วนิ ัย
ข้าราชการครูและบุคลากร
ทางการศึกษา
ว่าทเ่ี รือตรีทรงยศ พรานเน้อื
ข้าราชการไม่ว่าจะอยู่ในตาแหน่งใด ระดับไหน มหี น้าที่
อย่างไร ล้วนแต่มสี ่วนสาคัญอยู่ในงานของแผน่ ดินท้ังส้ิน ทุก
คนจึงต้องต้ังใจปฏิบัตหิ น้าท่โี ดยเตม็ กาลังความสามารถ ด้วย
อุดมคติ ด้วยความเข้มแขง็ เสียสละ และระมัดระวังให้การทุก
อย่าง ในหนา้ ท่ีเป็ นไปอย่างถกู ตอ้ งเท่ียงตรง ดว้ ย ความ
ระลึกรตู้ วั อยู่เสมอว่า การปฏิบตั ิตวั ปฏิบตั ิงานของตนมีผล
เก่ียวเน่ืองถึงสุขทุกขข์ องประชาชน ตลอดจนความเจริญ
ข้ึนหรอื เส่ือมลงของประเทศชาติ
วังไกลกังวล
วนั ท่ี ๒๕ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๕๗
ความหมายของวนิ ัย
◼ กฎหมาย ระเบียบ หรือข้อบงั คบั
◼ ท่ีกาหนดให้ข้าราชการประพฤตปิ ฏบิ ัติ หรือละเว้นการ
ประพฤตปิ ฏิบัติ
◼ ผู้ฝ่ าฝื น จะได้รับโทษตามที่กาหนดไว้
การรักษาวินัย เปรียบไดเ้ หมือนการขับรถไฟไปตามราง
ผูบ้ ังคบั บัญชา = หวั รถจักร
ผ้อู ยใู่ ตบ้ งั คบั บญั ชา = ตรู้ ถไฟ
วนิ ัย = รางรถไฟ
วนิ ัยเส่ือม/หย่อนยาน
ความผดิ ทางวนิ ยั
• ไมม่ ีอายุความ
• การลงโทษตอ้ งดาเนินกระบวนการตามกฎหมาย
•ผู้ส่ังลงโทษต้องเป็ นผู้บงั คับบญั ชาทมี่ อี านาลลงโทษได้
• สภาพการเป็ นข้าราชการ
- ขณะกระทาผดิ
- ขณะลงโทษ
6
กระทาความผดิ วนิ ัย
ขณะเป็ นพนักงาน
ราชการ
ต่อมาบรรจุเป็ นครูผู้ช่วยจะ
นาเอาเร่ืองทท่ี าผดิ ตอนเป็ น
พนักงานราชการ มาเป็ น
เหตุสั่งลงโทษทางวนิ ัยได้
หรือไม่?
อุทาหรณ์
■ ข้าราชการครู ตาแหน่งครูชานาญการพเิ ศษ ถูกธนาคารกรุงไทย จากดั (มหาชน) ฟ้องคดตี ่อศาล
ล้มละลายกลางให้เป็ นคนล้มละลาย เพราะเป็ นหนีเ้ กนิ หน่ึงล้าน บาท ถือเป็ นบุคคลมีหนี้สินล้น
พ้นตัว และหนี้น้ันกาหนดจานวนได้โดยแน่นอน จึงถูกฟ้อง ให้ล้มละลาย และศาลล้มละลาย
กลาง พิพากษาให้เป็ นบุคคลล้มละลาย ถือเป็ นผู้ขาด คุณสมบัติทั่วไป ตามมาตรา ๓๐(๙) แห่ง
พระราชบัญญัตริ ะเบียบข้าราชการครูและ บุคลากรทางการศึกษา พ.ศ.๒๕๔๗) ผู้บังคบั บัญชา
จงึ มคี าสั่งให้ออกจากราชการ แต่ได้ ต่อสู้ว่าผู้บงั คบั บัญชาจะส่ังให้ออกราชการไม่ได้เพราะอยู่ใน
ระหว่างการอทุ ธรณ์คดตี ่อศาล ฎกี าคดยี งั ไม่ถงึ ทสี่ ุด ศาลปกครองสูงสุดพจิ ารณาแล้วเห็นว่าเมื่อ
ได้ลงช่ือในคาพิพากษาของ ศาลล้มละลายกลางแล้วก็ถือได้ว่ารับทราบคาพิพากษาแล้วจึงเป็ น
ผู้ขาดคุณสมบัติการเป็ น ข้าราชการครูตามมาตรา ๓๐(๙) การออกคาส่ังให้ออกจากราชการ จึง
