แผนการจดั การเรยี นรู้ เวลา ๒ ชว่ั โมง
หนว่ ยที่ ๓ ช่อื หนว่ ย STRONG : จิตพอเพยี งต้านทุจรติ
ช้ันมธั ยมศกึ ษาปีท่ี ๑
แผนการจัดการเรียนรทู้ ี่ ๓ เรอ่ื ง การปฏบิ ัติเพอ่ื ให้เกดิ ความตนื่ ร้บู นพ้นื ฐาน
การไมท่ ุจริต
๑. ผลการเรียนรู้
๑.๑ มีความรู้ ความเขา้ ใจเกี่ยวกับ STRONG : จิตพอเพยี งต้านทจุ รติ
๑.๒ ปฏิบัตติ นเปน็ ผ้ทู ี่ STRONG : จิตพอเพียงต้านทุจรติ
๑.๓ ตระหนักและเห็นความส�ำคญั ของการต่อตา้ นและป้องกนั การทจุ ริต
๒. จุดประสงค์การเรยี นรู้
๒.๑ นกั เรยี นอธบิ ายความหมาย ตน่ื ร้ไู ด้
๒.๒ นักเรียนสามารถคดิ วเิ คราะห์ แยกแยะการกระท�ำใดท่ีมีการตื่นร้ไู ด้
๓. สาระการเรียนรู้
๓.๑ ความรู้
๑) ความหมายของค�ำว่า “ตื่น” “ร”ู้ และ “ตืน่ ร”ู้
๒) STRONG MODEL : จติ พอเพยี งตา้ นทุจรติ
๓.๒ ทักษะ/กระบวนการ
๑) ความสามารถในการสอื่ สาร ใช้ภาษาถ่ายทอดความคดิ
๒) ความสามารถในการคดิ วเิ คราะห์ เพอื่ น�ำไปสกู่ ารสรา้ งองคค์ วามรใู้ นการตดั สนิ ใจเกยี่ วกบั
ตนเองและสังคมไดอ้ ยา่ งเหมาะสม
๓) ความสามารถในการแก้ปัญหาอุปสรรคต่าง ๆ ด้วยความต่ืนรู้ ท่ีเผชิญได้อย่างถูกต้อง
บนพนื้ ฐานของหลกั เหตแุ ละผล ตามหลกั คณุ ธรรม โดยค�ำนงึ ถงึ ผลกระทบทเี่ กดิ ขนึ้ ตอ่ ตนเอง สงั คมและสว่ นรวม
๔) ความสามารถในการใชท้ กั ษะชวี ติ ในการด�ำเนนิ ชวี ติ และรจู้ กั หลกี เลย่ี งไมใ่ หเ้ กดิ ปญั หาท่ี
ส่งผลกระทบตอ่ ตนเองและผู้อ่นื
๓.๓ คุณลักษณะท่พี ึงประสงค/์ ค่านิยม
มุ่งมนั่ ในการท�ำงานจนส�ำเรจ็
๔. กจิ กรรมการเรยี นรู้
๔.๑ ขนั้ ตอนการเรยี นรู้
๑. นักเรียนอ่านนิทานเรื่อง การมีสติต่ืนรู้ แล้วร่วมกันอภิปรายถึงการแก้ปัญหาของ
ชายหนุ่มกับโจรว่าใครมีสติต่ืนรู้มากกว่ากัน ถ้าเป็นนักเรียนประสบปัญหาลักษณะนี้จะท�ำอย่างไร และใครมี
วธิ ีแก้ไขปัญหาทีด่ อี ย่างไรไดอ้ กี
๒. ครูหาข่าวท่ีเกี่ยวข้องกับการทุจริต เช่น คดีทุจริตจัดซ้ือรถและเรื่องเรือดับเพลิงของ
กรุงเทพมหานคร มาใหน้ กั เรียนอา่ น
94 แผนการจดั การเรียนรู้ “รายวชิ าเพมิ่ เติม การป้องกันการทุจริต”
๓) ครซู กั ถามนักเรียน ใครเคยรขู้ า่ วนม้ี ากอ่ น และใครไมเ่ คยรูข้ ่าวนี้มาก่อน ครูสรปุ วา่ คนที่
รู้ขา่ วเร่ืองนแ้ี สดงว่า เป็นผู้ร้ใู นเรอ่ื งการทจุ ริต สว่ นนกั เรียนท่ีไมเ่ คยรู้ข่าวเร่ืองนม้ี าก่อน แสดงว่าเป็นผไู้ ม่
ตนื่ รู้ในเรอ่ื ง การทุจริต
๔) นกั เรยี นแสดงความคดิ เหน็ เกีย่ วกับข่าวการทุจริตน้ี
๕) นักเรียนสืบค้นข้อมูลข่าวจากอินเตอร์เน็ต เก่ียวกับการทุจริตเพื่อน�ำมาวิเคราะห์ตาม
ความเปน็ จรงิ มากขึ้นแลว้ น�ำข้อมลู ที่คน้ ควา้ มาจัดท�ำป้ายนเิ ทศ
๔.๒ สือ่ การเรยี นร/ู้ แหลง่ การเรยี นรู้
๑) ใบความรู้ นิทานเร่อื ง การมีสตติ ื่นรู้
๒) ข่าวเร่ือง คดที จุ รติ จดั ซอ้ื รถและเรือดบั เพลิงของกรุงเทพมหานคร
๕. การประเมินผลการเรียนรู้
๕.๑ วิธีการประเมนิ
- ตรวจผลงานการท�ำงานของนกั เรียน
- แบบสงั เกตพฤติกรรมการเรียนรู้
๕.๒ เครื่องมอื ทีใ่ ชใ้ นการประเมนิ
- แบบบนั ทกึ การให้คะแนนผลงาน
๕.๓ เกณฑ์การตัดสิน
- เกณฑก์ ารให้คะแนนการตรวจผลงานนกั เรยี น
- เกณฑก์ ารให้คะแนนการสงั เกตพฤตกิ รรมการเรียนรู้
- เกณฑ์การประเมินพฤติกรรมตามคณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์
๖. บนั ทึกหลังสอน
..........................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................................
ลงชอ่ื ................................................ครผู ู้สอน
(.................................................)
ระดบั ช้นั มธั ยมศกึ ษาปที ี่ ๑ 95
๗. ภาคผนวก ใบความรู้
นทิ านเรือ่ ง การมสี ติตืน่ รู้
ชายหนุ่มคนหนง่ึ เกิดมาในครอบครัวที่ยากจนมาก แถมยงั ไม่มงี านท�ำอกี ดว้ ย เพราะเศรษฐกจิ ใน
ประเทศไทยตกต่�ำ ก�ำลังเผชิญปญั หาหาว่างงาน แตเ่ ขาเป็นคนมปี ัญญาใฝ่รู้ เขาจึงขวนขวายไปท�ำงานที่
ตา่ งประเทศ งานดเี งนิ ดี เขาเปน็ คนขยนั มธั ยสั ถอ์ ดออม สามารถเกบ็ สะสมเงนิ กอ้ นโตไดใ้ นเวลาไมน่ านจงึ
ตดั สนิ ใจเดินทางกลับบา้ นเกิดเมอื งนอนเพอื่ ต้งั ตวั ระหว่างเดนิ ทางกลบั บ้านในชนบท เขาโดนโจรใช้ปืนจ้ึ
เอาเงิน เขานกึ สลดสังเวชใจว่า อุตสาหท์ �ำงานเหน่ือยยากเก็บหอมรอมรบิ ในต่างประเทศ แตก่ ลบั มาเป็น
ปลาตายนำ้� ตืน้ ถกู จบ้ี า้ นเราเอง อย่างไรกต็ ามเพือ่ ความปลอดภยั เขาจ�ำใจมอบเงินทัง้ ก้อนของเขาให้โจร
ไป ... แต่เขาจะไม่ยอมเสียเงินไปงา่ ย ๆ หรอก.... เขาต้ังสติคดิ หาเงนิ คนื จากโจร......
ชายหนุม่ “พ่ีครบั ผมอตุ สาหล์ งทนุ ลงแรงเดนิ ทางไปท�ำงานเมอื งนอกนนู่ เปน็ ปีๆ เหนือ่ ยยากแสน
สาหัสเพ่ือหาเงินมาเล้ียงครอบครัว ผมบอกทางบ้านว่าผมหาเงินมาได้เยอะแยะ ที่น้ีพ่ีมาเอาเงินผมไป
หมดอยา่ งน้ี ผมกลบั ถึงบ้านผมคงแย่แนๆ่ ทุกคนต้องคิดวา่ ผมโกหก คงไมม่ ีใครเช่อื หรอกวา่ ผมไปท�ำงาน
ประสบความส�ำเรจ็ จนรวย ไหนๆ...พีเ่ อาเงนิ ผมไปแลว้ ...ผมก็ไม่รู้จะวา่ ยังไง...แต่พีช่ ว่ ยผมบ้างแลว้ กนั .....
ชว่ ยรกั ษาหนา้ ผมหนอ่ ย ชว่ ยยงิ ปนื ใสก่ ระเปา๋ ใสเ่ งนิ ใบนส้ี กั สองนดั เถดิ ครบั ทางบา้ นผมเขาจะไดเ้ ชอ่ื วา่ ผม
ถูกจจี้ รงิ ๆ ไม่ไดโ้ กหก”
โจรอารมณ์ดมี าก เพราะจีค้ ร้งั นีไ้ ดเ้ งินกอ้ นโตเกนิ คาด
โจร “เอาส!ิ ”วา่ แลว้ ก็ยงิ ปัง! ปัง! ใส่กระเปา๋ ของชายหนมุ่ จนเป็นรู
ชายหนมุ่ “ขอบคณุ มากครบั แตเ่ ออ้ ! ถา้ ทห่ี มวกกโ็ ดนลกู กระสนู ซกั นดั สองนดั มนั กน็ า่ จะดสู มจรงิ
สมจังมากขึน้ นะพ่ี”
โจร “ก็ด้าย...ไมม่ ปี ญั หา” ว่าแล้วก็ยิง ปงั ! ปัง! ท�ำให้หมวกเป็นรู
ชายหนมุ่ “อีกสักสองนดั ที่เส้ือแจก๊ เก็ตผมด้วยครับ”
โจรก�ำลงั ต่นื เตน้ ดีใจจนประมาท ขาดสตสิ ัมปชญั ญะ ยกปืนยิงเสอ้ื แจ๊กเก็ตชายหนุ่มทะลุ ขาดเปน็
รสู องรู....กระสนุ หกนดั ในกระบอกปนื หมดเกล้ียงพอดี....
ชายหนุ่มผู้มีสติตั้งมั่น คิดหาอุบายให้โจรยิงอะไรก็ได้ที่ไม่ใช่ตัวเขาจนหมดกระสุน ทันทีที่กระสุน
หมดและก่อนทโ่ี จรจะส�ำนกึ ได้ เขาก็ว่ิงเข้าใส่โจร จ่โู จมอย่างรวดเร็วจนสามารถจบั โจรได้ และเขาก็ไดเ้ งิน
ของเขาคืนมาทัง้ หมด
ท่านอาจารย์ว่านทิ านเรอ่ื งนี้สอนวา่ คนทีส่ ามารถตงั้ สติสงบอารมณ์ได้ ยอ่ มมปี ัญญาแก้ไขปญั หา
ไดด้ กี วา่ คนเจา้ อารมณ์ ส�ำหรบั บางคนถ้าโดนโจรจ้ีหมดเงินหมดทอง กม็ กั จะโอดครวญโทษเวรโทษกรรม
หมดก�ำลงั ใจเสยี ใจจนไมค่ ิดหาทางแกไ้ ข
คตคิ �ำ สอน สติ จำ�เปน็ ในท่ีทงั้ ปวง สติ สพฺพตฺถ ปตฺถยิ า
96 แผนการจดั การเรียนรู้ “รายวิชาเพม่ิ เตมิ การป้องกนั การทจุ รติ ”
แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการเรยี นรู้ รายบุคคล
ท่ี ชอื่ -สกลุ ความ การแสดง การตอบ การยอม ท�ำงาน รวม ผลการ
สนใจ ความคดิ ค�ำถาม รบั ฟงั คน ตามที่ คะแนน ประเมิน
เหน็ อื่น รบั มอบหมาย
๕ ๕ ๕ ๕ ๕ ๒๐
*หมายเหตุ ไดค้ ะแนน ๑๑ ขึ้นไป ผ่านเกณฑ์การประเมนิ
เกณฑ์การวดั ผล ให้คะแนนระดบั คุณภาพของแต่ละพฤตกิ รรมดงั น้ี
ดมี าก = ๑๘-๒๐ สนใจฟัง ไม่หลบั ไมพ่ ดู คุยในชั้น มคี �ำถามทีด่ ี ตอบค�ำถามถกู ตอ้ ง ท�ำงานส่งครบ
ตรงเวลา
ดี = ๑๕-๑๗ การแสดงออกอย่ใู นเกณฑป์ ระมาณ ๗๐%
ปานกลาง = ๑๑-๑๔ การแสดงออกอยู่ในเกณฑ์ประมาณ ๕๐%
ปรับปรงุ = ๐-๑๐ เข้าชน้ั เรยี น แต่การแสดงออกนอ้ ยมาก สง่ งานไม่ครบ ไมต่ รงเวลา
ลงช่อื ………………………………....ผปู้ ระเมิน
(………………………....……….)
…………/…………/………
ระดบั ชัน้ มธั ยมศึกษาปีท่ี ๑ 97
แบบประเมินผลงาน
ที่ ชือ่ -สกุล ผลงาน ผลงาน ผลงานมี ผลงาน ผลงานเสร็จ รวม ผลการ
ตรงกบั จดุ ตรงกับจดุ ความคดิ มคี วาม ตามเวลา คะแนน ประเมนิ
ประสงค์ ประสงค์ สรา้ งสรรค์ เปน็ ทีก่ �ำหนด
ทกี่ �ำหนด ท่กี �ำหนด ระเบียบ
๕ ๕ ๕ ๕ ๕ ๒๐
*หมายเหตุ ได้คะแนน ๑๑ ขึ้นไป ผ่านเกณฑ์การประเมิน
เกณฑก์ ารวัดผล ให้คะแนนระดับคณุ ภาพของแต่ละพฤติกรรมดงั นี้
ดีมาก = ๑๘-๒๐ สนใจฟัง ไมห่ ลับ ไม่พูดคุยในชั้น มีค�ำถามท่ดี ี ตอบค�ำถามถกู ตอ้ ง ท�ำงานส่งครบ
ตรงเวลา
ด ี = ๑๕-๑๗ การแสดงออกอยู่ในเกณฑ์ประมาณ ๗๐%
ปานกลาง = ๑๑-๑๔ การแสดงออกอยู่ในเกณฑ์ประมาณ ๕๐%
ปรบั ปรุง = ๐-๑๐ เขา้ ชัน้ เรียน แต่การแสดงออกน้อยมาก ส่งงานไมค่ รบ ไม่ตรงเวลา
ลงชอ่ื ………………………………....ผู้ประเมนิ
(………………………....……….)
…………/…………/………
98 แผนการจัดการเรียนรู้ “รายวชิ าเพิ่มเติม การปอ้ งกันการทุจริต”
เกณฑ์การคะแนนผลงาน
รายการประเมนิ ๕ คะแนน ๑๐
๔๓๒
๑. ผลงาน ผลงานสอดคล้อง ผลงานสอดคล้อง ผลงานสอดคล้อง ผลงานสอดคล้อง ผลงานไม่ ไมท่ �ำ
ตรงกบั จุด กับจดุ ประสงค์ กบั จุดประสงค์ กับจุดประสงค์ กบั จดุ ประสงค์ สอดคล้องกับจดุ ผลงาน
ประสงค์ ทุกประเดน็ มาก ทุกประเด็น เปน็ ส่วนใหญ่ บางประเดน็ ประสงค์
ที่ก�ำหนด ทีส่ ุด
๒. ผลงานมี เนอื้ หาสาระของ เนอ้ื หาสาระของ เน้ือหาสาระของ เนื้อหาสาระของ เน้อื หาสาระของ ไมท่ �ำผล
ความ ผลงานถูกต้อง ผลงานถูกตอ้ ง ผลงานถกู ตอ้ ง ผลงานถูกต้อง ผลงานไมถ่ กู ตอ้ ง งาน
ถกู ตอ้ ง ครบถ้วนดีเย่ยี ม ครบถ้วน เปน็ ส่วนใหญ่ เปน็ บางประเดน็ เป็นสว่ นใหญ่
สมบูรณ์
๓. ผลงานมี ผลงานมคี วาม ผลงานมีความ ผลงานมคี วาม ผลงานมคี วาม ผลงานไมน่ า่ ไมท่ �ำ
ความคิด คดิ สรา้ งสรรค์ คดิ สรา้ งสรรค์ คดิ สรา้ งสรรค์ น่าสนใจ แต่ยัง สนใจไมม่ คี วาม ผลงาน
สรา้ งสรรค์ แปลกใหม่ แปลกใหม่ แตย่ ังไม่เป็น ไม่มี ความคิด คิดสรา้ งสรรค์
และเป็นระบบ และเป็นระบบ ระบบ สร้างสรรค์ แปลกใหม่
มากทส่ี ดุ แปลกใหม่
๔. ผลงานมี ผลงานมีความ ผลงานมคี วาม ผลงานส่วน ผลงานมคี วาม ผลงานสว่ น ไม่ท�ำ
ความเป็น เป็นระเบยี บ เปน็ ระเบียบ ใหญ่ มคี วามเป็น เปน็ ระเบียบ ใหญ่ไม่เปน็ ผลงาน
ระเบียบ แสดงออกถงึ แสดงออกถึง ระเบียบแต่ยังมี แตม่ ขี อ้ บกพร่อง ระเบียบและมขี ้อ
ความประณีต ความประณตี ขอ้ บกพรอ่ ง บางส่วน บกพรอ่ ง
เลก็ น้อย
๕. ผลงานเสรจ็ สง่ ผลงานตาม ส่งผลงานตาม สง่ ผลงานช้ากว่า ส่งผลงานช้ากว่า สง่ ผลงานชา้ กว่า ไม่ท�ำ
ตามเวลา เวลาที่ก�ำหนด เวลาท่กี �ำหนด เวลาที่ก�ำหนด เวลาทีก่ �ำหนด เวลาทกี่ �ำหนด ผลงาน
ที่ก�ำหนด ทีส่ ุด ๑-๒ วนั ๓-๕ วนั เกนิ ๕ วนั ขน้ึ ไป
เกณฑ์การตัดสนิ คณุ ภาพ
ช่วงคะแนน ระดบั คุณภาพ
๑๗-๒๐ ดีมาก
๑๓-๑๖ ดี
๙-๑๒ พอใช้
๕-๘ ปรับปรุง
ลงช่ือ.......................................................ผ้ปู ระเมิน
(........................................................)
