นวัตกรรมการ
จัดการเรียนรู้
ที่มา
แผนการจัดการเรียนรู้
แผนการจัดการเรยี นรู้วชิ าวทิ ยาศาสตร์ ป.5
แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี 26
สาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวชิ า วทิ ยาศาสตร์ รหัสวชิ า ว15101
ช้ันประถมศึกษาปีท่ี 5 ภาคเรียนท่ี 1 ปกี ารศึกษา 2565
หน่วยการเรียนรู้ที่ 3 เรอ่ื ง การเปลย่ี นแปลงของสสาร เวลา 1 ชว่ั โมง
วันท.่ี ...........เดอื น..........................................พ.ศ.......................ครูผ้สู อน............................................................
**********************************************************************************
1. มาตรฐานการเรยี นรู้
มาตรฐาน ว 2.1 เข้าใจสมบัติของสสาร องค์ประกอบของสสาร ความสัมพันธ์ระหว่างสมบตั ิของสสาร
กับโครงสร้างและแรงยึดเหน่ียวระหว่างอนภุ าค หลักและธรรมชาติของการเปลี่ยนแปลงสถานะของสสาร การ
เกดิ สารละลาย และการเกิดปฏกิ ิรยิ าเคมี
2. ตัวช้ีวัดช้ันปี
อธิบายการเปลี่ยนสถานะของสสาร เมื่อทำให้สสารร้อนขึ้นหรือเย็นลง โดยใช้หลักฐานเชิงประจักษ์
(ว 2.1 ป. 5/1)
3. จดุ ประสงค์การเรียนรู้
1. จำแนกการเปล่ยี นแปลงของสสารรอบตวั ได้ (K)
2. มีความสนใจใฝร่ หู้ รอื อยากรอู้ ยากเหน็ (A)
3. พอใจในประสบการณก์ ารเรยี นรู้ทเ่ี ก่ยี วกับวิทยาศาสตร์ (A)
4. ทำงานร่วมกับผู้อ่ืนอย่างสร้างสรรค์ (A)
5. สอ่ื สารและนำความร้เู รื่องการเปลย่ี นแปลงของสสารไปใช้ในชวี ติ ประจำวนั ได้ (P)
4. สาระสำคัญ
การเปลี่ยนแปลงของสสารจำแนกได้เป็น 2 กลุ่ม คือ การเปลี่ยนแปลงทางกายภาพและการ
เปลย่ี นแปลงทางเคมี
5. สาระการเรยี นรู้
การเปลยี่ นแปลงทางกายภาพ
6. คุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์
1. มวี ินยั
2. ใฝเ่ รียนรู้
3. มุ่งม่นั ในการทำงาน
4. มีจิตวทิ ยาศาสตร์
แผนการจัดการเรยี นรูว้ ิชาวิทยาศาสตร์ ป.5
7. สมรรถนะสำคัญของผ้เู รยี น
1. ความสามารถในการสอ่ื สาร
2. ความสามารถในการคดิ
3. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี
8. ช้ินงานหรือภาระงาน
1. สืบค้นข้อมลู การเปลี่ยนแปลงของสสาร
2. สำรวจการเปล่ยี นแปลงของสสาร
9. การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้
ครูดำเนินการทดสอบก่อนเรียนโดยให้นักเรียนทำแบบทดสอบก่อนเรียน เพื่อตรวจสอบความพร้อม
และพ้นื ฐานของนักเรยี น
ขน้ั นำเขา้ สูบ่ ทเรียน
1) ครูเขียนคำว่า “สสาร” บนกระดานดำแล้วให้นกั เรียนชว่ ยกนั บอกความรู้เกี่ยวกบั สสารท่ีเคยเรียนรู้
มา โดยครอู าจช่วยนักเรียนโดยการใช้คำถาม เชน่
– สสารคอื อะไร (แนวคำตอบ สงิ่ ทีม่ ีตัวตน ตอ้ งการท่ีอยู่ และมมี วล)
– ยกตัวอยา่ งสสารในชีวิตประจำวนั (แนวคำตอบ ไม้ โลหะ แกว้ และนำ้ )
– สสารมีสถานะใด (แนวคำตอบ เปน็ ได้ท้ังของแขง็ ของเหลว และแกส๊ )
2) นกั เรียนรว่ มกันตอบคำถามและแสดงความคดิ เหน็ เกยี่ วกับคำตอบ เพ่ือเชื่อมโยงไปสกู่ ารเรยี นรู้เรื่อง
การเปลี่ยนแปลงของสสาร
ขนั้ จัดกจิ กรรมการเรียนรู้
จัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใชก้ ระบวนการสืบเสาะหาความรู้ (Inquiry Process) ร่วมกับแบบกลบั ดา้ น
ชั้นเรียน (flipped classroom) ซงึ่ มีขั้นตอนดงั นี้
1) ขนั้ สร้างความสนใจ (Engagement)
(1) ครูแบ่งกลุ่มนักเรียนแล้วเปิดโอกาสให้นักเรียนในกลุ่มนำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงของ
สสาร ที่ครูมอบหมายให้ไปเรียนรู้ล่วงหน้าให้เพื่อน ๆ ในกลุ่มฟัง จากนั้นให้แต่ละกลุ่มส่งตัวแทนมานำเสนอ
ขอ้ มลู หนา้ หอ้ งเรยี น
(2) ครูตรวจสอบว่านักเรียนทำภาระงานที่ได้รับมอบหมายไปหรือไม่ โดยตรวจสอบจากการจดบันทึก
ของนักเรียน และถามคำถามเกี่ยวกบั ภาระงาน ดงั น้ี
– การเปลี่ยนแปลงของสสารที่เกิดขึ้นในบ้านมีลักษณะใดบ้าง (แนวคำตอบ การเปลี่ยนสถานะ
การละลาย และการเปลย่ี นแปลงทางเคมี)
– การเปลี่ยนสถานะของสสารสังเกตจากสิ่งใด (แนวคำตอบ สังเกตจากการที่สสารเปลี่ยนจาก
ของแข็งเป็นของเหลวหรอื แกส๊ โดยท่ไี มม่ ีสารใหมเ่ กดิ ข้นึ )
แผนการจัดการเรยี นรวู้ ชิ าวิทยาศาสตร์ ป.5
– ยกตัวอย่างการเปลี่ยนแปลงของสสารในบา้ นท่ีมสี ารใหม่เกิดขึ้น สังเกตจากอะไร (แนวคำตอบ
ไมข้ ดี ไฟติดไฟ สังเกตจากการมีเปลวไฟ ควนั และกลิ่นไหมเ้ กิดข้นึ )
(3) ครเู ปดิ โอกาสให้นักเรียนตงั้ ประเด็นคำถามท่ีนกั เรียนสงสัยจากการทำภาระงานอยา่ งน้อยคนละ 1
คำถาม ซึ่งครใู ห้นักเรียนเตรยี มมาลว่ งหนา้ และใหน้ กั เรียนชว่ ยกันตอบและแสดงความคิดเห็น
(4) ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปเกี่ยวกับภาระงาน โดยครูช่วยอธิบายให้นักเรียนเข้าใจว่า การ
เปลยี่ นแปลงของสสารรอบตัวมีท้ังการเปลี่ยนแปลงท่ไี ม่มีสารใหม่เกิดขน้ึ และมสี ารใหม่เกดิ ขน้ึ
2) ข้นั สำรวจและคน้ หา (Exploration)
(1) ครใู ห้นักเรยี นศึกษาเรื่อง การเปลยี่ นแปลงของสสาร จากใบความร้หู รอื ในหนังสือเรยี น โดยครูช่วย
อธิบายให้นักเรียนเข้าใจว่า สสารมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นได้ และเมื่อใช้ลักษณะการเปลี่ยนแปลงของสสาร
เป็นเกณฑ์ เราสามารถจำแนกการเปลี่ยนแปลงของสสารได้เป็น 2 กลุ่ม คอื การเปลยี่ นแปลงทางกายภาพและ
การเปล่ยี นแปลงทางเคมี
(2) ครูแบ่งนักเรียนกลุ่มละ 5 – 6 คน สืบค้นข้อมูลเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงของสสาร ตามขั้นตอน
ดงั นี้
– แต่ละกลุ่มวางแผนการสืบค้นข้อมูล โดยแบ่งหัวข้อย่อยให้เพื่อนสมาชิกช่วยกันสืบค้นต ามที่
สมาชิกกลุ่มช่วยกันกำหนดหัวข้อย่อย เช่น การเปลี่ยนแปลงทางกายภาพ การเปลี่ยนแปลงทางเคมี และ
ตัวอยา่ งการเปลีย่ นแปลงของสสารแตล่ ะกล่มุ
– สมาชิกกลุ่มแต่ละคนหรือกลุ่มย่อยช่วยกันสืบค้นข้อมูลตามหัวข้อย่อยที่ตนเองรับผิดชอบ โดย
การสบื ค้นจากหนงั สือ วารสาร สารานกุ รมวิทยาศาสตร์ สารานกุ รมไทยสำหรับเยาวชน หรืออินเทอรเ์ นต็
– สมาชิกกลุ่มนำข้อมูลท่ีสืบค้นได้มารายงานใหเ้ พื่อนๆ สมาชิกในกลมุ่ ฟัง รวมท้งั ร่วมกันอภิปราย
ซักถามจนคาดวา่ สมาชิกทกุ คนมคี วามรคู้ วามเข้าใจทตี่ รงกนั
– สมาชิกกลุ่มช่วยกันสรุปความรู้ที่ได้ทั้งหมดเป็นผลงานของกลุ่ม และช่วยกันจัดทำรายงาน
การศึกษาค้นควา้ เกีย่ วกบั การเปลี่ยนแปลงของสสาร
(3) ครูคอยแนะนำช่วยเหลือนักเรียนขณะปฏิบตั ิกิจกรรม โดยครเู ดนิ ดูรอบๆ หอ้ งเรียนและเปิดโอกาส
ใหน้ ักเรยี นทุกคนซกั ถามเมือ่ มปี ัญหา
3) ขน้ั อธิบายและลงข้อสรปุ (Explanation)
(1) นักเรยี นแตล่ ะกลุ่มนำเสนอผลการปฏบิ ตั ิกิจกรรมหนา้ ห้องเรียน
(2) ครแู ละนกั เรยี นร่วมกันอภิปรายผลจากการปฏิบตั ิกิจกรรม โดยใช้แนวคำถาม เช่น
– การเปล่ยี นแปลงทางกายภาพคอื อะไร (แนวคำตอบ การเปลย่ี นแปลงท่ีไม่มสี ารใหม่เกิดขน้ึ )
– ยกตัวอย่างการเปลี่ยนแปลงทางกายภาพ (แนวคำตอบ น้ำแข็งหลอมเหลว น้ำเดือด และน้ำ
แข็งตัว)
– การเปลีย่ นแปลงทางเคมีคอื อะไร (แนวคำตอบ การเปลี่ยนแปลงท่ีมสี ารใหม่เกดิ ขนึ้ )
– ยกตวั อยา่ งการเปลี่ยนแปลงทางเคมี (แนวคำตอบ การเผาไหม้และการเกิดสนมิ )
แผนการจัดการเรยี นรู้วชิ าวิทยาศาสตร์ ป.5
(3) ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปผลจากการปฏิบัติกิจกรรม โดยครูเน้นให้นักเรียนเข้าใจว่า การ
เปลี่ยนแปลงของสสารมีลักษณะของการเปลี่ยนแปลงแตกต่างกัน เราจึงจำแนกได้เป็น 2 กลุ่ม คือ การ
เปลยี่ นแปลงทางกายภาพและการเปลย่ี นแปลงทางเคมี
4) ขั้นขยายความรู้ (Elaboration)
ครูแบ่งนักเรียนกลุ่มละ 5 – 6 คน สำรวจการเปลี่ยนแปลงของสสารที่เกิดขึ้นในห้องเรียนหรอื บริเวณ
โรงเรียน โดยจำแนกเป็นการเปลี่ยนแปลงทางกายภาพและการเปลี่ยนแปลงทางเคมี แล้วเปรียบเทียบว่าการ
เปลี่ยนแปลงของสสารลกั ษณะใดทเ่ี กดิ ข้นึ มากกวา่ กัน จากนัน้ นำผลการสำรวจมาอภปิ รายรว่ มกนั ในห้องเรียน
5) ขนั้ ประเมนิ (Evaluation)
(1) ครูใหน้ ักเรยี นแต่ละคนพจิ ารณาวา่ จากหวั ขอ้ ทเ่ี รยี นมาและการปฏิบัติกจิ กรรม มีจุดใดบ้างท่ียังไม่
เขา้ ใจหรอื ยังมีขอ้ สงสยั ถ้ามี ครชู ว่ ยอธิบายเพิม่ เตมิ ให้นักเรยี นเขา้ ใจ
(2) นักเรียนร่วมกันประเมินการปฏิบัติกิจกรรมกลุ่มว่ามีปัญหาหรืออุปสรรคใด และได้มีการแก้ไข
อยา่ งไรบ้าง
(3) ครูและนักเรียนร่วมกันแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับประโยชน์ที่ได้รับจากการปฏิบัติกิจกรรม และ
การนำความรทู้ ไ่ี ด้ไปใช้ประโยชน์
(4) ครทู ดสอบความเข้าใจของนักเรยี นโดยการให้ตอบคำถาม เชน่
– การเปลี่ยนแปลงที่ไม่มีสารใหม่เกิดขึ้นเรียกว่าอะไร (แนวคำตอบ การเปลี่ยนแปลงทาง
กายภาพ)
– การเปลีย่ นแปลงท่มี ีสารใหม่เกิดขนึ้ เรยี กวา่ อะไร (แนวคำตอบ การเปลี่ยนแปลงทางเคมี)
ข้ันสรปุ
ครแู ละนักเรียนร่วมกนั สรปุ เกย่ี วกับการเปล่ยี นแปลงของสสารโดยรว่ มกนั เขียนเป็นแผนท่ีความคิดหรือ
ผังมโนทศั น์
10. สื่อการเรียนรู้
1. แบบทดสอบกอ่ นเรยี น
2. หนงั สือ วารสาร สารานุกรมวทิ ยาศาสตร์ สารานุกรมไทยสำหรับเยาวชน หรอื อินเทอรเ์ นต็
3. คูม่ ือการสอน วทิ ยาศาสตร์ ชนั้ ประถมศึกษาปีที่ 5
4. สอ่ื การเรียนรู้ PowerPoint รายวชิ าพ้นื ฐาน วทิ ยาศาสตร์ ชนั้ ประถมศึกษาปีที่ 5
5. แบบฝกึ ทักษะรายวชิ าพ้นื ฐาน วทิ ยาศาสตร์ ช้นั ประถมศึกษาปที ี่ 5
6. หนังสอื เรยี นรายวิชาพ้นื ฐาน วทิ ยาศาสตร์ ชั้นประถมศกึ ษาปีท่ี 5
แผนการจัดการเรยี นรู้วชิ าวทิ ยาศาสตร์ ป.5
11. การวดั และประเมนิ ผลการเรียนรู้
ดา้ นความรู้ (K) ดา้ นคุณธรรม จริยธรรมและ ดา้ นทกั ษะ/กระบวนการ (P)
จิตวิทยาศาสตร์ (A)
1. ซักถามความรู้เร่ือง การ
เปลยี่ นแปลงของสสาร 1. ประเมนิ เจตคติทางวทิ ยาศาสตร์ 1. ประเมินทักษะการคิดโดย
2. ตรวจช้ินงานหรอื ภาระงานของ เป็นรายบคุ คลโดยการสงั เกต การสังเกตการทำงานกลมุ่
กจิ กรรมฝกึ ทกั ษะระหว่างเรียน
และใชแ้ บบวดั เจตคตทิ าง 2. ประเมนิ พฤตกิ รรมในการ
3. ทดสอบก่อนเรียนโดยใช้
แบบทดสอบก่อนเรยี น วทิ ยาศาสตร์ ปฏิบตั ิกจิ กรรมเป็น
2. ประเมินเจตคติต่อวิทยาศาสตร์ รายบคุ คลหรือรายกลุม่ โดย
เปน็ รายบคุ คลโดยการสังเกต การสังเกตการทำงานกลุ่ม
และใช้แบบวัดเจตคติต่อ
วทิ ยาศาสตร์
แผนการจัดการเรยี นรู้วชิ าวทิ ยาศาสตร์ ป.5
12. บันทกึ ผลหลังการจัดการเรียนรู้
12.1 สรปุ ผลหลงั การจดั การเรยี นรู้
1. นักเรยี นจำนวน..................คน
ผ่านจุดประสงค์การเรียนรู้......................คน คิดเป็นร้อยละ..................