ชอบด้วยกฎหมาย แล้ว (คาพพิ ากษาศาลปกครองสูงสุดท่ี อ.๔๔๖/๒๕๖๐)
“ลม้ ละลายตายทง้ั เป็น”
(ตายหมู่)
มติ อ.ก.ค.ศ.วสิ ามญั เกย่ี วกบั กฎหมายและระเบียบข้าราชการครูและ
บุคลากรทางการศึกษา คร้ังที่ 12/2555 วนั จนั ทร์ท่ี 12 พฤศจิกายน
2555
■ ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตาแหน่งครูผู้ช่วย เคยกระทา
ความผิดฐาน ลักทรัพย์ศาลพิพากษาลงโทษจาคุก 2 เดือน ปรับ 2,000 บาท
โทษจาคุกรอการลงโทษไว้ 2 ปี โดยขณะกระทามีอายุ 24 ปี บรรลุนิติภาวะ
แล้ว ท้ังยังเป็ นผู้สอบแข่งขันได้และอยู่ระหว่างขึ้นบัญชี ผู้สอบแข่งขันใน
ตาแหน่งครูผู้ช่วย จึงเป็ นผู้บกพร่องในศีลธรรมอนั ดี ขาดคุณสมบัติท่ัวไปท่ี
จะเข้ารับราชการเป็ นข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตามมาตรา
30 (7) แห่งพระราชบัญญัติ ระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการ
ศึกษา พ.ศ. 2547
ข้อสังเกตุ
■การท่ีศาลมคี าพพิ ากษาถงึ ทส่ี ุดให้ลงโทษจาคุก 2 ปี ปรับ 2,000
บาท โดยโทษจาคุกรอการลงโทษไว้ 2 ปี จึงต้องถือว่า มไิ ด้ถูก
จาคุกจริง และไม่เป็ น ผู้ขาดคุณสมบัตติ ามมาตรา 30 (10)
กระทาผดิ อาญาขณะยงั ไม่บรรลุนิติภาวะ (มติ อ.ก.ค.ศ.วสิ ามญั เกย่ี วกบั
กฎหมายและระเบยี บข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา
คร้ังที่ 13/2558 วนั พธุ ท่ี 2 ธันวาคม 2558)
■ การทน่ี าย พ. กระทาความผดิ ดงั กล่าวในขณะทย่ี งั คงเป็ นผู้เยาว์ มีอายุเพยี ง ๑๓ ปี เศษ ซ่ึงเป็ นวยั ท่ี
มวี ฒุ ภิ าวะ วยั วฒุ แิ ละ คุณวฒุ ิน้อย ยงั ไม่มีความรู้สึกผดิ ชอบชั่วดเี ท่าที่ควร ไม่รู้จกั การยบั ย้งั ช่ังใจ
ในส่ิงที่ตนได้กระทาไป ซ่ึงใน การกระทาของเดก็ วยั นีว้ ญิ ญูชนคนทวั่ ไปต่างเข้าใจและยอมรับได้
ว่ามกั ทาไปด้วยความคกึ คะนอง อยากมี อยากได้ โดยยงั ไม่มีความสานึกตระหนักรู้จักผดิ ชอบช่ัว
ดเี ท่าท่ีควร จึงทาให้เห็นว่าการกระทาของนาย พ. ในขณะน้ัน ย่อมกระทาไปโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์
และย่อมจะไม่ทราบและรู้เท่าทันได้ว่าการกระทาของตนน้ัน อาจส่งผลกระทบต่อชีวติ ในอนาคต
อย่างไรบ้าง ดงั น้ัน เม่ือเป็ นการกระทาในขณะที่นาย พ. ยงั เป็ นผู้เยาว์ มีอายุเพยี ง ๑๓ ปี เศษ จึงยงั
ไม่ถือว่าเป็ นพฤติการณ์ที่ร้ายแรงถงึ ขนาดบกพร่องในศีลธรรมอนั ดีสาหรับ การเป็ นผู้ประกอบ
วชิ าชีพครู ตามมาตรา ๓๐ (๗)
ในกรณีผถู้ ูกกล่าวหาถึงแก่ความตายระหวา่ งถูกดาเนินการทางวินยั
■ ต้องสั่งยุตกิ ารดาเนินการทางวนิ ัยทุกกรณไี ม่ว่า ร้ายแรง/ไม่ร้ายแรง
