The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

แนวทางการให้ความคุ้มครองและช่วยเหลือนักเรียนนักศึกษา ซึ่งถูกละเมิด กระทรวงศึกษาธิการ

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by นคร เจือจันทร์, 2021-04-25 01:01:04

แนวทางการให้ความคุ้มครองและช่วยเหลือนักเรียนนักศึกษา ซึ่งถูกละเมิด กระทรวงศึกษาธิการ

แนวทางการให้ความคุ้มครองและช่วยเหลือนักเรียนนักศึกษา ซึ่งถูกละเมิด กระทรวงศึกษาธิการ

อแก้ไขและสะสางปัญหาเก่า พร้อมกับยุติปัญหาใหม่ โดยให้ความสาคัญกับการนา
ระทาเป็นบุคลากรในสงั กัดกระทรวงศึกษาธิการและโทษทางอาญาในทุกกรณีที่บุคคล
รองจากความรนุ แรงทกุ รูปแบบ

กฎหมาย นโยบายและกฎระเบยี บที่เกีย่ วขอ้ งกบั การกระทาความรนุ แรงต่อเด็กทั้งทาง
ด็ก และดาเนินการต่างๆ ให้สามารถดาเนินการตามกฎหมาย นโยบาย และระเบียบ

ษาซึ่งถูกละเมิดจังหวัดสานักงานศึกษาธิการจังหวัด ดาเนินการจัดการฝึกอบรมให้แก่
ขต และบุคลากรที่ได้รับมอบหมายในพื้นท่ีรับผิดชอบ เพ่ือพัฒนาความรู้ด้านกฎหมาย
พและทางออนไลน์ การจัดเก็บพยานหลักฐานเบื้องต้นที่จาเป็น การปกป้องคุ้มครอง
ตา่ งๆ ได้อยา่ งถกู ต้อง
การศึกษา ประชุมช้ีแจง และซักซ้อมความเข้าใจกับบุคลากรในโรงเรียน เพ่ือให้เข้าใจ
บคุ ลากรสามารถดาเนินการตามมาตรการปราบปรามที่ ศคม.กาหนดได้

รับเรื่องตลอด 24 ช่ัวโมง ทั้งสายด่วนและออนไลน์ ท่ีเป็นมิตร ปลอดภัยและรักษา
และประสานส่งต่อให้หน่วยงานท่ีเกี่ยวข้อง ช้ีแจง ตอบข้อร้องเรียน ร้องทุกข์ กรณี
บบจากครู ข้าราชการครู บุคลากรทางการศึกษา บุคคลอ่ืนในสังกัดห รือในกากับ
เรียนนักศึกษา
งการรับเร่ืองร้องเรียน/ ร้องทุกข์ ให้นักเรียนนักศึกษา ผู้ปกครอง และสาธารณชน

3

(2) สถานศกึ ษา หรือหน่วยงานทางการศกึ ษา
2.1 สถานศึกษาหรือหน่วยงานทางการศึกษา กาหน

หน่วยงานภาครฐั และภาคประชาสังคมสามารถเขา้ ถึงได้ง่าย และรู้สกึ ปลอดภัย
2.2 มอบหมายครูแนะแนวหรือครู/บุคลากรที่มีความ

จากนักเรยี น ผ้ปู กครอง หน่วยงานทเ่ี ก่ยี วข้องและบุคคลใดๆ ท้งั น้ี ควรคานงึ ถึงสดั ส่วน
ง่ายและเปน็ กันเอง

2.3 ประชาสัมพันธ์ช่องทางการแจ้งเหตุและแนะน
ตลอดจนหนว่ ยงานท่เี กี่ยวข้องไดร้ บั ทราบอย่างท่วั ถึง

2.4 เม่ือสถานศึกษาหรือหน่วยงานทางการศึกษา ไ
ละเมิดทางเพศหรือกระทาความรุนแรงต่อเด็กนกั เรียนนักศึกษา หรือมีการเผยแพร่ผ่า
ทราบและส่งโทรสารแจ้งให้ ศคม.ทราบ ภายใน 24 ช่ัวโมง และให้รับเลข “รหัสกรณี”
ลา่ ช้า ให้ถอื ว่ามีความผดิ ทางวนิ ยั ด้วย

2.5 กรณีทผ่ี บู้ ริหารสถานศกึ ษา/ผรู้ ักษาการหรือหน่ว
ยังสานักงานเขตพื้นที่การศึกษา หรอื สานักงานศึกษาธิการจังหวดั หรอื ศคม. ทราบโด

คาศัพท์ควรรู้

 ผู้ถูกละเมิด หมายถึง บุคคลที่อายุต่ากว่า 18 ปี ซึ่งเป็นนักเรียนนักศึกษ
ละเมิด ทั้งกรณีทางเพศและความรุนแรงในทุกรปู แบบ

 ผูล้ ะเมิด หมายถึง บุคคลใดทลี่ ะเมิดนักเรียนนักศกึ ษา ทั้งกรณที างเพศแล
 ผแู้ จ้งเหตุ หมายถงึ ผูท้ ีร่ บั รหู้ รือผ้ทู ่ีอยูใ่ นเหตกุ ารณก์ ารละเมิดและความร

ถกู ละเมดิ มายังสถานศกึ ษาหรอื หน่วยงานทางการศึกษาด้วย
 ผู้รับแจ้งเหตุ หมายถึง ครูหรอื บุคลากรทางการศกึ ษาทีร่ บั ทราบเหตจุ ากผ

34

นดช่องทางการรับแจ้งเหตุความรุนแรงต่อเด็กนักเรียนนักศึกษาท่ีนักเรียน ผู้ปกครอง
มพร้อมในการรับแจ้งเหตุและรับรายงานเหตุ ทาหน้าท่ีรับแจ้งหรือรับรายงานเหตุท้ัง
นทีเ่ พียงพอต่อการบริหารจัดการ การให้บรกิ ารอย่างมปี ระสิทธิภาพ และเขา้ ถึงเด็กได้
นาครู/บุคลากรผู้รับผิดชอบ พร้อมท้ังแนะนาวิธีการแจ้งเหตุให้นักเรียน ผู้ปกครอง
ได้รับแจ้งเหตุ รับทราบ หรือได้รับการประสานจากหน่วยงานใดๆ ที่พบว่ามีการล่วง
านสอ่ื สาธารณะในวงกว้าง ให้บันทึกเหตุลงในแบบ ศคม.01 รายงานให้ผู้บังคับบัญชา
” จาก ศคม. เพ่ือบันทึกลงบนแบบ ศคม.01 ฉบับจริง กรณีท่ีไม่รายงานหรือรายงาน
วยงานทางการศึกษาเป็นผลู้ ะเมดิ หรือสงสัยว่าเป็นผูล้ ะเมิด ให้ผรู้ ับแจง้ แจ้งรายงานไป
ดยเร็ว

ษาที่กาลังศึกษาในสถานศึกษาสังกัดหรือในกากับกระทรวงศึกษาธิการ ท่ีประสบปัญหาถูก
ละความรนุ แรงทุกรูปแบบ
รุนแรง รวมถงึ บุคลากรของหนว่ ยงานทเ่ี กีย่ วข้องท่ปี ระสานแจ้งข้อมูลเดก็ นักเรยี นนักศึกษาท่ี
ผ้แู จง้ เหตุ

4

9.2.1.2 กรณีผู้กระทาเป็นบุคลากรในสงั กัดกระทรวงศึก
(1) ให้สานักงานเขตพ้ืนที่การศึกษา หรือผู้บังคับบัญชาช
ย้ายเปน็ การชว่ั คราว
(2) แตง่ ต้ังคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงทันที
(3) กรณีผลการสืบสวนพบว่าข้อร้องเรียนน้ันมีมูลความ
ราชการไวก้ ่อน
(4) ขนั้ ตอนทงั้ หมดมีเป้าหมายใหเ้ สร็จภายใน 24 ชั่วโมง
(5) เม่ือ ศคม. ได้รับเรื่องแล้วจะรีบเสนอไปยังสานักงาน
ชว่ั คราว โดย ศคม. จะเร่งรดั ใหม้ ีการดาเนนิ การทางวนิ ัยควบคกู่ ับการดาเนนิ การด้านค

9.2.1.2.1 ข้นั ตอนการตรวจสอบสืบสวนสอบสวน
(1) ให้รายงานหน่วยงานต้นสังกัดทันทีและใ

หน้าท่แี ตง่ ตั้งคณะกรรมการสืบสวนขอ้ เท็จจริงหรอื ตรวจสอบข้อเท็จจริง และ ศคม. จะ
(2) กรณีหน่วยงานต้นสังกัดเห็นวา่ ผู้กระทาล

การศึกษาหรือส่วนราชการ กรณีกล่าวหาว่ากระทาผิดวินัยอย่างร้ายแรง หรือหากม
สาหรับสานักงานเขตพ้ืนที่การศึกษา อาจใช้ดุลพินิจส่ังช่วยราชการก่อนแล้วนาเสนอ
ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศกึ ษา พ.ศ. 2547 และมาตรา 41(4) แห่งพระราชบ
วินยั อยา่ งรา้ ยแรง ถูกฟ้องหรอื กล่าวหาว่ากระทาผิดอาญา ให้ใชด้ ุลพนิ จิ สง่ั ประจาสาน

(3) คณะกรรมการสืบสวน/ตรวจสอบข้อเท็จจ
พิจารณาดาเนินการสืบสวนตามอานาจหน้าที่) ดาเนินการสืบสวน/ตรวจสอบข้อ
คณะกรรมการ ศคม. ทมี สหวชิ าชพี ในการสืบสวนข้อเท็จจริง เมอื่ ดาเนินการแลว้ เสรจ็

3.1 กรณมี ีมูลท่คี วรกลา่ วว่ากระทาผิดวิน
ร้ายแรง แล้วพิจารณาส่ังพักราชการหรือส่ังออกจากราชการไว้ก่อ
ดาเนนิ การสอบสวนใหแ้ ล้วเสร็จโดยเรว็

35

กษาธิการ
ช้ันต้นของสถานศึกษาหรือหน่วยงานต้นสังกัด ในฐานะผู้มีอานาจสั่งให้ผู้ถูกกล่าวหา

มจริง ให้ผู้มีอานาจส่ังต้ังกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรงและให้ผู้กระทาผิดออกจาก

แล้วรายงานหน่วยงานต้นสังกดั ส่วนกลางและแจง้ ข้อมูลมายัง ศคม.
นเลขาธิการคุรุสภาเพื่อขอให้พักใช้ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพของผู้กระทาผิดเป็นการ
คดีอาญาด้วย

ให้แต่ละส่วนราชการรายงาน ศคม. ทราบด้วย แล้วให้ผู้บังคับบัญชาหรือผู้มีอานาจ
ะพิจารณาเข้ารว่ มดาเนินการตรวจสอบ สบื สวนสอบสวน
ละเมิดหรือผู้ถูกกล่าวหาอยู่ในพื้นที่ให้ใชด้ ุลพินจิ พิจารณาสง่ั ประจาสานักงานเขตพื้นท่ี
มีความจาเป็นอย่างยิ่ง อาจส่ังช่วยราชการกรณีกล่าวหาว่ากร ะทาผิดวินัยไม่ร้ายแรง
อ กศจ.ต่อไป โดยอาศัยอานาจตามมาตรา 69 วรรคสองแห่งพระราชบัญญัติระเบียบ
บัญญัตวิ ธิ ปี ฏบิ ัติราชการทางปกครอง พ.ศ. 2539 กรณีกล่าวหาว่าหรอื สงสัยกระทาผิด
นกั งานเขตพนื้ ท่ีการศกึ ษาหรือส่วนราชการ
จริง (สถานศึกษาหรือสานักงานเขตพ้ืนที่การศึกษาหรือสานักงานศึกษาธิการจังหวัด
อเท็จจริง(กรณีสถาน ศึกษาเอกชน)ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว โดยอาจประสานงานกับ
จให้ดาเนนิ การดังน้ี
นยั อย่างร้ายแรง ใหผ้ ู้มอี านาจตามมาตรา 53 แต่งตงั้ คณะกรรมการสอบสวนวนิ ัยอย่าง
อน พร้อมกับรายงานคุรุสภาพิจารณาดาเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง ขณะเดียว กันให้

5

3.2 กรณีมีมูลท่ีควรกล่าวหาว่ากระทาผิด
ดาเนินการสอบสวนใหแ้ ล้วเสร็จโดยเร็ว พร้อมกับรายงานคุรุสภาพ

3.3 กรณีครูเอกชน ให้ตรวจสอบข้อเท็จ
ดุลพินิจพิจารณาส่ังพักงาน และหากผลการสอบสวนปรากฏวา่ มีก
ดาเนนิ การในสว่ นทเี่ กีย่ วขอ้ ง

3.4 กรณผี ลการตรวจสอบ/สืบสวนปราก
3.5 กรณีไมม่ มี ูล ให้ยตุ ิเร่อื งแล้วรายงานผ
3.6 เมอื่ ดาเนนิ การสืบสวน/ตรวจสอบ สอ
ตามลาดบั แล้วใหแ้ ต่ละส่วนราชการ รายงาน ศคพ.ทราบดว้ ย
3.7 แต่งต้งั คณะกรรมการตรวจสอบขอ้ เท
3.8 หากปรากฏวา่ กระทาผิดวินยั อย่างร้า
(4) เมอ่ื ดาเนินการเสรจ็ สิ้นแล้วใหร้ ายงานส่วน

