The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by sasiwimonnoei, 2021-10-28 04:56:26

Portfolio Sasiwimon

Portfolio full

CONTENT CREATOR

SASIWIMON
SOOKSAKET

PORTFOLIO

ABOUT ME

- Sasiwimon -

Profile

นางสาวศศิวิมล สุขษาเกษ
12 กรกฎาคม 1998
6จ5.ชลหบมูุ่รี1120ต1.ห5้ว0ยใหญ่ อ.บางละมุง
099-453-3323
[email protected]

Education

2017 2018 Sasiwimon Noei

จบการศึกษา เข้ารับการศึกษา
โรงเรียนสัตหีบวิทยาคม คณะมนุษยศาสตร์ สาขาปรัชญาฯ

ชลบุรี มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ




Skills Interests

Microsoft Office - intermediate

Photoshop - basic

Sense of Humor Creativity Experiences
Teamwork Flexibility
ฝึกงานตำแหน่ง content creator
Languages เพจ Jones Salad (12 ก.ค.-13 ก.ย. 2021)

Thai - native หัวหน้าทีมและแอดมิน
เพจ Just Longdo
English - basic
wordpress ส่วนตัว
Toeic : 540 (2018) Noeishare
SWU-SET : 60 (2018)

Jones Salad

Conte
nt

ator
Cre

ฝึกงานตำแหน่ง content creator เพจโจนส์สลัด

ตลอดระยะเวลาการฝึกงาน ได้เรียนรู้ทักษะการคิด การทำงานเป็นทีม การย่อย
เนื้อหาให้กระชับ อ่านง่าย รู้จักค้นคว้าข้อมูลและนำมาจัดทำเป็น Infographic

ที่มีความสนุกสนาน โดนใจผู้อ่าน

14 ก.ค. 2564
1 ส.ค. 2564
11 ส.ค. 2564

17 ส.ค. 2564

21 ส.ค. 2564

19 ก.ย. 2564

Jones Salad

Jones Salad

ผลงานอัลบั้ม

เป็น infographic แบบต่อเนื่อง
โดยมีหัวข้อย่อยออกจาก Topic หลัก

12

34

Just Longdo

Content creator

#ลองดูhowto โปรเจ็กต์จบวิชา content

การทำเพจ 'Just Longdo' ทำให้ได้เรียนรู้การ
วางแผนจัดการ คิดรูปแบบการนำเสนอ มีโอกาส
ได้เป็นหัวหน้าทีม ได้ตัดสินใจแนวทางเพจร่วมกับ
สมาชิก ตลอดจนจัดทำรูปภาพประกอบบทความ

#ลองดูเกร็ดความรู้

9 มี.ค. 64 8 เม.ย. 64 20 พ.ค. 64 5 เม.ย. 64

#ลองดูเจอนี่ #ลองดูhealth

5 พ.ค. 64 23 เม.ย. 64 16 มี.ค. 64 28 เม.ย. 64

ลองดู How To

หนียังไงก็หนีไม่พ้น
! 6 วิธีเผชิญAหน้ากับCคนใจTแคบ IO !นั่นก็ใช่ นี่ก็ใช่ มองไปทางไหนก็เจอแต่ 'คนใจแคบ'

หลีกเลี่ยงไม่เคยได้ ยังไง๊ยังไงก็ต้องเจอ ในเมื่อหนี

Nไม่พ้น ก็มาชนกันสักครั้ง!
4) กล้าที่จะพูดความจริง
หายใจเข้าลึก ๆ และพูดออกไปตรง ๆ แต่อย่าโต้
กลับด้วยความหยาบคาย ใช้สติพูดในสิ่งที่คิดเพื่อ
ปกป้ องตัวเรา และทำให้คนเหล่านั้นเข้าใจถึงความ
ผิดของตัวเอง ไม่แน่ว่าการสนทนาอาจจะดีและมี
ประสิทธิภาพมากขึ้นก็ได้นะ

5) สู้ให้ถูกที่ ตีให้ถูกทาง

กลยุทธ์ต่อมาคือการรู้จักเลือกปั ญหาที่จะโต้เถียง

เพื่อให้พร้อมสำหรับการต่อสู้ ลองมาดูวิธีรับมือกับคน แน่นอนว่าไม่ใช่ทุกเรื่องที่จะคุ้มค่ากับความพยายาม

