ส่วนท1ี่ ขอ้ มลู พนื้ ฐาน
ประวตั ิความเป็นมาของตำบล
ข้อมูลจากกลุ่มผู้อาวุโสในชุมชน กล่าวถึง การเข้ามา
บกุ เบกิ พื้นทใี่ นบริเวณตำบลลานข่อยว่าเกดิ จากกลุ่มคนจำนวนหน่ึง
ได้ย้ายถิ่นฐานมาจากพื้นที่ใกล้เคียง อาทิ อำเภอชะอวด จังหวัด
นครศรีธรรมราช อำเภอควนขนุน จงั หวดั พัทลุง เปน็ ต้น ประชาชน
สว่ นใหญ่เปน็ กลุ่มประชาชนทยี่ ้ายถิ่นฐานมาต้ังรกรากในพื้นที่ตำบล
ลานข่อยเพ่ือมาหาพื้นที่ทำกินใหม่ เนื่องจากภัยธรรมชาติที่แหลม
ตะลุมพุก ในระยะแรกผู้ที่มาบุกเบิกจับจองที่ดินตามแบบโบราณ
คือ ใช้วิธีปักหลักเขตแดนกนั เองเป็นสัญลักษณ์บ่งบอกถึงความเป็น
เจ้าของพื้นดินนั้นหลังจากนั้นก็ชักชวนเครือญาติเข้า มาอยู่อาศัย
และมีการจัดสรรที่ดินให้กับเครือญาติเพื่อประกอบอาชีพปศุสัตว์
และเกษตรกรรม อาชีพหลักของประชาชนในสมัยก่อน คือ ทำนา
ดอน ทำสวนยาง ทำไร่ สิ่งที่โดดเด่นในการเกษตรกรรมโดยใช้ภูมิ
ปัญญา คือ การเพาะปลูกพริกในนาดอน ซึ่งให้ผลผลิตทั้งพริกและ
ข้าว รวมถึงการปลูกพืชผลทางเกษตรอื่น ๆในสวนยางพารา เช่น
กล้วย มันขี้หนู มะเขือ เป็นต้น เกิดการหมุนเวียนผลิตผลทาง
การเกษตรตลอดปี เมื่อผลิตผลมีมากเกษตรกรจะนำผลผลิตไป
จำหน่ายในพ้นื ทีอ่ ำเภอชะอวด จังหวดั นครศรธี รรมราช
จากคำบอกเล่าของ นายชม คล้ายแก้ว อดีตกำนันตำบล
ลานข่อย ซึ่งเป็นผู้บุกเบิกเข้ามาตั้งถิ่นที่อยู่เป็นกลุ่มแรกๆในพื้นที่
ตำบลลานขอ่ ย ไดก้ ลา่ ววา่ เมือ่ ราวปีพุทธศักราช ๒๕๐๐ อำเภอหัว
ไทร จังหวัดนครศรีธรรมราช เกิดอุทกภัยทำให้ประชาชนในพื้นที่
อำเภอหัวไทรไม่สามารถทำนาได้เกิดภาวะข้าวยากหมากแพง
ประชาชนได้รับความเดือดร้อนกันถ้วนหน้า จึงได้มีแนวคิดหาที่ทำ
กินใหม่ในพื้นที่ที่มีภูมิประเทศที่ดีกว่าโดยประชาชนกลุ่มหน่ึง
จำนวน ๒๐ คน ได้เดินทางโดยสารเรือยนต์จากอำเภอหวั ไทรมาขึ้น
ท่ที า่ เรอื อำเภอ ชะอวด โดยต่างพาครอบครวั และขนสัมภาระมา
เฉพาะของใช้จำเป็น เมื่อขึ้นจากเรือจึงเดินทางด้วยเท้ามาทาง
ตะวันตก ซึ่งพื้นที่ที่กลุ่มคนดังกล่าวมุ่งเดินทางยังคงสภาพป่ารก
ปราศจากคนอาศัยมีก็แต่สัตว์ป่า เช่น ช้าง เก้งกวาง เสือ ฯลฯ เม่ือ
มาถึงบริเวณที่ตั้งบ้านลานข่อยในปัจจุบันจึงได้เริ่มตั้งถิ่นฐานแถบ
นั้นเป็นที่อาศัย โดยเริ่มปลูกเรือนถางป่ายึดอาชีพหลักในการทำ
เกษตรกรรม เช่น ทำนา ปลูกพืชสวนและการปศุสัตว์ เช่น เลี้ยง
ควายวัว ไว้ใช้งานและหาของป่าไปจำหน่าย โดยได้สัญญาตั้ง
เงื่อนไขกนั ในกลุ่มผู้ตั้งถน่ิ ฐานใหมว่ ่าใหจ้ บั จองคนละ ๕๐ ไร่ เพื่อใช้
เป็นที่ทำกินหากต่อไปภายภาคหน้าผู้ใดไม่สามารถทนอยู่ได้ก็ให้ยก
ที่ดินให้ผู้อื่นใช้ประโยชน์ต่อไปโดยไม่คิดเบี้ยหรือประโยชน์อื่นใด
ต่อมาเมื่อพื้นที่ได้รับการพัฒนาแผ้วถางแล้วก็มีประชาชนจำนวน
๑๘ คน ทนความยากลำบากไม่ได้เพราะพื้นที่บ้านลานข่อยตั้งอยู่
หา่ งไกลจากอำเภอชะอวดยากลำบากต่อการเดินเท้าเพื่อนำผลผลิต
ทางการเกษตรไปค้าขายเพราะใช้เวลาเดินเท้า ๒-๓ วันและตลอด
เสน้ ทางยังมอี นั ตรายจากสัตว์ป่า รวมท้งั บา้ นเรือนทีส่ รา้ งใหม่ที่บ้าน
ลานข่อยเป็นใต้ถุนสูงก็ยังได้รับผลกระทบจากสัตว์ป่า เช่น เสือ หมี
ที่ออกมาหากินในเวลากลางคืนเช่นเดียวกันเป็นเหตุให้ประชาชน
จำนวน ๑๘ คน ได้ยา้ ยไปอยู่ที่อ่ืนเหลือเพยี งนายชม คล้ายแก้ว กับ
เพื่อน ๑ คน ที่ยังอาศัยทำกินในบ้านลานข่อย ซึ่งต่อมาทั้งสองได้
ชกั ชวนญาตพิ ่ีนอ้ งท่ีอำเภอหวั ไทรใหเ้ ขา้ มาต้ังถ่นิ ฐานอยอู่ าศยั ทำกิน
ที่บ้านลานข่อย ซึ่งก็ได้มีผู้ทยอยเดินทางเข้ามาตั้งถิ่นฐานพักอาศัย
และทำกินเพิ่มมากขึ้นเรื่อยมา โดยส่วนใหญ่เป็นประชาชนจาก
อำเภอหวั ไทรเสียส่วนมาก
ในสมัยก่อนบ้านลานข่อยมีเส้นทางคมนาคมที่ไม่สะดวกมี
เพียงเสน้ ทางเดินเท้าผา่ นป่ารกหรอื กระบอื เป็นพาหนะเดินทาง การ
นำผลผลิตทางการเกษตรไปค้าขายแลกเปลี่ยนและซื้อสินค้ายัง
ตลาดไม้เสียบ อำเภอ ชะอวด ใช้เวลาเดินทาง ๔-๕ ชั่วโมง ผู้หญิง
จะแบ่งสินค้าไว้บนศีรษะ ภาษาถิ่นเรียกว่า “ทูน” ส่วนชายจะแบก
ของไว้บนไหล่ เรียกว่า “การหาบ” สินค้าที่ซื้อกลับมา เช่น เกลือ
กะปหิ รือเคย เป็นต้น
จุดเปลี่ยนของตำบลลานข่อยที่สำคัญนั้นเกิดเมื่อมีการเข้า
มาสัมปทานป่า โดยโรงเลือ่ ย “เจริญผล” และประชาชนต่างถ่ินเขา้
มาอยู่อาศัยในตำบลลานข่อย ในคราวนั้นประชาชนได้รับความ
สะดวกมากข้นึ โดยการเดนิ ทางอาศัยรถจากโรงเล่ือยเป็นพาหนะเข้า
ออก ต่อมาเริ่มมีการนำรถเกวียนเข้ามาใช้ชาวบ้านจึงเริ่มเอาสินค้า
หรือผลผลิตทางการเกษตรของตนไปขายให้กับคนภายนอกมากข้นึ
ต่อมาในปีพุทธศักราช ๒๕๑๖ เริ่มมีการนำรถมาใช้ในพื้นที่อีกท้ัง
