The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Wunsen, 2023-11-16 04:50:54

วิจัยปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อทักษะความฉลาดทางดิจิทัลของนักศึกษาระดับปริญญาตรี มหาวิทยาลัยขอนแก่น

สารนิพนธ์หลักสูตรศิลปศาสตรบัณฑิต
มหาวิทยาลัยขอนแก่น
พ.ศ. 2566

Keywords: สารนิพนธ์

ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อทักษะความฉลาดทางดิจิทัลของนักศึกษาระดับปริญญาตรี มหาวิทยาลัยขอนแก่น FACTORS INFLUENCING THE KNOWLEDGE OF DIGITAL INTELLIGENCE SKILLS OF UNDERGRADUATES KHON KAEN UNIVERSITY นางสาวพรอร่าม คุณความดี อาจารย์ที่ปรึกษาผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.อภิรดี วงศ์ศิริ สารนิพนธ์หลักสูตรศิลปศาสตรบัณฑิต มหาวิทยาลัยขอนแก่น พ.ศ. 2566


ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อทักษะความฉลาดทางดิจิทัลของนักศึกษาระดับปริญญาตรี มหาวิทยาลัยขอนแก่น นางสาวพรอร่าม คุณความดี สารนิพนธ์นี้เป็นส่วนหนึ่งของหลักสูตรศิลปศาสตรบัณฑิต สาขาสังคมศาสตร์ วิชาเอกพัฒนาสังคม คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น พ.ศ. 2566


FACTORS INFLUENCING THE KNOWLEDGE OF DIGITAL INTELLIGENCE SKILLS OF UNDERGRADUATES KHON KAEN UNIVERSITY MISS PHONARAM KUNKWAMDEE A THESIS SUBMITTED IN PARTIAL FULFILLMENT OF THE REQUIREMENTS FOR THE DEGREE OF BACHELOR OF ARTS IN SOCIAL DEVELOPMENT FACULTY OF HUMANITIES AND SOCIAL SCIENES, KHON KAEN UNIVERSITY 2023


สารนิพนธ์ ระดับปริญญาตรี หลักสูตรศิลปศาสตรบัณฑิต (สังคมศาสตร์) คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ชื่อสารนิพนธ์: ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อทักษะความฉลาดทางดิจิทัลของนักศึกษาระดับปริญญาตรี มหาวิทยาลัยขอนแก่น ชื่อผู้ทำสารนิพนธ์: นางสาวพรอร่าม คุณความดี รหัสนักศึกษา 623080126-8 อาจารย์ที่ปรึกษาสารนิพนธ์ : .................................................................... (ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.อภิรดี วงศ์ศิริ) อาจารย์ที่ปรึกษา หลักสูตรศิลปศาสตรบัณฑิต สาขาสังคมศาสตร์ วิชาเอกพัฒนาสังคม .................................................................... (อาจารย์ ดร.ภีมกร โดมมงคล) ประธานสหกิจศึกษาทางพัฒนาสังคม หลักสูตรศิลปศาสตรบัณฑิต สาขาสังคมศาสตร์ วิชาเอกพัฒนาสังคม


ก พรอร่าม คุณความดี. (2565). ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อทักษะความฉลาดทางดิจิทัลของนักศึกษาระดับปริญญา ตรี มหาวิทยาลัยขอนแก่น. สารนิพนธ์ปริญญาตรี ศิลปศาสตรบัณฑิต สาขาสังคมศาสตร์ วิชาเอกพัฒนา สังคม,คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น อาจารย์ที่ปรึกษาสารนิพนธ์ : ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.อภิรดี วงศ์ศิริ บทคัดย่อ การศึกษาปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อความฉลาดทางดิจิทัลของนักศึกษาระดับปริญญาตรี มหาวิทยาลัยขอนแก่น มีวัตถุประสงค์ในการศึกษา ดังนี้ 1) เพื่อศึกษาระดับทักษะความฉลาดทางดิจิทัล ของนักศึกษาระดับปริญญาตรี มหาวิทยาลัยขอนแก่น 2) เพื่อศึกษาปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อทักษะความฉลาด ทางดิจิทัลของนักศึกษาระดับปริญญาตรี มหาวิทยาลัยขอนแก่น ใช้ระเบียบวิธีวิจัยเชิงปริมาณ (Quantitative Research) โดยมีหน่วยการวิเคราะห์เป็นระดับบุคคล คือ นักศึกษาระดับปริญญาตรี ปี การศึกษา 2565 มหาวิทยาลัยขอนแก่นจำนวน400 คน โดยใช้การสุ่มแบบมีชั้นภูมิ (Stratified sampling) ซึ่งเครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล คือแบบสอบถาม (Questionnaire) และการ วิเคราะห์ข้อมูลในการวิจัยในครั้งนี้ใช้สถิติเชิงพรรณนา (Descriptive statistics) วิเคราะห์ข้อมูลทั่วไปของ ผู้ตอบแบบสอบถาม ได้แก่ เพศ อายุ ชั้นปี คณะ โดยหาค่าความถี่ (Frequency) และร้อยละ (Percentage) ส่วนค่าเฉลี่ย (Mean) และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (Standard Deviation) วิเคราะห์ระดับ การรู้ทักษะความฉลาดทางดิจิทัลของนักศึกษาระดับปริญญาตรีมหาวิทยาลัยขอนแก่น และใช้สถิติการ วิเคราะห์ถดถอยเชิงพหุคูณในการวิเคราะห์หาปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อทักษะความฉลาดทางดิจิทัลของ นักศึกษาระดับปริญญาตรีมหาวิทยาลัยขอนแก่น ผลการศึกษาระดับทักษะความฉลาดทางดิจิทัลของนักศึกษาระดับปริญญาตรี มหาวิทยาลัยขอนแก่น พบว่า ระดับการรู้ทักษะความฉลาดทางดิจิทัลของนักศึกษาระดับปริญญาตรี มหาวิทยาลัยขอนแก่นตามกลุ่มสาขาวิชา พบว่า นักศึกษากลุ่มสาขาวิชาวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีส่วนใหญ่ที่ มีระดับการรู้ทักษะความฉลาดทางดิจิทัลอยู่ในระดับสูงสุด คิดเป็นร้อยละ 55.4 รองลงมาคือนักศึกษากลุ่ม สาขาวิชาวิทยาศาสตร์สุขภาพ คิดเป็นร้อยละ 52.4 ลำดับถัดมาเป็นนักศึกษากลุ่มสาขาวิชามนุษยศาสตร์ และสังคมศาสตร์ คิดเป็นร้อยละ 51.6 และนักศึกษากลุ่มสหสาขาวิชา คิดเป็นร้อยละ 16.7 โดยนักศึกษา ที่เรียนในกลุ่มสาขาวิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมีการรู้ดิจิทัลสูงกว่านักศึกษาที่เรียนในกลุ่มสาขา มนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ (แววตา เตชาทวีวรรณ และอัจฉรา ประเสริฐสิน,2559) และผลการศึกษา ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อทักษะความฉลาดทางดิจิทัลของนักศึกษาระดับปริญญาตรี มหาวิทยาลัยขอนแก่น


ข พบว่า ปัจจัยนโยบายมหาวิทยาลัยมีอิทธิพลต่อทักษะความฉลาดทางดิจิทัลของนักศึกษาระดับปริญญาตรี มหาวิทยาลัยขอนแก่น อย่างมีนัยสำคัญที่ระดับ 0.05 ทั้ง 3 ด้าน ประกอบด้วยด้านโครงการพัฒนา นักศึกษา ด้านการสนับสนุนอุปกรณ์/เครื่องมือดิจิทัล และด้านสภาพแวดล้อมสถานที่ ในส่วนของปัจจัย แรงจูงใจมีอิทธิพลต่อทักษะความฉลาดทางดิจิทัลของนักศึกษาระดับปริญญาตรีมหาวิทยาลัยขอนแก่น อย่างมีนัยสำคัญที่ระดับ 0.05 ทั้ง 2 ด้าน ประกอบด้วยด้านความสำคัญการรู้ทักษะดิจิทัล และความ ต้องการพัฒนาตนเองทางดิจิทัล โดยสรุปจากการแสดงผลการวิเคราะห์ถดถอยเชิงพหุคูณ เมื่อพิจารณาค่า สัมประสิทธิ์การทำนายพบว่า ชุดตัวแปรอิสระปัจจัยแรงจูงใจสามารถทำนายตัวแปรตามทักษะความฉลาด ทางดิจิทัลของนักศึกษาระดับปริญญาตรี มหาวิทยาลัยขอนแก่น


ค กิตติกรรมประกาศ การวิจัยฉบับนี้เป็นปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อทักษะความฉลาดทางดิจิทัลของนักศึกษาระดับปริญญา ตรี มหาวิทยาลัยขอนแก่น สารนิพนธ์ระดับปริญญาตรีหลักสูตรปริญญาตรีสาขาวิชาสังคมศาสตร์ วิชาเอกพัฒนาสังคม คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น สำเร็จล่วงได้นั้นก็ด้วย การได้รับความเมตตาให้ความอนุเคราะห์ให้คำปรึกษาข้อชี้แนะในการศึกษาระเบียบวิธีวิจัยตลอดจนการ ให้คำแนะนำจุดบกพร่องแก่ผู้วิจัยอย่างดียิ่งของท่านผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.อภิรดี วงศ์ศิริอาจารย์ที่ ปรึกษา และขอขอบพระคุณคุณนฤมล น้อยนรินทร์ นักวิชาการศึกษาชำนาญการ หัวหน้างานการเรียนรู้ ดิจิทัลและระบบสนับสนุนการเรียนรู้ และบุคลากรเจ้าหน้าที่ศูนย์นวัตกรรมการเรียนการสอน มหาวิทยาลัยขอนแก่นทุกท่านที่ให้ข้อมูล คำปรึกษา ประสบการณ์ และดูแลตลอดระยะเวลาที่ผู้วิจัยฝึกสห กิจศึกษา ณ ศูนย์นวัตกรรมการเรียนการสอน มหาวิทยาลัยขอนแก่นเป็นอย่างดี ขอขอบคุณผู้ตอบแบบสอบถามที่ให้ความร่วมมือตอบแบบสอบถามเพื่อการวิจัยเรื่อง ปัจจัยที่มี อิทธิพลต่อทักษะความฉลาดทางดิจิทัลของนักศึกษาระดับปริญญาตรี มหาวิทยาลัยขอนแก่น ซึ่งเป็น นักศึกษามหาวิทยาลัยขอนแก่น ปีการศึกษา 2565 จำนวน 400 ท่านที่ทำให้งานวิจัยในครั้งนี้สำเร็จลุล่วง ไปด้วยดี ผู้วิจัยขอขอบคุณทุกท่านมา ณ โอกาสนี้ ขอขอบพระคุณบุพการีผู้วิจัย เพื่อนสนิทมิตรสหาย เพื่อนร่วมสาขาพัฒนาสังคมทุกคนที่คอยถาม ไถ่ด้วยความห่วงใย ให้คำปรึกษารวมถึงกัลยาณมิตรที่คอยส่งกำลังใจที่ทำให้ผู้วิจัยสามารถอดทนใน การศึกษาในครั้งนี้จนผ่านลุล่วงไปได้ด้วยดี และท้ายนี้ผู้วิจัยหวังเป็นอย่างยิ่งว่าสารนิพนธ์ฉบับนี้จะเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อยแก่ผู้ค้นคว้าและ ก่อให้เกิดคุณค่าทางการศึกษาต่อไป ผู้วิจัย 7 เมษายน 2566


ง สารบัญ หน้า บทคัดย่อ ก กิตติกรรมประกาศ ค สารบัญ ง สารบัญตาราง ฉ สารบัญภาพ ซ บทที่ 1 บทนำ 1 คำถามการวิจัย 3 วัตถุประสงค์ 3 ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ 3 สมมติฐานการวิจัย 4 ขอบเขตการศึกษา 4 นิยามศัพท์เฉพาะ 4 บทที่ 2 แนวคิด ทฤษฎี เอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง 6 ทฤษฎีการเรียนรู้ยุคดิจิทัล 6 งานวิจัยที่เกี่ยวข้อง 7 เอกสารที่เกี่ยวข้อง 8 กรอบแนวคิดการวิจัย 11 บทที่ 3 ระเบียบการวิจัย 12 ประชากรและกลุ่มตัวอย่าง 12 เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย 13 การเก็บรวบรวมข้อมูล 14 การวิเคราะห์ข้อมูล 14 บทที่ 4 ผลการวิเคราะห์ข้อมูล 15 ส่วนที่ 1 ผลการวิเคราะห์ข้อมูลทั่วไปของผู้ตอบแบบสอบถาม 15 ส่วนที่ 2 ผลการวิเคราะห์ระดับการรรู้ทักษะความฉลาดทางดิจิทัลของนักศึกษา 18 ระดับปริญญาตรี มหาวิทยาลัยขอนแก่น ส่วนที่ 3 ผลการวิเคราะห์ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อทักษะความฉลาดทางดิจิทัลของนักศึกษา 27 ระดับปริญญาตรี มหาวิทยาลัยขอนแก่น


จ สารบัญ (ต่อ) หน้า บทที่ 5 สรุป อภิปรายผล และข้อเสนอแนะ 31 สรุปผลการวิจัย 31 อภิปรายผลการวิจัย 33 ข้อเสนอแนะ 36 บรรณานุกรม 37 ภาคผนวก 38 ภาคผนวก ก แบบสอบถามเพื่อการวิจัย 39 ประวัติย่อผู้วิจัย 58


ฉ สารบัญตาราง หน้า ตารางที่ 4.1 จำนวนและร้อยละของข้อมูลทั่วไปของผู้ตอบแบบสอบถาม 15 ตารางที่ 4.2 ร้อยละของนักศึกษาที่เข้าร่วมการทดสอบความรู้ ความสามารถทางคอมพิวเตอร์ สำหรับนักศึกษาปริญญาตรี 17 ตารางที่ 4.3 ร้อยละของระดับการรู้ทักษะความฉลาดทางดิจิทัลของ นักศึกษาระดับปริญญาตรี มหาวิทยาลัยขอนแก่น 18 ตารางที่ 4.4 ร้อยละของระดับการรู้ทักษะความฉลาดทางดิจิทัลของ นักศึกษาระดับปริญญาตรี มหาวิทยาลัยขอนแก่นตามกลุ่มสาขาวิชา 19 ตารางที่ 4.5 ร้อยละของภาพรวมระดับการรู้ทักษะความฉลาดทางดิจิทัล ของนักศึกษาระดับปริญญาตรี มหาวิทยาลัยขอนแก่น 20 ตารางที่ 4.6 ร้อยละของระดับความคิดเห็นต่อปัจจัยนโยบายมหาวิทยาลัย ด้านโครงการพัฒนานักศึกษา 21 ตารางที่ 4.7 ร้อยละของระดับความคิดเห็นต่อปัจจัยนโยบายมหาวิทยาลัย ด้านการสนับสนุนอุปกรณ์/เครื่องมือดิจิทัล 21 ตารางที่ 4.8 ร้อยละของระดับความคิดเห็นต่อปัจจัยนโยบายมหาวิทยาลัย ด้านสภาพแวดล้อมสถานที่ 22 ตารางที่ 4.9 ร้อยละของระดับความคิดเห็นต่อปัจจัยนโยบายมหาวิทยาลัย ภาพรวมและรายด้านที่มีอิทธิพลต่อทักษะความฉลาดทางดิจิทัล 22 ตารางที่ 4.10 ร้อยละของระดับความคิดเห็นต่อปัจจัยนโยบายมหาวิทยาลัย รายด้านที่มีอิทธิพลต่อทักษะความฉลาดทางดิจิทัล 23 ตารางที่ 4.11 ร้อยละของระดับความคิดเห็นต่อปัจจัยนโยบายมหาวิทยาลัย 24 ตารางที่ 4.12 ร้อยละของระดับความคิดเห็นต่อปัจจัยแรงจูงใจด้าน ความสำคัญของการรู้ทักษะทางดิจิทัล 24 ตารางที่ 4.13 ร้อยละของระดับความคิดเห็นต่อปัจจัยแรงจูงใจด้านความ ต้องการพัฒนาตนเอง 25 ตารางที่ 4.14 ร้อยละของระดับความคิดเห็นต่อปัจจัยแรงจูงใจ 25 ตารางที่ 4.15 ร้อยละของระดับความคิดเห็นต่อปัจจัยแรงจูงใจรายด้านที่มี อิทธิพลต่อทักษะความฉลาดทางดิจิทัลของนักศึกษาระดับปริญญาตรี มหาวิทยาลัยขอนแก่น 26 ตารางที่ 4.16 ร้อยละของระดับความคิดเห็นต่อปัจจัยแรงจูงใจภาพรวม ของนักศึกษาปริญญาตรี มหาวิทยาลัยขอนแก่น 26