ใจแคบกันสักหน่อย ปล่อยวางบ้างก็ได้

1) นิ่งเข้าไว้ การหลีกเลี่ยงในบางครั้งก็เป็ นทางเลือกที่ดีกว่า
เคยได้ยินไหม เงียบสงบสยบทุกสิ่ง จัดการทุกอย่าง
ด้วยความสงบ แต่ถ้าหากเหตุการณ์ตอนนั้นทำเราหัว 6) อย่า 'รับ' เยอะเกินไป
ร้อนเกินไป ให้ท่องเอาไว้ว่า 'ใจเย็น ๆ' เป็ นเรื่ องปกติที่ปั ญหาซ้ำซากมักจะทำให้เรารู้สึก
เหนื่อย หนักเข้าอาจจะส่งผลถึงสุขภาพและการนอน
ปัญหาที่รีบแก้ตอนสติแตก อาจจะนำมาซึ่ง คิดมากไปก็ทุกข์ใจจนไม่เป็นอันทำงาน ดังนั้นจึงไม่
สถานการณ์เลวร้ายยิ่งกว่าเดิม ปล่อยให้เวลาเยียวยา ควรรับสิ่งต่าง ๆ เหมือนแบกโลกทั้งใบ ถ้าไม่ไหวก็
อารมณ์ หลังจากนั้นค่อยกลับมาคุยกันอีกครั้งก็ได้ ไม่ควรฝื น

2) รู้ว่ากำลัง 'รับมือ' อยู่กับใคร ลองมองหาเรื่องราวดี ๆ หรือสิ่งที่ทำให้มีความสุข
ย้ำเตือนกับตัวเองเสมอว่าคู่สนทนาเป็ นคนแบบไหน บ้าง เริ่มต้นเปลี่ยนจุดโฟกัสเพื่อให้เห็นสิ่งสวยงามใน
ถ้าเขาเป็นคนเอาแต่ใจ ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่จนต้อง ชีวิต
รู้สึกเซอร์ไพรส์ โดยธรรมชาติคนใจแคบก็คือคนที่ไม่
รับฟังอะไร ไม่ใช่เรื่องง่ายอยู่แล้วหากเราจะไฟท์ด้วย ที่สำคัญคืออย่าลืมว่าเราไม่สามารถเปลี่ยนคนคนหนึ่ ง
ได้ทันที ถ้าพยายามเกินตัว ผลลัพธ์อาจจบที่ 'อีก
ดังนั้นการอยู่กับความเป็ นจริงจะช่วยให้จัดการกับ ฝ่ายไม่เปลี่ยนไป และเราไม่ได้อะไรนอกจากสุขภาพ
ความวุ่นวายใจได้ง่ายขึ้น ใจที่แย่ลง'

3) มีพื้นที่ให้ตัวเอง คนใจแคบคนเดียวเทียบไม่ได้กับคนดีอีกมากมายใน
ใช้เวลาคิดถึงความต้องการของตัวเองบ้าง 'อะไรได้ โลกใบนี้ เมื่อชีวิตเรายังต้องพบเจอกับเรื่องราวปวด
อะไรไม่ได้' อย่าปล่อยให้อีกฝ่ายทำตามใจไปซะหมด หัวอยู่ทุกวัน ดังนั้นจึงต้องเตรียมพร้อมทุกวินาที

ควรกำหนดขอบเขตให้ชัด แล้วคุณล่ะ พร้อมที่จะรับมือกับเหล่าคนใจแคบหรือ
ยัง?
ที่สำคัญแม้ว่าจะทำงานร่วมกันแต่ก็ไม่จำเป็ นต้อง
ผ่อนปรนทุกครั้ง เราสามารถแสดงออกได้ว่าอยากทำ
หรือไม่อยากทำอะไร เพื่อให้ผลลัพธ์ออกมาในเชิง

ACTIONเห็นด้วยมากกว่ายอมทำตามเพราะความเกรงใจ

ลองดูเกร็ดความรู้

KNOCKER UPPER

อาชีพสุดแปลกที่คอยปลุกคนทั้งเมือง

"ตื่นได้แล้วคุณผู้หญิง.."
"ตื่นๆ! ได้เวลาทำงานแล้ว!"

