The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

การศึกษาสภาพการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน สำหรับเด็กที่ไม่มีหลักฐานทางทะเบียนราษฎรหรือไม่มีสัญชาติไทย และบุตรหลานของแรงงานข้ามชาติในจังหวัดตาก

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Warakorn Saikaew, 2023-06-28 23:46:47

รายงานการศึกษาสภาพการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน สำหรับเด็กที่ไม่มีหลักฐานทางทะเบียนราษฎรหรือไม่มีสัญชาติไทย

การศึกษาสภาพการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน สำหรับเด็กที่ไม่มีหลักฐานทางทะเบียนราษฎรหรือไม่มีสัญชาติไทย และบุตรหลานของแรงงานข้ามชาติในจังหวัดตาก

Keywords: เด็กที่ไม่มีหลักฐานทางทะเบียนราษฎร,เด็กไม่มีสัญชาติไทย,บุตรหลานของแรงงานข้ามชาติ

รูปแบบการจัดการศึกษา ปัญหา อุปส 4. ด้านงบประมาณ ความไม่มีเสถียรภาพทางการเงินของศูนย์การ บริหารจัดการงบประมาณโดยองค์กรเอกชน ด้ แหล่งทุนลดลง ประกอบกับแหล่งทุนส่วนใหญ่ ประเทศต้นทางมากขึ้น ท าให้ศูนย์การเรียนมีแ ต้องหาที่เรียนใหม่ และบางส่วนหลุดออกจากร 5. ด้านการบริหารจัดการ 1) นักเรียนไม่อยู่ในฐานข้อมูลของกระทรวงศึก ๒) นักเรียนในศูนย์การเรียนที่ไม่มีเอกสาร ประ ถือว่าเป็นเด็กที่ลักลอบเข้าเมือง และมีความเสี 3) ศูนย์การเรียนมีพื้นที่บริเวณจ ากัด พื้นที่ส่วน จัดการเรียนการสอน และที่พัก จึงไม่มีพื้นที่ส า ฝึกพัฒนาการด้านร่างกายหรือท ากิจกรรมต่าง การเรียนการสอนที่ทันสมัย ยกเว้น เป็นศูนย์ก ๔) การบริหารจัดการของศูนย์การเรียนยังไม่เป็ จัดเก็บข้อมูลของศูนย์การเรียนและทะเบียนนั อีกทั้งการบริหารจัดการอยู่ภายใต้ทรัพยากรที่ 5) ปัจจุบันยังไม่มีกฎหมายไทยรับรองสถานะข เปิดให้การศึกษาอยู่ในขณะนี้ จึงเข้าข่ายเปิดท เป็นทางการจากหน่วยงานภาครัฐของไทย


๗๓ สรรค ข้อจ ากัด รเรียน ซึ่งได้รับการสนับสนุนและ ด้วยสถานการณ์การสนับสนุนจาก ญ่เปลี่ยนยุทธศาสตร์ไปสนับสนุนใน แนวโน้มปิดตัวลงทุกปี ส่งผลให้เด็ก ระบบการศึกษา กษาธิการ ะจ าตัว ตามหลักกฎหมาย สี่ยงที่จะถูกจับกุมได้ตลอดเวลา นใหญ่ถูกน าไปใช้สร้างอาคาร าหรับสนามเด็กเล่น สนามกีฬาในการ ๆ และยังไม่มีอุปกรณ์การเรียน สื่อ การเรียนขนาดใหญ่ ป็นระบบและทันสมัย ไม่มีระบบการ ักเรียนที่ได้มาตรฐานและเป็นทางการ มีจ ากัด ของศูนย์การเรียนเด็กข้ามชาติที่ าการสอนโดยไม่ได้รับอนุญาตอย่าง


๗๔ จากปัญหา อุปสรรค ข้อจ ากัดในการจัดการศึกษาส าหรับเด็กที่ไม่มีหลักฐานทางทะเบียนราษฎร หรือไม่มีสัญชาติไทยและบุตรหลานของแรงงานข้ามชาติที่ได้ศึกษาจากกรณีศึกษาอ าเภอแม่สอด จังหวัดตาก พบปัญหาการจัดการศึกษาในทุกรูปแบบ ทั้งในด้านวิชาการ ที่หลักสูตรการศึกษาในระบบโรงเรียนยังค่อนข้าง แข็งตัว แม้จะสามารถจัดท าหลักสูตรท้องถิ่นได้แต่ยังเป็นสัดส่วนที่จ ากัด ส่วนหลักสูตรนอกระบบของ กศน. ยังไม่เหมาะสมกับพัฒนาการของนักเรียน และมาตรฐานหลักสูตรของศูนย์การเรียนเด็กข้ามชาติในแต่ละ ศูนย์การเรียนไม่เท่ากัน รวมถึงการจัดการศึกษาในทุกรูปแบบพบปัญหาด้านงบประมาณ การขาดเสถียรภาพ ทางการเงินของศูนย์การเรียน ฯลฯ ซึ่งปัญหาดังกล่าวสามารถเชื่อมโยงไปสู่การสะท้อนปัญหาการจัด การศึกษาในภาพรวมของการจัดการศึกษาระดับจังหวัดตาก แยกเป็นประเด็นปัญหาได้ดังนี้ ๒.๑ โอกาสการเข้าถึงการศึกษา ๑) บิดา มารดา ผู้ปกครอง และครอบครัวมีส่วนส าคัญอย่างยิ่งต่อการตัดสินใจให้เด็กเข้ารับ การศึกษา ผู้ปกครองบางส่วนมองว่าการให้เด็กเข้าเรียนเป็นการเพิ่มภาระค่าใช้จ่าย เรียนจบออกมาแล้ว ไม่สามารถน าวุฒิการศึกษามาใช้ประโยชน์หรือมีงานรองรับ จึงให้บุตรหลานช่วยท างานหารายได้มากกว่า ๒) บิดา มารดา ผู้ปกครอง และครอบครัวขาดความรู้ความเข้าใจในหลักสิทธิมนุษยชน และ กฎหมายการศึกษาไทย ไม่รู้ว่ารัฐบาลไทยมีนโยบายขยายโอกาสทางการศึกษาโดยให้สถานศึกษาทุกแห่ง รวมทั้ง สถานศึกษาของ กศน.ที ่สามารถรับเด็กไม ่มีหลักฐานทางทะเบียนราษฎรหรือไม ่มีสัญชาติไทยและ บุตรหลานของแรงงานข้ามชาติเข้าสู ่ระบบการศึกษาของไทยได้โดยไม ่ยึดติดอยู ่กับเอกสารหลักฐาน ทะเบียนราษฎร และยังมีสิทธิได้รับการศึกษาขั้นพื้นฐานโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย นอกจากนี้ผู้ปกครองบางส่วน ยังต้องการให้เด็กเรียนในศูนย์การเรียนเด็กข้ามชาติมากกว่าเรียนในระบบการศึกษาไทย เพราะมองว ่า เด็กสามารถน าไปใช้ประโยชน์ได้มากกว่าเมื่อต้องกลับไปยังประเทศต้นทาง ๓) เด็กที่ไม่มีสัญชาติไทยที่อาศัยอยู่ตามไร่นาหรือในพื้นที่ห่างไกลทุรกันดาร หรือเด็กที่ติดตาม ครอบครัวเข้ามาท างานในภาคเกษตรกรรม รวมถึงเด็กที ่ต้องย้ายตามครอบครัวเมื ่อมีการเคลื ่อนย้าย เด็กเหล ่านี้มีโอกาสเข้าไม ่ถึงระบบการศึกษามากกว ่าเด็กที ่อาศัยอยู ่ในชุมชนหรือผู้ปกครองท างาน ในภาคอุตสาหกรรม ๒.๒ ข้อจ ากัดของสถานศึกษา 1) การจัดการศึกษาในระบบโรงเรียน โรงเรียนต้องพิจารณารับเด็กไทยเข้าเรียนก่อน หากมีที่ว่างเหลือจึงจะรับเด็กไม่มีสัญชาติไทย บางโรงเรียนจ ากัดโควต้ารับเด็กไว้ปีละไม่เกิน ๑๐๐ คน และต้องมีบุคคลหรือหน่วยงานรับรอง อีกทั้งยังไม่สามารถรับเด็กที่มีอายุเกิน ๑๒ ปีเข้าเรียน ในชั้นประถมศึกษาได้ และยังมีข้อจ ากัดด้านภาษาไทยที่เด็กต้องมีพื้นฐานภาษาไทยก่อนจึงสามารถเรียน ตามหลักสูตรไทยได้ นอกจากนี้หลักสูตรไทยค่อนข้างแข็งตัว แม้ว่าจะสามารถจัดท าหลักสูตรท้องถิ่นได้ แต่ก็ยังมีสัดส่วนที่จ ากัด รวมไปถึงโรงเรียนยังมีทรัพยากรที่จ ากัด ทั้งด้านงบประมาณ จ านวนครูและบุคลากร ห้องเรียน อาคารสถานที่ และสื่อการเรียนการสอน โรงเรียนจึงต้องพิจารณารับเด็กไทยเข้าเรียนก่อน หากมีจ านวนที่ว่างเหลือ โรงเรียนจึงจะพิจารณารับเด็กที่ไม่มีสัญชาติไทยเข้าเรียน (สัดส่วน ครู ๑ คน ต่อ นักเรียน ๒๕ คน) ซึ่งเมื่อรับเด็กไม่มีสัญชาติไทยเข้าเรียนแล้วโรงเรียนต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่าย ในการจ้างผู้ดูแลเด็กหรือผู้ช่วยครูที่สามารถสื่อสารภาษาของเด็กได้เพื่อช่วยเป็นล่ามแปลภาษา รวมถึง ค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ด้วยที่โรงเรียนต้องบริหารจัดการภายใต้งบประมาณที่จ ากัด


๗๕ 2) การจัดการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย ข้อจ ากัดจากเงื่อนไขการเป็น นักเรียน กศน. ที่เด็กต้องผ่านเกณฑ์การประเมินภาษาไทยก่อน อีกทั้งหลักสูตรของ กศน. ยังไม่เหมาะสมกับ พัฒนาการของนักเรียน เนื่องจากหลักสูตรการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน พ.ศ.๒๕๕๑ ถูกออกแบบมาเพื่อใช้กับผู้ใหญ่ โครงสร้างหลักสูตร เนื้อหาสาระการเรียนรู้ รูปแบบการเรียนการสอน และ แบบทดสอบวิเคราะห์ที่ยากเกินไปส าหรับเด็กไม่มีสัญชาติไทยที่มีอายุน้อยและมีพื้นฐานภาษาไทยที่ไม่ดีนัก อีกทั้งครู กศน. (ครูประจ ากลุ่ม) มีภาระงานเยอะ ครูคนเดียวต้องรับผิดชอบสอนในทุกรายวิชา จึงขาด ประสบการณ์การสอนบางวิชาที่ไม่ถนัด และยังมีข้อจ ากัดในด้านงบประมาณ ความรู้ความสามารถของครู ในวิชา/กิจกรรมที่ครูไม่ถนัด และปัญหาวุฒิการศึกษาของไทยไม่สามารถเทียบโอนกับวุฒิการศึกษา ของสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาได้ จึงไม่สามารถน าไปใช้ศึกษาต่อในสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาได้ ๓) การจัดการศึกษาในศูนย์การเรียนเด็กข้ามชาติ ปัญหามาตรฐานหลักสูตรการจัดการเรียน การสอนของแต่ละศูนย์การเรียนแตกต่างกัน การขาดความพร้อมในการน าเทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้ ในการเรียนการสอน ปัญหานักเรียนไม่อยู่ในฐานข้อมูลของกระทรวงศึกษาธิการ จึงไม่เข้าข่ายได้รับการ จัดสรรเงินอุดหนุนรายหัว นักเรียนมีปัญหาในการสื่อสารภาษาไทย รวมถึงวุฒิการศึกษาของศูนย์การเรียน ไม่สามารถน ามาใช้เทียบโอนเข้าศึกษาต่อในสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาได้เว้นแต่ได้รับการรับรองจาก รัฐบาลเมียนมาหรือรับรองโดยองค์กรเอกชน อีกทั้งศูนย์การเรียนเด้กข้ามชาติยังมีแนวโน้มปิดตัวลงทุกปี เนื่องจากขาดเสถียรภาพทางการเงินและมีทรัพยากรที่จ ากัด และปัจจุบันยังไม่มีกฎหมายไทยรับรองสถานะ ของศูนย์การเรียนเด็กข้ามชาติ ๒.๓ ปัญหาการออกกลางคัน เนื่องจาก ๑) ปัญหาด้านเศรษฐกิจของครอบครัว ครอบครัวมีฐานะยากจน ถึงแม้ว่ารัฐบาลไทยจะจัด การศึกษาให้ฟรีในการศึกษาขั้นพื้นฐาน แต่ยังมีค่าใช้จ่ายแฝงอื่น ๆ เช่น ค่าเดินทาง ค่ากิจกรรม ค่าวัสดุอุปกรณ์ฯลฯ ซึ่งผู้ปกครองต้องแบกรับภาระค่าใช้จ่ายเอง และความจ าเป็นในการย้ายตามผู้ปกครองเมื่อมีการเคลื่อนย้าย โดยเฉพาะเด็กที่ผู้ปกครองท างานในภาคเกษตรกรรมหรือกรรมกร ซึ่งจะมีการเคลื่อนย้ายและเปลี่ยนงานบ่อยครั้ง ๒) ปัญหาการปรับตัวและรู้สึกแปลกแยก โดยเฉพาะนักเรียนที่ต้องเรียนปรับพื้นฐานภาษาไทย ร่วมกับนักเรียนไทยในระดับชั้นเดียวกันขณะที่ตนเองมีอายุมากกว่าคนอื่น ๓) เนื้อหาหลักสูตร รูปแบบการเรียนการสอนไม่สอดคล้องกับพัฒนาการในแต่ละช่วงวัย ของเด็ก หลักสูตรการศึกษาของไทยมีความยากเกินไป ๒.๔ ปัญหาการเทียบโอนวุฒิการศึกษา วุฒิการศึกษาที่ออกให้โดยรัฐของไทยไม่สามารถเทียบโอน กับวุฒิการศึกษาของสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา ทางกลับกันวุฒิการศึกษาที่ออกให้โดยศูนย์การเรียน เด็กข้ามชาติไม่สามารถน ามาใช้เทียบโอนกับวุฒิการศึกษาของไทยได้ ๒.๕ เงื่อนไขด้านกฎหมาย ๑) ข้อจ ากัดในการออกนอกพื้นที่ตามกฎหมายจ ากัดการออกนอกพื้นที่ควบคุม ท าให้นักเรียน เสียโอกาสในการทัศนศึกษาแหล่งเรียนรู้นอกพื้นที่ 2) ครูผู้สอนในศูนย์การเรียนเด็กข้ามชาติปฏิบัติการสอนโดยไม่มีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครู และส่วนใหญ่เป็นครูอาสาชาวต่างชาติที่เข้ามาในฐานะลูกจ้างขององค์กรเอกชน จึงเสี่ยงต่อการท างานผิดประเภท 3) ยังไม่มีกฎหมายไทยรับรองสถานะของศูนย์การเรียนเด็กข้ามชาติที่เปิดบริการศึกษาอยู่ในขณะนี้ อีกทั้งบางแห่งหน่วยงานภาครัฐไม่สามารถเข้าถึง ควบคุม ก ากับได้ เว้นแต่ ได้รับการประสานผ่านศูนย์ประสานงาน การจัดการศึกษาเด็กต่างด้าวซึ่งนอกจากไม่ปฏิบัติตามกฎหมายไทยแล้ว ยังมีความเสี่ยงต่อความมั่นคงของชาติด้วย


