The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

E-BOOK เที่ยวทิพย์ 10 ประเทศอาเซียน GEB3

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by siriwan.phothisansakul, 2021-10-30 04:40:26

E-BOOK เที่ยวทิพย์ 10 ประเทศอาเซียน GEB3

E-BOOK เที่ยวทิพย์ 10 ประเทศอาเซียน GEB3

วดิ ที ัศน์

ในคลิปกำลงั บรรยายถึงแหล่งโบราณคดีบ้านเชียง ตั้งอยู่ท่ีจังหวัด อุดรธานี แหล่งโบราณคดีบ้านเชียง
เป็นแหล่งทรัพย์สินทางวรรณคดีของประเทศไทย เนื่องจากแสดงหลกั ฐานรอ่ งรอยการดำรงชีวิตของมนุษย์ยุค
ก่อนประวัติศาสตร์ ทำให้เราเห็นถึงวิวัฒนาการและสังคมของมนุษย์ยุคนั้น รวมถึงเครื่องมือและเครื่องใช้
ภาชนะ เครอื่ งป้นั ดินเผาตา่ งๆ

การจัดตั้งพิพิธภัณฑสถานเเห่งชาติบ้านเชียงเร่ิมจากเมื่อปีพ.ศ. 2503 มีชาวบ้านเชียงพบภาชนะลาย
เขียนสี ต่อมา ปีพ.ศ. 2509 ชาวอเมริกันก็พบภาชนะดินเผา และแจ้งที่กรมศิลปากร ปีพ.ศ. 2510 เริ่มมี การ
ขดุ คน้ อยา่ งจริงจังเป็นครงั้ แรก ปี พ.ศ.2515 มีการขุดค้นเป็นคร้ังท่ี 2 โดยคร้ังนพี้ ระบาทสมเดจ็ พระ เจ้าอยู่หัว
และสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถได้เสด็จทอดพระเนตรแหล่งขุดค้นที่วัดโพธิ์ศรีในพร้อม กับแหล่ง
อทานในบา้ นเชียง และครั้งสดุ ท้ายใน ปี พ.ศ. 2517-2518 กรมศลิ ปากรกับมหาวทิ ยาลยั เพนซลิ เวเนีย ได้จัดตง้ั
โครงการโบราณคดีภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ร่วมมือขุดค้น และหาข้อมูลใหม่เพิ่มเติม ทำให้ปี พ.ศ. 2518
ไดม้ ีการเร่ิมจดั ต้ังพพิ ธิ ภัณฑสถานแห่งชาติบา้ นเชียงขึ้น

เทีย่ วทพิ ย์ 10 ประเทศอาเซยี น

สรปุ

ประเทศไทยถอื ไดว้ า่ เปน็ ประเทศทร่ี ำ่ รวยแหลง่ ท่องเท่ียวและมีความหลากหลายของแหล่งทอ่ งเที่ยว
มากทสี่ ดุ ประเทศหนงึ่ ของโลก แหลง่ ท่องเทยี่ วในประเทศไทยสามารถแบง่ ออกเป็นกลุม่ ใหญ่ๆได้ ดังนี้

แหล่งท่องเท่ียวเชิงประวัติศาสตร์ เช่น อุทยานประวัติศาสตร์ พิพิธภัณฑสถานแหง่ ชาติ พิพิธภัณฑว์ ถิ ี
ชีวติ อนเุ สาวรยี ์บุคคลสำคัญ เมอื งหรอื แหลง่ อารยธรรมเกา่ แก่ และปราสาทหิน เป็นต้น

แหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ เช่น ภูเขา (ดอย/ภู) น้ำตก ถ้ำ เหว หน้าผา จุดชมวิว อุทยานแห่งชาติ
วนอุทยาน เขตรักษาพันธ์ุสตั วป์ ่า เขตห้ามลา่ สตั ว์ป่า ปา่ สงวนแหง่ ชาติ ทะเลสาบและบงึ ธรรมชาติ เป็นต้น

แหลง่ ทอ่ งเทย่ี วทางทะเล เชน่ เกาะและหมู่เกาะตา่ งๆ ชายหาด แหลมและอ่าวตา่ งๆ เปน็ ต้น
แหลง่ ทอ่ งเท่ยี วทางศาสนาและความเช่ือ เช่น วดั โบสถ์ มัสยดิ เจดยี แ์ ละพระธาตุ เป็นตน้
แหล่งท่องเที่ยวสมัยใหม่ เช่น ห้างสรรพสินค้า สวนน้ำ สวนนก สวนสัตว์ ตลาดน้ำ ตลาดนัด สถาน
แสดงพันธ์ุสตั วน์ ้ำ ฟาร์มสัตวป์ ระเทศต่างๆ รสี อรท์ สถานตากอากาศ และสวนสาธารณะ
วัฒนธรรมไทยมีส่วนที่คล้ายคลึงกับวัฒนธรรมเอเชีย กล่าวคือ มีการให้ความเคารพแก่บรรพบุรุษ ซึ่งเป็นการ
ยึดถือปฏิบัติกันมาอย่างช้านาน ชาวไทยมักจะมีความเป็นเจ้าบ้านและความกรุณาอย่างดี แต่ยังมีการแบ่งชน
ชั้น ความอาวุโสเป็นแนวคิดที่สำคัญในวัฒนธรรมไทยอย่างหนึ่ง ผู้อาวุโสต้องปกครองดูแลครอบครัวของตน
ตามธรรมเนยี ม และน้องต้องเชื่อฟังพ่ีการทักทายตามประเพณีของไทย คือ การไหว้ ผู้นอ้ ยมักจะเป็นผู้ทักทาย
ก่อนเม่ือพบกัน และผู้ทอี่ าวุโสกว่าก็จะทักทายตอบในลักษณะท่ีคล้าย ๆ กนั สถานะและตำแหน่งทางสังคมก็มี
ส่วนต่อการตัดสินว่าผู้ใดควรจะไหว้อีกผู้หนึ่ง ก่อนเช่นกัน การไหว้ถือว่าเป็นสัญลักษณ์ในการให้ความเคารพ
และความนับถอื แกอ่ ีกผ้หู นง่ึ

93

วฒั นธรรมทเี่ กย่ี วขอ้ งกับการดำรงชีวิตของคนไทยในทุกภาค มพี ้ืนจากการเป็นสังคมเกษตรกรรม เป็น
สังคมที่ผสมผสานคติความเชื่อพื้นเมือง เช่น การนับถือสิ่งศักดิ์สทิ ธิ์ นับถือธรรมชาติ เข้ากับคติความเชื่อ ทาง
ศาสนา การเป็นสังคมเกษตรของไทยในอดีต คือการเกษตรแบบยังชีพ การทำนาเป็นอาชีพหลัก ใน อดีตเป็น
การทำนาที่ใช้แรงงานคนในครอบครัวและแรงงานสัตว์เป็นหลัก พึ่งพาน้ำฝนและน้ำในแม่น้ำลำ คลองในการ
เพาะปลูก และใช้ในชีวิตประจำวัน ลักษณะการดำรงชีวิตที่ต้องพึงพาธรรมชาติ และพึ่งพาตน เอง ทำให้
ชาวบา้ นเรยี นรู้ท่ีจะอยรู่ ว่ มกนั และพึ่งพากนั เพอ่ื ให้สามารถดำรงชีวติ อยไู่ ด้อยา่ งม่นั คงเป็นสุข

วัฒนธรรมแบบสังคมเกษตรของคนไทยมีลักษณะเด่น คือ เป็น สังคมที่มีน้ำใจ เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่
ชว่ ยเหลือกัน มกี ารนับญาตกิ นั อย่าง สนทิ สนม เชน่ ใช้คำว่า ปู่ ยา่ ลงุ ปา้ น้า พ่ี เรยี กผูส้ งู อายทุ ี่ไม่รู้จักกัน หรือ
ไม่ใช่ญาติ มีการยกย่องธรรมชาติและสิ่งที่มีบุญคุณ เช่น การทำ ขวัญพระแม่โพสพ การลอยกระทง เพื่อ
ขอบคุณและขอขมาพระแม่ คงคา การนับถือพระแม่ธรณี การทำขวัญโค-กระบือ มีการร่วมมือกัน ในสังคม
เช่น การขอแรงเพื่อนบ้านมาช่วยกันทำงาน เม่ือแรงงาน ภายในครอบครัวไม่เพียงพอ เช่น การลงแขก การขอ
แรง การเอาแรง เอามือ เอาปากกินหวาน เพื่อช่วยกันทำงานในนา ปลูกสร้างบ้าน โดยเป็นการแลกเปลี่ยน
หมุนเวียน แรงงานในชุมชน โดยที่ไม่ต้องใช้ การว่าจ้าง เจ้าของงานมีหน้าที่เพียงดูแลเรื่องอาหารการกินให้
เพยี ง พอแก่ผูม้ าช่วยงาน

เท่ยี วทิพย์ 10 ประเทศอาเซยี น

95

บทท่ี 3
เท่ียวทพิ ยป์ ระเทศฟลิ ปิ ปนิ ส์

97

สว่ นนำ

ฟิลิปปินส์(Philippines) หรือชื่อทางการว่า สาธารณรัฐฟิลิปปินส์ เป็นประเทศเอกราชที่เป็นหมู่เกาะ
ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉยี งใต้ ต้ังอย่ใู นมหาสมทุ รแปซิฟิกตะวันตกประกอบด้วยเกาะ 7,641 เกาะ มีแม่น้ำ
ที่ยาวที่สุดคือแม่น้ำคากายันในภาคเหนือของเกาะลซู อน เมืองที่มีประชากรมากที่สุดคือนครเกซอน ฟิลิปปินส์
มีอาณาเขตติดต่อกับทะเลจีนใต้ทางตะวันตก ทะเลเซเลบีสทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ โดยมีพรหมแดนทะเล
รว่ มกบั ไต้หวนั ทางทศิ เหนอื ปาเลาทางทศิ ตะวันออก มาเลเซียและอนิ โดนเี ซยี ทางทิศใต้ และเวียดนามทางทิศ
ตะวันตก ฟิลิปปินส์ตั้งอยู่ในแถบวงแหวนแห่งไฟและใกล้กับเส้นศูนย์สูตร ทำให้มีแนวโน้มสูงที่จะประสบภัย
จากแผ่นดินไหวและไตฝ้ ุ่น แต่ก็ทำให้มีทั้งทรัพยากรธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์และความหลากหลายทางชีวภาพ
ในฟลิ ิปปินส์มีภูเขาไฟทม่ี ีพลังอยูห่ ลายลกู เชน่ ภูเขาไฟมาโยน ภูเขาปีนาตูโบ ภูเขาไฟตาอลั เนอื่ งจากธรรมชาติ
ของเกาะตา่ งๆ เป็นภูเขาไฟ ฟิลปิ ปนิ ส์จงึ มีทรพั ยากรแร่ธาตุอดุ มสมบูรณ์ มแี หล่งแร่ทองคำใหญ่ท่ีสุดเป็นอันดับ
ที่ 2 รองจากแอฟริกาใต้ ปา่ ดิบช้นื และชายฝง่ั ทะเลท่ีกว้างของฟิลปิ ปินส์ทำให้กลุ่มเกาะนเ้ี ป็นแหลง่ รวมนก พืช
สตั ว์ ฟลิ ปิ ปินสม์ ีเนือ้ ทป่ี ระมาณ(รวมพ้ืนผิวแหลง่ น้ำภายในแผ่นดิน) 300,000 ตารางกิโลเมตร (115,831ตาราง
ไมล์) และมีประชากรประมาณ 100 ล้านคน นับเป็นประเทศที่มีประชากรมากที่สุดเป็นอันดับท่ี 8 ในเอเชีย
และเป็นประเทศที่มีประชากรมากที่สุดเป็นอันดับท่ี 12 ของโลก นอกจากนี้ยังมีชาวฟิลิปปินส์ประมาณ 10
ล้านคนอาศัยอยู่ในต่างประเทศรวมแล้วถือเป็นกลุ่มคนพลัดถิ่นที่ใหญ่ที่สุดในกลุ่มหนึ่งของโลก ความ
หลากหลายทางชาติพันธุ์และวัฒนธรรมปรากฏให้เห็นตลอดทั้งหมู่เกาะ ฟิลิปปินส์เป็นสมาชิกจัดตั้งองค์การ
สหประชาชาติ องค์การการค้าโลกการประชุมความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชีย - แปซิฟิก และการประชุมสุด
ยอดเอเชียตะวันออก นอกจากนี้ยังเป็นที่ตั้งของสำนักงานใหญ่ธนาคารเพื่อพัฒนาเอเชีย ปัจจุบันประเทศนี้
ได้รับการพิจารณาว่าเป็นตลาดเกิดใหม่ (emerging market) และเป็นประเทศอุตสาหกรรมใหม่ ซึ่งมีระบบ