แต่แทนที่จะตื่นแค่คนเดียว เสียงปลุกกลับเผื่อแผ่ไปถึง
บ้านข้าง ๆ และอีกหลายหลังในระแวกนั้น ทำให้เพื่อน
บ้านออกมาร้องเรียนด้วยความไม่พอใจ

เหล่านักปลุกทั้งหลาย จึงพยายามเฟ้นหาวิธีกันอย่าง
ขันแข็ง จนกระทั่งพบหนทางที่ดูนุ่มนวลขึ้น

เวลาเป็นสิ่งมีค่าเสมอ..... พวกเขาเลือกใช้ 'ไม้ยาว' ซึ่งออกแบบมาสำหรับการ
ยิ่งตื่นไว ยิ่งได้ใช้เวลามาก เคาะเบา ๆ บนหน้าต่าง เอาแค่พอทำให้ผู้ว่าจ้างตื่น
เท่านั้น เคาะไปเรื่อย ๆ จนกว่าคนที่ต้องการปลุกจะ
โชคดีที่เรายังมี 'นาฬิกาปลุก' ส่งเสียงเตือน แต่ใครจะรู้ว่า เปิดหน้าต่างออกมา
ก่อนที่เจ้าสิ่งประดิษฐ์ชิ้นนี้จะกลายเป็นที่รู้จักนั้น ในอดีต
เคยมีอาชีพ 'นักปลุก' คอยให้บริการถึงหน้าบ้านด้วยนะ นอกจากการใช้ไม้ยาว ก็ยังมีการใช้ค้อน กระดิ่ง หรือ
แม้กระทั่งการยิงเมล็ดถั่วร่วมด้วยในกรณีที่หน้าต่างอยู่
ในปี 1760 เหตุการณ์เริ่มขึ้นเมื่อจู่ ๆ มนุษย์อยากจะลับ สูงเกินไป
สมองประลองปัญญา คิดนู่น ค้นนี่ จนเกิดการปรับเปลี่ยน
สังคมเข้าสู่ยุคปฏิวัติอุตสาหกรรมอย่างจริงจัง หลายคนอาจสงสัยว่า 'ถ้า Knocker upper ทำหน้าที่
ปลุกคนทั้งเมือง แล้วใครเป็นคนปลุกพวกเขา?'
แน่นอนว่าการใช้ชีวิตของผู้คนก็ต้องเปลี่ยนไป โดยเฉพาะ
ชนชั้นแรงงานและชาวบ้านตาสีตาสา จากเดิมที่ทำอาชีพ คำตอบคือ 'ไม่มี' เพราะเหล่านักรับจ้างปลุกจะตื่นใน
ปลูกพืช ขุดดิน กลายมาเป็นพนักงานตามโรงงานต่าง ๆ เวลากลางคืนเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการทำงาน หลัง
จากนั้นในตอนกลางวันก็จะหลับไหลรอค่ำคืนถัดไป
ต้องตื่นเช้า เข้างานให้ทันเวลา ตั้งหน้าตั้งตาทำหน้าที่ของ
ตน การเป็นนักปลุกดูเหมือนจะง่าย แต่ไม่ใช่กับทุกคน
เพราะบางครั้งพวกเขาก็ต้องปวดหัวกับผู้ว่าจ้างที่โน
ทว่าในศตวรรษที่ 19 นาฬิกาปลุกไม่ได้ถูกออกแบบมาให้ สนโนแคร์ ปลุกยังไงก็ไม่ตื่น ถึงขนาดโดนสาดน้ำไล่กัน
ใช้งานง่ายเลยสักนิด ทั้งเทอะทะ น้ำหนักมาก แถมยังมี เลยทีเดียว
ราคาแพง มีหรือที่คนธรรมดาจะเจียดเงินซื้อได้
เฮ้อ เจอลูกค้าแบบนี้ก็น่าหนักใจเหมือนกันนะ…
ด้วยเหตุนี้ ทางเลือกที่ถูกกว่าอย่างอาชีพ 'รับจ้างปลุก'
หรือ 'Knocker Upper' จึงได้ถือกำเนิดขึ้น อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่ปี 1940 นาฬิกาปลุกถูกพัฒนาจน
เริ่มแพร่หลายมากขึ้น ไม่นานหลังจากนั้น knocker
Knocker Upper โด่งดังมากในแถบอังกฤษตอนเหนือและ upper จึงค่อย ๆ เลือนหายไป เหลือเพียงภาพถ่ายที่
ไอร์แลนด์ บันทึกไว้ให้เราได้ชม

