The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

ใบความรู้วิชาการบัญชีภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search

ใบความรู้วิชาการบัญชีภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา

ใบความรู้วิชาการบัญชีภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา

ใบความรู้แผนการจัดการเรียนรู้แบบฐานสมรรถนะ วิชา การบัญชีภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา รหัสวิชา 20201-2005 หลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพ(ปวช.) พุทธศักราช 2562 จัดท าโดย นางสกุลตา กีรติกุลศักดิ์ แผนกวิชาการบัญชี วิทยาลัยอาชีวศึกษาสระบุรี ส านักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา สถาบันการอาชีวศึกษาภาคกลาง 1 กระทวงศึกษาธิการ


ก ค าน า ใบความรู้ประกอบแผนการจัดการเรียนรู้แบบฐานสมรรถนะ หลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) พุทธศักราช 2562 วิชาการบัญชีภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา รหัสวิชา 20201-2005 โดยผู้สอนได้ปรับปรุงเพื่อให้ สอดคล้องกับผู้เรียน และเพื่อให้ครูผู้สอนสามารถจัดการเรียนการสอนให้เกิดประสิทธิภาพและประสิทธิผลตาม มาตรฐานการอาชีวศึกษา พุทธศักราช 2562 ขอขอบคุณเจ้าของผลงาน เอกสารต าราทฤษฎีเกี่ยวกับหลักการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา รวมทั้ง ทฤษฎีรูปแบบการเรียนรู้ที่ผู้สอนน ามาใช้อ้างอิง ซึ่งเอกสารเล่มนี้น ามาใช้ส าหรับการจัดการเรียนรู้ โดยมุ่ง ผลสัมฤทธิ์ให้เกิดกับผู้เรียนในโอกาต่อไป นางสกุลตา กีรติกุลศักดิ์


ข สารบัญ เรื่อง หน้า ค าน า ก สารบัญ ข รายละเอียดรายวิชา ค ใบความรู้หน่วยที่ 1 ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา 1 ใบความรู้หน่วยที่ 2 เงินได้พึงประเมินและเงินได้พึงประเมินที่ได้รับการยกเว้น 10 ใบความรู้หน่วยที่ 3 การหักค่าใช้จ่าย 26 ใบความรู้หน่วยที่ 4 การหักค่าลดหย่อน 31 ใบความรู้หน่วยที่ 5 การค านวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา 37 ใบความรู้หน่วยที่ 6 การจัดท าและยื่นแบบแสดงรายการเพื่อเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา 44 ใบความรู้หน่วยที่ 7 ภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย และการบันทึกบัญชี 61 ใบความรู้หน่วยที่ 8 ภาษี e-Service 73 ภาคผนวก 78


ค รายละเอียดรายวิชา 1. รหัส/วิชาชีพ 20201-2005 2. สภาพรายวิชา กลุ่มสมรรถนะวิชาชีพเฉพาะ ประเภทวิชาพาณิชยกรรม สาขาวิชาการบัญชี หลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพ พุทธศักราช 2562 3. ระดับรายวิชา ปวช. ปีที่ 2 4. เวลาเรียน 1 ภาคการศึกษา 18 สัปดาห์ รวม 90 ชั่วโมง สัปดาห์ละ 5 ชั่วโมง (ทฤษฎี 1 ชั่วโมง ปฏิบัติ 4 ชั่วโมง) 5. จ านวนหน่วยกิต 3 หน่วยกิต จุดประสงค์รายวิชา 1. เพื่อให้เข้าใจหลักการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา 2. เพื่อให้มีทักษะการค านวณ บันทึกบัญชี และจัดท าแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา 3. เพื่อให้มีกิจนิสัยมีระเบียบ ละเอียดรอบคอบ ซื่อสัตย์ มีวินัยตรงต่อเวลา และมีเจตคติที่ดีต่อวิชาชีพบัญชี สมรรถนะรายวิชา 1. แสดงความรู้เกี่ยวกับการค านวณและจัดท าแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา 2. ค านวณและจัดท าแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา 3. บันทึกบัญชีภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา หัก ณ ที่จ่าย ค าอธิบายรายวิชา ศึกษาและปฏิบัติเกี่ยวกับผู้มีหน้าที่เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา เงินได้พึงประเมิน เงินได้พึงประเมิน ที่ได้รับการยกเว้น การหักค่าใช้จ่าย ค่าลดหย่อน การค านวณภาษี การจัดท าและยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงิน ได้บุคคลธรรมดา ภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย และการบันทึกบัญชีภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย


เนื้อหา 1. ความหมายของภาษี ประวัติการจัดเก็บภาษีอากร วัตถุประสงค์ในการจัดเก็บภาษีอากร 2. ลักษณะของภาษีอากรที่ดี ประเภทของภาษีอากร องค์ประกอบของภาษีอากร 3. ผู้มีหน้าที่เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา เกณฑ์เงินได้พึงประเมินขั้นต่่าที่ต้องยื่นแบบแสดงรายการ เพื่อเสียภาษี และแหล่งเงินได้และถิ่นที่อยู่ สาระส าคัญ การจัดเก็บภาษีอากรถือเป็นรายได้หลักขอบรัฐบาล ที่จะน่ามาพัฒนาประเทศ โดยรัฐบาลใช้ภาษีอากร เป็นเครื่องมือในการรักษาเถียรภาพทางเศรษฐกิจ และเป็นเครื่องมือในการกระจายรายได้สู่ประชาชน ผู้ที่มี หน้าที่เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาต้องมีความรู้ความเข้าใจเบื้องต้นเกี่ยวกับการภาษีอากร ความหมายของ ของภาษีอากร ประวัติความเป็นมาของภาษีอากร วัตถุประสงค์ในการจัดเก็บภาษีอากร ลักษณะของภาษี อากรที่ดี ประเภทของภาษีอากร ผู้มีหน้าที่เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา เกณฑ์เงินได้พึงประเมินขั้นต่่าที่ต้อง ยื่นแบบแสดงรายการเพื่อเสียภาษี แหล่งเงินได้และถิ่นที่อยู่ สมรรถนะประจ าหน่วย แสดงความรู้เกี่ยวกับภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา เนื้อหาสาระ ความหมายของภาษีอากร ภาษีอากรเป็นการจัดเก็บรายได้จากประชาชนโดยการบังคับไม่ใช่การ สมัครใจ และรัฐบาลน่าภาษีที่จัดเก็บได้ไปใช้ประโยชน์ส่วนรวมโดยรัฐบาลไม่มีภาระผูกพันในการให้ประโยชน์ ตอบแทนโดยตรงแก่ผู้เสียภาษี ภาพประกอบที่ 1. ภาพที่เกี่ยวข้องกับภาษีอากร ที่มา : https://thematter.co/quick-bite/where-taxes-come-from/47569 ใบความรู้หน่วยที่ 1 สอนครั้งที่ 1 หลักสูตร ประกาศนียบัตรวิชาชีพ(ปวช.) พุทธศักราช 2562 หน่วยที่ 1 วิชา การบัญชีภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา รหัส 20201-2005 ท-ป-น ( 1-4-3) รวม 5 ชม. ชื่อหน่วยการเรียนรู้ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา จ่านวน 5 ชม.


2 ประวัติการจัดเก็บภาษีอากร การจัดเก็บภาษีอากรเริ่มมาตั้งแต่สมัยสุโขทัย เรื่อยมาจนถึงสมัยกรุง รัตนโกสินทร์ ซึ่งสามารถสรุปการจัดเก็บภาษีอากรในแต่ละสมัย ดังนี้ สุโขทัย จังกอบ เป็นการจัดเก็บภาษี จากสัตว์หรือสิ่งของ กรุงศรีอยุธยา จังกอบ ส่วย ฤชา อากร ธนบุรี จังกอบ ส่วย ฤชา อากร รัตนโกสินทร์ รัชกาลที่ 1,2 มีการเก็บ เหมือนกรุงธนบุรี รัชกาลที่ 3 มีการจัดเก็บ ภาษีเพิ่ม 38 ประเภท รัชกาลที่ 4 มีโรงเก็บภาษี เรียกว่า ศุลกสถาน รัชกาลที่ 5 มีการจัดตั้งหอ รัษฎากรพิพัฒน์ รัชกาลที่ 6 มีการจัดตั้ง กรมสรรพากร รัชกาลที่ 7 มีการออก พระราชบัญญัติมากมาย รัชกาลที่ 8 ให้ใช้บทบัญญัติ แห่งประมวลรัษฎากร รัชกาลที่ 9 ให้อ่านาจกรมสรรพากร จัดเก็บภาษี 5 ประเภท


3 เพื่อเป็นรายได้ของรัฐบาล เพื่อเป็นเครื่องมือในการควบคุมการบริโภค ของประชาชน วตัถุประสงคใ์ นการจดัเกบ ็ ภาษี อากร เพ ื่อรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ เพื่อกระจายรายได้