๗๖ เด็กที่มีอายุเกิน ๑๕ ปี ใช้หลักสูตรการศึกษานอก ระบบระดับการศึกษา ขั้นพื้นฐาน พ.ศ.2551 ๒.๖ การไม่มีระบบสารข้อมูลและสารสนเทศที่ชัดเจน โดยยังไม่มีหน่วยงานใดในพื้นที่มีการส ารวจ หรือจัดเก็บข้อมูลที ่เป็นระบบ สถิติจ านวนผู้ไม ่มีทะเบียนราษฎรและไม ่มีสัญชาติไทยที ่เผยแพร ่ของ หน่วยงานต่างๆ ก็ยังมีความแตกต่างกันมาก ดังนั้น เพื่อให้เห็นภาพที่ชัดเจนจึงสามารถสรุปภาพโดยรวมสภาพการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน ส าหรับเด็กที่ไม่มีหลักฐานทางทะเบียนราษฎรหรือไม่มีสัญชาติไทยและบุตรหลานของแรงงานข้ามชาติ ในจังหวัดตาก ได้ดังแผนภาพที่ 8 MOU ศูนย์การเรียนเด็กข้ามชาติ สถานศึกษา กศน. โรงเรียนในระบบ (โรงเรียนรัฐ/โรงเรียนเอกชน) เด็กไม่มีสัญชาติไทย ได้แก่ เด็กกลุ่มชาติพันธุ์ เด็กชนเผ่า เด็กที่ไม่มีหลักฐานทางทะเบียน ราษฎร เด็กที่ไม่มีสถานะทาง ทะเบียน และเด็กบุตรหลาน ของแรงงานข้ามชาติ ช่องว่างของเด็กที่มีอายุเกิน 12 ปี แต่ยังไม่ครบ ๑๕ ปีบริบูรณ์ (อายุ ๑๓-๑๔ปี) ไม่สามารถเข้า เรียนประถมศึกษาโรงเรียนในระบบได้ กศน.ได้จัดการศึกษาให้ตาม“แนว ทางการจัดการศึกษานอกระบบ ระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน ส าหรับ เด็กไม่มีสัญชาติไทยที่อยู่ในเกณฑ์ การศึกษาภาคบังคับ ระดับ ประถมศึกษา ตามหลักสูตร การศึกษานอกระบบระดับ การศึกษาขั้นพื้นฐาน พ.ศ. ๒๕๕๑” เด็กไม่มีสัญชาติไทยเรียนรวมกับเด็กไทย จัดการเรียนการสอนตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษา ขั้นพื้นฐาน พ.ศ. ๒๕๕๑ ใช้ภาษาไทยเป็นหลักในการเรียนการสอน มีรหัสประจ าตัว 13 หลัก ออกให้โดยระบบ DMC ของกระทรวงศึกษาธิการ (รหัส G หรือ รหัส P) ฯลฯ นักเรียนเป็นเด็กไม่มีสัญชาติไทยทั้งหมด ใช้หลักสูตรพม่าเป็นหลัก หลักสูตรบูรณาการ หลักสูตร กศน.พม่า /หลักสูตร กศน.ไทย และ หลักสูตร GED ใช้ภาษาพม่าและภาษาอังกฤษในการสอน จบแล้วได้รับวุฒิบัตร แต่ไม่สามารถน ามาใช้ ในประเทศไทยได้ฯลฯ เด็กเข้าไม่ถึงโอกาส ทางการศึกษา ปัญหาและอุปสรรค เช่น ครูไม่มี ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครู ยังไม่มีกฎหมายรับรองของสถานะ ศูนย์การเรียน เป็นต้น ปัญหาและอุปสรรค เช่น เด็กออกเรียนกลางคัน การสื่อสาร หลักสูตร เป็นต้น ภาพที่ 8 สภาพการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานส าหรับเด็กที่ไม่มีหลักฐานทางทะเบียนราษฎร หรือไม่มีสัญชาติไทยและบุตรหลานของแรงงานข้ามชาติในจังหวัดตาก ปัญหาและอุปสรรค เช่น เด็กต้องผ่านเกณฑ์การประเมิน ภาษาไทย หลักสูตร เป็นต้น


๗๗ ๓. แนวทางการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน ส าหรับเด็กที่ไม่มีหลักฐานทางทะเบียนราษฎรหรือไม่มีสัญชาติไทย และบุตรหลานของแรงงานข้ามชาติในจังหวัดตาก ประเทศไทยมีนโยบายขยายโอกาสทางการศึกษาส าหรับเด็กด้อยโอกาสทุกคน รวมถึงเด็กที่ไม่มี หลักฐานทางทะเบียนราษฎรหรือไม่มีสัญชาติไทย และบุตรหลานของแรงงานข้ามชาติเพื่อให้เด็กทุกคน เข้าถึงสิทธิการศึกษาได้อย่างเท่าเทียม บนหลักสิทธิมนุษยชนและหลักของกฎหมาย สิ่งที่ต้องด าเนินการ ควบคู่กัน คือ การจัดการศึกษาที่มีคุณภาพเพื่อเป้าหมาย “การพัฒนามนุษย์ให้เป็นคนที่สมบูรณ์ทั้งร่างกาย จิตใจ สติปัญญา ความรู้และคุณธรรม มีจริยธรรมและวัฒนธรรมในการด ารงชีวิต สามารถอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้ อย ่างมีความสุข” ดังนั้น การจัดท าแนวทางการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานส าหรับเด็กที ่ไม ่มีหลักฐาน ทางทะเบียนราษฎรหรือไม่มีสัญชาติไทย และบุตรหลานของแรงงานข้ามชาติในจังหวัดตาก จึงได้น า ผลจากการศึกษาสภาพการจัดการศึกษา ปัญหา อุปสรรคในการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานส าหรับเด็กที่ไม่มี หลักฐานทางทะเบียนราษฎรหรือไม่มีสัญชาติไทย และบุตรหลานของแรงงานข้ามชาติในจังหวัดตาก รวมถึงแนวทางการแก้ไขปัญหาการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานส าหรับเด็กกลุ่มดังกล่าว ที่ได้จากการสนทนากลุ่ม และการประชุมรับฟังข้อคิดเห็นมาประกอบการจัดท าแนวทางการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน ส าหรับเด็กที่ไม่มี หลักฐานทางทะเบียนราษฎรหรือไม่มีสัญชาติไทย และบุตรหลานของแรงงานข้ามชาติในจังหวัดตาก โดยค านึงถึงการเข้าถึงสิทธิการศึกษาและเป้าหมายการจัดการศึกษาเป็นหลัก เพื่อให้บรรลุตามเป้าหมาย “การพัฒนาคุณภาพผู้เรียน ให้เป็นคนดี คนเก่ง และมีความสุข” จึงต้องอาศัยการมีส่วนร่วมและเครือข่ายความร่วมมือจากหลายภาคส่วน ทั้งโรงเรียน/สถานศึกษา ครอบครัว ชุมชน/ท้องถิ่น องค์กรเอกชน หน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน ซึ่งต้องด าเนินการไปในทิศทางเดียวกัน บน หลักพื้นฐานของกฎหมายและหลักสิทธิมนุษยชนที่ว่า “เด็กทุกคนมีสิทธิได้รับการพัฒนาและต้องได้รับ การศึกษาที่ดี เพื่อให้อยู่ในสังคมได้อย่างเข้มแข็ง” ทั้งนี้ หน่วยงานในพื้นที่ของกระทรวงศึกษาธิการ ได้แก่ ส านักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาตาก เขต ๑ และ เขต ๒ ส านักงานส่งเสริมการศึกษา นอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยในจังหวัดตาก และส านักงานศึกษาธิการจังหวัดตาก ควรเป็นหน่วยงาน รับผิดชอบหลัก ในการแสวงหาความร่วมมือกับหน่วยงานต่าง ๆ อาทิ หน่วยงานฝ่ายปกครอง และหน่วยงาน ความมั่นคงในการร่วมส ารวจเด็กที่ไม่มีสัญชาติไทย วิทยาลัยเทคนิคหรือสถาบันพัฒนาฝีมือแรงงาน ในการร่วมจัดการฝึกอบรม พัฒนาทักษะอาชีพ ส านักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดตาก ในการดูแลเด็กแรกเกิดก่อนเข้าสู่ระบบโรงเรียน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในแต่ละพื้นที่ในการร่วมจัด การศึกษา และหน่วยงานด้านสาธารณสุขในการดูแลสุขภาพของเด็ก ส่งเสริมพัฒนาการของเด็กให้ เจริญเติบโตสมวัย รวมถึง ส านักงานวัฒนธรรมจังหวัดตากในการร ่วมจัดท าหลักสูตรท้องถิ ่นด้วย รายละเอียดดังตารางที่ 11


๗๘ ตารางที่ 11 แนวทางการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน ส าหรับเด็กที่ไม่มีหลักฐานทางทะเบียนราษฎรหรือไม่มี สัญชาติไทยและบุตรหลานของแรงงานข้ามชาติในจังหวัดตาก แนวทาง ภาคส่วนที่มีส่วนร่วมในการขับเคลื่อน ผลที่คาดว่าจะได้รับ สถานศึกษา ครอบครัว ชุมชน หน่วยงานใน พื้นที่สังกัดศธ. หน่วยงาน ภาครัฐอื่น ภาคเอกชน ๑. มีการวางแผนการส ารวจเด็กไม่มีสัญชาติไทย ในพื้นที่ และลงพื้นที่ส ารวจเด็กในเชิงรุก เพื่อ ประโยชน์ในการจัดท าฐานข้อมูลเด็กไม่มี สัญชาติไทยที่เป็นระบบ เชื่อถือได้ สพป.ตาก เขต 1 และ ๒ / ศธจ.ตาก / กศน.ใน จังหวัดตาก มท./อปท./ สธ./พม. ฯลฯ ได้ข้อมูลเด็กไม่มีสัญชาติไทยในเชิง ประจักษ์เชื่อถือได้ เพื่อน าข้อมูลมา ใช้ประโยชน์ในเชิงนโยบายส าหรับ การจัดการศึกษาใหกับเด็กไม่มี สัญชาติไทยต่อไป ๒. ร่วมกันสร้างความรู้ความเข้าใจให้กับบิดา มารดา ผู้ปกครอง ตระหนักถึงประโยชน์และ ความส าคัญของการศึกษา กฎหมายและนโยบาย สิทธิการศึกษา และสิทธิด้านต่าง ๆ สพป.ตาก เขต 1 และ 2 / ศธจ.ตาก / กศน.ใน จังหวัดตาก มท./อปท./ สธ./พม. ตชด. ฯลฯ บิดามารดา ผู้ปกครอง เห็นความส าคัญ ของการศึกษา มีความรู้ในกฎหมาย นโยบาย สิทธิการศึกษา และสิทธิ ด้านต่าง ๆ เพิ่มขึ้นและส่งบุตรหลาน เข้ารับการศึกษามากขึ้น ๓.สนับสนุนการเตรียมความพร้อมด้านภาษาไทย ส าหรับนักเรียนไม่มีสัญชาติไทย โดยการจัด กิจกรรมส่งเสริมพัฒนาทักษะภาษาไทย จัด สภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการเรียนรู้ภาษาไทย สพป.ตาก เขต 1 และ 2 / ศธจ.ตาก / กศน.ใน จังหวัดตาก อปท./ ตชด. เด็กสามารถเข้าสู่ระบบการศึกษา ของไทยมากขึ้น ลดจ านวนเด็กออก เรียนกลางคัน สามารถเรียนรู้ ปรับตัวได้เร็วขึ้น ๔.ควรจัดการศึกษาในเชิงพหุวัฒนธรรม บูรณาการ หลักสูตรตามรายวิชาให้สอดคล้องกับบริบทของ ผู้เรียน ชุมชน/ท้องถิ่น รวมถึงการน าสื่อการเรียน การสอนที่เป็นภาษาพม่า-ภาษาไทย สร้างบรรยากาศ สังคมพหุวัฒนธรรมให้เกิดขึ้นภายในสถานศึกษา เสมือนเป็นแหล่งเรียนรู้ของนักเรียน สพป.ตาก เขต 1 และ 2 / ศธจ.ตาก / กศน.ใน จังหวัดตาก อปท./ ตชด./ วธ.ฯลฯ ลดความรู้สึกแปลกแยก เด็กเกิด ความรู้ความเข้าใจในเนื้อหาหลักสูตร ได้ง่ายขึ้น สามารถน าความรู้ไป ประยุกต์ใช้ได้จริงลดการออกเรียน กลางคัน 5. ควรจัดการศึกษาแบบเรียนรวม (Inclusive Education) ในทุกระดับชั้น รวมทั้งชั้นปฐมวัย จัดให้มีชมรมหรือวิชาเลือกเสรีภาษาพม่า เปิดโอกาสให้นักเรียนไม่มีสัญชาติไทยได้เข้าร่วม กิจกรรมต่าง ๆ อย่างเท่าเทียมทั้งการแข่งขันทาง วิชาการ การกีฬาและกิจกรรมอื่น ๆ สพป.ตาก เขต 1 และ 2 / ศธจ.ตาก / กศน.ใน จังหวัดตาก อปท./ ตชด. นักเรียนสามารถปรับตัวเข้ากับ เพื่อนร่วมชั้นต่างวัฒนธรรมได้เร็ว ขึ้น ลดการออกเรียนกลางคัน สร้าง ขวัญและก าลังใจให้กับนักเรียน 6. ควรร่วมกันพัฒนาหลักสูตรด้านอาชีพที่ เหมาะสมกับนักเรียน และสอดคล้องกับแนวโน้ม การขยายตัวทางเศรษฐกิจของจังหวัดตาก สพป.ตาก เขต 1 และ 2 / ศธจ.ตาก / กศน.ใน จังหวัดตาก วท/ศูนย์ พัฒนา อาชีพ/ อปท./พม. ตชด.ฯลฯ นักเรียนมีทักษะการท างาน สามารถ น าความรู้ไปใช้ประกอบอาชีพได้


