The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

นิตยสาร MDC Health ฉบับเดือนสิงหาคม ได้จัดพิมพ์ขึ้นเพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติ เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 7 รอบ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ 12 สิงหาคม 2559 ในทุกปี คลินิกศูนย์แพทย์พัฒนาได้จัดกิจกรรมทางสุขภาพเพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแก่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ โดยปีนี้ในวันที่ 12 สิงหาคม ทางคลินิกฯ ได้มีการจัดกิจกรรมในการตรวจสุขภาพทั่วไปและให้คำปรึกษาสุขภาพในด้านต่าง ๆ กิจกรรมทั้งหมดให้บริการแก่ประชาชนโดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย กิจกรรมสุขภาพจัดเป็นประจำทุกปีในวันที่ 12 สิงหาคม และ 5 ธันวาคม ซึ่งกิจกรรมในแต่ละครั้งก็จะแตกต่างกันไป ขอเรียนเชิญผู้สนใจเข้าร่วมกิจกรรม ณ คลินิกศูนย์แพทย์พัฒนาได้ในช่วงเช้าของวันดังกล่าว

อนึ่ง MDC Health magazine ในฉบับนี้ซึ่งเป็นเดือนของวันแม่ ความเป็นแม่ย่อมมุ่งหวังที่จะฟูมฟักลูกน้อย อุ้มชูเลี้ยงดูอย่างทะนุถนอมจนเติบใหญ่ การวางรากฐานชีวิตและสุขภาพ รวมทั้งส่งเสริมการพัฒนาการของลูกอย่างเหมาะสม เพื่อการเจริญเติบโตของลูกให้สมบูรณ์ทั้งกายและใจ นิตยสารฉบับนี้จึงได้เลือกสรรบทความที่น่าสนใจจากแพทย์และผู้เชี่ยวชาญ ในการให้ความรู้ความเข้าใจในการดูแลเด็กในด้านต่าง ๆ ยกตัวอย่างเช่น โภชนาการที่เหมาะสมในเด็กแต่ละวัย วัคซีนในเด็ก ภาวะหนุ่ม-สาวก่อนวัย เด็กตาเขตาเหล่ การดูแลฟันในช่วงเด็ก รวมทั้งสิ่งที่ควรรู้ด้านจิตเวชในเด็ก สัตตลักษณ์เด็กเจเนอเรชั่นอัลฟ่าและเมื่อลูกพูดช้า เป็นต้น อันจะเป็นสาระประโยชน์แก่ท่านทั้งหลาย ใน MDC Health magazine ฉบับที่ 2 “รู้เพื่อสุขภาพลูกรัก”

รองศาสตราจารย์ นายแพทย์สาธิต โหตระกิตย์
กรรมการผู้อำนวยการคลินิกศูนย์แพทย์พัฒนา

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search

นิตยสาร MDC Health คลินิกศูนย์แพทย์พัฒนา ฉบับที่ 2 เดือนสิงหาคม 2559 : รู้เพื่อสุขภาพลูกรัก

นิตยสาร MDC Health ฉบับเดือนสิงหาคม ได้จัดพิมพ์ขึ้นเพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติ เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 7 รอบ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ 12 สิงหาคม 2559 ในทุกปี คลินิกศูนย์แพทย์พัฒนาได้จัดกิจกรรมทางสุขภาพเพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแก่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ โดยปีนี้ในวันที่ 12 สิงหาคม ทางคลินิกฯ ได้มีการจัดกิจกรรมในการตรวจสุขภาพทั่วไปและให้คำปรึกษาสุขภาพในด้านต่าง ๆ กิจกรรมทั้งหมดให้บริการแก่ประชาชนโดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย กิจกรรมสุขภาพจัดเป็นประจำทุกปีในวันที่ 12 สิงหาคม และ 5 ธันวาคม ซึ่งกิจกรรมในแต่ละครั้งก็จะแตกต่างกันไป ขอเรียนเชิญผู้สนใจเข้าร่วมกิจกรรม ณ คลินิกศูนย์แพทย์พัฒนาได้ในช่วงเช้าของวันดังกล่าว

อนึ่ง MDC Health magazine ในฉบับนี้ซึ่งเป็นเดือนของวันแม่ ความเป็นแม่ย่อมมุ่งหวังที่จะฟูมฟักลูกน้อย อุ้มชูเลี้ยงดูอย่างทะนุถนอมจนเติบใหญ่ การวางรากฐานชีวิตและสุขภาพ รวมทั้งส่งเสริมการพัฒนาการของลูกอย่างเหมาะสม เพื่อการเจริญเติบโตของลูกให้สมบูรณ์ทั้งกายและใจ นิตยสารฉบับนี้จึงได้เลือกสรรบทความที่น่าสนใจจากแพทย์และผู้เชี่ยวชาญ ในการให้ความรู้ความเข้าใจในการดูแลเด็กในด้านต่าง ๆ ยกตัวอย่างเช่น โภชนาการที่เหมาะสมในเด็กแต่ละวัย วัคซีนในเด็ก ภาวะหนุ่ม-สาวก่อนวัย เด็กตาเขตาเหล่ การดูแลฟันในช่วงเด็ก รวมทั้งสิ่งที่ควรรู้ด้านจิตเวชในเด็ก สัตตลักษณ์เด็กเจเนอเรชั่นอัลฟ่าและเมื่อลูกพูดช้า เป็นต้น อันจะเป็นสาระประโยชน์แก่ท่านทั้งหลาย ใน MDC Health magazine ฉบับที่ 2 “รู้เพื่อสุขภาพลูกรัก”

รองศาสตราจารย์ นายแพทย์สาธิต โหตระกิตย์
กรรมการผู้อำนวยการคลินิกศูนย์แพทย์พัฒนา

Keywords: สุขภาพลูกรัก,สุขภาพเด็ก

Cรเู้hพilือ่drสeขุ nภ’sาพHลeaกู lรthกั Issue

ฉบบั ท่ี 2 ปท ่ี 1 เดอื นสงิ หาคม 2559 ISSN 2465-4841

www.md-center.org

รเู้ พ่ือสขุ ภาพลกู รกั

Children’s Health Issue

ฉบบั ที่ 2 ปที ่ี 1 เดอื นสิงหาคม 2559 ISSN 2465-4841

๗ รอบพระชันษา ราชินีอาเศียรวาท

(กาพยย์ านี ๑๑)

๐ เคยี งรัฐเคียงฉัตรชาต ิ และเคียงราษฎรเ์ คียงราชันย์
เคียงคพู่ ระจอมขวัญ เสดจ็ ฯ ท่ัวแผน่ ดินทอง
๐ สบื ศลิ ป์แผน่ ดินสาน เผดิมงานเพือ่ ไทยผอง
สถิตในหัวใจครอง ทวยราษฎร์ล้วนสดุดี
๐ เจด็ รอบนกั ษัตรถว้ น สิรลิ ว้ นเฉลมิ ศรี
เฉลิมชนมร์ าชนิ ี ขอทรงพระเจริญ เทอญฯ

ผู้ประพันธ์ : พลเอกนายแพทย์วทญั ญู ปรัชญานนท์
ในนามของคลินิกศนู ย์แพทย์พัฒนา บรษิ ทั บา้ นบงึ เวชกจิ จำ�กดั



สารกรรมการผูอ้ ำ�นวยการ

MDC Health magazine

ทป่ี รกึ ษากติ ติมศักด์ิ

ดร.จิรายุ อศิ รางกรู ณ อยธุ ยา
ศ.เกยี รติยศ นพ.สงคราม ทรพั ยเ์ จรญิ
พล.ท.นพ.เชิดชัย เจียมไชยศร ี
พล.ท.ทพ.ทวีศักด์ิ ทวีศร ี

ที่ปรกึ ษา
นิตยสาร MDC Health ฉบบั เดอื นสิงหาคม ได้จดั พมิ พข์ นึ้ เพื่อ
เปน็ การเฉลมิ พระเกยี รตเิ นอ่ื งในโอกาสมหามงคลเฉลมิ พระชนมพรรษา 7 รศ.นพ.สาธิต โหตระกิตย์
รอบสมเดจ็ พระนางเจ้าสิรกิ ิต์ิ พระบรมราชนิ ีนาถ 12 สงิ หาคม 2559 รศ.นพ.สรนติ ศิลธรรม
ในทุกปีคลินิกศูนย์แพทย์พัฒนาได้จัดกิจกรรมทางสุขภาพเพื่อถวายเป็น พล.อ.นพ.วทัญญู ปรชั ญานนท์
พระราชกศุ ลแดส่ มเดจ็ พระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ โดยปนี ีใ้ นวนั พล.ท.นพ.มาโนชญ์ จนั ทรศร
ที่ 12 สิงหาคม ทางคลนิ ิกฯ ไดม้ ีการจดั กจิ กรรม ในการตรวจสขุ ภาพ นพ.ยิ่งศักด์ิ ศุภนิตยานนท์
ท่ัวไปและให้ค�ำ ปรึกษาสขุ ภาพในด้านต่างๆ กจิ กรรมทั้งหมดใหบ้ ริการ นางสปุ าณี ธรานนท ์
แกป่ ระชาชนโดยไมต่ อ้ งเสยี คา่ ใชจ้ า่ ย กจิ กรรมสขุ ภาพจดั เปน็ ประจ�ำ ทกุ ปีใน
วันที่ 12 สิงหาคม และ 5 ธนั วาคม ซึ่งกจิ กรรมในแต่ละครงั้ กจ็ ะแตก บรรณาธกิ าร
ตา่ งกันไป ขอเรยี นเชิญผูส้ นใจเข้ารว่ มกิจกรรม ณ คลินิกศนู ยแ์ พทย์
พัฒนาไดใ้ นชว่ งเช้าของวันดังกลา่ ว ศ.คลนิ กิ เกียรตคิ ุณ
อนง่ึ MDC health magazine ในฉบบั นซ้ี ง่ึ เปน็ เดอื นของ ทพญ.ดร.ธรี ลกั ษณ์ สทุ ธเสถยี ร
วนั แม่ ความเปน็ แมย่ อ่ มมงุ่ หวงั ทจ่ี ะฟมู ฟกั ลกู นอ้ ย อมุ้ ชเู ลย้ี งดอู ยา่ ง
ทะนถุ นอมจนเตบิ ใหญ่ การวางรากฐานชวี ติ และสขุ ภาพ รวมทง้ั สง่ เสรมิ คณะบรรณาธกิ าร
การพัฒนาการของลูกอย่างเหมาะสม เพื่อการเจริญเติบโตของลูกให้ พล.ต.นพ.กนธีร์ สงั ขวาสี
สมบรู ณท์ ง้ั กายและใจ นติ ยสารฉบบั นจ้ี งึ ไดเ้ ลอื กสรรบทความทน่ี า่ สนใจ พญ.กิ่งกาญจน์ เตมิ สิร ิ
จากแพทยแ์ ละผมู้ คี วามเชย่ี วชาญ ในการใหค้ วามรคู้ วามเขา้ ใจในการดแู ล พ.ต.อ.นพ.ค�ำ นูณ อธภิ าส
เดก็ ในดา้ นตา่ งๆ ยกตวั อยา่ งเชน่ โภชนาการทเ่ี หมาะสมในเดก็ แตล่ ะวยั นพ.ประเสรฐิ พิมลแสงสุริยา
วคั ซนี ในเดก็ ภาวะหนมุ่ -สาวกอ่ นวยั เดก็ ตาเขตาเหล ่ การดแู ลฟนั ในชว่ ง นพ.ปกรณ์ โลห่ ์เลขา
เดก็ รวมทง้ั สง่ิ ทค่ี วรรดู้ า้ นจติ เวชในเดก็ สตั ตลกั ษณเ์ ดก็ เจเนอเรชน่ั อลั ฟา่ ศ.พญ.พูนสขุ จิตรนุสนธิ์
และเมอ่ื ลกู พดู ชา้ เปน็ ตน้ อนั จะเปน็ สาระประโยชนแ์ กท่ า่ นทง้ั หลาย ใน พล.อ.นพ.ภูษติ รตั นธรรม
MDC Health magazine ฉบบั ท่ี 2 “รเู้ พอ่ื สขุ ภาพลกู รกั ” ผศ.พญ.รววิ รรณ นิวาตพนั ธ ์ุ
พญ.วญิ ญารตั น์ ตันศิริ
รองศาสตราจารย์ นายแพทย์สาธิต โหตระกติ ย์ พล.ร.ท.นพ.วิเชียร นาวนิ พพิ ัฒน์
กรรมการผอู้ �ำ นวยการคลนิ กิ ศนู ย์แพทยพ์ ฒั นา น.ต.นพ.วทิ ยา บญุ ยะทรพั ย์
รศ.นพ.สมชาย เอ้ือรัตนวงศ์
นพ.สมพร วงศ์อมรธรรม
นพ.สรุ พงษ์ รัชตภูษติ
พล.อ.ทพ.อภศิ กั ดิ์ จงรักษ์
ศ.พญ.อารรี ตั น์ สุพทุ ธิธาดา
นพ.โอรส ทรัพย์เจรญิ
นางสาวจรี ภา อิทธิปญั ญากลุ
นางสาวเนจก์หทฒั บัวตบ๊ิ
นางสาวพรพรรษา อาลยั ญาติ
นางสาวพิมพ์นภิ า ปติ พิ ันธรัตน์
นางสาวภัทรา เศวตมกุ ดา
นางสาววรรษมน ม่วงประเสรฐิ

เลขานุการคณะบรรณาธิการ

นางสาวนงคน์ ุช รตั นค�ำ

ออกแบบ/แยกสี/พมิ พท์ ่ี
บริษัท ไซเบอรพ์ ริน้ ทก์ รปุ๊ จำ�กัด
โทร 02-6419135-8

6 มารู้จัก “คลินิกศูนย์แพทย์พัฒนา” กนั เถอะ 48 ภาวะนอนกรนและหยุดหายใจขณะ
“คลนิ ิกกมุ ารเวช” หลับในเด็ก
น.ต.นพ.วทิ ยา บญุ ยะทรพั ย์ พญ.อศุ นา พรหมโยธิน

15 สัตตลักษณ์ เดก็ เจเนอเรชัน่ อลั ฟากบั ยคุ IT 52 รับมอื กับไขห้ วัดใหญ่
รศ.นพ.สรุ ยิ เดว ทรีปาตี นพ.สมบูรณ์ จนั ทรส์ กุลพร

19 โภชนาการท่ีเหมาะสมส�ำ หรบั “ลูกรัก” 56 ใชย้ าทกุ คร้ัง ตอ้ งใชอ้ ยา่ งสมเหตผุ ล
นางอญั ญาณี อศิ รางกรู ณ อยุธยา
โดยเฉพาะในเดก็
23 วคั ซีนเดก็ ไทย
พญ.รงั สิมา โล่ห์เลขา ผศ.นพ.พสิ นธิ์ จงตระกลู

28 เม่อื ลกู พดู ชา้ 60 การป้องกนั โรคภูมิแพ้
พญ.ชาครยิ า ธรี เนตร รศ.พญ.ชลีรตั น์ ดิเรกวัฒนชยั

35 เกร็ดความร้เู กี่ยวกบั ภาวะเป็นหนมุ่ สาว 64 มารู้จักผ่นื Atopic กันเถอะ
กอ่ นวยั พญ.เตมิ แสง ศรีสุวรรณภรณ ์
นพ.ชลนั ธร ปรียาสมบัติ
66 ภาวะโลหิตจางในเด็ก
39 จิตเวช ปญั หาเสย่ี งในวยั เด็ก พญ.ประไพศรี วงษ์ศริ ิ
พญ.เพยี งทิพย์ หงั สพฤกษ์
72 เดก็ กบั โรคระบบทางเดนิ หายใจ
42 ลูกน้อยฟนั ด.ี ..เริม่ ที่ซี่แรก พญ.นวลจนั ทร์ ปราบพาล
พันโท ทพญ.ศุทธษิ า แตบ่ รรพกุล

46 ตาเข ตาเหลใ่ นเด็ก
พญ.รตั ยิ า พรชัยสรุ ยี ์

76 สรา้ งเสริมสุขภาพ และพฒั นาการของเด็ก

แรกเกดิ -5 ปี ในชมุ ชน

นางสาวกิติมา ทรงประกอบ

80 ภาพกจิ กรรมคลนิ ิกศูนย์แพทย์พฒั นา

84 ความภาคภูมิใจของคลินกิ ศนู ย์แพทยพ์ ฒั นา

85 ขา่ วสารคลินกิ ศูนย์แพทยพ์ ัฒนา

มารู้จัก “คลินกิ ศนู ย์แพทยพ์ ัฒนา” กนั เถอะ
“คลนิ กิ กุมารเวช”

ตรวจรักษาราษฎรในชุมชนคลองลาดพร้าว และคลอง
พลับพลา ตลอดจนชุมชนที่อยู่ใกล้เคียง และทรงพระ
กรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานทุนทรัพย์
ส่วนพระองค์ จดั ตงั้ เป็น บรษิ ทั บา้ นบึงเวชกิจ จ�ำ กัด เมอ่ื
วนั ท่ี 2 พฤษภาคม 2534 พรอ้ มทง้ั สรา้ งอาคาร 4 ชน้ั เปน็
สถานพยาบาลบนพ้ืนท่ีดินของสำ�นักงานทรัพย์สินส่วน
พระมหากษัตริย์ ประมาณ 10 ไร่ และพระราชทานนาม
วา่ “ศูนย์แพทย์พฒั นา” โดยไดท้ รงพระราชทาน พระ
ราโชบายไว้ 2 ข้อ
1.) ทำ�การรกั ษาประชาชนทว่ั ไป โดยเครอ่ื งมือท่ี
ทนั สมยั โดยแพทย์ผู้เชีย่ วชาญ
2.) มกี ารบริหารจดั การทม่ี ีประสทิ ธิภาพ โดยไม่
มงุ่ แสวงหาก�ำ ไร
คลินกิ ศูนยแ์ พทยพ์ ัฒนา ไดใ้ หบ้ รกิ ารรักษาโรคท่ี
หลากหลายทง้ั โรคทว่ั ไปและโรคเฉพาะทาง โดยไมร่ บั ผปู้ ว่ ย
นาวาตรีนายแพทยว์ ทิ ยา บญุ ยะทรพั ย์ ค้างคืน “จัดเป็นสถานพยาบาล ประเภทไม่รับผู้ป่วยไว้

แพทย์หวั หนา้ แผนกกมุ ารเวช ค้างคืน” เปิดให้บริการตั้งแต่เวลา 08.00 – 20.00 น.
ทุกวัน โดยไม่มีวันหยุด ทางคลินิกศูนย์แพทย์พัฒนาจะ
คลนิ ิกศนู ย์แพทย์พฒั นา เปดิ ใหบ้ ริการอย่าง ปดิ ให้บรกิ ารเฉพาะเทศกาลส�ำ คัญ คอื เทศกาลปใี หมแ่ ละ
เป็นทางการ เมอ่ื วันที่ 5 ธนั วาคม 2535 โดยถือเอา เทศกาลสงกรานต์เทา่ น้นั
วันคล้ายวันเฉลิมพระชนมพรรษาของพระบาทสมเด็จ ในส่วนของแผนกกมุ ารเวชกรรม ปจั จุบนั ตั้งอยู่
พระเจา้ อยหู่ ัวเป็นวนั มงคล ปฐมฤกษ์ แหง่ การเรมิ่ ต้น บนชนั้ 2 อาคารราชเวชชาคาร ใกลก้ ับแผนกอายรุ กรรม
ของคลินิกฯ และเสด็จพระราชด�ำ เนิน เพือ่ ทรงเจิมแผน่ 2 และแผนกตรวจสขุ ภาพ ไดม้ ีความเปน็ มาและขยายตัว
ศิลาฤกษจ์ ำ�ลอง ณ คลนิ ิกศนู ย์แพทย์พัฒนา ในวนั ท่ี 29 เติบโตขน้ึ มา รว่ มกบั แผนกอ่ืนๆ
กันยายน 2541 โดยมขี ้อมูลจาก นติ ยสาร MDC Health โดยแรกเร่ิมเดิมที แผนกกุมารเวชกรรม ยังไมไ่ ด้
ในฉบบั ที่ 1 เดอื นมถิ นุ ายน 2559 ท่กี ล่าวถงึ ทม่ี าของ แยกตัวออกมาเป็นแผนกกมุ ารเวชโดยเอกเทศ คงรวมอยู่
คลินกิ ศนู ย์แพทยพ์ ฒั นา กบั แผนกสตู นิ รเี วชและอายรุ กรรม ในชน้ั 1 ของอาคารบวร
เร่ิมข้ึนจากพระราชปณิธานที่โปรดให้พัฒนาพื้นท่ี เวชรักษ์ ซึ่งกุมารแพทย์ที่มาช่วยออกตรวจในช่วง พ.ศ.
บรเิ วณบึงพระราม 9 เพอ่ื ชว่ ยเหลอื ราษฎรบริเวณคลอง 2545 ไดแ้ ก่ พญ.สุกญั ญา รุง่ ธนาภิรมย์ ซึง่ ออกตรวจใน
ลาดพร้าว และคลองพลบั พลา ซึ่งประสบภาวะน้�ำ ท่วม เวลาราชการ คือ วนั จนั ทร์-วนั ศกุ ร์ หยุดวันเสาร-์ อาทติ ย์
อยู่เป็นประจำ�โดยพระองค์ได้ทรงพระราชทานโฉนดที่ดิน และนอกเวลาราชการ ไดม้ ี ศ.คลนิ กิ พเิ ศษ นพ.เสรี ตจู้ นิ ดา
ของสำ�นักงานทรพั ย์สนิ สว่ นพระมหากษตั รยิ ์ เพอื่ ให้ขุด (อดีตผู้อำ�นวยการโรงพยาบาลเด็ก หรือสถาบันสุขภาพ
บอ่ ขึน้ ท�ำ เปน็ บงึ พระราม 9 และยงั บ�ำ บดั น้ำ�ทเ่ี นา่ เสยี จาก เดก็ มหาราชนิ ีในปจั จบุ นั ) นพ.จนิ ต์ เจียมประภา (แพทย์
คลองลาดพร้าว แลว้ ระบายน้�ำ ท่ดี ผี ่านการบำ�บัดแลว้ กลับ ในส�ำ นกั พระราชวงั ) พญ.ขนษิ ฐา สรุ ยิ จ์ ามร มาช่วยตรวจ
คนื ลงสคู่ ลองต่อไป ตอ่ มาไดท้ รงทราบถงึ ความทุกขย์ าก ด้วย
ของราษฎรในบริเวณน้ี ในการเขา้ ถึงบรกิ ารทางการแพทย์ ซึ่งในระยะแรก กุมารแพทย์ ที่กล่าวนามมา
เนื่องจากอยูห่ า่ งไกลจากโรงพยาบาลของรัฐ (โรงพยาบาล ทงั้ หมดข้างตน้ นี้ จะตรวจรักษาผปู้ ่วยเด็กและผู้ปว่ ยทัว่ ไป
ราชวิถี และโรงพยาบาลนพรตั น์) รวมทัง้ ไมม่ ีทางสญั จรท่ี รวมถงึ ตรวจสขุ ภาพประจ�ำ ปีด้วย
เป็นทางรถยนต์ (สมัยนน้ั ยังไมม่ ถี นนประดษิ ฐม์ นธู รรม) มี ต่อมาในเดือนมีนาคม พ.ศ. 2546 ทางบริษัท
แตท่ างน้�ำ จงึ มีพระราชด�ำ ริให้จัดต้ังคลินกิ ขนึ้ เพ่ือใหก้ าร บา้ นบงึ เวชกจิ จำ�กัด ได้แต่งต้ัง คณุ กรองสญิ จน์ กนษิ ฐสุต
รกั ษาพยาบาลแกช่ มุ ชนตา่ งๆ ในบริเวณนี้ โดยใหแ้ พทย์ เป็นกรรมการผู้จัดการ และคณุ สิรกิ ารย์ ฐากลุ อิสรีย์ เป็น
ผเู้ ชย่ี วชาญ อันได้แก่ แพทย์ประจำ�พระองคท์ ต่ี ามเสด็จ หวั หน้าพยาบาลประจำ�คลนิ ิกศนู ยแ์ พทย์พฒั นา ซึง่ ทา่ น
เวลาแปรพระราชฐาน เยย่ี มราษฎรในต่างจงั หวัด มาช่วย

