แนวทางการใหค้ วามคุ้มครองและชว่ ยเหลอื นกั เรยี นนักศกึ ษา
ซ่ึงถูกละเมดิ กระทรวงศกึ ษาธกิ าร
1
คานา
กระทรวงศึกษาธิการ ได้จัดต้ัง ศูนย์คุ้มครองและช่วยเหลือนักเรียนนักศึกษาซึ่งถูกละเมิด (ศคม.)
กระทรวงศึกษาธิการ เพ่ือเปน็ หนว่ ยงานกลางของกระทรวงศึกษาธิการ มีวตั ถปุ ระสงค์เพ่ือป้องกนั ปราบปราม
คุ้มครองและช่วยเหลือนักเรียนนักศึกษาในสังกัด หรือในกากับกระทรวงศึกษาธิการ โดยมุ่งที่จะปฏิบัติงาน
ปอ้ งกันและแกไ้ ขปญั หานกั เรียนนกั ศึกษาซ่ึงถูกละเมดิ ตามกระบวนการขน้ั ตอนและมาตรการที่กาหนด
เพ่ือให้การนาคู่มือแนวทางการให้ความคุ้มครองและช่วยเหลือนักเรียนนักศึกษาซึ่งถูกละเมิด
กระทรวงศึกษาธิการ ไปใช้ได้อย่างถูกต้องและมีประสิทธิภาพ กระทรวงศึกษาธิการ โดยศูนย์คุ้มครองและ
ช่วยเหลือนักเรียนนักศึกษาซึ่งถูกละเมิด (ศคม.) กระทรวงศึกษาธิการ จึงได้จัดทาคู่มือเล่มนี้ขึ้น เพื่อให้
ผู้เก่ียวข้องทุกหน่วยงานในสังกัดหรือในกากับกระทรวงศึกษาธิการและภาคีเครือข่าย ท้ังภาครัฐและเอกชน
ใช้เป็นแนวทางในการขับเคล่ือนสู่การปฏิบัติท่ีมผี ลให้นกั เรียนนักศึกษาไดร้ ับการคุ้มครอง ดูแล ช่วยเหลือ และ
เยียวยาอย่างเหมาะสมตามสถานการณ์
หวังเป็นอย่างย่ิงว่า คู่มือแนวทางการให้ความคุ้มครองและช่วยเหลือนักเรียนนักศึกษาซึ่งถูกละเมิด
กระทรวงศึกษาธิการ จะเป็นประโยชน์ต่อผู้ปฏิบัติงานและผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่าย ขอขอบคุณคณะทางานทุกท่าน
ซึ่งเป็นผู้ทรงคุณวุฒิ ในการตรวจสอบ ให้ข้อคิดเห็น พิจารณาคู่มือนี้ให้สมบูรณ์ อันจะเป็นประโยชน์ตาม
เจตนารมณ์ของกระทรวงศึกษาธกิ าร ต่อไป
2
สารบญั คมู่ ือ หนา้
6
1.ที่มา 10
2. วิสัยทัศน์ 10
3. พนั ธกิจ 10
4. วตั ถุประสงค์ 10
5. คานยิ ามศพั ท์ 13
6. การบรหิ ารจัดการเพ่ือใหค้ วามคมุ้ ครองและช่วยเหลือนักเรยี นนักศกึ ษาซึง่ ถูกละเมิด 13
14
6.1 กระทรวงศึกษาธิการ
6.2 ศูนยค์ ุม้ ครองและชว่ ยเหลอื นกั เรียนนกั ศึกษาซึง่ ถกู ละเมิด (ศคม.) 15
7.กลไกการดาเนินงาน 18
ระดบั ส่วนกลาง 20
ระดบั จังหวดั 21
ระดับสถานศึกษา
8. มาตรการคุ้มครองและช่วยเหลอื เด็กนักเรียนนกั ศึกษาซ่ึงถูกละเมิดหรือถูกกระทาความรนุ แรงในทุกรปู แบบ 22
8.1 มาตรการป้องกนั เฝา้ ระวัง 22
8.2 มาตรการปราบปราม 22
8.3 มาตรการการช่วยเหลอื คุ้มครอง 29
9.แนวทางการดาเนนิ งาน
9.1 แนวทางการดาเนนิ งานตามมาตรการปอ้ งกนั เฝา้ ระวัง 32
33
9.1.1 แนวทางการดาเนนิ งานของหน่วยงานในสงั กดั กระทรวงศกึ ษา 33
9.1.2 แนวทางการประสานงานหน่วยงานภายนอก 39
-กระทรวงพฒั นาสังคมและความมน่ั คงของมนุษย์ 39
-กรมการปกครอง
-หนว่ ยงานในสังกัดกระทรวงสาธารณสุข 40
-หนว่ ยงานในสังกดั สานกั งานตารวจแห่งชาติ 41
-องค์กรพฒั นาเอกชน/ภาคประชาชน 41
9.1.3 ผงั การดาเนินงานตามมาตรการป้องกันและเฝ้าระวัง 46
9.2 แนวทางการดาเนินงานตามมาตรการปราบปราม
9.2.1 แนวทางการดาเนินงานของหนว่ ยงานในสงั กดั กระทรวงศกึ ษา
9.2.2 แนวทางการประสานงานหน่วยงานภายนอก
9.2.3 แนวทางการดาเนนิ งานร่วมกบั นกั เรียน นกั ศึกษาและครอบครัว
9.2.4 ผงั การดาเนนิ งานตามมาตรการปราบปราม
9.3 แนวทางการดาเนนิ งานตามมาตรการชว่ ยเหลอื คุ้มครอง
9.3.1 แนวทางการดาเนินงานของหนว่ ยงานในสงั กัดกระทรวงศกึ ษา
9.3.2 แนวทางการประสานงานหนว่ ยงานภายนอกเพื่อช่วยเหลอื คุ้มครอง
-หนว่ ยงานทางการแพทย์
-หนว่ ยงานในสงั กดั กระทรวงพัฒนาสังคมและความมนั่ คงของมนุษย์
3
-สานักงานอยั การ
-สานักงานยตุ ธิ รรมจังหวัด
-ฝา่ ยปกครอง
-องค์กรพฒั นาเอกชน และภาคประชาสงั คม
9.3.3 แนวทางการดาเนนิ งานรว่ มกบั นกั เรียน นกั ศึกษาและครอบครวั 52
9.3.4 ผงั การดาเนนิ งานตามมาตรการชว่ ยเหลือคุ้มครอง 53
10. การติดตามและรายงานผลการดาเนนิ การ 56
10.1 การติดตามผลการดาเนินงาน
10.1.1 ระดบั สถานศึกษา
10.1.2 ระดับเขตพ้นื ที่การศึกษา/หนว่ ยงานตน้ สงั กดั
10.2 การรายงานผลการดาเนินงาน
10.2.1 การรายงานรับแจ้งเหตุรายกรณี
10.2.2 การรายงานผลการดาเนินงานรายกรณี
10.2.3 การรายงานผลการดาเนนิ งานรายปี
11. เครอื่ งมอื ดาเนนิ งาน 57
11.2 การกาหนดรหสั เคส
11.3 แบบฟอร์มรบั แจ้งเหตุ หรอื แบบ ศคม. 01
11.4 แบบฟอร์มรายงานผลการดาเนินงานรายกรณี หรอื แบบ ศคม. 02
11.5 แบบฟอร์มรายงานผลการดาเนนิ งานรายปี หรือแบบ ศคม. 03
12. ภาคผนวก 64
12.1 คาสัง่ ของ ศคพ. และหนงั สือท่ีเกยี่ วข้อง
- เรื่อง จัดต้ังศูนยค์ ุ้มครองและช่วยเหลือนกั เรียนนกั ศึกษาซึ่งถกู ล่วงละเมิดทางเพศ กระทรวงศึกษาธกิ าร
- เร่อื ง แต่งตัง้ คณะปฏิบัติงานศูนยค์ มุ้ ครองและชว่ ยเหลอื นักเรยี นนักศึกษาซึ่งถูกล่วงละเมดิ ทางเพศ กระทรวงศกึ ษาธิการ
- เร่ือง แต่งตั้งท่ีปรึกษาและคณะทางานเพ่ือช่วยเหลือการปฏิบัติงานคุ้มครองและช่วยเหลือนักเรียนนักศึกษา
ซึ่งถกู ลว่ งละเมิดทางเพศ กระทรวงศกึ ษาธกิ าร (เพิ่มเตมิ )
- เรอ่ื ง แตง่ ตงั้ คณะทางานกาหนดมาตรการการปฏิบตั งิ านการปอ้ งกันและแก้ไขปัญหานักเรยี นนกั ศกึ ษาซ่งึ ถูกล่วง
ละเมิดทางเพศ
- เรอ่ื ง แต่งตง้ั ขา้ ราชการปฏิบัตหิ น้าที่ให้สมั ภาษณข์ อ้ มูลข่าวสารแกส่ ่อื มวลชน กรณีนกั เรยี นนกั ศึกษาซง่ึ ถกู ลว่ ง
ละเมิดทางเพศ ในนามศนู ยค์ มุ้ ครองและช่วยเหลอื นักเรียนนกั ศึกษาซ่ึงถกู ล่วงละเมิดทางเพศกระทรวงศึกษาธกิ าร
- หนังสือสานักงาน ก.พ. ท่ี นร 1013.7/36 ลงวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2548 เร่ืองการสนับสนุนการดาเนินการตามาตรการ
ปอ้ งกนั และปราบปรามการทุจริตประพฤตมิ ิชอบเพื่อความสาเร็จตามตวั ชว้ี ัดคารับรองการปฏิบัติราชการ
- หนังสือกระทรวงศกึ ษาธกิ ารที่ ศธ 02146/18 ลงวันท่ี 12 พฤษภาคม 2563 เรียน ผู้บัญชาการตารวจแหง่ ชาติ เรื่องขอ
ความอนเุ คราะหใ์ นกรณีนักเรียนนกั ศกึ ษาถกู ลว่ งละเมดิ ทางเพศ
12.2 การดาเนนิ การประชุมคณะทางาน
- การประชุมคณะทางานกาหนดมาตการการปฏบิ ตั ิงานป้องกันและแกไ้ ขปัญหานักเรียนนักศกึ ษาท่ถี ูกลว่ งละเมิดทางเพศ
- การประชุมกลุ่มยอ่ ย : รว่ มวิเคราะห์ข้อมูลระหว่างคณะทางาน ศคพ. กบั ทีมยูนิเซฟ และกรมกจิ การเด็กและเยาวชน
กระทรวงพฒั นาสังคมและความมนั่ คงของมนุษย์
- การประชมุ คณะทางานกาหนดมาตการการปฏบิ ัติงานป้องกนั และแกไ้ ขปัญหานกั เรียนนกั ศึกษาทีถ่ ูกล่วงละเมดิ ทางเพศ
- การประชมุ เชงิ ปฏบิ ตั ิการบรรณาธิการกิจมาตรการ การปฏบิ ตั กิ ารป้องกันและแก้ไขปญั หานักเรยี น นักศกึ ษา
4
ซ่งึ ถูกลว่ งละเมดิ ทางเพศ
- การประชาพจิ ารณก์ ารศกึ ษา คูม่ ือแนวทางการใหค้ วามคมุ้ ครองและช่วยเหลอื นกั เรียนนกั ศึกษาซงึ่ ถกู ละเมดิ
กระทรวงศกึ ษาธิการ
1) เขตพนื้ ทกี่ ารศึกษามธั ยมศกึ ษา เขต 20 จ.อดุ รธานี
2) เขตพน้ื ทก่ี ารศึกษาประถมศกึ ษา พทั ลงุ เขต 1
- การประชมุ ปฏบิ ัติการบรรณาธิการกิจ คูม่ อื แนวทางการให้ความคุ้มครองและชว่ ยเหลอื นกั เรยี นนกั ศึกษาซ่งึ ถูกละเมิด
กระทรวงศกึ ษาธกิ าร
- การประชุมกลมุ่ ย่อย : ทมี งาน ศคม. รว่ มกับผแู้ ทนองคก์ รยนู ิเซฟรว่ มกนั เพ่ิมเตมิ เนื้อหาเล่มคู่มอื แนวทางการให้ความ
คมุ้ ครองและช่วยเหลือนกั เรยี นนกั ศึกษาซงึ่ ถูกละเมดิ กระทรวงศึกษาธกิ าร
- การประชุมกลมุ่ ย่อย : สรุปผลการดาเนินงาน เพมิ่ เตมิ เนือ้ หาเล่มคู่มือแนวทางการให้ความคุม้ ครองและช่วยเหลือ
นกั เรยี นนักศึกษาซึง่ ถกู ละเมดิ กระทรวงศึกษาธกิ าร
- การประชมุ เชิงปฏิบตั กิ ารวิพากษ์คู่มอื แนวทางการใหค้ วามคุม้ ครองและชว่ ยเหลอื นกั เรียนนกั ศกึ ษาซง่ึ ถกู ละเมดิ
กระทรวงศึกษาธิการ
5
1. ทีม่ า
รัฐบาลมียุทธศาสตร์สาคัญในการยกระดับศักยภาพของประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง “การพัฒนาและ
เสริมศักยภาพทรัพยากรมนุษย์” ท่ีเป็น 1 ในยุทธศาสตร์ชาติท่ีสาคัญ ท่ีมีเป้าหมายในการพัฒนาคนในทุกมิติ
และทุกช่วงวัยให้เป็นคนดี คนเก่ง และมีคุณภาพ โดยเน้นการแก้ไขปัญหาการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ใน
ปัจจุบันและการเสริมสร้างและยกระดับการพัฒนา ที่ให้ความสาคัญที่ครอบคลุมทั้งการพัฒนาทุนมนุษย์ และ
ปจั จัยและสภาพแวดลอ้ มท่ีเก่ียวขอ้ งเพ่อื สรา้ งระบบนเิ วศทเ่ี อื้อต่อการพฒั นาทรัพยากรมนุษย์อย่างครอบคลุม
การพัฒนาทรัพยากรบุคคลในช่วยวัยเรียน/วัยรุ่น ยุทธศาสตร์ชาติได้เน้นการปลูกฝังความเป็นคนดี
มวี นิ ยั พัฒนาทักษะความสามารถ การเรียนร้ทู ี่สอดรบั กบั ทักษะในศตวรรษท่ี 21 โดยเฉพาะทักษะด้านการคิด
วิเคราะห์ สังเคราะห์ ความสามารถในการแก้ปัญหาที่ซับซ้อน มีภูมิคุ้มกันต่อปัญหาหรือาชญากรรมต่างๆ
รวมถึงได้รับการพัฒนาเต็มตามศักยภาพสอดคล้องกับความสามารถ ความถนัด และความสนใจ นอกจากนี้
ยุทธศาสตร์ชาติยังได้กล่าวถึงการป้องกันและควบคุมปัจจัยเส่ียงที่คุกคามสุขภาวะ1ของคนไทย การสร้าง
สภาพแวดล้อมท่ีเอื้อต่อการมีสุขภาวะที่ดี รวมถึงการสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการพัฒนาและเสริมสร้าง
ศกั ยภาพทรพั ยากรมนษุ ย์
กระทรวงศึกษาธิการ ได้จัดทาแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ โดยมียุทธศาสตร์พัฒนาหลักสูตร
กระบวนการจัดการเรียนรู้ การวัดและประเมินผลที่มีเป้าหมายเพ่ือให้ยกระดับคุณภาพของการจัดการ
การศึกษา ผู้เรียนมีคุณลักษณะตามมาตรฐานการศึกษาของชาติ มีผลสัมฤทธิ์การเรียนรู้ท่ีสูงข้ึน มีทักษะการ
เรียนรู้ท่ีครอบคลุมท้ังด้านวิชาการ วิชาชีพ วิชาชีวิต สอดคล้องกับทักษะที่จาเป็นในศตวรรษท่ี 21 และทักษะ
ในด้านพหปุ ญั ญา โดยผลลัพธท์ พ่ี งึ ประสงค์ของการศึกษาท่ตี อบสนองวิสยั ทัศน์การพฒั นาประเทศสู่ความมั่นคง
มัง่ คง่ั และยง่ั ยืน ต้องธารงความเปน็ ไทยและแข่งขนั ได้ในเวทีโลก และมีคณุ ลกั ษณะ
1. ผู้เรียนรู้ เป็นผู้มีความเพียร ใฝ่เรียนรู้ และมีทักษะการเรียนรู้ตลอดชวี ิต เพื่อก้าวทันยุคดจิ ทิ ัล
และโลกในอนาคต และมีสมรรถนะท่ีเกิดจากความรู้ ความรอบรู้ต่างๆ มีสุนทรียะ รักษ์และ
ประยุกต์ใช้ภูมิปัญญาไทย มีทักษะชีวิตเพ่ือสร้างงานหรือสัมมาอาชีพบนพ้ืนฐานความ