๗๙ แนวทาง ภาคส่วนที่มีส่วนร่วมในการขับเคลื่อน ผลที่คาดว่าจะได้รับ สถานศึกษา ครอบครัว ชุมชน หน่วยงานใน พื้นที่สังกัดศธ. หน่วยงาน ภาครัฐอื่น ภาคเอกชน 7. ควรเตรียมความพร้อมครูในการสอนนักเรียน ไม่มีสัญชาติไทย เพื่อให้ครูเข้าใจถึงความแตกต่าง ของเด็ก รวมถึงฝึกอบรมครูโดยค านึงถึง องค์ความรู้ที่ครูสามารถน าไปใช้ประโยชน์ได้จริง สพป.ตาก เขต 1 และ 2 / ศธจ.ตาก / กศน.ใน จังหวัดตาก อปท./ ตชด. ครูมีความรู้ ความสามารถที่หลากหลาย ปรับตัวให้เข้ากับนักเรียนได้ดี มีความคิด สร้างสรรค์ ทันสมัย สามารถถ่ายทอด ความรู้ให้เด็กเก่ง ดี มีความสุข 8. ควรสนับสนุนตัวแทนผู้ปกครองของนักเรียน ไม่มีสัญชาติไทยร่วมเป็นกรรมการสถานศึกษา และจัดการประชุมร่วมกับผู้ปกครองอย่างน้อยเดือน ละ 1 ครั้ง รวมถึงควรจัดกิจกรรมการเยี่ยมบ้าน นักเรียน สร้างสัมพันธ์ที่ดีต่อครอบครัวนักเรียน และชุมชน / / / สพป.ตาก เขต 1 และ 2 / ศธจ.ตาก / กศน.ใน จังหวัดตาก อปท./ ตชด. ลดจ านวนเด็กออกเรียนกลางคัน 9. ร่วมประชุมหารือ หาแนวทางแก้ไขปัญหา และ เสนอไปยังต้นสังกัด โดยอาจให้จังหวัดตากเป็น พื้นที่น าร่อง ที่ควรมีการจัดการศึกษาที่มีลักษณะ พิเศษส าหรับนักเรียนไม่มีสัญชาติไทย ทั้งในด้าน งบประมาณ ด้านบุคลากร ด้านการบริหารจัดการ เพื่อหาต้นแบบการจัดการศึกษาส าหรับเด็กกลุ่มนี้ / สพป.ตาก เขต 1 และ 2 / ศธจ.ตาก / กศน.ใน จังหวัดตาก มีช่องทางในการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ที่ เหมาะสมกับบริบทของพื้นที่ 10. ควรก าหนดมาตรการส่งเสริมให้ศูนย์การเรียน เด็กข้ามชาติจัดการศึกษาที่ได้มาตรฐานสอดคล้อง กัน โดยให้มีระบบการตรวจเยี่ยม เพื่อแนะน าและ สนับสนุนในการพัฒนาจัดการศึกษาและหลักสูตร ที่ได้มาตรฐาน สพป.ตาก เขต 1 และ 2 / ศธจ.ตาก / กศน.ใน จังหวัดตาก อปท./ ตชด. ศูนย์การเรียนเด็กข้ามชาติมีมาตรฐาน การจัดการศึกษาที่สอดคล้องกัน ๑1. ควรแสวงหาความร่วมมือกับประเทศต้นทาง ในประเด็นด้านต่าง ๆ อาทิ การจัดท าหลักสูตร Border Curriculum การเทียบโอนวุฒิการศึกษา ของไทยกับสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา สพป.ตาก เขต 1 และ 2 / ศธจ.ตาก / กศน.ใน จังหวัดตาก อปท./ ตชด./ มท. โอกาสความเป็นไปได้ในการเทียบโอน วุฒิการศึกษาระหว่างประเทศไทยกับ สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา ๑2. ส่งเสริมสนับสนุนให้ศูนย์การเรียนเด็กข้ามชาติ จัดตั้งเป็นศูนย์การเรียนตามกฎหมายว่าด้วย สิทธิขององค์กรชุมชนและองค์กรเอกชนในการ จัดการศึกษาขั้นพื้นฐานในศูนย์การเรียน พ.ศ.2555 หรือขอจัดตั้งเป็นโรงเรียนเอกชน ตามพระราชบัญญัติโรงเรียนเอกชน พ.ศ.2550 สพป.ตาก เขต 1 และ 2 / ศธจ.ตาก / กศน.ใน จังหวัดตาก มท. ศูนย์การเรียนเด็กข้ามชาติสามารถ จดทะเบียนจัดตั้งได้ถูกต้องตาม กฎหมายไทย


๘๐ แผนภาพที่ 9 ภาพรวมแนวทางการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานส าหรับเด็กที่ไม่มีหลักฐานทางทะเบียนราษฎร หรือไม่มีสัญชาติไทย และบุตรหลานของแรงงานข้ามชาติในจังหวัดตาก ดังนั้น จึงสามารถสรุปภาพรวมแนวทางการจัดการศึกษาส าหรับเด็กที่ไม่มีหลักฐานทางทะเบียน ราษฎรหรือไม่มีสัญชาติไทยและบุตรหลานของแรงงานข้ามชาติในจังหวัดตาก ซึ่งต้องอาศัยการมีส่วนร่วม (Participation) ของทุกภาคส่วน ที่ตั้งอยู่บนหลักของกฎหมายและหลักสิทธิมนุษยชน เพื่อประโยชน์สูงสุด ของผู้เรียน ดังแผนภาพที่ 9 หลักกฎหมาย หลักสิทธิ มนุษยชน กฎหมาย ระหว่าง ประเทศ กฎหมาย ประเทศ ไทย หลัก มนุษยชน การมี ส่วนร่วม ภาครัฐ ครอบครัว ชุมชน/ ท้องถิ่น สถาน ศึกษา องค์กร เอกชน ภาค เอกชน การศึกษาในระบบ โรงเรียน การศึกษา นอกระบบ การศึกษาในศูนย์ การเรียนเด็กข้ามชาติ คุณภาพ ผู้เรียน เก่ง มีความสุข ดี


บทที่ 5 สรุป อภิปรายผล และข้อเสนอแนะ การศึกษาสภาพการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานส าหรับเด็กที่ไม่มีหลักฐานทางทะเบียนราษฎรหรือ ไม่มีสัญชาติไทยและบุตรหลานของแรงงานข้ามชาติในจังหวัดตากครั้งนี้มีวัตถุประสงค์คือ ๑) เพื่อศึกษา สภาพการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน ส าหรับเด็กที่ไม่มีหลักฐานทางทะเบียนราษฎรหรือไม่มีสัญชาติไทย และบุตร หลานของแรงงานข้ามชาติในจังหวัดตาก ๒) เพื่อศึกษาปัญหาและอุปสรรคในการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน ส าหรับเด็กที่ไม่มีหลักฐานทางทะเบียนราษฎรหรือไม่มีสัญชาติไทยและบุตรหลานของแรงงานข้ามชาติ ในจังหวัดตาก และ ๓) เพื่อจัดท าแนวทางการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน ส าหรับเด็กที่ไม่มีหลักฐาน ทางทะเบียนราษฎรหรือไม่มีสัญชาติไทยและบุตรหลานของแรงงานข้ามชาติในจังหวัดตาก โดยใช้วิธีการ เก็บข้อมูลเชิงคุณภาพ ซึ่งได้คัดเลือกอ าเภอแม่สอดเป็นกรณีศึกษาภาคสนาม เพื่อศึกษาข้อมูลเชิงลึก (In-depth) ในประเด็นสภาพการจัดการศึกษา ปัญหาและอุปสรรค และแนวทางการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน ส าหรับเด็กที่ไม่มีหลักฐานทางทะเบียนราษฎรหรือไม่มีสัญชาติไทยและบุตรหลานของแรงงานข้ามชาติ ในอ าเภอแม่สอด แล้วเชื่อมโยงสู่การจัดท าแนวทางการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานส าหรับเด็กที่ไม่มีหลักฐาน ทางทะเบียนราษฎรหรือไม่มีสัญชาติไทยและบุตรหลานของแรงงานข้ามชาติในระดับจังหวัดตาก โดยสามารถ สรุปผลการศึกษา อภิปรายผลและมีข้อเสนอแนะ ดังนี้ ๕.๑ สรุปผลการศึกษา ด้วยสภาพทางภูมิศาสตร์ของจังหวัดตาก ซึ่งมีอาณาเขตด้านทิศตะวันตกติดกับสาธารณรัฐ แห่งสหภาพเมียนมา เป็นแนวชายแดนระยะทางถึง ๕๓๕ กิโลเมตร ประกอบด้วย ๕ อ าเภอ ได้แก่ อ าเภอแม่ระมาด อ าเภอแม่สอด อ าเภอท่าสองยาง อ าเภอพบพระ และอ าเภออุ้มผาง ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ มีเด็กไม่มีสัญชาติไทยอาศัยอยู่จ านวนมาก คาดว่ามีอยู่ถึงจ านวน 40,000 – 50,000 คน ซึ่งเด็กไม่มี สัญชาติไทยในพื้นที่นี้มีลักษณะที่แตกต่างหลากหลายชาติพันธุ์ มีทั้งเด็กชนเผ่าบนพื้นที่สูงที่มีสถานภาพ และสิทธิไม่ชัดเจน เด็กไม่มีหลักฐานทางทะเบียนราษฎร เด็กต่างด้าวซึ่งส่วนใหญ่เป็นเด็กชาติพันธุ์พม่า กะเหรี่ยง มอญ และโรฮิงญา และเด็กกลุ่มบุตรหลานของแรงงานข้ามชาติทั้งที่เกิดในประเทศไทย และที่ติดตามครอบครัวเข้ามาท างาน รวมถึงบุตรของชาวไทยกับแรงงานข้ามชาติที่ไม่ได้แจ้งเกิด ท าให้ เด็กกลุ่มนี้กลายเป็นบุคคลไร้สถานะ ความหลากหลายทางชาติพันธุ์นี้จึงเป็นโอกาสและความท้าทาย ของสถานศึกษาในจังหวัดตากในการจัดการศึกษาให้กับเด็กที่มีความแตกต่างกันในหลายมิติ ทั้งด้านเชื้อชาติ สัญชาติ ภูมิหลัง ศาสนาและวัฒนธรรม การศึกษาสภาพการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานส าหรับเด็กที่ไม่มีหลักฐานทางทะเบียนราษฎรหรือไม่มี สัญชาติไทย และบุตรหลานของแรงงานข้ามชาติในจังหวัดตาก ได้เลือกอ าเภอแม่สอดเป็นกรณีศึกษา ภาคสนาม เนื่องจากอ าเภอแม่สอดเป็นกรณีศึกษาที่น่าสนใจด้วยเหตุผลหลายประการ กล่าวคือ อ าเภอแม่สอด เป็น ๑ ใน ๕ อ าเภอของจังหวัดตากที่มีแนวชายแดนติดกับสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา (อ าเภอแม่สอด อ าเภอพบพระ อ าเภอแม่ระมาด อ าเภออุ้มผาง และอ าเภอท่าสองยาง) จึงเป็นพื้นที่ ที่มีเด็กไม่มีสัญชาติไทยอาศัยอยู่หลายชาติพันธุ์ มีทั้งเด็กต่างด้าวซึ่งส่วนใหญ่เป็นเด็กชาติพันธุ์พม่า กะเหรี่ยง มอญ โรฮิงญา ที่อพยพข้ามพรมแดนเข้ามาพร้อมกับครอบครัว ทั้งอยู่แบบถาวรและชั่วคราว เด็กบางส่วน ครอบครัวอพยพมาช้านานแล้วแต่ไม่มีชื่ออยู่ในทะเบียนราษฎร รวมถึงเด็กชนเผ่าบนพื้นที่สูงที่มีสถานภาพ และสิทธิไม่ชัดเจน นอกจากนี้ อ าเภอแม่สอดเป็น ๑ ใน ๓ อ าเภอ (อ าเภอแม่สอด อ าเภอพบพระ และอ าเภอ แม่ระมาด) ที่เป็นพื้นที่เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษตาก (Special Economic Zone: SEZ) ที่มีการลงทุนใน ภาคอุตสาหกรรม เกษตรกรรมและการบริการมากที่สุดของจังหวัด จึงเป็นพื้นที่ที่มีแรงงานข้ามชาติจ านวนมาก