4 ประเภทของภาษีอากร การจ่าแนกประเภทภาษีอากรสามารถจ่าแนกได้หลายลักษณะ แต่โดยทั่วไปมักแบ่ง ออกเป็น 2 ประเภทตามลักษณะของการรับภาระภาษีดังนี้ ยึดหลักความยุติธรรม ยึดหลักความแน่นอน ยึดหลักความประหยัด ยึดหลักความยืดหยุ่น ลักษณะของภาษี อากรที่ดี 5.1 ภาษีทางตรง (Direct Tax) เป็นภาษีที่ผู้ช่าระภาษีต้อง รับภาระภาษีไว้เอง ไม่สามารถผลัก ภาระไปให้ผู้อื่นได้ เช่น ภาษีมรดก ฯลฯ 5.2 ภาษีทางอ้อม (Indirect Tax) เป็นภาษีที่ผู้ช่าระภาษี สามารถผลักภาระภาษีไปให้ผู้อื่นได้ ไม่ต้องรับภาระภาษีไว้เอง เช่น ภาษีมูลค่าเพิ่ม ลักษณะของภาษีอากรที่ดี


5 องค์ประกอบของ ผู้เสียภาษีอากร ฐานภาษี อัตราก้าวหน้า (Progressive Rate) อัตราถอยหลัง (Regressive Rate) อัตราคงที่ (Proportional Rate) การหักภาษี ณ ที่จ่าย (Withholding Tax) การประเมินตนเอง (Self Assessment) การประเมินโดยเจ้าพนักงานประเมิน (Authoritative Assessment) ผู้มีหน้าที่เสียภาษีอากร อัตราภาษี วิธีการเสียภาษีอากร การหาข้อยุติทางภาษี การบังคับ


6 - ผู้แทนโดยชอบธรรม - ผู้พิทักษ์ - ผู้อนุบาล - ผู้จัดกิจการอันก่อให้เกิดเงินได้พึงประเมิน ตัวอย่าง นายแน่มากมีเงินได้จากเงินเดือนเดือนละ 30,000 บาท นายแน่มากย่อมมีหน้าที่ยื่น แบบแสดงรายการเพื่อเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา บุคคลธรรมดา ผู้ถึงแก่ความตายระหว่างปีภาษี ตวัอยา่ง 1 2 ผู้มีหน้าที่เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ตัวอย่าง นายพิพัฒน์ถึงแก่ความตายเมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม 2562 ระหว่างปี 2562 นายพิพัฒน์ได้รับ เงินเดือนตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม-20 พฤษภาคมเป็นเงิน 180,000 บาท นอกจากนี้ยังมีเงินได้จากการให้ เช่าบ้าน 4 หลัง หลังละ 5,000 บาทต่อเดือน ดังนั้นผู้จัดการมรดก หรือทายาทหรือผู้ครอบครองทรัพย์ มรดกของนายพิพัฒน์ต้องท่าหน้าที่ยื่นแบบแสดงรายการเพื่อเสียภาษีแทนนายพิพัฒน์ส่าหรับเงินได้ที่ เกิดขึ้นปี2562 คือเงินเดือน 180,000 บาท และเงินได้จากการให้เช่าบ้านทั้งปี 240,000 บาท (เดือนละ 5,000 บาท x 4 หลัง x 12 เดือน) ห้างหุ้นส่วนสามัญหรือ 4 คณะบุคคลที่มิใช่นิติบุคคล 3 กองมรดกที่ยังไม่ได้แบ่ง


7 ผู้มีเงินได้จากการจ้างแรงงาน ตามมาตรา 40 (1) เพียงประเภทเดียว - กรณีไม่มีคู่สมรส มีเงินได้พึงประเมินเกิน 120,000 บาท. - กรณีมีคู่สมรส ไม่ว่าเงินได้ฝ่ายเดียวหรือ ทั้งสองฝ่าย มีเงิน ได้พึงประเมินรวมกันเกิน 220,000 บาท ผู้มีเงินได้กรณีทั่วไป ตามมาตรา 40 (1)-(8) - กรณีไม่มีคู่สมรส มีเงินได้พึงประเมินเกิน 60,000 บาท - กรณีมีคู่สมรส ไม่ว่ามีเงินได้ฝ่ายใดฝ่ายเดียวหรือทั้งสอง ฝ่าย มีเงินได้พึงประเมินรวมกันเกิน 120,000 ผู้มีเงินได้ที่เป็นกองมรดก มีเงินได้พึงประเมินเกิน 60,000 ผู้มีเงินได้ที่เป็นห้างหุ้นส่วนสามัญ หรือคณะบุคคลที่มิใช่นิติบุคคล มีเงินได้พึงบประเมิน 60,000 1 2 3 4 เกณฑ์เงินได้พึงประเมินขั้นต่ าที่ต้องยื่นแบบแสดงรายการเพื่อเสียภาษี แหล่งเงินได้และถิ่นที่อยู่


8 แหล่งเงินได้เกิดในประเทศไทย 1. หน้าที่งานหรือกิจการที่ท่าในประเทศไทย 2. กิจการของนายจ้างในประเทศไทย 3. ทรัพย์สินที่อยู่ในประเทศไทย แหล่งเงินได้เกิดนอกประเทศ 1. หน้าที่งานหรือหรือกิจการที่ท่าในต่างประเทศ 2. ทรัพย์สินที่อยู่ต่างประเทศ แหล่งเงินได้ 1. ผู้มีเงินได้เป็นผู้อยู่ในประเทศไทย หมายถึงผู้ที่อยู่ในประเทศไทยระยะเวลาหนึ่งหรือหลายระยะ รวมเวลาทั้งหมดถึง 180 วันในปีภาษี 2. ผู้มีเงินได้มิได้เป็นผู้อยู่ในประเทศไทย หมายถึงผู้ที่อยู่ในประเทศไทยระยะเวลาหนึ่งหรือหลายระยะ รวมเวลาทั้งหมดไม่ถึง 180 วันในปีภาษี ถิ่นที่อยู่ ตัวอย่าง นางสาวกิ่งแก้วท่างานที่บริษัท มหานคร จ่ากัด ได้รับเงินเดือนเดือนละ 25,000 บาท และได้รับโบนัสประจ่าปี 100,000 บาท นางสาวกิ่งแก้วต้องเสียภาษีให้รัฐบาลไทย เนื่องจากนางสาวกาญจน์เป็นผู้อยู่ใน ประเทศไทย และมีแหล่งเงินได้เกิดขึ้นในประเทศไทย แหล่งเงินได้และถิ่นที่อยู่


9 ภาษีอากรเป็นการจัดเก็บรายได้จากประชาชนโดยการบังคับไม่ใช่การสมัครใจ และรัฐบาลน่าภาษีที่ จัดเก็บได้ไปใช้ประโยชน์ส่วนรวม โดยรัฐบาลไม่มีภาระผูกพันในการให้ประโยชน์ตอบแทนโดยตรงแก่ผู้เสียภาษี ซึ่งการจัดเก็บภาษีอากรเริ่มต้นตั้งแต่สมัยสุโขทัย จนถึงสมัยรัตนโกสินทร์ในรัชกาลที่ 8 มีการออก พระราชบัญญัติให้ใช้บทบัญญัติแห่งประมวลรัษฎากรพุทธศักราช 2481 ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2482 และมีการแก้ไขปรับปรุงประมวลรัษฎากรมาจนถึงปัจจุบัน โดยให้อ่านาจกรมสรรพากรจัดเก็บภาษี 5 ประเภท ได้แก่ ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ภาษีเงินได้นิติบุคคลภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีธุรกิจเฉพาะ และอากร แสตมป์ ภาษีอากรโดยทั่วไปแบ่งออกเป็น 2 ประเภทตามลักษณะของการรับภาระภาษี คือภาษีทางตรง (Direct Tax) และภาษีทางอ้อม (Indirect Tax) โดยมีอัตราภาษี คือร้อยละในการจัดเก็บภาษีอากร แบ่งออกเป็น 3 ลักษณะ คืออัตราก้าวหน้า (Progressive Rate) อัตราถอยหลัง (Regressive Rate) และอัตรา คงที่ (Proportional Rate) ผู้มีหน้าที่เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ได้แก่ บุคคลธรรมดา ผู้ถึงแก่ความตายระหว่างปีภาษี กองมรดกที่ยังมิได้แบ่ง และห้างหุ้นส่วนสามัญหรือคณะบุคคลที่มิใช่นิติบุคคล ตามแหล่งเงินได้และถิ่นที่อยู่ สรุป