ไม่ผ่านจดุ ประสงค์การเรยี นร้.ู .................คน คิดเป็นร้อยละ..................
นักเรยี นนีไ่ ม่ผ่าน มีดังนี้
1............................................................ 2............................................................
3............................................................ 4............................................................
5............................................................ 6............................................................
แนวทางแก้ไขนักเรียนที่ไมผ่ า่ นจุดประสงค์การเรียนรู้
............................................................................................................................. .........................
......................................................................................................................................................
2. นกั เรยี นมีความรคู้ วามเขา้ ใจ (K)
............................................................................................................................. .........................
.......................................................................................................... ............................................
3. นกั เรียนมีความร้เู กดิ ทักษะ (P)
............................................................................................................................. .........................
......................................................................................................................................................
4. นักเรียนมเี จตคติ ค่านยิ ม คณุ ธรรมจริยธรรม (A)
.................................................................................. ....................................................................
............................................................................................................................. .........................
12.2 ปญั หา อุปสรรค และแนวทางแก้ไข
………………………………………………………………………………………………………………………………………….
12.3 ข้อเสนอแนะ
………………………………………………………………………………………………………………………………………….
ลงชอื่ ..................................................
(.................................................)
ตำแหน่ง.....................................
แผนการจัดการเรยี นรวู้ ิชาวทิ ยาศาสตร์ ป.5
ความเห็นของหัวหน้าสถานศกึ ษา/ผู้ทไ่ี ดร้ ับมอบหมาย
ไดท้ ำการตรวจแผนการจดั การเรยี นรู้ของ................................................................แลว้ มคี วามเหน็ ดงั น้ี
1. เปน็ แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี
ดีมาก
ดี
พอใช้
ควรปรับปรุง
2. การจดั กิจกรรมได้นำเอากระบวนการเรยี นรู้
เนน้ ผเู้ รียนเปน็ สำคัญมาใช้ในการสอนได้อยา่ งเหมาะสม
ยงั ไมเ่ น้นผู้เรยี นเปน็ สำคัญ ควรปรบั ปรุงพฒั นาต่อไป
3. เปน็ แผนการจดั การเรียนรู้ที่
นำไปใช้ไดจ้ ริง
ควรปรบั ปรุงก่อนนำไปใช้
4. ข้อเสนอแนะอืน่ ๆ
............................................................................................................................. .................................................
............................................................................................................................. .................................................
..............................................................................................................................................................................
ลงช่ือ..................................................
(.................................................)
ตำแหนง่ ............................................
แผนการจัดการเรยี นรวู้ ชิ าวิทยาศาสตร์ ป.5
แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี 27
สาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวชิ า วทิ ยาศาสตร์ รหัสวิชา ว15101
ชน้ั ประถมศึกษาปที ี่ 5 ภาคเรยี นที่ 1 ปีการศึกษา 2565
หน่วยการเรียนรู้ท่ี 3 เรอ่ื ง การหลอมเหลว เวลา 1 ชวั่ โมง
วันท.ี่ ...........เดอื น..........................................พ.ศ.......................ครูผสู้ อน............................................................
**********************************************************************************
1. มาตรฐานการเรียนรู้
มาตรฐาน ว 2.1 เข้าใจสมบัติของสสาร องค์ประกอบของสสาร ความสัมพันธ์ระหว่างสมบัติของสสาร
กับโครงสร้างและแรงยึดเหน่ียวระหว่างอนุภาค หลักและธรรมชาติของการเปลี่ยนแปลงสถานะของสสาร การ
เกดิ สารละลาย และการเกิดปฏกิ ริ ยิ าเคมี
2. ตัวชี้วดั ช้นั ปี
อธิบายการเปลี่ยนสถานะของสสาร เมื่อทำให้สสารร้อนขึ้นหรือเย็นลง โดยใช้หลักฐานเชิงประจักษ์
(ว 2.1 ป. 5/1)
3. จดุ ประสงค์การเรียนรู้
1. อธิบายลกั ษณะของการหลอมเหลวได้ (K)
2. สังเกตการเกิดการหลอมเหลวได้ (K)
3. มคี วามสนใจใฝร่ ูห้ รืออยากรู้อยากเหน็ (A)
4. พอใจในประสบการณก์ ารเรยี นรูท้ เ่ี ก่ยี วกับวิทยาศาสตร์ (A)
5. ทำงานรว่ มกับผอู้ นื่ อย่างสร้างสรรค์ (A)
6. สอ่ื สารและนำความรูเ้ รื่องการหลอมเหลวไปใชใ้ นชวี ติ ประจำวันได้ (P)
4. สาระสำคญั
การหลอมเหลว คือ การเปลี่ยนสถานะของสสารจากของแข็งเป็นของเหลว เมื่อสสารได้รับความร้อน
จนถึงระดบั หนง่ึ
5. สาระการเรียนรู้
การเปล่ียนแปลงทางกายภาพ
– การเปลีย่ นสถานะของสสาร
แผนการจัดการเรยี นรู้วิชาวิทยาศาสตร์ ป.5
6. คุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์
1. มีวินยั
2. ใฝเ่ รียนรู้
3. มุ่งมั่นในการทำงาน
4. มีจติ วิทยาศาสตร์
7. สมรรถนะสำคัญของผเู้ รยี น
1. ความสามารถในการสื่อสาร
2. ความสามารถในการคิด
3. ความสามารถในการแก้ปัญหา
4. ความสามารถในการใชท้ ักษะ/กระบวนการและทักษะในการดำเนินชวี ิต
5. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี
8. ชน้ิ งานหรอื ภาระงาน
สังเกตการเปลย่ี นสถานะของนำ้ แขง็
9. การจัดกิจกรรมการเรยี นรู้
ข้นั นำเข้าสูบ่ ทเรียน
1) ครูถามคำถามเกยี่ วกับประสบการณ์เดิมของนักเรยี น เชน่
– นักเรียนเคยซ้ือไอศกรีมหรอื ไม่ (แนวคำตอบ เคย)
– ในตแู้ ช่ไอศกรมี มีลักษณะใด (แนวคำตอบ มีอณุ หภูมติ ่ำหรอื มีความเยน็ จดั )
– ถา้ นกั เรียนลมื แชไ่ อศกรมี จะเกิดการเปลีย่ นแปลงใด (แนวคำตอบ ไอศกรมี จะหลอมเหลว)
2) นักเรียนร่วมกนั ตอบคำถามและแสดงความคิดเหน็ เก่ียวกบั คำตอบ เพอื่ เช่ือมโยงไปสกู่ ารเรยี นรู้เร่ือง
การหลอมเหลว
ขั้นจัดกิจกรรมการเรียนรู้
จัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้กระบวนการสืบเสาะหาความรู้ (Inquiry Process) ร่วมกับแบบกลับดา้ น
ชน้ั เรียน (flipped classroom) ซ่ึงมขี ั้นตอนดังน้ี
1) ข้นั สร้างความสนใจ (Engagement)
(1) ครูให้นักเรียนดูรูปนำ้ แขง็ น้ำ และไอนำ้ แล้วถามคำถามนกั เรยี นดงั นี้
– สสารทั้งสามมสี ิ่งใดเหมือนกนั (แนวคำตอบ เปน็ น้ำเหมอื นกัน)
– สสารท้ังสามมสี ่งิ ใดแตกตา่ งกนั (แนวคำตอบ มีสถานะแตกตา่ งกนั )
– สง่ิ ทที่ ำใหส้ สารท้งั สามแตกตา่ งกันคอื อะไร (แนวคำตอบ อุณหภมู )ิ
(2) นักเรยี นรว่ มกันอภปิ รายหาคำตอบเก่ยี วกบั คำถามตามความคิดเห็นของแต่ละคน
แผนการจัดการเรยี นรู้วิชาวิทยาศาสตร์ ป.5
2) ขั้นสำรวจและคน้ หา (Exploration)
(1) ครูให้นักเรียนศึกษาเรื่อง การเปลี่ยนสถานะของสสาร จากใบความรู้หรือในหนังสือเรียน โดยครู
ช่วยอธิบายให้นักเรียนเข้าใจว่า การเปลี่ยนสถานะของสสารเกิดขึ้นเมื่ออุณหภูมิของสิ่งแวดล้อมเกิดการ
เปล่ยี นแปลง คอื อณุ หภมู เิ พ่มิ ขึ้นหรือรอ้ นขึ้น และอุณหภูมลิ ดลงหรือเยน็ ลง
(2) ครูแบ่งนักเรียนกลุ่มละ 5 – 6 คน ปฏิบัติกิจกรรม สังเกตการเปลี่ยนสถานะของน้ำแข็ง ตาม
ขัน้ ตอน ดังน้ี
– สังเกตลักษณะของน้ำแขง็ ในแกว้ ทั้ง 2 ใบท่เี ตรยี มมา
– พยากรณ์วา่ ถา้ นำแก้วไปวางกลางแดด นำ้ แข็งจะเกิดการเปลย่ี นแปลงลักษณะใด
– นำแกว้ ใบที่ 1 วางในหอ้ ง และนำแก้วใบท่ี 2 วางไวก้ ลางแดด
– ใช้เทอรม์ อมเิ ตอรว์ ัดอณุ หภมู ิของอากาศในห้องและอณุ หภมู กิ ลางแดด
– เมื่อเวลาผ่านไป 5 นาที สงั เกตการเปล่ียนแปลงทเ่ี กิดข้ึน บนั ทกึ ผล
(3) ครคู อยแนะนำช่วยเหลือนักเรียนขณะปฏบิ ัติกิจกรรม โดยครูเดินดรู อบๆ บรเิ วณห้องเรียนและเปิด
โอกาสใหน้ กั เรยี นทกุ คนซกั ถามเมอ่ื มีปัญหา
3) ขั้นอธิบายและลงข้อสรุป (Explanation)
(1) นักเรียนแต่ละกลมุ่ นำเสนอผลการปฏบิ ัติกจิ กรรมหน้าห้องเรียน
(2) ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายผลจากการปฏิบตั กิ จิ กรรม โดยใช้แนวคำถาม เชน่
– ปจั จัยท่ีศกึ ษาในกิจกรรมนค้ี อื อะไร (แนวคำตอบ อณุ หภูม)ิ
– อุณหภูมิมีผลต่อการเปลี่ยนสถานะของน้ำแข็งหรือไม่ สังเกตจากอะไร (แนวคำตอบ มีผล โดย
สังเกตจากน้ำแข็งทอ่ี ยู่กลางแดดท่มี ีอุณหภมู สิ งู กว่าเกิดการเปลยี่ นสถานะเร็วกว่าน้ำแขง็ ทีอ่ ยู่ในหอ้ งท่ีมีอุณหภูมิ
ตำ่ กว่า)
– น้ำแขง็ มกี ารเปลย่ี นสถานะลักษณะใด (แนวคำตอบ เมอื่ อุณหภูมเิ พ่ิมข้ึน นำ้ แข็งเปล่ียนสถานะ
จากของแขง็ เปน็ ของเหลว คือ นำ้ )
(3) ครูและนักเรียนรว่ มกันสรุปผลจากการปฏิบัติกิจกรรม โดยครูเนน้ ใหน้ ักเรียนเข้าใจว่า เม่ือสสารที่
มีสถานะเป็นของแข็งได้รบั ความร้อนจนถึงระดบั หนึง่ สสารจะเกดิ การหลอมเหลว คือ สสารเปล่ียนสถานะจาก
ของแขง็ เปน็ ของเหลว
4) ขน้ั ขยายความรู้ (Elaboration)
(1) ครอู ธบิ ายเพม่ิ เติมให้นกั เรียนเขา้ ใจว่า เราสามารถนำความรเู้ กี่ยวกบั การหลอมเหลวมาใชป้ ระโยชน์
ได้ เชน่ การอุ่นอาหารแชแ่ ข็งและการให้ความร้อนกับเนยเพ่ือนำมาทำอาหารหรือทำขนม
(2) นักเรียนค้นคว้าคำศัพท์ภาษาต่างประเทศเกี่ยวกับการหลอมเหลวจากหนังสือเรียน
ภาษาต่างประเทศหรอื อินเทอรเ์ นต็ และนำเสนอใหเ้ พื่อนฟัง คดั คำศัพท์พรอ้ มทั้งคำแปลลงสมุดส่งครู
แผนการจัดการเรยี นรู้วชิ าวทิ ยาศาสตร์ ป.5
5) ขน้ั ประเมนิ (Evaluation)
(1) ครใู หน้ ักเรียนแตล่ ะคนพจิ ารณาว่า จากหวั ข้อท่เี รียนมาและการปฏิบัติกิจกรรม มีจุดใดบ้างที่ยังไม่
เข้าใจหรอื ยงั มขี ้อสงสัย ถ้ามี ครชู ่วยอธิบายเพิม่ เติมใหน้ กั เรียนเขา้ ใจ
(2) นักเรียนร่วมกันประเมินการปฏิบัติกิจกรรมกลุ่มว่ามีปัญหาหรืออุปสรรคใด และได้มีการ แก้ไข
อยา่ งไรบา้ ง
(3) ครูและนักเรียนร่วมกันแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับประโยชน์ที่ได้รับจากการปฏิบัติกิจกรรม และ
การนำความรูท้ ีไ่ ดไ้ ปใชป้ ระโยชน์
(4) ครทู ดสอบความเข้าใจของนกั เรียนโดยการให้ตอบคำถาม เช่น
– อุณหภูมิมีผลต่อการหลอมเหลวอย่างไร (แนวคำตอบ เมื่ออุณหภูมิเพิ่มขึ้นหรือทำให้ร้อนข้ึน
จนถึงระดบั หนง่ึ ของแขง็ จะเปลีย่ นสถานะเป็นของเหลว)
– เราควรเกบ็ ไอศกรมี ไว้ในชอ่ งแชแ่ ข็งเพราะอะไร (แนวคำตอบ เพราะในชอ่ งแช่แขง็ มีอณุ หภูมิต่ำ
พอทจี่ ะทำให้ไอศกรมี ไมเ่ กิดการหลอมเหลว)
ขนั้ สรุป
ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปเกี่ยวกับการหลอมเหลว โดยร่วมกันเขียนเป็นแผนที่ความคิดหรือผังมโน
ทัศน์
10. สื่อการเรียนรู้
1. รูปนำ้ แข็ง นำ้ และไอน้ำ
2. ใบกิจกรรม สงั เกตการเปลี่ยนสถานะของนำ้ แขง็
3. หนงั สือเรยี นภาษาต่างประเทศหรอื อนิ เทอร์เน็ต
4. คมู่ อื การสอน วทิ ยาศาสตร์ ชัน้ ประถมศึกษาปีท่ี 5
5. สอื่ การเรียนรู้ PowerPoint รายวิชาพ้นื ฐาน วิทยาศาสตร์ ช้นั ประถมศึกษาปีท่ี 5
6. แบบฝกึ ทักษะรายวิชาพื้นฐาน วิทยาศาสตร์ ช้นั ประถมศึกษาปที ี่ 5
7. หนงั สือเรียนรายวิชาพ้ืนฐาน วทิ ยาศาสตร์ ชั้นประถมศกึ ษาปีที่ 5
แผนการจัดการเรยี นรู้วิชาวทิ ยาศาสตร์ ป.5
11. การวดั และประเมนิ ผลการเรียนรู้
ดา้ นความรู้ (K) ดา้ นคณุ ธรรม จริยธรรมและ ด้านทกั ษะ/กระบวนการ (P)
จติ วิทยาศาสตร์ (A)
1. ซักถามความรเู้ รอื่ ง การ
หลอมเหลว 1. ประเมนิ เจตคติทางวิทยาศาสตร์ 1. ประเมินทกั ษะกระบวนการ
2. ตรวจชิ้นงานหรือภาระงานของ เป็นรายบุคคลโดยการสงั เกต ทางวิทยาศาสตรโ์ ดยใชแ้ บบ
กจิ กรรมฝกึ ทักษะระหว่างเรียน
และใชแ้ บบวัดเจตคตทิ าง วัดทักษะกระบวนการทาง
วิทยาศาสตร์ วิทยาศาสตร์
2. ประเมนิ เจตคติตอ่ วทิ ยาศาสตร์ 2. ประเมินทกั ษะการคิดโดย
เป็นรายบุคคลโดยการสังเกต การสังเกตการทำงานกลมุ่
และใช้แบบวัดเจตคตติ อ่ 3. ประเมินทักษะการ
วทิ ยาศาสตร์ แกป้ ัญหาโดยการสงั เกตการ
ทำงานกลุ่ม
4. ประเมนิ พฤติกรรมในการ
ปฏิบตั ิกิจกรรมเป็น
รายบคุ คลหรอื รายกลมุ่ โดย
การสงั เกตการทำงานกลุ่ม
แผนการจัดการเรยี นรู้วิชาวทิ ยาศาสตร์ ป.5
12. บนั ทกึ ผลหลังการจัดการเรียนรู้
12.1 สรปุ ผลหลังการจัดการเรียนรู้
1. นักเรยี นจำนวน..................คน
ผ่านจุดประสงค์การเรียนรู้......................คน คิดเปน็ ร้อยละ..................
