู้ปกครอง


ที่มา : ส านักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาตาก เขต 2 บทที่ 4 ผลการศึกษา การศึกษาสภาพการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานส าหรับเด็กที่ไม่มีหลักฐานทางทะเบียนราษฎร หรือไม่มีสัญชาติไทย และบุตรหลานของแรงงานข้ามชาติในจังหวัดตากครั้งนี้มีวัตถุประสงค์๑) เพื่อศึกษา สภาพการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานส าหรับเด็กที่ไม่มีหลักฐานทางทะเบียนราษฎรหรือไม่มีสัญชาติไทย และบุตรหลานของแรงงานข้ามชาติในจังหวัดตาก ๒) เพื่อศึกษาปัญหาและอุปสรรคในการจัดการศึกษา ขั้นพื้นฐานส าหรับเด็กที่ไม่มีหลักฐานทางทะเบียนราษฎรหรือไม่มีสัญชาติไทยและบุตรหลานของแรงงาน ข้ามชาติในจังหวัดตาก และ ๓) เพื่อจัดท าแนวทางการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานส าหรับเด็กที่ไม่มีหลักฐาน ทางทะเบียนราษฎรหรือไม่มีสัญชาติไทยและบุตรหลานของแรงงานข้ามชาติในจังหวัดตาก สามารถน าเสนอ ผลการศึกษาได้ดังนี้ 4.1 สภาพการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานส าหรับเด็กที่ไม่มีหลักฐานทางทะเบียนราษฎรหรือ ไม่มีสัญชาติไทยและบุตรหลานของแรงงานข้ามชาติในจังหวัดตาก ผลการศึกษาเอกสาร พบว่า ในปี พ.ศ. ๒๕๕๙ จังหวัดตากมีประชากรเด็กที่อยู่ในช่วงอายุวัยเรียนระดับ การศึกษาขั้นพื้นฐาน (๕-๑๙ ปี) จ านวน ๑๒๗,๔๕๘ คน (กองยุทธศาสตร์และสารสนเทศที่อยู่อาศัย ฝ่ายวิชาการพัฒนา ที่อยู่อาศัย การเคหะแห่งชาติ, 2560)และมีนักเรียนที่ไม่มีสัญชาติไทย (รหัส G) ปีการศึกษา ๒๕๕๙ ในสังกัดสพฐ. จ านวน ๘,๐๖๕ คน ซึ่งยังไม่รวมเด็กไม่มีสัญชาติไทยที่รอการตรวจสอบสถานะเด็กไม่มีหลักฐานทะเบียนราษฎร เด็กกลุ่มชาติพันธุ์ เด็กข้ามชาติที่ติดตามครอบครัวมาท างาน ซึ่งคาดการณ์ว่าจะมีเด็กเหล่านี้อยู่ในจังหวัดตากเป็น จ านวนถึง ๔๐,๐๐๐ - ๕๐,๐๐๐ คน กระจายอยู่ โดยเฉพาะในพื้นที่บริเวณ 5 อ าเภอ ที่มีแนวชายแดนติดกับสาธารณรัฐ แห่งสหภาพเมียนมาได้แก่อ าเภอแม่ระมาด อ าเภอแม่สอด อ าเภอท่าสองยาง อ าเภอพบพระ และอ าเภออุ้มผาง การจัดการศึกษาระดับการศึกษาขั้นพื้นฐานในพื้นที่ ๕ อ าเภอชายแดน จังหวัดตาก เป็นภารกิจรับผิดชอบ หลักของส านักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาตาก เขต 2 ทั้งนี้ในปีการศึกษา 2560 สพป. ตาก เขต 2 มีโรงเรียนในสังกัดทั้งหมด 121 โรงเรียน มีนักเรียนทั้งหมด 47,736 คน ในจ านวนนี้เป็นนักเรียนที่ไม่มีสัญชาติไทย (เด็กรหัส G/เด็กถือบัตรต่างด้าว เลข 0 และเด็กต่างด้าวอื่น ๆ) จ านวน 13,620 คน คิดเป็นร้อยละ 28.53 เมื่อแยกจ านวนเด็กตามอ าเภอพบว่า อ าเภอแม่สอดเป็นอ าเภอที่มีนักเรียนไม่มีสัญชาติไทยมากที่สุด แสดงรายละเอียด จ านวนนักเรียนในแต่ละอ าเภอได้ดังตารางที่ 5 ตารางที่ 5 จ านวนนักเรียนไม่มีสัญชาติไทยในโรงเรียนของรัฐบาลไทย ปีการศึกษา 2560 สังกัดส านักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาตากเขต 2 อ าเภอ จ านวน โรงเรียน นักเรียน สัญชาติไทย (คน) นักเรียน ไม่มีสัญชาติ ไทย (คน) นักเรียน ทั้งหมด (คน) เปอร์เซ็นต์นักเรียน ไม่มีสัญชาติไทย ในโรงเรียน เปอร์เซ็นต์นักเรียนไม่มี สัญชาติไทยเทียบกัน ทั้งหมด ใน 5 อ าเภอ แม่ระมาด 22 4,399 1,196 5,595 21.38 % 8.78 % แม่สอด 39 6,658 4,082 10,740 38.01 % 29.99 % ท่าสองยาง 21 9,944 3,509 13,453 26.08 % 25.76 % พบพระ 25 9,788 3,156 12,944 24.38 % 23.17 % อุ้มผาง 14 3,327 1,677 5,004 33.51 % 12.30 % รวม 121 34,116 13,620 47,736 28.53 % 100 %


๔๖ ที่มา : ส านักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาตาก เขต 2 จากตารางที่ 5 แสดงให้เห็นว่า ในจ านวนนักเรียนไม่มีสัญชาติไทยในโรงเรียนสังกัดส านักงานเขตพื้นที่ การศึกษาประถมศึกษาตาก เขต 2 ทั้งหมด 13,620 คนนี้มีนักเรียนไม่มีสัญชาติไทยที่เรียนอยู่ในอ าเภอแม่สอด มากที่สุด คือ 4,082 คน (ร้อยละ 29.99) รองลงมาคือ อ าเภอท่าสองยาง 3,509 คน (ร้อยละ 25.76) อ าเภอพบพระ 3,156 คน (ร้อยละ 23.17) อ าเภออุ้มผาง 1,677 คน (ร้อยละ 12.30) และอ าเภอแม่ระมาด 1,196 คน (ร้อยละ 8.78)ตามล าดับ เมื่อคิดสัดส่วนของจ านวนนักเรียนที่ไม่มีสัญชาติไทยกับนักเรียนที่มี สัญชาติไทยในโรงเรียนทั้ง 5 อ าเภอ พบว่า อ าเภอแม่สอดมีสัดส่วนของนักเรียนที่ไม่มีสัญชาติไทยสูงสุดคือ ร้อยละ ๓๘.01 และเมื่อพิจารณาจ านวนนักเรียนไม่มีสัญชาติไทยในสังกัดส านักงานเขตพื้นที่การศึกษา ประถมศึกษาตาก เขต 2 จ านวน 13,620 คน เทียบกับจ านวนนักเรียนไม่มีทะเบียนราษฎรในสังกัดส านักงาน คณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานจากทั่วประเทศ จ านวน 155,954 คน พบว่ามีสัดส่วนมากถึง ร้อยละ 8.73 ทั้งนี้ เมื่อน านักเรียนที่ไม่มีสัญชาติไทยจ านวน 13,620 คน มาแยกตามสถานภาพการลงทะเบียน พบว่า เป็นเด็กรหัส G (ก าหนดโดยระบบ DMC ของ สพฐ.) จ านวน 7,100 คน (ร้อยละ 52.0) เด็กถือบัตรเลข 0 (ผู้ที่ไม่มี สถานะทางทะเบียน ก าหนดโดยกระทรวงมหาดไทย) จ านวน 4,203 คน (ร้อยละ 31) และเด็กต่างด้าวอื่น ๆ จ านวน 2,317 คน (ร้อยละ 17) สามารถแสดงรายละเอียดได้ดังแผนภาพที่ 6 ดังนี้ แผนภาพที่ 6 จ านวนนักเรียนที่ไม่มีสัญชาติไทยในโรงเรียนรัฐ ปีการศึกษา 2560 แยกตามสถานภาพการลงทะเบียน สังกัด สพป.ตาก เขต 2 จากข้อมูลจ านวนเด็กที่เข้ารับการศึกษาในระดับการศึกษาขั้นพื้นฐานที่แสดงถึงให้เห็นว่าโรงเรียน จะต้องรับเด็กกลุ่มนี้เข้าศึกษาร่วมกับการศึกษาเอกสารเรื่องข้อก าหนดและข้อปฏิบัติต่างๆ ในการรับเด็ก พบว่า แม้จะมีแนวปฏิบัติข้อก าหนดต่าง ๆ ที่เอื้อให้เด็กไม่มีสัญชาติไทยเข้ารับการศึกษาในระบบโรงเรียน แต่เด็กไม่มีสัญชาติไทยจ านวนมากในจังหวัดตากที่ยังขาดโอกาสทางการศึกษา ด้วยสาเหตุหลายประการ ทั้งประสิทธิภาพกลไกการปฏิบัติของรัฐที่ไม่ชัดเจน ข้อจ ากัดของตัวเด็กเและครอบครัว อาทิภาษา ความยากจน และเนื่องจากการศึกษาเป็นสิทธิของเด็กทุกคนที่ต้องได้รับ จึงมีองค์กรเอกชนทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ เข้ามาร่วมจัดการศึกษาให้กับเด็กไม่มีสัญชาติไทยในพื้นที่ 5 อ าเภอชายแดน ในรูปแบบของศูนย์การเรียนเด็กข้ามชาติ (Migrant Learning Center : MLC) ซึ่งส านักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาตาก เขต ๒ ได้มีการส ารวจ และจัดระเบียบศูนย์การเรียนเด็กข้ามชาติมาตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๔๙ และจัดตั้ง “ศูนย์ประสานงานการจัดการศึกษา ไทย–เมียนมา- กะเหรี่ยง” เมื่อวันที่ ๘ พฤษภาคม ๒๕๕๑ เพื่อเป็นศูนย์ประสานการปฏิบัติงานระหว่าง สพป.ตาก เขต 2 ศูนย์การเรียนเด็กข้ามชาติ และองค์กรเอกชนที่จัดการศึกษา ซึ่งต่อมาได้เปลี่ยนชื่อเป็น “ศูนย์ประสานงานการจัดการศึกษาเด็กต่างด้าว” (Migrant Education Coordination Center) รหัส G , 7,100 , 52% บัตรเลข 0, 4,203 , 31% ต่างด้าวอื่นๆ, 2,317 , 17% จ านวนเด็กไม่มีสัญชาติไทยในโรงเรียนรัฐบาลไทย แยกตามสถานภาพเด็ก (คน) ไม่มีหลักฐาน (G) บัตรเลข 0 ต่างด้าวอื่นๆ


๔๗ ที่มา : ส านักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาตาก เขต 2 จากการเก็บข้อมูลของศูนย์ประสานงานการจัดการศึกษาเด็กต่างด้าว พบว่าในปี พ.ศ. 2555 มีการจัด การศึกษาในรูปแบบของศูนย์การเรียนเด็กข้ามชาติ หรือ MLC จ านวน 73 ศูนย์มีนักเรียนจ านวน 13,565 คน ผู้สอนจ านวน 801 คน และในปีพ.ศ. 2๕๕๙ ศูนย์การเรียนเด็กข้ามชาติมีจ านวนลดลงเหลือ 61 ศูนย์ ขณะที่ จ านวนนักเรียนเพิ่มขึ้นเป็น 13,921 คน ต่อมาในปี พ.ศ. 2๕๖๐ ศูนย์การเรียนเด็กข้ามชาติมีจ านวนลดลงอีก 2 ศูนย์ เหลือ ๕๙ ศูนย์๑๒ ห้องเรียนสาขา จ านวนนักเรียนและครูลดลง โดยนักเรียนมีจ านวน 12,848 คน ครูจ านวน 719 คน แต่อย่างไรก็ตาม ในอ าเภอแม่สอดจ านวนนักเรียน ครูและศูนย์การเรียนเด็กข้ามชาติก็มี มากกว่าอีก 4 อ าเภอชายแดนอย่างมาก โดยอ าเภอแม่สอดมีนักเรียนไม่มีสัญชาติไทยเข้าเรียนในศูนย์การเรียน เด็กข้ามชาติ จ านวน 9,473 คน มีครูจ านวน 545 คน และมีศูนย์การเรียนจ านวน 45 ศูนย์และ 4 ห้องเรียน สาขา ขณะที่อีก 4 อ าเภอได้แก่ อ าเภอพบพระ อ าเภอท่าสองยาง อ าเภอแม่ระมาด และอ าเภออุ้มผาง มีนักเรียน ไม่มีสัญชาติไทยเข้าเรียนในศูนย์การเรียนเด็กข้ามชาติ จ านวน 2,354 คน , 341 คน , 581 คน และ 99 คน มีครูจ านวน 106 คน , 31 คน , 28 คน และ 9 คน มีศูนย์การเรียน จ านวน 8 ศูนย์ 5 ห้องเรียนสาขา , 4 ศูนย์ 1 ห้องเรียนสาขา , 2 ศูนย์ 1 ห้องเรียนสาขา และ 1 ห้องเรียนสาขา ตามล าดับ รายละเอียดดังตารางที่ 6 ตารางที่ 6 จ านวนนักเรียน ครู และศูนย์การเรียนเด็กข้ามชาติ (MLC) ปีการศึกษา 2560 จากข้อมูลตัวเลขดังกล่าว อ าเภอแม่สอดเป็นอ าเภอที่มีทั้งจ านวนนักเรียน จ านวนครู และจ านวน ศูนย์การเรียนเด็กข้ามชาติมากที่สุดใน 5 อ าเภอ และจากการศึกษาเอกสารร่วมกับข้อมูลตัวเลขที่แสดง ดังตาราง พบว่า อ าเภอแม่สอดมีการจัดการศึกษาเพื่อรองรับกลุ่มเด็กไม่มีสัญชาติไทยทั้งในรูปแบบของการจัด การศึกษาในระดับการศึกษาขั้นพื้นฐานในระบบโรงเรียน และจัดการศึกษาในรูปแบบศูนย์การเรียนซึ่งเป็น องค์กรเอกชนจัดการศึกษา เมื่อศึกษาถึงรายชื่อองค์กรที่ให้การสนับสนุนงบประมาณศูนย์การเรียนเด็กข้ามชาติ หรือ MLC เพื่อการบริหารจัดการศึกษาในศูนย์การเรียน พบว่า องค์กรเอกชนที่ให้การสนับสนุนงบประมาณศูนย์การเรียน มากที่สุดจาก 59 ศูนย์ 12 ห้องเรียนสาขา คือ มูลนิธิช่วยไร้พรมแดน (Help Without Frontiers) สนับสนุน งบประมาณให้จ านวน 14 ศูนย์ 2 ห้องเรียนสาขา รองลงมาคือ Burmese Migrant Workers' Education Committee (BMWEC) สนับสนุนงบประมาณให้ 13 ศูนย์ 5 ห้องเรียนสาขา ที่เหลือคือมูลนิธิหรือ องค์กรเอกชนอื่นๆ อีก 36 ศูนย์ 5 ห้องเรียนสาขา เช ่น Mae Tao Clinic, Chil’s Dream Foundation, Suwannamit Foundation,Good Friend Center, Chirst Church Bangkok, KRIO Hirunto เ ป็น ต้น ซึ่งส่วนใหญ่เป็นองค์กรเอกชนจากต่างประเทศ รายละเอียดดังตารางที่ 7 อ าเภอ จ านวน ศูนย์การ เรียน จ านวน ห้องเรียน สาขา จ านวนครู (คน) นักเรียน ไม่มีสัญชาติไทย (คน) เปอร์เซ็นต์นักเรียน ไม่มีสัญชาติไทย ใน 5 อ าเภอ เปอร์เซ็นต์ศูนย์การเรียน เด็กข้ามชาติ ใน 5 อ าเภอ แม่สอด 45 4 545 9,473 73.73 % 69.01 % พบพระ 8 5 106 2,354 18.32 % 18.31 % ท่าสองยาง 4 1 31 341 2.65 % 7.04 % แม่ระมาด 2 1 28 581 4.53 % 4.23 % อุ้มผาง - 1 9 99 0.77 % 1.41 % รวม 59 12 719 12,848 100 % 100 %