■ สาหรับในกรณีเป็ นการดาเนินการทางวินัยอย่างร้ายแรง ให้รวบรวมพยาน
ต่อไปและทาความเห็นเพ่ือเสนอเร่ืองให้กระทรวงเจ้าสังกดั พิจารณาในเรื่อง
บาเหน็จบานาญของผู้น้ันต่ อไป (หนังสื อกระทรวงการคลัง ท่ี กค
0504/14556 ลงวนั ท่ี 25 พ.ค.2520)
เมื่อข้าราชการถูกล้างมลทนิ
ให้ถือว่าไม่เคยถูก ■ ผ ล คื อ ห า ก อ ยู่ร ะ ห ว่ า ง ถู ก ตัด
ลงโทษทางวินัย เงินเดือนกไ็ ม่ถูกตดั อีกต่อไป
มาก่อนเลย
■ ไม่สามารถขอรับเหรียญจกั รพรรดิ
มาลาได้(เน่ืองจากการล้างมลทิน
เป็ นการลา้ งเฉพาะโทษ ไม่ได้ลา้ ง
ความผิด จึงถือไม่ไดว้ ่าเป็ นการรับ
ราชการมาด้วยความเรียบร้อย อนั
เ ป็ น คุ ณ ส ม บั ติ ใ น ก า ร ข อ รั บ
พระราชทานเหรียญฯ)
เหรียญจกั รพรรดมิ าลา
จุดมุ่งหมายและขอบเขตของวนิ ัยข้าราชการ
เพื่อ 1. ให้ราชการดาเนินไปด้วยดมี ปี ระสิทธิภาพ
2. ความเจริญ ความสงบเรียบร้อยของ
ประเทศชาติ
3. ความผาสุกของประชาชน
4. ภาพพจน์ช่ือเสียงทดี่ ขี องทางราชการ
1. จิตใจ/ครอบครวั /ช่ือเสียง
2. เงินเดือน
3. บำเหน็จ/บำนำญ
4. ควำมรบั ผิดทำงอำญำ/แพ่ง
5. คณุ สมบตั ิกำรกลบั เขำ้ รบั รำชกำร
ผู้มหี น้าทรี่ ักษาวนิ ัย คือ
1. ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา
2. ผู้บังคบั บัญชา (ผอ.รร. ผอ.สพท เลขาธิการ กพฐ. รมว.ศธ.)
3. องค์กรกลางบริหารงานบุคคล (ก.ค.ศ.,กศจ.)
โทษทางวนิ ัยมี 5 สถาน
1. ภาคทัณฑ์ ความผดิ วนิ ัยอย่างไม่ร้ายแรง
2. ตัดเงินเดือน ความผดิ วนิ ัยอย่างร้ายแรง
3. ลดเงินเดือน
4. ปลดออก
5. ไล่ออก
การพจิ ารณาความผดิ
■การพจิ ารณาความผดิ จะใช้หลกั นิติธรรมพจิ ารณาว่า การ
กระทาน้ันมีกฎหมาย บญั ญัติว่าเป็ นความผดิ วนิ ัยหรือไม่ และ
หลกั มโนธรรมพจิ ารณาทบทวนให้รอบคอบโดยคานึงถงึ
ความเป็ นจริง ความถูกต้องเหมาะสมตามเหตุผลทค่ี วรจะเป็ น
ในการพจิ ารณาความผดิ
การกาหนดโทษทางวนิ ัย
■ หลกั นิติธรรมเพ่ือกาหนดโทษตามท่ีกฎหมายกาหนด
■ หลกั มโนธรรมเพ่ือพจิ ารณาทบทวนให้รอบคอบตาม เหตุผล มใิ ห้
เป็ นไปโดย พยาบาท อคติ หรือโทสจริตหรือลงโทษผู้ทไี่ ม่มคี วามผดิ
■ หลกั ความเป็ นธรรมเป็ น การวางโทษให้ระดบั เสมอหน้ากนั
■ หลกั นโยบายของทางราชการในการลงโทษ ได้แก่ นโยบายของ
รัฐบาล มตคิ ณะรัฐมนตรี
มาตรา 82
ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาต้องรักษาวนิ ัยท่ี
บัญญตั เิ ป็ นข้อห้าม และข้อปฏิบัตไิ ว้ในหมวดนีโ้ ดยเคร่งครัด
อยู่เสมอ
1. วนิ ัยต่อประเทศชาติ