ไม่ผา่ นจุดประสงค์การเรียนร.ู้ .................คน คิดเป็นร้อยละ..................
นกั เรียนน่ีไม่ผ่าน มีดังนี้
1............................................................ 2............................................................
3............................................................ 4............................................................
5............................................................ 6............................................................
แนวทางแก้ไขนักเรียนที่ไมผ่ ่านจุดประสงค์การเรียนรู้
............................................................................................................................. .........................
......................................................................................................................................................
2. นกั เรยี นมีความรู้ความเข้าใจ (K)
............................................................................................................................. .........................
.......................................................................................................... ............................................
3. นกั เรยี นมคี วามรเู้ กดิ ทักษะ (P)
............................................................................................................................. .........................
......................................................................................................................................................
4. นักเรยี นมีเจตคติ ค่านิยม คณุ ธรรมจริยธรรม (A)
.................................................................................. ....................................................................
............................................................................................................................. .........................
12.2 ปัญหา อปุ สรรค และแนวทางแก้ไข
………………………………………………………………………………………………………………………………………….
12.3 ข้อเสนอแนะ
………………………………………………………………………………………………………………………………………….
ลงชอื่ ..................................................
(.................................................)
ตำแหนง่ .....................................
แผนการจัดการเรยี นรวู้ ิชาวทิ ยาศาสตร์ ป.5
ความเห็นของหัวหน้าสถานศกึ ษา/ผ้ทู ไี่ ดร้ บั มอบหมาย
ได้ทำการตรวจแผนการจัดการเรียนรู้ของ................................................................แลว้ มีความเหน็ ดงั น้ี
1. เปน็ แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี
ดมี าก
ดี
พอใช้
ควรปรับปรงุ
2. การจัดกิจกรรมไดน้ ำเอากระบวนการเรยี นรู้
เน้นผู้เรยี นเปน็ สำคญั มาใชใ้ นการสอนได้อย่างเหมาะสม
ยงั ไม่เนน้ ผู้เรยี นเป็นสำคัญ ควรปรบั ปรุงพัฒนาต่อไป
3. เปน็ แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี
นำไปใชไ้ ด้จรงิ
ควรปรบั ปรุงก่อนนำไปใช้
4. ข้อเสนอแนะอ่นื ๆ
........................................................................................................................................ ......................................
............................................................................................. .................................................................................
............................................................................................................................. .................................................
ลงชือ่ ..................................................
(.................................................)
ตำแหนง่ ............................................
แผนการจัดการเรยี นร้วู ิชาวิทยาศาสตร์ ป.5
แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี 28
สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวิชา วิทยาศาสตร์ รหสั วิชา ว15101
ชนั้ ประถมศึกษาปีที่ 5 ภาคเรียนท่ี 1 ปีการศึกษา 2565
หน่วยการเรียนร้ทู ่ี 3 เร่อื ง การกลายเป็นไอและการควบแนน่ เวลา 1 ชว่ั โมง
วันที.่ ...........เดอื น..........................................พ.ศ.......................ครผู ู้สอน............................................................
**********************************************************************************
1. มาตรฐานการเรยี นรู้
มาตรฐาน ว 2.1 เข้าใจสมบัติของสสาร องค์ประกอบของสสาร ความสัมพันธ์ระหว่างสมบตั ิของสสาร
กับโครงสร้างและแรงยึดเหน่ียวระหวา่ งอนุภาค หลักและธรรมชาติของการเปลีย่ นแปลงสถานะของสสาร การ
เกดิ สารละลาย และการเกิดปฏิกิริยาเคมี
2. ตัวช้ีวดั ช้ันปี
1. อธิบายการเปลี่ยนสถานะของสสาร เมื่อทำให้สสารร้อนขึน้ หรือเย็นลง โดยใช้หลักฐานเชงิ ประจกั ษ์
(ว 2.1 ป. 5/1)
2. วิเคราะหแ์ ละระบกุ ารเปล่ยี นแปลงทีผ่ นั กลบั ได้และการเปล่ียนแปลงท่ผี นั กลับไม่ได้ (ว 2.1 ป. 5/4)
3. จุดประสงค์การเรียนรู้
1. อธิบายลกั ษณะของการกลายเป็นไอและการควบแนน่ ได้ (K)
2. สงั เกตการเกิดการกลายเป็นไอและการควบแน่นได้ (K)
3. ระบกุ ารเปลี่ยนสถานะของสสารเปน็ การเปลี่ยนแปลงทผ่ี ันกลับได้ (K)
4. มคี วามสนใจใฝ่ร้หู รืออยากรอู้ ยากเหน็ (A)
5. พอใจในประสบการณ์การเรียนรู้ทีเ่ กยี่ วกบั วิทยาศาสตร์ (A)
6. ทำงานรว่ มกับผูอ้ ืน่ อยา่ งสร้างสรรค์ (A)
7. สอ่ื สารและนำความรู้เร่ืองการกลายเปน็ ไอและการควบแนน่ ไปใช้ในชีวิตประจำวันได้ (P)
4. สาระสำคัญ
การกลายเป็นไอ คือ การเปลี่ยนสถานะของสสารจากของเหลวเป็นแก๊ส เมื่อสสารได้รับความร้อน
จนถึงระดับหนึ่ง ส่วนการควบแน่น คือ การเปลี่ยนสถานะของสสารจากแก๊สเป็นของเหลว เมื่อลดความร้อน
จนถงึ ระดับหนงึ่
การกลายเป็นไอและการควบแน่นแสดงให้เห็นว่า เมื่อสสารเกิดการเปลี่ยนสถานะแล้ว
สามารถเปลี่ยนกลับเป็นสสารเดิมได้ ดังนั้นการเปลี่ยนสถานะของสสารจึงเป็นการเปลี่ยนแปลงท่ี
ผันกลับได้
แผนการจัดการเรยี นรูว้ ิชาวทิ ยาศาสตร์ ป.5
5. สาระการเรียนรู้
การเปล่ยี นแปลงทางกายภาพ
– การเปลี่ยนสถานะของสสาร
6. คุณลกั ษณะอันพึงประสงค์
1. มวี นิ ัย
2. ใฝ่เรยี นรู้
3. มงุ่ มั่นในการทำงาน
4. มจี ติ วิทยาศาสตร์
7. สมรรถนะสำคัญของผูเ้ รียน
1. ความสามารถในการสื่อสาร
2. ความสามารถในการคดิ
3. ความสามารถในการแก้ปัญหา
4. ความสามารถในการใชท้ ักษะ/กระบวนการและทักษะในการดำเนินชวี ติ
5. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี
8. ช้ินงานหรือภาระงาน
สังเกตการเปลยี่ นสถานะของน้ำ (1)
9. การจดั กิจกรรมการเรียนรู้
ขั้นนำเข้าสบู่ ทเรียน
1) ครูถามคำถามเก่ียวกบั ประสบการณ์เดิมของนักเรยี น เชน่
– นกั เรียนเคยช่วยครอบครวั ตากผ้าหรอื ไม่ (แนวคำตอบ เคย)
– นักเรียนเลอื กตากผ้าบริเวณใด เพราะอะไร (แนวคำตอบ บริเวณหลังบ้าน เพราะเป็นบริเวณท่ี
มีแสงแดดส่องถึง ทำให้ผา้ แห้งเร็ว)
2) นกั เรยี นรว่ มกันตอบคำถามและแสดงความคิดเหน็ เกย่ี วกับคำตอบ เพ่ือเชื่อมโยงไปสูก่ ารเรียนรู้เร่ือง
การกลายเปน็ ไอและการควบแน่น
ขน้ั จดั กิจกรรมการเรยี นรู้
จัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้กระบวนการสืบเสาะหาความรู้ (Inquiry Process) ร่วมกับแบบกลับดา้ น
ชัน้ เรียน (flipped classroom) ซง่ึ มขี ั้นตอนดังน้ี
1) ขัน้ สร้างความสนใจ (Engagement)
(1) ครูถามคำถามนักเรยี นเพื่อกระตุ้นความสนใจ เช่น
แผนการจัดการเรยี นรู้วชิ าวิทยาศาสตร์ ป.5
– ถ้านักเรียนต้องต้มน้ำ นักเรียนจะสังเกตจากสิ่งใดว่าน้ำเดือด (แนวคำตอบ สังเกตจากมี
ฟองอากาศผุดจากนำ้ หรือมไี อน้ำลอยข้นึ จากผิวน้ำ)
– ถ้านักเรียนปล่อยให้น้ำเดือดไปนานๆ จะเกิดอะไรขึ้น (แนวคำตอบ น้ำในภาชนะจะลดลงจน
แห้งหมด)
(2) นักเรยี นรว่ มกนั อภิปรายหาคำตอบเก่ียวกับคำถามตามความคิดเห็นของแตล่ ะคน
2) ข้นั สำรวจและคน้ หา (Exploration)
(1) ครูแบ่งนักเรียนกลุ่มละ 5 – 6 คน ปฏิบัติกิจกรรม สังเกตการเปลี่ยนสถานะของน้ำ (1) ตาม
ขน้ั ตอน ดงั นี้
– ดดู นำ้ ใส่ขวดรูปชมพปู่ ระมาณ 5 ลกู บาศกเ์ ซนตเิ มตร
– ครอบถุงพลาสติกใสท่ีปากขวดรปู ชมพ่แู ละมดั ด้วยยางรดั
– พยากรณ์วา่ ถา้ นำ้ ได้รบั ความรอ้ นจะเกิดการเปล่ียนแปลงลักษณะใด
– นำขวดรูปชมพู่ท่ีเตรียมไว้ไปให้ความร้อนด้วยตะเกียงแอลกอฮอล์ประมาณ 3 นาที สังเกตการ
เปลีย่ นแปลงทีเ่ กดิ ข้ึนภายในขวดรปู ชมพูแ่ ละถงุ พลาสตกิ ใส
– ดับตะเกียงแอลกอฮอล์ แล้วสังเกตการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นภายในขวดรูปชมพู่และ
ถงุ พลาสติกใสอกี คร้งั บนั ทึกผล
(2) ครูคอยแนะนำช่วยเหลือนักเรียนขณะปฏบิ ัตกิ ิจกรรม โดยครูเดนิ ดูรอบ ๆ ห้องเรยี นและเปิดโอกาส
ให้นักเรยี นทุกคนซักถามเม่อื มปี ญั หา
3) ขนั้ อธิบายและลงขอ้ สรปุ (Explanation)
(1) นักเรียนแต่ละกลุ่มนำเสนอผลการปฏบิ ตั กิ จิ กรรมหน้าหอ้ งเรยี น
(2) ครูและนักเรยี นร่วมกันอภปิ รายผลจากการปฏบิ ัติกิจกรรม โดยใช้แนวคำถาม เชน่
– เมื่อนำขวดรูปชมพู่ไปตั้งไฟเกิดการเปลี่ยนแปลงลักษณะใด (แนวคำตอบ น้ำค่อย เดือดและ
เหน็ ไอนำ้ บรเิ วณดา้ นบนขวดรปู ชมพู่และในถงุ พลาสตกิ ใส)
– เมอื่ ดับไฟมกี ารเปล่ียนแปลงเกิดข้ึนลักษณะใด (แนวคำตอบ ไอนำ้ ลอยขนึ้ ไปบรเิ วณถุงพลาสติก
ใสมากขึ้นและเกดิ หยดนำ้ เกาะบนถุงพลาสติกใส)
– อุณหภูมิมีผลต่อการเปลี่ยนสถานะของน้ำหรือไม่ สังเกตจากอะไร (แนวคำตอบ มีผล โดย
สงั เกตจากการเปล่ียนสถานะของน้ำเมอื่ อุณหภูมิเพิ่มข้ึน น้ำท่ีมีสถานะของเหลวเปลีย่ นเปน็ ไอน้ำท่ีมีสถานะแก๊ส
และเม่อื ดับไฟ อุณหภูมิลดลง ไอนำ้ ท่มี ีสถานะแก๊สเปลยี่ นกลับเป็นหยดน้ำทม่ี ีสถานะของเหลว)
(3) ครแู ละนักเรยี นรว่ มกันสรปุ ผลจากการปฏิบตั ิกิจกรรม โดยครเู น้นใหน้ กั เรียนเข้าใจวา่
– เมื่อสสารที่มีสถานะเป็นของเหลวได้รับความร้อนจนถึงระดับหนึ่ง สสารจะเกิดการ
กลายเป็นไอ คอื สสารเปล่ียนสถานะจากของเหลวเปน็ แกส๊
– เม่ือลดความร้อนจนถงึ ระดับหนึ่ง สสารชนิดเดมิ ท่ีมีสถานะเป็นแกส๊ จะเกดิ การควบแน่น คือ
สสารเปล่ียนสถานะจากแก๊สเปน็ ของเหลว
แผนการจัดการเรยี นรู้วชิ าวทิ ยาศาสตร์ ป.5
4) ข้นั ขยายความรู้ (Elaboration)
(1) ครอู ธบิ ายเพิม่ เติมเก่ยี วกบั การหลอมเหลว การกลายเปน็ ไอ และการควบแน่นใหน้ ักเรียนเขา้ ใจว่า
– การให้ความร้อนและการลดความร้อนมีผลต่อการเปลี่ยนสถานะของสสาร โดยการให้ความ
รอ้ นทำให้ของแขง็ เกิดการหลอมเหลวเปน็ ของเหลว และของเหลวเกดิ การกลายเป็นไอเป็นแก๊ส
– เมอ่ื ลดความร้อนทำให้แกส๊ เกดิ การควบแน่นกลายเป็นของเหลว
– การกลายเป็นไอและการควบแน่นแสดงถึงการเปลยี่ นแปลงทผี่ ันกลบั ได้ คือ เมื่อน้ำได้รับความ
ร้อนจะเปลี่ยนเป็นไอน้ำ และเมื่อลดความร้อน ไอน้ำก็เปลี่ยนกลับมาเป็นน้ำได้ ซึ่งน้ำและไอน้ำเป็นสารชนิด
เดียวกนั แต่มีสถานะแตกต่างกัน
(2) ครอู ธิบายเรอื่ งนา่ รู้ เรอื่ งการระเหยและการเดอื ด ให้นักเรยี นเข้าใจว่า การระเหยและการเดือดเป็น
การเปลีย่ นแปลงของสสารแบบการกลายเป็นไอ ซ่ึงมีลักษณะแตกตา่ งกนั
(3) ครูอธิบายเพิ่มเติมให้นักเรียนเข้าใจว่า เราสามารถนำความรู้เกี่ยวกับการกลายเป็นไอและการ
ควบแน่นมาใช้ประโยชนไ์ ด้ เช่น ใชก้ ารกลายเป็นไอในการตากผา้ ให้แหง้ และใช้การควบแนน่ ในการกล่นั นำ้
