แผนการจัดการเรยี นรู
“รายวิชาเพิม่ เติม การปอ งกนั การทจุ รติ ”
ระดับชน้ั มัธยมศึกษาปท่ี ๑
สาํ นักงานคณะกรรมการปองกันและปราบปรามการทจุ ริตแหงชาติ
รว มกบั สํานกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาข้ันพน้ื ฐาน
พุทธศักราช ๒๕๖๑
แผนการจดั การเรียนรู้
“รายวิชาเพ่มิ เติม การปอ้ งกนั การทุจริต”
ระดับช้ันมธั ยมศึกษาปีท่ี ๑
ส�ำ นกั งานคณะกรรมการปอ้ งกันและปราบปรามการทุจรติ แหง่ ชาติ
ร่วมกับ ส�ำ นักงานคณะกรรมการการศกึ ษาขั้นพื้นฐาน
พุทธศักราช ๒๕๖๑
แผนการจัดการเรยี นรู้ “รายวชิ าเพม่ิ เติม การปอ้ งกันการทจุ รติ ”
ระดบั ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปีท่ี ๑
พิมพ์คร้ังท่ี ๑ พ.ศ. ๒๕๖๒
จำ�นวนพมิ พ์ ๑๓,๒๘๗ เลม่
ผู้จัดพมิ พ ์ ส�ำ นกั งานคณะกรรมการป้องกนั และปราบปรามการทจุ รติ แหง่ ชาติ
รว่ มกับ ส�ำ นกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาขนั้ พ้นื ฐาน
พมิ พ์ท่ ี ชุมนุมสหกรณก์ ารเกษตรแห่งประเทศไทย จำ�กัด สาขา ๔
๑๔๕ , ๑๔๗ ถ.เลีย่ งเมอื งนนทบุรี ต.ตลาดขวัญ อ.เมือง จ.นนทบรุ ี ๑๑๐๐๐
โทร. ๐ ๒๕๒๕ ๔๘๐๗-๙ , ๐ ๒๕๒๕ ๔๘๕๓-๔ โทรสาร ๐ ๒๕๒๕ ๔๘๕๕
E-mail : [email protected] www.co-opthai.com
คำ�นำ�
ยทุ ธศาสตรช์ าตวิ า่ ดว้ ยการปอ้ งกนั และปราบปรามการทจุ รติ ระยะท ่ี๓ (พ.ศ. ๒๕๖๐ - ๒๕๖๔)
ไดก้ าำ หนดประเด็นยุทธศาสตร์ท ่ี ๑ สร้างสังคมทีไ่ มท่ นตอ่ การทุจรติ ประกอบดว้ ย กลยทุ ธท์ ่ ี ๑ ปรับฐาน
ความคดิ ทกุ ช่วงวัยตง้ั แต่ปฐมวัยเป็นต้นไปให้สามารถแยกระหวา่ งผลประโยชน์สว่ นตนและผลประโยชน์
สว่ นรวม กลยทุ ธท์ ่ี ๒ สง่ เสรมิ ใหม้ รี ะบบและกระบวนการกลอ่ มเกลาทางสงั คมเพอ่ื ตา้ นทจุ รติ กลยทุ ธท์ ี่ ๓
ประยกุ ตห์ ลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี งเปน็ เครอื่ งมอื ตา้ นทจุ รติ และกลยทุ ธท์ ี่ ๔ เสรมิ พลงั การมสี ว่ นรว่ ม
ของชุมชน และบูรณาการทุกภาคส่วนเพ่ือต่อต้านการทุจริต จากกลยุทธ์ที่ ๑ คณะกรรมการป้องกัน
และปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (คณะกรรมการ ป.ป.ช.) จึงได้มีคำาส่ังแต่งตั้งคณะอนุกรรมการ
จัดทำาหลกั สตู รหรอื ชุดการเรยี นรแู้ ละสื่อประกอบการเรียนร ู้ ดา้ นการป้องกนั การทจุ รติ ซงึ่ ประกอบดว้ ย
ผู้ทรงคุณวุฒิด้านการให้การศึกษาและการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ข้ึน เพ่ือศึกษา วิเคราะห์ และ
รวบรวมข้อมูล กำาหนดแนวทางและขอบเขตในการจัดทำาหลักสูตร ยกร่างและจัดทำาเนื้อหาหลักสูตร
หรือชุดการเรียนรู้และสื่อประกอบการเรียนรู้ รวมท้ังพิจารณาให้ความเห็นเพิ่มเติม กำาหนดแผน
หรือแนวทางการนำาหลักสูตรไปใช้ในหน่วยงานท่ีเกี่ยวข้อง และดำาเนินการอ่ืนๆ ตามท่ีคณะกรรมการ
ป.ป.ช. มอบหมาย
คณะอนุกรรมการจัดทำาหลักสูตรหรือชุดการเรียนรู้และส่ือประกอบการเรียนรู้ด้านการ
ปอ้ งกนั การทจุ รติ ไดร้ ว่ มกนั สรา้ งชดุ หลกั สตู รตา้ นทจุ รติ ศกึ ษา : Anti-Corruption Education ประกอบดว้ ย
๕ หลักสตู ร ดงั น้ี ๑. หลักสูตรการศกึ ษาข้นั พนื้ ฐาน (รายวชิ าเพ่ิมเติม การป้องกันการทจุ รติ ) ๒. หลักสตู ร
อดุ มศึกษา (วยั ใส ใจสะอาด “Youngster with Good Heart”) ๓. หลักสตู รตามแนวทางรับราชการ
กลุ่มทหารและตำารวจ ๔. หลักสูตรสร้างวิทยากรผู้นำาการเปลี่ยนแปลงสู่สังคมที่ไม่ทนต่อการทุจริต
และ ๕. หลักสูตรโค้ชเพื่อการรู้คิดต้านทุจริต ชุดหลักสูตรดังกล่าวได้ผ่านกระบวนการนำาไปทดลองใช้
เพื่อปรับปรุงให้มีประสิทธิภาพและประสิทธิผล สำาหรับการใช้ในกลุ่มเป้าหมายต่อไป นอกจากนี้
คณะอนกุ รรมการจดั ทำาหลกั สตู รหรอื ชดุ การเรยี นรแู้ ละสอื่ ประกอบการเรยี นรดู้ า้ นการปอ้ งกนั การทจุ รติ
ยงั ไดค้ ดั เลอื กสอ่ื การเรยี นรจู้ ากแหลง่ ตา่ งๆ ทง้ั ในประเทศและตา่ งประเทศ รวม ๕๐ ชนิ้ เพอ่ื ใชใ้ นการเรยี นร ู้
ซ่ึงคณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. เสนอ เมื่อวันท่ี ๒๒ พฤษภาคม ๒๕๖๑
โดยให้หน่วยงานท่ีเก่ียวข้องนำาหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ และให้กระทรวงศึกษาธิการ
เร่งดำาเนินการเตรียมความพร้อมในด้านต่างๆ เพ่ือนำาหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปปรับใช้ในการจัด
การเรยี นการสอนของสถานศกึ ษา
รายวิชาเพิ่มเติมการป้องกันการทุจริต สำาหรับหลักสูตรการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน จัดทำาขึ้น
โดยอนุกรรมการด้านการศึกษา ในคณะอนุกรรมการจัดทำาหลักสูตรหรือชุดการเรียนรู้และส่ือประกอบ
การเรยี นรู้ ด้านการปอ้ งกนั การทจุ ริตและกล่มุ ผทู้ รงคุณวุฒิด้านการศกึ ษา สาระการเรยี นรู้ประกอบด้วย
(๑) การคดิ แยกแยะระหวา่ งผลประโยชนส์ ว่ นตนและผลประโยชนส์ ว่ นรวม (๒) ความอายและความไมท่ น
ตอ่ การทจุ รติ (๓) STRONG : จติ พอเพยี งตา้ นทจุ รติ (๔) พลเมอื งและความรบั ผดิ ชอบตอ่ สงั คม ตอ่ เนอ่ื งกนั
ตัง้ แตร่ ะดับปฐมวยั ระดบั ประถมศกึ ษา ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น และระดบั มธั ยมศกึ ษาตอนปลาย
คณะกรรมการ ป.ป.ช. หวังเป็นอย่างยิ่งว่า รายวิชาเพ่ิมเติมการป้องกันการทุจริต
สำาหรับหลักสูตรการศกึ ษาขั้นพน้ื ฐาน ในชดุ หลกั สูตรต้านทจุ ริตศกึ ษา (Anti-Corruption Education)
จะนำาเข้าสู่ระบบการศึกษา เพื่อเป็นกลไกระยะยาวในการปลูกฝงวิธีคิดป้องกันการทุจริตให้แก่ผู้เรียน
อย่างเปน็ อัตโนมัติ เพอ่ื รว่ มกันสรา้ งประเทศไทยใสสะอาด ไทยทง้ั ชาตติ า้ นทุจริต
พลตำารวจเอก
(วชั รพล ประสารราชกิจ)
ประธานกรรมการ ป.ป.ช.
๓๐ พฤศจกิ ายน ๒๕๖๑
สารบญั
หน้า
โครงสรา้ งรายวิชา ๑
หน่วยท่ี ๑ การคิดแยกแยะระหว่างผลประโยชนส์ ่วนตนและผลประโยชนส์ ว่ นรวม ๓
หนว่ ยท่ี ๒ ความละอายและความไม่ทนตอ่ การทจุ ริต ๖๘
หน่วยที่ ๓ STRONG : จิตพอเพียงต้านทจุ ริต ๘๓
หน่วยท่ี ๔ พลเมืองกบั ความรบั ผิดชอบตอ่ สังคม ๑๒๔
ภาคผนวก
- คำ�ส่งั คณะกรรมการ ป.ป.ช. ที่ ๖๔๖/๒๕๖๐ เรอ่ื ง แตง่ ตั้งคณะอนุกรรมการ ๑๔๕
จัดทำ�หลกั สตู ร หรือชุดการเรยี นรูแ้ ละส่ือประกอบการเรยี นรดู้ า้ นการปอ้ งกันการทุจริต
- รายชือ่ คณะทำ�งานจัดทำ�หลกั สตู ร หรือชดุ การเรยี นรแู้ ละส่อื ประกอบการเรยี นร ู้ ๑๔๙
ดา้ นการป้องกันการทจุ รติ กลุ่มการศกึ ษาข้ันพ้นื ฐาน
- รายช่ือคณะบรรณาธิการกิจหลกั สูตร หรือชุดการเรยี นรู้และส่ือประกอบการเรียนรู้ ๑๕๓
ด้านการป้องกนั การทจุ ริต กลุ่มการศกึ ษาขนั้ พนื้ ฐาน
- รายช่ือคณะผปู้ ระสานงานการจัดท�ำ หลักสูตร หรอื ชุดการเรียนรู้และสอ่ื ประกอบการเรียนรู้ ๑๕๖
ด้านการป้องกันการทุจริต กลุ่มการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน สำ�นักงาน ป.ป.ช.