เป็นช่วงระยะเวลามีการแบ่งแยกทางการเมือง “คอมมิวนิสต์” ทำ
ใหม้ ีนกั ศกึ ษาจำนวนประมาณ ๑๔๐ คน เข้ามาตงั้ คา่ ยอยู่ในป่าและ
บนภูเขาในพื้นที่ของตำบลลานข่อย หากแต่ไม่มีเหตุการณ์ความ
รุนแรงหรือปัญหากับประชาชนในท้องถิ่นเกิดขึ้นเลยเพราะต่าง
เข้าใจว่าเป็นเพียงแค่กลุ่มคนที่มีความเห็นไม่ตรงกันเท่าน้ัน
จนกระทั่งปีพุทธศักราช ๒๐๕๑๘ รัฐบาลได้ส่งทหารมาปราบกลุ่ม
คอมมิวนิสต์ในพื้นท่ีซึ่งเป็นนโยบายของรัฐในการแก้ไขปัญหา
ทางการเมือง อีกทั้งมีการจัดตั้ง “นิคมสร้างตนเองควนขนุน”
จังหวัดพัทลุง เพื่อให้ประชาชนได้มีที่ตั้งเคหะสถานและประกอบ
อาชีพเป็นหลักแหลง่ ในที่ดินนนั้ หลังจากนัน้ จงึ ทำใหป้ ระชาชนเร่ือง
ย้ายเขา้ มาตงั้ ถ่ินฐานมากขึ้นตามราชกิจจานุเบกษา เลม่ ที่ ๙๑ ตอน
ที่ ๒๒๐ พิเศษ ๕๐ เมื่อวันที่ ๒๓ ธันวาคม ๒๕๑๗ มีพระราช
กฤษฎีกาจดั ตงั้ นคิ มสร้างตนเองควนขนนุ จังหวัดพทั ลุง
เหตุทเ่ี รยี กว่า “ลานขอ่ ย”
ลานข่อย ที่ได้ชื่อว่า ตำบลลานข่อยนั้น เนื่องจากสมัยก่อน
ชาวป่าพะยอมได้มาเลี้ยงควายที่บริเวณฝั่งตรงข้ามบ้านนายนิยม
แก่นแก้ว เลี้ยงฝูงควายประมาณ ๒๐-๓๐ ตัว และได้ทำคอกควาย
โดยบริเวณนั้นมีจอมปลวกสูงใหญ่ และมีต้นข่อยใหญ่อยู่บนจอม
ปลวก และได้ทำห้างขึ้นนอนบนต้นข่อย เพราะกลัวช้าง และควาย
ได้หากินในบริเวณนั้นไปเรื่อยๆ จนเป็นลานกว้าง เลยได้ชื่อว่าเป็น
"ลานขอ่ ย"
เดิมบ้านลานข่อยตั้งอยู่ในท้องที่การปกครองของตำบล
เกาะเต่าและได้แยกเป็นตำบลลานข่อยเมื่อปีพุทธศักราช ๒๕๑๔
ต่อมากระทรวงมหาดไทยได้ประกาศจัดตั้งสภาตำบลลานข่อยเป็น
องค์การบริหารส่วนตำบลลานข่อยเมื่อวันที่ ๑๙ มกราคม
พุทธศักราช ๒๕๓๙ และจัดตั้งองค์การบริหารส่วนตำบลลานข่อย
เป็นเทศบาลตำบลลานข่อยเมื่อวันที่ ๑ พฤษภาคม พุทธศักราช
๒๕๕๑ เป็นตน้
ขนาดและทตี่ ง้ั ของตำบล
ขนาดของตำบลลานข่อย มีขนาดเนื้อที่จำนวนทั้งหมด
ประมาณ ๕๙.๗๕ ตารางกิโลเมตร หรอื ประมาณ ๓๗,๓๔๔ ไร่
ลักษณะที่ตั้งของตำบลเทศบาลตำบลลานข่อยตั้งอยู่ใน
อำเภอป่าพะยอม จังหวัดพัทลุง ห่างจากอำเภอป่าพะยอม จังหวัด
พัทลุงไปทางทิศเหนือประมาณ ๑๕ กิโลเมตรและห่างจากศาลา
กลางจังหวัดพัทลุงประมาณ ๔๕ กิโลเมตร โดยมีอาณาเขตติดต่อ
กับตำบลต่าง ๆดังตอ่ ไปน้ี
• ทิศเหนือ ติดต่อกับตำบลวังอ่าง อำเภอชะอวด จังหวัด
นครศรีธรรมราช
• ทิศใต้ ติดต่อกับตำบลเกาะเต่า อำเภอป่าพะยอม
จังหวัดพทั ลุง
• ทิศตะวันออก ติดต่อกับตำบลเกาะขันธ์ อำเภอชะอวด
จังหวดั นครศรีธรรมราช
• ทิศตะวันตก ติดต่อกับตำบลท่างิ้วและตำบลในเตา
อำเภอหว้ ยยอด จังหวัดตรัง
ทรพั ยากรธรรมชาติทสี่ ำคญั
ทรัพยากรธรรมชาติในพื้นที่ส่วนใหญ่อยู่ในเขตอุทยาน
แห่งชาติเขาปู่ – เขาย่า สภาพค่อนข้างอุดมสมบูรณ์ พื้นที่ป่าที่
สำคัญ ได้แก่ เทือกเขาบรรทัด เป็นป่าดิบชื้น ป่าดิบเขา และป่าไผ่
เป็นป่าแน่นทึบที่มีเรือนยอดติดต่อกัน ประกอบด้วยพันธุ์ไม้มีค่า
หลายชนิด เช่น ไมย้ าง ไมต้ ะเคยี น นาคบตุ ร เป็นตน้ เหมาะสำหรับ
อนุรักษ์และบำรุงรักษาไว้เพื่อประโยชน์ทางนิเวศวิทยาและจัดเป็น
สถานที่พักผ่อนหย่อนใจ ซึ่งพื้นที่ป่าดังกล่าวเป็นแหล่งต้นน้ำคลอง
ห้วยนำ้ ใส คลองเต่าและนำ้ ตกหนานปลิว
แหล่งน้ำตามธรรมชาติ
− คลองสายสำคัญ จำนวน ๒ สาย ได้แก่
คลองหว้ ยน้ำใสและคลองเต่า
− หนองบึงและอ่ืนๆ จำนวน ๒๙ สาย
− นำ้ ตก จำนวน ๑ แห่ง ได้แก่ น้ำตก
หนานปลวิ
แหลง่ น้ำทส่ี รา้ งขึ้น
− อ่างเก็บน้ำ จำนวน ๑ แหง่
− ฝาย จำนวน ๒๑ แหง่
− บ่อบาดาลสาธารณะ จำนวน ๒๕ แห่ง
− บอ่ บาดาลเอกชน จำนวน ๕ แห่ง
− บ่อนำ้ ตน้ื สาธารณะ จำนวน ๒๕ แห่ง
− บ่อนำ้ ตน้ื เอกชน จำนวน ๓๕ แหง่
− ประปาหมูบ่ า้ น จำนวน ๒๕ แหง่
− ประปาเอกชน จำนวน ๑ แห่ง
ลกั ษณะภมู ิประเทศ ลักษณะภูมอิ ากาศ
ลักษณะภูมิประเทศของเทศบาลตำบลลานข่อย มีลักษณะ
พื้นที่เป็นที่ราบเชิงเขา ไม่มีน้ำท่วมขัง โดยมีพื้นที่ลาดจากทิศ
ตะวันตกลงไปทางทิศตะวนั ออก
ลักษณะภูมิอากาศของเทศบาลตำบลลานข่อย ตั้งอยู่ใน
เขตมรสมุ ตะวันออกเฉียงเหนือและมรสมุ ตะวันออกเฉียงใต้ ทำให้มี
สภาพอากาศอยู่ภายใต้อิทธิพลของมรสุมที่พัดปกคลุมประจำ
ฤดกู าลทำใหป้ ีหนง่ึ ๆ จะมเี พียง ๒ ฤดูกาลคอื
๑. ฤดูร้อน เริ่มตั้งแต่ปลายเดือนมีนาคม – กลางเดือน
กันยายน ความร้อนและความอบอ้าวของอากาศมีสูงสุด
ในชว่ งเดือนมิถนุ ายน
๒. ฤดูฝน เริ่มตั้งแต่เดือนกันยายน - กลางเดือนมีนาคม โดย
ปริมาณน้ำฝนมากที่สุดในเดือนพฤศจิกายนและน้อยท่ีสุด
ในเดอื นกมุ ภาพันธ์
การเดนิ ทาง การคมนาคม
การเดนิ ทาง
− เครื่องบิน : จังหวัดพัทลุงไม่มีสนามบิน นักท่องเที่ยว
สามารถใช้บริการเที่ยวบินกรุงเทพฯ-ตรังหรือ กรุงเทพฯ-