(4) นักเรียนค้นคว้าคำศัพท์ภาษาต่างประเทศเกี่ยวกับการกลายเป็นไอและการควบแน่นจากหนังสือ
เรยี นภาษาตา่ งประเทศหรอื อินเทอร์เนต็ และนำเสนอให้เพ่อื นฟงั คัดคำศัพทพ์ รอ้ มท้ังคำแปลลงสมดุ ส่งครู
5) ขัน้ ประเมนิ (Evaluation)
(1) ครใู หน้ ักเรียนแตล่ ะคนพิจารณาว่า จากหัวข้อท่ีเรยี นมาและการปฏบิ ัติกจิ กรรม มีจุดใดบ้างท่ียังไม่
เข้าใจหรอื ยงั มขี ้อสงสยั ถา้ มี ครูชว่ ยอธิบายเพ่ิมเตมิ ใหน้ กั เรยี นเข้าใจ
(2) นักเรียนร่วมกันประเมินการปฏิบัติกิจกรรมกลุ่มว่ามีปัญหาหรืออุปสรรคใด และได้มีการแก้ไข
อยา่ งไรบ้าง
(3) ครูและนักเรียนร่วมกันแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับประโยชน์ที่ได้รับจากการปฏิบัติกิจกรรม และ
การนำความรู้ท่ีไดไ้ ปใชป้ ระโยชน์
(4) ครทู ดสอบความเข้าใจของนักเรยี นโดยการให้ตอบคำถาม เช่น
– อุณหภูมิมีผลต่อการกลายเป็นไออย่างไร (แนวคำตอบ เมื่ออุณหภูมิเพิ่มขึ้นหรือทำให้ร้ อนข้ึน
จนถึงระดับหนึง่ ของเหลวจะเปลย่ี นสถานะเปน็ แก๊ส)
– อุณหภูมิมีผลต่อการควบแน่นอย่างไร (แนวคำตอบ เมื่ออุณหภูมิลดลงหรือทำให้เย็นลงจนถึง
ระดับหนง่ึ แก๊สจะเปลย่ี นสถานะเป็นของเหลว)
– การเปล่ียนสถานะของนำ้ เป็นการเปลยี่ นแปลงท่ีผันกลบั ได้เพราะอะไร (แนวคำตอบ เพราะการ
เปลยี่ นสถานะของนำ้ ไม่มีสารใหมเ่ กิดขนึ้ )
ขั้นสรุป
ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปเกี่ยวกับการกลายเป็นไอและการควบแน่น โดยร่วมกันเขียนเป็นแผนที่
ความคิดหรือผังมโนทศั น์
แผนการจัดการเรยี นรู้วิชาวิทยาศาสตร์ ป.5
10. ส่ือการเรียนรู้
1. ใบกิจกรรม สังเกตการเปล่ียนสถานะของน้ำ (1)
2. หนังสอื เรียนภาษาต่างประเทศหรอื อินเทอรเ์ น็ต
3. ค่มู ือการสอน วทิ ยาศาสตร์ ช้ันประถมศึกษาปีที่ 5
4. สอ่ื การเรยี นรู้ PowerPoint รายวิชาพ้ืนฐาน วิทยาศาสตร์ ชัน้ ประถมศึกษาปีที่ 5
5. แบบฝกึ ทักษะรายวชิ าพ้ืนฐาน วิทยาศาสตร์ ชนั้ ประถมศึกษาปที ่ี 5
6. หนังสือเรียนรายวชิ าพื้นฐาน วิทยาศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5
11. การวดั และประเมินผลการเรยี นรู้
ด้านความรู้ (K) ด้านคณุ ธรรม จรยิ ธรรมและ ดา้ นทกั ษะ/กระบวนการ (P)
จิตวิทยาศาสตร์ (A)
1. ซกั ถามความรเู้ รื่อง การกลายเป็น 1. ประเมนิ เจตคติทางวิทยาศาสตร์ 1. ประเมนิ ทักษะกระบวนการ
ไอและการควบแนน่ เปน็ รายบุคคลโดยการสงั เกต ทางวิทยาศาสตรโ์ ดยใช้แบบ
2. ตรวจชิน้ งานหรือภาระงานของ และใช้แบบวัดเจตคติทาง วัดทกั ษะกระบวนการทาง
กจิ กรรมฝกึ ทักษะระหวา่ งเรยี น วทิ ยาศาสตร์ วทิ ยาศาสตร์
2. ประเมนิ เจตคติตอ่ วิทยาศาสตร์ 2. ประเมนิ ทักษะการคิดโดย
เป็นรายบุคคลโดยการสงั เกต การสังเกตการทำงานกล่มุ
และใช้แบบวดั เจตคตติ อ่ 3. ประเมนิ ทกั ษะการ
วทิ ยาศาสตร์ แกป้ ัญหาโดยการสงั เกตการ
ทำงานกลมุ่
4. ประเมนิ พฤตกิ รรมในการ
ปฏิบัตกิ ิจกรรมเป็น
รายบคุ คลหรอื รายกลุ่มโดย
การสงั เกตการทำงานกลุม่
แผนการจัดการเรยี นรวู้ ชิ าวทิ ยาศาสตร์ ป.5
12. บันทกึ ผลหลังการจดั การเรียนรู้
12.1 สรปุ ผลหลงั การจัดการเรยี นรู้
1. นักเรยี นจำนวน..................คน
ผา่ นจดุ ประสงค์การเรียนรู.้ .....................คน คดิ เป็นร้อยละ..................
ไมผ่ ่านจุดประสงค์การเรยี นร.ู้ .................คน คดิ เป็นร้อยละ..................
นกั เรยี นนไี่ มผ่ ่าน มีดงั นี้
1............................................................ 2............................................................
3............................................................ 4............................................................
5............................................................ 6............................................................
แนวทางแก้ไขนักเรียนท่ีไม่ผา่ นจุดประสงค์การเรยี นรู้
....................................................................................... ...............................................................
............................................................................................................................. .........................
2. นกั เรยี นมคี วามรคู้ วามเข้าใจ (K)
............................................................................................................................. .........................
.......................................................................................................... ............................................
3. นักเรียนมีความรเู้ กิดทกั ษะ (P)
............................................................................................................................. .........................
......................................................................................................................................................
4. นกั เรียนมีเจตคติ ค่านิยม คณุ ธรรมจรยิ ธรรม (A)
.................................................................................. ....................................................................
............................................................................................................................. .........................
12.2 ปญั หา อุปสรรค และแนวทางแก้ไข
………………………………………………………………………………………………………………………………………….
12.3 ข้อเสนอแนะ
………………………………………………………………………………………………………………………………………….
ลงชอื่ ..................................................
(.................................................)
ตำแหน่ง.....................................
แผนการจัดการเรยี นรวู้ ิชาวทิ ยาศาสตร์ ป.5
ความเห็นของหัวหน้าสถานศกึ ษา/ผู้ทไ่ี ดร้ ับมอบหมาย
ไดท้ ำการตรวจแผนการจดั การเรยี นรู้ของ................................................................แลว้ มคี วามเหน็ ดงั น้ี
1. เปน็ แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี
ดีมาก
ดี
พอใช้
ควรปรับปรุง
2. การจดั กิจกรรมได้นำเอากระบวนการเรยี นรู้
เนน้ ผเู้ รียนเปน็ สำคัญมาใช้ในการสอนได้อยา่ งเหมาะสม
ยงั ไมเ่ น้นผู้เรยี นเปน็ สำคัญ ควรปรบั ปรุงพฒั นาต่อไป
3. เปน็ แผนการจดั การเรียนรู้ที่
นำไปใช้ไดจ้ ริง
ควรปรบั ปรุงก่อนนำไปใช้
4. ข้อเสนอแนะอืน่ ๆ
............................................................................................................................. .................................................
............................................................................................................................. .................................................
..............................................................................................................................................................................
ลงช่ือ..................................................
(.................................................)
ตำแหนง่ ............................................
แผนการจัดการเรยี นร้วู ชิ าวิทยาศาสตร์ ป.5
แผนการจัดการเรยี นรู้ที่ 29
สาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวิชา วทิ ยาศาสตร์ รหัสวิชา ว15101
ชน้ั ประถมศึกษาปที ่ี 5 ภาคเรยี นที่ 1 ปกี ารศึกษา 2565
หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 3 เร่ือง การแขง็ ตวั เวลา 1 ชว่ั โมง
วันท่ี............เดอื น..........................................พ.ศ.......................ครผู ู้สอน............................................................
**********************************************************************************
1. มาตรฐานการเรยี นรู้
มาตรฐาน ว 2.1 เข้าใจสมบัติของสสาร องค์ประกอบของสสาร ความสัมพันธ์ระหว่างสมบัติของสสาร
กับโครงสร้างและแรงยึดเหน่ียวระหว่างอนุภาค หลักและธรรมชาติของการเปลี่ยนแปลงสถานะของสสาร การ
เกิดสารละลาย และการเกิดปฏกิ ิรยิ าเคมี
2. ตวั ชี้วัดชน้ั ปี
1. อธิบายการเปล่ียนสถานะของสสาร เมื่อทำให้สสารร้อนขึ้นหรือเย็นลง โดยใช้หลักฐานเชิงประจกั ษ์
(ว 2.1 ป. 5/1)
2. วิเคราะห์และระบุการเปล่ียนแปลงท่ีผนั กลับไดแ้ ละการเปล่ยี นแปลงทผ่ี ันกลบั ไม่ได้ (ว 2.1 ป. 5/4)
3. จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้
1. อธบิ ายลักษณะของการแข็งตวั ได้ (K)
2. สังเกตการเกิดการแขง็ ตวั ได้ (K)
3. ระบุการเปลย่ี นสถานะของสสารเปน็ การเปล่ียนแปลงที่ผันกลับได้ (K)
4. มคี วามสนใจใฝ่รู้หรืออยากรอู้ ยากเหน็ (A)
5. พอใจในประสบการณก์ ารเรียนรู้ท่ีเกยี่ วกับวทิ ยาศาสตร์ (A)
6. ทำงานรว่ มกับผู้อืน่ อยา่ งสร้างสรรค์ (A)
7. สื่อสารและนำความรู้เรื่องการแข็งตัวไปใช้ในชีวติ ประจำวนั ได้ (P)
4. สาระสำคัญ
การแข็งตัว คือ การเปลี่ยนสถานะของสสารจากของเหลวเป็นของแข็ง เมื่อลดความร้อนจนถึงระดับ
หนง่ึ
การหลอมเหลวและการแข็งตัวแสดงให้เห็นว่า เมื่อสสารเกิดการเปลี่ยนสถานะแล้วสามารถเปลี่ยน
กลบั เป็นสสารเดมิ ได้ ดงั นั้นการเปลี่ยนสถานะของสสารจึงเป็นการเปล่ยี นแปลงทีผ่ ันกลบั ได้
แผนการจัดการเรยี นร้วู ชิ าวทิ ยาศาสตร์ ป.5
5. สาระการเรยี นรู้
การเปล่ียนแปลงทางกายภาพ
– การเปล่ยี นสถานะของสสาร
6. คณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์
1. มีวินัย
2. ใฝ่เรยี นรู้
3. มุ่งมั่นในการทำงาน
4. มจี ิตวทิ ยาศาสตร์
7. สมรรถนะสำคญั ของผเู้ รียน
1. ความสามารถในการสอ่ื สาร
2. ความสามารถในการคดิ
3. ความสามารถในการแกป้ ัญหา
4. ความสามารถในการใช้ทักษะ/กระบวนการและทักษะในการดำเนนิ ชีวติ
5. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี
8. ช้นิ งานหรือภาระงาน
สงั เกตการเปล่ยี นสถานะของน้ำ (2)
9. การจดั กิจกรรมการเรียนรู้
ขน้ั นำเขา้ สู่บทเรียน
1) ครใู ห้นักเรียนทบทวนความรเู้ ดิมท่ีไดเ้ รียนรู้มาแล้ว โดยใชค้ ำถามตอ่ ไปนี้
– การทำให้สสารร้อนขึ้นมีผลต่อสสารที่มสี ถานะเป็นของแข็งอย่างไร (แนวคำตอบ สสารเปลี่ยน
สถานะจากของแข็งเป็นของเหลว)
– การทำให้สสารร้อนขึ้นมผี ลต่อสสารท่ีมีสถานะเปน็ ของเหลวอย่างไร (แนวคำตอบ สสารเปล่ียน
สถานะจากของเหลวเปน็ แก๊ส)
2) นกั เรียนร่วมกนั ตอบคำถามและแสดงความคิดเห็นเก่ยี วกบั คำตอบ เพ่ือเชอื่ มโยงไปส่กู ารเรยี นรู้เร่ือง
การแข็งตัว
ข้นั จัดกิจกรรมการเรียนรู้
จัดกิจกรรมการเรียนรูโ้ ดยใช้กระบวนการสืบเสาะหาความรู้ (Inquiry Process) ร่วมกับแบบกลบั ดา้ น
ช้ันเรียน (flipped classroom) ซึ่งมขี ้ันตอนดงั นี้
แผนการจัดการเรยี นรู้วิชาวิทยาศาสตร์ ป.5
1) ขน้ั สรา้ งความสนใจ (Engagement)
(1) ครถู ามคำถามนกั เรยี นเพือ่ กระตุ้นความสนใจ เช่น
– การทำให้สสารเยน็ ลงมผี ลต่อสถานะของสสารหรือไม่ (แนวคำตอบ มีผล)
– การทำให้สสารเย็นลงมีผลต่อสสารอย่างไร (แนวคำตอบ สสารเปลี่ยนสถานะจากแก๊สเป็น
ของเหลวและสสารเปลี่ยนสถานะจากของเหลวเปน็ ของแขง็ )
(2) นักเรียนรว่ มกนั อภิปรายหาคำตอบเก่ียวกบั คำถามตามความคดิ เห็นของแตล่ ะคน
2) ขน้ั สำรวจและค้นหา (Exploration)
(1) ครูแบ่งนักเรียนกลุ่มละ 5 – 6 คน ปฏิบัติกิจกรรม สังเกตการเปลี่ยนสถานะของน้ำ (2) ตาม
ขัน้ ตอน ดงั นี้
– เทน้ำผลไม้ลงในแกว้ พลาสตกิ ใสประมาณ 20 ลูกบาศกเ์ ซนติเมตร
– ใสเ่ กลอื 2 ชอ้ นโต๊ะลงในน้ำแขง็ และผสมใหเ้ ขา้ กันในอ่างพลาสติก