9.2.1.2.2 บทบาทการดาเนนิ การสืบสวนตรวจสอบสอบ
(1) ระดับสถานศกึ ษา
1.1 ให้รายงานหน่วยงานต้นสังกัดทันทีแ

คณะกรรมการสืบสวนขอ้ เทจ็ จรงิ
1.2 กรณีหน่วยงานต้นสงั กัดเห็นว่า ผู้กระ

พื้นท่ีการศึกษาหรือส่วนราชการ กรณีกล่าวหาว่ากระทาผิดวินัยอย่างร้ายแรง หรือหา
สาหรับสานักงานเขตพ้ืนท่ีการศึกษา อาจใช้ดุลพินิจส่ังช่วยราชการก่อนแล้วนาเสนอ
ขา้ ราชการครูและบุคลากรทางการศกึ ษา พ.ศ. 2547 และมาตรา 41(4) แห่งพระราชบ

1.3 คณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง (ส
หน้าท่ี) ดาเนินการสืบสวน/ตรวจสอบข้อเท็จจริง(กรณีสถานศึกษาเอกชน)ให้แล้วเสร็จ
ข้อเท็จจริง เมอ่ื ดาเนนิ การแล้วเสรจ็ ใหด้ าเนินการดังนี้

36

ดวินัยไม่ร้ายแรงให้ผู้บังคับบัญชาแต่งต้ังคณะกรรมการสอบสวนวินัยไม่ร้ายแรง และ
พจิ ารณาดาเนินการในส่วนทีเ่ กย่ี วขอ้ ง
จจริง(ศึกษาธิการจังหวัดหรือสถานศึกษา) หากปรากฏว่ามีมูลให้แจ้งสถานศึกษาใช้
การกระทาผดิ ให้พิจารณาลงโทษตามอานาจหน้าที่ พร้อมกับรายงานคุรุสภาพิจารณา

กฏวา่ มมี ูล ให้รอ้ งทุกข์/กลา่ วโทษตามแต่กรณี
ผลการดาเนนิ การตามลาดับ
อบสวน และพิจารณาดาเนนิ การตามอานาจหน้าท่ีแล้ว ให้รายงานหน่วยงานต้นสังกัด

ท็จจรงิ กรณสี ถานศึกษาเอกชน
ายแรงให้สง่ั ลงโทษตามอานาจหนา้ ที่แล้วรายงานผบู้ ังคบั บัญชา
นราชการตามลาดับ และใหส้ ่วนราชการ ศคม. ตอ่ ไป
บสวนและกากบั ตดิ ตาม

และให้แต่ละส่วนราชการรายงาน ศคม. ทราบด้วย และให้ผู้บังคับบัญชาแต่งต้ัง

ะทาละเมิดหรอื ผู้ถูกกล่าวหา อยู่ในพ้ืนที่ให้ใช้ดุลพินิจพิจารณาส่ังประจาสานักงานเขต
ากมีความจาเปน็ อยา่ งยิง่ อาจส่ังช่วยราชการกรณีกล่าวหาวา่ กระทาผิดวินัยไม่รา้ ยแรง
อ กศจ.ต่อไป โดยอาศัยอานาจตามมาตรา 69 วร รคสองแห่งพระราชบัญญัติระเบียบ
บญั ญัตวิ ธิ ปี ฏิบตั ริ าชการทางปกครอง พ.ศ. 2539
สถานศึกษาหรือสานักงานเขตพื้นท่ีการศึกษาพิจารณาดาเนินการสืบสวนตามอานาจ
จโดยเรว็ โดยอาจประสานงานกับคณะกรรมการ ศคม. ทีมสหวิชาชีพในการสืบสวน

6

1.3.1 กรณีมีมูลที่ควรกล่าวว่ากระท
วินัยอย่างร้ายแรง แล้วพิจารณาส่ังพักราชการหรือส่ังออก
ขณะเดียวกนั ใหด้ าเนนิ การสอบสวนให้แล้วเสร็จโดยเร็ว

1.3.2 กรณมี มี ลู ท่ีควรกลา่ วหาวา่ กร
และดาเนินการสอบสวนให้แลว้ เสร็จโดยเร็วพรอ้ มกับรายง

1.3.3 กรณีครูเอกชน ให้ตรวจสอบ
ใช้ดุลพินิจพิจารณาส่ังพักงาน และหากผลการสอบสวนป
สภาพิจารณาดาเนนิ การในส่วนทเ่ี ก่ียวขอ้ ง

1.3.4 กรณีผลการตรวจสอบ/สืบสว
1.3.5 กรณีไม่มีมูล ให้ยตุ เิ รือ่ งแลว้ ร
1.3.6 เม่ือดาเนินการสืบสวน/ตรวจ
ตน้ สังกัดตามลาดบั แล้วใหแ้ ตล่ ะส่วนราชการ รายงาน ศค

(2) ระดบั สานกั งานเขตพื้นท่กี ารศกึ ษา / หน
2.1 ให้รายงานหน่วยงานต้นสังกัดทันที แ

แต่งตงั้ คณะกรรมการสืบสวนข้อเทจ็ จริงโดยพลัน
2.2 กรณมี ีความจาเป็นอย่างยงิ่ อาจใช้ดุลพ

พน้ื ทก่ี ารศกึ ษา อาจสัง่ ชว่ ยราชการแล้วนาเสนอ กศจ. ตอ่ ไป ตามนยั มาตรา 69 วรรคส
และมาตรา 41(4) แห่งพระราชบัญญัติวิธปี ฏิบัตริ าชการทางปกครอง พ.ศ. 2539

2.3 กรณีกล่าวหาว่าหรือสงสัยกระทาผิด
สานกั งานเขตพ้ืนท่ีการศกึ ษา/ หน่วยงานตน้ สังกัด

2.4 กรณีมีมูลที่ควรกล่าววา่ กระทาผดิ วินัย
รา้ ยแรง แลว้ พิจารณาสงั่ พักราชการหรือสั่งออกจากราชการไว้ก่อน พรอ้ มกบั รายงาน
แลว้ เสร็จโดยเร็ว

37

ทาผิดวนิ ัยอย่างร้ายแรง ให้ผู้มีอานาจตามมาตรา 53 แต่งต้ังคณะกรรมการสอบสวน
กจากราชการไว้ก่อน พร้อมกับรายงานคุรุสภาพิจารณาดาเนินการในส่วนท่ีเก่ียวข้อ ง

ระทาผดิ วินัยไมร่ า้ ยแรงให้ผ้บู งั คับบญั ชาแตง่ ตั้งคณะกรรมการสอบสวนวนิ ยั ไมร่ ้ายแรง
งานครุ ุสภาพจิ ารณาดาเนนิ การในส่วนท่เี ก่ยี วข้อง
บข้อเทจ็ จริง(ศกึ ษาธกิ ารจังหวัดหรอื สถานศกึ ษา) หากปรากฏว่ามีมลู ใหแ้ จ้งสถานศกึ ษา
ปรากฏว่ามีการกระทาผิดให้พิจารณาลงโทษตามอานาจหน้าท่ี พร้อมกับรายงานคุรุ

วนปรากฏว่ามีมลู ใหร้ ้องทุกข์/กล่าวโทษตามแตก่ รณี
รายงานผลการดาเนนิ การตามลาดบั
จสอบ สอบสวน และพิจารณาดาเนินการตามอานาจหน้าที่แลว้ ให้รายงานหน่วยงาน
คม. ทราบดว้ ย
นว่ ยงานตน้ สงั กดั
และให้ผู้บังคับบัญชา(สถานศึกษา/สานักงานเขตพื้นท่ีการศึกษา/ หน่วยงานต้นสังกัด)

พินิจสง่ั ชว่ ยราชการ หากกรณีกลา่ วหาวา่ กระทาผิดวนิ ยั ร้ายแรง สาหรบั สานักงานเขต
สอง แหง่ พระราชบญั ญัตริ ะเบยี บข้าราชการครแู ละบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. 2547

ดวินัยอย่างร้ายแรง ถูกฟ้องหรือกล่าวหาว่ากระทาผิดอาญาให้ใช้ดุลพินิจ ส่ังประจา

ยอย่างรา้ ยแรง ให้ผู้มีอานาจตามมาตรา 53 แต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยอย่าง
นคุรสุ ภาพจิ ารณาดาเนนิ การในส่วนทเี่ กี่ยวข้อง ขณะเดยี วกนั ให้ดาเนนิ การสอบสวนให้

7

2.5 กรณีมีมูลท่ีควรกล่าวหาว่ากระทาผิด
ดาเนนิ การสอบสวนใหแ้ ลว้ เสรจ็ โดยเรว็ พร้อมกับรายงานครุ ุสภาพิจารณาดาเนนิ การใน

2.6 กรณีครูเอกชน ให้ตรวจสอบข้อเท็จ
ดุลพินิจพิจารณาส่ังพักงาน และหากผลการสอบสวนปรากฏวา่ มีการกระทาผดิ ให้พิจา
เกย่ี วข้อง

2.7 กรณผี ลการสืบสวนปรากฏว่ามมี ลู ให
2.8 กรณไี มม่ ีมูล ใหย้ ุติเรอ่ื งแลว้ รายงานผ
2.9 เมื่อดาเนินการสืบสวน สอบสวน และ
แลว้ ใหแ้ ตล่ ะสว่ นราชการ รายงาน ศคม. ทราบด้วย

(3) ระดบั สานกั งานศกึ ษาธิการจงั หวดั
3.1 แต่งต้งั คณะกรรมการตรวจสอบขอ้ เท
3.2 กรณีมีมูลที่ควรกล่าวหาว่ากระทาผิด
ใช้ดุลพินจิ สง่ั พกั ราชการสั่งออกจากรา
3.3 หากปรากฏวา่ กระทาผิดวินยั อย่างร้าย

(4) ระดับสว่ นราชการ
4.1 เมื่อปรากฏกรณีกล่าวหาหรือสงสัยก
ประจาส่วนราชการ
4.2 กรณีกลา่ วหาว่ากระทาผดิ วินยั ไมร่ า้ ยแ
4.3 ใหร้ ายงานข้อเทจ็ จริงทไี่ ด้รับพร้อมกับ

(5) ระดบั ศคม.
กากับตดิ ตามตรวจสอบให้การดาเนินการส

38

ดวินัยไม่ร้ายแรงให้ผู้บังคับบัญชาแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยไม่ร้ายแรง และ
นส่วนที่เก่ยี วขอ้ ง
จจริง(ศึกษาธิการจังหวัดหรือสถานศึกษา) หากปรากฏว่ามีมูลให้แจ้งสถานศึกษาใช้
ารณาลงโทษตามอานาจหน้าที่ พร้อมกับรายงานคุรุสภาพิจารณาดาเนินการในส่วนที่

หร้ ้องทกุ ข/์ กล่าวโทษตามแต่กรณี
ผลการดาเนินการตามลาดับ
ะพิจารณาดาเนินการตามอานาจหน้าที่แล้ว ให้รายงานหน่วยงานต้นสังกัดตามลาดับ

ท็จจริง กรณสี ถานศกึ ษาเอกชน
ดวินัยอย่างร้ายแรงให้ส่งั แต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยอย่างรา้ ยแรง พร้อมกับให้
าชการไว้ก่อน
ยแรงใหส้ ั่งลงโทษตามอานาจหนา้ ท่ีแลว้ รายงานผูบ้ ังคับบญั ชา

กระทาผิดวินัยอย่างร้ายแรง ถูกฟ้องหรือกล่าวหาว่ากระทาผิดอาญา ให้ใช้ดุลพินิจสั่ง

แรง หากมคี วามจาเปน็ อยา่ งยงิ่ อาจใช้ดลุ พินิจสง่ั ช่วยราชการได้ตามอานาจหน้าที่
บพยานหลกั ฐานทเี่ กีย่ วข้อง ตอ่ ศคม. โดยพลัน

สืบสวนสอบสวนเปน็ ไปอยา่ งรวดเร็ว กระชับ รัดกมุ เปน็ ธรรม ตามแตก่ รณี

8

9.2.1.2.2 กรณีครู บคุ ลากรทางการศึกษา หรือบคุ คลใดทกี่ ระทา
(1) เมื่อได้รับแจ้งเหตุกรณีเด็กนักเรียนนักศึกษาได้รับ

ผู้บริหารหน่วยงานทางการศึกษาทราบตามข้อ 9.2.1.2 (4) และ (5) แล้ว ให้ครูผู้รับแ
แต่ในกรณที ม่ี ีเหตจุ าเปน็ หรอื มพี ฤตกิ ารณ์พเิ ศษให้พิจารณาดาเนินการตามทเ่ี ห็นสมคว

(2) กรณีมีเหตุจาเป็นเร่งด่วนที่พยานหลักฐานอาจสญู ห
การเกบ็ พยานหลักฐาน ดาเนนิ การจดั เกบ็ พยานหลักฐานน้ัน อาทิ ถา่ ยภาพร่องรอยบา
ท่ีแสดงข้อความสนทนาท่ีไม่เหมาะสม คุกคาม หรือการสื่อสารท่ีส่อไปในทางเพศ แล
สอบสวนเจ้าของคดีโดยเร็ว

(3) กรณีท่ีเด็กนักเรียนนักศึกษาพร้อมเล่ารายละเอียด
ข้อมูลเหตุการณ์เบ้ืองต้น โดยให้สัมภาษณ์แบบเป็นส่วนตัว เป็นกันเองและในสถานท่ีป
สาเนาขอ้ มูลดังกล่าว แจ้งให้ ศคม. และพนักงานสอบสวนเจา้ ของคดีทราบ