พอเพยี ง มีความม่ันคงในชีวิตและคุณภาพชวี ิตท่ีดี ตอ่ ตนเอง ครอบครัว และสังคม
2. ผู้ร่วมสร้างนวัตกรรม เป็นผู้มีทักษะทางปัญญา ทักษะศตวรรษท่ี 21 ความฉลาดทางดิจิทัล
ทักษะการคิดสร้างสรรค์ ทักษะข้ามวัฒนธรรม สมรรถนะในการบูรณาการข้ามศาสตร์ และมี
คุณลักษณะผู้ประกอบการเพ่ือร่วมสร้างสรรค์และพัฒนานวัตกรรมทางเทคโนโลยีหรือสังคม
เพมิ่ โอกาสและมูลคา่ ใหต้ นเองและสังคม
3. พลเมืองท่ีเข้มแข็ง เป็นผู้มีความรักชาติ มีจิตสานึกความเป็นพลเมืองไทยและพลเมืองโลก
มีจิตอาสา มีอุดมการณ์และมีส่วนร่วมในการพัฒนาชาติบนหลักการประชาธิปไตย
ความยตุ ธิ รรม ความเทา่ เทียม เสมอภาค เพอ่ื การจัดการทรัพยากรธรรมชาตแิ ละสิ่งแวดล้อม
ท่ยี ั่งยนื และการอย่รู ่วมกันในสังคมไทยและประชาคมโลกอย่างสนั ติ
ภายใต้แผนแม่บทดังกล่าว ประกอบด้วยแผนการปฏิรูปประเทศด้านการศึกษา ท่ีคณะรัฐมนตรีมีมติ
เหน็ ชอบในหลกั การเมอ่ื วนั ท่ี 7 พฤษภาคม 2562 โดยมีวตั ถุประสงคก์ ารปฎริ ปู การศกึ ษาท่สี าคัญประการหนึ่ง
คอื การยกระดบั คณุ ภาพของการจัดการศึกษา ทคี่ รอบคลมุ ผลลัพธ์ทางการศึกษาและการเรียนร้ทู ้ังดา้ นความรู้
1 พระราชบญั ญตั ิสขุ ภาพแห่งชาติ พ.ศ. 2550 ให้ความหมาย สุขภาพ หรอื สขุ ภาวะ หมายถงึ ภาวะของมนุษยท์ ีส่ มบรู ณ์ท้ังทางกาย ทางจิต
ทางปญั ญา และทางสงั คม เช่อื มโยงกนั เป็นองค์รวมอย่างสมดุล
6
ทักษะ เจตคติท่ีถูกต้องและรู้จักดูแลสุขภาพ ครู อาจารย์และบุคลากรทางการศึกษามีความรู้ ความเชี่ยวชาญ
และจิตวิญญานของความเป็นครู หลักสูตรและกระบวนการจัดการศึกษาและการเรียนรู้ยืดหยุ่น หลากหลาย
ถูกต้อง ทันสมัย ทันเวลาและมุ่งเน้นสร้างเสริมคุณธรรม จริยธรรมและค่านิยมทางสังคมท่ีถูกต้อง รวมถึง
สถานศึกษาและระบบสนับสนุนต้องตอบสนองต่อความต้องการจัดการศึกษา ทังนี้ มีแผนงานเพื่อการปฏิรูป
การศึกษาจานวน 7 แผนงาน ท่ีประกอบด้วยประเด็นปฏิรูปภายใต้แผนงานฯ เพื่อการบรรลุวัตถุประสงค์ของ
การปฏริ ูปประเทศดา้ นการศกึ ษา ดังนี้
1. แผนงานการปฏิรูประบบการศึกษาและการเรียนรู้โดยรวมของประเทศ โดยใช้พระราชบัญญัติ
การศกึ ษาแหง่ ชาติฉบับใหม่และกฎหมายลาดับรอง
2. แผนงานการปฏริ ูปการพัฒนาเด็กเลก็ และเด็กกอ่ นวัยเรยี น
3. แผนงานการปฏริ ปู เพอ่ื ลดความเหล่ือมลา้ ทางการศกึ ษา
4. แผนงานการปฏริ ูปกลไกและระบบการผลิต คดั กรองและพัฒนาผปู้ ระกอบวิชาชพี ครแู ละอาจารย์
5. แผนงานการปฏิรูปการจัดการเรยี นการสอนเพือ่ ตอบสนองการเปลยี่ นแปลงในศตวรรษท่ี 21
6. แผนงานการปรับโครงสร้างของหน่วยงานในระบบการศึกษา เพื่อบรรลุเป้าหมายในการปรับปรุง
การจัดการเรียนการสอน และยกระดับคุณภาพของการจัดการศึกษา
7. แผนงานการปฏริ ูปการศึกษาและการเรียนร้โู ดยการพลิกโฉมดว้ ยระบบดจิ ิทัล
จากยุทธศาสตร์ชาติด้านการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ สู่แผนแม่บทกระทรวงศึกษาธิการ จะเห็นได้ว่า
การพัฒนาผู้เรียนให้มีทักษะชีวิต ทักษะการคิดวิเคราะห์ สังเคราะห์ ความสามารถในการแก้ปัญหาท่ีซับซ้อน
มีเจตคติและค่านิยมทางสังคมท่ีถูกต้อง มีภูมิคุ้มกันต่อปัญหาหรืออาชญากรรมต่างๆ เป็นคุณสมบัติสาคัญของ
การเป็นพลเมืองที่เข้มแข็งในศตวรรษที่ 21 ท้ังนี้ ครู อาจารย์ หรือบุคลากรทางการศึกษามีความรู้ ความ
เชี่ยวชาญ และจิตวิญญานของความเป็นครู ผนวกกับหลักสูตรและกระบวนการจัดการศึกษาและการเรียนรู้
เป็นปจั จัยสาคญั ท่ีมผี ลตอ่ ผลลัพธ์ทางการศึกษา
การจัดการศึกษาท่ีตอบสนองต่อการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ในศตวรรษที่ 21 ให้ความสาคัญกับการ
พัฒนาทักษะชีวิต กระบวนการคิด ค่านิยม และการสร้างภูมิคุ้มกันใหก้ ับเด็ก ทั้งในเชิงกายภาพและทางดจิ ิทัล
โดยสังเกตได้จากแผนปฏิรูปประเทศด้านการศึกษาในแผนงานที่ 5 ว่าด้วยการจัดการเรียนการสอนเพ่ือ
ตอบสนองการเปล่ียนแปลงในศตวรรษท่ี 21 ได้ระบุถึงการพัฒนาคณุ ภาพการศึกษา ระบบความปลอดภัยและ
ระบบสวัสดิภาพของผู้เรียน การจัดการศึกษาเพื่อเสริมสร้างคุณธรรมและจริยธรรม และแผนงานท่ี 7 ว่าด้วย
การปฏิรูปการเรียนรู้ด้วยดิจิทัลผ่านแพลตฟอร์มการเรียนรดู้ ้วยดิจิทัลแห่งชาติ ได้ระบุถึง การพัฒนาความเปน็
พลเมืองดิจิทัล ในดา้ นความฉลาดรู้ดจิ ทิ ลั ความฉลาดรสู้ ารสนเทศ ความฉลาดรสู้ ือ่ เพอื่ การเรียนรู้ วธิ ีการเรียนรู้
ในการเรียนรตู้ ลอดชวี ติ ตลอดจนรู้กตกิ า มารยาท จริยธรรม เกีย่ วกับการใช้สอื่ และการส่ือสาร บน
อนิ เทอร์เน็ต
จากรายงาน Ending Violence in Childhood: Global Report 2017 ท่ีจัดทาข้ึน โดย Know
Violence in Childhood องค์กรระหว่างประเทศที่เคลื่อนไหวเรื่องการใช้ความรุนแรงในเด็ก รายงานว่า
ในแตล่ ะปีมีเดก็ และเยาวชนราว 1,700 ลา้ นคน หรอื 3 ใน 4 ของเด็กและเยาวชนทวั่ โลก ตกเปน็ ผู้เสียหายและ
ผู้เกี่ยวข้องกับการใช้ความรุนแรง รวมถึงการกล่ันแกล้ง รังแก การทาร้ายร่างกาย การทารุณกรรม และความ
รุนแรงทางเพศ รวมถึงการลงโทษทางกาย ทั้งในบ้านและสถานศึกษา สาหรับประเทศไทย จากสถิติศูนย์พง่ึ ได้
7
กระทรวงสาธารณสขุ ต้ังแต่ปี 2547 – 2561 พบเด็กท่ีถูกกระทาความรุนแรงมารบั บริการ 121,860 ราย โดย
การกระทารุนแรงในเด็กมีสาเหตุมาจากการปล่อยปละละเลยของครอบครัว ขาดการดูแลอย่างเหมาะสมจน
เปน็ เหตใุ หเ้ ดก็ ถกู กระทาความรนุ แรงทางเพศมากท่สี ดุ สว่ นใหญจ่ ะถูกกระทาโดยคนใกล้ชิด
“การถูกละเมิด”ทางกาย ทางเพศ ทางวาจา หรือทางจิตใจท่ีเกิดข้ึนกับเด็ก เป็นความรุนแรงท่ีสร้าง
ผลกระทบตอ่ เนือ่ งทั้งทางร่างกาย จิตใจ สตปิ ัญญา การพฒั นาทางภาษา ความจา และพฤติกรรมของเด็ก ทัง้ นี้
ข้ึนอยู่กับผลรวมของปัจจัยต่างๆ ได้แก่ อายุและพัฒนาการของเด็กในขณะที่ถูกละเมิด ประเภทของความ
รุนแรงท่ีเด็กได้รับ ความถี่ ระยะเวลา ระดับความรุนแรง ความสัมพันธ์ระหว่างเด็กกับผู้กระทา ย่ิงเกิดกับเด็ก
อายุน้อย ผู้กระทาเป็นบุคคลใกล้ชิดมาก จะเพ่ิมความเส่ียงในการเกิดผลกระทบท่ีรุนแรงและยาวนานข้ึน
นอกจากน้ี ในกรณที ่ีเดก็ เชื่อว่าเหตกุ ารณท์ ีเ่ กิดขน้ึ สาเหตุเป็นเพราะตัวเองหรือพฤตกิ รรมของตวั เอง ผลกระทบ
ท่ีเกิดขึ้นจะมแี นวโนมมากขึน้ ดว้ ยเชน่ กนั
ดังนั้น การถูกละเมิด จึงมีผลโดยตรงกับความสามารถและความพร้อมในการพัฒนาศักยภาพตนเอง
ทางการศึกษา ทักษะชีวิต ทักษะการคิดวิเคราะห์ สังเคราะห์ของเด็ก รวมถึงอาจมีผลต่อพฤติกรรมที่เส่ียงต่อ
การทาร้ายตนเองหรือผู้อ่ืน เนื่องจากเด็กซึมซับความรุนแรงและเลียนแบบพฤติกรรม กระทรวงศึกษาธิการได้
เล็งเห็นความจาเป็นอย่างย่ิงท่ีจะต้องดาเนินมาตรการต่างๆ เพ่ือพัฒนาระบบความปลอดภัยและระบ บ
สวัสดิภาพของผู้เรียน ให้ผู้เรียนปลอดภัยจากการการถูกละเมิดทุกรูปแบบ อยู่ในสภาพแวดล้อมและมีตัวแบบ
ทางพฤติกรรมที่ถูกต้อง เหมาะสม อันเป็นปัจจัยสาคัญต่อการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ต้ังแต่รากฐาน ท่ีส่งเสริม
ให้เด็กได้รับการพัฒนาเด็กอย่างเต็มศักยภาพ สามารถเป็นกาลังหลักในการขับเคลื่อนประเทศและประชาคม
โลกในอนาคต
รัฐบาล โดยกระทรวงศึกษาธิการ ให้ความสาคัญกับการพัฒนาคุณภาพการศึกษาในทุกมิติ โดยถือ
ประโยชน์สูงสุดของเด็กเป็นสาคัญ อันสอดคล้องกับหลักการสากลตามอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็กและกฎหมาย
ไทยที่ให้ความคุ้มครองแก่เด็กนักเรียนนักศึกษา เพราะโรงเรียนเป็นเสมือนบ้านหลังที่สองที่ให้ทั้งความรู้
ความอบอนุ่ และความปลอดภัย จงึ มคี าส่ังจัดตั้งศนู ย์คุ้มครองและชว่ ยเหลือนักเรียนนกั ศึกษาซึ่งถูกลว่ งละเมิด
ทางเพศ หรือ ศคพ. ข้ึน ตามประกาศกระทรวงศึกษาธิการ เรื่องจัดตั้งศูนย์คุ้มครองและช่วยเหลือนักเรียน
นักศึกษาซ่ึงถกู ลว่ งละเมิดทางเพศ กระทรวงศกึ ษาธิการ (ศคพ.) ลงวันที่ 10 มีนาคม 2563
ศูนย์คุ้มครองและช่วยเหลือนักเรียนนักศึกษาซ่ึงถูกล่วงละเมิดทางเพศ (ศคพ.) มีพิธีเปิดอย่างเป็น
ทางการ เม่ือวันที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2563 ณ สานักงานศูนย์คุ้มครองและช่วยเหลือนักเรียนนักศึกษา
ซึ่งถูกล่วงละเมดิ ทางเพศ (ศคพ.) ณ ช้นั 1 อาคารรัชมังคลาภิเษก 2 กระทรวงศกึ ษาธกิ าร โดยมีรฐั มนตรวี ่าการ
กระทรวงศึกษาธิการ (นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ) เป็นประธานพิธีเปิด ร่วมกับผู้บริหารกระทรวง ได้แก่
ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ(นายประเสริฐ บุญเรือง) เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน
(นายอานาจ วิชยานวุ ตั )ิ รองเลขาธกิ ารคณะกรรมการการอาชวี ศึกษา (นายสุเทพ แก่งสนั เทียะ) รองเลขาธกิ าร
คณะกรรมการการศึกษาเอกชน (นายชัยณรงค์ ป้องบ้านเรือ) โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการได้เชิญ
และเปิดรับข้อเสนออย่างเป็นทางการจากผู้แทนองค์กรภาคีเครือข่ายภาคเอกชน ได้แก่ องค์การยูนิเซฟแห่ง
ประเทศไทย (UNICEF) มลู นิธิปวณี าหงสกุลเพ่อื เด็กและสตรี มูลนิธศิ ูนยพ์ ทิ ักษ์สิทธเิ ด็ก มลู นิธศิ านตวิ ฒั นธรรม
และองค์กรทาดี เพื่อเป็นแนวทางการดาเนินงาน และต่อมาได้มีคาสั่งศูนย์คุ้มครองและช่วยเหลือนักเรียน
นักศึกษาซึ่งถูกล่วงละเมิดทางเพศ (ศคพ.) ท่ี 3/2563 ลงวันท่ี 3 กันยายน 2563 เรื่อง แต่งตั้งคณะทางาน
กาหนดมาตรการปฏิบัติงานการป้องกันและแก้ไขปัญหานักเรียนนักศึกษาซึ่งถูกล่วงละเมิดทางเพศ ท่ี
8
ประกอบด้วยผู้แทนจากหน่วยงานองค์กรภาคีเครือข่าย และผู้แทนจากหน่วยงานในสังกัดกระทรวงศึกษา
ซง่ึ มบี ทบาทสาคัญในการพัฒนาค่มู ือแนวทางการให้ความคุ้มครองและชว่ ยเหลือนักเรียนนักศึกษาซ่ึงถูกละเมิด
กระทรวงศึกษาธิการ ฉบบั น้ี
จากผลการดาเนินงานช่วยเหลือนักเรียนนักศึกษาซึ่งถูกละเมิด ประกอบการหารือระหว่าง
หน่วยงานภาคีเครือข่าย กระทรวงศึกษาธิการได้พิจารณาขยายความคุ้มครองไปยังการละเมิดทุกรูปแบบ
โดยเปล่ียนชื่อเป็น ศูนย์คุ้มครองและช่วยเหลือนักเรียนนักศึกษาซ่ึงถูกล่วงละเมิด กระทรวงศึกษาธิการ หรือ