๔๘ ที่มา : ส านักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาตาก เขต 2 ที่มา: ส านักงานตรวจคนเข้าเมือง แม่สอด จังหวัดตาก ตารางที่ 7 องค์กรเอกชนที่สนับสนุนศูนย์การเรียนเด็กข้ามชาติใน 5 อ าเภอชายแดน จังหวัดตาก พ.ศ. 2560 นอกจากนี้จากการศึกษาเอกสารยังพบว่า ในส่วนของการจัดการศึกษานอกระบบและการศึกษา ตามอัธยาศัยส าหรับเด็กไม่มีสัญชาติไทยในจังหวัดตากนั้น เป็นการท าข้อตกลงร่วมกันระหว่างสถานศึกษา กศน. กับศูนย์การเรียนเด็กข้ามชาติซึ่งพบว่า มีศูนย์การเรียนเด็กข้ามชาติจ านวน ๑๒ ศูนย์ในพื้นที่ 5 อ าเภอ ชายแดน ได้แก่ ศูนย์การเรียนปารมี ศูนย์การเรียนอายอนอู ศูนย์การเรียนซีดีซี ศูนย์การเรียนมอนิงกลอรี ศูนย์การเรียนอโวด้า ศูนย์การเรียนเอยาวดีศูนย์การเรียน B.H.S.O.H ศูนย์การเรียนนิวโซไซตี้ ศูนย์การเรียน นิวบลัด ศูนย์การเรียนแบกาลา ศูนย์การเรียนพาราหิตะทูและศูนย์การเรียนตูเมคีได้ท าข้อตกลงเป็นภาคี เครือข่ายร่วมจัดการศึกษาให้กับเด็กไม่มีสัญชาติไทย ตามแนวทางการจัดการศึกษานอกระบบ ระดับการศึกษา ขั้นพื้นฐานส าหรับเด็กไม่มีสัญชาติไทยที่อยู่ในเกณฑ์การศึกษาภาคบังคับ ระดับประถมศึกษา ตามหลักสูตร การศึกษานอกระบบ ระดับการศึกษาขั้นพื้นฐานพุทธศักราช ๒๕๕๑ โดยเป็นศูนย์การเรียนที่อยู่ในอ าเภอแม่สอด มากถึง ๑๐ ศูนย์ ซึ่งในปีการศึกษา ๒๕๖๐ ภาคเรียนที่ ๒ มีนักเรียนไม่มีสัญชาติไทยลงทะเบียนเรียนกับ สถานศึกษาของกศน. จ านวน ๑79 คน (กศน. ตาก, ๒๕๖๐) เมื่อพิจารณาสถิติการเดินทางผ่านทางเข้า-ออกบริเวณชายแดนของอ าเภอแม่สอดของนักเรียน ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการข้ามพรมแดนเข้ามาเรียนหนังสือในโรงเรียนและศูนย์การเรียน พบว่า แต่ละเดือน มีนักเรียนข้ามพรมแดนมากกว่า 2,000 คน ยกเว้นเดือนตุลาคมที่มีจ านวนนักเรียนข้ามพรมแดนน้อยเนื่องจาก เป็นช่วงปิดภาคเรียน รายละเอียดดังแผนภาพที่ 7 แผนภาพที่ 7 สถิติจ านวนนักเรียนที่เดินทางผ่านเข้า-ออกบริเวณชายแดนอ าเภอแม่สอด จังหวัดตาก องค์กรที่รับผิดชอบ จ านวนศูนย์การเรียน จ านวนนักเรียน จ านวนครู BMWEC 1๓ ศูนย์ ๕ ห้องเรียนสาขา ๒,๒๗๘ ๑๒๘ HWF/มูลนิธิช่วยไร้พรมแดน 1๔ ศูนย์ ๒ ห้องเรียนสาขา ๓,๖๐๗ ๑๕๘ อื่น ๆ/เอกเทศ ๓๒ ศูนย์ ๕ ห้องเรียนสาขา ๖,๙๖๓ ๔๓๓ รวม 59 1๒,8๔๘ ๗๑๙ 1,361 2,838 2,451 2,851 2,709 129 2,838 2,322 - 2,000 4,000 พ.ค. มิ.ย. ก.ค. ส.ค. ก.ย. ต.ค. พ.ย. ธ.ค.คน เดือน สถิติเด็กที่ใช้บัตรนักเรียนผ่านแดนเข้า-ออก ช่วงเดือนพฤษภาคม-ธันวาคม พ.ศ. 2560


๔๙ จากการศึกษาเอกสารการเข้าเรียนในระดับการศึกษาขั้นพื้นฐานของนักเรียนที่ไม่มีสัญชาติไทยที่ได้มีการ เก็บข้อมูลสถิติไว้ พบว่า ปี 2560 นักเรียนที่ไม่มีสัญชาติไทยใน 5 อ าเภอชายแดนมีจ านวนทั้งสิ้น 26,660 คน ครึ่งหนึ่งเป็นนักเรียนที่ไม่มีสัญชาติไทยในอ าเภอแม่สอด จ านวน 13,734 คน (ร้อยละ 51.52) อ าเภอพบพระ จ านวน 5,523 คน (ร้อยละ 20.72) อ าเภอท่าสองยาง จ านวน 3,850 คน (ร้อยละ 14.44) ที่เหลือคือ อ าเภอแม่ระมาดและอ าเภออุ้มผาง มีจ านวนนักเรียนที่ไม่มีสัญชาติไทยในสัดส่วนเท่า ๆ กัน คือ 1,777 คน (ร้อยละ6.66) และ 1,776 คน (ร้อยละ 6.66) โดยอ าเภอที่มีนักเรียนเข้าเรียน 3 รูปแบบ คือ รูปแบบการศึกษา ในระบบโรงเรียน สังกัด สพป.ตากเขต 2 รูปแบบการศึกษานอกระบบ และรูปแบบศูนย์การเรียนเด็กข้ามชาติ ได้แก่ อ าเภอแม่สอดและอ าเภอพบพระ ขณะอ าเภอที่เหลือคือ ท่าสองยาง แม่ระมาด และอุ้มผาง ไม่ได้จัด การศึกษารูปแบบการศึกษานอกระบบ ส าหรับอ าเภอที่มีการจัดการศึกษา 3 รูปแบบนั้น อ าเภอแม่สอด มีจ านวนเด็กที่เข้าศึกษาทั้ง 3 รูปแบบมากกว่าอ าเภอพบพระ โดยเข้าเรียนในระบบโรงเรียน สังกัด สพป.ตากเขต 2 มีจ านวน 4,082 คน เข้าเรียนในศูนย์การเรียนเด็กข้ามชาติ จ านวน 9,473 คน เข้าเรียนรูปแบบการศึกษา นอกระบบจ านวน 179 คน ขณะที่อ าเภอพบพระมีจ านวนเด็กเข้าเรียนในระบบโรงเรียน 3,156 คน เข้าเรียนในศูนย์การเรียนเด็กข้ามชาติ 2,435 คน และเข้าเรียนรูปแบบการศึกษานอกระบบ 13 คน รายละเอียดดังตารางที่ 8 ตารางที่ 8 จ านวนนักเรียนไม่มีสัญชาติไทยในสถานศึกษาที่สอนในระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน 5 อ าเภอชายแดน จังหวัดตาก ปีการศึกษา 25๖๐ อ าเภอ จ านวนนักเรียนไม่มีสัญชาติไทย (คน) รวม เปอร์เซ็นต์นักเรียน ไม่มีสัญชาติไทย ใน 5 อ าเภอ ชายแดน การศึกษาในระบบโรงเรียน (สังกัด สพป.ตาก เขต 2) การศึกษา นอกระบบ ศูนย์การเรียน เด็กข้ามชาติ แม่ระมาด 1,196 - 581 1,777 6.66 % แม่สอด 4,082 179 9,473 13,734 51.52 % ท่าสองยาง 3,509 - 341 3,850 14.44 % พบพระ 3,156 13 2,354 5,523 20.72 % อุ้มผาง 1,677 - 99 1,776 6.66 % รวม 13,620 192 12,848 26,660 100 % ทั้งนี้ ข้อมูลที่แสดงตามตารางดังกล่าว ไม่ได้รวมถึงนักเรียนไม่มีสัญชาติไทยที่เรียนอยู่ในระบบ โรงเรียนของเอกชน หรือสังกัดหน่วยงานอื่น อาทิ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น โรงเรียนต ารวจตระเวน ชายแดน รวมถึงเด็กที่ติดตามบิดามารดาท างานอยู่ตามสวนไร่นา พื้นที่ห่างไกลทุรกันดารและยังไม่ได้เข้าสู่ ระบบการศึกษาใด ๆ เลย ซึ่งเป็นไปได้อย่างยิ่งว่า เด็กไม่มีสัญชาติไทยในจังหวัดตากจะมีจ านวนมากกว่านี้มาก ซึ่งข้อมูลนี้มีความจ าเป็นต่อการด าเนินงานตามนโยบายของกระทรวงศึกษาธิการที่จะลดความเหลื่อมล้ า และให้โอกาสเด็กทุกคนได้เรียนโดยไม่ทั้งใครไว้ข้างหลัง จากข้อมูลที่ได้ศึกษาค้นคว้าจากเอกสารรวมทั้งค่าสถิติต่าง ๆ เกี่ยวกับจ านวนนักเรียนไม่มีสัญชาติไทย จ านวนครูที่สอนเด็กไม่มีสัญชาติไทยจ านวนศูนย์การเรียนเด็กข้ามชาติ และจ านวนเด็กที่เข้าเรียนในระบบโรงเรียน


๕๐ การศึกษานอกระบบ และศูนย์การเรียนเด็กข้ามชาติ ที่ได้มีการเก็บรวบรวมไว้นั้น แสดงให้เห็นว่า อ าเภอแม่สอด เป็นอ าเภอที่จ านวนนักเรียน ครู ศูนย์การเรียนเด็กข้ามชาติ รวมทั้งผู้เข้าเรียนร่วมกับนักเรียนที่มีทะเบียนราษฎร์ มากที่สุดในจังหวัดตาก และมีการจัดการศึกษาทั้ง 3 รูปแบบ คือ การศึกษาในระบบโรงเรียน การศึกษานอกระบบ และศูนย์การเรียนเด็กข้ามชาติที่ได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากองค์กรเอกชน จึงเป็นเหตุผลของการเลือก อ าเภอแม่สอดเป็นกรณีศึกษาภาคสนาม ในการศึกษาสภาพการจัดการศึกษาระดับขั้นพื้นฐาน ส าหรับเด็กที่ไม่มี หลักฐานทางทะเบียนราษฎรหรือไม่มีสัญชาติไทย และบุตรหลานของแรงงานข้ามชาติเพื่อให้เห็นภาพรวม ของกรณีการจัดการศึกษาในอ าเภอที่ประสบความส าเร็จ ก้าวข้ามขีดจ ากัดของอุปสรรคในบางประเด็น ที่สามารถเชื่อมโยงไปยังภาพการจัดการศึกษาในระดับจังหวัดส าหรับการจัดท าข้อเสนอแนวทางการจัดการศึกษา ส าหรับเด็กที่ไม่มีหลักฐานทางทะเบียนราษฎรหรือไม่มีสัญชาติไทยและบุตรหลานของแรงงานข้ามชาติได้ กรณีศึกษาภาคสนามอ าเภอแม่สอด จังหวัดตาก สภาพบริบททั่วไปของอ าเภอแม่สอด จังหวัดตาก การศึกษาสภาพการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานส าหรับเด็กที่ไม่มีหลักฐานทางทะเบียนราษฎรหรือไม่มี สัญชาติไทยและบุตรหลานของแรงงานข้ามชาติในจังหวัดตากครั้งนี้เพื่อให้ได้ข้อมูลเชิงลึก (In-depth) ในประเด็นสภาพการจัดการศึกษา ปัญหาและอุปสรรคในการจัดการศึกษา และแนวทางการจัดการศึกษา ขั้นพื้นฐานส าหรับเด็กที่ไม่มีหลักฐานทางทะเบียนราษฎรหรือไม่มีสัญชาติไทยและบุตรหลานของแรงงาน ข้ามชาติในอ าเภอแม่สอด เพื่อเชื่อมโยงสู่การจัดท าแนวทางการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานส าหรับเด็กที่ไม่มี หลักฐานทางทะเบียนราษฎรหรือไม่มีสัญชาติไทยและบุตรหลานของแรงงานข้ามชาติในระดับจังหวัดตาก อ าเภอแม่สอด เป็น ๑ ใน ๕ อ าเภอของจังหวัดตากที่มีแนวชายแดนติดกับสาธารณรัฐแห่งสหภาพ เมียนมา และเป็นที่ตั้งของสถานศึกษาที่มีครบทั้ง 3 รูปแบบ คือ 1) การจัดการศึกษาในระบบโรงเรียนภายใต้ การก ากับดูแลของหน่วยงานภาครัฐ มีโรงรียนสังกัด สพป.ตาก เขต 2 จ านวน 39 โรงเรียน และสังกัดส านักงาน คณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน จ านวน 8 โรงเรียน 2) การจัดการศึกษานอกระบบและการศึกษา ตามอัธยาศัย จัดโดยสถานศึกษา กศน. อ าเภอแม่สอด และ 3) การจัดการศึกษาในศูนย์การเรียนเด็กข้ามชาติ (Migrant Learning Center-MLC) มีศูนย์การเรียนเด็กข้ามชาติ จ านวน 4๕ ศูนย์ และ ๔ ห้องเรียนสาขา ซึ่งจากการศึกษาในเบื้องต้นพบว่า ในปีการศึกษา ๒๕๖๐ อ าเภอแม่สอด มีนักเรียนไม่มีสัญชาติไทย เรียนอยู่ในโรงเรียนสังกัด สพป.ตาก เขต 2 สังกัดสถานศึกษาของกศน.อ าเภอแม่สอด และในศูนย์การเรียน เด็กข้ามชาติที ่มากที ่สุดในจังหวัดตาก จ านวน 13,734 คน จาก 26,660 คน คิดเป็นร้อยละ 51.52 นอกจากนั้นอ าเภอแม่สอด จังหวัดตาก ยังเป็นพื้นที ่สังคมพหุวัฒนธรรมที ่เด ่นชัด เด็กไม ่มีสัญชาติไทย ในอ าเภอแม่สอดมีอัตลักษณ์ที่หลากหลาย มีทั้งเด็กกลุ่มชาติพันธุ์ที่มีสถานะไม่ชัดเจน เด็กกลุ่มชาติพันธุ์ พม่า กะเหรี่ยง เด็กบุตรหลานของแรงงานข้ามชาติทั้งที่เกิดในประเทศไทยและติดตามครอบครัวเข้ามาท างาน รวมถึงบุตรของชาวไทยกับแรงงานข้ามชาติที่ไม่ได้แจ้งเกิด ท าให้เด็กเหล่านี้กลายเป็นบุคคลไร้สถานะ ความหลากหลายทางชาติพันธุ์นี้ท าให้อ าเภอแม่สอดเป็นพื้นที่ที่รัฐมีการพัฒนานโยบายและรูปแบบ ในการจัดการดูแลเด็กกลุ่มนี้ โดยจัดท าเป็น “แม่สอดโมเดล” ในหลายเรื่อง อาทิการส่งเสริมการเข้าถึง การศึกษาของเด็กข้ามชาติการจัดท าทะเบียนบุคคลไม่มีสถานะ การจัดการแรงงานข้ามชาติและผู้ติดตาม การส่งเสริมการเข้าถึงการจดทะเบียนการเกิด ดังนั้น จึงเป็นโอกาสและความท้าทายของสถานศึกษา ในอ าเภอแม่สอดในการจัดการศึกษาให้ส าหรับเด็กไม่มีสัญชาติไทยเหล่านั้น ที่มีความแตกต่างกันในหลายมิติ ทั้งด้านภูมิหลัง เชื้อชาติ สัญชาติ ศาสนาและวัฒนธรรม