(4) ให้หน่วยงานทางการศึกษาสนับสนุนการดาเนิน
กฎหมายไดอ้ ยา่ งถกู ต้อง เหมาะสม และทนั ท่วงที

9.2.2 แนวทางการประสานงานหนว่ ยงานภายนอก
(1) ให้ครูฝ่ายปกครอง มีหน้าท่ีประสานติดตามความคืบหน

นักเรยี นนักศกึ ษาซ่ึงถกู ละเมดิ จงั หวดั ทราบ
(2) กรณีเปน็ เหตคุ วามรุนแรงทางเพศ ให้มีหนังสือแจง้ ไปยังส

02146/18 ลงวันท่ี 12 พฤษภาคม 2563 เรียน ผบู้ ญั ชาการตารวจแห่งชาติ เรอื่ งขอคว
(3) กรณีทม่ี กี ารประชุมทมี สหวชิ าชีพเพือ่ ชว่ ยเหลือและคุม้ คร

ดว้ ย เพ่ือการวางแผนดาเนนิ งานอย่างรอบดา้ น

9.2.3 แนวทางการดาเนินงานร่วมกบั เดก็ นกั เรยี นนกั ศกึ ษาและคร
ใหค้ รแู นะแนวหรือครูผู้ท่ีไดร้ บั มอบหมาย และ/หรอื นกั จติ วิทย

ทั้งในโรงเรียน ในครอบครัว และชุมชน ท้ังการติดตามเยี่ยมบ้านและการสอบถามควา
ความหวาดกลัว ให้แจ้งไปยังพนกั งานเจา้ หนา้ ทคี่ ุ้มครองเด็ก เพือ่ หารือหน่วยงานทเี่ กีย่

39

าความรนุ แรงตอ่ เด็กนักเรยี นนักศึกษาซ่งึ มโี ทษทางอาญา
บความรุนแรง และรายงานต่อผู้บังคับบัญชาหรือผู้บริหารสถานศึกษา/ผู้รักษาการ/
แจ้งหรือครูผู้ได้รับมอบหมาย ดาเนินการจัดให้ผู้เสียหายไปร้องทุกข์ตามกฎหมาย เว้น
วร
หายหรือสูญเสียคุณค่า ให้ครูแนะแนวหรือครูผู้ทราบเหตุ ซ่ึงมีความรู้ความเข้าใจดา้ น
าดแผลทางกาย, คัดลอกทีอ่ ยู่ URL ทีป่ รากฎการกระทาผิด, ถา่ ยภาพหนา้ จอโทรศัพท์
ละข้อความสนทนาท่ีแสดงความบริสุทธ์ใจของคู่สนทนา เป็นต้น เพ่ือส่งให้พนักงาน

ดเหตุการณ์ ให้ครูแนะแนวหรือนักจิตวิทยาเขต หรือครูผู้ได้รับมอบหมาย สัมภาษณ์
ปลอดภัย และบันทึกเพิ่มเติมข้อมูลไว้ในแบบฟอร์มการแจ้งเหตุ ศคม.01 พร้อมทั้งส่ง

งานของเจ้าพนักงานตารวจ เพื่อให้สามารถพิสูจน์ข้อเท็จจริงและดาเนินการตาม

น้าทางคดี แล้วแจ้งรายงานให้ผู้บังคับบัญชาและคณะทางานคุ้มครองและช่วยเหลือ

สถานตี ารวจทีร่ ับผิดชอบให้พิจารณาดาเนินการตามหนังสือกระทรวงศึกษาธิการท่ี ศธ
วามอนุเคราะหใ์ นกรณนี ักเรยี นนักศึกษาถูกล่วงละเมิดทางเพศ
รองเด็กนักเรยี นนักศึกษาผู้ถูกละเมิดใหป้ ระสานแจ้งพนักงานตารวจเจา้ ของคดีเข้าร่วม

รอบครวั
ยาประจาสานักงานเขตพื้นที่การศึกษาข้ันพื้นฐาน ติดตามเร่ืองความปลอดภัยของเด็ก
ามเป็นอยู่จากเด็กเป็นระยะ หากพบว่าเด็กและครอบครัวถูกคุกคามหรือถูกทาให้เกิด
ยวข้องและดาเนนิ การให้เด็กและครอบครัวไดร้ ับความปลอดภัยโดยเร็ว

9

9.2.4 ผังแนวทางการดาเนนิ การตามมาตรการปราบปราม
40



9.3 แนวทางการดาเนินงานตามมาตรการชว่ ยเหลอื คุ้มครอง

การดาเนินงานตามมาตรการชว่ ยเหลือคุ้มครอง เป็นการดาเนินการเพ่ือให้เด็กนักเรยี นนักศกึ ษา
ผู้ถูกละเมิดได้รับการช่วยเหลือคุ้มครองโดยคานึงถึงประโยชน์สูงสุดของเด็กเป็นสาคัญ เพื่อให้เด็กได้รับการ
บาบัด ฟ้ืนฟู เยียวยา ได้รับการเสริมพลังอย่างรอบด้าน จนสามารถคืนสู่สภาวะปกติที่สามารถดาเนินชวี ติ และ
พฒั นาตนเองไดอ้ ยา่ งเต็มความสามารถและเปน็ ปกติสุข

9.3.1 แนวทางการดาเนนิ งานของหน่วยงานในสังกดั กระทรวงศกึ ษา
9.3.1.1 การเตรยี มความพร้อม
ศคม.
(1) ศคม. พัฒนาหลักสูตรกลางเพ่ืออบรมความรู้ด้านการช่วยเหลือคุ้มครองเด็ก

นกั เรยี นนกั ศึกษาทถี่ ูกละเมดิ ให้แกผ่ ู้บริหารสถานศึกษา/ผู้รกั ษาการ ครูแนะแนว นกั จิตวทิ ยาประจาสานกั งาน
เขตพนื้ ทก่ี ารศึกษา และครูทีไ่ ด้รบั มอบหมาย

(2) ศคม. ส่งเสริมการพัฒนาบุคลากรผู้ทาหน้าท่ีช่วยเหลือคุ้มครองเด็กนักเรียน
นักศึกษาที่เป็นผู้มีบทบาทสาคัญในการช่วยเหลือและคุ้มครองนักเรียนนักศึกษาจากการถูกละเมิดและ กระทา
รุนแรงทุกรูปแบบ

คณะทางานคุม้ ครองและชว่ ยเหลือนักเรียนนกั ศึกษาซง่ึ ถกู ละเมิดจังหวัด
(1) ดาเนินการจัดการฝึกอบรมให้แก่ผู้บริหารสถานศึกษา/ผู้รักษาการ ครูแนะ
แนว นักจิตวิทยาประจาสานักงานเขตพื้นที่การศึกษา และบุคลากรที่ได้รับมอบหมายในพ้ืนท่ีรับผิดชอบ เพื่อ
พัฒนาความรู้ด้านการช่วยเหลือคุ้มครองเด็กนักเรียนนักศึกษาที่ถูกละเมิดอย่างถูกต้อง รอบด้านและเกิด
ประโยชน์สงู สุดกบั เด็กเปน็ สาคญั
(2) กาหนดมาตรการช่วยเหลือคุ้มครองเด็กนักเรียนนักศึกษา โดยอาศัยพื้นฐาน
จากนโยบายคุ้มครองเด็ก เพ่ือกาหนดกลไกและวิธีการในการประสานงานและส่งต่อเร่ือง เพ่ือช่วยเหลือ
คุ้มครองเด็กนักเรียนนักศึกษาซึ่งถูกละเมิดให้สามารถเข้าถึงบริการต่างๆ ได้อย่างทันท่วงที รอบด้าน และ
ลดการกระทาซา้
(3) ประกาศให้โรงเรียน สถานศึกษา และหน่วยงานทางการศึกษาในพ้ืนที่ท่ี
รับผิดชอบทราบ เข้าใจ และสามารถดาเนินงานตามมาตรการชว่ ยเหลือคุ้มครองเด็กนกั เรียนนักศึกษาไดอ้ ย่าง
เตม็ ศักยภาพ
สถานศกึ ษา
(1) ผู้บริหารสถานศึกษา/ผู้รักษาการหรือหน่วยงานทางการศึกษา ประชุมช้ีแจง
และซักซ้อมความเข้าใจกับบุคลากรในโรงเรียน เพื่อให้เข้าใจแนวทางการช่วยเหลือคุ้มครองเด็กนักเรียน
นักศึกษาทีถ่ ูกละเมดิ และสามารถดาเนินการตามมาตรการชว่ ยเหลอื คุม้ ครองที่ ศคม.กาหนดได้

9.3.1.2 แนวทางการช่วยเหลอื คุม้ ครองเด็กนกั เรยี นนกั ศึกษาผ้ถู กู ละเมดิ
ระดบั สถานศกึ ษา
เมื่อได้รับแจ้งเหตุกรณีเด็กนักเรียนนักศึกษาได้รับความรุนแรง และรายงานต่อ

ผู้บังคับบัญชาหรือผู้บริหารสถานศึกษา/ผู้รักษาการ/ผู้บริหารหน่วยงานทางการศึกษาทราบตามข้อ 9.2.1.2 (4)
และ (5) แล้ว

41

(1) ให้ผรู้ ับแจ้งเหตุเข้าถงึ ตัวเด็กนักเรียนนักศึกษาผู้ถูกละเมิดให้เรว็ และเหมาะสม
ที่สดุ เพือ่ ช่วยเหลือคุ้มครองให้เด็กได้รับความปลอดภัยทันที โดยพิจารณาระดับความรุนแรงและปัจจัยคุกคาม
ท่ีอาจเกิดขึ้นกับเด็กประกอบการดาเนินการ อาทิ การจัดให้เด็กอยู่ในสถานท่ีปลอดภัย การดาเนินการใดๆ
เพื่อไม่เด็กถูกคุกคามซ้า ลดการเผชิญหน้าระหว่างเดก็ กับผู้ละเมิดหรือผู้ต้องสงสัยว่าละเมิดเด็ก เป็นต้น ซ่ึงผู้ที่
สามารถเข้าถึงตัวเด็ก ได้แก่ ผู้ปกครอง บุคคลในสถานศึกษา บุคคลท่ีเด็กไว้ใจ นักจิตวิทยาโรงเรียนประจา
สานกั งานเขตพ้นื ที่การศกึ ษา พนักงานเจ้าหน้าที่คมุ้ ครองเดก็

(2) ผู้บริหาร ครู และบุคลากรทางการศึกษา ต้องไม่เข้าไปมีส่วนในการไกล่เกลี่ย
ระหวา่ งเดก็ ผเู้ สียหายและครอบครัว กบั ผู้ต้องสงสัยหรือผกู้ ระทาผดิ

(3) เม่ือครูแนะแนวหรือครูท่ีได้รับมอบหมายรับทราบรับรู้ว่ามีการกระทาการ
ละเมิดหรือกระทาความรุนแรงต่อเด็ก ควรให้การดูแลในเบ้ืองต้น เช่น ดูแลสภาพร่างกาย พูดคุยให้รู้สึกผ่อน
คลาย ฯ และหากเด็กนักเรียนนักศึกษาผู้ถูกละเมิดพร้อมเล่ารายละเอียดเหตุการณ์ ให้ครูแนะแนวหรือครูที่
ได้รับมอบหมาย มีกระบวนการสัมภาษณ์เพื่อขอทราบข้อเท็จจริง โดยจัดให้มีการสัมภาษณ์แบบเป็นส่วนตัว
เป็นกันเองและในสถานท่ีปลอดภัย และบันทึกเพ่ิมเติมข้อมูลไว้ในแบบฟอร์มช่วยเหลือคุ้มครองเด็ก ศคม.01
พร้อมทั้งสง่ สาเนาขอ้ มูลดงั กลา่ วแจ้งให้ ศคม. และพนกั งานเจา้ หนา้ ทต่ี ามพระราชบญั ญัติคุม้ ครองเด็กทราบ

(4) ให้ครูแนะแนวหรือครูที่ได้รับมอบหมาย หรือนักจิตวิทยาประจาเขตพื้นที่
การศกึ ษา รับฟังและให้ปรึกษา ดาเนนิ การช่วยเหลือให้เด็กนักเรยี นนักศึกษาพ้นจากการถกู กระทาหรือผลจาก
การถกู กระทา ประเมินผลและตดิ ตามผลการให้ความช่วยเหลือ

(5) เมื่อเป็นท่ีปรากฏชัดหรือน่าสงสัยว่านักเรียนนักศึกษาถูกทารุณกรรม4 ให้ครู
แนะแนวหรือครูที่ได้รับมอบหมายดาเนินการตามมาตรา 29 วรรค 2 พระราชบัญญัติคุ้มครองเด็ก พ.ศ. 2546
แจ้งให้พนักงานเจ้าหน้าที่คุ้มครองเด็กทราบ ภายใน 24 ชม. พร้อมทั้งสนับสนุนการดาเนินงานของพนักงาน
เจ้าหน้าท่นี ้นั กรณีท่ไี ม่รายงานหรอื รายงานล่าช้า ใหถ้ ือว่ามคี วามผดิ ทางวนิ ยั ด้วย

(6) การดาเนินการใดๆ จาเป็นต้องยึดหลักการรักษาความลับของเด็ก โดย
คานึงถึงประโยชน์สูงสุดของเด็กเป็นสาคัญ เว้นแต่การเปิดเผยข้อมูลเพื่อประโยชน์แห่งการช่วยเหลือคุ้มครอง
เด็กเท่าน้ัน