โครงสร้างรายวิชา ระดบั ชัน้ มธั ยมศึกษาปที ่ี ๑
ลำ�ดับ หนว่ ยการเรียนรู้ เรื่อง จ�ำ นวน
๑. การคิดแยกแยะระหว่าง ชั่วโมง
ผลประโยชนส์ ว่ นตนและ ๑. การคิดแยกแยะระหวา่ งผลประโยชนส์ ว่ นตนและ ๑๒
ผลประโยชนส์ ว่ นรวม ผลประโยชน์ส่วนรวม
๒. ทฤษฎี ความหมายของการขัดกันระหวา่ งประโยชน์
สว่ นตนและประโยชน์ส่วนรวม
๓. การแก้ปญั หาการทจุ ริตในชุมชน
๔. กรณีศึกษาเก่ยี วกับการทจุ รติ
๕. การวิเคราะห์ ผลประโยชน์สว่ นตนออกจากประโยชน์
สว่ นรวม โดยใช้ระบบคดิ ฐานสองทสี่ ง่ ผลกระทบตอ่ ประเทศ
๖. การวเิ คราะห์ความแตกต่างระหวา่ งระบบคิดฐานสบิ และ
ระบบคดิ ฐานสอง
๗. ความตระหนักและความสำ�คญั ของการต่อตา้ นและ
ป้องกนั การทจุ รติ
๘. ความแตกตา่ งระหวา่ งจริยธรรมและการทจุ รติ (ในชมุ ชน
สงั คม)
๘.๑ การทจุ ริตทีเ่ กดิ ข้ึนภายในชุมชน
๘.๒ จรยิ ธรรมทีใ่ ชใ้ นการป้องกนั การทจุ รติ ในชมุ ชน
๙. ประโยชนส์ ว่ นบุคคลและประโยชนส์ ว่ นรวม (ชุมชน
สงั คม)
๙.๑ ความสมั พนั ธ์ระหว่างการขัดกนั ของประโยชน์
ส่วนตนและประโยชนส์ ว่ นรวมกับการทจุ รติ
๙.๒ การแกป้ ัญหาการทุจริตทีเ่ กิดจากการไม่แยกแยะ
ระหวา่ งผลประโยชนส์ ่วนตนและผลประโยชน์ส่วนรวม
๑๐. การขดั กันระหวา่ งประโยชนส์ ว่ นบุคคลและผลประโยชน์
ส่วนรวม (ชมุ ชน สงั คม)
๑๐.๑ ทฤษฎี ความหมายและรปู แบบของการขดั กัน
๑๑. ผลประโยชนท์ บั ซอ้ น และรปู แบบของผลประโยชน์
ทับซอ้ น (ชุมชน สงั คม)
๑๑.๑ สาเหตุการเกิดของผลประโยชนท์ ับซอ้ นระดบั สงั คม
๑๑.๒ รูปแบบผลประโยชน์ทบั ซ้อนระดบั สงั คม
๑๑.๓ แนวทางการป้องกันผลประโยชน์ทบั ซ้อนระดับ
สังคม
ระดับชัน้ มธั ยมศกึ ษาปีที่ ๑ 1
ลำ�ดบั หนว่ ยการเรยี นรู้ เร่ือง จำ�นวน
ชัว่ โมง
๒. ความละอายและ ความไมท่ นตอ่ ๑. ลกั ษณะความละอายและความไมท่ นต่อการทุจริตใน
การทุจริต ชมุ ชน ๘
๒. การลงโทษทางสังคมในชุมชน ๑๐
๓. กรณีตัวอย่างความละอายและความไม่ทนต่อการทุจรติ
ของชมุ ชน ๑๐
๓. STRONG : จติ พอเพียงต้าน ๑. การปฏบิ ตั เิ พื่อให้เกดิ ความพอเพียงบนพนื้ ฐานการไม่
ทุจรติ ทจุ ริต ๔๐
๒. การปฏิบตั ิเพื่อให้เกดิ ความโปรง่ ใสบนพน้ื ฐานการไม่ทุจรติ
๓. การปฏบิ ตั เิ พื่อใหเ้ กดิ ความตืน่ รูบ้ นพ้นื ฐานการไม่ทจุ ริต
๔. การปฏบิ ตั ิเพือ่ ใหเ้ กดิ การมุ่งไปขา้ งหนา้ บนพื้นฐานการไม่
ทุจริต
๕. การปฏิบตั ิเพ่อื ให้เกิดความความรู้บนพนื้ ฐานการไม่ทจุ รติ
๖. การปฏิบัติเพอ่ื ให้เกิดความเอ้ืออาทรบนพนื้ ฐานการไม่
ทจุ ริต
๔. พลเมอื งกบั ความรบั ผิดชอบ ๑. ความหมายของพลเมอื งศึกษา
ตอ่ สงั คม ๒. คุณลักษณะของพลเมือง
๒.๑ อิสรภาพและการพ่งึ พาตนเอง
๒.๒ ความเท่าเทียมกัน
๒.๓ การยอมรับความแตกตา่ งของความเป็นพลเมอื ง
๒.๔ เคารพสิทธผิ ้อู น่ื
๒.๕ การรบั ผิดชอบต่อสังคม
๒.๖ ระบอบประชาธปิ ไตยและการมีสว่ นร่วม
๓. การสรา้ งสำ�นกึ พลเมอื งต่อสงั คม
รวม
2 แผนการจดั การเรยี นรู้ “รายวชิ าเพมิ่ เตมิ การป้องกนั การทจุ รติ ”
หนว่ ยท่ี ๑
การคดิ แยกแยะระหวา่ งผลประโยชน์สว่ นตนและผลประโยชน์ส่วนรวม
แผนการจดั การเรียนรู้
หน่วยท่ี ๑ ช่อื หน่วย การคิดแยกแยะระหวา่ งผลประโยชน์สว่ นตนและผลประโยชน์ส่วนรวม
ชัน้ มัธยมศึกษาปที ่ี ๑
แผนการจัดการเรียนรูท้ ่ี ๑ เรอ่ื ง ทฤษฎี ความหมายของการขดั กนั ระหว่าง เวลา ๑ ชัว่ โมง
ประโยชนส์ ว่ นตนและประโยชน์ส่วนรวม (Conflict of Interests)
๑. ผลการเรยี นรู้
๑.๑ มีความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับการแยกแยะระหว่างผลประโยชน์ส่วนตนและผลประโยชน์
สว่ นรวม
๑.๒ สามารถคดิ แยกแยะระหว่างผลประโยชนส์ ว่ นตนและผลประโยชน์สว่ นรวมได้
๑.๓ ตระหนักและเห็นความส�ำคัญของการตอ่ ต้านและปอ้ งกันการทจุ รติ
๒. จดุ ประสงค์การเรียนรู้
๒.๑ นักเรียนสามารถอธิบายทฤษฎี ความหมายของการขัดกันระหว่างประโยชน์ส่วนตนและ
ประโยชนส์ ่วนรวมได้
๓. สาระการเรยี นรู้
๓.๑ ความรู้
๑) ทฤษฎี ความหมายของการขดั กนั ระหว่างประโยชนส์ ่วนตนและประโยชนส์ ่วนรวม
๓.๒ ทกั ษะ/กระบวนการ (สมรรถนะที่เกิด)
๑) ความสามารถในการคิด (การคิดวเิ คราะห)์
๒) ความสามารถในการสื่อสาร (อา่ น ฟงั พดู เขียน)
๓) ความสามารถในการใช้ทกั ษะชีวติ (วิเคราะห์ จัดกลุม่ สรปุ )
๓.๓ คณุ ลักษณะที่พึงประสงค/์ คา่ นิยม
๑) ซ่ือสตั ย์ เสยี สละ อดทน มอี ดุ มการณใ์ นสงิ่ ทด่ี งี ามเพ่อื ส่วนรวม
๒) มีศลี ธรรม รักษาความสัตย์ หวังดีตอ่ ผ้อู ืน่ เผ่อื แผ่และแบ่งปัน
๔. กิจกรรมการเรยี นรู้
๔.๑ ขั้นตอนการเรยี นรู้
๑) ครบู อกจุดประสงคก์ ารเรียนรู้ให้นักเรียนทราบ
๒) ใหน้ ักเรียนแบง่ กลมุ่ กลมุ่ ละ ๔-๕ คน (คละความสามารถ)
ระดบั ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปที ่ี ๑ 3
๓) ใหน้ ักเรียนแต่ละกลมุ่ ศึกษาค้นคว้า เกย่ี วกบั ทฤษฎี ความหมายของการขัดกนั ระหวา่ ง
ประโยชน์สว่ นตนและประโยชน์สว่ นรวม ในอนิ เทอร์เนต็ (แนวการค้นคว้า การขดั กันระหวา่ งประโยชน์
ส่วนบคุ คล กับประโยชนส์ ่วนรวม https://www.nacc.go.th/ewt_dl_link.php?nid=10581)
๔) ใหน้ ักเรียนแต่ละกลุ่มสรุปองค์ความรู้ทไี่ ด้รับในรปู แผนผังความคดิ ลงในกระดาษ A๔
๕) ให้นกั เรียนน�ำเสนอผลงานการคน้ คว้า
๖) นักเรียนและครูร่วมกนั อภิปรายสรุปองคค์ วามรทู้ ไี่ ด้รับ
๔.๒ สื่อการเรียนร/ู้ แหล่งการเรยี นรู้
๑) แหลง่ เรยี นรบู้ นอนิ เทอรเ์ นต็ เรอื่ ง การขดั กนั ระหวา่ งประโยชนส์ ว่ นบคุ คลและประโยชน์
ส่วนรวม https://www.nacc.go.th/ewt_dl_link.php?nid=10581
๒) กระดาษ A๔
๕. การประเมนิ ผลการเรียนรู้
๕.๑ วธิ กี ารประเมนิ
๑) ใหน้ กั เรียนสรุปแผนผงั ความคดิ จากเรอื่ งทีส่ บื คน้
๒) นักเรยี นน�ำเสนอผลงานการค้นคว้า
๕.๒ เคร่ืองมือท่ใี ชใ้ นการประเมิน
๑) แบบประเมินชิ้นงาน
๒) แบบประเมนิ การน�ำเสนอ
๓) แบบสังเกตพฤตกิ รรมการท�ำงานกลมุ่
๕.๓ เกณฑ์การตัดสิน
นกั เรียนผา่ นการประเมนิ รอ้ ยละ ๘๐ ขนึ้ ไป
๖. บันทกึ หลังสอน
.........................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................
ลงชื่อ................................................ครูผู้สอน
(.................................................)
4 แผนการจดั การเรยี นรู้ “รายวชิ าเพม่ิ เตมิ การปอ้ งกนั การทจุ ริต”
๗. ภาคผนวก
แบบประเมินแผนผงั ความคดิ (ส�ำหรบั ครผู ้สู อน)
ค�ำช้แี จง ใหค้ รผู สู้ อนท�ำเครอ่ื งหมาย ( 3) ลงในชอ่ งคะแนนตามเกณฑก์ ารประเมนิ
สรุปความรไู้ ดถ้ ูกต้อง การเช่ือมโยงความรู้ มีความคดิ สร้างสรรค์
ครบตรงประเดน็ ไดถ้ กู ต้องตามลำ�ดับ ในการเขยี นผัง
เลขท่ี ชื่อ-สกุล ข้นั ความสมั พนั ธ์ ความคิด รวม
๔๓๒๑๔๓๒๑๔๓๒๑
๑
๒
๓
๔
.
.
.
. (ลงชื่อ).......................................................ผปู้ ระเมนิ
(…………………………………………………)
............../................./.................
เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน คะแนนตดั สนิ ระดบั คุณภาพ
ดีมาก = ๔ คะแนน คณุ ภาพ
ด ี = ๓ ๑๐-๑๒ ดีมาก
พอใช้ = ๒ ๗-๙ ดี
ปรับปรุง = ๑ ๔-๖ พอใช้
๑-๓ ควรปรับปรุง
ระดบั ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปีที่ ๑ 5
แบบประเมินแผนผังความคดิ
รายการประเมิน
๑. สรปุ ความรไู้ ด้ถกู ต้อง ครบตรงประเดน็
๒. การเช่ือมโยงความรู้ได้ถกู ตอ้ งตามล�ำดบั ข้ันความสัมพันธ์
๓. มคี วามคิดสรา้ งสรรค์ในการเขยี นผังความคดิ
เกณฑ์การประเมนิ ระดับคุณภาพ
รายการประเมิน คำ�อธิบายระดบั คณุ ภาพ
๑. สรุปความรูไ้ ด้ ๔ (ดีมาก) ๓ (ดี) ๒ (พอใช)้ ๑ (ปรบั ปรงุ )
ถูกตอ้ ง ครบตรง สามารถสรปุ ความ สามารถสรุปความรู้ สรปุ ความรไู้ ม่ครบ สรปุ ความรู้ไม่ถูกตอ้ ง
ประเดน็ รูไ้ ด้ครบและตรง ได้ครบ ตรงประเด็น ทกุ ประเด็น
ประเด็นและถกู ตอ้ ง และมคี วามถูกต้อง
๒. การเช่อื มโยง ทุกหัวข้อ เป็นสว่ นใหญ่
ความรู้ได้ถกู ต้อง
ตามลำ�ดบั ข้ันความ สามารถเชอ่ื มโยง สามารถเชื่อมโยง สามารถเชอื่ มโยง สามารถเช่ือมโยง
สมั พันธ์ ความรไู้ ด้ถูกต้องตาม ความรู้ได้ และลำ�ดบั ความรูแ้ ละลำ�ดับ ความรู้ได้ แตไ่ มเ่ ปน็
๓. มีความคดิ ล�ำ ดบั ความสัมพนั ธ์ ความ สมั พันธไ์ ด้ ความสัมพนั ธ์ไดบ้ า้ ง ไปตามลำ�ดบั ความ
สรา้ งสรรคใ์ นการ คอ่ นข้างครบ สัมพันธ์
เขียนผังความคดิ
สามารถเขยี นผัง สามารถเขียนผงั สามารถเขยี นผงั สามารถเขียนผัง
ความคิดไดใ้ นรูป ความคดิ ไดถ้ ูกตอ้ ง ความคิดได้ และ ความคดิ ได้ แต่ขาด
แบบทถ่ี ูกต้องและ และมีข้อบกพรอ่ ง มีขอ้ บกพร่องเป็น รปู แบบและความ
สวยงาม เพยี งเล็กน้อย บางส่วน สวยงาม
คะแนนตัดสินระดับคุณภาพ
คะแนน คุณภาพ
๑๐-๑๒ ดีมาก
๗-๙
๔-๖ ดี
๑-๓ พอใช้
ควรปรบั ปรุง
6 แผนการจัดการเรยี นรู้ “รายวชิ าเพ่ิมเติม การปอ้ งกนั การทุจริต”
แบบประเมินการน�ำเสนอผลงานรายกลมุ่ (ส�ำหรบั ครผู ้สู อน/นกั เรยี น)
จุดประสงค์ : เพื่อให้นักเรียนทราบถึงจุดเด่นและจุดที่ควรปรับปรุงของผลงานกลุ่มและการน�ำเสนอ
ผลงานกลุ่ม
ค�ำชแ้ี จง ๑. ท�ำเครือ่ งหมาย ( 3) ลงในช่องคะแนนตามเกณฑก์ ารประเมินพฤตกิ รรม
๒. รวมคะแนนการประเมนิ และเปรียบเทียบกับเกณฑ์การประเมิน
นกั เรยี นกลมุ่ ท่ี................................................ชื่อกลมุ่ ...............................................................................
เลขที่ ช่ือ-สกลุ ความถกู ตอ้ ง วธิ กี ารนำ�เสนอ ใชภ้ าษาถกู ตอ้ ง
ของเนอ้ื หา ของกลมุ่ เหมาะสม คะแนนรวม
๔๓๒๑๔๓๒๑๔๓๒๑
ลงชอ่ื .............................................................ผปู้ ระเมนิ
(..........................................................)
……………./………………………./………….