A6ugust 2016

ก็ไดช้ ่วยบรหิ ารจดั การในด้านของบุคลากร การจดั อบรม
และอุปกรณ์ทางการแพทย์ รวมถงึ เครอื่ งมอื เครอ่ื งใช้ใน
การกู้ชีพฉุกเฉนิ และเคร่ืองพน่ ละอองฝอยส�ำ หรับคนไข้
เดก็ เปน็ ผลใหจ้ �ำ นวนบุคลากรได้เพม่ิ มากข้ึนจนเพียงพอ
ตอ่ การใหบ้ ริการแกผ่ ู้ป่วย
ในปี พ.ศ. 2548 เนื่องจากจำ�นวนผู้ป่วยที่มารับ
บริการเพมิ่ มากขน้ึ อย่างรวดเรว็ ทางผบู้ ริหารจงึ เหน็ ความ
จ�ำ เปน็ ทจ่ี ะตอ้ งเพม่ิ พน้ื ทใ่ี นการใหบ้ รกิ าร เพอ่ื รองรบั ปรมิ าณ
ผู้มาใช้บริการ จึงได้ปรับปรุงพื้นที่บริเวณ ชั้น 3 ของ
อาคารบวรเวชรักษ์ ให้เป็นแผนกสูตินรีเวช และกุมาร
เวชกรรม โดยมหี อ้ งตรวจแผนกกมุ ารเวช โดยเฉพาะ 3 หอ้ ง
และหอ้ งให้การบ�ำ บดั รักษาอกี 1 ห้อง
และไดแ้ ตง่ ตง้ั ให้ ศ.เกยี รตคิ ณุ นพ.วนิ ยั สวุ ตั ถี ซง่ึ เปน็ กมุ ารแพทยผ์ เู้ ชย่ี วชาญทางดา้ นโลหติ วทิ ยา เปน็ หวั หนา้
แผนกกมุ ารเวช และคณุ แจม่ จนั ทร์ ทพิ ยเศวต เปน็ หวั หนา้ พยาบาลแผนกกมุ ารเวช บนชน้ั 3 ของอาคารบวรเวชรกั ษน์ น้ั
นอกจากแผนกกมุ ารเวชแลว้ ยงั มแี ผนกสตู นิ รเี วชกรรม ซง่ึ รวมอยใู่ นหนว่ ยเดยี วกนั กบั แผนกกมุ ารเวช และมแี ผนกไตเทยี ม
แผนกจกั ษุ แผนกประสาทวทิ ยา แยกกนั อยบู่ นชน้ั ท่ี 3 ในชว่ งปี พ.ศ. 2548 ไดม้ กี มุ ารแพทย์ มาชว่ ยตรวจในเวลาราชการ
อกี 3 ทา่ น คือ พญ.พรพรรณ พิมลศานต์ิ นพ.สรุ เดช คงคาสวุ รรณ และ นพ.พวิ ฒั น์ โปษยานนท์ และไดม้ ีกุมารแพทย์
เฉพาะทางมาช่วยตรวจเพิ่มขึ้น ตามลำ�ดับไดแ้ ก่ รศ.พญ.ชลรี ตั น์ ดเิ รกวฒั นชยั พญ.เบญจา อาศนะเสน มาชว่ ยดแู ลผู้
ปว่ ยทางดา้ นโรคภมู แิ พ้ ศ.เกยี รตคิ ณุ พญ.สจุ ติ รา วรี วรรณ มาชว่ ยดแู ลผปู้ ว่ ยทางดา้ นโรคผวิ หนงั พญ.นวลจนั ทร์ ปราบพาล
มาชว่ ยดแู ลผปู้ ว่ ยทางดา้ นโรคระบบทางเดนิ หายใจ พญ.ชาครยิ า ธรี เนตร มาชว่ ยดแู ลผปู้ ว่ ยทางดา้ นโรคพฒั นาการและ
พฤตกิ รรม พญ.เพยี งทพิ ย์ หงั สพฤกษ์ มาชว่ ยดแู ลผปู้ ว่ ยทางดา้ นโรคจติ เวช

7

ตอ่ มา ในวนั ท่ี 1 กนั ยายน 2549 ทางคลนิ กิ ศนู ยแ์ พทยพ์ ฒั นาไดบ้ คุ ลากรทม่ี คี วามส�ำ คญั ตอ่ คลนิ กิ ฯ มารว่ มงาน
อกี 1 ทา่ น คอื ศาสตราจารยค์ ลนิ กิ เกยี รตคิ ณุ นพ.เหลอื พร ปณุ ณกนั ต์ มาเปน็ ผอู้ �ำ นวยการของคลนิ กิ ฯ และในปี พ.ศ. 2552
ได้ พล.อ.นพ.อสิ สระชยั จลุ โมกข์ มาเปน็ รองผอู้ �ำ นวยการ
ในวันท่ี 23 มีนาคม 2554 ทางคลนิ ิกศนู ย์แพทย์พฒั นาไดเ้ ปดิ ใช้อาคารท่ี 2 คือ อาคารราชเวชชาคาร แผนก
กุมารเวช จึงได้ย้ายจากชั้น 3 ของอาคารบวรเวชรักษ์ มาอยู่บนชั้น 2 ของอาคารราชเวชชาคาร และได้แต่งตั้ง
พญ.สกุ ญั ญา รงุ่ ธนาภริ มย์ เปน็ หวั หนา้ แผนกกมุ ารเวช ตอ่ จาก ศ.เกยี รตคิ ณุ นพ.วนิ ยั สวุ ตั ถี และตอ่ มาในปี พ.ศ. 2558
ไดแ้ ตง่ ตง้ั รศ.พญ.ชลรี ตั น์ ดเิ รกวฒั นชยั เปน็ หวั หนา้ แผนกกมุ ารเวช จนถงึ เดอื นมนี าคม 2559 นพ.วทิ ยา บญุ ยะทรพั ย์ ไดม้ า
ทำ�หน้าทีต่ อ่ จาก รศ.พญ.ชลีรัตน์ ดเิ รกวฒั นชยั
เมอ่ื แผนกกมุ ารเวชกรรม มาเปดิ ใหบ้ รกิ ารบนชน้ั 2 ของอาคารใหมน่ ้ี ไดข้ ยายตวั เตบิ โตขน้ึ มาก โดยมี หอ้ งตรวจ
ทง้ั สน้ิ 6 หอ้ งตรวจ หอ้ งเลน่ สง่ เสรมิ พฒั นาการ 1 หอ้ ง หอ้ งฝกึ พดู ฝกึ พฒั นาการ 1 หอ้ ง หอ้ งใหบ้ รกิ ารพยาบาล 1 หอ้ ง
หอ้ งใหน้ มบตุ ร 1 หอ้ ง และหอ้ งเปลย่ี นผา้ ออ้ มเดก็ 1 หอ้ ง
แผนกกมุ ารเวชกรรม คลนิ กิ ศนู ยแ์ พทยพ์ ฒั นา ไดเ้ ปดิ ใหบ้ รกิ ารดา้ นสขุ ภาพแกเ่ ดก็ ทว่ั ไป ตง้ั แตแ่ รกเกดิ ถงึ อายปุ ระมาณ
15 ปี โดยเปดิ ใหบ้ รกิ ารทกุ วนั ตง้ั แตเ่ วลา 08.00 – 20.00 น. ยกเวน้ วนั อาทติ ย์ เปดิ ใหบ้ รกิ ารเวลา 08.00 – 17.00 น.

ขอบเขตการใหบ้ รกิ าร (Scope of services)

1. ตรวจรักษาโรคกมุ ารเวชทั่วไป และคัดกรองโรคเฉพาะทางกอ่ นส่งต่อให้กุมารแพทยเ์ ฉพาะทาง
2. ตรวจสุขภาพ และใหบ้ ริการสร้างภมู คิ ุม้ กนั โดยการใหว้ คั ซนี โดยกมุ ารแพทยท์ ัว่ ไป ดงั นี้

น.ต.นพ.วทิ ยา บญุ ยะทรพั ย์ พญ.สกุ ญั ญา รงุ่ ธนาภริ มย์
ตารางออกตรวจ ตารางออกตรวจ
วนั จนั ทร ์ 09.00 – 13.00 น. วนั จนั ทร ์ 09.00 – 12.00 น.
วนั องั คาร 09.00 – 14.30 น. วนั พธุ 09.00 – 12.00 น.
วนั พธุ 09.00 – 12.00 น. วนั พฤหสั บด ี 09.00 – 12.00 น.
วนั พฤหสั บด ี 09.00 – 12.00 น. วนั ศกุ ร ์ 09.00 – 12.00 น.
วนั ศกุ ร ์ 09.00 – 12.00 น. วนั เสาร ์ 09.00 – 12.00 น.
วนั อาทติ ย ์ 13.00 – 16.00 น.

ผศ.ดร.นพ.กติ ตพิ งษ์ คงสมบรู ณ์ พญ.น�ำ้ เพชร รชั ตภษู ติ
ตารางออกตรวจ ตารางออกตรวจ
วนั ศกุ ร ์ 17.00 – 20.00 น. วนั จนั ทร์ 08.00 – 12.00 น.
วนั เสาร ์ 09.00 – 12.00 น. วนั อาทติ ย ์ 09.00 – 11.30 น.
วนั อาทติ ย ์ 12.30 – 16.30 น.

8August 2016

นพ.พิวฒั น์ โปษยานนท์ พญ.ภาณี เอ่ยี มฐติ ิวฒั น์
ตารางออกตรวจ ตารางออกตรวจ
วนั จันทร์ 13.00 – 16.00 น. วันจนั ทร์ 09.00 – 12.00 น.
วนั พุธ 09.00 – 12.00 น. วนั พุธ 09.00 – 12.00 น.
วนั พฤหสั บดี 13.00 – 16.00 น. นพ.สุรยิ เดว ทรปี าตี
วันศกุ ร ์ 16.00 – 18.00 น. ตารางออกตรวจ
นพ.สมฤกษ์ จึงสมาน วันเสาร์ 17.00 – 20.00 น.
ตารางออกตรวจ
วนั พฤหัสบด ี 17.00 – 20.00 น.

พญ.สรุ ียพ์ ร กอบเก้ือชยั พงษ์ พญ.อญั ญมณี หลอ่ จติ ตเ์ สยี ง
ตารางออกตรวจ ตารางออกตรวจ
วนั พธุ 17.30 – 19.30 น. วนั ศกุ ร ์ 17.00 – 19.00 น.
วนั เสาร์ 16.00 – 18.30 น. พญ.พรพรรณ พิมลศานต์ิ
นพ.สรุ เดช คงคาสวุ รรณ ตารางออกตรวจ
ตารางออกตรวจ วันจันทร์ 08.00 – 16.00 น.
วันองั คาร 13.00 – 17.00 น. วนั องั คาร 08.00 – 16.00 น.
วนั พฤหัสบดี 13.00 – 17.00 น. วนั พธุ 08.00 – 16.00 น.
วันศกุ ร ์ 09.00 – 16.00 น. วันพฤหัสบด ี 08.00 – 16.00 น.
วนั เสาร ์ 09.00 – 16.00 น. วนั เสาร์ 09.00 – 16.00 น.
วนั อาทิตย์ 09.00 – 12.00 น.

9

3. ตรวจรกั ษาโรคเฉพาะทางดา้ นโรคภมู แิ พแ้ ละโรคทางระบบภมู คิ มุ้ กนั ไดแ้ ก่ โรคหอบหดื โพรงจมกู อกั เสบจาก
โรคภมู แิ พ้ ผวิ หนงั อกั เสบจากโรคภมู แิ พ้ แพโ้ ปรตนี นมววั โรคภมู แิ พท้ างตา และโรคภมู แิ พอ้ น่ื ๆ โดยกมุ ารแพทย์ ดงั น้ี

รศ.พญ.ชลรี ตั น์ ดเิ รกวัฒนชัย พญ.อารียา เทพชาตรี
ตารางออกตรวจ ตารางออกตรวจ
วนั อาทิตย ์ 13.00 – 17.00 น. วันพฤหัสบดี 09.00 – 12.00 น.
วันศกุ ร์ 14.00 – 17.00 น.

พญ.เบญจา อาศนะเสน นพ.สมบรู ณ์ จันทรส์ กลุ พร
ตารางออกตรวจ ตารางออกตรวจ
วนั จันทร์ 15.00 – 18.00 น. วันอังคาร 17.00 – 20.00 น.
วันองั คาร 13.00 – 16.00 น.
วันพฤหัสบด ี 13.00 – 16.00 น.
วันอาทิตย ์ 13.00 – 17.00 น.

นพ.สาธติ สันตดสุ ิต
ตารางออกตรวจ
วนั จันทร์ 17.00 – 20.00 น.
วนั พธุ 17.00 – 20.00 น.

4. ตรวจรักษาโรคเฉพาะทางระบบทางเดินหายใจ ไดแ้ ก่ โรคตดิ เช้อื ทางปอดและหลอดลม โรคนอนกรน
ความผิดปกตแิ ตก่ �ำ เนดิ ของทางเดนิ หายใจ โรคปอดเร้อื รังในเด็ก โดยกุมารแพทย์ ดงั นี้

พญ.อาภัสสร วฒั นาศรมศิริ
ตารางออกตรวจ
วันองั คาร 09.00 – 12.00 น.
วนั ศกุ ร ์ 09.00 – 14.00 น.

พญ.นวลจันทร์ ปราบพาล
ตารางออกตรวจ
วันจันทร์ 17.00 – 20.00 น.
วันพธุ 17.00 – 20.00 น.
วนั เสาร์ 16.00 – 20.00 น.

1A0ugust 2016

5. ตรวจรกั ษาโรคเฉพาะทางดา้ นโรคทางโลหติ วทิ ยา ไดแ้ ก่ โรคโลหติ จาง ธาลสั ซเี มยี ขาดเอน็ ซยั ม์ G-6-PD
โรคทางโลหติ วทิ ยาอน่ื ๆ โดยกมุ ารแพทย์ ดงั น้ี

พญ.ประไพศรี วงษ์ศริ ิ
ตารางออกตรวจ
วันพธุ 13.00 – 16.00 น.
วนั อาทติ ย ์ 09.00 – 12.00 น.

6. ตรวจรกั ษาโรคเฉพาะทางดา้ นโรคไต และทางเดนิ ปสั สาวะ ไดแ้ ก่ โรคตดิ เชอ้ื ทางเดนิ ปสั สาวะ โรคเนฟโฟรตกิ
ซนิ โดรม โรคไตอักเสบ โรคปัสสาวะไหลยอ้ นกลบั โรคเอส แอล อี ทางไต โดยกุมารแพทย์ ดังน้ี

พญ.ยุพาพิน จลุ โมกข์
ตารางออกตรวจ
วนั พฤหัสบด ี 09.00 – 12.00 น.

7. ตรวจรกั ษาเฉพาะโรคหัวใจและหลอดเลอื ด ใหบ้ ริการตรวจโรคหัวใจผิดปกตแิ ต่ก�ำ เนิด โรคหวั ใจรูห์มาตคิ
โรคขอ้ โดยกมุ ารแพทย์ ดังน้ี

นพ.จนิ ต์ เจียมประภา
ตารางออกตรวจ
วนั องั คาร 17.00 – 20.00 น.
วนั พฤหสั บดี 17.00 – 20.00 น.
วนั ศกุ ร์ 13.00 – 16.00 น.
วนั เสาร ์ 09.00 – 12.00 น.

8. ตรวจรักษาโรคเฉพาะระบบทางเดินอาหารและตับ ดูแลเกี่ยวกับความผิดปกติของโรคตับแต่กำ�เนิด ตับ
อักเสบในทารกแรกเกิดและเด็กโต ทางเดินอาหารอุดตันและความผิดปกติของทางเดินอาหารแต่กำ�เนิด โรค GERD
แผลในกระเพาะอาหารและลำ�ไส้ โดยกุมารแพทย์ ดังนี้

พญ.บษุ บา วิวฒั น์เวคนิ
ตารางออกตรวจ
วนั จนั ทร์ 15.00 – 17.00 น.

11

9. ตรวจรักษาโรคเฉพาะทางด้านตอ่ มไรท้ ่อและเมตาบอลิสม ได้แก่ โรคเป็นสาวก่อนวัย ตัวเตย้ี ทางพันธุกรรม
โรคอว้ น โรคเบาหวาน โรคเบาจดื ต่อมไทรอยด์ ตอ่ มพาราไทรอยด์ ปสั สาวะบอ่ ย และต่อมหมวกไตในเด็ก ต่อมเพศ
ท�ำ งานผดิ ปกติ เด็กที่มพี ัฒนาการทางเพศล่าชา้ รวมถึงความผดิ ปกติในระบบฮอร์โมนต่างๆ โดยกุมารแพทย์ ดังนี้

นพ.วชิ ติ สุพรศิลป์ชัย
ตารางออกตรวจ
วันอาทิตย ์ 14.00 – 17.00 น.
นพ.ชลันธร ปรยี าสมบตั ิ
ตารางออกตรวจ
วนั พธุ 16.00 – 20.00 น.
วันพฤหสั บด ี 16.00 – 20.00 น.

พญ.ลัคนา กาญจนกลู
ตารางออกตรวจ
วันเสาร์ 14.00 – 16.30 น.

10. ตรวจรกั ษาโรคเฉพาะทางดา้ นพฒั นาการและพฤตกิ รรมของเดก็ ไดแ้ ก่ ความผดิ ปกตใิ นการสอ่ื ความหมาย
การดูแลตนเอง เด็กพิเศษ โรคสมาธิสั้น โรคความผิดปกติในเรื่องการเรียนรู้ ออทิสติก แอสเพอเกอร์ โรคเร็ทท์
ดิสออรเ์ ดอร์ (Rett”s Disorder) โดยกุมารแพทย์ ดงั นี้

นพ.เฉลมิ ชาติ ศรีวชั รากาญจน์
ตารางออกตรวจ
วนั อาทิตย ์ 08.00 – 10.30 น.
(เฉพาะสัปดาหท์ ่ี 1 และ 3 ของเดือน)
พญ.ชาครยิ า ธรี เนตร
ตารางออกตรวจ
วันอังคาร 16.00 – 19.00 น.
วันพฤหสั บดี 16.00 – 19.00 น.
วนั เสาร ์ 08.00 – 13.30 น.

A12ugust 2016

11. ตรวจรกั ษาโรคเฉพาะทางดา้ นจติ เวชของเด็ก ได้แก่ เดก็ ทมี่ ปี ัญหาเร่ืองพฤติกรรมและอารมณ์รนุ แรง
กา้ วร้าว กอ่ กวน เด็กทล่ี ม้ เหลวในการปรบั ตัวทางสงั คม เด็กที่มีความวติ กกงั วลและปมดอ้ ย เดก็ ทมี่ อี าการเครียด
โรคจิตเภทของเดก็ (Schizophrenia) โดยกุมารแพทย์ ดังนี้

พญ.เพยี งทพิ ย์ หังสพฤกษ์
ตารางออกตรวจ
วนั พฤหสั บดี 0 9 . 0 0 – 1 2 . 0 0 น .
(เฉพาะสัปดาหท์ ี่ 2 , 4 และ 5 ของเดอื น)
วนั ศุกร ์ 0 9 . 0 0 – 1 2 . 0 0 น .
(เฉพาะสัปดาหท์ ี่ 2 และ 4 ของเดอื น)

12. ตรวจรกั ษาโรคเฉพาะทางดา้ นโรคผวิ หนงั ไดแ้ ก่ โรคภมู แิ พท้ างดา้ นผวิ หนงั โรคเชอ้ื รา ตดิ เชอ้ื แบคทเี รยี ท่ี
ผิวหนงั โรคผนื่ ผ้าออ้ ม ผ่นื ผวิ หนงั จากตอ่ มไขมนั อักเสบ ลมพษิ โรคตุ่มน�้ำ (Vesiqulobullous Disorders) โรคกลุ่ม
Papulosquamous Disorders โรคกลมุ่ ปานหลอดเลอื ดเดก็ โดยกมุ ารแพทย์ ดงั น้ี

พญ.เตมิ แสง ศรสี วุ รรณภรณ์
ตารางออกตรวจ
วนั อังคาร 17.00 – 20.00 น.
วนั พฤหัสบดี 17.00 – 20.00 น.
วนั เสาร์ 13.00 – 17.00 น.

13. ตรวจรักษาโรคเฉพาะทางด้านโรคติดเชือ้ ในเดก็ ไดแ้ ก่ ผู้ป่วยที่ได้รับเชอ้ื วณั โรค (Contact case) HIV
โรคตดิ เชอื้ ไวรัส เชอื้ รา เชอื้ แบคทเี รยี ตา่ งๆ หรอื ผูป้ ว่ ยทมี่ ีความเส่ียงทจ่ี ะได้รับเชือ้ หรือตดิ เชอื้ ไดง้ ่าย เชน่ เดก็ ทีม่ ีภาวะ
ภูมิคมุ้ กนั บกพร่องแตก่ �ำ เนดิ ชนดิ ต่างๆ รวมไปถงึ การติดเชอ้ื ไวรัสทอี่ ันตราย เช่น ไวรัสขึน้ สมอง และไขสันหลงั โดย
กุมารแพทย์ ดงั นี้

พญ.รงั สิมา โลห่ ์เลขา
ตารางออกตรวจ
วนั เสาร์ 13.00 – 17.00 น.

14. ตรวจรกั ษาดแู ลดา้ นทารกแรกเกดิ โดยเฉพาะ ไดแ้ ก่ ทารกในวยั แรกเกดิ อายุ 0-1 เดอื น ทม่ี ภี าวะคลอด
กอ่ นก�ำ หนดหรอื ไดร้ บั ภาวะแทรกซอ้ นจากการตง้ั ครรภ์ และการคลอด หรอื การดแู ลหลงั คลอด เชน่ ทารกทจ่ี �ำ เปน็ ตอ้ งใช้
เครอ่ื งชว่ ยหายใจ และใหอ้ อกซเิ จนเปน็ เวลานานหลงั คลอด กอ็ าจเกดิ โรคปอดเรอ้ื รงั จากการใชเ้ ครอ่ื งมอื ดงั กลา่ ว หรอื ทารก
ทค่ี ลอดจากมารดาทม่ี ภี าวะแทรกซอ้ น ระหวา่ งการตง้ั ครรภ์ เชน่ ตอ่ มไทรอยดเ์ ปน็ พษิ มารดาเปน็ โรคเบาหวานระหวา่ ง
การตง้ั ครรภ์ โรคไต หรอื ตดิ เชอ้ื ไวรสั ระหวา่ งการตง้ั ครรภ์ โดยกมุ ารแพทย์ ดงั น้ี

นพ.สมศักด์ิ เหรยี ญตระกูล
ตารางออกตรวจ
วนั อาทติ ย์ 09.00 – 12.00 น.