๕๑ การศึกษาภาคสนามครั้งนี้ ได้รับข้อมูลจากผู้ให้ข้อมูลส าคัญที่เกี่ยวข้องจาก ผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ ส านักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาตาก เขต 2 ผู้บริหารและครูโรงเรียนสังกัดส านักงานเขตพื้นที่ การศึกษาประถมศึกษาตาก เขต 2 สังกัดโรงเรียนเอกชน สังกัดการศึกษานอกระบบและการศึกษา ตามอัธยาศัย และเจ้าหน้าที่ ผู้ดูแลศูนย์การเรียนเด็กข้ามชาติ ดังนี้ ๑. ผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ของส านักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาตาก เขต ๒ ๒. ผู้บริหารและครูของโรงเรียนระดับประถมศึกษา สังกัดส านักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถม ศึกษาตาก เขต ๒ ได้แก่ โรงเรียนแม่ตาวแพะ โรงเรียนบ้านหัวฝาย และโรงเรียนบ้านท่าอาจ 3. ผู้บริหารและครูของโรงเรียนเอกชน ได้แก่ โรงเรียนอนุกูลวิทยา (วัดดอนแก้ว) และโรงเรียน อิสลามศึกษา 4. ครูของศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย อ าเภอแม่สอด จังหวัดตาก 5. ผู้ดูแลศูนย์การเรียนเด็กข้ามชาติที่จัดโดยองค์กรเอกชน ได้แก่ ศูนย์พัฒนาการเรียนรู้เพื่อเด็ก ด้อยโอกาส ซีดีซี ( Children’s Development Center – CDC ) ศูนย์การเรียนรู้ปารมี (Parami Learning Center) ศูนย์การเรียนรุ่งอรุณ (Morning Glory Learning Center) และศูนย์การเรียนซันเซท (Sunset School) ผลการศึกษาภาคสนาม จากการลงพื้นที่ศึกษาภาคสนามศึกษาข้อมูลเชิงลึกสภาพพื้นที่การจัดการศึกษาจริงร่วมกับ สัมภาษณ์ผู้ให้ข้อมูลส าคัญจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง สามารถวิเคราะห์สภาพการจัดการศึกษา จุดเด่น และข้อเสนอแนวทางการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน ส าหรับเด็กที่ไม่มีหลักฐานทางทะเบียนราษฎรหรือ ไม่มีสัญชาติไทยและบุตรหลานของแรงงานข้ามชาติของอ าเภอแม่สอด จังหวัดตาก ตามรูปแบบการจัด การศึกษา 3 รูปแบบ คือ ๑) การจัดการศึกษาในระบบโรงเรียนภายใต้การก ากับดูแลของหน่วยงานภาครัฐ 2) การจัดการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย โดยส านักงานส ่งเสริมการศึกษานอกระบบ และการศึกษาตามอัธยาศัย (กศน.) และ 3) การจัดการศึกษาในศูนย์การเรียนเด็กข้ามชาติโดยองค์กรเอกชน (Migrant Learning Center: MLC) แบ่งเป็นด้านสภาพทั่วไป ด้านวิชาการ ด้านบุคลากร ด้านงบประมาณ และด้านการบริหารจัดการ รายละเอียดดังตารางที่ 9


ตารางที่ 9 สภาพการจัดการศึกษา ข้อเสนอแนวทางการจัดการศึกษา และจุดเด ศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย และศูนย์การเรียนเด็กข้ามชาติ รูปแบบการจัดการศึกษา สภาพการจัดการศึกษา 1. การจัดการศึกษาในระบบ โรงเรียน ภายใต้การก ากับดูแลของ หน่วยงานภาครัฐ 1. ด้านสภาพทั่วไป 1) มีทั้งโรงเรียนรัฐและโรงเรียนเอกชน (องค์กรทางศาสนา) โดยโรงเรียนรัฐอยู่ภายใต้สังกัด สพป.ตาก เขต ๒ ส่วน โรงเรียนเอกชนจัดโดยองค์กรทางศาสนา (วัด/มัสยิด) หรือเอกชนการกุศล (กึ่งสงเคราะห์) อยู่ภายใต้สังกัด ส านักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน 2) โรงเรียนที่ตั้งอยู่ติดเขตชายแดนมีนักเรียนไม่มี สัญชาติไทยเรียนอยู่ประมาณร้อยละ 90 ส่วนใหญ่ เป็นเด็กชาติพันธุ์พม่า และกะเหรี่ยง 3) นักเรียนไม่มีสัญชาติไทยในระบบโรงเรียนจะได้รับ รหัสประจ าตัว ๑๓ หลัก ที่ออกโดยระบบ DMC ของ กระทรวงศึกษาธิการ (ขึ้นต้นรหัส G ส าหรับโรงเรียนรัฐ และรหัส P ส าหรับโรงเรียนเอกชน) นักเรียนบางส่วนมี รหัสประจ าตัว ๑๓ หลัก ที่ขึ้นต้นด้วยเลข ๐ (ผู้ที่ไม่มี สถานะทางทะเบียน) ที่ออกให้โดยกระทรวงมหาดไทย 4) นักเรียนไม่มีสัญชาติไทยแบ่งได้ 3 กลุ่ม คือ กลุ่มที่ติดตามบิดามารดามาอาศัยอยู่ในจังหวัดตาก กลุ่มที่อาศัยอยู่กับหอพักของโรงเรียน ซึ่งส่วนใหญ่ เป็นเด็กชนเผ่าและเด็กพม่าที่บ้านอยู่ไกล และกลุ่มที่ เดินทางเข้า-ออก ข้ามพรมแดนเข้ามาเรียนทุกวัน ซึ่งมีจ านวนไม่มากนัก ๑. ๑ ผ ข ๒ ว โ ที เ


๕๒ ด่นการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานของการจัดการศึกษาในระบบโรงเรียน การจัดการ แนวทางการจัดการศึกษา จุดเด่น . ด้านสภาพทั่วไป ๑) สร้างความรู้ความเข้าใจให้กับบิดา มารดา ผู้ปกครอง ตระหนักถึงประโยชน์และความส าคัญ ของการศึกษา สิทธิการศึกษา รวมถึงสิทธิต่าง ๆ ๒) ประชาสัมพันธ์การเข้ารับการศึกษาและ วางแผนการรับสมัครในหลายช่องทาง โดยโรงเรียนลงพื้นที่ส ารวจเด็กไม่มีสัญชาติไทย ที่อยู่ในเขตพื้นที่รับผิดชอบ และมีแผนรองรับ เด็กที่ไม่มีพื้นฐานภาษาไทยด้วย 1) นักเรียนที่มีรหัสประจ าตัว (รหัส G และ P) มีโอกาสปรับเปลี่ยนสถานะโดยการขอจัดท าทะเบียน ประวัติบุคคลที่ไม่มีหลักฐานทะเบียนราษฎรและ ได้รับการก าหนดเลขประจ าตัว ๑๓ หลัก จาก กระทรวงมหาดไทย (เลขประจ าตัว ๑๓ หลักที่ ขึ้นต้นด้วยเลข 0) ตามกฎหมายการทะเบียนราษฎร ซึ่งจะท าให้นักเรียนได้รับสิทธิต่าง ๆ ตามมา อาทิสิทธิการอยู่อาศัย สิทธิด้านสาธารณสุข 2) มีการเตรียมความพร้อมด้านภาษาไทยให้กับ เด็กที่ไม่มีสัญชาติไทยในชั้นปฐมวัย ซึ่งเด็กสามารถ เรียนรู้และปรับตัวให้เข้ากับเพื่อนร่วมชั้นคนอื่น อีกทั้งมีโอกาสได้เรียนรู้ภาษาถิ่นของตนจากครูต่างด้าว ขณะเดียวกันก็ได้เรียนรู้ภาษาไทยจากครูไทย 3) การให้นักเรียนไม่มีสัญชาติไทยเรียนรวมกับ นักเรียนไทย ช่วยให้นักเรียนสามารถปรับตัวให้เข้า กับเพื่อนร่วมชั้นที่มีความแตกต่างทางวัฒนธรรม ซึ่ง จะเป็นพื้นฐานให้เด็กเรียนรู้การอยู่ร่วมกับสังคมไทย ได้ต่อไป อีกทั้งการใช้ภาษาไทยเป็นภาษาหลักในการ เรียนการสอน ท าให้เด็กไม่มีสัญชาติไทยสามารถ เรียนรู้ภาษาไทยได้ใกล้เคียงกับเด็กไทย มีทักษะใน การสื่อสารภาษาที่สอง และจะเป็นประโยชน์ต่อไปใน การศึกษาต่อหรือท างานในอนาคต


รูปแบบการจัดการศึกษา สภาพการจัดการศึกษา 2.ด้านวิชาการ 1) นักเรียนทุกคนต้องมีพื้นฐานภาษาไทย ทั้งการพูด ฟัง อ่าน เขียน เพื่อเป็นพื้นฐานท าความเข้าใจเนื้อหาบทเรียน ซึ่งโรงเรียนได้จัดห้องเรียนชั้นปฐมวัยเพื่อเตรียมความ พร้อมภาษาไทย ส าหรับให้นักเรียนไม่มีสัญชาติไทย เรียนรวมกัน และมีครูต่างด้าวที่สามารถสื่อสารภาษา เด็กได้ ท าหน้าที่เป็นผู้ดูแลเด็ก/ผู้ช่วยครูไทย 2) การจัดการเรียนการสอนในชั้น ป.1–ป.6/ม.3 จัดให้ เด็กไม่มีสัญชาติไทยเรียนรวมกับเด็กไทย โดยใช้ ภาษาไทยเป็นหลัก 3) การเรียนการสอนจัดตามหลักสูตรแกนกลาง การศึกษาขั้นพื้นฐาน พ.ศ. ๒๕๕๑ และมีการจัดท า หลักสูตรท้องถิ่นที่สอดคล้องกับสภาพบริบทของพื้นที่ อาทิ หลักสูตรการสร้างอาชีพจากหยก ซึ่งเป็นทรัพยากร ท้องถิ่นจังหวัดตาก ของโรงเรียนบ้านท่าอาจ นอกจากนี้ โรงเรียนเอกชน (เอกชนการกุศล) มีการจัดการศึกษาที่ เน้นการสอนหลักธรรมค าสอนของศาสนา และไม่เพียง รับแค่เฉพาะเด็กที่นับถือศาสนานั้นเท่านั้น แต่ยังรับ เด็กจากทุกศาสนาเข้าเรียนด้วย 4) มีกิจกรรมที่หลากหลายในช่วง “ลดเวลาเรียน เพิ่ม เวลารู้” ที่ช่วยส่งเสริมพัฒนาการด้านต่าง ๆ อาทิ ทักษะ การคิด ภาษาอังกฤษ ทักษะอาชีพ การดูแลสุขภาพ ร่างกาย การใช้เทคโนโลยี การบ าเพ็ญสาธารณะประโยชน์ การปลูกฝังคุณธรรมจริยธรรม โดยได้รับความร่วมมือ อย่างดีจากหน่วยงานทั้งภาครัฐและภาคเอกชน ๒ ๑ ภ ค ๒ ไ ( ร ก ต ๓ ภ เ ๔ ภ เ ๕ ร โ เ ร ภ อ


๕๓ แนวทางการจัดการศึกษา จุดเด่น ๒.ด้านวิชาการ ๑) โรงเรียนควรจัดกิจกรรมเสริมสร้างทักษะ ภาษาไทย หรือจัดให้มีช่วงเวลาส าหรับเตรียม ความพร้อมภาษาไทยก่อนเปิดเรียน ๒) โรงเรียนควรจัดการศึกษาโดยให้นักเรียน ไม่มีสัญชาติไทยเรียนรวมกับนักเรียนไทย (Inclusive Education) ในทุกระดับชั้น รวมทั้งชั้นปฐมวัยด้วย เพื่อให้เด็กได้เรียนรู้ซึ่ง กันและกัน สามารถปรับตัวให้เข้ากับเพื่อน ต่างชาติ ต่างภาษา ต่างวัฒนธรรม ๓) โรงเรียนควรจัดให้มีชมรมหรือวิชาเลือกเสรี ภาษาพม่าหรือการจับคู่บัดดี้ระหว่างเด็กไทยกับ เด็กไม่มีสัญชาติไทย ๔) โรงเรียนควรน าสื่อการเรียนการสอนที่เป็น ภาษาพม่ามาใช้สร้างบรรยากาศของโรงเรียน เสมือนเป็นแหล่งเรียนรู้ของเด็ก ๕) โรงเรียนควรจัดการศึกษาแบบบูรณาการ รายวิชาให้สอดคล้องกับบริบทของท้องถิ่น โดยใช้แหล่งเรียนรู้ วัฒนธรรม ภูมิปัญญาท้องถิ่น เป็นฐานในการบูรณาการกับการเรียนการสอน รายวิชาต่าง ๆ โดยอาจเชิญปราชญ์หรือผู้มี ภูมิปัญญา ผู้น าชุมชนมาร่วมให้ความรู้ หรือ ออกแบบหลักสูตรท้องถิ่น 4) การจัดท าหลักสูตรท้องถิ่นที่สอดคล้องกับ สภาพบริบทของท้องถิ่น นอกจากมีส่วนช่วยอนุรักษ์ สืบสานความเป็นอัตลักษณ์ของท้องถิ่นแล้ว ยังเป็นการฝึกทักษะให้นักเรียนสามารถน าไปใช้ ประโยชน์หรือประกอบเป็นอาชีพได้ต่อไปในอนาคต ดังเช่น หลักสูตรการสร้างอาชีพจากหยก ของ โรงเรียนบ้านท่าอาจ 5) โรงเรียนได้รับความร่วมมืออย่างดีจากทั้ง บุคคล ชุมชน หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ทั้งจากหน่วยงาน ภายในประเทศและต่างประเทศ ในการมอบ โอกาสทางการศึกษาที่ดี มีคุณภาพ จากการ เข้ามาช่วยส่งเสริม พัฒนาทักษะศักยภาพของ นักเรียน เพื่อให้นักเรียนอยู่ในสังคมได้อย่าง เข้มแข็งต่อไป