ศคม. ตามประกาศกระทรวงศึกษาธิการ เรื่องจัดตั้งศูนย์คุ้มครองและช่วยเหลือนักเรียนนักศึกษาซึ่งถูกล่วง
ละเมดิ กระทรวงศึกษาธกิ าร (ศคม.) ลงวันที่ 25 ธันวาคม 2563
ศูนย์คุ้มครองและช่วยเหลือนักเรียนนักศึกษาซึ่งถูกล่วงละเมิด กระทรวงศึกษาธิการ หรือ ศคม. เป็น
หน่วยงานกลางของกระทรวงศึกษาธิการ ภายใต้วัตถุประสงค์เพื่อคุ้มครองและช่วยเหลือนักเรียนนักศึกษาใน
สังกัดหรือในกากับของกระทรวงศึกษาธิการ จากการถูกละเมิดโดยข้าราชการครู บุคลากรทางการศึกษา
นักเรียน นักศึกษา และบุคคล ที่ทาให้เด็กนักเรียนนักศึกษาผู้ได้รับผลกระทบท้ังด้านร่างกายและจิตใจ โดย
มงุ่ ท่ปี ฏบิ ัติงานป้องกนั และแก้ไขปัญหานกั เรียนนักศึกษาซ่งึ ถูกล่วงละเมิดอย่างความรวดเร็ว รอบคอบ เด็ดขาด
ภายใตม้ าตรการใหญ่ 3 ดา้ น คอื
มาตรการด้านการป้องกันและเฝ้าระวัง เพื่อป้องกันและเฝ้าระวังการล่วงละเมิดและกระทา
ความรนุ แรงต่อนักเรยี นนักศึกษา สรา้ งภมู ิคมุ้ กัน เสริมสรา้ งความมั่นคงปลอดภัยใหก้ ับนักเรียน
นักศกึ ษา
มาตรการด้านการปราบปราม เพ่ือดาเนินการทั้งทางวินัยและหรือดาเนินการทางกฎหมาย/
อยา่ งเด็ดขาดต่อผ้ลู ะเมิดนกั เรียนนกั ศกึ ษา
มาตรการด้านการช่วยเหลือคุ้มครอง เพื่อช่วยเหลือคุ้มครองและเยียวยาอย่างรอบด้าน แก่
นักเรยี นนกั ศกึ ษาซึ่งถกู ละเมดิ ทั้งกรณที างเพศและความรนุ แรงในทุกรูปแบบ
ศูนย์คุ้มครองและช่วยเหลือนักเรียนนักศึกษาซึ่งถูกล่วงละเมิด กระทรวงศึกษาธิการ (ศคม.) เป็น
ช่องทางหนึ่งทผี่ ู้ปกครองและนักเรยี นทีป่ ระสบปัญหาการลว่ งละเมิดในรูปแบบต่างๆ สามารถแจง้ เรื่องรอ้ งทุกข์
และขอความช่วยเหลือได้โดยตรง โดย ศคม. จะดาเนินการตามข้ันตอนของกฎหมาย เพ่ือให้โรงเรียน
ซ่ึงเปรียบเสมือนเป็นบ้านหลังที่สองของนักเรียน มีความมั่นคงปลอดภัยสาหรับนักเรียนทุกคน นักเรียน
นักศึกษาซ่ึงถูกล่วงละเมิดทางจากข้าราชการครูและบุคลากรในสังกัดหรือในกากับกระทรวงศึกษาธิการ หรือ
การกระทาต่อเด็กนักเรียนนักศึกษา สามารถติดต่อร้องเรียนและร้องทุกข์ได้หลายช่องทาง ได้แก่ หมายเลข
โทรศัพท์02-007-0001 หรือสายด่วนการศึกษา 1579 หรือ E-mail : [email protected] หรือเฟซบุ๊ก
เพจช่ือ ศคพ.กระทรวงศึกษาธิการ หรือแจ้งด้วยตนเองที่ศูนย์ ศคม. อาคารรัชมังคลาภิเษก 2 ชั้น 1
กระทรวงศึกษาธิการ ศคม.พร้อมรับฟังและจัดการทุกปัญหาเกี่ยวกับการล่วงละเมิดทางเพศในสถานศึกษา
อย่างรวดเร็ว รอบคอบ และเด็ดขาด
กระทรวงศึกษาธิการ มีความห่วงใยและตระหนักถึงสิทธิของเด็กนักเรียนนักศึกษา การจัด
สถานศึกษาที่มีความปลอดภัย เป็นส่วนหน่ึงของการพัฒนาเด็กนักเรียนนักศึกษาในฐานะทรัพยากรมนุษย์
ท่ีสาคัญในศตวรรษที่ 21 ตามนโยบายของรัฐบาล อันเป็นการสร้างรากฐานทางสังคมท่ีมั่นคงและส่งต่อ
9
วัฒนธรรมอันดีงามท่ีปราศจากความรุนแรงได้อย่างย่ังยืน อันมีผลต่อรากฐานกาลงั แรงงานในอนาคตที่มีผลตอ่
ความม่ังค่ังทางเศรษฐกิจในระยะยาวของประเทศชาติ
2. วิสยั ทัศน์
ศูนย์คุ้มครองและช่วยเหลือนักเรียนนักศึกษาซ่ึงถูกละเมิด หรือ ศคม. เป็นหน่วยงานกลางของ
กระทรวงศึกษาธิการ ที่มุ่งคุ้มครอง ช่วยเหลือ นักเรียนนักศึกษา ซ่ึงถูกละเมิดในทุกรูปแบบ เพื่อให้มีคุณภาพ
ชวี ิตท่ีดี อยูใ่ นสงั คมได้อย่างมีความสขุ
3. พันธกจิ
3.1 ปฏบิ ัตงิ านป้องกันเฝ้าระวัง ปราบปราม และชว่ ยเหลอื คุ้มครองเด็กนักเรียนนกั ศึกษาซ่ึงถูกละเมิด
ทุกในรูปแบบ โดยยดึ หลกั รวดเร็ว รอบคอบ และเดด็ ขาด
3.2 ส่งเสริมและพัฒนากิจกรรมเชิงสร้างสรรค์เพื่อให้นักเรียนนักศึกษา ค้นพบคุณค่าในตนเอง และ
พัฒนาตนเองอยา่ งต่อเนือ่ ง มีทักษะชีวิต มีภมู ิคมุ้ กัน รบั ผิดชอบตอ่ ตนเอง สงั คม และประเทศชาติ
3.3 ประสานความร่วมมือในการดาเนนิ งานการปกป้องคุ้มครองนักเรยี นนักศึกษาของภาคเี ครือข่ายใน
ทกุ ระดบั
4. วัตถุประสงค์
เพื่อเป็นคู่มือสาหรับผู้เก่ียวข้องทุกหน่วยงานในสังกัดกระทรวงศึกษาธิการและภาคีเครือข่ายใช้เป็น
แนวทางให้ความคุม้ ครองและช่วยเหลอื นักเรยี นนกั ศึกษาซง่ึ ถกู ละเมิด ตามมาตรการป้องกัน มาตรการปราบปราม
และมาตรการช่วยเหลือคุ้มครองให้เป็นไปอยา่ งรวดเรว็ และมีประสทิ ธิภาพ
5. คานิยามศัพท์
ผู้ถูกละเมิด หมายถึง บุคคลอายุต่ากว่า 18 ปี ซ่ึงศึกษาอยู่ในสถานศึกษาในสังกัดหรือในกากับของ
กระทรวงศึกษาธิการทป่ี ระสบปัญหาถกู ละเมิด ท้งั กรณีทางเพศและความรุนแรงในทกุ รปู แบบ
ผลู้ ะเมดิ หมายถึง บคุ คลใดทลี่ ะเมดิ นกั เรยี นนกั ศกึ ษา ท้ังกรณีทางเพศและความรนุ แรงทุกรปู แบบ
การคุ้มครอง หมายถึง การปกป้องคุ้มครองนักเรียนนักศึกษา มิให้ตกอยู่ในภาวะอันน่าจะเกิด
อันตรายแก่ร่างกาย จิตใจหรือพัฒนาการ โดยจัดให้อยู่ในสภาพแวดล้อมทางสังคม ไม่ว่าจะเป็นครอบครัว
ชมุ ชน สถานศึกษา หรือสถานท่อี ื่นใดที่นักเรียนนักศึกษาต้องพึง่ พาอาศยั และเปน็ สมาชิกผหู้ นึ่ง สามารถให้การ
อุปการะเล้ียงดูและพัฒนาได้ ตามมาตรฐานขั้นต่าตามที่กาหนดในกฎกระทรวง รวมทั้งพัฒนาใหม้ ีพฤติกรรมท่ี
ดี สามารถแสดงบทบาทหน้าทขี่ องตนได้อย่างเหมาะสมโดยมีระบบและขั้นตอนการปฏิบตั ิที่คานึงถงึ ประโยชน์
สูงสุดท่ีเกิดขึ้นกับนักเรียนนักศึกษาเป็นหลักสอดคล้องกับหลักปฏิบัติตามกฎหมาย และหลักปฏิบัติท่ีมี
มาตรฐาน
การช่วยเหลือ หมายถึง การป้องกันและแก้ไขปัญหาเพ่ือให้นักเรียนนักศึกษารอดพ้นจากภาวะ
อันตราย และได้รับการพัฒนาเต็มตามศักยภาพ มีคุณลักษณะท่ีพึงประสงค์มีภูมิคุ้มกันทางจิตใจที่เข้มแข็งมี
คุณภาพชีวิตท่ีดี มีทักษะการดารงชีวิตและรอดพ้นจากวิกฤตทั้งปวง โดยคานึงถึงความละเอียดอ่อนเฉพาะ
บุคคล อาทิ ความแตกตา่ งทางเพศ เชื้อชาติ ภาษา ศาสนา ฯ
การส่งเสริมและพัฒนา หมายถึง การดาเนินกิจกรรมเชิงสร้างสรรค์ท่ีเน้นการส่งเสริมสนับสนุนให้
นกั เรียนนกั ศกึ ษาเป็นผู้คดิ วางแผน ปฏบิ ตั ิ ตดิ ตาม ประเมนิ ผล และถอดบทเรียน เพ่ือใหค้ น้ พบคุณค่าในตนเอง
10
และพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง มีทักษะชีวิต มีภูมิคุ้มกัน รับผิดชอบต่อตนเอง เคารพผู้อ่ืน และรับผิดชอบต่อ
สว่ นรวม สังคม ประเทศชาติ
การมีส่วนร่วมกับทุกภาคส่วน หมายถึง การประสานความร่วมมือในการดาเนินงานการปกป้อง
คุ้มครองนักเรียนนักศึกษาของภาคีเครือข่ายในทุกระดับที่มีความรับผิดชอบเก่ียวกับการปกป้องคุ้มครอง และ
ส่งเสริมให้ร่วมกันป้องกัน เฝา้ ระวงั ปกป้อง คมุ้ ครองและดูแลชว่ ยเหลือ โดยมีสานกั งานเขตพื้นที่การศึกษาเป็น
แกนในการบรู ณาการในระดับเขตพน้ื ที่การศกึ ษา และสถานศกึ ษาเป็นแกนในระดับการปฏิบัติ
การติดตามด้วยกระบวนการเชิงบวก เปน็ การพฒั นาคนให้สามารถปฏิบัติงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ในลักษณะการให้คาแนะนาและการเรียนรู้ไปพร้อมๆ กัน ระหว่างผู้ติดตามกับผู้ปฏิบัติ ให้กาลังใจ สร้างความ
เช่ือมน่ั ดว้ ยการปฏิบตั ทิ ใี่ หเ้ กยี รติ ใหอ้ ภยั ให้โอกาสแกผ่ ูป้ ฏบิ ัติงาน
การละเมิด หมายถึง การกระทาหรือไม่กระทาอันก่อให้เกิดอันตรายต่อนักเรียนนักศึกษา หรือทาให้
นกั เรียนนกั ศึกษา เสี่ยงอันตราย ประกอบด้วย การลว่ งละเมิดทางกาย การล่วงละเมดิ ทางเพศ การลว่ งละเมิด
ทางอารมณ์ และการละเลยทอดทิง้ เด็ก
การกระทารนุ แรง หมายถึง การกระทาใดๆ โดยใช้กาลงั การใช้สายตาหรือท่าที หรือวาจา โดยเจตนา
เพ่ือข่มขู่ คุกคาม ละเมิด ที่ทาให้นักเรียนนักศึกษา ตกอยู่ในภาวะยากลาบาก สร้างผลกระทบทางลบต่อ
สขุ ภาพกาย สขุ ภาพจิต และพัฒนาการ รวมถงึ การใช้นักเรียนนักศึกษากระทาหรือประพฤติในลักษณะท่ีน่าจะ
เป็นอันตรายแก่ร่างกาย จิตใจ และพัฒนาการ หรือขัดต่อกฎหมาย ศีลธรรมอันดี รวมถึงการกระทาโดยมิชอบ ไม่
วา่ จะยนิ ยอมหรือไมก่ ็ตาม
ความรุนแรงต่อร่างกาย หมายถึง กระทาด้วยความรุนแรงใด ๆ ซ่ึงอาจส่งผลต่อชีวิตหรือไม่ก็ตาม
หมายความรวมถึงการลงโทษด้วยการทาร้ายทุกรูปแบบ การกล่ันแกล้ง ข่มเหงรังแก การทรมานในรูปแบบ
ต่างๆ การปฏบิ ัติหรือการลงโทษท่โี หดรา้ ยไร้มนุษยธรรมหรอื ตา่ ชา้ การลงโทษทางรา่ งกายและการลงโทษอย่าง
อืน่ ที่มลี กั ษณะโหดร้ายหรอื ต่าชา้
การลงโทษทางกาย หมายถึง การลงโทษอย่างใดๆ โดยใช้กาลังและประสงค์จะให้เกิดความเจ็บปวด
หรือความไม่สบายทางกาย ไม่ว่าจะรุนแรงมากน้อยเพียงใดก็ตาม การลงโทษทางร่างกายส่วนใหญ่จะเป็นการ
ทุบตี การตบหรือการเฆี่ยนตี โดยใช้มือหรือใช้วัสดุอ่ืนใด ไม่ว่าจะใช้มือ แส้ ไม้เรียว เข็มขัด รองเท้า ท่อนไม้ ฯลฯ
อย่างไรก็ตาม การทาร้ายทางร่างกายยังอาจหมายรวมถึงการเตะ การเขย่า หรือการทุ่ม การข่วน การหยิก การ
กัด การกระชากผม หรือการตบท่ีกกหู การเฆี่ยน การบังคับให้อยู่ในท่าทางที่ไม่สบาย การเผา การนาบด้วยของร้อน
การลวกดว้ ยนา้ รอ้ นหรอื การบังคบั ให้กลืนสง่ิ ของ เป็นต้น
ความรนุ แรงต่อจติ ใจ หมายถึง การกระทาใดๆ โดยใช้สายตา ทา่ ที หรือวาจา โดยเจตนาทาให้เกิดผล
กระทบทางลบต่อจิตใจ การทาร้ายจิตใจ การทาร้ายทางวาจา หรือการละเลย / ไม่เอาใจใส่ รวมถึงการล่วง
ละเมดิ ทางอารมณ์ ทงั้ นี้ ความรนุ แรงทางจติ ใจหมายความรวมถึง
การมีปฏิสัมพันธ์ทุกรูปแบบในลักษณะท่ีเป็นอันตรายต่อนักเรียนนักศึกษา อย่างต่อเน่ือง
ยกตัวอย่างเช่น การกล่าววาจาซ้าๆว่าไม่มีคุณค่า ไม่ได้รัก ไม่ได้เป็นท่ีต้องการ หรือมีค่าเพียงแค่สนองความ
ต้องการอยา่ งใดอยา่ งหนึ่งของผู้กลา่ ววาจาเท่านั้น
การขู่เข็ญใหก้ ลัว ข่มขคู่ กุ คาม การแสวงหาประโยชน์โดยมชิ อบและการฉ้อฉลในการปกครอง
ดูแล (เช่นกาหนดให้เด็กต้องรับหน้าที่ดูแลน้องๆ ท้ังท่ีตนเองยังมีอายุน้อยเกินควร ต้องช่วยทางานหารายได้
ฯลฯ) การกดดัน (เช่น ตั้งเป้าหมายเกินความสามารถในด้านต่างๆ โดยบังคบั ใหท้ าให้ได้) และการแสดงอาการ
11
รังเกยี จ การโดดเด่ยี วและไม่ยอมรบั การละเลยไม่เอาใจใส่และการเลือกท่รี ักมักที่ชัง รวมท้ังไมย่ อมรับการเป็น
สมาชกิ ผหู้ นึง่ ของครอบครัว ชมุ ชนและโรงเรียน
การไม่ตอบสนองทางอารมณ์ การละเลยความต้องการให้เป็นที่พ่ึงทางใจ ละเลยท้ังที่มีความ
จาเป็นต้องได้รบั การรักษาพยาบาลและไม่ถ่ายทอดการเรียนร้เู กี่ยวกับการดาเนนิ ชีวิตดา้ นต่างๆ