2. วนิ ัยต่อตาแหน่งหน้าท่ีราชการ
3. วนิ ัยต่อผู้บงั คบั บญั ชา
4. วนิ ัยต่อผู้ร่วมงาน
5. วนิ ัยต่อประชาชน
6. วนิ ัยต่อตนเอง
วนิ ัยต่อประเทศชาติ
- สนับสนุนการปกครองระบอบประชาธิปไตย
อนั มพี ระมหากษตั ริย์ทรงเป็ นประมุข ด้วยความบริสุทธ์ิใจ
(ม.83)
“หน้าทรี่ าชการ” ก.พ.มีแนวทางการพจิ ารณา ดังนี้
1. พจิ ารณาจากกฎหมาย หรือระเบยี บ
2. มาตรฐานกาหนดตาแหน่ง
3. พจิ ารณาจากคาสั่งหรือการมอบหมายของผู้บังคบั บญั ชา
4. พฤตนิ ัย
หนา้ ทตี่ ามกฎหมาย หรอื ระเบยี บ
■ การสอบสวนความผดิ วนิ ยั อยา่ งร้ายแรงแก่ขา้ ราชการครูและ
บุคลากรทางการศึกษา ซ่ึงกฎหมายกาหนดใหผ้ มู้ ีอานาจตาม
มาตรา 53 เป็นผสู้ ง่ั แต่งต้งั คณะกรรมการสอบสวนวนิ ยั อยา่ ง
ร้ายแรง
หนา้ ที่ตามมาตรฐานกาหนดตาแหน่ง
(ก.พ. ไดจ้ ดั ทาไวเ้ ปน็ บรรทัดฐาน ตามมาตรา 48 แหง่ พระราชบัญญตั ิระเบยี บขา้ ราชการพลเรือน พ.ศ.
2551 ทกุ ตาแหน่ง โดยกาหนดหน้าท่แี ละความรับผดิ ชอบของตาแหนง่ ตลอดจนลักษณะงานที่ปฏิบัติ
ไว้เป็นกรอบกวา้ ง ๆ)
■ ตาแหน่งประเภท วิชาการ ช่ือสายงาน ตรวจสอบภายใน ชือ่ ตาแหน่งในสายงาน นกั วชิ าการ
ตรวจสอบภายใน ระดับตาแหน่ง ระดับปฏบิ ัตกิ าร
■ หน้าท่แี ละความรบั ผิดชอบหลกั ปฏิบตั ิงานในฐานะผู้ปฏบิ ัตงิ านระดบั
ตน้ ท่ตี อ้ งใชค้ วามรู้ ความสามารถทางวชิ าการในการ ทางาน
ปฏบิ ัติงานเกีย่ วกบั งานตรวจสอบภายใน ภายใต้การกากับ แนะนา
ตรวจสอบ และปฏิบัตงิ านอน่ื ตามท่ี ไดร้ ับมอบหมาย
พจิ ารณาจากคาสั่งหรือการมอบหมายของผบู้ งั คบั บญั ชา
คาสั่งโรงเรียนมธั ยมฮีน้อย
ที่ ๑๙ /๒๕๖๒
เรื่อง การจดั เวรยามรักษาสถานท่ีราชการ
-------------------------
หนา้ ท่ีโดยพฤตนิ ัย
(ให้พจิ ารณาจากการทีข่ ้าราชการผู้นนั้ ยอมเอาตัวเข้าไปผูกพัน กระทาการอย่างหนงึ่ อยา่ งใด ซึ่งการเขา้ ไปกระทา
การดังกลา่ วมีลกั ษณะเป็นทางราชการ อนั ถือเปน็ หนา้ ทรี่ าชการโดยพฤตินัย)
■ ตัวอย่างกรณมี ีหนา้ ท่ีโดยพฤตนิ ัย
นาง ก เจ้าหน้าที่การเงินซ่ึงได้รับมอบหมายจากผู้บังคับบัญชาให้ปฏิบัติหน้าท่ีเก่ียวกับเงิน
งบประมาณ ได้ผูกพันตนรับฝากเงินนอกงบประมาณท่ีมิได้อยู่ในหน้าท่ีของตน โดยลงลายมือช่ือรับฝากเงินน้ันไว้
อย่างเป็นทางการในด้านหลังคู่ฉบับใบเสร็จรับเงิน ถือได้ว่านาง ก มีหน้าที่ราชการในเร่ืองเงินจานวนที่ได้รับนั้น
เม่ือต่อมาปรากฏข้อเท็จจริงว่า นาง ก ได้นาเงินจานวนดังกล่าวไปใช้เป็นประโยชน์ส่วนตัวจึงถือได้ว่า นาง ก