– พยากรณ์ว่าถา้ อุณหภมู ลิ ดลง น้ำผลไมจ้ ะเกิดการเปล่ียนแปลงลกั ษณะใด
– นำแก้วพลาสติกใสที่ใส่น้ำผลไม้วางลงในอ่างพลาสติกใส่น้ำแข็ง โดยนำน้ำแข็งตรงกลางอ่าง
พลาสตกิ ออก แลว้ วางแก้วพลาสติกใสลงไป จากนน้ั นำน้ำแขง็ ล้อมแกว้ พลาสตกิ ใสไว้
– สงั เกตการเปล่ยี นแปลงทีเ่ กิดข้ึนทกุ ๆ 2 นาทีจนนำ้ ผลไมเ้ กดิ การเปลี่ยนสถานะ
– นำแก้วพลาสติกใสที่ใส่น้ำผลไม้ออกมาวางกลางแดด จากนั้นสังเกตการเปลี่ยนแปลงที่เกิดข้ึน
บนั ทึกผล
(2) ครคู อยแนะนำชว่ ยเหลือนักเรียนขณะปฏิบัติกิจกรรม โดยครเู ดนิ ดูรอบๆ หอ้ งเรียนและเปิดโอกาส
ใหน้ กั เรียนทุกคนซักถามเม่อื มีปญั หา
3) ข้ันอธบิ ายและลงขอ้ สรุป (Explanation)
(1) นกั เรียนแตล่ ะกลุม่ นำเสนอผลการปฏิบัติกิจกรรมหนา้ ห้องเรียน
(2) ครแู ละนักเรียนรว่ มกนั อภปิ รายผลจากการปฏบิ ตั กิ ิจกรรม โดยใช้แนวคำถาม เช่น
– น้ำผลไม้มีการเปลี่ยนแปลงลักษณะใด เมื่อนำไปวางในอ่างพลาสติกใส่น้ำแข็ง (แนวคำตอบ น้ำ
ผลไม้ค่อยๆ เปลี่ยนเปน็ เกลด็ น้ำแข็ง และกลายเปน็ เกลด็ นำ้ แขง็ จนหมด)
– น้ำผลไมม้ กี ารเปลย่ี นแปลงลกั ษณะใด เมอ่ื นำไปวางกลางแดด (แนวคำตอบ เกลด็ น้ำแข็งค่อยๆ
เปลย่ี นกลบั มาเป็นน้ำผลไมเ้ หมอื นเดิม)
– อณุ หภูมิมีผลต่อการเปลย่ี นสถานะของนำ้ ผลไม้หรือไม่ สงั เกตจากอะไร (แนวคำตอบ มีผล โดย
สังเกตจากเมือ่ อุณหภูมิลดลง น้ำผลไม้ที่มีสถานะของเหลวเปลี่ยนเป็นเกล็ดน้ำแข็งที่มีสถานะของแข็ง และเมื่อ
อณุ หภูมเิ พม่ิ ขน้ึ เกลด็ น้ำแขง็ ท่ีมีสถานะของแข็งเปลีย่ นกลับมาเปน็ นำ้ ผลไมท้ ม่ี ีสถานะของเหลว)
– การเปลี่ยนแปลงของน้ำผลไม้ในกิจกรรมจัดเป็นการเปลี่ยนแปลงที่ผันกลับได้หรือไม่ สังเกต
จากอะไร (แนวคำตอบ จดั เปน็ การเปลย่ี นแปลงทีผ่ ันกลบั ได้ โดยสงั เกตจากเมื่ออณุ หภมู ิลดลง
แผนการจัดการเรยี นรู้วิชาวิทยาศาสตร์ ป.5
น้ำผลไม้เปลี่ยนสถานะจากของเหลวเปน็ ของแข็ง และเมื่ออุณหภูมิเพิ่มขึ้นน้ำผลไม้เปลีย่ นสถานะจาก
ของแข็งเป็นของเหลวได้เหมือนเดมิ )
(3) ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปผลจากการปฏิบัติกิจกรรม โดยครูเน้นให้นักเรียนเข้าใจว่า เมื่อลด
อณุ หภูมจิ นถึงระดับหนึง่ สสารท่ีมีสถานะเป็นของเหลวจะเกดิ การแขง็ ตวั คือ สสารเปลย่ี นสถานะจากของเหลว
เป็นของแข็ง และเมื่อให้ความร้อนกับสสารชนิดเดิมที่มีสถานะเป็นของแข็งจนถึงระดับหนึ่ง สสารจะเกิดการ
หลอมเหลว
4) ขั้นขยายความรู้ (Elaboration)
(1) ครอู ธิบายเพมิ่ เตมิ เกย่ี วกับการแข็งตวั ใหน้ ักเรยี นเข้าใจว่า
– การลดความร้อนและการให้ความร้อนมีผลต่อการเปลี่ยนสถานะของสสาร โดยการลดความ
รอ้ นทำให้ของเหลวเกิดการแขง็ ตัวเป็นของแขง็
– เมอื่ ให้ความร้อนทำใหข้ องแขง็ เกิดการหลอมเหลวเป็นของเหลว
– การแข็งตัวและการหลอมเหลวแสดงถึงการเปลี่ยนแปลงท่ีผันกลับได้ คือ เมื่อลดความรอ้ น น้ำ
จะเปลี่ยนเป็นน้ำแข็ง และเมื่อให้ความร้อน น้ำแข็งก็เปลี่ยนกลับมาเป็นน้ำได้ ซึ่งน้ำแข็งและน้ำเป็นสารชนิด
เดียวกนั แตม่ ีสถานะแตกตา่ งกัน
(2) ครูอธิบายเพิ่มเติมให้นักเรยี นเข้าใจว่า เราสามารถนำความรู้เกี่ยวกับการแข็งตวั มาใช้ประโยชน์ได้
เช่น การทำไอศกรีมหรอื การทำอาหารแช่แขง็
(3) ครูเชื่อมโยงความรู้เข้ากับบูรณาการอาเซียน โดยครูอธิบายให้นักเรียนเข้าใจว่า หลายประเทศใน
กลุ่มสมาชิกอาเซียนมีพรมแดนติดทะเล ทำให้ผลิตกุ้งและปลาเป็นสินค้าส่งออกได้ แต่การส่งกุ้งและปลาไปยัง
ทวปี ต่างๆ ตอ้ งใช้ระยะเวลานาน จึงอาจเกิดการเน่าเสยี ได้ ดงั นนั้ ผู้ผลิตตอ้ งป้องกันโดยการแชแ่ ข็ง
ประเทศในกลุ่มสมาชิกอาเซียนที่ส่งออกกุ้งและปลาแช่แข็งอันดับต้นๆ คือ ไทย อินโดนีเซีย มาเลเซีย
ฟิลิปปินส์ และเวยี ดนาม ซ่งึ สรา้ งรายได้ให้กับประชาชนในแต่ละประเทศได้ นอกจากน้ี ประเทศในกลุ่มสมาชิก
อาเซียนยงั มีแผนพฒั นาเทคโนโลยีดิจิทัลในอตุ สาหกรรมการค้าส่งทั้งกระบวนการผลิตและกระบวนการค้า เช่น
การเปิดตลาดออนไลน์เพื่อลดต้นทนุ และเวลา
(4) นักเรียนค้นคว้าคำศัพท์ภาษาต่างประเทศเกี่ยวกับการแข็งตัวจากหนังสือเรียนภาษาต่างประเทศ
หรืออินเทอรเ์ นต็ และนำเสนอใหเ้ พ่อื นฟัง คดั คำศัพท์พรอ้ มทง้ั คำแปลลงสมุดสง่ ครู
5) ขัน้ ประเมิน (Evaluation)
(1) ครูใหน้ ักเรยี นแต่ละคนพิจารณาว่า จากหวั ข้อทีเ่ รยี นมาและการปฏบิ ัติกิจกรรม มีจุดใดบ้างท่ียังไม่
เขา้ ใจหรอื ยังมีข้อสงสัย ถา้ มี ครชู ่วยอธิบายเพมิ่ เตมิ ให้นกั เรียนเข้าใจ
(2) นักเรียนร่วมกันประเมินการปฏิบัติกิจกรรมกลุ่มว่ามีปัญหาหรืออุปสรรคใด และได้มีการแก้ไข
อยา่ งไรบ้าง
(3) ครูและนักเรียนร่วมกันแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับประโยชน์ที่ได้รับจากการปฏิบัติกิจกรรม และ
การนำความร้ทู ไ่ี ด้ไปใช้ประโยชน์
แผนการจัดการเรยี นร้วู ชิ าวิทยาศาสตร์ ป.5
(4) ครูทดสอบความเข้าใจของนกั เรยี นโดยการใหต้ อบคำถาม เชน่
– อุณหภูมิมีผลต่อการแข็งตัวอย่างไร (แนวคำตอบ เมื่ออุณหภูมิลดลงหรือทำให้เย็นลงจนถึง
ระดบั หนง่ึ ของเหลวจะเปลี่ยนสถานะเปน็ ของแข็ง)
– ถา้ นกั เรยี นต้องการนำนมรสโกโก้มาทำเปน็ ไอศกรีม นกั เรยี นจะทำวธิ ีใด (แนวคำตอบ เทนมรส
โกโกล้ งในแม่พมิ พ์และนำไปแช่ในช่องแชแ่ ขง็ ของตู้เย็น)
ขั้นสรุป
ครูและนักเรียนรว่ มกนั สรุปเก่ียวกบั การแขง็ ตวั โดยรว่ มกันเขยี นเปน็ แผนทคี่ วามคิดหรือผงั มโนทัศน์
10. สื่อการเรยี นรู้
1. ใบกิจกรรม สังเกตการเปล่ียนสถานะของน้ำ (2)
2. หนงั สอื เรยี นภาษาต่างประเทศหรืออินเทอร์เนต็
3. คู่มอื การสอน วิทยาศาสตร์ ชน้ั ประถมศึกษาปีท่ี 5
4. ส่อื การเรยี นรู้ PowerPoint รายวิชาพื้นฐาน วทิ ยาศาสตร์ ช้นั ประถมศึกษาปีที่ 5
5. แบบฝกึ ทักษะรายวชิ าพ้ืนฐาน วทิ ยาศาสตร์ ช้นั ประถมศึกษาปที ่ี 5
6. หนังสือเรียนรายวิชาพน้ื ฐาน วิทยาศาสตร์ ชั้นประถมศกึ ษาปที ่ี 5
11. การวดั และประเมินผลการเรียนรู้
ด้านความรู้ (K) ด้านคุณธรรม จรยิ ธรรมและ ดา้ นทักษะ/กระบวนการ (P)
จิตวิทยาศาสตร์ (A)
1. ซกั ถามความรู้เรอ่ื ง การแข็งตัว
2. ตรวจชน้ิ งานหรอื ภาระงานของ 1. ประเมนิ เจตคติทางวทิ ยาศาสตร์ 1. ประเมินทักษะกระบวนการ
กจิ กรรมฝึกทกั ษะระหวา่ งเรยี น เปน็ รายบคุ คลโดยการสงั เกต ทางวิทยาศาสตร์โดยใชแ้ บบ
และใชแ้ บบวัดเจตคติทาง วัดทกั ษะกระบวนการทาง
วทิ ยาศาสตร์ วิทยาศาสตร์
2. ประเมนิ เจตคติตอ่ วทิ ยาศาสตร์ 2. ประเมนิ ทกั ษะการคิดโดย
เปน็ รายบุคคลโดยการสังเกต การสงั เกตการทำงานกลมุ่
และใช้แบบวัดเจตคตติ อ่ 3. ประเมนิ ทักษะการ
วทิ ยาศาสตร์ แก้ปญั หาโดยการสังเกตการ
ทำงานกลมุ่
4. ประเมินพฤติกรรมในการ
ปฏบิ ตั ิกจิ กรรมเปน็
รายบคุ คลหรือรายกลุ่มโดย
การสงั เกตการทำงานกล่มุ
แผนการจัดการเรยี นรวู้ ชิ าวิทยาศาสตร์ ป.5
12. บันทกึ ผลหลังการจดั การเรยี นรู้
12.1 สรุปผลหลังการจัดการเรยี นรู้
1. นกั เรยี นจำนวน..................คน
ผ่านจุดประสงค์การเรียนร.ู้ .....................คน คดิ เป็นรอ้ ยละ..................
ไม่ผ่านจุดประสงคก์ ารเรยี นรู้..................คน คดิ เปน็ ร้อยละ..................
นกั เรยี นนไ่ี มผ่ า่ น มีดงั น้ี
1............................................................ 2............................................................
3............................................................ 4............................................................
5............................................................ 6............................................................
แนวทางแก้ไขนักเรยี นท่ีไม่ผ่านจุดประสงค์การเรียนรู้
............................................................................................................................. .........................
......................................................................................................................................................
2. นักเรยี นมีความรู้ความเขา้ ใจ (K)
............................................................................................................................. .........................
.................................................................................................................................. ....................
3. นักเรียนมีความรู้เกดิ ทักษะ (P)
......................................................................................................................................................
............................................................................................................................. .........................
4. นกั เรียนมีเจตคติ ค่านยิ ม คุณธรรมจรยิ ธรรม (A)
............................................................................................................................. .........................
....................................................................................... ...............................................................
12.2 ปัญหา อปุ สรรค และแนวทางแก้ไข
………………………………………………………………………………………………………………………………………….
12.3 ข้อเสนอแนะ
………………………………………………………………………………………………………………………………………….
ลงชอ่ื ..................................................
(.................................................)
ตำแหนง่ .....................................
แผนการจัดการเรยี นรวู้ ิชาวทิ ยาศาสตร์ ป.5
ความเห็นของหัวหนา้ สถานศึกษา/ผทู้ ี่ได้รับมอบหมาย
ไดท้ ำการตรวจแผนการจัดการเรียนรู้ของ................................................................แลว้ มคี วามเหน็ ดังน้ี
1. เปน็ แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี
ดีมาก
ดี
พอใช้
ควรปรบั ปรุง
2. การจดั กจิ กรรมไดน้ ำเอากระบวนการเรียนรู้
เนน้ ผูเ้ รียนเป็นสำคัญมาใชใ้ นการสอนได้อย่างเหมาะสม
ยงั ไมเ่ นน้ ผูเ้ รียนเป็นสำคัญ ควรปรบั ปรงุ พฒั นาต่อไป
3. เปน็ แผนการจัดการเรยี นรู้ที่
นำไปใช้ได้จรงิ
ควรปรับปรงุ ก่อนนำไปใช้
4. ข้อเสนอแนะอ่นื ๆ
............................................................................................................................. .................................................
.................................................................................. ............................................................................................
............................................................................................................................. .................................................
ลงช่ือ..................................................
(.................................................)
ตำแหนง่ ............................................
แผนการจัดการเรยี นรู้วิชาวิทยาศาสตร์ ป.5
แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี 30
สาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวชิ า วทิ ยาศาสตร์ รหัสวชิ า ว15101
ชนั้ ประถมศึกษาปที ี่ 5 ภาคเรียนท่ี 1 ปีการศกึ ษา 2565
หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 3 เร่อื ง การระเหดิ และการระเหดิ กลบั เวลา 1 ชวั่ โมง
วนั ท่.ี ...........เดือน..........................................พ.ศ.......................ครผู ูส้ อน............................................................