เทย่ี วทิพย์ 10 ประเทศอาเซยี น

เศรษฐกิจที่กำลังเปลีย่ นผ่านจากระบบทีพ่ ึ่งพิงภาคเกษตรกรรมเป็นระบบท่ีพึง่ พิงภาคบริการและภาคการผลติ
มากข้นึ สว่ นในด้านการปกครองนัน้ เปน็ แบบพ่อปกครองลูก โครงสรา้ งทางการปกครองเป็นแบบงา่ ย ๆ
มี 4 ชนชัน้ คือ ดาตูและครอบครัว ขุนนาง อิสระชน ทาส ในสว่ นของกฎหมายและกฎระเบียบการปกครองนั้น
ยังไม่มี สถาบันทีส่ ำคัญคือ ศาสนา แม่น้ำที่ยาวทีส่ ุดคือแม่น้ำคากายนั ในภาคเหนือของเกาะลูซอน อ่าวมะนิลา
(ชายฝั่งของอ่าวเป็นที่ตั้งของกรุงมะนิลาเมืองหลวง) เชื่อมต่อกับลากูนาเดบาอี(ทะเลสาบที่ใหญ่ที่สุดใน
ฟิลปิ ปินส์) ผ่านแมน่ ้ำปาซิก อ่าวซูบกิ อา่ วดาเบา และอ่าวโมโรเป็นอ่าวอืน่ ๆ ทีส่ ำคัญ ในฟิลิปปินส์มีภูเขาไฟท่ี
มีพลังอยู่หลายลูก เช่น ภูเขาไฟมาโยน ภูเขาปีนาตูโบ ภูเขาไฟตาอัล เป็นต้น การปะทุของภูเขาปีนาตูโบใน
เดือนมิถุนายน ค.ศ. 1991 ถือเป็นการปะทุที่รุนแรงที่สุดเป็นอันดับท่ี 2 ของโลกในคริสต์ศตวรรษท่ี 20
เนื่องจากธรรมชาตขิ องเกาะต่าง ๆ เป็นภเู ขาไฟ ฟิลิปปนิ ส์จึงมีทรพั ยากรแรธ่ าตุอุดมสมบรู ณ์ ประเทศนี้มีแหล่ง
แร่ทองคำใหญท่ สี่ ดุ เปน็ อนั ดบั ท่ี 2 รองจากแอฟรกิ าใต้ และเปน็ แหล่งแรท่ องแดงทใี่ หญท่ ี่สุดแหง่ หนง่ึ ในโลก
ป่าดิบชื้นและชายฝั่งทะเลที่กว้างขวางฟิลิปปินส์ทำให้กลุ่มเกาะนี้เป็นแหล่งรวมนก พืช สัตว์ และสิ่งมีชีวิตใน
ทะเลหลากชนิด ฟิลิปปินส์เป็นหนึ่งในสิบเจ็ดประเทศของโลกที่มีความหลากหลายทางชีวภาพอย่างยิ่ง เรา
สามารถพบสัตว์บกที่มกี ระดูกสันหลังได้ถึงประมาณ 1,100 ชนิด ซึ่งรวมถึงสัตว์เล้ียงลูกด้วยนมกว่า 100 ชนดิ
และนกกว่า 170 ชนิด ในประเทศฟิลิปปินส์มีวัฒนธรรมและชื่อเสียงด้านงานหัตถกรรมการจักสานพื้นบ้านที่
อยคู่ ชู่ มุ ชนมายาวนาน รวมถึงการทอเสื่อใช้ในท้องถิน่ ของตนทเ่ี รยี กทั่วไปว่า Banig ในหลายเขตจังหวัด ทั้งเขต
หมเู่ กาะตอนเหนือลซู อน หมู่เกาะตอนกลางวิสายาส์ และโดยเฉพาะในเขตหมู่เกาะตอนใต้มินดาเนา โดยแต่ละ
จังหวัดจะมกี ารออกแบบลวดลายสสี นั แตกต่างกันไปตามลกั ษณะศลิ ปะพื้นบ้าน โดยทวั่ ไปชาวฟลิ ปิ ปินส์จะเน้น
การใช้สีสันและลวดลายทีเ่ ป็นลักษณะทรงเลขาคณิตและใชว้ สั ดุในท้องถิ่นของตนหลากหลาย อาทิ หญ้าทะเล
ใบตาล ใบเตย ต้นกก โดยมีการนำวัสดุดังกล่าวมาประยุกต์ทำหลากหลายผลิตภัณฑ์สินค้า อาทิ หมวก พัด
กระเป๋าสตางค์ กระเปา๋ สะพาย กลอ่ งของขวัญ ถุงใสไ่ วน์ รองเทา้ แตะ ท่ีรองแกว้ และจาน และของท่รี ะลกึ

99

เนื้อหาในบทที่ 3 จะกล่าวถึงสถานที่ท่องเที่ยวที่เป็นมรดกโลกแต่ละประเภท ได้แก่ แหล่งท่องเที่ยว
ทางศิลปกรรม แหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ แหล่งท่องเที่ยวทางพิพิธภัณฑ์และหอศิลป์ แหล่งท่องเที่ยวทาง
ประวัติศาสตร์ และแหล่งทอ่ งเที่ยวเชงิ นิเวศ

จากท่กี ลา่ วมาขา้ งต้น ประเภทแหล่งทอ่ งเทยี่ วทางศลิ ปกรรม ได้แก่ โบสถ์ซานอากสุ ตนิ (San Agustin
Church), ซากปรักหักพัง (The Ruins), โบสถ์บาโรกแห่งฟิลิปปินส์ (Baroque Churches of the
Philippines) ประเภทแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ ได้แก่ ภูเขาช็อคโกแลต (Chocolate hills), อุทยาน
แห่งชาติแม่น้ำใต้ดินปูเวร์โตปรินเซซา(Puerto Princesa Subterranean River National Park), ภูเขาไฟมา
ยอน (Mayon Volcano) ประเภทแหล่งท่องเที่ยวทางพิพิธภัณฑ์และหอศิลป์ ได้แก่ พิพิธภัณฑ์ศิลปะ 3 มิติ
แบบโต้ตอบในฟิลิปปินส์ หรือ ART IN ISLAND, Casa Manila Museum, พิพิธภัณฑ์อายาลา (AYALA
MUSEUM) ประเภทแหล่งท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ ได้แก่ เมืองโบราณอินทรามูรอส (Intramuros), ป้อม
ซานติเอโก (Fort Santiago), Historic City of Vigan ประเภทแหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศ ได้แก่ เกาะโบราเคย์
(Boracay Island), เกาะมาลาปาสกัว (Malapascua Island), อุทยานธรรมชาติปะการังตุบบาตาฮา
(Tubbataha Reef) ดงั ตอ่ ไปน้ี

เท่ียวทิพย์ 10 ประเทศอาเซยี น

โบสถ์ซานอากุสตนิ (San Agustin Church)
ท่ีมา: http://www.resource.lib.su.ac.th/art_asean/contents/country?country=PHI&category

โบสถ์ซานอากุสตินได้รับการคัดเลือกให้เป็นมรดกโลกเมื่อปี 1993 ในฐานะสถาปตั ยกรรมชั้นเยีย่ ม
ลักษณะแบบโบสถ์บาโรกในประเทศฟิลปิ ปินส์ รัฐบาลฟลิ ิปปนิ สไ์ ด้กำหนดให้เปน็ “ศูนย์กลางประวัติศาสตร์
แห่งชาติ”

101

โบสถซ์ านอากสุ ติน (San Agustin Church)

โบสถ์ซานอากสุ ติน ต้งั อย่แู ถบกำแพงเมืองเก่าของอนิ ตรามูโรสทางฝ่ังตะวนั ตกของกรงุ มะนลิ า ที่มา
ของโบสถ์ซานอากุสติน สรา้ งโดยคณะนักบุญออกสั ติเนียนชาวสเปน ใช้โครงสร้างจากไม้ไผแ่ ละใบปาล์มตาม
แบบสิ่งปลูกสร้างพืน้ เมืองแบบฟิลิปปินส์ แต่ว่าถูกไฟไหม้ไปหมดเมือ่ ปี 1574 จากการโจมตีมะนลิ าของกอง
กำลังโจรสลัดลิมาฮงหรือกลุ่มโจรสลัดหลินฟ่ง ต่อมาได้มีการสร้างโบสถ์ซานอากุสตนิ หลังที่ 2 สร้างขึ้นใหม่
อีกครั้งในตำแหน่งที่เดียวกัน และมีการเปลี่ยนมาใช้โครงสร้างมาเป็นไม้ทั้งหลังในปี 1583 ก็เกิดไฟไหม้อีก
ครั้งทำให้โบสถ์ทั้งหลังไฟไหม้ไปจนหมด ดังนั้นโบสถ์ซานอากุสตินที่สร้างขึ้นในปี 1571 นับเป็นหลังที่ 3 ท่ี
สร้างเสร็จสมบูรณ์และยังคงอยู่จนถึงปัจจุบัน การก่อสร้างยังคงสร้างตำแหน่งเดิมบนพื้นที่โบสถ์เก่าทั้งสอง
หลงั ในอดีต