ระดับชนั้ มธั ยมศกึ ษาปที ี่ ๑ 99
แผนการจัดการเรียนรู้ เวลา ๒ ชว่ั โมง
หนว่ ยที่ ๓ ช่ือหน่วย STRONG : จิตพอเพยี งดา้ นทุจรติ
ช้นั มธั ยมศึกษาปีท่ี ๑
แผนการจัดการเรยี นร้ทู ่ี ๔ เร่ือง การปฏบิ ตั ิเพื่อใหเ้ กิดการมุง่ ไปข้างหน้าบน
พ้ืนฐานการไม่ทจุ ริต
๑. ผลการเรยี นรู้
๑.๑ ความรู้ ความเขา้ ใจเกย่ี วกับ STRONG : จติ พอเพียงตา้ นทุจรติ
๑.๒ ปฏิบัติตนเปน็ ผทู้ ี่ STRONG : จติ พอเพียงต้านทจุ ริต
๑.๓ ตระหนักและเหน็ ความส�ำคญั ของการต่อต้านและป้องกนั การทจุ รติ
๒. จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้
๒.๑ นักเรียนสามารถอธบิ ายความหมายของความม่งุ มัน่ ตงั้ ใจได้
๒.๒ นกั เรียนสามารถอธิบายความหมายของความซื่อสตั ยไ์ ด้
๒.๓ นักเรียนเลือกวิธีการปฏิบัติตนให้เป็นผู้มีพฤติกรรมของบุคคลที่มีความมุ่งมั่นต้ังใจ
ในการปฏบิ ตั ิงานได้
๒.๔ นักเรียนช่ืนชมและแสดงออกถึงการเป็นผู้มีความรับผิดชอบต่อการปฏิบัติหน้าที่ของตน
ดว้ ยความมงุ่ มั่นตัง้ ใจจนกระทัง่ งานนนั้ ส�ำเรจ็
๓. สาระการเรยี นรู้
๓.๑ ความรู้
๑) ความหมายของความม่งุ มน่ั ต้ังใจ
๒) ความหมายของความซ่ือสัตย์
๓) การแสดงออกถงึ การเป็นผูม้ ีความรับผดิ ชอบ
๔) STRONG MODEL : จิตพอเพียงตา้ นทุจริต
๓.๒ ทักษะ/กระบวนการ (สมรรถนะท่ีเกิด)
๑) ความสามารถในการสอื่ สาร
๒) ความสามารถในการคิด
๓.๓ คณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์/ค่านิยม
๑) มุ่งม่ันในการท�ำงาน
๒) ซอื่ สัตยส์ จุ รติ
๔. กจิ กรรมการเรียนรู้
๔.๑ ขัน้ ตอนการเรียนรู้
๑) ยกตัวอย่างประเด็นเน้ือหาการด�ำรงชีวิตของบุคคลหลากหลายอาชีพเช่นมีอาชีพ
เกบ็ ของเกา่ ขายพอ่ ค้าแมค่ ้า ยามรกั ษาความปลอดภัย นักบนิ แอร์โฮสเตส เพอ่ื เชอื่ มโยงคณุ ลักษณะของ
บุคคลที่มีความซ่ือสัตย์ต่อการท�ำงาน มีความรักและศรัทธาในงานอาชีพของตน พร้อมสนทนาร่วมกัน
ถงึ ประสบการณใ์ นการปฏบิ ตั งิ านของนกั เรยี นวา่ มแี นวทางในการปฏบิ ตั งิ านอยา่ งไรเพอ่ื ใหง้ านนนั้ ส�ำเรจ็
100 แผนการจัดการเรียนรู้ “รายวิชาเพ่ิมเติม การป้องกันการทจุ ริต”
๒) นักเรยี นชมคลปิ วดี โี อ เรอื่ งความส�ำเร็จทีเ่ กดิ จากความพยายาม เมอื่ ชมจบแลว้ ร่วมกัน
อภิปรายแสดงความคิดเหน็ ต่อพฤติกรรมของบุคคลในเรื่องวา่ สามารถน�ำพาชวี ิตสูค่ วามส�ำเรจ็ ได้อยา่ งไร
ต้องใช้ความพากเพียรพยายามหรือมีคุณธรรมใดบ้างในการก้าวไปสู่ความส�ำเร็จน้ัน พร้อมเปรียบเทียบ
กบั พฤตกิ รรมของเพอื่ นหรอื คนรจู้ กั ทม่ี พี ฤตกิ รรมเกเรแตส่ ามารถเปลยี่ นแปลงตนเองจนกา้ วสคู่ วามส�ำเรจ็
ในการด�ำเนนิ ชีวิตได้อยา่ งไร
๓) แบง่ กลุ่มนักเรยี น กลมุ่ ละประมาณ ๓-๔ คน เลือกประธานและเลขานุการกลมุ่ ศึกษา
กรณี ตัวอยา่ งการท�ำงานของบคุ คลจากใบงานท่ี ๑ “หนทางแห่งความส�ำเร็จเราเลือกได้” โดยนกั เรยี น
ร่วมอภปิ รายแสดงความคดิ เห็นลกั ษณะการท�ำงานของบุคคลจากกรณตี ัวอย่าง เปรยี บเทียบผลจากการ
กระท�ำของบคุ คลในเร่ือง
๔) นักเรียนแต่ละกลุ่มร่วมกันอภิปรายแสดงความคิดเห็นสู่การพิจารณาเลือกแนวปฏิบัติ
ของบุคคลในเร่ืองท่ีคิดว่าเม่ือน�ำมาปฏิบัติจริงแล้วจะส่งผลต่อความส�ำเร็จในการปฏิบัติงานของตน
พร้อมแสดงเหตผุ ลประกอบ และน�ำเสนอผลงานต่อเพ่อื นๆกลุ่มอน่ื ๆ
๕) นักเรียนแต่ละกลุ่มร่วมคัดเลือกผลงานที่คิดว่าดีท่ีสุดในการน�ำเสนอผลงานของเพ่ือน
แตล่ ะกลุม่ พรอ้ มแสดงเหตผุ ลประกอบการคัดเลอื ก
๖) ก�ำหนดสถานการณ์ให้นักเรียนร่วมคิดออกแบบวางแผนการท�ำงานจาก ใบงานท่ี ๒
“มีวธิ ีการอยา่ งไรในการที่เราจะปฏิบตั งิ านใหป้ ระสบความส�ำเรจ็ ” โดยหากนกั เรยี นและเพื่อนๆ ในหอ้ ง
ได้รับมอบหมายให้ปฏิบัติหน้าท่ีในการรับรองแขกผู้ใหญ่ที่มาเยี่ยมชมศึกษาดูงานที่โรงเรียนในวันหยุด
จะมีวธิ ีการอยา่ งไรทจี่ ะท�ำใหก้ ารปฏบิ ัติงานนนั้ ประสบความส�ำเร็จเปน็ ท่พี ึงพอใจของแขกผ้มู าเยอื นและ
เพอื่ นๆทกุ คนใหค้ วามรว่ มมอื รว่ มใจในการปฏบิ ตั งิ านแต่ เนอ่ื งจากในวนั ทป่ี ฏบิ ตั งิ านดงั กลา่ วมเี พอื่ นบางคน
ไม่มาปฏิบัติหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายเนื่องจากเป็นวันหยุด นักเรียนจะมีวิธีการแก้ไขอย่างไร ให้ระบุ
แนวทางการแกไ้ ข สมาชกิ ในกลมุ่ รว่ มกนั อภปิ ราย สรปุ ผลแนวคดิ ของกลมุ่ พรอ้ มจดั ท�ำผลงานเตรยี มน�ำเสนอ
ต่อเพ่ือน ๆ ในหอ้ ง
๗) แตล่ ะกลมุ่ น�ำเสนอผลงานของกลมุ่ ตนตอ่ เพอื่ นๆในหอ้ งเปน็ การแลกเปลย่ี นเรยี นรตู้ อ่ กนั
๘) ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายถึงแนวทางในการด�ำเนินชีวิตให้ประสบความส�ำเร็จใน
การท�ำงานนอกจากการมคี วามมงุ่ มน่ั ตง้ั ใจอดทนและไมย่ อ่ ทอ้ ตอ่ ความยากล�ำบากแลว้ ยงั มคี ณุ ธรรมใดที่
ชว่ ยสง่ เสรมิ การด�ำเนนิ ชวี ติ ใหม้ คี วามสขุ พบกบั ความส�ำเรจ็ ในการท�ำงานอนั จะเปน็ การชว่ ยสง่ เสรมิ สงั คม
และประเทศชาตใิ หเ้ จรญิ กา้ วหนา้ ซง่ึ ประเทศชาตมิ คี วามคาดหวงั จากประชาชนในประเทศมากทส่ี ดุ ซง่ึ ก็
คอื การประพฤตปิ ฏบิ ตั ติ นตงั้ มนั่ อยใู่ นความซอ่ื สตั ยส์ จุ รติ เหน็ แกป่ ระโยชนส์ ว่ นรวมมากกวา่ ประโยชนส์ ว่ นตน
โดยเรม่ิ ตน้ ทก่ี ารมคี วามประพฤตทิ ด่ี งี ามของตน ด�ำรงตนตงั้ มน่ั อยบู่ นพนื้ ฐานการด�ำเนนิ ชวี ติ แบบพอเพยี ง
มคี วามสุขกับส่งิ ท่ีตนเองมี ไมท่ ุจรติ คดโกง สามารถแยกแยะได้ว่าส่งิ ใดควรท�ำหรอื ไม่ควรท�ำ
๙) สรปุ ร่วมกันถึง การมงุ่ ไปขา้ งหน้า หมายถงึ ผนุ้ �ำ ผ้บู รหิ าร องค์กรและชุมชนมงุ่ พฒั นา
ปรบั เปลย่ี นตนเองและสว่ นรว่ มใหม้ คี วามเจรญิ กา้ วหนา้ อยา่ งยง่ั ยนื บนพน้ื ฐานความโปรง่ ใส ความพอเพยี ง
และร่วมสรา้ งวัฒนธรรมสจุ ริตให้เกิดขึ้นอย่างไปย่อทอ้
ระดบั ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปีท่ี ๑ 101
กิจกรรมเพิ่มเติม ให้นักเรยี นได้ฝึกทักษะการท�ำงานการรบั รองแขกในสถานการณจ์ ริง
๔.๒ สื่อการเรยี นรู้/แหลง่ การเรียนรู้
๑) ใบงานกรณตี วั อยา่ งการท�ำงานของบคุ คล ใบงานท่ี ๑ “หนทางแหง่ ความส�ำเรจ็ เราเลอื กได”้
๒) ใบงานท่ี ๒ กจิ กรรม“มวี ิธกี ารอย่างไรในการทีเ่ ราจะปฏบิ ตั ิงานให้ประสบความส�ำเรจ็ ”
๓) คลิปวีดโิ อ เรือง “ความส�ำเรจ็ เกดิ ความพยายามทงั้ สนิ้ ”
๕. การประเมนิ ผลการเรียนรู้
๕.๑ วิธีการประเมนิ
๑) สงั เกตพฤตกิ รรมของนกั เรยี นในดา้ นการแสดงความคดิ เหน็ การอภปิ ราย การใหเ้ หตผุ ล
พฤตกิ รรมการปฏิบัตงิ านตามภารกจิ ท่ีได้รบั มอบหมาย
๒) ตรวจสอบผลงานจากการท�ำใบงาน
- ใบงานท่ี ๑“หนทางแหง่ ความส�ำเร็จเราเลอื กได”้
- ใบงานที่ ๒ กจิ กรรม“มวี ธิ กี ารอยา่ งไรในการทเ่ี ราจะปฏบิ ตั งิ านใหป้ ระสบความส�ำเรจ็ ”
๕.๒ เครอื่ งมือทใี่ ชใ้ นการประเมิน
๑) แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการปฏิบัตงิ านของนักเรียน
- การเขา้ รว่ มกจิ กรรมกลุ่ม
- การปฏิบัติงานรายบุคคล (การอภิปรายแสดงความคดิ เห็น)
๒) แบบประเมินผลงานใบงานที่ ๒ “มีวิธีการอย่างไรในการท่ีเราจะปฏิบัติงานให้ประสบ
ความส�ำเรจ็ ”
๓) แบบประเมินผลการใหค้ ะแนน การตรวจสอบผังมโนทัศน์
๕.๓ เกณฑ์การตดั สนิ
เกณฑก์ ารประเมินพฤตกิ รรมการปฏบิ ัตงิ านของนกั เรียน
๑) แบบสังเกตพฤติกรรมการปฏบิ ตั ิงานกลมุ่
นักเรยี นตอ้ งผา่ นเกณฑ์การประเมิน ในระดับดี ประสิทธภิ าพอยู่ในเกณฑ์ ดี ๗๐-๘๙%
๒) แบบสังเกตพฤติกรรมการปฏบิ ัติงานรายบคุ คล
นกั เรียนต้องผ่านเกณฑก์ ารประเมิน ใน ระดับดี อยู่ในเกณฑ์ ๗๐%
๓) การประเมนิ สมรรถนะส�ำคญั ของผเู้ รียน
นกั เรียนต้องได้ระดบั คุณภาพ ผ่าน
๖. บันทึกหลังสอน
..........................................................................................................................................................
.....................................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................................
ลงชอ่ื ................................................ครผู ู้สอน
(.................................................)