กระทาความผิดฐานทุจริตต่อหน้าท่ีราชการ เน่ืองจาก นาง ก. มีหน้าที่ราชการ ปฏิบัติหน้าที่ราชการโดยมิชอบ
เพ่ือให้ตนเองได้ประโยชน์ท่ีมิควรได้ โดยมีเจตนาทุจริต แม้ภายหลัง นาง ก จะอ้างว่าตนไม่ได้เป็นผู้มีหน้าท่ีรับฝาก
เงินนอกงบประมาณก็ตาม แต่การที่ นาง ก ได้ผูกพันตนเข้ารับฝากเงินนอกงบประมาณดังกล่าวโดยการลงลายมือ
ชอ่ื รับฝากเงินไว้อย่างเป็นทางการในด้านหลังคู่ฉบับใบเสร็จรับเงินจึงเป็นท่ีประจักษ์แก่บุคคลทั่วไปว่า นาง ก. เป็น
ผู้มีหนา้ ที่ดงั กลา่ วแลว้
ความผดิ ทพ่ี บบ่อยครง้ั
มาตรา 84 วรรค 3 ปฏบิ ตั หิ รอื ละเว้นการปฏบิ ตั หิ นา้ ทร่ี าชการโดยมชิ อบ
เพ่ือให้เกดิ ความเสียหายอยา่ งรา้ ยแรงแกผ่ ูห้ น่ึงผใู้ ด หรอื ปฏบิ ตั หิ รอื ละเว้น
การปฏบิ ัติหนา้ ที่ราชการโดยทุจรติ
ผ้ใู ดทุจริตตอ่ หนา้ ทีร่ าชการ ถอื เปน็ ความผิดวินยั อย่างร้ายแรงโทษ ไล่ออกสถานเดียว
ปรับปรงุ มติ ครม. กรณีทจุ ริตตอ่ หนา้ ท่ีราชการ (234/2536)
มติ ค.ร.ม.เมื่อวนั ท่ี 21 ธ.ค.2536
(นร 0205/ว 234 ลว. 24 ธ.ค.2536)
- การลงโทษผู้กระทาผดิ วนิ ัยฐานทุจริต
ควรลงโทษเป็ นไล่ออกจากราชการ
- การนาเงนิ ทีท่ ุจริตไปแล้วมาคืนมีเหตุอนั ควรปรานีอื่นใด ไม่
เป็ นเหตุลดหย่อนโทษเป็ นปลดออกจากราชการ
ตวั อย่าง ทุจริตต่อหน้าทร่ี าชการ
■ มีหนา้ ที่ทาบญั ชีและรายงานต่าง ๆ พร้อมทาหนา้ ที่นาเงินรายไดแ้ ผน่ ดินส่งคลงั
ดว้ ย แลว้ ทาการยกั ยอกเงินรายไดแ้ ผน่ ดินเป็นประโยชนส์ ่วนตน (โทษ ไล่ออก)
■ เบียดยงั เงินหมวดค่าใชส้ อยเอาไปใชเ้ ป็นประโยชนส์ ่วนตวั แลว้ ปลอมแปลงแกไ้ ข
เอกสารการเงินของทางราชการ นอกจากน้ีไดย้ กั ยอกเงินเดือนและคา่ เช่าบา้ นของ
ราชการไปใชป้ ระโยชนส์ ่วนตวั (โทษ ไล่ออก)
■ แกไ้ ขและปลอมแปลงเช็คใหต้ นเป็นผรู้ ับเงิน แลว้ โอนเขา้ บญั ชีเงินฝากของ
ตน (โทษ ไล่ออก)
ตวั อยา่ ง
■ ข้อเทจ็ จริง นายรกั เปน็ ผเู้ ก็บสมดุ คฝู่ ากบญั ชธี นาคารของโรงเรยี นทุกบัญชไี ว้คนเดียวเมือ่ จะ
เบิกเงนิ นายรกั จะให้เจา้ หนา้ ท่ีการเงนิ ลงลายมือช่อื ในใบเบกิ เงนิ แลว้ นายรักจะลงจานวนเงิน
ภายหลงั เมื่อเจา้ หน้าที่การเงินทกั ทว้ งกอ็ า้ งว่าเร่งรีบและจะรบั ผิดชอบเอง หรือบางคร้งั ก็แกไ้ ข
จานวนเงนิ โดยไมไ่ ดบ้ อกกลา่ วแกเ่ จ้าหน้าท่กี ารเงนิ จนทาใหเ้ งนิ ในบญั ชเี งนิ กองทนุ อาหาร
กลางวันบญั ชีเงนิ อาหารเสรมิ (นม) บัญชีเงนิ อุดหนนุ นกั เรยี นยากจนและขยายโอกาสทาง
การศกึ ษา เงนิ ค่าพาหนะนกั เรียนไปรบั บรกิ าร ทางสขุ ภาพขาดบญั ชไี ปรวม 270,779 บาท