โบสถ์ซานอากุสตินที่อินตรามูโรส เป็นตัวอย่างของสถาปัตยกรรมยุโรปแบบบาโรกตะวันตกที่โดด
เด่นด้วยการตกแต่งโครงสร้างอย่างประณีต เน้นการให้แสงเงาตัดกัน โดยปรับให้เข้ากับสภาพอากาศของ
ฟิลิปปินส์ โคมระย้าทองขนาดใหญ่ห้อยลงมาจากเพดานทรงโค้ง บริเวณด้านนอกเป็นส่วนของหอระฆังที่
สรา้ งขนึ้ จากหินปะการังทงั้ หลัง ลักษณะทางสถาปัตยกรรมของโบสถซ์ านอากสุ ติน สรา้ งในรปู แบบเรียบง่าย
ผนังโบสถ์ใช้สีครีมและขาวตัดกัน เสาด้านหน้าเป็นแบบดอริกแต่หัวเสาเป็นแบบคอรินเธียน บานประตู
แกะสลักรูปนกั บุญออกุสตินและนกั บุญโมนีกาอย่างงดงาม บริเวณอาคารด้านขา้ งยังสร้างเป็นพิพิธภัณฑ์เพ่ือ
เกบ็ รกั ษาโบราณวัตถุ
เอกสารอ้างองิ : รศ.ปิยะแสง จันทรวงศไพศาล. (2021). โบสถ์ซานอากสุ ติน (San Agustin Church).
สบื คน้ 5 ตุลาคม 2564. สบื ค้นจาก
http://www.resource.lib.su.ac.th/art_asean/contents/country?country=PHI&category
ผู้เรียบเรยี ง 97 นางสาวศริ วิ รรณ โพธสิ ารสกุล

เท่ียวทิพย์ 10 ประเทศอาเซียน

ซากปรักหักพงั (The Ruins)
ท่มี า:https://ak-d.tripcdn.com/images/100h1f000001gru6tB71B.jpg?proc=source%2Ftrip

ซากปรกั หักพัง (The Ruins) ในอดีตเปน็ คฤหาสนข์ อง ดอน มาริอาโน เลเดสมา แลคสนั
(Don Mariano Ledesma Lacson) สร้างขึ้นเพื่อรำลึกถึงภรรยาของเขา มาเรีย บรากา ลัคสัน (Maria
Braga Lacson) ปจั จุบันเหลือเพียงซากปรักพงั จากการเผาของกองโจรฟิลิปปินสใ์ นสมยั สงครามโลกคร้ังที่ 2

103

ซากปรักหกั พัง (The Ruins)

ซากปรักหักพัง (The Ruins) เป็นซากของคฤหาสน์บ้านของครอบครัว ดอน มาริอาโน เลเดสมา
แลคสัน(Don Mariano Ledesma Lacson) และ มาเรีย บรากา ลัคสัน (Maria Braga Lacson) ตั้งอยู่ที่
Talisay , Negros Occidental ของประเทศฟลิ ปิ ปนิ ส์ คฤหาสน์นี้ได้แรงบัลดาลใจจากสถาปตั ยกรรม
อิตาเลียนและถูกสร้างขึ้นในช่วงต้นทศวรรษ 1900 เพื่อรำลึกถึง มาเรีย บรากา ลัคสัน (Maria Braga
Lacson) ภรรยาชาวโปรตเุ กสของเขาไดเ้ สยี ชีวิตระหว่างการเกิดลูกคนที่ 11 จากน้นั ในชว่ งสงครามโลกคร้ัง
ที่ 2 กองโจรชาวฟิลิปปินส์ได้เผาเพื่อป้องกันไม่ให้กองกำลังญี่ปุ่นเข้ามาบุกรุกได้ ต่อมาในปัจจุ บัน ซาก
ปรักหักพัง (The Ruins) ได้เป็นแหล่งท่องเที่ยวของฟิลิปปินส์และรู้จักกันในชื่อ "ทัชมาฮาลแห่งทาลิเซย์"
"ทัชมาฮาลแห่งเนโกร"และ"ทชั มาฮาลแหง่ ฟิลปิ ปนิ ส"์ มีสภาพทพ่ี ังยับเยิน

เอกสารอ้างอิง: Wikipedia. (2021). The Ruins of Intipata.สืบคน้ วนั ที่ 3 กนั ยายน 2564,
https://en.wikipedia.org/wiki/The_Ruins_(mansion)
ผูเ้ รียบเรยี ง: 98 นายศกุ รภ์ ชิ ยั บุญมาก

เทยี่ วทพิ ย์ 10 ประเทศอาเซยี น

โบสถ์บาโรกแหง่ ฟลิ ิปปินส์ (Baroque Churches of the Philippines)
ท่ีมา: http://architectureinsea.blogspot.com/2017/10/san-agustin-church-in-manila.html

โรมันคาทอลกิ 4 แห่ง ไดแ้ ก่ โบสถ์ซานออกสั ติน, โบสถซ์ านตามาเรีย, โบสถซ์ านอกสั ติน และโบสถ์
ซานโต โดยมีเอกลกั ษณ์คอื การแสดงความเปน็ บาโรกของยโุ รปทผ่ี สมผสานลวดลายแบบจีน

105

โบสถบ์ าโรกแห่งฟลิ ิปปนิ ส์ (Baroque Churches of the Philippines)

โบสถ์บาโรกแห่งฟิลิปปินส์ ประกอบด้วยโบสถ์โรมันคาทอลิก 4 แห่ง มีการผสมผสานศิลปะ
ลวดลายของจีน คริสตจักรจึงกลายเป็นเป้าหมายของการโจมตีจากการปฏิวัติและการก่อกบฏในประเทศ
โบสถเ์ หลา่ น้จี งึ ไมใ่ ช่ส่งิ ก่อสรา้ งทใี่ หบ้ ริการทางศาสนาเทา่ นน้ั แตเ่ ป็นสงิ่ ก่อสรา้ งในลกั ษณะปอ้ มปราการ

ความสำคัญและลกั ษณะทางกายภาพ
1) โบสถ์ซานออกัสตนิ ในกรงุ มะนลิ า เปน็ แหง่ แรกทีส่ ร้างขนึ้ บนเกาะลูซอน โบสถ์แห่งนีไ้ ดก้ ลายเป็นแม่แบบ
ของโบสถอ์ อกัสตินในประเทศฟลิ ิปปินส์
2) โบสถ์ซานตามาเรยี ในซานตามาเรยี จงั หวัดอิโลโกสซูร์ สรา้ งตง้ั ขึน้ ในปี 1765 ถือเปน็ โบสถ์ออกสั ติเนียน
ที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในฟิลิปปินส์ ตัวอาคารโบสถ์ก่ออิฐสีแดงโดดเด่น มีโครงสร้างที่ป้องกันการ
ถล่มเนอ่ื งจากแผ่นดินไหว
3) โบสถ์ซานอกัสติน ในปาโออาย จงั หวัดอโิ ลโคสนอร์เต เป็นโบสถโ์ รมันคาทอลกิ สรา้ งจาก อฐิ หินปะการัง
และไมแ้ ปรรปู ท่ีเน้นคานขนาดใหญ่ท่ีด้านข้างและหลังอาคาร มีหอระฆงั สรา้ งขึ้นจากหินปะการงั
4) โบสถซ์ านโตโทมัส เดอ วลิ ลานวู า ในไมอากาโออิโลอโิ ล เปน็ สถานปฏบิ ัตขิ องศรสิ ตจักรโรมันคาทอลิกถูก
ทำลายโจรสลัดมุสลิมเป็นสถานที่ปฏิบัติภาระกิจทางศาสนา ทำหน้าที่เป็นป้อมปราการเพื่อต้านทานการ
รุกรานท่จี ะเกิดขึน้ ในอนาคต

การข้ึนทะเบียนเป็นมรดกโลก โบสถท์ ้ัง 4 แห่งไดร้ บั การขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกรวมกันในปี พ.ศ.
2536 โดยมีคุณสมบตั ิตรงตามข้อกำหนดและหลักเกณฑ์ในการพิจารณามรดกโลกดา้ นวัฒนธรรม
เอกสารอา้ งองิ : UNESCO World Heritage Centre. (2014). “Baroque Churches of the
Philippines” สืบค้น 5 ตุลาคม 2564, จาก http://whc.unesco.org/en/list/677
ผ้เู รยี บเรียง 99 นางสาวศุจภี รณ์ มานะสะสม

เทยี่ วทพิ ย์ 10 ประเทศอาเซียน

Chocolate hills
ที่มา: https://travel.mthai.com/world-travel/85085.html

“ช็อกโกแลตฮิลส์” เนินเขาความสูงราว 400 ฟุต ประมาณ 1,260 ถึง 1,776 ลกู ท่ตี ้งั อย่บู น
เกาะโบฮอลในฟิลิปปินส์ โดยโครงสรา้ งของภเู ขาเหล่านีก้ ค็ ือหนิ ปนู ท่ีถกู ปกคลมุ ดว้ ยต้นหญ้า

107

ภเู ขาชอ็ คโกแลต (Chocolate hills)

Chocolate hills ตั้งอยู่บนเกาะโบฮอลทางตอนใต้ของมะนิลา รูปทรงของช็อคโกแลตฮิลส์ คือ
เนินเขาลกู ย่อมๆ ทรงกรวยควำ่ ท่ีมลี ักษณะค่อนขา้ งจะสมมาตรเรียงกันเปน็ บรเิ วณกว้าง ครอบคลมุ พืน้ ท่ีกว่า
50 ตารางกิโลเมตร คาดว่ามีจำนวน 1,260 ถึง 1,776 ลูก ความสูงโดยเฉลี่ยของเนินเหล่านี้อยู่ที่ 30-50
เมตร ส่วนลูกที่ใหญ่ที่สุดมีความสูง 120 เมตร โครงสร้างเนินเหล่านี้เป็นหินปูน ที่ถูกปกคลุมด้วยต้นหญ้า
เนินเขาเหล่าน้ีเกิดจากธรรมชาติ โดยนักธรณีวิทยาเชื่อว่า อดีตชาติหลายล้านปีก่อนบริเวณน้ีเปน็ ท้องทะเล
และนี่คือแนวปะการัง ต่อมาเวลาเปลี่ยนน้ำทะเลเกิดเหือดแห้งหลังจากนั้นก็เกดิ การทบั ถมของหนิ ปูน นาน
วันเข้ากลายเป็นเนินเขาเหล่านี้ แต่ก็มีตำนานตามความเชื่อของชาวฟิลิปปินส์ที่เชื่อว่า ช็อกโกแลตฮิลส์เกิด
จากการต่อสู้กันของยักษ์สองตัว ตัวที่แพ้ได้ร้องไห้ออกมา และหยดน้ำตาของมันจึงกลายมาเป็นเนินเขา
นั่นเอง พืชผักของช็อคโกแลตฮิลส์ถูกครอบงำโดยสายพันธุ์หญ้าเช่นหญ้าคาและSaccharum โดยจากเนิน
เขาทั้งหมด 1,247 แห่งมีแค่ 2 แห่งเท่านั้นที่ได้รับการพัฒนาให้เป็นรีสอร์ทสำหรับนักท่องเที่ยว จุดชมวิว
หลักของชอ็ กโกแลตฮิลสค์ ือศูนย์ช็อกโกแลตฮิลสค์ อมเพล็กซ์ของรัฐบาลในเมืองคารเ์ มน เมืองโบโฮลห่างจาก
เมืองตักบิลารันเมืองหลวงของภูมิภาคประมาณ 55 กม.อีกจุดหลักในการชม Chocolate Hills อยู่ที่ยอด
เขา Sagbayan ที่พิเศษไปกว่านั้นก็คือช็อกโกแลตฮิลส์เปลี่ยนสีไปตามฤดูกาล ในฤดูฝนเนนิ เขาจะเขียวชอุ่ม
และจะกลายเปน็ สเี หลอื งออ่ นจนถงึ สนี ำ้ ตาลช็อกโกแลตในฤดรู ้อน