การดหู ม่ินเหยียดหยาม การเรียกชือ่ ในลักษณะดูถกู ดูหมนิ่ การทาให้อบั อายร้สู ึกว่าตนเปน็ คน
ตา่ ต้อย การลอ้ เลยี นทาให้เปน็ ตวั ตลกและการทาร้ายจิตใจอื่นๆ เช่น การใส่รา้ ยปา้ ยสี การตราหน้าว่าเป็นคนไม่
ดี เยาะเย้ยถากถาง ประชดประชัน เปรยี บเปรยหรอื นาไปเปรียบเทียบกับคนอน่ื ไล่ออกจากบ้าน ฯลฯ
การใชค้ วามรุนแรงในครอบครัวตอ่ หน้านกั เรยี นนักศกึ ษา
การกักขัง การแยกใหอ้ ยูอ่ ย่างโดดเดยี่ ว การละเมดิ ศกั ดิ์ศรคี วามเปน็ มนษุ ย์หรอื การกักขงั ท่ี
ลดช้นั หรอื สถานะ
การข่มเหงรังแกจิตใจ รวมถึงการกระทาเช่นว่าด้วยการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการ
ส่ือสาร (Information and Communications Technologies หรือ ICT) เช่น โทรศัพท์มือถือ และ
อนิ เตอร์เน็ต (ท่ีเรยี กวา่ “การรงั แกทางไซเบอร์”) รวมถงึ การปฏเิ สธและเปน็ ปฏปิ ักษ์
การล่วงเกินทางเพศ หรือการล่วงละเมิดทางเพศ หมายถึง พฤติกรรมหรือการกระทาที่ไม่เหมาะสมท่ี
บุคคลแสดงออกต่อผู้อ่ืนในเรื่องเพศ ไม่ว่าจะเป็นการกระทาหรือแสดงออกทางวาจา การใช้สายตา หรือท่าที การ
คุกคามอย่างชัดแจ้ง ทั้งน้ี ผู้ละเมิดหรือผู้ถูกละเมิด อาจเป็นเพศเดียวกันหรือต่างเพศกัน และการกระทาดังกล่าว
เกดิ ขนึ้ โดยทางกายภาพหรือผ่านอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ และใหร้ วมถึง
การพูดคุยติดต่อส่ือสารเรื่องทางเพศในเชิงชู้สาวกับนักเรียนนักศึกษา รวมถึงการส่งภาพหรือสื่อ
ลามกอนาจารใหน้ ักเรยี นนักศึกษา
การสร้างความไว้วางใจ เพ่อื ชกั จงู ลอ่ ลวง โนม้ น้าว หรอื การบังคับให้เข้ารว่ มในกิจกรรมทางเพศท่ี
ผดิ กฎหมายหรือเป็นอันตรายต่อจิตใจ
การใช้นักเรียนนักศึกษา สาหรับผลิตส่ือลามกอนาจารไม่ว่าจะเป็นภาพการล่วงเกินทางเพศหรือ
เป็นภาพคลา้ ย
การใช้นักเรียนนักศึกษาบาเรอทางเพศ การบังคับแต่งงาน การแสวงประโยชน์ทางเพศจาก
นักเรียนนักศึกษา การค้าประเวณี การขายเพ่ือประโยชน์ทางเพศของผู้อื่น หรือการค้ามนุษย์ ไม่ว่านักเรียน
นกั ศึกษา จะยินยอมหรือไม่ก็ตาม
การทอดท้ิง หรือ การปล่อยปละละเลย2 หมายถึง การไมต่ อบสนองต่อความตอ้ งการทางรา่ งกายและ
จิตใจของนักเรียนนักศึกษา การไม่ปกป้องนักเรียนนักศึกษาใหพ้ ้นจากอันตราย หรือไม่จัดให้นักเรียนนักศึกษา
ได้รับบริการอื่นๆ แม้ว่าบุคคลผู้มีหน้าท่ีรับผิดชอบในการเลี้ยงดูนั้นมีความสามารถ รวมทั้งความรู้ท่ีจะกระทา
เช่นว่าน้ัน อกี ท้ังสามารถเขา้ ถงึ บริการดงั กล่าวไดก้ ารทอดท้ิงหมายความรวมถงึ
การทอดทง้ิ หรือการปลอ่ ยปละละเลยทางกาย หมายถงึ การไมป่ กป้องนักเรียนนักศึกษาจากอนั ตราย
(ไม่ดูแลให้มีความปลอดภัยในชีวิตประจาวัน) รวมท้ังไม่ถ่ายทอดทักษะต่างๆ หรือไม่ให้สิ่งจาเป็นขั้นพ้ืนฐานที่
เพียงพอ ไดแ้ ก่ อาหาร ท่ีพกั อาศัย เครอื่ งนงุ่ หม่ และการดูแลรักษาสุขภาพ
การทอดท้ิงหรือการปล่อยปละละเลยทางจิตใจ หมายถงึ การไม่สามารถเป็นที่พึ่งดา้ นจิตใจและ
1ข้อเสนอแนะทวั่ ไปของคณะกรรมการสทิ ธิเดก็ แหง่ สหประชาชาติ ฉบับท่ี ๑๓ วา่ ด้วยสทิ ธขิ องเด็กท่ีจะได้รับความปลอดภัยจากการใช้ความรุนแรง
ในรปู แบบท้งั ปวง
12
ไม่ให้ความรัก ปล่อยปละละเลยไม่เอาใจใส่อย่างต่อเนื่อง ไม่ให้ความใส่ใจต่ออารมณ์จิตใจ ไม่เข้าใจส่ิงท่ี
นักเรียนนักศึกษาต้องการจะบอกหรือส่งสัญญาณร้องขอ ตลอดจนมีการใช้ความรุนแรงระหว่างคู่สา มี
ภรรยา การใชย้ าเสพตดิ หรอื การเสพสรุ าขณะทอี่ ยกู่ ับนักเรียนนกั ศึกษา
การละเลยไมเ่ อาใจใส่สขุ ภาพร่างกายและจติ ใจ หมายถึง การไม่ใหก้ ารรักษาพยาบาลทีจ่ าเป็น
การละเลยเก่ียวกับการศึกษา หมายถึง การไม่ปฏิบัติตามกฎหมายท่ีกาหนดให้ ผู้ดูแลต้องจัด
ให้นกั เรียนนกั ศกึ ษา ได้รับการศกึ ษาโดยเขา้ เรียนในโรงเรยี นหรอื การศึกษาแบบอน่ื
พนักงานเจ้าหน้าที่ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองเด็กพ.ศ. 2546 หมายถึง พนักงานเจ้าหน้าที่
สงเคราะห์และคุ้มครองสวัสดิภาพ ที่ได้รับการแต่งตั้งจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความ
ม่ันคงของมนุษย์ ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองเด็กพ.ศ. 2546 ซึ่งต้องผ่านการฝึกอบรมด้านงานคุ้มครองเด็ก
ตามหลกั สตู รทค่ี ณะกรรมการคมุ้ ครองเด็กแหง่ ชาติกาหนดผ้จู ัดการรายกรณี
การดาเนินการทางวินัย หมายถึง การพิจารณา สอบสวนให้ความเห็นชอบใน เรื่อง ด้านวินัย
ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาตามที่ผู้บังคับบัญชาเสนอ พิจารณาให้ความเห็นชอบโทษทางวินัย
ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาตามท่ีผู้บังคับบัญชาพิจารณาแล้ว พิจารณามีมติให้แต่งตั้งกรรมการ
สอบสวนทางวินัยเพิ่มเติม กรณีพยานหลักฐานไม่เพียงพอท่ีจะ พิจารณาโทษทางวินัย พิจารณาให้ความ
เห็นชอบในการส่ังพักราชการหรือสั่งให้ออกจากราชการ ไว้ก่อน พิจารณาการอุทธรณ์คาสั่งลงโทษทางวินัย
ข้าราชการครแู ละบุคลากรทางการศึกษา เฉพาะโทษทางวนิ ัยไม่รา้ ยแรงตลอดจนใช้กฎหมายด้วยความเป็นธรรม
ทีมสหวิชาชีพ หมายถึง กลุ่มบุคคลที่ทางานประสานความร่วมมือจากหลายสาขาวิชาชีพ เพื่อมุ่ง
แก้ปัญหาอย่างมีระบบ เป็นกระบวนการอยู่บนพ้ืนฐานท่ีมีจดุ ประสงค์ และเป้าหมายเดียวกันในการปฏบิ ตั ิงาน
โดยมีการติดต่อสื่อสารระหว่างกันอย่างต่อเน่ือง เพ่ือการประเมินสภาพการณ์ของปัญหา และมีความ
รับผิดชอบร่วมกันท้ังกระบวนการ เช่น ศูนย์ช่วยเหลือสังคม (OSCC) มูลนิธิต่าง ๆ นักจิตวิทยา นักสังคม
สงเคราะห์ แพทย์ พยาบาล เจ้าหน้าท่ีสาธารณสขุ เจ้าพนักงานส่วนท้องถิ่น พนักงานเจ้าหน้าท่ีตารวจ องค์กร
เพ่ือการกศุ ล บ้านพักเด็กและครอบครวั สานกั งานพฒั นาสงั คมและความม่ันคงของมนุษย์ เป็นต้น
6. การบริหารจดั การเพ่อื ให้ความคุม้ ครองและช่วยเหลือนกั เรยี นนักศกึ ษาซึง่ ถกู ละเมดิ
6.1 กระทรวงศึกษาธิการ
กระทรวงศึกษาธิการ มีนโยบายสาคัญในการให้ความคุ้มครองและช่วยเหลือนักเรียนนักศึกษาซึ่งถูก
ละเมิดให้ได้รับการช่วยเหลือและคุ้มครอง เพ่ือให้เป็นไปตามเจตนารมณ์อย่างมีประสิทธิภาพและย่ังยืน
คานึงถงึ ผลประโยชน์สงู สุดของนกั เรียนนักศกึ ษาเป็นสาคัญ จึงกาหนดแนวทางการดาเนนิ งานไว้ ดงั นี้
(1) กาหนดให้มีนโยบายปกป้องคุ้มครองนักเรียนนักศึกษาของกระทรวงศึกษาธิการ เพ่ือให้
สถานศึกษาทุกแห่งในสังกัดกระทรวงศึกษาธิการมีสภาพแวดล้อมเอ้ือต่อการคุ้มครอง ช่วยเหลือ และพัฒนา
นักเรียนนักศึกษาทุกคนใหป้ ลอดภยั จากการกระทาความรุนแรงทุกรปู แบบ รวมถึงจดั สรรกลไกการดาเนินงาน
และทรัพยากรอย่างเพียงพอ เพื่อการดาเนนิ งานอย่างตอ่ เนื่องและเห็นผลเชงิ รูปธรรม
(2) กาหนดให้มีกลไกการกากับดูแล ติดตาม ตรวจสอบการปฏิบัติตามนโยบายปกป้องคุ้มครอง
นักเรียนนักศึกษาของกระทรวงศึกษาธิการ และจัดสรรทรัพยากรทุกด้านเพื่อให้กลไกมีความสามารถในการ
ปฏิบตั ิตามอานาจหนา้ ท่ี
(3) จัดทาแผนงาน ตัวชี้วัดเพื่อใช้กากับ ติดตาม ตรวจสอบ และประเมินผลการปฏิบัติตามนโยบาย
ปกป้องคุม้ ครองนักเรียนนักศึกษาของกระทรวงศึกษาธกิ าร ซง่ึ ใชป้ ระเมินประสทิ ธภิ าพของสถานศกึ ษาทุกแห่ง
13
(4) จัดทาแผนงาน และตัวชี้วัด ท่ีวัดประสิทธิภาพของการปฏิบัติตามนโยบาย พัฒนาระบบการ
ทางานอย่างบรู ณาการภายใต้กลไกทงั้ ในระดับชาติ ระดับจงั หวัด ระดบั เขตพื้นท่กี ารศึกษา และโรงเรยี น
(5) ทบทวนและพัฒนาหลักสูตรการเรียนการสอนด้านการพัฒนาทักษะชีวิต สุขภาวะและความ
เท่าเทียมทางเพศ และสร้างวินัยเชิงบวก รวมถึงสิทธิในร่างกายของตนเอง การหลีกเล่ียงจากบุคคลอันตราย
และการขอความช่วยเหลอื จากครู ให้กับนักเรียนนกั ศึกษาต้ังแต่ปฐมวัย เพ่ือรู้เท่าทันปัญหาและป้องกันตนเอง
จากการล่วงละเมิดและความรุนแรงทกุ รูปแบบ
(6) กาหนดให้โรงเรียนและสถานศึกษาทุกแห่งดาเนินโครงการระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียน มี
บุคลากรรับผิดชอบประจา โดยควรมีความสามารถในการให้คาปรึกษาแนะนาแก่นักเรียนนักศึกษาท่ีระสบ
ปัญหา รวมทั้งให้ความช่วยเหลือคุ้มครองเฉพาะหน้าแก่นักเรียนนักศึกษาและส่งต่อความรับผิดชอบให้
หนว่ ยงานที่มอี านาจทีเ่ กีย่ วขอ้ งได้ตรงกับความต้องการจาเปน็ (Needs)
(7) พัฒนาระบบติดตามผลการป้องกัน ปราบปราม และคุ้มครองช่วยเหลือนักเรียนท่ีนักศึกษาที่ถูก
ล่วงละเมิดและความรุนแรงทุกรูปแบบโดยให้ความรู้และสร้างความตระหนักให้แก่ครูและบุคลากรทาง
การศึกษาเก่ียวกับผลลัพธ์ของการกระทาผิดและบทลงโทษตามกฎหมาย รวมถึงพฤติกรรมที่อาจละเมิดสิทธิ
ทางร่างกายหรอื ความเป็นส่วนตัว
(8) จัดให้มีกองทุนคุ้มครองเด็กท่ีสามารถใช้จ่ายได้อย่างฉุกเฉินและทันท่วงที สาหรับการคุ้มครอง
นกั เรียนนกั ศกึ ษาในทุกระดบั ชน้ั รวมถงึ ชว่ ยเหลอื ผู้ปกครองและครอบครวั ให้สามารถดูแลนกั เรียนนักศกึ ษาใน
ภาวะวิกฤตได้อย่างมปี ระสทิ ธภิ าพ
(9) พัฒนาระบบฐานข้อมูลนักเรียนนักศึกษากลุ่มเส่ียงท่ีได้รับการคุ้มครองช่วยเหลือ ผลการให้ความ
คมุ้ ครองช่วยเหลอื รวมถงึ กลไกการแจ้งเหตุ
(10) พัฒนาศักยภาพให้ผู้บริหารสถานศึกษา/ผรู้ ักษาการและครู มีความรู้ ความเข้าใจในกฎหมายและ
นโยบายคุ้มครองเด็กท่ีเกี่ยวกับการคุ้มครองเด็ก มีทักษะด้านการให้คาปรึกษา คุ้มครองและช่วยเหลือเด็ก
นกั เรียนนกั ศึกษา ดว้ ยวธิ ีการท่ที าให้เด็กรู้สึกปลอดภัย อบอุ่น ไว้วางใจ ใกล้ชิด และเปน็ กนั เอง
(11) จัดให้มีนักจิตวิทยาหรอื นักสังคมสงเคราะห์ คอยให้คาปรึกษาแนะนา (Counseling) แก่บุคลากร
ดา้ นการศึกษาในการแก้ไขปัญหาดา้ นอารมณห์ รือด้านสงั คมและดา้ นครอบครัว ฝกึ ทกั ษะต่างๆทจี่ าเป็นในการ
จัดการศึกษา เช่น ฝึกทักษะการควบคุมอารมณ์ตนเอง ทักษะการจัดการปัญหา ทักษะการส่ือสารกับเด็กผู้มี
ปัญหาทางอารมณ์หรือจิตใจ ทักษะในการควบคุมสถานการณ์เมื่อมีเด็กอาละวาดหรือก้าวร้าวใช้ความรุนแรง
ต่อผู้อื่น นอกจากน้ันควรสามารถส่งต่อความรับผิดชอบไปให้หน่วยงานที่มีอานาจหน้าที่เก่ียวข้องได้ตรงกับ
ความตอ้ งการจาเป็น (Needs) ของบุคลากรด้านการศกึ ษา
6.2 ศูนยค์ ้มุ ครองและช่วยเหลอื นกั เรยี นนกั ศกึ ษาซง่ึ ถกู ละเมดิ หรือ ศคม.