13

สัตตลกั ษณ์ เดก็ เจเนอเรช่ันอลั ฟากับยุค IT

รองศาสตราจารยน์ ายแพทย์ สุริยเดว ทรปี าตี

กุมารแพทย์

สังคมที่เปลี่ยนแปลงในแต่ละยุคแต่ละสมัยทำ�ให้
สง่ิ แวดลอ้ มรอบตัวมนษุ ย์เปลย่ี นแปลง และส่งผลกระทบ
ต่อการดำ�รงชีวิตของมนุษย์ จนพัฒนามาเป็นพฤติกรรม
การแสดงออกและบุคลิกลักษณะของแต่ละรุ่นท่ีแตก
ต่างกันในแต่ละยุคสมัย มีการศึกษาที่ศึกษาพฤติกรรม
พัฒนาการและบุคลิกลักษณะตามกาลเวลาท่ีเปล่ียนแปลง
ตามสงั คมแวดลอ้ มทเ่ี ปลย่ี นแปลงเปน็ รนุ่ สรู่ นุ่ แตด่ ว้ ยสภาพ
ปัจจุบันที่ก้าวเข้าสู่ยุคโลกาภิวัฒน์ เทคโนโลยีต่างๆ ที่
เข้าถึงตัวบุคคลอย่างทั่วถึงส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์
โดยตรงต่อครอบครัว ชุมชน และโรงเรียน กล่าวคือ มี
เดก็ และเยาวชนจำ�นวนไมน่ อ้ ยที่เสพติดสอื่ เทคโนโลยีจนขาดปฏิสมั พันธก์ ับผู้คนรอบขา้ ง แม้แตค่ นในบ้านเอง ท�ำ ให้เกิด
ปัญหาตา่ งๆ เช่น ปญั หายาเสพติด ความรุนแรง การมเี พศสมั พนั ธ์ และอื่นๆ จนใกล้ชดิ ตัวเด็กมากกว่าครอบครัว
โรงเรียนและชุมชน โดยทีส่ อื่ ทใี่ กล้ตวั เด็กสามารถเป็นตวั เสรมิ ใหเ้ กดิ ปฏิสมั พนั ธ์ระหวา่ งบุคคลตอ่ สงั คมและสรา้ งระบบ
ให้แขง็ แรงขน้ึ หรอื อาจเป็นตัวขวางทที่ ำ�ให้เดก็ ยุคใหม่แยกตัวเอง มสี ังคมกลางอากาศทดแทน ขาดปฏสิ มั พนั ธ์กบั ผ้คู น
และสงั คมแวดลอ้ มโดยเฉพาะในครอบครวั ที่เราเรยี กเดก็ เล็กที่ก�ำ ลงั เติบโตอยู่ในชว่ งปฐมวยั (แรกเกดิ ถึงอายุ 6 ปี)
เปน็ เดก็ ในเจเนอเรชั่นอลั ฟา และมีคณุ ลกั ษณะของเด็กในเจเนอเรช่นั ท่ชี ดั เจน

1A4ugust 2016

“เจเนอเรชน่ั อลั ฟา เรยี กวา่ เปน็ กลมุ่ เดก็ ทเ่ี กดิ ใหม่ และอายนุ อ้ ยกวา่ 5 ปี
ทง้ั หมด เปน็ วยั เดก็ อนบุ าล เตาะแตะ เกดิ มาพรอ้ มเทคโนโลย”ี

เด็กเหล่านี้อาจไม่เคยเห็นสังคมท่ีไม่มีไฟฟ้าใช้ สตั ตลกั ษณ์ คือ ลกั ษณะ 7 ประการในทนี่ ้ี กล่าว
หรือไม่มเี ทคโนโลยีใดๆ ชวี ิตจิตใจฝากไวก้ บั เทคโนโลยี มี ถึง คณุ ลกั ษณะ 7 ประการ ของเด็กในเจเนอเรชน่ั อัลฟา
สมั พนั ธภาพผา่ นสงั คมทไ่ี รพ้ รมแดน ความรกั ความผกู พนั ทกั ษะ 7 ประการ ทต่ี อ้ งเติมเตม็ เพือ่ อุดจุดออ่ นในเดก็ เจ
กับผู้คนออ่ นแอลงเรื่อยๆ ขาดปฏสิ ัมพนั ธ์กบั คนทุกระดบั เนอเรชน่ั อลั ฟา และคุณสมบตั ิ 7 ประการของพ่อแมผ่ ู้
สื่อสารด้วยคำ�พูดไม่ค่อยเก่ง แต่เลือกที่จะสื่อสารด้วย ปกครองที่จะไม่ค่อยมีปญั หากบั เด็กใน เจเนอเรชน่ั อลั ฟา
เทคโนโลยมี ากกวา่ ไมม่ คี วามรกั ความหวงแหนถน่ิ กำ�เนดิ
ไม่มีความผูกพันกับสถานที่มากนักเพราะสังคมของเด็ก
กลายเป็นสังคมกลางอากาศท่ีสร้างเครือข่ายได้ทั่วโลก
สามารถเลือกท่ีจะประกอบอาชีพได้หลายอาชีพในคราว
เดยี วกนั ไมม่ ีอาชพี หลัก เข้าถงึ ขอ้ มลู ขา่ วสารไดร้ วดเรว็
ทุกที่ทุกเวลาทั่วโลก และจัดการเรียนได้ด้วยตนเองโดย
ไม่ต้องพ่งึ ระบบการศกึ ษาแบบเดิมๆ อกี ต่อไป การศกึ ษา
ทางเลือกจะรุ่งเรืองทดแทนการศึกษาในระบบ ลักษณะ
ครอบครัวขนาดเล็ก พ่อแม่มีลูกช้า มีลูกน้อย ดูแล
ประคบประหงมมากเกนิ จนอาจไม่มที ักษะในการใช้ชวี ติ
แบบด้งั เดมิ อยา่ งสน้ิ เชิง การแตง่ งานช้า เรยี นมากและ
ยาวนาน ประกอบอาชีพไปดว้ ยเรียนไปด้วย มีความเปน็ 7 คณุ ลกั ษณะเดก็ ในเจเนอเรช่ันอลั ฟา
ทนุ นิยม บริโภคนยิ มสงู
เจนเนอเรช่ันน้ีจะเติบโตมาพร้อมกับเทคโนโลยี 1. ความเปน็ ตัวของตัวเองสูงมาก แมถ้ อื เป็นจดุ
เปน็ จดุ แขง็ ไมจ่ �ำ เปน็ ตอ้ งรบี รอ้ นใหใ้ ชส้ มารท์ โฟน แทบ็ เลต็ เด่นของเด็กในยุคน้ีแต่ก็ง่ายต่อการเติบโตข้ึนมาบนฐาน
ต้ังแตย่ งั เลก็ เนอ่ื งจากเมอ่ื เขาโตข้ึน เขาจะได้เรียนรู้ ได้ ความคดิ ที่เห็นแกป่ ระโยชนส์ ว่ นตน สงั คมท่แี กง่ แย่งชิงดี
อยู่กับส่ิงเหลา่ นี้อยู่แลว้ ชงิ เดน่

15

2. ใช้เทคโนโลยีเชื่อมโยงปฏิสัมพันธ์กับผู้คนใน 4. เด็กจะรู้จักการพัฒนาตนเองด้วยเทคโนโลยี
สังคม แต่ด้วยขาดการร่วมทุกข์ร่วมสุขระหว่างชีวิตต่อ สื่อสารสนเทศได้อย่างกว้างขวาง โดยไม่ต้องยึดกับรูป
ชีวิตด้วยกัน และขาดการบูรณาการประสาทสัมผัสผ่าน แบบเดิมๆ ที่ต้องเข้าโรงเรียน เรียนกับครู และมีกฎ
อายตนะท้งั 6 คือ ตา หู จมกู ลิน้ กาย และใจ จงึ อาจมี ระเบียบมากมาย เด็กในยุคนี้จึงขาดวินัยทั้งต่อตนเอง
ผลให้ความเอือ้ อาทร ความเมตตา กรณุ า ลดน้อยถอยลง และต่อสังคม ความเคารพครู และอาจมีอาชีพที่หลาก
ไปด้วย ตาจะแขง็ จติ ใจจะขาดความออ่ นโยนได้ ซงึ่ สังคม หลายในคราวเดียวกันจนไม่เข้าใจคำ�ว่าจิตสำ�นึกแห่ง
ไทยที่อย่กู ันด้วยความเออ้ื อาทร จนประเทศไทยกลายเปน็ วิชาชีพ เพราะเขาไม่ได้ประกอบอาชีพเดียว
สัญลักษณข์ อง Land of smile แตก่ ารใช้เทคโนโลยีจน 5. ทกั ษะการอยรู่ ่วมในสังคม คณุ ธรรม จริยธรรม
ขาดปฏิสัมพันธ์กับผู้คนหรือมีแบบห่างเหินอาจส่งผลให้ ที่ไม่สามารถสร้างได้ด้วยเทคโนโลยีเท่านั้นจึงอาจบกพร่อง
เชงิ สัญลกั ษณ์นี้จางหายไปจากสงั คมไทยพร้อมๆ กับความ ได้ด้วยเชน่ กัน
เออ้ื อาทร 6. อ่อนต่อวิชาชีวิต ขาดพื้นที่ฝึกหัดความยาก
3. การเขา้ ถึงขอ้ มูลอย่างรวดเร็วและหลากหลาย ล�ำ บากขั้นพื้นฐานในชีวิต ทำ�ให้ขาดพลังอึดอดทนและ
อยา่ งไรพ้ รมแดนภายในชัว่ พรบิ ตา ส่งผลใหเ้ ดก็ ฉลาดใน ทักษะในการรจู้ กั การรอคอย
ข้อมูลมากขึ้น แต่ขณะเดียวกันก็สุ่มเสี่ยงต่อการบริโภค 7. ได้รับการดูแลประคบประหงมจากพ่อแม่ ผู้
ข้อมูลแบบไม่ยั้งคิด ขาดการไตร่ตรอง และกฎกติกา ปกครอง มากจนเกินไป เพราะพ่อแม่มีลูกน้อยกว่าจะมี
มารยาทในการเข้าถึงรวมท้ังการใช้ประโยชน์หลงเช่ือได้ ก็ยากเย็นและอายุมากด้วย จึงดูแลมากเป็นพิเศษ เด็ก
อย่างงา่ ยดาย ในยุคนี้ทักษะในการควบคุมอารมณ์ตนเองจึงอ่อนแอไป
ด้วย

“กลา่ วโดยสรปุ เดก็ ในเจเนอเรชน่ั อลั ฟา มคี วามฉลาดรอบรมู้ าก กลา้ แสดงความคดิ เหน็ และมกี ารใช้
เทคโนโลยแี ละฐานขอ้ มลู รวมทง้ั เออ้ื ประโยชนใ์ นหนา้ ทก่ี ารงาน แตจ่ ะมองทป่ี ระโยชนส์ ว่ นตนเปน็ ทต่ี ง้ั ความ
ส�ำ นกึ แหง่ วชิ าชพี ออ่ นแอลง เอาแตใ่ จจนคมุ อารมณไ์ มไ่ ด้ ขาดความอดึ อดทน ออ่ นตอ่ วชิ าชวี ติ และความ
เคารพตอ่ กนั โดยเฉพาะกบั คนทต่ี า่ งเจเนอเรชน่ั และขาดทกั ษะเผชญิ ความยากล�ำ บาก หนกั ๆ เขา้ กจ็ ะสง่ ผล
ตอ่ คณุ ธรรมจรยิ ธรรมทล่ี ดลง เชน่ กนั ” รศ.นพ.สรุ ยิ เดว ทรปี าตี

การท่ีโลกวิวัฒนาการอุดมด้วยเทคโนโลยีมากข้นึ
นอกจากจะสง่ ผลกระทบโดยตรงตอ่ เดก็ ในเจเนอเรชน่ั อลั ฟา
แลว้ แมแ้ ตผ่ ใู้ หญท่ อ่ี อ่ นไหวงา่ ยและอดุ มดว้ ยการใชเ้ ทคโนโลยี
จึงมีสภาวการณ์ท่ีไม่แตกต่างกันกับเด็กในเจเนอเรชั่นนี้
เช่นกัน สังคมทั่วไปจึงเห็นผู้คนในคุณลักษณะของเจเนอ
เรช่ันอลั ฟามากข้นึ เร่อื ยๆ

A16ugust 2016

7 คุณสมบัติของ ผใู้ หญท่ ีไ่ มค่ ่อยมปี ญั หากบั เด็กในเจเนอเรชั่นอลั ฟา

1. อบอ่นุ และให้ความไว้วางใจ
2. สอ่ื สารทด่ี ตี อ่ กนั ตา่ งคนตา่ งไวว้ างใจปรกึ ษาหารอื หรอื เลา่ เหตกุ ารณต์ า่ งๆ ทป่ี ระสบมาใหฟ้ งั มกี ารยอมรบั ฟงั
3. มนั่ คง มีหลกั การ มเี หตผุ ล มคี วามยืดหย่นุ
4. ควบคมุ ตัวเองไดด้ ี ท้งั อารมณแ์ ละพฤตกิ รรม
5. ยอมรับความสามารถของเด็ก เขา้ ใจและสนบั สนุนในความสามารถที่หลากหลาย
6. ปฏิบตั ติ นเปน็ ตน้ แบบทดี่ ี
7. สรา้ งบรรยากาศการอยู่ร่วมกันอย่างมสี ่วนรว่ มท่มี ีคุณค่าแบบหัวใจประชาธิปไตย

7 ทักษะทต่ี ้องเตมิ เต็มเพื่ออดุ จุดออ่ นของเดก็ ใน ฉะนั้น สัตตลักษณ์ของทั้งเด็กและผู้ใหญ่ในยุค
เจเนอเรชน่ั อัลฟา เจเนอเรช่นั อัลฟา กับหลกั ปฏิบตั ิและการฝึกหดั ทกั ษะจะ
ทำ�ให้การอยู่ร่วมกันในสังคมมีคุณภาพอย่างมีจิตสำ�นึกท้ัง
1. ทักษะการท�ำ งานเปน็ ทมี ทเ่ี คารพความคิดเหน็ ตอ่ ตนเองและตอ่ สังคมเปน็ อย่างดี
ที่หลากหลายวัฒนธรรม หลากหลายวัย ที่อยู่ร่วมกันได้
และเกิดผลงานรว่ มกนั บนฐานหลกั การทำ�งานเป็นทมี
2. ทักษะการใช้ชวี ติ อยู่ร่วมกันกบั ธรรมชาติ สตั ว์ บรรณานุกรม
เลี้ยง สังคมรอบข้างที่แม้ว่าอ่อนด้อยกว่าอย่างเคารพ 1. Mark Mc Crindle. The ABC of
ศักดิศ์ รคี วามเป็นมนษุ ย์ XYZ Understanding the Global Generations.
3. ทักษะทางวินัยในการบริหารจัดการ การใช้ UNSW Press, 2011.
เทคโนโลยีและสารสนเทศ และทกั ษะการรเู้ ทา่ ทนั สอ่ื 2. สรุ ิยเดว ทรีปาตี.รู้จักเดก็ ทัง้ ตวั และหัวใจ
4. ทักษะการเรียนร้ภู ูมิปัญญาวฒั นธรรมทอ้ งถ่ิน ตอนพฒั นาการของเดก็ และวัยรนุ่ . โรงพมิ พ์แอ๊ปปา้
ในถ่ินฐานของตนเอง พร้นิ ตง้ิ กร๊ปุ จำ�กัด; 2558.

5. ทกั ษะการเป็นผูใ้ หแ้ ละสังคมทเ่ี อ้ืออาทร
6. ทักษะความยากล�ำ บากขน้ั พน้ื ฐานในวิถชี วี ิต
7. ทักษะในการใช้สติมากกว่าอารมณ์และการใช้
สุนทรียสนทนาสูส่ งั คมสันตสิ ุข

17

โภชนาการทีเ่ หมาะสมสำ�หรับ “ลกู รกั ”

นางอัญญาณี อิศรางกูร ณ อยุธยา

นกั โภชนาการ

“นำ้�นมแม่” เป็นอาหารตามหลกั โภชนาการที่เหมาะสม
ที่สุดสำ�หรับลูกตั้งแต่แรกเกิดจนถึง 6 เดือน

ดงั นั้น “แม่” จงึ ตอ้ งเป็นคนแรก
ที่สร้างสารอาหารตามหลักโภชนาการหยิบ
ยื่นใหก้ ับลกู รัก ด้วยการกนิ อาหารครบ 5
หมู่ แต่ละหมู่มีปริมาณสดั สว่ นท่เี หมาะ
สม โดยการเพ่มิ พลงั งานขณะตัง้ ครรภ์วัน
ละประมาณ 300 กโิ ลแคลอรี่ เช่น นม
ครบส่วน 1 แก้ว (150 กโิ ลแคลอร่ี) เนือ้
สัตว์ไมต่ ดิ มนั 2 ชอ้ นโต๊ะ (75 กิโลแคลอร่)ี
ผลไม้รสไม่หวานจัด 1 จานเล็ก (60 กิโล
แคลอรี่) และผักสีต่างๆ ทกุ ม้ือ หลังคลอด
ระยะให้นมลูก เพม่ิ อกี ประมาณ 200-300
กิโลแคลอรี่ จากนม 1 แกว้ และขา้ ว/
ธญั พชื ต่างๆ 1-2 ทพั พี (ทพั พีละ 80 กิโล
แคลอร่ี) และอาหารท่ีรับประทานควรเปน็
ธรรมชาติ (ไม่ควรเปน็ อาหารส�ำ เร็จรปู )
รสออ่ น ยอ่ ยงา่ ย ซ่ึงเป็นอาหารคุณภาพใน
การสร้างน�้ำ นมสำ�หรบั ลกู รัก
อาหารเสรมิ ตามวยั ส�ำ หรบั ทารก [Complementary food] คอื อาหารอน่ื ส�ำ หรบั ทารกนอกเหนอื จากนมแม่
หรือนมผสม เพื่อให้ได้รับสารอาหารครบถ้วนพอเพียงในการเจริญเติบโต สามารถปรับตัวจากการกินอาหารเหลว
เป็นอาหารก่งึ แขง็ ก่งึ เหลว [semisolid food] ฝึกการเคย้ี ว การกลนื ชว่ ยเสรมิ สรา้ งพฤติกรรมการกนิ พรอ้ มไปกับ
พฒั นาการเจรญิ เติบโตตามวยั ซ่ึงมีผลตอ่ การเปน็ ผใู้ หญ่ทม่ี สี ุขภาพดที ง้ั รา่ งกาย จติ ใจ สติปญั ญา
A18ugust 2016

“พฒั นาการและพฤตกิ รรมทเ่ี กย่ี วขอ้ งกบั การกนิ ”

เพอ่ื เป็นแนวทางในการจดั เตรียมอาหารทเ่ี หมาะสมใหก้ บั ลกู

แรกเกิดถึง 4 เดือน หนั 12-15 เดอื น ถอื ถว้ ยอาหาร 4-5 ปี ชอบชว่ ยเตรยี ม เกบ็ ลา้ ง
หน้าเข้าหาอกแม่ ดูด กลนื นำ�้ นม ไดด้ ขี ้นึ ตอ้ งการกินเอง แตค่ วาม อาจปฏเิ สธอาหารบางชนดิ ขอกนิ อาหาร
แม่ อยากอาหารลดลง ชอบเล่นทำ� ตามสอ่ื โฆษณาต่างๆ
6-8 เดอื น นงั่ ถือขวดนม อาหารเลอะเทอะ 5-6 ปี ชว่ ยเตรียมอาหารกล่อง
ไดเ้ อง บดเคี้ยวอาหารไดด้ ขี น้ึ 15-18 เดอื น ชอบเคลอ่ื นไหว รบั ผดิ ชอบการจดั โตะ๊ อาหาร
8-10 เดือน เริ่มใช้นิ้วมือ หัดเดิน รอคอยอาหารได้ กินเร็ว 6-8 ปี ลา้ งจานเองได้ สนใจ
ได้ กำ�ช้อน หยิบอาหารช้ินเข้าปาก ขึ้น ทิ้งอาหารเพื่อดูการตอบสนอง ต่อรองอาหารขอกินอาหารถุงต่างๆ
ได้ กนิ อาหารแขง็ มรี สชาติ ลกั ษณะ ของพ่อแม่ สามารถซอื้ เองไดท้ โี่ รงเรยี น
อาหารใหมๆ่ ไดด้ ขี น้ึ 18-24 เดอื น เรม่ิ ขออาหาร 8-10 ปี คดิ และเตรยี มเมนอู าหาร
10-12 เดอื น ใชช้ อ้ นปอ้ นตัว กินเอง ต้องการควบคุมมือ้ การกิน ซอ้ื หาอาหารนอกบ้านได้ เร่ิมไม่ชอบชว่ ย
เองได้บ้าง ฟันขึ้นหลายซ่ี ขบเคี้ยว ดว้ ยตนเอง ต่อต้าน ไม่กินแมจ้ ะหิว เตรียมอาหาร
เก่งขึน้ เร่ิมถือถ้วยได้ เรม่ิ ท้ิงของ 2-3 ปี เริ่มใช้ช้อนส้อม
และอาหารลงพืน้ กนิ อาหารเปน็ เวลา ชอบชว่ ยเตรยี ม
จัดเก็บโต๊ะอาหาร
3-4 ปี ใช้ช้อนสอ้ มได้ดี
ชอบชว่ ยเตรยี มอาหาร ลา้ งมือเอง
ได้

อายุ 6-8 เดือน พรอ้ มในการกินอาหารกึง่ แข็งกง่ึ เหลว เร่ิมเอาของเขา้ ปาก ขากรรไกรขยับขึน้ ลงในการบดอาหาร
ไดน้ ั่งถอื ขวดนมได้เอง บดเคย้ี วอาหารไดด้ ีขน้ึ
จึงควรเริ่มด้วยอาหารเนอ้ื ค่อนขา้ งละเอยี ด วนั ละ 1-2 มื้อ แตล่ ะมื้อประกอบดว้ ย ข้าวสวย
4 ชอ้ นโตะ๊ ผักเขียว / เหลอื ง / สม้ 1-2 ชอ้ นโต๊ะ ไข่แดง 1/2 ฟอง (หรือตับไก่ หรือเนอื้ ปลา
หรอื เต้าหู้ออ่ น 1 ชอ้ นโตะ๊ หมุนเวียนสลับกันไป) ตม้ น่ึง ในน้�ำ สะอาด 1/2 ถ้วยตวง ใหส้ ุกดี แลว้
ท�ำ ใหเ้ น้อื เนียน ละเอยี ด เตมิ น�ำ้ มันพืช 1/2 ชอ้ นชา ชว่ ยในการดดู ซึมวิตามนิ จากอาหารทลี่ ะลาย
ในน�ำ้ มนั และไดร้ ับพลังงานจากไขมันดี
อายุ 9-11 เดอื น เริม่ กำ�ชอ้ น หยบิ อาหารชนิ้ เขา้ ปากได้ กินอาหารแข็งมีรสชาติ ลกั ษณะอาหารใหม่ๆ ได้ดีข้นึ
ใช้ช้อนป้อนตวั เองไดบ้ า้ ง ฟนั ข้ึนหลายซ่ี ขบเคย้ี วเก่งขึ้น
ลกั ษณะอาหารเหมอื นชว่ งอายุ 6-8 เดือน ไมจ่ ำ�เปน็ ตอ้ งบดละเอยี ด เพ่มิ เป็นวนั ละ 3 ม้ือ
อายุ 1-3 ป ี ถือถว้ ยอาหารไดด้ ขี น้ึ ต้องการกินเอง แต่ความอยากอาหารลดลง ชอบเลน่ ทำ�อาหารเลอะเทอะ
หัดเดนิ ชอบเคลื่อนไหว รู้จกั ขอ รอคอยอาหาร กนิ ไดเ้ องเรว็ ข้ึน ตอ้ งการควบคมุ มือ้ การกนิ ดว้ ย
ตนเอง ตอ่ ตา้ น ไมก่ นิ แมจ้ ะหิวอาจทง้ิ อาหารลงพื้นเพื่อดูการตอบสนองของพอ่ แม่

19

ลกั ษณะอาหาร อาจแบง่ จากอาหารผูใ้ หญ่ที่ยัง
ไม่ปรุงรส แลว้ ทำ�ให้ออ่ น นุ่ม เคยี้ วงา่ ย รายการอาหาร
หลากหลาย วยั น้คี ณุ พ่อคุณแม่ ต้องมีวิธหี ลอกลอ่ จะด้วย
รูปแบบการตกแต่งอาหาร ภาชนะท่ใี ส่ เพ่อื เปน็ ตัวชว่ ย
ควบคุมให้ลูกได้รับพลังงานจากอาหารในปริมาณที่เพียง
พอ และฝึกให้กนิ ผลไมว้ นั ละ 1-2 สว่ น (1 สว่ นประมาณ
8 - 10 ชนิ้ ค�ำ ) รสไมห่ วานจัด เน้อื อ่อนๆ ไม่เปน็ กาก
เคย้ี ว กลนื งา่ ย เพอื่ ใหค้ นุ้ ชนิ ในเนอื้ สัมผสั รสชาติ แทน
ขนมจากสือ่ โฆษณา
ให้อาหารวนั ละ 3 มือ้ แตล่ ะมอื้ ประกอบด้วย
แปง้ /ข้าว 1 ทพั พ ี เน้ือสัตว์ 3 ช้อนโต๊ะ ผกั หลากสี 3-4
ช้อนโตะ๊ นำ�้ มนั พชื 1 ช้อนชา