รูปแบบการจัดการศึกษา สภาพการจัดการศึกษา ทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ อาทิ มูลนิธิ ช่วยไร้พรมแดน องค์กรยูเนสโก และมีการน านักเรียน เข้าร่วมแลกเปลี่ยนเรียนรู้วัฒนธรรมร่วมกับชุมชนและ โรงเรียนอื่น ๆ 5) มีการท าความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยพื้นที่ใกล้เคียง อาทิ มหาวิทยาลัยราชภัฏก าแพงเพชร ศูนย์อุดมศึกษา แม่สอด มหาวิทยาลัยนเรศวร เพื่อช่วยเสริมสร้างทักษะ ทางการศึกษาและพัฒนาศักยภาพของเด็ก (Coaching) 6) การวัดและประเมินผลใช้หลักเกณฑ์เดียวกับ นักเรียนไทย ซึ่งนักเรียนไม่มีสัญชาติไทยส่วนใหญ่ มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนอยู่ในระดับดีถึงดีมาก และ ผลการทดสอบทางการศึกษาระดับชาติขั้นพื้นฐาน (O-NET) ของโรงเรียนบางแห่งมีผลคะแนนโดยรวม ทุกวิชาสูงกว่าค่าเฉลี่ยในระดับประเทศ 7) เมื่อส าเร็จการศึกษาเด็กจะได้รับวุฒิการศึกษาของไทย ซึ่งสามารถน าไปใช้เป็นหลักฐานเพื่อเข้าศึกษาต่อใน ประเทศไทยได้ ๓. ด้านบุคลากร 1) โรงเรียนจ้างครูต่างด้าว (พม่า/กะเหรี่ยง) ที่สามารถ สื่อสารภาษาของเด็กได้ มาท าหน้าที่ผู้ดูแลเด็ก/ผู้ช่วยครูไทย โดยเฉพาะช่วงชั้นปฐมวัย ๒) ครูผู้สอน (คนไทย) ทุกคน มีใบอนุญาตประกอบ วิชาชีพครู และมีประสบการณ์สอนนักเรียนไม่มี สัญชาติไทย 3 ๑ แ ท ฝึ อ จ


๕๔ แนวทางการจัดการศึกษา จุดเด่น 3. ด้านบุคลากร ๑)ผู้บริหารโรงเรียนควรมีนโยบายส่งเสริมให้ครู และบุคลากรแสวงหาความรู้เพิ่มเติม โดยเฉพาะ ทักษะการสื่อสารภาษาพม่า 2) สพป.ตาก เขต 2 เป็นหน่วยงานหลักจัด ฝึกอบรมครูและบุคลากร โดยค านึงถึงความต้องการ องค์ความรู้ที่สามารถน าไปใช้ประโยชน์ส าหรับ จัดการเรียนการสอนเด็กต่างวัฒนธรรมได้จริง


รูปแบบการจัดการศึกษา สภาพการจัดการศึกษา 3) ครูส่วนใหญ่เป็นครูอัตราจ้าง จบการศึกษา ระดับ ปริญญาตรี แต่ยังไม่มีครูที่จบวิชาเอกภาษาพม่าโดยตรง 4) ผู้บริหารและครูมีทัศนคติที่ดีต่อเด็กไม่มี สัญชาติไทย มีความเข้าใจในบทบาทหน้าที่ ความแตกต่างทางวัฒนธรรมและภูมิหลังของเด็ก โดยไม่ เลือกปฏิบัติ อีกทั้งนโยบายของผู้บริหารมีส่วนส าคัญใน การรับเด็กที่ไม่มีสัญชาติไทยเข้าเรียน 3 ล ไ ช ๔. ด้านงบประมาณ 1) งบประมาณของโรงเรียนรัฐ ได้รับการจัดสรรจาก ส านักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ส่วน โรงเรียนของเอกชน (เอกชนการกุศล) ส่วนหนึ่งเป็นเงิน อุดหนุนจากวัด/มัสยิด และอีกส่วนได้รับจัดสรรจาก ส านักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน 2) โรงเรียนรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการจ้างครูต่างด้าว มาเป็นผู้ดูแลเด็ก /ผู้ช่วยสอนครูไทย โดยบริหารจัดการ ค่าใช้จ่ายจากงบประมาณส่วนอื่น หรืออาจเรียกเก็บ เพิ่มเติมจากผู้ปกครองของนักเรียนไม่มีสัญชาติไทย 4 ๑ จ ด ห โ ที ง อ สื ศึ ๕. ด้านการบริหารจัดการ 1) เด็กได้รับการศึกษาฟรี ไม่มีค่าเทอม แต่โรงเรียน เอกชน (เอกชนการกุศล) อาจมีค่าใช้จ่ายแรกเข้าหรือ เงินบริจาค (ปีละไม่เกิน 3,000 บาท) 2) กระทรวงศึกษาธิการจัดสรรงบประมาณ อุดหนุนราย หัว ส าหรับนักเรียนไม่มีสัญชาติไทยที่มีเลขประจ าตัว ๑๓ หลัก ใน ๕ รายการในอัตราเดียวกับเด็กไทย ๕ 1 ข ส ผ ร จ


๕๕ แนวทางการจัดการศึกษา จุดเด่น 3) โรงเรียนควรสนับสนุนศิษย์เก่าเข้ามาช่วยเป็น ล่ามแปลภาษา ท าหน้าที่เป็นผู้ดูแลเด็ก /ผู้ช่วยครู ไทย ซึ่งศิษย์เก่าจะมีความเข้าใจในบริบทโรงเรียน/ ชุมชน มีประสบการณ์การปรับตัว 4. ด้านงบประมาณ ๑) สพป.ตาก เขต 2 และส านักงานศึกษาธิการ จังหวัดตากควรรายงานปัญหาข้อจ ากัด ด้านงบประมาณและเสนอแนวทางแก้ปัญหาไปยัง หน่วยงานต้นสังกัด เพื่อหาทางแก้ไขปัญหาร่วมกัน โดยอาจเสนอให้พื้นที่อ าเภอแม่สอดเป็นพื้นที่น าร่อง ที่มีการจัดการศึกษาลักษณะพิเศษ โดยการจัดสรร งบประมาณเพิ่มเติมให้สามารถบริหารจัดการได้ อย่างคล่องตัว ทั้งงบประมาณการจ้างครูต่างด้าว สื่อการเรียนการสอนที่ทันสมัย ทรัพยากรทางการ ศึกษาที่มีคุณภาพ เป็นต้น ๕. ด้านการบริหารจัดการ 1) โรงเรียนควรสนับสนุนให้มีตัวแทนผู้ปกครอง ของนักเรียนไม่มีสัญชาติไทยร่วมเป็นกรรมการ สถานศึกษา และจัดการประชุมหารือร่วมกับ ผู้ปกครองอย่างน้อยเดือนละ 1 ครั้ง รวมถึงหารือ ร่วมกับนายจ้าง กรณีผู้ปกครองถูกเลิกจ้าง เพื่อลด จ านวนนักเรียนออกกลางคัน ลดการอพยพย้ายถิ่น


รูปแบบการจัดการศึกษา สภาพการจัดการศึกษา 3) โรงเรียนมีสวัสดิการนมโรงเรียน อาหารกลางวัน หอพัก มีรถรับ-ส่งซึ่งอาจเก็บค่าน้ ามันจากผู้ปกครอง ๔) โรงเรียนบางแห่งที่มีศักยภาพเพียงพอ เช่น โรงเรียนบ้านท่าอาจ มีการจัดทีมครูเฉพาะ ส าหรับดูแล ช่วยเหลือ ให้ค าปรึกษส าหรับนักเรียนไม่มีสัญชาติไทย ตลอดจนออกแบบหลักสูตรสร้างอาชีพให้สอดคล้องกับ พื้นที่และความต้องการของเด็กด้วย 5) โรงเรียนบางแห่งมีห้องเรียนสาขาที่จัดการศึกษา ในพื้นที่เขตป่าสงวนและพื้นที่ลุ่มน้ าอนุรักษ์ แต่ไม่ได้อยู่ ในระบบ DMC ของกระทรวงศึกษาธิการ 3 ก ค เ ปั ร 4 ห ค เ ศ 2. การจัดการศึกษานอกระบบและ การศึกษาตามอัธยาศัย โดยส านักงานส่งเสริมการศึกษา นอกระบบและการศึกษาตาม อัธยาศัย (กศน.) 1. ด้านสภาพทั่วไป 1) การจัดการศึกษาอยู่ในความรับผิดชอบของสถานศึกษา กศน.อ าเภอแม่สอด 2) การจัดการศึกษาเป็นลักษณะการท าข้อตกลงร่วมกัน ระหว่างสถานศึกษา กศน.อ าเภอแม่สอด กับศูนย์การเรียน เด็กข้ามชาติ (MLC) ร่วมกันจัดการเรียนการสอนให้ เด็กที่ไม่มีสัญชาติไทยในศูนย์การเรียนเด็กข้ามชาติ 3) เด็กต้องผ่านเกณฑ์การประเมินภาษาไทย (ขั้นต่ า 70 คะแนนจาก 100 คะแนน) จึงสามารถขึ้นทะเบียนเป็น นักเรียน กศน. ได้ 4) นักเรียน กศน.จะได้รับเลขประจ าตัว ๑๓ หลัก (รหัส G) ออกโดยกระทรวง ศึกษาธิการ และมีสิทธิได้รับจัดสรร งบประมาณค่าใช้จ่ายรายหัวในอัตราเดียวกับนักเรียน กศน.ไทย ๑ 1 ผ ข 2 เ เ จ ก


๕๖ แนวทางการจัดการศึกษา จุดเด่น 3) โรงเรียนควรให้ความส าคัญกับกิจกรรม การแนะแนว โดยจัดครูที่มีประสบการณ์ มีความรู้ ความเข้าใจธรรมชาติของเด็กไม่มีสัญชาติไทย เพื่อท าหน้าที่ให้ค าปรึกษา แนะแนว รับทราบ ปัญหา ชี้แนะแนวทางแก้ไขปัญหาเด็กเป็นรายบุคคล รวมถึงแนวทางการศึกษาต่อ เป็นต้น 4) โรงเรียนควรสรรหาแหล่งเงินทุนการศึกษา หรือจัดสรรทุนการศึกษาโดยไม่มีเงื่อนไขให้ คลอบคลุมถึงนักเรียนไม่มีสัญชาติไทยที่เรียนดี เพื่อให้เด็กมีโอกาสได้รับการพัฒนาได้อย่างเต็ม ศักยภาพ ๑. ด้านสภาพทั่วไป 1) สร้างความรู้ความเข้าใจให้กับบิดามารดา ผู้ปกครอง ให้ตระหนักถึงความส าคัญและประโยชน์ ของการศึกษา สิทธิการศึกษา รวมถึงสิทธิต่าง ๆ 2) กระตุ้นให้เด็กของศูนย์การเรียนมีความสนใจ เรียนรู้ภาษาไทย โดยจัดสภาพแวดล้อมที่ เอื้อต่อการเรียนรู้ เช่น การจัดบอร์ดภาษาไทย จัดฝึกอบรมภาษาไทยให้กับเด็กที่ประสงค์เข้าเรียน กับกศน. ก่อนมีการประเมินภาษาไทย ๑) การจัดการศึกษาโดยสถานศึกษา กศน. ค านึงถึง สภาพบริบทของเด็กเป็นหลัก มีความยืดหยุ่นด้าน เวลาเรียนและการจัดการเรียนรู้ โดยเน้นบูรณาการ เนื้อหาที่สอดคล้องกับสภาพปัญหา วิถีชีวิตของเด็ก ศูนย์การเรียนสามารถเลือกเวลาเรียนได้ ซึ่งบางศูนย์ จัดให้เรียนในช่วงเวลาค่ า หรือในวันเสาร์ อาทิตย์ ๒) นักเรียนที่มีรหัสประจ าตัว (รหัส G) มีโอกาส ปรับเปลี่ยนสถานะโดยการขอจัดท าทะเบียนประวัติ บุคคลที่ไม่มีหลักฐานทะเบียนราษฎรและได้รับการ ก าหนดเลขประจ าตัว ๑๓ หลัก จากกระทรวงมหาดไทย (เลขประจ าตัว ๑๓ หลักที่ขึ้นต้นด้วยเลข 0) ตาม กฎหมายการทะเบียนราษฎร ซึ่งจะท าให้นักเรียนได้รับ สิทธิต่าง ๆ อาทิสิทธิการอยู่อาศัย สิทธิด้านสาธารณสุข


รูปแบบการจัดการศึกษา สภาพการจัดการศึกษา 2. ด้านวิชาการ 1) นักเรียนต้องมีพื้นฐานความรู้ภาษาไทย ทั้งการฟัง การพูด การอ่าน และการเขียน 2) หลักสูตรที่ใช้จัดการเรียนการสอน แบ่งได้2 หลักสูตร ตามเกณฑ์อายุ คือ (1) หลักสูตรส าหรับนักเรียนอายุ 8-15 ปีใช้หลักสูตร การจัดการศึกษานอกระบบ ระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน ส าหรับเด็กไม่มีสัญชาติไทยที่อยู่ในเกณฑ์การศึกษา ภาคบังคับ ระดัประถมศึกษาตามหลักสูตรการศึกษา นอกระบบ ระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน พ.ศ. ๒๕๕๑ (2) นักเรียนที่มีอายุมากกว่า 15 ปี ใช้หลักสูตร การศึกษานอกระบบ ระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน พ.ศ. 2551 ทั่วไปปกติ 3) จัดการเรียนการสอนโดยใช้ภาษาไทยเป็นหลัก ในศูนย์การเรียนเด็กข้ามชาติแบบชั้นเรียน สัปดาห์ละ ๔ วัน วันละไม่เกิน 6 ชั่วโมง โดยมีครูกศน. (ครูประจ ากลุ่ม) เป็นผู้สอนในทุกรายวิชา และมีครูของศูนย์การเรียน อ านวยความสะดวกในการจัดการเรียนการสอน ทั้งนี้ การก าหนดช่วงเวลาเรียนจะขึ้นอยู่กับศูนย์การเรียน เป็นหลัก ภายใต้เงื่อนไขของ กศน. 4) การวัดและประเมินผลตามเกณฑ์ของ กศน. และ ต้องผ่านการวัดผลและประเมินผลคุณภาพการศึกษา นอกระบบระดับชาติ (N-net) 5) เมื่อส าเร็จการศึกษาแล้ว เด็กจะได้รับวุฒิการศึกษา ของ กศน. และสามารถน าไปใช้ศึกษาต่อหรือสมัคร เข้าท างานในประเทศไทยได้ ๒ 1 อ โ ก 2 ส แ พ 1 ศ 3 จ ร ก ต


๕๗ แนวทางการจัดการศึกษา จุดเด่น ๒. ด้านวิชาการ 1) พัฒนาหลักสูตร รูปแบบการจัดการศึกษาที่มี อยู่แล้ว ให้เหมาะสมสอดคล้อง กับบริบทผู้เรียน โดยเน้นให้เกิดการน าไปใช้ประโยชน์ได้จริง และ การสร้างสัมพันธภาพที่ดีในการอยู่ร่วมกัน 2) พัฒนาหลักสูตรด้านอาชีพที่เหมาะสม สอดคล้องกับความต้องการของตลาดแรงงาน และแนวโน้มการขยายตัวทางเศรษฐกิจในพื้นที่ พัฒนาเศรษฐกิจพิเศษตาก (ส าหรับเด็กที่อายุ 15 ปี ชึ้นไป) ร่วมกับวิทยาลัยเทคนิค หรือ ศูนย์พัฒนาฝีมือแรงงานในพื้นที่ 3) แสวงหาความร่วมมือกับประเทศต้นทางในการ จัดท าหลักสูตร Border Curriculum ของ ASEAN รวมถึง ข้อมูลการเทียบโอนวุฒิการศึกษาของไทย กับสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา และรายงาน ต่อต้นสังกัดทราบ ๓) การจัดการศึกษาโดย กศน. เหมาะสมส าหรับ เด็กที่ต้องการเรียนหลักสูตรไทยแต่ไม่สะดวก เข้าเรียนโรงเรียนในระบบ อาทิ เด็กที่ต้องช่วยเหลือ ผู้ปกครองท างาน ซึ่งเมื่อเด็กจบการศึกษาแล้ว จะ ได้รับวุฒิการศึกษาที่รับรองโดยรัฐของไทย และ สามารถน าไปใช้เป็นหลักฐานในการเข้าท างานหรือ ศึกษาต่อในสถานศึกษาของไทยได้ นอกจากนี้ เด็กยังมีโอกาสได้ฝึกฝนภาษาไทยกับครูของ กศน. ซึ่งจะช่วยให้เด็กมีพัฒนาการด้านภาษาไทยที่เร็วขึ้น ๔) การจัดการศึกษาโดย กศน. สามารถรองรับเด็ก ที่หลุดจากระบบโรงเรียนได้มากขึ้น ช่วยเพิ่มโอกาส และทางเลือกทางการศึกษาที่เหมาะสมส าหรับ เด็กไม่มีสัญชาติไทยที่มีข้อจ ากัดการเข้าเรียนใน ระบบ