**********************************************************************************
1. มาตรฐานการเรียนรู้
มาตรฐาน ว 2.1 เข้าใจสมบัติของสสาร องค์ประกอบของสสาร ความสัมพันธ์ระหว่างสมบัติของสสาร
กับโครงสร้างและแรงยึดเหนี่ยวระหวา่ งอนภุ าค หลักและธรรมชาติของการเปลี่ยนแปลงสถานะของสสาร การ
เกิดสารละลาย และการเกดิ ปฏกิ ิริยาเคมี
2. ตวั ช้ีวดั ชั้นปี
1. อธิบายการเปล่ียนสถานะของสสาร เมื่อทำให้สสารร้อนขึน้ หรือเยน็ ลง โดยใช้หลักฐานเชงิ ประจกั ษ์
(ว 2.1 ป. 5/1)
2. วิเคราะหแ์ ละระบุการเปลี่ยนแปลงทผ่ี ันกลับได้และการเปลี่ยนแปลงท่ผี นั กลบั ไม่ได้ (ว 2.1 ป. 5/4)
3. จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้
1. อธิบายลกั ษณะของการระเหิดและการระเหดิ กลบั ได้ (K)
2. สงั เกตการระเหิดและการระเหดิ กลับได้ (K)
3. มคี วามสนใจใฝ่ร้หู รืออยากร้อู ยากเหน็ (A)
4. พอใจในประสบการณก์ ารเรียนรู้ท่เี กย่ี วกับวทิ ยาศาสตร์ (A)
5. ทำงานร่วมกบั ผู้อนื่ อยา่ งสร้างสรรค์ (A)
6. สอ่ื สารและนำความรเู้ รื่องการระเหิดและการระเหดิ กลับไปใชใ้ นชีวิตประจำวันได้ (P)
4. สาระสำคญั
การระเหิด คือ การเปลี่ยนสถานะของสสารจากของแข็งเป็นแก๊ส เมื่อได้รับความร้อนจนถึงระดับหนึง่
โดยไม่เปลี่ยนสถานะเป็นของเหลว ส่วนการระเหิดกลับ คือ การเปลี่ยนสถานะของสสารจากแก๊สเป็นของแข็ง
เมื่อลดความร้อนจนถงึ ระดบั หนงึ่ โดยไม่เปลี่ยนสถานะเป็นของเหลวเชน่ กัน
การระเหิดและการระเหิดกลบั แสดงให้เหน็ ว่า เมื่อสสารเกดิ การเปลี่ยนสถานะแลว้ สามารถเปลี่ยนกลับ
เปน็ สสารเดมิ ได้ ดังน้ันการเปลยี่ นสถานะของสสารจงึ เป็นการเปลี่ยนแปลงทีผ่ นั กลับได้
แผนการจัดการเรยี นรู้วิชาวทิ ยาศาสตร์ ป.5
5. สาระการเรียนรู้
การเปลย่ี นแปลงทางกายภาพ
– การเปลย่ี นสถานะของสสาร
6. คณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์
1. มวี นิ ัย
2. ใฝ่เรียนรู้
3. มุ่งมน่ั ในการทำงาน
4. มจี ติ วิทยาศาสตร์
7. สมรรถนะสำคญั ของผู้เรียน
1. ความสามารถในการส่อื สาร
2. ความสามารถในการคิด
3. ความสามารถในการแก้ปัญหา
4. ความสามารถในการใช้ทักษะ/กระบวนการและทักษะในการดำเนินชวี ติ
5. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี
8. ชนิ้ งานหรอื ภาระงาน
สงั เกตการระเหดิ ของสสาร
9. การจัดกิจกรรมการเรียนรู้
ขนั้ นำเขา้ สู่บทเรียน
1) ครูให้นกั เรียนดรู ปู ลูกเหมน็ พมิ เสน และการบูร แล้วให้นักเรยี นร่วมกนั อภปิ ราย ดังนี้
– นกั เรยี นรู้จกั สารในรปู หรอื ไม่ (แนวคำตอบ รจู้ ัก)
– สารในรูปคืออะไร (แนวคำตอบ ลูกเหม็น พมิ เสน และการบูร)
– สารในรูปใช้ประโยชนอ์ ะไร (แนวคำตอบ ลูกเหม็นใชไ้ ล่แมลง พมิ เสนและการบรู ใชท้ ำยาดม)
2) นกั เรยี นร่วมกันตอบคำถามและแสดงความคิดเห็นเก่ยี วกับคำตอบ เพ่ือเชอื่ มโยงไปสู่การเรียนรู้เร่ือง
การระเหดิ และการระเหิดกลบั
ขน้ั จดั กจิ กรรมการเรียนรู้
จัดกิจกรรมการเรยี นรู้โดยใชก้ ระบวนการสืบเสาะหาความรู้ (Inquiry Process) ร่วมกับแบบกลับดา้ น
ชนั้ เรียน (flipped classroom) ซึง่ มขี ้ันตอนดงั นี้
แผนการจัดการเรยี นรวู้ ิชาวทิ ยาศาสตร์ ป.5
1) ขั้นสร้างความสนใจ (Engagement)
(1) ครูให้นักเรียนดูพิมเสนทใ่ี ช้ในกจิ กรรม สังเกตการระเหดิ ของสสาร แล้วให้นักเรียนร่วมกันอภิปราย
ดังน้ี
– พมิ เสนมีสถานะใด (แนวคำตอบ ของแข็ง)
– นักเรียนได้กลิ่นพิมเสนหรอื ไม่ (แนวคำตอบ ได้กล่ิน)
– กลิ่นของพิมเสนแสดงการเปลี่ยนสถานะของพิมเสนหรือไม่ อย่างไร (แนวคำตอบ กลิ่นของ
พมิ เสนแสดงการเปลี่ยนสถานะของพมิ เสน โดยพิมเสนเปล่ียนสถานะจากของแข็งเปน็ แกส๊ )
(2) นักเรียนรว่ มกันอภปิ รายหาคำตอบเก่ียวกบั คำถามตามความคดิ เห็นของแตล่ ะคน
2) ข้ันสำรวจและค้นหา (Exploration)
(1) ครแู บ่งนกั เรยี นกลมุ่ ละ 5 – 6 คน ปฏบิ ัติกิจกรรม สังเกตการระเหดิ ของสสาร ตามขั้นตอน ดงั น้ี
– ตักพิมเสน 2 ชอ้ นลงในบีกเกอร์ สังเกตลกั ษณะของพิมเสนและกลิ่นของพมิ เสน
– วางกระดาษแข็งเจาะรบู นบกี เกอร์ทีใ่ ส่พมิ เสน
– ควำ่ แก้วพลาสตกิ ใสให้ครอบรบู นกระดาษแขง็
– พยากรณ์ว่าถ้าให้ความร้อนกับพิมเสนจะเกิดการเปลี่ยนแปลงลักษณะใด จากนั้นนำชุดการ
สงั เกตไปใหค้ วามร้อนดว้ ยตะเกียงแอลกอฮอลพ์ ร้อมท่ีก้ันลมและตะแกรงลวด
– สงั เกตการเปล่ยี นแปลงทเี่ กดิ ขึน้ บนั ทกึ ผล
(2) ครูคอยแนะนำชว่ ยเหลือนักเรียนขณะปฏิบตั ิกิจกรรม โดยครูเดนิ ดูรอบๆ หอ้ งเรียนและเปิดโอกาส
ใหน้ ักเรียนทกุ คนซักถามเมอ่ื มปี ัญหา
3) ขัน้ อธิบายและลงข้อสรปุ (Explanation)
(1) นกั เรยี นแตล่ ะกลุ่มนำเสนอผลการปฏบิ ัติกิจกรรมหน้าห้องเรยี น
(2) ครแู ละนกั เรยี นร่วมกนั อภิปรายผลจากการปฏิบตั ิกจิ กรรม โดยใช้แนวคำถาม เชน่
– พิมเสนมีการเปลี่ยนแปลงลักษณะใด เหมือนหรือแตกต่างกับที่พยากรณ์ไว้ (แนวคำตอบ
พมิ เสนบางส่วนหายไป และเกดิ เปน็ เกลด็ สีขาวบรเิ วณรูของกระดาษแข็ง รวมถงึ รอบๆ ของแก้วพลาสติกใส ซึ่ง
เหมอื นกบั ทีพ่ ยากรณ์ไว)้
– การเปล่ียนแปลงที่เกดิ ข้นึ เปน็ การเปลีย่ นสถานะของสสารหรอื ไม่ สังเกตจากอะไร (แนวคำตอบ
เป็นการเปลี่ยนสถานะของสสาร โดยสังเกตจากเมื่อให้ความร้อน พิมเสนบางส่วนหายไปและเกิดเกล็ดสีขาว
บริเวณรูของกระดาษแข็ง รวมถึงรอบ ๆ ของแก้วพลาสติกใสที่อุณหภูมิต่ำกว่าบริเวณก้นบีกเกอร์ แสดงว่า
พมิ เสนเปล่ยี นสถานะเป็นไอลอยสดู่ ้านบน และเปลยี่ นสถานะกลับเปน็ ของแขง็ เม่ืออณุ หภมู ลิ ดลง)
– การเปลยี่ นแปลงของพมิ เสนแตกตา่ งกับการเปล่ียนแปลงของน้ำแข็งเม่อื ได้รบั ความร้อนหรือไม่
ลักษณะใด (แนวคำตอบ แตกต่างกัน เมื่ออุณหภูมิเพิ่มขึ้น น้ำแข็งที่มีสถานะของแข็งเปลี่ยนเป็นน้ำที่มีสถานะ
ของเหลว และเปลี่ยนเป็นไอน้ำที่มีสถานะแก๊ส ตามลำดับ ส่วนพิมเสนที่มีสถานะของแข็งเปลี่ยนเป็นไอของ
พิมเสนทีม่ ีสถานะแก๊ส โดยไม่ผา่ นสถานะของเหลว)
แผนการจัดการเรยี นรู้วชิ าวิทยาศาสตร์ ป.5
(3) ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปผลจากการปฏิบัติกิจกรรม โดยครูเน้นให้นักเรียนเข้าใจว่า สสารบาง
ชนิดสามารถเปลี่ยนสถานะจากของแข็งเป็นแกส๊ โดยไม่ผา่ นสถานะของเหลว เรียกว่า การระเหิด ส่วนแก๊สบาง
ชนดิ สามารถเปล่ยี นสถานะเปน็ ของแข็งโดยไมผ่ ่านสถานะของเหลว เรียกว่า การระเหดิ กลับ
4) ข้นั ขยายความรู้ (Elaboration)
(1) ครูอธิบายเพม่ิ เตมิ เกี่ยวกับการระเหิดและการระเหิดกลับให้นักเรียนเข้าใจวา่ สสารบางชนิดเปลี่ยน
สถานะได้โดยไม่ผา่ นสถานะของเหลว เรียกการเปลี่ยนแปลงน้วี า่ การระเหดิ และการระเหดิ กลับ โดยการระเหิด
และการระเหิดกลับแสดงถึงการเปลยี่ นแปลงทีผ่ นั กลับได้
(2) ครูอธิบายเพิ่มเติมให้นักเรียนเข้าใจว่า เราสามารถนำความรู้เกี่ยวกับการระเหิดมาใช้ประโยชน์ได้
เช่น การใช้ลูกเหม็นไล่แมลง และเราสามารถนำความรู้เกี่ยวกับการระเหิดกลับมาใช้ประโยชน์ได้ เช่น การทำ
น้ำแขง็ แห้ง
(3) ครูอธิบายเรื่องน่ารู้ เรื่องน้ำแข็งแห้ง ให้นักเรียนเข้าใจว่า น้ำแข็งแห้งไม่ได้เกิดจากการแข็งตัวของ
น้ำ แต่เกิดจากการระเหิดกลบั ของแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ น้ำแข็งแหง้ นำไปใช้ประโยชน์ในเรื่องของการทำให้
อณุ หภูมิของส่ิงแวดลอ้ มลดลง เชน่ การใช้นำ้ แข็งแห้งในตแู้ ชไ่ อศกรมี
(4) นักเรียนค้นคว้าคำศัพท์ภาษาต่างประเทศเกี่ยวกับการระเหดิ และการระเหิดกลับจากหนังสอื เรียน
ภาษาตา่ งประเทศหรืออนิ เทอรเ์ นต็ และนำเสนอให้เพื่อนฟัง คดั คำศพั ท์พร้อมทั้งคำแปลลงสมดุ ส่งครู
5) ขนั้ ประเมิน (Evaluation)
(1) ครใู หน้ ักเรียนแต่ละคนพิจารณาว่า จากหัวข้อทีเ่ รียนมาและการปฏบิ ัติกจิ กรรม มีจุดใดบ้างท่ียังไม่
เข้าใจหรือยังมขี อ้ สงสัย ถา้ มี ครูชว่ ยอธบิ ายเพม่ิ เตมิ ให้นกั เรียนเข้าใจ
(2) นักเรียนร่วมกันประเมินการปฏิบัติกิจกรรมกลุ่มว่ามีปัญหาหรืออุปสรรคใด และได้มีการแก้ไข
อย่างไรบา้ ง
(3) ครูและนักเรียนร่วมกันแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับประโยชน์ที่ได้รับจากการปฏิบัติกิจกรรม และ
การนำความรู้ที่ไดไ้ ปใช้ประโยชน์
(4) ครทู ดสอบความเขา้ ใจของนักเรยี นโดยการให้ตอบคำถาม เช่น
– อุณหภูมิมีผลต่อการระเหิดอย่างไร (แนวคำตอบ เมื่ออุณหภูมิเพิ่มขึ้นหรือทำให้ร้อนขึ้นจนถึง
ระดับหนึง่ ของแขง็ จะเปลยี่ นสถานะเปน็ แก๊ส โดยไมผ่ ่านสถานะของเหลว)
– อณุ หภูมิมผี ลต่อการระเหิดกลับอย่างไร (แนวคำตอบ เม่ืออุณหภูมิลดลงหรือทำให้เย็นลงจนถึง
ระดบั หน่งึ แกส๊ จะเปลี่ยนสถานะเปน็ ของแข็ง โดยไมผ่ า่ นสถานะของเหลว)
ข้นั สรุป
ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปเกี่ยวกับการระเหิดและการระเหิดกลับ โดยร่วมกันเขียนเป็นแผนที่
ความคิดหรอื ผงั มโนทศั น์
แผนการจัดการเรยี นรู้วิชาวิทยาศาสตร์ ป.5
10. สื่อการเรียนรู้
1. รูปลกู เหมน็ พมิ เสน และการบรู
2. ใบกจิ กรรม สังเกตการระเหิดของสสาร
3. หนังสือเรียนภาษาตา่ งประเทศหรอื อินเทอร์เนต็
4. คมู่ ือการสอน วิทยาศาสตร์ ชนั้ ประถมศึกษาปีท่ี 5
5. สอื่ การเรยี นรู้ PowerPoint รายวชิ าพน้ื ฐาน วทิ ยาศาสตร์ ช้ันประถมศึกษาปีท่ี 5
6. แบบฝกึ ทักษะรายวชิ าพ้ืนฐาน วทิ ยาศาสตร์ ชน้ั ประถมศึกษาปที ่ี 5
7. หนงั สือเรียนรายวิชาพื้นฐาน วทิ ยาศาสตร์ ชน้ั ประถมศึกษาปที ่ี 5
11. การวัดและประเมนิ ผลการเรยี นรู้
ด้านความรู้ (K) ด้านคุณธรรม จริยธรรมและ ดา้ นทักษะ/กระบวนการ (P)
จิตวิทยาศาสตร์ (A)
1. ซักถามความรเู้ รื่อง การระเหิด
และการระเหดิ กลับ 1. ประเมนิ เจตคติทางวทิ ยาศาสตร์ 1. ประเมนิ ทกั ษะกระบวนการ
เป็นรายบคุ คลโดยการสงั เกต ทางวิทยาศาสตรโ์ ดยใช้แบบ
2. ตรวจชิน้ งานหรือภาระงานของ
กิจกรรมฝกึ ทกั ษะระหว่างเรียน และใช้แบบวัดเจตคตทิ าง วัดทักษะกระบวนการทาง
วทิ ยาศาสตร์ วทิ ยาศาสตร์
2. ประเมนิ เจตคติตอ่ วิทยาศาสตร์ 2. ประเมินทกั ษะการคิดโดย
เปน็ รายบคุ คลโดยการสงั เกต การสังเกตการทำงานกล่มุ
และใช้แบบวัดเจตคติต่อ
วทิ ยาศาสตร์ 3. ประเมนิ ทกั ษะการ
แกป้ ัญหาโดยการสงั เกตการ
ทำงานกลมุ่
4. ประเมนิ พฤตกิ รรมในการ
ปฏิบตั ิกจิ กรรมเปน็
รายบคุ คลหรอื รายกลุ่มโดย
การสงั เกตการทำงานกลุม่
แผนการจัดการเรยี นรวู้ ชิ าวิทยาศาสตร์ ป.5
12. บันทกึ ผลหลังการจดั การเรียนรู้
12.1 สรุปผลหลังการจัดการเรยี นรู้
1. นกั เรยี นจำนวน..................คน
ผ่านจุดประสงค์การเรียนร.ู้ .....................คน คดิ เป็นรอ้ ยละ..................
ไม่ผ่านจุดประสงคก์ ารเรยี นรู้..................คน คดิ เปน็ ร้อยละ..................
นกั เรยี นนไ่ี มผ่ า่ น มีดงั น้ี
1............................................................ 2............................................................
3............................................................ 4............................................................
5............................................................ 6............................................................
แนวทางแก้ไขนักเรยี นท่ีไม่ผ่านจุดประสงค์การเรียนรู้
............................................................................................................................. .........................
......................................................................................................................................................
2. นักเรยี นมีความรู้ความเขา้ ใจ (K)
............................................................................................................................. .........................