เนื้อหา 1. ความหมายของเงินได้พึงประเมิน 2. ประเภทของเงินได้พึงประเมิน 3. เงินได้พึงประเมินที่ได้รับการยกเว้น สาระส าคัญ เงินได้พึงประเมิน คือเงินได้ที่ได้รับอาจเป็นเงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อย่างอื่นที่ได้รับ ซึ่งอาจคิด ค่านวณได้เป็นเงิน ประมวลรัษฎากรแบ่งเงินได้พึงประเมินออกเป็น 8 ประเภท การค่านวณภาษีเงินได้บุคคล ธรรมดา ต้องค่านวณจากเงินได้พึงประเมิน หักค่าใช้จ่ายและค่าลดหย่อนผู้มีหน้าที่เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา การจ่าแนกประเภทของเงินได้พึงประเมินเป็นสิ่งส่าคัญซึ่งเป็นส่วนที่น่าไปใช้ค่านวณภาษีและเงินได้พึงประเมิน ที่ได้รับการยกเว้น เพื่อสามารถใช้สิทธิประโยชน์ดังกล่าวได้อย่างถูกต้อง สมรรถนะประจ าหน่วย 1. แสดงความรู้เกี่ยวกับเงินได้พึงประเมินของภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา 2. วิเคราะห์รายละเอียดของเงินได้พึงประเมิน 8 ประเภท เนื้อหาสาระ 1.1 ความหมายของเงินได้พึงประเมิน เงินได้คืออะไรก็ตามที่เราได้รับมา เฉพาะเงินที่ท่าให้เรามีหน้าที่เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา กฎหมายเรียกชื่อเฉพาะว่า เงินได้พึงประเมิน เงินได้พึงประเมิน (ยุทธนา ศรีสวัสดิ์ ;2557) หมายถึง เงินได้ที่กฎหมายบังคับให้ต้องน่ามาเสียภาษี ซึ่งโดยทั่วไปเงินที่เราได้รับจะเป็นเงินได้พึงประเมินแทบทั้งสิ้น เว้นแต่จะมีกฎหมายเขียนไว้อย่างชัดเจนว่าเงิน ได้ก้อนนั้น เป็นเงินได้ที่ได้รับการยกเว้นภาษี จากความหมายเงินได้พึงประเมิน สิ่งที่ถูกจัดว่าเป็นเงินได้พึงประเมินจะเป็นอะไรก็ได้ที่ท่าให้เรารวยขึ้น ได้แก่ - เงินสดหรือเงินที่ได้รับตามเกณฑ์เงินสด รวมถึงทุกอย่างที่ใช้แทนเงินได้ - ทรัพย์สินที่ตีราคาได้ หรือค่านวณได้เป็นเงิน เช่น รถยนต์ บ้าน เป็นต้น - สิทธิประโยชน์ที่ตีราคาได้ หรือประโยชน์ที่อาจคิดค่านวณได้เป็นเงิน เช่น สิ่งที่ได้รับเพิ่มจากการท่างาน ใบความรู้หน่วยที่ 2 สอนครั้งที่ 2-3 หลักสูตร ประกาศนียบัตรวิชาชีพ(ปวช.)พุทธศักราช 2562 หน่วยที่ 2 วิชา การบัญชีภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา รหัส 20201-2005 ท-ป-น ( 1-4-3) รวม 10 ชม. ชื่อหน่วยการเรียนรู้เงินได้พึงประเมินและเงินได้พึงประเมินที่ได้รับการยกเว้น จ่านวน 10 ชม. 1. เงินได้พึงประเมิน


11 - เงินค่าภาษีที่มีคนจ่ายแทนให้เรา - เครดิตภาษีตามที่กฎหมายก่าหนด หรือเครดิตภาษีเงินปันผล ในทางตรงข้าม อะไรที่ไม่ท่าให้เรารวยขึ้นจึงไม่เป็นเงินได้พึงประเมิน เช่น เงินกู้ หรือทรัพย์สินที่ยืมมา เป็นต้น ประมวลรัษฎากร มาตรา 39 ได้ให้ค่านิยาม “เงินได้พึงประเมิน” หมายความว่า เงินได้อันเข้า ลักษณะพึงเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา อันได้แก่ เงิน ตลอดถึงทรัพย์สินหรือประโยชน์อย่างอื่นที่ได้รับซึ่งอาจ คิดค่านวณได้เป็นเงิน เงินค่าภาษีอากรที่จ่ายเงินหรือผู้อื่นออกแทนให้ส่าหรับเงินได้ประเภทต่าง ๆ ตามมาตรา 40 และเครดิตภาษีตามมาตรา 47 ทวิด้วย ตามบทนิยามดังกล่าว ค่าว่า “เงินได้พึงประเมิน” ได้แก่ 1. เงินที่ได้รับ เงินตราไทย หรือเงินตราต่างประเทศ 2. ทรัพย์สินที่ได้รับ ซึ่งอาจค่านวณเป็นตัวเงินได้ เช่น ค่าเช่าที่นาที่ได้รับเป็นข้าวเปลือก บ้านหรือ รถยนต์ ได้รับจากการชิงโชค เป็นต้น 3. ประโยชน์อย่างอื่นที่ได้รับ ซึ่งอาจคิดค่านวณได้เป็นเงินได้ เช่น ลูกจ้างได้รับสิทธิในการอยู่บ้านฟรี จากนายจ้าง 4. เงินค่าภาษีอากรที่ผู้จ่ายเงินหรือผู้อื่นออกให้ เช่น นายจ้างจ่ายค่าจ้างให้ลูกจ้างและช่าระภาษีหัก ณ ที่จ่ายแทนให้ด้วย 5. เครดิตภาษีเงินปันผล หรือเงินส่วนแบ่งก่าไรในส่วนที่ผู้จ่ายเงินได้จ่ายภาษให้กรมสรรพากร ใน ส่วนของการเสียภาษีจากก่าไรสุทธิแล้ว ซึ่งเงินปันผลที่เรา(ผู้มีเงินได้)ได้รับเป็นก่าไรสุทธิ(หลังหักภาษีเงินได้นิติ บุคคล) เนื่องจากผู้มีเงินได้ประกอบอาชีพแตกต่างกัน เพื่อให้การก่าหนดค่าใช้จ่ายส่าหรับเงินได้พึงประเมินมี ความใกล้เคียงกันและเป็นธรรม ในการค่านวณภาษี จึงได้จ่าแนกเงินได้พึงประเมินตามลักษณะของการได้มา แบ่งออกเป็น 8 ประเภท ตามที่ก่าหนดไว้ในมาตรา 40 แห่งประมวลรัษฎากร ตามความเหมาะสม ดังนี้ 1. เงินได้ประเภทที่ 1 หรือมาตรา 40(1) ได้แก่ เงินได้เนื่องจากการจ้างแรงงาน ไม่ว่าจะเป็น 1.1 เงินเดือน ค่าจ้าง เบี้ยเลี้ยง โบนัส เบี้ยหวัด บ่าเหน็จ บ่านาญ 1.2 เงินค่าเช่าบ้านที่ได้รับจากนายจ้าง 1.3 เงินที่ค่านวณได้จากมูลค่าของการได้อยู่บ้าน ซึ่งนายจ้างให้อยู่โดยไม่เสียค่าเช่า 1.4 เงินที่นายจ้างจ่ายช่าระหนี้ใด ๆ ซึ่งลูกจ้างมีหน้าที่ต้องช่าระ 1.5 เงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์ใด ๆ บรรดาที่ได้เนื่องจากการจ้างแรงงาน เช่น มูลค่าของ การได้รับประทานอาหาร เป็นต้น ตัวอย่าง นางสาวมนตระกาลท่างานที่บริษัท มหานคร จ่ากัด ได้รับเงินเดือนเดือนละ 20,000 บาท นายจ้างจ่ายค่าเช่าบ้านให้เดือนละ 3,000 บาท และได้รับโบนัสประจ่าปี 100,000 บาท ดังนั้นนางสาวมนตระ กาลมีเงินได้พึงประเมินประเภทที่ 1 หรือมาตรา 40(1) รวมทั้งสิ้น 376,000 บาท (เงินเดือน 240,000 บาท ค่า เช่าบ้าน 36,000 และโบนัส 100,000 บาท) 2. เงินได้ประเภทที่ 2 หรือมาตรา 40(2) ได้แก่ เงินได้เนื่องจากหน้าที่หรือต่าแหน่งงานที่ท่า หรือจาก การรับท่างานให้ ไม่ว่าจะเป็น 2. ประเภทของเงินได้พึงประเมิน