เอกสารอ้างอิง: NGThai. เยือนช็อกโกแลตฮิลส์ เนินเขาแปลกในฟิลิปปินส์ สืบค้น 4 ตุลาคม 2564, จาก
https://ngthai.com/travel/11704/chocolate-hills-in-the-philippines/
ผูเ้ รยี บเรยี ง 100 นางสาวสรัลชนา จิตตราวงค์

เที่ยวทิพย์ 10 ประเทศอาเซยี น

อุทยานแห่งชาติแม่น้ำใต้ดินปูเวร์โตปรินเซซา(Puerto Princesa Subterranean River National
Park)
ท่ีมา: https://th.wikipedia.org/wiki/อทุ ยานแหง่ ชาตแิ มน่ ้ำใต้ดินปูเวรโ์ ตปรนิ เซซา

เป็นอุทยานแหง่ ชาติของประเทศฟิลิปปนิ ส์ เปน็ แมน่ ้ำใต้ดินท่มี ีความยาวท่ีสุดในโลก และได้จัดเป็น
มรดกโลกทางธรรมชาติในปี ค.ศ. 1999

109

อุทยานแห่งชาติแม่น้ำใต้ดินปูเวร์โตปรินเซซา(Puerto Princesa Subterranean
River National Park)

อุทยานแห่งชาติแม่น้ำใต้ดินปูเวร์โตปรินเซซาตั้งอยู่บริเวณทวิ เขาเซนต์พอล ทางตอนเหนือของเขา
เกาะปาลาวัน ประเทศฟิลิปปินส์ เป็นแม่น้ำที่มีความยาวที่สุดในโลก (ประมาณ8.2กิโลเมตร) ลอดผ่านถ้ำ
หินปูนของทิวเขาเซนต์พอล ที่มีอายุกำเนิดมานานกว่า 20 ล้านปี ภายในถ้ำประกอบด้วยหินงอกหินย้อย
ต่างๆ ที่มีลักษณะรูปร่างตามแต่จินตนาการของผู้พบเห็น เช่น หัวสิงโต เห็ดหรือพระแม่มารี ซึ่งถือเป็น
จุดสำคัญของการเข้าชม การเข้าชมต้องใช้วิธีการล่องเรือพายเข้าไป และใช้ไฟฉายส่องเพราะภายในถ้ำไม่มี
การติดตั้งไฟ ก่อนที่จะเข้าสู่ถ้ำ ต้องเดินผ่านเส้นทางชมธรรมชาติซึ่งเป็นป่าดิบที่อุดมสมบูรณ์ ประกอบไป
ด้วยป่าไมน้ านาชนิด และสตั วป์ า่ หายากชนิดต่างๆ เช่น ลิงแสม นกเงอื กปาลาวัน และภายในถ้ำก็เป็นแหล่ง
อาศัยของคา้ งคาวจำนวนมาก

เอกสารอ้างอิง: สมทุ รโคจร สืบคน้ 3 ตลุ าคม 2564 จาก
https://palanla.com/index.php?op=abroadLocation-detail&id=278
ผู้เรยี บเรยี ง 101 นางสาวสรลั พร พลู สวัสด์ิ

เทยี่ วทพิ ย์ 10 ประเทศอาเซยี น

ภเู ขาไฟมายอน (Mayon Volcano)
ท่ีมา: http://www.pentorexchange.com/news_view.php?id=703

ตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศฟิลิปปินส์ บนเกาะลูซอน อยู่ในจังหวัดอัลเบ (Albay)
รูปทรงภูเขาเปน็ รปู สมมาตรท่ีสวยงาม มีความสงู 2,462 เมตร

111

ภเู ขาไฟมายอน (Mayon Volcano)

ภูเขามายอน ตง้ั อยทู่ างตะวนั ออกเฉยี งใต้ของประเทศฟลิ ิปปนิ ส์ บนเกาะลูซอน อยใู่ นจงั หวัดอลั เบ
(Albay) และอยูใ่ นเขตอุทยานแห่งชาติภูเขาไฟมายอนเป็นภเู ขาไฟทย่ี ังไม่ดับ เคยเกดิ ระเบดิ มาแลว้ 40 คร้ัง
ในรอบ 400 ปีที่ผ่านมา รูปทรงภูเขาเป็นรูปสมมาตรที่สวยงาม มีความสูง 2,462 เมตร โดยครั้งล่าสุดเกิด
ระเบิดขึ้นเมื่อ ค.ศ. 1984 และครั้งที่ร้ายแรงที่สุดเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1814 เป็นการปะทุ
แบบทำลายล้างและมลี าวาไหลไปทัว่ ซึ่งจะเห็นได้จากลาวาท่ีแข็งตัว จนกลายเปน็ หนิ อยู่รอบพน้ื ท่ี ทวา่ ความ
สวยงามของรูปทรงและจุดชมวิวบนยอดเขา และยังมีซากปรักหักพังของโบสถ์อันเก่าแก่ที่ถูกทำลายโดย
ลาวา ภูเขามายอน (Mayon Volcano) มีชื่อเสียงไปทั่วโลกว่าเป็นภูเขาไฟที่เกิดขึ้นอย่างสมบูรณ์แบบที่สุด
ในโลก ด้วยรูปร่างทรงกรวย เป็นรูปสมมาตรที่สวยงาม เหมือนภูเขาไฟฟูจิ ประเทศญี่ปุ่น เพราะด้วยความ
สวยงามแบบธรรมชาติ ภูเขาไฟแห่งนี้จึงได้ถูกจัดให้ขึ้นชื่อว่าเป็น 10 อันดับสิ่งมหัศจรรย์ของธรรมชาติ
นักท่องเที่ยวจึงแห่กันมาดูความสมบูรณ์แบบของภูเขาไฟมายอนเพราะเป็นการยากที่จะหาภูเขาไฟที่มี
รูปรา่ งสวยงามตระการตาขนาดนี้ในโลก

คำว่า มายอน มาจากคำว่า มากายอน (Magayon) ที่แปลว่า ‘สวยงาม’ เขาว่ากันว่าภูเขาไฟมา
ยอน คือ ภูเขาไฟที่สวยงาม และสมบูรณ์แบบที่สุดในโลก เพราะมีรูปทรงเป็นทรงกรวยที่สมบูรณ์ 360
องศา สามารถมองเห็นภเู ขาไฟมายอนตระหงา่ นเวลามองจากไกลๆ

เอกสารอ้างอิง: pentorexchange. ภูเขาไฟมายอน เกาะลูซอน ประเทศฟิลิปปินส์. สืบค้น 3 ตุลาคม
2564, จาก http://www.pentorexchange.com/news_view.php?id=703
ผเู้ รยี บเรียง 102 นางสาวสติ าภา เล๊ียบประเสริฐ

เทย่ี วทพิ ย์ 10 ประเทศอาเซยี น

พพิ ธิ ภัณฑ์ศิลปะ 3 มติ ิแบบโตต้ อบในฟิลิปปนิ ส์ หรือ ART IN ISLAND
ท่ีมา: https://board.postjung.com/1273147

113

พิพธิ ภัณฑ์ศลิ ปะ 3 มิตแิ บบโตต้ อบในฟลิ ิปปินส์ หรอื ART IN ISLAND

ART IN ISLAND ในเมืองหลวงของมะนิลานี้ตั้งอยู่ใจกลางเมืองเกซอนซิตี (Quezon City) และถือ
เป็นพิพิธภัณฑ์ภาพวาด 3 มิติที่ใหญ่ที่สุดในทวีปเอเชีย ภายในมีงานศิลปะมากมายทั้งที่วาดอยู่บนฝาผนัง
และบนพื้นที่ ใช้ประโยชน์จากบัตรเข้าชมสำหรับ 1 วันที่ ด้วยการเข้าไปชมงานศิลปะมากมายที่ทำให้
พิพิธภัณฑ์แห่งนี้มีชื่อเสียงโด่งดังที่สำคัญ พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ไม่เหมือนที่อื่นตรงที่ไม่ต้องนั่งสำรวมกิริยาใด ๆ
คุณสามารถไถลลื่น หรือนอนลงไปกับพื้น และส่งเสียงหัวเราะได้ดังเท่าที่ต้องการ นอกจากภาพวาด
พิพิธภัณฑ์ยังมีนิทรรศการอื่น ๆ ให้ไปชื่นชม เช่นนิทรรศการแบล็คไลต์อาร์ต (Black Light Art) และ
นิทรรศการภาพวาดท่เี คลือ่ นไหวได้ (Paintings in Motion)

ในขณะที่พิพิธภัณฑ์ต่างๆทั่วโลกไม่อนุญาตให้ถ่ายภาพโดยเฉพาะอย่างยิ่งแต่พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ไม่
เพียง แต่อนุญาตให้สัมผัสการจัดแสดงและการถ่ายภาพเท่านั้น ในความเป็นจริงการเดินทางไปยัง“ Art in
Island ” พิพิธภัณฑ์ศิลปะแบบอินเทอร์แอคทีฟที่จะไร้ประโยชน์หากไม่มีกล้องถ่ายรูป พิพิธภัณฑ์มีภาพ
จติ รกรรมฝาผนงั ศลิ ปะกลลวงกว่า 50 ภาพซง่ึ วาดโดยทมี จติ รกรเอกชาวเกาหลี 18 คนท่บี นิ มารว่ มโครงการ
นี้โดยเฉพาะ ภาพจิตรกรรมฝาผนังเหล่านี้ให้ภาพลวงตาของความลึกเมื่อมองจากบางมุมและออกแบบมา
เพื่อใชเ้ ป็นฉากหลงั สำหรับโอกาสในการถา่ ยภาพ ผเู้ ข้าร่วมพิพธิ ภัณฑค์ วรปีนขึน้ ไปบนภาพวาดและถ่ายภาพ
ปฏสิ มั พนั ธ์ของพวกเขา

เอกสารอา้ งอิง: Kaushik Patowary(2015). Art in Island: An Interactive 3D Art Museum In
Philippines สืบค้น4ตลุ าคม2564 จาก https://board.postjung.com/1273147
ผู้เรียบเรยี ง 103 นางสาวสริ าวรรณ ห้อยแก้ว

เท่ยี วทพิ ย์ 10 ประเทศอาเซียน

Casa Manila Museum
ท่ีมา: https://palanla.com/index.php?op=abroadLocation-detail&id=240

คฤหาสนส์ มัยอาณานิคมสเปนหลงั นี้ ภายในตกแตง่ ด้วยเครือ่ งเรือน ของประดับบา้ น และงานศิลปะ
สมัยโบราณ ตัวอาคารสะทอ้ นให้เหน็ ถึงความม่ังคง่ั ของตระกูลต่างๆ ท่ีอาศยั อยู่ภายใตก้ ารปกครองของสเปน