หาดใหญ่ จังหวัดสงขลาและ ต่อรถโดยสารไปพัทลุงและ
ตอ่ โดยสารมายงั ตำบลลานขอ่ ย
− รถไฟ : การรถไฟแห่งประเทศไทย มีรถไฟผ่านอำเภอ
เมือง อำเภอควนขนุน อำเภอเขาชัยสน อำเภอปากพะยูน
อำเภอป่าบอน อำเภอบางแก้ว จังหวัดพัทลุง และนั่งรถ
สองแถวตอ่ มายงั ตำบลลานขอ่ ย
− รถยนต์ : จากกรุงเทพฯ สามารถไปได้ 3 เส้นทาง คือ
เส้นทางท่ี 1 ตามทางหลวงหมายเลข 4 ถึงชุมพร (สี่แยก
ปฐมพร) แยกเข้าระนอง พงั งา กระบ่ี ตรัง จนถึงพัทลงุ
เส้นทางที่ 2 ตามทางหลวงหมายเลข 4 ถึงชุมพร ให้เข้า
ทางหลวงหมายเลข 41 จนถงึ จงั หวดั พทั ลงุ
เส้นทางที่ 3 ตามทางหลวงหมายเลข 4 ผ่านชุมพร สุ
ราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช แล้วเข้าทางหลวงหมายเลข
403 จากน้นั จึงเข้าทางหลวงหมายเลข 41 ทช่ี มุ ทางเขาชุม
ทอง จนถึงพทั ลุง
การคมนาคม
− ถนนลาดยาง จำนวน ๑๒ สาย
− ถนนคอนกรีต จำนวน ๑๐ สาย
− ถนนลกู รัง จำนวน ๔๕ สาย
− สะพานคอนกรีต จำนวน ๑๓ แหง่
− สะพานเหลก็ จำนวน ๑ แหง่
− สะพานไม้ จำนวน ๒ แห่ง
สว่ นท่ี 2 โครงสร้างของชุมชน
ด้านการเมอื งการปกครอง
ด้านการเมืองการปกครองของเทศบาลตำบลลานข่อยแยก
ออกเป็น ๙ หมู่บ้าน และมีผู้ใหญ่บ้านและผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน ซึ่งอยู่
ภายใต้ของการบริหารงานของท่านนายก บุญเลิศ เส้งรอด ซี่งทาง
เทศบาลตำบลลานข่อย ได้ทำการเลือกตั้งวันที่ ๒๘ มีนาคม
พุทธศักราช ๒๕๖๔ ซี่งมีคณะกรรมการการทำงานแบ่งออกเป็น ๒
ฝา่ ยคอื ฝ่ายสภาและฝ่ายบรหิ าร ดงั ต่อไปน้ี
➢ ฝ่ายสภา
นายสมศกั ดิ์ จนั ทร์หลี
ประธานสภาเทศบาล
นายวีรยุทธ ขนุ นุ้ย นายสทุ ธิมนต์ หนคู ง
รองประธานสภาเทศบาล เลขานกุ ารสภาเทศบาล
นายทวี คงจนั ทร์ นายนิคม บญุ ชดู า
สมาชิกสภา เขต1 สมาชกิ สภา เขต1
นายสุนทร ทองศรีจนั ทร์ นายมาโนช หนูดว้ ง
สมาชิกสภา เขต1 สมาชิกสภา เขต1
นายวีรวัชร์ ทองเรืองนิ่ม นายวิโรจน์ เกตุโอ
สมาชิกสภา เขต1 สมาชิกสภา เขต2
นายศริ ิศักย์ ทอ่ งคง นายกำพล ชถู นอม
สมาชิกสภา เขต2 สมาชิกสภา เขต2
นายพันศักดิ์ เมืองชุม
สมาชิกสภา เขต2
➢ ฝา่ ยบริหาร
นายบญุ เลิศ เส้งรอด
นายกเทศมนตรีตำบลลานข่อย
นายจงรกั ษ์ ศรีรตั น์ นายวเิ ชยี ร คลา้ ยเเก้ว
รองนายก รองนายก
นายโสภณ คงเเก้ว นางสาวดาวฤทยั จนั ทร์ไหม
ที่ปรึกษานายกเทศมนตรี เลขานุการนายกเทศมนตรี
➢ รายชื่อผู้ใหญ่บ้านแต่ละหมู่บ้านและรายชื่อผู้ช่วย
ผู้ใหญ่บ้าน
− หม่ทู ่ี ๑
• นายธีระชยั คลา้ ยแกว้ (ผ้ใู หญบ่ า้ น)
• นางกาญจนา พทั ยัง (ผ้ชู ว่ ยผใู้ หญ่บา้ น)
• นายสกล คงวัน (ผชู้ ว่ ยผู้ใหญบ่ า้ น)
• นายจรี พนั ธ์ หนเู สง้ (ผู้ช่วยผูใ้ หญบ่ า้ น)
− หมทู่ ่ี ๒
• นายมนตรี รกั แก้ว (ผู้ใหญ่บ้าน)
• นายเล็ก สทิ ธโิ ชค (ผูช้ ่วยผู้ใหญ่บา้ น)
• นายดำรง เกดิ วัน (ผ้ชู ว่ ยผใู้ หญบ่ า้ น)
• นายสยามรัฐ แสงเรอื งโรขน์ (ผู้ชว่ ยผใ็ หญบ่ ้าน)
− หมทู่ ่ี ๓
• นางอนงค์ จนั ทร์ทองอ่อน (ผ้ใู หญ่บา้ น)
• นายโสภณ ช่วยแกว้ (ผู้ชว่ ยผ้ใู หญ่บ้าน)
• นางสาวกาญจนา อตุ ะมงั (ผชู้ ่วยผ้ใู หญบ่ า้ น)
• นายคำนึง จนั ทร์ไหม (ผู้ช่วยผใู้ หญบ่ า้ น)
− หมู่ที่ ๔
• นายสวุ ิทย์ ช่วยแกว้ (ผูใ้ หญ่บา้ น)
• นายถวลิ หลินมา (ผ้ชู ว่ ยผูใ้ หญบ่ ้าน)
• นายสุทัน จนั ทรม์ ี (ผู้ช่วยผู้ใหญบ่ ้าน)
• นายสานิตย์ สายจันทร์ (ผชู้ ่วยผู้ใหญ่บา้ น)
− หมทู่ ่ี ๕
• นายเกรยี งศักด์ิ ศรพี รหมกร (ผู้ใหญ่บ้าน)
• นางอไุ ร มะชยั (ผ้ชู ว่ ยผูใ้ หญ่บา้ น)
• นายสายนั ต์ รกั ใหม่ (ผูช้ ่วยผใู้ หญบ่ ้าน)
• นายเจรญิ นุน่ แก้ว (ผ้ชู ่วยผใู้ หญ่บ้าน)
− หมู่ที่ ๖
• นายสทุ นั แก้วขาว (ผู้ใหญบ่ า้ น)
• นายพชิ ิตพล ขัยเพชร (ผู้ชว่ ยผ้ใู หญบ่ า้ น)
• นายสมพงศ์ คงวัน (ผู้ช่วยผใู้ หญบ่ า้ น)
• นายศรศักดิ์ อภัยวงศ์ (ผูช้ ว่ ยผู้ใหญ่บ้าน)
− หมู่ที่ ๗
• นายศรชัย ทรัพย์ดำ (ผู้ใหญบ่ ้าน)
• นายจกั รกฤษ ทองพุ่ม (ผู้ชว่ ยผใู้ หญบ่ ้าน)
• นายสินชยั เจริญนิตย์ (ผชู้ ว่ ยผู้ใหญ่บา้ น)
• นางสาวนิตยา คงยวง (ผูช้ ่วยผใู้ หญ่บา้ น)
− หมู่ท่ี ๘
• นายวิรตั น์ จนั ทร์มล (ผใู้ หญบ่ ้าน)
• นายสมเจตน์ จิตสงคราม (ผู้ชว่ ยผใู้ หญ่บา้ น)
• นางเพ็ญศรี เพชรสงค์ (ผ้ชู ว่ ยผู้ใหญ่บ้าน)
• นายณรงค์ คงกลบั (ผ้ชู ว่ ยผ้ใู หญบ่ ้าน
− หมทู่ ี่ ๙
• นายประภาส บญุ ชนะ (กำนนั )
• นายศักดิพงศ์ มจี นั ทร์ (ผชู้ ว่ ยกำนัน)
• นายทวีชัย เพชรสงค์ (ผูช้ ว่ ยกำนนั )
• นายสุชาติ ช่วยศรนี วล (ผชู้ ว่ ยกำนนั )
ขอ้ มลู ประชากร
ข้อมูลประชากรเทศบาลตำบลลานข่อย มีจำนวนหมู่บ้าน
ทั้งสิ้น ๙ หมู่บ้าน มีจำนวนประชากรทั้งสิ้น ๘,๖๑๐ คน แยกเป็น