ในระยะแรกวิธีปลุกไม่ได้มีอะไรมากไปกว่าการเคาะ 'ก๊อก แม้ปัจจุบันจะไม่มีอาชีพสุดแปลกนี้อีกต่อไปแล้ว แต่
ก๊อก' ที่หน้าประตูของผู้ว่าจ้าง บ้างก็ใช้วิธีตะโกนหรือกด เมื่อเราได้ย้อนกลับมาดูอีกครั้ง ก็ทำให้ค้นพบเรื่องราว
กริ่งร่วมด้วย ต่าง ๆ ที่น่าสนใจมากมาย รวมถึงคำพูดที่ว่า 'เวลาเป็น
เงินเป็นทอง' ซึ่งอธิบายความเป็นนักปลุกได้อย่าง
แท้จริง

แล้วคุณล่ะ อยากลองใช้บริการ knocker upper ดูบ้าง
หรือเปล่า?

ลองดูเจอนี่

The Lobster
เดอะ ล็อบสเตอร์

ในโลกนี้ทุกคนต้องมีคู่... ท่ามกลางการพยายามเอาตัวรอดจากการกลายเป็ นสัตว์
นอกจากความโดดเดี่ยวที่มีแต่คนโสดเท่านั้นที่รู้ การ
กฎเหล็กที่ถูกตั้งขึ้นผ่านชุดความคิดแปลก แสร้งว่ารักทั้งที่ไม่รักเป็ นอีกหนึ่ งสิ่งที่หลายคนในเรื่ อง
ประหลาด ความโสดถือเป็นสิ่งผิดกฎหมาย ล้วนกระทำ การมีคู่ไม่ได้หมายถึงมีความรัก

ใครก็ตามที่ไร้คู่จะต้องถูกส่งตัวไปอยู่ใน แค่มี 'คุณสมบัติ' บางอย่างตรงกัน นั่นก็ถือว่าไปกันได้
โรงแรมเพื่อใช้เวลา 45 วันตามหาคู่ของตัว
เองให้เจอ หากพ้นเวลาและไม่สามารถหาคู่ได้ ...ชายขากะเผลกอยากได้คนรักที่ขากะเผลกเหมือนกัน
เหล่าคนโสดจะต้องกลายเป็น 'สัตว์' ที่เคย หญิงเลือดกำเดาก็อยากได้คนที่เลือดไหลตลอดเวลาเช่น
เลือกไว้ เดียวกับเธอ...