รูปแบบการจัดการศึกษา สภาพการจัดการศึกษา 3. ด้านบุคลากร 1) ผู้อ านวยการสถานศึกษา กศน.อ าเภอแม่สอดเป็น ผู้รับผิดชอบบริหารการจัดการศึกษา 2) ครูกศน. (ครูประจ ากลุ่ม) จบการศึกษาปริญญาตรี ครู กศน. คนเดียวรับผิดชอบสอน 3 -4 ศูนย์การเรียน และสอนในทุกรายวิชา รวมถึงปฏิบัติหน้าที่อื่น ๆ อาทิ งานธุรการต่าง ๆ โดยมีครูของศูนย์การเรียนเด็กข้ามชาติ อ านวยความสะดวกในการเรียนการสอน 3) สถานศึกษา กศน. อ าเภอแม่สอด ได้จัดให้มีการ อบรมพัฒนาศักยภาพของครูกศน. และครูของศูนย์ การเรียนเด็กข้ามชาติอยู่เสมอ ๓ ๑ ท เ ด ส ๒ ส ค เ๓ ใ เ ส 4. ด้านงบประมาณ 1) สถานศึกษา กศน. ได้รับงบประมาณสนับสนุนการ จัดการศึกษาจากส านักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบ และการศึกษาตามอัธยาศัย (กศน.) 2) ค่าตอบแทนครูกศน. (ครูประจ ากลุ่ม) ค านวนจาก จ านวนนักเรียน กศน. ของศูนย์การเรียนในอัตราคนละ 80 บาท/คน/เดือน ๔ 1 แ ปั ก 2 จ


๕๘ แนวทางการจัดการศึกษา จุดเด่น ๓. ด้านบุคลากร ๑) ควรสรรหาครู กศน. ที่มีความสามารถ ทางด้านภาษาพม่าและภาษาอังกฤษ โดยให้มี เงินเพิ่มพิเศษเป็นค่าตอบแทนในความสามารถ ด้านภาษา รวมทั้งมีสวัสดิการอื่น ๆ ที่เหมาะสม สอดคล้องกับภาระงาน ๒) ควรเตรียมความพร้อมครู กศน. โดยอบรม สร้างความรู้ความเข้าใจ ถึงสภาพบริบทของเด็ก ครอบครัว และชุมชน ที่มีความแตกต่างจาก เด็กไทย ทั้งภาษา วัฒนธรรม วิถีการด าเนินชีวิต ๓) ควรจัดอบรมให้ความรู้ครูกศน. ส าหรับสอน ในทุกรายวิชา ตลอดจนพัฒนาทักษะความรู้ใหม่ ๆ เพื่อสร้างสรรค์กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน ที่เหมาะสม สอดคล้องกับสภาพความต้องการและะยุคสมัย ๔. ด้านงบประมาณ 1) ประชุมหารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และรายงานให้ต้นสังกัดรับทราบถึงสถานการณ์ ปัญหาการจัดการศึกษาส าหรับเด็กกลุ่มนี้ โดย กศน.อ าเภอแม่สอดสนับสนุนด้านข้อมูล 2) จัดท าโครงการขอรับการสนับสนุนงบประมาณ จากหน่วยงานเอกชนในพื้นที่


รูปแบบการจัดการศึกษา สภาพการจัดการศึกษา 5. ด้านการบริหารจัดการ 1) นักเรียนเรียนฟรี ไม่มีค่าเทอม 2)กระทรวงศึกษาธิการจัดสรรงบประมาณอุดหนุน ค่าใช้จ่ายรายหัวใน 3 รายการ ได้แก่ (๑) ค่าจัดการเรียน การสอน (๒) ค่าหนังสือเรียน (๓) ค่ากิจกรรมพัฒนา คุณภาพผู้เรียน ส าหรับนักเรียนไม่มีสัญชาติไทยที่มีเลข ประจ าตัว ๑๓ หลัก ในอัตราเดียวกับนักเรียน กศน.ไทย 3) ศูนย์การเรียนเด็กข้ามชาติจัดเตรียมความพร้อม ด้านสถานที่เรียน ร่วมบูรณาการเนื้อหาให้สอดคล้อง กับบริบทของเด็ก จัดเตรียมวัสดุอุปกรณ์ และอ านวย ความสะดวกในการเรียนการสอน ๕ ๑ ต ใ แ 2 ค ๑ 3. การจัดการศึกษา ในศูนย์การเรียนเด็กข้ามชาติ โดย องค์กรเอกชน (Migrant Learning Center: MLC) 1. ด้านสภาพทั่วไป 1) ศูนย์การเรียนเด็กข้ามชาติ (MLC) บริหารจัดการศึกษา โดยมูลนิธิ องค์กรชุมชน (Community-Based Organization) องค์กรพัฒนาเอกชน (NGOs) หรือเรียกโดยรวมว่า องค์กรเอกชน และอยู่ภายใต้การดูแลอย่างไม่เป็นทางการ ของ “ศูนย์ประสานงานการจัดการศึกษาเด็กต่างด้าว” ส านักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาตาก เขต 2 2) ศูนย์การเรียนเด็กข้ามชาติส่วนใหญ่ตั้งอยู่ในแหล่ง ชุมชนคนต่างด้าว และบริเวณใกล้ชายแดนระหว่าง ประเทศไทยและสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา 3) เปิดรับเด็กไม่มีสัญชาติไทยทุกคนเข้าเรียน โดยไม่มี เกณฑ์การรับสมัคร นักเรียนในศูนย์การเรียนเด็กข้าม ชาติจึงเป็นนักเรียนที่ไม่มีสัญชาติไทยทั้งหมด (100%) ๑ 1 แ ที 2 ค ช มี ค ก เ ต


๕๙ แนวทางการจัดการศึกษา จุดเด่น ๕. ด้านการบริหารจัดการ ๑) จัดกิจกรรมเยี่ยมบ้านนักเรียน สร้างสัมพันธ์ที่ดี ต่อครอบครัวเด็กและชุมชน ติดตามดูแลอย่าง ใกล้ชิด โดยเฉพาะเด็กที่มีผลการเรียนต่ าหรือมี แนวโน้มว่าจะออกจากการเรียนกลางคัน 2) ควรจัดให้มีการประชุมหารือ สร้างความรู้ ความเข้าใจร่วมกับผู้ปกครอง อย่างน้อยเดือนละ ๑ ครั้ง ๑. ด้านสภาพทั่วไป 1) ให้ความร่วมมือในการแลกเปลี่ยนข้อมูล และร่วมออกส ารวจติดตามเด็กไม่มีสัญชาติไทย ที่อยู่ในพื้นที่ 2) ร่วมกับหน่วยงานการศึกษาของรัฐเตรียม ความพร้อมด้านภาษาไทย โดยจัดให้มีห้องเรียน ชั้นปฐมวัย-อนุบาลส าหรับเตรียมความพร้อม มีสื่อและสร้างบรรยากาศแวดล้อมที่เอื้อให้เด็ก คุ้นชินกับวัฒนธรรมภาษาไทย ซึ่งจะช่วยส่งเสริม กระตุ้นให้เด็กเรียนรู้และเข้าใจภาษาไทยได้เร็วขึ้น เป็นประโชน์ต่อการปรับตัวให้อยู่ร่วมกับสังคมไทย ต่อไป ๑) สามารถเข้าถึงได้ง่าย เนื่องจากไม่มีการก าหนด หลักเกณฑ์การรับสมัคร นักเรียนเรียนฟรี ไม่มีค่าเทอม มีหนังสือแบบเรียน วัสดุอุปกรณ์การเรียน อาหาร ที่พักให้ฟรี หรือหากมีค่าใช้จ่ายก็ไม่สูงมากนัก ซึ่งผู้ปกครองสามารถเข้าถึงได้ ๒) การใช้สองภาษา/พหุภาษาในการเรียนการสอน ซึ่งนอกจากเด็กได้เรียนรู้อนุรักษ์ภาษาของตนแล้ว ขณะเดียวกันยังช่วยให้เด็กเรียนรู้ภาษาอังกฤษ ได้เร็วขึ้น เด็กในศูนย์การเรียนจึงมีทักษะการใช้ ภาษาอังกฤษได้ดี


รูปแบบการจัดการศึกษา สภาพการจัดการศึกษา 4) นักเรียนสามารถแบ่งออกได้ ๓ กลุ่ม คือ (๑) กลุ่มที่ ติดตามบิดามารดาเข้ามา (๒) กลุ่มที่อาศัยอยู่กับหอพัก ส่วนใหญ่เป็นเด็กพม่าที่อยู่ไกล เด็กถูกทอดทิ้งเด็ก ก าพร้า และ ๓) กลุ่มที่เดินทางเข้า-ออก ข้ามพรมแดน เข้ามาเรียนทุกวัน และเด็กส่วนใหญ่เป็นเด็กชาติพันธุ์ พม่า กะเหรี่ยง มีทั้งเด็กที่มีและไม่มีผู้ปกครอง เสมือน เป็นศูนย์รวมของเด็กที่ด้อยโอกาสต่าง ๆ 2. ด้านวิชาการ ๑) การเรียนการสอนใช้หลักสูตรพม่าเป็นหลัก มีการ พัฒนาเนื้อหาประยุกต์มาจากหลักสูตรต่างประเทศ โดยเฉพาะวิชาคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และอังกฤษ และศูนย์การเรียนบางแห่งมีการพัฒนาหลักสูตรแบบ บูรณาการร่วมกับหลักสูตรของต่างประเทศ อาทิ ไทย อินเดีย สิงคโปร์ ออสเตรเลีย สหรัฐอเมริกา และมี หลักสูตร กศน.พม่า หลักสูตร กศน.ไทย หลักสูตรเตรียม ความพร้อมสอบมัธยมปลาย General Educational Development (GED) รวมถึงหลักสูตรการฝึกอาชีพ ระยะสั้น และการฝึกงานในสถานประกอบการ 2) การเรียนการสอนใช้สองภาษา/พหุภาษา คือ ภาษา พม่า/กะเหรี่ยงและภาษาอังกฤษ สื่อการเรียนการสอน หนังสือ แบบเรียนและแบบฝึกหัดเป็นภาษาพม่าและ ภาษาอังกฤษทั้งหมด ส่วนภาษาไทยมีเฉพาแบบฝึกหัด วิชาภาษาไทยที่สอนผสมผสานกับภาษาพม่า โดยเน้น การเรียนการสอน ๓ รายวิชา คือ ภาษาพม่า ภาษาอังกฤษ และคณิตศาสตร์ ๒ 1 ใ เ ส 2 ผ ม ส สิ อ


๖๐ แนวทางการจัดการศึกษา จุดเด่น ๓) หลักสูตรมีความหลากหลาย มีหลักสูตรที่ ประยุกต์เนื้อหามาจากหลักสูตรของต่างประเทศ ท าให้เด็กได้เรียนรู้เนื้อหาที่เป็นมาตรฐานระดับ สากล รวมถึงมีหลักสูตรการพัฒนาทักษะอาชีพ และการฝึกงานในสถานประกอบการ ส าหรับเด็กที่ ไม่ประสงค์เรียนต่อ อีกทั้งการสอนในช่วงเวลาค่ า ท าให้เด็กมีโอกาสเข้ารับการศึกษาตามหลักสูตร พม่ามากขึ้น ซึ่งจะส่งผลดีโดยตรงต่อตัวเด็กในการ เข้าศึกษาต่อในสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา หรือต่างประเทศต่อไป ๔) ครูศูนย์การเรียนเด็กข้ามชาติมีความขยัน ทุ่มเท เสียสละและมีความตั้งใจสูง ในการช่วยเหลือ นักเรียนให้ได้รับการศึกษาที่มีคุณภาพ ภายใต้ ความขาดแคลนของทรัพยากร มากกว่าการค านึงถึง ผลประโยชน์ค่าตอบแทน และครูยังสามารถปรับตัว เข้ากับข้อจ ากัดต่าง ๆ ได้ดี อีกทั้งมีการท าความ เข้าใจร่วมกับผู้ปกครองและชุมชน ท าให้เกิดความ รัก ความสามัคคี ช่วยเหลือกันและกัน มีความเป็น น้ าหนึ่งใจเดียวกัน ๒. ด้านวิชาการ 1) ให้ความร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐของไทย ในการปฏิบัติตามมาตรการส่งเสริมให้ศูนย์การ เรียนเด็กข้ามชาติจัดการศึกษาที่ได้มาตรฐาน สอดคล้องกัน เพื่อประโยชน์ในการเทียบโอน 2) องค์กรเอกชนที่บริหารจัดการศึกษาควรเชิญ ผู้ทรงคุณวุฒิหรือวิทยากร จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง มาให้ความรู้ความเข้าใจในเรื่องต่าง ๆ แก่เด็กไม่มี สัญชาติไทยในศูนย์การเรียน เช่น สิทธิมนุษยชน สิทธิการศึกษา กฎหมายที่ควรรู้ การแนะแนว อาชีพ ทักษะการด ารงชีวิต เป็นต้น


รูปแบบการจัดการศึกษา สภาพการจัดการศึกษา ๓) หลักสูตรของ กศน.พม่า (Myanmar Non -Formal Primary Education : NFPE) รับรองหลักสูตรโดย กศน.พม่า เรียน 1 ปี จบ 2 ช่วงชั้น เน้นการอ่านออก เขียนได้ (อายุ 9 -14 ปี ) โดยนักเรียนลงทะเบียนเรียน กับ กศน.เขตเมียวดี ส่วนครูของศูนย์การเรียนเป็นผู้สอน ภายใต้หลักสูตร กศน.พม่า ซึ่งจะได้รับการตรวจสอบ เป็นระยะ ๆ จากคณะครูกศน.เขตเมียวดีและเมื่อเรียน จบแล้วนักเรียนจะได้รับประกาศนียบัตรรับรองจาก กศน.พม่า ซึ่งสามารถน าไปใช้เป็นหลักฐานเพื่อศึกษา ต่อที่สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาได้4) มีการจัดกิจกรรมปลูกฝังจิตส านึกให้เด็กมีความ กตัญญูรู้คุณต่อแผ่นดินไทย อาทิ เคารพธงชาติ กิจกรรมวันพ่อวันไหว้ครู สร้างความร่วมมือกับโรงเรียน และชุมชน โดยส่งนักเรียนเข้าร่วมกิจกรรมต่าง ๆ 5) เมื่อส าเร็จการศึกษาแล้ว เด็กจะได้รับวุฒิบัตรของ ศูนย์การเรียน ซึ่งบางแห่งไม่สามารถน าไปใช้เป็นหลักฐาน เข้าศึกษาต่อในสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาได้ เว้นแต่ เป็นหลักสูตรที่รับรองโดยรัฐบาลเมียนมาหรือหลักสูตร ของ กศน.พม่า หรือรับรองโดยองค์กรเอกชนบางแห่ง อาทิ มูลนิธิ BMWEC ซึ่งวุฒิบัตรสามารถน าไปใช้เบิกทาง เข้าศึกษาต่อในสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาได้ ทั้งนี้ เด็กที่จบการศึกษาไปแล้ว ส่วนใหญ่จะออกไปหารายได้ เลี้ยงครอบครัว หรือศึกษาต่อ หรือหากเด็กสอบผ่าน GED ทางศูนย์การเรียนจะจัดหาทุนการศึกษาเพื่อให้ เด็กได้ศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษาต่อไป