ศูนย์คุ้มครองและช่วยเหลือนักเรียนนักศึกษาซ่ึงถูกละเมิด หรือ ศคม. เป็นหน่วยงานกลางของ
กระทรวงศึกษาธิการที่มีการบูรณาการการทางานร่วมกันขององค์กรหลัก สังกัดกระทรวงศึกษาธิการและ
หน่วยงานภาคีเครือข่ายทั้งภาครัฐและองค์กรพัฒนาเอกชน ให้เกิดการคุ้มครองและเยียวยาในทุกๆ ด้าน
ต่อนักเรยี นนักศึกษาผถู้ ูกละเมิด
1) เปน็ หนว่ ยประสานงานระดับนโยบายและบรหิ ารงานส่วนกลาง เพื่อบูรณาการการทางานระหว่าง
หน่วยงานภายในกระทรวง เพื่อให้การคุ้มครองและช่วยเหลือนักเรียนนักศึกษาในสังกัดหรือ
ในกากับกระทรวงศึกษาธิการที่ได้รับผลกระทบท้ังด้านร่างกายและจิตใจอันเน่ืองจากการถูก
ล่วงละเมดิ
14
2) จัดทานโยบาย มาตรการ แผนการดาเนินงาน แผนการติดตามประเมินผล ถอดบทเรียนการ
ดาเนนิ งาน และรายงานผลการดาเนนิ งานเป็นประจาทุกปี
3) ส่งเสริมสนับสนุนให้สถานศึกษาทุกแห่งในสังกัดกระทรวงศึกษาธิการมีนโยบายการปกป้อง
คุ้มครองนักเรียนนักศึกษาในสถานศึกษาท่ีครอบคลุมท้ังเชิงกายภาพและทางไซเบอร์ เพื่อให้
สถานศึกษานาไปใชเ้ ป็นมาตรฐานเดยี วกัน
4) ส่งเสริมสนับสนุนให้สถานศึกษาทุกแห่งในสังกัดกระทรวงศึกษาธิการมีนโยบายการปกป้อง
คุ้มครองนักเรียนนักศึกษาในสถานศึกษาที่ครอบคลุมท้ังเชิงกายภาพและทางไซเบอร์ เพื่อให้
สถานศกึ ษานาไปใช้เปน็ มาตรฐานเดยี วกนั
5) แต่งต้ังคณะทางานเพ่ือช่วยเหลือการปฏิบัติงาน โดยความเห็นชอบของคณะกรรมการศูนย์
คุม้ ครองและชว่ ยเหลือนักเรยี นนกั ศกึ ษาถกู ละเมิด (ศคม.) กระทรวงศึกษาธกิ าร
6) พัฒนาชุดความรู้กลางสาหรับการอบรมบุคลากรสังกัดกระทรวงศึกษาให้สามารถปฏิบัติงาน
ด้านการช่วยเหลือคุ้มครองเดก็ และปราบปรามผกู้ ระทาผดิ ได้อย่างสัมฤทธิ์ผล
7. กลไกการดาเนินงาน
ระดบั สว่ นกลาง
ศูนย์คุ้มครองและช่วยเหลือนักเรียนนักศึกษาซึ่งถูกละเมิด (ศคม.) ต้ังข้ึนตามประกาศ
กระทรวงศึกษาธกิ าร เมื่อวันที่ 25 ธันวาคม 2563 ที่กาหนดใหม้ คี ณะกรรมการศูนย์คุ้มครองช่วยเหลือนักเรียน
นักศึกษาซ่ึงถูกละเมิด โดยมีนายสมบูรณ์ ม่วงกล่า คณะทางานรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เป็น
ที่ปรึกษาคณะกรรมการ มีเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาข้ันพื้นฐานหรือรองเลขาธิการคณะกรรมการ
การศึกษาข้ันพ้ืนฐานที่ได้รับมอบหมาย เป็นประธานกรรมการ มีผู้ช่วยปลัดกระทรวงศึกษาธิการ
ผู้ช่วยเลขาธกิ ารคณะกรรมการการอาชวี ศึกษา ผู้อานวยการสานักนิติการ สานักงานปลัดกระทรวงศึกษาธกิ าร
ผู้อานวยการกลุ่มส่งเสริมปฏิบัติการ สานักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย
ผู้อานวยการกลุ่มงานโรงเรียนสามัญศึกษา สานักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน เป็นกรรมการ
และมีผู้อานวยการศูนย์เฉพาะกิจคุ้มครองและช่วยเหลือเด็กนักเรียน สานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้น
พืน้ ฐาน เป็นกรรมการและเลขานุการ มีผอู้ านวยการกลมุ่ คมุ้ ครองและพิทักษ์สิทธิเดก็ สานักงานคณะกรรมการ
การศึกษาข้ันพ้ืนฐาน และนิติกรสานักนิติการ สานักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการท่ีได้รับมอบหมาย เป็น
กรรมการและผู้ชว่ ยเลขานกุ าร ซึง่ คณะกรรมการดังกล่าว มีอานาจหน้าท่ี ดงั ตอ่ ไปนี้
(1) กาหนดรูปแบบ แนวทาง การดาเนินงานของศนู ย์คุ้มครองและช่วยเหลือนกั เรยี นนกั ศึกษาซึง่ ถกู
ลว่ งละเมิด กระทรวงศึกษาธกิ าร ท้ังน้ี ให้มชี ่องทางในการตดิ ตอ่ โดยง่ายและชัดเจน
(2) แต่งตั้งคณะทางานเพื่อชว่ ยเหลอื การปฏิบัตงิ าน
(3) เชิญข้าราชการ พนกั งาน ลกู จ้าง หรอื ผปู้ ฏบิ ัติงานอื่นในส่วนราชการหรือหนว่ ยงานในสังกัดหรือ
ในกากับของกระทรวงศึกษาธิการ มาสอบถามข้อเท็จจริง รวมทั้งเรียกเอกสารจากส่วนราชการ
หรอื หน่วยงานหรอื บคุ คลทเ่ี กีย่ วข้องมาเพอื่ ประกอบการพิจารณา
(4) ดาเนินการด้วยประการใดๆ เพื่อให้หน้าที่และอานาจของศูนย์คุ้มครองและช่วยเหลือนักเรียน
นกั ศึกษาถูกลว่ งละเมดิ กระทรวงศึกษาธิการ บรรลวุ ัตถปุ ระสงค์ตามเป้าหมาย
ศคม. ได้มีคาสั่งแต่งต้ังคณะทางานชุดต่างๆ เพ่ือให้การปฏิบัติหน้าท่ีของ ศคม. เป็นไปอย่างมี
ประสทิ ธิภาพ ดังน้ี
(1) คณะปฏิบัตงิ านศนู ย์คมุ้ ครองและชว่ ยเหลือนักเรยี นนกั ศกึ ษาซ่งึ ถูกลว่ งละเมิด
15
(2) ท่ีปรึกษาและคณะทางานเพื่อช่วยเหลือการปฏิบัติงานคุ้มครองและช่วยเหลือนักเรียนนักศึกษา
ซึ่งถูกล่วงละเมดิ กระทรวงศึกษา (เพ่ิมเตมิ )
(3) คณะทางานกาหนดมาตรการการปฏบิ ัติงานการป้องกันและแก้ไขปัญหานักเรียนนักศึกษาซึ่งถกู
ล่วงละเมดิ
ปรากฎโครงสรา้ ง ศคม. และคณะทางานชุดตา่ งๆ ดงั นี้
16
ผังโครงสร้าง ศคม. และคณะทางานในส่วนกลาง
17
7
ระดับจงั หวัด
การดาเนินงานเพ่ือคุ้มครองและช่วยเหลือเด็กนักเรียนนักศึกษาจากการถูกล
จากดั ในพื้นท่ใี ดพ้ืนทหี่ นึ่ง จาเป็นอยา่ งย่ิงท่ตี ้องมีการทางานรว่ มกับหนว่ ยงานท่ีเก่ียวข
การกระทาท่ีไม่เหมาะสม รวมท้ังได้รับการช่วยเหลืออย่างรอบด้าน ท้ังด้านการศึกษา
ดาเนินงานบรรลุเป้าหมายอย่างเต็มประสิทธิภาพ ศคม. จึงแต่งต้ัง “คณะทางาน
ประกอบด้วยบุคลากรกระทรวงศึกษาทั้งในระดบั จังหวดั และระดบั เขต และหนว่ ยงาน
ถูกละเมิดจงั หวดั (ศคจ.) ดงั นี้
ในเขตพ้นื ท่กี รงุ เทพมหานคร
ในต่างจังหวดั
18
ละเมิดในรูปแบบต่างๆ กระทรวงศึกษาธิการไม่สามารถดาเนินการได้โดยลาพังและ
ข้อง เพอ่ื ใหเ้ ด็กนักเรียนนักศึกษาทุกคนได้รบั การคมุ้ ครองให้พันจากสภาพเลวร้ายหรือ
า กฎหมาย การแพทย์ การสังคมสงเคราะห์ และสวัสดิการสั งคม ดังนั้น เพ่ือให้การ
ศูนย์คุ้มครองและช่วยเหลือนักเรียนนักศึกษาซ่ึงถูกละเมิดจังหวัด” หรือ ศคจ. ที่
นรัฐท่เี กย่ี วข้อง โดยมีโครงสร้างคณะทางานคุ้มครองและชว่ ยเหลือนักเรยี นนักศึกษาซ่ึง
8
อานาจหน้าท่ี
1) กาหนดมาตรการช่วยเหลือคุ้มครองเด็กนักเรียนนักศึกษา โดยอาศัยพื้น
เดก็ นกั เรียนนักศึกษาในโรงเรยี น ประสานงานและส่งต่อเร่ือง เพ่ือชว่ ยเห
ทนั ทว่ งที รอบดา้ น และลดการกระทาซ้า
2) มีหน้าที่จัดการฝึกอบรมให้แก่ผู้บริหารสถานศึกษา/ผู้รักษาการ/ผู้รักษ
มอบหมายในพื้นที่รับผิดชอบ โดยใช้แนวทางจากหลักสูตรกลางท่ี ศคม.
การดาเนินงานตามมาตรการป้องกันเฝ้าระวงั มาตรการปราบปราม และ
3) รับรายงานการดาเนนิ งานจากสถานศกึ ษาในเขตพน้ื ท่รี บั ผิดชอบ
19
นฐานจากนโยบายคุ้มครองเด็ก เพื่อกาหนดกลไกและวิธีการในการป้องกันการละเมิด
หลือคุ้มครองเด็กนักเรียนนักศึกษาซึ่งถูกละเมิดให้สามารถเข้าถึงบริการต่างๆ ไดอ้ ย่าง
ษาการ ครูฝ่ายปกครอง ครูแนะแนว นักจิตวิทยาประจาเขต และบุคลากรท่ีได้รับ
กาหนด เพ่ือใหบ้ คุ ลากรทางการศึกษามีความรู้ ความสามารถ ทัศนคติ และทักษะใน
ะมาตรการช่วยเหลือคมุ้ ครอง ไดอ้ ย่างถูกตอ้ ง เหมาะสม และเกิดผลสัมฤทธิ์
9
4) ยกย่องเชิดชูเกียรติหรือรางวัลตอบแทน ครู บุคลากรทางการศึกษา หรือบ
โดยอาจพิจารณาตามหนังสือสานักงาน ก.พ. ที่ นร 1013.7/36 ลงวัน
ปราบปรามการทุจริตประพฤตมิ ิชอบเพอื่ ความสาเรจ็ ตามตวั ชีว้ ดั คารบั รอ
5) รายงานผลการดาเนินงานให้ ศคม. และรายงานตามแบบฟอรม์ ศคม.02
6) ประสานความร่วมมือจากหน่วยงานภายนอกเพ่ือร่วมดาเนินการป้องก
รปู แบบ
7) ติดตามและรายงานการดแู ลช่วยเหลอื เด็กผู้ประสบเหตจุ นจบการศึกษาภ
8) กากับ ดูแล สนับสนุน ติดตามและประเมินผลการดาเนินการคุ้มครองแ
สาคัญ
9) ดาเนินการต่างๆ ท่เี ก่ยี วขอ้ ง หรอื ทไ่ี ด้รบั ประสานงานจาก ศคม.