102 แผนการจัดการเรียนรู้ “รายวชิ าเพม่ิ เติม การป้องกันการทุจรติ ”
๗. ภาคผนวก
ใบงานที่ ๑ “หนทางแหง่ ความสำ�เรจ็ เราเลอื กได้”
ค�ำชแี้ จง ใหน้ กั เรยี นศกึ ษาบทความเรอ่ื งราวของเจา้ ของเครอ่ื งดมื่ ชาเขยี วอชิ ติ นั ตนั ภาสกรนที แลว้ รว่ มกนั
วเิ คราะห์ทม่ี าแหง่ ความส�ำเรจ็ ในการท�ำงานของตัน ภาสกรนที
ในปัจจุบันน้ี มีนักธุรกิจที่ประประสบความส�ำเร็จอยู่จ�ำนวนมาก หนึ่งในน้ันคือ คุณตัน ภาสกรนที บุคคลท่ีประสบ
ความส�ำเรจ็ จากเครอ่ื งดมื่ ชาเขยี ว ทสี่ ามารถทะยานสคู่ วามเปน็ ที่ ๑ ของตลาดเครอ่ื งดม่ื ชาเขยี ว เขาคอื บคุ คลทมี่ มี นั สมองแพรวพราย
มเี่ หล่ยี มคิดแงม่ มุ ต่างๆท่นี า่ จะท�ำให้เราสามารถศกึ ษาเป็นแนวทางในการเร่ิมท�ำธรุ กจิ ทัง้ นีค้ ุณตันยังเปน็ นักธรุ กิจที่ใครๆ ตา่ งยึด
เปน็ ตน้ แบบในการท�ำธรุ กจิ ทส่ี �ำคญั คณุ ตนั ทมี่ ตี น้ ทนุ ในการท�ำธรุ กจิ ทเี่ รม่ิ จากศนู ย์ แตส่ ามารถท�ำใหม้ อี าณาจกั รเครอื่ งดม่ื ชาเขยี ว
เป็นแบรนดช์ ้ันน�ำของประเทศ
คณุ ตนั เตบิ โตมาในครอบครวั ทยี่ ากจน เรม่ิ ตน้ สรา้ งทกุ สง่ิ ทกุ อยา่ งจากจดุ ทเี่ รยี กวา่ …ศนู ย…์ ถงึ แมเ้ สน้ ทางถนนสายธรุ กจิ
ของเขาในวันนี้อาจไม่ยิ่งใหญ่ระดับที่เรียกว่า ต�ำนาน … แต่คุณตัน ภาสกรนที … เป็นเพียงแค่ทายาทของครอบครัวคนไทย
เชอ้ื สายจนี ทม่ี ฐี านะปานกลาง ดว้ ยความทค่ี รอบครวั คณุ ตนั ไมไ่ ดม้ ฐี านะดี คณุ ตนั เลยตดั สนิ ใจ เรยี นถงึ แคช่ น้ั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี ๓ แลว้
ออกมาท�ำงาน คุณตนั คิดวา่ เสมอว่าเป็นคนรปู ไม่หล่อ พอ่ ไม่รวย เรยี นไมเ่ กง่ ถา้ ยงั ท�ำตัวเท่ียวเลน่ วนั ต่อไปข้างหนา้ ก็คงล�ำบาก
สงิ่ เดยี วทต่ี นเองสามารถท�ำไดก้ ค็ อื ท�ำงานตอ้ งตงั้ ใจท�ำงานใหม้ ากกวา่ คนอนื่ เรมิ่ จากการท�ำงานเปน็ พนกั งานแบกของขนของขนึ้
โกดงั ท่บี รษิ ัทซากุระ ได้ค่าแรงเดือนละ ๗๐๐ บาท ซึง่ คณุ ตันกไ็ ด้ท�ำงานค้มุ ค่าแรงโดยมาท�ำงานเปน็ คนแรก และกลบั บา้ นเปน็ คน
สุดท้ายของพนักงานเสมอ แต่คุณตันไม่ได้ต้องการเกิดมาเป็นลูกจ้างใครตลอดไป คุณตันจึงเร่ิมธุรกิจเล็กๆเป็นของตนเองในวัย
๑๗ ปี และไดล้ าออกจากบริษทั ซากุระ และเริม่ ท�ำธุรกจิ อยา่ งจรงิ จงั ออกมาเปิดร้านขายหนังสอื เล็กๆในจงั หวัดชลบุรี เม่อื เกบ็
เงินได้ประมาณหน่ึง จากนั้นคุณตันได้ขยับขยายมาซ้ือห้องแถวเพ่ือมาท�ำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ เปิดร้านก๊ิฟช็อป ร้านกาแฟ
รา้ นอาหาร แลว้ กม็ าท�ำธรุ กจิ เรยี ลเอสเตท ก�ำลงั ทจ่ี ะมเี งนิ ๑๐๐-๒๐๐ ลา้ นบาท พอรฐั บาลประกาศคา่ เงนิ บาทลอยตวั ท�ำใหค้ ณุ ตนั
เป็นบคุ คลลม้ ละลายในปี ๒๕๓๙ และมีหน้ีสินติดตวั กวา่ ๑๐๐ ล้านบาทจากการลงทนุ ทางธุรกจิ แตค่ ณุ ตนั ไมไ่ ด้ยอ่ ทอ้ ตอ่ ความยาก
ล�ำบากคุณตันได้เร่ิมท�ำธุรกิจเว้ดด้ิงถ่ายรูปแต่งงานจัดงานแต่งงานเพ่ือหาเงินมาใช้หนี้ ซึ่งความแปลกใหม่ของธุรกิจเว้ดดิ้ง
ก็ท�ำให้คุณคณุ ตนั สามารถหาเงินมาใชห้ นี้กว่า ๑๐๐ ลา้ นบาทได้หมดภายใน ๒ ปี
คณุ ตนั เรมิ่ ตน้ การท�ำธรุ กจิ โดยมคี วามเชอ่ื วา่ สง่ิ ทด่ี ที ส่ี ดุ ยงั ไมเ่ กดิ และสงิ่ ทดี่ กี วา่ มโี อกาสเกดิ ได้ คณุ ตนั ไดบ้ อกวา่ “ โทรทศั น์
ในตอนนม้ี ยี ห่ี อ้ ไหนดที ส่ี ดุ ” หลายๆคน ตอบว่า Sony แตค่ ณุ ตนั ไดบ้ อกว่า “ ผดิ ครบั …เพราะยหี่ อ้ ดที ส่ี ดุ ยงั ไมม่ าเชน่ เดยี วกบั ทวี่ า่
นกั ธุรกจิ ทป่ี ระสบความส�ำเร็จยงั ไม่มา” แสดงให้เหน็ วา่ ยังมีโอกาสเปดิ โอกาสให้ส�ำหรบั คนที่มีความมัน่ ใจทจี่ ะท�ำสงิ่ ทีแ่ ตกต่างให้
โดดเดน่ ดว้ ยความคดิ สรา้ งสรรค์ ” เชน่ เดยี วกบั กรณใี นการผลติ ชาเขยี วโออชิ ิ ชว่ งแรกๆเปดิ ตวั ดว้ ย รสชาตติ น้ ต�ำรบั และสามารถ
ท�ำการตลาดจนขายดี ทวา่ เมื่อมีการคิดค้นรสชาตใิ หมอ่ อกมา รสน้ำ� ผงึ้ ผสมมะนาว ปรากฏว่าขายดกี วา่ รสตน้ ต�ำหรบั เสยี อกี จน
มีคนยกย่องให้เปน็ “ สดุ ยอด ”และยดึ รสชาตนิ ้เี ปน็ หลัก แตค่ ณุ ตนั กลับไม่คิดว่ารสชาตนิ ีด้ ีท่สี ดุ และได้พัฒนาออกรสชาติต่อมา
คือขายไปในตลาด รสชาติขา้ วญปี่ ุ่น ส่งไปขายในตลาด ปรากฏว่าขายดกี ว่าทกุ รสทีเ่ คยผา่ นมา และน่ีคอื จดุ เริม่ ตน้ ของชาเขียวที่
ส่งผลต่อความเจริญรุ่งเรืองในการท�ำธุรกิจของคุณตันในเวลาต่อมา “เพียงคุณมีความมุ่งมั่นต้ังใจในการท�ำงาน มีเป้าหมายชีวิต
ที่ชัดเจนในชีวิตท่ีตั้งอยู่บนพื้นฐานความซ่ือสัตย์สุจริต แม้จะมีปัญหาอุปสรรคเพียงใดก็ตามคุณจะสามารถฟันฝ่าก้าวข้ามปัญหา
อปุ สรรคน้นั ไปสู่ความส�ำเรจ็ ได้” และนีค่ อื ตวั อยา่ งบคุ คลทยี่ ิง่ ใหญเ่ พราะคดิ ท่จี ะท�ำ ท�ำด้วยความม่งุ ม่ันตง้ั ใจ ภายใต้พน้ื ฐาน
ความซือ่ สตั ย์สจุ ริต ท่ีผา่ นการกล่อมเกลา การเลีย้ งดูมาจากครอบครวั แล้วคุณละ่ คิดทจ่ี ะท�ำอะไรให้ชีวติ พบกับความส�ำเร็จ
หรอื ยงั
ระดับชัน้ มธั ยมศึกษาปีท่ี ๑ 103
ประเด็นการอภิปราย
๑. ได้รับแง่คดิ อะไรบา้ งในการท�ำงานของคณุ ตัน ภาสกรนที
๒. อะไรคือคุณสมบตั ขิ อง คุณตัน ภาสกรนที ทที่ �ำให้พบกับความส�ำเร็จในการด�ำเนนิ ชวี ิต
๓. มีสิ่งใดท่ีนักเรียนคิดว่าเป็นคุณสมบัติใดที่ดีของตนเองท่ีสามารถน�ำไปปฏิบัติสู่ความส�ำเร็จใน
การด�ำเนินสัมมาชีพของตน
๔. หากการท�ำงานของนกั เรยี นตอ้ งพบกบั ปญั หาอปุ สรรคทที่ �ำใหก้ ารท�ำงานนนั้ ไมร่ าบรน่ื นกั เรยี น
จะมวี ิธีการจัดการกับปญั หานน้ั อย่างไรและจะน�ำไปใช้ในชวี ิตประจ�ำวันของตนไดอ้ ย่างไร
.................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................
104 แผนการจัดการเรยี นรู้ “รายวชิ าเพ่ิมเตมิ การปอ้ งกันการทจุ ริต”
ใบงานที่ ๒ “มวี ธิ กี ารอยา่ งไรในการท่เี ราจะปฏิบัตงิ านใหป้ ระสบความส�ำ เรจ็ ”
ค�ำชแี้ จง ใหน้ กั เรยี นรว่ มกนั ออกแบบวางแผนการปฏบิ ตั งิ านจากสถานการณท์ ก่ี �ำหนดโดยมเี ปา้ หมาย คอื
ความส�ำเรจ็ ในภารกจิ ท่ีไดร้ ับและเปน็ การปฏบิ ตั ิงานทมี่ คี วามสุข
หากนักเรียนและเพ่ือน ๆ ในห้องได้รับมอบหมายให้ปฏิบัติหน้าท่ีในการรับรองแขกผู้ใหญ่ที่มา
เย่ียมชมศึกษาดูงานท่ีโรงเรียนในวันหยุด จะมีวิธีการอย่างไรท่ีจะท�ำให้การปฏิบัติงานน้ันประสบ
ความส�ำเรจ็ เปน็ ทพี่ งึ พอใจของแขกผมู้ าเยอื น และเพอื่ นๆทกุ คนใหค้ วามรว่ มมอื รว่ มใจในการปฏบิ ตั งิ าน แต่
เนอื่ งจากในวันท่ีปฏบิ ัติงานดงั กล่าวเปน็ วันหยุด จึงมเี พอื่ นบางคนที่ไม่มาปฏิบตั หิ นา้ ที่ท่ไี ด้รับมอบหมาย
นักเรยี นจะมีวธิ ีการแก้ไขอยา่ งไร จงชว่ ยกันหาแนวทางการแก้ไขปญั หาดงั กล่าว
สมาชิกในกลุ่มร่วมกันอภิปราย สรุปผลแนวคิดของกลุ่มพร้อมจัดทำ�ผลงานเตรียมนำ�เสนอ
ต่อเพ่อื น ๆ ในห้อง
.................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................................
ระดับชนั้ มัธยมศกึ ษาปที ่ี ๑ 105
ความสำ�เร็จเกิดมาจากความพยายามท้งั สิ้น
https://www.youtube.com/watch?v=EzEvPshSKjl
106 แผนการจัดการเรียนรู้ “รายวิชาเพิม่ เติม การป้องกันการทุจริต”
แบบสังเกตพฤตกิ รรมการปฏบิ ัติงานกลมุ่
กลุ่มที่…………..ชนั้ ………………
พฤตกิ รรม
ล�ำดับ ชอ่ื -สกุล ความร่วมมอื การแสดง การรับฟัง ความตัง้ ใจ การมี รวม
ที่ สมาชิกกลมุ่ ความคดิ เห็น ความคิดเหน็ ในการท�ำงาน สว่ นรว่ มใน
การอภปิ ราย
๔ ๓ ๒ ๑ ๔ ๓ ๒ ๑ ๔ ๓ ๒ ๑ ๔ ๓ ๒ ๑ ๔ ๓ ๒ ๑ ๒๐
๑
๒
๓
๔
๕
๖
๗
๘
๙
๑๐
เกณฑ์การประเมิน
ดมี าก = ๔ ประสิทธิภาพอยใู่ นเกณฑ์ ๙๐-๑๐๐% หรือปฏบิ ัติบอ่ ยครง้ั
ด ี = ๓ ประสทิ ธิภาพอย่ใู นเกณฑ์ ๗๐-๘๙% หรอื ปฏบิ ัตบิ างคร้ัง
ปานกลาง = ๒ ประสทิ ธิภาพอยู่ในเกณฑ์ ๕๐-๖๙% หรือปฏบิ ตั ิครงั้ เดยี ว
ปรบั ปรงุ = ๑ ประสิทธิภาพต่�ำกวา่ เกณฑ์ ๕๐% หรือไมป่ ฏิบัตเิ ลย
ลงช่ือ………………………………………………..…ผู้สังเกต
(…………………………………………………..)
…………/……………………..……/…………..……..
ระดบั ช้ันมธั ยมศกึ ษาปีที่ ๑ 107
แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการปฏิบัติงานรายบุคคล (การอภปิ รายแสดงความคิดเหน็ )
ที่ พฤตกิ รรม ความสนใจ การแสดง การตอบ การยอมรับ ท�ำงาน หมายเหตุ
ชื่อ-สกุล ๔๓๒๑ ความคิดเห็น ค�ำถาม ฟังผู้อ่ืน ตามทไ่ี ด้รบั
๔๓๒๑ ๔๓๒๑ ๔๓๒๑ มอบหมาย
๔๓๒๑
เกณฑก์ ารวดั ผล ใหค้ ะแนนระดบั คุณภาพของแต่ละพฤตกิ รรมดังนี้
ดีมาก = ๔ สนใจฟงั ไมห่ ลบั ไมพ่ ดู คยุ นอกประเดน็ มคี �ำถามทดี่ ี ตอบค�ำถามถกู ตอ้ ง ท�ำงาน
ส่งครบตรงเวลา
ดี = ๓ สนใจฟงั ไมห่ ลบั พดู คยุ นอกประเดน็ บา้ ง มคี �ำถาม ตอบค�ำถามถกู ตอ้ ง ท�ำงาน
สง่ ครบตรงเวลา
ปานกลาง = ๒ สนใจฟงั ไมห่ ลบั พดู คยุ นอกประเดน็ บา้ ง มคี �ำถาม ไมค่ อ่ ยตอบค�ำถาม ท�ำงาน
ส่งครบตรงเวลาบ้างไม่ตรงเวลาบ้าง
ปรบั ปรงุ = ๑ สนใจฟัง ไม่หลับ พูดคุยนอกประเด็นบ้าง ไม่มีการตั้งค�ำถามตอบค�ำถาม
สง่ งานไมค่ รบไมต่ รงเวลา
นักเรยี นตอ้ งผ่านเกณฑก์ ารประเมนิ ใน ระดับ ๒ จึงจะผ่าน
ลงช่อื ……………………………….ผ้สู ังเกต
(……………………………….)
…………/…………/………..
108 แผนการจัดการเรียนรู้ “รายวชิ าเพมิ่ เติม การปอ้ งกันการทุจรติ ”
การประเมินคุณลกั ษณะอนั พึงประสงคข์ องผู้เรยี น ขอ้ ที่ ๖ มงุ่ มน่ั ในการทำ�งาน
ตัวชีว้ ดั ๖.๑ ตั้งใจและรับผดิ ชอบหนา้ ทก่ี ารท�ำงาน
๖.๒ ท�ำงานดว้ ยความเพียรพยายาม และอดทนเพื่อให้งานส�ำเร็จตามเป้าหมาย
ตวั ชว้ี ัด พฤติกรรมบ่งช้ี
๖.๑ ตัง้ ใจและรับผิดชอบหนา้ ทก่ี ารท�ำงาน ๖.๑.๑ เอาใจใสต่ อ่ การปฏิบัติหนา้ ทท่ี ี่ ได้รบั มอบหมาย
๖.๑.๒ ตง้ั ใจและรับผิดชอบใน การท�ำงานใหส้ �ำเรจ็
๖.๑.๓ ปรับปรงุ และ พฒั นาการท�ำงานด้วยตนเอง
๖.๒ ท�ำงานดว้ ยความเพยี รพยายาม และอดทนเพอ่ื ใหง้ าน ๖.๒.๑ ทุ่มเทท�ำงาน อดทน ไมย่ ่อทอ้ ตอ่ ปญั หา และ
ส�ำเรจ็ ตามเป้าหมาย อปุ สรรคในการท�ำงาน
๖.๒.๒ พยายามแกป้ ัญหาและอปุ สรรคในการท�ำงาน
ใหส้ �ำเรจ็
๖.๒.๓ ชื่นชมผลงานดว้ ยความภาคภูมใิ จ
เกณฑ์การประเมิน ตัวชี้วัดที่ ๖.๑ ตั้งใจและรับผดิ ชอบในการปฏิบตั หิ นา้ ทีก่ ารงาน
พฤติกรรมบง่ ช้ี ไม่ผ่าน (๐) ผา่ น (๑) ดี (๒) ดเี ย่ยี ม (๓)
๖.๑.๑ เอาใจใสต่ อ่ ไม่ตั้งใจปฏิบตั หิ นา้ ท่ี ต้ังใจและรับผดิ ชอบ ต้งั ใจและรบั ผดิ ชอบ ต้งั ใจและรบั ผดิ ชอบ
การปฏิบัตหิ นา้ ท่ีที่ การงาน ในการปฏิบตั ิหนา้ ที่ ในการปฏิบัตหิ นา้ ที่ ในการปฏิบัตหิ น้าท่ี
ได้รบั มอบหมาย ทีไ่ ดร้ ับมอบหมาย ทไี่ ด้รับมอบหมาย ท่ีไดร้ บั มอบหมาย
๖.๑.๒ ตั้งใจและ ให้ส�ำเร็จ มีการ ใหส้ �ำเร็จ ให้ส�ำเรจ็
รบั ผดิ ชอบใน ปรบั ปรุงการท�ำงาน มกี ารปรบั ปรุงและ มีการปรับปรุงและ
การท�ำงานให้ ส�ำเรจ็ ให้ดขี ึน้ พัฒนาการท�ำงาน พัฒนาการท�ำงาน
๖.๑.๓ ปรับปรุงและ ใหด้ ีขึ้น ให้ดขี นึ้ ด้วยตนเอง
พัฒนาการท�ำงาน
ดว้ ยตนเอง
ระดบั ช้ันมธั ยมศกึ ษาปที ่ี ๑ 109
ตวั ชวี้ ัดที่ ๖.๒ ทำ�งานดว้ ย ความเพียรพยายาม และอดทนเพอ่ื ให้งานส�ำ เร็จตามเปา้ หมาย
พฤติกรรมบ่งช้ี ไม่ผา่ น (๐) ผ่าน (๑) ดี (๒) ดีเยี่ยม (๓)
๖.๒.๑ ทุ่มเทท�ำงาน ไม่ขยนั อดทน ท�ำงานดว้ ยความ ท�ำงานดว้ ยความ ท�ำงานดว้ ยความ
อดทน ไมย่ อ่ ทอ้ ตอ่ ในการท�ำงาน ขยนั อดทน และ ขยนั อดทน และ ขยันอดทน และ
ปัญหา และอปุ สรรค พยายามให้งาน พยายามใหง้ าน พยายามใหง้ าน
ในการท�ำงาน ส�ำเร็จตามเปา้ หมาย ส�ำเร็จตามเปา้ หมาย ส�ำเรจ็ ตามเปา้ หมาย
๖.๒.๒ พยายามแก้ และชน่ื ชมผลงาน ไมย่ อ่ ท้อตอ่ ปัญหา ภายในเวลาที่ก�ำหนด
ปัญหาและอุปสรรค ด้วยความภาคภมู ใิ จ ในการท�ำงาน และ ไมย่ ่อทอ้ ต่อปญั หา
ในการท�ำงานให้
ส�ำเรจ็ ชื่นชมผลงานด้วย อปุ สรรคในการ
๖.๒.๓ ชนื่ ชมผลงาน ความภาคภูมใิ จ ท�ำงาน และชน่ื ชม
ดว้ ยความภาคภูมิใจ
ผลงานด้วยความ
ภาคภมู ใิ จ
เกณฑ์พจิ ารณาสรุปผลการประเมินคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงคข์ อ้ ท่ี ๖ ม่งุ มน่ั ในการท�ำ งาน
ระดบั เกณฑก์ ารพจิ ารณา
ดเี ยีย่ ม (๓) ๑. ไดผ้ ลการประเมินระดับดีเยยี่ ม ทุกตวั ชว้ี ัด หรือ
๒. ได้ผลการประเมินระดบั ดีเย่ียม และดี ระดบั ละ ๑ ตวั ช้วี ัด
ดี (๒) ๑. ได้ผลการประเมินระดับดี ทกุ ตวั ชวี้ ัด หรอื
๒. ได้ผลการประเมนิ ระดับดเี ยี่ยม และระดับผ่าน ระดับละ ๑ ตวั ชี้วัด
ผา่ น (๑) ๑. ได้ผลการประเมินระดับผา่ น ทกุ ตวั ช้ีวดั หรอื
๒. ไดผ้ ลการประเมนิ ระดบั ดี และระดับผา่ น ระดับละ ๑ ตัวชี้วัด
ไม่ผา่ น (๐) มีผลการประเมนิ ตวั ชีว้ ัดขอ้ ใดข้อหน่ึงได้ระดับ ไม่ผา่ น
110 แผนการจัดการเรยี นรู้ “รายวชิ าเพ่ิมเติม การป้องกนั การทุจริต”
แบบประเมินคณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ของนักเรยี น
เอาใจใส่ ตั้งใจและ การปรับปรุง ความอดทน การแก้ไข ชน่ื ชมใน
ต่อหนา้ ที่ รับผดิ ชอบ พฒั นางาน การทุ่มเทใน ปัญหา ผลงาน
เลข พฤติกรรม ที่ไดร้ ับ ต่องาน การท�ำงาน อปุ สรรค ของตน หมายเหตุ
ที่ ชือ่ -สกลุ มอบหมาย ของตน ในการท�ำงาน
๓๒๑๐๓๒๑๐๓๒๑๐๓๒๑๐๓๒๑๐๓๒๑๐
เกณฑ์การวัดผล ระดับคณุ ภาพของแต่ละพฤติกรรม ดังน้ี
ดีเยย่ี ม = ๓
ด ี = ๒
ผา่ น = ๑
ไม่ผา่ น = ๐
นักเรียนตอ้ งผา่ นเกณฑก์ ารประเมนิ ในระดับ ผ่าน
ลงชอื่ ……………………………….ผปู้ ระเมิน
(……………………………….)