๖๑ แนวทางการจัดการศึกษา จุดเด่น


รูปแบบการจัดการศึกษา สภาพการจัดการศึกษา 3. ด้านบุคลากร ๑) ผู้บริหารและครูของศูนย์การเรียนส่วนใหญ่เป็นคน ต่างชาติสัญชาติพม่า/กะเหรี่ยง โดยมีองค์กรเอกชน บริหารจัดการด้านทรัพยากรบุคคล ทั้งการสรรหา ฝึกอบรมครู เงินเดือน ค่าตอบแทนครู และในด้านอื่น ๆ ๒) ครูในศูนย์การเรียนเด็กข้ามชาติมีสถานะเป็นลูกจ้าง ขององค์กรเอกชน ส่วนใหญ่จบการศึกษามาจากสาธารณรัฐ แห่งสหภาพเมียนมาและสามารถสื่อสารภาษาอังกฤษ ได้ดี แต่ไม่มีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครูของไทย 3) องค์กรเอกชนจัดให้มีการฝึกอบรมวิธีการสอนแก่ครู ก่อนเริ่มปฏิบัติหน้าที่สอน และอบรมพัฒนาศักยภาพ ครูอย่างต่อเนื่องในช่วงปิดภาคเรียนของทุกปี 4) มีครูอาสาสมัคร ทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ อาทิ สิงค์โป มาเลเซีย ออสเตรเลีย และจากองค์กร ยูเนสโก สลับสับเปลี่ยนหมุนเวียนกันเข้ามาช่วยสอน 5) อัตราส่วนของครูต่อนักเรียนในศูนย์การเรียนเด็ก ข้ามชาติ คือ ครู ๑ คน ต่อนักเรียน ๑๗ คน ทั้งนี้ ครู ของศูนย์การเรียนมีทัศนคติที ่ดีต ่อเด็ก มีความขยัน ทุ่มเทมุ่งมั่น และมีความตั้งใจสูง ๓ 1 ค 2 ส ก ต ส 4. ด้านงบประมาณ งบประมาณบริหารจัดการของศูนย์การเรียน มาจาก องค์กรเอกชน ซึ่งมีแหล่งทุนส่วนใหญ่อยู่ในต่างประเทศ และงบประมาณบางส่วนมาจากเงินบ ริจ าคของ ผู้ปกครองหรือผู้มีจิตช่วยเหลือ ๔ จ ผ


๖๒ แนวทางการจัดการศึกษา จุดเด่น ๓. ด้านบุคลากร 1) ควรจัดฝึกอบรม พัฒนาศักยภาพครูให้มีความรู้ ความเข้าใจในเรื่องต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องอยู่เสมอ 2) ให้ความร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐของในการ ส ารวจและขึ้นทะเบียนครูของศูนย์การเรียน เพื่อ การจัดท าฐานข้อมูลครู ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการ ตรวจสอบ วิเคราะห์ และหาแนวทางแก้ไขปัญหา สถานะของครูในศูนย์การเรียนต่อไป ๔. ด้านงบประมาณ จัดการศึกษาให้เหมาะสมกับความต้องการของ ผู้เรียนและองค์กรเอกชนที่สนับสนุนงบประมาณ


รูปแบบการจัดการศึกษา สภาพการจัดการศึกษา 5. ด้านการบริหารจัดการ1) เด็กทุกคนจะได้รับการศึกษาฟรี ไม่มีค่าเทอม มี เครื่องแบบ หนังสือแบบเรียน วัสดุอุปกรณ์การเรียน อาหาร และอื่น ๆ ให้ฟรีไม่เสียค่าใช้จ่าย ทั้งนี้ ศูนย์การเรียนบางแห่งอาจมีค่าใช้จ่ายที่อาจขอเรียกเก็บ จากผู้ปกครอง อาทิค่าสมทบน้ ามันส าหรับนักเรียนที่ เดินทางไป -กลับ (เดือนละไม่เกิน ๒๐๐ บาท) 2) มีการจัดการศึกษาตั้งแต่ระดับเด็กเล็ก จนถึงระดับ มัธยมศึกษาตอนปลาย แบ่งระดับชั้นออกเป็น Grade ตั้งแต่ Grade 1 ถึง Grade 8 ทั้งนี้ ระดับชั้นในแต่ละ ศูนย์การเรียนจะแตกต่างกันไปตามขนาดของศูนย์การเรียน นอกจากนี้ มีศูนย์การเรียนซันเซท ที่จัดการศึกษาลักษณะ พิเศษ คือ จัดการเรียนการสอนเฉพาะ ในช่วงเวลาค่ า (เวลา 17.00 – 19.00 น.) เน้นการสอน ด้านวิชาการ เฉพาะ 3 รายวิชา คือ ภาษาพม่า ภาษาอังกฤษและ คณิตศาสตร์ ซึ่งเด็กส่วนใหญ่ในตอนกลางวันจะเรียนอยู่ โรงเรียนในระบบสังกัดสพป.ตาก เขต 2 ทั้งนี้ เพื่อขยาย โอกาสให้กับเด็กที่ประสงค์เรียนตามหลักสูตรพม่าและ เตรียมความพร้อมส าหรับเด็กที่ต้องการกลับไปศึกษาต่อ สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา ๓) อาคารสถานที่ที่ใช้จัดการศึกษาส่วนใหญ่ เป็นอาคารเรียนชั่วคราว ค่อนข้างทรุดโทรมและ ไม่ค่อยถูกสุขลักษณะ ทั้งนี้ การจัดการศึกษาของ ศูนย์การเรียนเน้นไปทางด้านวิชาการมากกว่าการพัฒนา ทักษะทางด้านร่างกาย ศูนย์การเรียนส่วนใหญ่จึงไม่มี สนามเด็กเล่นหรือสนามกีฬา อีกทั้ง ไม่มีการน าสื่อ ๕ ๑ ม ร ใ อ ผ ๒ ที ส 3 ก เ ส เ


๖๓ แนวทางการจัดการศึกษา จุดเด่น ๕. ด้านการบริหารจัดการ ๑) ศูนย์การเรียนควรน าเทคโนโลยีสารสนเทศ มาใช้ในการบริหารจัดการศูนย์การเรียนให้เป็น ระบบ ครอบคลุมถึงการส่งเสริมให้เด็กได้มีโอกาส ใช้เทคโนโลยีในการเรียน หรือสืบค้นข้อมูล ทั้งนี้ องค์กรเอกชนที่บริหารจัดการศูนย์การเรียนเป็น ผู้รับผิดชอบจัดหา ๒) ควรสรรหาแนวทางเพื่อจัดตั้งเป็นศูนย์การเรียน ที่ถูกต้องตามกฎหมายไทย โดยอาจขอข้อมูลจาก สพป.ตาก เขต ๒ หรือ หน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง 3) รายงานสถานการณ์การจัดการศึกษาของศูนย์ การเรียนต่อศูนย์ประสานงานการจัดการศึกษา เด็กต่างด้าวอย่างใกล้ชิด และควรมีวางแผนการ ส่งต่อเด็กให้ได้รับการศึกษาอย่างต่อเนื่อง หาก เกิดกรณีที่ศูนย์การเรียนต้องปิดตัวลง


รูปแบบการจัดการศึกษา สภาพการจัดการศึกษา การเรียนการสอนหรือระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ ที่ทันสมัยเข้ามาใช้จัดการเรียนการสอน เว้นแต่ เป็นศูนย์การเรียนขนาดใหญ่ คือ ศูนย์พัฒนาการเรียนรู้ เพื่อเด็กด้อยโอกาสซีดีซี ซึ่งเปิดมานาน ได้รับการสนับสนุน จากแม่ตาวคลีนิคและมูลนิธิสุวรรณนิมิต ที่มุ่งช่วยเหลือ ผู้ด้อยโอกาสในพื้นที่แนวชายแดน ทั้งในด้านสาธารณสุข และการศึกษา ระบบการบริหารจัดการและทรัพยากร การศึกษาจึงมีความพร้อมมากกว่าศูนย์การเรียนอื่น


๖๔ แนวทางการจัดการศึกษา จุดเด่น


๖๕ จากผลการศึกษาเอกสารและการศึกษาภาคสนามอ าเภอแม่สอด จังหวัดตาก เพื่อศึกษาสภาพ การจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานส าหรับเด็กที่ไม่มีหลักฐานทางทะเบียนราษฎรหรือไม่มีสัญชาติไทย และบุตรหลานแรงงานข้ามชาติสามารถสรุปผลการศึกษาจากกรณีศึกษาภาคสนามไปสู่สภาพการจัด การศึกษาในภาพรวมของการจัดการศึกษาในระดับจังหวัดตาก ได้ดังนี้ ๑) นักเรียนไม่มีสัญชาติไทย ประกอบด้วย ๓ กลุ่ม ได้แก่ ๑) กลุ่มที่ติดตามบิดามารดามาอาศัย อยู่ในประเทศไทย ๒) กลุ่มที่บ้านอยู่พื้นที่ห่างไกลแต่ตั้งใจมาเรียนและมาพักอาศัยอยู่กับหอพัก ของสถานศึกษา ๓) กลุ่มที่เดินทาง เข้า-ออก ข้ามด่านพรมแดนเข้ามาเรียนทุกวัน ทั้งที่ข้ามจุดผ่านแดน และตามท่าข้ามเรือต่าง ๆ ที่ไม่เป็นทางการบริเวณแนวชายแดน ซึ่งมีจ านวนไม่มากนัก อย่างไรก็ตาม พบว่า ไม่มีหน่วยงานใดในพื้นที่มีการส ารวจหรือจัดเก็บข้อมูลที่เป็นระบบ ไม่ทราบจ านวนเด็กไม่มีสัญชาติไทย ที่แท้จริง มีเพียงการประมาณการที่ไม่มีความชัดเจนเพียงพอ ซึ่งข้อมูลนี้มีความจ าเป็นต่อการด าเนินงาน ตามนโยบายของกระทรวงศึกษาธิการที่จะลดความเหลื่อมล้ าและให้โอกาสเด็กทุกคนได้เรียนโดยไม่ทิ้งใคร ไว้ข้างหลัง ๒)รูปแบบการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานส าหรับเด็กที่ไม่มีหลักฐานทางทะเบียนราษฎรหรือไม่มี สัญชาติไทยและบุตรหลานของแรงงานข้ามชาติโดยพบว่า มีการจัดการศึกษาใน ๓ รูปแบบ ได้แก่ ๑) การศึกษาในระบบโรงเรียน ทั้งโรงเรียนของรัฐและโรงเรียนเอกชน ๒) การจัดการศึกษานอกระบบ และการศึกษาตามอัธยาศัย และ ๓) การจัดการศึกษาในศูนย์การเรียนเด็กข้ามชาติ ๒.๑ การจัดการศึกษาในระบบโรงเรียน ๑) มีการด าเนินการจัดการศึกษาทั้งโดยหน่วยงานรัฐ และเอกชนหรือองค์กรทางศาสนา โรงเรียนรัฐเรียนฟรี ไม่มีค่าเทอม แต่โรงเรียนเอกชน (เอกชนการกุศล) มีค่าใช้จ่ายแรกเข้าและเงินบริจาค เพื่อการศึกษารายปี/รายเดือน (ปีละไม่เกิน 3,000 บาท) งบประมาณโดยส่วนใหญ่ของโรงเรียนรัฐมาจาก การจัดสรรงบประมาณจากต้นสังกัด ส่วนโรงเรียนเอกชน (เอกชนการกุศล) ได้รับเงินอุดหนุนมาจากวัด/มัสยิด และการบริจาคของผู้มีจิตศรัทธา ทั้งนี้รัฐโดยกระทรวงศึกษาธิการจะออกเลขประจ าตัว ๑๓ หลัก ที่ขึ้นต้นด้วย อักษร G หรือ P หรืออื่น ๆ ตามต้นสังกัดส าหรับเด็กที่ไม่มีสัญชาติไทยและจัดสรรงบประมาณอุดหนุนค่าใช้จ่าย รายหัวใน ๕ รายการ ได้แก่ (๑) ค่าจัดการเรียนการสอน (๒) ค่าหนังสือเรียน (๓) ค ่าเครื ่องแบบนักเรียน (๔) ค่าอุปกรณ์การเรียน และ (๕) ค่ากิจกรรมพัฒนาผู้เรียน ส าหรับนักเรียนที่มีเลขประจ าตัว ๑๓ หลัก ที่เรียนอยู่ ในระดับการศึกษาขั้นพื้นฐานทุกสังกัดในอัตราเดียวกันกับเด็กไทย ๒) โรงเรียนบางแห่งซึ่งอยู่ติดชายแดนมีนักเรียนไม่มีสัญชาติไทยเรียนอยู่ถึงประมาณร้อยละ ๙๐ ที่เหลือร้อยละ ๑๐ เป็นเด็กสัญชาติไทย ทั้งนี้ นักเรียนไม่มีสัญชาติไทยส่วนใหญ่เป็นเด็กสัญชาติพม่า กะเหรี่ยง และเด็กชนเผ่า ๓) การจัดการเรียนการสอนเป็นการเรียนรวมกันระหว่างนักเรียนไทยและนักเรียนไม่มี สัญชาติไทย ทั้งนี้นักเรียนที่ยังไม่มีทักษะด้านภาษาไทยต้องเริ่มเรียนปูพื้นฐานภาษาไทยในระดับชั้นประถม ศึกษาปีที่ ๑ ร่วมกับเพื่อนร่วมชั้นคนอื่น ซึ่งบางครั้งตนเองมีอายุมากกว่าคนอื่นในห้องเรียน ๔) การเรียนการสอนใช้ภาษาไทยเป็นหลัก จัดการเรียนการสอนตามหลักสูตรแกนกลาง การศึกษาขั้นพื้นฐาน พ.ศ. ๒๕๕๑ ของกระทรวงศึกษาธิการ เรียนรู้ตาม ๘ กลุ่มสาระ มีการจัดท าหลักสูตร ท้องถิ่นที่สอดคล้องกับบริบทของพื้นที่ และมีกิจกรรมต่าง ๆ ในช่วง “ลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้” ที่ช่วย เสริมสร้างพัฒนาการด้านต่าง ๆ อาทิทักษะด้านการคิด ทักษะภาษาอังกฤษ ทักษะอาชีพ การใช้เทคโนโลยี กิจกรรมการสืบสานวัฒนธรรมภูมิปัญญา การปลูกฝังคุณธรรมจริยธรรม การดูแลสุขภาพร่างกาย