ระดับชัน้ มธั ยมศกึ ษาปีที่ ๑ 7
เกณฑ์การให้คะแนน
ความถกู ต้องของเนื้อหา
๔ หมายถึง มเี นอื้ หาสาระครบถ้วนสมบูรณ์
๓ หมายถงึ มีเนอ้ื หาสาระค่อนขา้ งครบถว้ น
๒ หมายถึง มเี นือ้ หาสาระไมค่ รบถว้ นแต่ภาพรวมของสาระทงั้ หมดอยู่ในเกณฑพ์ อใช้
๑ หมายถงึ มเี นือ้ หาสาระไมค่ รบถว้ นแตภ่ าพรวมของสาระท้งั หมดอยใู่ นเกณฑต์ อ้ งปรับปรุง
วิธีการน�ำเสนอของกลมุ่
๔ หมายถึง รูปแบบการน�ำเสนองานแปลกใหม่ นา่ สนใจ ล�ำดบั เรือ่ งราวไดด้ มี าก
๓ หมายถงึ รปู แบบการน�ำเสนองานนา่ สนใจ ล�ำดับเรอื่ งราวได้ดี
๒ หมายถึง รปู แบบการน�ำเสนองานน่าสนใจ พอใช้ ล�ำดับเรื่องราวไดพ้ อใช้
๑ หมายถงึ รปู แบบการน�ำเสนองานไมน่ า่ สนใจ ล�ำดับเรอ่ื งราวได้ไม่ดี
ใชภ้ าษาถกู ต้องเหมาะสม
๔ หมายถึง ใช้ภาษาถกู ตอ้ งเหมาะสม ออกเสยี งไดถ้ กู ตอ้ งดีมาก ล�ำดบั ความได้ชัดเจน เขา้ ใจงา่ ย
๓ หมายถึง ใช้ภาษาถกู ต้องเหมาะสม ออกเสียงได้ถูกต้องดี ล�ำดบั ความไดด้ ี พอใช้
๒ หมายถงึ ใชภ้ าษาถกู ตอ้ งเหมาะสมออกเสียงไดถ้ กู ตอ้ งพอใช้ล�ำดับความไดพ้ อเขา้ ใจ
๑ หมายถึง ใชภ้ าษาถกู ต้องเหมาะสม ออกเสยี งได้ไมถ่ ูกต้อง ล�ำดบั ความไมช่ ดั เจน
เกณฑ์การประเมนิ
ระดบั คณุ ภาพ ดีมาก ดี พอใช้ ปรบั ปรงุ
คะแนน ๔๓๒๑
เกณฑ์การประเมนิ จากคะแนนรวม คณุ ภาพ
ดีมาก
คะแนน
๑๐-๑๒ ดี
๗-๙ พอใช้
๔-๖ ควรปรบั ปรงุ
๑-๓
8 แผนการจดั การเรยี นรู้ “รายวชิ าเพ่ิมเตมิ การปอ้ งกนั การทจุ ริต”
แบบสงั เกตพฤติกรรมการท�ำงานกลมุ่
กล่มุ ท่ี……..........
ค�ำชี้แจง ผสู้ อนสังเกตการท�ำงานของผู้เรียน โดยท�ำเคร่ืองหมายถูกลงในชอ่ งที่ตรงกับความเปน็ จรงิ
พฤตกิ รรม ความสนใจ การมสี ว่ น การรับฟงั การตอบ ความรบั ผิด รวม
ชอ่ื -สกุล ในการเรียน รว่ ม แสดง ความคดิ เหน็ ค�ำ ถาม ชอบตอ่ งาน คะแนน
๒๑๐ ความคิด ๒๑๐ ทไี่ ดร้ ับมอบ
เห็นในการ ของผอู้ ่นื ๑๐
อภิปราย ๒๑๐ หมาย
๒๑๐ ๒๑๐
๑
๒
๓
๔
๕
๖
๗
๘
๙
๑๐
เกณฑก์ ารประเมิน
ใหค้ ะแนน ๐-๔ ถา้ การท�ำงานน้นั อยู่ในระดบั ต้องปรบั ปรงุ
ใหค้ ะแนน ๕-๗ ถา้ การท�ำงานนนั้ อยู่ในระดบั พอใช้
ใหค้ ะแนน ๘-๑๐ ถ้าการท�ำงานน้ันอย่ใู นระดบั ดี
ลงชอื่ ……………………………………………………ผปู้ ระเมนิ
(…………………………………………………..)
ระดบั ชนั้ มธั ยมศึกษาปที ่ี ๑ 9
แผนการจัดการเรยี นรู้
หนว่ ยท่ี ๑ ชือ่ หน่วย การคดิ แยกแยะระหว่างผลประโยชนส์ ่วนตนและผลประโยชน์สว่ นรวม
ชั้นมัธยมศกึ ษาปีท่ี ๑
แผนการจดั การเรียนรู้ที่ ๒ เร่ือง การทุจรติ ในชมุ ชน เวลา ๒ ชว่ั โมง
๑. ผลการเรียนรู้
๑.๑ มคี วามรู้ ความเขา้ ใจเกย่ี วกบั การแยกแยะระหวา่ งผลประโยชนส์ ว่ นตนและผลประโยชนส์ ว่ นรวม
๑.๒ สามารถคดิ แยกแยะระหวา่ งผลประโยชน์ส่วนตนและผลประโยชน์สว่ นรวมได้
๑.๓ ตระหนักและเห็นความส�ำคญั ของการตอ่ ต้านและป้องกันการทุจริต
๒. จุดประสงคก์ ารเรียนรู้
๒.๑ นกั เรยี นบอกสาเหตุของการทจุ รติ ในชุมชนได้
๒.๒ นักเรียนบอกแนวทางการแกไ้ ขปัญหาการทจุ ริตในชมุ ชนได้
๒.๓ นักเรียนบอกสาเหตแุ ละแนวทางการแก้ปญั หาการทุตริตในกรณศี กึ ษาทค่ี รูยกตัวอยา่ งได้
๓. สาระการเรียนรู้
๓.๑ ความรู้
๑) สาเหตขุ องการทจุ รติ ในชุมชน
๒) แนวทางการแกไ้ ขปัญหาการทุจรติ ในชมุ ชน
๓) ศึกษากรณตี ัวอย่างเกย่ี วกับการทจุ ริตในชุมชน
๓.๒ ทกั ษะ/กระบวนการ (สมรรถนะทเี่ กิด)
๑) ความสามารถในการคดิ (การคดิ วิเคราะห)์
๒) ความสามารถในการสอื่ สาร (อา่ น ฟัง พูด เขยี น)
๓) ความสามารถในการใชท้ กั ษะชวี ิต (วิเคราะห์ จัดกล่มุ สรุป)
๓.๓ คุณลักษณะท่ีพงึ ประสงค/์ ค่านิยม
๑) ซอ่ื สัตย์ เสยี สละ อดทน มีอดุ มการณ์ในส่ิงท่ดี ีงามเพือ่ ส่วนรวม
๒) มศี ีลธรรม รักษาความสตั ย์ หวังดตี ่อผอู้ ืน่ เผ่ือแผแ่ ละแบ่งปัน
๔. กิจกรรมการเรยี นรู้
๔.๑ ข้ันตอนการเรียนรู้
ช่วั โมงท่ี ๑
๑. ครูทบทวนความร้เู ดิม เรอื่ ง ทฤษฎี ความหมายของการขัดกันระหว่างประโยชนส์ ่วนตน
และประโยชนส์ ่วนรวม (Conflict of Interests)
๒. ครบู อกจดุ ประสงค์การเรียนรใู้ ห้นกั เรียนทราบ
๓. นกั เรียนและครรู ว่ มกันระดมความคิด หาปญั หาการทุจริตในชุมชนของตนเอง
10 แผนการจดั การเรียนรู้ “รายวชิ าเพ่มิ เตมิ การปอ้ งกันการทุจรติ ”
๔. นักเรยี นและครูรว่ มกนั เลอื กปัญหาทพี่ บมากที่สดุ ในแต่ละชมุ ชน
๕. ใหน้ กั เรยี นแบง่ กล่มุ กล่มละ ๔-๕ คน (คละความสามารถ)
๖. นักเรียนแต่ละกลุ่มร่วมกันระดมความคิด หาสาเหตุของปัญหาและแนวทางการแก้ไข
ปัญหาการทุจรติ ในชมุ ชน ในรปู แผนผังความคิดลงในกระดาษปรฟู๊ (น�ำ้ ตาล)
ช่วั โมงท่ี ๒
๑. ครทู บทวนครรู ้เู ดมิ เรื่อง ปัญหาการทจุ รติ ในชุมชน
๒. นกั เรียนน�ำเสนอผลงานจากการระดมความคดิ
๓. นกั เรยี นและครูร่วมกนั อภิปรายสรุปองคค์ วามรทู้ ี่ไดร้ บั
๔. ครูแจกใบงาน เร่ืองกรณศี ึกษาปัญหาการทุจรติ ในชุมชน
๕. นักเรยี นและครูรว่ มกันอภปิ รายสรปุ องค์ความรู้ที่ได้รบั จากใบงาน
๔.๒ ส่อื การเรียนรู้/แหลง่ การเรียนรู้
๑) ใบงาน เรอ่ื งกรณศี กึ ษาปญั หาการทจุ รติ ในชุมชน
๒) กระดาษปรู๊ฟ (น�ำ้ ตาล)
๕. การประเมนิ ผลการเรยี นรู้
๕.๑ วิธกี ารประเมนิ
๑) ให้นกั เรยี นสรปุ แผนผังความคิด
๒) นกั เรยี นน�ำเสนอผลงานการค้นคว้า
๓) นกั เรียนท�ำใบงาน เรือ่ งกรณีศกึ ษาปญั หาการทจุ ริตในชมุ ชน
๕.๒ เคร่อื งมอื ท่ีใช้ในการประเมนิ
๑) แบบประเมินชิ้นงาน
๒) แบบประเมินการน�ำเสนอ
๓) แบบสังเกตพฤตกิ รรมการท�ำงานกลมุ่
๕.๓ เกณฑ์การตัดสนิ
นกั เรยี นผ่านการประเมนิ รอ้ ยละ ๘๐ ข้นึ ไป
๖. บันทกึ หลังสอน
.........................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................
ลงช่ือ................................................ครผู ู้สอน
(.................................................)
ระดับช้ันมธั ยมศึกษาปีที่ ๑ 11
๗. ภาคผนวก
กรณศี ึกษาท่ี ๑
กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) กระทรวงสาธารณสุข ร่วมมือกับส�ำนักงานคณะกรรมการ
ปอ้ งกันและปราบปรามการทุจรติ แหง่ ชาติ (ส�ำนกั งาน ป.ป.ช.) จัด “โครงการเสริมสร้างศกั ยภาพ อสม.
ด้านการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในระดับชุมชน” เพื่อส่งเสริมบทบาทของ อสม.ท่ัวประเทศ
เปน็ ตน้ แบบในการขบั เคลอ่ื น เฝา้ ระวงั การตอ่ ตา่ นการทจุ รติ สรา้ งเครอื ขา่ ยเมอื งคนดใี หเ้ กดิ ความเขม้ แขง็
ปลกู จติ ส�ำนึก สร้างคา่ นิยมใหส้ ังคมไทยเป็นสังคมสขี าวปราศจากปญั หาการทุจริต
12 แผนการจัดการเรียนรู้ “รายวชิ าเพ่มิ เติม การปอ้ งกันการทจุ ริต”
กรณีศึกษาที่ ๒
วีรกรรมของเด็กวัยรุ่นที่สังคมต้องหันมาสนใจตอนน้ีคงไม่พ้นเร่ืองการออกมาให้ข้อมูลทุจริตของ
เจา้ หนา้ ทร่ี ฐั อยา่ งกลา้ หาญโดยไมเ่ กรงกลวั อทิ ธพิ ลใด ๆของ “นอ้ งแบม” น.ส.ปณดิ า ยศปญั ญา อายุ ๒๒ ปี
นศ.สาขาพัฒนาชุมชน คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ซ่ึงออกมาเปิดโปงกรณีถึงพิรุธ
การปลอมแปลงเอกสารของศูนย์ชว่ ยเหลอื คนไรท้ พ่ี ง่ึ จ.ขอนแก่น เพอ่ื เบิกจ่ายเงนิ ส�ำหรับผู้ยากไรร้ วมกวา่
๖,๙๐๐,๐๐๐ บาท จนน�ำไปสกู่ ารตรวจสอบขอ้ เทจ็ จรงิ ขา้ ราชการระดบั สงู ของกระทรวงการพฒั นาสงั คม
และความม่ันคงของมนุษย์ (พม.) รวมถงึ ขยายผลตรวจสอบการเบกิ จ่ายเงนิ ของศูนย์ค้มุ ครองคนไร้ทีพ่ งึ่
ทั่วประเทศ
เดก็ วยั รนุ่ ทมี่ ไี ลฟส์ ไตลเ์ หมอื นวยั รนุ่ ทว่ั ไปทเ่ี วลาวา่ งกช็ อบดหู นงั ฟงั เพลงจะแตกตา่ งบา้ งทน่ี สิ ยั ลยุ ๆ
ท�ำใหช้ อบเลน่ กฬี ายงิ ปนื ซงึ่ เดก็ รนุ่ เดยี วกนั ไมค่ อ่ ยนยิ มและจากอปุ นสิ ยั ผาดโผนเหมอื นเดก็ ผชู้ ายจงึ ท�ำให้
น้องแบมสนใจเลือกเรยี นคณะพฒั นาชุมชน
ระดับช้ันมธั ยมศึกษาปที ่ี ๑ 13
กรณศี ึกษาที่ ๓
ผใู้ หญบ่ ้านของหมู่บา้ นแหง่ หนึง่ ได้รบั เงนิ ตามโครงการเพมิ่ ศักยภาพหมูบ่ ้านและชุมชนเพอื่ ความ
เขม้ แขง็ ของเศรษฐกิจฐานรากตามแนวทางประชารฐั ใช้เงินงบประมาณ ๒๐๐,๐๐๐ บาท แต่ไดจ้ ัดซ้ือ
และไดข้ องตามรายละเอียดดังนี้
๑. เตน็ ท์ ๔ หลงั
๒. โตะ๊ ๑๕ ตัว
๓. เก้าอ้ี ๑๐๐ ตวั
ซง่ึ จากการตรวจสอบ ทางผใู้ หญบ่ า้ นคนนไี้ ดถ้ กู สอบสวนแลว้ ชดั เจนวา่ มกี ารทจุ รติ จดั ซอ้ื จดั จา้ งใน
ราคาท่ีสูงเกินความจริง และมีการปลอมลายมือชื่อห้างร้าน โดยใช้ช่ือห้างร้านผู้อ่ืนกรอกข้อมูลรายการ
และราคาอันเป็นเท็จ พร้อมท้ังน�ำเอกสารเท็จไปเบิกเงินกับกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติฯ
อีกท้ังแสดงรายการอันเป็นเท็จเก่ียวกับรายการโต๊ะ เก้าอี้ กรอกข้อความเท็จใช้เบิกเงินท้ังที่ห้างร้าน
ดังกลา่ วจ�ำหน่ายเพยี งเตน็ ทอ์ ย่างเดยี วไมไ่ ด้จ�ำหนา่ ย โต๊ะ เกา้ อี้ ซึง่ หา้ งรา้ นท่ถี กู ปลอมแปลงรายการและ
ราคาทราบ และเห็นว่าเสียหายอาจต้องรับภาษีที่สูงขึ้น โดยได้แจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวน
ด�ำเนนิ คดกี บั ผู้ใหญบ่ า้ น
14 แผนการจัดการเรียนรู้ “รายวิชาเพิ่มเตมิ การป้องกนั การทจุ ริต”
แบบประเมนิ แผนผังความคดิ (ส�ำหรับครูผสู้ อน)
ค�ำชแี้ จง ให้ครผู ู้สอนท�ำเครอ่ื งหมาย ( 3) ลงในช่องคะแนนตามเกณฑ์การประเมนิ
สรปุ ความรู้ไดถ้ กู ต้อง การเช่อื มโยงความรู้ มคี วามคิดสร้างสรรค์
ครบตรงประเด็น ได้ถูกตอ้ งตามล�ำ ดบั ในการเขยี นผัง
เลขที่ ช่อื -สกุล ข้นั ความสัมพันธ์ ความคิด รวม
๔๓๒๑๔๓๒๑๔๓๒๑
๑
๒
๓
๔
.