115

Casa Manila Museum

Casa Manila Museum เป็นคฤหาสน์สมัยอาณานิคมสเปนที่อยู่ในย่านเมืองโบราณอินทรามูรอส
สร้างด้วยหินภูเขาไฟและต่อเติมชั้นบนด้วยโครงสร้างไม้กลางคริสต์ศตวรรษที่ 19 ภายในตกแต่งด้วยเครื่อง
เรือน ของประดบั บ้าน และงานศลิ ปะสมัยโบราณ ตัวอาคารสะทอ้ นใหเ้ ห็นถึงความม่ังคั่งของตระกลู ตา่ งๆ ที่
อาศยั อยภู่ ายใตก้ ารปกครองของสเปน อธบิ ายถงึ วิถชี ีวิตของชาวอาณานิคมในยุคล่าอาณานิคมของสเปนใน
ฟิลิปปินส์พิพิธภัณฑ์คาซามะนิลาเป็นพิพิธภัณฑ์แห่งชาติของชาวฟิลิปปินส์บันทึกเหตุการณ์ทางด้าน
ประวัติศาสตร์นับหลายพันปี ตั้งแต่วัฒนธรรมดั้งเดิมของชาวพื้นเมืองฟิลิปปินส์ไปจนถึงศิลปะทางด้าน
วัฒนธรรมทแ่ี ตกต่างกันออกไป โดยภายในพพิ ธิ ภัณฑ์แห่งนี้แบง่ การแสดงนิทรรศการออกไปเป็น 3 ช้ัน เคย
ถูกไฟไหม้เสียหายในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 แต่รัฐบาลฟิลิปปินส์ได้มีการบูรณะขึ้นใหม่ในช่วง ค.ศ.1980
ภายในตกแต่งอย่างดี เพื่อถ่ายทอดภาพชีวิตของครอบครัวชาวฟิลิปปินส์ในช่วงที่ตกเป็นอาณานิคมของ
สเปน เปิดให้บริการให้นักท่องเที่ยวเข้าชม ทุกวันอังคาร – วันอาทิตย์ เวลา 9:00 น. – 18:00 น.อัตราค่า
เข้าชม 75 PPH สำหรับผู้ใหญ่ และอัตราค่าเข้าชม 50 PPH สำหรับเด็กนักเรียน นักศึกษา ผู้สูงอายุ และผู้
พิการ

เอกสารอา้ งอิง: Webmaster.(2563). พิพิธภัณฑ์คาซามะนิลา กรงุ มะนิลา.สบื ค้น 5 ตลุ าคม 2564, จาก
https://palanla.com/index.php?op=abroadLocation-detail&id=240
ผู้เรยี บเรยี ง 104 นางสาวสริ ิรตั น์ เรม็ ศรีงาม

เทย่ี วทพิ ย์ 10 ประเทศอาเซยี น

พิพธิ ภัณฑอ์ ายาลา (AYALA MUSEUM)
ที่มา: https://th.trip.com/travel-guide/attraction/makati/ayala-museum-95791/

พิพธิ ภัณฑอ์ ายาลาอยู่ในมาคาติ เมโทรมะนลิ า ฟิลิปปนิ ส์ ต้งั อยูต่ ดิ กบั ห้างสรรพสินคา้ กรีนเบล ข้าง
ในมีการจดั นิทรรศการเกี่ยวกับประเทศฟิลิปปินส์

117

พพิ ธิ ภัณฑ์อายาลา (AYALA MUSEUM)

พิพิธภัณฑ์อายาลาอยู่ในมาคาติ เมโทรมะนิลา ฟิลิปปินส์ โดยพิพิธภัณฑ์นี้ตั้งอยู่ติดกับ
ห้างสรรพสินค้ากรีนเบล ในอตีตผู้ก่อตั้งคือ จิตรกรเฟร์นันโดโซเบล เดออายาลามอนโตโย ได้ก่อต้ัง
พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ของฟิลิปปินส์ขึ้นมาในปี 1967 โดยการจัดตั้งนี้เป็นโครงการของมูลนิธิ Filipinas
เดิมพิพิธภัณฑ์นี้ตั้งอยู่ที่อาคารตลาดหลักทรัพย์มาคาติเก่า โดยอาคารนี้ถูกออกแบบโดยศิลปินแห่งชาติ แต่
ด้วยสภาพอาคารท่ีเส่ือมสภาพลง จึงเกิดขอ้ วพิ ากษ์วิจารณ์อย่างหนักในเร่ืองไม่เหมาะสมทจ่ี ะเป็นพิพิธภัณฑ์
แห่งชาติ จึงได้ย้ายไปที่อยู่ปัจจุบันในปี 2002 โดยข้างในมีการจัดแสดงถึงชาติพันธุ์ โบราณคดีเกี่ยวกับ
วัฒนธรรม ศิลปะและประวัติศาสตร์ของชาวฟิลิปปินส์ มีจัดการงานศิลปะร่วมสมัย เช่น ฉากไดโอรามาทำ
มือ 60 ชิ้น เป็นการเล่าประวัติความเปน็ มา เน้นเหตุการณ์สำคัญตั้งแต่ยคุ ก่อนประวัติศาสตร์ไปจนถึงช่วงที่
ได้รับอิสรภาพ นิทรรศการ Beyond Tobacco เป็นการนำเสนอประวตั ิทางเศรษฐกิจระหว่างฟิลิปปินส์กบั
สเปนหลงั จากการผูกขาดยาสูบ ศูนย์การศกึ ษามรดกฟิลปิ ปินส์เก่ียวกับภาษา ศาสนาและสงั คมศาสตร์ การ
ทำภาชนะเซรามกิ เพ่อื การคา้ จากคอลเลก็ ชนั Roberto T. Villanveva

เอกสารอ้างองิ : Wikipedia . (2004) . พพิ ิธภัณฑ์อายาลา . สืบคน้ วันที่ 4 ตุลาคม 2564
https://hmong.in.th/wiki/Filipinas_Heritage_Library
ผู้เรียบเรียง 105 นางสาวสิริวิมล สงา่ สงฆ์

เทีย่ วทิพย์ 10 ประเทศอาเซียน

เมอื งโบราณอินทรามูรอส (Intramuros)
ที่มา: https://isecosmetic.com/wiki/Intramuros

เมืองที่มีกำแพงล้อม รอบยังถือเป็นศูนยท์ างศาสนาและการศึกษาของชาวสเปน Intramuros และ
ป้อม Santiago ถูกกำหนดให้เป็นสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์แห่งชาติในปี 1951 มีการประกาศป้อม
ปราการของ Intramuros ปอ้ มปราการแหง่ มะนิลา เป็นสมบตั ิทางชุมชนแหง่ ชาติ

119

เมืองโบราณอินทรามรู อส (Intramuros)

เมืองโบราณอินทรามูรอส (Intramuros) มรดกอารยธรรมทางประวัติศาสตร์ในปี 1600 เป็น
สถานทีส่ ำคญั ของกรุงมะนิลา ต้งั อยบู่ ริเวณชายฝ่ังของอา่ วมะนิลา ทางตอนใต้ของแมน่ ำ้ ปาซิก มรี ูปแบบของ
สถาปัตยกรรม และวิถีชีวิตของผู้คน ที่มีความผสมผสานระหว่างตะวันออกกับตะวันตก จากการเข้ามาของ
สเปนและอเมริกาในยุคล่าอาณานิคม ซึ่งเป็นศูนย์กลางความเจริญในยุคน้ัน โดยมีผู้นำการก่อสร้างคือ
Miguel Lopez de Legazpi เพื่อป้องกันการโจมตีจากข้าศึกและโจรสลัดของชาวสเปน ในช่วงปีค.ศ.1571
อินทรามูรอสได้ถูกทำลายทั้งที่เกิดจากเหตุการณ์ไฟไหม้ พายุ แผ่นดินไหว และสงคราม เพราะหลังจาก
สเปนแล้ว อังกฤษก็เขา้ มายดึ ครองสองปี จากนน้ั สเปนก็กลับคืนมาได้ แต่ก็เสียให้สหรัฐอเมรกิ า ตอ่ ด้วยญี่ปุ่น
ในสมัยสงครามโลกครั้งท่ี 2 และจบลงที่สหรฐั ประกาศอสิ รภาพใหฟ้ ิลิปปนิ ส์

อนิ ทรามรู อส มีลักษณะเป็นปอ้ มปราการและกำแพงเมือง พื้นท่ี 400 ไร่ ภายในมชี มุ ชนและสถานที่
สำคัญมากมาย เช่น ป้อมซานตีเอโก โบสถ์ซานอากุสติน และหอศิลป์โบราณ มีลักษณะทางสถาปัตยกรรม
เหมือนเมืองในสมัยยุโรปยุคกลางที่มีกำแพงล้อมรอบและค่ายป้อมยามมิดชิด ภายในป้อมมีทั้งโบสถ์
คอนแวนต์ โรงเรียน โรงพยาบาล ค่ายทหาร และสถานที่ราชการต่าง ๆ ป้อมอินทรามูรอส ถูกสร้างขึ้นมา
เพ่ือเป็นศูนยก์ ลางในการปกครองการศกึ ษา วัฒนธรรม ศาสนา และการคา้ ฯลฯ

การเดินทางไปยังเมืองโบราณอินทรามูรอส จะนั่งด้วยรถ shuttle bus จากสนามบินนานาชาติ
กรุงมะนิลา และต่อรถไฟฟ้าเพื่อลงสถานี Central Terminal Station การเข้าชมจะไม่เสียค่าใช้จ่ายใด ๆ
ทง้ั สน้ิ ชว่ งเวลาทเี่ ปดิ ใหน้ กั ทอ่ งเทีย่ วเข้าชมอยู่ระหว่างเวลา 09.00 – 17.00 น. ของทุกวนั

เอกสารอ้างองิ : กาญจน์ อายุ. เมืองในกำแพงอินทรามรู อส. สบื คน้ 4 ตลุ าคม 2564, จาก
https://www.posttoday.com/life/travel/302139
ผู้เรียบเรียง 106 นางสาวสชุ ญั ญา ดีนาน

เทย่ี วทพิ ย์ 10 ประเทศอาเซียน

ปอ้ มซานติเอโก (Fort Santiago)
ทมี่ า: https://www.tlcthai.com/travel/31206/.html/manila-cathedral

ป้อมซานติเอโกเป็นด่านแรกที่ป้องกันข้าศึก นับเป็นป้อมปราการของสเปนที่เก่าแก่ที่สุดใน
ฟลิ ปิ ปนิ สใ์ ช้เปน็ สถานทค่ี ุม ขงั นักโทษละยังใช้กกั ขัง โฮเซ่ ไรซาล วรี บรุ ษุ แห่งชาติ และ นกั รบเสรีภาพในชว่ ง
ทำสงครามยดึ ครองญป่ี ุ่น

121

ปอ้ มซานติเอโก (Fort Santiago)