…………/…………/………..
ระดับชั้นมธั ยมศกึ ษาปีท่ี ๑ 111
แผนการจดั การเรียนรู้
หนว่ ยที่ ๓ ช่อื หน่วย STRONG : จติ พอเพยี งต้านทุจรติ
ชัน้ มัธยมศกึ ษาปีท่ี ๑
แผนการจดั การเรียนรูท้ ่ี ๕ เรอื่ ง การปฏิบตั ิเพอื่ ใหเ้ กิดความร้บู นพ้ืนฐานการไม่ทจุ ริต เวลา ๒ ชั่วโมง
๑. ผลการเรียนรู้
๑.๑ มคี วามรู้ ความเข้าใจเก่ียวกับ STRONG : จิตพอเพยี งตา้ นทจุ รติ
๑.๒ ปฏิบตั ติ นเป็นผู้ท่ี STRONG : จิตพอเพยี งตา้ นทุจรติ
๑.๓ ตระหนกั และเห็นความส�ำคญั ของการต่อตา้ นและปอ้ งกนั การทุจรติ
๒. จดุ ประสงค์การเรยี นรู้
๒.๑ นกั เรยี นสามารถปฏบิ ตั ติ นสรา้ งฐานความคดิ จติ พอเพยี งตอ่ ตา้ นการทจุ รติ ใหเ้ กดิ ขนึ้ เปน็ พน้ื ฐาน
ความคดิ ของปจั เจกบคุ คล
๒.๒ นกั เรยี นสามารถประยกุ ตห์ ลกั บรู ณาการ “STRONG” เปน็ แนวทางในการพฒั นาวฒั นธรรม
หน่วยงานได้
๓. สาระการเรยี นรู้
๓.๑ ความรู้
๑) การสร้างฐานความคดิ จิตพอเพยี งตา้ นทจุ ริต
๒) การประยกุ ตห์ ลกั บรู ณาการ “STRONG” เปน็ แนวทางในการพฒั นาวฒั นธรรมหนว่ ยงาน
๓.๒ ทกั ษะ/กระบวนการ (สมรรถนะท่ีเกิด)
๑) ความสามารถในการสอ่ื สาร
อธิบายความหมายเกีย่ วกับเรอ่ื ง การประยุกต์หลักบูรณาการ “STRONG : จิตพอเพียง
ตา้ นทจุ รติ ” เป็นแนวทางในการพฒั นาวัฒนธรรมหนว่ ยงาน
๒) ความสามารถในการคดิ
วเิ คราะหแ์ ละจดั กลุม่ ถึงเร่อื งการประยกุ ต์หลักบูรณาการ “STRONG : จิตพอเพียงตา้ น
ทุจริต” เป็นแนวทางในการพัฒนาวฒั นธรรมหนว่ ยงาน
๓) ความสามารถในการปฏิบัติตนสร้างฐานความคิดจิตพอเพียงต้านทุจริตให้เกิดขึ้น
เป็นพ้ืนฐานความคิดของปจั เจกบคุ คล
๔) ความสามารถในการใชท้ กั ษะชวี ิตทีด่ ีและมีจติ พอเพียงต้านทจุ ริต
๕) ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยโี ดยการสบื คน้ ขอ้ มลู เกยี่ วกบั การสรา้ งฐานคดิ จติ พอเพยี ง
ต้านทุจริตให้เกิดข้ึนเป็นพ้ืนฐานความคิดของปัจเจกบุคคล โดยประยุกต์หลักบูรณาการ “STRONG :
จติ พอเพยี งต้านทุจรติ ” เปน็ แนวทางในการพฒั นาวัฒนธรรมหนว่ ยงาน
๓.๓ คุณลกั ษณะอนั พึงประสงค/์ ค่านยิ ม
ซื่อสตั ย์สุจรติ
๔. กิจกรรมการเรียนรู้
๔.๑ ขั้นตอนการเรียนรู้
112 แผนการจัดการเรียนรู้ “รายวชิ าเพิ่มเตมิ การป้องกันการทจุ รติ ”
ชวั่ โมงท่ี ๑
๑) ครชู แี้ จงแนะน�ำเนอื้ หา เรอื่ ง ความพอเพยี ง ภาพยนตรส์ นั้ โรงเรยี นคณุ ธรรม สพฐ. เรอื่ ง เลอื น
๒) นักเรียนดูวิดีทัศน์เก่ียวกับเร่ืองการสร้างฐานคิดจิตพอเพียงต้านทุจริต และช่วยกัน
วเิ คราะห์ สังเกต ตัง้ ขอ้ สงสัยวา่ มอี ะไรเป็นปญั หาท�ำใหเ้ กดิ การทุจรติ
๓) ครูต้ังค�ำถามให้นักเรียนคิดตามว่า เรื่องราวในวีดีทัศน์ที่เห็นในรูปแบบต่างๆ น้ัน อะไร
คอื สาเหตขุ องการทจุ ริต เพราะอะไร และจะหาวิธีปอ้ งกันตอ่ ต้านการทุจริตอยา่ งไรบา้ ง
๔) นักเรียนจดบนั ทกึ เนือ้ หาเก่ยี วกับการสร้างฐานคดิ จิตพอเพยี งตา้ นทุจรติ
๕) แบง่ กลุ่มนักเรยี น กล่มุ ละ ๓ คน ใหป้ ฏบิ ตั ิตามใบงานท่ี ๕ เร่อื ง STRONG : จิตพอเพียง
ตา้ นทจุ รติ โดยให้คน้ ควา้ สืบค้นความรู้จากแหลง่ เรยี นร้แู ละสารสนเทศ เชน่ อินเทอรเ์ น็ต เร่อื งการสรา้ ง
ฐานคิดจติ พอเพียงต้านทจุ ริต สาเหตุและวธิ ีการปอ้ งกนั ตอ่ ตา้ นไมใ่ หเ้ กดิ การทจุ รติ
๖) นกั เรยี นและครผู สู้ อนรว่ มกนั สรปุ องคค์ วามรขู้ องนกั เรยี นทสี่ ามารถอธบิ ายเรอ่ื งหลกั การ
ตอ่ ต้านการทุจริต และสาเหตกุ ารทุจริตและหาวธิ ปี อ้ งกันการทุจริตไดใ้ นรปู แบบต่าง ๆ ไดถ้ กู ต้อง และ
ครูผูส้ อนแสดงความชนื่ ชมต่อนักเรยี นทุกคน ที่สามารถท�ำกจิ กรรมที่มอบหมายในใบงาน ไดส้ �ำเรจ็ และ
มปี ระสทิ ธิภาพ
๗) ครปู ระเมนิ ผลขนั้ ตอนกระบวนการปฏบิ ตั งิ านและภาระงานทก่ี �ำหนดใหน้ กั เรยี นฝกึ ปฏบิ ตั ิ
ดว้ ยความเข้าใจ
ชวั่ โมงท่ี ๑
๑) ครูทบทวนเนื้อหา เร่ืองการสรา้ งฐานความคิดจิตพอเพยี ง
๒) นกั เรียนศึกษาใบความรู้เรือ่ ง การประยกุ ต์หลกั บรู ณาการ “STRONG” เป็นแนวทางใน
การพัฒนาวฒั นธรรมและหนว่ ยงาน
๓) นกั เรียนแบ่งกล่มุ เป็น ๕ กลมุ่ แล้วให้นักเรียนแสดงบทบาทสมมติ โดยมีเน้อื หาเกยี่ วกบั
แนวคดิ การน�ำปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี งมากขน้ึ เครอื่ งมอื ในการปอ้ งกนั การทจุ รติ ในกลมุ่ อาชพี และ
หนว่ ยงานตา่ งๆ ดงั นี้
กลมุ่ ที่ ๑ ในครอบครัว
กลมุ่ ท่ี ๒ ในโรงเรยี น
กล่มุ ท่ี ๓ ในวดั
กลุ่มที่ ๔ ในชุมชน
กลุม่ ที่ ๕ ในสถานท่รี าชการ
๔) ครูและนกั เรียนรว่ มกนั แสดงความคดิ เห็นเกี่ยวกบั การแสดงบทบาทสมมติ
๕) นักเรยี นจดบนั ทึกเน้อื หาสาระส�ำคญั โดยสรุปจากการชมวดี ิทัศน์
๖) นักเรียนและครูร่วมกันสรุปองค์ความรู้ของนักผู้เรียนท่ีสามารถอธิบายเรื่องหลักการ
ตอ่ ตา้ นการทจุ รติ และสาเหตกุ ารทจุ รติ และหาวธิ ปี อ้ งกนั การทจุ รติ ไดใ้ นรปู แบบตา่ ง ๆ ไดถ้ กู ตอ้ ง และครู
ผูส้ อนแสดงความชืน่ ชมกับนักเรียนทกุ คน ที่สามารถท�ำกจิ กรรมที่มอบหมายในใบงานท่ี ๕ ไดส้ �ำเร็จและ
มปี ระสทิ ธิภาพ
๗) ครปู ระเมนิ ผลขน้ั ตอนกระบวนการปฏบิ ตั งิ านและภาระงานทกี่ �ำหนดใหน้ กั เรยี นฝกึ ปฏบิ ตั ิ
ดว้ ยความเข้าใจ
ระดบั ชัน้ มธั ยมศึกษาปีท่ี ๑ 113
๔.๒ สอ่ื การเรียนร/ู้ แหล่งการเรียนรู้
๑) ภาพยนตร์สัน้ โรงเรยี นคุณธรรม สพฐ. เรือ่ ง เลอื ก
๒) ภาพยนตรส์ ้ันช่อสะอาดสญั ลักษณ์สง่ เสรมิ คุณธรรมความดี
๓) จลุ สาร ป.ป.ช. สารสู่โรงเรียน
๔) PowerPoint เรอ่ื ง STRONG
๕) ตัวอย่างข่าว
๖) รายการภารกิจปราบปรามการทจุ รติ : https://goo.gl/vzGxVy
๗) รายการภารกิจพิชิตโกง : https://goo.gl/S๙kHnv
๕. การประเมนิ ผลการเรียนรู้
๕.๑ วิธกี ารประเมิน
๑) ดา้ นความรู้ (K)
- ประเมินจากการซักถาม
- การตรวจแบบใบงาน ทันเวลาท่ีก�ำหนด
- การน�ำเสนอผลงาน
๒) ดา้ นทักษะกระบวนการ (P)
การสังเกตพฤตกิ รรมการปฏิบัติงานตามขั้นตอนการกระบวนการในการท�ำงานกลุม่
๓) ด้านคุณธรรม จริยธรรมและเจตคติ (A)
การสงั เกตพฤตกิ รรมเนน้ ความรบั ผดิ ชอบ ใฝเ่ รยี นรู้ ขยนั ซอื่ สตั ย์ อดทนและมจี ติ สาธารณะ
๕.๒ เคร่ืองมือท่ีใชใ้ นการประเมนิ
- แบบฝึกปฏิบตั จิ ากใบงาน
- แบบประเมนิ จากแบบฝึกหดั
- แบบสงั เกตประเมินผลการปฏิบตั งิ าน (Rubrics)
- แบบประเมินผลพฤตกิ รรม
๕.๓ เกณฑ์การตดั สิน
ดีมาก = ๔ สนใจฟัง ไม่หลับ ไม่พูดคุยในชั้น มีค�ำถามที่ดี ตอบค�ำถามถูกต้อง
ท�ำงานส่งครบ ตรงต่อเวลา
ด ี = ๓ การแสดงออกอยู่ในเกณฑ์ประมาณ ๗๐%
ปานกลาง = ๒ การแสดงออกอยู่ในเกณฑป์ ระมาณ ๕๐%
ปรบั ปรุง = ๑ เขา้ ชน้ั เรียน แต่การแสดงออกนอ้ ยมาก ส่งงานไม่ครบ ไมต่ รงเวลา
๖. บนั ทึกหลังสอน
..........................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................
ลงช่ือ................................................ครผู สู้ อน
(.................................................)
114 แผนการจดั การเรียนรู้ “รายวิชาเพิ่มเตมิ การป้องกันการทุจริต”
๗. ภาคผนวก
ใบงาน
เรือ่ ง STRONG : จติ พอเพียงต้านทจุ ริต
ค�ำสั่ง ใหน้ ักเรยี นแบง่ กลุ่ม กลมุ่ ละ ๓ คน ช่วยกนั คน้ คว้าหาขอ้ มลู เกย่ี วกับ
เรื่อง STRONG: จิตพอเพยี งต้านทจุ ริต
๑. S (sufficient) บุคคลและหน่วยงานนอ้ มน�ำปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียงมาปรับประยกุ ตใ์ ช้
เปน็ หลกั ในการท�ำงานและการด�ำรงชวี ิต
๒. T (transparent) บคุ คลและหนว่ ยงานปฏิบัติงานบนฐานของความโปรง่ ใสตรวจสอบได้เป็น
ที่ตั้ง
๓. R (realise) บคุ คลและหนว่ ยงานมคี วามเขา้ ใจและตระหนกั รถู้ งึ รากเหงา้ ของปญั หาการทจุ รติ
ประพฤติมิชอบภายในสังคม
๔. O (onward) บคุ คลและหนว่ ยงานมแี นวคดิ มงุ่ พฒั นาหนว่ ยงานใหเ้ กดิ ความโปรง่ ใสและรว่ ม
สร้างวฒั นธรรมไมท่ นต่อการทุจรติ ใหเ้ กิดข้นึ และไมย่ ่อทอ้ ต่อการแกไ้ ขปัญหาการทุจรติ ประพฤติมิชอบ
ใหส้ �ำเร็จลุล่วงได้ตามเปา้ หมายท่ีก�ำหนดร่วมกัน
๕. N (knowledge) บคุ คลและหน่วยงานมกี ารพฒั นาองคค์ วามรู้อยา่ งสม�ำ่ เสมอเพ่ือใหเ้ ทา่ ทัน
ต่อสถานการณ์การทจุ รติ ของหนว่ ยงาน
๖. G (generosity) บุคคลและหน่วยงานร่วมพัฒนาหน่วยงานให้มีความเอ้ืออาทรบนพ้ืนฐาน
ของจรยิ ธรรมและจิตพอเพียง
ระดับชนั้ มธั ยมศึกษาปีที่ ๑ 115
แบบทดสอบ
STRONG : จิตพอเพียงต้านทุจริต
ค�ำสั่ง ให้นักเรียนช่วยวิจารณ์และระบุถึงความเสี่ยงต่อการทุจริต จากภาพการ์ตูนท่ีก�ำหนดให้เก่ียวกับ
เรื่อง STRONG : จติ พอเพยี งต้านทุจริตอย่างไรบา้ ง
ภาพการ์ตนู ค�ำตอบ
………………………………………………………………..…
……………………………………………….…………………..
………………………………………………………………..…
…………………………………………………………………..
………………………………………………………………..…
…………………………………………………………………..
………………………………………………………………..…
…………………………………………………………………..
………………………………………………………………..…
…………………………………………………………………..
………………………………………………………………..…
…………………………………………………………………..
………………………………………………………………..…
…………………………………………………………………..
………………………………………………………………..…
…………………………………………………………………..
………………………………………………………………..…
…………………………………………………………………..
………………………………………………………………..…
…………………………………………………………………..
………………………………………………………………..…
…………………………………………………………………..