ปรากฎว่าเงินจานวนดงั กลา่ วนายรักไดท้ ยอยเบิกถอนไปหมุนเวียนใชเ้ ปน็ ประโยชนส์ ่วนตัว
นอกจากนย้ี ังพบวา่ นายรกั ได้ปลอมลายมือชือ่ ขา้ ราชการครแู ละนกั การโรงซ่งึ เปน็
ผู้ใตบ้ ังคบั บญั ชาไปขอกเู้ งินฉกุ เฉนิ จากสหรกร์ออมทรัพยค์ รู แล้วไม่รบั ผดิ ชอบชาระหนเ้ี ปน็ เหตุ
ใหผ้ ู้ใตบ้ ังคับบัญชาเดือดรอ้ นอีกทง้ั ยังเปน็ ผูแ้ ทนรับเงนิ ชว่ ยค่าศึกษาบุตรของผู้ใต้บังคบั บญั ชา
แล้วไมน่ าไปจ่ายใหก้ บั ผู้มีสทิ ธจิ นตอ้ งมีการทวงถามเป็นเวลานานจึงไดน้ ามาคืนให้แก่ผมู้ ีสิทธิ
ผิดฐานทุจรติ ต่อหน้าท่ีราชการ โทษไลอ่ อกจากราชการ
มาตรา ๘๕ ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาต้องปฏิบัติหน้าที่
ราชการให้เป็ นไปตามกฎหมาย ระเบียบแบบแผนของทางราชการและ
หน่วยงานการศึกษา มติคณะรัฐมนตรี หรือนโยบายของรัฐบาลโดยถือ
ประโยชนส์ ูงสุดของผู้เรยี น และไม่ใหเ้ กดิ ความเสยี หายแกท่ างราชการ
การปฏิบัติหน้าท่ีราชการโดยลงใลไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย
ระเบียบแบบแผนของทางราชการและหน่วยงานการศึกษา มติ
คณะรัฐมนตรีหรือนโยบายของรัฐบาล ประมาทเลนิ เล่อหรอื ขาดการเอาใล
ใส่ระมัดระวังรักษาประโยชน์ของทางราชการ อันเป็ นเหตุให้เกิดความ
เสยี หายแก่ราชการอยา่ งร้ายแรงเป็ นความผดิ วนิ ัยอย่างร้ายแรง
35
ระเบียบแบบแผนของทางราชการ
“ แบบแผน” คือขนบธรรมเนียมที่กำหนดไว้
หรอื เคยประพฤติปฏิบตั ิสบื ต่อกนั มำ
1. เป็ นระเบียบแบบแผนของทำงรำชกำรทวั่ ไป
2. กำหนดหนำ้ ท่ีทว่ั ไปที่ทกุ คนตอ้ งปฏิบตั ิตำม
3. ไมจ่ ำเป็ นตอ้ งกำหนดไวเ้ ป็ นลำยลกั ษณอ์ กั ษร
◼ ระเบียบกำรลำ/ระเบียบเกย่ี วกบั รถรำชกำร
◼ ระเบียบกำรแต่งกำย/ระเบียบบำ้ นพกั
ฐานไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบ มติ ครม. แบบแผนทางราชการ
เชน่ –ไมย่ น่ื ใบลาหลงั กลับมาทางาน
- ไม่ลงชื่อปฏบิ ัติหนา้ ท่ีราชการ
- นารถยนต์ของทางราชการไปใชส้ ่วนตวั
- จดั ให้มกี ารเร่ืยไรโดยไม่ขออนุญาต
- ไมแ่ จ้งผบู้ ังคับบัญชาเม่ือตอ้ งหาคดอี าญา แพ่ง หรือล้มละลาย
(มติครม.826/2482)
- เสพสุรา ขับรถยนต์ (มติครม.156/2496)
กฎหมาย ระเบียบ มติ ครม.ทคี่ วรทราบ
■ขา้ ราชการผมู้ ีหนา้ ท่ีปฏิบตั ิราชการอยา่ งใดอยา่ งหน่ึง จะอา้ งวา่
ไม่รู้กฏหมายหรือระเบียบแบบแผนขอ้ บงั คบั อนั ตนจาตอ้ ง
ปฏิบตั ิและอยใู่ นหนา้ ที่ของตนมิได้ (มติคณะรัฐมนตรี แจง้ ตาม
หนงั สือกรมสารบรรณคณะรัฐมนตรีฝ่ ายบริหาร ท่ี น.ว.