ช สารบัญตาราง (ต่อ) หน้า ตารางที่ 4.17 ผลการวิเคราะห์การถดถอยเชิงพหุคูณของปัจจัยนโยบาย มหาวิทยาลัยที่มีอิทธิพลต่อทักษะความฉลาดทางดิจิทัลของนักศึกษาระดับ ปริญญาตรี มหาวิทยาลัยขอนแก่น 27 ตารางที่ 4.18 ผลการวิเคราะห์การถดถอยเชิงพหุคูณของปัจจัยแรงจูงใจที่มี อิทธิพลต่อทักษะความฉลาดทางดิจิทัลของนักศึกษาระดับปริญญาตรี มหาวิทยาลัยขอนแก่น 29


ซ สารบัญรูปภาพ หน้า ภาพที่ 1 กรอบแนวคิดการวิจัย 11


1 บทที่ 1 บทนำ 1.1 ที่มาและความสำคัญ สังคมปัจจุบันได้เข้าสู่การเป็นสังคมฐานความรู้ซึ่งคนในสังคมจะต้องเป็นแรงงานที่ใช้ความรู้ในการ ทำงาน (Knowledge worker) ซึ่งมีคุณลักษณะสำคัญคือ เป็นบุคคลที่พร้อมเรียนรู้อยู่ตลอดเวลาดังนั้น ทักษะที่ควรมีของคนในศตวรรษที่ 21 ได้แก่ ทักษะด้านการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ทักษะการรู้สารสนเทศ เป็นต้น (สุวิทย์ เมษินทรีย์, 2559) จากนโยบายและแผนระดับชาติว่าด้วยการ พัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม พ.ศ. 2561–2580 ซึ่งมีเป้าหมายในภาพรวม คือ เพิ่มขีด ความสามารถในการแข่งขันทางเศรษฐกิจของประเทศด้วยการใช้นวัตกรรมและ เทคโนโลยีดิจิทัล สร้าง โอกาสทางสังคมอย่างเท่าเทียมด้วยข้อมูลข่าวสารและบริการต่าง ๆ ผ่านสื่อดิจิทัลเพื่อยกระดับ คุณภาพ ชีวิตของประชาชน เตรียมความพร้อมให้บุคลากรทุกกลุ่มมีความรู้และทักษะที่เหมาะสมต่อการดำเนิน ชีวิต และการประกอบอาชีพในยุคดิจิทัล (กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม , 2561)ซึ่งทักษะด้าน ดิจิทัล (Digital Skills) คือ ทักษะที่ใช้ในการทำงานในยุคปัจจุบันที่มนุษย์นั้นจำเป็นจะต้องพึ่งเทคโนโลยีใน การทำงานในหลากหลายระดับ ซึ่งในยุคนี้มีความจำเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะในยุคที่เทคโนโลยีเติบโต และเข้ามามีบทบาทในการทำงานและวิถีชีวิตของทุกคน ความฉลาดทางดิจิทัล (Digital Intelligence Quotient: DQ) เป็นชุดของความสามารถด้านการรับรู้ สติปัญญา อารมณ์และสังคมที่จะทำให้คนในยุค ดิจิทัล (Digital Citizens) สามารถเผชิญหน้ากับความท้าทายและปรับตัวให้เข้ากับยุคดิจิทัลได้อย่าง เหมาะสม สอดคล้องกับ The Project DQ ที่ได้ให้ความหมายของความฉลาดทางดิจิทัลว่า หมายถึง ภาพรวมของความสามารถทางสังคม อารมณ์ และองค์ความรู้ที่จำเป็นต่อชีวิตดิจิทัล (Digital Life) การ มีความรู้ทักษะและความสามารถในการปรับตัวให้เข้ากับอารมณ์และการปรับพฤติกรรมของผู้คนเพื่อ รับมือกับความท้าทายและความต้องการยุคดิจิทัล (ปณิตา วรรณพิรุณ, 2560) ความฉลาดทางดิจิทัล เกี่ยวโยงกับการพัฒนา 3 เรื่องที่สำคัญที่ ดังนี้ความเป็นพลเมืองดิจิทัล (Digital Citizenship) มนุษย์ อยู่รวมกันเป็นสังคม เป็นพลเมืองของประเทศ การเป็นพลเมืองดิจิทัลจึงหมายถึงการพัฒนาความสามารถ ในการปฏิบัติตามกฎ ระเบียบ ของสังคมดิจิทัล รับรู้ถึงสิ่งที่ควร หรือไม่ควรปฏิบัติ อันตรายที่อาจแอบแฝง อยู่ในโลกไซเบอร์ เช่น การเข้าใจตัวตนที่อยู่ในโลกไซเบอร์ ความเป็นส่วนตัว การขโมยข้อมูลส่วนตัว มิจฉาชีพในโลกไซเบอร์ และการปลอมแปลงแอบแฝงการกระทำการในโลกไซเบอร์สเปซ ที่สร้างปัญหาให้


2 สังคม ความคิดสร้างสรรค์ทางดิจิทัล (Digital Creativity) มีความรู้ ทักษะ ความสามารถในการใช้ เทคโนโลยีดิจิทัลอย่างสร้างสรรค์ เช่น การสื่อสาร การสร้างสื่อ เนื้อหา พื้นฐานการคิด การโค้ด ซึ่งเป็น ความสามารถในการใช้เทคโนโลยีและเครื่องมือดิจิทัลต่าง ๆ ให้เป็นประโยชน์ได้การเป็นผู้ใช้ดิจิทัลอย่าง ชาญฉลาด (Smart Digital User) มีความรู้ ความสามารถ ในการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล เพื่อนำมา สร้างสรรค์ที่เป็นประโยชน์ สร้างงาน สร้างอาชีพใหม่ ๆ ซึ่งมีความเปลี่ยนแปลงการทำงานแบบเดิม ๆ สามารถดำเนินกิจกรรมที่ใช้ดิจิทัล และ การให้บริการทางดิจิทัลใด้ดียิ่งขึ้น (ยืน ภู่วรวรรณ, 2564) ซึ่งในยุคปัจจุบันที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างก้าวกระโดดของเทคโนโลยีดิจิทัลที่มีผลต่อการดำเนินชีวิต ทุกด้าน (Digital Disruption) แม้กระทั่ง การศึกษามหาวิทยาลัยจะต้องพัฒนาหน่วยงานหรือกลไกใน การรองรับการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วเพื่อพัฒนากระบวนการทำงาน และการสร้างผลงานผ่านระบบ ดิจิทัลขับเคลื่อนขนานไปกับพันธกิจหลักของมหาวิทยาลัย ทั้งด้านการเรียนการสอน การวิจัย และการ บริการวิชาการ โดยอาศัยสำนักเทคโนโลยีสารสนเทศ อุทยานวิทยาศาสตร์และศูนย์พัฒนานวัตกรรม ยกระดับเป็น ICT Research Center ซึ่งอาศัยสมรรถนะหลักของมหาวิทยาลัยที่มีองค์ความรู้ หลากหลายสาขาวิชาที่สามารถบูรณาการให้เกิดองค์ความรู้แบบสหสาขา การใช้คอมพิวเตอร์และการ เข้าถึงอินเทอร์เน็ตก็ได้มีการถูกนำมาใช้ในทุกส่วนของชีวิตประจำวันไม่ว่าจะเป็นในการเรียน การทำงาน และการใช้ชีวิต เมื่อองค์ความรู้และแนวปฏิบัติได้มีการเปลี่ยนแปลงไปในการส่งเสริมการรู้ดิจิทัล (Digital literacy) จึงมีความจำเป็นจะต้องมีการพัฒนาให้เหมาะสมกับสภาพปัจจุบัน เพื่อตอบโจทย์ สำหรับการใช้เทคโนโลยีในชีวิตประจำวันในด้านต่าง ๆ ที่มีการปฏิวัติวิธีการทำงาน การทำธุรกิจ การ เรียนรู้ และการปรับเปลี่ยนเป็นพลเมืองให้กระตือรือร้นในสังคม ปัจจุบันเริ่มตั้งแต่พื้นฐานการใช้ คอมพิวเตอร์การสมัครงานออนไลน์ การใช้จ่ายออนไลน์ การทำธุรกรรมออนไลน์ เป็นต้น ถ้าหากว่าขาด ทักษะดิจิทัลอาจส่งผลต่อการเสียโอกาสในชีวิตได้ และเพื่อสนับสนุนให้ผู้เรียนมีทักษะความรู้ความเข้าใจ การใช้ดิจิทัลติดตัวเป็นผู้ที่สามารถปรับตัวตามการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วของสังคมได้ นำความรู้ความ เข้าใจ ความสามารถนี้ไปใช้ในการเรียน การทำงาน และการใช้ชีวิตในประจำวันได้อย่างมีประสิทธิภาพ เป็นการเตรียมความพร้อมสำหรับอาชีพในอนาคตในหลากหลายสาขา ซึ่งตามที่มหาวิทยาลัยขอนแก่น ได้มีเป้าหมายพัฒนาคุณภาพบัณฑิตตามเกณฑ์คุณลักษณะที่พึงประสงค์ของมหาวิทยาลัยแล้วนั้น การ พัฒนาศักยภาพทางคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีพื้นฐานสำหรับนักศึกษาระดับปริญญาตรี จึงเป็นเกณฑ์ ส่วนหนึ่งที่นักศึกษาระดับปริญญาตรี ต้องเข้ารับการทดสอบและผ่านเกณฑ์มาตรฐานตามหลักสูตร มาตรฐานความรู้ความสามารถทางคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีขั้นพื้นฐาน สำหรับนักศึกษาระดับ ปริญญาตรี อ้างตามประกาศฉบับที่40/2549 ฉบับที่ 1283/2549ฉบับที่ 816/2552 และฉบับที่


3 1953/2561 เรื่อง การพัฒนาศักยภาพทางคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีสารสนเทศขั้นพื้นฐาน สำหรับ นักศึกษาระดับปริญญาตรีมหาวิทยาลัยขอนแก่น ซึ่งเป็นเงื่อนไขหนึ่งของการสำเร็จการศึกษา ด้วยเหตุนี้ผู้วิจัยจึงมีความสนใจที่จะทำการศึกษา เรื่อง ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อทักษะความฉลาดทาง ดิจิทัลของนักศึกษาระดับปริญญาตรี มหาวิทยาลัยขอนแก่น เพื่อทราบถึงระดับการรู้และปัจจัยที่มี อิทธิพลต่อทักษะความฉลาดทางดิจิทัลของนักศึกษาระดับปริญญาตรี มหาวิทยาลัยขอนแก่น ซึ่งจะเป็น ประโยชน์ต่อศูนย์นวัตกรรมการเรียนการสอนมหาวิทยาลัยขอนแก่น ในการพัฒนาหลักสูตรและเตรียม ความพร้อมในการจัดกิจกรรม โครงการพัฒนาทักษะดิจิทัลความฉลาดทางดิจิทัลให้กับนักศึกษา สำหรับ การปรับปรุงแบบทดสอบความรู้ความสามารถทางคอมพิวเตอร์ และเป็นประโยชน์ในอนาคตของ นักศึกษาระดับปริญญาตรี มหาวิทยาลัยขอนแก่น 1.2 คำถามการวิจัย 1. นักศึกษาระดับปริญญาตรี มหาวิทยาลัยขอนแก่นมีทักษะความฉลาดทางดิจิทัลอยู่ในระดับใด 2. ปัจจัยใดบ้างที่มีอิทธิพลต่อทักษะความฉลาดทางดิจิทัลของนักศึกษาระดับปริญญาตรี มหาวิทยาลัยขอนแก่น 1.3 วัตถุประสงค์ 1. เพื่อศึกษาระดับทักษะความฉลาดทางดิจิทัลของนักศึกษาระดับปริญญาตรี มหาวิทยาลัยขอนแก่น 2. เพื่อศึกษาปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อทักษะความฉลาดทางดิจิทัลของนักศึกษาระดับปริญญาตรี มหาวิทยาลัยขอนแก่น 1.4 ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ เพื่อให้ได้ข้อมูลและเป็นประโยชน์ต่อศูนย์นวัตกรรมการเรียนการสอน มหาวิทยาลัยขอนแก่นในด้าน การพัฒนาหลักสูตรความฉลาดทางดิจิทัล เพื่อเตรียมความพร้อมในการจัดกิจกรรม โครงการพัฒนาทักษะ ดิจิทัล สำหรับการปรับปรุงแบบทดสอบความรู้ความสามารถทางคอมพิวเตอร์ของนักศึกษาระดับปริญญา ตรี มหาวิทยาลัยขอนแก่น


4 1.5 สมมติฐานการวิจัย สมมติฐานการวิจัยที่ 1 ปัจจัยแรงจูงใจ ได้แก่ ความสำคัญของการรู้ทักษะดิจิทัล ความต้องการ พัฒนาตนเองด้านทักษะดิจิทัลมีอิทธิพลต่อทักษะความฉลาดทางดิจิทัลของนักศึกษาระดับปริญญาตรี มหาวิทยาลัยขอนแก่น สมมติฐานการวิจัยที่ 2 ปัจจัยนโยบายมหาวิทยาลัย ได้แก่ โครงการพัฒนานักศึกษา การ สนับสนุนอุปกรณ์/เครื่องมือดิจิทัล และสภาพแวดล้อมสถานที่ มีอิทธิพลต่อทักษะความฉลาดทางดิจิทัล ของนักศึกษาระดับปริญญาตรี มหาวิทยาลัยขอนแก่น 1.6 ขอบเขตการศึกษา 1.6.1 ขอบเขตด้านเนื้อหา หลักสูตรความฉลาดทางดิจิทัลในหลักสูตรมาตรฐานแบ่งออกเป็น 3 ทักษะ และแบ่งออกเป็น 12 โมดูลย่อย ได้แก่ ทักษะคอมพิวเตอร์ประกอบด้วย การใช้คอมพิวเตอร์พื้นฐาน การใช้อินเทอร์เน็ต การทำงานร่วมกันแบบออนไลน์ระบบปฏิบัติการ ทักษะซอร์ฟแวร์ที่จำเป็น ประกอบด้วย การใช้ โปรแกรมประมวลคำ การใช้ตารางคำนวณ การใช้โปรแกรมการนำเสนองาน การสร้างสื่อดิจิทัล และ ทักษะการใช้เทคโนโลยีในการปฏิบัติงาน ประกอบด้วย การใช้สื่อสังคมออนไลน์การรู้สารสนเทศ ทักษะอาชีพในอนาคต ร่องรอยทางดิจิทัล รวมถึงศึกษาปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อทักษะความฉลาดทาง ดิจิทัลของนักศึกษาระดับปริญญาตรี มหาวิทยาลัยขอนแก่น มี 2 ปัจจัย ดังนี้ปัจจัยด้านนโยบาย มหาวิทยาลัย ได้แก่ โครงการพัฒนานักศึกษา การสนับสนุนอุปกรณ์/เครื่องมือดิจิทัล และ สภาพแวดล้อมสถานที่ ปัจจัยด้านแรงจูงใจ ได้แก่ ความสำคัญของการรู้ทักษะความฉลาดทางดิจิทัล และความต้องการพัฒนาตนเองด้านทักษะความฉลาดทางดิจิทัล 1.6.2 ขอบเขตด้านพื้นที่ มหาวิทยาลัยขอนแก่น 1.6.3 ขอบเขตด้านประชากร นักศึกษาระดับปริญญาตรี ปีการศึกษา 2565 มหาวิทยาลัยขอนแก่น จำนวน 400 คน 1.6.4 ขอบเขตด้านระยะเวลา การวิจัยครั้งนี้มีระยะเวลาตั้งแต่ เดือนมกราคม - มีนาคม พ.ศ. 2566 1.7 นิยามศัพท์เฉพาะ 1.7.1 ทักษะความฉลาดทางดิจิทัล หมายถึง หลักสูตรความฉลาดทางดิจิทัลในหลักสูตรมาตรฐานแบ่ง ออกเป็น 3 ทักษะ และแบ่งออกเป็น 12 โมดูลย่อย ได้แก่ ทักษะคอมพิวเตอร์ประกอบด้วย การใช้ คอมพิวเตอร์พื้นฐาน การใช้อินเทอร์เน็ต การท างานร่วมกันแบบออนไลน์ระบบปฏิบัติการทักษะ