นี่คือภาพยนตร์ที่ดูแล้วต้องขมวดคิ้ว นิ่วหน้ า แน่นอนว่าในโลกความเป็นจริง ใคร ๆ ก็อยากได้คนที่มี
'The Lobster (2015) โสด เหงา เป็น อะไรสักอย่างเหมือนกันบ้าง แต่ 'ความเหมือน' ใน The
ล็อบสเตอร์ ' ผลงานแนวดิสโทเปียภายใต้ Lobster กลับเป็นปัจจัยที่มีผลต่อความรัก ผู้คนในเรื่อง
การกำกับของ Yorgos Lanthimos ซึ่งสร้าง ต่างยึดติดจนกลายเป็นวัตถุ ยอมทำทุกอย่างให้มี
ความย้อนแย้ง ประชดประชันได้อย่างลงตัว คุณสมบัติตรงกัน แม้ว่าจะต้องแกล้งทำ หลอกลวง หรือ
เรียกเสียงวิพากษ์วิจารณ์และถูกใจคอหนังจน ทำร้ายร่างกายของตัวเอง
ได้รับรางวัล Jury Prize
ถ้าไม่มีอะไรเหมือนกันเลย รักกันไม่ได้หรือ?
เรื่องราวดำเนินผ่านตัวเอกอย่าง 'เดวิด' ชาย
ที่ถูกคนรักทอดทิ้งและจะขอเป็ นล็อบสเตอร์ นี่คือคำถามที่ผุดขึ้นมาในหัว หากวันหนึ่งคู่รักไม่มีสิ่งที่
หากไร้คู่ รวมไปถึงตัวละครอื่น ๆ ที่แทบไม่ เหมือนกัน ละทิ้งคุณสมบัติที่เคยมี ก็ไม่ได้หมายความว่า
ได้มีการเอ่ยชื่อ ทว่าสามารถจดจำได้จาก จะต้องทอดทิ้ง และไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนตัวเองให้
ลักษณะพิเศษ ไม่ว่าจะเป็น ชายขากะเผลก, เหมือนกับอีกฝ่ายทั้งหมด เพราะความรักคือการเรียนรู้
ชายพูดไม่ชัด, หญิงสาวเลือดกำเดาไหล, และเข้าใจ ค่อย ๆ เติบโตไปพร้อมกัน
หญิงสาวไร้หัวใจ และหญิงสาวที่ชอบทานบิ
สกิตเนย อย่างไรก็ตาม The Lobster เปิดมุมมองให้เราได้เห็น
ความคิดของทั้งคนโสดและคนมีคู่ อันที่จริงแล้วไม่มี
พวกเขาทั้งหมดต้องมาใช้ชีวิตอยู่ในโรงแรม ฝ่ายใดผิดหรือถูก เพียงแต่ทุกคนมีโลกในอุดมคติที่แตก
เรียนรู้และเสาะหาคู่ขาที่เหมาะสม ต่างกัน ดังนั้นการโสดจึงไม่ควรเป็นภัยต่อใคร และการ
รักกันก็ไม่ควรมีปั จจัยเข้ามาเปลี่ยนแปลงจนต้องละทิ้ง
ตัวเอง

คุณล่ะ อยากมีคู่หรืออยู่เป็นโสด?
และถ้าต้องกลายเป็นสัตว์ คุณอยากเป็นสัตว์อะไร?

ลองดู Health

ยิ่งหายิ่งหลง

เหตุผลที่คนบางคน
หลงทางเก่งง

เคยมั้ย? ไปที่ไหนก็หลงทางอยู่เสมอ หาจุดหมายไม่เคย มีหลายเหตุผลที่ทำให้เราลืม หรือมีเซ้นส์ในเรื่อง
เจอ สุดท้ายยย...ก็ต้องพึ่งแผนที่ ทิศทางที่แย่ ไม่ว่าจะเป็น ปัญหาเรื่องความสนใจ ไม่
ใส่ใจเส้นทาง ปัญหาเรื่องความทรงจำ ก็เป็นปัจจัยที่
สำหรับยอดนักหลงทั้งหลายที่ต้องใช้ชีวิตแบบนึกทางไม่ ทำให้เราหลงทางได้
ออก บอกซอยไม่ถูก สงสัยไหมว่าทำไมเราหลงได้ขนาดนี้
หรืออาจเป็นเพราะอาการที่เรียกว่า 'DTD'
เพื่อเป็นการไขข้อข้องใจ ลองมาหาคำตอบไปพร้อมกันดี (developmental topographical disorientation)
กว่า ภาวะเสียการระลึกรู้ หรือ ภาวะไม่รู้ เป็นการสูญเสีย
ความสามารถในการรู้จำวัตถุ บุคคล เสียง รูปร่าง หรือ
ว่าด้วยเรื่อง 'ประสาทสัมผัสด้านทิศทาง' (sense of กลิ่น
direction)
Giuseppe Iaria นักประสาทวิทยาแห่งมหาวิทยาลัย
เวลาเราพูดถึงคนที่มีเซ้นส์ในด้านทิศทาง เราจะนึกภาพ Calgary ชี้แจงว่า DTD เป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้ผู้คน
คนที่สามารถไปไหนมาไหนได้โดยไม่ต้องพึ่งแผนที่ ซึ่งอัน หลงทางแม้ว่าพวกเขาจะรู้จักสถานที่นั้นเป็นอย่างดี
ที่จริงแล้วการมีความสามารถในลักษณะนี้ จะต้องอาศัย เนื่องจากบุคคลประเภทนี้จะไม่สามารถสร้างแผนภาพ
ทักษะบางอย่างเหมือนกันนะ ในหัวได้