ชาย ๔,๒๑๑คน หญงิ ๔,๓๙๙คน มีจำนวนครัวเรือนทั้งส้ิน ๒,๘๐๕
ครัวเรื่อน มีความหนาแน่นเฉลี่ย ๑๔๓.๒๓ คน/ตารางกิโลเมตรมี
ดังน้ี
หมทู่ ี/่ บา้ น ชาย หญงิ รวม จ ำ น ว น
ครัวเรอื น
หมูท่ ี่ ๑ บ้านลาน ๖๖๒ ๖๖๑ ๑,๓๒๓ ๔๘๗
ขอ่ ย
หม่ทู ่ี ๒ บา้ นหว้ ย ๕๘๙ ๖๔๕ ๑,๑๓๔ ๓๖๘
หลดุ
หมู่ที่ ๓ บ้านทุ่ง ๕๖๖ ๖๓๙ ๑,๒๐๕ ๔๒๓
ชุมพล
หมู่ที่ ๔ บ้านหว้ ย ๕๒๕ ๕๗๙ ๑,๑๐๔ ๓๑๘
เรยี น
หมู่ที่ ๕ บ้านถ้ำ ๓๒๘ ๓๓๙ ๖๖๗ ๒๒๒
ลา
หมทู่ ี่ ๖ บา้ นมาด ๓๘๐ ๔๑๑ ๗๙๑ ๒๕๓
นงั่
หมู่ที่ ๗ บา้ นหว้ ย ๓๙๕ ๔๑๓ ๘๐๘ ๒๓๑
ศรีเกษร
หมู่ท่ี ๘ บ้านห้วย ๒๘๗ ๒๕๔ ๕๔๑ ๑๗๓
รำพงึ
หม่ทู ี่ ๙ บา้ นควน ๔๗๙ ๕๑๒ ๙๙๑ ๓๓๐
ยาว
รวมทง้ั ส้ิน ๔,๒๑๑ ๔,๓๙๙ ๘,๖๑๐ ๒,๘๐๕
*อ้างอิงจากข้อมูลจากที่ว่าการอำเภอป่าพะยอม ตรวจสอบข้อมูล
เดอื นมิถุนายน ปีพุทธศกั ราช ๒๕๖๔
ดา้ นการศึกษา/ศาสนา/วัฒนธรรม
ด้านการศึกษาของตำบลลานข่อยมีทั้งศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก
โรงเรียนประถมศึกษา โรงเรียนมัธยมศึกษา โดยแยกออกเป็น
ดงั ตอ่ ไปนี้
๑. พฒั นาเดก็ เลก็ จำนวน ๒ แหง่ ไดแ้ ก่
− ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กเทศบาลตำบลลานข่อย(มาด
นงั่ ) ตงั้ อยใู่ นพ้ืนที่ หมู่ที่ ๗ ตำบลลานข่อย อำเภอ
ป่าพะยอม จังหวัดพัทลงุ
− ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กบ้านทุ่งชุมพล ตั้งอยู่ในพื้นที่
หมูท่ ี่ ๓ ตำบลลานขอ่ ย อำเภอปา่ พะยอม จังหวัด
พทั ลุง
๒. โรงเรียนประถมศึกษาจำนวน ๕ แห่ง ได้แก่
− โรงเรียนบ้านลานข่อย ตั้งอยู่ในพื้นที่ หมู่ที่ ๑
ตำบลลานขอ่ ย อำเภอป่าพะยอม จังหวดั พัทลุง
− โรงเรียนบ้านทุ่งชุมพล ตั้งอยู่ในพื้นที่ หมู่ที่ ๓
ตำบลลานข่อย อำเภอป่าพะยอม จงั หวัดพัทลงุ
− โรงเรียนบ้านห้วยน้ำดำ ตั้งอยู่ในพื้นท่ี หมู่ที่ ๔
ตำบลลานข่อย อำเภอป่าพะยอม จังหวัด
พทั ลุง
− โรงเรียนบ้านถ้ำลา ตั้งอยู่ในพื้นท่ี หมู่ที่ ๙ ตำบล
ลานขอ่ ย อำเภอปา่ พะยอม จงั หวัดพทั ลุง
− โรงเรียนบ้านห้วยสีเกษร ตั้งอยู่ในพื้นที่หมู่ที่ ๗
ตำบลลานข่อย อำเภอป่าพะยอม จังหวัด
พัทลุง ปัจจุบันโรงเรียนห้วยศรีเกษรอยู่ภายใต้
สงั กัดของเทศบาลตำบลลานข่อย
๓. โรงเรียนมัธยมศกึ ษาจำนวน ๑ แหง่ ไดแ้ ก่
− โรงเรียนนิคมควนขนุนวิทยา ตั้งอยู่ในพื้นที่ หมู่ที่
๑ ตำบลลานขอ่ ย อำเภอป่าพะยอม จังหวัด
พัทลงุ
ด้านศาสนาและวฒั นธรรม
การนับถอื ศาสนาประชาชนส่วนใหญน่ ับถือศาสนาพุทธคิด
เป็นร้อยละ ๙๗.๗๐ รองลงมานับถือศาสนาอิสลามและนับถือ
ศาสนาคริสต์ ในพื้นที่เทศบาลตำบลลานข่อยมีวัด/สำนักสงฆ์
จำนวน ๓ แห่ง ได้แก่
− วดั ลานขอ่ ย ต้ังอยู่ในพ้นื ที่ หมู่ที่ ๑ ตำบลลานขอ่ ย
อำเภอปา่ พะยอม จงั หวัดพทั ลุง
− วัดทุ่งชุมพล ตั้งอยู่ในพื้นที่ หมู่ที่ ๓ ตำบลลาน
ขอ่ ย อำเภอป่าพะยอม จังหวัดพัทลงุ
− สำนักสงฆ์ป่าสุรินทร์ประชาสรรค์ ตั้งอยู่ในพื้นที่
หมู่ที่ ๘ ตำบลลานขอ่ ย อำเภอปา่ พะยอม จังหวัด
พัทลุง
บริบททางสงั คม/ความเป็นอยู่
บริบททางสังคม
− ดา้ นการศกึ ษา
เทศบาลตำบลลานข่อยมีการจัดการศึกษา ตั้งแต่ระดับ
ก่อนประถมศึกษา ประถมศึกษา มัธยมศึกษาตอนตน้ มัธยมศึกษา
ตอนปลาย
▪ ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กเทศบาลตำบลลานข่อย(มาด
น่ัง)
▪ ศูนย์พฒั นาเดก็ เลก็ บ้านทุ่งชมุ พล
▪ โรงเรยี นบ้านลานข่อย
▪ โรงเรยี นบา้ นทุ่งชมุ พล
▪ โรงเรียนบา้ นห้วยน้ำดำ
▪ โรงเรยี นบ้านถำ้ ลา
▪ โรงเรียนบา้ นหว้ ยสเี กษร
▪ โรงเรยี นนคิ มควนขนุนวทิ ยา
− ด้านศาสนา
เทศบาลตำบลลานข่อยมีวัดในพุทธศาสนา ๒ วัด สำนัก
สงฆ์ ๑ แหง่
▪ วดั ทงุ่ ชุมพล
▪ วัดลานขอ่ ย
▪ สำนกั สงฆส์ ุรนิ ทร์ประชาสรรค์
− ด้านสาธารณสุข
เทศบาลตำบลลานข่อยมีโรงพยาบาลส่งเสรมิ สุขภาพตำบล
๒ แหง่
▪ โรงพยาบาลส่งเสริมสขุ ภาพตำบลในนิคมบา้ นลาน
ขอ่ ย รับผดิ ชอบในพน้ื ทห่ี มู่ท่ี ๑,๒, ๖, ๗
▪ โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบ้านทุ่งชุมพล
รบั ผดิ ชอบในพน้ื ทีห่ มทู่ ่ี ๓, ๔, ๕, ๘
ความเปน็ อยู่
เนื่องจากเทศบาลตำบลลานข่อยมีที่ตั้งที่อุดมสมบูรณ์
ได้แก่เทือกเขาบรรทัดที่เป็นป่าดิบชื่น ป่าดิบเขาและป่าไ ผ่
ประกอบดว้ ยไม่ป่าหลายชนดิ เหมาะสำหรับอนุรักษ์และบำรงุ และ
มีแหล่งน้ำที่อุดมสมบูรณ์ที่สามารถใช้ทำประโยชน์ได้หลายอย่าง
และมีน้ำใช้ตลอดทั้งปีและไม่เคยแห้งแล้ง จึงทำให้ประชากรส่วน
ใหญ่ที่อาศัยอยู่ในเทศบาลตำบลลานข่อยมีอาชีพเกษตรกร โดยมา
การกรีดยางเป็นอาชีพหลกั แต่หลังจากที่มีความเจรญิ เข้ามาจากเดิม
ที่ประชากรทำแต่อาชีพกรีดยางพาราเปนส่วนใหญ่ ชาวบ้านก็เริ่ม