ป้อมซานติเอโกสร้างข้ึนเมื่อ ค.ศ. 1571 ป้อมปราการแหง่ นถ้ี กู ใชง้ านเสมอื นดา่ นป้องกนั เมืองมะละ
กา จากศึกสงครามโดยจะมีกำแพงยางล้อมรอบเนินเขาช่ือเนินเขามะละกาซึง่ ปอ้ งกันได้เป็นอย่างดียาวนาน
ถึง 150 ปี จนกระทงั้ ฮอลันดาเข้ามายึดครองเมืองมะละกาได้สำเร็จในปี ค.ศ. 1641 จึงมีการสั่งซ่อมป้อมให้
อยู่ในสภาพที่สมบูรณ์จนกระทั้งอังกฤษผู้ปกครองปีนังได้สั่งให้ กัปตันวิลเลียม ฟาร์คูฮาร์ มาทำลายป้อม
ปราการนี้เพื่อป้องกันการอ้างสิทธิ์ครอบครองดินแดนของฮอลันดา แต่แล้วป้อมปราการแห่งนี้ก็ไม่ได้ถูก
ทำลายไปทัง้ หมดยงั มีไว้เพื่อใหเ้ ยาวชนรนุ่ หลังไดศ้ ึกษาเหน็ ซากเหตุการณ์ในประวัติศาสตร์ของเมืองมะละกา
ความโดดเด่นของสถาปตั ยกรรม ป้อมซานติเอโกเป็นหนึง่ ในสถาปัตยกรรมทสี่ วยงาม โดยเฉพาะบริเวณซุ้ม
ประตูที่มีรูปสลัก เซนต์เจมส์ผู้พิฆาตแขกมัวร์ (Saint Jame the Moon-slayer) เซนต์เจมส์เป็นนักบวชใน
คริสต์ศาสนาท่ีชาวสเปนนบั ถือกันมาก

เอกสารอา้ งองิ : เดลนิ วิ ส.์ (2557). ปอ้ มซานติเอโก ซากความงามของฟลิ ิปปนิ ส์.คน้ เม่ือวันที่ 4 ตลุ าคม
2564,จาก https://www.dailynews.co.th/article/234313
ผ้เู รยี บเรียง 107 นางสาวสดุ ารัตน์ ทศทิศไพศาล

เทย่ี วทิพย์ 10 ประเทศอาเซียน

Historic City of Vigan
ทีม่ า:https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%9A%E0%B8%B5%E0%B8%81%E0%B8%B1%E0
%B8%99

“Vigan แสดงถึงการผสมผสานที่เป็นเอกลักษณ์ของการออกแบบและการก่อสร้างอาคารของ
เอเชียกบั สถาปตั ยกรรมและการวางแผนในยคุ อาณานิคมของยุโรป”

123

Historic City of Vigan

Vigan นครแห่งความงดงามทางด้านสถาปัตยกรรม เปน็ เมืองมรดกโลกในประเทศฟิลิปปินส์ ตั้งอยู่
บริเวณปากแม่น้ำอาบรา ทางตะวันตกของเกาะลูซอน ในจังหวัดอีโลโกสซรู ์ สร้างขึ้นตั้งแต่คริสต์ศตวรรษท่ี
16 จัดเป็นหนึ่งในเมืองที่สวยที่สุด สถาปัตยกรรมสะท้อนให้เห็นถึงการผสมผสานของวัฒนธรรมฟิลิปปินส์
จีน และยุโรป เพอื่ สร้างวัฒนธรรมและภูมิทัศนเ์ มืองที่ไมเ่ หมือนใคร วางผงั เมืองเปน็ รูปแบบเมืองการค้าของ
ยุโรป โครงสรา้ งสองชัน้ สร้างด้วยอฐิ และไม้ โดยมหี ลงั คาแหลมสงู ชัน ชวนใหน้ ึกถงึ สถาปัตยกรรมจีนโบราณ
อาคารทีม่ ีอย่สู ว่ นใหญ่น่าจะสร้างข้ึนในช่วงกลางศตวรรษที่ 18 ถึงปลายศตวรรษที่ 19 เน่ืองจากความเส่ือม
โทรมทางเศรษฐกิจของ Vigan ในฐานะศูนย์กลางทางเศรษฐกิจหลังสงครามโลกครั้งที่สอง อาคาร
ประวัติศาสตร์เพียงไม่กี่แห่งที่มีการจัดโครงสร้างภายในใหม่ เพื่อการใช้งานทางเลือก ทำธุรกิจ ร้านค้า
สำนักงาน และห้องเก็บของที่ชั้นล่างของบ้าน โดยมีที่อยู่อาศัยอยู่ด้านบน นอกจากสถาปัตยกรรมที่เป็นเชงิ
พาณิชย์แล้ว Vigan ยังมีอาคารสาธารณะที่สำคัญหลายแห่ง ซึ่งแสดงถึงอิทธิพลจากหลากหลายวัฒนธรรม
ด้วย

ตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 16 ที่เมืองนี้ถูกสร้างขึ้นมา จนปัจจุบันเข้าสู่คริสต์ศตวรรษท่ี 21 นครวีกัน
ยังคงรักษาเอกลักษณ์ของสถาปัตยกรรมสมัยอาณานิคมของสเปนไว้ได้อย่างดี ถนน ตึก อาคารบ้านเรือน
เก่าแก่ ยังมีสภาพสมบูรณ์อยูม่ ากในเขตเมืองเก่า และมีโบสถ์เก่าแก่ตั้งแต่สมัยอาณานิคมที่มีชือ่ เสียง เชน่
มหาวิหารวกี ัน (Cathedral of Vigan) เพื่อเป็นการอนุรักษ์ ถนนในเมืองนี้จึงอนญุ าตให้เฉพาะรถม้าเท่านั้น
ทส่ี ญั จรได้

เอกสารอ้างองิ : UNESCO. Historic City of Vigan. สบื คน้ 4 พฤศจิกายน 2564, จาก
https://whc.unesco.org/en/list/502/
ผ้เู รียบเรียง 108 นางสาวสดุ ารตั น์ มีใจซอ่ื

เทย่ี วทิพย์ 10 ประเทศอาเซยี น

เกาะโบราเคย์ (Boracay Island)
ทม่ี า: https://www.yingpook.com/blogs/world/5-best-in-philippines

เกาะโบราเคยเ์ ปน็ สถานที่ทอ่ งเที่ยวสุดฮิตของประเทศฟิลปิ ปนิ ส์ ต้ังอยู่ห่างจากกรุงมะนิลา (Manila)
เมืองหลวงของประเทศฟิลิปปนิ ส์ไปทางทิศใต้ประมาณ 315 กม. (196 ไมล์)

125

เกาะโบราเคย์ (Boracay Island)

เกาะโบราเคย์ (Boracay Island) เป็นแหลง่ ท่องเทยี่ วทส่ี ำคญั ของประเทศฟิลปิ ปนิ ส์ (Philippines)
ที่มีชื่อเสียงและเป็นที่รู้จักกันมากในหมู่นักท่องเที่ยวทั้งในประเทศและต่างประเทศ และยังได้รับรางวัล
ทางดา้ นการท่องเที่ยวในหลายๆครั้ง โดยตวั เกาะประกอบด้วยหาดตา่ งๆทมี่ ที รายขาวสะอาดทอดยาวไปตาม
ชายฝั่งของเกาะ ภายในเกาะมถี ำ้ ทสี่ วยงามรวมไปถึงป่าเขตร้อนทมี่ ีความอุดมสมบูรณ์ซึ่งเป็นแหล่งอาศัยของ
สัตว์ในทอ้ งถนิ่ จำนวนมาก

นอกจากนี้ เกาะโบราเคย์ยังเปน็ ที่ตั้งของโรงแรมชนั้ นำ รา้ นอาหารทะเลสดใหม่ และศูนย์การค้าที่มี
สินค้ามากมายให้เลือกซื้อ ส่วนกิจกรรมท่องเที่ยวบนเกาะจะมีหลากหลายเพื่อให้นักท่องเที่ยวได้รู้สึก
สนุกสนานไปกับกิจกรรมท่องเที่ยวต่างๆ เช่น กระดานโต้คลื่น เจ็ทสกี ขี่เรือกล้วย ปีนเขา และการขี่ม้าซ่ึง
เป็นกิจกรรมที่ได้รับนิยมอย่างมาก สำหรับสถานที่ท่องเที่ยวหลักๆบนเกาะโบราเคย์ จุดหมายแรกท่ี
นกั ทอ่ งเที่ยวจะไป คือ การไปชมความสวยงามของ "ไวท์ บชี " (White Beach) หรอื หาดทรายขาว ชายหาด
ที่มีชื่อเสียงอันดับ 1 ของเกาะโบราเคย์ โดยชายหาดนั้นมีลักษณะเป็นหาดทรายสีขาวละเอียดเรียงกันยาว
ประมาณ 4 กิโลเมตรและมีความกว้างเกือบ 100 เมตร ซึ่งเป็นจุดดึงดูดที่สำคัญของเกาะโบราเคย์ และติด
อนั ดบั ตน้ ๆของสถานทพ่ี กั ผ่อนทไี่ ดร้ บั การยอมรับจากทัว่ โลกอีกด้วย

เอกสารอ้างอิง: thaifly.(2020).ขอ้ มูลเที่ยวฟลิ ปิ ปนิ ส์ เกาะโบราเคย์ (Boracay Island).สบื คน้ 5 ตลุ าคม
2564 จากhttps://bit.ly/3Bhatxu
ผู้เรยี บเรียง 134 นางสาวณัฐวดี เดน่ ศรี

เท่ยี วทพิ ย์ 10 ประเทศอาเซยี น

เกาะมาลาปาสกัว (Malapascua Island)
ท่ีมา: https://en.wikipedia.org/wiki/Malapascua

หาดทรายขาวเบาน์ตีในยามเย็นของเกาะมาลาปสั กวั ท่อี ยู่ในเขตตำบลโลกอน มพี ื้นท่รี าว ๆ 2.5x1
ตารางกโิ ลเมตร มหี มบู่ า้ นทอ่ี ยบู่ นเกาะเพยี ง 8 หมู่บา้ น

127

เกาะมาลาปาสกวั (Malapascua Island)

เกาะมาลาปัสกัวคือเกาะขนาดเล็กๆในประเทศฟิลิปปินส์ที่อยู่ถัดมาจากส่วนเหนือของเกาะเซบู มี
หาดทรายขาวที่เรียกว่าเบาน์ตี เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่โด่งดังในเรื่องของการดำน้ำเพราะแนวประการัง
รวมถึงผาประการังที่สวยงาม แต่สิ่งท่ดี งึ ดูดนกั ดำน้ำทีส่ ุดคือฉลามหางยาวซ่งึ เป็นพนั ธ์ุทีห่ าพบไดย้ าก บริเวณ
ที่พบฉลามพันธุ์ลึกลับนี้จะอยู่ในจุดที่เรียกว่า Monad shol มีลักษณะเป็นภูเขาหัวตัดอยู่ภายใต้น้ำทะเลซึ่ง
อย่หู ่างจากบริเวณผวิ นำ้ ประมาณ 18 เมตร ลกึ ลงไปอกี มากกวา่ 250 เมตรจะเปน็ จุดที่สามารถพบฉลามหาง
ยาวไดม้ ากทีส่ ดุ