(7) ใหค้ รแู นะแนวหรือครูทไ่ี ด้รบั มอบหมาย หรือนกั จิตวทิ ยาประจาสานกั งานเขต
พื้นที่การศึกษา เข้าร่วมในทีมสหวิชาชพี เพ่ือร่วมดาเนินการตามกระบวนการคุ้มครองเด็ก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง
ในกระบวนการสืบค้นข้อเท็จจริง การประเมินความต้องการบริการและการกาหนดแนวทางดาเนินการของ
พนักงานเจา้ หน้าท่ีค้มุ ครองเด็ก ตลอดจนประเมนิ ผลลัพธ์ของการให้บรกิ าร

(8) กรณีที่เป็นข่าวและมีสื่อมวลชนเข้าติดตามสถานการณ์ ให้ครูแนะแนวหรอื ครู
ท่ีได้รับมอบหมาย และหน่วยงานการศึกษา และหน่วยราชการต้นสังกัด มีหน้าท่ีดาเนินการคุ้มครองเด็กจาก
การถูกโฆษณาหรือเผยแพร่ข้อมูลเก่ียวกับตัวเด็กหรือผู้ปกครองที่อาจมีผลให้เกิดความเสียหายแก่จิตใจ
ช่ือเสียง เกียรติคุณ หรือสิทธิประโยชน์อ่ืนใดของเด็ก ให้เป็นไปตามมาตรา 27 พระราชบัญญัติคุ้มครองเด็ก
พ.ศ. 2546 และให้สถานศึกษาประมวลสถานการณ์แล้วรายงานตอ่ ต้นสังกัดทันทีตามชอ่ งทางการสอื่ สาร เชน่
จดหมายอเิ ล็กทรอนิกส์ ส่อื สงั คมออนไลน์ โทรศัพท์ โทรสาร และหนังสือรับรอง เปน็ ต้น

4 ทารณุ กรรม หมายถงึ การกระทาหรือละเว้นการกระทาด้วยประการใดๆ จนเปน็ เหตใุ ห้เด็กเส่อื มเสียเสรีภาพหรอื เกดิ อนั ตรายแก่ร่างกายหรือ
จิตใจ การกระทาผิดทางเพศตอ่ เด็ก การใชเ้ ด็กใหก้ ระทาหรอื ประพฤตใิ นลกั ษณะท่ีน่าจะเปน็ อนั ตรายแก่รา่ งกายหรือจิตใจหรือขัดตอ่ กฎหมายหรือ
ศีลธรรมอนั ดี ทง้ั นี้ ไมว่ า่ เด็กจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม

42

(9) กรณีเด็กได้รับการคุ้มครองสวัสดิภาพในบ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัด
หรือสถานคุ้มครองเฉพาะ ให้ครูแนะแนวหรือครูท่ีได้รับมอบหมายมีหน้าท่ีติดตามความคืบหน้าด้านการ
ช่วยเหลือค้มุ ครองเดก็ เปน็ ระยะ

(10)กรณีท่ีเด็กยังสามารถมาเรียนได้ตามปกติ ให้ครูแนะแนวหรือครูที่ได้รับ
มอบหมาย มีหน้าทดี่ ูแล ใหค้ าปรกึ ษา และใหค้ วามเป็นกันเองกับเด็ก เพื่อตดิ ตามและประเมินผลกระทบท่ีเกิด
ขน้ึ กับเด็กอย่างรอบด้าน ทงั้ ผลกระทบทางร่างกาย ทางจติ ใจ ทางดา้ นการศึกษา ความปลอดภัย ความเป็นอยู่
ของเด็ก พฤติกรรมและความสัมพนั ธ์ของเดก็ กบั บุคคลรอบข้าง การเล้ยี งดขู องครอบครวั เปน็ ต้น

หากปรากฎหรือสังสัยว่าเด็กอาจไม่ปลอดภัยหรือเกิดอันตรายใดๆ ให้
ครูแนะแนวหรือครูที่ได้รับมอบหมาย รายงานข้อมูลเกี่ยวกับตัวเด็กและครอบครัว โดยเฉพาะอย่างยิ่ง
พฤติการณ์ที่อาจทาให้เกิดความไม่ปลอดภัยหรือก่อให้เกิดอันตรายแก่เด็กให้พนักงานเจ้าหน้าท่ีทราบ เพ่ือใช้
ประเมินเบอ้ื งต้นสาหรับกาหนดวธิ กี ารเฉพาะหนา้ เพ่ือใหเ้ ด็กปลอดภัย

(11) กรณีที่พบว่ามีผลกระทบเกิดข้ึนกับเด็ก ในข้อ (6) – (8) ท่ีจาเป็นต้อง
ประสานความช่วยเหลือจากหน่วยงานทเ่ี กีย่ วข้องทงั้ ภาครัฐและภาคประชาสังคม ใหค้ รูแนะแนวหรือครทู ี่ได้รับ
มอบหมายแจง้ ให้ผ้บู รหิ ารโรงเรียนหรอื สถานศกึ ษาทราบ

(12) ผู้บริหารโรงเรียน/สถานศึกษา กากับ ดูแล และอานวยการเพื่อให้ความ
ช่วยเหลือคุ้มครองเบื้องต้น พร้อมประสานการทางานให้การช่วยเหลือคุ้มครองกับหน่วยสหวิชาชีพในพื้นที่
พรอ้ มรายงานผบู้ งั คบั บญั ชา

(13) กรณีทเ่ี ดก็ จาเปน็ และ/หรอื ประสงค์ย้ายสถานศึกษา ให้ผู้บรหิ ารสถานศึกษา/
ผู้รักษาการประสานไปยังสถานศึกษาเป้าหมาย เพ่ือให้เด็กสามารถย้ายสถานที่เรียนได้ ทั้งนี้ ต้องดาเนินการ
โดยกระบวนการท่ีเหมาะสม รักษาความเป็นส่วนตัวและความลับ รวมถึงคานึงถึงการใช้ชีวิตได้โดยปกติของ
เด็ก

(14)หน่วยงานทางการศึกษาควรส่งเสริมให้เด็กไดศ้ กึ ษาอย่างต่อเนื่อง
(15) คณะทางานคุ้มครองและช่วยเหลือนักเรียนนักศึกษาซ่ึงถูกละเมิดจังหวัด
ตดิ ตามและรายงานการดแู ลชว่ ยเหลือเด็กผูป้ ระสบเหตุจนจบการศึกษาภาคบังคับ
(16) สถานศึกษามีหน้าที่รายงานเหตุต่อหน่วยงานต้นสังกัด ศคม. และหน่วยงาน
ที่เก่ียวข้องด้านการคุ้มครองช่วยเหลือเด็กโดยทันทีกรณีท่ีไม่รายงานหรือรายงานล่าชา้ ให้ถือว่ามีความผิดทาง
วินัยดว้ ย

ระดบั จงั หวัด เขตพื้นท่ีการศึกษา หน่วยงานตน้ สงั กดั
(1) กากับดูแล ส่งเสริม และสนับสนุนให้โรงเรียน สถานศึกษา และหน่วยงาน
ทางการศึกษา สามารถดาเนินงานตามมาตรการท่ีกาหนด และสามารถให้ความร่วมมือและสนับสนุนการ
ดาเนนิ งานของพนักงานเจ้าหนา้ ท่คี มุ้ ครองเด็กและทีมสหวชิ าชีพได้
(2) ในกรณีท่ีเด็กนักเรียนนักศึกษาผู้ถูกละเมิดจาเป็นต้องได้รับการช่วยเหลือ
อย่างเร่งด่วน หรือกรณีที่มีปัญหาซับซ้อน หรือกรณีท่ีต้องได้รับบริการจากหลายหน่วยงาน ให้สานักงานเขต
พื้นที่การศึกษามอบหมายนักจิตวิทยาประจาสานักงานเขตพื้นที่การศึกษา ทางานร่วมกับโรงเรียนหรือ
สถานศึกษาที่เด็กสังกัดอยู่และหน่วยงานท่ีเกี่ยวข้องและทีมสหวิชาชีพอย่างใกล้ชิดและรายงานผลให้ ศคม.
ทราบ ตามแบบ ศคม.02

43

สาระควรรู้ เพื่อการช่วยเหลือคุม้ ครองเด็ก

ส่งิ ทค่ี วรทาและไม่ควรทาเม่ือไดร้ ับการบอกเล่าจากเด็ก วา่ ถูกกระทาความรนุ แรงหรือถูกละเมิดทางเพศ

ส่งิ ทีส่ าคัญที่สดุ คอื การทาใหเ้ ดก็ รู้สึกปลอดภัยและไดร้ บั ความเข้าใจและเหน็ ใจ ปฏิกริ ิยาของคณุ
จะมผี ลต่อเดก็ มาก ต่อการที่จะขอความช่วยเหลือต่อไปและการฟื้นคนื สภาพจากประสบการณ์
ทีเ่ ลวรา้ ยน้ัน

ส่ิงท่คี วรทาคือ:

 จัดให้เด็กอยใู่ นสถานทีท่ ี่ปลอดภยั
 ให้ความสนใจเดก็ อยา่ งเต็มท่ี หยดุ ทุกอย่างท่ีกาลังทาอยแู่ ลว้ หนั มาน่ังฟงั พจิ ารณาว่า

สภาพแวดล้อมขณะน้นั ใหค้ วามรสู้ กึ ปลอดภัยกบั เดก็ หรือไม่ เชน่ ถา้ มคี นพลุกพล่าน
อาจเดินออกมาให้ห่างพอท่ีคนอ่ืน ๆ จะไม่ได้ยิน หรือขนึ้ อยูก่ บั ว่าเด็กต้องการความเป็น
สว่ นตวั ในระดบั ไหน
 พยายามรกั ษาอารมณ์ใหส้ งบ แสดงท่าทีท่ีหนกั แนน่ มั่นคง และอบอุ่น แม้ว่าคณุ อาจ
รสู้ กึ โกรธ ขยะแขยง เศร้าใจ หรอื ไม่อยากเชื่อ แต่คณุ ตอ้ งเกบ็ ความรสู้ กึ เหลา่ น้ีไวก้ อ่ น
และมงุ่ ความสนใจอยู่ท่ีการช่วยเหลือเด็กก่อน
 บอกเดก็ ใหร้ ู้วา่ ทาถกู แลว้ ทม่ี าบอก ชมในความกลา้ หาญของเขา หรอื ขอบคุณท่ีเขามา
บอกใหร้ ูเ้ พื่อจะช่วยเขาได้
 ยอมรบั วา่ เด็กจะบอกเท่าทีพ่ อจะบอกไดห้ รอื สบายใจทจี่ ะบอกเท่านน้ั เดก็ อาจจะยังไม่
พร้อมทจ่ี ะเลา่ ทกุ อย่างในครั้งเดยี ว
 ให้เวลาเดก็ พดู บางเรื่องเด็กอาจลาบากใจ อาย หรือกลัวมาก ต้องรวบรวมความกล้า
ก่อนทจ่ี ะพดู ออกมาได้
 ให้เดก็ ใช้คาพูดหรอื ภาษาท่ีเขาเขา้ ใจในการสื่อสาร หากไม่เข้าใจใหถ้ ามโดยใชค้ าถาม
ปลายเปดิ เช่น “เลา่ ให้ครฟู ังสวิ า่ เกดิ อะไรข้ึน?” “มันทาให้หนูรู้สึกอย่างไร?” “หนู
อยากให้ครูช่วยอะไรบา้ ง?” หรือประโยคคาพูดท่ีกระตุ้นให้เขาพูดไดเ้ ต็มที่ เช่น “เลา่ ให้
ฟงั ไดอ้ ีกนะ”
 บอกใหเ้ ด็กรู้ว่าคุณคิดจะทาอะไรต่อไปเพื่อเปน็ การช่วยเหลือเขา
 ตดิ ต่อหนว่ ยงานหรอื บคุ ลากรวชิ าชีพท่ีมีอานาจหนา้ ท่ีเกยี่ วกบั เรื่องน้ี เชน่ เจา้ พนกั งาน
คุ้มครองเด็ก กรรมการค้มุ ครองเดก็ ของโรงเรียน เพอื่ ให้ดาเนินการตอ่

44

สงิ่ ที่ไมค่ วรทา คอื

 ไมค่ วรตาหนหิ รอื ซ้าเติม หรือแสดงอารมณ์รุนแรง
 ไม่ควรแสดงอาการสงสัย ไม่เช่อื หรือปฏิเสธ หรือทาใหเ้ ปน็ เร่ืองเล็ก เช่นพดู ว่า “เขา

หยอกเล่นมงั๊ ?” หรอื “เขาเป็นคนมีตาแหนง่ มกี ารศึกษา เขาไม่คิดอยา่ งนนั้ หรอก”
 ไมค่ วรถามนาหรือเติมความคิดเหน็ ให้เดก็ เช่น “เขาทุบตหี นูดว้ ยหรือเปล่า?” หรือ

“เขาทาใหห้ นกู ลัวไหม?”
 ไม่ควรซกั ถามในลกั ษณะท่เี หมือนกบั สงสัยหรือตาหนิ เช่น “แลว้ เธอไดร้ อ้ งให้ใครช่วย