หันมาปลูกผลไม้มากขึ้น อาทิ ทุเรียน เงาะ แก้วมังกร มังคุด ฯลฯ
และปัจจุบันหน่วยงานเกษตรอำเภอป่าพะยอมเริ่มเข้ามาส่งเสริม
ทางเลือกอื่นให้กับประชากรในตำบลลานข่อย เริ่มทำการแปรรูป
อาหารเช่น การผลิตเครือ่ งแกง ทำสินค้าตา่ งๆให้เป็นสินค้า OTOP
ของเทศบาลตำบลลานขอ่ ย รวมถงึ การทอผา้ เป็นผ้าทอลานข่อยท่ี
ขน้ึ เป็น OTOP ของตำบลอีกอยา่ งหน่ึง ซ่ึงกท็ ำใหป้ ระชากรในพ้ืนที่
เทศบาลตำบลลานข่อยมีอาชีพเสริม หลังจากที่กรีดยางพารา
ตอนนี้เทศบาลตำบลลานข่อย เป็นเทศบาลตำบลที่เติมโตขึ้นอย่าง
รวดเร็ว เพราะเริ่มมีสถานที่ท่องเที่ยวที่เป็นการท่องเที่ยวเชิงผจญ
ภัย คอื การล่องแกง่ ตามสายน้ำจากเข่ือนหว้ ยนำ้ ใส
ความเชือ่ ประเพณี และพธิ ีกรรม
ประเพณีทส่ี ำคญั ไดแ้ ก่
๑. งานวันดอกพะยอมบาน
สำนักงานเทศบาลลานข่อยมีส่วนร่วมในการจัด
งานประเพณีวนั ดอกพะยอมบานของสภาวัฒนธรรมอำเภอ
ป่าพะยอม เพื่อสืบสาน อนุรักษ์มรดกไทย และภูมิปัญญา
ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ท้องถิ่นพัทลุงกิจกรรมภายในงาน มีพิธี
ทางศาสนา การมอบโล่เกียรติคุณคนดีศรีป่าพะยอม การ
รดน้ำขอพรผู้สูงอายุ การแต่งกายย้อนยุค การทำขนม
พื้นบ้านและการแต่งกายพื้นถิ่น การจัดนิทรรศการเฉลิม
พระเกียรติ นิทรรศการจากส่วนราชการและองค์กร
ปกครองส่วนท้องถิ่น การจำหน่ายสินค้าและผลิตภัณฑ์
ชุมชน นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมการแข่งขันกีฬาพื้นบ้าน
กิจกรรมกินเท่และการประกวดธิดาดอกพะยอม การจัด
งานวันดอกพะยอมบานจะกำหนดจัดก่อนเทศกาล
สงกรานต์ เพื่อเสริมสร้างความรักของคนในชุมชนและ
สรา้ งสำนึกรกั และหวงแหนในวฒั นธรรม ประเพณีอันดงี าม
ของทอ้ งถิ่นอำเภอป่าพะยอม โดยริเรม่ิ จดั งานี้เป็นคร้ังแรก
เมื่อปีพุทธศักราช ๒๕๔๑ โดยสภาวัฒนธรรมอำเภอป่า
พะยอม ร่วมกับสำนักงานศึกษาธิการอำเภอป่าพะยอม
และองค์กรต่าง ๆ ต่อมาระหว่างพุทธศักราช ๒๕๔๖ -
๒๕๔๗ มิได้มีการจัดงาน และเริ่มจัดงานอีกครั้งเมื่อปี
พุทธศักราช ๒๕๔๘ กระทั้งถึงปีปัจจุบันนี้เป็นงานประจำ
อำเภอป่าพะยอม โดยกำหนดจัดขึ้นในเดือนเมษายนของ
ทุกปี
๒. วันสารทเดือนสิบเป็นความเชื่อของพุทธศาสนิกชนชาว
ปักษ์ใต้ ที่เชื่อว่าบรรพบุรุษอันได้แก่ ปู่ย่าตายาย และญาติ
พี่น้องที่ล่วงลับไปแล้ว หากทำความชั่ว จะตกนรก
กลายเป็นเปรต ต้องทนทุกข์ทรมานในอเวจีต้องอาศัยผล
บุญที่ลูกหลานอุทิศส่วนกุศลให้แต่ละปีมายงชีพ ดังนั้นใน
วันแรม ๑ ค่ำเดือนสิบ คนบาปทั้งหลายที่เรียกว่าเปรต จึง
ถูกปล่อยตัวกลับมายังโลกมนุษย์ เพื่อมาขอส่วนบุญจาก
ลูกหลานญาติพี่น้องและจะกลับไปนรกในวันแรม ๑๕ ค่ำ
เดือน ๑๐ ในโอกาสนี้เองลูกหลานและผู้ยังมีชีวิตอยู่จึง
ทำอาหารไปทำบุญที่วัด เพื่ออุทิศส่วนกุศละผู้ยังมีชีวิตอยู่
จึงทำอาหารไปทำบุญที่วัด เพื่ออุทิศส่วนกุศลให้แก่ผู้ที่
ล่วงลับไปแล้ว เป็นการแสดงความกตัญญูกตเวที ใน
พิธีกรรมของประเพณีสารทเดือนสิบ จะมีขนมต่าง ๆ ใน
การประกอบกิจกรรมได้แก่ ขนมพอง ขนมลา ขนมบ้า
ขนมดซี า ขนมแต่ละชนดิ มีความหมายดงั น้ี ขนมลา เป็น
เสมือนเสื้อผ้าที่ให้บรรพบุรุษใช้นุ่งห่ม ,ขนมดีซา เป็น
เสมือนเงินตรา ไว้ให้ใช้สอย ,ขนมกง เป็นเสมอนุ
เครื่องประดับ ใช้ตกแต่งร่างกาย ,ขนมพองเป็นเสมือนแพ
ที่ให้บรรพบุรุษข้ามห้วง มหรรณพ ,ขนมบ้า เป็นเสมือน
เมลด็ สะบ้า ไวเ้ ลน่ ในวันตรษุ สงกร
๓. งานของดีลานขอ่ ย จะจัดข้นึ ในช่วงเดือนสิงหาคมของทุกปี
งานของดีลานข่อย เป็นการจัดงานของเทศบาล
ตำบลลานข่อยที่ได้จัดขึ้นเองเพื่อเป็นการส่งเสริมการ
ท่องเที่ยว ของตำบลลานข่อย อำเภอป่าพะยอม จังหวัด
พัทลุง ให้ได้เป็นที่รู้จัก ซึ่งได้จัดเป็นครั้งที่ ๑๐ ในปี
พุทธศกั ราช ๒๕๖๓
๔. งานวันกตัญญูและรดน้ำขอพรผู้สูงอายุ จะจัดขึ้นในช่วง
เดอื นเมษายนของทกุ ปี
พธิ กี รรม
ด้านพิธีการทางศาสนา คือ นาย สมหมาย ท่องคง มี
ความรู้ความสามารถด้านพิธีการทางศาสนา พิธีการตั้งศาลพระภูมิ
เจ้าที่
ส่วนท่ี ๓ โครงสร้างเศรษฐกิจและอาชพี
แหล่งทนุ ทางธรรมชาติ
ทรัพยากรธรรมชาติในพื้นที่ มีป่าไม้บางส่วนในเขตอุทยาน
แห่งชาติเขาปู่ – เขาย่า ในพื้นที่รอยต่อของหมู่ที่ ๕ กับแนวภูเขา
บรรทัดซึ่งเชื่อมต่อกับจังหวัดตรัง และจังหวัดนครศรีธรรมราช
ยังคงมีความอดุ มสมบรู ณ์ คอื อา่ งเก็บน้ำหว้ ยน้ำใส ในพืน้ ท่หี มูท่ ่ี ๓,
๕, ๙
แหลง่ อาหาร
❖ แกงน้ำเคยยอดหวาย
น้ำเคย หรือ เคยปลา คือ กะปิที่ทำมาจากปลา เป็นการ
ถนอมอาหารอีกวิธีหนึ่งของคนพัทลงุ โดยการเอาปลานำ้ จืดตัวเลก็ ๆ
เช่น ปลาซิว ปลาขาว ปลากระดี่ มาทำความสะอาด แล้วคลุกเคล้า
กับเกลือ หมักทิ้งไว้ 1 สัปดาห์ขึ้นไป นำไปตากแดดแล้วโขลกให้