12 2.1 ค่าธรรมเนียม ค่านายหน้า ค่าส่วนลด 2.2 เงินอุดหนุนในงานที่ท่า เบี้ยประชุม บ่าเหน็จ โบนัส 2.3 เงินค่าเช่าบ้านที่ได้รับเนื่องจากหน้าที่หรือต่าแหน่งงานที่ท่า หรือจากการรับท่างานให้ 2.4 เงินที่ค่านวณได้จากมูลค่าของการได้อยู่บ้าน ที่ผู้จ่ายเงินได้ให้อยู่โดยไม่เสียค่าเช่า 2.5 เงินที่ผู้จ่ายเงินได้จ่ายช่าระหนี้ใด ๆ ซึ่งผู้มีเงินได้มีหน้าที่ต้องช่าระ 2.6 เงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์ใด ๆ บรรดาที่ได้เนื่องจากหน้าที่หรือต่าแหน่งงานที่ท่าหรือ จากการรับท่างานให้นั้น ไม่ว่าหน้าที่หรือต่าแหน่งงาน หรืองานที่รับท่าให้นั้นจะเป็นการประจ่าหรือชั่วคราว ตัวอย่าง นางสาวเดือนเด่นเป็นกรรมการบริษัท สุขเกษม จ่ากัด ได้รับเงินค่าตอบแทนจากต่าแหน่ง กรรมการบริษัท จ่านวน 400,000 บาท ดังนั้นนางสาวเดือนเด่นมีเงินได้พึงประเมินประเภทที่ 2 หรือมาตรา 40(2) เงินได้จากต่าแหน่งงานที่ท่าจ่านวน 400,000 บาท 3. เงินได้ประเภทที่ 3 หรือมาตรา 40(3) ได้แก่ ค่าแห่งกู๊ดวิลล์ค่าแห่งลิขสิทธิ์หรือสิทธิอย่างอื่น เงินปี หรือเงินได้ที่มีลักษณะ เป็นเงินรายปีอันได้มาจากพินัยกรรม นิติกรรมอย่างอื่น หรือค่าพิพากษาของศาล ตัวอย่างที่ 1 นายมนตรีได้รับเงินค่าลิขสิทธิ์จากการประพันธ์เพลงทั้งปี 200,000 บาท ดังนั้นนาย มนตรีมีเงินได้พึงประเมินประเภทที่ 3 หรือมาตรา 40(3) ค่าแห่งลิขสิทธิ์จ่านวน 200,000 บาท ตัวอย่างที่ 2 นายศักดิ์สิทธิ์ได้รับเงินค่าเครื่องหมายการค้าจากการอนุญาตให้ผู้อื่นใช้เครื่องหมาย การค้าเป็นเวลา 5 ปีเป็นเงิน 500,000 บาท นายศักดิ์สิทธิ์มีเงินได้พึงประเมินประเภท ที่ 3 หรือมาตรา 40(3) ค่าแห่งสิทธิอย่างอื่น จ่านวน 500,000 บาท 4. เงินได้ประเภทที่ 4 หรือมาตรา 40(4) ได้แก่ ดอกเบี้ย เงินปันผล เงินส่วนแบ่งก่าไร เงินลดทุน เงิน เพิ่มทุน ผลประโยชน์ที่ได้จากการโอนหุ้น ฯลฯ เป็นต้น โดยแบ่งเป็นเงินได้ดังนี้ (ก) ดอกเบี้ยพันธบัตร ดอกเบี้ยเงินฝาก ดอกเบี้ยหุ้นกู้ ดอกเบี้ยตั๋วเงิน ดอกเบี้ยเงินกู้ยืม ไม่ว่าจะมี หลักประกันหรือไม่ ดอกเบี้ยเงินกู้ยืมที่อยู่ในบังคับต้องถูกหักภาษีไว้ ณ ที่จ่ายตามกฎหมายว่าด้วยภาษีเงินได้ ปิโตรเลียมเฉพาะส่วนที่เหลือจากถูกหักภาษีไว้ ณ ที่จ่ายตามกฎหมายดังกล่าว หรือผลต่างระหว่างราคาไถ่ถอน กับราคาจ่าหน่ายตั๋วเงินหรือตราสารแสดงสิทธิในหนี้ที่บริษัท หรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล หรือนิติบุคคลอื่น เป็น ผู้ออกและจ่าหน่ายครั้งแรกในราคาต่่ากว่าราคาไถ่ถอน รวมทั้งเงินได้ที่มีลักษณะท่านองเดียวกันกับดอกเบี้ย ผลประโยชน์หรือค่าตอบแทนอื่น ๆ ที่ได้จากการให้กู้ยืมหรือจากสิทธิเรียกร้องในหนี้ทุกชนิดไม่ว่าจะมี หลักประกันหรือไม่ก็ตาม (ข) เงินปันผล เงินส่วนแบ่งของก่าไร หรือประโยชน์อื่นใดที่ได้จากบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล กองทุนรวม หรือสถาบันการเงินที่มีกฎหมายไทยให้จัดตั้งขึ้นโดยเฉพาะส่าหรับให้กู้ยืมเงิน ฯลฯ (ค) เงินโบนัสที่จ่ายแก่ผู้ถือหุ้น หรือผู้เป็นหุ้นส่วนในบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล (ง) เงินลดทุนของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลเฉพาะส่วนที่จ่ายไม่เกินกว่าก่าไรและเงินที่กันไว้รวมกัน (จ) เงินเพิ่มทุนของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลซึ่งตั้งจากก่าไรที่ได้มาหรือรับช่วงกันไว้รวมกัน (ฉ) ผลประโยชน์ที่ได้จากการที่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลควบเข้ากันหรือรับช่วงกันหรือ เลิกกัน ซึ่งตีราคาเป็นเงินได้เกินกว่าเงินทุน


13 (ช) ผลประโยชน์ที่ได้จากการโอนการเป็นหุ้นส่วนหรือโอนหุ้น หุ้นกู้ พันธบัตร หรือตั๋วเงิน หรือ ตรา สารแสดงสิทธิในหนี้ ที่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล หรือนิติบุคคลอื่นเป็นผู้ออก ทั้งนี้เฉพาะซึ่งตีราคา เป็น เงินได้เกินกว่าที่ลงทุน เงินได้ประเภทที่ 4 หรือมาตรา 40(4) ในหลาย ๆ กรณี กฎหมายให้สิทธิที่จะเลือกเสียภาษีโดยวิธีหัก ภาษี ณ ที่จ่าย แทนการน่าไปรวมค่านวณกับเงินได้อื่นตามหลักทั่วไป ซึ่งจะท่าให้ผู้มีเงินได้ที่ต้องเสียภาษีตาม บัญชีอัตราภาษี ในอัตราที่สูงกว่าอัตราภาษี หัก ณ ที่จ่าย สามารถประหยัดภาษีได้ (ซ) เงินส่วนแบ่งของก ำไรหรือผลประโยชน์อื่นใดในลักษณะเดียวกันที่ได้จำกกำรถือหรือครอบครอง โทเคนดิจิทัล (ฌ) ผลประโยชน์ที่ได้รับจากการโอนคริปโทเคอร์เรนซีหรือโทเคนดิจิทัล ทั้งนี้เฉพาะซึ่งตีราคาเป็นเงิน ได้เกินกว่าที่ลงทุน มาตรา 47 ทวิ ให้ผู้มีเงินได้ตามมาตรา 40 (4) (ข) ซึ่งได้รับจากบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ ตั้งขึ้นตามกฎหมายไทยได้รับเครดิตในการค่านวณภาษีโดยให้น่าอัตราภาษีเงินได้ที่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติ บุคคลนั้นต้องเสีย หารด้วยผลต่างของหนึ่งร้อย ลบด้วยอัตราภาษีเงินได้ดังกล่าวนั้นได้ผลลัพธ์เท่าใดให้คูณด้วย จ่านวนเงินปันผลหรือส่วนแบ่งของก่าไรที่ได้รับ ผลลัพธ์ที่ได้เป็นเครดิตในการค่านวณภาษี ตัวอย่าง นางสาวสุขใจซื้อหุ้นสามัญของบริษัท สร้างสุข จ่ากัด 500,000 บาท (บริษัทเสียภาษีใน อัตราร้อยละ 20 ของก่าไรสุทธิประจ่าปี) ได้รับเงินปันผลประจ่าปี400,000 บาท ดังนั้นนางสาวสุขใจมีเงินได้ พึงประเมินประเภทที่ 4 หรือมาตรา 40(4) จ่านวน 50,000 บาท (เงินปันผล 40,000 บาท และเครดิตภาษีเงิน ปันผล 10,000 บาท) การค านวณเครดิตภาษีของเงินปันผล เครดิตภาษีเงินปันผล = เงินปันผลที่ได้รับ x อัตราภาษีนิติบุคคล 100 - อัตราภาษีเงินได้นิติบุคคล = 40,000 x 20 5. เงินได้ประเภทที่ 5 หรือมาตรา 40(5) เงินได้จากการให้เช่าทรัพย์สิน เงินหรือประโยชน์อย่างอื่น ที่ได้ เนื่องจาก 5.1 การให้เช่าทรัพย์สิน 5.2 การผิดสัญญาเช่าซื้อทรัพย์สิน 5.3 การผิดสัญญาซื้อขายเงินผ่อนซึ่งผู้ขายได้รับคืนทรัพย์สินที่ซื้อขายนั้นโดยไม่ต้องคืนเงินหรือ ประโยชน์ที่ได้รับไว้แล้ว ในกรณี (ก) ถ้าเจ้าพนักงานประเมินมีเหตุอันควรเชื่อว่าผู้มีเงินได้แสดงเงินได้ต่่าไป ไม่ถูกต้องตามความ เป็นจริง เจ้าพนักงานประเมินมีอ่านาจประเมินเงินได้ตามจ่านวนเงินที่ทรัพย์สินนั้นสมควรให้เช่าได้ตามปกติ ในกรณี (ข) (ค) ให้ถือว่าเงินหรือประโยชน์ที่ได้รับไว้แล้วแต่วันท่าสัญญาจนถึงวันผิดสัญญาทั้งสิ้น เป็น เงินได้พึงประเมินของปีที่มีการผิดสัญญานั้น 80 = 10,000