116 แผนการจดั การเรยี นรู้ “รายวชิ าเพ่มิ เตมิ การป้องกนั การทุจริต”
แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการปฏบิ ตั งิ านรายบุคคล
ท่ี พฤติกรรม ความสนใจ การแสดง การตอบ การยอมรบั ท�ำงาน หมายเหตุ
ช่ือ-สกลุ ๔๓๒๑ ความคิดเห็น ค�ำถาม ฟงั ผู้อืน่ ตามทีไ่ ดร้ ับ
๔๓๒๑ ๔๓๒๑ ๔๓๒๑ มอบหมาย
๔๓๒๑
เกณฑก์ ารวดั ผล ใหค้ ะแนนระดับคุณภาพของแต่ละพฤติกรรมดงั นี้
ดมี าก = ๔ สนใจฟัง ไม่หลับ ไม่พูดคุยในชั้น มีค�ำถามท่ีดี ตอบค�ำถามถูกต้อง ท�ำงาน
ส่งครบตรงเวลา
ด ี = ๓ การแสดงออกอยใู่ นเกณฑป์ ระมาณ ๗๐%
ปานกลาง = ๒ การแสดงออกอยู่ในเกณฑป์ ระมาณ ๕๐%
ปรับปรุง = ๑ เขา้ ชัน้ เรียน แตก่ ารแสดงออกนอ้ ยมาก ส่งงานไม่ครบ ไม่ตรงเวลา
ลงช่อื …………………………………….ผู้สังเกต
(…………………………..………….)
………/………………..……/…..……..
ระดบั ชนั้ มธั ยมศึกษาปีที่ ๑ 117
แบบประเมินผลการน�ำ เสนองาน
เรอ่ื ง…………………………………………………………………………………….
วชิ า……………………………………………….ช้นั ……………….
ช่อื …………………………………………………..เลขที…่ ……………
ท่ี รายการประเมนิ ผปู้ ระเมนิ รวม เกณฑ์การประเมิน
ตนเอง เพอื่ น ครู คะแนน ๔ : มคี รบทุกขอ้
๑ เนือ้ หา (๔ คะแนน) คะแนน ๓ : มี ๓ ข้อ ขาด ๑ ข้อ
๑. เนอ้ื หาครบถว้ นสมบรู ณ์ คะแนน ๒ : มี ๒ ขอ้ ขาด ๒ ขอ้
๒. เน้อื หาถกู ตอ้ ง คะแนน ๑ : มี ๑ ข้อ ขาด ๓ ข้อ
๓. เนอ้ื หาต่อเนอ่ื ง
๔. มีการค้นควา้ เพ่ิมเติม คะแนน ๒ : มคี รบทุกขอ้
คะแนน ๑ : มี ไมค่ รบ ๔ ข้อ
๒ กระบวนการท�ำงาน (๒ คะแนน) คะแนน ๐ : ไม่ปรากฏกระบวน
๑. มกี ารวางแผนอย่างเปน็ ระบบ
๒. การปฏบิ ตั ติ ามแผน การท�ำงานที่ชดั เจน
๓. ตดิ ตามประเมินผล
๔. การปรับปรุงพัฒนางาน คะแนน ๒ : มีครบทกุ ขอ้
คะแนน ๑.๕ : มี ๓ ข้อ ขาด ๑ ข้อ
๓ การน�ำเสนอ (๒ คะแนน) คะแนน ๑ : มี ๒ ข้อ ขาด ๒ ข้อ
๑. การใชส้ �ำนวนภาษาดถี กู ตอ้ ง คะแนน ๐.๕ : มี ๑ ขอ้ ขาด ๓ ขอ้
๒. การสะกดค�ำและไวยากรณ์ถูกต้อง คะแนน ๒ : มคี รบทกุ ขอ้
๓. รูปแบบนา่ สนใจ คะแนน ๑.๕ : มี ๓ ข้อ ขาด ๑ ขอ้
๔. ความสวยงาม คะแนน ๑ : มี ๒ ข้อ ขาด ๒ ข้อ
คะแนน ๐.๕ : มี ๑ ข้อ ขาด ๓ ข้อ
๔ คุณธรรม (๒ คะแนน)
๑. ตรงต่อเวลา คะแนนเตม็ ๑๐ คะแนน
๒. ซอื่ สตั ย์ ลงชื่อผปู้ ระเมิน…………………………………….………..ตนเอง
๓. ความกระตอื รอื รน้ ลงชอ่ื ผู้ประเมิน…………………………….………………..เพ่ือน
๔. ความมีน�ำ้ ใจ ลงชือ่ ผู้ประเมนิ ………………………….…………………..ครู
รวม
เฉลย่ี
118 แผนการจดั การเรยี นรู้ “รายวชิ าเพมิ่ เติม การป้องกนั การทจุ ริต”
แบบสังเกตพฤติกรรมนักเรยี นเข้ารว่ มกิจกรรมกลมุ่
กล่มุ ท่ี…………..ช้ัน………………
พฤติกรรม
ล�ำดับ ชอ่ื -สกุล ความรว่ มมอื การแสดง การรบั ฟงั ความตั้งใจ การมี รวม
ท่ี สมาชิกกลุ่ม ความคดิ เห็น ความคดิ เหน็ ในการท�ำงาน ส่วนร่วมใน
การอภปิ ราย
๔๓๒๑๔๓๒๑๔๓๒๑๔๓๒๑๔๓๒๑
๑
๒
๓
๔
๕
๖
๗
๘
๙
๑๐
เกณฑก์ ารให้คะแนน
ดีมาก = ๔ ประสทิ ธภิ าพอยใู่ นเกณฑ์ ๙๐-๑๐๐% หรอื ปฏิบัตบิ ่อยครั้ง
ด ี = ๓ ประสิทธภิ าพอย่ใู นเกณฑ์ ๗๐-๘๙% หรอื ปฏิบตั บิ างคร้งั
ปานกลาง = ๒ ประสทิ ธิภาพอยู่ในเกณฑ์ ๕๐-๖๙% หรอื ปฏิบตั คิ ร้งั เดยี ว
ปรับปรุง = ๑ ประสิทธิภาพต่�ำกว่าเกณฑ์ ๕๐% หรอื ไม่ปฏบิ ัตเิ ลย
ลงชือ่ ………………………………………………..…ผสู้ งั เกต
(…………………………………………………..)
…………/……………………..……/…………..……..
ระดบั ช้นั มธั ยมศกึ ษาปีที่ ๑ 119
แบบประเมินคณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์
ชอื่ -สกลุ ..............................................................เลขท.่ี ..................ชนั้ .....................ปกี ารศกึ ษา................
-----------------------------------------------
ค�ำชแ้ี จง ใหพ้ จิ ารณาตวั ชวี้ ดั ตอ่ ไปนแ้ี ลว้ ใหร้ ะดบั คะแนนทตี่ รงกบั การปฏบิ ตั ขิ องนกั เรยี นตามความเปน็ จรงิ
ระดบั คะแนน ๕ หมายถึง ปฏบิ ตั เิ ป็นประจ�ำทุกครง้ั
ระดบั คะแนน ๔ หมายถงึ ปฏบิ ตั บิ ่อยคร้งั
ระดบั คะแนน ๓ หมายถงึ ปฏบิ ัติบางครั้ง
ระดบั คะแนน ๒ หมายถึง ปฏิบตั ิน้อย
ระดบั คะแนน ๑ หมายถงึ มีพฤติกรรมไมช่ ัดเจนหรอื ไม่มีหลักฐานทีน่ ่าเช่อื ถือ
ตัวชวี้ ัด คะแนน
๕๔๓๒๑
ข้อ ๑ รกั ชาติ ศาสน์ กษัตริย์
๑.๑ เป็นพลเมอื งดขี องชาติ
๑.๒ ธ�ำรงไว้ซ่งึ ความเป็นชาติไทย
๑.๓ ศรทั ธา ยึดมั่นและปฏบิ ตั ิตนตามหลกั ของศาสนา
๑.๔ เคารพเทดิ ทนู สถาบนั พระมหากษตั รยิ ์
รวมคะแนน
ข้อ ๒ ซ่อื สัตย์สุจริต
๒.๑ ประพฤตติ รงตาม ความเปน็ จรงิ ตอ่ ตนเองทง้ั ทางกาย วาจา ใจ
๒.๒ ประพฤติตรงตามความเปน็ จริงตอ่ ผูอ้ น่ื ท้งั ทางกาย วาจา ใจ
รวมคะแนน
ขอ้ ๓ มีวนิ ยั
๓.๑ ปฏิบตั ติ ามขอ้ ตกลง กฎเกณฑ์ ระเบียบ ขอ้ บังคับของครอบครวั โรงเรยี นและสงั คม
รวมคะแนน
ข้อ ๔ ใฝ่เรียนรู้
๔.๑ ต้งั ใจ เพยี รพยายามในการเรียนและเขา้ ร่วมกจิ กรรมการเรียนรู้
๔.๒ แสวงหาความรจู้ าก แหลง่ เรยี นรตู้ า่ งๆ ทง้ั ภายในและภายนอกโรงเรยี น ดว้ ยการเลอื ก
ใชส้ อ่ื อยา่ งเหมาะสม สรปุ เปน็ องคค์ วามรู้ และสามารถน�ำไปใชใ้ นชีวิตประจ�ำวันได ้
รวมคะแนน
120 แผนการจัดการเรยี นรู้ “รายวิชาเพ่มิ เตมิ การป้องกนั การทจุ รติ ”
ตวั ช้วี ัด คะแนน
๕๔๓๒๑
ข้อ ๕ อยู่อย่างพอเพยี ง
๕.๑ ด�ำเนนิ ชวี ิตอยา่ งพอประมาณ มเี หตผุ ล รอบคอบ มีคุณธรรม
๕.๒ มีภูมคิ ุม้ กันในตัวท่ีดี ปรับตัวเพอื่ อยใู่ นสงั คมได้อย่างมคี วามสุข
รวมคะแนน
ข้อ ๖ มุ่งมั่นในการท�ำงาน
๖.๑ ตงั้ ใจและรบั ผดิ ชอบในการปฏิบตั หิ นา้ ท่กี ารงาน
๖.๒ ท�ำงานด้วย ความเพยี ร พยายาม และ อดทนเพอ่ื ให้งานส�ำเรจ็ ตามเปา้ หมาย
รวมคะแนน
ข้อ ๗ รักความเป็นไทย
๗.๑ ภาคภูมใิ จในขนบธรรมเนียม ประเพณี ศิลปะ วฒั นธรรมไทย
และมีความกตัญญกู ตเวที
๗.๒ เห็นคุณคา่ และใชภ้ าษาไทยในการส่อื สารได้อยา่ งถกู ต้องเหมาะสม
๗.๓ อนุรักษ์ สบื ทอดภมู ปิ ญั ญาไทย
รวมคะแนน
ขอ้ ๘ มจี ิตสาธารณะ
๘.๑ ช่วยเหลอื ผอู้ นื่ ดว้ ยความเตม็ ใจโดย ไมห่ วงั ผลตอบแทน
๘.๒ เขา้ รว่ มกิจกรรมที่เปน็ ประโยชน์ต่อโรงเรียน ชุมชน และสงั คม
รวมคะแนน
รวมคะแนนทงั้ หมด
รวมคะแนนทั้งหมดเฉลยี่ รอ้ ยละ
ระดบั คุณภาพ
เกณฑก์ ารประเมิน ร้อยละ ๘๐-๑๐๐ ระดับคณุ ภาพ ดเี ยี่ยม (๓)
ร้อยละ ๗๐-๗๙ ระดับคณุ ภาพ ดี (๒)
ร้อยละ ๕๐-๖๙ ระดับคณุ ภาพ พอใช้ (๑)
รอ้ ยละ ๐-๔๙ ระดบั คณุ ภาพ ปรับปรงุ (๐)
สรุปผลการประเมิน m ผ่าน ระดับ m ดีเย่ียม m ด ี m ผ่านเกณฑก์ ารประเมิน
m ไม่ผ่าน ระดับ m ปรับปรุง
ลงชอ่ื …………………………………………….ผปู้ ระเมนิ
(………………………………..………….)
……………/………………..……/…………..……..
ระดับชั้นมัธยมศึกษาปที ่ี ๑ 121
แผนการจดั การเรียนรู้ เวลา ๑ ชวั่ โมง
หนว่ ยท่ี ๓ ช่อื หนว่ ย STRONG : จติ พอเพียงตา้ นทุจริต
ชั้นมัธยมศึกษาปที ี่ ๑
แผนการจัดการเรยี นร้ทู ่ี ๖ เรือ่ ง การปฏบิ ัตเิ พ่ือใหเ้ กิดความเอ้อื อาทร
บนพื้นฐานการไมท่ จุ ริต
๑. ผลการเรยี นรู้
๑.๑ มคี วามรู้ ความเข้าใจเกย่ี วกบั STRONG : จิตพอเพียงต้านทจุ ริต
๑.๒ ปฏบิ ตั ติ นเป็นผ้ทู ี่ STRONG : จติ พอเพียงตา้ นทุจรติ
๑.๓ ตระหนกั และเห็นความส�ำคญั ของการตอ่ ตา้ นและป้องกนั การทจุ รติ
๒. จุดประสงค์การเรยี นรู้
๒.๑ นักเรยี นเข้าใจความหมายของความเออื้ อาทร
๒.๒ นักเรยี นยกตัวอยา่ งของความเอื้ออาทรได้
๓. สาระการเรยี นรู้
๓.๑ ความรู้
- ความหมายเกย่ี วกับ “ความเอ้ืออาทร”
- STRONG MODEL : จติ พอเพยี งต้านทจุ รติ
๓.๒ ทกั ษะ/กระบวนการ
๑) ความสามารถในการสอื่ สาร
๒) ความสามารถในการคิด
๓.๓ คุณลกั ษณะท่พี งึ ประสงค์/ค่านยิ ม
ม่งุ มน่ั ในการท�ำงาน
๔. กิจกรรมการเรยี นรู้
ชวั่ โมงที่ ๑
๔.๑ ข้ันตอนการเรยี นรู้
๑) นักเรียนเลา่ ประสบการณเ์ ก่ยี วกับการชว่ ยเหลอื คนอ่นื
๒) นักเรียนจับคู่ช่วยกันเขียนแผนผังล�ำดับเหตุการณ์ตั้งแต่ต้นจนจบ แล้วน�ำเสนอ
หน้าชนั้ เรยี น ช่วยกนั ตรวจสอบว่าใครล�ำดบั เหตกุ ารณ์ไดถ้ ูกตอ้ งท่สี ุด
๓) ครแู ละนกั เรยี นรว่ มกนั สรปุ ถงึ ขอ้ คดิ ทไี่ ดจ้ ากการชว่ ยเหลอื ผอู้ น่ื และเราสามารถน�ำไปใช้
ในชีวติ ประจ�ำวันไดอ้ ย่างไร เชน่ เมื่อมผี ้เู ดือนร้อนเราตอ้ งให้การชว่ ยเหลือ
๔) ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปถึงความตระหนักในการปฏิบัติตนเป็นผู้มีความเอ้ืออาทร
ในชีวติ ประจ�ำวัน
๕) นกั เรียนวาดภาพความเอ้ืออาทรตอ่ ผ้อู นื่ และระบายสใี หส้ วยงาม
122 แผนการจัดการเรียนรู้ “รายวชิ าเพิม่ เติม การป้องกนั การทจุ รติ ”
๖) ครแู ละนกั เรยี นรว่ มกนั คดั เลอื กผลงานทม่ี คี ณุ ภาพ อยใู่ นเกณฑด์ อี อกมาน�ำเสนอผลงาน
ที่หนา้ ช้นั เรยี น และน�ำผลงานมาจัดป้ายนิเทศแสดงผลงานของนักเรยี น
ช่วั โมงท่ี ๒
๗) แบง่ นกั เรยี นเปน็ ๒-๕ กลุ่มๆ ละเท่าๆกนั
๘) นักเรียนแสดงบทบาทสมมติเกี่ยวกบั ความเออ้ื อาทรตอ่ ผ้อู ื่น
๙) ใหก้ ลมุ่ อ่นื แสดงความคดิ เหน็ เกย่ี วกบั การแสดงบทบาทสมมุติ
๑๐) ครแู ละนักเรยี นสรุปความหมายของการเอือ้ อาทร
๔.๒ สอ่ื การเรียนร/ู้ แหลง่ การเรยี นรู้
ใบความรู้
๕. การประเมนิ ผลการเรยี นรู้
๕.๑ วธิ กี ารประเมิน
๑) สังเกตพฤตกิ รรม
- การตอบค�ำถาม
- การยกตัวอยา่ งความเอือ้ อาทร
- การปฏบิ ัติตนเป็นผู้มคี วามเออ้ื อาทรในโรงเรยี น
๒) ตรวจสอบผลงาน
๕.๒ เคร่ืองมอื ทใี่ ช้ในการประเมนิ
แบบสงั เกตพฤติกรรม
๕.๓ เกณฑก์ ารตดั สิน
นกั เรยี นผา่ นเกณฑ์การประเมินรอ้ ยละ ๘๐ ถอื วา่ ผ่าน
๖. บันทกึ หลังสอน
........................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................................
ลงชือ่ ........................................................ครผู ูส้ อน
(..........................................................)