แต่เดิมชาวเกาะมาลาปัสกัวส่วนมากทำอาชีพการประมงและการเกษตรจากเกาะข้างเคียง เช่น
เกาะเบซูและเกาะเลยเ์ ต แต่เมื่อมปี ระชากรเพิม่ ข้ึนส่งผลให้จำนวนปลาลดน้อยลงจึงต้องเปลี่ยนมาทำอาชพี
ทีเ่ กี่ยวขอ้ งกับการท่องเที่ยวแทน แตก่ ็มีข้อจำกดั ทางทนุ ทรัพย์ต่างๆทำใหบ้ นเกาะไม่มีท่าเรือสำหรับเรือใหญ่
เปน็ สาเหตทุ ี่ทำใหก้ ารกอ่ สรา้ งไม่สามารถขยายตวั ตามทันยคุ สมยั ได้

นอกจากนี้เกาะมาลาปัสกัวยังมีความเชื่อในทางศาสนาถึงพระรูปไม้ศักดิ์สิทธิ์ที่สามารถขยายใหญ่
ขึ้นเองได้จากขนาดเริ่มแรกผู้คนที่ศรัทธาจากทั่วโลกจึงพากันมาบูชากราบไหว้ แม่พระในวันเฉลิมฉลองทุก
วันที่ 11 และ 12 พฤษภาคมของทกุ ปที โ่ี บสถ์

เอกสารอา้ งองิ NG Thai.2019.มาลาปสั กวั หมเู่ กาะแหง่ ความฝันในทะเลฟิลปิ ปินส์.สืบค้น 3 ตลุ าคม 2564,
จาก https://ngthai.com/travel/22550/malapascua/
ผเู้ รยี บเรียง 137 นางสาวธนภรณ์ สุศวิ ะ

เที่ยวทิพย์ 10 ประเทศอาเซยี น

อทุ ยานธรรมชาตปิ ะการังตบุ บาตาฮา (Tubbataha Reef)
ที่มา: https://www.shutterstock.com/th/search/(tubbataha+reef)

อุทยานธรรมชาติปะการังตุบบาตาฮาได้รับการประกาศจากยูเนสโกให้เป็น 1 ใน 9 ของมรดกโลก
ทางทะเล ที่มีความสวยงามและความสมบูรณ์ทางธรรมชาติ สถานที่ยอดนิยมสำหรับการดำน้ำดูปะการัง
แห่งหนงึ่ ในอาเซยี น

129

อทุ ยานธรรมชาติปะการังตุบบาตาฮา (Tubbataha Reef)

อุทยานธรรมชาติปะการังตุบบาตาฮาเป็นสถานที่ยอดนิยมสำหรับการ ดำน้ำดูปะการังเป็นแหล่ง
ธรรมชาติที่สมบูรณ์และมหัศจรรย์แห่งหนึ่งในอาเซียน เกาะตั้งอยู่บริเวรใจกลางทะเลซูลู ทางตะวันออก
เฉียงใต้ของเมือง Puerto Princesa City จังหวัดปาลาวัน ประเทศฟิลิปปินส์ การเดินทางสามารถเดินทาง
จากกรุงมะนิลาโดยเครื่องบินมายังสนามบิน Puerto Princesa และนั่งรถต่อมายังท่าเรือเพื่อขึ้นเรือมายัง
อุทยาน ใช้เวลาทั้งสิ้นประมาณ 10 ชั่วโมง จุดเด่นของที่นี้ คือ เป็นเขตสงวนพันธุ์นกและสัตว์ทะเล
ประกอบด้วย เกาะรูปวงแหวนที่เกิดจากหินประการังใหญ่ 2 เกาะ และปะการังเจสซี่ บิสซ์ และ ในเดือน
ธันวาคม ค.ศ. 1993 ได้รับการประกาศจากองค์การยูเนสโกให้เป็นมรดกโลก เนื่องจากเปน็ ตวั อย่างที่เด่นชัด
ของเกาะปะการังวงแหวนท่ีมีความหนาแน่นของสายพันธุ์สัตว์ทะเลในระดบั สูงมาก เกาะวงแหวนเหนือเป็น
ที่ตั้งของเขตทำรังของนกและเต่าทะเล มีพืดหินปะการังดั้งเดิมที่ยอดเยี่ยม เป็นศูนย์กลางของความ
หลากหลายทางชวี ภาพทางทะเล ทัง้ สายพันธุป์ ลาตา่ งๆ เช่น วาฬ ฉลาม โลมา และสายพันธ์ุปะการังมากถึง
360 สายพันธุ์ จึงทำให้กลายเป็นสถานที่ที่ได้รับความนิยมในกลุ่มนักดำน้ำ โดยเฉพาะกลุ่มที่ชอบดำน้ำลึก
เพราะจะได้พบกับปะการังน้ำลึกและกลุ่มปลาหายากหลายสายพันธุ์ เช่น ปลาฉลามหัวค้อน ปลาสาก ปลา
โนรเี ทวรปู และปลาไหลมอเรย์ ทส่ี ำคัญคอื เปดิ อนุญาติให้ดำนำ้ ไดแ้ คป่ ีละ 3 เดอื น ตั้งแตก่ ลางเดือนมีนาคม
จนถึงกลางเดือนมิถุนายนเท่านั้น นอกจากนั้นก็จะปิดไม่อนุญาตให้เรือเข้ามา การจะเข้าไปดำน้ำที่นี่ต้องมี
การจองล่วงหน้าและมีกฎระเบียบที่ต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัดเพราะ เป็นสถานที่ที่มีความสำคัญมาก
ทางธรรมชาติ การดูแลจึงต้องเข้มงวด ทำให้เป็นผลดีกับธรรมชาติอย่างแท้จริงและสร้างความประทับใจ
ให้กับคนที่ชอบดำนำ้ เปน็ อยา่ งมาก
เอกสารอ้างอิง วิกิพีเดีย สานุกรมเสรี. อุทยานธรรมชาติพืดหินปะการังตุบบาฮา.สืบค้นเมื่อ 3 ตุลาคม
2564, จาก https://th.wikipedia.org/wiki/
ผเู้ รียบเรียง 144 นางสาวสุกัลยา พงษธ์ รรมรัตน์

เที่ยวทพิ ย์ 10 ประเทศอาเซยี น

เท่ียวทิพย์10ประเทศอาเซียน(ฟลิ ปิ ปินส์)

131

วิดีทศั น์

วิดีทัศน์มีลักษณะพูดถึงประวัติศาสตร์ ความเป็นมาของสถานที่เหล่านั้น โดยประเทศฟิลิปปินส์มี
หลากหลายของสถานที่ท่องเที่ยว จึงได้เลือกมา 15 แหล่งท่องเที่ยวที่มีความน่าสนใจ เริ่มจากด้านศิลปกรรม
ไดแ้ ก่ 1. โบสถ์ซานอากสุ ติน ภายในเปน็ แบบโบสถบ์ าโรกในประเทศฟิลิปปนิ ส์ รฐั บาลกำหนดให้เปน็ ศูนย์กลาง
ประวัติศาสตร์แหง่ ชาติ 2. ซากปรักหักพัง (The Ruins) อตีตเป็นคฤหาสน์ของดอน มาริอาโน เลเดสมา แลค
สัน สร้างขึ้นเพื่อรำลึกถึงภรรยาของเขา 3. โบสถ์บาโรกแห่งฟิลิปปินส์ เป็นโบสถ์โรมันคาทอลิก 4 แห่ง
เอกลกั ษณค์ ือมีความเป็นบาโรกผสมจนี ดา้ นธรรมชาติ 4. ภูเขาช็อกโกแลต มปี ระมาณ 1,776 ลูก สงู ราว 400
ฟุต โครงสร้างเปน็ หินปนู ปกคลมุ ด้วยตน้ หญา้ 5. อุทยานแห่งชาติแม่น้ำใต้ดนิ ปเู วรโ์ ตปรนิ เซซา เป็นแม่น้ำใต้ดิน
ท่ียาวทส่ี ดุ ในโลก 6. ภูเขาไฟมายอน มีรูปทรงสมมาตร สงู ถงึ 2,462 เมตร ดา้ นพพิ ธิ ภณั ฑ์และหอศลิ ป์ 7. ART
IN ISLAND เป็นพิพิธภัณฑ์ 3 มิติที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย 8. Casa Manila Museum คฤหาสน์สมัยอาณานิคม
สเปน 9. Ayala Museum เล่าเรื่องราวสำคัญตั้งแต่ยุคก่อนประวัติศาสตร์จนถึงช่วงที่ได้รับอิสรภาพ ด้าน
ประวัตศิ าสตร์ 10. เมืองโบราณอนิ ทรามูรอส ศูนย์กลางทางศาสนาและการศึกษาชาวสเปนและเปน็ สมบัติทาง
ชุมชนแห่งชาติ 11. ป้อมซานติเอโก เป็นป้อมปราการที่เก่าแก่ที่สุด 12. Historic City of Vigan เป็นการ
ผสมผสานระหว่างเอกลักษณ์ของเอเชียและยุโรป ด้านเชิงนิเวศ 13. เกาะโบราเคย์ สถานที่ยอดนิยมห่างจาก
เมืองหลวงไม่ไกล 14. เกาะมาลาปาสกัว มีหาดทรายขาวเบาว์ตีในตอนเย็น 15. อุทยานธรรมชาติปะการังตุบ
บาตาฮา เป็น 1 ใน 9 มรดกโลกทางทะเล เป็นสถานที่ยอดนยิ มสำหรับการมาดำน้ำ ดูปะการัง ทั้งนี้ สถานที่ท่ี
ได้กล่าวมาข้างต้นเป็นสถานที่ที่มีทั้งความสวยงาม ประวัติศาสตร์ สถาปัตยกรรม ประติมากรรม วัฒนธรรม
ธรรมชาตแิ ละแหลง่ เรียนรู้ตา่ ง ๆ