๖๖ ๕) โรงเรียนจ้างครูต่างด้าว (พม่า/กะเหรี่ยง) ที่สามารถสื่อสารภาษาของเด็กได้ ท าหน้าที่ เป็นผู้ดูแลเด็ก/ผู้ช่วยครูไทยในการเป็นล่ามแปลภาษา สร้างความรู้ความเข้าใจระหว่างเรียน โดยโรงเรียน จะบริหารจัดการงบประมาณกันเองหรือเรียกเก็บจากผู้ปกครองของเด็ก ๖) โรงเรียนที่ตั้งอยู่ใกล้แหล่งชุมชนคนต่างด้าว หรือบริเวณชายแดนจะได้รับความนิยมจาก ผู้ปกครองของเด็กไม่มีสัญชาติไทยเพื่อส่งบุตรหลานเข้าเรียน เนื่องจากต้องการให้เด็กเรียนหลักสูตรของไทย ซึ่งเมื่อจบการศึกษาแล้วเด็กจะได้รับวุฒิการศึกษาสามารถน าไปใช้เป็นหลักฐานเข้าศึกษาต่อในประเทศไทยได้ ๒.๒ การจัดการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย ๑) การจัดการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยเป็นลักษณะการท าข้อตกลง ร่วมกัน (MOU) ระหว่างสถานศึกษาของกศน. และศูนย์การเรียนเด็กข้ามชาติโดยให้เด็กไม่มีสัญชาติไทย ของศูนย์การเรียนที่ผ่านการสอบวัดความรู้ภาษาไทย ได้คะแนนขั้นต่ า ๗๐ คะแนน จาก ๑๐๐ คะแนน ขึ้นทะเบียนเป็นนักเรียนกศน. และกระทรวงศึกษาธิการจะก าหนดเลขประจ าตัว ๑๓ หลัก โดยกศน.จัดการศึกษา ให้ฟรีไม่มีค่าเทอม และได้รับจัดสรรงบประมาณอุดหนุนค่าใช้จ่ายรายหัวในอัตราเดียวกับนักเรียน กศน.ไทย ๒) หลักสูตรที่ใช้จัดการเรียนการสอนส าหรับเด็กอายุ ๘-๑๕ ปี จัดหลักสูตรตามแนวทาง การจัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน ส าหรับเด็กไม่มีสัญชาติไทยที่อยู่ในเกณฑ์การศึกษาภาคบังคับ ระดับประถมศึกษา ส่วนผู้ที่มีอายุ ๑๕ ปีขึ้นไปใช้หลักสูตรการศึกษานอกระบบหรือการศึกษาผู้ใหญ่(ระดับประถมศึกษา ระดับมัธยม ศึกษาตอนต้น และระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย) โดยใช้ภาษาไทยเป็นหลัก ๓) จัดการเรียนการสอนในศูนย์การเรียนเด็กข้ามชาติ เป็นเวลา ๔ วัน/สัปดาห์โดยมีครูกศน. (ครูประจ ากลุ่ม) เป็นผู้สอนทุกรายวิชา โดยครูของศูนย์การเรียนจัดเตรียมความพร้อมด้านสถานที่เรียน วัสดุอุปกรณ์ และอ านวยความสะดวกในการเรียนการสอน รวมถึงร่วมบูรณาการเนื้อหาให้สอดคล้องกับบริบทของนักเรียน ๔) เมื่อจบการศึกษาเด็กจะได้รับวุฒิการศึกษาของกศน. ซึ่งรับรองโดยกระทรวงศึกษาธิการ ของไทย และสามารถน าไปใช้ศึกษาต่อหรือสมัครท างานในประเทศไทยได้อย่างไรก็ตามวุฒิการศึกษาของกศน. ยังไม่สามารถน าไปใช้เทียบโอนเข้าศึกษาต่อกับสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาได้ ๒.๓ การจัดการศึกษาในศูนย์การเรียนเด็กข้ามชาติ (Migrant Learning Center-MLC) ๑) เป็นสถานศึกษาที่เด็กไม่มีสัญชาติไทยสามารถเข้าถึงได้ง่าย จัดการศึกษาโดยองค์กรเอกชน ส่วนใหญ่ได้รับสนับสนุนงบประมาณจากองค์กรต่างประเทศ นักเรียนเรียนฟรีมีหนังสือ แบบเรียน อุปกรณ์การ เรียนการสอน อาหารให้ฟรี ไม่เสียค่าใช้จ่าย แต่ศูนย์การเรียนขนาดใหญ่มีค่าแรกเข้าหรือค่าใช้จ่ายรายเดือน มีการจัดการศึกษาตั้งแต่ระดับเด็กเล็กจนถึงระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย แบ่งระดับชั้นออกเป็น Grade ตั้งแต่ Grade 1 ถึง Grade 8 ระดับชั้นที่เปิดสอนในแต่ละศูนย์การเรียนแตกต่างกันไป ศูนย์การเรียนส่วนใหญ่มีหอพัก และมีครูผู้สอนดูแลหอพัก รวมถึงมีรถรับ-ส่งส าหรับนักเรียน โดยผู้ปกครองบริจาคสมทบเป็นค่าน้ ามัน เป็นต้น ๒) จัดการเรียนการสอนโดยใช้หลักสูตรของพม่าเป็นหลัก ศูนย์การเรียนบางแห่งมีการใช้ หลักสูตรที่หลากหลายเช่น หลักสูตรบูรณาการ ระหว่างหลักสูตรไทยกับหลักสูตรพม่า หลักสูตรพม่าบูรณาการ กับหลักสูตรอินเดีย สิงคโปร์ ออสเตรเลีย สหรัฐอเมริกา แยกตามรายวิชา หลักสูตร GED และอื่น ๆ หนังสือเรียนและแบบฝึกหัดเป็นภาษาพม่าและภาษาอังกฤษ ๓) การสื่อสารใช้ภาษาพม่าเป็นหลัก นักเรียนมีความรู้ความเข้าใจและสามารถสื่อสาร ภาษาอังกฤษได้ดี และมีการจัดกิจกรรมปลูกฝังจิตส านึกในสถาบันหลักของชาติไทย อาทิ กิจกรรมเคารพธงชาติ วันพ่อ วันไหว้ครู นอกจากนี้ศูนย์การเรียนมีความใกล้ชิดกับชุมชนและให้ความร่วมมืออย่างดี โดยการเข้าร่วม กิจกรรมในวันส าคัญต่าง ๆ กิจกรรมสืบสานประเพณี กิจกรรมจิตอาสา การเข้าร่วมแข่งขันกีฬาสานสัมพันธ์


๖๗ ๔) ครูและบุคลากรเกือบทั้งหมดเป็นคนต่างชาติสัญชาติพม่า กะเหรี่ยง ซึ่งมีสถานะเป็น ลูกจ้างขององค์กรเอกชน และไม่มีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครูของไทย ๕) วุฒิการศึกษาที่ออกโดยศูนย์การเรียนไม่สามารถน าไปใช้เป็นหลักฐานเข้าศึกษาต่อทั้ง ในประเทศไทยและสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาได้ เว้นแต่ เป็นหลักสูตรที่ได้รับการรับรองจากรัฐบาล เมียนมา เช ่น หลักสูตรกศน.พม ่า หรือรับรองโดยองค์กรพัฒนาเอกชนบางแห ่ง เช ่น มูลนิธิ BMWEC จึงสามารถน าไปเทียบโอนเข้าศึกษาต่อในสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาได้ ๖) ศูนย์การเรียนเด็กข้ามชาติส่วนใหญ่เป็นศูนย์การเรียนอย่างไม่เป็นทางการที่ยังไม่มี กฎหมายไทยรับรองสถานะ แต่มีบางศูนย์ที่มีความพร้อมและการจดทะเบียนเป็นโรงเรียนเอกชน ตามพระราชบัญญัติโรงเรียนเอกชน พ.ศ.2550 ปัจจุบันมี ๑ โรงเรียน คือ โรงเรียนสันถวไมตรีศึกษา เดิมชื่อ ศูนย์การเรียน All Saint บริหารงานโดยองค์กรเอกชน Good Friend Center และสถานการณ์ ของศูนย์การเรียนมีแนวโน้มต้องปิดตัวลงทุกปี เนื่องจากขาดแหล่งงบประมาณสนับสนุน ส่งผลให้เด็กต้องหา ที่เรียนใหม่และบางส่วนหลุดออกจากระบบการศึกษา ๓) มีการจัดตั้งศูนย์ประสานงานเพื่อด าเนินการโดยเฉพาะ โดยส านักงานเขตพื้นที่การศึกษา ประถมศึกษาตากเขต ๒ จัดตั้ง “ศูนย์ประสานงานการจัดการศึกษาเด็กต่างด้าว” (Migrant Education Coordination Center) เพื่อเป็นศูนย์ประสานการปฏิบัติงานระหว่าง สพป.ตาก เขต ๒ กับศูนย์การเรียน เด็กข้ามชาติ ที่ตั้งอยู่ในเขตพื้นที่ ๕ อ าเภอชายแดน (อ าเภอแม่สอด อ าเภอแม่ระมาด อ าเภอท่าสองยาง อ าเภอพบพระและอ าเภออุ้มผาง) และองค์กรเอกชนที่สนับสนุนการจัดการศึกษา รวมถึงเป็นสถานที่ฏิบัติ งานของอาสาสมัครชาวต่างประเทศที่เข้ามาช่วยเหลือสนับสนุนการจัดการศึกษาส าหรับเด็กไม่มีสัญชาติไทย ภายใต้แนวคิด “การจัดการศึกษาเพื่อความมั่นคง” ผลงานของศูนย์ประสานงานการจัดการศึกษา เด็กต่างด้าว ได้แก่ จัดท าข้อมูลศูนย์การเรียน แผนที่ศูนย์การเรียน อบรมภาษาไทยเพื่อการสื่อสารให้กับ ผู้สอนของศูนย์การเรียน อบรมภาษาพม่าเพื่อการสื่อสารส าหรับครูในโรงเรียนที่มีเด็กต่างด้าว เป็นต้น 4) ยังไม่มีหน่วยงานใดในพื้นที่มีการส ารวจหรือจัดเก็บข้อมูลของนักเรียนไม่มีสัญชาติไทย ทั้งหมดที่เรียนอยู่ในสถานศึกษาทุกประเภท ที่จัดเก็บอย่างเป็นระบบ ไม่ทราบจ านวนนักเรียนไม่มีสัญชาติไทย ที่แท้จริง มีเพียงการประมาณการที่ไม่มีความชัดเจนเพียงพอ ซึ่งข้อมูลนี้มีความจ าเป็นต่อการด าเนินงานตาม นโยบายของกระทรวงศึกษาธิการที่จะลดความเหลื่อมล้ าและให้โอกาสเด็กทุกคนได้เรียนโดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง ๒. ปัญหาและอุปสรรคในการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน ส าหรับเด็กที่ไม่มีหลักฐานทางทะเบียนราษฎรหรือ ไม่มีสัญชาติไทย และบุตรหลานของแรงงานข้ามชาติในจังหวัดตาก จากการศึกษาเอกสารและการศึกษาภาคสนามกรณีศึกษาอ าเภอแม่สอด จังหวัดตาก จากผู้ให้ข้อมูล ส าคัญที่เกี่ยวข้องจากส านักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาตาก เขต 2 ครูและผู้บริหารโรงเรียน สังกัดส านักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาตาก เขต 2 สังกัดโรงเรียนเอกชน สังกัดการศึกษานอกระบบ และการศึกษาตามอัธยาศัย และผู้ดูแลศูนย์การเรียนเด็กข้ามชาติตามรูปแบบการจัดการศึกษา 3 รูปแบบ คือ ๑) การจัดการศึกษาในระบบโรงเรียนภายใต้การก ากับดูแลของหน่วยงานภาครัฐ 2) การจัดการศึกษานอกระบบ และการศึกษาตามอัธยาศัย โดยส านักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย (กศน.) และ 3) การจัดการศึกษาในศูนย์การเรียนเด็กข้ามชาติโดยองค์กรเอกชน (Migrant Learning Center: MLC) สามารถ สรุปปัญหา อุปสรรค และข้อจ ากัด ในการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน แบ่งเป็นด้านสภาพทั่วไป ด้านวิชาการ ด้านบุคลากร ด้านงบประมาณ และด้านการบริหารจัดการ ส าหรับเด็กที่ไม่มีหลักฐานทางทะเบียนราษฎรหรือ ไม่มีสัญชาติไทย และบุตรหลานของแรงงานข้ามชาติของอ าเภอแม่สอด จังหวัดตาก รายละเอียดดังตารางที่ 10


ตารางที่ 10 ปัญหา อุปสรรค และข้อจ ากัดของการจัดการศึกษ และบุตรหลานแรงงานข้ามชาติ อ าเภอแม่สอด จังหวั รูปแบบการจัดการศึกษา ปัญหา อุปส 1. การจัดการศึกษาในระบบโรงเรียน ภายใต้การก ากับดูแลของหน่วยงานภาครัฐ 1. ด้านสภาพทั่วไป ๑) ปัญหาเด็กออกเรียนกลางคันเนื่องจาก ฐาน ที่ไม่สามารถแบกรับภาระค่าใช้จ่ายอื่น ๆ อาทิ ค่ ๒) เด็กลงทะเบียนเรียนไม่ทัน และโรงเรียนจ า มีปัญหาการได้รับเงินอุดหนุนรายหัวที่เหมาะส ๓) ปัญหาในการสื่อสารระหว่างครูกับนักเรียนแล ๔) พ่อแม่ ผู้ปกครองต้องการให้เด็กเรียนภาษาพ กับโรงเรียนของไทย 2. ด้านวิชาการ ๑) ปัญหาจากเงื่อนไขด้านภาษาไทย เด็กบางคนต ในขณะที่ตนเองมีอายุมากกว่าเพื่อนร่วมชั้น ท าใ รู้สึกแปลกแยก และอาจออกเรียนกลางคันในที่ 2) หลักสูตรค่อนข้างแข็งตัว โดยเป็นหลักสูตรที่ใ แม้จะสามารถปรับปรุงหลักสูตรท้องถิ่นได้แต่มี ความเข้าใจของครูที่มีต่อท้องถิ่นเป็นอย่างดี รวม ของชุมชน ซึ่งต้องใช้เวลาค่อนข้างนานในการจั ประวัติศาสตร์ไทย ที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับการสู้รบไ นักเรียนไม่มีสัญชาติไทยซึ่งส่วนใหญ่เป็นเด็กพ 3) วุฒิการศึกษาของโรงเรียนไทย ไม่สามารถน สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาได้


๖๘ ษาขั้นพื้นฐานส าหรับเด็กที่ไม่มีหลักฐานทางทะเบียนราษฎรหรือไม่มีสัญชาติไทย วัดตาก สรรค ข้อจ ากัด ะทางเศรษฐกิจของครอบครัว ค่าเดินทางค่าวัสดุอุปกรณ์ ค่ากิจกรรม าเป็นต้องรับเด็กเข้าเรียน ส่งผลให้ สมจากภาครัฐ ละระหว่างนักเรียนด้วยกันเอง พม่าเป็นหลัก จึงไม่ประสงค์เข้าเรียน 1) หลักสูตรค่อนข้างแข็งตัว โดยเป็นหลักสูตรที่ใช้เป็นมาตรฐาน เดียวกันทั่วประเทศ แม้จะสามารถปรับปรุงหลักสูตรท้องถิ่น โดยบูรณาการให้สอดคล้องกับบริบทของท้องถิ่น/ชุมชน แต่มี สัดส่วนที่จ ากัด 2) การสอนโดยใช้ภาษาไทยภาษาเดียว อาจท าให้เด็กไม่มี สัญชาติไทยขาดความสนใจเรียนรู้หรือไม่เห็นคุณค่าใน วัฒนธรรมทางภาษาของตน เด็กอาจขาดแรงจูงใจในการรักษา วัฒนธรรมดั้งเดิมและมีแนวโน้มที่จะเหินห่างจากรากเหง้า ของตนในที่สุด 3) ข้อจ ากัดในด้านงบประมาณ อาคารสถานที่ จ านวนครู และบุคลากร รวมถึงทรัพยากรทางการศึกษาต่าง ๆ อาทิ สื่อการเรียนการสอน ห้องคอมพิวเตอร์ ห้องปฏิบัติการ วิทยาศาสตร์ ซึ่งยังมีไม่เพียงพอต่อการบริหารจัดการศึกษา ให้มีคุณภาพ ต้องเริ่มเรียนปรับพื้นฐานภาษาไทย ให้เด็กบางคนมีปัญหาการปรับตัว ที่สุด ใช้เป็นมาตรฐานเดียวกันทั่วประเทศ มีสัดส่วนที่จ ากัด และต้องอาศัยความรู้ มถึงต้องอาศัยกระบวนการมีส่วนร่วม ัดท า อีกทั้งหลักสูตรโดยเฉพาะวิชา ไม่เหมาะสมส าหรับน ามาใช้สอน ม่า น าไปใช้เทียบโอนเพื่อเข้าศึกษาต่อใน