ระดบั ชนั้ มัธยมศกึ ษาปที ่ี ๑ 123
หน่วยที่ ๔
พลเมืองกบั ความรบั ผดิ ชอบต่อสังคม
แผนการจัดการเรียนรู้ เวลา ๒ ช่ัวโมง
หนว่ ยท่ี ๔ ชื่อหนว่ ย พลเมอื งกบั ความรับผิดชอบต่อสงั คม
ชน้ั มัธยมศึกษาปีท่ี ๑
แผนการจัดการเรียนรทู้ ่ี ๑ เรอ่ื งความหมายของพลเมอื งศกึ ษา
๑. ผลการเรยี นรู้
๑.๑ มีความรู้ความเข้าใจเกย่ี วกับพลเมืองและมีความรับผิดชอบต่อสงั คม
๑.๒ ปฏบิ ตั ติ นตามหนา้ ทพ่ี ลเมืองและมคี วามรบั ผิดชอบตอ่ สังคม
๑.๓ ตระหนักและเห็นคณุ คา่ ความส�ำคญั ของการตอ่ ต้านและป้องกนั การทจุ ริต
๒. จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้
๒.๑ นกั เรียนสามารถอธิบายความหมายของพลเมอื งศึกษาได้
๒.๒ นกั เรียนสามารถอธิบายความแตกตา่ งระหวา่ งความเป็นราษฎรและความเปน็ พลเมืองได้
๓. สาระการเรียนรู้
๓.๑ ความรู้
๑) ความหมายของพลเมอื งศึกษา
๒) ความแตกต่างระหว่างความเปน็ ราษฎรและความเปน็ พลเมือง
๓.๒ ทักษะ/กระบวนการ
๑) ความสามารถในการส่ือสาร
ฟัง พูด อ่าน เขยี น
๒) ความสามารถในการคดิ
คิดวิเคราะห์
๓.๓ คุณลกั ษณะที่พึงประสงค์
ใฝเ่ รยี นรู้
๔. กิจกรรมการเรียนรู้
๔.๑ ข้นั ตอนการเรยี นรู้
ช่ัวโมงที่ ๑
๑) ครแู ละนกั เรยี นรว่ มกนั ถงึ ค�ำว่า “พลเมอื ง” “ประชาชน” “ราษฎร” แล้วตัง้ ค�ำถามเพอ่ื
กระตุ้นการคิดว่าท้ัง ๓ ค�ำน้มี ีความหมายเหมอื นกนั หรอื ต่างกนั อยา่ งไร
๒) ครูแบ่งนกั เรยี นออกเปน็ ๕ กลมุ่ โดยใหน้ ักเรยี นศกึ ษาใบความรู้ เรือ่ งความเป็นพลเมือง
และรว่ มกนั สรุปองคค์ วามร้ทู ่ไี ด้รับจากการศกึ ษาใบความรู้
124 แผนการจัดการเรยี นรู้ “รายวิชาเพ่ิมเตมิ การปอ้ งกันการทุจริต”
๓) นักเรียนแต่ละกลุ่มน�ำเสนอผลงานหน้าช้ันเรียน จากนั้นครูและนักเรียนร่วมกันสรุปถึง
ความหมายของความเปน็ พลเมือง
ชว่ั โมงที่ ๒
๑) ครูและนักเรียนร่วมกันทบทวนความหมายของการค�ำว่า “ความเป็นพลเมือง” โดยให้
นกั เรียนรว่ มกันยกตัวอย่างกิจกรรมในชีวิตประจ�ำวันในสะท้อนการปฏิบัตติ นถงึ ความเปน็ พลเมอื ง
๒) ครูแบ่งนักเรียนออกเป็น ๕ กลุ่ม โดยให้ร่วมกันวาดภาพกิจกรรมความเป็นพลเมืองที่
นักเรยี นประทบั ใจ และรว่ มกนั สรุปองค์ความรู้ท่ไี ด้รับจากการปฏิบัติกจิ กรรม
๓) นักเรียนแต่ละกลุ่มน�ำเสนอผลงานหน้าชั้นเรียน จากน้ันครูและนักเรียนร่วมกันสรุป
องค์ความรทู้ ไ่ี ดร้ บั จากการปฏิบตั กิ ิจกรรม โดยปลกู ฝังใหน้ ักเรยี นปฏิบตั ิตนท่สี อดคล้องกับความหมายของ
ความเป็นพลเมอื ง
๔.๒ ส่ือการเรียนร/ู้ แหลง่ การเรยี นรู้
๑) ใบความรู้ เรอ่ื งความเป็นพลเมือง
๒) หอ้ งสมดุ
๕. การประเมนิ ผลการเรียนรู้
๕.๑ วิธกี ารประเมนิ
๑) สงั เกตพฤติกรรมการปฏบิ ตั งิ านกลุม่
๒) ตรวจการน�ำเสนอผลงาน
๓) สงั เกตพฤติกรรม ใฝเ่ รยี นรู้
๕.๒ เครื่องมือท่ีใช้ในการประเมนิ
๑) แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการปฏิบัติงานกล่มุ
๒) แบบประเมินการน�ำเสนอผลงาน
๓) แบบสังเกตพฤตกิ รรม ใฝเ่ รียนรู้
๕.๓ เกณฑ์การตัดสิน
นกั เรยี นผา่ นเกณฑก์ ารประเมิน ระดับดี ข้นึ ไป
๖. บนั ทกึ หลังการจัดการเรยี นรู้
..........................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................................
ลงชื่อ................................................ครูผู้สอน
(.................................................)
ระดบั ชัน้ มัธยมศกึ ษาปีที่ ๑ 125
๗. ภาคผนวก
ใบความรู้
เรื่องความเป็นพลเมอื ง
แต่เดิมนั้นสังคมไทยใช้ค�ำว่า ราษฎร (subject) ประชาชน (people) และพลเมือง (citizen)
เพื่ออธิบายถึงคนหรือประชาชนของประเทศท่ีไม่ใช่ผู้ปกครองและมักพูดต่อกัน เช่น ประชาราษฎร
ประชาชนพลเมอื ง ต่อมาเมื่อสังคมเปลยี่ นแปลงไป ความหมายของค�ำท้งั สามก็เปล่ียนแปลงไป กล่าวคอื
“ประชาชน” มีความหมายกลางๆ คือ หมายถึง คนท่ัวไปในสังคมที่ไม่ใช่ผู้ปกครอง เป็นสามัญชนท่ี
อย่ภู ายใตร้ ัฐ ราษฎรเป็นค�ำทเ่ี ริ่มใชใ้ นช่วงสมยั รชั กาลท่ี ๕ เนอ่ื งจากสังคมไทยสมัยโบราณน้ัน ประชาชน
เป็นไพร่หรอื ทาสเกอื บทั้งหมด พอมาถงึ ช่วงรชั กาลท่ี ๕ ไดม้ กี ารเปลีย่ นแปลงการบรหิ ารราชการแผ่นดิน
คร้ังใหญ่และได้ท�ำการเลิกทาสเลิกไพร่ ท�ำให้ประชาชนเหล่านั้นกลายเป็นราษฎรหรือเสรีชนท่ีไม่ต้อง
เป็นขา้ รับใชม้ ูลนายและมีสถานะทางกฎหมายเท่าเทยี มกนั จงึ เรยี กอดีตไพร่ ทาส ขนุ นาง รวมทัง้ ชนชั้น
ใหม่ๆ ว่า “ราษฎร” ในความหมายของ “ผทู้ ่ตี ้องเสยี ภาษีใหก้ ับรัฐและตอ้ งปฏบิ ัติตามกฎหมายของบา้ น
เมอื งเชน่ เดยี วกันหมด”
ปัจจบุ นั ค�ำวา่ ราษฎร และประชาชน มคี วามหมายเกอื บจะเหมือนกนั แต่ประชาชนสื่อถึงการเป็น
เจา้ ของประเทศและเจา้ ของอ�ำนาจอธปิ ไตยมากกวา่ ราษฎร สว่ นราษฎรมนี ยั ของคนทเ่ี สยี เปรยี บคนทด่ี อ้ ยกวา่
อยู่ด้วย
“พลเมือง” หมายถึงประชาชน ท่ีนอกจากเสยี ภาษแี ละปฏิบัตติ ามกฎหมายบา้ นเมืองแลว้ ยงั ตอ้ ง
มีบทบาทในทางการเมือง คอื อยา่ งน้อยมีสทิ ธไิ ปเลอื กตงั้ แตย่ ง่ิ ไปกวา่ นนั้ คือมสี ทิ ธใิ นการแสดงความคิด
เหน็ ตา่ งๆ ตอ่ ทางการหรอื รฐั ได้ ทงั้ ยงั มสี ทิ ธเิ ขา้ รว่ มในกจิ กรรมตา่ งๆ กบั รฐั และอาจเปน็ ฝา่ ยรกุ เพอื่ เรยี กรอ้ ง
กฎหมาย นโยบายและกิจกรรมของรัฐตามที่เห็นพ้อง พลเมืองน้ันจะเป็นคนท่ีรู้สึกเป็นเจ้าของใน
สง่ิ สาธารณะ มคี วามกระตอื รอื รน้ อยากมสี ว่ นรว่ ม เอาใจใสก่ ารท�ำงานของรฐั และเปน็ ประชาชนทส่ี ามารถ
แกไ้ ขปัญหาสว่ นรวมไดใ้ นระดบั หนง่ึ โดยไม่ตอ้ งรอใหร้ ฐั มาแกไ้ ขใหเ้ ท่านั้น
ประชาชน
ประชาชน หมายถึงคนของประเทศ เช่น ประชาชนทุกคนมีหนา้ ท่ตี ้องรู้กฎหมาย ใครจะปฏิเสธว่า
ไม่รไู้ มไ่ ด้ ค�ำว่า ประชาชน ในบางครัง้ อาจหมายถึงผู้ทไี่ มใ่ ชข่ า้ ราชการ ทหาร ต�ำรวจ หรือนกั บวช และ
ในบางครงั้ หมายถงึ ผู้ท่มี ไิ ด้เปน็ พอ่ คา้ ดว้ ย
ประชากร
ประชากร หมายถงึ คนโดยทว่ั ไป แต่มักใช้ในกรณที จี่ ะพิจารณาถึงจ�ำนวน คอื จ�ำนวนคนของประเทศ
หรอื ของโลก ในทางสถติ มิ กี ารใชค้ �ำวา่ ประชากร หมายถงึ จ�ำนวนของสตั วห์ รอื สง่ิ ทสี่ �ำรวจทพ่ี จิ ารณาดว้ ย
126 แผนการจัดการเรียนรู้ “รายวิชาเพิ่มเติม การป้องกนั การทุจรติ ”
พลเมอื ง
พลเมอื ง หมายถงึ หมูค่ นทเี่ ป็นของประเทศใดประเทศหนง่ึ คนทงั้ หมดซ่งึ เปน็ ก�ำลังของประเทศ
ทงั้ ในทางเศรษฐกจิ การทหาร และอ�ำนาจตอ่ รองกับประเทศอ่ืน โดยนยั ของความหมาย ค�ำวา่ พลเมอื ง
หมายถึง คนที่สนบั สนุนเปน็ ก�ำลงั อ�ำนาจของผู้ปกครอง เปน็ คนทอ่ี ยใู่ นการควบคุมดแู ลของผปู้ กครอง
ความแตกตา่ งระหว่างความเปน็ ราษฎรและความเปน็ พลเมือง
ความเปน็ ราษฎร
- ปฏิบตั ติ นตามหนา้ ทเ่ี ทา่ นั้น เช่น เสยี ภาษี ปฏบิ ัตติ ามกฎหมาย
- ยอมรับกฎหมาย นโยบาย กิจการ กจิ กรรมต่างๆ ของรัฐ
- ไม่กระตอื รือรน้ ท่ีจะมสี ่วนร่วมทางการเมืองหรอื กจิ กรรมสาธารณะ
- คิดว่าตนเองเปน็ ผนู้ อ้ ย ต้องคอยรับการอุปถัมภจ์ ากผู้ใหญ่
ความเปน็ พลเมือง
- นอกจากเสยี ภาษแี ละปฏบิ ตั ติ ามกฎหมายแล้ว ตอ้ งมสี �ำนึกในทางการเมอื ง อย่างน้อยต้องไป
ใชส้ ทิ ธเิ ลอื กตง้ั หรอื มากกวา่ นน้ั คอื แสดงความคดิ เหน็ ตา่ งๆ ตอ่ บา้ นเมอื ง ใชส้ ทิ ธเิ ขา้ รว่ มการท�ำกจิ กรรม
ตา่ ง ๆ รว่ มกบั รฐั
- มอี ิสรภาพ ศกั ดิ์ศรี มคี วามเทา่ เทยี มกับผู้อ่ืน ให้ความสนใจต่อส่วนรวมมบี ทบาทและมสี ว่ นร่วม
ทางการเมอื ง
- เคารพตนเองและเคารพสิทธิของผู้อื่น เป็นเจ้าของชีวิตตนเอง ไม่อยู่ใต้ระบบอุปถัมภ์หรือ
อทิ ธพิ ลอ�ำนาจของใคร
- ไมต่ กอยู่ใต้อทิ ธิพลของพรรคการเมือง และนักการเมอื ง ไมร่ ับเงินหรอื ความชว่ ยเหลือทไี่ ดม้ า
อย่างไม่ถกู ตอ้ ง ไมซ่ ้ือสทิ ธิ ไม่ขายเสยี ง
- เอาใจใสอ่ อกความคดิ เหน็ เกย่ี วกบั การท�ำงานของรฐั บาล ตรวจสอบ รอ้ งเรยี น เมอื่ มกี ารด�ำเนนิ
นโยบายผดิ พลาด รู้สกึ เดอื ดรอ้ นเมือ่ รัฐบาลท�ำเรอื่ งไมด่ ี ท�ำงานผดิ พลาด หรอื ด�ำเนินนโยบายผิด
- เปน็ ฝ่ายรกุ เพ่ือเรยี กรอ้ งกฎหมาย นโยบาย หรอื กจิ การทีต่ นเองเห็นพ้อง
- สามารถแก้ปัญหาส่วนรวมเบื้องตน้ ได้ ไมต่ ้องรอแต่รัฐบาลมาแก้ไข
(เอกสารอา้ งองิ :จดหมายข่าวสถาบนั พระปกเกล้า ปีที่ ๑๐ ฉบับท่ี ๗ เดือนกรกฎาคม ๒๕๕๒)
พลเมืองศึกษา (Civic education) หมายถึง การจัดการศึกษาและประสบการณ์เรียนรู้
เพอื่ พฒั นาผเู้ รยี นใหเ้ ปน็ พลเมอื งดขี องประเทศ มคี วามภาคภมู ใิ จในความเปน็ พลเมอื งตนเอง มสี ทิ ธมิ เี สยี ง
สนใจต่อส่วนรวม และมีส่วนร่วมในกิจการบ้านเมืองตามระบอบการปกครองแบบประชาธิปไตยหรือ
การเรยี นรเู้ กยี่ วกบั รฐั บาล รัฐธรรมนูญ กฎหมาย ระบบการเมอื งการปกครองสทิ ธิและความรบั ผิดชอบ
ของพลเมอื ง ระบบการบริหารจดั การสาธารณะและระบบตุลาการ
ระดับช้นั มัธยมศกึ ษาปที ี่ ๑ 127
แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการปฏิบัติงานกลุ่ม
กล่มุ ที่…………..ช้ัน………………
พฤตกิ รรม
ที่ ชอ่ื -สกุล ความรว่ มมือ การแสดง การรบั ฟัง การมสี ว่ นร่วม รวม
สมาชกิ กลุ่ม ความคดิ เห็น ความคดิ เห็น ในการอภปิ ราย
๔๓๒๑๔๓๒๑๔๓๒๑๔๓๒๑
๑
๒
๓
๔
๕
๖
๗
๘
๙
๑๐
เกณฑ์การใหค้ ะแนน
ดมี าก = ๔ ประสทิ ธภิ าพอยใู่ นเกณฑ์ ๙๐-๑๐๐% หรอื ปฏบิ ตั ิบอ่ ยครั้ง
ดี = ๓ ประสทิ ธิภาพอยใู่ นเกณฑ์ ๗๐-๘๙% หรือปฏบิ ตั บิ างคร้ัง
ปานกลาง = ๒ ประสทิ ธภิ าพอยใู่ นเกณฑ์ ๕๐-๖๙% หรือปฏิบตั ิครั้งเดยี ว
ปรบั ปรงุ = ๑ ประสิทธภิ าพตำ่� กว่าเกณฑ์ ๕๐% หรอื ไมป่ ฏบิ ตั เิ ลย
นกั เรียนต้องผา่ นเกณฑ์การประเมนิ ในระดบั ดี ประสิทธภิ าพอยู่ในเกณฑ์ ดี ๗๐-๘๙%
ลงชือ่ ………………………………………………..…ผ้สู ังเกต
(…………………………………………………..)
…………/……………………..……/…………..……..
128 แผนการจัดการเรียนรู้ “รายวิชาเพิ่มเติม การปอ้ งกันการทจุ รติ ”
แบบประเมินการน�ำ เสนอผลงาน
เรอ่ื ง..........................................................................
สมาชิกกลมุ่ ........................................ช้นั ............
๑. ...................................................................... ๒. ................................................................................
๓. ...................................................................... ๔. ................................................................................
๕. .......................................................................
ที่ รายการประเมนิ ผปู้ ระเมนิ รวม เกณฑก์ ารประเมิน
ตนเอง เพื่อน ครู
๑ เนือ้ หา (๔ คะแนน) คะแนน ๔ : มีครบทุกข้อ
๑. เนอ้ื หาครบถว้ นสมบรู ณ ์ คะแนน ๓ : มี ๓ ข้อ ขาด ๑ ข้อ
๒. เนอื้ หาถูกต้อง คะแนน ๒ : มี ๒ ขอ้ ขาด ๒ ขอ้
คะแนน ๑ : มี ๑ ข้อ ขาด ๓ ขอ้
๓. เนื้อหาตอ่ เน่อื ง
๔. มกี ารค้นควา้ เพมิ่ เติม
๒ กระบวนการท�ำงาน (๒ คะแนน) คะแนน ๒ : มคี รบทกุ ขอ้
๑. มีการวางแผนอยา่ งเปน็ ระบบ คะแนน ๑ : มี ไม่ครบ ๔ ข้อ
๒. การปฏิบัติตามแผน คะแนน ๐ : ไมป่ รากฏกระบวน
๓. ตดิ ตามประเมินผล
การท�ำงานทีช่ ดั เจน
๔. การปรับปรุงพัฒนางาน
๓ การน�ำเสนอ (๒ คะแนน) คะแนน ๒ : มีครบทกุ ขอ้
๑. การใชส้ �ำนวนภาษาดถี ูกตอ้ ง คะแนน ๑.๕ : มี ๓ ขอ้ ขาด ๑ ขอ้
๒. การสะกดค�ำและไวยากรณถ์ ูกต้อง คะแนน ๑ : มี ๒ ขอ้ ขาด ๒ ขอ้
คะแนน ๐.๕ : มี ๑ ขอ้ ขาด ๓ ข้อ
๓. รูปแบบน่าสนใจ
๔. ความสวยงาม
๔ คุณธรรม (๒ คะแนน) คะแนน ๒ : มคี รบทกุ ข้อ
๑. ตรงต่อเวลา คะแนน ๑.๕ : มี ๓ ขอ้ ขาด ๑ ขอ้
๒. ซอ่ื สัตย ์ คะแนน ๑ : มี ๒ ขอ้ ขาด ๒ ข้อ
คะแนน ๐.๕ : มี ๑ ข้อ ขาด ๓ ข้อ
๓. ความกระตอื รือรน้
๔. ความมีน้ำ� ใจ
รวม คะแนนเต็ม ๑๐ คะแนน
เฉล่ยี
เกณฑก์ ารประเมนิ
๘-๑๐ ๖-๗ ๔-๕ ๒-๓ ๐-๑
ดีมาก ดี ปานกลาง น้อย ต้องปรบั ปรุง
ระดับช้นั มัธยมศกึ ษาปีท่ี ๑ 129
แบบสงั เกตพฤติกรรม ใฝเ่ รยี นรู้
ท่ี ช่ือ-สกุล แสวงหาขอ้ มลู มกี ารจดบนั ทกึ สรปุ ความรู้ รวม สรุป
จากแหลง่ ความรู้อย่าง ได้อย่างมเี หตผุ ล คะแนน
เปน็ ระบบ
การเรียนรูต้ า่ งๆ
๓ ๒ ๑ ๓ ๒ ๑ ๓ ๒ ๑ ๙ ผ มผ
ลงชอ่ื ...................................................ผปู้ ระเมนิ
(...................................................)