14 ตัวอย่าง นางนิภานันท์มีเงินได้จากการให้เช่าบ้าน 2 หลัง หลังละ 5,000 บาทต่อเดือน ดังนั้น นาง นิภานันท์ มีเงินได้พึงประเมินประเภทที่ 5 หรือมาตรา 40(5) เงินได้จากการให้เช่าทรัพย์สิน จ่านวน 120,000 บาท (5,000 x 2 หลัง x 12 เดือน) 6. เงินได้ประเภทที่ 6 ได้แก่ เงินได้จากวิชาชีพอิสระ คือวิชากฎหมาย การประกอบโรคศิลปะ วิศวกรรม สถาปัตยกรรม การบัญชี ประณีตศิลปกรรม หรือวิชาชีพอื่นซึ่งจะได้มีพระราชกฤษฎีกาก่าหนดชนิดไว้ สถาปัตยกรรม การบัญชี ประณีตศิลปกรรม รูปที่ 2.1 เงินได้จากวิชาชีพอิสระ ที่มา : https://www.google.com/search 2565 7. เงินได้ประเภทที่ 7 หรือมาตรา 40(7) ได้แก่ เงินได้จากการรับเหมาที่ผู้รับเหมาต้องลงทุนด้วยการ จัดหาสัมภาระ ในส่วนส่าคัญนอกจากเครื่องมือ ตัวอย่าง นายมงคลมีเงินได้จากการรับเหมาก่อสร้างที่ต้องจัดหาวัสดุก่อสร้างเองทั้งปี3,500,000 บาท และมีเงินได้จากการรับเหมาก่อสร้างที่รับเหมาเฉพาะค่าแรงทั้งปี1,000,000 บาท ดังนั้นนายมงคลมีเงิน ได้พึงประเมินประเภทที่ 2 หรือมาตรา 40(2) จ่านวน 1,000,000 บาท และมีเงินได้พึงประเมินประเภทที่ 7 หรือมาตรา 40(7) จ่านวน 3,500,000 บาท 8. เงินได้ประเภทที่ 8 หรือมาตรา 40(8) ได้แก่ เงินได้จากการธุรกิจ การพาณิชย์ การเกษตร การ อุตสาหกรรม การขนส่ง การขายอสังหาริมทรัพย์ หรือการอื่นนอกจากที่ระบุไว้ในประเภทที่ 1 หรือมาตรา 40(1) ถึงประเภทที่7 หรือมาตรา40(7) แล้ว ตัวอย่าง นางสาวกัญญารัตน์ มีเงินได้จากร้านอาหารทั้งปี 1,250,000 บาท และมีเงินได้จากร้าน ซักอบรีดทั้งปี 750,000 บาท ดังนั้นนางสาวกัญญากรมีเงินได้พึงประเมินประเภทที่ 8 หรือมาตรา 40(8) จ่านวน 2,000,000 บาท กฎหมาย การประกอบโรคศิลปะ(แพทย์) วิศวกรรม


15 ที่มา : http:www.taxbugnoms.com เงินได้พึงประเมินที่ได้รับยกเว้นภาษี คือ เงินได้ที่กฎหมายระบุไว้ชัดเจนว่าไม่อยู่ในข่ายต้องเสียภาษี เงินได้บุคคลธรรมดา ซึ่งมีหลายรายการโดยกระจายอยู่ตามกฎหมายฉบับต่าง ๆ เช่น ประมวลรัษฎากร กฎกระทรวง 1 และพระราชกฤษฎีกา เป็นต้น ท่าให้ไม่ต้องเสียภาษีเหมือน เงินได้ ทั่วไป โดยสรุปได้ดังนี้ 1. ค่าเบี้ยเลี้ยง หรือ ค่าพาหนะ ซึ่งลูกจ้างหรือผู้รับหน้าที่หรือต่าแหน่งงาน หรือผู้รับท่างาน ให้ได้จ่าย ไปโดยสุจริต ตามความจ่าเป็นเฉพาะในการที่ต้องปฏิบัติการตามหน้าที่ของตน และได้จ่ายไปทั้งหมด ในการนั้น 2. ค่าพาหนะและเบี้ยเลี้ยงเดินทางตามอัตราที่รัฐบาลก่าหนดโดยพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยอัตรา ค่าพาหนะและเบี้ยเลี้ยงเดินทาง 3. เงินค่าเดินทางซึ่งนายจ้างจ่ายให้แก่ลูกจ้าง เฉพาะส่วนที่ลูกจ้างได้จ่ายทั้งหมดโดยจ่าเป็น เพื่อการ เดินทางจากต่างถิ่นในการเข้ารับงานเป็นครั้งแรก หรือในการกลับถิ่นเดิมเมื่อการจ้างสิ้นสุดลงแล้ว แต่ ข้อยกเว้นนี้มิให้รวมถึงเงินค่าเดินทางที่ลูกจ้างได้รับในการย้ายกลับถิ่นเดิม และในการเข้ารับงานของนายจ้าง เดิมภายใน 365 วัน นับแต่วันที่การจ้างครั้งก่อนได้สิ้นสุดลง 4. ในกรณีที่นายจ้างและลูกจ้างได้ท่าสัญญากันโดยสุจริตก่อนใช้พระราชบัญญัติภาษีเงินได้ พุทธศักราช 2475 มีข้อก่าหนดว่า นายจ้างจะช่าระเงินบ่าเหน็จ เงินค่าธรรมเนียม เงินค่านายหน้า หรือเงิน โบนัส ให้แก่ลูกจ้างเป็นจ่านวนเดียวเมื่อการงานที่จ้างได้สิ้นสุดแล้ว แม้เงินเต็มจ่านวนนั้นจะได้ช่าระภายหลังที่ เงินได้พึงประเมิน 8 ประเภท ลงทุนกิจการ สร้างรายได้ แรงงานสร้างรายได้ ทรัพย์สินสร้างรายได้ ม.40(1) เงินเดือนตามสัญญา จ้างแรงงาน ม.40(2) ค่าจ้างทั่วไปจาก การรับท างานให้ ม.40(3) ลิขสิทธิ์ และทรัพย์สิน ทางปัญญา ม.40(4) ดอกเบี้ย เงินปันผล ม.40(5) ค่าเช่าทรัพย์สิน ม.40(6) วิชาชีพอิสระ 6 วิชาชีพ ม.40(7) รับเหมา(แรงงาน+ค่าของ) ม.40(8) เงินได้ประเภทอื่น นอกเหนือจาก 1-7 สรุปเงินได้พึงประเมิน 8 ประเภท 3. เงินได้พึงประเมินที่ได้รับการยกเว้น