Manu Madhav ผู้ช่วยศาสตราจารย์จากโรงเรียนด้าน นอกจากนี้ยังมีอีกหลายเงื่อนไขที่ทำให้สมองของเรา
วิศวกรรมชีวเวช และ Djavad Mowafaghian ผู้เชี่ยวชาญ ทำงานได้ไม่เต็มที่ เช่น ร่างกายเป็นอุปสรรคต่อการ
ด้านสุขภาพสมองจากมหาวิทยาลัยบริติชโคลัมเบีย ได้ จดจำเส้นทาง (ลองนึกภาพเวลาเราเมารถหรือน้ำในหู
ทำการศึกษาและอธิบายว่า ไม่เท่ากัน) ซึ่งทำให้เราไม่มีเวลาไปโฟกัสกับการจำได้
อย่างจริงจัง
"ในขณะที่เรากำลังคิดเรื่องทิศทาง สมองจะจำลอง
สถานการณ์ออกเป็นสองแบบ ได้แก่ อย่างไรก็ตามโอกาสที่จะหลงทางหรือลืมทางบ้างก็มี
กันทุกคน ไม่ใช่โรคที่ร้ายแรงอะไร เพียงแต่อาจจะ
1) การวาดแผนที่ คือการคิดภาพแผนที่ซึ่งอยู่รอบ ๆ ตัว ทำให้ใช้ชีวิตลำบากเป็นบางครั้งเท่านั้น
เราเป็นการมองภาพรวมคร่าว ๆ ของเส้นทาง
ที่แน่ ๆ ไม่ใช่แค่คุณหรอกนะ ที่เป็นสุดยอดนักหลงทาง
2) การกำหนดขอบเขต เป็นการเอาตัวเองเข้าไปอยู่ใน (แอดมินเองก็เช่นกัน)
แผนที่ และคิดภาพความเป็นไปได้ ตลอดจนการตัดสินใจ
เลือกเส้นทาง"

เมื่อประสาทสัมผัสด้านทิศทางเกิดขึ้น สมองจึงสั่งการให้
เราจดจำ ยิ่งไปกว่านั้นเขายังเพิ่มเติมอีกว่า ร่างกายของ
เรามีเซลล์พิเศษชนิดหนึ่งที่ทำงานร่วมกับสมอง หน้าที่
ของมันคือการเชื่อมโยงหรือทำให้เราฉุกคิดเกี่ยวกับสถาน
ที่ซึ่งอยู่ในความทรงจำของเรามาก่อน

แล้วทำไมบางครั้งเราถึงนึกไม่ออกล่ะ?

WORDPRESS ส่วนตัว

Noeishare

ในวันที่รู้สึกแย่ แต่อาหารก็ยังน่ากิน
‘เธอ’ ผู้ส่งต่อเสียงบำบัดด้วยฟั นกับลิ้น

JIN A

SMR

พอมาทำเองแล้วต่างจากที่คิดไว้บ้างไหม

เมื่อไม่นานมานี้ เราได้ทำการพูดคุยกับ “แนน – “ก็ต่างนะ คือมันไม่ใช่แค่ว่าเรากินเรื่อยเปื่ อยแล้วคนจะมา
จินดารัตน์ สิทธิรส” หรือเจ้าของช่อง “JIN ดู ต้องคิดคอนเทนท์ตลอดว่าวันนี้จะกินอะไร จะทำแบบ
ASMR” ยูทูบเบอร์ที่นำเสนอการกินในรูปแบบของ ไหนถึงจะถูกใจคนดู อาหารอะไรให้เสียงแบบไหนบ้าง คิด
‘เสียงบำบัด’ ได้อย่างน่าสนใจ ว่าตรงนี้สำคัญมากเลย เราต้องทำการบ้านโดยการไปดู
ตลอดว่าตอนนี้เขาชอบฟังเสียงอะไร บางวันอาจจะเป็น
ASMR ย่อมาจาก autonomous sensory หมึกย่างที่ให้เสียงกรึบ ๆ บางวันก็อาจจะเป็นไก่ทอดกรุบ
meridian response แปลง่าย ๆ ว่า ความรู้สึกที่ถูก กรอบ”
บำบัดด้วยเสียงกระซิบ หรือเสียงที่มากระทบ
ประสาทสัมผัสแล้วทำให้เกิดความผ่อนคลาย สำหรับแนนอะไรคือสิ่งสำคัญในการทำช่อง