............../.................../................
ระดบั คณุ ภาพ เกณฑก์ ารตดั สิน
ดีเยีย่ ม ไดค้ ะแนน ๗-๙ คะแนน
ดี ไดค้ ะแนน ๕-๖ คะแนน
ผ่าน ได้คะแนน ๓-๔ คะแนน
ไมผ่ ่าน ได้คะแนน ๑-๒ คะแนน
หมายเหตุ นักเรียนผา่ นระดบั ดี ขนึ้ ไปถือว่าผา่ น
130 แผนการจัดการเรยี นรู้ “รายวชิ าเพมิ่ เตมิ การป้องกนั การทุจรติ ”
แผนการจัดการเรยี นรู้ เวลา ๖ ช่วั โมง
หนว่ ยท่ี ๔ ช่อื หนว่ ย พลเมืองกับความรบั ผดิ ชอบตอ่ สังคม
ชัน้ มธั ยมศึกษาปที ี่ ๑
แผนการจัดการเรยี นรูท้ ่ี ๒ เรื่องคุณลักษณะของความเป็นพลเมือง
๑. ผลการเรียนรู้
๑.๑ มีความรคู้ วามเขา้ ใจเกย่ี วกับพลเมอื งและมคี วามรบั ผิดชอบต่อสงั คม
๑.๒ ปฏบิ ตั ิตนตามหนา้ ทพ่ี ลเมืองและมีความรบั ผดิ ชอบตอ่ สงั คม
๑.๓ ตระหนักและเหน็ คณุ ค่าความส�ำคัญของการต่อต้านและปอ้ งกนั การทจุ รติ
๒. จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้
นักเรยี นสามารถอธบิ ายคณุ ลักษณะของพลเมืองได้
๓. สาระการเรยี นรู้
๓.๑ ความรู้
คณุ ลักษณะของพลเมือง
๑) อสิ รภาพและการพ่ึงพาตนเอง
๒) ความเท่าเทยี มกัน
๓) การยอมรับความแตกตา่ งของความเป็นพลเมือง
๔) เคารพสิทธิผอู้ นื่
๕) การรบั ผิดชอบตอ่ สังคม
๖) ระบอบประชาธิปไตยและการมีสว่ นรว่ ม
๓.๒ ทักษะ/กระบวนการ
๑) ความสามารถในการสือ่ สาร
ฟงั พดู อ่าน เขียน
๒) ความสามารถในการคิด
คิดวเิ คราะห์
๓.๓ คณุ ลักษณะที่พงึ ประสงค์
ใฝ่เรียนรู้
๔. กิจกรรมการเรียนรู้
๔.๑ ขน้ั ตอนการเรยี นรู้
ช่วั โมงที่ ๑
๑) ครูแบ่งนักเรยี นออกเป็น ๕ กลุ่ม โดยใหน้ กั เรยี นศกึ ษาใบความรู้ เร่อื งคุณลักษณะของ
พลเมอื ง(อสิ รภาพและการพ่งึ พาตนเอง) และรว่ มกันสรุปองค์ความรู้ทีไ่ ดร้ ับจากการศึกษาใบความรู้
๒) นักเรียนแต่ละกลุ่มร่วมกันวาดภาพการปฏิบัติตนท่ีสอดคล้องคุณลักษณะของพลเมือง
เร่อื งอิสรภาพและการพ่ึงพาตนเอง
ระดบั ช้นั มธั ยมศกึ ษาปที ี่ ๑ 131
๓) นักเรียนแต่ละกลุ่มน�ำเสนอผลงานหน้าช้ันเรียน จากน้ันครูและนักเรียนร่วมกันสรุป
องคค์ วามรทู้ ไ่ี ดร้ บั จากการปฏบิ ตั กิ จิ กรรม โดยปลกู ฝงั ใหน้ กั เรยี นปฏบิ ตั ติ นทสี่ อดคลอ้ งกบั คณุ ลกั ษณะของ
พลเมอื ง เรอื่ งอสิ รภาพและการพึง่ พาตนเอง
ชว่ั โมงที่ ๒
๑) ครูแบ่งนกั เรียนออกเป็น ๕ กลุม่ โดยให้นักเรียนศึกษาใบความรู้ เร่อื งคณุ ลกั ษณะของ
พลเมอื ง(ความเทา่ เทียมกัน) และรว่ มกันสรปุ องค์ความรู้ที่ไดร้ ับจากการศกึ ษาใบความรู้
๒) นกั เรยี นแตล่ ะกลมุ่ รว่ มกนั เขยี นนทิ านทใี่ หข้ อ้ คดิ ถงึ การปฏบิ ตั ติ นทสี่ อดคลอ้ งคณุ ลกั ษณะ
ของพลเมือง เรอื่ งความเทา่ เทียมกัน
๓) นักเรียนแต่ละกลุ่มน�ำเสนอผลงานหน้าชั้นเรียน จากน้ันครูและนักเรียนร่วมกันสรุป
องค์ความรู้ท่ีได้รับจากการปฏิบัติกิจกรรม โดยปลูกฝังให้นักเรียนปฏิบัติตนท่ีสอดคล้องกับคุณลักษณะ
ของพลเมือง เรือ่ งความเท่าเทียมกนั
ชวั่ โมงท่ี ๓
๑) ครแู บง่ นักเรียนออกเป็น ๕ กลุม่ โดยให้นักเรยี นศึกษาใบความรู้ เร่ืองคณุ ลกั ษณะของ
พลเมือง (การยอมรับความแตกต่างของความเป็นพลเมือง) และร่วมกันสรุปองค์ความรู้ท่ีได้รับจาก
การศึกษาใบความรู้
๒) นักเรียนแต่ละกลุ่มร่วมกันเขียนค�ำขวัญเกี่ยวกับการปฏิบัติตนที่สอดคล้องคุณลักษณะ
ของพลเมือง เรอื่ งการยอมรบั ความแตกตา่ งของความเป็นพลเมือง
๓) นักเรียนแต่ละกลุ่มน�ำเสนอผลงานหน้าช้ันเรียน จากนั้นครูและนักเรียนร่วมกันสรุป
องค์ความรู้ท่ีได้รับจากการปฏิบัติกิจกรรม โดยปลูกฝังให้นักเรียนปฏิบัติตนที่สอดคล้องกับคุณลักษณะ
ของพลเมอื ง เร่ืองการยอมรบั ความแตกต่างของความเป็นพลเมือง
ช่ัวโมงท่ี ๔
๑) ครูแบ่งนักเรียนออกเป็น ๕ กลมุ่ โดยให้นักเรียนศกึ ษาใบความรู้ เร่อื งคณุ ลักษณะของ
พลเมอื ง (การเคารพสทิ ธิผอู้ ่ืน) และร่วมกนั สรุปองคค์ วามรูท้ ี่ได้รบั จากการศกึ ษาใบความรู้
๒) นกั เรยี นแตล่ ะกลมุ่ รว่ มกนั สบื คน้ บทเพลงเกย่ี วกบั การปฏบิ ตั ติ นทส่ี อดคลอ้ งคณุ ลกั ษณะ
ของพลเมอื ง เรอ่ื งการเคารพสิทธผิ ูอ้ ่นื
๓) นักเรียนแต่ละกลุ่มน�ำเสนอผลงานหน้าชั้นเรียน จากนั้นครูและนักเรียนร่วมกันสรุป
องค์ความรู้ที่ได้รับจากการปฏิบัติกิจกรรม โดยปลูกฝังให้นักเรียนปฏิบัติตนท่ีสอดคล้องกับคุณลักษณะ
ของพลเมอื ง เรอ่ื งการเคารพสิทธิผู้อนื่
ชวั่ โมงท่ี ๕
๑) ครแู บ่งนักเรยี นออกเป็น ๕ กลุ่ม โดยให้นักเรยี นศกึ ษาใบความรู้ เร่อื งคณุ ลกั ษณะของ
พลเมือง (การรบั ผิดชอบต่อสังคม) และร่วมกนั สรปุ องค์ความรู้ท่ีไดร้ บั จากการศึกษาใบความรู้
๒) นกั เรยี นแตล่ ะกลมุ่ รว่ มกนั สบื คน้ ขา่ วจากหนงั สอื พมิ พห์ รอื อนิ เทอรเ์ นต็ เกยี่ วกบั การปฏบิ ตั ติ น
ทีส่ อดคล้องคณุ ลกั ษณะของพลเมือง เร่ืองการรับผิดชอบต่อสังคม
132 แผนการจดั การเรยี นรู้ “รายวชิ าเพ่มิ เติม การป้องกนั การทจุ ริต”
๓) นักเรียนแต่ละกลุ่มน�ำเสนอผลงานหน้าช้ันเรียน จากนั้นครูและนักเรียนร่วมกันสรุป
องค์ความรู้ท่ีได้รับจากการปฏิบัติกิจกรรม โดยปลูกฝังให้นักเรียนปฏิบัติตนที่สอดคล้องกับคุณลักษณะ
ของพลเมอื ง เร่ืองการรบั ผดิ ชอบตอ่ สังคม
ชั่วโมงที่ ๖
๑) ครูแบง่ นกั เรยี นออกเป็น ๕ กลมุ่ โดยใหน้ ักเรียนศกึ ษาใบความรู้ เรอ่ื งคณุ ลกั ษณะของ
พลเมือง (ระบอบประชาธิปไตยและการมีส่วนร่วม) และร่วมกันสรุปองค์ความรู้ที่ได้รับจากการศึกษา
ใบความรู้
๒) นกั เรยี นแตล่ ะกลมุ่ รว่ มกนั สบื คน้ ขา่ วจากหนงั สอื พมิ พห์ รอื อนิ เทอรเ์ นต็ เกย่ี วกบั การปฏบิ ตั ติ น
ทส่ี อดคล้องคณุ ลกั ษณะของพลเมอื ง เรอื่ งระบอบประชาธิปไตยและการมสี ว่ นรว่ ม
๓) นักเรียนแต่ละกลุ่มน�ำเสนอผลงานหน้าช้ันเรียน จากน้ันครูและนักเรียนร่วมกันสรุป
องค์ความรู้ท่ีได้รับจากการปฏิบัติกิจกรรม โดยปลูกฝังให้นักเรียนปฏิบัติตนที่สอดคล้องกับคุณลักษณะ
ของพลเมือง เรอ่ื งระบอบประชาธิปไตยและการมีส่วนรว่ ม
๔.๒ ส่ือการเรียนร้/ู แหล่งการเรยี นรู้
๑) ใบความรู้ เร่อื งคุณลกั ษณะของพลเมอื ง
๒) ห้องสมุด
๓) อินเทอร์เน็ต
๕. การประเมนิ ผลการเรียนรู้
๕.๑ วธิ ีการประเมนิ
๑) สังเกตพฤติกรรมการปฏิบัตงิ านกลุ่ม
๒) ตรวจการน�ำเสนอผลงาน
๓) สังเกตพฤตกิ รรม ใฝ่เรยี นรู้
๕.๒ เคร่อื งมือที่ใช้ในการประเมนิ
๑) แบบสังเกตพฤตกิ รรมการปฏบิ ัตงิ านกลุ่ม
๒) แบบประเมนิ การน�ำเสนอผลงาน
๓) แบบสงั เกตพฤตกิ รรม ใฝ่เรียนรู้
๕.๓ เกณฑ์การตดั สนิ
นกั เรยี นผา่ นเกณฑ์การประเมนิ ระดบั ดี ข้นึ ไป
๖. บันทกึ หลังการจัดการเรียนรู้
..........................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................
ลงช่อื ................................................ครูผ้สู อน
(.................................................)
ระดับช้นั มธั ยมศึกษาปที ี่ ๑ 133
๗. ภาคผนวก
ใบความรู้
เรือ่ งคุณลกั ษณะของพลเมอื ง
“พลเมือง” ในระบอบประชาธปิ ไตย ประกอบดว้ ยลักษณะ ๖ ประการ (ปริญญา เทวานฤมิตรกุล, ๒๕๕๕) คอื
๑) มอี ิสรภาพและพ่งึ ตนเองได้ หมายความวา่ ประชาธปิ ไตย คือ ระบอบการปกครองทีป่ ระชาชนเปน็ เจา้ ของ
อ�ำนาจสูงสุดในประเทศ ประชาชนจึงมีฐานะเป็นเจ้าของประเทศ เป็นเจ้าของชีวิตและมีสิทธิเสรีภาพในประเทศของ
ตนเอง ระบอบประชาธิปไตยจึงท�ำให้เกิดหลกั สิทธเิ สรีภาพ และท�ำให้ประชาชนมีอสิ รภาพ คือ เปน็ เจา้ ของชวี ิตตนเอง
“พลเมอื ง” ในระบอบประชาธปิ ไตยจงึ เปน็ ไท คอื เปน็ อสิ ระชนทพ่ี ง่ึ ตนเองและสามารถรบั ผดิ ชอบตนเองได้ และไมย่ อม
ตกอยู่ภายใต้อิทธิพลอ�ำนาจ หรือ “ระบบอปุ ถัมภ”์ ของผู้ใด
๒) เห็นคนเท่าเทียมกัน หมายความว่า ประชาธิปไตยคือระบอบการปกครองท่ีอ�ำนาจสูงสุดในประเทศเป็น
ของประชาชน ดังน้ัน ไม่ว่าประชาชนจะแตกต่างกันอย่างไรทุกคนล้วนแต่เท่าเทียมกันในฐานะท่ีเป็นเจ้าของประเทศ
“พลเมอื ง” จงึ ตอ้ งเคารพหลกั ความเสมอภาคและจะตอ้ งเหน็ คนเทา่ เทยี มกนั คอื เหน็ คนเปน็ แนวระนาบ (horizontal)
เห็นตนเท่าเทียมกบั คนอนื่ ทุกคนลว้ นมีศักด์ศิ รีของความเป็นเจา้ ของประเทศอยา่ งเสมอกนั ถึงแม้จะมกี ารพ่ึงพาอาศัย
แต่จะเปน็ ไปอย่างเทา่ เทียม
๓) ยอมรบั ความแตกตา่ ง หมายความวา่ ประชาธปิ ไตย คอื ระบอบการปกครองทป่ี ระชาชนเปน็ เจา้ ของประเทศ
ประชาชนจึงมีเสรีภาพ ระบอบประชาธิปไตยจึงให้เสรีภาพและยอมรับความหลากหลายของประชาชน ประชาชนจึง
แตกตา่ งกนั ได้ ไม่วา่ จะเปน็ เรอ่ื งการเลอื กอาชีพ วถิ ีชวี ิต ความเช่ือทางศาสนาหรอื ความคดิ เหน็ ทางการเมอื ง ดังนน้ั เพ่ือมใิ ห้
ความแตกตา่ งน�ำมาซงึ่ ความแตกแยกในสงั คม “พลเมอื ง” ในระบอบประชาธปิ ไตยจงึ ตอ้ งยอมรบั และเคารพความแตกตา่ ง
ของกนั และกัน เพือ่ ให้สามารถอย่รู ว่ มกนั ได้ และจะตอ้ งไมม่ ีการใชค้ วามรุนแรงต่อผทู้ ่เี ห็นแตกตา่ งไปจากตนเอง
๔) เคารพสทิ ธผิ อู้ นื่ หมายความวา่ ในระบอบประชาธปิ ไตยทกุ คนเปน็ เจา้ ของประเทศทกุ คนจงึ มสี ทิ ธแิ ตถ่ า้ ทกุ คน
ใช้สิทธิโดยค�ำนึงถึงแต่ประโยชน์ของตนเอง หรือเอาแต่ความคิดของตนเองเป็นท่ีตั้ง โดยไม่ค�ำนึงถึงสิทธิผู้อื่น หรือไม่
สนใจว่าจะเกิดความเดือดร้อนแก่ผู้ใดย่อมจะท�ำให้เกิดการใช้สิทธิที่กระทบซึ่งกันและกัน สิทธิในระบอบประชาธิปไตย
จงึ จ�ำเปน็ ต้องมขี อบเขต คอื มสี ิทธแิ ละใช้สิทธิไดเ้ ทา่ ที่ไมล่ ะเมดิ สิทธิผ้อู ืน่ “พลเมอื ง” ในระบอบประชาธิปไตยจึงต้อง
เคารพสทิ ธผิ ้อู ่ืนและจะต้องไมใ่ ช้สทิ ธเิ สรีภาพของตนไปละเมดิ สทิ ธขิ องผ้อู ื่น
๕) รบั ผดิ ชอบตอ่ สงั คม หมายความวา่ ประชาธปิ ไตยมใิ ชร่ ะบอบการปกครองตามอ�ำเภอใจหรอื ใครอยากจะท�ำ
อะไรกท็ �ำโดยไมค่ �ำนงึ ถงึ สว่ นรวม ดงั นนั้ “พลเมอื ง” ในระบอบประชาธปิ ไตยยงั จะตอ้ งใชส้ ทิ ธเิ สรภี าพของตนโดยรบั ผดิ ชอบ
ต่อสังคมด้วย ด้วยเหตุท่ีสังคมหรือประเทศชาติมิได้ดีขึ้นหรือแย่ลง โดยตัวเอง หากสังคมจะดีขึ้นได้ก็ด้วยการกระท�ำ
ของคนในสงั คม
๖) เข้าใจระบอบประชาธิปไตยและมีส่วนร่วม หมายความว่า ประชาธิปไตยคือการปกครองโดยประชาชน
ใชก้ ตกิ าหรอื กฎหมายทม่ี าจากประชาชนหรอื ผแู้ ทนประชาชน ระบอบประชาธปิ ไตยจะประสบความส�ำเรจ็ ไดก้ ต็ อ่ เมอื่ มี
“พลเมอื ง” ที่เข้าใจหลกั การพนื้ ฐานของการปกครองในระบอบประชาธิปไตยตามสมควร ท้งั ในเรื่องหลกั ประชาธปิ ไตย
หรอื การปกครองโดยประชาชน และหลกั นติ ริ ฐั หรอื การปกครองโดยกฎหมาย ถา้ มคี วามขดั แยง้ กเ็ คารพกตกิ าและใชว้ ถิ ี
ทางประชาธปิ ไตยในการแก้ปญั หาโดยไม่ใชก้ �ำลงั หรอื ความรนุ แรง
134 แผนการจดั การเรียนรู้ “รายวชิ าเพิม่ เติม การปอ้ งกันการทุจริต”
แบบสังเกตพฤตกิ รรมการปฏบิ ตั ิงานกลมุ่
กลมุ่ ...................................…………..ชนั้ ………………
พฤตกิ รรม
ท่ี ชื่อ-สกุล ความร่วมมอื การแสดง การรับฟงั การมีส่วนรว่ ม รวม
สมาชกิ กลุ่ม ความคิดเหน็ ความคิดเห็น ในการอภปิ ราย
๔๓๒๑๔๓๒๑๔๓๒๑๔๓๒๑
๑
๒
๓
๔
๕
๖
๗
๘
๙
๑๐
เกณฑ์การให้คะแนน
ดมี าก = ๔ ประสิทธิภาพอยู่ในเกณฑ์ ๙๐-๑๐๐% หรือปฏบิ ัติบอ่ ยครงั้
ดี = ๓ ประสิทธภิ าพอย่ใู นเกณฑ์ ๗๐-๘๙% หรือปฏิบัตบิ างครั้ง
ปานกลาง = ๒ ประสิทธภิ าพอยูใ่ นเกณฑ์ ๕๐-๖๙% หรอื ปฏบิ ตั คิ รัง้ เดยี ว
ปรับปรุง = ๑ ประสทิ ธิภาพตำ�่ กวา่ เกณฑ์ ๕๐% หรือไมป่ ฏิบัตเิ ลย
นกั เรยี นต้องผา่ นเกณฑ์การประเมนิ ในระดบั ดี ประสทิ ธภิ าพอยู่ในเกณฑ์ ดี ๗๐-๘๙%
ลงช่ือ………………………………………………..…ผสู้ ังเกต
(…………………………………………………..)