16 ใช้ บทบัญญัติในส่วนนี้ก็ดี เงินบ่าเหน็จ เงินค่าธรรมเนียม เงินค่านายหน้า หรือเงินโบนัส ส่วนที่เป็นค่าจ้าง แรงงาน อันได้ท่าในเวลาก่อนใช้พระราชบัญญัติภาษีเงินได้ พุทธศักราช 2475 นั้น ไม่ต้องรวมค่านวณเพื่อเสีย ภาษีเงินได้ 5. เงินเพิ่มพิเศษประจ่าต่าแหน่ง และเงินค่าเช่าบ้าน หรือบ้านที่ให้อยู่โดยไม่ต้องเสียค่าเช่าส่าหรับ ข้าราชการสถานทูต หรือสถานกงสุลไทยในต่างประเทศ 6. เงินได้จากการขาย หรือส่วนลดจากการซื้ออากรแสตมป์หรือแสตมป์ ไปรษณียากรของรัฐบาล 7. เบี้ยประชุมกรรมาธิการหรือกรรมการ หรือค่าสอน ค่าสอบที่ทางราชการหรือสถานศึกษาของทาง ราชการจ่ายให้ 8. ดอกเบี้ย ดอกเบี้ยที่ได้รับยกเว้นภาษี ได้แก่ ดอกเบี้ยดังต่อไปนี้ (1) ดอกเบี้ยสลากออมสิน หรือดอกเบี้ยเงินฝากออมสินของรัฐบาลเฉพาะประเภท ฝากเผื่อเรียก (2) ดอกเบี้ยเงินฝากประเภทออมทรัพย์ที่ได้รับจากสหกรณ์ (3) ดอกเบี้ยเงินฝากธนาคารในราชอาณาจักรที่ต้องจ่ายคืนเมื่อทวงถามประเภท ออมทรัพย์เฉพาะ กรณีที่ผู้มีเงินได้ได้รับดอกเบี้ยดังกล่าวในจ่านวนรวมกันทั้งสิ้นไม่เกิน 10,000 บาท ตลอดปีภาษีนั้น ทั้งนี้ ตาม หลักเกณฑ์วิธีการและเงื่อนไขที่อธิบดี ประกาศ(มาตรา 42(8)) (4) ดอกเบี้ยเงินฝากที่เกิดจากการฝากเงินกับธนาคารในประเทศไทยและจากสหกรณ์ออมทรัพย์ ตามกฎหมายว่าด้วยสหกรณ์ในประเทศ เป็นรายเดือนติดต่อกันมีระยะเวลาไม่น้อยกว่า 24 เดือน นับแต่ วันที่ฝาก โดยมียอดเงินฝากแต่ละคราวเท่ากันแต่ไม่เกิน 25,000 บาทต่อเดือนและรวมทั้งหมดแล้วต้องไม่เกิน 600,000 บาท 9. การขายสังหาริมทรัพย์อันเป็นมรดก หรือสังหาริมทรัพย์ ที่ได้มาโดยมิได้มุ่งในทางการค้าหรือหาก่าไร แต่ ไม่รวมถึงเรือก่าปั่น เรือที่มีระวางตั้งแต่ 6 ตันขึ้นไป เรือกลไฟหรือเรือยนต์ที่มีระวางตั้งแต่ 5 ตันขึ้นไปหรือแพ 10. เงินได้ที่ได้รับจากการอุปการะโดยหน้าที่ธรรมจรรยา เงินได้ที่รับจากการรับมรดก หรือจากการ ให้โดยเสน่หาเนื่องในพิธี หรือตามโอกาสแห่งขนบธรรมเนียมประเพณี(พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 40) พ.ศ.2558) 11. รางวัลเพื่อการศึกษาหรือค้นคว้าในวิทยาการ รางวัลสลากกินแบ่งหรือสลากออมสิน ของรัฐบาล รางวัลที่ทางราชการจ่ายให้ในการประกวดหรือแข่งขัน ซึ่งผู้รับมิได้มีอาชีพในการประกวดหรือแข่งขัน หรือ สินบนรางวัลที่ทางราชการจ่ายให้เพื่อประโยชน์ในการปราบปรามการกระท่าความผิด 12. บ่านาญพิเศษ บ่าเหน็จพิเศษ บ่านาญตกทอด หรือบ่าเหน็จตกทอด 13. ค่าสินไหมทดแทน เพื่อละเมิด เงินที่ได้จากการประกันภัยหรือการฌาปนกิจสงเคราะห์ 14. เงินส่วนแบ่งก่าไรจากห้างหุ้นส่วนสามัญ หรือคณะบุคคลที่มิใช่นิติบุคคลซึ่งต้องเสียภาษี ตามบทบัญญัติในส่วนนี้ แต่ไม่รวมถึงเงินส่วนแบ่งของก่าไรจากกองทุนรวม 15. เงินได้ของชาวนาที่ได้จากการขายข้าว อันเกิดจากกสิกรรมที่ตนและหรือครอบครัว ได้ท่าเอง 16. เงินได้ที่ได้รับจากกองมรดกซึ่งได้เสียภาษีเงินได้ไว้ในนามของกองมรดกแล้ว 17. รางวัลสลากบ่ารุงกาชาดไทย เงินได้จากการขายหรือส่วนลดจากการซื้อสลากบ่ารุง กาชาดไทย 18. ดอกเบี้ยที่ได้รับจากการคืนเงินภาษีอากรตามประมวลรัษฎากร 19. เงินได้ที่เป็นเงินปันผลหรือเงินเฉลี่ยคืนที่สหกรณ์จ่ายให้แก่สมาชิก 20. เงินปันผลที่ได้จากบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ประกอบการขนส่งทางทะเลและ ถือ กรรมสิทธิ์ เรือไทย หรือที่ประกอบกิจการอู่เรือที่ได้รับสิทธิประโยชน์ตาม พ.ร.บ. ส่งเสริมการ พาณิชยนาวี พ.ศ.2521 ซึ่งจะได้รับยกเว้นภาษีเงินได้ก็ต่อเมื่อได้ตราเป็นพระราชกฤษฎีกาตามประมวลรัษฎากรแล้ว


17 21. เงินได้จากการขายหน่วยลงทุนในกองทุนรวม 22. เงินได้ของกองทุนรวม 23. เงินประโยชน์ทดแทนที่ผู้ประกันตน ได้รับจากกองทุนประกันสังคมตามกฎหมายว่าด้วย การประกันสังคม 24. เงินได้จากกิจการโรงเรียนราษฎร์ (โรงเรียนเอกชน) แต่ไม่รวมถึงเงินได้จากการขายของ การ รับจ้างท่าของหรือการให้บริการอื่นใดที่โรงเรียนราษฎร์ ซึ่งเป็นโรงเรียนอาชีวศึกษาได้รับจากผู้ซึ่งมิใช่นักเรียน 25. เงินได้จากการจ่าหน่ายหรือส่วนลดจากการจ่าหน่ายสลากกินแบ่งของรัฐบาล 26. เงินได้ส่วนที่เป็นค่าจ้างการท่างานในระหว่างเวลาปิดภาคการศึกษาของคนต่างด้าว ซึ่งเป็น นักเรียน นักศึกษา หรือนิสิตที่เข้ามาศึกษา ณ สถานศึกษาในประเทศไทย ทั้งนี้ ให้เป็นไปตามหลักถ้อยทีถ้อย ปฏิบัติต่อกัน 27. เงินได้ส่วนที่เป็น ค่ารักษาพยาบาล 28. เงินได้ที่ทางราชการจ่ายให้เป็นเงินค่าเช่าบ้าน หรือเงินที่ค่านวณได้จากมูลค่าของการได้ อยู่บ้าน ที่ให้อยู่โดยไม่เสียค่าเช่า เงินช่วยการศึกษาบุตร เงินช่วยเหลือบุตร เงินค่าเบี้ยกันดาร เงินยังชีพหรือ เงิน ค่าอาหารท่าการนอกเวลา 29. เงินค่าเช่าบ้านที่ได้รับจากรัฐวิสาหกิจ ซึ่งมิใช่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลเท่าที่ผู้มี เงินได้ได้ จ่ายไปโดยสุจริตตามความเป็นจริง หรือเงินที่ค่านวณได้จากมูลค่าของการได้อยู่บ้านที่รัฐวิสาหกิจดังกล่าวให้อยู่ โดยไม่ต้องเสียค่าเช่าและรัฐวิสาหกิจผู้จ่ายเงินมิได้ออกค่าภาษีเงินได้ส่าหรับเงินได้จ่านวนดังกล่าวให้ 30. เงินช่วยการศึกษาบุตร เงินช่วยเหลือบุตร เงินค่าเบี้ยกันดารหรือเงินยังชีพที่ได้รับจาก รัฐวิสาหกิจ ซึ่งมิใช่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลในอัตราเดียวกับที่ทางราชการให้แก่ข้าราชการและรัฐวิสาหกิจผู้จ่ายเงิน มิได้ออกค่าภาษีเงินได้จ่านวนดังกล่าวให้ 31. รางวัลที่ทางราชการจ่ายให้เพื่อประโยชน์ในการป้องกันมิให้มีการกระท่าความผิดเกี่ยวกับภาษีอากร 32. ดอกเบี้ยเงินสะสมที่ได้รับจากรัฐวิสาหกิจ ซึ่งมิใช่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลในอัตราเดียวกับ ที่ทางราชการจ่ายให้แก่ข้าราชการและรัฐวิสาหกิจผู้จ่ายเงินมิได้ออกค่าภาษีเงินได้จ่านวนดังกล่าวให้ 33. เงินได้ที่เจ้าหน้าที่ของรัฐบาลต่างประเทศ ซึ่งปฏิบัติหน้าที่ในประเทศไทยได้รับจากรัฐบาลของตน ทั้งนี้ โดยให้เป็นไปตามหลักถ้อยทีถ้อยปฏิบัติต่อกัน 34. เงินได้ส่วนที่เป็นเงินเดือนและเงินใด ๆ บรรดาที่ได้เนื่องจากหน้าที่หรือต่าแหน่งงานที่ท่าหรือจาก การรับท่างานให้ที่คนต่างด้าวซึ่งเป็นผู้แทนของคณะกรรมการกาชาดระหว่างประเทศปฏิบัติหน้าที่ในประเทศ ไทยได้รับจากคณะกรรมการกาชาดระหว่างประเทศ 35. ดอกเบี้ยเงินฝากสหกรณ์เฉพาะเงินฝากที่ต้องจ่ายคืนเมื่อทวงถามประเภทออมทรัพย์ ซึ่งใช้สมุดคู่ ฝากในการฝากถอน 36. เงินได้ที่ทางราชการจ่ายให้เพื่อประโยชน์ในการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักรและ กระทรวงการคลังได้อนุญาตให้เบิกจ่ายได้ 37. เงินได้ส่วนที่เป็นเงินเดือนหรือค่าจ้างและเงินใด ๆ บรรดาที่ได้เนื่องจากหน้าที่หรือต่าแหน่งงานที่ ท่าหรือจากการรับท่างานให้ที่คนต่างด้าวซึ่งไม่มีถิ่นที่อยู่ในประเทศไทยได้รับจาก (1) คณะกรรมการระหว่างรัฐบาลเกี่ยวกับการโยกย้ายถิ่นฐานในการปฏิบัติงานในประเทศไทย (2) รัฐบาลแห่งประเทศของตนใน การปฏิบัติงานเกี่ยวกับการช่วยเหลือผู้อพยพจากอินโดจีนใน ประเทศไทย