.
.
.
(ลงช่ือ).......................................................ผ้ปู ระเมนิ
(…………………………………………………)
............../................./.................
เกณฑ์การให้คะแนน คะแนนตดั สินระดบั คุณภาพ
ดมี าก = ๔ คะแนน คณุ ภาพ
ดี = ๓ ๑๐-๑๒ ดีมาก
พอใช้ = ๒ ๗-๙ ดี
ปรบั ปรุง = ๑ ๔-๖ พอใช้
๑-๓ ควรปรับปรุง
ระดับชนั้ มธั ยมศึกษาปีที่ ๑ 15
แบบประเมนิ แผนผงั ความคดิ
รายการประเมนิ
๑. สรุปความร้ไู ด้ถกู ต้อง ครบตรงประเดน็
๒. การเชือ่ มโยงความรไู้ ด้ถูกตอ้ งตามล�ำดับขน้ั ความสมั พันธ์
๓. มีความคิดสรา้ งสรรคใ์ นการเขยี นผังความคิด
เกณฑก์ ารประเมินระดับคุณภาพ
รายการประเมนิ คำ�อธบิ ายระดบั คณุ ภาพ
๑. สรุปความรู้ได้ ๔ (ดมี าก) ๓ (ด)ี ๒ (พอใช้) ๑ (ปรับปรงุ )
ถูกต้อง ครบตรง สามารถสรปุ ความ สามารถสรปุ ความรู้ สรปุ ความรู้ไมค่ รบ สรุปความรู้ไมถ่ กู ตอ้ ง
ประเด็น รูไ้ ดค้ รบและตรง ได้ครบ ตรงประเดน็ ทุกประเด็น
ประเด็นและถูกตอ้ ง และมคี วามถกู ตอ้ ง
๒. การเชอื่ มโยง ทกุ หัวขอ้ เปน็ ส่วนใหญ่
ความร้ไู ด้ถูกตอ้ ง
ตามล�ำ ดบั ขนั้ ความ สามารถเช่อื มโยง สามารถเชื่อมโยง สามารถเช่ือมโยง สามารถเชื่อมโยง
สัมพนั ธ์ ความรู้ไดถ้ กู ตอ้ งตาม ความรู้ได้ และลำ�ดบั ความรู้และล�ำ ดบั ความรไู้ ด้ แตไ่ มเ่ ปน็
๓. มีความคดิ ลำ�ดับความสมั พนั ธ์ ความ สมั พนั ธไ์ ด้ ความสมั พันธ์ได้บ้าง ไปตามลำ�ดับความ
สรา้ งสรรคใ์ นการ คอ่ นข้างครบ สมั พันธ์
เขยี นผงั ความคิด
สามารถเขยี นผงั สามารถเขยี นผงั สามารถเขยี นผัง สามารถเขียนผงั
ความคิดไดใ้ นรปู ความคดิ ได้ถูกต้อง ความคดิ ได้ และมี ความคดิ ได้ แตข่ าด
แบบทีถ่ กู ต้องและ และมขี ้อบกพร่อง ข้อบกพร่องเป็นบาง รปู แบบและความ
สวยงาม เพยี งเล็กน้อย ส่วน สวยงาม
คะแนนตดั สนิ ระดบั คณุ ภาพ
คะแนน คุณภาพ
๑๐-๑๒ ดีมาก
๗-๙
๔-๖ ดี
๑-๓ พอใช้
ควรปรับปรุง
16 แผนการจดั การเรยี นรู้ “รายวชิ าเพมิ่ เตมิ การป้องกนั การทจุ รติ ”
แบบประเมนิ การน�ำเสนอผลงานรายกล่มุ (ส�ำหรับครผู ู้สอน/นักเรยี น)
จุดประสงค์ : เพื่อให้นักเรียนทราบถึงจุดเด่นและจุดที่ควรปรับปรุงของผลงานกลุ่มและการน�ำเสนอ
ผลงานกล่มุ
ค�ำช้ีแจง ๑. ท�ำเครอื่ งหมาย ( 3) ลงในช่องคะแนนตามเกณฑ์การประเมนิ พฤติกรรม
๒. รวมคะแนนการประเมิน และเปรยี บเทียบกบั เกณฑก์ ารประเมิน
นกั เรียนกลุม่ ที่................................................ชอื่ กลมุ่ ...............................................................................
เลขท่ี ช่ือ-สกุล ความถูกตอ้ ง วธิ ีการน�ำ เสนอ ใชภ้ าษาถกู ต้อง
ของเนอ้ื หา ของกลมุ่ เหมาะสม คะแนนรวม
๔๓๒๑๔๓๒๑๔๓๒๑
ลงชอื่ .............................................................ผปู้ ระเมนิ
(..........................................................)
……………./………………………./………….
ระดับชั้นมัธยมศกึ ษาปที ่ี ๑ 17
เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน
ความถกู ต้องของเน้อื หา
๔ หมายถงึ มีเนื้อหาสาระครบถ้วนสมบรู ณ์
๓ หมายถงึ มีเนือ้ หาสาระคอ่ นข้างครบถว้ น
๒ หมายถึง มีเน้ือหาสาระไม่ครบถ้วนแต่ภาพรวมของสาระท้งั หมดอย่ใู นเกณฑ์พอใช้
๑ หมายถงึ มีเนื้อหาสาระไม่ครบถว้ นแต่ภาพรวมของสาระท้งั หมดอยใู่ นเกณฑต์ ้องปรบั ปรุง
วิธีการน�ำเสนอของกลมุ่
๔ หมายถึง รูปแบบการน�ำเสนองานแปลกใหม่ นา่ สนใจ ล�ำดับเรือ่ งราวไดด้ ีมาก
๓ หมายถึง รูปแบบการน�ำเสนองานนา่ สนใจ ล�ำดับเรอ่ื งราวได้ดี
๒ หมายถงึ รปู แบบการน�ำเสนองานนา่ สนใจ พอใช้ ล�ำดบั เรอื่ งราวได้พอใช้
๑ หมายถงึ รูปแบบการน�ำเสนองานไมน่ ่าสนใจ ล�ำดบั เรอ่ื งราวได้ไมด่ ี
ใช้ภาษาถูกตอ้ งเหมาะสม
๔ หมายถึง ใชภ้ าษาถูกตอ้ งเหมาะสม ออกเสยี งได้ถกู ต้องดมี าก ล�ำดับความไดช้ ัดเจน เขา้ ใจง่าย
๓ หมายถึง ใช้ภาษาถูกตอ้ งเหมาะสม ออกเสียงไดถ้ กู ต้องดี ล�ำดบั ความไดด้ ี พอใช้
๒ หมายถงึ ใชภ้ าษาถกู ต้องเหมาะสมออกเสียงได้ถูกตอ้ งพอใช้ล�ำดับความได้พอเขา้ ใจ
๑ หมายถงึ ใช้ภาษาถูกตอ้ งเหมาะสม ออกเสียงไดไ้ ม่ถูกต้อง ล�ำดับความไมช่ ดั เจน
เกณฑ์การประเมิน
ระดบั คณุ ภาพ ดีมาก ดี พอใช้ ปรบั ปรุง
คะแนน ๔๓๒๑
เกณฑก์ ารประเมินจากคะแนนรวม คุณภาพ
ดีมาก
คะแนน
๑๐-๑๒ ดี
๗-๙ พอใช้
๔-๖ ควรปรบั ปรุง
๑-๓
18 แผนการจัดการเรยี นรู้ “รายวิชาเพิ่มเติม การปอ้ งกนั การทจุ รติ ”
แบบสังเกตพฤตกิ รรมการท�ำงานกลุม่
กลมุ่ ที่……..........
ค�ำชีแ้ จง ผู้สอนสงั เกตการท�ำงานของผเู้ รยี น โดยท�ำเครอื่ งหมายถกู ลงในช่องท่ีตรงกบั ความเปน็ จรงิ
พฤติกรรม การมีส่วนร่วม การรับฟงั ความรบั ผดิ ชอบ
ช่ือ-สกลุ แสดง ความคิดเหน็ ต่องาน รวม
ความสนใจ ความคิด การตอบ ที่ไดร้ ับ คะแนน
ในการเรียน เหน็ ในการ ของผ้อู ืน่ คำ�ถาม มอบหมาย
อภิปราย
๒ ๑ ๐ ๒ ๑ ๐ ๒ ๑ ๐ ๒ ๑ ๐ ๒ ๑ ๐ ๑๐
๑
๒
๓
๔
๕
๖
๗
๘
๙
๑๐
เกณฑ์การประเมิน
ให้คะแนน ๐-๔ ถ้าการท�ำงานนนั้ อยใู่ นระดับตอ้ งปรับปรุง
ใหค้ ะแนน ๕-๗ ถา้ การท�ำงานนั้นอย่ใู นระดับพอใช้
ใหค้ ะแนน ๘-๑๐ ถ้าการท�ำงานนัน้ อยู่ในระดบั ดี
ลงชอ่ื ……………………………………………………ผปู้ ระเมนิ
(…………………………………………………..)