ระดบั สถานศกึ ษา
สถานศึกษาถือเปน็ หนว่ ยท่ีมีความใกล้ชิดกับนักเรียนนกั ศึกษา เปน็ เสมือนบ้าน
ตลอดจนปกป้องคุ้มครองใหน้ ักเรยี นนักศึกษาปลอดภัยจากภยั คุกคามทกุ รูปแบบ อนั เป
ตนเองได้อยา่ งเตม็ ศกั ยภาพ
เพื่อให้การดาเนินงานของสถาบันการศึกษาเป็นไปตามแนวทางการให้คว
สถาบันการศึกษาตั้ง คณะทำงำนสถำนศึกษำคุ้มครองและช่วยเหลือนักเรียนนักศึก
คณะทางาน และสรรหาคณะทางาน ที่ประกอบด้วยบุคลากรที่เกย่ี วข้องกับการดูแลน
หรอื สถานศึกษาอาจพิจารณาแต่งตั้งรว่ มกับคณะกรรมการระบบดูแลชว่ ยเหลอื นกั เรยี
20
บุคลากรท่ีเกี่ยวข้องที่มีส่วนร่วมในการปกป้อง คุ้มครอง และช่วยเหลือนักเรียนนักศึกษา
นท่ี 28 กุมภาพันธ์ 2548 เรื่องการสนับสนุนการดาเนินการตามาตรการป้องกันและ
องการปฏิบตั ริ าชการ
และ ศคม.03
กัน ช่วยเหลือ และคุ้มครองเด็กนักเรียนนักศึกษาให้ปลอดภัยจากความรุนแรงในทุก
ภาคบังคบั
ละช่วยเหลือนักเรียนนักศึกษาซ่ึงถูกละเมิด โดยคานึงถึงประโยชน์สูงสุดของเด็กเป็น
นหลังท่ีสองทใี่ หก้ ารอบรมสั่งสอนท้งั ดา้ นวชิ าการ ความรู้ ทักษะชีวิต ทักษะสังคม
ปน็ สภาวะแวดลอ้ มทีเ่ หมาะสมกับการเรยี นรูข้ องนักเรยี นนักศึกษาและสามารพฒั นา
ามคุ้มครองและช่วยเหลือนักเรียนนักศึกษาซ่ึงถูกละเมิด กระทรวงศึกษาธิการ ให้
กษำซ่ึงถูกละเมิด หรือ คส.คม. โดยมีผู้บริหารสถานศึกษา/ผู้รักษาการ เป็นหัวหน้า
นักเรียนนักศึกษา อาคารสถานที่ และความปลอดภัยของสถานศึกษา อย่างน้อย 5 คน
ยนในสถานศกึ ษาหรอื ทีเ่ กีย่ วข้อง
0
อานาจหนา้ ที่
1) จัดประชมุ ชี้แจง ทาความเขา้ ใจ วางแผนการดาเนินงาน และรายงานผลก
2) ดาเนินงานใหเ้ ป็นไปตามแนวทางการให้ความคุ้มครองและชว่ ยเหลอื นักเร
3) รายงานผลการดาเนนิ งานให้ ศคจ.ทราบ
8. มาตรการคมุ้ ครองและช่วยเหลือเด็กนกั เรียนนกั ศึกษาซ่ึงถกู ละเมิดหรือถกู กระท
8.1 มาตรการป้องกนั และเฝา้ ระวัง
มาตรการป้องกัน เฝ้าระวัง เป็นมาตรการเพ่ือป้องกันและเฝ้าระวังการล่วงล
มั่นคงปลอดภัยให้กับนักเรียนนักศึกษา ซึ่งถือเป็นบทบาทหลักท่ีสาคัญตามมาตรา 63
นักเรียน นักศึกษา ครู และบุคลากรทางการศึกษาในรับผิดชอบ ตลอดจนสภาพแวด
รุนแรงในทกุ รูปแบบ
3 มาตรา 63 หมวด 7 แห่งพระราชบญั ญตั คิ มุ้ ครองเดก็ พ.ศ.2546 ระบุวา่ “โรงเรยี นและสถานศึกษาตอ้ งจัดให้มรี ะ
ส่งเสรมิ ความประพฤตทิ ี่เหมาะสม ความรบั ผิดชอบต่อสังคม และความปลอดภยั แกน่ กั เรยี นและนกั ศกึ ษา ตามหลกั
21
การดาเนินงาน
รียนนักศึกษาซ่ึงถูกละเมิด กระทรวงศึกษาธิการ
ทาความรุนแรงในทุกรปู แบบ
ละเมิดและกระทาความรุนแรงต่อนักเรียนนักศึกษา สร้างภูมิคุ้มกัน เสริมสร้างความ
3 หมวด 7 แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองเด็ก พ.ศ.25463 โดยเน้นให้สถานศึกษาดูแล
ดล้อมปลอดภัยในโรงเรียนให้ไม่เอื้อต่อการล่วงละเมิดทางเพศและการกระทาความ
ะบบงานและกจิ กรรมใมนการแนะแนว ให้คาปรึกษาและฝกึ อบรมแกน่ กั เรยี น นักศกึ ษา และผปู้ กครอง เพ่อื
กเกณฑ์ วธิ กี าร และเงื่อนไขที่กาหนดในกฎกระทรวง”
1
8.2 มาตรการปราบปราม
มาตรการปราบปราม เปน็ มาตรการเพื่อดาเนนิ การทั้งทางวินยั และ/หรือดาเน
บคุ ลากรในสถานศึกษาหรือหน่วยงานทางการศึกษา ต้องมีการดาเนนิ การตรวจสอบอย
ดาเนนิ การแจ้งเหตไุ ปยงั หนว่ ยงานรับผิดชอบภายใน 24 ช่ัวโมงหลังทราบเหตุ และราย
8.3 มาตรการการชว่ ยเหลือคุ้มครอง
มาตรการช่วยเหลอื คุ้มครอง เป็นมาตรการเพ่ือช่วยเหลือคุ้มครองและเยยี วยา
ทุกรูปแบบ โดยกาหนดให้สถานศึกษาต้องประสานงานและแจ้งเหตุไปยังหน่วยงานผ
และทันท่วงที ตลอดจนพิจารณาความพร้อมด้านการศึกษาต่อหรือการจัดหาสถานท
นอกจากน้ี ยังต้องร่วมสนับสนุนให้เด็กผู้ถูกละเมิดทุกคนเข้าถึงบริการทางการแพทย์
และบริการที่เก่ียวข้อง เพ่ือให้เด็กได้รับการบาบัดฟ้ืนฟูสภาพร่างกายและจิตใจไม่ละท
ค้มุ ครองเด็ก กองทุนยตุ ิธรรมให้เขา้ มาชว่ ยเหลอื เยียวยานักเรียนนักศึกษาที่ถูกละเมิด ท
9. แนวทางการดาเนินงาน
9.1 แนวทางการดาเนนิ งานตามมาตรการปอ้ งกนั และเฝ้าระวัง
9.1.1 แนวทางการดาเนินงานของหน่วยงานในสงั กดั กระทรวงศึกษา
การดาเนินงานตามมาตรการป้องกันและเฝ้าระวัง เป็นการดาเ
กระบวนการทางานของคณะทางาน การใช้หลักฐานเชิงประจักษ์เป็นฐาน และการท
ระวงั ความรนุ แรงในทกุ รปู แบบที่อาจเกิดขึ้นกบั เด็กนักเรยี นนักศึกษา
9.1.1.1 การเตรยี มความพร้อมตามมาตรการป้องกันและเฝ้าระว
ศคม.
(1) จัดทาเกณฑ์ความเส่ียงและพฤติกรรมเส่ียงต่อการล
สถานศึกษานาไปประยกุ ต์ใชเ้ พื่อป้องกนั เฝ้าระวัง หรือลดความเสีย่ งทอ่ี าจเกิดขึน้ ในส
(2) จัดทาแบบสารวจกลางสาหรับใชส้ ารวจสถานการณ์แ
22
นินการทางกฎหมายอย่างเดด็ ขาดต่อผ้ลู ะเมิดนักเรยี นนักศึกษา ในกรณีท่ผี ลู้ ะเมิดเป็น
ย่างรวดเร็วภายใน 24 ช่ัวโมงหลังทราบเหตุ และในกรณีท่ผี ลู้ ะเมดิ เป็นบคุ คลอน่ื ให้ครู
ยงานมายงั ศคม. โดยเรว็
าอย่างรอบด้านแก่นักเรียนนักศึกษาซ่งึ ถูกละเมิด ท้ังกรณีทางเ พศและความรนุ แรงใน
ผู้มีอานาจหน้าที่เข้ ามาช่วยดูแลเยียวยานักเรียนนักศึกษาผู้ถูกล่วงละเมิดอย่างรวดเร็ว
ท่ีเรียนท่ีเหมาะสมกับภาวะทั้งทางร่างกาย จิตใจ อารมณ์ และสั งคมของผู้ถูกละเมิด
การประเมินผลกระทบทางจิตใจ กระบวนการยุติธรรม บริการทางสังคมสงเคราะห์
ท้ิงให้เขาต้องอยู่ในสภาพยากลาบากโดยลาพัง รวมถึ งได้รับการสนับสนุนจากกองทุน
ท้งั กรณที างเพศและความรนุ แรงในทุกรปู แบบ
เนินการเพื่อเสริมสร้างความม่ันคงและปลอดภัยให้กับนักเรียนนักศึกษา โดยผ่าน
ทางานร่วมกันท้ังในระดับบุคคล กลุ่มคน สถานศึกษา และชุมชน เพ่ือป้องกันและเฝ้า
วัง
ล่วงละเมิดและความรุนแรงในทุกรูปแบบท้ังทางออฟไลน์และทางออนไลน์ เพื่อให้
ถานศึกษา
และประเมนิ ความเส่ียงด้านการละเมิดและความรุนแรงในสถานศกึ ษา
2
(3) จดั ทาระบบฐานขอ้ มูลและระบบการรายงานสถิติข้อม
และการพฒั นานโยบายคุม้ ครองนักเรยี นนักศกึ ษา
(4) พัฒนาหลักสูตรกลางสาหรับอบรมความรู้ด้านการป
บคุ คล กลุ่มคน สถาบันการศกึ ษา และชุมชน
ศคจ.
(5) ศคจ. ดาเนินการจัดการฝึกอบรมให้แก่ผบู้ ริหารสถาน
นอกโรงเรยี น เพ่ือพัฒนาความรู้ดา้ นการป้องกนั และเฝา้ ระวังความรุนแรงต่อเด็กนักเรยี
(6) ศคจ. ควรมีกลไกการเฝ้าระวังและดแู ลบคุ ลากรในสถ
(7) ติดตามการดาเนนิ งานของสถาบนั การศกึ ษาและรายง
ผบู้ ริหารสถานศกึ ษา/ผรู้ ักษาการ/ผ้รู กั ษาการ
(8) ผู้บริหารสถานศึกษา/ผู้รักษาการหรือหน่วยงานทางก
และตระหนกั ถงึ ความสาคัญของการป้องกันและเฝ้าระวังความรุนแรงในสถานศกึ ษา เพื่อ
9.1.1.2 การพัฒนากลไกการดาเนนิ งานตามมาตรการป้องกนั แล
(1) ระดบั สถานศึกษา
(1.1) ผู้บริหารสถานศึกษา/ผู้รักษาการแต่งตั้งคณะท
ม.) ทป่ี ระกอบดว้ ย คณะทางาน คปร. และให้สรรหาคณะทางานเพ่ิมเตมิ ดังนี้
- ผแู้ ทนนักเรยี นนกั ศึกษาที่สนใจ หรือพร้อมเข
- ผแู้ ทนผ้ปู กครองท่สี นใจ หรือพร้อมเขา้ ร่วมเป
- ผนู้ าชุมชน อยา่ งน้อย 1 คน
- ผู้แทนจากชมุ ชนใกลเ้ คยี งทสี่ นใจ หรือพร้อม
ทงั้ นี้ สถาบันการศึกษาอาจพิจารณาปรบั ให้เหม
(1.2) คณะทางานย่อยด้านการป้องกนั และเฝ้าระวงั
ละเมิด ดงั นี้
23
มลู กรณีเด็กนักเรยี นนักศึกษาซึ่งถูกละเมิดหรือกระทารุนแรงทุกแบบ เพ่ือการวางแผน
ป้องกันและเฝ้าระวังความรุนแรงต่อเด็กนักเรียนนักศึกษาในทุกรูปแบบ ทั้งในระดับ
นศึกษา/ผู้รกั ษาการ/ผู้รักษาการ ครู นักเรียนนักศึกษา บุคลากรท่ีเกี่ยวข้องทั้งในและ
ยนนักศกึ ษาในทุกรูปแบบ ทัง้ ในระดับบุคคล กลมุ่ คน สถาบนั การศึกษา และชุมชน
ถานศึกษาทมี่ ีพฤติกรรมเส่ียงเป็นผลู้ ะเมดิ
งานไปยัง ศคม.
การศึกษา ประชุมชี้แจง และซักซ้อมความเข้าใจกับบุคลากรในโรงเรียน เพ่ือให้เข้าใจ
อใหบ้ คุ ลากรสามารถดาเนินการตามมาตรการป้องกันและเฝา้ ระวังท่ี ศคม.กาหนดได้
ละเฝ้าระวัง
ทำงำนย่อยด้ำนกำรป้องกันและเฝ้ำระวังกำรล่วงละเมิดเดก็ นักเรียนนักศึกษำ (คป
ขา้ ร่วมเป็นคณะทางาน อยา่ งนอ้ ย 2 คน
ปน็ คณะทางาน อย่างน้อย 1 คน
มเข้ารว่ มเป็นคณะทางาน อยา่ งนอ้ ย 1 คน
มาะสมกับบริบทของสถานศึกษาและชุมชนได้
มอี านาจหน้าทด่ี าเนนิ งาน เพอ่ื ป้องกนั และเฝา้ ระวังให้นักเรียนนกั ศกึ ษาจากการถูก
3
(1.2.1) จัดประชุมคณะทางาน อย่างน้อยภา
ทรัพยากร ร่วมกันดาเนินการ ติดตาม
ละเมดิ และความรนุ แรงในทุกรูปแบบ
(1.2.2) ดาเนนิ การสารวจสถานการณ์และปร
ประเมินสภาวะทางจติ ของเดก็ และ/ห
(1.2.3) เผยแพรผ่ ลการสารวจเพือ่ สรา้ งความต
ของปญั หา
(1.2.4) จัดทาแผนป้องกันและเฝ้าระวังให้นัก
และประเมินความเสี่ยงด้านการละเม
ทราบและทาความเข้าใจรว่ มกัน
(1.2.5) จัดทาแบบประเมินผลการดาเนินงานโ
30 ของจานวนนักเรียนท้ังหมด
(1.2.6) รว่ มดาเนินการตามแผน ติดตาม และ
(1.2.7) รายงานผลให้คณะทางานคุม้ ครองแล
ทง้ั นี้ สถาบันการศกึ ษาอาจพจิ ารณาปรับหรือเ
(2) ระดับผู้บังคับบญั ชา/สานักงานเขตพน้ื ที่การศึกษา/คณ
(2.1) เสริมสร้างและพฒั นาระบบการดูแลช่วยเหลอื
(2.2) ส่งเสริมสนบั สนนุ ใหค้ รแู ละบุคลากรในสถานศ
(2.3) ส่งเสริมสนับสนุนให้ผู้บริหารสถานศึกษา/ผ
นักศึกษา
(2.4) ประสานความร่วมมือกบั ภาคีเครือข่ายทกุ ภาค
(2.5) ส่งเสรมิ สนบั สนุน และเสรมิ สรา้ งการดาเนินง
(2.6) จดั เวทีเสวนา แลกเปล่ียนเรียนรูเ้ พอื่ กาหนดแ
24
าคการศึกษาละ 2 ครั้ง เพ่ือช้ีแจง หารือวางแผน กาหนดมาตรการ จัดสรร/ระดม
มและประเมินผล เพ่ือดาเนินการป้องกันและเฝ้าระวังให้นักเรียนนักศึกษาจากการถูก
บ
ะเมนิ ความเสี่ยงด้านการละเมดิ /ความรุนแรงในสถานศกึ ษา หรอื ประเมินรว่ มกับแบบ
หรือกิจกรรมประเมินภูมิทัศน์ทางกายภาพของโรงเรียน
ตระหนักร้ใู ห้แก่ครู ผบู้ ริหาร ผ้ปู กครอง และนกั เรยี น เพือ่ ให้เหน็ ภยั และความรา้ ยแรง
กเรียนนกั ศึกษาจากการถูกละเมิดรายภาคการศึกษา โดยใช้ผลการสารวจสถานการณ์