โภชนาการวัยเรยี น

วยั เรยี น มพี ฒั นาการในการเจริญเติบโตอยา่ งรวดเรว็ อาหาร
จึงเปน็ ปัจจัยส�ำ คญั ต่อโครงสร้างร่างกาย สตปิ ัญญา และสขุ ภาพ จงึ
ตอ้ งกินอาหารให้ครบ 5 หมู่ ในปริมาณ สัดส่วนที่เหมาะสม หลาก
หลาย เหมาะสมกบั วัย แบ่งตามหมวดหมโู่ ดยสงั เขป คอื

อายุ 4-5 ปี ข้าว-แป้ง 5 ทพั พี ผัก 3 ทพั พี ผลไม้ 3 ส่วน เน้ือสัตว์ 3 ช้อนโต๊ะ น้ำ�นม 2-3 แก้ว
อายุ 6-13 ป ี ข้าว-แป้ง 8 ทัพพี ผกั 4 ทัพพี ผลไม้ 3 ส่วน เน้ือสัตว์ 6 ช้อนโตะ๊ น�้ำ นม 3 แก้ว
อายุ 14-18 ป ี ขา้ ว-แป้ง 9 ทัพพ ี ผัก 5 ทัพพี ผลไม้ 4 สว่ น เน้อื สตั ว์ 9 ชอ้ นโตะ๊ น�ำ้ นม 3 แก้ว
พอ่ แม่ ในยคุ ปัจจุบัน มักมองขา้ มความส�ำ คญั ใน การเกิดโรคต่างๆ ไดอ้ ยา่ งต่อเนื่อง
คณุ ภาพอาหารท่เี หมาะสมใหก้ บั ลูก ยึดเอาความสะดวก การกินอาหารนอกบ้านเป็นกิจกรรมส่วนหนึ่งของ
รวดเรว็ โดยการซ้อื อาหารสำ�เร็จรูป น�ำ ลูกเขา้ ร้านอาหาร ครอบครวั เดือนละครัง้ สองครง้ั ก็ชว่ ยเพ่ิมสีสัน ความสุข
มีชื่อตามค่านิยม และมักเลือกอาหารที่กินแล้ว รู้สึกได้ ในครอบครวั ได ้ ไมเ่ ครยี ดอย่ใู นกรอบจนเกนิ ไป
รสชาตอิ ร่อยมากๆ ไม่คำ�นงึ ถึงสว่ นประกอบในอาหารนน้ั ๆ

ซ่ึงหนักไปทาง หวาน มนั เคม็ อกี ทงั้ เด็กวยั เรยี น สามารถ สรุปข้อแนะนำ�ให้ได้สารอาหารที่เหมาะสม
หาซื้ออาหารที่ไม่เหมาะสมได้ง่าย ในระยะยาวมักเกิด ครบถ้วน เพยี งพอ

ปญั หาสขุ ภาพ โดยเรมิ่ จากการมีน�ำ้ หนักเกนิ มาตรฐาน 1. ทารกทย่ี งั ไดร้ ับนมแม่ ควรใหอ้ าหารเสรมิ ทมี่ ี
ดังน้ัน พอ่ แมจ่ งึ ควรสละเวลาเพียงวันละ 1-2 คุณค่าทางโภชนาการ ครบ 5 หมู่ จาก ข้าว เนื้อสตั ว์
ช่วั โมง ในการทำ�อาหารกินเอง ให้ลกู เปน็ ผชู้ ่วย ไดเ้ รยี นรู้ ทอ่ี ่อนนมุ่ ย่อยง่าย มไี ขมนั เพยี งพอ ผกั และผลไมห้ ลาก
หลักโภชนาการพ้ืนฐาน สามารถกำ�หนดคุณภาพ วัตถดุ ิบ หลาย เป็นประจำ�
ปริมาณอาหารท่ีเหมาะสม เลอื กใชอ้ าหารสด ธรรมชาติ 2. นมแม่ ให้ไดต้ ่อเน่อื งถึงอายุ 2 ปี หรอื เสริม
โดยเฉพาะการเพมิ่ เมนพู ชื ผกั สมุนไพรท้ังของไทยและ ดว้ ยนมผงดดั แปลง นมวัวรสจืด วันละ 2 แกว้
ต่างชาติ ดดั แปลงรูปแบบ ไมจ่ ำ�เจซ้ำ�ๆ ไมเ่ ติมรสชาติมาก 3. ควรได้รับโปรตนี ธาตุเหลก็ จากเนอื้ สัตว์ท่ี
เกิน ควรจ�ำ กัดการเติมน�้ำ ตาล เกลอื ซอสปรุงรสต่างๆ หลากหลายเป็นประจำ�ทกุ วนั ทงั้ จาก ปลา หมู ไก่ ตบั
และน้�ำ มัน ใหน้ ้อยทีส่ ดุ เท่าท่ีจะทำ�ได้ เพอื่ เปน็ การสรา้ ง (ตดิ มันนอ้ ย) โดยเฉพาะสงั กะสี จาก เนื้อสัตว์ ตับ อาหาร
นิสยั “กินจืด ยดื ชวี ิต” ให้ตดิ ตวั ไปจนเปน็ ผใู้ หญ่ เดก็ ท่ีเข้า ทะเล แคลเซียม จากนมและผลิตภณั ฑน์ ม ถว่ั ผกั ใบ
สู่วัยรนุ่ ควรจ�ำ กัดน�ำ้ ตาล 6 ช้อนชา ตอ่ วัน ไขมนั 6 ช้อน เขียว วติ ามินเอ ในตับ ไข่แดง นม ผกั ผลไม้สเี หลือง สม้
ชา ต่อวัน และโซเดียม (เกลอื ) 1 ชอ้ นชา ตอ่ วนั เพ่ือ เป็นต้น จากโครงการ “การจัดทำ�ขอ้ ปฏบิ ตั ิการใหอ้ าหาร
เปน็ แนวทางการลด หวาน มัน เค็ม ช่วยลดความเสีย่ ง เพอ่ื สขุ ภาพทดี่ ี ของทารกและเดก็ วยั ก่อนเรียน” [Food-
A20ugust 2016

Based Dietary Guidelines, FBDG] พบวา่ ทารกกลมุ่
อายุ 6-8 เดือน ได้รับพลังงาน ธาตุเหลก็ สังกะสี และ
วติ ามินซไี มเ่ พียงพอ และในกล่มุ อายุ 9-11 เดือน ไดร้ ับ
พลงั งาน ธาตเุ หล็กไม่เพียงพอ
4. กินผกั ผลไม้ เป็นแหล่งวิตามนิ แร่ธาตุ ใย
อาหาร ทุกม้อื และหลากหลาย โดยเฉพาะผกั ใบสีเขยี ว ผัก
สเี หลืองส้ม เชน่ ต�ำ ลึง ผกั บ้งุ คะนา้ บรอคเคอร่ี ฟักทอง
แครอท ผักกาดขาว ผลไม้ท่ไี มห่ วานจัด เช่น มะละกอ
สุก กล้วยน้ำ�วา้ สม้ แอบเปิล้ แคนตาลปู หรอื อื่นๆ ตาม
ฤดูกาล
5. กินอาหารธรรมชาติ ไมป่ รงุ แต่งรสชาติดว้ ย
เกลือ ซอสต่างๆ น้�ำ ตาล ใชน้ ้ำ�มนั พืชคณุ ภาพดี ปริมาณ
น้อยในการประกอบอาหาร เช่น น้ำ�มันรำ�ข้าว น้ำ�มัน
คาโนล่า น้ำ�มันถั่วเหลือง เป็นต้น ปัจจุบันนิยมอาหารที่
เรียกวา่ Clean Food ซ่ึงเปน็ อาหารที่เหมาะสมตามหลกั
โภชนาการทส่ี ดุ
6. ส่งเสริมให้กินธัญพืช ผัก ผลไม้ เปน็ อาหาร
วา่ ง แทนขนมหวาน เบเกอร์ร่ี ขนมถุงส�ำ เรจ็ รปู ขนมทอด
ตา่ งๆ โดยดดั แปลงรปู แบบใหน้ า่ กนิ เชน่ ผลไมป้ น่ั เยลล่ี
รสจดื สอดไสผ้ ลไมส้ ด ผกั โขม แครอท มนั เทศ มนั ฝรงั่
ชุปไขอ่ บในพมิ พข์ นม พดุ ดงิ้ เตา้ หู้ ข้าวโพดตม้ กลว้ ยป้ิง
เป็นตน้
7. ด่มื น้ำ�สะอาดใหเ้ ป็นนสิ ยั หลีกเลย่ี งน�้ำ ผลไม้
น้�ำ สมนุ ไพร ชาเขยี ว ท่ีเตมิ นำ�้ ตาลหรอื น�ำ้ ผงึ้ งดนำ้�อดั ลม
ชา กาแฟ อาจทำ�น�ำ้ ใบเตย นำ�้ ดอกอญั ชนั นำ้�เกก๊ ฮวย
กลน่ิ หอมอ่อนๆ (ไม่เติมน้ำ�ตาลหรือนำ้�ผง้ึ )
8. ส่งเสริมใหอ้ อกก�ำ ลังกายเป็นประจำ�ทุกวันเพื่อ
ใหร้ า่ งกายน�ำ พาสารอาหารทไ่ี ดร้ บั ไปสรา้ งเซลลต์ า่ ง ๆ พฒั นา
การเจริญเตบิ โตทั้งร่างกาย จติ ใจ สติปัญญา ไดอ้ ย่างมี
ประสทิ ธิภาพ

บรรณานกุ รม
: คู่มืออาหารตามวัยสำ�หรับทารกและเด็กเล็ก
สำ�นักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ
พ.ศ.2552
: แนวทางการจัดอาหารกลางวนั “เดก็ วยั เรยี น”
กลมุ่ พัฒนาพฤติกรรมโภชนาการ สำ�นักโภชนาการ
กรมอนามยั กระทรวงสาธารณสุข

21

วัคซีนเดก็ ไทย
แพทยห์ ญิงรังสิมา โล่หเ์ ลขา
กมุ ารแพทย์ผเู้ ช่ยี วชาญดา้ นโรคติดเชอ้ื

A22ugust 2016

ตั้งแต่วัยแรกเกิดลูกจำ�เป็นต้องได้รับวัคซีน
เพ่ือกระตุ้นให้ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันต่อเชื้อโรครอบตัว
วัคซีนเป็นวิธีการป้องกันโรคที่ประหยัดและคุ้มทุนท่ีสุด
เนอ่ื งจากชว่ ยลดอตั ราการตายจากโรคตดิ เชอ้ื ตา่ งๆ ไดป้ ลี ะ
มากมาย เช่น โรคคอตบี บาดทะยัก ไอกรน โปลิโอ หดั
หดั เยอรมนั คางทมู ตับอักเสบจากไวรสั เอและบี โรคไข้
สมองอกั เสบ ไขห้ วัดใหญ่ อีสุกอีใส เป็นต้น โรคต่างๆ
เหล่านี้ถ้าเป็นแล้วอาจมีอาการหรือภาวะแทรกซ้อนที่
รนุ แรง ดังนนั้ การรู้ลว่ งหนา้ ว่าลูกจะต้องได้รับวคั ซนี ชนดิ
ใดบ้างในแต่ละช่วงวัย และมีข้อแนะน�ำ เกีย่ วกบั การให้
วคั ซนี อยา่ งไรบา้ ง นบั เปน็ เรอ่ื งสำ�คญั ตอ่ การเสรมิ สร้าง
สุขภาพท่ีดีของลูกนอ้ ย

วัคซีนใดท่ีแนะนำ�ให้ฉีดในเด็กไทยทุกคนและ
วัคซีนใดเปน็ วัคซนี ทางเลือก

วคั ซนี ทแี่ นะนำ�ใหฉ้ ีดในเดก็ ไทยทุกคน เป็นวคั ซีน
ที่กำ�หนดในแผนการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรคของกระทรวง
สาธารณสุข ส่วนวัคซีนทางเลอื กเป็นวคั ซีนทีอ่ ยนู่ อกแผน
วัคซีนของกระทรวงสาธารณสุข ไม่จำ�เป็นที่ต้องฉีดใน
เดก็ ทกุ ราย แตถ่ า้ ผปู้ กครองสนใจควรปรึกษาแพทยถ์ ึง
ขอ้ ดขี อ้ เสยี และราคากอ่ นการรบั วคั ซนี ทกุ ครง้ั โดยการรบั
วคั ซนี ทางเลอื กตา่ งๆ ควรอยใู่ นดุลพนิ จิ ของแพทยแ์ ละผู้
ปกครองตามความเหมาะสม ดังตารางท่ี 1

23

ตารางท่ี 1 ตารางวคั ซนี ส�ำ หรบั เดก็ ไทย อา้ งองิ ตารางวคั ซนี แนะน�ำ โดยสมาคมโรคตดิ เชอ้ื ในเดก็
แหง่ ประเทศไทยปี พ.ศ. 2559

อายุ วัคซีนในแผนของกระทรวงสาธารณสุข วคั ซนี ทางเลอื กนอกแผนของกระทรวงสาธารณสขุ
แนะนำ�ให้ฉีดในเด็กทุกคน ตอ้ งเสียค่าใชจ้ า่ ยเอง ควรปรกึ ษาแพทย์ถึงขอ้ บ่งชี้
แรกเกิด
1 เดือน วัคซีนป้องกันวัณโรค และราคา
2 เดือน วัคซีนปัองกันไวรัสตับอักเสบบี^ ครั้งที่ 1
(วัคซีนปัองกันไวรัสตับอักเสบบี^ ครั้งที่ 2 ในราย วคั ซนี รวมคอตบี บาดทะยกั ไอกรน (ชนดิ ไรเ้ ซล) โปลโิ อชนดิ ฉดี
ที่แม่เป็นพาหะตับอักเสบบี) เยื่อหมุ้ สมองอกั เสบจากเชอื้ ฮบิ และตับอักเสบบ^ี คร้ังท่ี 1
วัคซีนรวมป้องกันคอตีบ บาดทะยัก ไอกรน และ วคั ซีนป้องกนั โรคตดิ เช้ือนิวโมคอคคสั ชนิดคอนจเู กต# (ไอพีดี)
ตับอักเสบบี^ครั้งที่ 1 ครั้งท่ี 1
วัคซีนป้องกันโปลิโอชนิดกิน ครั้งที่ 1 วคั ซนี ป้องกนั การทอ้ งเสียจากเชือ้ โรต้าไวรสั * คร้งั ท่ี 1
วคั ซนี รวมคอตบี บาดทะยกั ไอกรน (ชนดิ ไรเ้ ซล) โปลโิ อชนดิ ฉดี
4 เดือน วคั ซนี รวมป้องกันคอตีบ บาดทะยกั ไอกรนและตบั เย่อื หุ้มสมองอกั เสบจากเชื้อฮบิ ครงั้ ที่ 2
อักเสบบี^ ครงั้ ที่ 2 วัคซีนป้องกนั โรคตดิ เชื้อนวิ โมคอคคัสชนิดคอนจูเกต# (ไอพดี ี)
วัคซีนป้องกนั โปลโิ อชนิดกนิ ครั้งท่ี 2 โดยใหร้ ว่ มกับ คร้ังที่ 2
วัคซนี ป้องกนั โปลโิ อชนิดฉีดอกี 1 เขม็ วัคซนี ป้องกันการท้องเสียจากเชื้อโรต้าไวรสั * ครง้ั ที่ 2
วคั ซนี รวมคอตบี บาดทะยกั ไอกรน (ชนดิ ไรเ้ ซล) โปลโิ อชนดิ ฉดี
6 เดือน วัคซนี รวมปอ้ งกนั คอตีบ บาดทะยกั ไอกรนและตบั เย่ือหุ้มสมองอกั เสบจากเชื้อฮิบและตบั อักเสบบี^ ครงั้ ท่ี 3
อักเสบบ^ี คร้งั ท่ี 3 วคั ซีนป้องกนั โรคตดิ เช้ือนิวโมคอคคสั ชนดิ คอนจเู กต# (ไอพดี )ี
วคั ซนี ปอ้ งกันโปลิโอชนิดกนิ คร้ังที่ 3 ครัง้ ท่ี 3
วัคซีนปอ้ งกนั การท้องเสยี จากเช้อื โรตา้ ไวรสั * ครัง้ ที่ 3
วคั ซีนปอ้ งกนั ไข้หวัดใหญ่ ครัง้ ที่ 1 และ 2 หา่ งกนั 4 สัปดาห์
จากนน้ั กระตุ้นปีละคร้ังในชว่ งอายุ 18 ปีแรก**

9-12 เดือน วคั ซนี ปอ้ งกนั หดั หดั เยอรมนั คางทมู ครง้ั ท่ี 1

12-18 วคั ซนี ป้องกันไขส้ มองอักเสบ คร้งั ท่ี 1 และครงั้ ท่ี 2 วัคซีนปอ้ งกนั อีสุกอีใสเขม็ ที่ 1 ***
เดือน (ห่างกัน 1-4 สัปดาห์) วัคซนี ปอ้ งกนั ไข้สมองอักเสบชนดิ เชือ้ เปน็ คร้งั ท่ี 1 และ ครัง้ ท่ี
1 1/2 ปี วคั ซนี ปอ้ งกันคอตีบ บาดทะยัก ไอกรน คร้งั ท่ี 4 2 หา่ งกัน 3-12 เดอื น
วัคซีนป้องกันโปลิโอชนิดกิน ครั้งที่ 4 วคั ซนี ป้องกนั โรคนิวโมคอคคสั ชนดิ คอนจเู กต ครัง้ ที่ 4
วคั ซนี ปอ้ งกนั ไวรสั ตบั อกั เสบเอ 2 ครง้ั @หา่ งกนั 6 เดอื น
วคั ซีนรวมคอตบี บาดทะยัก ไอกรน โปลิโอชนดิ ฉีด (เย่อื หุม้
สมองอกั เสบจากเชื้อฮิบ) ครง้ั ที่ 4

2-2 1/2 ปี วัคซีนป้องกันไข้สมองอักเสบ ครั้งที่ 3 วคั ซีนรวมคอตบี บาดทะยกั ไอกรน โปลโิ อชนิดฉดี คร้ังท่ี 5
2 1/2-4 ปี วคั ซนี ปอ้ งกนั หดั หดั เยอรมนั คางทมู ครง้ั ท่ี 2 วัคซนี ปอ้ งกันอสี กุ อใี ส กระตุน้ เขม็ ท่ี 2***
วคั ซนี ปอ้ งกนั คอตบี บาดทะยกั ไอกรน ครง้ั ท่ี 5
4-6 ปี วัคซนี ปอ้ งกนั โปลโิ อชนดิ กิน คร้ังท่ี 5

11-12 ปี วัคซีนป้องกัน คอตีบ บาดทะยัก กระตุ้น วัคซีนปอ้ งกนั คอตบี บาดทะยกั ไอกรนกระต้นุ
9-26 ปี วคั ซีนปอ้ งกันอสี ุกอีใส กรณีทไ่ี ม่เคยเปน็ โรคหรือฉีดวคั ซนี มา
ก่อน***
2A4ugust 2016 วัคซีนปอ้ งกันมะเรง็ ปากมดลูก 3 เข็ม ท่ี 0,1 - 2 เดือน และ
6 เดือน##

หมายเหตุ :

^ เดก็ ทกุ คนตอ้ งไดร้ บั วคั ซนี ปอ้ งกนั ตบั อกั เสบบอี ยา่ งนอ้ ย 3 เขม็ ถา้ ไมม่ ขี อ้ หา้ ม โดยเขม็ สดุ ทา้ ยตอ้ งอายมุ ากกวา่ หรอื
เทา่ กบั 6 เดอื น ในเดก็ ทแ่ี มเ่ ปน็ พาหะตบั อกั เสบบี ควรไดว้ คั ซนี ตบั อกั เสบบคี รง้ั ท่ี 2 เรว็ ขน้ึ คอื ทอ่ี ายุ 1 เดอื น
* วคั ซนี โรตา้ เรม่ิ ใหไ้ ดต้ ง้ั แต่ 6 สปั ดาหข์ น้ึ ไป เปน็ ชนดิ กนิ 2 - 3 ครง้ั ขน้ึ กบั ชนดิ ของวคั ซนี
# วัคซีนไอพีดี ควรให้ในเด็กที่มีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อสูง เช่น เด็กที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง เช่น ภาวะไม่มีม้าม
ธาลัสซเี มีย เดก็ ทม่ี โี รคเรอ้ื รงั เชน่ โรคปอด (หอบหดื รนุ แรง) โรคหวั ใจ โรคตบั โรคไต เบาหวาน นอกจากนว้ี คั ซนี สามารถให้
ไดใ้ นเดก็ อายตุ �ำ่ กวา่ 5 ปี ทป่ี ระสงคจ์ ะปอ้ งกนั โรค
** วคั ซนี ไขห้ วดั ใหญ่ เรม่ิ ใหไ้ ดใ้ นเดก็ ตง้ั แต่ 6 เดอื นขน้ึ ไป กลมุ่ เสย่ี งคอื เดก็ อายุ 6 - 24 เดอื น หรอื เดก็ ทเ่ี ปน็ โรคเรอ้ื รงั
เชน่ โรคปอด ภมู แิ พ้ โรคหวั ใจ โรคอว้ น
*** วคั ซนี อสี กุ อใี ส สามารถเรม่ิ ใหไ้ ดต้ ง้ั แต่ 12 เดอื นขน้ึ ไป การฉดี กระตนุ้ เขม็ ทส่ี องทอ่ี ายุ 4-6 ปี จะท�ำ ใหป้ ระสทิ ธภิ าพ
ในการปอ้ งกนั โรคสงู ขน้ึ ในเดก็ ทอ่ี ายุ 10 ปี ทย่ี งั ไมเ่ คยปว่ ยเปน็ อสี กุ อใี สแนะน�ำ วา่ ควรใหว้ คั ซนี เพราะอาการของโรคจะรนุ แรง
ขน้ึ ในเดก็ โต โดยในเดก็ อายมุ ากกวา่ 13 ปขี น้ึ ไป ฉดี 2 เขม็ หา่ งกนั 1 เดอื น
**** ในกรณที ร่ี บั วคั ซนี ไขส้ มองอกั เสบชนดิ ไมม่ ชี วี ติ ตามแผนกระทรวงสาธารณสขุ มาแลว้ 3 เขม็ อาจพจิ ารณาให้
วคั ซนี ปอ้ งกนั ไขส้ มองอกั เสบแบบมชี วี ติ กระตนุ้ อกี ครง้ั เพอ่ื ใหภ้ มู ติ า้ นทานอยนู่ านขน้ึ ในรายทร่ี บั วคั ซนี ไขส้ มองอกั เสบชนดิ มชี วี ติ
มาแลว้ 2 เขม็ ไมจ่ �ำ เปน็ ตอ้ งกระตนุ้ ซ�ำ้
@ วคั ซนี ตบั อกั เสบเอฉดี ไดต้ ง้ั แต่ 12 เดอื นขน้ึ ไป
## วคั ซนี เอชพวี ี เนน้ ใหฉ้ ดี อายุ 11 - 12 ปี หากฉดี ในวยั รนุ่ ทแ่ี ขง็ แรงดกี อ่ นอายุ 15 ปี ใหฉ้ ดี 2 เขม็ ไดท้ ่ี 0 และ
6 - 12 เดอื น การฉดี ในผอู้ ายมุ ากกวา่ 26 ปพี จิ ารณาเปน็ รายๆ ไป การฉดี ในเดก็ ผชู้ ายแนะน�ำ ในกลมุ่ ชายรกั ชายอายุ 9 - 26 ปี
เนน้ อายุ 11 - 12 ปี