ไหม?” หรอื “เธอไดพ้ ยายามขดั ขืนต่อสู้ไหม?” หรือ “แลว้ ทาไมเธอไปกับเขาสองต่อ
สองล่ะ?”
 ไมค่ วรซักถามรายละเอียดของเหตกุ ารณ์กับเดก็ เพราะนอกจากจะเปน็ การ
กระทบกระเทือนจิตใจเด็กแล้ว ยังอาจทาใหเ้ ดก็ รู้สึกถูกกดดนั ดว้ ย การซกั ถามหรือ
สัมภาษณเ์ พ่ือหาข้อเท็จจริงควรเปน็ หน้าทข่ี องเจ้าพนักงานค้มุ ครองเด็กหรอื บคุ คลากร
ทางสขุ ภาพจิตทไี่ ดร้ บั การอบรมมาทางนี้แลว้ จึงจะเปน็ ประโยชน์และไมเ่ ป็นอันตรายต่อ
เด็ก การซักถามโดยคนท่ีไมไ่ ดท้ างานดา้ นนมี้ ักเป็นการซกั ถามเพราะความอยากรู้อยาก
เห็นของตนเองมากกว่า และไม่ได้เป็นไปเพอ่ื ประโยชนข์ องเดก็
 ไมค่ วรแสดงความโกรธแคน้ ต่อผู้กระทา บางครัง้ ผู้กระทาอาจเป็นคนท่ีเด็กรสู้ กึ รักและ
ผกู พันดว้ ยแมว้ ่าเด็กอาจสับสนและมคี วามรู้สึกหลายอย่างปนกันหรอื ขัดแย้งกนั อยู่
(เชน่ ทง้ั รัก โกรธ กลัว)
 ไมค่ วรไปเผชญิ หน้ากบั ผูก้ ระทา เพราะอาจทาให้เหตกุ ารณ์ลุกลาม เป็นอนั ตรายต่อเดก็
และครอบครวั หรือผู้กระทาอาจคิดหาวิธีกลบเกล่ือนความผดิ ทาลายหลักฐานก่อนท่ี
จะมีการดาเนนิ การตามกฎหมายอยา่ งเหมาะสม
 ไมค่ วรใหส้ ญั ญาทเ่ี ราจะทาตามไม่ได้ เชน่ สัญญาวา่ จะไม่บอกใคร เพราะเราจาเป็น
จะต้องบอกผู้ที่มอี านาจหน้าท่ีจดั การในเรื่องนี้ เพ่ือให้เด็กได้รับความช่วยเหลือหรือ
บรกิ ารทเ่ี หมาะสม

45

9.3.2 แนวทางการประสานงานหนว่ ยงานภายนอกเพื่อช่วยเหลือคมุ้ ครอง
ให้สถานศึกษาหรือหน่วยงานทางการศึกษาประสานงานไปยังหน่วยงานต่างๆ

ที่เก่ยี วขอ้ งตามแตล่ ะกรณี เพื่อให้เด็กนักเรียนนกั ศกึ ษาซึ่งถูกละเมิดได้รับการช่วยเหลือคมุ้ ครองอย่างเหมาะสม
มีโอกาสได้รับการตรวจ/ประเมิน รักษา ฟื้นฟู เยียวยา ชดเชย พัฒนา กลับคืนสู่สภาวะปกติ และอยู่ในสภาพ
สงั คมที่ปลอดภยั

 หนว่ ยงานทางการแพทย์

 หน่วยงานในสังกดั กระทรวงการพัฒนาสงั คมและความม่นั คงของมนุษย์
 สานักงานอยั การ
 สานกั งานยุตธิ รรมจังหวัด
 ฝา่ ยปกครอง
 องค์กรพฒั นาเอกชนหรือภาคประชาสงั คม
โดยแต่ละหนว่ ยงาน มีแนวทางการดาเนนิ งาน ดังนี้

(1) หนว่ ยงานทางการแพทย์
เด็กนักเรียนนักศึกษาซ่ึงถูกละเมิด มีความจาเป็นอย่างมากที่ต้องได้รับการตรวจ

ประเมินร่างกายและจิตใจ โดยเด็กและผู้ปกครองให้ความยินยอมในการดาเนินการดังกล่าว ทั้งน้ี เพื่อเก็บ
พยานหลักฐานในคดีและวินิจฉัยเพื่อให้บริการทางการแพทย์ ซึ่งกรณีความรุนแรงต่อเด็กมีหน่วยให้บริการ
โดยตรงของกระทรวงสาธารณสขุ คือ ศนู ยบ์ ริการชว่ ยเหลือเด็กและสตรีที่ถูกกระทารุนแรง (One Stop Crisis
Center, OSCC) หรือ “ศูนย์พ่ึงได้” ท่ีให้บริการฉุกเฉินทางการแพทย์โดยไม่คิดค่าใช้จ่ายจากเด็กผู้ถูกละเมิด
หรอื ถูกใชค้ วามรุนแรง รวมถงึ การตรวจรักษาพยาบาลทางดา้ นร่างกายและจิตใจของเด็ก

ครูแนะแนวหรือครูผู้ได้รับมอบหมาย หรือนักจิตวิทยาประจาสานักงานเขตพ้ืนที่
การศึกษา ควรประสานแจ้งผู้ปกครองและพาเด็กนักเรียนนักศึกษาผู้ถูกกระทา เข้ารับบริการทางการแพทย์ท่ี
ศูนย์พ่ึงได้ ณ โรงพยาบาลจังหวัด ที่มีบทบาทด้านการคัดกรองและช่วยเหลือเด็กที่ถูกกระทาความรุนแรง
ประสานหนว่ ยงานท่ีเก่ียวข้อง ให้บรกิ ารทางการแพทย์ ตรวจรกั ษา ใหค้ าปรกึ ษา/แนะนาทางด้านจิตใจแก่เด็ก
และครอบครัว รวมถงึ ให้การดูแลรกั ษาตอ่ เนื่อง

(2) หน่วยงานในสงั กดั กระทรวงการพฒั นาสังคมและความมน่ั คงของมนษุ ย์
บุคลากรในสถานศึกษาและหน่วยงานทางการศึกษา สามารถส่งเสริม สนับสนุน

ให้ความร่วมมือและติดตามในกระบวนการคุ้มครองเด็ก ท่ีดาเนินการโดยพนักงานเจ้าหน้าท่ีตาม
พระราชบัญญัติคุ้มครองเด็ก พ.ศ. 2546 และเจ้าหน้าท่ีสังกัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของ
มนุษย์ได้ ซึ่งหน่วยงานในสังกัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมมั่นคงของมนุษย์ มี 2 หน่วยงานหลัก
ท่ดี าเนนิ งานดา้ นการชว่ ยเหลอื คมุ้ ครองเดก็ ซึง่ แตล่ ะหนว่ ยงานมีแนวทางการดาเนนิ งาน ดงั นี้

2.1 สานักพัฒนาสังคมกรุงเทพ และสานกั งานพฒั นาสังคมและความม่นั คง
ของมนุษยจ์ งั หวดั
1) ใหพ้ นักงานเจ้าหน้าทฯ่ี ลงพื้นทตี่ รวจสอบข้อเทจ็ จริงร่วมกับทีมสหวชิ าชพี
2) ร่วมประชุมวางแผนและดาเนินการคุ้มครองและช่วยเหลือนักเรียน

นกั ศกึ ษารว่ มกับสถานศกึ ษา และทมี สหวิชาชีพ

46

3) ประสานให้นักเรียนนักศึกษาที่ถูกละเมิดได้รับการช่วยเหลือเยียวยาจาก
กองทนุ ของรฐั

4) จัดให้มีนักสังคมสงเคราะห์และพนักงานเจ้าหน้าที่ เพื่อรับผิดชอบในการ
รบั แจ้งเหตุและดาเนนิ การตามกระบวนการปฏบิ ัตงิ านค้มุ ครองเด็ก

5) จัดให้มีและพัฒนากลไกสนับสนุนการปฏิบัติงานคุ้มครองเด็ก (รายกรณี)
กล่าวคือ

5.1 ประสานงานกับหน่วยงานท่ีเกี่ยวข้อง เพ่ือพิจารณาและกาหนด
แนวทางปฏบิ ัติงานค้มุ ครองเดก็ (รายกรณ)ี ในจงั หวดั

5.2 ดาเนินการหรือประสานงานกับหน่วยงานที่เก่ียวข้องในจังหวัดเพ่ือ
กาหนดให้มีหน่วยงานกลางเพื่อรับผิดชอบในการข้ึนทะเบียนเคส จัดทาและเก็บรวบรวม Case
Profile ในจงั หวัด

5.3 การดาเนินการจัดตั้งและสนับสนุนให้มีเครือข่ายผู้เช่ียวชาญสาขา
สงั คมสงเคราะห์และการแพทย์เพ่ือสนับสนุนการทางานของพนักงานเจ้าหน้าท่ีและทีมสหวิชาชีพ
รวมถึงให้ความเห็นทางวิชาชีพแก่ศาลเยาวชนและครอบครัวในการพิจารณาออกคาส่ังต่าง ๆ ท่ี
เกยี่ วขอ้ งกับนักเรียนนกั ศกึ ษา

5.4 จัดให้มีเครือข่ายครอบครัวอุปถัมภ์ โดยเสาะหาครอบครัวท่ีสมัครใจ
และมีศักยภาพในการทาหน้าท่ีครอบครัวอุปถัมภ์ พร้อมท้ังจัดให้มีการเตรียมความพร้อมและ
กลไกสนับสนุนสาหรับการทาหน้าท่ีครอบครวั อุปถัมภ์

5.5 ดาเนินการหรือประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในการดูแล
ตรวจสอบ และสนับสนุนช่วยเหลือ ผู้ให้บริการดูแลและคุ้มครองเด็กในจังหวัด เช่น บ้านพักเด็ก
และครอบครัว สถานแรกรับ สถานสงเคราะห์ สถานพัฒนาและพ้ืนฟู ให้สามารถดูแลนักเรียน
นักศึกษาได้ตามมาตรฐานข้ันต่าและให้ความปลอดภัยในระหว่างที่นักเรียนนักศึกษาได้รับการ
ชว่ ยเหลอื พักอาศัยอยู่เปน็ กรณีชวั่ คราวในสถานทดี่ ังกล่าว

5.6 สนับสนุนและจัดหางบประมาณสาหรับการปฏิบัติงานคุ้มครอง
นักเรียนนักศึกษาซ่ึงอาจดาเนินการได้หลายแนวทา งเช่น จัดสรรงบประมาณหน่วยงาน หรือ
กองทนุ คุม้ ครองเดก็ เงินบรจิ าคจากภาคเอกชน เปน็ ตน้

5.7 สนับสนุนให้มีกลไกพัฒนาศักยภาพเจ้าหน้าที่ภาครัฐ ผู้ประกอบ
วชิ าชพี องค์กรเอกชนและเครอื ขา่ ยอาสาสมัครในการปฏิบัตงิ าน

6) ประสานงานกับบุคคลหรือหน่วยงานท่ีเก่ียวข้องเพ่ือให้ดาเนินการตาม
กระบวนการปฏิบัติงานคุ้มครองนักเรียนนักศึกษาโดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีที่พนักงานเจา้ หนา้ ท่ีหรือผบู้ ริหาร
จดั การกรณี (Case Manager: CM) ประสบปญั หาไม่ไดร้ ับความชว่ ยเหลือจากบุคคลหรือหน่วยงานดังกล่าว

7) ดาเนนิ การหรือประสานงานกบั หนว่ ยงานที่เกีย่ วขอ้ งเพื่อจดั ให้มีกลไกการ
ประสานงานหรอื สง่ ต่อเคสขา้ มเขตจงั หวดั ที่มีประสิทธภิ าพ

8) บทบาทในฐานะเลขานุการคณะกรรมการคุ้มครองเด็กจังหวัดอาจ
นาเสนอข้อมูลและประเด็นปัญหาที่เก่ียวข้องกับการปฏิบัติงานคุ้มครองเด็ก (รายกรณี) ต่อคณะกรรมการ
คุ้มครองเดก็ จังหวัดเพอื่ ใหพ้ จิ ารณาดาเนินการ ดงั ตอ่ ไปน้ี

8.1 จัดให้มีและพฒั นากลไกสนบั สนุนการปฏิบัติงานคุ้มครองนักเรียน
นกั ศึกษารายกรณตี ามประเดน็ ทีก่ ลา่ วถงึ ในข้อ 5.2 ถงึ 5.7 ข้างต้น

47

8.2 ประเด็นปัญหาและอปุ สรรคท่ีสาคญั ในการปฏิบัตงิ านคมุ้ ครอง
นักเรียนนักศึกษา(รายกรณี) โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีที่จาเป็นต้องมีการกาหนดหรือแก้ไขระเบียบปฏิบัติท่ี
เกีย่ วขอ้ ง

8.3 กรณีปญั หาท่มี ีลักษณะพเิ ศษทัง้ ในเรือ่ งของปรมิ าณเคสซงึ่ มจี านวน
มากลักษณะเคสที่มีความรุนแรงซับซ้อนลักษณะปัญหาความรุนแรงเฉพาะพื้นท่ีเพ่ือให้พิจารณากาหนดเป็น
แผนเรง่ ดว่ นของจังหวัด

8.4 ติดตามผลวิเคราะหแ์ ละรายงานสถานการณแ์ ละสภาพแวดล้อมของ
นกั เรียนนักศึกษาและครอบครัวจังหวัดเพ่อื จดั ทายทุ ธศาสตร์ นโยบาย แผนแม่บทของจงั หวดั