18 38. เงินได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์อันเป็นมรดกหรืออสังหาริมทรัพย์ที่ได้รับจากการ ให้โดย เสน่หาที่ตั้งอยู่นอกเขตกรุงเทพมหานคร เทศบาล สุขาภิบาล หรือเมืองพัทยาหรือการปกครองท้องถิ่นอื่นที่มี กฎหมายจัดตั้งขึ้นโดยเฉพาะ ทั้งนี้ เฉพาะเงินได้จากการขายในส่วนที่ไม่เกิน 200,000 บาท ตลอดปีภาษีนั้น 39. เงินได้จากการโอนกรรมสิทธิ์หรือสิทธิครอบครองในอสังหาริมทรัพย์ให้แก่บุตรโดยชอบด้วย กฎหมายของตนโดยไม่มีค่าตอบแทน บุตรชอบด้วยกฎหมายดังกล่าวไม่รวมถึงบุตรบุญธรรมด้วย 40. เงินได้จากการขายสินค้ายาสูบที่โรงงานยาสูบ กระทรวงการคลังได้เสียภาษีเงินได้แทน ผู้ขาย สินค้าดังกล่าวทุกทอดตามมาตรา 48 ทวิ แห่งประมวลรัษฎากร 41. ดอกเบี้ยพันธบัตรขององค์การของรัฐบาลหรือสถาบันการเงินที่มีกฎหมายโดยเฉพาะของประเทศ ไทยจัดตั้งขึ้นส่าหรับให้ยืมเงินเพื่อส่งเสริมเกษตรกรรม พาณิชยก รรมหรืออุตสาหกรรม ทั้งนี้ เฉพาะพันธบัตรที่ จ่าหน่ายในต่างประเทศและผู้มีเงินได้พึงประเทศนั้นมิได้เป็นผู้อยู่ในประเทศไทย 42. ดอกเบี้ยเงินฝากประเภทออมทรัพย์ของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร 43. เงินได้จากการขายหลักทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย แต่ไม่รวมถึงเงินได้ จากการ ขายหลักทรัพย์ที่เป็นหุ้นกู้หรือพันธบัตร 44. เงินได้จากการโอนกรรมสิทธิ์หรือสิทธิครอบครองในอสังหาริมทรัพย์ โดยไม่มี ค่าตอบแทนให้แก่ มูลนิธิชัยพัฒนา 45. เงินได้จากการโอนกรรมสิทธิ์หรือสิทธิครอบครองในอสังหาริมทรัพย์ โดยไม่มี ค่าตอบแทนให้แก่ มูลนิธิส่งเสริม ศีลปาชีพในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมนา ชินีนาถ 46. เงินค่าทดแทนตามกฎหมายว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ ทั้งนี้ เฉพาะที่ดินที่ต้องเวนคืน และอสังหาริมทรัพย์อื่นบนที่ดินที่ต้องเวนคืน 47. เงินได้พึงประเมินดังต่อไปนี้ (1) ผลต่างระหว่างราคาไถ่ถอนกับราคาซื้อตั๋วเงินหรือตราสารแสดงสิทธิในหนี้ใด ๆ ที่บริษัทหรือ ห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลหรือนิติบุคคลอื่นเป็นผู้ออกและมีการจ่าหน่ายครั้งแรกในราคาต่่ากว่าราคา ไถ่ถอน แต่ไม่ รวมถึงกรณีที่ผู้มีเงินได้ซึ่งเป็นผู้มีหน้าที่เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาเป็นผู้ทรงคนแรก (2) ผลประโยชน์ที่ได้จากการโอนตั๋วเงินหรือตราสารแสดงสิทธิในหนี้ใด ๆ ที่บริษัทหรือห้าง หุ้นส่วนนิติบุคคลหรือนิติบุคคลอื่นเป็นผู้ออก ทั้งนี้ เฉพาะตั๋วเงินหรือตราสารแสดงสิทธิในหนี้ที่ไม่มี ดอกเบี้ย (3) ดอกเบี้ยที่ได้จากตั๋วเงินหรือตราสารแสดงสิทธิในหนี้ใด ๆ ที่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล หรือนิติบุคคลอื่นเป็นผู้ออก เฉพาะส่วนที่เกิดขึ้นก่อนการเป็นผู้ทรงตั๋วเงินหรือตราสารแสดงสิทธิในหนี้ของผู้มี เงินได้ ทั้งนี้ ต้องมีการหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย ตามมาตรา 50 (2) แห่งประมวลรัษฎากร จากดอกเบี้ย ดังกล่าว ทั้งจ่านวนไว้แล้ว 48. เงินได้ที่ผู้เชี่ยวชาญของประชาคมยุโรปที่เป็นคนต่างด้าวและไม่มีถิ่นที่อยู่ในประเทศไทยได้รับ เนื่องจากการเข้ามาท่างานในประเทศไทย ภายใต้โครงการความช่วยเหลือที่ประเทศไทยได้รับจากประชาคม ยุโรป 49. เงินได้จากการขายหน่วยลงทุนในกองทุนรวมที่จัดตั้งตามพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาด หลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 50. เงินได้ที่คณะกรรมการอ่านวยการปรับปรุงพระที่นั่งจักรีมหาปราสาทได้รับเพื่อประโยชน์ในการ สร้างพระที่นั่งองค์ใหม่และปรับปรุงพระที่นั่งจักรีมหาปราสาท 51. เงินได้ที่ค่านวณได้จากมูลค่าของเครื่องแบบซึ่งลูกจ้างได้รับจากนายจ้างในจ่านวนคนละ ไม่เกิน สองชุดต่อปีและเสื้อนอกในจ่านวนคนละไม่เกินหนึ่งตัวต่อปี