หลังการรับวัคซีน คุณพอ่ คุณแมค่ วร

สอบถามคุณหมอถึงผลข้างเคียงของวัคซีน
เพือ่ เตรยี มรบั มอื เมอื่ ลกู เกิดอาการขา้ งเคียง สว่ นมากการ
ให้วคั ซนี ไมม่ ผี ลขา้ งเคยี งท่รี นุ แรง ผลขา้ งเคยี งทีอ่ าจพบ
ไดใ้ นการฉดี วคั ซนี เช่น ไข้ และการปวดบวมในบรเิ วณ
ทฉี่ ีดยาเปน็ ส่งิ ที่พบบอ่ ย มเี พยี งผปู้ ว่ ยนอ้ ยรายทอ่ี าจมผี ล
ขา้ งเคยี งทร่ี นุ แรง เชน่ มผี น่ื ขนึ้ มีไขส้ ูง ชัก พฤตกิ รรม
เปลี่ยนแปลงไป หายใจลำ�บาก เสียงแหบ หอบ ซดี ออ่ น
แรง หรือตัวบวม อาการตา่ งๆเหลา่ นพี้ บได้นอ้ ยมากๆ แต่
อาจพบได้ในผทู้ ่ีแพ้วคั ซนี ดังน้ันหากฉีดวัคซนี ตัวใหมค่ วร
สงั เกตอาการทโี่ รงพยาบาลอยา่ งน้อย 30 นาทีกอ่ นกลับ
บา้ น
จดบันทึกสุขภาพลกู น้อย วัคซนี ที่ไดร้ บั และ
ตรวจเช็ควัน เวลา ในการตรวจรบั วัคซนี ครงั้ ตอ่ ไป
หมั่นเฝ้าสังเกตพัฒนาการการเจริญเติบโต
ของลูกว่าปกติหรือไม่อย่างไร ด้วยการบันทึกลงในสมุด
สขุ ภาพ
ปรกึ ษาแพทยโ์ ดยทันที หากพบวา่ ลูกมีอาการ
ผิดปกติหลังจากการไดร้ ับวคั ซนี

25

คำ�แนะนำ�เกี่ยวกับการให้วคั ซีน

- หากลูกเปน็ ไข้กอ่ นวันกำ�หนดท่ี
รบั วคั ซนี ควรเลอ่ื นการรบั วคั ซนี ไปจนกวา่
ลกู จะหายไข้ แตถ่ า้ เปน็ หวดั เลก็ นอ้ ยสามารถ
ใหว้ ัคซนี ได้
- เดก็ ท่มี ีโรคประจ�ำ ตัวเรอื้ รงั มี
ประวตั แิ พ้สว่ นประกอบของวคั ซนี กินยา
สเตยี รอยด์หรือยากดภูมิตา้ นทาน ไดร้ ับ
องค์ประกอบของเลอื ดในชว่ ง 1 ปีทผี่ า่ น
มา ควรแจง้ ใหแ้ พทย์ทราบก่อนใหว้ ัคซนี
- วัคซนี บางชนดิ ท�ำ ใหม้ ไี ขไ้ ดห้ ลัง
การฉดี วัคซนี ควรเชด็ ตัวลดไข้ และให้ยา
ลดไขต้ ามแพทยส์ ั่ง
- วคั ซนี บางชนดิ ที่ตอ้ งใหม้ ากกวา่
1 ครง้ั คณุ พอ่ คณุ แมค่ วรใหล้ กู ไดร้ บั วคั ซนี
ครบทกุ ครงั้ เพ่ือผลในการปอ้ งกนั โรคท่ีมี
ประสิทธภิ าพอยา่ งเตม็ ที่
- ถ้าไม่สามารถรับวัคซีนได้ตาม
ก�ำ หนด ควรรบี พาลกู มารบั วคั ซนี ทนั ที ไม่
ว่าจะเว้นไปนานเท่าไรก็ให้ฉีดวัคซีนต่อ
เนอ่ื งไดโ้ ดยไม่ต้องตงั้ ต้นใหม่
- ถ้าลูกมอี าการรุนแรงหลังจากท่ี
รับวคั ซนี เช่น ชัก มีไข้สูงมาก กรดี ร้อง
อ่อนแรง ควรแจ้งใหแ้ พทยท์ ราบกอ่ นการ
ฉีดครงั้ ตอ่ ไป
- ควรเกบ็ สมดุ วคั ซีนของลกู ไว้จน
โต เพ่ือเปน็ หลกั ฐานการรบั วัคซีน เพราะ
วัคซีนบางชนิดต้องมีการฉีดกระตุ้นเม่ือ
เป็นผู้ใหญ่

A26ugust 2016

สรปุ วคั ซีนเป็นการปอ้ งกนั โรคตดิ เชื้อท่ีมปี ระสิทธิภาพสูง ปจั จุบันมวี คั ซีนให้เลือกหลากหลาย

อย่างน้อยที่สุดเด็กไทยทุกคนควรได้รับวัคซีนตามภาคบังคับที่อยู่ในแผนการสร้างเสริมภูมิคุ้มกัน
โรคของกระทรวงสาธารณสุข ส่วนวัคซนี ทางเลือกสำ�หรับเดก็ และทารกทว่ั ไปและวัคซนี รวมชนิด
ต่างๆ เปน็ อีกทางเลอื กหนง่ึ ทท่ี ำ�ใหก้ ารฉดี วคั ซนี ท�ำ ไดส้ ะดวก รวดเร็ว ปลอดภยั และเดก็ ไมต่ ้อง
เจ็บตัวหลายครงั้ การรับวัคซนี ทางเลอื กต่างๆ ควรอย่ใู นดุลพินจิ ของแพทย์และผู้ปกครอง การ
ปอ้ งกนั โรคนอกเหนอื จากการให้วัคซนี แลว้ ควรหลกี เลย่ี งการไปในสถานท่ีทแ่ี ออดั กินอาหารทปี่ รงุ
สุกและสะอาด ใชช้ อ้ นกลาง ล้างมือบ่อยๆ ใหเ้ ป็นนิสัย นอกจากนีก้ ารเลยี้ งลกู ดว้ ยนมแมเ่ ปน็ การ
ให้ภูมิคุ้มกันโรคตามธรรมชาติท่ีสำ�คัญเพราะน้ำ�นมแม่ในระยะแรกหลังคลอดสามารถถ่ายทอด
ภูมิคุม้ กนั โรคจากแมไ่ ปสลู่ กู ได้ ถา้ ปฏบิ ัติตามนคี้ ณุ พอ่ คณุ แม่ก็จะสามารถปอ้ งกนั โรคท่ีป้องกันได้ให้
ลกู นอ้ ยไดห้ ลายชนดิ แล้วคะ่

27

เมือ่ ลกู พูดช้า

แพทย์หญิงชาครยิ า ธรี เนตร

กมุ ารแพทยผ์ ้เู ชีย่ วชาญด้านพัฒนาการและพฤติกรรม

พูดช้าเป็นปัญหาพัฒนาการที่พบบ่อย พัฒนาการ
ของภาษาและการสื่อสารเป็นสิ่งที่มีความสำ�คัญต่อเด็ก
อย่างยิ่ง เพราะเปน็ พน้ื ฐานส�ำ คญั ตอ่ การเรยี นรู้ และการใช้
ชวี ติ ประจ�ำ วนั สว่ นหนง่ึ ของเดก็ พดู ช้าจะพดู ได้ตามปกติเม่ือ
เข้าสู่วัยอนุบาลแต่ส่วนหนึ่งยังคงมีพัฒนาการภาษาที่ช้า
กว่าวัย ทั้งนี้ยังไม่มีคำ�จำ�กัดความของคำ�ว่า “พัฒนาการ
ภาษาช้า” เน่ืองจากมีความหลากหลายของพัฒนาการ
A28ugust 2016

ตารางที่ 1 พัฒนาการทางภาษาท่ปี กติตามเกณฑ์เฉล่ยี

อายุ การแสดงออกทางภาษา ความเข้าใจภาษา การสือ่ สารดว้ ยท่าทาง

แรกเกดิ – 2 เดือน ร้องไห้ หันหาเสยี ง

2 – 4 เดือน สง่ เสียง อ,ู อา ยม้ิ ทกั
6 เดือน ส่งเสยี งออ้ แอ้ เช่น ปาปาปา, มามามา จ้องมองหน้า
ตอบสนองต่อเสียงเรยี กชื่อ

12 เดอื น - พูดเปน็ คำ�ทีม่ ีความหมายไดค้ ำ�แรก - ทำ�ตามคำ�สั่งทีม่ ที า่ ทาง เชน่ คณุ แม่ - มองตามมือที่ผู้ใหญ่ชช้ี วน
15 – 18 เดอื น - ออกเสยี งสงู ๆ ต่ำ�ๆ เหมือนภาษาพูด ช้ีไปท่ีลูกบอลแล้วพูดว่าหยิบบอลให้แม่ - ช้ีบอกความตอ้ งการ (12-14 เดือน)
18 – 24 เดอื น ช้ีสว่ นตา่ งๆ ของรา่ งกายเมือ่ ถาม - เมอื่ พดู วา่ “อยา่ ” เดก็ จะหยดุ ทำ� - เรมิ่ ปฏิเสธด้วยการส่ายหัว

พดู เปน็ พยางค์ เช่น ไปเทย่ี ว ทำ�ตามค�ำ ส่ังโดยไม่มีท่าทางประกอบ - ชีช้ วนเพือ่ ให้ได้รับความสนใจ
หรือเพื่อความสนุกสนาน

- ชชี้ วนให้ดูสง่ิ ของที่เดก็ สนใจ

ช้ีบุคคลหรอื ส่งิ ของเพอื่ บอกช่ือ

24 – 36 เดือน - ตอบค�ำ ถามงา่ ยๆ เช่น หนชู ่อื อะไร, ใคร ทำ�ตามคำ�สง่ั 2 ขั้นตอน โดยไมม่ ี
36 – 48 เดือน - พดู แลว้ คนอนื่ เข้าใจรอ้ ยละ 50 ท่าทางประกอบ
48 – 72 เดือน
- พูดประโยคทม่ี ี 4-5 ค�ำ เข้าใจด้านบุพบท เชน่ บน ใน ใต้
- พดู แลว้ คนอืน่ เขา้ ใจร้อยละ 75

- พดู เปน็ ประโยคท่ีมีความซับซ้อน ท�ำ ตามค�ำ สงั่ 3 ขนั้ ตอน
- พดู แล้วคนอนื่ เขา้ ใจร้อยละ 100

โดยทว่ั ไปเดก็ อายุ 2 ปี รอ้ ยละ 10 – 15 มพี ฒั นาการทางภาษาชา้ แตม่ เี พยี งรอ้ ยละ 4 - 5 ท่ี
จะยงั คงมปี ญั หาหลงั อายุ 3 ปี รอ้ ยละ 6 – 8 ของเดก็ วยั เรยี นทม่ี ปี ญั หาดา้ นภาษากระทรวงสาธารณสุข
และภาคีเครือข่ายได้ร่วมกันดำ�เนินงาน โครงการส่งเสริมพัฒนาการเด็ก เฉลิมพระเกียรติสมเด็จ
พระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เน่ืองในโอกาสฉลองพระชนมายุ 60 พรรษา เริ่มดำ�เนิน
งานตั้งแต่ 2 เมษายน 2558 โดยส่งเสริมให้ผู้ปกครองสามารถเฝ้าระวังและประเมินพัฒนาการได้ดว้ ย
ตนเองโดยมบี ุคลากรทางการแพทย์ใหค้ �ำ แนะน�ำ และชว่ ยเหลือในการส่งเสรมิ พัฒนาการ และจากข้อมูล
ของการประเมินพัฒนาการทั่วประเทศเมื่อปี 2559 เด็กอายุ 30 เดือนมพี ัฒนาการทางภาษาชา้ ร้อยละ
17 แต่พบถึงรอ้ ยละ 19.6 ของเดก็ 42 เดือน

29

ปัจจยั เส่ียงตอ่ ปญั หาพฒั นาการทางภาษาท่ีช้า ได้แก่
1. ความยากจน
2. การศึกษาของผปู้ กครอง
3. เกดิ ก่อนกำ�หนดหรอื น้�ำ หนักตวั แรกเกดิ น้อยกวา่ 2,500 กรมั
4. ประวัติครอบครวั ทมี่ พี ัฒนาการทางภาษาชา้ หรอื ผิดปกติ
5. มารดามีภาวะซมึ เศร้า
6. เพศชาย

เพศชายมกั มีแนวโนม้ ทีจ่ ะมีปัญหาภาษาบกพร่อง
( specific language impairment) มากกวา่ เพศหญิง
รวมทง้ั ภาวะอนื่ ท่เี กียวเกีย่ วข้องกบั พฒั นาการทางภาษาช้า
เชน่ ออทสิ ซมึ

ตารางที่ 2 สง่ิ บอกเหตเุ ม่ือลูกไม่สามารถมีพัฒนาการตามที่ควรจะเป็น

อายุ พฒั นาการ

แรกเกิด - ไมว่ ่าจะอายุเทา่ ใด 6 – 9 เดือน ไม่ตอบสนองตอ่ เสียง โดยเฉพาะเสียงพอ่ แม่ ไม่สง่ เสยี งอ้อแอ้

12 เดือน ไม่เรยี กพอ่ แม่

15 เดือน ไม่พดู คำ�อืน่ ท่มี ีความหมายนอกจากพ่อแม่

18 เดือน ไม่ช้บี อกความต้องการ ไมม่ ีค�ำ พูดเพื่อบอกความต้องการ

ภาวะท่เี ป็นไปได้เม่ือเด็กมปี ญั หาพูดช้า

1. ทักษะทางภาษาลา่ ชา้ หรือบกพร่องเพยี งดา้ นเดียว
2. ออทสิ ซมึ
3. การได้ยินบกพร่อง
4. พฒั นาการลา่ ชา้ โดยรวม สติปัญญาบกพรอ่ ง
5. ขาดการเอาใจใสท่ ำ�ใหเ้ ด็กไม่ไดร้ ับการสง่ เสรมิ พัฒนาการ

3A0ugust 2016

ความเชอื่ และความจริง
ความเชอ่ื ตอ่ ไปนี้ท่ีใช้ในการอธบิ ายสาเหตุเด็กพดู ช้า กรณีทเี่ ดก็ พดู ช้าไม่วา่ เกดิ จากเหตผุ ลหรอื ความเช่ือ
ใดก็ตามเด็กควรได้รบั การประเมนิ ทนั ที

ความเชือ่ 1) : เดก็ ผูช้ ายพดู ชา้ กวา่ เด็กผู้หญงิ หรอื คุณพ่อและคณุ ลงุ ไม่พูด
จนกระทั่ง 3 ขวบ แตต่ อนนกี้ ป็ กติดี
ความจริง : พฒั นาการเรื่องการพดู และภาษาในเดก็ ชายและเดก็ หญิงมีพฒั นาการ
ที่คล้ายคลงึ กอ่ นอายุ 3 ปี เด็กผ้ชู ายมคี วามเสี่ยงทจ่ี ะเกิดปัญหาพัฒนาการลา่ ชา้
ทเ่ี กย่ี วขอ้ งกบั ภาษามากกวา่ เดก็ หญงิ ความชกุ ของการเกดิ ออทสิ ซมึ และพฒั นาการ
ด้านอนื่ ๆ ช้ากวา่ เด็กผหู้ ญงิ การที่เด็กชายมพี ฒั นาการทางภาษาช้าจะไดป้ ระโยชน์
จากการประเมินพฒั นาการและส่งเสรมิ พฒั นาการ

ความเชือ่ 2) : เด็กอยู่ในครอบครัวท่ีใชห้ ลายภาษา
ความจริง : โดยท่ัวไปการทเี่ ด็กอยู่ในสงิ่ แวดลอ้ มหลายภาษาไมไ่ ดอ้ ธิบาย
ทักษะทางภาษาทชี่ า้ ปริมาณและคณุ ภาพท่ีได้รบั ของแต่ละภาษา อาจมีผลตอ่

พัฒนาการของภาษา

ความเช่ือ 3) : พ่ีชายพูดแทนหรือ ความเชือ่ 4) : เด็กพดู ได้นอ้ ยแต่เขา้ ใจ
เด็กได้ทุกอย่างที่ต้องการโดย ทกุ อยา่ ง
ไมต่ อ้ งพดู ความจรงิ : ถงึ แม้ผู้ปกครองจะบอกวา่
ความจริง : ตามธรรมชาตขิ องเดก็ เด็กเข้าใจทุกอย่างเด็กก็ควรได้รับการ
เล็ก มักอยากจะสื่อสารไม่ใช่เพียง ประเมนิ ทง้ั การพดู และความเขา้ ใจภาษา
เ พ่ื อ ใ ห้ ไ ด้ ส่ิงท่ีต้องการแต่เม่ือการ
สอ่ื สารซง่ึ เกดิ ขน้ึ ตั้งแต่ยังเป็นทารก ความเชื่อ 5) : เด็กพูดได้ดที ีบ่ า้ น แต่ครู
การที่เด็กไม่แสดงท่าทางที่อยาก บอกวา่ เดก็ ไมพ่ ดู เลยทง้ั ๆ ทเี่ ด็กชอบไป
จะสื่อสารกับผู้อื่นเป็นสิ่งบอกเหตุว่า โรงเรียนซ่งึ ไปมาแล้ว 6 เดอื น
มพี ัฒนาการชา้ หรือภาวะทเ่ี กย่ี วข้อง ความจริง : ในกรณีน้ีทอ่ี าจเปน็ ไปได้
กับความบกพร่องของการส่ือสาร คอื ภาวะทเ่ี ดก็ จะพดู เฉพาะบางสถานการณ์
ทางสงั คม หรือกับบางคน จากการที่เด็กมีความวิตก
กงั วลซง่ึ เดก็ ควรได้รับความชว่ ยเหลอื

31

อาการแสดง

ม ักจะมนี �้ำ เลดาก็ ยทย่พี ดื ูดชท้าั้งมๆักทม่เี ีทลักยษวยัะททาารงกภแาษลา้วลเ่าดช็ก้าที่มีพปฒััญนหาากพาฤรตทิการงรภมาษนา�ำ้ลล่าาชยา้ ยอืดาจจเะดมก็ ีปทญั ีม่ หปี าัญพหฤาตกิการรรคมวเบปคน็ ุมอกากลา้ารมเเดน่นื้อรบอาบงปคารกง้ั
ผู้ปกครองให้ความสนใจปัญหาพฤติกรรม และมองข้ามปัญหาภาษาที่ช้า ดังนั้นในกรณีที่เด็กมีปัญหาพฤติกรรมควรได้รับ
การประเมินพฒั นาการทุกดา้ น

การด�ำ เนนิ โรค

ประมาณรอ้ ยละ 60 ของเด็กท่พี ดู ช้าเพยี งอย่างเดียว โดยทค่ี วามเข้าใจภาษาปกตมิ กั จะกลบั มามีพัฒนาการทาง
ภาษาอยู่ในเกณฑ์ปกติเมอ่ื อายุ 2-3 ปี แตอ่ ย่างไรก็ตาม ปญั หาทางภาษาทีล่ ่าชา้ ในวยั เด็กอาจเป็นลกั ษณะสำ�คญั ของการเรยี น
ร้เู ก่ียวกบั ภาษาท่ีบกพร่อง

ข้อควรระวงั

ต อ้ งได้รบั คกรา้งัรแดรแู กลทเ่พีปน็บพวา่เิ ศเดษ็กมเชีป่นญั หกาาจระฝไึกมพส่ ัฒามนาารกถาบรอหกรไดือว้ บา่ เอดก็กไพมูด่ไดชว้ ้า่าอตย่อ่าไงปเดเดียก็ วจจะะมสปีามญั าหราถดม้าพี นฒั ทักนษากะาภราทษี่เาป็นสป่วนกตใหิ ญโด่เดยก็ ทท่ีไีม่มี่
พฒั นาการทางภาษาทล่ี า่ ชา้ และผดิ ปกติจนสง่ ผลตอ่ การเรียนมักไมส่ ามารถบอกไดจ้ นกว่าจะเข้าโรงเรยี น

การท�ำ นายโรค

การท่ีจะบอกวา่ เดก็ ทีพ่ ูดชา้ เพียงอยา่ งเดียวจะมีแนวโน้มจะเปน็ อยา่ งไรนัน้ ขน้ึ กบั สาเหตุ เด็กที่มปี ญั หาดา้ นภาษาไป
จนถงึ อายุ 5 ปี มักจะมีปัญหาไปจนถงึ วยั ผู้ใหญ่ นอกจากน้ยี งั เปน็ ไปไมไ่ ด้ที่จะคาดเดาถึงขนั้ ตอนพฒั นาการของเด็กได้ตง้ั แต่
แรกพบ อยา่ งไรกต็ ามจากการศึกษาระยะยาวพบว่า ปจั จยั ทสี่ มั พนั ธ์ตอ่ การกลบั มาเป็นปกตขิ องพฒั นาการทางภาษา ไดแ้ ก่
1. พัฒนาการทางภาษาลา่ ชา้ เพยี งอย่างเดียว โดยทพี่ ัฒนาการด้านอืน่ ปกติ
2. สติปัญญาอยู่ในเกณฑเ์ ฉลีย่ หรอื เหนือเกณฑ์เฉลยี่
3. ไม่มปี ัญหาด้านความเขา้ ใจภาษา
4. การสอื่ สารด้วยภาษาท่าทางปกติ
5 . ความสามารถในการคิด เล่นบทบาทสมมติ
คนทม่ี ีพฒั นาการทางการแสดงออกของภาษาทล่ี ่าชา้ ไมม่ ีผลกระทบต่อปญั หาพฤติกรรมในชว่ งวัยเรียน หรอื วยั รนุ่

การป้องกัน

พฒั นาการภาษาทล่ี า่ ชา้ เปน็ ผลกระทบจากหลายปจั จยั มวี ธิ กี ารทผ่ี ปู้ กครองสามารถสง่ เสรมิ พฒั นาการทางภาษาไดด้ งั ตอ่ ไปน้ี
1. อา่ นหนังสอื ใหล้ ูกฟัง จะช่วยเพ่ิมปริมาณและความหลากหลายของภาษา
2. เปดิ โอกาสใหเ้ ด็กไดส้ ัมผัส ภาษาท่ซี ับซ้อนข้ึน ในขณะที่อา่ นหนงั สือ
3. การอ่านนิทานพรอ้ มไปกบั การสร้างเสียงและท่าทางสมจรงิ ประกอบการอา่ น สง่ เสริมให้เด็กมีส่วนร่วมในการอ่าน ดว้ ย
การใหค้ วามเหน็ เกยี่ วกบั รูปภาพและเนื้อหา
4. บรรยายขณะทีก่ ำ�ลังทำ�กจิ วัตรประจ�ำ วันและใหส้ ัมพนั ธ์กับเดก็ เชน่ “คณุ แม่ล้างจานท่หี นูเพง่ิ ทานไป”
5. รบั ฟงั เม่ือเด็กพยายามสือ่ สาร ทวนค�ำ พูดของเด็กและขยายความ เชน่ เด็กพดู วา่ “นม” สามารถขยายความเปน็

“หนูหวิ นม รอเดี๋ยวคุณแมก่ �ำ ลงั อนุ่ นม” เมอ่ื อ่นุ เสรจ็ ใหเ้ ด็กสมั ผสั แกว้ นมแลว้ พูดว่า “นมอ่นุ ”
6. จ�ำ กัดหรอื ลด สือ่ และของเลน่ อิเล็กทรอนิกส์ เชน่ แท็บเลต็ รถบงั คบั
7. ให้เดก็ เลอื กสิง่ ที่ต้องการ เช่น จะดมื่ นมในกล่องหรอื เทใสแ่ กว้ เด็กมกั บอกดว้ ยการช้ี
8. แสดงท่าทางพร้อมคำ�พูด จะชว่ ยให้เด็กเข้าใจได้ง่ายขึ้น

สรปุ

พัฒนาการทางภาษาเปน็ ทักษะท่ีสำ�คัญ ตอ่ การเรียนรแู้ ละการอย่รู ่วมในสงั คมไดอ้ ย่างปกตสิ ขุ การสง่ เสริมพฒั นาการ
ท่ีเหมาะสมให้เด็กท่พี ดู ช้า จะชว่ ยใหเ้ ด็กพฒั นาได้อยา่ งเต็มศักยภาพ ซ่ึงอาศัยความร่วมมอื ของทุกฝ่าย ทัง้ ครอบครัว
ชมุ ชน โรงเรียน การบริบาลทางการแพทย์ และนโยบายของประเทศ