ละเอียด เก็บไว้โดยการอัดไว้ในไห หรือ ทำเป็นก้อนกลม ใส่ใน
ถุงพลาสติก เคยปลาพัทลุง ขึ้นชื่อเรื่องความหอมและอร่อย ทำให้
แกงนำ้ เคยของพัทลงุ มกี ลิน่ หอมมาก
❖ ปลาดุกรา้
ปลาดุกร้าเป็นภูมิปัญญาท้องถิ่นในการถนอมอาหารของ
ชาวใต้ที่มีมาแต่โบราณ นับ 100 ปี โดยเดิมนั้นชาวบ้านจะนำปลา
ดุกธรรมชาติจากทะเลน้อยมาทำเป็นหลัก ขณะที่ปัจจุบันปลาส่วน
ใหญ่ที่นำมาทำปลาดุกร้าจะเป็นปลาดุกเลี้ยง เนื่องจากปลาใน
ธรรมชาติไม่เพียงพอต่อความต้องการของท้องตลาด ปลาดุกร้ามี
ลักษณะคล้ายปลาเค็ม แต่มีรสชาติเฉพาะตวั ทีแ่ ตกตา่ งคอื มีรสเคม็
ปนหวานและมีกลิ่นหมัก เม่อื นำไปทอดหรือย่างปลาดุกร้าจะมีกล่ิน
หอมชวนกิน ยิ่งบีบมะนาว กินกับเครื่องเคียงอย่างพริก หอม ซอย
จะยิง่ เพ่ิมรสชาตขิ องปลาดุกรา้ ใหอ้ รอ่ ยย่งิ ขน้ึ
ผลิตภัณฑช์ ุมชน ของดี ของข้ึนช่ือ
− หตั ถกรรมงานไม้ ลานข่อย
❖ ประวัติความเปน็ มา
จากการที่ชาวบ้านได้มาพูดคุยปรึกษาหารือกันเพื่อที่จะ
สร้างรายได้เสริมอาชีพ จากการทำสวนยางและได้ช่วยกันคิดดูว่า
ทรัพยากรที่มีอยู่ในชุมชนมีอะไรบ้าง จึงสรุปได้ว่าต้นกระถินเทพา
เป็นต้นไม้ที่หาได้ง่ายและมีอยู่ในชุมชน จึงคิดที่จะนำต้นกระถิน
เทพา มาแปรรูปเป็น แจกันไม้ ซึ่งเป็นของที่ระลึกที่สามารถหาได้
ทุกโอกาส
❖ ท่ตี ้งั
บา้ นเลขท่ี 151 หมู่ท่ี 2 ตำบลลานขอ่ ย อำเภอป่าพะยอม
จังหวดั พัทลุง 93210
❖ อัตลักษณ์(เอกลักษณ)์ /จุดเดน่ ของผลติ ภณั ฑ์
๑. ทนทาน
๒. มคี วามแปลกใหม่ในผลิตภณั ฑ์
๓. เป็นของทรี่ ะลึกท่มี คี ุณคา่
๔. ไม้ที่ใช้ในการผลิตเป็นไม้มงคล คือ ไม้กระถินเทพา คำว่า
“เทพา” คือมเี ทพารักษค์ มุ้ ครอง
๕. ราคาไม่แพง
๖. ผลิตภัณฑ์มีคุณภาพ
๗. มีรูปแบบผลิตภณั ฑ์ใหเ้ ลอื กมากมาย
๘. สามารถทำตามรูปแบบทล่ี ูกคา้ ตอ้ งการได้
❖ มาตรฐานและรางวัลท่ีไดร้ ับ
๑. ผลติ ภัณฑช์ ุมชน 4 ดาว
๒. วสิ าหกจิ ชุมชน
แจกนั ไม้แบบท่ี ๑ แจกนั ไม้แบบท่ี ๒
แจกันไม้แบบที่ ๓ แจกันไม้แบบที่ ๔
− ผ้าทอนคิ มลานขอ่ ย
❖ ประวัติความเปน็ มา
ปี พ.ศ.2545 ได้มีการจัดตั้ง กลุ่มทอผ้านิคมลานข่อย ขึ้น
ตามโครงสร้างชีวิตใหม่สตรีชนบท โดยกรมพัฒนาสังคมและ
สวัสดิการ กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ได้
จัดสรรงบประมาณให้กับกลุ่มนิคมสร้างตนเองควนขนุน จังหวัด
พัทลุง ให้มีการจัดอบรมทอผ้าให้กับสมาชิก จำนวน 25 คน ต่อมา
ในปี พ.ศ.2546 นิคมสร้างตนเองควนขนุน ได้ขอสนับสนุนวิทยากร
โดยมีอาจารย์ สุพรรณสาร โพธิ์ประเสริฐ มาช่วยฝึกอบรมจากส่วน
อุตสาหกรรมสิ่งทอ สำนักพัฒนาอุตสาหกรรมรายสาขา กรม
ส่งเสริมอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม เกี่ยวกับเรื่องเทคนิค
การทอผ้าด้ายประยุกต์แบบพัฒนา จนสมาชิกกลุ่มมีความรู้ในการ
ทอผา้ และพฒั นาฝมี ือจนไดช้ ้ินงานทอี่ อกมาสวยงามมีคณุ ค่า
❖ ทีต่ ้งั
กลุ่มทอผ้านิคมลานข่อย 300/2 หมู่ 1 บ้านลานข่อย
ตำบลลานข่อย อำเภอปา่ พะยอม จงั หวดั พัทลงุ 93110
❖ อตั ลักษณ์ / จุดเด่นของผลิตภณั ฑ์
๑. เนอื้ ผ้าแน่น
๒. เสน้ ไยมีคุณภาพ
๓. ลวดลายสวยงาม คงทน สวมใส่สบาย ระบายความร้อนได้
ดี
๔. สีสันสดใส
๕. ดูแลรกั ษาง่าย
๖. ใสไ่ ด้ทุกโอกาส ทุกสถานการณ์
๗. ราคาไม่แพง เปน็ ที่ต้องการของตลาด
๘. มลี าย เปน็ เอกลกั ษณ์ของตวั เอง
→ ลายแก้วพรมพฒั น์
→ ลายแกว้ ประยุกต์
→ ลายเพชรสงวนนาม
→ ลายบัวสวรรค์
→ ลายเกร็ดแกว้
→ ลายแก้วบวั หลวง
→ ลายดอกดาหลา
→ ลายกล้วยไม้
→ ลายโพธพ์ิ รรสาร
→ ลายแครแ์ สด
→ ลายดอกทานตะวนั
→ ลายดอกพะยอมเล็ก
→ ลายดอกพะยอมใหญ่
→ ลายดอกพะยอมไพร
❖ มาตรฐานและรางวลั ทีไ่ ด้รับ
๑. ปีพ.ศ. ๒๕๔๖ ได้รับรางวัลชนะเลิศอันดับ ๑ ประเภทผ้า
ฝ้ายของภาคใต้ ได้รับโล่และเงินรางวัล ๕๐,๐๐๐ บาท
จาก พ.ต.ท. ดร.ทักษณิ ชนิ วัตร นายกรัฐมนตรี
๒. ปี พ.ศ. ๒๕๔๗ ได้รับการคัดเลือกหมู่บ้านหัตถกรรมดีเด่น
เข้ารับรางวัล “หม่อมงามจิตต์ฉัตร”ในวันที่ ๑๘ ตุลาคม
๒๕๔๗ ณ หอประชุมกรมประชาสัมพันธ์ ซอยอารีย์
สัมพนั ธ์ กรุงเทพมหานคร โดยเจา้ วงศเ์ ธอ พระองค์เจ้าโสม
วลีพระวรราชาธินัดดามาตุ ทรงพระกรุณาเสด็จพระทาน
รางวัลโลเ่ กียรตคิ ณุ
๓. ปี พ.ศ. ๒๕๔๗ ได้รับประกาศนียบัตร ได้รับคัดเลือกเป็น
ผลิตภัณฑ์ระดับ ๔ ดาวตามโครงงานจัดสรรสุดยอด ๑
ตำบล ๑ ผลิตภณั ฑไ์ ทย
๔. ปี พ.ศ. ๒๕๔๗ ได้รับรางวัลตำบลลานข่อยชนะเลิศการ
พัฒนาวิสาหกิจชุมชนดีเด่นเศรษฐกิจพอเพียง
กระทรวงมหาดไทย
๕. ปี พ.ศ. ๒๕๔๘ สำนกั งานมาตรฐานผลิตภณั ฑ์อุตสาหกรรม
ให้ใบรบั รองกลุม่ ทอผ้านิคมฯลานข่อย ไดร้ บั รางวลั อนุญาต
ใหแ้ สดงเคร่อื งหมายมาตรฐานผลติ ภัณฑ์ชุมชน (มผช.)