๘๒ ซึ่งบางส่วนมีบุตรหลานติดตามมาด้วย และบางส่วนยังให้ก าเนิดบุตรที่จังหวัดตาก หรือมีบุตรที่เกิดกับคนไทย แต่ไม่ได้แจ้งเกิด จึงกลายเป็นบุคคลไร้สถานะ ดังนั้น จึงเป็นความท้าทายของสถานศึกษาในอ าเภอแม่สอด ส าหรับจัดการศึกษาให้กับเด็กไม่มีสัญชาติไทยที่มีความแตกต่างกันในหลายมิติ แต่สามารถก้าวข้ามความ แตกต่างและอยู่ร่วมกันได้ โดยที่อ าเภอแม่สอดมีการจัดการศึกษาที่ครบทั้ง ๓ รูปแบบ คือ การศึกษาในระบบ โรงเรียน การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย และการศึกษาในศูนย์การเรียนเด็กข้ามชาติ (MLC) ซึ่ง ครึ่งหนึ่งของนักเรียนไม่มีสัญชาติไทยใน ๕ อ าเภอชายแดนจังหวัดตาก เป็นนักเรียนในอ าเภอแม่สอด คือ จ านวน 13,734 คน หรือ ร้อยละ 52.51 จากจ านวนนักเรียน 26,660 คน และเมื่อพิจารณาเปรียบเทียบกับจ านวน เด็กไม่มีสัญชาติไทยในจังหวัดตากที่ได้มีการคาดการณ์ไว้ที่ จ านวน 40,000 คน พบว่า นักเรียนไม่มีสัญชาติไทย ในอ าเภอแม่สอดมีสัดส่วนถึงร้อยละ 34.33 ดังนั้น ด้วยเ งื่อนไขความแตกต่า งทางชาติพันธุ์ ของนักเรียน จ านวนนักเรียนไม่มีสัญชาติไทยที่มีมากที่สุดในจังหวัดตาก มีสถานศึกษาที่มีครบทั้ง 3 รูปแบบ จ านวนครูที่สอนนักเรียนไม่มีสัญชาติไทย อีกทั้งมีจ านวนศูนย์การเรียนเด็กข้ามชาติที่ท า ข้อตกลงร่วมจัดการศึกษากับสถานศึกษา กศน.ที่มีมากที่สุดในจังหวัด และเมื่อลงพื้นที่ศึกษาสภาพจริงพบว่า ยังมีนักเรียนไม่มีสัญชาติไทยที่อยู่ในสังกัดโรงเรียนเอกชน แต่ไม่ได้มีการเก็บข้อมูลไว้บนฐานข้อมูลเดียวกัน ซึ่งข้อมูลนี้มีความส าคัญอย่างยิ่งต่อการก าหนดนโยบายการจัดการศึกษาส าหรับนักเรียนกลุ่มดังกล่าว จึงอนุมานได้ว่า ผลที่ได้จากการศึกษาภาคสนามครั้งนี้ สามารถแสดงถึงภาพโดยรวมของสภาพการจัด การศึกษาส าหรับเด็กที่ไม่มีหลักฐานทางทะเบียนราษฎรหรือไม่มีสัญชาติไทย และบุตรหลานของแรงงาน ข้ามชาติในจังหวัดตาก และสามารถใช้เป็นแนวทางการจัดการศึกษาส าหรับพื้นที่อื่นของจังหวัดตาก ตลอดจนพื้นที่ของประเทศไทยที่มีสภาพบริบทที่ใกล้เคียงกัน ทั้งนี้ จากการศึกษาเอกสารและการลงพื้นที่ศึกษา ภาคสนาม เพื่อศึกษาข้อมูลเชิงลึกในอ าเภอแม่สอด จังหวัดตาก สามารถสรุปผลการศึกษาสภาพการจัดการศึกษา ปัญหาและอุปสรรคในการจัดการศึกษา และแนวทางการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานส าหรับเด็กที่ไม่มีหลักฐาน ทางทะเบียนราษฎรหรือไม่มีสัญชาติไทยและบุตรหลานของแรงงานข้ามชาติในจังหวัดตากได้ดังนี้ ๕.๑.๑ สภาพการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานส าหรับเด็กที่ไม่มีหลักฐานทางทะเบียนราษฎรหรือไม่มี สัญชาติไทยและบุตรหลานของแรงงานข้ามชาติในจังหวัดตาก ในปี พ.ศ. ๒๕๖๐ นักเรียนที่ไม่มีสัญชาติไทยใน 5 อ าเภอชายแดน จังหวัดตาก มีจ านวนทั้งสิ้น 26,660 คน โดยเป็นนักเรียนไม่มีสัญชาติไทยที่อยู่ในโรงเรียน สังกัด สพป.ตาก เขต ๒ จ านวน 13,620 คน สังกัด กศน. จ านวน 192 คน และนักเรียนในศูนย์การเรียนเด็กข้ามชาติ จ านวน 12,848 คน ทั้งนี้ ยังไม่ได้รวมถึง นักเรียนไม่มีสัญชาติไทยที่เรียนอยู่ในโรงเรียนของเอกชน และสังกัดหน่วยงานอื่น และเมื่อพิจารณาเปรียบเทียบ จ านวนนักเรียนไม่มีสัญชาติไทยข้างต้น กับจ านวนเด็กไม่มีสัญชาติไทยในจังหวัดตากที่ได้มีการคาดการณ์ไว้ที่ จ านวน 40,000 คน พบว่า มีสัดส่วนถึงร้อยละ 66.65 ที่มีโอกาสเข้าสู่ระบบการศึกษาในจังหวัดตาก ดังนั้นจึงสามารถสรุปสภาพการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานส าหรับเด็กที่ไม่มีหลักฐานทางทะเบียนราษฎร หรือไม่มีสัญชาติไทยและบุตรหลานของแรงงานข้ามชาติในจังหวัดตากได้ดังนี้ 5.1.1.1 นักเรียนไม่มีสัญชาติไทย ประกอบด้วย ๓ กลุ่ม ได้แก่ ๑) กลุ่มที่ติดตามบิดามารดามาอาศัย อยู่ในประเทศไทย ๒) กลุ่มที่บ้านอยู่พื้นที่ห่างไกลแต่ตั้งใจมาเรียนและมาพักอาศัยอยู่กับหอพักของ สถานศึกษา ๓) กลุ่มที่เดินทาง เข้า-ออก ข้ามด่านพรมแดนเข้ามาเรียนทุกวัน ทั้งที่ข้ามจุดผ่านแดนและตาม ท่าข้ามเรือต่าง ๆ ที่ไม่เป็นทางการบริเวณแนวชายแดน 5.1.1.2 รูปแบบการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานส าหรับเด็กที่ไม่มีหลักฐานทางทะเบียนราษฎร หรือไม่มีสัญชาติไทยและบุตรหลานของแรงงานข้ามชาติพบว่า มีการจัดการศึกษา ๓ รูปแบบ ได้แก่


๘๓ ๑) การจัดการศึกษาในระบบโรงเรียน มีการจัดการศึกษาทั้งโดยหน่วยงานรัฐและเอกชน (องค์กรศาสนา) นักเรียนเรียนฟรี ไม่มีค่าเทอม แต่โรงเรียนเอกชนมีค่าใช้จ่ายแรกเข้าและเงินบริจาค (ปีละไม่เกิน 3,000 บาท) นักเรียนไม่มีสัญชาติไทยจะได้รับการก าหนดเลขประจ าตัว ๑๓ หลัก (รหัส G/P) จากกระทรวงศึกษาธิการ ซึ่งจะท าให้นักเรียนมีสิทธิได้รับจัดสรรงบประมาณอุดหนุนค่าใช้จ่ายรายหัว ใน ๕ รายการ อัตราเดียวกับเด็กไทย โดยนักเรียนส่วนใหญ่เป็นเด็กชาติพันธุ์พม่า กะเหรี่ยง และเด็กชนเผ่า ส าหรับการจัดการเรียนการสอนเป็นแบบเรียนรวมในทุกระดับชั้น ยกเว้นในชั้นปฐมวัยที ่จัดให้เฉพาะ เด็กไม่มีสัญชาติไทยได้เรียนรวมกัน โดยโรงเรียนจ้างครูต่างด้าว (พม่า/กะเหรี่ยง) มาท าหน้าที่เป็นผู้ดูแลเด็ก/ ผู้ช่วยครูไทย การจัดการเรียนการสอนใช้ภาษาไทยเป็นหลักตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พ.ศ. ๒๕๕๑ และมีกิจกรรมต่าง ๆ ในช่วง “ลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้” โดยได้รับความร่วมมืออย่างดีจากชุมชน และหน่วยงานทั้งภายในและนอกพื้นที่ เมื่อส าเร็จการศึกษาแล้วนักเรียนจะได้รับวุฒิการศึกษาของไทย ๒) การจัดการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย เป็นลักษณะการท าข้อตกลงร่วมกัน (MOU) ระหว่างสถานศึกษาของกศน. และศูนย์การเรียนเด็กข้ามชาติ ซึ่งเด็กต้องผ่านเกณฑ์การสอบวัดความรู้ ภาษาไทยก่อนจึงขึ้นทะเบียนเป็นนักเรียน กศน. ได้ นักเรียนเรียนฟรี ไม่มีค่าเทอม และนักเรียนจะได้รับจัดสรร งบประมาณอุดหนุนค่าใช้จ่ายรายหัวในอัตราเดียวกับนักเรียน กศน.ไทย ในส่วนหลักสูตรที่ใช้จัดการเรียนการสอน ส าหรับนักเรียนอายุ ๘-๑๕ ปี จัดตามแนวทางการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน ส าหรับเด็กไม่มีสัญชาติไทยที่อยู่ใน เกณฑ์การศึกษาภาคบังคับ ระดับประถมศึกษา ส่วนนักเรียนที่มีอายุ ๑๕ ปีขึ้นไป ใช้หลักสูตรการศึกษา นอกระบบหรือการศึกษาผู้ใหญ่ โดยใช้ภาษาไทยเป็นหลัก ซึ่งจะจัดการเรียนการสอนในศูนย์การเรียนเด็กข้ามชาติ เป็นเวลา ๔ วัน/สัปดาห์และมีครูกศน. (ครูประจ ากลุ่ม) เป็นผู้สอนในทุกรายวิชา โดยมีครูของศูนย์การเรียน เด็กข้ามชาติอ านวยความสะดวกในการสอน เมื่อจบการศึกษานักเรียนจะได้รับวุฒิการศึกษาจาก กศน. ของไทย ๓) การจัดการศึกษาในศูนย์การเรียนเด็กข้ามชาติ (Migrant Learning Center-MLC) จัดโดยองค์กรเอกชน นักเรียนในศูนย์การเรียนเป็นเด็กไม่มีสัญชาติไทยทั้งหมด นักเรียนเรียนฟรี ไม่มีค่าเทอม หลักสูตรมีหลากหลาย แต่ยึดหลักสูตรพม่าเป็นหลัก และมีหลักสูตรแบบบูรณาการกับต่างประเทศ หลักสูตร กศน.พม่า หลักสูตร กศน.ไทย หลักสูตร GED และอื่น ๆ เน้นการสอนวิชาคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์และ ภาษาอังกฤษ จัดการเรียนการสอนโดยใช้ภาษาพม่าและภาษาอังกฤษ ซึ่งหนังสือแบบเรียนเป็นภาษาพม่าและ ภาษาอังกฤษทั้งหมด ศูนย์การเรียนส่วนใหญ่ได้รับสนับสนุนงบประมาณจากองค์กรต่างประเทศ ส่วนการจัด การศึกษาแบ่งระดับชั้นออกเป็น Grade ตั้งแต่ Grade 1 ถึง Grade 8 ซึ่งนักเรียนมีความสามารถในการ สื่อสารภาษาอังกฤษได้ดี และมีการจัดกิจกรรมปลูกฝังจิตส านึกในสถาบันหลักของชาติไทย อาทิ กิจกรรมเคารพ ธงชาติครูและบุคลากรเกือบทั้งหมดเป็นคนต่างชาติสัญชาติพม่า กะเหรี่ยง ซึ่งมีสถานะเป็นลูกจ้างขององค์กร เอกชน ทั้งนี้ วุฒิการศึกษาที่ออกให้โดยศูนย์การเรียนไม่สามารถน าไปใช้เป็นหลักฐานเข้าศึกษาต่อทั้งใน ประเทศไทยและสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาได้ เว้นแต่ เป็นหลักสูตรที่ได้รับการรับรองจากรัฐบาลเมียนมา เช่น หลักสูตรกศน.พม่า หรือรับรองโดยองค์กรพัฒนาเอกชนบางแห่ง เช่น มูลนิธิ BMWEC จึงสามารถน าไปเทียบ โอนเข้าศึกษาต่อในสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาได้ 5.1.1.๓ มีการจัดตั้งศูนย์ประสานงานเพื่อด าเนินการโดยเฉพาะ โดยส านักงานเขตพื้นที่การศึกษา ประถมศึกษาตากเขต ๒ จัดตั้ง “ศูนย์ประสานงานการจัดการศึกษาเด็กต่างด้าว” (Migrant Education Coordination Center) เพื่อเป็นศูนย์ประสานการปฏิบัติงานระหว่าง สพป.ตาก เขต ๒ กับศูนย์การเรียน เด็กข้ามชาติ ที่ตั้งอยู่ในเขตพื้นที่ ๕ อ าเภอชายแดน (อ าเภอแม่สอด อ าเภอแม่ระมาด อ าเภอท่าสองยาง อ าเภอพบพระและอ าเภออุ้มผาง) และองค์กรเอกชนที่สนับสนุนการจัดการศึกษา รวมถึงเป็นสถานที่ฏิบัติงาน ของอาสาสมัครชาวต่างประเทศ


๘๔ 5.1.1.4 ยังไม่มีหน่วยงานใดในพื้นที่มีการส ารวจหรือจัดเก็บข้อมูลที่เป็นระบบ ไม่ทราบจ านวน เด็กที่ไม่มีทะเบียนราษฎรและเด็กไม่มีสัญชาติไทยที่แท้จริง มีเพียงการประมาณการที่ไม่มีความชัดเจนเพียงพอ ๕.๑.๒ ปัญหาและอุปสรรคในการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน ส าหรับเด็กที่ไม่มีหลักฐานทางทะเบียนราษฎร หรือไม่มีสัญชาติไทยและบุตรหลานของแรงงานข้ามชาติในจังหวัดตาก ๕.๑.๒.๑ โอกาสการเข้าถึงการศึกษา บิดา มารดา ผู้ปกครอง มีส่วนส าคัญอย่างยิ่งต่อการตัดสินใจ ให้เด็กเข้าเรียน บางส่วนยังไม่รู้ว่ารัฐบาลไทยมีนโยบายขยายโอกาสทางการศึกษาส าหรับเด็กที่ไม่มีสัญชาติไทย เข้าเรียนโดยไม่มีค่าใช้จ่ายในระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน และบางส่วนต้องการให้เด็กเรียนในศูนย์การเรียน เด็กข้ามชาติมากกว่าเรียนในระบบการศึกษาไทย เพราะมองว่าสามารถน าไปใช้ประโยชน์ได้มากกว่าเวลากลับ ประเทศของตนเอง ในขณะที่เด็กที่อาศัยอยู่ตามสวน ไร่นา หรือพื้นที่ห่างไกลทุรกันดาร หรือเด็กที่ครอบครัว ท างานอยู่ในภาคเกษตรกรรม เด็กที่ต้องย้ายติดตามครอบครัว ยังขาดโอกาสในการเข้าถึงระบบการศึกษา ๕.๑.๒.๒ ข้อจ ากัดของสถานศึกษา 1) การจัดการศึกษาในระบบโรงเรียน โรงเรียนต้องพิจารณารับเด็กไทยเข้าเรียนก่อน หากมีที่เหลือจึงจะรับเด็กไม่มีสัญชาติไทย บางโรงเรียนจ ากัดโควต้ารับเด็กไว้ปีละไม่เกิน ๑๐๐ คน และต้องมี บุคคลหรือหน่วยงานรับรอง อีกทั้งโรงเรียนยังไม่สามารถรับเด็กที่มีอายุเกิน ๑๒ ปีเข้าเรียนในชั้นประถมศึกษาได้ และยังมีข้อจ ากัดด้านการใช้ภาษาไทยของผู้เรียน หลักสูตรขาดความยืดหยุ่น แม้ว่าจะสามารถจัดท าหลักสูตร ท้องถิ่นได้แต่ก็ยังมีสัดส่วนที่จ ากัด รวมถึงโรงเรียนยังมีข้อจ ากัดในเรื่องจ านวนครูและบุคลากรที่เพียงพอ การขาดทรัพยากรทางการศึกษาที่ช่วยสนับสนุนการจัดการเรียนการสอน ทั้งด้านงบประมาณ ห้องเรียน อาคาร สถานที่ และสื่อการเรียนการสอน 2) การจัดการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย พบข้อจ ากัดจากเงื่อนไขการขึ้น ทะเบียนเป็นนักเรียน กศน. ที่เด็กต้องผ่านเกณฑ์การประเมินภาษาไทยก่อน และข้อจ ากัดด้านงบประมาณ นอกจากนี้ ครู กศน. (ครูประจ ากลุ่ม) ยังมีภาระงานมากและต้องรับผิดชอบสอนในทุกรายวิชา รวมทั้งวิชาที่ไม่ถนัด ๓) การจัดการศึกษาในศูนย์การเรียนเด็กข้ามชาติพบปัญหามาตรฐานหลักสูตรของแต่ละ ศูนย์การเรียนแตกต่างกัน การขาดความพร้อมในการน าเทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้ปัญหานักเรียนไม่อยู่ใน ฐานข้อมูลของกระทรวงศึกษาธิการ จึงไม่เข้าข่ายได้รับการจัดสรรเงินอุดหนุนรายหัว นักเรียนมีปัญหาในการ สื่อสารภาษาไทย รวมถึงวุฒิการศึกษาของศูนย์การเรียนไม่สามารถน ามาใช้เทียบโอนเข้าศึกษาต่อในสาธารณรัฐ แห่งสหภาพเมียนมาได้ เว้นแต่ได้รับการรับรองจากรัฐบาลเมียนมาหรือรับรองโดยองค์กรเอกชน บางแห่ง เช่น มูลนิธิ BMWEC อีกทั้งศูนย์การเรียนเด็กข้ามชาติยังมีแนวโน้มปิดตัวลงทุกปี เนื่องจากขาดเสถียรภาพทางการเงิน ๕.๑.๒.๓. ปัญหาการออกกลางคัน เนื่องจากสภาพครอบครัวยากจน ความจ าเป็นที่ต้องย้ายตาม ผู้ปกครองไปท างานที่อื่น ปัญหาจากการปรับตัวและรู้สึกแปลกแยก เนื้อหาหลักสูตร รูปแบบการเรียนการสอน ไม่สอดคล้องกับพัฒนาการของเด็ก ๕.๑.๒.๔. ปัญหาการเทียบโอนวุฒิการศึกษา วุฒิการศึกษาที่ออกให้โดยรัฐของไทยไม่สามารถ เทียบโอนกับวุฒิการศึกษาของสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาได้เช่นเดียวกับวุฒิการศึกษาของศูนย์การเรียน เด็กข้ามชาติก็ไม่สามารถน ามาเทียบโอนกับวุฒิการศึกษาของไทยได้ ๕.๑.๒.๕. เงื่อนไขด้านกฎหมาย ข้อจ ากัดในการออกนอกพื้นที่ตามกฎหมายจ ากัดการออกนอกพื้นที่ รวมทั้งครูศูนย์การเรียนเด็กข้ามชาติสอนโดยไม่มีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครู และยังไม่มีกฎหมายไทยรับรอง สถานะของศูนย์การเรียนเด็กข้ามชาติที่เปิดอยู่ขณะนี้ ๕.๑.๒.๖. การไม่มีระบบข้อมูลและสารสนเทศที่ชัดเจน โดยไม่มีหน่วยงานใดในพื้นที่ท าการการ ส ารวจหรือจัดเก็บข้อมูลที่เป็นระบบชัดเจน