A32ugust 2016

บรรณานกุ รม

1. Sices, L. Use of developmental milestones in pediatric residency training and practice: time to rethink the meaning of the mean. J Dev
Behav Pediatr 2007; 28:47
2. Stein MT, Parker S, Coplan J, Feldman H. Expressive language delay in a toddler. J Dev Behav Pediatr 2001; 22:S99.
3. Collisson BA, Graham SA, Preston JL, et al. Risk and Protective Factors for Late Talking: An Epidemiologic Investigation. J Pediatr
2016; 172:168.
4. Tomblin JB, Records NL, Buckwalter P, et al. Prevalence of specific language impairment in kindergarten children. J Speech Lang
Hear Res 1997; 40:1245.
5. Shriberg LD, Tomblin JB, McSweeny JL. Prevalence of speech delay in 6-year-old children and comorbidity with language impairment.
J Speech Lang Hear Res 1999; 42:1461.
6. http://thaichilddevelopment.com/images/doc.pdf access 18th July 2016
7. Roth J, Figlio DN, Chen Y, et al. Maternal and infant factors associated with excess kindergarten costs. Pediatrics 2004; 114:720
8. Horwitz SM, Irwin JR, Briggs-Gowan MJ, et al. Language delay in a community cohort of young children. J Am Acad Child Adolesc
Psychiatry 2003; 42:932.
9. Barre N, Morgan A, Doyle LW, Anderson PJ. Language abilities in children who were very preterm and/or very low birth weight: a
meta-analysis. J Pediatr 2011; 158:766.
10. van Noort-van der Spek IL, Franken MC, Weisglas-Kuperus N. Language functions in preterm-born children: a systematic review and
meta-analysis. Pediatrics 2012; 129:745.
11. Stene-Larsen K, Brandlistuen RE, Lang AM, et al. Communication impairments in early term and late preterm children: a prospective
cohort study following children to age 36 months. J Pediatr 2014; 165:1123.
12. Yeargin-Allsopp M, Rice C, Karapurkar T, et al. Prevalence of autism in a US metropolitan area. JAMA 2003; 289:49.
13. Bertrand J, Mars A, Boyle C, et al. Prevalence of autism in a United States population: the Brick Township, New Jersey, investigation.
Pediatrics 2001; 108:1155
14. Feldman HM. Evaluation and management of language and speech disorders in preschool children. Pediatr Rev 2005; 26:131.
15. Coplan J. Language delays. In: The Zuckerman Parker Handbook of Developmental and Behavioral Pediatrics for Primary Care, 3rd
ed, Augustyn M, Zuckerman B, Caronna EB (Eds), Lippincott Williams & Wilkins, Philadelphia 2011. p.258.
16. Law J, Boyle J, Harris F, et al. Screening for speech and language delay: A systematic review of the literature. Available at: www.hta.
ac.uk/fullmono/mon209.pdf (Accessed on July 18, 2016).
17. Beitchman JH, Wilson B, Brownlie EB, et al. Long-term consistency in speech/language profiles: I. Developmental and ac ademic
outcomes. J Am Acad Child Adolesc Psychiatry 1996; 35:804.
18. Beitchman JH, Brownlie EB, Inglis A, et al. Seven-year follow-up of speech/language-impaired and control children: speech/language
stability and outcome. J Am Acad Child Adolesc Psychiatry 1994; 33:1322.
19. Glogowska M, Roulstone S, Peters TJ, Enderby P. Early speech- and language-impaired children: linguistic, literacy, and social outcomes.
Dev Med Child Neurol 2006; 48:489.
20. Palfrey JS, Singer JD, Walker DK, Butler JA. Early identification of children’s special needs: a study in five metropolitan communities.
J Pediatr 1987; 111:651.
21. Bailey DB Jr, Hebbeler K, Scarborough A, et al. First experiences with early intervention: a national perspective. Pediatrics 2004;
113:887.
22. Whitehurst GJ, Fischel JE. Practitioner review: early developmental language delay: what, if anything, should the clinician do about it?
J Child Psychol Psychiatry 1994; 35:613.
23. Whitehouse AJ, Robinson M, Zubrick SR. Late talking and the risk for psychosocial problems during childhood and ado lescence.
Pediatrics 2011; 128:e324.
24. High PC, LaGasse L, Becker S, et al. Literacy promotion in primary care pediatrics: can we make a difference? Pediatrics 2000;
105:927.
25. Zuckerman B. Promoting early literacy in pediatric practice: twenty years of reach out and read. Pediatrics 2009; 124:1660.
26. Zimmerman FJ, Gilkerson J, Richards JA, et al. Teaching by listening: the importance of adult-child conversations to language development.
Pediatrics 2009; 124:342.
27. Levickis P, Reilly S, Girolametto L, et al. Maternal behaviors promoting language acquisition in slow-to-talk toddlers: prospective
community-based study. J Dev Behav Pediatr 2014; 35:274.
28. Zimmerman FJ, Christakis DA, Meltzoff AN. Associations between media viewing and language development in children under age
2 years. J Pediatr 2007; 151:364.
29. Christakis DA, Gilkerson J, Richards JA, et al. Audible television and decreased adult words, infant vocalizations, and conversational
turns: a population-based study. Arch Pediatr Adolesc Med 2009; 163:554.
30. Sosa AV. Association of the Type of Toy Used During Play With the Quantity and Quality of Parent-Infant Communication. JAMA
Pediatr 2016; 170:132.

33

เกร็ดความรู้เก่ียวกับ ภาวะเป็นหนมุ่ สาวกอ่ นวยั

นายแพทย์ชลนั ธร ปรยี าสมบัติ

กุมารแพทยผ์ เู้ ช่ียวชาญดา้ นตอ่ มไรท้ ่อ

ภาวะเปน็ หนุ่มสาวกอ่ นวัย (Precocious puberty)
หมายถึง ภาวะทีม่ กี ารปรากฏ ของลักษณะทางเพศทุติยภมู ิ

(secondary sex characteristics) ก่อนวัยอันควร ไดแ้ ก่ การมีเตา้
นมกอ่ นอายุ 8 ปี ในเพศหญงิ และการเพมิ่ ขนาดของอัณฑะและ
องคชาตกิ ่อนอายุ 9 ปี ในเพศชาย ปจั จุบันเป็นภาวะที่มแี นวโนม้ พบ
บ่อยข้ึนและผูป้ กครองให้ความสนใจ หรือ กังวลวา่ จะเกิดขนึ้ กบั บตุ ร
หลานของตนหรือไม่ และมแี นวทางในการวนิ ิจฉัยหรอื รักษาอยา่ งไร
กอ่ นอนื่ จะขอกลา่ วเกย่ี วกบั พฒั นาการทางกายในเดก็ ปกตกิ อ่ น
หลงั จากเกดิ ออกมาจากครรภม์ ารดา เดก็ ชายและเดก็ หญงิ จะมีการ
เจริญเติบโตเรว็ อยเู่ พยี งสองช่วงในชวี ติ เท่านนั้ ช่วงแรกคือช่วงขวบ
ปแี รก โดยเดก็ จะมคี วามยาวเพม่ิ ขน้ึ ราวๆ 50% ของแรกเกดิ จาก
ความยาวแรกเกดิ เฉลี่ย 50 เซนติเมตร เป็นราวๆ 75 เซนติเมตร ที่อายุหนง่ึ ปี หลังจากนน้ั อัตราการเพม่ิ ความยาวหรือความ
สูงของร่างกายจะลดลงเรือ่ ยๆ จนเหลอื ราวๆ 4-6 เซนตเิ มตร ตอ่ ปี หลงั 4 ปเี ป็นต้นไปเปน็ เวลาต่อเนือ่ งหลายปี จนเมอ่ื เริ่ม
เขา้ วัยหนุ่มสาว เด็กจงึ จะเริม่ มีการพัฒนาของลกั ษณะทางเพศทตุ ยิ ภูมิ ร่วมกับความสูงที่เพ่ิมขึ้นอยา่ งรวดเร็ว (growth spurt)
เป็นรอบทส่ี องซึ่งเปน็ ครงั้ สดุ ทา้ ยของชีวิต

ในเด็กหญิง ส่วนใหญ่จะเริ่มเข้าสู่วัยสาวระหว่างอายุ 10-11 ปี

โดยหลังจากเริ่มมีเต้านม จะเริ่มสูงเร็ว ร่วมกับมีการเปลี่ยนแปลง
ทางกายอย่างค่อยเป็นค่อยไป เช่น เริ่มมีหน้ามัน ผมมัน มีกลิ่นตัว
มขี นบรเิ วณอวยั วะเพศ ชว่ งเวลานถ้ี อื ไดว้ า่ เปน็ ชว่ งนาทที อง ของชวี ติ
เดก็ จะสงู เรว็ 8-9 เซนตเิ มตร ตอ่ ปี และประมาณ 2 ปี หลังเร่ิม
เปน็ สาวกจ็ ะมีประจำ�เดอื นครั้งแรก อตั ราเพิม่ ความสูงจะชา้ ลงเร่ือยๆ
จนหยุดสนทิ ประมาณ 3 ปีหลัง จากมีประจ�ำ เดือน ครั้งแรก จะสงู
ไดเ้ พียง 4-6 เซนติเมตร ท้ังนอี้ ายุทเ่ี ริม่ เขา้ สูว่ ยั สาวอาจแตกตา่ งกนั
ไดห้ ลายปี ขน้ึ กบั หลายๆ ปจั จยั เชน่ กรรมพนั ธ์ุ ภาวะโภชนาการ ในเด็ก
ปกตบิ างรายอาจเข้าสวู่ ยั สาวตงั้ แตอ่ ายุ 8 ปี แต่เดก็ บางคนที่เป็น
“ม้าตนี ปลาย” อาจเร่ิมเข้าสู่วยั สาว เม่ืออายุ 13 ปหี รือช้ากว่านัน้

3A4ugust 2016

ในเด็กชาย โดยปกตจิ ะเรม่ิ เปน็ หนุม่ ชา้ กวา่ เด็กหญงิ สว่ นใหญ่จะเริม่

เข้าสู่วยั หนุ่มประมาณอายุ 11-12 ปี โดยมีการเพิม่ ขนาดของอัณฑะ
และองคชาติ ร่วมกับมีการเปลี่ยนแปลงทางกายอย่างคอ่ ยเป็นคอ่ ยไป
มเชกี ่นากรผันลติไดนแ้ ำ้�กอ่สเุจริ ิม่ชมว่ ีหงเนว้าลมาันทสี่ สงู ิวเรว็ กใลนนิ่เดต็กวั ชาขยนมบกั รเเิ รวิม่ ณในอวชยัว่ วงะวเัยพหศนุ่มหตนอวนด
กลาง ใกลๆ้ กบั ชว่ งเวลาทเ่ี สยี งเรม่ิ แตก ตา่ งกบั เดก็ หญงิ ทส่ี งู เรว็ ในชว่ ง
วัยสาวตอนต้น ระยะเวลาที่สูงเร็วในเด็กชายมักกินเวลาไม่เกิน 2 ปี
โดยเฉล่ยี จะสงู ประมาณ 8-9 เซนตเิ มตร ต่อปีเช่นกนั หลงั จากน้ันจะ
สงู ช้าลงเร่ือยๆ จนหยุดสนิทภายในไม่เกิน 3-4 ปีหลังจากเสียงเริ่มแตก
ทั้งนี้อายุที่เริ่มเข้าสู่วัยหนุ่มอาจแตกต่างกันได้หลายปีเชน่ กนั
โดยเด็กชายปกตบิ างรายอาจเรมิ่ เป็นหนุม่ ไดต้ ั้งแตอ่ ายุ 9 ปี แต่
บางรายทเ่ี ปน็ “มา้ ตนี ปลาย” อาจเรม่ิ เปน็ หนมุ่ เมอื่ อายุ 14 ปี หรอื ชา้
กวา่ นน้ั

กระบวนการเริ่มต้นเข้าสู่วัยหนุ่มสาวเป็นกระบวนการที่ซับซ้อนบริเวณสมองส่วนไฮโปธาลามัส
(hypothalamus) และต่อมใต้สมองส่วนหน้า โดยเมื่อถึงเวลาอันเหมาะสมสมองส่วนไฮโปธาลามัสจะสร้าง
ฮอร์โมน GnRH ไปกระตุ้นต่อมใต้สมองส่วนหน้าให้หลั่งฮอร์โมน LH และ FSH ไปกระตุ้นต่อมเพศ

ไดแ้ กร่ งั ไขใ่ นเดก็ หญงิ และอณั ฑะในเดก็ ชายใหเ้ รม่ิ ผลติ ฮอร์โมนเพศ เกดิ ลกั ษณะทางเพศทตุ ยิ ภมู ติ ามมา กระบวนการอนั ซบั ซอ้ น
เหลา่ นถ้ี กู ควบคมุ โดยปจั จยั หลายอยา่ งทง้ั ทางดา้ นพนั ธกุ รรม หรอื ปจั จยั ภายในรา่ งกาย ตลอดจนปจั จยั จากสง่ิ แวดลอ้ มภายนอก

ดังนั้นสาเหตุใดๆ ที่มากระทบต่อกระบวนการเหล่านี้อาจทำ�ให้เด็กเข้าสู่ภาวะหนุ่มสาวก่อนวัยอันควร
สาเหตุอาจแบ่งกวา้ งๆ เปน็ สาเหตภุ ายในสมองหรือภายนอก

สมอง สาเหตภุ ายในสมอง เช่น สมองส่วนทคี่ วบคุมการเปน็ หนมุ่
สาวเริม่ การทำ�งานก่อนเวลาอันควร โดยไมท่ ราบสาเหตุ เน้อื งอก
บางอยา่ ง ความผดิ ปกติทเี่ ป็นมาแตก่ ำ�เนิดในสมอง หรอื ความผดิ
ปกติท่เี กดิ ข้นึ ภายหลังทำ�ให้เกดิ “แผลเปน็ ” บางอย่างทีเ่ น้อื สมอง
บางบริเวณทำ�ให้เด็กเข้าสู่วัยหนุ่มสาวก่อนวัย สาเหตุในสมองนี้
พบได้บอ่ ยคิดเปน็ 80% ของภาวะเป็นหนุม่ สาวกอ่ นวยั และพบ
ในเดก็ หญงิ เปน็ สว่ นใหญ่ โดย 90% ของเด็กหญงิ กลุ่มน้ีเป็นแบบ
ไม่ทราบสาเหตุ (idiopathic central precocious puberty – ICPP)
สว่ นในเด็กชายมกั มพี ยาธิสภาพท่เี ปน็ สาเหตุ

สาเหตภุ ายนอกสมอง อาจแบง่ กวา้ งๆ เปน็ สาเหตจุ ากอวยั วะ

อน่ื ๆ ในรา่ งกาย เชน่ เนอ้ื งอกของรงั ไข่ หรอื อณั ฑะ หรอื เนอ้ื งอก
หรอื โรคบางอยา่ งของตอ่ มหมวกไต เหลา่ นอ้ี าจสง่ ผลใหร้ า่ งกายผลติ
สารบางอย่างคล้ายฮอร์โมนเพศไปกระตุ้นให้เด็กเข้าสู่วัยหนุ่มสาว
กอ่ นวยั

นอกจากนีส้ ารเคมบี างอยา่ งจากสง่ิ แวดล้อม เช่น ฮอร์โมนเพศทีป่ นเปอื้ นในสงิ่ แวดลอ้ ม อาหาร ยาบำ�รงุ หรือเครอื่ ง

ส�ำ อาง หรือสารบางอย่างที่ปนเป้อื นในส่ิงแวดลอ้ มท่มี ผี ลกระทบต่อการทำ�งานของระบบตอ่ มไร้ทอ่ (endocrine disruptors)
เชน่ สาร phytoestrogen ในนมถั่วเหลอื งหรือผลติ ภณั ฑ์จากถัว่ เหลือง, สาร phthalate ทเี่ ป็นสว่ นประกอบในถงุ พลาสตกิ
กลอ่ งโฟม, สาร DDT ในยาฆ่าแมลง, สาร bisphenol A (BPA) ในผลิตภัณฑพ์ ลาสติก เหล่านีอ้ าจมสี ่วนเก่ยี วข้องกบั
ภาวะเปน็ หนุ่มสาวก่อนวัยในผปู้ ่วยบางราย

35

ภาวะโภชนาการเกินหรือเด็กอ้วน อาจเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ทำ�ให้

เด็กเข้าสู่วัยหนุ่มสาวเร็วขึ้น โดยเฉพาะในเด็กหญิง ส่วนเด็กชายยังไม่พบ
ความสัมพันธ์ชัดเจนนัก
อีกกลุ่มหนึ่งที่พบได้ในเด็กหญิงปกติบางราย คือการปรากฏของเต้านม
เพยี งอย่างเดยี วโดยทีย่ ังไมไ่ ดเ้ ป็นสาว (premature thelarche) บางคนอาจมี
เต้านมข้นึ ตง้ั แตอ่ ายุ 2-3 ปี แตอ่ ตั ราเพ่ิมความสงู อยู่ในเกณฑ์ปกติ และไมม่ ี
พัฒนาการทางเพศอยา่ งอื่นเพมิ่ เติม เช่น สวิ หน้ามนั หรอื ขนท่อี วัยวะเพศ
ประเมินภาพถ่ายรังสีของมือพบว่าอายุกระดูกเหมาะสมตามวัย เด็กกลุ่มนี้
สว่ นใหญเ่ ตา้ นมจะคอ่ ยๆ เลก็ ลงจนยบุ หายไปในทส่ี ดุ ซง่ึ อาจกนิ เวลาหลายเดอื น
หรอื เปน็ ปี แตบ่ างรายอาจพฒั นาเป็นสาวกอ่ นวยั ได้
อกี กลมุ่ หนง่ึ คอื การมขี นขน้ึ ทอ่ี วยั วะเพศหรอื รกั แรก้ อ่ นอายุ 8 ปี ในเดก็
หญิงและก่อนอายุ 9 ปีในเด็กชาย โดยที่ไม่มีลักษณะทางเพศทุติยภูมิอื่นๆ
(premature adrenarche / premature pubarche) เชอ่ื ว่าเปน็ ผลจากการ
พฒั นาสว่ นหนง่ึ ของตอ่ มหมวกไตกอ่ นเวลาอนั ควร กลมุ่ นม้ี กั ไมจ่ �ำ เปน็ ตอ้ งไดร้ บั
การรกั ษาใดๆ
ผลที่ตามมาที่สำ�คัญที่สุดของภาวะเป็นหนุ่มสาวก่อนวัยคือ เด็กเหล่านี้
อาจหยุดเจริญเติบโตก่อนวัยอันควรทำ�ให้ตัวเต้ยี กว่าท่คี วรจะเป็นโดยพันธุกรรม
ทำ�ให้เกิดปมด้อยต่อเด็กในระยะยาว นอกจากนี้บางรายอาจเสี่ยงต่อการล่วง
ละเมดิ ทางเพศ หรอื อาจมปี ญั หาทางดา้ นจติ ใจจากพฒั นาการทางกายทล่ี �ำ้ หนา้
เกนิ เพือ่ นๆ ในวัยเดียวกัน

การวนิ จิ ฉยั ภาวะเปน็ หนมุ่ สาวกอ่ นวยั วนิ จิ ฉยั ไดจ้ ากประวตั กิ ารเกดิ ลกั ษณะทางเพศทตุ ยิ ภมู ิ (เตา้ นมในเดก็ หญงิ

องคชาติและอณั ฑะโตในเดก็ ชาย) ก่อนวยั อนั ควร ร่วมกับสงู เรว็ แซงเพอื่ นๆ ในห้อง อัตราเพิม่ ความสงู เกนิ 8 เซนตเิ มตร
ตอ่ ปี เสื้อผา้ หรือรองเท้าคับต้องเปลีย่ นบ่อย บางรายมีหนา้ มนั สิว กลน่ิ ตวั มีขนขนึ้ ที่อวยั วะเพศ เดก็ หญงิ บางรายอาจมี
ประจำ�เดอื นเร็วต้ังแตอ่ ายุ 9-9.5 ปี บันทกึ การเจรญิ เติบโตในอดตี ก็มีความส�ำ คญั ในการชว่ ยวนิ จิ ฉัย โดยจะพบว่าความสูง
เปลี่ยนจากเส้นเปอร์เซ็นต์ไทล์ล่างไปสู่เส้นบนภายในเวลาไม่กี่เดือน บางรายที่มีความผิดปกติในสมอง อาจมีภาวะเบาจืด
ปวดศีรษะ อาเจียนบ่อย มองภาพซ้อน หรอื เดนิ เซ จากเนอื้ งอกในสมองที่โตข้นึ

การประเมินภาพถ่ายรังสีของมือ จะพบ

ว่าเด็กที่เป็นหนุ่มสาวก่อนวัย มีอายุกระดูกล้ำ�อายุจริง
เกิน 1.5-2 ปีขึ้นไป ความสำ�คัญคืออายุกระดูกจะช่วย
ในการประเมินศักยภาพในการเจริญเติบโต ว่ายังสูงได้
อีกกี่ปี และสามารถพยากรณ์ความสูงสุดท้ายได้คร่าวๆ
วา่ นา่ จะอยใู่ นเกณฑท์ เ่ี หมาะสมทางพนั ธกุ รรมหรอื ไม่ โดย
ค�ำ นวณเทยี บกับความสงู ของบดิ ามารดา (mid-parental
height) โดยปกติเด็กหญิงจะหยุดสูงเม่ืออายุกระดูก
ประมาณ 16 ปี และเดก็ ชายจะหยุดสงู เม่ืออายุกระดูก
ประมาณ 18 ปี

A36ugust 2016

การตรวจอน่ื ๆ เช่น การตรวจเลือด (GnRH stimulation test) อาจพจิ ารณาท�ำ ในผปู้ ว่ ยบางรายเพ่อื แยกสาเหตุ

ของพยาธสิ ภาพวา่ นา่ จะอยภู่ ายในหรอื ภายนอกสมอง นอกจากนก้ี ารตรวจอลั ตราซาวดเ์ พอ่ื ดขู นาดของรงั ไขแ่ ละมดลกู ในเดก็ หญงิ
กช็ ว่ ยในการสนบั สนนุ การวนิ จิ ฉยั ภาวะเปน็ สาวกอ่ นวยั การตรวจเอกซเรยค์ อมพวิ เตอรข์ องสมอง (MRI) อาจพจิ ารณาท�ำ ใน
รายทส่ี งสยั เนอ้ื งอกหรอื ความผดิ ปกตใิ นเนอ้ื สมอง
การรกั ษาภาวะเปน็ หนมุ่ สาวกอ่ นวยั ทม่ี สี าเหตจุ ากในสมอง (central precocious puberty – CPP) ท�ำ ได้โดยรักษา
พยาธิสภาพท่เี ป็นสาเหตุ ร่วมกบั การใช้ยา GnRH analog ชนิดออกฤทธย์ิ าว ซึ่งจะหยุดกระบวนการเป็นหนมุ่ สาวชว่ั คราว
ทำ�ให้ระดับฮอร์โมนเพศลดลงสู่ระดับก่อนเข้าสู่วัยหนุ่มสาว สามารถชะลอการแก่และการปิดของกระดูกส่วนปลาย
(epiphyseal plate) ท�ำ ให้ผ้ปู ว่ ยมรี ะยะเวลาในการเจริญเตบิ โตนานขนึ้ และความสงู สุดท้ายเพม่ิ ข้นึ กวา่ เม่ือไมไ่ ดร้ กั ษา
ปจั จุบันในประเทศไทยมีในรูปแบบยาฉดี เข้ากลา้ มเน้อื ทุก 4 หรือ 12 สปั ดาห์ โดยการรกั ษาจะไดผ้ ลดีมากในรายที่เรม่ิ
เป็นหนุ่มสาวตง้ั แตก่ อ่ นอายุ 6-7 ปีและไดร้ บั การวนิ ิจฉยั อยา่ งทนั ทว่ งที นอกจากน้ีในกลุ่มท่ีเป็นหน่มุ สาวเร็วกวา่ เกณฑ์เฉลยี่
แต่มีอตั ราการพฒั นาการเป็นหนุ่มสาวอยา่ งรวดเร็ว รว่ มกบั อายุกระดกู ลำ้�อายุมากขนึ้ เรือ่ ยๆ (Early fast puberty)

การใหย้ า GnRH analog อาจช่วยชะลอการเปน็ หนุม่ สาว ชว่ ยในการเพ่มิ ความสงู สดุ ทา้ ยใหเ้ ปน็ ไปตามศักยภาพทาง
พนั ธกุ รรมไดเ้ ชน่ กัน
สว่ นการรกั ษาภาวะเป็นหนุ่มสาวก่อนวยั ทีเ่ กดิ จากสาเหตภุ ายนอกสมอง ขึ้นกับโรคหรอื พยาธิสภาพท่เี ป็นสาเหตุ เชน่
การผา่ ตดั เอาเนอ้ื งอกออก ตามดว้ ยเคมบี �ำ บดั หรอื รงั สรี กั ษา รว่ มกบั การใชย้ าบางประเภท เชน่ anti-androgen, ketoconazole,
aromatase inhibitor, selective estrogen receptor modulator (SERM) เป็นต้น