๖. ปี พ.ศ. ๒๕๔๘ ไดร้ บั ประกาศนยี บัตรชนะเลศิ การประกวด
เส้นใยหลายชนดิ ระดบั ประเทศจาก
มหาวทิ ยาลัยเกษตรศาสตร์
ผา้ ทอยกดอก
− กล่มุ เคร่ืองแกง
กล่มุ เครือ่ งแกงบ้านหว้ ยเรยี น ต้ังอยู่หมูท่ ี่ ๔ บา้ นหว้ ยเรียน
ตำบลลานข่อย อำเภอป่าพะยอม จังหวัดพัทลุง มีสมาชิกในกลุ่ม
ทั้งสิ้น ๗ คน โดยมีนางสาวดารารัตน์ ด้วงช่วย อายุ ๔๑ ปี เป็น
ประธานกลุม่ การจัดตั้งกลุ่มมาจากแนวคิดของการทำกินกันภายใน
หมู่บ้าน และช่วยกันทำอาหารในงานบุญต่างๆ ซึ่งกลุ่มนี้รวมตัวกัน
ในปีพุทธศักราช ๒๕๕๖ สมาชิกในกลุ่มจะรวมตัวกันอย่างน้อย
อาทติ ย์ละ ๑ คร้งั ช่วงวันหยุดสปั ดาหห์ ลังจากการทำยางพารา
การรวมกลมุ่ เคร่อื งแกงนเ้ี ป็นการผลิตเครื่องแกงแบบตำมือ
พร้อมปรุงและปลอดสารพิษ อีกทั้งสามารถเก็บได้นานถึง ๓ เดือน
เนื่องจากส่วนผสมในการทเครื่องแกงต่างๆ ทั้งเน้นคุณภาพและ
ความสดใหม่ของวัตถุดิบที่นำมาเป็นส่วนผสม พืชสวนครัวเหล่าน้นั
ปลกู กันเองของสมาชิกในกลุ่ม พืชสวนครวั ทเี่ ก็บมาใหม่ๆสดๆ ไม่ใช่
ยาฆ่าแมลงและสารเคมีใดใด ผลิตภัณฑ์เครื่องแกงที่ผลิตนั้นเป็น
เครื่องแกงสำหรับกะทิ แกงพริก แกงคั่ว ส่วนใหญ่ใช้ประกอบ
อาหารภายในหมบู่ า้ น
สถานภาพทางเศรษฐกิจของประชาชน
1) หนว่ ยธรุ กิจที่สร้างเศรษฐกิจให้กบั ชมุ ชน
− การท่องเทย่ี ว
➢ อ่างเก็บน้ำห้วยน้ำใส ตั้งอยู่ใน หมู่ที่ ๓
หมู่ที่ ๕ และหมู่ที่ ๙ ตำบลลานข่อย
อำเภอปา่ พะยอม จงั หวดั พัทลงุ
➢ น้ำตกหนานปลิว ตั้งอยู่ในพื้นที่ หมู่ที่ ๙
ตำบลลานขอ่ ย อำเภอป่าพะยอม จงั หวดั
พัทลงุ
➢ ลอ่ งแก่งหนานมดแดง ต้ังอยู่ในพน้ื ท่ี ม.๑
ตำบลลานขอ่ ย อำเภอปา่ พะยอม จังหวดั
พัทลุง
➢ ล่องแก่งหนานท่าส้าน ตั้งอยู่ในพื้นที่
ตำบลลานข่อย อำเภอปา่ พะยอม จงั หวดั
พทั ลงุ
➢ ล่องแก่งชมดาว ตั้งอยู่ในพื้นที่ ๖/๑ ม.๑
ตำบลลานข่อย อำเภอปา่ พะยอม จงั หวดั
พัทลงุ
− การพาณชิ ย์
➢ โรงแรม/รีสอร์ท จำนวน ๓๓ แห่ง ต้ังอยู่
ในพื้นที่ หมู่ที่ ๑ หมู่ที่ ๒ หมู่ที่ ๓ ตำบล
ลานขอ่ ย อำเภอปา่ พะยอม จงั หวดั พทั ลงุ
− ป๊มั นำ้ มัน
➢ ปั๊มน้ำมันจำนวน ๖ แห่ง ตั้งอยู่ในพื้นท่ี
หมู่ท่ี ๒ หมู่ที่ ๓ หมู่ที่ ๖ และหมู่ที่ ๘
ของตำบลลานข่อย อำเภอป่าพะยอม
จังหวดั พัทลงุ
− อุตสาหกรรม
➢ โรงรมยาง/โรงเครปยาง จำนวน ๕ แห่ง
ตั้งอยู่ในพื้นที่ หมู่ที่ ๓ หมู่ที่ ๖ และหมู่ที่
๗ ตำบลลานข่อย อำเภอป่าพะยอม
จังหวัดพัทลุง
ส่วนที่ ๔ สถานท่สี ำคญั ๆ
แหล่งท่องเทยี่ ว
แหล่งท่องเที่ยวในเทศบาลตำบลลานข่อยส่วนใหญ่จะเป็น
แหลง่ ทอ่ งเทีย่ วแบบกง่ึ ผจญภยั นับว่าเปน็ รูปแบบการทอ่ งเทยี่ วแรก
ของตำบลลานข่อยที่เริ่มขึ้นตั้งแต่ปีพุทธศักราช ๒๕๕๒ กิจกรรม
การล่องแก่งที่เกิดจากการใช้ประโยชน์จากสายน้ำที่ไหลจากอ่าง
เก็บน้ำห้วยน้ำใส นอกจากจะมีสถานที่ล่องแก่งหลายแห่งแต่ทาง
ตำบลลานข่อยยังมีน้ำตกที่นับว่าเป็นสถานที่ประวัติศาสตร์ก็ว่าได้
เพราะตำบลลานข่อยเคยมีนักศึกษาที่อยู่ฝั่งคอมมิวนิสต์มาตั้งค่าย
อยอู่ าศยั
❖ ล่องแกง่ หนานมดแดง
ลอ่ งแกง่ หนานมดแดง ตั้งอยทู่ ี่ ม.1 ต.ลานขอ่ ย อ.ปา่ พะยอม จ.
พัทลุง เป็นทุนเดิมทางธรรมชาติที่มีอยู่แล้วนำมาประยุกต์กับ
แนวคิดท่ีตกผลกึ จากการที่ไดไ้ ปสัมผสั กบั แหลง่ ท่องเทีย่ วล่องแก่งใน
พื้นที่อื่นๆแล้วนำกลับมาปรับใช้กับหนานมดแดงจนก่อเกิด "ล่อง
แกง่ หนานมดแดง" ขนึ้ ในปัจจุบนั
นายโยธิน เขาไข่แก้ว อายุ 50 ปี อดีตเกษตรอำเภอเหนือ
คลอง จ.กระบี่ ในฐานะผู้จัดการล่องแก่งหนานมดแดง กล่าวว่า
หลังเออรี่ตนตั้งใจกลับมาอยู่บ้าน เพื่อดูแลมารดาที่มีอายุมากแล้ว
ประกอบกับตนต้องการนำทฤษฎีเศรษฐกิจพอเพียงของ "
พระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอยหู่ วั ฯ " มาปรับใชใ้ นพ้ืนท่ี เพือ่ เป็นการนำ
รอ่ งใหก้ ับชาวบ้านในชมุ ชน เปน็ การสำนึกรักบ้านเกิดที่ต้องทดแทน
บุญคุณแผ่นดิน หลังดำเนินการกิจกรรมด้านการเกษตรแล้วเสร็จ
งานชิ้นต่อไปก็คือสำรวจลำคลองซึ่งอยู่หลังบ้าน ทั้งนี้ตนตั้งใจที่จะ
ทำเป็นล่องแก่ง เนื่องจากมีทุนเดิมทางธรรมชาติที่สมบูรณ์
โดยเฉพาะอ่างเก็บน้ำห้วยน้ำใส ซึ่งเป็นตัวหลักในการกำหนด
กิจกรรมล่องแก่งทั้งหมด เพราะล่องแก่งที่นี่ไม่ต้องคำนึงถึงฤดูกาล
ต่างๆนักทอ่ งเท่ียวสามารถมาพกั ผ่อนไดต้ ลอดทั้งปี
❖ น้ำตกหนานปลวิ (หนานสวรรค)์
นำตกหนานปลิวต้ังอย่ใู นหมทู่ ่ี ๙ ตำบลลานขอ่ ย อำเภอป่า
พะยอม จังหวัดพัทลุง อยู่ห่างจากที่ว่าการอำเภอป่าพะยอม ๓๑
กิโลเมตร เป็นน้ำตกที่มีความสูง ๗ ชั้น ชั้นสูงสุดเป็นพื้นที่ราบมีป่า
ละเมาะ และภายใต้การดูแลของหน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติเขา
ป-ู่ เขายา่ ทข่ี ป.๙ (สวนเจ้าเย็น) กรมอทุ ยาแห่งชาติ สตั วป์ า่ และพันธ์
พืชเป็นพื้นที่ของเขตอุทยานแห่งชาติเขาปู่-เขาย่า ซึ่งอุทยาเขาปู่-
เขาย่าครอบคลุมพื้นที่ของจังหวัดพัทลุง ตรัง และนครศรีธรรมราช
โดยครอบคลมุ พืน้ ที่ของจงั หวัดพัทลงุ จำนวน ๑๖๖,๗๖๐ ไร่
แต่เดิมบริเวณชั้นบนของน้ำตกหนานปลิวเคยเป็นที่ตั้งของ
กองทัพปลดเอกแห่งประเทศไทย หรือชาวบ้านเรียกว่า ค่าย
คอมมิวนิสต์ ๐๓ โดยเฉพาะชั้นท่ี ๗ เป็นฐานที่ตั้งคอมมิวนิสต์และ
เป็นที่อยู่อาศัย ส่วนบริเวณของน้ำตกชั้นที่ ๔ นั้นเคยเป็นที่ตั้งของ
โรงหมอสำหรับรักษาผู้ป่วยและมีการบอกเล่าว่า หากผู้หญิงที่ต้ัง