5 ซอร์ฟแวร์ที่จ าเป็น ประกอบด้วย การใช้โปรแกรมประมวลค า การใช้ตารางค านวณ การใช้โปรแกรม การน าเสนองาน การสร้างสื่อดิจิทัล และทักษะการใช้เทคโนโลยีในการปฏิบัติงานประกอบด้วยการ ใช้สื่อสังคมออนไลน์การรู้สารสนเทศ ทักษะอาชีพในอนาคต ร่องรอยทางดิจิทัล 1.7.2 ทักษะ หมายถึง ทักษะในการคิด การสื่อสาร การตัดสินใจ การเลือกใช้ดิจิทัลได้อย่างถูกต้อง สร้างสรรค์ และปลอดภัยทั้งในด้านการเรียน การท างาน และการใช้ชีวิต 1.7.3 ความรู้ หมายถึง ความรู้ ความเข้าใจ เกี่ยวกับพื้นฐานความฉลาดทางดิจิทัล 1.7.4 นักศึกษา หมายถึง นักศึกษาระดับปริญญาตรี ปีการศึกษา 2565 มหาวิทยาลัยขอนแก่น 1.7.5 มหาวิทยาลัย หมายถึง มหาวิทยาลัยขอนแก่น 1.7.6 ความรู้ความสามารถทางคอมพิวเตอร์หมายถึง ทักษะเทคโนโลยีสารสนเทศ : สมรรถนะด้าน คอมพิวเตอร์ 1.7.7 เกณฑ์มาตรฐาน หมายถึง ตามประกาศมหาวิทยาลัยขอนแก่น ฉบับที่ 816/2552 เรื่อง เกณฑ์ มาตรฐานความรู้ความสามารถทางคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีสารสนเทศขั้นพื้นฐาน สำหรับ นักศึกษาระดับปริญญาตรีมหาวิทยาลัยขอนแก่น พ.ศ. 2552 ข้อ 3 เกณฑ์มาตรฐานความรู้ ความสามารถทางคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีสารสนเทศขั้นพื้นฐาน สำหรับนักศึกษาปริญญาตรี มหาวิทยาลัยขอนแก่น กำหนดดังนี้ นักศึกษาทุกคนที่เข้าศึกษาในหลักสูตรระดับปริญญาตรีของ มหาวิทยาลัยขอนแก่นตั้งแต่ปี 2552 เป็นต้นไป ต้องสอบผ่าน “การทดสอบความรู้ความสามารถ ทางคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีขั้นพื้นฐาน สำหรับนักศึกษารดับปริญญาตรี มหาวิทยาลัยขอนแก่น (หลักสูตร พ.ศ.2548)” มหาวิทยาลัยกำหนด ภายในระยะเวลาที่ กำหนดให้ศึกษาตามหลักสูตรนั้นๆ และให้นับการสอบผ่านเกณฑ์มาตรฐานข้างต้นเป็นส่วนหนึ่ง ของการสำเร็จการศึกษา โดยคะแนนประเมินจากแบบทดสอบทั้งภาคทฤษฎีและปฏิบัติมากกว่า ร้อยละ 70 ภาคปฏิบัติ คะแนนเต็ม 50 คะแนน ผ่านที่ 35 คะแนน ภาคทฤษฎี คะแนนเต็ม 40 คะแนน ผ่านที่ 28 คะแนน


6 บทที่ 2 แนวคิด ทฤษฎี เอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง การศึกษาเรื่อง ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อทักษะความฉลาดทางดิจิทัลของนักศึกษาระดับปริญญาตรี มหาวิทยาลัยขอนแก่น ใช้ระเบียบวิธีวิจัยเชิงปริมาณ (Quantitative Research) โดยใช้แบบสอบถาม (Questionnaire) มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาระดับทักษะความฉลาดทางดิจิทัลของนักศึกษาระดับ ปริญญาตรี มหาวิทยาลัยขอนแก่น และเพื่อศึกษาปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อทักษะความฉลาดทางดิจิทัลของ นักศึกษาระดับปริญญาตรี มหาวิทยาลัยขอนแก่น ผู้วิจัยได้ทำการศึกษา ค้นคว้ารวบรวมแนวคิดทฤษฎี และเอกสาร งานวิจัยที่เกี่ยวข้อง นำมาอ้างอิงเป็นหลักฐานในการศึกษางานวิจัย มีดังนี้ 2.1 ทฤษฎีการเรียนรู้ยุคดิจิทัล Connectivism Learning Theory หรือ ทฤษฎีเชื่อมโยงการเรียนรู้ ถือเป็นโครงสร้างการเรียนรู้ หรือการถ่ายทอดความรู้ผ่านโครงข่ายข้อมูลข่าวสารหลัก ๆ โดยเฉพาะโครงข่ายอินเตอร์เน็ต ซึ่งการ เรียนรู้จะเกิดขึ้นโดย “ผู้เรียนเลือกสรรทรัพยากรการเรียนรู้ที่ต้องการด้วยตัวเอง และในทางปฏิบัติ Connectivism Learning Theory เป็นกรอบทฤษฎีเพื่อพัฒนาทักษะและเรียนรู้ในยุคดิจิทัล โดย เทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตและเครื่องมือหรือแพล็ตฟอร์มตั้งแต่ Web Browser Search Engine WIKI Forum และแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย รวมทั้ง MOOC หรือ Massive Open Online Courses ซึ่ง เป็นแพลตฟอร์มการเรียนการสอนผ่านออนไลน์ที่กำลังได้รับความนิยมในกลุ่มนักเทคโนโลยีการศึกษา ทั่วโลก และมีส่วนสำคัญต่อการเพิ่มช่องทางการเรียนรู้และพัฒนาทักษะใหม่ ๆ ได้อย่างทั่วถึงและถูก พัฒนาเพื่อแก้ไขข้อจำกัดของทฤษฎีการเรียนรู้แบบดั้งเดิม 3 แนวทาง คือ การเรียนรู้เชิงพฤติกรรม นิยม หรือ Behaviorism การเรียนรู้เชิงพุทธิปัญญา หรือ Cognitivism และ ทฤษฎีการสร้างความรู้ ด้วยตนเอง หรือ Constructivism ซึ่งมีปัญหาเชิงโครงสร้างการจัดการที่องค์ความรู้ถูกปิดกั้นใน หลายๆ บริบท Connectivism หรือ Connectivism Learning Theory จึงเป็นทฤษฎีการเรียนรู้ที่ เกิดขึ้นในยุคดิจิทัลเพื่อยุคดิจิทัล โดยมีความก้าวหน้าของอินเทอร์เน็ต และ เน้นการเรียนรู้ตลอดชีวิต ถูกเสริมต่อยอดทฤษฎีการเรียนรู้เก่าแก่ภายใต้ความเชื่อที่ว่า องค์ความรู้และการเรียนรู้จะมีการไหล จนกระทบและเปลี่ยนแปลงสิ่งต่าง ๆ ตลอดเวลา Thum Namprom (2564 อ้างจาก Stephen Downes , 2555) ทฤษฎีเชื่อมโยงการเรียนรู้พัฒนามาจากข้อจำกัดของทฤษฎีการเรียนรู้กลุ่มพฤติกรรมนิยมและ สรรคนิยมด้วยกระแสความเปลี่ยนแปลงของโลกยุคดิจิทัลทำให้ข้อมูลความรู้โดยเฉพาะในเครือข่าย


7 ออนไลน์มีเพิ่มมากขึ้นอย่างรวดเร็วซึ่งทฤษฎีเชื่อมโยงความรู้มีหลักการสำคัญเกี่ยวกับความ หลากหลาย ความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ และความทันสมัยของข้อมูลที่ผู้เรียนต้องตัดสินใจและ ฝึกฝนการเชื่อมโยง ทั้งนี้บทบาทของผู้สอนตามทฤษฎีเชื่อมโยงความรู้คือจัดเตรียมสิ่งแวดล้อม ทางการเรียนรู้ที่หลากหลาย ส่งเสริมความฉลาดรู้เรื่องดิจิทัล และชี้แนะผู้เรียนในทำกิจกรรมการ เรียนรู้ต่าง ๆ ในขณะที่ผู้เรียนต้องเชื่อมต่อเรียนรู้จดจำ และถ่ายโอนความรู้ได้ การจัดการเรียนรู้ที่ สัมพันธ์กับทฤษฎีเชื่อมโยงความรู้คือการเรียนรู้แบบผสมผสาน เนื่องจากเป็นการจัดการเรียนรู้ที่ใช้ เทคโนโลยีสารสนเทศร่วมกับการจัดการเรียนรู้แบบดั้งเดิมหรือแบบเผชิญหน้า ซึ่งมี 6 รูปแบบ ได้แก่ 1) แบบห้องเรียนปกติ 2) แบบหมุนเวียน 3) แบบยืดหยุ่น 4)แบบห้องปฏิบัติการออนไลน์ 5) แบบ เรียนรู้ด้วยตนเอง และ 6) แบบผสมผสานเต็มรูปแบบ ซึ่งในขั้นตอนการเรียนรู้โดยใช้เทคโนโลยี สารสนเทศ ผู้เรียนจะสร้างองค์ความรู้ผ่านกระบวนการเรียนรู้ตามทฤษฎีเชื่อมโยงความรู้ คือรับข้อมูล และตีความข้อมูลที่เชื่อมต่อกันเป็นเครือข่ายความรู้ ดังนั้น ทฤษฎีเชื่อมโยงความรู้และการเรียนรู้แบบ ผสมผสานจึงจัดเป็นทฤษฎีและการเรียนรู้ที่เหมาะสมสำหรับโลกยุคดิจิทัล (สุทธิพร แท่นทอง , 2563) 2.2 งานวิจัยที่เกี่ยวข้อง แววตา เตชาทวีวรรณ และอัจฉรา ประเสริฐสิน (2559) ศึกษาการพัฒนาการรู้ดิจิทัลสำหรับ นักศึกษาระดับปริญญาตรี เพื่อศึกษาระดับการรู้ดิจิทัลของนักศึกษาระดับปริญญาตรี พบว่า นักศึกษา ระดับปริญญาตรีที่เป็นกลุ่มตัวอย่างในการวิจัยจำนวน 1,183 คน ส่วนใหญ่เป็นเพศหญิงศึกษาใน มหาวิทยาลัยรัฐ ระดับชั้นปีที่ 3 กลุ่มสาขาวิชามนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มีอุปกรณ์ส่วนใหญ่ที่ใช้งาน อินเทอร์เน็ต คือ สมาร์ทโฟน ภาพรวมนักศึกษามีการรู้ดิจิทัลอยู่ในระดับมาก และองค์ประกอบที่มี ค่าเฉลี่ยสูงสุดและอยู่ในระดับมาก คือ ทักษะการตระหนักรู้ รองลงมา คือทักษะการร่วมมือ และทักษะ การคิด ส่วนทักษะการปฏิบัติมีค่าเฉลี่ยน้อยที่สุดและอยู่ในระดับปานกลาง ส่วนการศึกษาเปรียบเทียบ องค์ประกอบการรู้ดิจิทัลของนักศึกษาระดับปริญญาตรีตามตัวแปร คุณลักษณะส่วนบุคคล พบว่า นักศึกษาที่เพศ ระดับชั้นปี และประเภทมหาวิทยาลัยแตกต่างกันมีการรู้ดิจิทัลไม่แตกต่างกันส่วนนักศึกษา ที่ตัวแปรกลุ่มสาขาวิชา การศึกษา/รายได้สูงสุดของบิดามารดาแตกต่างกัน มีการรู้ดิจิทัลแตกต่างกันอย่าง มีนัยสำคัญทางสถิติ โดยนักศึกษาที่เรียนในกลุ่มสาขาวิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมีการรู้ดิจิทัลสูงกว่า นักศึกษาที่เรียนในกลุ่มสาขามนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ และนักศึกษาที่บิดามารดามีการศึกษาระดับ ปริญญาตรี/รายได้เฉลี่ยต่อเดือน 20,001 บาทขึ้นไป มีการรู้ดิจิทัลสูงกว่านักศึกษาที่บิดามารดามี การศึกษาต่ำกว่าระดับปริญญาตรี/รายได้เฉลี่ยต่อเดือนต่ำกว่า 20,001 บาท ซึ่งผลการวิจัยดังกล่าว


8 สามารถนำไปประยุกต์ในการวัดประเมินทักษะการรู้ดิจิทัลของนักศึกษาระดับปริญญาตรีเพื่อกำหนด นโยบายและวางแผนอย่างเป็นรูปธรรมและพัฒนาศักยภาพด้านการรู้ดิจิทัลแก่นักศึกษาของทุก มหาวิทยาลัยในการส่งเสริมการเรียนรู้แห่งศตวรรษที่ 21 ความเป็นพลเมืองดิจิทัล และเตรียมความพร้อม สำหรับการทำงานเมื่อสำเร็จการศึกษาแล้ว (แววตา เตชาทวีวรรณ และอัจฉรา ประเสริฐสิน,2559) ส่วน วิจัยที่เกี่ยวกับปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อทักษะดิจิทัลนั้น กัมพล เกศสาลี และ กันยารัตน์ เควียเซ่น (2561) ได้ ศึกษาการรู้ดิจิทัลในการปฏิบัติงานของบุคลากรมหาวิทยาลัยราชภัฏเลย เพื่อศึกษาปัจจัยที่ส่งผลต่อการรู้ ดิจิทัลในการปฏิบัติงานของบุคลากรมหาวิทยาลัยราชภัฏเลย พบว่า ปัจจัยโครงสร้างพื้นฐานมีค่าเฉลี่ย สูงสุด ส่วนปัจจัยด้านบุคลากร ปัจจัยด้านกระบวนการพัฒนา ซึ่งปัจจัยด้านนโยบายมหาวิทยาลัยที่ นักศึกษานำมาเป็นตัวแปรการวิจัยในการศึกษาครั้งนี้ มีค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับมาก และปัจจัยด้าน สิ่งแวดล้อมภายนอกมีค่าเฉลี่ยน้อยที่สุด ตามลำดับความสำคัญ การรู้ดิจิทัล การปฏิบัติงานสารสนเทศและ การศึกษาของ อรัญ ซุยกระเดื่อง (2562) การศึกษาปัจจัยเชิงสาเหตุที่ส่งผลต่อการรู้ดิจิทัลของนักเรียน มัธยมศึกษาชั้นปีที่ 6 ในเขตภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ใช้การวิเคราะห์โมเดลสมการโครงสร้างพหุระดับ ซึ่งปัจจัยที่ส่งผลต่อการรู้ดิจิทัลระดับนักเรียน พบว่า การสนับสนุนจากผู้ปกครอง มีอิทธิพลสูงที่สุด รองลงมา คือ แรงจูงใจ ตัวแปรที่นักศึกษานำมาศึกษาเพิ่มเติมในการศึกษาในครั้งนี้ และในระดับห้องเรียน ค่าอิทธิพลของตัวแปรอิสระแหล่งทรัพยากรการเรียนรู้ไปยังตัวแปรตามพฤติกรรมการสอนของครูมี นัยสำคัญที่ร้อยละ 85 จากการศึกษางานวิจัยที่เกี่ยวข้อง พบว่ามีความสอดคล้องกัน โดยพบว่าปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อ ทักษะดิจิทัลประกอบไปด้วยปัจจัยส่วนบุคคล และปัจจัยด้านนโยบายมหาวิทยาลัย และปัจจัยด้าน แรงจูงใจ แต่เนื่องจากยังไม่มีงานวิจัยที่ศึกษาปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อทักษะความฉลาดทางดิจิทัลของ นักศึกษาระดับปริญญาตรีมหาวิทยาลัยขอนแก่น ผู้วิจัยจึงได้นำแนวคิดต่าง ๆ และงานวิจัยที่เกี่ยวข้องมา สร้างเป็นกรอบแนวคิดในการวิจัย 2.3 เอกสารที่เกี่ยวข้อง 2.4.1 ประกาศมหาวิทยาลัยขอนแก่น - ประกาศฉบับที่ 40/2549 เรื่อง การพัฒนาศักยภาพทางคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยี สารสนเทศขั้นพื้นฐาน สำหรับนักศึกษาระดับปริญญาตรี มหาวิทยาลัยขอนแก่น (แก้ไข เพิ่มเติม)