2.2 บา้ นพกั เดก็ และครอบครวั จงั หวัด
1) ให้พนกั งานเจ้าหน้าที่ ลงพน้ื ทเ่ี พอ่ื ตรวจสอบขอ้ เทจ็ จรงิ
2) ร่วมประชุมวางแผนและดาเนินการคุ้มครองและช่วยเหลือนักเรียน

นกั ศกึ ษารว่ มกบั สถานศกึ ษา และทมี สหวิชาชพี
3) จัดหาที่พักคุ้มครองสวัสดิภาพนักเรียนนักศึกษา ปัจจัยสี่ที่จาเป็น

สนบั สนุนบรกิ ารทางการแพทย์ สนบั สนนุ ครอบครัว รวมถึงการชว่ ยเหลือ ฟืน้ ฟู และเยยี วยาให้เด็กท่ถี ูกละเมิด
ไดก้ ลับคืนสสู่ ังคมได้อยา่ งปกติ

4) จดั ให้มสี ถานท่ีพักพิงฉุกเฉินช่ัวคราว และมีบริการพืน้ ฐานทีจ่ าเปน็ เพื่อให้
เดก็ ท่ีเขา้ พักอาศัยเป็นการชัว่ คราวไดร้ ับการเลี้ยงดูตามมาตรฐานขัน้ ต่าและมีความปลอดภยั เพื่อประเมนิ ความ
ตอ้ งการรบั บรกิ ารของนักเรียนนักศกึ ษาและครอบครวั และส่งต่อให้หนว่ ยงานอืน่ ที่เกีย่ วข้องรบั ผดิ ชอบ

5) จัดให้มีบริการตรวจรักษาสุขภาพทางร่างกายและจิตใจในทันทีที่นักเรียน
นกั ศึกษาเขา้ พักอาศยั

6) ดาเนินการหรือประสานงานกับพนักงานเจ้าหน้าที่ ในการประเมิน
เบอื้ งต้นเพื่อกาหนดวิธีการเฉพาะหน้าเพื่อให้นักเรียนนักศึกษาปลอดภัย

7) ประสานงานและสนับสนุน CM (Case Manager) ในการปฏิบัติงาน
คมุ้ ครองนักเรียนนักศึกษา เช่น สง่ มอบข้อมูลที่ได้รับเกย่ี วกับนักเรียนนกั ศึกษาและครอบครวั เข้ารว่ มในทมี สห
วิชาชีพในกรวางแผนและดาเนินการสืบค้นข้อเท็จจริงและประเมินความต้องการรับบริการของ นักเรียน
นักศกึ ษาและครอบครวั กาหนดแนวทางดาเนินการใหบ้ รกิ ารตามบทบาทหน้าที่กาหนดในแผนปฏิบตั ิ และร่วม
ประเมินผลลัพธข์ องการให้บริการ

8) สืบเสาะและพินิจนักเรียนนักศึกษาและครอบครัวเพ่ือวินิจฉัย กาหนด
วิธีการที่เหมาะสมในการสงเคราะห์ หรือคุ้มครองสวัสดิภาพ และรายงานไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดหรือปลัด
กระทรวงฯ แล้วแตก่ รณี

9) เกบ็ บนั ทกึ ข้อมูลของแตล่ ะรายกรณี และแลกเปลยี่ นข้อมูลที่จาเปน็ ให้แก่
หนว่ ยงานท่ีเกย่ี วขอ้ ง

10) จดั การเรยี นรดู้ ้านอาชีวบาบดั และทกั ษะด้านสังคม เช่น กฬี า นนั ทนาการ
และกจิ กรรมบาบัดฟนื้ ฟูให้แก่นกั เรียนนักศึกษาและครอบครวั ท่ีเขา้ รบั บริการ

11) สนับสนุนช่วยเหลือให้นักเรียนนักศึกษาคงอยู่กับครอบครัว จัดส่ง
นักเรียนนักศึกษากลับคืนสู่ครอบครัว รวมถึงประสานงานหน่วยงานต่าง ๆ ในชุมชน เช่น สถานศึกษา
โรงพยาบาล ครอบครวั อุปถัมภ์ ครอบครวั

48

แผนผัง แนวทางการประสานกับหน่วยงานในสังกดั พม. เพอ่ื คุม้ ครองแล

สง่ เข้ารับการรักษาพยาบาล เขา้ ถึงตัวผ้ปู ระสบเหตุ - สง่ เสรมิ สนบั
- ตรวจรกั ษาร่างกาย/จิตใจ พนักงานเจา้ ห
- เก็บพยานหลักฐาน (นิติเวช) ใหค้ วามดูแลเบอื้ งตน้ -ผู้รับผดิ ชอบเ
แจ้งพนกั งานเจา้ หน้าท่ีฯ - ติดตาม การ
- ส่งเสริมการพ
- พฒั นาบคุ ลา
นักศกึ ษา

( ) - ให้ความร่ว
() - พัฒนาบคุ
นักศกึ ษา
--ดาเนินกา
- ให้นกั จติ ว
* กรณเี ด็กต

-
-
-
-

-

/

49

ละช่วยเหลอื นักเรยี น/นกั ศกึ ษาซ่ึงถูกละเมดิ (OSCC)

บสนุน ให้สถานศึกษาคใหว้ามร่วมมือและสนับสนนุ การทางานของ
หนา้ ทแ่ี ลทะีมสหวชิ าชพี
เข้าร่วมประชุมทมี สหวิชาชพี
รค้มุ ครองและชว่ ยเหลือนักเรียน นกั ศึกษา
พฒั นานกั เรยี น นักศกึ ษา
ากรในสงั กัดเพอื่ เตรยี มความพร้อมในการคมุ้ ครองและชว่ ยเหลือนักเรียน

ศคม.

วมมอื และสนบั สนนุ การทางานของพนักงานเจ้าหนา้ ทแ่ี ละทมี สหวิชาชพี - ประสานงานบคุ คล/หนว่ ยงานที่
คลากรในสงั กดั เพ่อื เตรยี มความพรอ้ มในการคุ้มครองและช่วยเหลือนักเรยี น
เกี่ยวขอ้ ง ทมี สหวิชาชีพ เพอื่ วาง

แผนการชว่ ยเหลอื การเยยี วยา

ารดแู ลนักเรยี น นกั ศึกษา และส่งเสรมิ ให้เด็กได้ศึกษาอย่างต่อเนื่อง การรักษา การสร้างขวญั กาลงั ใจ
วทิ ยาเข้าร่วมประชมุ กับทมี สหวิชาชพี ใหก้ ับนกั เรียน นกั ศึกษาถูกล่วง

ตง้ั ครรภ์ ตอ้ งช่วยเหลือและอานวยความสะดวกให้เด็กไดเ้ รียนตอ่ ในสถานศกึ ษา ละเมิดทางเพศ ใหเ้ ข้าถึง

สถานการณ์ไดอ้ ย่างทนั ท่วงที

9

(3) สานักงานอยั การคุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือทางกฎหมายแก่ประชาชน (สคช.)
และสานกั งานอัยการคดีเยาวชนและครอบครัว
ครูแนะแนวหรือครูผู้ได้รับมอบหมาย หรือนักจิตวิทยาประจาสานักงานเขตพ้ืนที่

การศึกษา รวมทั้งครูปกครอง ควรประสานพนักงานอัยการเพ่ือปรึกษาและข้อความช่วยเหลือกฎหมาย เพื่อ
ประโยชน์ในการดาเนินคดีกับผู้กระทาผิดและการช่วยเหลือคุ้มครองเด็กนักเรียนนักศึกษาซึ่งถูกละเมิด โด ย
หน่วยงานระดับจังหวดั ทใี่ ห้บริการดา้ นการชว่ ยเหลือเด็กทถ่ี กู กระทาความรนุ แรง มี 2 หน่วยงาน ไดแ้ ก่

3.1 สานักงานอัยการคุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือทางกฎหมายแก่ประชาชน
จังหวัด มีอานาจหน้าที่เกี่ยวกับการคุ้มครองสิทธิเสรีภาพและผลประโยชน์ของประชาชนตามท่ีกฎหมาย
กาหนดให้เป็นอานาจหน้าท่ีของพนักงานอัยการ หรอื เม่อื มกี รณอี นั สมควรเขา้ คุ้มครองป้องกันสทิ ธเิ สรีภาพและ
ผลประโยชน์ของประชาชนในประการอื่นที่กฎหมายให้มีอานาจดาเนินการได้ ตลอดจนดาเนินงาน
ให้คาปรึกษาและบริการช่วยเหลือทางด้านกฎหมายแก่ประชาชนผู้ยากไร้ และประชาชนในชนบท รวมทั้ง
ดาเนินการเผยแพร่ความร้ทู างกฎหมายให้แกป่ ระชาชนทัว่ ไป

3.2 สานักงานอัยการคดีเยาวชนและครอบครวั จังหวดั
สานักงานอัยการคดีเยาวชนและครอบครัวจังหวัด มีอานาจหน้าที่รับผิดชอบ

การดาเนินคดีอาญาที่กฎหมายกาหนดให้เป็นอานาจหน้าที่ของพนักงานอัยการ ซึ่งอยู่ในอานาจพิจารณา
พพิ ากษาของศาลเยาวชนและครอบครวั จงั หวดั ซ่ึงหมายถึง

1) คดีอาญาที่กระทาความผิดโดยเด็ก (บุคคลอายุเกินสิบปีแต่ยังไม่เกินสิบ
ห้าปีบริบูรณ์) หรือเยาวชน (บุคคลอายุเกินสิบห้าปีบริบูรณ์ แต่ยังไม่ถึง
สิบแปดปีบริบรู ณ์) ในทอ้ งทเ่ี ขตจังหวดั อดุ รธานี

2) คดีอาญาท่ีศาลซ่ึงมีอานาจพิจารณาคดีธรรมดาได้โอนมาตรามาตรา 97
วรรคหนึง่

3) คดีอาญาที่ผู้กระทาความผิดแม้จะมีอายุต้ังแต่สิบแปดปีบริบูรณ์กระทา
ผิดเกย่ี วกบั พ.ร.บ.คมุ้ ครองเด็ก พ.ศ.2546 พ.ร.บ. คมุ้ ครองผู้ถูกกระทา
ดว้ ยความรุนแรงในครอบครวั พ.ศ.2550

4) คดีคุ้มครองสวัสดิภาพหมายความว่าคดีท่ีฟ้องหรือร้องขอต่อศาลหรือ
กระทาการใดๆ ในทางศาลเกี่ยวกบั การคุ้มครองสวัสดภิ าพเดก็ หรือบุคคล
ในครอบครัว ซึ่งจะต้องบังคับตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองเด็ก
กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองผู้ถูกกระทาด้วยความรุนแรงในครอบครัว
หรือกฎหมาย อ่ืนที่เก่ียวกับการคุ้มครองสวัสดิการเด็กหรือบุคคลใน
ครอบครวั

5) คดีอ่ืนท่ีมีกฎหมายบัญญัติให้เป็นอานาจหน้าที่ของศาลเยาวชนและ
ครอบครัวคดอี าญาทอ่ี ยใู่ นอานาจศาลเยาวชนและครอบครัว

(4) สานกั งานยุตธิ รรมจังหวดั
กระทรวงยุติธรรม โดยสานักงานยุติธรรมจังหวัด เป็นหน่วยงานด้านการอานวย

ความยุติธรรมและลดความเหลื่อมล้าให้ประชาชนท่ีให้บริการด้านต่างๆ แก่ประชาชน ซึ่งการสนับสนุนและ
ช่วยเหลือทางการเงินเป็นภาระกิจหน่ึงที่ประชาชนสามารถยื่นขอรับบริการได้ที่สานักงานยุติธรรมจังหวัดทุก

50

จังหวัด ในกรณีที่เด็กนักเรียนนักศึกษาถูกละเมิด ครูผู้ดูแลสามารถแนะนาและช่วยเหลือให้เด็กและผู้ปกครอง
ดาเนินการยื่นขอรับความชว่ ยเหลือได้ 2 กรณี

4.1 กองทุนยุติธรรม เป็นกองทุนท่ีให้ความช่วยเหลือประชาชนในการดาเนินคดี
ให้เป็นไปตามระเบียบคณะกรรมการกองทุนยุติธรรม ว่าด้วยหลักเกณฑ์ วิธีการ และเง่ือนไขในการช่วยเหลือ
ประชาชนในการดาเนินคดีพ.ศ. 2559 โดยพิจารณาจากพฤติกรรมและข้อเท็จจริงของผู้ขอรับความช่วยเหลือ
ว่าสมควรได้รับความช่วยเหลือจากกองทุนยุติธรรมหรือไม่ เป็นมีรายได้หรือความสามารถทางเศรษฐกิจของผู้
ขอรบั ความชว่ ยเหลืออยา่ งไร ซง่ึ ใหค้ วามชว่ ยเหลือเป็นค่าใช้จา่ ยสาหรับ

1) ค่าจา้ งทนายความ
2) คา่ ท่ีปรึกษา/ผู้ช่วยเหลือทางกฎหมายในการด าเนนิ คด/ี ผู้เชย่ี วชาญ

เฉพาะด้าน
3) ค่าฤชาธรรมเนยี ม
4) ค่าใชจ้ า่ ยอน่ื ๆ ท่ีเก่ียวของในการดาเนนิ คดีเช่น คา่ ตรวจพสิ ูจน์ คา่ ใช้จา่ ย