มิด/ความรุนแรงในสถานศึกษาเป็นฐาน และประกาศให้ทุกคนในสถานศึกษาได้รับ
โดยสารวจความคิดเหน็ และความพงึ พอใจจากนักเรยี นกล่มุ ตวั อยา่ งอยา่ งน้อย ร้อยละ
ะประเมนิ ผลรว่ มกนั
ละช่วยเหลือนกั เรียนนักศึกษา ซ่งึ ถกู ละเมิดจังหวัดทราบเป็นรายปี
เพ่ิมเติมการดาเนนิ งานใหเ้ หมาะสมกบั บรบิ ทของสถานศกึ ษาและชมุ ชนได้
ณะทางานคมุ้ ครองและชว่ ยเหลอื นักเรยี นนักศึกษาซึ่งถูกละเมิดจังหวัด
อนักเรียนนกั ศกึ ษาในสถานศกึ ษาให้เขม้ แขง็
ศึกษามีการพฒั นาตนเองอย่างต่อเน่ือง
ผู้รักษาการ และครู แลกเปล่ียนเรียนรู้ประสบการณ์ในการปกป้องคุ้มครองนักเรียน
คสว่ นในการปกป้องคุ้มครองดแู ลช่วยเหลือนกั เรียนนักศกึ ษา
งานระหว่างสถานศกึ ษากับองค์กรเครือข่ายให้มีศักยภาพ
แนวทางการพัฒนางานที่สอดคล้องกับสถานการณป์ ัจจบุ นั และเผยแพร่ประชาสัมพนั ธ์
4
(2.7) ยกย่องเชดิ ชเู กยี รติ หรือรางวัลตอบแทน ครู บุค
9.1.1.3 แนวทางการดาเนินงานตามมาตรการป้องกนั และเฝา้ ระ
การพัฒนาให้สถานศึกษาปลอดจากความรุนแรง จ
สถาบันการศึกษา และชุมชน ซึ่งรูปแบบของความรุนแรงและวธิ ีการของบุคคลทีก่ ระท
พร้อมกบั การเฝา้ ระวงั จึงเปน็ ส่งิ ท่คี วรมีการดาเนินงานอย่างต่อเนอ่ื งและเปน็ กจิ วัตรประ
(1) แนวทางการดาเนินงานระดบั บุคคล
การดาเนนิ งานเพ่อื ป้องกันและเฝ้าระวงั ความรุนแรงใ
สรา้ งความตระหนกั รใู้ ห้แก่เด็กและบุคคลแวดล้อมเด็ก ใหส้ ามารถหลกี เลี่ยงหรอื รบั มือ
สาหรับผบู้ ริหาร ครู และบุคลากรในสถานศกึ ษา
(1.1) กากับ ดูแล และดาเนินการ ให้ครูและบุคลา
โรงเรยี นดา้ นการคุ้มครองดแู ลช่วยเหลือนักเรียน นักศกึ ษา จากการละเมดิ และกระทาร
(1.2) ไมต่ ิดต่อ สอื่ สารกับเด็กนักเรยี นนักศึกษาโดยล
ได้รบั อนุญาตจากหัวหนา้ งาน
(1.3) พัฒนาระบบคัดกรองและเฝ้าระวงั เหตุ เพือ่ ให
(1.4) พัฒนาระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียน ให้เด
ผู้ปกครองให้สามารถดูแล คมุ้ ครองและช่วยเหลอื เด็กให้ได้รับประโยชน์สูงสดุ
(1.5) พัฒนาครูและบุคลากรในสถานศึกษาได้รับข้อ
นักเรยี นนกั ศึกษาด้วยกระบวนการเชงิ บวก
(1.6) ผู้บริหาร ครูและบุคลากรได้รับการอบรมเรื่อ
ความรุนแรงต่อเด็ก ได้แก่ การสร้างวินัยเชิงบวก การป้องกันการรังแกกัน การจัดก
(social and emotional learning)
(1.7) จัดให้มีการจัดเรียนการสอนด้านการพัฒนาทัก
ร่างกายของตนเอง ใหก้ ับนักเรียนนกั ศกึ ษาตั้งแตป่ ฐมวัย เพ่ือร้เู ทา่ ทนั ปญั หาและปอ้ งก
25
คลากรทางการศกึ ษาท่ีมีส่วนร่วมในการปกป้องคุ้มครองชว่ ยเหลือนักเรยี นนักศกึ ษา
ะวงั
จาเป็นอย่างยิ่งท่ีต้องมีการพัฒนาและเปล่ียนแปลงท้ังในระดับบุคคล กลุ่มคน
ทาความรนุ แรงตอ่ เด็ก สามารถพัฒนาและเปลยี่ นแปลงไดเ้ ช่นเดียวกัน การป้องกันไป
ะจาวนั
ในระดบั บุคคล เปน็ การดาเนนิ การที่เนน้ การพัฒนาศกั ยภาพ เสรมิ ทักษะ ความรู้ และ
อเม่ือเกดิ ปญั หาความรนุ แรงทั้งต่อตนเองหรือผู้อน่ื ได้
ากรการศึกษา ทุกฝ่ายในสถานศึกษานานโยบายของกระทรวงศึกษาธิการและของ
รนุ แรงทกุ รูปแบบ ไปปฏิบัตไิ ดอ้ ยา่ งเปน็ รูปธรรมและเกิดประสิทธผิ ล
ลาพังหรือผา่ นช่องทางสื่อสารแบบส่วนตวั โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ปกครองหรือ
หเ้ ดก็ ปลอดภัยจากการถกู ล่วงละเมิดและความรุนแรงในทกุ รูปแบบ
ด็กได้รับความอบอุ่นและปลอดภัย รวมถึงสนับสนุนครู บุคลากรทางการศึกษาและ
อมูลเร่ืองสถานการณ์ความรุนแรงต่อเด็กจากผลการสารวจ และส่งเสริมให้ปฏิบัติต่อ
องความรุนแรงต่อเด็กและผลกระทบ (trauma-informed education) การป้องกัน
การกับความขัดแย้งโดยปราศจากการใช้ความรุนแรง การศึกษ าด้านอารมณ์ สังคม
กษะชีวิต สุขภาวะและความเท่าเทียมทางเพศ และสร้างวินัยเชิงบวก รวมถึงสิทธิใน
กนั ตนเองจากการลว่ งละเมดิ และความรุนแรงในทุกรปู แบบ
5
(1.8) ประกาศนโยบายการคุ้มครองดูแลช่วยเหลือนัก
บุคลากรทางการศึกษา ผู้ปกครอง หรอื บุคลากรที่เก่ียวขอ้ งทราบ
สาหรบั เด็กนกั เรียนนักศกึ ษา
(1.1) สง่ เสริมให้มกี ระบวนการสร้างความรูแ้ ละทกั ษ
(1.2) นกั เรยี นนักศึกษาไดร้ บั การสนับสนนุ ให้มสี ว่ น
ความถนดั
(1.3) สอดแทรกเน้อื หาและกิจกรรมทเี่ กี่ยวกบั ความ
เหมาะสมสาหรับแตล่ ะวิชา เพ่ือสร้างภูมิคุ้มกันและเสรมิ ทักษะชีวติ ใหแ้ ก่นักเรยี นนักศึก
(1.4) เพ่มิ กิจกรรมที่ปลูกฝังการปฏิบตั ติ ่อผู้อ่นื ดว้ ยค
การป้องกันการรงั แกกนั และการอยูร่ ว่ ม
การป้องกนั ความรุนแรงทางเพศ เชน่ ก
การแจ้งเหตุหรอื แทรกแซงในฐานะบุคค
ความสัมพันธท์ เ่ี หมาะสมและความรนุ แร
(2) แนวทางการดาเนนิ งานระดบั กล่มุ บุคคล
การดาเนนิ งานเพื่อปอ้ งกันและเฝ้าระวังความรุนแรงใ
นักศึกษา ให้สามารถเป็นผู้ป้องกันและเฝ้าระวังเหตุได้ เพราะการที่มีบุคคลหรือกลุ่ม
แรงจงู ใจของผทู้ ่อี าจกระทาผดิ และเพิ่มความแข็งแรงให้กับกลุ่มเปา้ หมายท่มี ีความเสี่ยง
(2.1) พัฒนาความรู้ ทักษะ และลักษณะความสัมพ
นักเรียนนกั ศกึ ษาเข้าใจรูปแบบ สาเหตุและผลกระทบของความรุนแรงในรปู แบบต่างๆ
อย่างเหมาะสมและทนั ทว่ งที
(2.2) พัฒนาความรู้ให้ผู้ใกล้ชิดหรือแวดล้อมเด็กเ
ผลกระทบของความรนุ แรงในรูปแบบตา่ งๆ และมีทักษะในการเป็นผปู้ กปอ้ ง ผ้รู ับฟงั ผ
26
กเรียนนักศึกษา ในสถานศกึ ษาที่ครอบคลุมท้ังเชิงกายภาพและทางไซเบอร์ เพื่อให้ครู
ษะด้านการป้องกนั ตนเองและการแจ้งเหตุให้แกน่ ักเรยี น นักศึกษา
นร่วมในการจัดกิจกรรมท่ีเสริมสร้างทักษะชีวิตอยา่ งหลากหลาย ตามความสนใจและ
มชกุ ผลกระทบ และการป้องกนั ความรุนแรงเข้าในวชิ าตา่ งๆ โดยออกแบบกิจกรรมท่ี
กษาอย่างเป็นระบบและต่อเน่อื ง
ความเคารพในสิทธแิ ละศกั ดิ์ศรี ตามความเหมาะสมของเด็กแตะ่ ละชว่ งวยั อาทิ
มกนั อยา่ งสันติ
การเรียนรูเ้ ก่ียวกบั รูปแบบพฤตกิ รรมของผู้กระทาการหลกี เลี่ยง และการแจ้งเหตุ
คลแวดลอ้ มหรือผรู้ เู้ ห็นเหตุการณ์
รงในความสัมพันธ์
ในระดบั กลุ่มคน เป็นการดาเนนิ งานทีเ่ น้นการสรา้ งบุคคลแวดล้อมรอบตวั เดก็ นักเรียน
มบุคคลที่มีความรู้และคอยระแวดระวังภัยต่างๆ ท่ีอ าจเกิดขึ้น มีผลช่วย ลด
งได้ เปรียบเสมือนเปน็ ผปู้ อ้ งกนั ภัย (Guardian) ทอี่ ยูใ่ กล้ชดิ ตัวเด็กนกั เรยี นนักศกึ ษา
พันธ์แบบ “เพ่ือนช่วยเพ่ือน” (Peer to Peer) ทั้งแบบกลุ่มหรือแบบคู่หู ที่ทาให้เด็ก
ๆ สามารถเป็นผ้รู ับฟงั ที่ดีให้กบั เพ่ือนได้ เป็นผู้เฝ้าระวัง ผ้แู ทรกแซงและรายงานเหตุได้
เข้าใจพฤติการณ์หรือความเส่ียงท่ีเด็กอาจถูกล่วงละเมิด เข้าใจรูปแบบ สาเหตุและ
ผเู้ ฝา้ ระวัง ผู้แทรกแซง และรายงานเหตไุ ด้อย่างเหมาะสมและทนั ท่วงที
6
(2.3) ส่งเสริมบทบาทสภาเด็กนักเรียนนักศึกษาให
ความเห็นและปัญหาที่เดก็ นักเรียนนักศกึ ษากาลังเผชิญ เสนอแนวทางแก้ไขปัญหา เพ
ช่วยเหลือซ่ึงกันและกนั
(3) แนวทางการดานนิ งานระดบั สถานศกึ ษา
การดาเนินงานเพ่ือป้องกันและเฝ้าระวังความรุนแรง
การบริหารจัดการที่มีผลต่อการปิดกั้นหรือลดช่องโอกาสในการกระทาความรุนแรงต่อ
ความรนุ แรงต่างๆ ได้อย่างเป็นปกติสขุ
การบริหารจดั การ
(3.1) สถานศึกษาดาเนินการสารวจสถานการณ์แ
ประเมนิ สภาวะทางจิตของเด็กและ/หรอื กจิ กรรมประเมนิ ภมู ิทศั น์ทางกายภาพของโรง
(3.2) สถานศึกษาจัดระบบการดูแลช่วยเหลือนักเร
นักเรยี นนกั ศกึ ษา ระบบการประเมนิ สภาวะปญั หา และระบบการให้คาปรึกษา ประเม
(3.3) สถานศึกษามีการตรวจสอบประวัติของบุคล
พนักงานส่งของ เป็นตน้ เพ่ือการปอ้ งกนั ความเสี่ยง
(3.4) สถานศึกษาจัดให้มีการสารวจความคิดเห็นข
ปอ้ งกันและเฝา้ ระวังเหตุวา่ มีความเหมาะสมและเพยี งพอมากน้อยเพียงไร ทส่ี ามารถป
สภาพแวดล้อมทางกายภาพ/ภมู ทิ ัศน์
(3.5) การเฝ้าระวัง แบง่ เป็น 2 ลกั ษณะ
1.) การเฝ้าระวังโดยธรรมชาติ
การทาให้พ้ืนท่ีสามารถมองเห็นได้จากท
ของตนเอง ซง่ึ การเฝา้ ระวังโดยธรรมชาติ สามารถทาได้โดยการทาใหพื้นทโ่ี ล่ง ไมม่ ีสง่ิ ก
ทิศที่คนเห็นง่าย เช่น ทางถนน ทางเดิน หรือทางจอดรถฯ การทาระเบียงหรือกาแพง
ภายในสถานศกึ ษา ควรสามารถมองเห็นภายในไดจ้ ากมุมมองดา้ นนอก
27
ห้มีส่วนร่วมในการเป็นผู้สร้างการเปลี่ยนแปลงทางสังคม เป็นกระบอกเสียงนาเสนอ
พอ่ื ให้มกี ารปฏิบัติต่อกันด้วยความเคารพ เหน็ อกเหน็ ใจ ไม่นิ่งเฉยต่อความรุนแรง และ
งในระดับสถานศึกษา เป็นการดาเนินงานท่ีประสงค์ให้มีการจัดสภาพแวดล้อมและมี
อเด็ก เพื่อเพ่ิมความปลอดภัยและส่งเสริมให้เด็กอยู่ในสภาพแวดล้อมท่ีปลอดภัยจาก
และประเมินความเส่ียงด้านความรุนแรงในสถานศึกษา หรือประเมินร่วมกับแบบ
งเรยี น
รียน/นักศึกษาอย่างเข้มแข็งโดยจัดระบบคัดกรอง ระบบการเข้าถึงสภาวะ ปัญหาของ
มินความเส่ยี งจากปัญหาและสถานการณต์ ามสภาพบริบทของสถานศึกษา
ลากรในสถานศึกษา เช่น ลูกจ้างชั่วคราว พนักงานขับรถ พนักงานทาความสะอาด
ของนักเรียนนักศึกษาในสถาบันการศึกษา เพ่ือประเมินผลการดาเนินงานด้านการ
ประกอบการปรบั ปรงุ และแผนงานตอ่ ไป
ท่ัวทุกมุม ไม่มีพื้นท่ีลับตา เพราะคนกระทาผิดมักไม่ต้องการให้ใครเห็นการกระทาผิด
กาบงั ตา กาจัดมมุ อบั และท่ีลบั ตา เพิ่มแสงสว่างหรือติดไฟ ประตู/หนา้ ตาควรหนั ไปใน
งแบบโปร่งตา สามารถมองเห็นได้ หรือแม้กระท่ังห้องเรียน ห้องพักครู หรือห้องต่ างๆ
7
2.) การเฝ้าระวังโดยการบริหารจัดการ
การทาให้พ้ืนท่ีเสยี่ งและพ้นื ที่ทเ่ี กิดเหตบุ
หรือมุมท่เี กดิ เหตุเป็นประจา การเพมิ่ เวรตรวจตราในพ้นื ทตี่ ่างๆ อย่างทั่วถงึ การเพิม่ ค
(3.6) การควบคุมทางเขา้ ออก แบง่ เป็น 2 ลกั ษณะ
1.) การควบคุมทางเข้าออกโดยธรรมชาติ
การใช้ส่ิงกีดขวาง หรือสัญลักษณ์ เพ่ือแ
แปลกหน้าหรือไม่เกี่ยวข้องเข้ามาในบริเวณสถานศึกษา อาทิ การใช้ประตูร้ัว แผงกั้น
ควบคุมและตรวจสอบบคุ คลทเ่ี ขา้ ออก
2.) การควบคมุ ทางเข้าออกโดยการบริหารจัด
มีผู้รักษาความปลอดภัยประจาที่ทางเข้าออกเพ่ือบันทึกประวัติการเข้าออกของบุคคล