89/2497 ลงวนั ท่ี 1 เมษายน 2497)
■ ข้าราชการทีป่ ฏิบตั งิ านในสถานศึกษา จะต้องมาถงึ
สถานศึกษา ก่อนเวลาทางานปกตอิ ย่างน้อย 15 นาที และกลบั
หลงั เวลาทางานปกตไิ ม่น้อยกว่า 15 นาที (ระเบียบ
กระทรวงศึกษาธิการ ว่าด้วยเวลาทางานและวนั หยดุ ราชการ
ของสถานศึกษา พ.ศ. 2502 ข้อ 8)
■วนั ปิ ดภาคเรียนถือว่าเป็ นวนั พกั ผ่อนของนักเรียน ซึ่ง
สถานศึกษาอาจอนุญาตให้ครู หยุดพกั ผ่อนได้ แต่ถ้ามรี าชการ
จาเป็ น ครูต้องมาปฏบิ ตั ริ าชการตามคาส่ังของทางราชการ
(ระเบียบกระทรวงศึกษาธิการ ว่าด้วยการกาหนดเวลาทางาน
และวนั หยดุ ราชการของ สถานศึกษา พ.ศ. 2520 ข้อ 9)
■ขา้ ราชการเป็ นเจา้ มือ เดินขาย หรือเล่นสลากกินรวบตอ้ ง
ถูกลงโทษอยา่ งนอ้ ยใหอ้ อกจากราชการ (มติคณะรัฐมนตรี
แจง้ ตามหนงั สือกรมสารบรรณคณะรัฐมนตรีฝ่ ายบริหารที่
น.ว. 280/2498 ลงวนั ที่ 29 ธนั วาคม 2498)
■ ผใู้ ดลาป่ วยต่อเน่ืองกนั ต้งั แต่ 10 วนั ข้ึนไป ใหผ้ บู้ งั คบั บญั ชาหรือผทู้ ี่ไดร้ ับมอบหมายไป
สอบสวนใหไ้ ดค้ วามจริงวา่ ป่ วยจริงหรือไม่อยา่ งไร
- การลากิจ ควรอนุญาตเฉพาะกรณีจาเป็นจริง ๆ ไม่ใช่ลากิจ เพ่ือไปรับจา้ งหารายไดพ้ เิ ศษ
อยา่ งอื่น
- ผบู้ งั คบั บญั ชาคนใดรู้เห็นเป็นใจอนุญาตใหข้ า้ ราชการลาเทจ็ ใหถ้ ือวา่ มีความผดิ ทางวินยั
ดว้ ย (คาสง่ั นายกรัฐมนตรี แจง้ ตามหนงั สือกรมสารบรรณคณะรัฐมนตรี ฝ่ ายบริหารที่
น.ว. 128/2497 ลงวนั ท่ี 20 สิงหาคม 2497)
มาตรา ๘๖ ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศกึ ษาตอ้ งปฏบิ ตั ติ ามคาส่ังของ
ผู้บังคับบัญชาซงึ่ ส่ังในหน้าทร่ี าชการโดยชอบดว้ ยกฎหมายและระเบยี บของทาง
ราชการ โดยไม่ขัดขนื หรอื หลกี เลยี่ ง แต่ถา้ เหน็ ว่าการปฏบิ ตั ติ ามคาส่ังนั้นละทาให้
เสียหายแก่ราชการ หรอื ละเป็ นการไม่รักษาประโยชนข์ องทางราชการละเสนอ
ความเหน็ เป็ นหนังสอื ภายในเลด็ วัน เพอื่ ใหผ้ ู้บงั คับบัญชาทบทวนคาส่ังนั้นกไ็ ด้
และเมอ่ื เสนอความเหน็ แล้ว ถา้ ผู้บงั คบั บญั ชายนื ยันเป็ นหนังสอื ใหป้ ฏบิ ัตติ าม
คาส่ังเดมิ ผู้อยู่ใตบ้ งั คบั บัญชาละตอ้ งปฏบิ ตั ติ าม
การขัดคาส่ังหรอื หลกี เลย่ี งไม่ปฏบิ ัตติ ามคาส่ังของผู้บังคบั บัญชา ซง่ึ
ส่ังในหน้าทรี่ าชการโดยชอบดว้ ยกฎหมายและระเบยี บของทางราชการ อนั เป็ น