9 - ประกาศฉบับที่ 1283/2549 เรื่อง การพัฒนาศักยภาพทางคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยี สารสนเทศขั้นพื้นฐาน สำหรับนักศึกษาระดับปริญญาตรี มหาวิทยาลัยขอนแก่น (แก้ไขเพิ่มเติม ฉบับที่ 2) - ประกาศฉบับที่ 816/2552 เรื่อง เกณฑ์มาตรฐานความรู้ความสามารถทางคอมพิวเตอร์และ เทคโนโลยีสารสนเทศขั้นพื้นฐาน สำหรับนักศึกษาระดับปริญญาตรี มหาวิทยาลัยขอนแก่น พ.ศ. 2552 - ประกาศฉบับที่ 1953/2561 เรื่อง การพัฒนาศักยภาพทางคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยี สารสนเทศขั้นพื้นฐาน สำหรับนักศึกษาระดับปริญญาตรี มหาวิทยาลัยขอนแก่น (แก้ไขเพิ่มเติม ฉบับที่ 3) 2.4.2 เอกสารหลักสูตรความฉลาดทางดิจิทัล จากการศึกษาเอกสารหลักสูตรความฉลาดทางดิจิทัล โดยศูนย์นวัตกรรมการเรียน การสอนมหาวิทยาลัยขอนแก่น พบว่า เอกสารหลักสูตรความฉลาดทางดิจิทัลเป็นหลักสูตรที่ สามารถเพิ่มพูนความรู้ด้านดิจิทัล การรู้เท่าทันข้อมูลสารสนเทศและเตรียมความพร้อมส าหรับ อาชีพในอนาคต โดยแบ่งเป็น 3 ทักษะ ทั้งหมด 12 โมดูล ดังนี้ • ทักษะคอมพิวเตอร์ การใช้คอมพิวเตอร์พื้นฐาน พื้นฐานในการใช้คอมพิวเตอร์ การแยกแยะชนิดของอุปกรณ์ ฮาร์ดแวร์การควบคุมคอมพิวเตอร์ การปรับแต่งคอมพิวเตอร์เพื่อการใช้งานเฉพาะด้าน และการเชื่อมต่อ คอมพิวเตอร์เข้ากับอุปกรณ์อื่น ๆ การใช้อินเตอร์เน็ต การเข้าถึงอินเทอร์เน็ตผ่านช่องทางต่าง ๆ การระบุ การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต การใช้เบราว์เซอร์ การใช้เครื่องมือ และการตั้งค่าเบราว์เซอร์ การค้นหาข้อมูล การกำหนดค่าพารามิเตอร์ในการค้นหา รวมไปถึงความปลอดภัยในการใช้งาน การทำงานร่วมกันแบบ ออนไลน์การใช้งานอีเมล (E-mail) การใช้งานฟังก์ชันต่าง ๆ และความปลอดภัยในการใช้อีเมล การใช้ คลาวด์ (Cloud storage) การจัดเก็บข้อมูลออนไลน์เฉพาะ บุคคลและแบบทีมการแบ่งปันข้อมูล รวมถึง การกำหนดสิทธิ์หรือระดับของการเข้าถึง พื้นที่ข้อมูล การแชร์พื้นที่การทำงานร่วมกัน และการประชุม ทางไกลผ่านวิดีโอ (Video conference) การใช้โปรแกรมประชุมทางไกล


10 การแบ่งปันหน้าจอ และไฟล์ในส่วนระบบปฏิบัติการ การใช้งานระบบปฏิบัติการ การใช้งานอินเตอร์เฟซ การใช้งานหน้าต่างโปรแกรม โฟลเดอร์ แอปพลิเคชันต่าง ๆ การจัดการข้อมูล การสำรองข้อมูล และตั้งค่า แอปพลิเคชัน • ทักษะซอร์ฟแวร์ที่จำเป็น การใช้โปรแกรมประมวลคำ การจัดการงานด้านเอกสาร การสร้าง หรือการเปิดงานเอกสาร การ ระบุหน้าต่างโปรแกรม การจัดงานด้านเอกสาร การตั้งค่าหน้ากระดาษ การแทรก การบันทึกไฟล์ และการ พิมพ์การใช้ตารางคำนวณ การสร้าง หรือการเปิดสมุดงาน การระบุส่วนต่าง ๆ ของหน้าต่างโปรแกรมการ จัดตารางการคำนวณ การใช้งานเซลล์ การจัดการตาราง และเซลล์ในรูปแบบต่าง ๆ การแทรก การบันทึก การใช้สูตรฟังก์ชันเพื่อการคำนวณ และการพิมพ์ตาราง การใช้โปรแกรมการนำเสนองาน การสร้าง การ เปิดและการบันทึกงานนำเสนอ การจัดการงานนำเสนอ การแทรกและการปรับแต่งงานนำเสนอ ฟังก์ชัน เปลี่ยนและการเคลื่อนไหว รวมถึงการพิมพ์และการตั้งค่าการพิมพ์งานนำเสนอ การสร้างสื่อดิจิทัล การใช้ โปรแกรมในการสร้างสื่อดิจิทัลในรูปแบบต่าง ๆ เช่นการสร้างเว็บเพจ การตกแต่งภาพ การจับหน้าจอภาพ การตัดต่อภาพ เคลื่อนไหว การเลือกใช้สื่อให้เหมาะสมกับเนื้อหา จำแนกประเภทของไฟล์ และรูปแบบ ของสื่อแต่ละชนิด • ทักษะการใช้เทคโนโลยีในการปฏิบัติงาน การใช้สื่อสังคมออนไลน์การระบุประเภทและหน้าที่หลักของสื่อสังคมออนไลน์ การสร้างบัญชี ใหม่การแยกแยะข้อมูลบนสื่อสังคมออนไลน์ การตั้งค่าความเป็นส่วนตัว และการใช้สื่อสังคมออนไลน์ อย่างปลอดภัย การรู้สารสนเทศ การเข้าถึงข้อมูลสารสนเทศ ผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต และ เครื่องมือ ทางดิจิทัล การกำหนดปัญหาเพื่อแก้ไขปัญหา การแยกแยะประเภทของข้อมูล และข้อมูลที่ เกี่ยวข้องและไม่เกี่ยวข้อง การเลือกข้อมูลมาแก้ไขปัญหาได้อย่างเหมาะสม การจัดเก็บข้อมูลและการ ประเมินการแก้ปัญหา ทักษะอาชีพในอนาคต การระบุความถนัดทางอาชีพ การเข้าถึง และค้นหา แหล่งข้อมูลที่ช่วยในการหางาน การแยกแยะทักษะต่าง ๆ การเตรียมความพร้อมในการหางานแยกแยะ ประเภทของงานและสิ่งที่ควรปฏิบัติเมื่อไปสอบเพื่อให้ได้งาน และร่องรอยทางดิจิทัล มีความรู้ใน ความหมาย ความสำคัญของการทิ้งร่องรอยทางดิจิทัลความสัมพันธ์ของผลกระทบ การละเมิดความเป็น ส่วนตัว และความอันตรายของการละเมิดความเป็นส่วนตัว รวมไปถึงการตั้งค่าความปลอดภัยและคุกกี้


11 กรอบแนวคิดการวิจัย ผู้วิจัยได้ทบทวนวรรณกรรมและได้นำแนวคิด ทฤษฎี และงานวิจัยที่เกี่ยวข้องนำมาเป็นกรอบ แนวคิดการวิจัยในครั้งนี้ โดยผู้วิจัยกำหนดให้ตัวแปรต้น ได้แก่ ปัจจัยส่วนบุคคล ประกอบด้วย เพศ อายุ คณะ ชั้นปี ปัจจัยด้านนโยบายมหาวิทยาลัย ได้แก่ โครงการพัฒนานักศึกษา สนับสนุนอุปกรณ์/เครื่องมือ ดิจิทัล สภาพแวดล้อมสถานที่ และปัจจัยด้านแรงจูงใจ ได้แก่ ความสำคัญของการรู้ทักษะดิจิทัล ความ ต้องการพัฒนาตนเองด้านทักษะดิจิทัล ปัจจัยดังกล่าวส่งผลต่อตัวแปรตาม คือ ทักษะความฉลาดทาง ดิจิทัลของนักศึกษาระดับปริญญาตรีของนักศึกษามหาวิทยาลัยขอนแก่น ดังนี้ ตัวแปรอิสระ ตัวแปรตาม ภาพที่ 1 กรอบแนวคิด


12 บทที่ 3 ระเบียบการวิจัย การศึกษาปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อความฉลาดทางดิจิทัลของนักศึกษาระดับปริญญาตรี มหาวิทยาลัยขอนแก่น ใช้ระเบียบวิธีวิจัยเชิงปริมาณ (Quantitative Research) โดยมีหน่วยการ วิเคราะห์เป็นระดับบุคคล คือ นักศึกษาระดับปริญญาตรี ปีการศึกษา 2565 มหาวิทยาลัยขอนแก่นจำนวน 400 คน โดยใช้การสุ่มแบบมีชั้นภูมิ (Stratified sampling) ซึ่งเครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล คือ แบบสอบถาม (Questionnaire) ทั้งนี้ได้พัฒนามาจากกรอบแนวคิด ทฤษฎี และงานวิจัยที่เกี่ยวข้องเพื่อให้ ครบถ้วนตามประเด็นที่ทำการศึกษา ผู้วิจัยจึงแบ่งเป็น 3 ส่วน ดังนี้ ส่วนที่ 1 เป็นแบบสอบถามเกี่ยวกับ ข้อมูลทั่วไปของผู้ตอบแบบสอบถาม ส่วนที่ 2 เป็นคำถามเกี่ยวกับสภาพการรู้ทักษะความฉลาดทางดิจิทัล และส่วนที่ 3 เป็นคำถามเกี่ยวกับปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อทักษะความฉลาดทางดิจิทัลของนักศึกษาระดับ ปริญญาตรี มหาวิทยาลัยขอนแก่น 3.1 ประชากรและกลุ่มตัวอย่าง 3.1.1 ประชากร ในการวิจัยในครั้งนี้ประชากรที่ใช้ คือ นักศึกษามหาวิทยาลัยขอนแก่นระดับปริญญา ตรี ปีการศึกษา 2565 จำนวน 31,569 คน 3.1.2 กลุ่มตัวอย่าง กำหนดขนาดกลุ่มตัวอย่าง โดยใช้สูตรคำนวณของ ทาโร่ ยามาเน่ (Taro Yamane) โดยใช้ค่าเปอร์เซ็นต์ความคลาดเคลื่อน e=0.05 มีความเชื่อมั่นที่ระดับร้อยละ 95 ดังนี้ n = N 1+Ne2 เมื่อ N แทน จำนวนประชากรทั้งหมด n แทน จำนวนกลุ่มตัวอย่าง e แทน ค่าเปอร์เซ็นต์ความคลาดเคลื่อน 0.05 ประชากรมีจำนวน 31,569 คน จะได้ว่า n = 31569 1+31569(0.05) 2 n = 399.98


13 n ≈ 400 ดังนั้น จะได้จำนวนกลุ่มตัวอย่าง 400 คน ผู้วิจัยใช้การสุ่มตามหลักความน่าจะเป็นวิธีการสุ่มแบบชั้นภูมิ โดยแบ่งประชากรตามกลุ่มสาชาวิชา ดังตารางที่ 3.1 ตารางที่ 3.1 จำนวนประชากรและกลุ่มตัวอย่างในแต่ละกลุ่มสาขาวิชา กลุ่มสาขาวิชา ประชากร คิดเป็นร้อยละ กลุ่มตัวอย่าง กลุ่มสาขาวิชามนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ 13,225 41.89 167.57 กลุ่มสาขาวิชาวิทยาศาสตร์เทคโนโลยี 9,821 31.11 124.44 กลุ่มสาขาวิชาวิทยาศาสตร์สุขภาพ 5,845 18.51 74.06 กลุ่มสหสาขาวิชา 2,678 8.48 33.93 รวม 31,569 100 400 ที่มา : ข้อมูล ณ วันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2566 สำนักบริหารและพัฒนาวิชาการ มหาวิทยาลัยขอนแก่น 3.2 เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล คือ แบบสอบถาม (Questionnaire) ทั้งนี้ได้พัฒนามาจาก กรอบแนวคิด ทฤษฎี และงานวิจัยที่เกี่ยวข้องเพื่อให้ครบถ้วนตามประเด็นที่ทำการศึกษา ผู้วิจัยจึงแบ่งเป็น 3 ส่วน ดังนี้ ส่วนที่ 1 แบบสอบถามเกี่ยวกับข้อมูลทั่วไปของผู้ตอบแบบสอบถาม ส่วนที่ 2 แบบสอบถามเกี่ยวกับสภาพการรู้ทักษะความฉลาดทางดิจิทัลของนักศึกษาระดับปริญญา ตรี มหาวิทยาลัยขอนแก่น ส่วนที่ 3 แบบสอบถามเกี่ยวกับปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อทักษะความฉลาดทางดิจิทัลของนักศึกษาระดับ ปริญญาตรี มหาวิทยาลัยขอนแก่น ตัวแปรที่ใช้ในการศึกษาในครั้งนี้ ประกอบด้วย ตัวแปรอิสระ ตัวแปรตาม โดยมีรายละเอียดดังนี้ ตัวแปรอิสระ (Independent variable) ได้แก่ 1) โครงการพัฒนานักศึกษา 2) สนับสนุนอุปกรณ์/ เครื่องมือดิจิทัล 3) สภาพแวดล้อมสถานที่ 4) ความสำคัญของการรู้ทักษะดิจิทัล 5) ความต้องการพัฒนา ตนเองด้านดิจิทัล โดยใช้เกณฑ์การวัดแบบมาตราส่วนประมาณค่า (Rating Scales) 5 ระดับ (5 = ระดับ ความคิดเห็นมากที่สุด, 1 = ระดับความคิดเห็นน้อยที่สุด)


14 ตัวแปรตาม (Dependent variable) คือ ทักษะความฉลาดทางดิจิทัลของนักศึกษาระดับปริญญาตรี มหาวิทยาลัยขอนแก่น ซึ่งเกี่ยวข้องกับการศึกษาระดับสภาพการรู้ทักษะความฉลาดทางดิจิทัลทั้ง 12 โมดูล ได้แก่ การใช้คอมพิวเตอร์พื้นฐาน การใช้อินเตอร์เน็ต การทำงานร่วมกันแบบออนไลน์ ระบบปฏิบัติการ การใช้โปรแกรมประมวลคำ การใช้โปรแกรมตารางคำนวณ การใช้โปรแกรมการนำเสนอ งาน การสร้างสื่อดิจิทัล การใช้สื่อสังคมออนไลน์ การรู้สารสนเทศ ทักษะอาชีพในอนาคต ร่องรอยทาง ดิจิทัล โดยใช้เกณฑ์การวัดแบบมาตราส่วนประมาณค่า (Rating Scales) 5 ระดับ (5 = การรู้ทักษะดิจิทัล มากที่สุด, 1 = การรู้ทักษะดิจิทัลน้อยที่สุด) 3.3 การเก็บรวบรวมข้อมูล 3.3.1 การเก็บรวบรวมข้อมูลทุติยภูมิ จากแหล่งข้อมูลในรูปแบบเอกสารต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับ งานวิจัยเรื่องนี้ ได้แก่ แนวคิด ทฤษฎี และงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง 3.3.2 การรวบรวมข้อมูลปฐมภูมิ ผู้วิจัยดำเนินการเก็บรวบรวมข้อมูล โดยดำเนินตามขั้นตอน ดังนี้ 1. ประสานดำเนินการขอความอนุเคราะห์ในการเก็บรวบรวมข้อมูล 2. ดำเนินการเก็บรวบรวมข้อมูลจากแบบสอบถามออนไลน์ (Google Forms) จำนวน 400 ชุด กับกลุ่มตัวอย่างนักศึกษาระดับปริญญาตรี มหาวิทยาลัยขอนแก่น ปีการศึกษา 2565 3. ผู้วิจัยตรวจสอบความถูกต้อง ความสมบูรณ์ครบถ้วนของแบบสอบถาม 4. นำแบบสอบที่ตรวจสอบแล้ว ไปวิเคราะห์ข้อมูลตามขั้นตอนการวิจัย 5. เสนอผลการวิเคราะห์ข้อมูลเป็นตารางและพรรณนา 6. สรุป อภิปรายผลและข้อเสนอแนะ 3.4 การวิเคราะห์ข้อมูล การวิเคราะห์ข้อมูลในการวิจัยในครั้งนี้ใช้สถิติเชิงพรรณนา (Descriptive statistics) วิเคราะห์ข้อมูล ทั่วไปของผู้ตอบแบบสอบถาม ได้แก่ เพศ อายุ ชั้นปี คณะ โดยหาค่าความถี่ (Frequency) และร้อยละ (Percentage) ส่วนค่าเฉลี่ย (Mean) และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (Standard Deviation) วิเคราะห์ระดับ การรู้ทักษะความฉลาดทางดิจิทัลของนักศึกษาระดับปริญญาตรีมหาวิทยาลัยขอนแก่น และใช้สถิติการ วิเคราะห์ถดถอยเชิงพหุคูณในการวิเคราะห์หาปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อทักษะความฉลาดทางดิจิทัลของ นักศึกษาระดับปริญญาตรีมหาวิทยาลัยขอนแก่น