ระดับช้ันมัธยมศกึ ษาปที ี่ ๑ 19
แบบประเมนิ ผลงาน
ค�ำชีแ้ จง ท�ำเคร่อื งหมาย 3ลงในช่องระดบั คะแนนพฤตกิ รรมท่ีนกั เรยี นปฏบิ ัตดิ งั นี้
ล�ำดบั หัวข้อประเมนิ ความถูกต้อง ความเรียบร้อย ความคิด การ
ท่ี ระดับคะแนน สร้างสรรค์ รวม ประเมนิ ผล
คะแนน ผา่ น ผไา่มน่ หมายเหตุ
ช่ือ-สกุล ๓ ๒ ๑ ๓๒๑๓๒๑
๑
๒
๓
๔
๕
๖
๗
๘
๙
๑๐
เกณฑ์การประเมิน
คะแนนตง้ั แต่ ๔-๙ ผา่ น
๘-๙ = ดี
๖-๗ = ปานกลาง
๔-๕ = พอใช้
คะแนนต�่ำกวา่ ๔ ไมผ่ า่ น
20 แผนการจดั การเรียนรู้ “รายวชิ าเพม่ิ เติม การป้องกันการทจุ รติ ”
แผนการจดั การเรียนรู้
หน่วยท่ี ๑ ชื่อหน่วยการคิดแยกแยะระหว่างผลประโยชน์ส่วนตนและผลประโยชนส์ ่วนรวม
ช้ันมธั ยมศึกษาปีที่ ๑
แผนการจัดการเรียนรทู้ ี่ ๓ เร่อื ง การวเิ คราะห์ผลประโยชน์ส่วนตนออกจาก เวลา ๒ ชว่ั โมง
ประโยชน์สว่ นรวม โดยใช้ระบบคิดฐานสอง
ที่ส่งผลกระทบต่อประเทศ
๑. ผลการเรยี นรู้
๑.๑ มคี วามรู้ ความเขา้ ใจเกยี่ วกบั การแยกแยะระหวา่ งผลประโยชนส์ ว่ นตนและผลประโยชนส์ ว่ นรวม
๑.๒ สามารถคดิ แยกแยะระหวา่ งผลประโยชนส์ ว่ นตนและผลประโยชน์สว่ นรวมได้
๑.๓ ตระหนกั และเหน็ ความส�ำคัญของการตอ่ ต้านและปอ้ งกนั การทุจรติ
๒. จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้
๒.๑ นักเรียนสามารถวิเคราะห์ผลประโยชน์ส่วนตนออกจากประโยชน์ส่วนรวม โดยใช้ระบบคิด
ฐานสอง ที่ส่งผลกระทบตอ่ ประเทศได้
๓. สาระการเรยี นรู้
๓.๑ ความรู้
- ความหมายของการวเิ คราะห์
การคดิ วเิ คราะห์ (Critical Thinking) พจนานกุ รมฉบบั เฉลมิ พระเกยี รตพิ ทุ ธศกั ราช ๒๕๓๐
(๒๕๓๐: ๔๙๒) ค�ำว่า คิด หมายถึง นึกคดิ ระลกึ ตรึกตรอง สว่ นค�ำวา่ วเิ คราะห์ หมายถงึ วา่ ดู สงั เกต
ใคร่ครวญ อย่างละเอียดรอบครอบในเรื่องราวต่างๆ อย่างมีเหตุผล โดยหาส่วนดี ส่วนบกพร่อง หรือ
จดุ เดน่ จุดด้อยของเรือ่ งนนั้ ๆ แล้ว เสนอแนะสง่ิ ทดี่ ีทีท่ เ่ี หมาะสมอยา่ งยุตธิ รรม
- ความหมายของผลประโยชน์สว่ นตนและผลประโยชน์สว่ นรวม
ประโยชน์ส่วนตน หมายถงึ การท่ีบุคคลท่ัวไปในสถานะเอกชนหรอื เจา้ หน้าท่ี ของรฐั ได้
ท�ำกิจกรรมหรอื ได้กระท�ำการต่างๆเพื่อประโยชนส์ ว่ นตน ครอบครัว ญาติ เพ่ือน หรอื ของกลุม่ ในสงั คม
ท่ีมีความสัมพันธ์กันในรูปแบบต่างๆ เช่น การประกอบอาชีพ การท�ำธุรกิจ การค้า การลงทุน เพ่ือหา
ประโยชนใ์ นทางการเงินหรือในทางทรพั ย์สนิ ต่างๆ เป็นต้น
ประโยชน์ส่วนรวม หมายถึง การทีบ่ ุคคลใดๆ ในสถานะทเ่ี ป็นเจา้ หนา้ ทีข่ องรัฐ (ผ้ดู �ำรง
ต�ำแหนง ทางการเมอื ง ขาราชการ พนกั งานรฐั วสิ าหกจิ หรอื เจาหนาทขี่ องรฐั ในหนว่ ยงานของรฐั ) ไดก ระท�ำ
การใดๆ ตามหนา้ ที่ หรอื ไดป ฏบิ ตั หิ นา้ ทอี่ นื่ เปน็ การด�ำเนนิ การ อกี สว่ นหนง่ึ ทแ่ี ยกออกมาจากการด�ำเนนิ การ
ตามหน้าที่ในสถานะของเอกชน การกระท�ำการใดๆ ตามหนาที่หรือการปฏิบัติหนาท่ีของเจาหนาท่ี
ของรัฐจึงมีวัตถุประสงค์หรือมีเป้าหมายเพื่อประโยชน์ของส่วนรวม หรือการรักษาประโยชน์สวนรวมที่
เปน็ ประโยชนข์ องรฐั การท�ำหนา้ ทข่ี องเจาหนาทข่ี องรฐั จงึ มคี วามเกยี่ วขอ้ งเชอื่ มโยงกบั อ�ำนาจหนา้ ทตี่ าม
ระดบั ชัน้ มัธยมศกึ ษาปีที่ ๑ 21
กฎหมายและจะมรี ปู แบบของความสมั พนั ธห์ รอื มกี ารกระท�ำในลกั ษณะตา่ ง ๆ กนั ทเ่ี หมอื นหรอื คลา้ ยกบั
การกระท�ำของบคุ คลในสถานะเอกชน เพยี งแตก่ ารกระท�ำในสถานะทเี่ ปน็ เจา้ หนา้ ทขี่ องรฐั กบั การกระท�ำ
ในสถานะเอกชน จะมคี วามแตกตา่ งกันทว่ี ัตถุประสงค์
- ความหมายของระบบคดิ ฐานสอง
ระบบคิดฐาน ๒ (Digital) คือ เป็นระบบคิดท่ีสามารถแยกเรื่องประโยชน์ส่วนตนและ
ผลประโยชนส์ ว่ นรวมออกจากกนั ไดอ้ ยา่ งชดั เจน ไมน่ �ำมารวมกนั สงิ่ ไหนถกู สง่ิ ไหนผดิ สง่ิ ไหนท�ำไดส้ งิ่ ไหน
ท�ำไมไ่ ด้ ผลประโยชนส์ ว่ นรวมยอ่ มส�ำคญั กวา่ ผลประโยชนส์ ว่ นตน ควรยดึ ผลประโยชนส์ ว่ นรวมเปน็ หลกั
๓.๒ ทกั ษะ/กระบวนการ (สมรรถนะที่เกิด)
๑) ความสามารถในการคิด (การคิดวเิ คราะห์)
๒) ความสามารถในการสอื่ สาร (อา่ น ฟงั พดู เขียน)
๓) ความสามารถในการใชท้ ักษะชวี ิต (วิเคราะห์ จัดกลุ่ม สรปุ )
๓.๓ คุณลักษณะท่ีพงึ ประสงค์/คา่ นยิ ม
๑) ซื่อสตั ย์ เสียสละ อดทน มอี ุดมการณ์ในส่ิงทด่ี ีงามเพอ่ื สว่ นรวม
๒) มศี ลี ธรรม รกั ษาความสตั ย์ หวงั ดีต่อผอู้ น่ื เผ่อื แผ่และแบ่งปนั
๔. ขน้ั ตอนการเรยี นรู้
๔.๑ กิจกรรมการเรียนรู้
ช่วั โมงที่ ๑
๑) ครทู บทวนความรเู้ ดมิ เรอื่ งการคดิ วเิ คราะห,์ ผลประโยชนส์ ว่ นตนและผลประโยชนส์ ว่ นรวม,
ระบบคิดฐานสอง
๒) ครูยกตัวอย่างสถานการการทรุจริตระดับประเทศ เช่น การโกงข้อสอบเข้ารับราชการ
และสนทนากับนักเรยี นด้วยค�ำถาม-ตอบ เช่น หากนกั เรยี นพบวา่ ญาติของนกั เรยี นทุจริตในการสอบเขา้
รบั ราชการ นกั เรยี นควรท�ำเชน่ ไร นกั เรยี นจะเหน็ แกป่ ระโยชนส์ ว่ นตนหรอื ผลประโยชนส์ ว่ นราวมมากอ่ น
๓) ครูแจง้ จุดประสงคก์ ารเรยี นรใู้ ห้นักเรียนทราบ
๔) ครใู ห้นกั เรียนแบ่งกล่มุ กลมุ่ ละ ๔-๕ คน (คละความสามารถ)
๕) นักเรยี นแตล่ ะกลมุ่ เลือกหัวขอ้ บทบาทสมมุติท่คี รูก�ำหนดไว้ ดังน้ี
- นักเรยี นเดินทางไปเที่ยวจงั หวัดเชียงใหมก่ บั เพ่อื น ๆ และพบชาวบา้ นกลุ่มหนึง่ ก�ำลงั
ตัดไมอ้ ยู่
- นักเรียนเดนิ ทางไปเที่ยวจงั หวัดกระบ่ี กบั เพือ่ น ๆ และพบขยะจ�ำนวนมากรมิ หาดทราย
- นักเรยี นพบว่าพช่ี ายของตนเองว่าจ้างกลุ่มคน มาช่วยในการทจุ รติ ขอ้ สอบ เพื่อสอบ
เข้าข้าราชการ
- นักเรียนพบวา่ มีการทจุ รติ ในการหาเสยี งเลอื กตั้งนายกรัฐมนตรี โดยมีการแจกเงนิ ให้
กบั ญาติพนี่ ้องของนกั เรียน
22 แผนการจดั การเรียนรู้ “รายวิชาเพิ่มเติม การปอ้ งกันการทุจรติ ”
๖) นกั เรียนแต่ละกลุ่มเขยี นบท บทบาทสมมตุ ิตามหัวข้อทีต่ นเองได้รบั ซึ่งบทบาทน้นั ต้อง
แสดงถงึ การวเิ คราะห์ผลประโยชน์สว่ นตน และผลประโยชน์สาวนรวม ตามระบบคิดฐานสอง ซึง่ จะออก
มาเปน็ บทสรปุ ของบทบาทสมมุตนิ ้นั พรอ้ มท้งั ต้งั ชอ่ื เรื่อง
ชว่ั โมงท่ี ๒
๑) ครทู บทวนความรเู้ ดมิ เรอ่ื งการคดิ วเิ คราะห,์ ผลประโยชนส์ ว่ นตน และผลประโยชนส์ ว่ นรวม,
ระบบคดิ ฐานสอง
๒) นกั เรยี นแตล่ ะกลุ่มแสดงบทบาทสมมตุ ติ ามหัวขอ้ ทีก่ ลุ่มตนเองได้รับ
๓) ครแู ละนกั เรยี นชว่ ยกันสรุปกิจกรรม
๔.๒ ส่ือการเรยี นรู้/แหลง่ การเรียนรู้
๑) หัวขอ้ บทบาทสมมตุ ิ จ�ำนวน ๔ หัวขอ้ ดังน้ี
- นักเรยี นเดินทางไปเทย่ี วจังหวัดเชยี งใหมก่ ับเพือ่ น ๆ และพบชาวบา้ นกลุม่ หนึ่งก�ำลัง
ตดั ไม้อยู่
- นกั เรยี นเดนิ ทางไปเทยี่ วจงั หวดั กระบี่ กบั เพอ่ื น ๆ และพบขยะจ�ำนวนมากรมิ หาดทราย
- นักเรยี นพบวา่ พ่ชี ายของตนเองวา่ จ้างกลุม่ คน มาชว่ ยในการทุจรติ ขอ้ สอบ เพ่ือสอบ
เข้าข้าราชการ
- นักเรยี นพบวา่ มีการทจุ รติ ในการหาเสียงเลอื กต้งั นายกรฐั มนตรี โดยมกี ารแจกเงินให้
กบั ญาติพน่ี อ้ งของนักเรียน
๕. การประเมินผลการเรยี นรู้
๕.๑ วธิ กี ารประเมิน
๑) นักเรียนแสดงบทบาทสมมตุ ิ
๕.๒ เครื่องมือทใี่ ช้ในการประเมิน
๑) แบบประเมนิ การแสดงบทบาทสมมุติ
๒) แบบสงั เกตพฤติกรรมการท�ำงานกลมุ่
๕.๓ เกณฑ์การตัดสิน
นกั เรยี นผ่านการประเมนิ รอ้ ยละ ๘๐ ขนึ้ ไป
๖. บันทึกหลงั สอน
.........................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................................
ลงชอ่ื ................................................ครผู สู้ อน
(.................................................)
ระดับชน้ั มธั ยมศึกษาปีที่ ๑ 23
๗. ภาคผนวก
แบบสังเกตพฤติกรรมการท�ำงานกลุ่ม
กลุ่มท…ี่ …..........
ค�ำช้แี จง ผสู้ อนสงั เกตการท�ำงานของผเู้ รยี น โดยท�ำเครื่องหมายถูกลงในชอ่ งทต่ี รงกับความเปน็ จริง
พฤตกิ รรม ความสนใจ การมีส่วนรว่ ม การรับฟงั การตอบ ความรบั ผดิ ชอบ
ช่อื -สกุล ในการเรยี น แสดง ความคิดเห็น ค�ำ ถาม ตอ่ งาน รวม
๒๑๐ ความคดิ ๒๑๐ ทไ่ี ด้รบั คะแนน
ของผู้อ่นื มอบหมาย
เห็นในการ ๒๑๐
อภปิ ราย ๒ ๑ ๐ ๑๐
๒๑๐
๑
๒
๓
๔
๕
๖
๗
๘
๙
๑๐
เกณฑ์การประเมนิ
ใหค้ ะแนน ๐-๔ ถา้ การท�ำงานนั้นอยใู่ นระดับตอ้ งปรับปรุง
ใหค้ ะแนน ๕-๗ ถา้ การท�ำงานนัน้ อยู่ในระดับพอใช้
ใหค้ ะแนน ๘-๑๐ ถ้าการท�ำงานนั้นอยู่ในระดบั ดี
ลงชอ่ื ……………………………………………………ผปู้ ระเมนิ
(…………………………………………………..)
24 แผนการจดั การเรยี นรู้ “รายวิชาเพิ่มเติม การปอ้ งกนั การทจุ ริต”
แบบประเมินการแสดงบทบาทสมมตุ ิ ผลการ
ประเมนิ
เรือ่ ง......................................................................................................
วนั ท่.ี ..........เดอื น................................. พ.ศ. ...........
ชือ่ กลุม่ ...............................................