เหตุใหเ้ สียหายแก่ราชการอย่างร้ายแรง เป็ นความผดิ วินัยอยา่ งร้ายแรง
44
ขดั คาสั่งผู้บงั คบั บัญชาซึ่งสั่งการในหน้าท่ี
■ ต้องปฏิบัตติ ามคาส่ังของผู้บงั คบั บญั ชา
■ ถ้าเห็นว่าการปฏบิ ัตติ ามคาส่ังจะทาให้ราชการเสียหายจะเสนอความเห็น
เป็ นหนังสือเพ่ือให้ทบทวนคาสั่งน้ันกไ็ ด้
■ ถ้าผู้บังคบั บญั ชายืนยนั เป็ นหนังสือ กใ็ ห้ปฏบิ ัตติ าม
■ การไม่ปฏิบัตติ ามคาส่ังผู้บงั คบั บญั ชาจนทาให้ราชการเสียหายอย่างร้ายแรง
เป็ นความผดิ วนิ ัยร้ายแรง
คำวินิจฉัยของศำลปกครอง กำรส่ังงำนของผ้บู ังคับบญั ชำด้วย
ลำยลกั ษณ์อักษร หรือวำจำหรือผ่ำนช่องทำงต่ำง ๆ ( โทรศัพท์
, ไลน์, อีเมล ฯลฯ) ถือเป็นคำส่ังโดยชอบ เทียบคำพิพำกษำ
ศำลปกครองสูงสุดท่ี อ.598/2557
■ หนงั สือสานกั งานคณะกรรมการการศึกษาข้นั พ้ืนฐาน (สพฐ.) ด่วนที่สุด ท่ี
ศธ.04009/4680 เรื่อง การคดั เลือกบุคคลเพอื่ บรรจุและแต่งต้งั ใหด้ ารงตาแหน่ง
ผอู้ านวยการสานกั งานเขตพ้นื ที่การศึกษา (สพท.) สงั กดั สพฐ. ปี 2561
■ แจง้ ไปยงั ผอู้ านวยการสานกั งานเขตพ้นื ที่การศึกษาประถมศึกษา (สพป.) และ
ผอู้ านวยการสานกั งานเขตพ้ืนที่การศึกษามธั ยมศึกษา (สพม.) ทุกเขตทวั่ ประเทศ
■ หา้ มไม่ใหผ้ อู้ านวยการสานกั งานเขตพ้นื ที่การศึกษา และบุคลากรในสงั กดั เขา้ ไปมี
ส่วนเกี่ยวขอ้ ง หรือกระทาการใดๆ ท่ีมีเจตนาเป็นการกวดวชิ า จดั ทาเอกสาร จาหน่าย
แจก หรือกระทากระบวนการอ่ืนใดที่ก่อใหเ้ กิดประโยชน์ หรือเอ้ือประโยชนแ์ ก่ผเู้ ขา้
สอบโดยเดด็ ขาด
■ กระทรวงศึกษาธิการไม่อนุญาตให้ ครูสตรีเข้าประกวด
นางงาม ตลอดจนการประกวดหรือแสดงแบบเครื่องแต่งกาย
สตรี ไม่ว่าการประกวดน้ันจะเรียกช่ืออย่างไร และผู้ใดเป็ นผู้
จดั หาก ฝ่ าฝื นอาจได้รับการพจิ ารณาลงโทษถงึ ให้ออกจาก
ราชการ (หนังสือกระทรวงศึกษาธิการที่ ศธ 1422/2504
ลงวนั ท่ี 26 กรกฎาคม 2504)
ต้องตรงต่อเวลา อุทศิ เวลาให้แก่ทางราชการและ
ผู้เรียน จะละทงิ้ หรือทอดทงิ้ หน้าทร่ี าชการโดยไม่มี
เหตุผลอนั ควรไม่ได้
การละทงิ้ หน้าท่รี าชการจนทาให้ราชการเสียหาย
อย่างร้ายแรงเป็ นความผดิ วนิ ัยอย่างร้ายแรง
การละทงิ้ หน้าท่รี าชการตดิ ต่อในคราวเดียวกนั
เป็ นเวลาเกนิ กว่า 15 วนั เป็ นความผดิ วนิ ัยอย่าง
ร้ายแรง
อทุ ศิ เวลาของตน
ไม่ว่าในเวลาราชการ และนอกเวลาราชการ
ตลอดจนวนั หยุดราชการ