15 บทที่ 4 ผลการวิเคราะห์ข้อมูล การวิจัยปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อทักษะความฉลาดทางดิจิทัลของนักศึกษาระดับปริญญาตรี มหาวิทยาลัยขอนแก่น มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาระดับการรู้ทักษะความฉลาดทางดิจิทัลของนักศึกษา ระดับปริญญาตรี มหาวิทยาลัยขอนแก่น และ 2) ศึกษาปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อทักษะความฉลาดทางดิจิทัล ของนักศึกษาระดับปริญญาตรี มหาวิทยาลัยขอนแก่น เพื่อให้งานวิจัยบรรลุวัตถุประสงค์ ผู้วิจัยได้นำเสนอ หัวข้อดังต่อไปนี้ ผลการวิจัยสามารถนำเสนอ ดังต่อไปนี้ ส่วนที่ 1 ผลการวิเคราะห์ข้อมูลทั่วไปของผู้ตอบแบบสอบถาม ส่วนที่ 2 ผลการวิเคราะห์ระดับการรู้ทักษะความฉลาดทางดิจิทัลของนักศึกษาระดับปริญญาตรี มหาวิทยาลัยขอนแก่น ส่วนที่ 3 ผลการวิเคราะห์ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อทักษะความฉลาดทางดิจิทัลของนักศึกษาระดับ ปริญญาตรี มหาวิทยาลัยขอนแก่น ส่วนที่ 1 ผลการวิเคราะห์ข้อมูลทั่วไปของผู้ตอบแบบสอบถาม ตารางที่ 4.1 จำนวนและร้อยละของข้อมูลทั่วไปของผู้ตอบแบบสอบถาม ข้อมูลทั่วไป ประชากร คิดเป็นร้อยละ เพศ ชาย 166 41.5 หญิง 234 58.5 รวม 400 100 อายุ 18-20 ปี 182 45.5 21-25 ปี 216 54 26 ปีขึ้นไป 2 0.5 รวม 400 100


16 ข้อมูลทั่วไป ประชากร คิดเป็นร้อยละ คณะ กลุ่มสาขาวิชามนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ คณะศึกษาศาสตร์ 23 13.53 คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ 91 53.53 คณะบริหารธุรกิจและการบัญชี 10 5.88 คณะศิลปกรรมศาสตร์ 25 14.71 คณะนิติศาสตร์ 8 5.88 วิทยาลัยการปกครองท้องถิ่น 2 1.18 คณะเศรษฐศาสตร์ 9 5.29 รวม 168 100 กลุ่มสาขาวิชาวิทยาศาสตร์เทคโนโลยี คณะวิทยาศาสตร์ 25 20.49 คณะเกษตรศาสตร์ 18 14.75 คณะวิศวกรรมศาสตร์ 38 31.15 คณะเทคโนโลยี 11 9.02 คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ 11 9.02 วิทยาลัยการคอมพิวเตอร์ 19 15.57 รวม 122 100 กลุ่มสาขาวิชาวิทยาศาสตร์สุขภาพ คณะพยาบาลศาสตร์ 16 21.62 คณะแพทยศาสตร์ 9 12.16 คณะเทคนิคการแพทย์ 2 2.70 คณะสาธารณสุขศาสตร์ 19 25.68 คณะทันตแพทยศาสตร์ 18 24.32 คณะเภสัชศาสตร์ 9 12.16 คณะสัตวแพทยศาสตร์ 1 1.35 รวม 74 100


17 ข้อมูลทั่วไป ประชากร คิดเป็นร้อยละ กลุ่มสหสาขาวิชา วิทยาลัยนานาชาติ 18 50 คณะสหวิทยาการ 18 50 รวม 36 100 รวมทั้งหมด 400 100 ชั้นปี ชั้นปีที่ 1 45 11.25 ชั้นปีที่ 2 130 32.5 ชั้นปีที่ 3 139 34.75 ชั้นปีที่ 4 70 17.5 ชั้นปีที่ 5 15 3.75 ชั้นปีที่ 6 1 0.25 รวม 400 100 จากตารางที่ 4.1 พบว่า ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง จำนวน 234 คน คิดเป็นร้อย ละ 58.5 โดยอายุระหว่าง 21-25 ปี คิดเป็นร้อยละ 54 และเป็นนักศึกษากลุ่มสาขาวิชามนุษยศาสตร์และ สังคมศาสตร์ จำนวน 168 คน กำลังศึกษาอยู่ในระดับชั้นปีที่ 3 จำนวน 139 คน ตารางที่ 4.2 ร้อยละของนักศึกษาที่เข้ารับการทดสอบความรู้ความสามารถทางคอมพิวเตอร์ สำหรับ นักศึกษาระดับปริญญาตรี การทดสอบความรู้ความสามารถทางคอมพิวเตอร์ จำนวน ร้อยละ เคยเข้ารับการทดสอบแล้ว 199 49.75 ยังไม่เคยเข้ารับการทดสอบ 201 50.25 รวม 400 100 จากตารางที่ 4.2 พบว่า ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่ยังไม่เคยเข้ารับการทดสอบความรู้ ความสามารถทางคอมพิวเตอร์ สำหรับนักศึกษาระดับปริญญาตรี จำนวน 201 คน คิดเป็นร้อยละ 50.25


18 ส่วนที่ 2 ผลการวิเคราะห์ระดับการรู้ทักษะความฉลาดทางดิจิทัลของนักศึกษาระดับปริญญาตรี มหาวิทยาลัยขอนแก่น ตารางที่ 4.3 ร้อยละของระดับการรู้ทักษะความฉลาดทางดิจิทัลของนักศึกษาระดับปริญญาตรี มหาวิทยาลัยขอนแก่น จากตารางที่ 4.3 ร้อยละของระดับการรู้ทักษะความฉลาดทางดิจิทัลของนักศึกษาระดับปริญญา ตรี มหาวิทยาลัยขอนแก่น พบว่า ระดับการรู้ทักษะความฉลาดทางดิจิทัลโมดูล 9 การใช้สื่อสังคมออนไลน์ อยู่ในระดับมากที่สุด คิดเป็นร้อยละ 35.5 รองลงมา คือ โมดูล 4 ระบบปฏิบัติการอยู่ในระดับมาก คิดเป็น ร้อยละ 37.75 และระดับปานกลาง คือ โมดูล 5 การใช้โปรแกรมประมวลคำ คิดเป็นร้อยละ 43.25 ส่วน ข้อที่ ทักษะความฉลาดทางดิจิทัล ระดับการรรู้ทักษะทางดิจิทัล มาก รวม ที่สุด มาก ปาน กลาง น้อย น้อย ที่สุด 1. การใช้คอมพิวเตอร์พื้นฐาน Computer Basics 20.25 34.25 42.5 2.75 0.25 100 2. การใช้อินเทอร์เน็ต Internet 31.25 40.25 26.0 1.0 1.5 100 3. การทำงานร่วมกันแบบออนไลน์ Online Collaboration 30.5 45.75 19.0 4.5 0.25 100 4. ระบบปฏิบัติการ Operating Systems 26.0 47.75 24.0 1.75 0.5 100 5. การใช้โปรแกรมประมวลคำ Word Processing 22.5 29.5 43.25 4.5 0.25 100 6. การใช้ตารางคำนวณ Spreadsheets 20.5 38.25 16.5 23.0 1.75 100 7. การใช้โปรแกรมการนำเสนองาน Presentation 22.75 37.5 36.75 3.0 0 100 8. การสร้างสื่อดิจิทัล Digital Media 20.0 58.0 19.5 2.25 0.25 100 9. การใช้สื่อสังคมออนไลน์Social Media 35.5 29.5 17.25 17.75 0 100 10. การรู้สารสนเทศ Information Literacy 26.75 41.25 29.5 2.0 0.5 100 11. ทักษะอาชีพในอนาคต Future Career Skills 22.0 32.25 40.5 4.75 0.5 100 12. ร่องรอยทางดิจิทัล Digital Footprint 17.0 53.75 24.5 2.0 2.75 100


19 ระดับการรู้น้อยคิดเป็นร้อยละ 23 คือ โมดูล 6 การใช้ตารางคำนวณ และระดับการรู้น้อยที่สุด คือ โมดูล 12 ร่องรอยดิจิทัล คิดเป็นร้อยละ 2.75 ตารางที่ 4.4 ร้อยละของระดับการรู้ทักษะความฉลาดทางดิจิทัลของนักศึกษาระดับปริญญาตรี มหาวิทยาลัยขอนแก่นตามกลุ่มสาขาวิชา ระดับการรู้ทักษะความฉลาดทางดิจิทัลของนักศึกษาระดับ ปริญญาตรี มหาวิทยาลัยขอนแก่น ร้อยละ กลุ่มสาขาวิชามนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ ระดับต่ำ (22 – 34 คะแนน) 5.7 ระดับปานกลาง (35 – 47 คะแนน) 42.6 ระดับสูงสุด (48 – 60 คะแนน) 51.6 รวม 100 Mean = 46.3934 Max = 60 Min = 22 S.D = 8.12969 กลุ่มสาขาวิชาวิทยาศาสตร์เทคโนโลยี ระดับต่ำ (32 – 38 คะแนน) 1.4 ระดับปานกลาง (39 – 46 คะแนน) 43.2 ระดับสูงสุด (47 – 54 คะแนน) 55.4 รวม 100 Mean = 46.6216 Max = 54.00 Min = 32.00 S.D = 5.36785 กลุ่มสาขาวิชาวิทยาศาสตร์สุขภาพ ระดับต่ำ (18 – 31 คะแนน) 0.6 ระดับปานกลาง (32 – 45 คะแนน) 47.0 ระดับสูงสุด (46 – 60 คะแนน) 52.4 รวม 100 Mean = 45.1310 Max = 60.00 Min = 18.00 S.D = 5.93231 กลุ่มสหสาขาวิชา ระดับต่ำ (38 – 44 คะแนน) 47.2 ระดับปานกลาง (45 – 51 คะแนน) 36.1 ระดับสูงสุด (52 – 59 คะแนน) 16.7


20 รวม 100 Mean = 46.5000 Max = 59.00 Min = 38.00 S.D = 4.72380 จากตารางที่ 4.4 ร้อยละของระดับการรู้ทักษะความฉลาดทางดิจิทัลของนักศึกษาระดับปริญญา ตรี มหาวิทยาลัยขอนแก่นตามกลุ่มสาขาวิชา พบว่า นักศึกษากลุ่มสาขาวิชามนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ ส่วนใหญ่มีระดับการรู้ทักษะความฉลาดทางดิจิทัลอยู่ในระดับสูงสุด คิดเป็นร้อยละ 51.6 รองลงมาอยู่ใน ระดับปานกลาง คิดเป็นร้อยละ 42.6 และระดับต่ำสุดคิดเป็นร้อยละ 5.7 ในส่วนของนักศึกษากลุ่ม สาขาวิชาวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีระดับการรู้ทักษะความฉลาดทางดิจิทัลระดับสูงสุด คิดเป็นร้อยละ 55.4 รองลงมาระดับปานกลางคิดเป็นร้อยละ 43.2 และระดับต่ำสุด คิดเป็นร้อยละ 0.6 ถัดมาเป็นนักศึกษา กลุ่มสาขาวิชาวิทยาศาสตร์สุขภาพ ระดับการรู้ทักษะความฉลาดทางดิจิทัลระดับสูงสุด คิดเป็นร้อยละ 52.4 รองลงมาระดับปานกลางคิดเป็นร้อยละ 47.0 และระดับต่ำสุด คิดเป็นร้อยละ 1.4 และนักศึกษา กลุ่มสหสาขาวิชา ส่วนใหญ่มีระดับการรู้ทักษะความฉลาดทางดิจิทัลระดับต่ำ คิดเป็นร้อยละ 47.2 รองลงมาระดับปานกลาง คิดเป็นร้อยละ 36.1 และระดับสูงสุด คิดเป็นร้อยละ 16.7 % ตารางที่ 4.5 ร้อยละของระดับการรู้ทักษะความฉลาดทางดิจิทัลของนักศึกษาระดับปริญญาตรี มหาวิทยาลัยขอนแก่น ระดับการรู้ทักษะความฉลาดทางดิจิทัลของนักศึกษาระดับ ปริญญาตรี มหาวิทยาลัยขอนแก่น ร้อยละ ระดับต่ำ (18 – 32 คะแนน) 2.3 ระดับปานกลาง (33 – 46 คะแนน) 49.0 ระดับสูงสุด (47 – 60 คะแนน) 48.8 รวม 100 Mean = 45.81 Max = 60 Min = 18 S.D = 6.52 จากตารางที่ 4.5 พบว่า นักศึกษาปริญญาตรีมหาวิทยาลัยขอนแก่นส่วนใหญ่มีระดับการรู้ทักษะ ความฉลาดทางดิจิทัลอยู่ในระดับปานกลาง คิดเป็นร้อยละ 49.0 รองลงมาอยู่ในระดับสูงสุด คิดเป็นร้อย ละ 48.8 และนักศึกษาปริญญาตรี มหาวิทยาลัยขอนแก่นส่วนน้อยมีระดับการรู้ทักษะความฉลาดทาง ดิจิทัลอยู่ในระดับต่ำ คิดเป็นร้อยละ 2.3


21 ตารางที่ 4.6 ร้อยละของระดับความคิดเห็นต่อปัจจัยนโยบายมหาวิทยาลัยด้านโครงการพัฒนานักศึกษา โครงการพัฒนานักศึกษา ระดับความคิดเห็น มาก รวม ที่สุด มาก ปาน กลาง น้อย น้อย ที่สุด ได้รับข่าวสารประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับ โครงการ/กิจกรรมพัฒนานักศึกษาเกี่ยวกับ ทักษะดิจิทัล 21.00 44.5 22.75 11.00 0.75 100 ได้รับประโยชน์ในการเข้าร่วมโครงการ/ กิจกรรมพัฒนานักศึกษาเกี่ยวกับทักษะดิจิทัล 40.25 33.75 23.00 0.75 2.25 100 จากตารางที่ 4.6 พบว่า นักศึกษาระดับปริญญาตรี มหาวิทยาลัยขอนแก่นมีระดับความคิดเห็นต่อ ปัจจัยนโยบายมหาวิทยาลัยด้านโครงการพัฒนานักศึกษา ในการได้รับข่าวสารประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับ โครงการ/กิจกรรมพัฒนานักศึกษาเกี่ยวกับทักษะดิจิทัล อยู่ในระดับมาก คิดเป็นร้อยละ 44.5 และ รองลงมา คือ ได้รับประโยชน์ในการเข้าร่วมโครงการ/กิจกรรมพัฒนานักศึกษาเกี่ยวกับทักษะดิจิทัลอยู่ใน ระดับมาก คิดเป็นร้อยละ 40.25 ตารางที่ 4.7 ร้อยละของระดับความคิดเห็นต่อปัจจัยนโยบายมหาวิทยาลัยด้านการสนับสนุนอุปกรณ์/ เครื่องมือดิจิทัล การสนับสนุนอุปกรณ์/เครื่องมือดิจิทัล ระดับความคิดเห็น มาก รวม ที่สุด มาก ปาน กลาง น้อย น้อย ที่สุด ท่านได้รับการสนับสนุนอุปกรณ์/เครื่องมือ ดิจิทัล เช่น คอมพิวเตอร์ แท็บเล็ต จาก มหาวิทยาลัย 23.00 43.25 20.75 5.75 7.25 100 ท่านมีความต้องการที่จะให้มหาวิทยาลัย สนับสนุนอุปกรณ์/เครื่องมือดิจิทัล 43.25 35.25 18.5 0.25 2.75 100 จากตารางที่ 4.7 พบว่า นักศึกษาระดับปริญญาตรี มหาวิทยาลัยขอนแก่นมีระดับความคิดเห็นต่อ ปัจจัยนโยบายมหาวิทยาลัยด้านการสนับสนุนอุปกรณ์/เครื่องมือดิจิทัลอยู่ในระดับมากที่สุด คิดเป็นร้อย