เทีย่ วทพิ ย์ 10 ประเทศอาเซียน

สรปุ

ฟิลิปปินส์ ฟิลิปปินส์เป็นกลุ่มเกาะที่ประกอบด้วยเกาะ 7,641 เกาะ ฟิลิปปินส์เป็นหนึ่งในสิบเจ็ด
ประเทศของโลกที่มีความหลากหลายทางชีวภาพอย่างยิ่ง (megadiverse country) เราสามารถพบสัตว์บกท่ีมี
กระดกู สนั หลังได้ถึงประมาณ 1,100 ชนิด ซง่ึ รวมถงึ สตั ว์เล้ียงลูกด้วยนมกวา่ 100 ชนดิ และนกกว่า 170 ชนิด
นกประจำชาตทิ ีร่ ้จู ักกันในชื่อนกอินทรฟี ลิ ิปปินส์ (Pithecophaga jefferyi) มีลำตัวยาวท่สี ดุ ในบรรดานกอนิ ทรี
ชนิดใดๆ น่านน้ำอาณาเขตของฟิลิปปินส์ครอบคลุมเน้ือทีก่ วา้ งขวางถงึ 2,200,000 ตารางกิโลเมตร (849,425
ตารางไมล์) เป็นแหล่งกำเนิดชีวิตในท้องทะเลทีม่ ีลักษณะเฉพาะและมีความหลากหลายอันเป็นสว่ นสำคัญของ
สามเหลย่ี มปะการงั น่านน้ำฟิลิปปนิ ส์ยงั เอ้ือต่อการเจริญเตบิ โตของปู หอยมกุ และสาหร่ายทะเล ด้วยชนิดพืช
ประมาณ 13,500 ชนิด ซง่ึ 3,200 ชนดิ ในจำนวนนพี้ บเฉพาะในกลุม่ เกาะนี้เท่าน้ัน ป่าดบิ ชื้นของฟิลิปปินส์จึงมี
พรรณพืชหลากหลายซึ่งรวมถึงกล้วยไม้และบัวผุดหายากหลายพันธ์ุ ภาคการเดินทางและท่องเที่ยวมีบทบาท
สำคัญต่อเศรษฐกิจฟิลิปปินส์ โดยสร้างมูลค่าเพิ่มแก่ระบบเศรษฐกิจคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 7.1 ของผลิตภัณฑ์
มวลรวมในฟิลิปปินส์ในปี ค.ศ. 2013 ความหลากหลายทางชีวภาพของประเทศเป็นหนึ่งในบรรดาจุดดึงดูด
ความสนใจหลัก ๆ ของการท่องเที่ยว โดยมีชายหาด ภูเขา ป่าดิบชื้น เกาะ และจุดดำน้ำอยู่ในบรรดาสถานท่ี
ท่องเทย่ี วยอดนยิ ม เน่อื งจากฟิลปิ ปินส์มีสภาพภูมิศาสตรเ์ ป็นกลุม่ ของเกาะประมาณ 7,500 เกาะ จึงมชี ายหาด
ถำ้ และการก่อตวั ของหินรูปทรงแปลกตามากมาย ชอ่ื เสยี งด้านงานหตั ถกรรมการจักสานพืน้ บ้านที่อยู่คู่ชุมชน
มายาวนาน รวมถึงการทอเสื่อใช้ในท้องถิ่นของตนที่เรียกว่า Banig ในหลายเขต เขตหมู่เกาะตอนเหนือลูซอน
หมู่เกาะตอนกลาง และโดยเฉพาะในเขตหมู่เกาะตอนใต้มินดาเนา โดยแต่ละเขตมีการออกแบบลวดลายสีสัน
แตกตา่ งกันไปตามลกั ษณะศลิ ปะพ้ืนบา้ น โดยท่วั ไปชาวฟิลปิ ปนิ สจ์ ะเน้นการใช้สีสนั และลวดลายที่เป็นลักษณะ
ทรงเลขาคณิตและใช้วัสดุในท้องถิ่นของตนหลากหลาย อาทิ หญ้าทะเล ใบตาล ใบเตย ต้นกก โดยมีการนำ
วัสดุดังกล่าวมาประยุกต์ทำหลากหลายผลิตภัณฑ์สินค้า เช่น หมวก พัด กระเป๋าสตางค์ กระเป๋าสะพาย

133

อตุ สาหกรรมส่ิงทอและเคร่ืองนุง่ ห่มของฟลิ ิปปินส์ อตุ สาหกรรมส่ิงทอนีป้ ระกอบด้วย 2 ส่วนหลัก คอื การผลิต
ขั้นปฐมภูมิ ได้แก่ การทอผ้า ถักผ้า การผลิตเส้นใย และในส่วนของการผลิตขั้นทุติยภูมิ ได้แก่ การผลิตเสื้อผ้า
และส่งิ ทอ ซง่ึ อตุ สาหกรรมผลิตเสื้อผ้าในช่วงนั้นได้ทดแทนการตัดเย็บเส้ือผา้ แบบพ้ืนบ้าน และต่อมาฟิลิปปินส์
เริม่ เปน็ แหลง่ ผลิตเสื้อผา้ ให้กับเสื้อผา้ แบรนด์เนมชือ่ ดังหลายแบรนด์ จนกลายเปน็ สนิ คา้ หลักในการส่งออกของ
ฟลิ ปิ ปินส์ในท่ีสดุ

เท่ียวทิพย์ 10 ประเทศอาเซียน

135

บทท่ี 4
เทีย่ วทพิ ย์ประเทศลาว

137

ส่วนนำ

การท่องเทย่ี วเป็นการเดินทางเพื่อการพักผ่อน การศกึ ษา การแลกเปล่ียนวัฒนธรรม โดยมนุษย์แต่ละ
เชื้อชาติทั่วทุกมุมโลกมักจะมีการเดินทางไปท่องเที่ยวยังสถานที่ต่าง ๆ ทั้งในและนอกประเทศของตนเอง
จึงทำให้เกิดการเรียนรู้และการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมกันทั่วโลก ซึ่งแหล่งสถานที่ท่องเที่ยวมีหลากหลาย
ประเภทไดแ้ ก่ แหลง่ ทอ่ งเทย่ี วทางศิลปกรรม แหล่งทอ่ งเท่ียวทางธรรมชาติ แหล่งทอ่ งเทย่ี วทางพิพิธภัณฑ์และ
หอศิลป์ แหล่งทอ่ งเทยี่ วทางประวัตศิ าสตร์ และแหลง่ ท่องเทย่ี วเชิงนเิ วศ เป็นตน้

เมื่อกล่าวถึงประเทศลาวดินแดนแห่งความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติและเต็มไปด้วยมรดกทาง
วัฒนธรรมอันล้ำค่าซึ่งเป็นประเทศหนึ่งที่ควรค่าแก่การไปสัมผัส ที่ประเทศลาวมีแหล่งสถานที่ท่องเที่ยว
มากมายไม่ว่าจะเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางศิลปกรรมโดยส่วนใหญ่เป็นวัดซึ่งจุดเด่นคือพระอุโบสถมี
สถาปัตยกรรมอันเปน็ เอกลักษณ์เฉพาะถ่นิ เชน่ วดั เชยี งทองเปน็ วดั หลวงประจำราชวงศ์ลา้ นช้าง ราชวงศห์ ลวง
พระบาง และราชวงศ์ลาว วัดหอเสี่ยงรูปแบบของวัดมีหลังคาทรงจั่ว เมื่อต้องการสัมผัสกับธรรมชาติของ
ประเทศลาวนั้นจะได้สัมผัสกับสายน้ำ โดยเฉพาะน้ำตกที่มีอยู่หลายแห่ง เช่น น้ำตกตาดกวางสีเป็นน้ำตกที่มี
ความงดงามของสายน้ำสีเขียวมรกตและป่าเขียวขจีรอบด้าน จากธรรมชาติไปที่พิพิธภัณฑ์และหอศิลป์เป็น
สถานทจ่ี ัดเก็บมรดกทางวฒั นธรรม เชน่ ภาษาขอมและกลองสำริดประจำราชวงศ์ลาวอยูท่ ี่หอพระแกว้ อีกหนึ่ง
แหลง่ ท่องเท่ียวอันสำคัญท่ตี ้องกล่าวถึงคือแหล่งท่องเที่ยวทางประวตั ิศาสตร์ซึ่งเป็นสถานที่ของเรื่องราวนับแต่
อดตี และสง่ ผลถึงปัจจบุ ัน เช่น ปราสาทหนิ วัดพซู ึ่งเป็นมรดกโลกแห่งที่สองของประเทศลาว พระธาตุหลวงเป็น
ปูชนียสถานอันสำคัญท่ีสุดแห่งเวียงจนั ทน์ศนู ยร์ วมจิตใจของประชาชนชาวลาว และสุดทา้ ยแหลง่ ท่องเท่ียวเชิง
นิเวศเป็นพื้นที่ที่มีความหลากหลายทางชีวภาพและสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติที่สวยงาม เช่น เขตพิทักษ์

เทีย่ วทิพย์ 10 ประเทศอาเซียน

ธรรมชาติน้ำฮาซึ่งพืน้ ที่ในอุทยานเปน็ ป่าผลัดใบผสมป่าดิบชื้น มีสัตว์ป่าหลายชนิด วังเวียงมีทิวทศั น์ภูเขาและ
หนา้ ผาหนิ ปูนท่ตี ั้งเรยี งรายเป็นแนวยาวและภายในพน้ื ทม่ี ีแมน่ ำ้ ไหล

แหล่งสถานที่ท่องเที่ยวประเภทต่าง ๆ ดังที่กล่าวมาข้างต้นนั้นแสดงให้เห็นว่าประเทศลาวไม่มีพื้นที่
ทางทะเล เนื่องจากเป็นประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ไม่มีทางออกสู่ทะเล และพื้นที่โดยส่วนใหญ่เป็น
เขตภูเขาสงู และเขตท่ีราบสงู

139

เนื้อหาในบทที่ 4 นั้นจะกล่าวถึงสถานที่ท่องเที่ยวที่เป็นมรดกโลกแต่ละประเภทของ “ประเทศลาว”

ไดแ้ ก่ แหลง่ ท่องเท่ียวทางศลิ ปกรรม แหล่งทอ่ งเทยี่ วทางธรรมชาติ แหลง่ ท่องเที่ยวทางพิพธิ ภัณฑแ์ ละหอศลิ ป์

แหลง่ ท่องเทีย่ วทางประวตั ศิ าสตร์ และ แหลง่ ทอ่ งเทย่ี วเชิงนเิ วศ จากทีก่ ล่าวมาขา้ งต้น

ประเภทแหล่งทอ่ งเที่ยวทางศิลปกรรม ได้แก่

1. วดั เชยี งทอง 2. วดั เชียงควน 3. วัดหอเซยี งวรวิหาร

ประเภทแหลง่ ท่องเทย่ี วทางธรรมชาติ ได้แก่

1. น้ำตกตาดกวางสี 2. เวยี งจนั ทร์ บลูลากูน 3. ทรี่ าบสงู โบลาแวน

ประเภทแหล่งทอ่ งเทย่ี วทางพพิ ิธภัณฑ์และหอศิลป์ ไดแ้ ก่

1. วัดสีสะเกด 2. หอพระแก้ว 3.พระราชวังหลวงพระบาง

ประเภทแหล่งทอ่ งเท่ยี วทางประวัติศาสตร์ ไดแ้ ก่

1. พระธาตุหลวง 2. ปราสาทหนิ วดั พู 3.ประตไู ซ

ประเภทแหล่งท่องเทย่ี วเชงิ นเิ วศ ได้แก่

1. วงั เวียง 2. เขตพทิ ักษ์ธรรมชาตแิ ม่น้ำฮา 3. อุทยานแห่งชาตินำ้ แอด-ภเู ลย

ทั้งนี้ แหล่งท่องเที่ยวแต่ละประเภทที่ได้กล่าวไว้ข้างต้นนั้น ถือเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของ

“ประเทศลาว” โดยรายละเอยี ดของแหล่งทอ่ งเทยี่ วแต่ละ่ ที่น้ัน มดี ังตอ่ ไปน้ี

เท่ียวทิพย์ 10 ประเทศอาเซียน

วดั เชียงทอง
ที่มา: https://th.traveligo.com/tours/asia/laos/luang-prabang/lao-luang-prabang-3days-
2nights-tatla-6745

วัดเชียงทอง สถานที่ท่องเที่ยวเชิงศิลปกรรมของประเทศลาว ถือเป็นวัดหลวงของราชวงศ์ล้านช้าง
โดยมีศิลปะการออกแบบท่เี ปน็ เอกลักษณ์ อกี ทั้ง ยงั ได้รบั ยกยอ่ งวา่ เป็นด่งั อญั มณีเม็ดงามของศลิ ปะลา้ นชา้ ง

141


Click to View FlipBook Version