.................................................................................................................................. ....................
3. นักเรียนมีความรู้เกดิ ทักษะ (P)
......................................................................................................................................................
............................................................................................................................. .........................
4. นกั เรียนมีเจตคติ ค่านยิ ม คุณธรรมจรยิ ธรรม (A)
............................................................................................................................. .........................
....................................................................................... ...............................................................
12.2 ปัญหา อปุ สรรค และแนวทางแก้ไข
………………………………………………………………………………………………………………………………………….
12.3 ข้อเสนอแนะ
………………………………………………………………………………………………………………………………………….
ลงชอ่ื ..................................................
(.................................................)
ตำแหนง่ .....................................
แผนการจัดการเรยี นรวู้ ิชาวทิ ยาศาสตร์ ป.5
ความเห็นของหัวหนา้ สถานศึกษา/ผทู้ ี่ได้รับมอบหมาย
ไดท้ ำการตรวจแผนการจัดการเรียนรู้ของ................................................................แลว้ มคี วามเหน็ ดังน้ี
1. เปน็ แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี
ดีมาก
ดี
พอใช้
ควรปรบั ปรุง
2. การจดั กจิ กรรมไดน้ ำเอากระบวนการเรียนรู้
เนน้ ผูเ้ รียนเป็นสำคัญมาใชใ้ นการสอนได้อย่างเหมาะสม
ยงั ไมเ่ นน้ ผูเ้ รียนเป็นสำคัญ ควรปรบั ปรงุ พฒั นาต่อไป
3. เปน็ แผนการจัดการเรยี นรู้ที่
นำไปใช้ได้จรงิ
ควรปรับปรงุ ก่อนนำไปใช้
4. ข้อเสนอแนะอ่นื ๆ
............................................................................................................................. .................................................
.................................................................................. ............................................................................................
............................................................................................................................. .................................................
ลงช่ือ..................................................
(.................................................)
ตำแหนง่ ............................................
แผนการจัดการเรยี นรู้วิชาวิทยาศาสตร์ ป.5
แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ 31
สาระการเรยี นร้วู ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวชิ า วทิ ยาศาสตร์ รหัสวชิ า ว15101
ชน้ั ประถมศึกษาปที ่ี 5 ภาคเรียนท่ี 1 ปีการศึกษา 2565
หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 3 เรื่อง ความสัมพนั ธ์ของการเปลยี่ นสถานะของสสาร เวลา 1 ชว่ั โมง
วันที.่ ...........เดือน..........................................พ.ศ.......................ครผู ู้สอน............................................................
**********************************************************************************
1. มาตรฐานการเรียนรู้
มาตรฐาน ว 2.1 เข้าใจสมบัติของสสาร องค์ประกอบของสสาร ความสัมพันธ์ระหว่างสมบัติของสสาร
กับโครงสร้างและแรงยึดเหนี่ยวระหว่างอนุภาค หลักและธรรมชาติของการเปลีย่ นแปลงสถานะของสสาร การ
เกิดสารละลาย และการเกิดปฏกิ ิรยิ าเคมี
2. ตวั ช้ีวดั ชั้นปี
1. อธิบายการเปล่ียนสถานะของสสาร เมื่อทำให้สสารร้อนขึน้ หรือเยน็ ลง โดยใช้หลักฐานเชงิ ประจกั ษ์
(ว 2.1 ป. 5/1)
2. วเิ คราะหแ์ ละระบกุ ารเปลี่ยนแปลงที่ผนั กลับไดแ้ ละการเปลี่ยนแปลงทีผ่ นั กลับไม่ได้ (ว 2.1 ป. 5/4)
3. จุดประสงค์การเรียนรู้
1. ระบุความสัมพันธข์ องการเปล่ยี นสถานะของสสารได้ (K)
2. ระบกุ ารเปลยี่ นสถานะของสสารเป็นการเปล่ียนแปลงทผ่ี ันกลับได้ (K)
3. มคี วามสนใจใฝ่รหู้ รืออยากรู้อยากเหน็ (A)
4. พอใจในประสบการณ์การเรียนรู้ท่เี กีย่ วกบั วทิ ยาศาสตร์ (A)
5. ทำงานรว่ มกบั ผอู้ นื่ อยา่ งสร้างสรรค์ (A)
6. สอ่ื สารและนำความรเู้ รื่องความสมั พันธ์ของการเปลยี่ นสถานะของสสารไปใช้ในชวี ิตประจำวนั ได้
(P)
4. สาระสำคญั
การเปลย่ี นสถานะของสสารมคี วามสัมพันธก์ ัน โดยการเปลย่ี นแปลงอุณหภูมมิ ผี ลตอ่ การเปลย่ี นสถานะ
ของสสาร และการเปลยี่ นสถานะของสสารเป็นการเปลี่ยนแปลงท่ีผนั กลับได้
5. สาระการเรยี นรู้
การเปลี่ยนแปลงทางกายภาพ
– การเปลี่ยนสถานะของสสาร
แผนการจัดการเรยี นร้วู ิชาวทิ ยาศาสตร์ ป.5
6. คุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์
1. มีวินัย
2. ใฝเ่ รยี นรู้
3. มุ่งมน่ั ในการทำงาน
4. มจี ติ วิทยาศาสตร์
7. สมรรถนะสำคญั ของผเู้ รยี น
1. ความสามารถในการสอื่ สาร
2. ความสามารถในการคดิ
8. ชิ้นงานหรือภาระงาน
สำรวจการเปลย่ี นสถานะของสสาร
9. การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้
ขั้นนำเขา้ ส่บู ทเรยี น
1) ครูให้นกั เรยี นทบทวนความรู้เดมิ ที่ไดเ้ รียนร้มู าแลว้ โดยใชค้ ำถามตอ่ ไปนี้
– ปัจจัยทม่ี ผี ลตอ่ การเปล่ยี นสถานะของสสารคืออะไร (แนวคำตอบ อุณหภมู ิหรอื ความร้อน)
– การเปลี่ยนสถานะของสสารที่ไม่ผ่านสถานะของเหลวเรียกว่าอะไร (แนวคำตอบ การระเหิด
และการระเหิดกลับ)
2) นักเรยี นร่วมกนั ตอบคำถามและแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับคำตอบ เพ่อื เชอื่ มโยงไปสกู่ ารเรียนรู้เร่ือง
ความสมั พันธข์ องการเปล่ียนสถานะของสสาร
ขัน้ จดั กิจกรรมการเรียนรู้
จัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้กระบวนการสืบเสาะหาความรู้ (Inquiry Process) ร่วมกับแบบกลับดา้ น
ชนั้ เรยี น (flipped classroom) ซึง่ มีข้ันตอนดงั นี้
1) ข้นั สรา้ งความสนใจ (Engagement)
(1) ครถู ามคำถามนักเรียนเพอื่ กระต้นุ ความสนใจ เชน่
– การเพิ่มอุณหภูมิทำให้เกิดการเปลี่ยนสถานะของสสารแบบใด (แนวคำตอบ การหลอมเหลว
การกลายเปน็ ไอ และการระเหิด)
– การลดอุณหภูมิทำให้เกิดการเปลี่ยนสถานะของสสารแบบใด (แนวคำตอบ การควบแน่น การ
แข็งตวั และการระเหิดกลบั )
(2) นกั เรียนร่วมกันอภปิ รายหาคำตอบเก่ยี วกบั คำถามตามความคิดเห็นของแต่ละคน
แผนการจัดการเรยี นรวู้ ชิ าวิทยาศาสตร์ ป.5
2) ขน้ั สำรวจและคน้ หา (Exploration)
(1) ครูให้นักเรียนศึกษาเรื่อง ความสัมพันธ์ของการเปลี่ยนสถานะของสสาร จากใบความรู้หรือใน
หนังสือเรียน โดยครูช่วยอธิบายให้นักเรียนเข้าใจว่า การเปลี่ยนสถานะของสสารมีความสัมพันธ์กัน โดยมี
อุณหภูมเิ ป็นปจั จยั ทีท่ ำใหเ้ กดิ การเปลีย่ นแปลง
(2) ครูให้นักเรียนสำรวจการเปลี่ยนสถานะของสสารในห้องเรียนหรือบริเวณโรงเรียน แล้วเขียน
แผนภาพแสดงความสัมพันธ์ของการเปลี่ยนสถานะของสสารที่สังเกตได้ จากนั้นนำผลการสำรวจมานำเสนอ
หนา้ หอ้ งเรียน
(3) ครูคอยแนะนำช่วยเหลือนักเรียนขณะปฏิบัติกจิ กรรม โดยครูเดินดูรอบ ๆ บริเวณทส่ี ำรวจและเปิด
โอกาสใหน้ กั เรียนทกุ คนซักถามเมอื่ มีปัญหา
3) ข้นั อธิบายและลงข้อสรปุ (Explanation)
(1) นกั เรียนแตล่ ะกลุ่มนำเสนอผลการปฏิบัติกิจกรรมหน้าหอ้ งเรียน
(2) ครแู ละนกั เรียนร่วมกนั อภิปรายผลจากการปฏิบตั ิกิจกรรม โดยใช้แนวคำถาม เชน่
– นักเรียนพบการเปลี่ยนสถานะของสสารแบบใดบ้าง (แนวคำตอบ การหลอมเหลวของน้ำแข็ง
การแขง็ ตัวของน้ำ การระเหดิ ของลูกเหม็น การหลอมเหลวของไอศกรมี และการควบแน่นของไอนำ้ )
– สารใดทพี่ บวา่ มกี ารเปลย่ี นสถานะมากทส่ี ุด (แนวคำตอบ นำ้ )
– การเปล่ียนสถานะของสสารแบบใดท่สี ังเกตไมไ่ ด้เลย (แนวคำตอบ การระเหิดกลบั )
(3) ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปผลจากการปฏิบัติกิจกรรม โดยครูเน้นให้นักเรียนเข้าใจว่า สสาร
รอบตัวมีการเปลี่ยนแปลงแตกต่างกันไป เม่ืออุณหภูมิเพิ่มขึ้นหรือลดลงจนถงึ ระดับหนึ่ง สสารก็สามารถเปลี่ยน
สถานะได้ และเปน็ การเปลย่ี นแปลงทผี่ ันกลับได้
4) ขน้ั ขยายความรู้ (Elaboration)
ครูให้นักเรยี นเล่นเกม โดยครูแบง่ นักเรียนกลุ่มละ 5 – 6 คน จากนั้นครนู ำรปู แสดงการเปลี่ยนสถานะ
ของสสารให้นักเรยี นดู แลว้ ใหน้ ักเรียนแต่ละกลุม่ บอกว่า แสดงการเปลย่ี นสถานะของสสารแบบใด กลุ่มใดตอบ
ถกู ตอ้ งมากทส่ี ุดเปน็ ฝ่ายชนะ
5) ข้ันประเมิน (Evaluation)
(1) ครใู หน้ กั เรียนแต่ละคนพิจารณาว่า จากหวั ข้อทเ่ี รยี นมาและการปฏบิ ัติกจิ กรรม มีจุดใดบ้างที่ยังไม่
เขา้ ใจหรอื ยังมีขอ้ สงสัย ถ้ามี ครชู ่วยอธบิ ายเพมิ่ เตมิ ใหน้ กั เรียนเข้าใจ
(2) นักเรียนร่วมกันประเมินการปฏิบัติกิจกรรมกลุ่มว่ามีปัญหาหรืออุปสรรคใด และได้มีการแก้ไข
อยา่ งไรบา้ ง
(3) ครูและนักเรียนร่วมกันแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับประโยชน์ที่ได้รับจากการปฏิบัติกิจกรรม และ
การนำความรูท้ ี่ได้ไปใชป้ ระโยชน์
(4) ครูทดสอบความเขา้ ใจของนักเรียนโดยการใหต้ อบคำถาม เช่น
แผนการจัดการเรยี นรวู้ ชิ าวิทยาศาสตร์ ป.5
– ของแขง็ เกดิ การเปลย่ี นสถานะแบบใดได้ (แนวคำตอบ การหลอมเหลวและการระเหิด)
– ของเหลวเกิดการเปลี่ยนสถานะแบบใดได้ (แนวคำตอบ การกลายเป็นไอและการแข็งตัว)
– แก๊สเกดิ การเปลย่ี นสถานะแบบใดได้ (แนวคำตอบ การควบแน่นและการระเหดิ กลับ)
ขั้นสรปุ
ครูและนกั เรยี นรว่ มกันสรปุ เกีย่ วกบั ความสัมพันธ์ของการเปล่ยี นสถานะของสสารโดยรว่ มกันเขียนเป็น
แผนทค่ี วามคดิ หรอื ผงั มโนทัศน์
10. ส่ือการเรยี นรู้
1. รปู แสดงการเปล่ยี นสถานะของสสาร
2. คูม่ อื การสอน วทิ ยาศาสตร์ ช้ันประถมศึกษาปีที่ 5
3. สอ่ื การเรยี นรู้ PowerPoint รายวิชาพ้ืนฐาน วทิ ยาศาสตร์ ชนั้ ประถมศึกษาปีท่ี 5
4. แบบฝึกทกั ษะรายวิชาพื้นฐาน วทิ ยาศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปที ี่ 5
5. หนงั สอื เรยี นรายวิชาพืน้ ฐาน วทิ ยาศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5
11. การวดั และประเมนิ ผลการเรยี นรู้
ดา้ นความรู้ (K) ด้านคุณธรรม จริยธรรมและ ด้านทกั ษะ/กระบวนการ (P)
จิตวทิ ยาศาสตร์ (A)
1. ซักถามความรูเ้ รือ่ งความสัมพนั ธ์
ของการเปลีย่ นสถานะของสสาร 1. ประเมินเจตคติทางวิทยาศาสตร์ 1. ประเมนิ ทักษะการคิดโดย
เป็นรายบคุ คลโดยการสังเกต การสังเกตการทำงานกลมุ่
2. ตรวจชน้ิ งานหรือภาระงานของ
กจิ กรรมฝึกทกั ษะระหว่างเรียน และใช้แบบวัดเจตคตทิ าง 2. ประเมินพฤตกิ รรมในการ
วทิ ยาศาสตร์ ปฏิบตั ิกจิ กรรมเปน็
2. ประเมนิ เจตคติต่อวิทยาศาสตร์ รายบุคคลหรอื รายกลมุ่ โดย
การสังเกตการทำงานกล่มุ
เปน็ รายบคุ คลโดยการสงั เกต
และใช้แบบวัดเจตคตติ ่อ
วทิ ยาศาสตร์
แผนการจัดการเรยี นรู้วชิ าวิทยาศาสตร์ ป.5
12. บันทึกผลหลังการจัดการเรียนรู้
12.1 สรปุ ผลหลังการจดั การเรียนรู้
1. นักเรยี นจำนวน..................คน
ผ่านจุดประสงค์การเรยี นร้.ู .....................คน คิดเปน็ รอ้ ยละ..................
ไม่ผ่านจดุ ประสงคก์ ารเรยี นร.ู้ .................คน คดิ เปน็ ร้อยละ..................
นักเรยี นนี่ไมผ่ ่าน มีดงั น้ี
1............................................................ 2............................................................
3............................................................ 4............................................................
5............................................................ 6............................................................
แนวทางแก้ไขนักเรียนท่ีไมผ่ ่านจดุ ประสงค์การเรียนรู้
............................................................................................................................. .........................
............................................................................................................................... .......................
2. นกั เรียนมีความร้คู วามเขา้ ใจ (K)
............................................................................................................................. .........................
.......................................................................................................... ............................................
3. นกั เรยี นมคี วามรูเ้ กดิ ทักษะ (P)
............................................................................................................................. .........................
......................................................................................................................................................
4. นกั เรยี นมเี จตคติ ค่านยิ ม คุณธรรมจรยิ ธรรม (A)
.................................................................................. ....................................................................
............................................................................................................................. .........................
12.2 ปัญหา อปุ สรรค และแนวทางแก้ไข
………………………………………………………………………………………………………………………………………….
12.3 ขอ้ เสนอแนะ
………………………………………………………………………………………………………………………………………….