ครรภ์ใกล้คลอด จะมกี ารพามาให้อยู่ในพื้นที่น้ี เมือ่ คลอดลูกแล้วจะ
กลับไปอยู่บนชั้นที่ ๗ ต่อไป เมื่อหลายปีการยังคงหลงเหลือขวดยา
และโรงเรือนให้เห็น หากแต่ปัจจุบันนั้นมีต้นไม้ปกคลุมอย่าง
หนาแนน่ และมเี พียงแตส่ ภาพของการปรับพน้ื ที่ให้ราบเพอื่ ตง้ั เต็นท์
ใหเ้ ห็นเท่านั้น
สภาพพื้นที่ของน้ำตกหนานปลิว เป็นนำตกที่เกิดจาก
เทือกเขาบรรทัด โดยน้ำตกลงมาจากหน้าผาลดหลั่นกันลงมาเป็น
ชั้นๆไหลลงสู่คลองน้ำใสและลงคลองชะอวด มีน้ำตลอดทั้งปี
เหมาะสมสำหรับนักท่องเท่ยี วทช่ี อบปีนเขาเดินทางไกล สภาพพื้นท่ี
โดยรอบมีความสวยงามท่ีแตกตา่ งกนั ไป กลา่ วคอื
ชั้นที่ ๑ เป็นบริเวณที่ถัดจากที่ตั้งของหน่วยพิทักษ์อุทยาน
เขาปู่-เขาย่าที่ขป.๙(สวนเจ้าเย็น) จะเป็นสายน้ำตกที่ไหลยาวมา
จากชั้นที่ ๒ มีพื้นที่ลาดสำหรับนั่งพักผ่อนหย่อนใจ และเล่นน้ำโดย
ปลอดภยั
ชน้ั ท่ี ๒ เป็นชั้นทีม่ ีจดุ เด่น คือ เป็นช้นั ท่เี ป็นหน้าผารับสาย
น้ำตกสายน้ำไหลตกลงมาจากชั้นที่ ๑ เหมาะเป็นจุดถ่ายรูปกับ
ความสวยงานของ พื้นที่ไม่เอื้ออำนวยต่อการเล่นน้ำเนื่องจากหิน
เยอะและมีความล่ืนมาก
ชั้นที่ ๓ เป็นขั้นที่เป็นแอ่งน้ำเล็ก ถัดจากบริเวณหน้าผาท่ี
เป็นทางไหลของน้ำตกชั้นที่ ๒ จึงจำเป็นต้องระมัดระวังความแรง
จากกระแสนำ้
ชั้นที่ ๔ และชั้นที่ ๕ เป็นชั้นที่เหมาะแก่การเล่นน้ำมาก
ที่สุด เป็นพื้นที่ที่ไม่ลาดชัน มีแอ่งน้ำใหญ่ เล็ก มีบริเวณกว้างขว้าง
อา่ งเก็บน้ำห้วยน้ำใส
ชั้นที่ ๖ และชั้นท่ี ๗ เป็นพน้ื ท่ีลาดชนั สลับกบั พื้นท่ีราบ ซึ่ง
ท่ีล่องรอยของค่ายคอมมิวนิสต์หลงเหลืออยู่มีพื้นที่ป่าอุดมสมบูรณ์
สามารถเดินทางขึ้นไปได้สองเสน้ ทางของชั้นน้ำตกและเดนิ ทางโดย
ผ่านพื้นป่าขึ้นไป บริเวณทั่วไปของน้ำตกหนานปลิว มีป่าไม้ที่อุดม
สมบูรณ์ มีพันธุ์ไม้นานาชนิด อาทิเช่น ว่านนงคราญ ต้นพลู เฟิร์น
มหาซัดดัม (เฟิร์นประเภทที่ใหญ่ที่สุดในโลก) กล้วยไม้ป่า เป็นต้น
โดยเฉพาะช่วงเดือนเมษายนของทุกปียังเป็นช่วงเวลาที่มีดอกไม้
บริเวณน้ำตกออกดอก ทำให้น้ำตกหนานปลิวมีความสวยงามมาก
ยิ่งขึ้น นอกจากนั้นยังมีพันธ์ปลาในน้ำตกอีกด้วย เช่น ปลาไคร้หิน
ปลาอวด และปลากลงั้ เปน็ ตน้
ในช่วงปีพุทธศักราช ๒๕๓๗-๒๕๓๘ มีการพัฒนาพื้นที่บริ
เวรน้ำตกหนานปลิวโดยชาวบ้านและเจ้าหน้าที่ของหน่วยพิทักษ์
อุทยานเขาปู่-เขาย่าที่ขป.๙ (สวนเจ้าเย็น) ได้ร่วมกันพัฒนาพื้นท่ี
ของน้ำตก เช่น ถางหญ้า ปรับปรุงพื้นที่ทางข้ึนลงน้ำตก สร้างศาลา
ทพ่ี กั บริเวณอทุ ยาน การทำท่นี ่งั บริเวณชนั้ ที่ ๒
ในบริเวณหน่วยพิทักษ์อุทยานเขาปู่-เขาย่า ที่ขป.๙ (สวน
เจ้าเย็น) มีการจัดพื้นที่ในการจัดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าด้วยเซลล์
แสงอาทิตย์ในปีพุทธศักราช ๒๕๕๕ โครงการนี้สำหรับพื้นที่ที่ไม่มี
กระแสไฟฟา้ ใชห้ รือสถานท่ีทอ่ งเท่ยี วในพน้ื ท่ีจังหวดั พทั ลุง
การเดินทางไปสู่น้ำตกหนานปลิวนัน้ สามารถเดินทางด้วย
รถยนต์ผ่านบา้ นถ้ำลา จนถงึ กลุ่มทอผ้าถ้ำลาลานข่อย หมทู ่ี ๙ บ้าน
ควนยาว ตอ้ งเดินทางตอ่ ไปนำ้ ตกหนานปลิวอกี ๗ กิโลเมตร แตเ่ ปน็
เส้นที่ขรุขระบ้าง โดยใช้เวลาประมาณ ๓๐ นาที เมื่อมาถึงบริเวณ
ของหน่วยพิทักษ์อุทยาแห่งชาติเขาปู่-เขาย่า ที่ขป.๙ (สวนเจ้าเย็น)
ตอ้ งใชก้ ารเดินทาวเข้าสู่บริเวณนำ้ ตก
❖ อา่ งเกบ็ น้ำห้วยน้ำใส
อ่างเก็บน้ำห้วยน้ำใสเป็นหนึ่งในการดำเนินงานภายใต้
โครงการพัฒนาพื้นที่ลุ่มแมน่ ำ้ ปากพนังอันเนื่องมาจากพระราชดำริ
ตั้งอยู่ที่หมู่ที่ ๕ ตำบลลานข่อย อำเภอป่าพะยอม จังหวัดพัทลุง
เปน็ เขตตดิ ตอ่ กับอำเภอชะอวด จังหวดั นครศรีธรรมราช และรัษฎา
จังหวัดตรัง โครงการนี้เริ่มก่อสร้างเมื่อปีพุทธศักราช ๒๕๓๔การ
ก่อสร้างเสร็จสิ้นตามโครงการในปีพุทธศักราช ๒๕๓๘ ใช้เวลาใน
การก่อสร้าง ๕ ปี ลักษณะตัวเขื่อนดินชนิด “ZONE TYPE” เป็น
พื้นที่กักเก็บน้ำเพื่อส่งน้ำไปช่วยเหลือพื้นท่ีเพาะปลูกในเขตพื้นที่ ๓
ตำบลได้แก่ตำบลลานข่อย อำเภอป่าพะยอม จังหวัดพัทลุง ตำบล
เกาะขันธ์และตำบลชะอวด จังหวัดนครศรีธรรมราชนอกจากนั้นยัง
เป็นการป้องกันและบรรเทาปัญหาน้ำเค็มเนื่องจากน้ำทะเลในฤดู
แล้ง และที่สำคัญที่สุดยังเป็นแหล่งน้ำสำหรับอุปโภคบริโภคให้กับ
ประชาชนในพื้นที่ อ่างเก็บน้ำหว้ ยน้ำใสนี้ได้รับน้ำมาจากคลองห้วย
นำ้ ใส ครองในเตา คลองท่ามุด ห้วยรำพนั หว้ ยสวนเข้าเย็น ห้วยถ้ำ
ลา ทำให้เกิดทัศนียภาพที่สวยงามเป็นทะเลสาบกลางหุบเขา
เนื่องมาจากความเดือดร้อนของประชาชนในพื้นที่ลุ่มน้ำปากพนัง
จากสภาพดินที่มีปัญหาจากการที่ใช้ประโยชน์ที่หลากหลายแบบ
เค้นทำลายเป็นผลให้นิเวศแหล่งน้ำขาดสมดุล เกิดปัญหาน้ำเค็มรุก
จากการขาดแคลนนำ้ จืดมนี ้ำเปรี้ยวจากป่าพรุได้กระจายและน้ำเสีย
จากพื้นที่นากุ้งแปลงเกษตรกรและแหล่งชุมชนและเกิดน้ำท่วมใน
ระดบั สงู และยาวนานจึงมีการดำเนินงานในโครงการพัฒนาพื้นท่ีลุ่ม
น้ำปากพนังอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดนครศรีธรรมราช
จังหวัดพัทลุง จังหวัดสงขลา โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อการ เก็บกักน้ำ
ไว้ใช้ทางการเพาะปลูกและการเกษตรอื่นๆในช่วงฤดูแล้งเพื่อการ
อุปโภคบริโภคในพื้นที่ลุ่มแม่น้ำปากพนังและเพื่อบรรเทาน้ำท่วม
ป้องกนั นำ้ เค็มรวมทง้ั พัฒนาส่งเสริมอาชีพประชาชน