รายการประเมนิ
ที่ ชอื่ -สกุล เ ้นือหาสอดค ้ลอง ักบ ัหว ้ขอ (๕ คะแนน)
ความก ้ลาแสดงออก (๕ คะแนน)
ความคิด ิรเ ่ิรมส ้รางสรรค์ (๕ คะแนน)
บทสรุปสอดค ้ลอง ักบระบบคิดฐานสอง
(๕คะแนน)
รวมคะแนน (๒๐ คะแนน)
่ผาน
ไม่ผ่าน
๑
๒
๓
๔
๕
๖
๗
๘
๙
๑๐
เกณฑ์การประเมนิ
ได้คะแนนร้อยละ ๖๐ ขน้ึ ไปถือว่าผ่าน หรืออาจใชเ้ กณฑ์เป็นระดบั คณุ ภาพ ๔, ๓, ๒, ๑ ดงั นี้
ระดบั ๔ ดมี าก คะแนน ๑๖-๒๐ คะแนน
ระดบั ๓ ด ี คะแนน ๑๒-๑๕ คะแนน
ระดบั ๒ พอใช ้ คะแนน ๘-๑๑ คะแนน
ระดับ ๑ ควรปรับปรุง คะแนน ๐-๗ คะแนน
ระดับชน้ั มธั ยมศึกษาปที ่ี ๑ 25
แผนการจดั การเรยี นรู้
หน่วยท่ี ๑ ชือ่ หนว่ ย การคดิ แยกแยะระหว่างผลประโยชน์ส่วนตนและผลประโยชนส์ ่วนรวม
ชัน้ มัธยมศึกษาปีท่ี ๑
แผนการจัดการเรยี นร้ทู ี่ ๔ เรือ่ ง ระบบคิดฐานสอง และระบบคิดฐานสิบ เวลา ๑ ชว่ั โมง
๑. ผลการเรยี นรู้
๑.๑ มคี วามรู้ ความเขา้ ใจเกยี่ วกบั การแยกแยะระหวา่ งผลประโยชนส์ ว่ นตนและผลประโยชนส์ ว่ นรวม
๑.๒ สามารถคิดแยกแยะระหวา่ งผลประโยชนส์ ว่ นตนและผลประโยชนส์ ว่ นรวมได้
๑.๓ ตระหนกั และเห็นความส�ำคญั ของการต่อต้านและป้องกันการทุจรติ
๒. จุดประสงค์การเรยี นรู้
๒.๑ นักเรียนสามารถวเิ คราะห์ความแตกตา่ งระหว่างระบบคดิ ฐานสองและระบบคดิ ฐานสบิ ได้
๓. สาระการเรยี นรู้
๓.๑ ความรู้
- ความหมายของการวเิ คราะห์
การคิดวิเคราะห์ (Critical Thinking) พจนานุกรมฉบับเฉลิมพระเกียรติพุทธศักราช
๒๕๓๐ (๒๕๓๐: ๔๙๒) ค�ำวา่ คดิ หมายถงึ นกึ คดิ ระลกึ ตรึกตรอง สว่ นค�ำว่า วิเคราะห์ หมายถึงวา่
ดู สงั เกต ใคร่ครวญ อย่างละเอียดรอบครอบในเร่ืองราวต่างๆ อยา่ งมีเหตผุ ล โดยหาส่วนดี สว่ นบกพรอ่ ง
หรือจุดเดน่ จุดดอ้ ยของเรือ่ งนน้ั ๆ แลว้ เสนอแนะสิง่ ทดี่ ที ีท่ เี่ หมาะสมอยา่ งยตุ ธิ รรม
- ความหมายของระบบคดิ ฐานสอง
ระบบคิดฐาน ๒ (Digital) คือ เป็นระบบคิดท่ีสามารถแยกเรื่องประโยชน์ส่วนตนและ
ผลประโยชนส์ ว่ นรวมออกจากกนั ไดอ้ ยา่ งชดั เจน ไมน่ �ำมารวมกนั สง่ิ ไหนถกู สงิ่ ไหนผดิ สง่ิ ไหนท�ำไดส้ ง่ิ ไหน
ท�ำไมไ่ ด้ ผลประโยชนส์ ว่ นรวมยอ่ มส�ำคญั กวา่ ผลประโยชนส์ ว่ นตน ควรยดึ ผลประโยชนส์ ว่ นรวมเปน็ หลกั
- ความหมายของระบบคดิ ฐานสิบ
“ระบบคดิ ฐาน ๑๐ (Analog)” นน้ั คอื โอกาสทมี่ ที างเลอื กหลายทาง มกั เหน็ แกป่ ระโยชน์
ส่วนตนมากกว่าประโยชน์ส่วนรวม แยกแยะไม่ออกว่าส่ิงใดควรปฏิบัติส่ิงใดไม่ควรปฏิบัติ พฤติกรรมที่
แสดงออกของระบบคดิ ฐาน ๑๐ ที่ไม่ควรปฏบิ ัติ เช่น น�ำไม้กวาดของโรงเรียนไปใชท้ ่ีบ้าน ไมป่ ดิ กอ๊ กน�้ำ
หลงั จากเลิกใช้ เอาผลงานของเพอ่ื นมาเป็นของตนเอง รับสง่ิ ของเพื่อแลกกับคะแนนเสยี งเลอื กต้ังตา่ งๆ
เป็นต้น
๓.๒ ทักษะ/กระบวนการ (สมรรถนะที่เกิด)
๑) ความสามารถในการคดิ (การคิดวเิ คราะห์)
๒) ความสามารถในการสื่อสาร (อ่าน ฟงั พดู เขียน)
๓) ความสามารถในการใช้ทักษะชวี ิต (วเิ คราะห์ จดั กลมุ่ สรุป)
๓.๓ คุณลกั ษณะทพี่ งึ ประสงค์/คา่ นิยม
๑) ซื่อสัตย์ เสยี สละ อดทน มีอดุ มการณ์ในสง่ิ ทด่ี งี ามเพื่อส่วนรวม
๒) มีศีลธรรม รกั ษาความสตั ย์ หวงั ดีต่อผอู้ ื่น เผ่ือแผแ่ ละแบง่ ปนั
26 แผนการจัดการเรยี นรู้ “รายวชิ าเพมิ่ เตมิ การป้องกนั การทจุ รติ ”
๔. กจิ กรรมการเรยี นรู้
๔.๑ ขัน้ ตอนการเรียนรู้
ชั่วโมงท่ี ๑
๑) ครูทบทวนความรูเ้ รื่อง ระบบคิดฐานสอง ระบบคิดฐานสิบ และการคดิ วเิ คราะห์
๒) ครูน�ำภาพ ๒ ภาพ (ภาพท่ี ๑ การยืนเข้าแถวซื้อของอย่างเป็นระเบียบ, ภาพท่ี ๒
การแซงควิ ซอ้ื ของ) มาใหน้ ักเรียนดูแล้วสนทนารว่ มกัน โดยใช้ค�ำถาม ดงั น้ี
๒.๑ ว่าภาพทน่ี กั เรียนเห็นนเ้ี ป็นภาพอะไร
๒.๒ พฤตกิ รรมทแี่ สดงออกเปน็ อยา่ งไร
๒.๓ นักเรยี นคิดวา่ ภาพใดควรปฏิบตั ิ และภาพใดไมค่ วรปฏิบัติ
๒.๔ ภาพใดสอ่ื ถึงระบบการคิดฐานสอง และภาพใดสอ่ื ถึงระบบคิดฐานสิบ
๓) ครูให้นักเรยี นยกตวั อยา่ งพฤติกรรมทแ่ี สดงของระบบคิดฐานสอง และระบบคดิ ฐานสบิ
ภายในชุมชน แลว้ เขียนลงบนกระดาน เชน่
ระบบคิดฐานสอง ระบบคดิ ฐานสบิ
๑. การทงิ้ ขยะถูกท่ี ๑. คดิ ขยะไม่ลงถัง
๒. ใหค้ วามร่วมมือกจิ กรรมของชุมชน ๒. ไมใ่ หค้ วามร่วมมือกับชมุ ชนในการจัดกจิ กรรม
๓. ไม่ส่งเสียงดังรบกวนเพ่อื นบ้าน ๓. ส่งเสยี งดงั รบกวนเพ่อื นบ้าน
๔) ครใู ห้นักเรยี นท�ำใบงานท่ี ๑ เรื่อง คิด...คดิ ...คิด
๕) ครูและนกั เรียนร่วมกนั สรุปองค์ความรู้เร่ืองพฤตกิ รรมตวั อย่างระบบการคิดฐาน ๒
๔.๒ สื่อการเรียนรู้
๑) ภาพการยนื เข้าแถวซือ้ ของอยา่ งเปน็ ระเบียบ และการแซงควิ ซื้อของ
๒) ใบงานท่ี ๑ เรอื่ ง คดิ ...คดิ ...คดิ
๕. การประเมินผลการเรยี นรู้
๕.๑ วธิ กี ารประเมนิ
๑) ตรวจใบงาน
๒) สังเกตพฤติกรรมนกั เรยี น
๕.๒ เคร่ืองมอื ที่ใชใ้ นการประเมิน
๑) แบบตรวจใหค้ ะแนนใบงาน
๒) แบบสังเกตพฤตกิ รรมนักเรียน
๕.๓ เกณฑก์ ารประเมิน
๑) นักเรียนผ่านเกณฑ์การประเมนิ รอ้ ยละ ๘๐ ขน้ึ ไป ถอื วา่ ผา่ น
ระดับช้นั มัธยมศึกษาปที ี่ ๑ 27
๖. บนั ทกึ หลงั สอน
........................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................................
ลงชอ่ื ................................................ครูผู้สอน
(.................................................)
๗. ภาคผนวก
ภาพการยืนเขา้ แถวซื้อของอยา่ งเป็นระเบียบ
ภาพการแซงคิวซอ้ื ของ
28 แผนการจดั การเรียนรู้ “รายวิชาเพมิ่ เตมิ การป้องกันการทจุ รติ ”
ระดบั ชั้นมธั ยมศกึ ษาปีท่ี ๑ 29
ใบงาน
เรอื่ งคิด...คดิ ...คดิ
ค�ำชแี้ จง ใหน้ กั เรยี นระบายสเี ขยี วลงใน ใหต้ รงกบั ขอ้ ความพฤตกิ รรมการแสดงออกของระบบคดิ ฐานสอง
และระบายสแี ดงใน ตรงกบั ขอ้ ความพฤตกิ รรมการแสดงออกของระบบคดิ ฐานสบิ
ส่งเสียงดงั รบกวนเพ่อื นบา้ น ขายของในสวนสาธาณะหม่บู ้าน
ขโมยใชไ้ ฟสาธารณะในงานสว่ นตวั ทง้ิ ขยะลงในถงั ขยะ
ใช้อปุ กรณ์กฬี าของหมูบ่ ้านอย่างทนุถนอม ปิดพดั ลมทกุ คร้ังหลงั ออกจากหอ้ งเรยี น
ไม่เอาสมบตั ิของหมูบ่ า้ นมาเปน็ ของตน เอาแทบ็ เลต็ ของตนเองมาชารท์ ทท่ี ที่ �ำการหมบู่ า้ น
เขา้ รว่ มกจิ กรรมของหมู่บา้ นอย่างสม�่ำเสมอ ขุดพันธุ์ไม้จากสวนสาธาณะของหม่บู า้ นมาปลกู
ทีบ่ ้านของตน
ช่ือ...............................................................................ช้ัน......................เลขท่ี..............
30 แผนการจดั การเรยี นรู้ “รายวิชาเพ่ิมเตมิ การป้องกนั การทจุ ริต”
แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการท�ำงานกลุม่
กลมุ่ ท…่ี …..........
ค�ำชีแ้ จง ผู้สอนสงั เกตการท�ำงานของผเู้ รยี น โดยท�ำเครอื่ งหมายถกู ลงในช่องท่ีตรงกบั ความเปน็ จรงิ
พฤติกรรม ความสนใจ การมสี ่วนร่วม การรับฟงั การตอบ ความรบั ผดิ ชอบ
ช่ือ-สกลุ ในการเรียน แสดง ความคิดเหน็ คำ�ถาม ต่องาน รวม
๒๑๐ ความคิด ๒๑๐ ที่ไดร้ ับ คะแนน
ของผ้อู ืน่ มอบหมาย
เห็นในการ ๒๑๐
อภิปราย ๒ ๑ ๐ ๑๐
๒๑๐
๑
๒
๓
๔
๕
๖
๗
๘
๙
๑๐
เกณฑ์การประเมิน
ให้คะแนน ๐-๔ ถ้าการท�ำงานน้ันอยู่ในระดบั ตอ้ งปรับปรุง
ใหค้ ะแนน ๕-๗ ถา้ การท�ำงานน้ันอยใู่ นระดับพอใช้
ใหค้ ะแนน ๘-๑๐ ถ้าการท�ำงานนัน้ อยู่ในระดับดี
ลงชอ่ื ……………………………………………………ผปู้ ระเมนิ
(…………………………………………………..)