๘๕ ๕.๑.๓ แนวทางการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน ส าหรับเด็กที่ไม่มีหลักฐานทางทะเบียนราษฎรหรือไม่มีสัญชาติไทย และบุตรหลานของแรงงานข้ามชาติในจังหวัดตาก จากผลการศึกษาสภาพการจัดการศึกษา ปัญหาและอุปสรรคในการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานส าหรับเด็กที่ ไม่มีหลักฐานทางทะเบียนราษฎร หรือไม่มีสัญชาติไทยและบุตรหลานของแรงงานข้ามชาติในจังหวัดตาก ทั้งโดยการศึกษาจากเอกสารและจากการศึกษาภาคสนามที่มีอ าเภอแม่สอด จังหวัดตากเป็นกรณีศึกษาเชิงลึก น ามาสู่การจัดท าแนวทางการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน ส าหรับเด็กที่ไม่มีหลักฐานทางทะเบียนราษฎรหรือไม่มี สัญชาติไทย และบุตรหลานของแรงงานข้ามชาติในจังหวัดตาก โดยมุ่งหวังให้เป็นต้นแบบการก้าวข้ามอุปสรรค และข้อจ ากัดต่าง ๆ ซึ่งต้องอาศัยการมีส่วนร่วม (Participation) จากหลายภาคส่วนที่ตั้งอยู่บนหลักของกฎหมาย และหลักสิทธิมนุษยชน โดยมีหน่วยงานในพื้นที่ของกระทรวงศึกษาธิการ ได้แก่ ส านักงานเขตพื้นที่การศึกษา ประถมศึกษาตาก เขต ๑ และ เขต ๒ ส านักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย ในจังหวัดตาก และส านักงานศึกษาธิการจังหวัดตาก เป็นหน่วยงานรับผิดชอบหลักในการด าเนินงาน และแสวงหาความร่วมมือกับหน่วยงานต่าง ๆ เพื่อพัฒนาผู้เรียนไปสู่ “การเป็นคนดี คนเก่ง และมีความสุข” โดยมีแนวทางการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน ส าหรับเด็กที่ไม่มีหลักฐานทางทะเบียนราษฎรหรือไม่มีสัญชาติไทย และบุตรหลานของแรงงานข้ามชาติในจังหวัดตากดังนี้ ๑. มีการวางแผนการส ารวจเด็กไม่มีสัญชาติไทยในพื้นที่ และลงพื้นที่ส ารวจเด็กในเชิงรุก เพื่อประโยชน์ในการจัดท าฐานข้อมูลเด็กไม่มีสัญชาติไทยที่ชัดเจน เป็นระบบ เชื่อถือได้ ๒. ควรสร้างความรู้ความเข้าใจให้กับบิดามารดา ผู้ปกครอง เพื่อให้ตระหนักถึงประโยชน์และ ความส าคัญของการศึกษา กฎหมายและนโยบาย สิทธิการศึกษา และสิทธิด้านต่าง ๆ ๓. สนับสนุนการเตรียมความพร้อมด้านภาษาไทยส าหรับนักเรียนไม่มีสัญชาติไทย โดยการจัด กิจกรรมส่งเสริมพัฒนาทักษะภาษาไทย จัดสภาพแวดล้อมในสถานศึกษาที่เอื้อต่อการเรียนรู้ภาษาไทย ๔. ควรจัดการศึกษาในเชิงพหุวัฒนธรรม บูรณาการหลักสูตรตามรายวิชาให้สอดคล้องกับบริบท ของผู้เรียน ชุมชน/ท้องถิ่น รวมถึงการน าสื่อการเรียนการสอนที่เป็นภาษาพม่า-ภาษาไทยมาใช้สร้างบรรยากาศ สังคมพหุวัฒนธรรมให้เกิดขึ้นภายในสถานศึกษา เสมือนเป็นแหล่งเรียนรู้ของเด็ก ๕. ควรจัดการศึกษาแบบเรียนรวม (Inclusive Education) ในทุกระดับชั้น รวมทั้งชั้นปฐมวัย จัดให้มี ชมรมหรือวิชาเลือกเสรีภาษาพม่า เปิดโอกาสให้นักเรียนไม่มีสัญชาติไทยได้เข้าร่วมกิจกรรมต่าง ๆ อย่างเท่าเทียม ๖. ควรร่วมกันพัฒนาหลักสูตรด้านอาชีพที่เหมาะสมกับนักเรียน และสอดคล้องกับแนวโน้ม การขยายตัวทางเศรษฐกิจของจังหวัดตาก ๗. ควรเตรียมความพร้อมครูในการสอนนักเรียนไม่มีสัญชาติไทย เพื่อให้ครูเข้าใจถึงความแตกต่าง ของนักเรียน รวมถึงฝึกอบรมครูโดยค านึงถึงองค์ความรู้ที่ครูสามารถน าไปใช้ประโยชน์ได้จริง ๘. ควรสนับสนุนตัวแทนผู้ปกครองของนักเรียนไม่มีสัญชาติไทยร่วมเป็นกรรมการสถานศึกษา และจัดการประชุมร่วมกับผู้ปกครองอย่างน้อยเดือนละ 1 ครั้ง รวมถึงมีกิจกรรมการเยี่ยมบ้านนักเรียน สร้างสัมพันธ์ที่ดีต่อครอบครัวนักเรียนและชุมชน ๙. ร่วมประชุมหารือ หาแนวทางแก้ไขปัญหา และเสนอไปยังต้นสังกัด โดยอาจให้จังหวัดตากเป็น พื้นที่น าร่องที่ควรมีการจัดการศึกษาที่มีลักษณะพิเศษส าหรับนักเรียนไม่มีสัญชาติไทย ๑๐.ควรก าหนดมาตรการส่งเสริมให้ศูนย์การเรียนเด็กข้ามชาติจัดการศึกษาที่ได้มาตรฐาน สอดคล้องกัน ๑๑.ควรแสวงหาความร่วมมือกับประเทศต้นทางในประเด็นด้านต่าง ๆ อาทิ การจัดท าหลักสูตร Border Curriculum การเทียบโอนวุฒิการศึกษาของไทยกับสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา


๘๖ ๑๒. ส่งเสริมสนับสนุนให้ศูนย์การเรียนเด็กข้ามชาติ จัดตั้งเป็นศูนย์การเรียนตามกฎหมายว่าด้วย สิทธิขององค์กรชุมชนและองค์กรเอกชนในการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานในศูนย์การเรียน พ.ศ.2555 หรือ ขอจัดตั้งเป็นโรงเรียนเอกชน ตามพระราชบัญญัติโรงเรียนเอกชน พ.ศ.2550 ๕.๒ อภิปรายผล จากการศึกษาข้อมูลจากเอกสาร รวมทั้งค่าสถิติต่าง ๆ และจากการศึกษาภาคสนามโดยมีอ าเภอแม่สอด เป็นกรณีศึกษาภาคสนาม เพื่อให้ได้ข้อมูลเชิงลึกของกรณีการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานส าหรับเด็กที่ไม่มีหลักฐาน ทางทะเบียนราษฎรหรือไม่มีสัญชาติไทย และบุตรหลานของแรงงานข้ามชาติในอ าเภอที่ก้าวข้ามขีดจ ากัด ของอุปสรรคในบางประเด็น ที่สามารถเชื่อมโยงไปยังภาพการจัดการศึกษาในระดับจังหวัดตาก โดยผลของ การศึกษามีประเด็นที่น่าสนใจและควรน ามาอภิปรายดังนี้ การด าเนินการจัดการศึกษาส าหรับเด็กที่ไม่มีหลักฐานทางทะเบียนราษฎรหรือไม่มีสัญชาติไทยและ บุตรหลานของแรงงานข้ามชาติในจังหวัดตาก มีการด าเนินงานสอดคล้องตามกฎหมายระหว่างประเทศและ กฎหมายประเทศไทย กล่าวคือ สอดคล้องกับกฎหมายระหว่างประเทศที่ประเทศไทยร่วมเป็นรัฐภาคีได้แก่ อนุสัญญาว่าด้วยการขจัดการเลือกปฏิบัติทางเชื้อชาติในทุกรูปแบบ (International Convention on the Elimination of all Forms of Racial Discrimination) ซึ ่งประกันสิทธิของบุคคลทุกคนในการได้รับ การศึกษาและการฝึกอบรมอย่างเสมอภาคกัน โดยปราศจากการเลือกปฏิบัติ(Non-Discrimination) ทางเชื้อชาติ และกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิทางเศรษฐกิจ สังคมและวัฒนธรรม (International Covenant on the Rights of the Economy) ที่ระบุให้รัฐภาคีรับรองสิทธิการศึกษาของทุกคนโดยไม่ปฏิเสธความแตกต่าง ทางด้านเชื้อชาติ สีผิว ภาษา ศาสนา โดยจัดการศึกษาขั้นประถมศึกษาให้เป็นการศึกษาภาคบังคับแบบให้เปล่า ส าหรับทุกคน นอกจากนี้ในอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็ก (The Convention on the Rights of the Child) ระบุให้ รัฐภาคียอมรับสิทธิของเด็กที่จะต้องได้รับการศึกษา โดยจัดการศึกษาระดับประถมศึกษาเป็นภาคบังคับ ที่เด็ก ทุกคนสามารถเรียนได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย และสนับสนุนการพัฒนาการศึกษาระดับมัธยมศึกษาในรูปแบบต่าง ๆ ส าหรับการด าเนินงานที่สอดคล้องกับกฎหมายประเทศไทย ได้แก่ รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๔๐ มาตรา 43 ที่บัญญัติว่า บุคคลย่อมมีสิทธิเสมอกันในการรับการศึกษาขั้นพื้นฐานไม่น้อย กว่าสิบสองปีที่รัฐจะต้องจัดให้อย่างทั่วถึงและมีคุณภาพโดยไม่เก็บค่าใช้จ่าย และพระราชบัญญัติการศึกษาชาติ พ.ศ.2542 บัญญัติในมาตรา 10 ว่า การจัดการศึกษา รัฐต้องจัดให้บุคคลมีสิทธิและโอกาสเสมอกันในการรับ การศึกษาขั้นพื้นฐานไม่น้อยกว่าสิบสองปีที่รัฐต้องจัดให้อย่างทั่วถึงและมีคุณภาพโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย นอกจาก กฎหมายทั้งสองฉบับแล้ว ยังสอดคล้องกับยุทธศาสตร์การจัดการปัญหาสถานะและสิทธิของบุคคลที่มีปัญหา สถานะและสิทธิโดยให้สิทธิทางการศึกษาแก่บุคคลที่ไม่มีหลักฐานทะเบียนราษฎรหรือไม่มีสัญชาติไทย ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2548 และมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2548 เรื่อง การจัดการศึกษาแก่บุคคลที่ไม่มีหลักฐานทะเบียนราษฎรหรือไม่มีสัญชาติไทย โดยเห็นชอบ ระเบียบกระทรวงศึกษาธิการว่าด้วย การรับนักเรียน นักศึกษาเรียนในสถานศึกษา พ.ศ. 2548 ให้รับนักเรียน ที่ไม่มีหลักฐานทะเบียนราษฎรหรือไม่มีสัญชาติไทยเข้าเรียนได้อีกทั้ง สามารถออกหลักฐานทางการศึกษา และจัดสรรงบประมาณอุดหนุนการศึกษารายหัวให้กับสถานศึกษาที่จัดการศึกษาให้ด้วย ซึ่งการจัดการศึกษา ขั้นพื้นฐานส าหรับเด็กที่ไม่มีสัญชาติไทยในจังหวัดตาก กรณีศึกษาอ าเภอแม่สอด 3 รูปแบบ ทั้งการศึกษา ในระบบโรงเรียน การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย และการศึกษาในศูนย์การเรียนเด็กข้ามชาติ เห็นภาพที่ชัดเจนของการจัดการศึกษาส าหรับเด็กกลุ่มนี้ที่ต้องด าเนินการภายใต้การก ากับดูแลโดยหน่วยงานรัฐ ทั้งการศึกษาในระบบโรงเรียน และการศึกษานอกระบบ ที่สามารถเชื่อมโยงไปสู่การจัดการศึกษาส าหรับเด็ก กลุ่มนี้ในระดับจังหวัด ซึ่งการจัดการศึกษาในระบบโรงเรียนและการจัดการศึกษานอกระบบต้องปฏิบัติตาม