…………/……………………..……/…………..……..
ระดบั ชนั้ มธั ยมศึกษาปที ี่ ๑ 135
แบบประเมนิ การนำ�เสนอผลงาน
เร่ือง..........................................................................
สมาชิกกลุม่ ........................................ช้ัน............
๑. ...................................................................... ๒. ................................................................................
๓. ...................................................................... ๔. ................................................................................
๕. .......................................................................
ท่ี รายการประเมนิ ผู้ประเมิน รวม เกณฑก์ ารประเมนิ
ตนเอง เพอ่ื น ครู
๑ เนื้อหา (๔ คะแนน) คะแนน ๔ : มีครบทุกขอ้
๑. เนื้อหาครบถว้ นสมบรู ณ ์ คะแนน ๓ : มี ๓ ขอ้ ขาด ๑ ขอ้
๒. เนอ้ื หาถูกต้อง คะแนน ๒ : มี ๒ ข้อ ขาด ๒ ข้อ
คะแนน ๑ : มี ๑ ขอ้ ขาด ๓ ข้อ
๓. เนื้อหาต่อเนื่อง
๔. มีการคน้ ควา้ เพม่ิ เตมิ
๒ กระบวนการท�ำงาน (๒ คะแนน) คะแนน ๒ : มีครบทุกข้อ
๑. มกี ารวางแผนอยา่ งเปน็ ระบบ คะแนน ๑ : มี ไมค่ รบ ๔ ขอ้
๒. การปฏิบัติตามแผน คะแนน ๐ : ไมป่ รากฏกระบวน
๓. ตดิ ตามประเมนิ ผล
การท�ำงานทช่ี ัดเจน
๔. การปรับปรุงพัฒนางาน
๓ การน�ำเสนอ (๒ คะแนน) คะแนน ๒ : มคี รบทกุ ข้อ
๑. การใชส้ �ำนวนภาษาดถี ูกตอ้ ง คะแนน ๑.๕ : มี ๓ ขอ้ ขาด ๑ ขอ้
๒. การสะกดค�ำและไวยากรณ์ถูกต้อง คะแนน ๑ : มี ๒ ขอ้ ขาด ๒ ขอ้
คะแนน ๐.๕ : มี ๑ ข้อขาด ๓ ข้อ
๓. รูปแบบน่าสนใจ
๔. ความสวยงาม
๔ คณุ ธรรม (๒ คะแนน) คะแนน ๒ : มคี รบทุกข้อ
๑. ตรงตอ่ เวลา คะแนน ๑.๕ : มี ๓ ขอ้ ขาด ๑ ข้อ
๒. ซ่ือสัตย ์ คะแนน ๑ : มี ๒ ข้อ ขาด ๒ ขอ้
คะแนน ๐.๕ : มี ๑ ขอ้ ขาด ๓ ข้อ
๓. ความกระตอื รือร้น
๔. ความมีน้�ำใจ
รวม คะแนนเต็ม ๑๐ คะแนน
เฉล่ยี
เกณฑ์การประเมนิ
๘-๑๐ ๖-๗ ๔-๕ ๒-๓ ๐-๑
ดีมาก ดี ปานกลาง นอ้ ย ต้องปรบั ปรุง
136 แผนการจดั การเรยี นรู้ “รายวิชาเพมิ่ เติม การปอ้ งกันการทจุ ริต”
แบบสังเกตพฤตกิ รรม ใฝเ่ รยี นรู้
ที่ ชอื่ -สกุล แสวงหาข้อมูล มกี ารจดบันทกึ สรุปความรู้ รวม สรปุ
จากแหลง่ ความรอู้ ย่าง ไดอ้ ย่างมีเหตุผล คะแนน
เปน็ ระบบ
การเรยี นรู้ต่างๆ
๓ ๒ ๑ ๓ ๒ ๑ ๓ ๒ ๑ ๙ ผ มผ
ลงชอื่ ...................................................ผูป้ ระเมิน
(...................................................)
............../.................../................
ระดบั คุณภาพ เกณฑก์ ารตดั สิน
ดเี ยีย่ ม ไดค้ ะแนน ๗-๙ คะแนน
ดี ได้คะแนน ๕-๖ คะแนน
ผ่าน ได้คะแนน ๓-๔ คะแนน
ไม่ผา่ น ได้คะแนน ๑-๒ คะแนน
หมายเหตุ นกั เรียนผา่ นระดับ ดี ข้ึนไปถือว่าผา่ น
ระดับชัน้ มัธยมศึกษาปที ี่ ๑ 137
แผนการจัดการเรยี นรู้ เวลา ๒ ชัว่ โมง
หนว่ ยท่ี ๔ ช่อื หน่วย พลเมอื งกับความรบั ผดิ ชอบตอ่ สังคม
ช้นั มัธยมศกึ ษาปีที่ ๑
แผนการจัดการเรยี นร้ทู ่ี ๓ เรอื่ งการสร้างส�ำนกึ ความเปน็ พลเมอื งต่อสงั คม
๑. ผลการเรยี นรู้
๑.๑ มีความร้คู วามเขา้ ใจเกย่ี วกับพลเมอื งและมคี วามรับผดิ ชอบตอ่ สังคม
๑.๒ ปฏิบตั ติ นตามหน้าท่ีพลเมอื งและมคี วามรับผดิ ชอบตอ่ สังคม
๑.๓ ตระหนักและเห็นคณุ ค่าความส�ำคญั ของการตอ่ ตา้ นและปอ้ งกันการทจุ ริต
๒. จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้
นกั เรียนสามารถบอกแนวทางการสรา้ งส�ำนกึ ความเปน็ เมืองตอ่ สังคมได้
๓. สาระการเรยี นรู้
๓.๑ ความรู้
แนวทางการสรา้ งส�ำนึกความเปน็ เมอื งตอ่ สังคม
๓.๒ ทกั ษะ/กระบวนการ
๑) ความสามารถในการสอ่ื สาร
ฟัง พดู อา่ น เขยี น
๒) ความสามารถในการคิด
คิดวเิ คราะห์
๓.๓ คุณลกั ษณะที่พงึ ประสงค์
ใฝ่เรียนรู้
๔. กิจกรรมการเรยี นรู้
๔.๑ ขั้นตอนการเรียนรู้
ชั่วโมงที่ ๑
๑) ครูและนักเรียนร่วมกันทบทวนความหมายของการศึกษาความเป็นพลเมืองและ
คณุ ลักษณะของพลเมอื ง
๒) ครูแบ่งนักเรียนออกเป็น ๕ กลุ่ม โดยนักเรียนแต่ละกลุ่มร่วมกันสืบค้นข้อมูลจาก
หอ้ งสมดุ /อนิ เทอรเ์ นต็ เพอ่ื รว่ มกนั เสนอแนวทางการสรา้ งส�ำนกึ ความเปน็ เมอื งตอ่ สงั คม ในรปู แบบแผนผงั
ความคดิ (Mind mapping)
138 แผนการจดั การเรียนรู้ “รายวชิ าเพม่ิ เติม การป้องกันการทจุ รติ ”
ชว่ั โมงที่ ๒
๑) นักเรียนแต่ละกลุ่มน�ำเสนอผลงานหน้าช้ันเรียน จากนั้นครูและนักเรียนร่วมกันสรุป
แนวทางการสรา้ งส�ำนึกความเป็นเมอื งต่อสังคม
๒) ครูปลูกฝังให้นักเรียนปฏิบัติตนตามแนวทางการสร้างส�ำนึกความเป็นเมืองต่อสังคม
โดยรว่ มกนั สนทนาถงึ ประโยชนจ์ ากการปฏบิ ตั ติ นตามแนวทางการสรา้ งส�ำนกึ ความเปน็ พลเมอื งตอ่ สงั คม
๔.๒ ส่ือการเรยี นร/ู้ แหล่งการเรยี นรู้
๑) ห้องสมดุ
๒) อินเทอรเ์ นต็
๕. การประเมนิ ผลการเรียนรู้
๕.๑ วธิ กี ารประเมนิ
๑) สังเกตพฤติกรรมการปฏิบตั ิงานกลุ่ม
๒) ตรวจการน�ำเสนอผลงาน
๓) สังเกตพฤติกรรม ใฝเ่ รียนรู้
๕.๒ เครอ่ื งมือที่ใชใ้ นการประเมนิ
๑) แบบสังเกตพฤตกิ รรมการปฏิบตั งิ านกลมุ่
๒) แบบประเมินการน�ำเสนอผลงาน
๓) แบบสังเกตพฤติกรรม ใฝเ่ รียนรู้
๕.๓ เกณฑก์ ารตัดสนิ
นักเรยี นผ่านเกณฑก์ ารประเมนิ ระดบั ดี ขึ้นไป
๖. บนั ทึกหลังการจัดการเรียนรู้
..........................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................................
ลงช่ือ................................................ครผู ้สู อน
(.................................................)
ระดบั ชน้ั มัธยมศกึ ษาปที ี่ ๑ 139
๗. ภาคผนวก แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการปฏบิ ัติงานกลมุ่
กลมุ่ ...................................…………..ชน้ั ………………
พฤตกิ รรม
ท่ี ช่อื -สกุล ความรว่ มมอื การแสดง การรับฟัง การมีสว่ นรว่ ม รวม
สมาชกิ กลุ่ม ความคิดเหน็ ความคดิ เหน็ ในการอภปิ ราย
๔๓๒๑๔๓๒๑๔๓๒๑๔๓๒๑
๑
๒
๓
๔
๕
๖
๗
๘
๙
๑๐
เกณฑ์การใหค้ ะแนน
ดมี าก = ๔ ประสิทธภิ าพอยใู่ นเกณฑ์ ๙๐-๑๐๐% หรือปฏบิ ตั ิบอ่ ยครงั้
ดี = ๓ ประสิทธิภาพอยใู่ นเกณฑ์ ๗๐-๘๙% หรือปฏบิ ัติบางครงั้
ปานกลาง = ๒ ประสิทธิภาพอยู่ในเกณฑ์ ๕๐-๖๙% หรอื ปฏบิ ตั คิ รง้ั เดยี ว
ปรบั ปรุง = ๑ ประสทิ ธิภาพต่�ำกวา่ เกณฑ์ ๕๐% หรือไมป่ ฏบิ ัตเิ ลย
นกั เรยี นต้องผ่านเกณฑ์การประเมิน ในระดบั ดี ประสทิ ธิภาพอยู่ในเกณฑ์ ดี ๗๐-๘๙%
ลงช่ือ………………………………………………..…ผู้สงั เกต
(…………………………………………………..)
…………/……………………..……/…………..……..
140 แผนการจัดการเรยี นรู้ “รายวชิ าเพมิ่ เติม การปอ้ งกนั การทุจริต”
แบบประเมินการน�ำ เสนอผลงาน
เรอ่ื ง..........................................................................
สมาชิกกลมุ่ ........................................ช้นั ............
๑. ...................................................................... ๒. ................................................................................
๓. ...................................................................... ๔. ................................................................................
๕. .......................................................................
ที่ รายการประเมนิ ผปู้ ระเมนิ รวม เกณฑก์ ารประเมิน
ตนเอง เพื่อน ครู
๑ เนือ้ หา (๔ คะแนน) คะแนน ๔ : มีครบทุกข้อ
๑. เนอ้ื หาครบถว้ นสมบรู ณ ์ คะแนน ๓ : มี ๓ ข้อ ขาด ๑ ข้อ
๒. เนอื้ หาถูกต้อง คะแนน ๒ : มี ๒ ขอ้ ขาด ๒ ขอ้
คะแนน ๑ : มี ๑ ข้อ ขาด ๓ ขอ้
๓. เนื้อหาตอ่ เน่อื ง
๔. มกี ารค้นควา้ เพมิ่ เติม
๒ กระบวนการท�ำงาน (๒ คะแนน) คะแนน ๒ : มคี รบทกุ ขอ้
๑. มีการวางแผนอยา่ งเปน็ ระบบ คะแนน ๑ : มี ไม่ครบ ๔ ข้อ
๒. การปฏิบัติตามแผน คะแนน ๐ : ไมป่ รากฏกระบวน
๓. ตดิ ตามประเมินผล
การท�ำงานทีช่ ดั เจน
๔. การปรับปรุงพัฒนางาน
๓ การน�ำเสนอ (๒ คะแนน) คะแนน ๒ : มีครบทกุ ขอ้
๑. การใชส้ �ำนวนภาษาดถี ูกตอ้ ง คะแนน ๑.๕ : มี ๓ ขอ้ ขาด ๑ ขอ้
๒. การสะกดค�ำและไวยากรณถ์ ูกต้อง คะแนน ๑ : มี ๒ ขอ้ ขาด ๒ ขอ้
คะแนน ๐.๕ : มี ๑ ขอ้ ขาด ๓ ขอ้
๓. รูปแบบน่าสนใจ
๔. ความสวยงาม
๔ คุณธรรม (๒ คะแนน) คะแนน ๒ : มคี รบทกุ ข้อ
๑. ตรงต่อเวลา คะแนน ๑.๕ : มี ๓ ขอ้ ขาด ๑ ขอ้
๒. ซอ่ื สัตย ์ คะแนน ๑ : มี ๒ ขอ้ ขาด ๒ ข้อ
คะแนน ๐.๕ : มี ๑ ข้อ ขาด ๓ ขอ้
๓. ความกระตอื รือรน้
๔. ความมีน้ำ� ใจ
รวม คะแนนเต็ม ๑๐ คะแนน
เฉล่ยี
เกณฑก์ ารประเมนิ
๘-๑๐ ๖-๗ ๔-๕ ๒-๓ ๐-๑
ดีมาก ดี ปานกลาง น้อย ต้องปรบั ปรุง
ระดับช้นั มัธยมศกึ ษาปีท่ี ๑ 141
แบบสงั เกตพฤติกรรม ใฝเ่ รยี นรู้
ท่ี ชื่อ-สกุล แสวงหาขอ้ มลู มกี ารจดบันทกึ สรปุ ความรู้ รวม สรุป
จากแหลง่ ความรู้อย่าง ได้อย่างมเี หตผุ ล คะแนน
เปน็ ระบบ
การเรยี นรูต้ า่ งๆ
๓ ๒ ๑ ๓ ๒ ๑ ๓ ๒ ๑ ๙ ผ มผ
ลงช่อื ...................................................ผปู้ ระเมนิ
(...................................................)
............../.................../................
ระดบั คณุ ภาพ เกณฑ์การตัดสิน
ดีเย่ยี ม ไดค้ ะแนน ๗-๙ คะแนน
ดี ไดค้ ะแนน ๕-๖ คะแนน
ผา่ น ได้คะแนน ๓-๔ คะแนน
ไมผ่ า่ น ได้คะแนน ๑-๒ คะแนน
หมายเหตุ นักเรยี นผา่ นระดบั ดี ขนึ้ ไปถอื ว่าผา่ น
142 แผนการจัดการเรียนรู้ “รายวิชาเพ่ิมเติม การป้องกนั การทุจริต”
ภาคผนวก