รูปแบบการจัดการศึกษา ปัญหา อุปส 3. ด้านบุคลากร 1) โรงเรียนไม่มีครูและบุคลากรที่สามารถสื่อสา 2) ครูและบุคลากรมีจ านวนไม่เพียงพอ ส่วนให ของครูไม่ตรงกับวิชาที่สอน ๓) ครูสอนนักเรียนต่างวัฒนธรรม จากประสบ นักเรียนไม่มีสัญชาติไทยที่เป็นระบบ 4. ด้านงบประมาณ ๑) โรงเรียนขาดแคลนงบประมาณในการจ้างค/ผู้ช่วยครูไทย ซึ่งเป็นภาระค่าใช้จ่ายที่โรงเรียน เพียงพอ ภายใต้งบประมาณที่จ ากัด ซึ่งโรงเรีย ของเด็กไม่มีสัญชาติไทย ๒) โรงเรียนขาดแคลนงบประมาณ ในการสร้า การศึกษาต่าง ๆ อาทิ สื่อการเรียนการสอน ห้ วิทยาศาสตร์ 5. ด้านการบริหารจัดการ ๑) เงื่อนไขด้านอายุ ซึ่งในทางกฎหมาย สถานศึ จัดการศึกษาระดับประถมศึกษา ส าหรับเด็กที่ เด็กไม่มีสัญชาติไทยที่มีอายุเกิน ๑๒ ปี จึงถูกป 2) โรงเรียนต้องพิจารณารับเด็กไทยเข้าเรียนก จึงจะพิจารณารับเด็กไม่มีสัญชาติไทยเข้าเรียน ค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการทั้งหมดภายใต้ง๓) โอกาสได้ทุนการศึกษาของเด็กไม่มีสัญชาติไ ๔) ข้อจ ากัดในการออกนอกพื้นที่ตามที่กฎหมา ออกไปเรียนรู้ ทัศนศึกษาตามแหล่งเรียนรู้ต่าง ๕) โรงเรียนมีทรัพยากรการศึกษาที่จ ากัด ทั้ง งบ การเรียนการสอน จ านวนครูและบุคลากร รวมถึ


๖๙ สรรค ข้อจ ากัด ารภาษาของเด็กได้ หญ่เป็นครูอัตรจ้าง อีกทั้งวุฒิการศึกษา บการณ์ยังไม่มีกา รฝึกอบรมการสอน ครูต่างด้าว มาท าหน้าที่เป็นผู้ดูแลเด็ก นต้องรับผิดชอบบริหารจัดการให้ ยนอาจเรียกเก็บเงินจากผู้ปกครอง างอาคารสถานที่ จัดซื้อทรัพยากร ห้องคอมพิวเตอร์ ห้องปฏิบัติการ ศึกษาสังกัด สพฐ. รับผิดชอบ ที่มีอายุไม่เกิน ๑๒ ปี ดังนั้น ปฏิเสธเข้าเรียน ก่อน หากมีจ านวนที่ว่างเหลือ น เพราะโรงเรียนต้องรับผิดชอบ บประมาณที่จ ากัด ไทยมีน้อยถึงแม้ว่าจะเป็น เด็กเรียนดี ายก าหนด ท าให้เด็กไม่สามารถ ๆ นอกพื้นที่ได้ไกล บประมาณ ห้องเรียน อาคารสถานที่ สื่อ ึง ทรัพยากรทางการศึกษาอื่น ๆ


รูปแบบการจัดการศึกษา ปัญหา อุปส 2. การจัดการศึกษานอกระบบและ การศึกษาตามอัธยาศัย โดยส านักงาน ส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษา ตามอัธยาศัย (กศน.) 1. ด้านสภาพทั่วไป 1) เด็กออกเรียนกลางคัน เนื่องมาจากหลักสูตรที ฐานะทางเศรษฐกิจของครอบครัวไม่สามารถแ ค่าจัดซื้อวัสดุอุปกรณ์ ค่าใช้จ่ายในการท ากิจกร 2) เงื่อนไขด้านภาษาไทย ที่เด็กต้องผ่านเกณฑ์ การฟัง การพูด การอ่าน และการเขียนก่อน จึงส กศน. ได้ ซึ่งยากส าหรับเด็กในศูนย์การเรียนที่แท ชีวิตประจ าวัน จึงท าให้เด็กเข้าถึงการศึกษาของ 3) ปัญหาการสื่อสารระหว่างครู กศน. กับนักเรี 2. ด้านวิชาการ 1) หลักสูตรของ กศน. ไม่เหมาะสมกับพัฒนาการ มาเพื่อใช้กับผู้ใหญ่ โครงสร้างหลักสูตร เนื้อหาส การสอน และการประเมินผล ไม่เหมาะส าหรับใ สัญชาติไทย ซึ่งมีอายุน้อยและมีพื้นฐานภาษาไท ที่สามารถเรียนจนส าเร็จการศึกษาตามหลักสูต 2) วุฒิการศึกษาของกศน.ไทย ไม่สามารถน าไปใช สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาได้ 3. ด้านบุคลากร 1) ครูกศน. รับภาระหน้าที่หนัก ครูคนเดียวรับ ในทุกรายวิชา อีกทั้งปฏิบัติหน้าที่อื่น ๆ ด้วย ส ขวัญและก าลังใจในการท างาน 2) ครู กศน.ยังขาดความรู้ความเข้าใจในการส เข้าใจธรรมชาติความแตกต่างของนักเรียน 3) การก าหนดคุณสมบัติให้ ครูกศน.(ครูประจ า เป็นอุปสรรคในการแต่งตั้งครูที่มีความสามารถ


๗๐ สรรค ข้อจ ากัด ที่ยาก ไม่เหมาะสมกับพัฒนาการของเด็ก แบกรับภาระค่าใช้จ่ายอื่น ๆ อาทิ รรม การประเมินภาษาไทยของ กศน. ทั้ง สามารถลงทะเบียนเป็นนักเรียนของ ทบไม่มีโอกาสได้ใช้ภาษาไทยใน ง กศน.ได้จ านวนน้อย รียน ๑) เกณฑ์การประเมินภาษาไทย ที่เด็กต้องผ่านการประเมิน ก่อนจึงจะสามารถขึ้นทะเบียนเป็นนักเรียนกศน.ได้ ข้อจ ากัดนี้ท าให้มีเด็กจ านวนน้อยที่สามารถเข้าถึงการศึกษา ของกศน. เนื่องจากเด็กในศูนย์การเรียนเป็นเด็กไม่มี สัญชาติไทยที่ใช้ภาษาถิ่นเป็นหลักในชีวิตประจ าวัน และแทบไม่มีโอกาสได้ฝึกภาษาไทย ๒) หลักสูตรไม่เหมาะสมกับพัฒนาการของเด็ก เนื่องจาก หลักสูตรถูกออกแบบมาเพื่อใช้กับผู้ใหญ่ โครงสร้างหลักสูตร เนื้อหาสารการเรียนรู้ และรูปแบบการจัดการเรียนการสอน จึงยังไม่เหมาะสมที่จะน ามาใช้ในการจัดการศึกษาให้กับ เด็กไม่มีสัญชาติไทยซึ่งมีอายุน้อยและมีพื้นฐานความรู้ ภาษาไทยไม่ดีนัก โดยเฉพาะวิชาบังคับที่มีเนื้อหาที่ยาก เกินไปส าหรับเด็ก อายุ ๘-๑๕ ปี ๓) ครูกศน. (ครูประจ ากลุ่ม) ยังไม่เข้าใจธรรมชาติการเรียนรู้ ของเด็ก ที่มีวัยและมีวัฒนธรรมที่แตกต่างกัน อีกทั้งครูคนเดียว ต้องรับผิดชอบสอนในทุกรายวิชา จึงขาดความรู้ความเข้าใจ และประสบการณ์สอนในบางรายวิชาที่ครูไม่ถนัด ๔) ข้อจ ากัดในด้านงบประมาณในการจัดการศึกษา งบประมาณที ่ได้รับไม ่เพียงพอต ่อการน ามาใช้บริหารจัด การศึกษาได้อย่างเหมาะสม รของเด็ก เนื่องจากหลักสูตรถูกออกแบบ สาระการเรียนรู้ รูปแบบการเรียน ใช้จัดการศึกษาให้กับเด็กที่ไม่มี ทยที่ไม่ดีนัก ท าให้มีนักเรียนส่วนน้อย รของ กศน. ช้การเทียบโอนเพื่อเข้าศึกษาต่อใน บผิดชอบสอน 3-4 ศูนย์ และสอน ส่งผลต่อประสิทธิภาพการสอน สอนบางรายวิชาที่ไม่ถนัด และยังไม่ ากลุ่ม) ต้องมีวุฒิการศึกษาปริญญาตรี ถสื่อสารภาษาเด็กได้


รูปแบบการจัดการศึกษา ปัญหา อุปส 4.ด้านงบประมาณ 1) งบประมาณที่ได้รับสนับสนุนจาก กศน. ไม การศึกษาได้อย่างมีคุณภาพเพียงพอ ซึ่งบางครั ค่าใช้จ่ายเพื่อให้การจัดการศึกษาด าเนินได้อย่า ในภาคปฏิบัติ ซึ่งอาจมีการเรียกเก็บจากผู้ปกค 2) ค่าตอบแทนของครูกศน. (ครูประจ ากลุ่ม) ไ ขึ้นอยู่กับจ านวนนักเรียน กศน.ในศูนย์การเรีย ทะเบียนเป็นนักเรียนของ กศน.ได้ 5.ด้านการบริหารจัดการ 1) นักเรียนเรียนไม่ค่อยจบหลักสูตรกศน. และ หลักสูตร การเรียนการสอน การวัดและประเมิ ไม่ได้ใช้ภาษาไทยในชีวิตประจ าวัน 2) ปัญหาด้านเศรฐกิจของครอบครัว ผู้ปกครอ ผู้ปกครอง เมื่อผู้ปกครองต้องย้ายกลับประเทศ 3. การจัดการศึกษาในศูนย์การเรียนเด็ก ข้ามชาติ โดยองค์กรเอกชน (Migrant Learning Center: MLC) 1. ด้านสภาพทั่วไป ๑) นักเรียนของศูนย์การเรียนเด็กข้ามชาติ ไม่ไ ๑๓ หลัก ของกระทรวงศึกษาธิการ จึงไม่เข้าเก 2) นักเรียนส่วนใหญ่ของศูนย์การเรียนไม่สาม 3) นักเรียนไม่มีสัญชาติไทยในศูนย์การเรียนมี ติดตามเด็กกลับเข้ามาสู่การศึกษาได้


๗๑ สรรค ข้อจ ากัด ม่เพียงพอ ต่อการน ามาใช้บริหารจัด รั้งศูนย์การเรียนต้องช่วยออก างเหมาะสม อาทิ การสาธิตกิจกรรม ครอง ไม่เพียงพอ ทั้งนี้ค่าตอบแทนของครู ยน ซึ่งมีเด็กจ านวนน้อยที่สามารถขึ้น ะมีปัญหาออกเรียนกลางคัน เนื่องจาก มินผลยากเกินไปส าหรับเด็กวัยนี้ที่ อง ปัญหาเด็กต้องติดตามย้ายตาม ศต้นทางหรือย้ายพื้นที่ท างาน ได้รับการก าหนดเลขรหัสประจ าตัว กณฑ์ได้รับเงินอุดหนุนรายหัว ารถสื่อสารภาษาไทยได้ การเคลื่อนย้ายบ่อยและยากต่อการ ๑) เด็กไม่สามารถสื่อสารภาษาไทยได้ เนื่องจากสภาพบริบท แวดล้อมไม่เอื้อให้เด็กได้เรียนรู้ภาษาไทย อาทิ ครูผู้สอนเป็นครู พม่า/กะเหรี่ยง ใช้หลักสูตรพม่าเป็นหลัก สื่อการเรียนการสอน หนังสือ แบบเรียนเป็นภาษาพม่า เพื่อนร่วมชั้นเป็นเด็กไม่มี สัญชาติไทยทั้งหมด อีกทั้ง เมื่อเด็กเรียนจบประถมศึกษา จากศูนย์การเรียนไปแล้ว และเมื่อต้องการเข้าสู่ระบบ การศึกษาในระบบโรงเรียนของไทย เด็กต้องเริ่มต้นด้วยการ เรียนปรับพื้นฐานภาษาไทยในระดับประถมศึกษาที่ ๑ ในขณะที่ตนเองมีอายุมากกว่าเพื่อนร่วมชั้นอื่น ๆ


รูปแบบการจัดการศึกษา ปัญหา อุปส 2. ด้านวิชาการ 1) มาตรฐานหลักสูตรของแต่ละศูนย์การเรียนไม โดยเฉพาะศูนย์การเรียนขนาดใหญ่ที่มีความพ ระดับดีกว่าศูนย์การเรียนที่มีขนาดเล็ก 2) ศูนย์การเรียนส่วนใหญ่ไม่มีความพร้อมในก การเรียนการสอน สื่อ หนังสือ แบบเรียน แบบฝึ จึงขาดการดึงดูดความสนใจจากผู้เรียน 3) ศูนย์การเรียนก าหนดหลักสูตร การเรียนกา เข้าถึง ควบคุม ก ากับหรือมีส่วนร่วมได้ ซึ่งมีคว ความมั่นคง ของชาติได้ 4) วุฒิการศึกษาที่ออกให้โดยศูนย์การเรียน ไม ต่อในประเทศไทยได้ อีกทั้ง ไม่สามารถน าไปใช สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาได้ เว้นแต่ ได้รั หรือรับรองโดยองค์กรเอกชนบางแห่ง เช่น มูล 3. ด้านบุคลากร ครูผู้สอนในศูนย์การเรียนมีสถานะเป็นลูกจ้างข โดยไม่มีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครูจากกระ จึงเข้าข่ายกระท าการแย้งต่อกฎหมายไทย ทั้งน ตามกฎหมายแรงงาน แต่การจ้างงานอยู่ในฐาน การปฏิบัติหน้าที่สอนอาจเข้าข่ายท างานผิดปร


๗๒ สรรค ข้อจ ากัด ม่เท่ากัน ยังมีความแตกต่างกันอยู่มาก ร้อม จะมีมาตรฐานหลักสูตรอยู่ใน การน าเทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้ใน กหัดเป็นกระดาษสีขาวด า ไม่มีสีสรรอื่น ารสอน โดยที่หน่วยงานรัฐไม่สามารถ วามเสี่ยงที่จะกระทบต่อสังคมและ ม่สามารถน ามาใช้เทียบโอนเข้าศึกษา ช้เทียบโอน เข้าศึกษาต่อใน รับการรับรองจากรัฐบาลเมียนมา ลนิธิ BMWEC ๒) วุฒิการศึกษาของศูนย์การเรียนไม่สามารถน ามาใช้เทียบ โอนกับหลักสูตรของไทย หรือน ามาใช้เป็นหลักฐานเพื่อเข้า ศึกษาต่อในประเทศไทยได้ เว้นแต่ นักเรียนที่จบหลักสูตร กศน. ของไทย ๓) ยังไม่มีกฎหมายไทยที่รับรองสถานะของศูนย์การเรียน เด็กข้ามชาติ ดังนั้นศูนย์การเรียนที่เปิดให้บริการการศึกษา ในปัจจุบันนี้ จึงเข้าข่ายเปิดโดยผิดกฎหมาย ขององค์กรเอกชน ปฏิบัติหน้าที่สอน ะทรวงศึกษาธิการไทย นี้ แม้ว่าอาชีพครูไม่อยู่ในอาชีพสงวน นะที่ปรึกษา ดังนั้น ระเภทตามกฎหมายแรงงานได้


Click to View FlipBook Version