๘๗ กฎหมายและนโยบายที่เกี่ยวข้อง เห็นได้จากการที่โรงเรียน/สถานศึกษา เปิดโอกาสรับเด็กไม่มีสัญชาติไทย ทุกคนเข้าเรียน โดยเด็กไม่จ าเป็นต้องมีเอกสารทะเบียนราษฎร อีกทั้งก าหนดเลขประจ าตัว 13 หลักให้ ซึ่งเด็กจะได้รับสิทธิเรียนฟรีและได้รับจัดสรรค่าใช้จ่ายรายหัวด้วย นอกจากนี้โรงเรียน/สถานศึกษาได้น า นักเรียนไม่มีสัญชาติไทยไปจัดท าเอกสารทะเบียนราษฎร และบัตรประจ าตัวในระบบฐานข้อมูลการทะเบียน ราษฎร ตามกฎหมายว่าด้วยการทะเบียนราษฎรของกระทรวงมหาดไทยด้วย ส่วนการจัดการศึกษาของศูนย์การเรียนเด็กข้ามชาติ เป็นการด าเนินงานที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานของ “หลักสิทธิมนุษยชน” กล่าวคือ ศูนย์การเรียนเด็กข้ามชาติจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานแบบไม่เสียค่าใช้จ่าย ส าหรับเด็กไม่มีสัญชาติไทยซึ่งมีปัญหาสถานะและยังขาดโอกาสทางการศึกษา โดยภาครัฐของไทยอะลุ้มอล่วย ให้ศูนย์การเรียนเด็กข้ามชาติด าเนินการจัดการศึกษาได้แม้ว่าศูนย์การเรียนเด็กข้ามชาติที่เปิดให้การศึกษา อยู่ในปัจจุบันนี้ ยังไม่มีกฎหมายไทยรับรองสถานะของศูนย์การเรียนก็ตาม แต่ด้วยหลักสิทธิมนุษยชนแล้ว เด็กต้องได้รับการศึกษาโดยห้ามเลือกปฏิบัติ ดังที่ปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน (Universal Declaration of Human Rights) ก าหนดถึง สิทธิของมนุษย์ทุกคนที่มีติดตัวมาตั้งแต่ก าเนิด มนุษย์มี ศักดิ์ศรีและมีความเสมอภาคกัน ห้ามเลือกปฏิบัติต่อมนุษย์ไม่ว่าด้วยเหตุใด มนุษย์ทุกคนจึงมีสิทธิได้รับ การศึกษา ในการศึกษาอย่างน้อยขั้นระดับประถมศึกษา ซึ่งให้ถือเป็นการศึกษาภาคบังคับ และต้องเป็นการ ให้บริการจัดการศึกษาส าหรับเด็กเข้ามาเรียนโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย อย่างไรก็ตามรูปแบบของศูนย์การเรียน เด็กข้ามชาติภายใต้“ศูนย์ประสานงานการจัดการศึกษาเด็กต่างด้าว” (Migrant Education Coordination Center) เป็นศูนย์ประสานการปฏิบัติงานระหว่าง สพป.ตาก เขต ๒ กับศูนย์การเรียนเด็กข้ามชาติ และ องค์กรเอกชน มีบทบาทส าคัญที ่ท าให้จังหวัดตากมีข้อมูลเกี ่ยวกับศูนย์การเรียนเด็กข้ามชาติ เนื ่องจาก เป็นศูนย์ที ่มีข้อมูลทั้งของศูนย์การเรียนเด็กข้ามชาติ ข้อมูลนักเรียน ข้อมูลครูผู้สอน ข้อมูลองค์กรเอกชน ที่สนับสนุนจัดการศึกษา ฯลฯ รวมทั้งเป็นสถานที่ฏิบัติงานของอาสาสมัครชาวต่างประเทศที่เข้ามาช่วยเหลือ จัดการศึกษาให้กับเด็กไม่มีสัญชาติไทย และยังเป็นสถานที่ฝึกอบรมครูผู้สอนของศูนย์การเรียน จึงมีบทบาท ส าคัญต่อการน ามาใช้วางแผนจัดการในเชิงนโยบายการจัดการศึกษาส าหรับเด็กที่ไม่มีสัญชาติไทยในจังหวัดตาก ต่อไป อีกทั้งรูปแบบการจัดตั้งศูนย์ประสานงานการจัดการศึกษาเด็กต่างด้าว ยังสามารถน ามาเป็นตัวอย่างในการ จัดตั้งศูนย์ส าหรับพื้นที่อื่นที่มีสภาพบริบทเดียวกันด้วย ในประเด็นการจัดการศึกษาอย่างมีส่วนร่วมระดับพื้นที่ การจัดการศึกษาส าหรับเด็กที่ไม่มีหลักฐาน ทางทะเบียนราษฎรหรือไม่มีสัญชาติไทยและบุตรหลานของแรงงานข้ามชาติในอ าเภอแม่สอด จังหวัดตาก เป็นตัวอย่างที่ดีของการมีส่วนร่วมในการจัดการศึกษาของหน่วยงานต่างๆ ซึ่งในระดับจังหวัดหากจะจัด การศึกษาส าหรับเด็กกลุ่มนี้ให้มีประสิทธิภาพควรจะต้องด าเนินการ โดยการมีส่วนร่วมมาจากหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาสังคม ชุมชน ประชาชน ทั้งในระดับพื้นที่ ระดับชาติและระดับนานาชาติ ซึ่งสอดคล้องกับ “แนวคิดปวงชนเพื่อการศึกษา” (All for Education) ที่ทุกภาคส่วนในสังคม หน่วยงานหรือองค์กรทุกระดับ มีส่วนส าคัญในการสร้างโอกาสทางการศึกษาให้เกิดขึ้นกับคนทุกคน ซึ่งด าเนินการภายใต้ความร่วมมือจาก ทุกภาคส่วนของสังคม จะสามารถดึงทรัพยากรทั้งหมดที่มีอยู่ ไม่ว่าจะเป็นบุคลากร องค์ความรู้ เงินทุน หรืออื่น ๆ มาช่วยสนับสนุนการจัดการศึกษาให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อผู้เรียน โดยเฉพาะภาคเอกชนและ ภาคประชาสังคม จะมีบทบาทส าคัญอย่างยิ่งในการลดความเหลื่อมล้ าทางการศึกษา นอกจากนี้ยังสอดคล้องกับ แนวคิดการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานของ นายแพทย์ประเวศ วะสี (2539) ที่กล่าวว่า สังคมทุกมวลควรเข้ามา มีส่วนร่วมในการศึกษา (All for Education) เพื่อเป้าหมายการสร้างสังคมแห่งการเรียนรู้(Learning Society) โดยที่การศึกษาไม่ใช่เรื่องของครูและโรงเรียนหรือกระทรวงเท่านั้น นอกจากนั้นยังพบว่า ความร่วมมือร่วมใจ ของกลุ่มบุคคลไม่มีสัญชาติไทยหรือกลุ่มแรงงานข้ามชาติในพื้นที่ มีการรวมกลุ่มในลักษณะของชุมชน (Community) ที่ส่งเสริมสนับสนุนซึ่งกันและกัน มีอัตลักษณ์ทางวัฒนธรรมร่วมกัน (Cultural Identity)


๘๘ ส่งผลให้ความร่วมมือของชุมชนที่มีต่อสถานศึกษาในพื้นที่ หรือใกล้เคียงด าเนินไปในแนวทางที่ดี อาทิ ร่วมจัดกิจกรรมกับโรงเรียน ร่วมอาสาเป็นล่ามแปลภาษา ร่วมสอนในบางรายวิชา รวมถึงร่วมสนับสนุนเงิน ค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ดังนั้น ชุมชนจึงเป็นปัจจัยหนึ่งที่มีส่วนส าคัญต่อคุณภาพการศึกษาของเด็กไม่มีสัญชาติไทย อย่างไรก็ตาม ปัญหาด้านทัศนคติเกี่ยวกับการจัดการศึกษาให้กับเด็กที่ไม่มีหลักฐานทางทะเบียน ราษฎรหรือไม่มีสัญชาติไทย และบุตรหลานของแรงงานข้ามชาติพบว่า ปัจจุบันผู้บริหาร ครู ผู้ปกครอง ได้ลดทอนทัศนคติเชิงลบต่อเด็กกลุ่มดังกล่าวซึ่งแตกต่างจากอดีต โดยพบว่า ผู้บริหาร ครูผู้สอน และผู้ปกครองมีทัศนคติที ่ดีต ่อเด็กไม ่มีสัญชาติไทย มีความเข้าใจในสภาพปัญหาและภูมิหลังของเด็ก ตลอดจนมีความรู้ความเข้าใจในบทบาทหน้าที่ของตนเองเป็นอย่างดีเห็นได้จาก ผู้บริหารโรงเรียนมีนโยบาย ชัดเจนในการรับเด็กไม่มีสัญชาติไทยเข้าเรียน และมีความพยายามช่วยเหลือเด็กและครอบครัว ตลอดจน ชุมชนที่เด็กอยู่อาศัย ให้ได้รับโอกาสด้านต่าง ๆ ข้อค้นพบดังกล่าวแตกต่างจากงานวิจัยของ ทวีสิทธิ์ ใจห้าว (2554), มหาวิทยาลัย มหิดลและสถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชีย (2557), ประยุทธ หลักค า (2559) และ อัสซูวรรณ เปาะหะ (2560) ที่พบว่า ผู้บริหาร ครู ผู้ปกครองและชุมชน มีทัศนคติเชิงลบต่อการจัดการศึกษา ให้กับเด็กกลุ่มดังกล่าว ทั้งนี้ ผลการศึกษาที่แตกต่างกันอาจเกิดจากกลุ่มตัวอย่าง ช่วงเวลาและสภาพบริบท ในการศึกษาที่แตกต่างกัน ๕.๓ ข้อเสนอแนะ 5.3.1 ข้อเสนอแนะส าหรับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง 1) หน่วยงานในพื้นที่ในสังกัดกระทรวงศึกษาธิการ ได้แก่ ส านักงานศึกษาธิการจังหวัดตาก ส านักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาตาก เขต ๑ และ เขต ๒ ส านักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต ๒๘ ส านักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย (กศน.) จังวัดตาก และ สถานศึกษา กศน.อ าเภอต่าง ๆ ในจังหวัดตาก ควรมีบทบาทหลักในการประสานงานภาครัฐ ภาคเอกชน ชุมชน เพื่อด าเนินการให้เป็นไปตามนโยบายและส่งเสริมความเข้าใจอันดีในระดับพื้นที่ 2) หน่วยงานที่จัดการศึกษาขั้นพื้นฐานในพื้นที่จังหวัดตาก อาทิ โรงเรียน สถานศึกษา กศน. องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กองบัญชาการต ารวจตระเวนชายแดน ร่วมกันออกแบบหลักสูตร รูปแบบ การจัดการเรียนการสอน ที่มีความเหมาะสมสอดคล้องกับกลุ่มผู้เรียนไม่มีสัญชาติไทย พัฒนาเป็นหลักสูตรกลาง ของจังหวัดเพื่อให้การจัดการเรียนการสอนเด็กมีมาตรฐานร่วมกัน โดยอาจร่วมกับวิทยาลัยการอาชีพหรือ ศูนย์ฝึกอาชีพในพื้นที่ ออกแบบและจัดท าหลักสูตรการฝึกทักษะอาชีพ เพื่อเป็นพื้นฐานส าหรับ การมีงานท าต่อไปโดยให้ความส าคัญกับการพัฒนาก าลังคนตามความต้องการของพื้นที่ ๓) หน่วยงานด้านการศึกษาในจังหวัดตาก ได้แก่ ส านักงานศึกษาธิการจังหวัดตาก ส านักงานเขตพื้นที่ การศึกษาประถมศึกษาตาก เขต ๑ และ เขต ๒ ส านักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต ๒๘ ส านักงาน ส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย (กศน.) จังวัดตาก และสถานศึกษา กศน. อ าเภอต่าง ๆ ในจังหวัดตาก ร่วมกับ หน่วยงานฝ่ายปกครอง หน่วยงานด้านสาธารณสุข หน่วยงานด้านความมั่นคง และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ควรบูรณาการการท างานร่วมกันในการร่วมลงพื้นที่ส ารวจข้อมูลเด็กที่ ไม่มีหลักฐานทะเบียนราษฎรหรือไม่มีสัญชาติไทย และบุตรหลานของแรงงานข้ามชาติในจังหวัดตาก และจัดเก็บข้อมูลเป็นระบบฐานข้อมูลกลาง ที่ทุกหน่วยงานในจังหวัดตากสามารถใช้ร่วมกัน เพื่อให้มีข้อมูล ที่ชัดเจน เชื่อถือได้สะดวกต่อการบริหารจัดการ สามารถน าไปใช้อ้างอิง และเป็นข้อมูลส าคัญให้ฝ่ายบริหาร น าไปใช้ก าหนดนโยบายต่อไป


๘๙ ๔) กระทรวงศึกษาธิการ เป็นหน่วยงานรับผิดชอบหลัก ในการแสวงหาความร่วมมือกับประเทศต้น ทางในประเด็นด้านต่าง ๆ อาทิร่วมกันจัดท าหลักสูตร Border Curriculum ของ ASEAN ซึ่งจะช่วยให้การจัด การศึกษาได้คุณภาพตรงตามมาตรฐานที่ร่วมกัน และสอดคล้องกับนโยบายประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน รวมถึงการเทียบโอนวุฒิการศึกษาของประเทศไทยกับสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาด้วย ๕) สถานศึกษาร่วมกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่ ก าหนดแนวทางการท างานร่วมกัน ในการด าเนินงานสนับสนุนส่งเสริมการศึกษาส าหรับเด็กไม่มีทะเบียนราษฎรหรือเด็กไม่มีสัญชาติไทย เช่น สนับสนุนให้โรงเรียนในพื้นที่ชุมชนจัดการฝึกอบรมให้ความรู้แก่เด็กและเยาวชนที่ไม่ได้อยู่ในระบบการศึกษา รวมถึงให้ความรู้แก่ประชาชนในชุมชน เพื่อให้มีทักษะชีวิตและมีอาชีพที่สามารถด ารงอยู่ในท้องถิ่นได้ อย่างมีความสุข ๖) หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในจังหวัดตาก สรรหาทุนการศึกษา เป็นกรณีพิเศษ ส าหรับเด็กที ่ไม ่มีหลักฐานทางทะเบียนราษฎรหรือไม ่มีสัญชาติไทย และบุตรหลานของ แรงงานข้ามชาติที่อาศัยอยู่ในจังหวัดตาก เพื่อเปิดโอกาสให้เด็กกลุ่มนี้เข้าถึงการศึกษาได้มากขึ้น 5.3.2 ข้อเสนอแนะเพื่อการวิจัยครั้งต่อไป ๑) ควรมีการศึกษาแนวทางการพัฒนารูปแบบการจัดการศึกษาที่เหมาะสมสอดคล้องกับบริบท ของเด็กที่ไม่มีหลักฐานทางทะเบียนราษฎรหรือไม่มีสัญชาติไทยและบุตรหลานของแรงงานข้ามชาติที่อาศัย อยู่ในจังหวัดอื่นๆ ต่อไป ๒) ควรมีการศึกษาเพิ่มเติม เรื่องหลักสูตรที่ใช้จัดการเรียนการสอนในศูนย์การเรียนเด็กข้ามชาติ โดยใช้ศูนย์การเรียนเด็กข้ามชาติที่ตั้งอยู่ในอ าเภอแม่สอดเพื่อเป็นกรณีศึกษา ส าหรับการพัฒนาหลักสูตร ท้องถิ่นที่เหมาะสมส าหรับการจัดการศึกษาส าหรับเด็กที่ไม่มีหลักฐานทางทะเบียนราษฎรหรือไม่มีสัญชาติไทย และบุตรหลานของแรงงานข้ามชาติต่อไป