ลงชอื่ ..................................................
(.................................................)
ตำแหนง่ .....................................
แผนการจัดการเรยี นรวู้ ิชาวทิ ยาศาสตร์ ป.5
ความเห็นของหัวหนา้ สถานศึกษา/ผทู้ ไ่ี ด้รับมอบหมาย
ไดท้ ำการตรวจแผนการจัดการเรียนรู้ของ................................................................แลว้ มคี วามเหน็ ดังน้ี
1. เปน็ แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี
ดีมาก
ดี
พอใช้
ควรปรบั ปรุง
2. การจดั กจิ กรรมไดน้ ำเอากระบวนการเรียนรู้
เนน้ ผูเ้ รียนเป็นสำคัญมาใชใ้ นการสอนได้อย่างเหมาะสม
ยงั ไมเ่ นน้ ผูเ้ รียนเป็นสำคัญ ควรปรบั ปรงุ พฒั นาต่อไป
3. เปน็ แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี
นำไปใช้ได้จรงิ
ควรปรับปรงุ ก่อนนำไปใช้
4. ข้อเสนอแนะอ่นื ๆ
............................................................................................................................. .................................................
.................................................................................. ............................................................................................
............................................................................................................................. .................................................
ลงช่ือ..................................................
(.................................................)
ตำแหนง่ ............................................
แผนการจัดการเรยี นร้วู ิชาวิทยาศาสตร์ ป.5
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 32
สาระการเรียนร้วู ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวชิ า วิทยาศาสตร์ รหสั วิชา ว15101
ช้นั ประถมศึกษาปที ี่ 5 ภาคเรียนท่ี 1 ปีการศึกษา 2565
หนว่ ยการเรียนรูท้ ี่ 3 เรอื่ ง การละลาย เวลา 1 ชวั่ โมง
วันที.่ ...........เดือน..........................................พ.ศ.......................ครผู สู้ อน............................................................
**********************************************************************************
1. มาตรฐานการเรยี นรู้
มาตรฐาน ว 2.1 เข้าใจสมบัติของสสาร องค์ประกอบของสสาร ความสัมพันธ์ระหว่างสมบัติของสสาร
กับโครงสร้างและแรงยึดเหนี่ยวระหว่างอนุภาค หลักและธรรมชาติของการเปลีย่ นแปลงสถานะของสสาร การ
เกิดสารละลาย และการเกิดปฏิกิริยาเคมี
2. ตวั ชี้วัดชน้ั ปี
อธบิ ายการละลายของสารในนำ้ โดยใช้หลกั ฐานเชงิ ประจกั ษ์ (ว 2.1 ป. 5/2)
3. จุดประสงค์การเรียนรู้
1. อธบิ ายลักษณะของสารละลายได้ (K)
2. สังเกตการละลายของสารในน้ำได้ (K)
3. มีความสนใจใฝร่ หู้ รืออยากร้อู ยากเห็น (A)
4. พอใจในประสบการณก์ ารเรยี นรู้ท่เี กีย่ วกบั วทิ ยาศาสตร์ (A)
5. ทำงานร่วมกบั ผ้อู ื่นอย่างสร้างสรรค์ (A)
6. สอ่ื สารและนำความรูเ้ ร่ืองการละลายไปใชใ้ นชวี ติ ประจำวันได้ (P)
4. สาระสำคญั
เม่อื ใสส่ ารลงในน้ำแลว้ สารนน้ั รวมเปน็ เน้ือเดียวกันกับน้ำท่ัวทุกสว่ น แสดงว่าสารเกิดการละลาย เรียก
สารผสมทีไ่ ด้ว่า สารละลาย ส่วนสารที่ไมร่ วมเป็นเน้ือเดียวกนั กับนำ้ แสดงวา่ ไม่เกิดการละลาย เรียกสารผสมที่
ไดว้ ่า สารเนื้อผสม
5. สาระการเรียนรู้
การเปลีย่ นแปลงทางกายภาพ
– การละลาย
แผนการจัดการเรยี นรู้วิชาวิทยาศาสตร์ ป.5
6. คุณลักษณะอนั พึงประสงค์
1. มวี ินยั
2. ใฝเ่ รยี นรู้
3. ม่งุ ม่ันในการทำงาน
4. มจี ติ วิทยาศาสตร์
7. สมรรถนะสำคัญของผเู้ รยี น
1. ความสามารถในการสือ่ สาร
2. ความสามารถในการคิด
3. ความสามารถในการแกป้ ัญหา
4. ความสามารถในการใช้ทักษะ/กระบวนการและทักษะในการดำเนนิ ชวี ติ
5. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี
8. ชิน้ งานหรอื ภาระงาน
สังเกตการละลายของสาร
9. การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้
ขั้นนำเขา้ สบู่ ทเรยี น
1) ครถู ามคำถามเก่ยี วกับประสบการณเ์ ดิมของนกั เรียน เชน่
– นักเรยี นเคยปรงุ ก๋วยเตี๋ยวน้ำหรอื ไม่ (แนวคำตอบ เคย)
– นักเรียนใส่เครอื่ งปรุงอะไรบ้าง (แนวคำตอบ นำ้ ตาลทราย นำ้ ปลา และน้ำส้มสายช)ู
– เมื่อใส่เครื่องปรุงลงในก๋วยเตี๋ยวน้ำ เครื่องปรุงเหล่านั้นมีลักษณะใด (แนวคำตอบ เครื่องปรุง
ละลายเปน็ เนื้อเดียวกับน้ำก๋วยเตี๋ยว)
2) นักเรยี นรว่ มกันตอบคำถามและแสดงความคดิ เหน็ เกยี่ วกับคำตอบ เพอื่ เช่อื มโยงไปสูก่ ารเรียนรู้เร่ือง
การละลาย
ขนั้ จดั กิจกรรมการเรยี นรู้
จัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้กระบวนการสืบเสาะหาความรู้ (Inquiry Process) ร่วมกับแบบกลับดา้ น
ชัน้ เรยี น (flipped classroom) ซ่ึงมีขน้ั ตอนดงั นี้
1) ขนั้ สร้างความสนใจ (Engagement)
(1) ครูถามคำถามนกั เรยี นเพอื่ กระต้นุ ความสนใจ เช่น
– นักเรียนสงั เกตจากส่งิ ใดจงึ สรปุ ว่าเคร่ืองปรุงละลายในน้ำกว๋ ยเตีย๋ ว (แนวคำตอบ สังเกตจากน้ำ
ก๋วยเตย๋ี ว โดยจะมองเห็นน้ำกว๋ ยเตีย๋ วเปน็ เน้อื เดยี ว)
แผนการจัดการเรยี นรู้วิชาวทิ ยาศาสตร์ ป.5
– นักเรียนสังเกตจากส่ิงใดจงึ สรุปวา่ เครื่องปรุงไม่ละลายในน้ำกว๋ ยเต๋ียว (แนวคำตอบ สังเกตจาก
นำ้ กว๋ ยเต๋ียว โดยจะมองเห็นเนอื้ ของเครอ่ื งปรุงผสมกับนำ้ ก๋วยเตี๋ยว)
(2) นกั เรยี นร่วมกันอภปิ รายหาคำตอบเก่ียวกับคำถามตามความคดิ เห็นของแต่ละคน
2) ขั้นสำรวจและค้นหา (Exploration)
(1) ครูให้นักเรียนศึกษาเรื่อง การละลาย จากใบความรู้หรือในหนังสือเรียน โดยครูช่วยอธิบายให้
นกั เรียนเข้าใจวา่ การละลายเปน็ การเปลี่ยนแปลงท่เี กดิ จากการนำสารตั้งแต่ 2 ชนิดมาผสมกัน เกดิ เป็นสารเน้ือ
เดยี วที่เรียกวา่ สารละลาย
(2) ครูแบ่งนักเรยี นกลุม่ ละ 5 – 6 คน ปฏบิ ตั ิกิจกรรม สังเกตการละลายของสาร ตามขั้นตอน ดงั นี้
– ดูดน้ำใส่ลงในหลอดทดลองหลอดละ 5 ลูกบาศก์เซนติเมตร จำนวน 5 หลอด พร้อมเขียน
หมายเลข 1 – 5 บนหลอดทดลอง ตามลำดบั
– ตักน้ำตาลทราย เกลือ แป้งมัน และการบูร อย่างละ 1 ช้อน ใส่ลงในหลอดทดลองหลอดที่ 1,
2, 3 และ 4 ตามลำดบั
– ดูดนำ้ มันพืช 2 ลูกบาศกเ์ ซนตเิ มตร ใส่ลงในหลอดทดลองหลอดที่ 5
– พยากรณว์ า่ สารชนิดใดท่ีสามารถละลายในนำ้ ได้
– ใช้แท่งแก้วคนสารคนสารผสมในหลอดทดลองแต่ละหลอดให้เข้ากัน แล้วตั้งทิ้งไว้ 2 นาที
สังเกตผลในแตล่ ะหลอดทดลอง แลว้ บันทกึ ผล
(3) ครคู อยแนะนำช่วยเหลือนักเรียนขณะปฏิบตั ิกิจกรรม โดยครูเดนิ ดูรอบๆ ห้องเรียนและเปิดโอกาส
ให้นักเรียนทกุ คนซกั ถามเมือ่ มปี ัญหา
3) ข้นั อธิบายและลงข้อสรุป (Explanation)
(1) นักเรยี นแตล่ ะกลมุ่ นำเสนอผลการปฏิบตั ิกิจกรรมหนา้ ห้องเรยี น
(2) ครูและนกั เรยี นรว่ มกนั อภปิ รายผลจากการปฏิบัติกิจกรรม โดยใชแ้ นวคำถาม เช่น
– สารผสมใดเปน็ สารเนื้อเดียว (แนวคำตอบ น้ำผสมนำ้ ตาลทรายและนำ้ ผสมเกลือ)
– สารผสมใดเป็นสารเนอ้ื ผสม (แนวคำตอบ นำ้ ผสมแปง้ มัน นำ้ ผสมการบรู และน้ำผสมนำ้ มันพืช)
– จากการปฏิบัติกิจกรรมสรุปได้หรือไม่ว่าสารผสมใดเป็นสารละลาย สังเกตจากอะไร (แนว
คำตอบ สามารถสรุปได้ว่า น้ำผสมน้ำตาลทรายและน้ำผสมเกลือเป็นสารละลาย โดยสังเกตจากลักษณะของ
เน้ือสารทผี่ สมเป็นเนือ้ เดยี วกนั )
(3) ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปผลจากการปฏิบัติกิจกรรม โดยครูเน้นให้นักเรียนเข้าใจว่า เมื่อสังเกต
จากเน้อื สารของสารผสมแลว้ สามารถจำแนกสารผสมได้เป็น 2 ประเภท ได้แก่ สารเนื้อผสมและสารละลาย
แผนการจัดการเรยี นรู้วิชาวทิ ยาศาสตร์ ป.5
4) ขัน้ ขยายความรู้ (Elaboration)
(1) ครูอธิบายเพิ่มเติมให้นักเรียนเข้าใจว่า การหลอมเหลวและการละลายแตกต่างกัน โดยการ
หลอมเหลวจะพจิ ารณาจากการเปลี่ยนสถานะของสสารจากการได้รับความร้อน แตก่ ารละลายจะพิจารณาจาก
การผสมกันระหว่างสาร 2 ชนดิ และรวมเปน็ เน้ือเดยี วกัน
(2) นักเรียนค้นคว้าคำศัพท์ภาษาต่างประเทศเกี่ยวกับการละลายจากหนังสือเรียนภาษาต่างประเทศ
หรืออนิ เทอรเ์ น็ต และนำเสนอใหเ้ พอ่ื นฟงั คดั คำศพั ทพ์ ร้อมทัง้ คำแปลลงสมดุ ส่งครู
5) ขน้ั ประเมิน
(1) ครใู หน้ กั เรยี นแตล่ ะคนพจิ ารณาวา่ จากหวั ขอ้ ท่เี รียนมาและการปฏบิ ัติกจิ กรรม มีจุดใดบ้างที่ยังไม่
เข้าใจหรือยังมีขอ้ สงสัย ถา้ มี ครชู ว่ ยอธิบายเพิ่มเติมให้นกั เรียนเขา้ ใจ
(2) นักเรียนร่วมกันประเมินการปฏิบัติกิจกรรมกลุ่มว่ามีปัญหาหรืออุปสรรคใด และได้มีการแก้ไข
อยา่ งไรบา้ ง
(3) ครูและนักเรียนร่วมกันแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับประโยชน์ที่ได้รับจากการปฏิบัติกิจกรรม และ
การนำความรทู้ ี่ไดไ้ ปใชป้ ระโยชน์
(4) ครูทดสอบความเขา้ ใจของนักเรยี นโดยการให้ตอบคำถาม เช่น
– การละลายของสารสังเกตจากส่ิงใด (แนวคำตอบ สังเกตจากเนื้อสาร โดยเมื่อผสมกันแล้ว เน้ือ
สารตอ้ งรวมเป็นเน้อื เดยี วกนั )
– สารเนื้อผสมแตกต่างจากสารละลายอย่างไร (แนวคำตอบ สารเนอื้ ผสมมเี นือ้ สารไม่รวมเปน็ เนื้อ
เดยี วกนั สว่ นสารละลายมีเนือ้ สารรวมเป็นเน้อื เดียวกนั )
ข้ันสรุป
ครแู ละนกั เรยี นรว่ มกันสรปุ เก่ยี วกับการละลาย โดยรว่ มกนั เขยี นเป็นแผนที่ความคดิ หรือผงั มโนทศั น์
10. ส่ือการเรยี นรู้
1. ใบกจิ กรรม สงั เกตการละลายของสาร
2. หนังสือเรยี นภาษาต่างประเทศหรอื อนิ เทอรเ์ นต็
3. คมู่ อื การสอน วิทยาศาสตร์ ชัน้ ประถมศึกษาปีที่ 5
4. สือ่ การเรยี นรู้ PowerPoint รายวิชาพน้ื ฐาน วิทยาศาสตร์ ชนั้ ประถมศึกษาปีท่ี 5
5. แบบฝึกทกั ษะรายวชิ าพน้ื ฐาน วิทยาศาสตร์ ชน้ั ประถมศึกษาปีที่ 5
6. หนังสอื เรยี นรายวชิ าพนื้ ฐาน วิทยาศาสตร์ ช้ันประถมศึกษาปที ่ี 5
แผนการจัดการเรยี นรู้วิชาวทิ ยาศาสตร์ ป.5
11. การวดั และประเมนิ ผลการเรียนรู้
ดา้ นความรู้ (K) ด้านคณุ ธรรม จรยิ ธรรมและ ด้านทกั ษะ/กระบวนการ (P)
จิตวทิ ยาศาสตร์ (A)
1. ซักถามความร้เู รอ่ื ง การละลาย
2. ตรวจชิน้ งานหรือภาระงานของ 1. ประเมินเจตคติทางวทิ ยาศาสตร์ 1. ประเมินทกั ษะกระบวนการ
กิจกรรมฝกึ ทกั ษะระหวา่ งเรยี น เปน็ รายบคุ คลโดยการสังเกต ทางวิทยาศาสตรโ์ ดยใชแ้ บบ
และใชแ้ บบวดั เจตคตทิ าง วัดทักษะกระบวนการทาง
วิทยาศาสตร์ วิทยาศาสตร์
2. ประเมนิ เจตคติตอ่ วทิ ยาศาสตร์ 2. ประเมินทกั ษะการคิดโดย
เปน็ รายบคุ คลโดยการสังเกต การสังเกตการทำงานกลมุ่
และใช้แบบวัดเจตคติต่อ 3. ประเมินทักษะการ
วิทยาศาสตร์ แกป้ ัญหาโดยการสงั เกตการ
ทำงานกลุ่ม
4. ประเมนิ พฤติกรรมในการ
ปฏิบตั ิกิจกรรมเป็น
รายบคุ คลหรอื รายกลมุ่ โดย
การสงั เกตการทำงานกลุ่ม