37

จติ เวช...ปัญหาเสีย่ งในเดก็

แพทยห์ ญงิ เพยี งทพิ ย์ หังสพฤกษ์

กุมารแพทยผ์ เู้ ชย่ี วชาญดา้ นจิตเวชเด็กและวยั รุ่น

โรคทางจิตเวชเด็กและวัยรุ่นเป็นเรื่องที่บุคคลทั่วไป
ควรรู้จักลักษณะอาการที่แสดงออกไว้บ้างเพื่อที่จะได้ช่วย
กันแนะนำ�ให้ผู้ที่ดูแลเด็กที่มีปัญหาพาเด็กมาพบจิตแพทย์
เด็กและวัยรุ่นได้เมื่อสงสัยว่าเด็กคนนั้นอาจจะมีปัญหา
อย่างใดอย่างหนึ่ง ซึ่งเมื่อเด็กได้รับการดูแลที่ถูกต้องยิ่ง
เร็วเท่าไหร่ก็ยิ่งจะทำ�ให้ผลการรักษาได้ผลดียิ่งขึ้นเท่านั้น

จากสถิติท่ีเก็บข้อมูลโดยแบบคัดกรองมาตรฐานท่ีทำ�ในโรงเรียนระดับประถมศึกษาใน
ประเทศไทยพบว่าเด็กในวยั เรียนจ�ำ นวน 1 ใน 3 มปี ญั หาทางจิตเวชอยา่ งใดอยา่ งหน่ึง
โรคทพี่ บมากท่สี ดุ 3 อันดับแรกคือ โรควิตกกังวล โรคซึมเศร้า และโรคสมาธิส้ัน

A38ugust 2016

ต่อไปนี้จึงจะอธิบายถึงอาการหลักๆ ของโรคดังกล่าวดังนี้

1. โรควติ กกงั วล

โรควิตกกังวลนั้นมีประเภทย่อยๆ หลายประเภทหลักๆ จะ
แบ่งตามลักษณะเด่นของอาการกังวลว่ากังวลเกี่ยวกับอะไรและ
มีอาการอย่างไร เช่น โรควิตกกังวลต่อการแยกจากโรควิตก
กงั วลในการเข้าสังคม โรคยำ�้ คิดย้ำ�ทำ� เป็นต้น
อาการของความกงั วลในโรควติ กกังวลชนิดตา่ งๆ น้นั จะตา่ ง
จากอาการกังวลธรรมดาในเด็กท่ัวไปคืออาการกังวลท่ีมีจะกังวล
มากกวา่ เดก็ ปกตใิ นวยั เดยี วกนั และความกงั วลนน้ั มากจนท�ำ
ใหม้ ผี ลกระทบตอ่ การใชช้ วี ติ ประจ�ำ วนั ของเดก็ เชน่ เรยี นแยล่ ง
ไมย่ อมไปในทช่ี มุ ชน ไมส่ ามารถแสดงความสามารถไดเ้ ตม็ ท่ี หรอื
เดก็ รสู้ กึ เครยี ด การหมกมนุ่ คดิ ซ�ำ้ ๆ ถงึ เรอื่ งทก่ี งั วลจะท�ำ ใหเ้ หมอ่
เสยี สมาธิ บางคนถงึ กบั นอนไมห่ ลบั ได้ ถา้ เปน็ อยา่ งนน้ี านๆ แลว้
ไมร่ กั ษากอ็ าจจะมโี รคซมึ เศรา้ ตามมาไดห้ รอื มบี คุ ลกิ ภาพแบบวติ กกงั วลตดิ ตวั ไปจนโต ในโรคย�ำ้ คดิ ย�ำ้ ท�ำ เดก็ จะหมกมนุ่ กบั ความคดิ
กงั วลที่ไมน่ ่าจะเป็นไปไดห้ รอื ไร้สาระ เชน่ กงั วลว่าอยู่ๆ ตนเองจะท�ำ รา้ ยพอ่ แม่ กงั วลว่าถ้าเดนิ ผา่ นรอยแตกจะโชคร้าย จน
ต้องท�ำ บางอยา่ งซ�ำ้ ๆซากๆ เพอ่ื ใหต้ วั เองสบายใจ เชน่ ถามพอ่ แมว่ า่ เขาจะไมต่ พี อ่ แม่ใชไ่ หม แลว้ ให้พ่อแม่ตอบว่าใช่เขาจะไม่มี
วันทำ�เช่นนั้นแน่นอน หรือ ไม่ยอมไปในที่ๆ คิดว่าจะเจอรอยแตก เชน่ อาคารเกา่ ๆ เปน็ ตน้ การรกั ษามหี ลายวธิ เี ชน่ พฤตกิ รรม
บ�ำ บดั จติ บ�ำ บดั ศลิ ปะบ�ำ บดั เลน่ บ�ำ บดั ดนตรบี �ำ บดั ละครบ�ำ บดั การกนิ ยา เปน็ ตน้ ซง่ึ จะใชว้ ิธไี หนก็ขึน้ อยู่กับความรนุ แรงของ
อาการในเด็กแต่ละคนและความต้องการของผู้ปกครองและตวั เดก็ เองหลงั จากไดร้ บั ค�ำ อธบิ ายจากแพทยแ์ ลว้

2. โรคอารมณซ์ มึ เศรา้

โรคซึมเศร้าเป็นโรคหนึ่งในกลุ่มโรคความผิดปกติทางอารมณ์
ส่วนอีกโรคหนึ่งซ่ึงพบน้อยกว่าโรคซึมเศร้าคือโรคอารมณ์สองข้ัว
ซงึ่ จะมีอารมณ์ดีเกินปกติสลบั กบั อารมณ์ซึมเศรา้ เป็นชว่ งๆ
อารมณ์ซึมเศร้าในโรคซึมเศร้าจะต่างจากอารมณ์เศร้าปกติ
ทีค่ นปกติเศร้าคือ เดก็ จะเศรา้ นานกวา่ เดิมคือ ต้งั แตส่ องสปั ดาห์
ขึ้นไปและเศร้าหนักกว่าเดิมคือ เศร้าจนมีผลกระทบต่อการใช้
ชวี ิตประจำ�วันท่ีเดมิ ไม่มปี ัญหา ผลกระทบท่ีว่าจะนอ้ ยจะมากขนึ้ กบั
ความรนุ แรงของโรคในคนนั้นๆ เช่น ในเดก็ ท่เี ปน็ โรคซึมเศรา้ ข้นั
ไมร่ นุ แรงนนั้ เดก็ จะยงั เลน่ กบั เพือ่ นได้บ้างแต่แววตาจะไม่สดใส
สหี น้าหม่นหมอง กังวล มคี วามคิดแงร่ ้ายมากและบอ่ ยกวา่ เดมิ ถ้า
อาการหนักขน้ึ กจ็ ะมีอาการมากข้ึน คือไม่มัน่ ใจวา่ มีคนรกั ตนเองหรือ
เปลา่ คิดว่าตนเองไรค้ ่าหรอื เปน็ ภาระให้คนอื่นกงั วลว่าจะมีสงิ่ ไมด่ ี
เกิดขน้ึ กับตนเองหรอื คนท่ตี ัวเองรัก ไมเ่ หน็ ขอ้ ดขี องตัวเอง บางคน
มอี าการทางร่างกายด้วย เช่น ปวดหัว ปวดขา หรือแมก้ ระทง่ั ขาไม่มแี รงเดนิ ถ้าอาการซมึ เศรา้ หนกั มากนอกจากจะอยากตาย
ได้แล้ว ยังมีอาการหแู วว่ และเห็นภาพหลอนคล้ายๆ กับคนท่ีเป็นโรคจิตเภทได้ดว้ ย
การรักษามีหลายวธิ ี เช่น การทำ�จิตบ�ำ บดั ดนตรบี ำ�บดั ละครบ�ำ บัด เล่นบำ�บดั ศลิ ปะบำ�บดั การทานยา เปน็ ตน้ ขึน้ กับ
ความชอบของผปู้ ่วย อายุ และความรนุ แรงของอาการในผปู้ ว่ ยแตล่ ะคน

39

3. โรคสมาธสิ น้ั

มีอาการส�ำ คญั สามกลุ่มอาการคอื สมาธบิ กพรอ่ ง
รอคอยไดย้ าก และอยูไ่ มน่ ่ิง
ผู้ ใหญ่จะต้องเข้าใจความแตกต่างของอาการ
เหล่านว้ี า่ แคไ่ หนจึงจะเกนิ เด็กปกติ เพอ่ื ทจ่ี ะไมก่ ังวล
มากเกนิ ไปว่าเดก็ ๆ ทีเ่ ราดแู ลเปน็ โรคนท้ี ง้ั ทเี่ ด็กไม่ได้
เป็นอาการสมาธิบกพร่องน้ันจะบอกได้ยากท่ีสุดเพราะ
อาการน้ีจะเห็นได้ชัดเจนเฉพาะเวลาท่ีเด็กทำ�ส่ิงที่ไม่
สนุก กจิ วัตรประจ�ำ วนั เพราะเดก็ ไมม่ ีความสนกุ มาชว่ ย
ดงึ ดดู ใจให้จดจ่อ เช่น การเรยี นในหอ้ งเรยี นปกติ การ
ท�ำ แบบฝกึ หดั การทำ�กิจวตั รประจ�ำ วนั เปน็ ตน้ แต่ทั้งน้ี
นสิ ยั และความชอบของเดก็ แต่ละคนกแ็ ตกตา่ งกนั แพทย์จงึ ตอ้ งซกั ประวัตอิ ยา่ งละเอียด และถามถงึ อาการในหลาย ๆ สถานการณ์
และในเงอื่ นไขท่แี ตกต่างกนั ทั้งที่บ้านและท่ีโรงเรียน ความยากในการที่ผูป้ กครองจะวนิ จิ ฉัยโรคนี้เองก็คอื ในเวลาทีเ่ ดก็ ท�ำ สิ่งท่ชี อบ
ผู้ใหญเ่ ห็นเดก็ มีความจดจ่อสนใจ ไม่วอกแวก จนบางคร้งั พูดดว้ ยกย็ งั ไมไ่ ด้ยนิ ก็มกั จะเขา้ ใจผดิ วา่ เด็กสมาธดิ ี เปน็ บางเวลาไดก้ แ็ สดง
ว่าไมไ่ ด้เป็นโรคสมาธสิ น้ั แตจ่ รงิ ๆ ไม่ใช่ เพราะเดก็ สมาธสิ ัน้ ท่ีไม่ไดเ้ ปน็ ขน้ั รุนแรงกจ็ ะยังมีสมาธิในสง่ิ ที่ชอบได้ แตจ่ ะเห็นอาการเฉพาะ
ในสิง่ ท่ีเดก็ ไม่ได้ชอบมากอยู่ดี อาการสมาธิส้ันรวมถึงอาการวอกแวกงา่ ย เหม่อลอย สะเพรา่ ไม่สงั เกตรายละเอียด หลกี เลีย่ งการทำ�
อะไรทต่ี อ้ งใช้สมาธิด้วย ผู้ใหญ่จะพบว่าการจะท�ำ ให้เด็กจ�ำ ไดน้ านเปน็ เรื่องยากมกั ตอ้ งย้ำ�ทวนหลายครง้ั เวลาสอนเด็กตวั ตอ่ ตวั จะได้
ผลดกี วา่ สอนรวมเปน็ กล่มุ ใหญ่ เด็กมักลืมสง่ งานทีโ่ รงเรียน ลืมเอาอปุ กรณ์ทีค่ รูส่งั ไปโรงเรียน ลืมค�ำ พูดท่ีพ่อแม่สัง่ ลืมหนา้ ทีท่ พี่ อ่ แม่
มอบหมาย ซ่ึงการทเ่ี ดก็ ลืมเรื่องต่าง ๆ นี้ไมไ่ ดเ้ กิดจากความตง้ั ใจของเด็ก แตเ่ กิดจากเขาควบคุมสมาธิของตัวเองไม่ได้ ทำ�ให้เดก็ จะ
เรียนได้ไม่เตม็ ความสามารถจนอาจมีปัญหาการเรียนได้

อาการรอคอยได้ยาก อาการนี้นอกจากจะเห็นว่าเด็กอยู่ไม่นิ่งเวลาต้องคอย อารมณ์มักจะเสีย มักถามซ้ำ� ๆ ว่าจะได้ทำ�สิ่งที่
อยากทำ�หรือยัง และเม่ือไหร่จะได้หยุดทำ�สิ่งที่ไม่อยากทำ� การพูดก็จะมีลักษณะพูด หรือตอบก่อนฟังคำ�ถามจบ พูดโดยไม่รอให้ถึง
กาลเทศะที่เหมาะสม พูดโดยไม่คิดให้รอบคอบ เป็นต้น
ในบางคนจะมีอาการที่เรียกว่า หุนหันพลันแล่น คืออารมณ์อาจจะเปลี่ยนแปลงเร็ว ขึ้นๆ ลงๆ ง่าย โดยจะเร็วทั้งด้านบวก
และด้านลบ เวลาสนุกสนาน ต่ืนเต้น หรืออารมณ์เสียก็เห็นได้ชัด เก็บอาการไม่ค่อยอยู่ แต่อารมณ์นั้นอยู่ไม่นานก็หาย เพราะมัก
จะเปลี่ยนไปสนใจเรื่องอ่ืนทดแทนได้เร็ว ต่างจากเด็กที่เป็นโรคอารมณ์แปรปรวน คือเด็กที่เป็นโรคอารมณ์แปรปรวนจะมีสภาพ
อารมณ์ที่เปลี่ยนแปลงง่ายนั้นคงอยู่นานผิดปกติด้วย เช่น ครึ่งชั่วโมง แต่เด็กสมาธิสั้นทั่วไปจะอารมณ์คงอยู่ไม่กี่นาที

A40ugust 2016 อาการอยู่ไม่นิ่ง คนทั่วไป
มักจะนึกว่าจำ�เป็นต้องพบอาการ
นี้ในเด็กที่เป็นโรคสมาธิสั้นทุกคน
เพราะเราคงมักจะได้ยินว่าเด็ก
คนนี้ไม่เป็นสมาธิสั้นหรอก เพราะ
ไม่เห็นจะซนเลย แต่ที่จริงแล้ว
เด็กที่เป็นโรคสมาธิสั้นมีสองชนิด
คือ ชนิดเหม่อลอย กับชนิดอยู่
ไม่นิ่ง ซึ่งชนิดเหม่อลอยก็จะไม่มี
อาการนี้ ลักษณะของอาการนี้ที่บ่ง
ชี้ว่าผิดปกติก็คือ พอให้เด็กหยุด
เคลื่อนไหว ไม่นานเด็กก็จะอึดอัด

บ่น หรือหาข้ออ้างที่จะลุก ได้เคลื่อนไหวเร็วกว่าเด็กปกติ เวลาอยู่กับที่จะยุกยิก แม้เด็กจะพยายามอยู่นิ่ง ๆ แต่ก็จะอยู่นิ่งไม่ได้นาน
เท่าเด็กปกติในวัยเดียวกัน โดยไม่ได้เกิดจากความดื้อ หรือต่อต้านคำ�สั่งของผู้ใหญ่ เด็กส่วนหนึ่งจะมีอาการคุยเก่งจนคุณครูต้อง
จัดที่นั่งให้เพ่ือนที่ตั้งใจเรียนและไม่คุยตอบนั่งประกบเอาไว้เพื่อไม่ให้รบกวนเด็กอื่น
เด็กที่เป็นโรคสมาธิสั้นชนิดที่มีอาการอยู่ไม่นิ่งส่วนใหญ่จะมีปัญหาตั้งแต่วัยอนุบาล หรือวัยประถมทั้งด้านการเรียนและการ
ปฏสิ ัมพันธก์ บั ผู้อื่นไม่เหมาะสม เด็กมักจะหว่ งเลน่ ไม่ต้งั ใจเรยี น เลน่ ผดิ กตกิ า คุยเกง่ ไมค่ อ่ ยมกี าลเทศะ ครจู ึงมกั จะขอให้ผูป้ กครอง
พามาปรกึ ษาแพทยต์ ง้ั แต่เลก็ ส่วนโรคสมาธสิ ้ันชนิดเหม่อแบบที่อย่นู ิ่งไดม้ กั จะมาพบแพทย์ตอนทมี่ ปี ัญหาการเรยี นชว่ งวัยมธั ยมโดย
เด็กวัยรุ่นสว่ นใหญ่จะบอกได้เองวา่ ตนเองสมาธไิ ม่ดีและอยากมาพบแพทยเ์ พื่อให้เรยี นดขี ึน้
การรกั ษาโรคสมาธิส้ัน หลัก ๆ คือการทานยาเพมิ่ สมาธิและการปรบั พฤติกรรม แต่ผปู้ กครองสว่ นหน่ึงแมจ้ ะเขา้ ใจแลว้ วา่ ลูกเปน็
โรคน้ี แตก่ ข็ อเลอื กรกั ษาด้วยวธิ ีท่ีไม่ใช้ยากอ่ น เชน่ ศิลปะบ�ำ บดั ดนตรบี �ำ บัด เป็นต้น ส่วนใหญ่จะบอกว่ากังวลว่าเดก็ กนิ ยาแลว้ จะหยดุ
ยาไม่ได้ ตอ้ งกินไปตลอดชีวิต หรือห่วงว่ากนิ ยาแล้วจะมผี ลข้างเคยี งท่ีไมพ่ งึ ประสงค์ตามท่ีเคยไดย้ ินมา เช่น เบอ่ื อาหาร เป็นตน้ ซง่ึ
จริงๆ แลว้ ควรพาเดก็ ทม่ี อี าการมาตรวจกอ่ นแลว้ ซกั ถามแพทย์ใหเ้ ข้าใจก่อนว่ามวี ิธปี อ้ งกนั ไม่ใหเ้ กิดผลเสียเหลา่ นัน้ ไดห้ ลายวิธี จะได้ไม่
เสยี โอกาสทจี่ ะชว่ ยเหลอื เดก็ ในขณะทช่ี ว่ ยไดง้ า่ ย
ความผดิ ปกติอื่นนอกเหนอื จาก 3 โรคน้ี มอี กี มาก เชน่ ความผิดปกติในการสอื่ สาร ปญั หาการเรียนรู้ สตปิ ญั ญาบกพรอ่ ง พดู
ไมช่ ดั เป็นตน้ สมยั ก่อนผปู้ กครองมกั เลอื กพาเดก็ ไปปรกึ ษากมุ ารแพทยด์ ้านพัฒนาการเด็กมากกว่าท่จี ะพามาพบจิตแพทย์เดก็ เพราะ
กลวั ว่าสังคมจะมองว่าลกู ปว่ ยหนักจงึ ต้องพบจิตแพทย์ แตป่ ัจจบุ นั สังคมเขา้ ใจมากขน้ึ จึงไม่ค่อยมปี ัญหาท่จี ะพามาตรวจ
และ งานของจติ แพทยเ์ ดก็ และวยั ร่นุ ก็ไมไ่ ด้มแี ตก่ ารรกั ษาคนที่ปว่ ยแล้วเทา่ นน้ั แตย่ งั สามารถใหค้ �ำ ปรกึ ษาแกผ่ ู้
ปกครองในการดแู ลลูกใหเ้ หมาะกบั เด็กแตล่ ะคน การป้องกันไม่ให้มปี ัญหา การฟืน้ ฟสู ภาพจิตใจและการใช้ชวี ติ หลงั จากป่วย
เปน็ ต้น ในหลายๆ กรณจี ติ แพทยเ์ ด็กจะแนะน�ำ ให้ไปพบนักบ�ำ บดั เฉพาะทางที่เหน็ วา่ จะเปน็ วิธีชว่ ยเดก็ ไดค้ รบทกุ จดุ เพราะการทานยา
ไมส่ ามารถแก้ไดท้ ้งั หมด ผูเ้ ชีย่ วชาญวิชาชีพต่างๆ ที่ท�ำ งานร่วมกับจิตแพทย์มีหลายดา้ น เช่น นักจิตวิทยา นักกิจกรรมบ�ำ บัด ครกู าร
ศึกษาพิเศษ นักฝกึ พูด เป็นตน้
นอกจากน้นั ผ้ปู กครองยงั สามารถมาปรึกษาจิตแพทยเ์ ดก็ และวัยรุน่ ได้ในกรณอี ื่น ๆ ท่ีไม่ใชโ่ รคไม่วา่ จะเป็นเรอ่ื งขาดความนับถอื
ตนเอง พน่ี อ้ งทะเลาะกนั ไมย่ อมไปโรงเรยี น เครยี ด ตดิ เกม โกหก ขโมยของ ขอ้ี จิ ฉา ท�ำ รา้ ยสตั ว์ แกลง้ เพอ่ื น ทะเลาะกบั คนอนื่ บอ่ ย ๆ
เป็นต้น หากไมแ่ นใ่ จว่าเร่อื งใดควรปรกึ ษาแพทย์ทา่ นใด สาขาไหน ก็ให้โทรศัพท์มาปรึกษาและสอบถามข้อมูลกอ่ นท�ำ นัดเพ่อื พบแพทย์
ได้คะ่

41

ลูกนอ้ ยฟนั ดี..... เร่มิ ทซ่ี แี่ รก

พนั โททนั ตแพทยห์ ญิงศุทธษิ า แต่บรรพกุล

ทนั ตแพทย์ผ้เู ชี่ยวชาญด้านทนั ตกรรมส�ำ หรบั เดก็

ฟนั นำ้�นมส�ำ คญั อย่างไร


ฟันนำ้�นมซแ่ี รกจะขึ้นเมื่ออายปุ ระมาณ 6 เดอื น และ ทยอย
ขนึ้ จนครบ 20 ซ่เี มอ่ื อายุ 2.5 - 3 ปี ฟันน�้ำ นมมหี นา้ ทีส่ �ำ คัญ คือ
1. ช่วยในการบดเคย้ี วอาหาร เมือ่ มีการบดเค้ยี วทดี่ ี จะช่วยส่ง
เสริมการท�ำ งานของระบบทางเดนิ อาหาร ท�ำ ให้เด็กได้รับสาร
อาหารท่เี หมาะสม มีผลต่อการพัฒนารา่ งกายใหเ้ จริญเตบิ โต
ท่ีดี
2. ช่วยในการออกเสยี งพูดท่ีถูกต้องชดั เจน
3. ช่วยในเร่ืองความสวยงาม โดยเฉพาะฟันหนา้ มผี ลตอ่ การ
พัฒนาบุคลกิ ภาพ
4. ช่วยในการกนั ท่ีของฟนั แทท้ ี่จะขึ้นมาใหม่ใหข้ ้ึนตรงต�ำ แหน่ง
เพราะหากมีการสูญเสยี ฟันน้ำ�นมไปกอ่ นก�ำ หนด ฟนั น้ำ�นมข้าง
เคียงจะลม้ มาปิดชอ่ งวา่ งของฟนั ทถ่ี อนไป ทำ�ใหฟ้ ันแท้ท่ีอย่ ู
ขา้ งลา่ งจะไม่มพี นื้ ทีพ่ อทจี่ ะข้ึนมาทำ�ใหเ้ กิดปญั หาฟันแทซ้ ่ ี
ดังกลา่ วขนึ้ ซ้อนเก

ฟันน้ำ�นมจำ�เป็นต้องรกั ษาหรือไม่


ฟนั น�ำ้ นมจะเร่มิ ทยอยหลุดเม่ืออายุประมาณ 6 ปี จนถึงอายุประมาณ 12 ปี การทม่ี ฟี นั น้ำ�นมผุและไมไ่ ดร้ ับการรักษา
ท�ำ ให้ในชอ่ งปากมเี ชอื้ โรคฟนั ผมุ ากกวา่ ปกติ มผี ลให้ฟันแท้ทีข่ น้ึ มามโี อกาสเกดิ ฟนั ผไุ ด้ง่าย นอกจากน้หี ากปลอ่ ยท้ิงไว้จนฟนั ผุ
ลกุ ลามมากจะทำ�ใหเ้ ด็กมีอาการปวดบวม รบั ประทานอาหารลำ�บาก ในบางรายมอี าการบวมมีไข้จนตอ้ งขาดเรยี นและต้อง
นอนโรงพยาบาล ตอ้ งเสียเวลาและค่าใชจ้ ่ายในการรกั ษา นอกจากน้ี การสูญเสียฟนั น้ำ�นมก่อนก�ำ หนด ท�ำ ให้ฟันแท้ขึ้นซ้อน
เก นำ�ไปสู่การจัดฟนั ได้ในอนาคต
A42ugust 2016