เกย่ี วกับคา่ วัสดุ อปุ กรณ์ เครื่องมือที่ใช้ในการแสวงหาข้อเทจ็ จรงิ และ
หลักฐาน คา่ ใชจ้ ่ายในการจดั เตรยี มเอกสาร ฯ
5) คา่ ใช้จา่ ยอ่ืนๆ ที่เก่ียวข้องในการดาเนินคดตี ามทคี่ ณะกรรมการ
เห็นสมควร
4.2 ค่าตอบแทนผู้เสยี หายในคดีอาญา ให้ความช่วยเหลือแก่บุคคลซ่ึงได้รบั ความ
เสียหายถึงแก่ชีวิตหรือร่างกาย หรือจิตใจเนื่องจากการกระทาความผิดอาญาของผู้อื่น โดยตนมิได้มีส่วน
เก่ียวข้องกับการกระทาความผิดนั้น โดยฐานความผิดที่กระทาต่อผู้เสียหายอันจะทาให้ผู้เสียหายมีสิทธิที่จะ
ได้รับค่าตอบแทนต้องเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา ได้แก่ ความผิดเก่ียวกับเพศ (มาตรา 276 –
มาตรา 287) ความผิดต่อชีวิต (มาตรา 288 – มาตรา 294) ความผิดต่อร่างกาย (มาตรา 295 – มาตรา 300)
ความผิดฐานทาให้แท้งลูก (มาตรา 301 – มาตรา 305) และความผิดฐานทอดท้ิงเด็ก คนป่วยเจ็บหรือคนชรา
(มาตรา 306 – มาตรา 308) โดยค่าตอบแทนทผ่ี เู้ สียหายจะขอรับได้นน้ั มี 4 ประเภท ได้แก่
1) ค่าใช้จ่ายท่ีจาเป็นในการรักษาพยาบาล รวมทั้งค่าฟื้นฟูสมรรถภาพทาง
รา่ งกายและจิตใจ
2) ค่าตอบแทนในกรณผี ้เู สยี หายถึงแก่ความตาย
3) ค่าขาดประโยชน์ทามาหาได้ในระหว่างท่ีไม่สามารถประกอบการงานได้
ตามปกติ
4) ค่าตอบแทนความเสยี หายอื่นตามทคี่ ณะกรรมการเหน็ สมควร
ทั้งนี้ค่าตอบแทนที่ผู้เสียหายจะได้รบั มากน้อยเพียงใดนนั้ ข้ึนอย่กู ับพฤติการณ์และ
ความร้ายแรงของการกระทาความผดิ และสภาพความเสียหายทผ่ี ู้เสียหายพึงได้รับ รวมท้งั โอกาสที่ผูเ้ สียหายจะ
ได้รบั การบรรเทาความเสียหายโดยทางอน่ื ดว้ ย

(5) ฝา่ ยปกครอง
พระราชบญั ญตั ิคมุ้ ครองเดก็ พ.ศ.2546 ได้กาหนดบทบาทหน้าท่ีของพนักงานฝ่าย

ปกครองไว้หลายประการ ส่วนท่ีเก่ียวข้องกับการปฏิบัติงานคุ้มครองเด็กท่ีครูที่ได้รับมอบหมายหรือได้รับ
มอบหมายสามารถประสานงานไปยังฝา่ ยปกครองเพื่อชว่ ยเหลอื คุ้มครองเด็กนกั เรยี นนักศึกษาซ่ึงถูกละเมิดหรือ
ไดร้ ับความรุนแรง ไดด้ งั น้ี

51

1) รับแจ้งหรอื รบั รายงานเหตุตามมาตรา 29 และมาตรา 41 ตามพระราชบญั ญัติ
คุ้มครองเด็ก พ.ศ.2546 และประสานงานกับพนักงานเจ้าหน้าท่ีคุ้มครองเด็ก
โดยทันทีเพื่อร่วมกาหนดแนวทางในการเข้าถงึ ตัวเดก็

2) หากมีความจาเป็นเร่งด่วนเพื่อความปลอดภัยของเด็ก พนักงานฝ่ายปกครอง
อาจเข้าถึงตัวเด็กเพื่อยับย้ังการกระทาที่อาจเป็นอันตรายต่อเด็กได้ทันที
รวมถึงแยกตัวเด็กที่ถูกกระทาทารุณกรรมจากครอบครัวและจัดให้เด็กอยู่ใน
ความดูแลของพนักงานเจ้าหน้าที่หรือศูนย์พ่ึงได้ของโรงพยาบาลเพ่ือให้เด็ก
ไดร้ ับการตรวจรักษา

3) ประเมินปัจจัยเส่ียงท่ีจะก่อให้เกิดการกระทาความผิดทางอาญาต่อเด็กและ
ร่วมกับบุคคลอ่ืนๆ ในการคุ้มครองเด็ก เพื่อดาเนินแผนป้องกันโดยเฉพาะการ
ทางานกับครอบครัว ชุมชน และโรงเรียนหรือสถานศึกษาในการควบคุมหรือ
ขจดั ปจั จยั เส่ียงขา้ งตน้

(6) องค์กรพัฒนาเอกชนหรอื ภาคประชาสงั คม
องค์กรพัฒนาเอกชน เป็นหน่วยงานภาคเอกชนท่ีไม่แสวงหากาไร ซ่ึงจดทะเบียน

เป็นมูลนิธิ สมาคม หรือองค์กรสาธารณประโยชน์ ส่วนภาคประชาสังคม เป็นกลุ่มคนหรือชุมชนที่คลื่อนไหว
ด้านประเด็นทางสังคม ซึ่งในแต่ละพื้นท่ีจะมีองค์กรพัฒนาเอกชนหรือภาคประชาสังคมที่ทางานด้านการ
คุ้มครองสทิ ธเิ ดก็ การปอ้ งกนั ทางสังคม และใหบ้ รกิ ารช่วยเหลือคุ้มครองเด็กจากความรุนแรง ดงั น้ัน เพอื่ เสริม
การทางานทงั้ ด้านการป้องกนั เฝา้ ระวังและการค้มุ ครองชว่ ยเหลอื เด็กนักเรียนนักศึกษาที่ถกู ละเมดิ สถานศึกษา
หรือหน่วยงานทางการศึกษา สามารถประสานงานเพ่ือให้หน่วยงานต่างๆ เข้ามามีส่วนร่วมในการป้องกัน
ชว่ ยเหลือ และคมุ้ ครองเดก็ ร่วมกนั ได้ โดยพจิ ารณาความเหมาะสมตามแตล่ ะกรณี

9.3.3 แนวทางการดาเนินงานรว่ มกบั เดก็ นกั เรียนนกั ศึกษาและครอบครวั
1) ครูแนะแนว หรือครูที่ได้รับมอบหมาย หรือนักจิตวิทยาประจาสานักงานเขตพนื้ ที่

การศึกษา ควรส่งเสริมให้ผู้ปกครองได้มีส่วนร่วมเสริมพลงั (Empowerment) ปกปอ้ ง คุ้มครอง และชว่ ยเหลือ
เด็กนักเรียนนักศึกษาซึ่งถูกล่วงละเมิดและความรุนแรงในทุกรูปแบบ รวมท้ังให้ความร่วมมือกับพนักงาน
เจ้าหน้าทค่ี มุ้ ครองเด็ก

2) สถาบันการศึกษา ควรสนับสนุนให้ผู้ปกครองและครอบครัวสามารถดูแลให้เด็ก
ได้รบั สิทธแิ ละบริการขน้ั พ้ืนฐานได้อย่างครบถ้วน อันจะเกิดประโยชน์สูงสดุ ตอ่ เด็ก

52

9.3.4 ผังแนวทางการดาเนนิ การตามมาตรการชว่ ยเหลือคมุ้ ครอง
53

3

54

55

10. การตดิ ตามและรายงานผลการดาเนินการ

10.1 การติดตามผลการดาเนินงาน
10.1.1 ระดับสถานศกึ ษา

1) รวบรวมข้อมูลเก่ียวกับสถานการณ์และสถิติการกระทาความรุนแรง กระบวนการ วิธีการ

แกไ้ ขปัญหา เป็นประจาทุกปี

2) ติดตาม ส่งเสริม สนับสนุนการดาเนินงานดูแลช่วยเหลือด้วยกระบวนการเชิงบวกเน้นการ

ให้เกยี รติ ใหอ้ ภยั ใหโ้ อกาสผูป้ ฏิบตั ิงาน

3) จดั ทารายงานเสนอต่อหนว่ ยงานต้นสังกดั

4) มกี ารประชาสัมพนั ธ์ เร่ืองกจิ กรรมการพัฒนา สง่ เสรมิ สนบั สนนุ ด้านการปอ้ งกัน ค้มุ ครอง

และชว่ ยเหลอื นกั เรยี นนักศึกษา

10.1.2 ระดับเขตพืน้ ทก่ี ารศกึ ษา / หน่วยงานตน้ สงั กัด

1) ตดิ ตาม ส่งเสรมิ สนับสนุนชว่ ยเหลอื สถานศึกษาในการดูแลช่วยเหลอื นักเรียนนักศึกษาด้วย

กระบวนการเชิงบวก เน้นการให้เกียรติ ให้อภัย ใหโ้ อกาสผู้ปฏบิ ัตงิ าน

2) รวบรวมข้อมูลเก่ียวกับสถานการณ์และสถิติการกระทาความรุนแรง การคุกคามทางเพศ

กระบวนการ วธิ กี ารแก้ปญั หาและข้อเสนอแนะในการป้องกันปัญหา เปน็ ประจาทุกปี

3) จดั ทารายงานเสนอตอ่ หนว่ ยงานตน้ สงั กัด

4) เผยแพร่ประชาสัมพันธ์และยกยงิ่ เชิดชเู กยี รตสิ ถานศกึ ษา ผู้บรหิ าร ครู และบุคลากร

ทางการศกึ ษาทดี่ าเนนิ งานในการดูแลช่วยเหลอื นกั เรียนนกั ศกึ ษาตามนโยบายตน้ สังกัด

10.2 การรายงานผลการดาเนินงาน
10.2.1 การรายงานรบั แจง้ เหตรุ ายกรณี
1) ผู้บริหารสถานศึกษา/ผู้รักษาการหรือหน่วยงานทางการศึกษา ประชุมชี้แจง และซักซ้อม
ความเขา้ ใจกับบคุ ลากรในโรงเรียน เพ่ือให้เขา้ ใจแนวทางการชว่ ยเหลือคุ้มครองเด็กนักเรียน
นักศึกษาท่ีถูกละเมิด และสามารถดาเนินการตามมาตรการป้องกันเฝ้าระวัง มาตรการ
ปราบปราม และมาตรการชว่ ยเหลอื คุ้มครองที่ ศคม.กาหนดได้
2) ผู้บริหารสถานศึกษา/ผู้รักษาการมอบหมายครูแนะแนวหรือครู/บุคลากรท่ีมีความพร้อมใน
สัดสว่ นท่เี พยี งพอ ทาหน้าท่ีรับแจ้งเหตุ
3) ครูแนะแนวหรือครู/บุคลากรท่ีได้รับมอบหมาย ผู้รับแจ้งเหตุ มีหน้าท่ีบันทึกเหตุลงในแบบ
ศคม.01 รายงานเหตุให้ผู้บังคับบัญชาทราบ และส่งสาเนาให้กับ ศคม. ทราบภายใน 24
ช่วั โมง
4) ครูผู้รับแจ้งเหตุหรือครูผู้ได้รับมอบหมาย ดาเนินการจัดให้ผู้เสียหายไปร้องทุกข์ตาม
กฎหมาย เวน้ แต่ในกรณที ่ีมีเหตุจาเป็น หรือมีพฤติการณ์พเิ ศษให้พิจารณาดาเนินการตามท่ี
เห็นสมควร
5) ครูแนะแนวหรือนักจิตวิทยาประจาสานักงานเขตพ้ืนท่ีการศึกษา หรือครูผู้ได้รับมอบหมาย
สัมภาษณ์และบันทึกแบบ ศคม.01 เพิ่มเติม และส่งสาเนาแจ้งให้ ศคม. ทราบภายใน 24
ชวั่ โมง พรอ้ มทัง้ สง่ ใหก้ ับพนักงานตารวจเจา้ ของเร่ืองทราบ

56

6) ผู้บริหารสถานศึกษา/ผู้รักษาการ มอบหมายครู/บุคลากร ทาหน้าท่ีตรวจสอบและเก็บ
ข้อมลู เอกสารต่างๆ โดยกาหนดใหเ้ ปน็ ชนั้ ความลบั ในการเข้าถงึ

10.2.2 รายงานผลการดาเนินงานรายกรณี
1) เมื่อการดาเนินการแต่ละกรณีเสร็จสิ้นแล้ว ให้คณะทางานคุ้มครองและช่วยเหลือนักเรียน
นกั ศึกษาซึ่งถูกละเมดิ จงั หวดั รายงานผลการดาเนินงานตามแบบรายงานผลการดาเนินงาน
รายกรณี หรอื ศคม.02 รายงานให้ ศคม. ทราบ ภายในเวลา 60 วัน หลังยตุ กิ ารดาเนินงาน
แล้ว
2) คณะทางานคุ้มครองและช่วยเหลือนักเรียนนักศึกษาซ่ึงถูกละเมิดจังหวัด มอบหมาย
บุคลากร ทาหน้าที่ตรวจสอบและเก็บข้อมูลเอกสารต่างๆ โดยกาหนดให้เป็นช้ันความลบั ใน
การเข้าถงึ