ระดับช้ันมัธยมศกึ ษาปที ี่ ๑ 31
แบบประเมินผลงาน
ค�ำชี้แจง ท�ำเครือ่ งหมาย 3ลงในชอ่ งระดบั คะแนนพฤติกรรมท่ีนักเรยี นปฏบิ ตั ิดงั นี้
ล�ำดบั หวั ขอ้ ประเมิน ความถกู ต้อง ความเรยี บรอ้ ย ความคิด การ
ท่ี ระดับคะแนน สรา้ งสรรค์ รวม ประเมินผล
คะแนน ผา่ น ผไ่ามน่ หมายเหตุ
ช่ือ-สกลุ ๓ ๒ ๑ ๓๒๑๓๒๑
๑
๒
๓
๔
๕
๖
๗
๘
๙
๑๐
เกณฑก์ ารประเมนิ
คะแนนตั้งแต่ ๔-๙ ผ่าน
๘-๙ = ดี
๖-๗ = ปานกลาง
๔-๕ = พอใช้
คะแนนต่ำ� กว่า ๔ ไม่ผ่าน
32 แผนการจัดการเรยี นรู้ “รายวชิ าเพม่ิ เติม การป้องกันการทุจริต”
แผนการจัดการเรยี นรู้
หน่วยท่ี ๑ ชอ่ื หนว่ ย การคดิ แยกแยะระหว่างผลประโยชน์ส่วนตนและผลประโยชนส์ ่วนรวม
ชน้ั มัธยมศึกษาปที ี่ ๑
แผนการจดั การเรียนรทู้ ่ี ๕ เร่อื ง ความตระหนักและความส�ำคญั ของการตอ่ ตา้ นและ เวลา ๑ ช่วั โมง
ปอ้ งกนั การทจุ รติ
๑. ผลการเรียนรู้
๑.๑ มคี วามรู้ ความเขา้ ใจเกยี่ วกบั การแยกแยะระหวา่ งผลประโยชนส์ ว่ นตนและผลประโยชนส์ ว่ นรวม
๑.๒ สามารถคิดแยกแยะระหวา่ งผลประโยชนส์ ่วนตนและผลประโยชนส์ ่วนรวมได้
๑.๓ ตระหนักและเห็นความส�ำคัญของการต่อต้านและป้องกันการทจุ รติ
๒. จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้
๒.๑ นักเรยี นสามารถบอกความส�ำคญั ของการต่อต้านและปอ้ งกนั การทจุ ริตได้
๒.๒ นกั เรียนมคี วามตระหนักตอ่ การตอ่ ต้านและปอ้ งกนั การทุจรติ
๓. สาระการเรยี นรู้
๓.๑ ความรู้
ความตระหนักและความส�ำคญั ของการตอ่ ตา้ นและป้องกันการทจุ รติ
๓.๒ ทกั ษะ/กระบวนการ (สมรรถนะทเ่ี กดิ )
๑) ความสามารถในการคดิ (การคิดวเิ คราะห)์
๒) ความสามารถในการสอ่ื สาร (อา่ น ฟัง พูด เขียน)
๓) ความสามารถในการใชท้ กั ษะชวี ิต (วิเคราะห์ จดั กลุ่ม สรุป)
๓.๓ คณุ ลักษณะทพี่ งึ ประสงค/์ ค่านิยม
๑) ซอ่ื สตั ย์ เสยี สละ อดทน มอี ดุ มการณใ์ นสงิ่ ที่ดงี ามเพอื่ ส่วนรวม
๒) มศี ีลธรรม รกั ษาความสตั ย์ หวังดีต่อผู้อืน่ เผอ่ื แผแ่ ละแบ่งปนั
๔. กจิ กรรมการเรยี นรู้
๔.๑ ข้นั ตอนการเรียนรู้
๑) ครใู ห้นกั เรยี นชมวดี ทิ ศั น์ เรื่อง ปัญหาการทจุ รติ คอรร์ ัปชนั ไม่ใช่เรอ่ื งไกลตัว
๒) ครใู หน้ กั เรยี นรว่ มกนั อภปิ รายและเสนอเกยี่ วกบั การทจุ รติ ทสี่ ามารถเกดิ ขนึ้ ไดใ้ กลต้ วั เรา
ทง้ั ในห้องเรียน ชุมชน และสงั คม
๓) ให้นักเรียนแต่ละคนแต่งค�ำขวัญท่ีสื่อถึงความตระหนักและความส�ำคัญของการต่อต้าน
และปอ้ งกันการทจุ ริต
๔) นักเรียนน�ำเสนอผลงานของตนเอง
๕) ครูและนกั เรยี นร่วมกันสรุปองค์ความรู้ทไ่ี ดร้ ับ
ระดบั ชน้ั มัธยมศึกษาปที ี่ ๑ 33
๔.๒ สื่อการเรยี นรู้
๑) วดี ิทศั น์ เร่อื ง ปัญหาการทจุ รติ คอรร์ ปั ชนั ไมใ่ ชเ่ ร่ืองไกลตวั
๕. การประเมนิ ผลการเรยี นรู้
๕.๑ วิธกี ารประเมิน
๑) ตรวจค�ำขวัญ
๒) สังเกตพฤตกิ รรมนกั เรยี น
๕.๒ เครอ่ื งมอื ท่ใี ช้ในการประเมนิ
๑) แบบประเมนิ ผลงาน
๒) แบบสังเกตพฤติกรรมนกั เรียน
๕.๓ เกณฑ์การประเมนิ
๑) นักเรยี นผา่ นเกณฑก์ ารประเมินรอ้ ยละ ๘๐ ขนึ้ ไป ถือวา่ ผ่าน
๖. บันทกึ หลงั สอน
........................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................................
ลงชอื่ ................................................ครผู สู้ อน
(.................................................)
34 แผนการจัดการเรยี นรู้ “รายวชิ าเพ่มิ เตมิ การปอ้ งกนั การทจุ ริต”
๗. ภาคผนวก
วดี ิทศั น์ เรอ่ื ง ปัญหาการทจุ รติ คอรร์ ปั ชัน ไม่ใชเ่ รื่องไกลตัว
ท่มี า : https://www.youtube.com/watch?v=f๒oscZsL๓ZM
ระดับช้ันมธั ยมศึกษาปที ่ี ๑ 35
แบบประเมนิ พฤติกรรมในการทำ�งานเป็นรายบคุ คล
เรื่อง......................................................................................................
ชนั้ ................................วันที่...........เดือน................................. พ.ศ. ...........
รายการประเมนิ ผลการประเมิน
ท่ี ชอ่ื -สกุล ความสนใจในการท�ำงาน (๒ คะแนน) ๔๓๒๑
การตอบค�ำถาม (๒ คะแนน)
การใ ้หความช่วยเหลือผู้ ื่อน (๒ คะแนน)
การแสดงความ ิคดเ ็หน (๒ คะแนน)
การรับ ัฟงความ ิคดเ ็หน (๒ คะแนน)
การท�ำงานตาม ี่ทได้ ัรบมอบหมาย (๒ คะแนน)
มุ่ง ัม่นท�ำงานให้ส�ำเร็จ (๒ คะแนน)
พอใจ ักบความส�ำเร็จของงาน (๒ คะแนน)
รวมคะแนน (๑๖ คะแนน)
๑
๒
๓
๔
๕
๖
๗
๘
๙
๑๐
เกณฑก์ ารประเมิน
ไดค้ ะแนนรอ้ ยละ ๖๐ ขึ้นไปถอื ว่าผ่าน หรอื อาจใชเ้ กณฑ์เป็นระดบั คณุ ภาพ ๔, ๓, ๒, ๑ ดงั น้ี
ระดับ ๔ ดีมาก คะแนน ๑๖-๒๐ คะแนน
ระดบั ๓ ด ี คะแนน ๑๒-๑๕ คะแนน
ระดบั ๒ พอใช ้ คะแนน ๘-๑๑ คะแนน
ระดบั ๑ ควรปรบั ปรงุ คะแนน ๐-๗ คะแนน
36 แผนการจัดการเรียนรู้ “รายวชิ าเพ่ิมเติม การป้องกันการทจุ รติ ”
แบบประเมนิ การแตง่ คำ�ขวัญ ผลการ
ประเมิน
เรอ่ื ง......................................................................................................
วันท่ี...........เดอื น................................. พ.ศ. ...........
ชอ่ื กลุ่ม...............................................
รายการประเมิน
ที่ ชอ่ื -สกุล เนื้อหาสอดคล้อง ักบหัวข้อ (๕ คะแนน)
ความก ้ลาแสดงออก (๕ คะแนน)
ความ ิคดริเ ิร่มส ้รางสรรค์ (๕ คะแนน)
ีมข้อ ิคดต่อ ้ตานการทุจริต (๕ คะแนน)
รวมคะแนน (๒๐ คะแนน)
่ผาน
ไม่ ่ผาน
๑
๒
๓
๔
๕
๖
๗
๘
๙
๑๐
เกณฑ์การประเมิน
ไดค้ ะแนนร้อยละ ๖๐ ขน้ึ ไปถือว่าผ่าน หรืออาจใชเ้ กณฑ์เปน็ ระดับคุณภาพ ๔, ๓, ๒, ๑ ดงั นี้
ระดบั ๔ ดีมาก คะแนน ๑๖-๒๐ คะแนน
ระดบั ๓ ดี คะแนน ๑๒-๑๕ คะแนน
ระดับ ๒ พอใช ้ คะแนน ๘-๑๑ คะแนน
ระดับ ๑ ควรปรับปรุง คะแนน ๐-๗ คะแนน
ระดับชั้นมัธยมศกึ ษาปีท่ี ๑ 37
แผนการจดั การเรียนรู้
หน่วยที่ ๑ ชือ่ หน่วย การคิดแยกแยะระหว่างผลประโยชนส์ ่วนตนและผลประโยชนส์ ่วนรวม
ชั้นมธั ยมศึกษาปีท่ี ๑
แผนการจัดการเรียนร้ทู ี่ ๖ เร่ือง ความแตกต่างระหวา่ งจรยิ ธรรมและการทจุ รติ เวลา ๑ ชวั่ โมง
(ชุมชน สังคม)
๑. ผลการเรียนรู้
๑.๑ มคี วามรู้ ความเขา้ ใจเกยี่ วกบั การแยกแยะระหวา่ งผลประโยชนส์ ว่ นตนและผลประโยชนส์ ว่ นรวม
๑.๒ สามารถคิดแยกแยะระหวา่ งผลประโยชน์สว่ นตนและผลประโยชน์ส่วนรวมได้
๑.๓ ตระหนักและเห็นความส�ำคญั ของการต่อตา้ นและปอ้ งกันการทจุ ริต
๒. จุดประสงคก์ ารเรียนรู้
๒.๑ นักเรยี นบอกความหมายของค�ำวา่ จริยธรรมได้
๒.๒ นกั เรยี นคดิ แยกแยะความแตกตา่ งระหวา่ งจรยิ ธรรมกับการทุจริตได้
๓. สาระการเรียนรู้
๓.๑ ความรู้
๑) ความหมายของจริยธรรมและการทุจริต
๒) สาเหตุของการทจุ ริตและทศิ ทางการปอ้ งกนั การทุจรติ ในประเทศไทย
๓.๒ ทกั ษะ/กระบวนการ (สมรรถนะท่ีเกิด)
๑) ความสามารถในการคดิ (การคดิ วิเคราะห)์
๒) ความสามารถในการสอ่ื สาร (อา่ น ฟงั พดู เขียน)
๓) ความสามารถในการใช้ทกั ษะชีวิต (วิเคราะห์ จดั กลุ่ม สรุป)
๓.๓ คุณลักษณะที่พึงประสงค/์ ค่านยิ ม
๑) ซ่ือสตั ย์ เสียสละ อดทน มีอดุ มการณ์ในสงิ่ ทด่ี ีงามเพ่อื ส่วนรวม
๒) มีศีลธรรม รักษาความสตั ย์ หวงั ดตี ่อผู้อืน่ เผื่อแผ่และแบง่ ปนั
๔. กิจกรรมการเรียนรู้
๔.๑ ขนั้ ตอนการเรยี นรู้
๑) ครเู ตรยี มวดี ที ศั นม์ าเปดิ ใหน้ กั เรยี นดเู รอื่ ง การเขา้ แถวซอื้ อาหาร ครถู าม นกั เรยี น เกย่ี วกบั
วดี ทิ ศั นท์ ด่ี ู แลว้ ใหน้ กั เรยี นออกมาบอกและอธบิ ายประกอบสถานการณว์ า่ พฤตกิ รรมอะไรเปน็ จรยิ ธรรม
พฤตกิ รรมอะไรเปน็ การทจุ รติ
๒) แจกกระดาษขนาด A๔ ใหน้ กั เรยี นคนละ ๑ แผน่ ให้นกั เรียนวาดภาพประเทศไทยใน
อนาคต พร้อมระบุรายละเอียดตามท่ีครกู �ำหนดบนกระดานให้ถูกต้อง
๓) นักเรยี นศกึ ษาความรูจ้ ากวีดิทัศน์เร่อื ง นมิ นต์ย้มิ เดล่ี คนดีไมค่ อร์รัปชนั ตอนแยง่ ที่
๔) นกั เรยี นรว่ มกนั สรปุ องค์ความรู้จากวดี ีทัศน์เร่อื ง นิมนต์ย้ิมเดลี่ คนดีไมค่ อร์รัปชนั ตอนแยง่ ท่ี
๕) แบ่งกลุ่มนักเรยี นออกเป็น ๓ กลุ่มละๆ ๕ คน ร่วมกนั ศกึ ษาความรู้และสรุปสาระส�ำคัญ
38 แผนการจดั การเรียนรู้ “รายวชิ าเพิม่ เตมิ การปอ้ งกนั การทุจรติ ”
ตามประเดน็ ทค่ี รกู �ำหนด จากสถานการณท์ นี่ กั เรยี นไดด้ ู แลว้ ใหต้ วั แทนกลมุ่ ออกมาจบั สลากหมายเลขกลมุ่
และสถานการณ์จ�ำลองท่ี ๑-๓ ตามล�ำดับท่ีจบั สลากได้ คอื
สถานการณท์ ่ี ๑ การรบั ผลประโยชน์ตา่ งๆ
สถานการณ์ท่ี ๒ การท�ำธุรกิจกับตนเองหรือคู่สัญญา
สถานการณ์ท่ี ๓ การท�ำงานหลงั ออกจากต�ำแหนง่ หนา้ ท่สี าธารณะหรอื หลงั เกษยี ณ