ในช่วงที่ฟันน้ำ�นมขึ้น จะเป็นวัยที่เด็กไม่สามารถดแู ลสุขภาพชอ่ งปากไดด้ ว้ ยตนเอง
ผูป้ กครองหรอื ผู้ดแู ลจงึ มีบทบาทส�ำ คญั มากในการช่วยท�ำ ใหเ้ ด็กมสี ขุ ภาพฟนั ทดี่ ี

การดูแลปอ้ งกันไม่ใหเ้ ด็กฟนั ผุจะทำ�ให้เดก็ ไม่ตอ้ งมีอาการปวดฟนั หรือไมต่ อ้ งเจอกบั การรกั ษาทีย่ ุ่งยาก และท�ำ ให้เดก็ มี
ทศั นคตทิ ี่ดีตอ่ การท�ำ ฟันตง้ั แตเ่ ลก็ ๆ

ปจั จัยเสี่ยงที่ท�ำ ใหเ้ กิดฟันผุในเดก็ เลก็

1. จำ�นวนเช้ือแบคทเี รยี ทท่ี ำ�ใหเ้ กิดฟนั ผุพวก
Mutans Streptococci และ Lactobacillus series
ซึง่ สามารถถ่ายทอดจากผู้เลย้ี งดูไปยงั เดก็ ได้
ทางนำ�้ ลาย
2. ลกั ษณะฟันทข่ี ึ้นมาในช่องปากได้ไม่นานจะมผี วิ
เคลือบฟนั ที่ไมส่ มบูรณ์ ท�ำ ใหง้ า่ ยต่อการเกิดฟนั ผุ
3. ความถี่ในการบรโิ ภคอาหารประเภทน้ำ�ตาล ความถ ่ี
ในการดมื่ นมขวดในเวลากลางคืน การดม่ื นมหรอื
น้�ำ หวานจากแก้วส�ำ หรับหดั ดมื่ (Sippy cup)
เปน็ ประจำ� และความถ่ีในการบริโภคเครอ่ื งดืม่ หรือ
ของหวานทีม่ นี �้ำ ตาลสงู ระหว่างมื้ออาหาร

43

การเล้ยี งลูกดว้ ยนมอย่างไรไม่ให้ฟันผุ


การดูดนมแม่หรือนมชงจากขวดต้องเริ่มอย่างถูกวิธี และมีการฝึกเป็นขั้นตอนจึงจะสามารถเลิกได้ถกู เวลา
- ขณะใหน้ ม อุม้ เด็กใหต้ ั้งข้นึ ในท่ากงึ่ น่ังกงึ่ นอน เพอื่ ใหเ้ ดก็ เรียนร้ทู จี่ ะกลืนไดอ้ ย่างถกู ตอ้ ง ผเู้ ล้ยี งดูควรถือ
ขวดนมใหเ้ ด็กเสมอ เพือ่ ปอ้ งกันเด็กติดนมขวดและไม่ให้เดก็ หลับคาขวดนม
- ถ้าเปลี่ยนเป็นนมผสม ควรเลือกชนิดไม่เติมน้ำ�ตาล ควรชงนมในปริมาณเพียงพอให้ดูดหมดในคร้ังเดียว
- ภายหลังจากอายุ 6 เดอื น เม่อื มีฟนั เรมิ่ ข้นึ หลงั จากดูดนม ฝกึ ใหเ้ ด็กด่มื น้ำ�ตาม เพือ่ ลา้ งคราบนมท่ีตกค้าง
- ควรทำ�ความสะอาดชอ่ งปาก เหงอื กและล้ินหลังดดู นมทุกครง้ั
- ฝกึ ใหน้ มเปน็ เวลา ควรใหน้ มเปน็ มอ้ื และไมค่ วรใหเ้ ดก็ หลบั คาขวด ควรเรม่ิ ฝกึ ใหเ้ ลกิ นมมอ้ื ดกึ เมอื่ อายุ 6 เดอื น
- ไมค่ วรใช้ขวดนมใสน่ �ำ้ ผลไม้ น้ำ�หวาน ให้เด็กดดู
- ฝกึ ใหเ้ ดก็ ดมื่ นมจากแกว้ หรอื ถว้ ยหดั ดม่ื เมอ่ื เดก็ เรม่ิ นง่ั ได้ และควรเลกิ นมขวดไดเ้ มอ่ื อายุ 1 1/2 ปี

วธิ ีการท�ำ ความสะอาดช่องปากและฟนั ของเดก็

- ในเด็กเล็กที่ฟันยังไม่ขึ้น : เช็ดช่องปากด้วยผ้าสะอาดชุบน้ำ�ต้มสุก วันละ 2 ครั้ง ช่วงเช้าและกลางคืน
ก่อนนอน
- อายุ 6 เดือน ถึง 1 ปี หรือเมื่อมีฟันน้ำ�นมซี่แรกขึ้น : เริ่มใช้แปรงสีฟันขนนุ่ม แปรงทำ�ความสะอาด
ฟัน ร่วมกับการเช็ดช่องปากด้วยผ้าสะอาดชุบน้ำ�ต้มสุก เริ่มใช้ยาสีฟันได้ แต่ควรใช้ขนาดพอหมาดๆ
และเช็ดฟองออกในระหว่างการแปรงเพื่อป้องกันการกลืนยาสีฟัน
- อายุ 1 - 2 ปี : ผู้ปกครองแปรงฟันให้หลังมื้ออาหาร หรืออย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง ตอนเช้า และก่อนนอน
ร่วมกับการใช้ไหมขัดฟันทำ�ความสะอาดบริเวณซอกฟัน
- อายุ 2 - 6 ปี : เริ่มฝึกให้เด็กแปรงฟันเองหลังมื้ออาหาร หรืออย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง ตอนเชา้ และ
กอ่ นนอน และผู้ปกครองแปรงซำ้�ให้สะอาด ร่วมกบั การใช้ไหมขดั ฟันบริเวณซอกฟันให้เด็ก อย่างน้อย
วันละ 1 ครั้ง ก่อนนอน
ฟันน้ำ�นมจะแปรงอย่างไร
- อายุ 6 - 9 ปี ข้ึนไป : เด็กสามารถแปรงฟัน - เลือกแปรงสีฟันที่ขนนุ่ม หน้าตัดตรง ด้ามจับถนัดมือ
ได้เองหลังมื้ออาหาร หรืออย่างน้อยวนั ละ ความกว้างของขนแปรงครอบคลุมฟันประมาณ 2 - 3 ซี่
2 คร้ัง ตอนเช้า และกอ่ นนอน โดยผปู้ กครอง - ยาสฟี นั ควรเลอื กใชย้ าสฟี นั ส�ำ หรบั เดก็ ชนดิ ทม่ี ฟี ลอู อไรด์
ช่วยเพียงทำ�ความสะอาดในจุดท่ีเด็กทำ�ความ : ในเดก็ เล็กทบ่ี ้วนปากไมเ่ ปน็ ควรใช้ปรมิ าณนอ้ ยแคพ่ อ
สะอาดไม่ทั่วถึง หรือช่วยกำ�กับดูแลเท่านั้น หมาดๆ รว่ มกับการเช็ดฟองออกระหวา่ งแปรง สว่ นใน
รว่ มกบั การใช้ไหมขดั ฟนั บรเิ วณซอกฟัน เดก็ เลก็ ทเี่ รมิ่ บว้ นปากไดแ้ ล้ว ควรใช้ปริมาณเท่ากับเมด็
ถั่วเขยี ว หรือเม็ดข้าวโพด และฝึกให้บว้ นยาสีฟนั ออก
ทกุ ครั้ง
- วธิ ีใชแ้ ปรงฟนั น�ำ้ นมทม่ี ปี ระสทิ ธภิ าพทส่ี ดุ คอื Horizontal
Scrub Technique โดยการวางขนแปรงตง้ั ฉากกับแนว
แกนฟัน ขยบั ไปมาในแนวนอนเปน็ ระยะส้นั ๆ ประมาณ
5 - 10 ครั้ง ต่อตำ�แหน่ง แล้วค่อยเคล่ือนแปรงไป
บรเิ วณฟนั ถดั ไป ทำ�ให้ครบทกุ ซี่ท้ังบริเวณด้านขา้ งแกม้
ข้างเพดาน และข้างลิ้น ส่วนบริเวณด้านหน้าตัดของ
ฟันกราม ให้วางแปรงบนตัวฟันและขยับไปมา โดย
สามารถใช้วิธีน้ีแปรงฟันได้ในเด็กตั้งแต่ฟันนำ้�นมซ่ีแรก
ขึน้ จนถึงอายุ 11 - 12 ปี

A44ugust 2016

ค�ำ แนะน�ำ ในการทานอาหารเพอ่ื สขุ ภาพฟนั ทด่ี ี

- ลดความถี่และปริมาณในการบริโภคอาหารประเภทแป้ง
และน�้ำ ตาล โดยจ�ำ กัดการรบั ประทานให้อยู่ในม้อื อาหาร
หลกี เลย่ี งการรบั ประทานจกุ จกิ ระหวา่ งมอ้ื อาหาร
- หลีกเลี่ยงอาหารและเครื่องดื่มพวกแป้งและ น้ำ�ตาลที่มี
ลักษณะเหนียว ตดิ ฟนั หรือใชเ้ วลาอยู่ในปากนาน เชน่
ลูกอม ชอ็ กโกแลต คาราเมล ขนมกรบุ กรอบ
- หลกี เลย่ี งการดมื่ น�ำ้ อดั ลม เพราะนอกจากมคี วามเปน็ กรด
สงู กดั กรอ่ นฟนั แลว้ ยงั มนี �ำ้ ตาลในปรมิ าณสงู
- เลอื กรบั ประทานอาหารวา่ งระหวา่ งมอ้ื ทม่ี ปี ระโยชน์ และ
ไมท่ �ำ ลายฟนั เชน่ ไกย่ า่ ง หมปู ง้ิ ขา้ วโพด นมจดื และผลไม้
ท่ีไมห่ วานจดั เชน่ ฝรง่ั มะละกอ

ควรเรม่ิ พาเดก็ มาหาทนั ตแพทยเ์ มอ่ื ใด

- ควรพาเดก็ มาพบทนั ตแพทยต์ ง้ั แตฟ่ นั น�ำ้ นมซแ่ี รกขน้ึ หรอื อยา่ งนอ้ ยภายในชว่ งขวบปแี รก
- ไมค่ วรรอจนเรม่ิ มฟี นั ผุ หรอื มอี าการปวดบวมกอ่ น จงึ พามาพบทนั ตแพทยค์ รง้ั แรก เพราะจะท�ำ ใหเ้ ดก็ กลวั และม ี
ประสบการณ์ไมด่ ตี อ่ การท�ำ ฟนั เนอื่ งจากตอ้ งไดร้ บั การรกั ษาทซ่ี บั ซอ้ นมากขน้ึ

งานทนั ตกรรมปอ้ งกนั ในเดก็

เพอ่ื สง่ เสรมิ ใหเ้ ดก็ มสี ขุ ภาพชอ่ งปากทด่ี ี ประกอบดว้ ย 4 กลมุ่ ใหญ่ ๆ คอื
1. การใหฟ้ ลอู อไรด์ : ทง้ั แบบเฉพาะท่ี และทางระบบ ภายใตค้ �ำ แนะน�ำ ของทนั ตแพทย์
2. การเคลอื บหลมุ รอ่ งฟนั : บรเิ วณดา้ นบดเคย้ี วของฟนั กราม และฟนั กรามนอ้ ย
3. การแนะน�ำ วธิ ดี แู ลสขุ ภาพชอ่ งปาก รวมทง้ั ใหค้ �ำ แนะน�ำ เรอ่ื งการบรโิ ภคอาหารแกผ่ ปู้ กครองและเดก็
4. การนดั หมายมาตรวจสขุ ภาพฟนั เปน็ ประจ�ำ ทกุ 3 - 6 เดอื น ตามความเหมาะสม

ขอ้ ปฏบิ ตั เิ พอื่ ลกู นอ้ ยฟนั ดี

- เลกิ นมมอ้ื ดกึ เมอ่ื ลกู อายปุ ระมาณ 6 เดอื น
- เลกิ ขวดนมเมอ่ื ลกู อายปุ ระมาณ 1 ปคี รง่ึ
- เรม่ิ พาไปพบทนั ตแพทยค์ รง้ั แรกเมอื่ ลกู มฟี นั น�ำ้ นมซแ่ี รกขน้ึ หรอื อยา่ งนอ้ ย
ภายในขวบปีแรก
- แปรงฟันด้วยยาสีฟนั ผสมฟลอู อไรด์ หลงั อาหาร หรอื อย่างนอ้ ยวันละ 2 ครั้ง
ตอนเช้าและก่อนนอน
- ลดความถแ่ี ละปรมิ าณในการบริโภคอาหารประเภทแปง้ และน้�ำ ตาล โดยให้รับ
ประทานอยู่ในมอื้ อาหาร หลกี เลยี่ งการรบั ประทานจบุ จิบ ระหว่างม้ืออาหาร
- พาลูกไปพบทันตแพทย์เป็นประจำ� สม่ำ�เสมอ ทุก 3 - 6 เดือน ตามที่
ทนั ตแพทยแ์ นะน�ำ

45

ตาเข ตาเหล่ ในเดก็

แพทย์หญงิ รัตยิ า พรชยั สรุ ีย์

จักษแุ พทยผ์ ู้เชย่ี วชาญโรคตาเขและตาเหล่ในเดก็

เด็กตาเข

ตาเข ตาเหล่ ตาส่อน เป็นคำ�ที่มีความหมายเดียวกัน
นั่นคือการที่ตาทั้งสองข้างไม่ได้อยู่ในแนวการมองเห็น
ที่ขนานกัน หรือพูดง่ายๆ ว่าตาไม่ตรงนั่นเอง
เชื่อหรือไม่ว่าหลายคนยังมีความเข้าใจผิดๆ ว่าเด็กที่
มตี าเข เด๋ียวโตข้ึนก็หายเอง รอให้เด็กโตกว่านกี้ ่อนค่อย
พาไปรักษาหรือถ้าไม่หายก็ต้องทำ�ใจว่าเป็นโรคที่รักษา
ไม่ได้ น่าเสียดายที่เด็กหลายๆ คน เติบโตมาด้วยสภาวะ
ตาเขโดยไม่ได้รับการดูแลรักษา ปล่อยทิ้งไว้อย่างนั้นจน
ส่งผลต่อการมองเห็นที่ด้อยลง บุคลิกภาพ ความมั่นใจ
ไปจนถึงคุณภาพชีวิต

ความสำ�คัญของ ภาวะตาเข

มคี วามจ�ำ เปน็ อยา่ งยง่ิ ทต่ี าทง้ั สองขา้ งตอ้ งท�ำ งานประสานกนั อยา่ งดี เพอ่ื การมองเหน็ ใหเ้ ปน็ หนง่ึ [Single Binocular
Function] ทง้ั นจ้ี ะตอ้ งประกอบดว้ ยปจั จยั หลกั สองอยา่ งนน่ั คอื
1.) ตาทงั้ สองข้างต้องมกี ารมองเห็นทเ่ี ท่าๆ กัน
2.) ตาทัง้ สองข้างตอ้ งตรง ฉะนน้ั หากขาดปัจจัย ใดปจั จัยหนง่ึ
ไป กจ็ ะสง่ ผลใหก้ ารพฒั นาการของการมองเหน็ เสยี ไป หรอื
เกดิ ภาวะตาขเี้ กยี จ [Lazy-eye , Amblyopia] ไดซ้ งึ่ หากเดก็
ไดร้ บั การรักษาแก้ไขตง้ั แตต่ น้ ๆ ก็จะสามารถป้องกัน และ
รักษาให้หายเปน็ ปกติได้ ในทางตรงกนั ขา้ มหากปลอ่ ยไวน้ าน
การรักษาอาจจะยงุ่ ยากขึ้นและได้ผลไม่ดสี ง่ ผลให้เดก็ สูญ
เสียการมองเหน็ ได้

ชนดิ ของตาเข

เราสามารถจำ�แนกชนิดของตาเขได้ง่ายๆ โดยดูจากทิศทางที่ตาเขไป เช่น ตาเขเข้า [Esotropia] ตาเขออก [Exotropia]
ตาลอยขึน้ [Hypertropia] หรอื ตาตกลง [Hypotropia] เป็นต้น ซ่งึ แต่ละชนดิ ของตาเข ก็จะทำ�ใหเ้ ด็กแสดงอาการออกมาใน
รปู แบบตา่ งๆ ได้ เชน่ เอยี งหนา้ มอง คอเอยี ง เปน็ ตน้

ตาเขเขา้ [Esotropia] ตาลอยขน้ึ [Hypertropia]

ตาเขออก [Exotropia]

A46ugust 2016

สาเหตขุ องตาเข

1. พบวา่ สว่ นใหญเ่ ปน็ กลมุ่ ท่ีไมท่ ราบสาเหตุ มอี าการตง้ั แตอ่ ายนุ อ้ ยๆ บางรายกม็ ปี ระวตั ติ าเข ในญาตพิ น่ี อ้ ง
2. กลา้ มเนอ้ื ตาอมั พาต อนั อาจจะเกดิ จากกลา้ มเนอ้ื ตาหดตวั ผดิ ปกติ หรอื มกี ารอมั พาตของเสน้ ประสาททม่ี า
เลย้ี งกลา้ มเนอ้ื นน้ั
3. สายตาผดิ ปกติ เชน่ ในเดก็ ทม่ี สี ายตายาวแลว้ ไมไ่ ด้ใสแ่ วน่ ตาแก้ไข เดก็ จะแก้ไขใหเ้ หน็ ชดั เองโดยการเพง่ มาก
ท�ำ ใหม้ ตี าเขเขา้ ได้
4. ความผดิ ปกตขิ องสดั สว่ นภาวะเพง่ มอง
5. มโี รคภายในลกู ตา ท�ำ ใหต้ าขา้ งนน้ั มองเหน็ ไมช่ ดั กจ็ ะท�ำ ใหเ้ กดิ ตาเขตามมาได้

ท�ำ ไมตอ้ งรกั ษาตาเข

1. เพอื่ ให้เด็กมีพัฒนาการการมองเห็นเป็นไปอย่างปกติ ไม่ใหม้ ีภาวะตาขีเ้ กยี จเกดิ ขน้ึ ทั้งนีข้ อเน้นว่า
การรักษาจะประสบผลสำ�เรจ็ ไดด้ ีก็ต่อเมื่อเดก็ ได้รบั การรกั ษาภายในเวลาที่เหมาะสม คอื ระยะท่เี ดก็
ยังมีพฒั นาการของการมองเหน็ อยู่ นนั่ คอื ภายในช่วงอายุ 4 ถึง 6 ปแี รก หากเราปลอ่ ยท้ิงไว้ เด็กก็จะ
เกิดภาวะตาขเี้ กียจ และการมองเห็นลดลงไปเรื่อยๆ หากเลยวยั ไปมาก การรกั ษาตาข้ีเกยี จกจ็ ะไมไ่ ด้
ผลดี หรือไมไ่ ดผ้ ลเลย
2. เพ่อื ความสวยงาม ดตู าตรงเปน็ ปกติ ลดภาวะเปน็ ปมด้อยในสังคม เพม่ิ ความม่ันใจในการใช้ชวี ิต

การรกั ษาตาเข

เพอื่ ให้ได้ผลการรักษาท่ดี ี เด็กควรไดร้ ับการตรวจและวินจิ ฉัย รักษาต้งั แต่แรกๆ จะมีความสำ�คัญมาก ไม่ควร
ปล่อยให้เด็กโตแล้วจึงนำ�มาตรวจเพราะอาจจะสายเกินไปส�ำ หรับการกระตุ้นให้การมองเห็นเป็นปกตไิ ด้

ขน้ั ตอนในการรกั ษา
1. รกั ษาภาวะตาขเ้ี กยี จ ถอื เปน็ สง่ิ ส�ำ คญั ทส่ี ดุ และเรง่ ดว่ น
2. การใชแ้ วน่ ตาเพอื่ ควบคมุ ตาเข และท�ำ ใหเ้ ดก็ มองเหน็ ดี
3. การใชย้ าหยอด แตไ่ มเ่ ปน็ ทน่ี ยิ มนกั
4. การฝกึ กลา้ มเนอ้ื ตา ซง่ึ จะใช้ไดผ้ ลในบางกรณเี ทา่ นน้ั
5. การผา่ ตดั กลา้ มเนอ้ื ตา เพอ่ื ใหต้ าตรง

47

ภาวะนอนกรนและหยุดหายใจขณะหลับในเดก็

แพทย์หญงิ อุศนา พรหมโยธนิ

แพทยค์ ลนิ ิกหู คอ จมกู

ภาวะนอนกรนและหยดุ หายใจขณะหลับในเด็ก ในปจั จุบนั ไดร้ ับความสนใจมากขึ้นจากผ้ปู กครอง จงึ เปน็ สาเหตตุ น้ ๆ
ท่ีนำ�เด็กมาพบโสต ศอ นาสกิ แพทย์ และกุมารแพทย์ เนอ่ื งจากความกงั วลเรอื่ งการพัฒนาของทัง้ รา่ งกายและสมองจากการ
นอนหลบั ที่ไม่ไดป้ ระสทิ ธภิ าพ การนอนหลบั แบ่งเป็นสองระยะ ตามการเคลอื่ นไหวของตาขณะนอนหลับ

1.NREM (non rapid eye movement)
เปน็ ระยะการนอนหลับที่ไม่มกี ารเคลอื่ นไหวของตา ปจั จุบนั แบง่ ย่อยเปน็ 3 ระยะ
ระยะที่ 1 (N1) : เป็นภาวะครงึ่ หลับครงึ่ ตืน่ เริ่มต้นการนอนหลับจะถูกปลุกไดง้ ่ายและรตู้ วั เรว็ เป็นการนอนหลับต้นื
ระยะที่ 2 (N2) : เป็นการนอนหลับท่ลี กึ กวา่ ระยะท่ี 1 กล้ามเน้ือผอ่ นคลายมากขนึ้
ระยะที่ 3 (N3) : เป็นการนอนหลบั ลกึ กล้ามเนอ้ื ผอ่ นคลาย หายใจช้าลง หัวใจเต้นชา้ ลง เกดิ ความฝันไดแ้ ตม่ ักจ�ำ ไม่ได้เมือ่ ตน่ื ข้ึนมา

2 .R EM (rapid และเปน็ ระยะท่เี กดิ การนอนละเมอ

eye movement)
เป็นการนอนหลับทีม่ ีการเคลื่อนไหวของตา กล้ามเนือ้ รา่ งกายจะผอ่ นคลายมากจนเหมอื นเปน็ อมั พาต ในการนอนหลบั ปกติ REM sleep
จะเกดิ ประมาณ 20 - 25 % รวมท้งั จะเกดิ ได้ประมาณ 4 - 5 คร้งั ในหน่ึงคนื โดยจะเกดิ ระยะเวลาส้นั กวา่ ในช่วงครงึ่ คืนแรกและเกดิ
นานขน้ึ ในช่วงครึ่งคืนหลังหรอื ใกล้เชา้ ระยะการนอนหลบั น้ีความฝนั เกิดขึ้นได้ คลา้ ยจรงิ และเมื่อตน่ื มามกั จะจำ�ได้ ในเดก็ แรกเกดิ หรือ
เด็กเลก็ จะนอนหลับอยู่ระยะ REM นาน แตเ่ มอ่ื โตขึ้นแบบแผนในการนอนหลบั จะปรบั ไปเหมอื นผู้ใหญ่ ซง่ึ ลดเหลือเพยี ง 20 - 25 %
จึงเช่ือกนั วา่ การนอนหลบั ในระยะนีจ้ ะชว่ ยสมองได้เรียบเรยี งข้อมูล ส่งเสริมการเรียนรู้และความจำ� หรอื ลบความจ�ำ ท่เี กนิ จ�ำ เปน็ ท้ิง

A48ugust 2016


Click to View FlipBook Version