22 ละ 23.00 ในการได้รับการสนับสนุนอุปกรณ์/เครื่องมือดิจิทัล ส่วนความต้องการที่จะให้มหาวิทยาลัย สนับสนุนอุปกรณ์/เครื่องมือดิจิทัลอยู่ในระดับมากที่สุด คิดเป็นร้อยละ 43.25 ตารางที่ 4.8 ร้อยละของระดับความคิดเห็นต่อปัจจัยนโยบายมหาวิทยาลัยด้านสภาพแวดล้อมสถานที่ สภาพแวดล้อมสถานที่ ระดับความคิดเห็น มาก รวม ที่สุด มาก ปาน กลาง น้อย น้อย ที่สุด ท่านทราบว่ามหาวิทยาลัยมีบริการสถานที่ เช่น ห้องสตูดิโอ 42.50 32.25 17.00 7.50 0.75 100 ท่านเห็นว่ามหาวิทยาลัยให้บริการสถานที่ เหมาะสม เพียงพอ 34.75 42.25 15.75 3.75 3.50 100 จากตารางที่ 4.8 พบว่า นักศึกษาระดับปริญญาตรี มหาวิทยาลัยขอนแก่นมีระดับความคิดเห็น ต่อปัจจัยนโยบายมหาวิทยาลัยด้านสภาพแวดล้อมสถานที่อยู่ในระดับมากที่สุด คิดเป็นร้อยละ 42.50 ที่ ทราบว่ามหาวิทยาลัยมีบริการสถานที่ด้านดิจิทัล และมีระดับความคิดเห็นว่ามหาวิทยาลัยมีบริการสถานที่ เหมาะสมเพียงพออยู่ในระดับมาก คิดเป็นร้อยละ 42.25 ตารางที่ 4.9 ร้อยละของระดับความคิดเห็นต่อปัจจัยนโยบายมหาวิทยาลัยภาพรวมและรายด้านที่มี อิทธิพลต่อทักษะความฉลาดทางดิจิทัล ปัจจัยนโยบายมหาวิทยาลัย ระดับความคิดเห็น มาก รวม ที่สุด มาก ปาน กลาง น้อย น้อย ที่สุด โครงการพัฒนานักศึกษา 30.63 39.13 22.88 5.88 1.5 100 การสนับสนุนอุปกรณ์/เครื่องมือดิจิทัล 33.13 39.25 19.63 3.00 5.00 100 สภาพแวดล้อมสถานที่ 38.63 37.25 16.38 5.63 2.13 100 รวม 34.13 38.54 19.63 4.84 2.88 100 จากตารางที่ 4.9 พบว่านักศึกษาระดับปริญญาตรี มหาวิทยาลัยขอนแก่น ภาพรวมส่วนใหญ่มี ระดับความคิดเห็นปัจจัยนโยบายมหาวิทยาลัยด้านโครงการพัฒนานักศึกษาอยู่ในระดับมาก คิดเป็นร้อย ละ 39.13 ด้านการสนับสนุนอุปกรณ์/เครื่องมือดิจิทัลอยู่ในระดับมาก คิดเป็น 39.13 และด้าน สภาพแวดล้อมสถานที่อยู่ในระดับ มากที่สุด คิดเป็นร้อยละ 38.63


23 ตารางที่ 4.10 ร้อยละของระดับความคิดเห็นต่อปัจจัยนโยบายมหาวิทยาลัยรายด้านที่มีอิทธิพลต่อทักษะ ความฉลาดทางดิจิทัลของนักศึกษาปริญญาตรี มหาวิทยาลัยขอนแก่น ปัจจัยนโยบายมหาวิทยาลัย ร้อยละ 1. โครงการพัฒนานักศึกษา ระดับต่ำ (2 – 4 คะแนน) 3.0 ระดับปานกลาง (5 – 7 คะแนน) 32.8 ระดับสูงสุด (8 – 10 คะแนน) 64.3 รวม 100 Mean = 2.6125 Max = 10 Min = 2 S.D = .54598 2. การสนับสนุนอุปกรณ์/เครื่องมือดิจิทัล ระดับต่ำ (2 – 4 คะแนน) 2.8 ระดับปานกลาง (5 – 7 คะแนน) 45.3 ระดับสูงสุด (8 – 10 คะแนน) 52.0 รวม 100 Mean = 2.4925 Max = 10 Min = 2 S.D = .55291 3. สภาพแวดล้อมสถานที่ ระดับต่ำ (2 – 4 คะแนน) 5.5 ระดับปานกลาง (5 – 7 คะแนน) 24.5 ระดับสูงสุด (8 – 10 คะแนน) 70.0 รวม 100 Mean = 2.6450 Max = 1.72 Min = 17.00 S.D = .58294 จากตารางที่ 4.10 พบว่า นักศึกษาระดับปริญญาตรี มหาวิทยาลัยขอนแก่น ส่วนใหญ่มีระดับ ปัจจัยนโยบายมหาวิทยาลัยในทุกด้าน อยู่ในระดับสูง รองลงมา คือ ระดับปานกลาง โดยด้านโครงการ พัฒนานักศึกษาอยู่ในระดับสูง คิดเป็นร้อยละ 64.3 ระดับปานกลาง คิดเป็นร้อยละ 32.8 ระดับต่ำ คิด


24 เป็นร้อยละ 3.0 ด้านการสนับสนุนอุปกรณ์/เครื่องมือดิจิทัล ระดับสูงสุด คิดเป็นร้อยละ 52.0 รองลงมา ระดับปานกลาง คิดเป็นร้อยละ 45.3 และระดับต่ำ คิดเป็นร้อยละ 2.8 ส่วนด้านสภาพแวดล้อมสถานที่อยู่ ในระดับสูง ร้อยละ 70.0 ระดับปานกลาง ร้อยละ 24.5 และอยู่ในระดับต่ำ คิดเป็นร้อยละ 5.5 ตารางที่ 4. 11 ร้อยละของระดับปัจจัยนโยบายมหาวิทยาลัยภาพรวมของนักศึกษาปริญญาตรี มหาวิทยาลัยขอนแก่น ปัจจัยนโยบายมหาวิทยาลัย ร้อยละ ระดับต่ำ (11 – 17 คะแนน) 7.2 ระดับปานกลาง (18 – 24 คะแนน) 47.3 ระดับสูงสุด (25 – 30 คะแนน) 45.5 รวม 100 Mean = 2.3825 Max = 30 Min = 11 S.D = .61818 จากตารางที่ 4.11 พบว่า นักศึกษาระดับปริญญาตรี มหาวิทยาลัยขอนแก่น ส่วนใหญ่มีระดับ ความคิดเห็นปัจจัยนโยบายมหาวิทยาลัยอยู่ในระดับปานกลาง คิดเป็นร้อยละ 47.3 รองลงมาอยู่ในระดับ สูงสุด คิดเป็นร้อยละ 45.5 และนักศึกษาระดับปริญญาตรี มหาวิทยาลัยขอนแก่น ส่วนน้อยมีระดับความ คิดเห็นในปัจจัยนโยบายมหาวิทยาลัยอยู่ในระดับน้อย คิดเป็นร้อยละ 7.2 ตารางที่ 4.12 ร้อยละของระดับความคิดเห็นต่อปัจจัยแรงจูงใจด้านความสำคัญของการรู้ทักษะทางดิจิทัล ความสำคัญของการรู้ทักษะทางดิจิทัล ระดับความคิดเห็น มาก รวม ที่สุด มาก ปาน กลาง น้อย น้อย ที่สุด การรู้ทักษะทางดิจิทัลมีความสำคัญและเป็น ประโยชน์ในชีวิตประจำวัน 51.50 29.75 18.25 0.50 0 100 การรู้ทักษะทางดิจิทัลทำให้ทันต่อการ เปลี่ยนแปลงของโลกยุคปัจจุบัน 53.50 36.00 9.00 1.50 0 100 จากตารางที่ 4.12 พบว่า นักศึกษาระดับปริญญาตรี มหาวิทยาลัยขอนแก่นมีความคิดเห็นต่อ ปัจจัยแรงจูงใจด้านความสำคัญของการรู้ทักษะทางดิจิทัล ส่วนใหญ่อยู่ในระดับมากที่สุด คิดเป็นร้อยละ


25 53.50 คิดว่าการรู้ทักษะดิจิทัลทำให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของโลกยุคปัจจุบัน และคิดว่าการรู้ทักษะทาง ดิจิทัลมีความสำคัญและเป็นประโยชน์ในชีวิตประจำวันอยู่ในระดับมากที่สุด คิดเป็นร้อยละ 51.50 ตารางที่ 4.13 ร้อยละของระดับความคิดเห็นต่อปัจจัยแรงจูงใจด้านความต้องการพัฒนาตนเอง ความต้องการพัฒนาตนเอง ระดับความคิดเห็น มาก รวม ที่สุด มาก ปาน กลาง น้อย น้อย ที่สุด ความต้องการที่อยากจะพัฒนาตนเองใน ด้านทักษะดิจิทัล 32.00 56.50 11.50 0 0 100 ความต้องการพัฒนาตนเองด้านทักษะดิจิทัล เพื่อนำไปต่อยอดในการเรียน การทำงาน 35.50 46.50 18.00 0 0 100 จากตารางที่ 4.13 พบว่า นักศึกษาระดับปริญญาตรี มหาวิทยาลัยขอนแก่นมีความคิดเห็นต่อ ปัจจัยแรงจูงใจด้านความต้องการพัฒนาตนเองส่วนใหญ่อยู่ในระดับมาก คิดเป็นร้อยละ 56.50 ที่มีความ ต้องการอยากจะพัฒนาตนเองในด้านทักษะดิจิทัล และระดับมากที่มีความต้องการพัฒนาตนเองด้าน ทักษะดิจิทัลเพื่อนำไปต่อยอดในการเรียน การทำงาน คิดเป็นร้อยละ 46.50 ตารางที่ 4.14 ร้อยละของระดับความคิดเห็นต่อปัจจัยนโยบายแรงจูงใจ ปัจจัยแรงจูงใจ ระดับความคิดเห็น มาก รวม ที่สุด มาก ปาน กลาง น้อย น้อย ที่สุด ความสำคัญของการรู้ทักษะทางดิจิทัล 52.50 32.88 13.63 1.00 0.00 100 ความต้องการพัฒนาตนเอง 33.75 51.50 14.75 0.00 0.00 100 จากตารางที่ 4.14 พบว่า นักศึกษาระดับปริญญาตรี มหาวิทยาลัยขอนแก่นมีความคิดเห็นต่อ ภาพรวมปัจจัยแรงจูงใจ ส่วนใหญ่เห็นความสำคัญของการรู้ทักษะทางดิจิทัลเนื่องจากอยู่ในระดับที่มาก ที่สุด คิดเป็นร้อยละ 52.50 และความต้องการพัฒนาตนเองอยู่ในระดับมาก คิดเป็นร้อยละ 51.50


26 ตารางที่ 4.15 ร้อยละของระดับความคิดเห็นต่อปัจจัยแรงจูงใจรายด้านที่มีอิทธิพลต่อทักษะความฉลาด ทางดิจิทัลของนักศึกษาปริญญาตรี มหาวิทยาลัยขอนแก่น ปัจจัยแรงจูงใจ ร้อยละ 1. ความสำคัญของการรู้ทักษะทางดิจิทัล ระดับต่ำ (5 – 6 คะแนน) 3.3 ระดับปานกลาง (7 – 8 คะแนน) 40.5 ระดับสูงสุด (9 – 10 คะแนน) 56.3 รวม 100 Mean = 8.7375 Max = 10 Min = 5 S.D = 1.32021 2. ความต้องการพัฒนาตนเอง ระดับต่ำ (6 – 7 คะแนน) 24.0 ระดับปานกลาง (8 – 9 คะแนน) 51.7 ระดับสูงสุด (10 คะแนน) 24.3 รวม 100 Mean = 8.3800 Max = 10 Min = 6 S.D = 1.11522 จากตารางที่ 4.15 พบว่า นักศึกษาระดับปริญญาตรี มหาวิทยาลัยขอนแก่น มีระดับความคิดเห็น ปัจจัยแรงจูงใจ ในด้านความสำคัญของการรู้ทักษะทางดิจิทัลอยู่ในระดับสูง คิดเป็นร้อยละ 56.3 ระดับ ปานกลาง คิดเป็นร้อยละ 40.5 ระดับต่ำ คิดเป็นร้อยละ 3.3 ด้านความต้องการพัฒนาตนเองส่วนใหญ่อยู่ ในระดับปานกลาง คิดเป็นร้อยละ 51.7 รองลงมาระดับสูงสุด คิดเป็นร้อยละ 24.3 ตารางที่ 4.16 ร้อยละของระดับปัจจัยแรงจูงใจภาพรวมของนักศึกษาปริญญาตรีมหาวิทยาลัยขอนแก่น ปัจจัยแรงจูงใจ ร้อยละ ระดับต่ำ (12 – 14 คะแนน) 11.3 ระดับปานกลาง (15 – 17 คะแนน) 45.8 ระดับสูงสุด (18 – 20 คะแนน) 43.0 รวม 100 Mean = 2.3175 Max = 20 Min = 12 S.D = .66543


27 จากตารางที่ 4.16 พบว่า นักศึกษาระดับปริญญาตรี มหาวิทยาลัยขอนแก่น ส่วนใหญ่มีระดับ ความคิดเห็นปัจจัยแรงจูงใจอยู่ในระดับปานกลาง คิดเป็นร้อยละ 45.8 รองลงมาอยู่ในระดับสูงสุด คิดเป็น ร้อยละ 43.0 และนักศึกษาระดับปริญญาตรี มหาวิทยาลัยขอนแก่น ส่วนน้อยมีระดับความคิดเห็นใน ปัจจัยแรงจูงใจอยู่ในระดับน้อย คิดเป็นร้อยละ 11.3 ส่วนที่ 3 ผลการวิเคราะห์ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อทักษะความฉลาดทางดิจิทัลของนักศึกษาระดับปริญญา ตรี มหาวิทยาลัยขอนแก่น สมมติฐานที่ 1 ปัจจัยนโยบายมหาวิทยาลัย ได้แก่ โครงการพัฒนานักศึกษา การสนับสนุนอุปกรณ์/ เครื่องมือดิจิทัล และสภาพแวดล้อมสถานที่ มีอิทธิพลต่อทักษะความฉลาดทางดิจิทัลของนักศึกษาระดับ ปริญญาตรี มหาวิทยาลัยขอนแก่น ผลการทดสอบสมมติฐาน ปัจจัยนโยบายมหาวิทยาลัย ได้แก่ โครงการพัฒนานักศึกษา การ สนับสนุนอุปกรณ์/เครื่องมือดิจิทัล และสภาพแวดล้อมสถานที่ มีอิทธิพลต่อทักษะความฉลาดทางดิจิทัล ของนักศึกษาระดับปริญญาตรี มหาวิทยาลัยขอนแก่น อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 แสดงดัง ตารางที่ 4.17 ตารางที่4.17 ผลการวิเคราะห์การถดถอยเชิงพหุคูณของปัจจัยนโยบายมหาวิทยาลัยที่มีอิทธิพลต่อทักษะ ความฉลาดทางดิจิทัลของนักศึกษาระดับปริญญาตรี มหาวิทยาลัยขอนแก่น ปัจจัยนโยบายมหาวิทยาลัย Unstandardized Coefficients Standardized Coefficients t Sig. B Std. Error Beta (Constant) โครงการพัฒนานักศึกษา สนับสนุนอุปกรณ์ดิจิทัล สภาพแวดล้อมสถานที่ 19.314 1.684 11.472 <.001* .575 .167 .145 3.448 <.001* 1.331 .168 .324 7.904 <.001* 1.427 .153 .390 9.353 <.001* *ระดับนัยสำคัญทางสถิติ 0.05 โดยที่R = 0.635 R Square = 0.404 Adjusted R Square = 0.399 SEE = 5.06077 จากตารางที่ 4.17 การวิเคราะห์ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อทักษะความฉลาดทางดิจิทัลของนักศึกษา ระดับปริญญาตรี มหาวิทยาลัยขอนแก่น โดยการวิเคราะห์ความถดถอยเชิงพหุคูณ พบว่า ปัจจัยนโยบาย มหาวิทยาลัยมีอิทธิพลต่อทักษะความฉลาดทางดิจิทัลของนักศึกษาระดับปริญญาตรี มหาวิทยาลัยขอนแก่น อย่างมีนัยสำคัญที่ระดับ 0.05 ทั้ง 3 ด้าน ประกอบด้วยด้านโครงการพัฒนา