บรรณานุกรม กลุ่มงานพัฒนาระบบควบคุมการท างานของคนต่างด้าว, ส านักบริหารแรงงานต่างด้าว. ๒๕๕๙). จ านวนคน ต่างด้าวที่ได้รับอนุญาตท างานคงเหลือทั่วราชอาณาจักร. กรุงเทพฯ: ส านักบริหารแรงงานต่างด้าว. กลุ่มเป้าหมายพิเศษ, ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย,ส านักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ. (2557). แนวทางการจัดการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน ส าหรับเด็กไม่มีสัญชาติ ไทยที่อยู่ในเกณฑ์การศึกษาภาคบังคับระดับประถมศึกษา ตามหลักสูตรการศึกษานอกระบบระดับ การศึกษาขั้นพื้นฐาน. กรุงเทพฯ: รังษีการพิมพ์. กลุ่มสารสนเทศ, ส านักนโยบายและแผนการศึกษาขั้นพื้นฐาน, ส านักงานคณะกรรมการการศึกษา ขั้นพื้นฐาน. (๒๕๕๙). สรุปสถิติข้อมูลทางการศึกษา ปีการศึกษา ๒๕๕๙. (เอกสารอัดส าเนา). กองยุทธศาสตร์และสารสนเทศที่อยู่อาศัย, ฝ่ายวิชาการพัฒนาที่อยู่อาศัย, การเคหะแห่งชาติ. (2560). ข้อมูลประชากร ๒๕๖๐. เข้าถึงจาก http://nhaintranet.08id.com/files/article/attachments/ 89d3b829ac098011f72b65957ca501c9.pdf คณะท างานจากองค์การช่วยเหลือเด็กและองค์การเวิลด์เอดูเคชั่น. เส้นทางสู่อนาคตที่ดีกว่าบทวิจารณ์เรื่อง การศึกษาส าหรับเด็กข้ามชาติในประเทศไทย. เข้าถึงจากhttps://resourcecentre.savethechildren.net/ sites/default/files/documents/policy_brief_in_thai_version-final.pdf. ทวีสิทธิ์ ใจห้าว. (2554). การจัดการศึกษาแก่ลูกแรงงานต่างชาติ: ภารกิจที่ท้าทาย. กรุงเทพฯ : ส านักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ. ไทยพีบีเอส. (2559, 10 พฤษภาคม). เครือข่ายองค์กรด้านประชากรข้ามชาติห่วงเด็กข้ามชาติ ไร้โอกาสทางการศึกษา ชี้มีแค่ 20% เข้าถึงการศึกษาตามระบบ. เข้าถึงจาก https://www.hfocus.org/content/2016/09/13906. ประยุทธ หลักค า. (2559). เด็กต่างด้าวกับโอกาสทางการศึกษาในประเทศไทย. วารสารครุศาสตร์, 44 (1): 234-242. ปูชิตา สังข์แก้ว และ พันธรักษ์ ผูกพันธุ์. (๒๕๖๑). สถานภาพและแนวทางการพัฒนานโยบาย การจัดการศึกษาปฐมวัยส าหรับเด็กกลุ่มชาติพันธุ์ กรณีศึกษาอ าเภอแม่สอด จังหวัดตาก. วารสารพัฒนาสังคม, ๒๐ (๑): ๓๓-๓๔. เปรมใจ วังศิริไพศาล. (๒๕๕7). รูปแบบและแนวทางการจัดการศึกษาส าหรับเด็กต่างด้าว กรณีศึกษาอ าเภอแม่ สอดจังหวัดตาก. กรุงเทพฯ: ห้างหุ้นส่วนจ ากัด ภาพพิมพ์. พระราชบัญญัติการทะเบียนราษฎร พ.ศ. ๒๕๓๔. (๒๕๓๔, ๒๒ พฤศจิกายน). ราชกิจจานุเบกษา. เล่ม ๑๐๘ ตอนที่ ๒๐๓ ฉบับพิเศษ หน้า ๙๗. พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๔๒. (๒๕๔๒, ๑๙ สิงหาคม). ราชกิจจานุเบกษา. เล่ม ๑๑๖ ตอนที่ ๗๔ ก. หน้า ๒. พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๔๒. (๒๕๔๒, ๑๙ สิงหาคม). ราชกิจจานุเบกษา. เล่ม ๑๑๖ ตอน ที่ ๗๔ ก. หน้า ๓.


๙๑ พระราชบัญญัติการท างานของคนต่างด้าว พ.ศ. ๒๕๕๑. (๒๕๕๑, ๒๒ กุมภาพันธ์). ราชกิจจานุเบกษา. เล่ม ๑๒๕ ตอนที่ ๓๗ ก. หน้า ๒๕. พระราชบัญญัติคุ้มครองเด็ก พ.ศ. 2546. (๒๕๔๖, ๒ ตุลาคม). ราชกิจจานุเบกษา. เล่ม ๑๒๐ ตอนที่ ๙๕ ก. หน้า ๒. พระราชบัญญัติส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย พ.ศ. 2551. (๒๕๕๑, ๓ มีนาคม). ราชกิจจานุเบกษา. เล่ม ๑๒๕ ตอนที่ ๔๑ ก. หน้า ๖. พระราชบัญญัติสัญชาติ พ.ศ. 2508. (๒๕๐๘, ๔ สิงหาคม). ราชกิจจานุเบกษา. เล่ม ๘๒ ตอนที่ ๖๒ ก. หน้า ๒. มหาวิทยาลัยมหิดลและสถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชีย. (๒๕๕๗). การศึกษาของบุตรหลานแรงงานข้ามชาติ ในประเทศไทย. กรุงเทพฯ : มหาวิทยาลัยมหิดล. รัตนา จักกะพาก. (2558). การพัฒนารูปแบบการจัดการศึกษาส าหรับบุตรแรงงานต่างด้าวในประเทศไทย. วิทยานิพนธ์ปรัชญาดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชาพัฒนศึกษา มหาวิทยาลัยศิลปากร. ราชบัณฑิตสถาน. (2546). พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542. กรุงเทพฯ: นานมีบุคส์. ลัดดาวัลย์ หลักแก้ว. (๒๕๕๘). สถานการณ์การเข้าถึงการศึกษาส าหรับเด็กข้ามชาติ: แนวโน้วและข้อท้าทาย. กรุงเทพฯ: บริษัท พริกหวานกราฟฟิค จ ากัด. ________ และคงชษิณ สุวิชา. (๒๕๕๙). การพัฒนาแนวทางและรูปแบบการจัดการศึกษาที่เหมาะสมส าหรับ ประชากรข้ามชาติ:รูปธรรมการพัฒนา. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์สมานเอสเคการพิมพ์. วิชัย ตันศิริ. (2549). อุดมการณทางการศึกษา ทฤษฎีและภาคปฏิบัติ.กรุงเทพ ฯ: จุฬาลงกรณมหาวิทยาลัย. วิทยากร เชียงกูล. (2542). รายงานสภาวะการศึกษาไทย ปี 2541 : วิกฤติและโอกาสในการปฏิรูป การศึกษาและสังคมไทย. กรุงเทพฯ: บริษัท พริกหวานกราฟฟิค จ ากัด. ศิรินาถ อุดมถิรพันธุ์. (2559). การศึกษากฎหมายเกี่ยวกับเด็กต่างด้าวที่ผู้บริหารสถานศึกษาควรรู้สู่การปฏิบัติ. วารสารอิเล็กทรอนิกส์ทางการศึกษา(OJED), 10(3), 56-69. ศรีรักษ์ ผลิพัฒน์. (2558).สิทธิในการศึกษา. กรุงเทพมหานคร: ส านักพิมพ์มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช. ศุภากร เมฆขยาย. (2559). การจัดการศึกษาส าหรับเด็กไร้สัญชาติ. วิทยานิพนธ์ปรัชญาดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชาการบริหารการศึกษา มหาวิทยาลัยศิลปากร. ส านักข่าวเอชโฟกัส. (2559, 13 กันยายน). หนุนเด็กข้ามชาติเข้าสู่ระบบการศึกษา. เข้าถึงจาก https://www.hfocus.org/content/2016/09/13906. ส านักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาตาก เขต ๒. (๒๕60). รูปแบบการจัดการศึกษาให้เด็กต่างด้าว. การประชุมโครงการศึกษาน าร่องการจัดการศึกษาส าหรับบุตรหลานแรงงานข้ามชาติ. ส านักงานเขต พื้นที่การศึกษาประถมศึกษาตาก เขต ๒. ส านักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน. (2549). แนวปฏิบัติงานการจัดการศึกษาของสถานศึกษานิติบุคคล ในสังกัดเขตพื้นที่การศึกษา ส านักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์ ส านักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ส านักงานคณะกรรมการการศึกษาแห่งชาติ. (2542). การศึกษาขั้นพื้นฐานของไทย. เข้าถึงจาก http://www.onec.go.th.


๙๒ ส านักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ. (๒๕๖๑). ฐานข้อมูลทะเบียนราษฎร. กรุงเทพมหานคร: ส านักงาน ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงศึกษาธิการ. ส านักงานเลขาธิการสภาการศึกษา. (2556). รายงานการติดตามการศึกษาเพื่อปวงชนระดับโลก. กรุงเทพฯ: บริษัท พริกหวานกราฟฟิค จ ากัด. _______. (25๖๐). รายงานโครงการศึกษาสภาพการจัดการศึกษาส าหรับเด็กด้อยโอกาสในประเทศไทย. กรุงเทพมหานคร: ส านักงานเลขาธิการสภาการศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ. ส านักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยจังหวัดตาก. (2560). การจัดการศึกษา ตามหลักสูตรการศึกษานอกระบบและการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 ส าหรับเด็กไม่มี สัญชาติไทย ระดับประถมศึกษา. การประชุมโครงการศึกษาน าร่องการจัดการศึกษาส าหรับบุตรหลาน แรงงานข้ามชาติ. ส านักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยจังหวัดตาก. สุวรรณี เข็มเจริญ. (2557). สิทธิในการศึกษาของคนไร้สัญชาติในประเทศไทย. วิทยานิพนธ์มหาบัณฑิต คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์. สมคิด บางโม. (2549). กฎหมายการศึกษา. กรุงเทพมหานคร : ส านักพิมพ์วิทยพัฒน์. หฤทัย บัวเขียว และ พลวิชญ์ ทรัพย์ศรีสัญจัย. (2560). สถานการณ์เด็กเคลื่อนย้ายในแม่สอด.กรุงเทพมหานคร. หยุด แสงอุทัย. (๒๕๓๕). ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับกฎหมายทั่วไป. กรุงเทพฯ: ส านักพิมพ์ประกายพรึก. อัสซูวรรณ เปาะหะ. (2560). ปัญหาการเข้าถึงสิทธิทางการศึกษาของคนไร้รัฐ ไร้สัญชาติ กรณีศึกษา: บ้านห้วยหยวกป่าโซ ต าบลแม่สลองใน อ าเภอแม่ฟ้าหลวง จังหวัดเชียงราย. ประกาศนียบัตรบัณฑิต สาขาวิชาบัณฑิตอาสาสมัคร มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์. องค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ. (2558). รายงานการติดตามผลทั่วโลก เรื่องการศึกษาเพื่อปวงชน ค.ศ.2000-2015. ปารีส : ยูเนสโก. องค์การเวิลด์ เอดูเคชั่น และองค์การช่วยเหลือเด็ก. (๒557). เสนทางสูอนาคตที่ดีกวา บทวิจารณเรื่อง การศึกษาส าหรับเด็กขามชาติในประเทศไทย. เข้าถึงจากhttps://resourcecentre.savethechildren.net/ node/9016/pdf/policy_brief_in_thai_version-final.pdf. Good, Carter V. (1973). Dictionary of Education. New York: McGraw-Hill Book.


ภาคผนวก


94 ภาคผนวก ประมวลภาพการลงพื้นที่ศึกษาภาคสนาม ณ อ าเภอแม่สอด จังหวัดตาก ครั้งที่ ๑ ระหว่างวันที่ 21 – 23 กุมภาพันธ์ 2561 ครั้งที่ 2 ระหว่างวันที่ 3 - 5 เมษายน 2561


95


96


97


98


99


100 ภาคผนวก ๑ ค าสั่งแต่งตั้งคณะท างานการศึกษาน าร่องการจัดการศึกษาส าหรับบุตรหลานแรงงานข้ามชาติในประเทศไทย


101


102 ภาคผนวก ๒ แบบค าถามสนทนากลุ่ม (Focus Group) การศึกษาสภาพการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานส าหรับเด็กที่ไม่มีหลักฐานทางทะเบียนราษฎร หรือไม่มีสัญชาติไทย และบุตรหลานของแรงงานข้ามชาติในจังหวัดตาก (๑) ข้อมูลพื้นฐาน ประวัติความเป็นมาของสถานศึกษา (๒) การด าเนินการจัดการศึกษาให้กับส าหรับเด็กที่ไม่มีหลักฐานทางทะเบียนราษฎรหรือไม่มีสัญชาติไทย และบุตรหลานของแรงงานข้ามชาติ o เกณฑ์การรับสมัครนักเรียน o หลักสูตรที่ใช้จัดการเรียนการสอน o รูปแบบ/วิธีการจัดการเรียนการสอน o กิจกรรมส่งเสริมพัฒนาผู้เรียน o สื่อ ทรัพยากรการศึกษาและอาคารสถานที่ o งบประมาณที่ใช้ด าเนินการจัดการศึกษา o การบริหารจัดการศึกษา o การวัดและประเมินผล (๓) การมีส่วนร่วมของผู้ปกครอง ชุมชน หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (๔) แนวโน้มสถานการณ์ของเด็กที่ไม่มีหลักฐานทางทะเบียนราษฎรหรือไม่มีสัญชาติไทย และบุตรหลาน ของแรงงานข้ามชาติ (๕) ปัญหาและอุปสรรคในการจัดการศึกษา (๖) ข้อเสนอแนะแนวทางแก้ไขปัญหาในการจัดการศึกษา ********************************