ข้อมลู ประวตั หิ ลกั ฐานของบคุ คล/ยานพาหนะทเี่ ข้าออก วนั -เวลาทเี่ ข้าออก การตดิ ตัง้ ก
(3.7) การแบง่ พนื้ ท่ใี หช้ ดั เจน
การแบ่งพืน้ ท่ขี องสถานศึกษาใหช้ ัดเจนจากพ
หรอื ทาใหเ้ หน็ อยา่ งชัดเจน เม่ือมผี ู้เขา้ มาในพนื้ ทโ่ี ดยไม่ได้รับอนุญาต เชน่ การสรา้ งทา
พืน้ ที่รกร้างโดยรอบ เปน็ ตน้
(3.8) การบารงุ รกั ษา
การบารงุ รักษา เป็นการดาเนินการทสี่ าคญั เพ
ประสิทธภิ าพ มีการตรวจสอบและทดสอบคุณภาพอย่างสมา่ เสมอ
สภาพแวดล้อมทางวัฒนธรรม
(3.9) สถานศึกษาสร้างและส่งเสริมให้สถาบันการ
ยอมรับการใชค้ วามรนุ แรงต่อกนั อยู่รว่ มกนั อย่างเคารพในสทิ ธแิ ละศักดิศ์ รี และปฏบิ ัต
(4) แนวทางการดาเนนิ งานระดับครอบครัวและชุมชน
28
บ่อยคร้ัง ถกู จับตามองด้วยการจัดการ อาทิ การติดตงั้ กล้องวงจรปิดในมุมเสย่ี ง มุมอับ
คร/ู บุคคลทาหนา้ ทีเ่ ฝา้ ระวงั เหตใุ นพ้นื ท่ที เ่ี กิดเหตุงา่ ยหรือบ่อยคร้ัง
แสดงเขตพ้ืนท่ีของสถานศึกษา ทั้งในเชิงกายภาพและเชิงจติ วิทยา เพื่อกันไม่ให้บุคคล
น ป้ายสัญลักษณ์ห้ามเข้า เป็นต้น ซ่ึงควรมีทางเข้าออกเพียงทางเดียว เพ่ือง่ายต่อการ
ดการ เพื่อใหม้ ีการควบคุมการเข้าออกในสถานศึกษาที่สามารถตรวจสอบได้ อาทิ การ
ล/ยานพาหนะที่เข้ามาในสถานศึกษาและในอาคารต่างๆ ภายในสถานศึกษา การเก็บ
กลอ้ งวงจรปดิ ณ ทางเขา้ ออก เปน็ ตน้
พ้นื ที่อน่ื ๆ โดยรอบ ทท่ี าใหท้ ราบอาณาเขตของโรงเรียนอย่างชดั เจน เพื่อปอ้ งกนั บุกรุก
างเทา้ เป็นแนวแบ่งพื้นท่ี การใชแ้ นวตน้ ไม้หรือร่องนา้ การทาแนวเขตหรือรวั้ การขจัด
พื่อทาให้สภาพแวดลอ้ ม บุคลากร หรอื อุปกรณต์ า่ งๆ สามารถทางานได้อย่างเต็ม
รศึกษามีสภาพแวดล้อมทางสังคมวัฒนธรรม ท้ังทัศนคติ ความเชื่อและค่านิยม ที่ไม่
ตติ ่อกันดว้ ยความเท่าเทยี ม โดยไม่เลือกปฏิบตั ิ
8
การดาเนนิ งานเพ่ือป้องกนั และเฝ้าระวงั ความรุนแรงใ
เฝา้ ระวงั เตอื นภัย แจ้งเหตุ และสอดส่องดูแลนกั เรียนนักศึกษาให้ปลอดภยั จากความร
(4.1) สร้างความตระหนักและให้ความรู้แก่ผู้ปกค
รูปแบบ สาเหตุและผลกระทบของความรุนแรงในรูปแบบต่างๆ และมีทักษะในการเป
ทันท่วงที
(4.2) ให้ผปู้ กครองและชุมชนมสี ่วนรว่ มในกิจกรรม
ปกปอ้ งคมุ้ ครองเดก็ นักเรยี นนักศึกษาใหป้ ลอดภัยจากความรนุ แรง
(4.3) มีช่องทางให้ผู้ปกครองและชุมชนสามารถแจ
และทนั ทว่ งที
(4.4) สนับสนุนให้ผู้ปกครองสามารถการอุปการะ
อยา่ งเหมาะสม รวมถึงคุ้มครองใหน้ ักเรียนนกั ศกึ ษาปลอดภัยจากสภาวะการถูกละเมิด
9.1.2 แนวทางการประสานงานหน่วยงานภายนอกเพื่อป้องกันแล
การป้องกันและเฝ้าระวังเหตุการละเมิดและความรุนแรงในส
บทบาทในการสร้างความตระหนักรู้และใหค้ วามร้แู กเ่ ด็กนกั เรยี นนักศึกษาถงึ บรกิ ารขอ
(1) กระทรวงพัฒนาสังคมและความมน่ั คงของมนุษย์
1.1 สนับสนุนสถานศึกษาจัดให้มีระบบงานและกิจกร
สง่ เสรมิ ความประพฤตทิ ี่เหมาะสม ความรบั ผิดชอบตอ่ สังคม และความปลอดภยั แก่นกั
1.2 สนับสนุนความรู้/องค์ความรใู้ ห้สถานศึกษาจัดฝกึ อ
ช่วยเหลือให้ได้รับการคุ้มครองให้ปลอดภัย สาหรับเด็กนักเรียนวัยรุ่น จัดฝึกอบรมเรื่อง
โดยเฉพาะการมปี ฏิสมั พนั ธ์กบั เพศตรงขา้ ม การบรหิ ารการเงนิ การดแู ลตนเองด้านเพศ
1.3 สนับสนุนการจัดอบรมความรู้แก่ผู้ปกครอง ฝึกทัก
ใหค้ าปรึกษาแนะนาแก่ผู้ปกครอง เก่ยี วกบั ปญั หาครอบครัว ปญั หาการเรียนของเด็ก ก
เดก็ วัยรนุ่
29
ในระดับครอบครัวและชุมชน เป็นการดาเนินงานทใี่ ห้ชุมชนเขา้ มามีสว่ นร่วมในการ
รุนแรงในทกุ รปู แบบ
ครองและชุมชน ให้เข้าใจพฤติการณ์หรือความเสี่ยงที่เด็กอาจถูกล่วงละเมิด เข้าใจ
ป็นผู้ปกป้อง ผู้รับฟัง ผู้เฝ้าระวัง ผู้แทรกแซง และรายงานเหตุ ได้อย่างเหมาะสมและ
มของสถาบันการศึกษา เพ่อื สรา้ งความรู้สึกเป็นเจ้าของหรือเปน็ สว่ นหนึ่งของการเป็นผู้
จ้งเหตุและข้อสงสัยการละเมิดเด็กนักเรียนนักศึกษามายังสถานศึกษาได้อย่างรวดเร็ว
ะ เล้ียงดู อบรม สั่งสอน และส่งเสริมนักเรียนนักศึกษาให้ได้รับการพัฒนาตามช่วงวัย
ดและความรุนแรงทุกรูปแบบ
ละเฝ้าระวัง
สถาบันการศึกษา จาเป็นต้องอาศัยความร่วมมือจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้เข้ามามี
องหน่วยงาน โดยแต่ละหน่วยงานมบี ทบาทในการดาเนินงานท่ีเกี่ยวขอ้ ง ดงั น้ี
รรมในการแนะแนวให้คาปรึกษา ฝึกอบรมแก่นักเรียน นักศึกษา และผู้ ปกครอง เพ่ือ
กเรยี นและนักศกึ ษา
อบรมนักเรยี น นักศึกษารู้จักวิเคราะหส์ ถานการณ์อันตราย รู้จักหลบหลีก และขอความ
งทักษะการควบคุมตนเองและระบายความเครียด ทักษะกาจัดการปัญหา ทักษะสังคม
ศ รู้จักเท่าทันอารมณเ์ พศและการควบคุม กิจกรรทดแทนการมีเพศสมั พนั ธ์ เปน็ ตน้
กษะในการเล้ียงลูก (Parental Skills) การเล้ียงดูเด็กโดยไม่ใช้ความรุนแรง จัดบริการ
การฝกึ ทักษะทางสังคม ทักษะการจัดการปัญหา การมปี ฏิสมั พันธ์กบั เพศตรงข้ามของ
9
1.4 สนับสนุนให้สถานศึกษาประสานงานกับองค์กรปก
อยู่ในภาวะเสย่ี ง ใหไ้ ดร้ ับการดแู ลและชว่ ยเหลอื
1.5 สนับสนุนการพัฒนาศักยภาพครูและบุคลากรทาง
หลากหลาย เช่น การฝึกอบรม การให้คาปรึกษาผ่านระบบออนไลน์ การทา case re
กระทาความผดิ /เดก็ ท่มี ีปญั หาพฤตกิ รรม ฯลฯ
(2) กรมการปกครอง
(2.1) มหี นา้ ทีแ่ ละอานาจในการดแู ลและจัดบริการสา
เดก็ เป็นบรกิ ารสาธารณะทส่ี าคัญ
(2.2) นายอาเภอและผู้บริหารองค์กรปกครองส่วน
ผู้ปกครองหรือไม่กต็ าม ตามมาตรา 24 พระราชบัญญัตคิ มุ้ ครองเดก็ พ.ศ. 2546
(2.3) สนับสนุนการประเมินความเสยี่ งและจดั ทาแผน
(3) หนว่ ยงานในสงั กัดกระทรวงสาธารณสุข
(3.1) สนับสนุนความรู้เกี่ยวกับภัยการละเมิดและคว
รักษา และเยียวยาฟื้นฟู ให้แกเ่ ดก็ นักเรียนนักศึกษา ครู บุคลากรทางการศกึ ษา และผ
(3.2) สนบั สนคุ วามรู้ด้านการเล้ียงดูและดูแลเด็กอย่าง
(3.3) สนบั สนุนกิจกรรมการประเมินความเสี่ยงต่อการ
จติ รวมถงึ การดาเนนิ งานเพอ่ื ช่วยเหลือและสนบั สนุนใหเ้ ด็กกลมุ่ เส่ียงสามารถใช้ชวี ติ ได
(4) หน่วยงานในสงั กัดสานกั งานตารวจแหง่ ชาติ
(4.1) สนับสนุนความรู้เกยี่ วกับสถานการณ์ภัยการละเ
กฎหมายทเี่ กี่ยวข้อง แนวทางการป้องกนั และเฝา้ ระวงั อาชญากรรมซ่ึงเป็นการละเมดิ แ
30
กครองส่วนท้องถ่ินและชุมชน เพ่ือคัดกรอง เฝ้าระวัง และติดตามเด็กและครอบครัวที่
งการศึกษาในการทาหน้าที่คุ้มครองและช่วยเหลือเด็กในสถานศึกษา ผ่านรูปแบบท่ี
eview กรณีศึกษาเด็กท่ีพึงได้รับการสงเคราะห์ เด็กถูกกระทาความรุนแรง เด็กเสี่ยง
าธารณะและกจิ กรรมสาธารณะเพื่อประโยชน์ของประชาชนในท้องถนิ่ ซ่งึ การคมุ้ ครอง
ท้องถิ่น มีหน้าท่ีคุ้มครองสวัสดิภาพเด็กที่อยู่ในเขตพ้ืนที่รับผิดชอบ ไม่ว่ าเด็กจะมี
นปอ้ งกันและเฝ้าระวงั ความเสยี่ งภัยการละเมิดและความรนุ แรงต่อเด็กในสถานศึกษา
วามรุนแรงต่อเด็ก ผลกระทบที่เกิดขึ้นทั้งทางร่างกายและจิตใจ การเข้าถึงการตรวจ
ผปู้ กครองไดท้ ราบและตระหนกั ถึงความจาเป็นในการป้องกันและเฝา้ ระวังภยั
งถกู ตอ้ งเหมาะสม ใหแ้ ก่ครู บุคลากรทางการศึกษา ผู้ดูแลเดก็ และผู้ปกครอง
รละเมิดและความรงุ แรงในสถานศกึ ษา โดยเฉพาะอย่างยงิ่ ในสว่ นข้อบง่ ชท้ี างกายและ
ด้อยา่ งปลอดความรนุ แรง
เมิดและความรนุ แรงต่อเดก็ นักเรยี นนกั ศึกษา ข้อบ่งชี้/ความเส่ียงในการเกิดเหตุ ข้อ
และความรุนแรงต่อเด็ก
0
(4.2) สนบั สนุนกิจกรรมการประเมินความเส่ยี งตอ่ การ
เส่ยี งหรือมีการละเมดิ /ความรุนแรงตอ่ เด็กเกดิ ขนึ้
(5) องคก์ รพัฒนาเอกชน/ภาคประชาสังคม
(3.1) มีบทบาทด้านการส่งเสริมความรู้ ความเข้าใจแล
และกระทารนุ แรงทุกรูปแบบ
(3.2) ส่งเสริมให้ผู้ปกครองมีความรู้ ความเข้าใจ และท
ถูกละเมิดและกระทารนุ แรงทกุ รูปแบบ
(3.3) ทางานร่วมกับโรงเรียนและสหวิชาชีพ ในกระบว
ประโยชน์สูงสุด
31
รละเมดิ และความรุงแรงในสถานศึกษา โดยเฉพาะลักษณะพฤตกิ รรมที่ต้องสงสยั วา่
ละทักษะในการปกป้องตนเองให้ กับนักเรียนนักศึกษาให้ปลอดภัยจากการถูกละเมิด
ทักษะด้านการเลี้ยงดูเด็ก สิทธิและกระบวนการตามกฎหมายท่ีเก่ียวข้องในกรณีท่ีเด็ก
วนการปกป้อง คุ้มครอง และช่วยเหลือนักเรียนนักศึกษาอย่างรอบด้าน เพื่อให้ได้รับ
1
9.1.3 ผังการดาเนินงานตามมาตรการปอ้ งกันและเฝ้าระวัง
32
2
9.2 แนวทางการดาเนนิ งานตามมาตรปราบปราม
9.2.1 แนวทางการดาเนินงานของหน่วยงานในสงั กดั กระทรวงศกึ ษา
การดาเนินการตามมาตรการปราบปราม เป็นการดาเนินการเพ่ื
ผู้กระทาความรุนแรงต่อเด็กนักเรียนนักศึกษามาลงโทษ ทั้งโทษทางวินัยในกรณีท่ีผู้กร
ใดได้กระทาตอ่ เดก็ นักเรยี นนกั ศึกษา เพอื่ ให้เด็กไดร้ บั ความเปน็ ธรรมและปกปอ้ งค้มุ คร
9.2.1.1 การเตรยี มความพร้อม
(1) ศคม. พัฒนาหลกั สตู รกลางสาหรบั อบรมความรู้ด้านก
กายภาพและทางออนไลน์ การจัดเก็บพยานหลักฐานเบ้ืองต้น การปกป้องคุ้มครองเด
ต่างๆ ไดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ ง
(2) คณะทางานคุ้มครองและช่วยเหลือนักเรียนนักศึกษ
ผู้บริหารสถานศึกษา/ผู้รักษาการ ครูฝ่ายปกครอง ครูแนะแนว นักจิตวิทยาประจาเข
นโยบาย และกฎระเบียบท่ีเก่ียวข้องกับการกระทาความรุนแรงต่อเด็กท้ังทางกายภาพ
เด็ก และดาเนนิ การต่างๆ ให้สามารถดาเนนิ การตามกฎหมาย นโยบาย และระเบยี บต
(3) ผู้บริหารสถานศึกษา/ผรู้ ักษาการหรือหน่วยงานทางก
กฎหมาย นโยบาย และระเบยี บท่ีเก่ยี วข้อง รวมถึงการจัดเกบ็ พยานหลักฐาน เพอ่ื ให้บ
9.2.1.2 การรับแจง้ เหตุ
(1) ส่วนกลาง หรือ ศคม.
1.1 มีกลไกรับเรื่องร้องเรียน/ร้องทุกข์ ที่ให้บริการร
ความลับเพื่อประโยชน์สูงสุดของเด็กนักเรียนนักศึกษา รวมถึงตรวจสอบข้อเท็จจริง
นักเรียนนักศึกษาผู้ประสบปัญหาจากการถูกละเมิดและความรุนแรงในทุกรูปแบ
กระทรวงศกึ ษาธิการ ตลอดจนกรณบี ุคคลใดกระทาละเมิดและความรุนแรงต่อเดก็ นักเ
1.2 ประชาสัมพันธ์บทบาทของ ศคม. และช่องทาง
รบั ทราบอยา่ งทั่วถึง
33