28 นักศึกษา ด้านการสนับสนุนอุปกรณ์/เครื่องมือดิจิทัล และด้านสภาพแวดล้อมสถานที่ โดยสรุปจากการ แสดงผลการวิเคราะห์ถดถอยเชิงพหุคูณ เมื่อพิจารณาค่าสัมประสิทธิ์การทำนายพบว่า ชุดตัวแปรอิสระ ปัจจัยนโยบายมหาวิทยาลัย สามารถทำนายตัวแปรตามทักษะความฉลาดทางดิจิทัลของนักศึกษาระดับ ปริญญาตรีมหาวิทยาลัยขอนแก่น ได้ร้อยละ 40.4 (R 2 = 0.404) ส่วนอีกร้อยละ 59.96 เกิดจากอิทธิพล จากตัวแปรอื่น ๆ จากผลการวิเคราะห์ข้อมูลในรูปคำทำนายในรูปคะแนนดิบและคะแนนมาตรฐานของปัจจัย นโยบายมหาวิทยาลัยมีอิทธิพลต่อทักษะความฉลาดทางดิจิทัลของนักศึกษาระดับปริญญาตรี มหาวิทยาลัยขอนแก่น ได้ดังนี้ สมการในรูปแบบคะแนนดิบ Y = 19.314 – (0.575)*X1 + (1.331)*X2 - (1.427)*X3 โดย Y แทน ทักษะความฉลาดทางดิจิทัลของนักศึกษาระดับปริญญาตรี X1 แทน โครงการพัฒนานักศึกษาทางดิจิทัล X2 แทน การสนับสนุนอุปกรณ์/เครื่องมือดิจิทัล X3 แทน สภาพแวดล้อมสถานที่ สมการในรูปคะแนนมาตรฐาน Y = (0.145)*X1+ (0.324)*X2 - (0.390)*X3 โดย Y แทน ทักษะความฉลาดทางดิจิทัลของนักศึกษาระดับปริญญาตรี X1 แทน โครงการพัฒนานักศึกษาทางดิจิทัล X2 แทน การสนับสนุนอุปกรณ์/เครื่องมือดิจิทัล X3 แทน สภาพแวดล้อมสถานที่ ตัวแปรปัจจัยนโยบายมหาวิทยาลัย ด้านโครงการพัฒนานักศึกษา อย่างมีนัยสำคัญที่ระดับ 0.05 โดยมีค่าสัมประสิทธิ์การถดถอยเท่ากับ 0.167 ด้านการสนับสนุนอุปกรณ์/เครื่องมือดิจิทัล อย่างมี นัยสำคัญที่ระดับ 0.05 โดยมีค่าสัมประสิทธิ์การถดถอยเท่ากับ 0.168 และด้านสภาพแวดล้อมสถานที่ อย่างมีนัยสำคัญที่ระดับ 0.05 โดยมีค่าสัมประสิทธิ์การถดถอยเท่ากับ 0.153 สมมติฐานที่ 2 ปัจจัยแรงจูงใจ ได้แก่ ความสำคัญของการรู้ทักษะดิจิทัล ความต้องการพัฒนาตนเองด้าน ทักษะดิจิทัลมีอิทธิพลต่อทักษะความฉลาดทางดิจิทัลของนักศึกษาระดับปริญ ญาตรี มหาวิทยาลัยขอนแก่น


29 ผลการทดสอบสมมติฐาน ปัจจัยแรงจูงใจ ได้แก่ ความสำคัญของการรู้ทักษะดิจิทัล ความต้องการ พัฒนาตนเองด้านทักษะดิจิทัลมีอิทธิพลต่อทักษะความฉลาดทางดิจิทัลของนักศึกษาระดับปริญญาตรี มหาวิทยาลัยขอนแก่น อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 แสดงดังตารางที่ 4.18 ตารางที่ 4.18 ผลการวิเคราะห์การถดถอยเชิงพหุคูณของปัจจัยแรงจูงใจที่มีอิทธิพลต่อทักษะความฉลาด ทางดิจิทัลของนักศึกษาระดับปริญญาตรี มหาวิทยาลัยขอนแก่น ปัจจัยแรงจูงใจ Unstandardized Coefficients Standardized Coefficients t Sig. B Std. Error Beta (Constant) ความสำคัญการรู้ทักษะดิจิทัล ความต้องการพัฒนาตนเองทางดิจิทัล 26.424 2.706 9.766 <.001* .994 .246 .201 4.035 <.001* 1.277 .292 .218 4.379 <.001* *ระดับนัยสำคัญทางสถิติ 0.05 โดยที่ R = 0.341 R Square = 0.116 Adjusted R Square = 0.112 SEE = 6.15304 จากตารางที่ 4.18 พบว่าการวิเคราะห์ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อทักษะความฉลาดทางดิจิทัลของ นักศึกษาระดับปริญญาตรี มหาวิทยาลัยขอนแก่น โดยการวิเคราะห์ความถดถอยเชิงพหุคูณ พบว่า ปัจจัยแรงจูงใจมีอิทธิพลต่อทักษะความฉลาดทางดิจิทัลของนักศึกษาระดับปริญญาตรี มหาวิทยาลัยขอนแก่น อย่างมีนัยสำคัญที่ระดับ 0.05 ทั้ง 2 ด้าน ประกอบด้วยด้านความสำคัญการรู้ ทักษะดิจิทัล และความต้องการพัฒนาตนเองทางดิจิทัล โดยสรุปจากการแสดงผลการวิเคราะห์ถดถอย เชิงพหุคูณ เมื่อพิจารณาค่าสัมประสิทธิ์การทำนายพบว่า ชุดตัวแปรอิสระปัจจัยแรงจูงใจสามารถทำนาย ตัวแปรตามทักษะความฉลาดทางดิจิทัลของนักศึกษาระดับปริญญาตรี มหาวิทยาลัยขอนแก่น ได้ร้อยละ 11.6 (R 2 = 0.116) ส่วนอีกร้อยละ 88.40 เกิดจากอิทธิพลจากตัวแปรอื่น ๆ จากผลการวิเคราะห์ข้อมูลในรูปคำทำนายในรูปคะแนนดิบและคะแนนมาตรฐานของปัจจัย นโยบายมหาวิทยาลัยมีอิทธิพลต่อทักษะความฉลาดทางดิจิทัลของนักศึกษาระดับปริญญาตรี มหาวิทยาลัยขอนแก่น ได้ดังนี้ สมการในรูปแบบคะแนนดิบ Y = 26.424 – (0.994)*X4 + (1.277)*X5 โดย Y แทน ทักษะความฉลาดทางดิจิทัลของนักศึกษาระดับปริญญาตรี X1 แทน ความสำคัญการรู้ทักษะดิจิทัล X2 แทน ความต้องการพัฒนาตนเองทางดิจิทัล


30 สมการในรูปคะแนนมาตรฐาน Y = (0.201)*X4+ (0.218)*X5 โดย Y แทน ทักษะความฉลาดทางดิจิทัลของนักศึกษาระดับปริญญาตรี X4 แทน ความสำคัญการรู้ทักษะดิจิทัล X5 แทน ความต้องการพัฒนาตนเองทางดิจิทัล ตัวแปรปัจจัยแรงจูงใจ ด้านความสำคัญการรู้ทักษะดิจิทัล อย่างมีนัยสำคัญที่ระดับ 0.05 โดยมีค่า สัมประสิทธิ์การถดถอยเท่ากับ 0.201 และความต้องการพัฒนาตนเองทางดิจิทัล อย่างมีนัยสำคัญที่ระดับ 0.05 โดยมีค่าสัมประสิทธิ์การถดถอยเท่ากับ 0.218


31 บทที่ 5 สรุป อภิปรายผล และข้อเสนอแนะ การวิจัยปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อทักษะความฉลาดทางดิจิทัลของนักศึกษาระดับปริญญาตรี มหาวิทยาลัยขอนแก่น มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาระดับการรู้ทักษาะความฉลาดทางดิจิทัลของนักศึกษา ระดับปริญยาตรี มหาวิทยาลัยขอนแก่น และ 2) ศึกษาปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อทักษะความฉลาดทางดิจิทัล ของนักศึกษาระดับปริญญาตรี มหาวิทยาลัยขอนแก่น กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้ นักศึกษาระดับ ปริญญาตรี มหาวิทยาลัยขอนแก่น จำนวน 400 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย คือ แบบสอบถาม การ วิเคราะห์ข้อมูลในการวิจัยในครั้งนี้ใช้สถิติเชิงพรรณนา (Descriptive statistics) วิเคราะห์ข้อมูลทั่วไปของ ผู้ตอบแบบสอบถาม ได้แก่ เพศ อายุ ชั้นปี คณะ โดยหาค่าความถี่ (Frequency) และร้อยละ (Percentage) ค่าเฉลี่ย (Mean) และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (Standard Deviation) การวิเคราะห์ระดับ สภาพการรู้ทักษะความฉลาดทางดิจิทัลของนักศึกษาระดับปริญญาตรีมหาวิทยาลัยขอนแก่น ใช้สถิติเชิง อนุมาน (Inferential statistics) และการวิเคราะห์หาปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อทักษะความฉลาดทางดิจิทัล ของนักศึกษาระดับปริญญาตรีมหาวิทยาลัยขอนแก่น โดยการวิเคราะห์การถดถอยเชิงพหุคูณ (Multiple Linear Regression) ซึ่งได้เสนอตามหัวข้อ ดังต่อไปนี้ 5.1 สรุปผลการวิจัย การวิเคราะห์ข้อมูลเกี่ยวกับปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อทักษะความฉลาดทางดิจิทัลของนักศึกษาระดับ ปริญญาตรี มหาวิทยาลัยขอนแก่น สามารถสรุปเป็นประเด็นสำคัญได้ ดังนี้ 1. ผลการศึกษาระดับการรู้ทักษะความฉลาดทางดิจิทัลของนักศึกษาระดับปริญญาตรี มหาวิทยาลัยขอนแก่น พบว่า ระดับการรู้ทักษะความฉลาดทางดิจิทัลของนักศึกษาระดับปริญญาตรี มหาวิทยาลัยขอนแก่นตามกลุ่มสาขาวิชา พบว่า นักศึกษากลุ่มสาขาวิชามนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ ส่วนใหญ่มีระดับการรู้ทักษะความฉลาดทางดิจิทัลอยู่ในระดับสูงสุด คิดเป็นร้อยละ 51.6 รองลงมาอยู่ใน ระดับปานกลาง คิดเป็นร้อยละ 42.6 และระดับต่ำสุดคิดเป็นร้อยละ 5.7 ในส่วนของนักศึกษากลุ่ม สาขาวิชาวิทยาศาสตร์เทคโนโลยี ระดับการรู้ทักษะความฉลาดทางดิจิทัลระดับสูงสุด คิดเป็นร้อยละ 55.4 รองลงมาระดับปานกลางคิดเป็นร้อยละ 43.2 และระดับต่ำสุด คิดเป็นร้อยละ 0.6 ถัดมาเป็นนักศึกษา กลุ่มสาขาวิชาวิทยาศาสตร์สุขภาพ ระดับการรู้ทักษะความฉลาดทางดิจิทัลระดับสูงสุด คิดเป็นร้อยละ 52.4 รองลงมาระดับปานกลางคิดเป็นร้อยละ 47.0 และระดับต่ำสุด คิดเป็นร้อยละ 1.4 และนักศึกษา


32 กลุ่มสหสาขาวิชา ส่วนใหญ่มีระดับการรู้ทักษะความฉลาดทางดิจิทัลระดับต่ำ คิดเป็นร้อยละ 47.2 รองลงมาระดับปานกลาง คิดเป็นร้อยละ 36.1 และระดับสูงสุด คิดเป็นร้อยละ 16.7 ภาพรวมส่วนใหญ่ นักศึกษาปริญญาตรี มหาวิทยาลัยขอนแก่นส่วนใหญ่มีระดับการรู้ทักษะความฉลาดทางดิจิทัลอยู่ในระดับ ปานกลาง คิดเป็นร้อยละ 49.0 รองลงมาอยู่ในระดับสูงสุด คิดเป็นร้อยละ 48.8 และนักศึกษาปริญญาตรี มหาวิทยาลัยขอนแก่นส่วนน้อยมีระดับการรู้ทักษะความฉลาดทางดิจิทัลอยู่ในระดับต่ำ คิดเป็นร้อยละ 2.3 2. ผลการศึกษาระดับความคิดเห็นปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อทักษะความฉลาดทางดิจิทัลของนักศึกษา ระดับปริญญาตรี มหาวิทยาลัยขอนแก่น พบว่า 2.1 ปัจจัยนโยบายมหาวิทยาลัย ภาพรวมส่วนใหญ่ นักศึกษาระดับปริญญาตรี มหาวิทยาลัยขอนแก่น มีระดับความคิดเห็นปัจจัยนโยบายมหาวิทยาลัยด้านโครงการพัฒนานักศึกษาอยู่ ในระดับมาก คิดเป็นร้อยละ 39.13 ด้านการสนับสนุนอุปกรณ์/เครื่องมือดิจิทัลอยู่ในระดับมาก คิดเป็น 39.13 และด้านสภาพแวดล้อมสถานที่อยู่ในระดับ มากที่สุด คิดเป็นร้อยละ 38.63 2.2 ปัจจัยแรงจูงใจนักศึกษาระดับปริญญาตรี มหาวิทยาลัยขอนแก่นมีความคิดเห็นต่อภาพรวม ปัจจัยแรงจูงใจ ส่วนใหญ่เห็นความสำคัญของการรู้ทักษะทางดิจิทัลเนื่องจากอยู่ในระดับที่มากที่สุดคิดเป็น ร้อยละ 52.50 และความต้องการพัฒนาตนเองอยู่ในระดับมาก คิดเป็นร้อยละ 51.50 ในส่วนของภาพรวม รายด้านนักศึกษาระดับปริญญาตรี มหาวิทยาลัยขอนแก่น มีระดับความคิดเห็นปัจจัยแรงจูงใจในด้าน ความสำคัญของการรู้ทักษะทางดิจิทัลอยู่ในระดับสูง คิดเป็นร้อยละ 56.3 ระดับปานกลางคิดเป็นร้อยละ 40.5 ระดับต่ำ คิดเป็นร้อยละ 3.3 ด้านความต้องการพัฒนาตนเองส่วนใหญ่อยู่ในระดับปานกลาง คิดเป็น ร้อยละ 51.7 รองลงมาระดับสูงสุด คิดเป็นร้อยละ 24.3 3. ผลการศึกษาปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อทักษะความฉลาดทางดิจิทัลของนักศึกษาระดับปริญญาตรี มหาวิทยาลัยขอนแก่น พบว่า 3.1 ปัจจัยนโยบายมหาวิทยาลัยมีอิทธิพลต่อทักษะความฉลาดทางดิจิทัลของนักศึกษาระดับ ปริญญาตรี มหาวิทยาลัยขอนแก่น อย่างมีนัยสำคัญที่ระดับ 0.05 ทั้ง 3 ด้าน ประกอบด้วยด้านโครงการ พัฒนานักศึกษา ด้านการสนับสนุนอุปกรณ์/เครื่องมือดิจิทัล และด้านสภาพแวดล้อมสถานที่ โดยสรุปจาก การแสดงผลการวิเคราะห์ถดถอยเชิงพหุคูณ เมื่อพิจารณาค่าสัมประสิทธิ์การทำนายพบว่า ชุดตัวแปร อิสระปัจจัยนโยบายมหาวิทยาลัย สามารถทำนายตัวแปรตามทักษะความฉลาดทางดิจิทัลของนักศึกษา ระดับปริญญาตรี มหาวิทยาลัยขอนแก่น ได้ร้อยละ 40.4 (R 2 = 0.404) ส่วนอีกร้อยละ 59.96 เกิดจาก อิทธิพลจากตัวแปรอื่น ๆ โดยตัวแปรปัจจัยนโยบายมหาวิทยาลัย ด้านโครงการพัฒนานักศึกษา อย่างมี