10.2.3 รายงานผลการดาเนินงานรายปี
1) ให้คณะทางานคุ้มครองและช่วยเหลือนักเรียนนักศึกษาซ่ึงถูกละเมิดจังหวัด รวบรวมสถิติ
และผลการดาเนนิ งานรายปี จดั ทาเป็นสถิติในภาพรวมตามรายงานผลการดาเนนิ งานรายปี
หรอื แบบ ศคม.03 รายงานมายัง ศคม.ภายใน 30 วัน หลังวันส้ินสุดปงี บประมาณ
2) คณะทางานคุ้มครองและช่วยเหลือนักเรียนนักศึกษาซ่ึงถูกละเมิดจังหวัด มอบหมาย
บุคลากร ทาหน้าที่ตรวจสอบและเก็บข้อมูลเอกสารต่างๆ โดยกาหนดให้เป็นชั้นความลับใน
การเข้าถงึ

11. เครื่องมอื ดาเนนิ งาน

สามารถอพั เดตเครอื่ งมอื ไดจ้ ากลงิ ค.์ ..............................
11.1 การกาหนดรหัสเคส

XX-XX-XX-XXXX

ลาดบั ตามปี 01 = สพฐ. 01 = กระบี่ ลาดับเรื่อง
02 = สอศ. 02 = กรงุ เทพมหานคร
03 = กศน. 03 = กาญจนบรุ ี
04 = สช. 04 = กาฬสนิ ธ์ุ
05 = อ่นื ๆ 05 = กาแพงเพชร

57

รหัสจังหวัด 27 = บงึ กาฬ 53 = ลาปาง
28 = บุรรี มั ย์ 54 = ลาพูน
01 = กระบี่ 29 = ปทุมธานี 55 = เลย
02 = กรุงเทพมหานคร 30 = ประจวบครี ขี ันธ์ 56 = ศรสี ะเกษ
03 = กาญจนบรุ ี 31 = ปราจนี บุรี 57 = สกลนคร
04 = กาฬสินธุ์ 32 = ปัตตานี 58 = สงขลา
05 = กาแพงเพชร 33 = พะเยา 59 = สตูล
06 = ขอนแก่น 34 = พระนครศรีอยธุ ยา 60 = สมุทรปราการ
07 = จันทบรุ ี 35 = พงั งา 61 = สมุทรสงคราม
08 = ฉะเชิงเทรา 36 = พทั ลุง 62 = สมุทรสาคร
09 = ชลบรุ ี 37 = พจิ ติ ร 63 = สระแกว้
10 = ชัยนาท 38 = พิษณโุ ลก 64 = สระบรุ ี
11 = ชัยภูมิ 39 = เพชรบรุ ี 65 = สิงหบ์ รุ ี
12 = ชุมพร 40 = เพชรบูรณ์ 66 = สุโขทัย
13 = เชียงราย 41 = แพร่ 67 = สพุ รรณบรุ ี
14 = เชยี งใหม่ 42 = ภเู กต็ 68 = สรุ าษฎร์ธานี
15 = ตรัง 43 = มหาสารคาม 69 = สรุ นิ ทร์
16 = ตราด 44 = มกุ ดาหาร 70 = หนองคาย
17 = ตาก 45 = แมฮ่ ่องสอน 71 = หนองบัวลาภู
18 = นครนายก 46 = ยโสธร 72 = อา่ งทอง
19 = นครปฐม 47 = ยะลา 73 = อานาจเจรญิ
20 = นครพนม 48 = ร้อยเอด็ 74 = อดุ รธานี
21 = นครราชสีมา 49 = ระนอง 75 = อุตรดติ ถ์
22 = นครศรธี รรมราช 50 = ระยอง 76 = อุทัยธานี
23 = นครสวรรค์ 51 = ราชบรุ ี 77 = อุบลราชธานี
24 = นนทบุรี 52 = ลพบรุ ี
25 = นราธิวาส
26 = น่าน

58

11.2 แบบฟอร์มรบั แจ้งเหตุ หรอแื บบ ศคม.01

ศคม.01

รหัสกรณี ................................. แบบฟอรม์ รับแจง้ เหตุ

(ให้ ศคม.กาหนดและแจง้ กลบั มายงั สถานศกึ ษา) กรณี การละเมิดเด็กนกั เรียนนักศกึ ษา

วนั รบั แจง้ เหตุ ............................................... เวลา .................. น.

สว่ นที่ 1 ขอ้ มลู ผแู้ จง้ เหตุ

ชอ่ งทางการแจ้งเหตุ  ดว้ ยตนเอง  โทรศัพท์  จดหมาย  อีเมล์  ขอ้ มลู สอ่ื มวลชน  อนื่ ๆ ........................................
ชอ่ื -สกลุ .................................................................................................. ชือ่ เลน่ .............................. อายุ .............. ปี  ไมเ่ ปดิ เผยตัว
ความสมั พันธ์กับเดก็  พ่อ  แม่  ครู/บคุ ลากรทางการศึกษา  ผู้ดแู ลเดก็  ญาติ/คนรจู้ กั  เพ่ือนบา้ น  อน่ื ๆ ............
ผูแ้ จง้ ทราบเหตุได้อย่างไร  เหน็ เหตดุ ว้ ยตนเอง  เดก็ ผู้เสียหายเลา่ ให้ฟงั  ได้ยนิ จากบคุ คลที่เหน็ เหตุการณ์  อ่ืนๆ .................
สะดวกให้ตดิ ตอ่ กลบั เพ่อื ขอขอ้ มลู เพ่มิ เติมหรือไม่  ไมส่ ะดวก  สะดวก หมายเลขตดิ ต่อกลบั ............................................................
มีพยานหลักฐานหรอื ไม่  ไม่มี  มี ระบุ................................................................................................................................................

ส่วนท่ี 2 ขอ้ มูลเหตุ

เกิดเหตุละเมิดประเภทใดกบั เดก็  ทางกาย  ทางเพศ  ทางจติ ใจ  อืน่ ๆ ระบุ..........................................................................
สถานทเ่ี กิดเหตุ ............................................................................................................................................................................................
วนั ทเี่ กดิ เหตุ ......................................... เวลา .......................... น. วันท่พี บเหตุ .................................................. เวลา .................. น.
ชือ่ – สกลุ เด็กผูเ้ สียหาย ................................................................................................... ช่อื เลน่ ......................... อายุ .................... ปี
ปัจจุบันเดก็ อาศัยอยู่กับใคร  พอ่  แม่  ปู่  ยา่  ตา  ยาย  พ่นี ้อง  ญาติ  อื่นๆ ...........................................
สภาวะของเดก็  มบี าดแผลตามร่างกาย ระบุ ..............  มีภาวะทางจติ (ซึมเศรา้ /หวาดกลัวฯ) ระบุ............  อ่นื ๆ ระบุ.............
ชือ่ – สกลุ ผูก้ ระทา ............................................................................................................. ชือ่ เลน่ ......................... อายุ .................... ปี
ความสัมพนั ธ์กับเดก็  ครปู ระจาชนั้ /ท่เี ด็กเรียนด้วย  ครูในโรงเรียน  บคุ ลากรในโรงเรยี น ระบุ..............................................

 บคุ คลใกล้ชดิ เดก็ ระบุ.........................................  อน่ื ๆ ระบุ...................................................................

รายยละเอยี ดอน่ื ๆ พมิ่ เติม.............................................................................................................................................................................

.....................................................................................................................................................................................................................
.....................................................................................................................................................................................................................

.....................................................................................................................................................................................................................
.....................................................................................................................................................................................................................

ส่วนที่ 3 ความเหน็ เบ้อื งตน้ ของผูร้ บั แจ้ง

 ควรดาเนนิ การโดยเร่งดว่ นทันที  ควรลงพ้ืนที่ตรวจสอบเหตุ

 ควรประสานงานหน่วยงานทเี่ กีย่ วขอ้ ง ได้แก่ ......................................................................................................................................

 อน่ื ๆ .....................................................................................................................................................................................................

สว่ นที่ 4 ความเหน็ เบือ้ งตน้ ของผู้บังคับบัญชา

.....................................................................................................................................................................................................................

.....................................................................................................................................................................................................................
.....................................................................................................................................................................................................................

ลงชอ่ื ....................................................... ผู้รบั แจ้ง ลงชือ่ ....................................................... ผบู้ งั คบั บญั ชา

(..........................................................) (..........................................................)

ตาแหน่ง............................ หนว่ ยงาน................................................. ตาแหนง่ ...................... หนว่ ยงาน..................................................

59

11.3 แบบฟอรม์ รายงานผลการดาเนินการรายกรณี หรอื แบบ ศคม.02

ศคม.02

แบบฟอร์มรายงานผลการดาเนินการรายกรณี

(คณะทำงำนคุม้ ครองและช่วยเหลอื นกั เรยี นนกั ศกึ ษำซ่งึ ถูกละเมิด งั หวัด เปน รู้ ำยงำน)

ว/ด/ป ทีร่ ายงานผล .............................................................

รหัสกรณี ...................................................

สว่ นที่ 1 ผลการดาเนินการ
1.1 ผลการวินจิ ฉัย หลังรบั แจ้งเหตุ

 พบการละเมิดตอ่ เดก็ ประเภท
 ทางกาย  ลงโทษด้วยการตี ลงโทษไม่เหมาะสม ระบุ............................  ทาร้ายรา่ งกาย  อ่นื ๆ............................
 ทางเพศ  ลวนลาม  อนาจาร  ข่มขนื  ถา่ ยคลปิ ลามกอนาจารเด็ก  พดู คุยเรื่องทางเพศกับเด็ก  อื่นๆ......
 ทางจิตใจ ลอ้ เลยี น  ประจาน  ดูหมิ่น  อื่นๆ ระบุ.................................................................................................
 อ่ืนๆ ระบุ....................................................................................................................................................................................

 ไมพ่ บการละเมดิ ต่อเด็ก

การดาเนนิ การที่ผา่ นมา รายละเอียดผลการดาเนนิ การโดยสังเขป

 1.2 มีการรายงานเหตุทารุณกรรมตอ่
เดก็ นกั เรยี นนักศกึ ษาไปยังพนกั งาน
เจา้ หน้าท่ีค้มุ ครองเด็ก และพนักงาน
เจา้ หน้าทค่ี ุ้มครองเดก็ ได้ดาเนนิ
มาตรการความปลอดภัยอย่างไรบ้าง

 1.3 ลงพ้ืนท่ีติดตามเยย่ี มเด็ก
จานวน .......... ครั้ง

 1.4 ประชมุ วางแผนรว่ มกบั ทมี
สหวชิ าชพี จานวน ............ ครงั้

 1.5 การดาเนนิ การทางวนิ ัยกับผ้กู ระทา
ความผดิ

 1.6 มีการดาเนินคดอี าญากับ
ผู้กระทาผิด (หากทราบผลคดใี หร้ ะบุ)

 1.7 เด็กผูเ้ สียหายได้รบั การรกั ษา
เยียวยาดา้ นร่างกายและจติ ใจ

 1.8 เดก็ ผเู้ สียหายได้รบั การสง่ เสริม
พัฒนาทางดา้ นการศกึ ษาและทักษะ
การดาเนนิ ชวี ติ แก่เดก็

 1.9 มกี ารสนับสนนุ ชว่ ยเหลือเด็ก
ในกระบวนการยตุ ธิ รรม

 1.8 เดก็ ผูเ้ สียหายและครอบครัวไดร้ บั
คา่ ชดเชยเยียวยาจากกองทุนของรฐั ที่
เกีย่ วข้องและค่าสนิ ไหมทดแทน (ตาม
ป.วิ.อาญา ม.44/1)

60

61

11.4 แบบฟอร์มรายงานผลการดาเนินงานรายปี หรอื แบบ ศคม.03
62

63

12. ภาคผนวก
12.1 คาสั่ง ของ ศคพ.

64

65

66

67

68

69

70

71

72

12.2 การดาเนินการประชมุ คณะทางาน

วนั ที่ 10 กนั ยายน 2563
การประชุมคณะทางานกาหนดมาตการการปฏิบัติงานป้องกันและแก้ไขปัญหานักเรียนนักศึกษาที่ถูกล่วง
ละเมิดทางเพศ ร่วมกับหน่วยงานภาครฐั และภาคเี ครือขา่ ยภาคเอกชน ได้แก่ ผ้กู อ่ ต้งั เพจ “KhangGuy-ผหู้ ญงิ
ที่ชื่อข้างกาย”, มูลนิธิศูนย์พิทักษ์สิทธเิ ด็กและเครือข่ายสิทธิเด็กแห่งประเทศไทย, รองอธิบดีอัยการ สานักงาน
คดีค้ามนุษย์ สานักงานอัยการสูงสุด, องค์การ UNICEF, มูลนิธิปวีณาหงสกุลเพ่ือเด็กและสตรี, มูลนิธิศานติ
วัฒนธรรม, มูลนิธิสร้างสรรค์เดก็ , มูลนิธเิ พ่อื นหญงิ , มลู นธิ ิ แพธ ทู เฮลท์, มูลนธิ ิ เอ-ทเวนตี้วนั , กรมกิจการเด็ก
และเยาวชน กระทรวงพัฒนาการสังคมและความม่ันคงของมนุษย์, นายชูสิน วรเดช รองศึกษาธิการภาค 7
ปฏิบัติหน้าท่ีศึกษาธิการภาค 18, นิติกร และทีมงานของกระทรวงศึกษาธิการ ณ ห้องประชุม สพฐ. 1 อาคาร
สพฐ. 4 ชนั้ 2

73


Click to View FlipBook Version