การทำ ASMR ยังคงเป็นกระเเสอย่างต่อเนื่องใน “ถ้าพูดกันตรง ๆ ยอดเข้าชมมันก็สำคัญแหละ เพราะมัน
ปัจจุบัน แนนเองก็เป็นหนึ่งในผู้นำเทรนด์เหล่านั้น ทำให้เราฮึดได้ แต่มีอีกสิ่งหนึ่งที่ถ้าเราไม่มีมาตั้งแต่แรก เรา
ลองมาทำความรู้จักกับเธอในฐานะผู้ส่งต่อเสียงผ่าน คงเลิกทำไปแล้ว มันคือ ความสุข จากการได้ทำอะไรที่เรา
การ “กิน” ไปพร้อมกันดีกว่า ชอบ ถ้าเรากินแล้วไม่มีความสุข หรือทำในสิ่งที่เราไม่แฮปปี้
มันก็ไม่มีความหมาย เราจะไม่มีแพชชั่นในการทำต่อ
แน่นอน ดังนั้นสำหรับเรานะ ถ้าจะทำช่องก็ต้องมีความสุข
ก่อนเลย”

ลองเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับสิ่งที่ทำให้เราฟั งสักนิด

“เราทำช่อง JIN ASMR ในยูทูบ เป็นช่องเกี่ยวกับ อยากฝากอะไรถึงคนอ่านหรือเปล่า
การกิน เป็นการกินให้ได้ยินเสียงเพื่อให้คนฟังรู้สึก
ดี ถ้าคนชอบก็จะชอบเลย ถ้าคนไม่ชอบก็อาจจะ “เราเป็ นแค่คนธรรมดาคนหนึ่ งที่กล้าออกจากเซฟโซน
รู้สึกแปลก ๆ บ้าง ก็จะเป็นการกินนู่นกินนี่ ตั้งแต่ เพราะชีวิตจริงเราไม่ได้กล้าแสดงออกอะไรขนาดนั้น แต่เรา
ของคาวไปจนถึงของหวาน” อยากจะบอกทุกคนว่าการได้ทำในสิ่งที่ชอบมันดีมากเลยนะ”

อะไรเป็ นจุดเริ่มต้นให้มาทำ ASMR “ไม่ต้องไปกังวลว่าใครจะคิดยังไงหรอก แค่ทำในสิ่งที่เรามี
ความสุขก็พอ”
“ตอนแรกเลยเป็นเพราะเราอยู่ว่าง ๆ ที่บ้าน รู้สึก
เบื่อ แล้วเทรนด์ ASMR มาแรงพอดี เราก็เลยลอง ความคิดของแนนทำให้เราเห็นแง่มุมต่าง ๆ มากมาย
ทำ ไหน ๆ เราก็ชอบกินอยู่แล้ว คิดว่าไม่เสียหาย ทั้งการกล้าคิด กล้าทำ มองข้ามสายตาของคนอื่นเพื่อ
(หัวเราะ) ทำไปทำไมดันสนุกกว่าที่คิด มีคนมาตาม ทำในสิ่งที่ชอบ noeishare ก็ขอเป็ นอีกหนึ่งเสียงที่
ดู ตามคอนเมนต์ เรายิ่งมีกำลังใจทำต่อ” สนั บสนุนให้ทุกคนได้ลองทำในสิ่งที่ชอบเช่นกัน

Thank you

[email protected]
099-453-3323


Click to View FlipBook Version