๖) ครกู �ำหนดระยะเวลาในการท�ำงานกลมุ่ รว่ มกนั ตามความเหมาะสม แลว้ สมุ่ เรยี กตวั แทน
กลุ่มออกมาน�ำเสนอความรู้ทีห่ นา้ ช้ันเรยี น
๗) นักเรียนกลุ่มอื่นๆ ต้ังประเด็นค�ำถามหลังจากที่ตัวแทนกลุ่มน�ำเสนอความรู้จบแล้ว
กลมุ่ ละ ๑ ค�ำถาม แลว้ ให้กลุ่มทีเ่ ป็นเจ้าของเร่ืองชว่ ยกันตอบค�ำถามใหถ้ กู ตอ้ ง
๘) นกั เรยี นรว่ มกนั สรปุ ประเดน็ ความรทู้ ไี่ ดร้ บั จดลงในสมดุ ครตู งั้ ประเดน็ ค�ำถามใหน้ กั เรยี น
ช่วยกนั ตอบ หรอื สุ่มเรยี กนักเรียนให้ตอบเป็นรายบุคคล
๙) นักเรียนร่วมกันศึกษาความรู้ ตามสถานการณ์จ�ำลองและร่วมแสดงความคิดเห็นว่า
ลกั ษณะของสถานการณจ์ �ำลองทไี่ ดร้ บั มคี วามแตกตา่ งระหวา่ งจรยิ ธรรมและการทจุ รติ มคี วามส�ำคญั ตอ่
ชุมชน สังคมหรอื ไม่ อย่างไร
๑๐) ครูและนักเรยี นรว่ มกันสรุปความรู้เป็นแผนผงั ความคดิ
๑๑) นกั เรียนชว่ ยกนั ยกตวั อย่างที่แสดงถึงความมจี รยิ ธรรมทีด่ ใี นโรงเรยี น ชุมชนของตนเอง
๑๒) ครอู ธบิ ายใหน้ ักเรียนทราบวา่ จริยธรรมและการทุจรติ ของแต่ละชุมชน สังคม มีความ
สอดคล้องหรือเกี่ยวข้องกับวิถีชีวิต ถ้าคนเราไม่เห็นความส�ำคัญหรือแยกแยะไม่ออกว่าผลกระทบท่ีเกิด
จะส่งผลตอ่ สงั คม ชมุ ชนในอนาคตในดา้ นตา่ งๆอยา่ งไร
๑๓) นกั เรียนศึกษาความรเู้ สริมเพม่ิ เติมเรื่อง ความแตกต่างระหว่างจริยธรรมและการทุจรติ
ของโรงเรยี นสจุ ริตจากใบความรู้
๑๔) นักเรียนแต่ละกลุ่มหาข้อความการกระท�ำ พฤติกรรม หรือเรื่องราวที่เป็นข้อความ
สถานการณ์เพมิ่ เติม มาเขียนใสใ่ นกระดาษฟลปิ ชาร์ทที่ครแู จกให้ แลว้ ใหส้ มาชกิ ในกลุม่ ช่วยกันเผยแพร่
ให้นักเรยี น ครู ชุมชน หรือน�ำมาจัดป้ายนิเทศเพอื่ ปลุกจติ ส�ำนกึ กระตุน้ จรยิ ธรรมต้านทจุ ริต
๑๕) นักเรียนแต่ละกลุ่มส่งตัวแทนออกมาน�ำเสนอผลงานท่ีหน้าช้ันเรียน โดยครูและเพื่อน
นกั เรยี นรว่ มกนั แสดงความคิดเห็นและให้ข้อเสนอแนะ
๑๖) นักเรียนท�ำใบงาน
๔.๒ สอื่ การเรียนรู้
๑) วดี ทิ ัศนเ์ รอื่ งการเขา้ แถวซอ้ื อาหาร
๒) หนังสือเรียน/หนังสือพิมพ์
๓) ภาพข่าว
๔) แหล่งเรยี นรใู้ นโรงเรียน ชมุ ชน/สถานการณท์ ีพ่ บได้ในชมุ ชน
๕) ห้องสมดุ โรงเรียน
๖) ห้องเทคโนโลยีในโรงเรียน
๗) วดี โี อเรอ่ื ง นิมนต์ยิ้มเดล่ี คนดไี มค่ อรปั ชนั่ ตอนแยง่ ท่ี ตอนรับไมไ่ ด้
ระดบั ชนั้ มัธยมศกึ ษาปที ่ี ๑ 39
๙) ใบความรู/้ สถานจ�ำลองที่ ๑-๓
๙.๑ การรับผลประโยชนต์ า่ ง ๆ
๙.๒ การทำ�ธรุ กิจกับตนเองหรือเปน็ คู่สัญญา
๙.๓ การท�ำ งานหลงั จากออกจากตำ�แหนง่ หนา้ ทส่ี าธารณะหรือหลงั เกษียณ
๕. การประเมนิ ผลการเรยี นรู้
๕.๑ วธิ กี ารประเมิน
รายการประเมนิ คำ�อธบิ ายระดบั คณุ ภาพ/ระดบั คะแนน
ดี (๓) พอใช้ (๒) ปรบั ปรุง (๑)
๑. ความเขา้ ใจเกย่ี วกบั ความเข้าใจเกีย่ วกับ ความเขา้ ใจเกย่ี วกบั ความเข้าใจเกี่ยวกับ
ความแตกตา่ งระหวา่ ง ความแตกตา่ งระหวา่ ง ความแตกต่างระหว่าง ความแตกตา่ งระหวา่ ง
จริยธรรมและการทจุ ริต จริยธรรมและการทจุ ริต จรยิ ธรรมและการทจุ ริต จรยิ ธรรมและการทุจริต
(ชุมชน สงั คม) (ชุมชน สังคม) ได้ถูกตอ้ ง (ชมุ ชน สงั คม) ได้ถูกตอ้ งบ้าง (ชุมชน สังคม) ได้ไม่ถูกตอ้ ง
๒. สามารถคดิ แยกแยะ ๒. สามารถคิดแยกแยะ ๒. สามารถคิดแยกแยะ ๒. สามารถคิดแยกแยะ
ความแตกตา่ งระหวา่ ง ความแตกตา่ งระหว่าง ความแตกต่างระหวา่ ง ความแตกต่างระหว่าง
จรยิ ธรรมและการทจุ รติ จริยธรรมและการทจุ ริต จริยธรรมและการทุจรติ จริยธรรมและการทุจริต
(ชุมชน สังคม) ส่วนรวมได้ (ชมุ ชน สงั คม) ส่วนรวมได้ (ชมุ ชน สังคม) ส่วนรวมได้ (ชุมชน สงั คม) สว่ นรวมได้
ในรปู แบบต่าง ๆ ได้ ในรปู แบบต่าง ๆ ได้ ในรูปแบบตา่ ง ๆ ไดบ้ า้ ง ในรูปแบบต่าง ๆ ไม่ได้
๓. ตระหนักและเหน็ ๓. ตระหนักและเห็น ๓. ตระหนักและเห็น ๓. ตระหนักและเห็น
ความส�ำคัญของจรยิ ธรรม ความส�ำคัญของจรยิ ธรรม ความส�ำคัญของจริยธรรม ความส�ำคญั ของจริยธรรม
และรว่ มต้านทุจริตใน และรว่ มตา้ นทุจรติ ใน และรว่ มต้านทุจริตใน และร่วมตา้ นทจุ รติ ใน
รปู แบบต่าง ๆ ได้ รปู แบบต่าง ๆ ได้ รปู แบบตา่ ง ๆ ไดบ้ ้าง รูปแบบต่าง ๆ ไม่ได้
๕.๒ เครือ่ งมือท่ีใช้ในการประเมิน
๑) แบบสงั เกตพฤติกรรมการท�ำงานของนกั เรียนเป็นรายบุคคล
๒) แบบประเมนิ ผลงาน
๕.๓ เกณฑก์ ารประเมนิ
๑) นักเรียนผา่ นเกณฑก์ ารประเมินร้อยละ ๘๐ ขนึ้ ไป ถอื วา่ ผ่าน
๖. บันทึกหลงั สอน
.......................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................................
ลงชื่อ................................................ครูผู้สอน
(.................................................)
40 แผนการจัดการเรียนรู้ “รายวิชาเพม่ิ เติม การปอ้ งกันการทุจริต”
๗. ภาคผนวก
แบบประเมินพฤตกิ รรมในการท�ำ งานเปน็ รายบุคคล
เร่ือง......................................................................................................
ชัน้ ................................วันที.่ ..........เดือน................................. พ.ศ. ...........
รายการประเมิน ผลการประเมิน
ที่ ชื่อ-สกุล ความสนใจในการท�ำงาน (๒ คะแนน) ๔๓๒๑
การตอบค�ำถาม (๒ คะแนน)
การใ ้หความช่วยเหลือผู้อื่น (๒ คะแนน)
การแสดงความ ิคดเ ็หน (๒ คะแนน)
การรับ ัฟงความ ิคดเ ็หน (๒ คะแนน)
การท�ำงานตาม ี่ทได้ ัรบมอบหมาย (๒ คะแนน)
มุ่ง ัม่นท�ำงานให้ส�ำเร็จ (๒ คะแนน)
พอใจ ักบความส�ำเร็จของงาน (๒ คะแนน)
รวมคะแนน (๑๖ คะแนน)
๑
๒
๓
๔
๕
๖
๗
๘
๙
๑๐
เกณฑ์การประเมนิ
ไดค้ ะแนนรอ้ ยละ ๖๐ ขึน้ ไปถือวา่ ผา่ น หรืออาจใชเ้ กณฑเ์ ป็นระดับคณุ ภาพ ๔, ๓, ๒, ๑ ดงั นี้
ระดบั ๔ ดมี าก คะแนน ๑๖-๒๐ คะแนน
ระดบั ๓ ด ี คะแนน ๑๒-๑๕ คะแนน
ระดับ ๒ พอใช ้ คะแนน ๘-๑๑ คะแนน
ระดบั ๑ ควรปรับปรงุ คะแนน ๐-๗ คะแนน
ระดับชน้ั มัธยมศึกษาปีท่ี ๑ 41
แบบประเมินผลงาน
ค�ำชี้แจง ท�ำเครือ่ งหมาย 3ลงในชอ่ งระดบั คะแนนพฤติกรรมท่ีนักเรยี นปฏบิ ตั ิดงั นี้
หวั ขอ้ ประเมิน ความถกู ต้อง ความเรยี บรอ้ ย ความคิด การ
ล�ำดบั ระดับคะแนน สรา้ งสรรค์ รวม ประเมินผล
ท่ี ช่ือ-สกลุ ๓ ๒ ๑ คะแนน ผา่ น ผไ่ามน่ หมายเหตุ
๓๒๑๓๒๑
๑
๒
๓
๔
๕
๖
๗
๘
๙
๑๐
เกณฑก์ ารประเมนิ
คะแนนตั้งแต่ ๔-๙ ผ่าน
๘-๙ = ดี
๖-๗ = ปานกลาง
๔-๕ = พอใช้
คะแนนต่ำ� กว่า ๔ ไม่ผ่าน
42 แผนการจัดการเรยี นรู้ “รายวชิ าเพม่ิ เติม การป้องกันการทุจริต”
แผนการจัดการเรยี นรู้
หนว่ ยท่ี ๑ ชื่อหนว่ ย การคิดแยกแยะระหวา่ งผลประโยชน์สว่ นตนและผลประโยชน์ส่วนรวม
ชน้ั มธั ยมศึกษาปีที่ ๑
แผนการจดั การเรียนรทู้ ี่ ๗ เรื่อง การทจุ ริตในชมุ ชน และจริยธรรมที่ใช้ใน เวลา ๑ ชวั่ โมง
การป้องกันการทุจรติ ในชุมชน
๑. ผลการเรยี นรู้
๑.๑ มคี วามรู้ ความเขา้ ใจเกยี่ วกบั การแยกแยะระหวา่ งผลประโยชนส์ ว่ นตนและผลประโยชนส์ ว่ นรวม
๑.๒ สามารถคดิ แยกแยะระหวา่ งผลประโยชน์ส่วนตนและผลประโยชน์ส่วนรวมได้
๑.๓ ตระหนักและเหน็ ความส�ำคัญของการตอ่ ตา้ นและปอ้ งกนั การทจุ ริต
๒. จุดประสงคก์ ารเรียนรู้
๒.๑ นกั เรียนบอกปญั หาการทุจรติ ในชุมชนของตนเองได้
๒.๒ นักเรยี นสามารถหาแนวทางการปอ้ งกนั การทจุ ริตในชุมชนโดยยดึ หลักจรยิ ธรรมได้
๓. สาระการเรียนรู้
๓.๑ ความรู้
๑) ปญั หาการทจุ ริตในชมุ ชนของนักเรยี น
๒) แนวทางการป้องกนั การทุจรติ ในชมุ ชนโดยยึดหลกั จริยธรรม
๓.๒ ทักษะ/กระบวนการ (สมรรถนะท่ีเกดิ )
๑) ความสามารถในการคดิ (การคิดวิเคราะห์)
๒) ความสามารถในการสื่อสาร (อ่าน ฟงั พูด เขียน)
๓) ความสามารถในการใช้ทกั ษะชีวติ (วเิ คราะห์ จัดกลมุ่ สรุป)
๓.๓ คณุ ลักษณะท่พี ึงประสงค์/ค่านยิ ม
๑) ซ่อื สตั ย์ เสยี สละ อดทน มอี ุดมการณ์ในสงิ่ ท่ดี งี ามเพื่อสว่ นรวม
๒) มศี ลี ธรรม รักษาความสัตย์ หวังดีตอ่ ผ้อู ืน่ เผือ่ แผแ่ ละแบ่งปนั
๔. กจิ กรรมการเรยี นรู้
๔.๑ ขัน้ ตอนการเรียนรู้
๑) ครทู บทวนความรู้ เรอ่ื ง การทุจริต และจริยธรรมเพ่อื ป้องกนั การทจุ รติ
๒) ครูแจ้งจุดประสงคก์ ารเรยี นร้ใู ห้นักเรียนทราบ
๓) ครใู ห้นกั เรยี นชมวดี ิทัศน์ เร่ือง ชาวบ้านริมคลองบางบวั ร้องส่ือถกู ทุจรติ เงนิ ออม
๔) ครสู นทนากบั นกั เรยี นเกย่ี วกบั วดี ทิ ศั นท์ นี่ กั เรยี นไดช้ ม ดว้ ยค�ำถาม-ค�ำตอบ เชน่ ในชมุ ชน
ของนกั เรยี นมปี ญั หาการทจุ รติ เชน่ นห้ี รอื ไม,่ หากเราถกู ทจุ รติ เราจะท�ำเชน่ ไร, เราจะใชจ้ รยิ ธรรมใดในการ
แกไ้ ขปัญหาการทุจรติ นัน้
ระดับชน้ั มธั ยมศึกษาปีที่ ๑ 43