103 ภาคผนวก ๓ แบบสัมภาษณ์เชิงลึก ตัวอย่างประเด็นค าถามสัมภาษณ์เชิงลึก ผู้บริหารสถานศึกษา (๑) ท่านมีความคิดเห็นอย่างไรในการจัดการศึกษาส าหรับเด็กที่ไม่มีหลักฐาน ทางทะเบียนราษฎรหรือไม่มีสัญชาติไทย และบุตรหลานของแรงงานข้ามชาติ (๒) ท่านมีนโยบายหรือวิสัยทัศน์อย่างไรในการจัดการศึกษาส าหรับเด็กที่ไม่มีหลักฐาน ทางทะเบียนราษฎรหรือไม่มีสัญชาติไทย และบุตรหลานของแรงงานข้ามชาติ (๓) ท่านมีแนวทางการบริหารจัดการศึกษาส าหรับเด็กที่ไม่มีหลักฐานทางทะเบียนราษฎรหรือไม่มี สัญชาติไทย และบุตรหลานของแรงงานข้ามชาติอย่างไร (๔) โรงเรียนของท่านมีปัญหาและอุปสรรคในการจัดการศึกษาให้ส าหรับเด็กที่ไม่มีหลักฐาน ทางทะเบียนราษฎรหรือไม่มีสัญชาติไทย และบุตรหลานของแรงงานข้ามชาติหรือไม่ อย่างไร (๕) ท่านมีข้อเสนอแนะแนวทางแก้ไขปัญหาและอุปสรรคในการจัดการศึกษาส าหรับเด็กที่ไม่มี หลักฐานทางทะเบียนราษฎรหรือไม่มีสัญชาติไทย และบุตรหลานของแรงงานข้ามชาติอย่างไร ฯลฯ ครู (๑) ท่านมีวิธีการจัดการเรียนการสอนให้ส าหรับเด็กที่ไม่มีหลักฐานทางทะเบียนราษฎร หรือไม่มีสัญชาติไทย และบุตรหลานของแรงงานข้ามชาติอย่างไร (๒) ท่านมีปัญหาและอุปสรรคในการจัดการเรียนการสอนให้กับเด็กที่ไม่มีหลักฐานทางทะเบียนราษฎร หรือไม่มีสัญชาติไทย และบุตรหลานของแรงงานข้ามชาติ หรือไม่ อย่างไร (๓) ท่านมีข้อเสนอแนะแนวทางแก้ไขปัญหาในการจัดการศึกษาให้ส าหรับเด็กที่ไม่มีหลักฐาน ทางทะเบียนราษฎรหรือไม่มีสัญชาติไทย และบุตรหลานของแรงงานข้ามชาติอย่างไร ฯลฯ ผู้เรียน (๑) นักเรียนเข้ามาเรียนในสถานศึกษาได้อย่างไร (๒) นักเรียนมีปัญหาและอุปสรรคในการเรียนหรือไม่ อย่างไร (๓) นักเรียนอยากให้สถานศึกษาหรือหน่วยงานของรัฐ ด าเนินการอะไรเพิ่มเติมบ้าง (๔) นักเรียนวางแผนชีวิตไว้อย่างไร หลังจากที่เรียนจบการศึกษา ฯลฯ ผู้ปกครอง (๑) บุตรหลานของท่านเรียนอยู่ในระดับชั้นใด มีปัญหาในการเรียนหรือไม่ อย่างไร (๒) เมื่อบุตรหลานของท่านเรียนจบการศึกษาแล้ว ท่านจะให้เรียนต่อหรือไม่ หรือวางแผนไว้อย่างไร (๓) อะไรเป็นปัจจัยส าคัญที่ท าให้ท่านส่งบุตรหลานเข้ารับการศึกษา ฯลฯ


104 ภาคผนวก ๔ รายชื่อผู้เข้าร่วมการสนทนากลุ่ม (Focus Group) วันที่ 22 กุมภาพันธ์ ๒๕๖๑ กลุ่มที่ 1 1. นายวิจิตร นาควังไทร รองผู้อ านวยการส านักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาตาก เขต 2. นายธีรภาพ ธิติวัฒนะ เจ้าหน้าที่ศูนย์ประสานงานการจัดการศึกษาเด็กต่างด้าวสพป.ตาก เขต 2 3. นางศศิประภา อินริราย ผู้อ านวยการโรงเรียนแม่ตาวแพะ 4. นางสาวแพรจัน สังขจันทร์ ครูโรงเรียนแม่ตาวแพะ 5. นางรันจวย จารุเศรษฐี ครูโรงเรียนบ้านหัวฝาย 6. นางนิลุบล องค์การ ผอ.กศน. อ าเภอแม่สอด 7. นางสาวขวัญธีรา แสนแก้ว ครู กศน.อ าเภอแม่สอด 8. นางบุญพริ้ง สร้อยเศษ ครูศูนย์การเรียนรุ่งอรุณ 9. นาย มินหลุ่ย ผู้บริหารศูนย์การเรียนรู้ปารมี 10.Mu Mu ผู้ปกครองนักเรียนโรงเรียนแม่ตาวแพะ 11.นางคินมาโช ผู้ปกครองนักเรียนศูนย์การเรียนรุ่งอรุณ 12.เด็กหญิงแอปเปิ้ล นักเรียนโรงเรียนบ้านหัวฝาย กลุ่มที่ 2 1. นายพงศกรณ์ ทองค า ผู้อ านวยการกลุ่มส่งเสริมการจัดการศึกษา สพป.ตาก เขต 2 2. นายประกาศิต ค าภาณ ผู้อ านวยการโรงเรียนบ้านหัวฝาย 3. นางสาวรัตติกาล เสือสลอ ครูผู้ช่วยโรงเรียนแม่ตาวแพะ 4. นายวิเชษฐ์ ปัญญา ครูโรงเรียนบ้านหัวฝาย 5. นางสาววราภรณ์ ขัดสาย ครู กศน.อ าเภอแม่สอด 6. Hnin Aye Wai เจ้าหน้าที่ศูนย์การเรียนรุ่งอรุณ 7. Mon Mon Zaw Ko เจ้าหน้าที่ศูนย์การเรียนรู้ปารมี 8. นาง แง่ แง่ ผู้ปกครองนักเรียนโรงเรียนบ้านหัวฝาย 9. นางสาวจี่ ผู้กครองนักเรียนศูนย์การเรียนรู้ปารมี 10.เด็กหญิง มะขิ่นเล นักเรียนโรงเรียนแม่ตาวแพะ 11.เด็กชายนาวิน นักเรียนศูนย์การเรียนรุ่งอรุณ 12.Wa Yi Chit นักเรียนศูนย์การเรียนปารมี


105 วันที่ 4 เมษายน ๒๕๖๑ กลุ่มที่ 1 1. นายพงศกรณ์ ทองค า ผู้อ านวยการกลุ่มส่งเสริมการจัดการศึกษา สพป.ตาก เขต 2 2. นายกิชสณพนธ์ เฉลิมวิสุตม์กุล ผู้อ านวยการโรงเรียนบ้านท่าอาจ 3. นางพจนีย์ สิทธิกัน ครู คศ. 1 โรงเรียนบ้านท่าอาจ 4. นายสุรเดช จุปการะ ผู้จัดการโรงเรียนอิสลามศึกษา 5. พระครูอนุกูลวรการ ผู้รับใบอนุญาต โรงเรียนอนุกูลวิทยา (วัดดอนแก้ว) 6. นางเพรีส ซัล เจ้าหน้าที่ศูนย์การเรียน CDC 7. Hkanwon เจ้าหน้าที่ศูนย์การเรียนซันเซท 8. Tin Tin Myo ผู้ปกครองนักเรียนโรงเรียนบ้านท่าอาจ 9. San San Cho ผู้ปกครองนักเรียนศูนย์การเรียน CDC 10.Aye Aye Thin ผู้ปกครองนักเรียนศูนย์การเรียนซันเซท 11.เด็กหญิงหมวยเล็ก นักเรียนโรงเรียนบ้านท่าอาจ 12.Mr. Wai lu นักเรียนศูนย์การเรียน CDC กลุ่มที่ 2 1. นายธีรภาพ ธิติวัฒนะ เจ้าหน้าที่ศูนย์ประสานงานการจัดการศึกษาเด็กต่างด้าว สพป.ตาก เขต 2 2. นางสุนีย์ มะโนวงศ์ ครู คศ. 2 โรงเรียนบ้านท่าอาจ 3. นายอรุณ สาลี ผู้อ านวยการโรงเรียนอิสลามศึกษา 4. นางขวัญเรือน สุวรรณจันทร์ ผู้อ านวยการโรงเรียนโรงเรียนอนุกูลวิทยา (วัดดอนแก้ว) 5. Mr. Zaw Min Tun Head Teacher ศูนย์การเรียน CDC 6. Grace Nu Nu เจ้าหน้าที่ศูนย์การเรียนซันเซท 7. นายตีห้าซอ ผู้ปกครองนักเรียนโรงเรียนบ้านท่าอาจ 8. Kyi Htwe ผู้ปกครองนักเรียนศูนย์การเรียน CDC 9. Aye Aye Thin ผู้ปกครองนักเรียนศูนย์การเรียนซันเซท 10.นายอ่องตาโม นักเรียนโรงเรียนบ้านท่าอาจ 11.เด็กหญิงอีอีมู นักเรียนศูนย์การเรียน CDC 12.Kaung Htet Naing นักเรียนศูนย์การเรียนซันเซท


106 ภาคผนวก 5 รายชื่อผู้ให้สัมภาษณ์เชิงลึก (In-depth Interview) วันที่ 22 กุมภาพันธ์ ๒๕๖๑ ๑) นายพงศกรณ์ ทองค า ผู้อ านวยการกลุ่มส่งเสริมการจัดการศึกษาสพป.ตาก เขต 2 ๒) นางศศิประภา อินริราย ผู้อ านวยการโรงเรียนแม่ตาวแพะ ๓) นางรัญจวน จารุเศรษฐี ครูโรงเรียนบ้านหัวฝาย ๔) น.ส.วราภรณ์ ขัดสาย ครู กศน.อ าเภอแม่สอด ๕) Mon Mon Zaw Ko เจ้าหน้าที่ศูนย์การเรียนรู้ปารมี ๖) นางบุญพริ้ง สร้อยเศษ เจ้าหน้าที่ศูนย์การเรียนรุ่งอรุณ ๗) Mu Mu ผู้ปกครองนักเรียนโรงเรียนแม่ตาวแพะ ๘) นาง แง่ แง่ ผู้ปกครองนักเรียนโรงเรียนบ้านหัวฝาย ๙) นางจี่ ผู้ปกครองนักเรียนศูนย์การเรียนรู้ปารมี ๑๐) นางคินมาโช ผู้ปกครองนักเรียนศูนย์การเรียนรุ่งอรุณ ๑๑) เด็กหญิง มะขิ่นเล นักเรียนโรงเรียนแม่ตาวแพะ ๑๒) เด็กหญิงแอปเปิ้ล นักเรียนโรงเรียนบ้านหัวฝาย ๑๓) นางสาวมาติกา นักเรียน กศน. ๑๔) Wa Yi Chit นักเรียนศูนย์การเรียนรู้ปารมี ๑๕) เด็กชายนาวิน นักเรียนศูนย์การเรียนรุ่งอรุณ วันที่ 4 เมษายน ๒๕๖๑ ๑) นายกิชสณพนธ์ เฉลิมวิสุตม์กุล ผู้อ านวยการโรงเรียนบ้านท่าอาจ ๒) นายอรุณ สาลี ผู้อ านวยการโรงเรียนอิสลามศึกษา ๓) นางขวัญเรือน สุวรรณจันทร์ ผ.อ โรงเรียนอนุกูลวิทยา (วัดดอนแก้ว) ๔) Mr. Zaw Min Tun Head Teacherศูนย์การเรียน CDC ๕) Grace Nu Nu เจ้าหน้าที่ศูนย์การเรียนซันเซท ๖) นายตีห้าซอ ผู้ปกครองนักเรียนโรงเรียนบ้านท่าอาจ ๗) นายมิกกี้ ผู้ปกครองนักเรียนโรงเรียนอิสลามศึกษา ๘) นางมักทวย ผู้ปกครองโรงเรียนอนุกูลวิทยา (วัดดอนแก้ว) ๙) Kyi Htwe ผู้ปกครองศูนย์การเรียน CDC ๑๐) Aye Aye Thin ผู้ปกครองศูนย์การเรียนซันเซท ๑๑) เด็กหญิงหมวยเล็ก นักเรียนโรงเรียนบ้านท่าอาจ ๑๒) นางสาวมะเหมี่ยว นักเรียนโรงเรียนอิสลามศึกษา ๑๓) เด็กหญิงเม ติ อู นักเรียนโรงเรียนอนุกูลวิทยา (วัดดอนแก้ว) ๑๔) เด็กหญิงอีอีมู นักเรียนศูนย์การเรียน CDC ๑๕) Kaung Htet Naing นักเรียนศูนย์การเรียนซันเซท


107 ภาคผนวก 6 รายชื่อผู้เข้าร่วมประชุมหารือแนวทางการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานส าหรับ เด็กที่ไม่มีหลักฐานทางทะเบียนราษฎรหรือไม่มีสัญชาติไทยและบุตรหลานของแรงงานข้ามชาติในจังหวัดตาก วันที่ 16 พฤษภาคม ๒๕๖๑ ณ ห้องประชุมกลาง ชั้น 5 อาคาร 2 ส านักงานเลขาธิการสภาการศึกษา 1. นางเกี้อกูล ชั่งใจ ผู้อ านวยการส านักมาตรฐานการศึกษาและพัฒนาการเรียนรู้ 2. นายสุริยัน มีจันทร์ ผู้แทนศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย กลุ่มเป้าหมายพิเศษ กศน. 3. นางฐิตาพร จินตะเกษกรณ์ ครู คศ. 3 ส านักงาน กศน. 4. นายเอกลักษณ์ ทิมทอง รักษาการผู้อ านวยการกลุ่มสารสนเทศ ส านักนโยบาย และแผนการศึกษาขั้นพื้นฐาน สพฐ. 5. นางสาวรุ่งนภา จิตรโรจนรักษ์ ผู้อ านวยการกลุ่มพัฒนานโยบายด้านการเพิ่มโอกาสการเรียนรู้ ตลอดชีวิต ส านักงานเลขาธิการสภาการศึกษา 6. นางสาวปิยะมาศ เมิดไธสง นักวิชาการศึกษาช านาญการส านักงานเลขาธิการสภาการศึกษา 7. นางสาววรากร สายแก้ว นักวิชาการศึกษาปฏิบัติการส านักงานเลขาธิการสภาการศึกษา 8. นางสาวนริศรา ใจคง นักวิชาการศึกษาปฏิบัติการ ส านักงานเลขาธิการสภาการศึกษา 9. นายเอกพล ดวงศรี นักวิชาการศึกษาปฏิบัติการ ส านักงานเลขาธิการสภาการศึกษา


Click to View FlipBook Version