33 นัยสำคัญที่ระดับ 0.05 โดยมีค่าสัมประสิทธิ์การถดถอยเท่ากับ 0.167 ด้านการสนับสนุนอุปกรณ์/ เครื่องมือดิจิทัล อย่างมีนัยสำคัญที่ระดับ 0.05 โดยมีค่าสัมประสิทธิ์การถดถอยเท่ากับ 0.168 และด้าน สภาพแวดล้อมสถานที่อย่างมีนัยสำคัญที่ระดับ 0.05 โดยมีค่าสัมประสิทธิ์การถดถอยเท่ากับ 0.153 3.2 ปัจจัยแรงจูงใจมีอิทธิพลต่อทักษะความฉลาดทางดิจิทัลของนักศึกษาระดับปริญญาตรี มหาวิทยาลัยขอนแก่น อย่างมีนัยสำคัญที่ระดับ 0.05 ทั้ง 2 ด้าน ประกอบด้วยด้านความสำคัญการรู้ ทักษะดิจิทัล และความต้องการพัฒนาตนเองทางดิจิทัล โดยสรุปจากการแสดงผลการวิเคราะห์ถดถอยเชิง พหุคูณ เมื่อพิจารณาค่าสัมประสิทธิ์การทำนายพบว่า ชุดตัวแปรอิสระปัจจัยแรงจูงใจสามารถทำนายตัว แปรตามทักษะความฉลาดทางดิจิทัลของนักศึกษาระดับปริญญาตรี มหาวิทยาลัยขอนแก่น ได้ร้อยละ 11.6 (R 2 = 0.116) ส่วนอีกร้อยละ 88.40 เกิดจากอิทธิพลจากตัวแปรอื่น ๆ โดยตัวแปรปัจจัยแรงจูงใจ ด้านความสำคัญการรู้ทักษะดิจิทัล อย่างมีนัยสำคัญที่ระดับ 0.05 มีค่าสัมประสิทธิ์การถดถอยเท่ากับ 0.201 และความต้องการพัฒนาตนเองทางดิจิทัล อย่างมีนัยสำคัญที่ระดับ0.05 โดยมีค่าสัมประสิทธิ์การ ถดถอยเท่ากับ 0.218 5.2 อภิปรายผลการวิจัย ในการวิจัยครั้งนี้เป็นการศึกษาปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อทักษะความฉลาดทางดิจิทัลของนักศึกษา ระดับปริญญาตรี มหาวิทยาลัยขอนแก่น ผลการวิจัยครั้งนี้สามารถอภิปรายผลตามวัตถุประสงค์ได้ ดังต่อไปนี้ 1. ผลการศึกษาระดับทักษะความฉลาดทางดิจิทัลของนักศึกษาระดับปริญญาตรี มหาวิทยาลัยขอนแก่น พบว่า ระดับการรู้ทักษะความฉลาดทางดิจิทัลของนักศึกษาระดับปริญญาตรี มหาวิทยาลัยขอนแก่นตามกลุ่มสาขาวิชา พบว่า นักศึกษากลุ่มสาขาวิชาวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีส่วนใหญ่ที่ มีระดับการรู้ทักษะความฉลาดทางดิจิทัลอยู่ในระดับสูงสุด คิดเป็นร้อยละ 55.4 รองลงมาคือนักศึกษากลุ่ม สาขาวิชาวิทยาศาสตร์สุขภาพ คิดเป็นร้อยละ 52.4 ลำดับถัดมาเป็นนักศึกษากลุ่มสาขาวิชามนุษยศาสตร์ และสังคมศาสตร์ คิดเป็นร้อยละ 51.6 และนักศึกษากลุ่มสหสาขาวิชา คิดเป็นร้อยละ 16.7 ในส่วนระดับ การรู้ทักษะความฉลาดทางดิจิทัลที่อยู่ในระดับปานกลางสูงที่สุด พบว่า นักศึกษากลุ่มสาขาวิชา วิทยาศาสตร์สุขภาพ คิดเป็นร้อยละ 47.0 รองลงมาคิดเป็นร้อยละ 43.2 ของนักศึกษากลุ่มสาขาวิชา วิทยาศาสตร์เทคโนโลยี ในส่วนนักศึกษากลุ่มสาขาวิชามนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์คิดเป็นร้อยละ 42.6 และนักศึกษากลุ่มสหสาขาวิชา คิดเป็นร้อยละ 36.1 และในส่วนการรู้ทักษะความฉลาดทางดิจิทัล ระดับต่ำสูงที่สุดคิดเป็นร้อยละ 47.2 คือกลุ่มสหสาขาวิชา รองลงมาคิดเป็นร้อยละ 5.7 ในส่วนของกลุ่ม สาขาวิชามนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ และนักศึกษากลุ่มสาขาวิชาวิทยาศาสตร์เทคโนโลยี คิดเป็นร้อย


34 ละ 1.4 ส่วนกลุ่มสาขาวิชาวิทยาศาสตร์สุขภาพมีทักษะความฉลาดทางดิจิทัลระดับต่ำ น้อยที่สุด คิดเป็น ร้อยละ 0.6 โดยนักศึกษาที่เรียนในกลุ่มสาขาวิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมีการรู้ดิจิทัลสูงกว่า นักศึกษาที่เรียนในกลุ่มสาขามนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ (แววตา เตชาทวีวรรณ และอัจฉรา ประเสริฐ สิน,2559) 2. ผลการศึกษาปัจจัยนโยบายมหาวิทยาลัยที่มีอิทธิพลต่อทักษะความฉลาดทางดิจิทัลของ นักศึกษาระดับปริญญาตรี มหาวิทยาลัยขอนแก่น พบว่า นักศึกษาระดับปริญญาตรี มหาวิทยาลัยขอนแก่น ส่วนใหญ่มีระดับปัจจัยนโยบายมหาวิทยาลัยในทุกด้าน อยู่ในระดับสูง รองลงมา คือ ระดับปานกลาง โดย ด้านโครงการพัฒนานักศึกษาอยู่ในระดับสูง คิดเป็นร้อยละ 64.3 ระดับปานกลาง คิดเป็นร้อยละ 32.8 ระดับต่ำ คิดเป็นร้อยละ 3.0 ด้านการสนับสนุนอุปกรณ์/เครื่องมือดิจิทัล ระดับสูงสุด คิดเป็นร้อยละ 52.0 รองลงมาระดับปานกลาง คิดเป็นร้อยละ 45.3 และระดับต่ำ คิดเป็นร้อยละ 2.8 ส่วนด้านสภาพแวดล้อม สถานที่อยู่ในระดับสูง ร้อยละ 70.0 ระดับปานกลาง ร้อยละ 24.5 และอยู่ในระดับต่ำ คิดเป็นร้อยละ 5.5 ซึ่งในการศึกษาของกัมพล เกศสาลี และ กันยารัตน์ เควียเซ่น (2561) ศึกษาการรู้ดิจิทัลในการปฏิบัติงาน ของบุคลากรมหาวิทยาลัยราชภัฏเลย ปัจจัยด้านสภาพแวดล้อมอยู่ในระดับที่น้อยที่สุด ซึ่งต่างจาก การศึกษาในครั้งนี้ที่ศึกษากับกลุ่มตัวอย่างที่เป็นนักศึกษา อยู่ในระดับที่สูง ทั้งนี้ปัจจัยด้านนโยบาย มหาวิทยาลัยที่นำมาศึกษาในครั้งนี้จึงกล่าวได้ว่า กลุ่มตัวอย่างที่แตกต่างกันผลการศึกษาจึงแตกต่างกัน ตามบริบทการใช้บริการและระดับความคิดเห็น 3. ผลการศึกษาปัจจัยแรงจูงใจที่มีอิทธิพลต่อทักษะความฉลาดทางดิจิทัลของนักศึกษาระดับ ปริญญาตรี มหาวิทยาลัยขอนแก่น พบว่า ปัจจัยแรงจูงใจนักศึกษาระดับปริญญาตรี มหาวิทยาลัยขอนแก่น มีความคิดเห็นต่อภาพรวมปัจจัยแรงจูงใจ ส่วนใหญ่เห็นความสำคัญของการรู้ทักษะทางดิจิทัลเนื่องจากอยู่ ในระดับที่มากที่สุดคิดเป็นร้อยละ 52.50 และความต้องการพัฒนาตนเองอยู่ในระดับมาก คิดเป็นร้อยละ 51.50 ในส่วนของภาพรวมรายด้านนักศึกษาระดับปริญญาตรี มหาวิทยาลัยขอนแก่น มีระดับความ คิดเห็นปัจจัยแรงจูงใจในด้านความสำคัญของการรู้ทักษะทางดิจิทัลอยู่ในระดับสูง คิดเป็นร้อยละ 56.3 ระดับปานกลางคิดเป็นร้อยละ 40.5 ระดับต่ำ คิดเป็นร้อยละ 3.3 ด้านความต้องการพัฒนาตนเองส่วน ใหญ่อยู่ในระดับปานกลาง คิดเป็นร้อยละ 51.7 รองลงมาระดับสูงสุด คิดเป็นร้อยละ 24.3 ซึ่งในการศึกษา ของ อรัญ ซุยกระเดื่อง (2562) ศึกษาปัจจัยเชิงสาเหตุที่ส่งผลต่อการรู้ดิจิทัลของนักเรียนมัธยมศึกษาชั้นปี ที่ 6 ในเขตภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ใช้การวิเคราะห์โมเดลสมการโครงสร้างพหุระดับ ซึ่งปัจจัยที่ส่งผลต่อ ระดับการรู้ดิจิทัลของนักเรียน พบว่า ปัจจัยด้านแรงจูงใจมีอิทธิพลน้อยกว่าปัจจัยด้านการสนับสนุนของ ผู้ปกครอง ทั้งนี้ การศึกษากลุ่มตัวอย่างที่แตกต่างกัน ทั้งช่วงอายุ บริบท และปัจจัยอื่น ๆ การศึกษาใน


35 ครั้งนี้ที่ศึกษากลุ่มตัวอย่างอยู่ในระดับปริญญาตรี ปัจจัยด้านแรงจูงใจจึงอยู่ในระดับที่สูง เนื่องจาก นักศึกษาเห็นความสำคัญของการรู้ทักษะความฉลาดทางดิจิทัล และมีความต้องการที่จะพัฒนาตนเองใน ด้านทักษะความฉลาดทางดิจิทัล ซึ่งแตกต่างจากการศึกษากลุ่มตัวอย่างในระดับมัธยมศึกษาอย่างชัดเจน 4. ผลการศึกษาปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อทักษะความฉลาดทางดิจิทัลของนักศึกษาระดับปริญญาตรี มหาวิทยาลัยขอนแก่น พบว่า ปัจจัยนโยบายมหาวิทยาลัยมีอิทธิพลต่อทักษะความฉลาดทางดิจิทัลของ นักศึกษาระดับปริญญาตรี มหาวิทยาลัยขอนแก่น อย่างมีนัยสำคัญที่ระดับ 0.05 ทั้ง 3 ด้าน ประกอบด้วย ด้านโครงการพัฒนานักศึกษา ด้านการสนับสนุนอุปกรณ์/เครื่องมือดิจิทัล และด้านสภาพแวดล้อมสถานที่ โดยสรุปจากการแสดงผลการวิเคราะห์ถดถอยเชิงพหุคูณ เมื่อพิจารณาค่าสัมประสิทธิ์การทำนาย พบว่า ชุดตัวแปรอิสระปัจจัยนโยบายมหาวิทยาลัย สามารถทำนายตัวแปรตามทักษะความฉลาดทางดิจิทัลของ นักศึกษาระดับปริญญาตรี มหาวิทยาลัยขอนแก่น ได้ร้อยละ 40.4 (R 2 = 0.404) ส่วนอีกร้อยละ 59.96 เกิดจากอิทธิพลจากตัวแปรอื่น ๆ โดยตัวแปรปัจจัยนโยบายมหาวิทยาลัย ด้านโครงการพัฒนานักศึกษา อย่างมีนัยสำคัญที่ระดับ 0.05 โดยมีค่าสัมประสิทธิ์การถดถอยเท่ากับ 0.167 ด้านการสนับสนุนอุปกรณ์/ เครื่องมือดิจิทัล อย่างมีนัยสำคัญที่ระดับ 0.05 โดยมีค่าสัมประสิทธิ์การถดถอยเท่ากับ 0.168 และด้าน สภาพแวดล้อมสถานที่อย่างมีนัยสำคัญที่ระดับ 0.05 โดยมีค่าสัมประสิทธิ์การถดถอยเท่ากับ 0.153 และ ในส่วนของปัจจัยแรงจูงใจมีอิทธิพลต่อทักษะความฉลาดทางดิจิทัลของนักศึกษาระดับปริญญาตรี มหาวิทยาลัยขอนแก่น อย่างมีนัยสำคัญที่ระดับ 0.05 ทั้ง 2 ด้าน ประกอบด้วยด้านความสำคัญการรู้ ทักษะดิจิทัล และความต้องการพัฒนาตนเองทางดิจิทัล โดยสรุปจากการแสดงผลการวิเคราะห์ถดถอยเชิง พหุคูณ เมื่อพิจารณาค่าสัมประสิทธิ์การทำนายพบว่า ชุดตัวแปรอิสระปัจจัยแรงจูงใจสามารถทำนายตัว แปรตามทักษะความฉลาดทางดิจิทัลของนักศึกษาระดับปริญญาตรี มหาวิทยาลัยขอนแก่น ได้ร้อยละ 11.6 (R 2 = 0.116) ส่วนอีกร้อยละ 88.40 เกิดจากอิทธิพลจากตัวแปรอื่น ๆ โดยตัวแปรปัจจัยแรงจูงใจ ด้านความสำคัญการรู้ทักษะดิจิทัล อย่างมีนัยสำคัญที่ระดับ 0.05 มีค่าสัมประสิทธิ์การถดถอยเท่ากับ 0.201 และความต้องการพัฒนาตนเองทางดิจิทัล อย่างมีนัยสำคัญที่ระดับ0.05 โดยมีค่าสัมประสิทธิ์การ ถดถอยเท่ากับ 0.218 ซึ่งผลการศึกษาสามารถนำไปประยุกต์ในการวัดประเมินทักษะการรู้ดิจิทัลของ นักศึกษาระดับปริญญาตรีเพื่อกำหนดนโยบายและวางแผนอย่างเป็นรูปธรรมและพัฒนาศักยภาพด้านการ รู้ดิจิทัลแก่นักศึกษาของทุกมหาวิทยาลัยในการส่งเสริมการเรียนรู้แห่งศตวรรษที่ 21 ความเป็นพลเมือง ดิจิทัล และเตรียมความพร้อมสำหรับการทำงานเมื่อสำเร็จการศึกษาแล้ว (แววตา เตชาทวีวรรณ และ อัจฉรา ประเสริฐสิน,2559)


36 5.3 ข้อเสนอแนะ 1. ข้อเสนอแนะการนำผลการวิจัยไปใช้ 1.1 ควรมีการพัฒนาวิธีการจัดกิจกรรม/โครงการให้นักศึกษามีความเข้าใจเกี่ยวกับทักษะความ ฉลาดทางดิจิทัล 1.2 ส่งเสริมให้มีการพัฒนานโยบายมหาวิทยาลัยเกี่ยวกับทักษะความฉลาดทางดิจิทัล ที่ครอบคลุมมากขึ้น รวมถึงการนำนโยบายไปปฏิบัติอย่างชัดเจน 2. ข้อเสนอแนะการทำวิจัยครั้งต่อไป 2.1 ควรมีการศึกษาปัจจัยจากสื่อต่าง ๆ เช่น สื่อในโทรทัศน์ สื่อสังคมออนไลน์ต่าง ๆ ที่ ส่งผลต่อ ทักษะความฉลาดทางดิจิทัล 2.2 ควรมีการศึกษาปัจจัยอื่น ๆ เพิ่มเติม เพื่อเป็นแนวทางการพัฒนาเกี่ยวกับทักษะความฉลาด ทางดิจิทัลในอนาคต


37 บรรณานุกรม กัมพล เกศสาลี และกันยารัตน์ เควียเซ่น. (2561). การรู้ดิจิทัลในการปฏิบัติงานของบุคลากร มหาวิทยาลัยราชภัฏเลย. วารสารมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม,12(2). ฉัตรพงศ์ ชูแสงนิล. (2562). ความฉลาดทางดิจิทัล (Digital intelligence) ค้นเมื่อ 11 มกราคม 2566, จากhttps://www.scimath.org/article-technology/item/10611-digitalintelligence เพื่อนคู่คิด ธุรกิจออนไลน์. (2562). ทำความรู้จักโลกในยุคดิจิทัล. ค้นเมื่อ 11 มกราคม 2566, จาก https://www.wynnsoft-solution.com มารุต พัฒผล. (2556). เอกสารประกอบการสอนรายวิชา ลส701 กระบวนทัศน์ใหม่การ พัฒนาหลักสูตร. กรุงเทพฯ: บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัย ศรีนครินทรวิโรฒ. สุทธิพร แท่นทอง. (2563). ทฤษฎีและการเรียนรู้ในโลกยุคดิจิทัล : ทฤษฎีเชื่อมโยงความรู้และ การเรียนรู้แบบผสมผสาน. วารสารสวนสุนันทาวิชาการและวิจัย,14(1). แววตา เตชาทวีวรรณ และอัจฉรา ประเสริฐสิน. (2559). การพัฒนาแบบวัดการรู้ดิจิทัล สำหรับนักศึกษาระดับปริญญาตรี. กรุงเทพฯ : ภาควิชาบรรณารักษศาสตร์และ สารสนเทศศาสตร์ คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ. อรัญ ซุยกระเดื่อง. (2562). ปัจจัยเชิงสาเหตุที่ส่งผลต่อการรู้ดิจิทัลของนักเรียนมัธยมศึกษาชั้น ปีที่ 6 ในเขตภาคตะวันออกเฉียงเหนือ : การวิเคราะห์โมเดลสมการโครงสร้างพหุระดับ. วารสารการวัดผลการศึกษา มหาวิทยาลัยมหาสารคาม,25(2). Thum Namprom. (2564). Connectivism Learning Theory เชื่อมโยงการเรียนรู้บนโลก กว้าง. ค้นเมื่อ 18 มีนาคม 2566, จาก https://reder.red/connectivism-learning- theory-18-03-2021/


38 ภาคผนวก


Click to View FlipBook Version