19 52. เงินได้เท่าที่ลูกจ้างจ่ายเป็นเงินสะสมเข้ากองทุนส่ารองเลี้ยงชีพ ตามกฎหมายว่าด้วยกองทุน ส่ารองเลี้ยงชีพในอัตราไม่เกินร้อยละ 15 ของค่าจ้างเฉพาะส่วนที่เกิน 10,000 บาท แต่ไม่เกิน 290,000 บาท ส่าหรับปี ภาษีนั้น 53. เงินหรือผลประโยชน์ใด ๆ ที่ลูกจ้างได้รับจากกองทุนส่ารองเลี้ยงชีพ ตามกฎหมายว่าด้วย กองทุน ส่ารองเลี้ยงชีพ เมื่อลูกจ้างออกจากงานเพราะเกษียณอายุ ทุพพลภาพหรือตายดังนี้ (1) กรณีเกษียณอายุลูกจ้างผู้นั้นต้องมีอายุไม่ต่่ากว่า 55 ปีบริบูรณ์ และเป็นสมาชิก กองทุน ส่ารองเลี้ยงชีพ มาแล้วไม่น้อยกว่า 5 ปี หรือ (2) กรณีทุพพลภาพ ต้องเป็นกรณีที่แพทย์ที่ทางราชการรับรองได้ตรวจและ แสดงความเห็นว่า ลูกจ้างผู้นั้นไม่สามารถที่จะท่างานในต่าแหน่งหน้าที่ซึ่งปฏิบัติอยู่นั้นต่อไป ไม่ว่าเหตุทุพพลภาพนั้นจะเกิด เนื่องจากการปฏิบัติงานให้แก่นายจ้างหรือไม่ก็ตาม (3) กรณีตาย ไม่ว่าการตายนั้นจะเกิดจากการปฏิบัติงานให้แก่นายจ้างหรือไม่ 54. เงินปันผลหรือเงินส่วนแบ่งของก่าไรจากบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ได้จากกิจการโรงเรียน เอกชนที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายว่าด้วยโรงเรียนเอกชนหรือกิจการสถาบันอุดมศึกษาเอกชนที่ตั้งขึ้น ตามกฎหมาย ว่าด้วยสถาบันอุดมศึกษาเอกชน ทั้งนี้ บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลดังกล่าวจะต้องมิได้ประกอบกิจการอื่น นอกจากกิจการโรงเรียนเอกชนตามกฎหมายว่าด้วยโรงเรียนเอกชนหรือกิจการสถาบันอุดมศึกษาเอกชนตาม กฎหมายว่าด้วยสถาบันอุดมศึกษาเอกชน 55. ดอกเบี้ยเงินฝากธนาคารในราชอาณาจักรที่ต้องจ่ายคืนเมื่อทวงถามประเภทออมทรัพย์ เฉพาะ กรณีที่ผู้มีเงินได้ได้รับดอกเบี้ยดังกล่าวในจ่านวนรวมกันทั้งสิ้นไม่เกิน 20,000 บาทตลอดปีภาษีนั้น 56. เงินได้ส่วนที่เป็นเงินเดือนหรือค่าจ้างที่คนประจ่าเรือได้รับเนื่องจากการปฏิบัติงาน บนเรือไทย ตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมการ พาณิชยนาวีที่ใช้ในการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ 57. เงินได้ที่คณะกรรมการบริหาร "ทุนการกุศลสมเด็จพระเทพฯ" ได้รับเพื่อประโยชน์ ของการกุศล สมเด็จพระเทพฯ 58. เงินได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์ ดังต่อไปนี้ (1) บ้าน โรงเรียน หรือสิ่งปลูกสร้างอื่น ซึ่งโดยปกติใช้ประโยชน์เพื่อเป็นที่อยู่อาศัย (2) อสังหาริมทรัพย์ตาม (1) พร้อมที่ดิน (3) ห้องชุดส่าหรับการอยู่อาศัยในอาคารชุดตามกฎหมายว่าด้วยอาคารชุด ทั้งนี้เฉพาะกรณีการท่าสัญญาซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ตาม (1) - (3) ซึ่งผู้มีเงินได้ใช้เป็นที่อยู่ อาศัยและมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านเป็นเวลา ไม่น้อยกว่า 1 ปี นับแต่วันที่ได้กรรมสิทธิ์ครอบครองใน อสังหาริมทรัพย์นั้น 59. ผลประโยชน์ที่ได้จากการควบเข้ากันของธนาคารตามกฎหมายว่าด้วยการธนาคารพาณิชย์ และ หรือบริษัทเงินทุน บริษัทหลักทรัพย์ หรือบริษัทเครดิตฟองซิเอร์ ตามกฎหมายว่าด้วยการประกอบธุรกิจเงินทุน ธุรกิจหลักทรัพย์ และธุรกิจเครดิตฟองซิเอร์ ซึ่งตีราคาเป็นเงินได้เกินกว่าเงินทุน 60. เงินได้เท่าที่สมาชิกกองทุนบ่าเหน็จบ่านาญข้าราชการจ่ายเป็นเงินสะสมเข้ากองทุนบ่าเหน็จ บ่านาญข้าราชการตามกฎหมายว่าด้วยกองทุนบ่าเหน็จบ่านาญข้าราชการ เฉพาะส่วนที่ไม่เกิน 300,000 บาท ส่าหรับปีภาษีนั้น 61. เงินหรือผลประโยชน์ใด ๆ ที่สมาชิกกองทุนบ่าเหน็จบ่านาญข้าราชการได้รับจากกองทุนบ่าเหน็จ บ่านาญข้าราชการตามกฎหมายว่าด้วยกองทุนบ่าเหน็จบ่านาญข้าราชการ เนื่องจากออกจากราชการ เพราะ เหตุสูงอายุ เหตุทุพพลภาพ เหตุทดแทน หรือตาย ดังนี้


20 (1) กรณีเหตุสูงอายุ (2) กรณีเหตุทุพพลภาพ ส่าหรับสมาชิกซึ่งออกจากราชการเพราะป่วย เจ็บ ทุพพลภาพ ซึ่งแพทย์ ที่ทางราชการรับรองได้ตรวจและแสดงความเห็นว่าไม่สามารถที่จะรับราชการในต่าแหน่งหน้าที่ซึ่งปฏิบัติอยู่นั้นต่อไป ได้ (3) กรณีเหตุทดแทน ส่าหรับสมาชิกซึ่งออกจากราชการเพราะทางราชการเลิก หรือ ยุบต่าแหน่ง หรือมีค่าสั่งให้ออกโดยไม่มีความผิดหรือทหารซึ่งออกจากกองหนุนเบี้ยหวัด (4) กรณีตาย ส่าหรับสมาชิกซึ่งออกจากราชการเพราะถึงแก่ความตายในระหว่าง รับราชการ 62. เงินได้ที่คณะกรรมการกองทุนลานกีฬาต้านยาเสพติด ส่านักนายกรัฐมนตรีได้รับเพื่อประโยชน์ ของกองทุนลานกีฬาต้านยาเสพติดดังกล่าว 63. ดอกเบี้ยพันธบัตรออมสิน รุ่นพันธบัตรเงินฝากช่วยชาติ 64. เงินได้ที่เป็นเงินเดือนหรือค่าตอบแทนที่เจ้าหน้าที่ของศูนย์วิจัยวนเกษตรนานาชาติซึ่งเป็นคน ต่างด้าวและไม่มีถิ่นที่อยู่ในประเทศไทย ได้รับจากศูนย์วิจัยวนเกษตรนานาชาติ เนื่องจากการเข้ามาท่างาน ใน ประเทศไทย ภายใต้ข้อตกลงระหว่างรัฐบาลไทยและศูนย์วิจัยวนเกษตรนานาชาติ 65. รางวัลบัตรออมทรัพย์ของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร 66. เงินได้จากการโอนกรรมสิทธิ์หรือสิทธิครอบครองในที่ดินโดยไม่มีค่าตอบแทนให้แก่ วัด วัด บาดหลวงโรมันคาทอลิค หรือมัสยิด ที่จัดตั้งขึ้นตามกฎหมายว่าด้วยการนั้น ทั้งนี้เฉพาะการโอนที่ดินส่วนที่ท่า ให้วัด วัด บาดหลวงโรมันคาทอลิค หรือมัสยิดมีที่ดินไม่เกินห้าสิบไร่ 67. ผลประโยชน์ที่ได้จากการที่ผู้ประกอบกิจการซึ่งเป็นบริษัทมหาชนจ่ากัด หรือบริษัทจ่ากัดควบเข้า กัน หรือโอนกิจการทั้งหมดให้แก่กันตามหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขที่อธิบดีกรมสรรพากรประกาศก่าหนด ซึ่งตีราคาเป็นเงินได้เกินกว่าเงินทุน 68. ค่าชดเชยที่ลูกจ้างได้รับตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองแรงงานและค่าชดเชยที่พนักงานได้รับ ตามกฎหมายว่าด้วยพนักงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ แต่ไม่รวมถึงค่าชดเชยที่ลูกจ้างหรือพนักงานได้รับเพราะเหตุ เกษียณอายุหรือสิ้นสุดสัญญาจ้าง ทั้งนี้ เฉพาะค่าชดเชยส่วนที่ไม่เกินค่าจ้างหรือเงินเดือนค่าจ้างของการท่างาน สามร้อยวันสุดท้าย แต่ไม่เกิน 300,000 บาท 69. เงินได้เท่าที่ได้จ่ายเป็นดอกเบี้ยเงินกู้ยืม ส่าหรับการกู้ยืมเงินเพื่อซื้อ เช่าซื้อ หรือสร้างอาคารที่อยู่ อาศัยโดยจ่านองอาคารที่ซื้อหรือสร้างเป็นประกันการกู้ยืมนั้น ตามจ่านวน ที่จ่ายจริงแต่ไม่เกิน 100,000 บาท ตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่อธิบดีก่าหนด ทั้งนี้เฉพาะที่จ่ายให้แก่ (1) กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์เพื่อแก้ไขปัญหาในระบบสถาบันการเงินที่จัดตั้งขึ้นตามกฎหมาย ว่าด้วยหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (2) กองทุนรวมเพื่อแก้ไขปัญหาในระบบสถาบันการเงินที่จัดตั้งขึ้นตามกฎหมาย ว่าด้วย หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (3) นิติบุคคลเฉพาะกิจซึ่งจัดตั้งขึ้นเพื่อด่าเนินการแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์ ตามกฎหมายว่า ด้วยนิติบุคคลเฉพาะกิจ เพื่อแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์ ทั้งนี้ เฉพาะกรณีที่นิติบุคคลเฉพาะกิจ ดังกล่าว เข้า รับช่วงสิทธิเป็นเจ้าหนี้เงินกู้แทนกองทุนรวมตาม (1) หรือ (2) ธนาคารหรือสถาบันการเงินอื่น บริษัทประกัน ชีวิต สหกรณ์หรือนายจ้าง 70. เงินได้เท่าที่ได้จ่ายเป็นดอกเบี้ยเงินกู้ยืมให้แก่ธนาคารหรือสถาบันการเงินอื่น บริษัทประกันชีวิต สหกรณ์ หรือนายจ้างส่าหรับการกู้ยืมเงินเพื่อซื้อเช่าซื้อ หรือสร้างอาคารที่อยู่อาศัยโดยจ่านองอาคาร ที่ซื้อหรือ


21 สร้างเป็นประกันการกู้ยืมนั้น ซึ่งรวมถึงอาคารพร้อมที่ดินด้วย เฉพาะส่วนที่เกิน 10,000 บาท แต่ไม่เกิน 40,000 บาท ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่อธิบดีก่าหนด 71. เงินได้เท่าที่ครูใหญ่หรือครูโรงเรียนเอกชนจ่ายเป็นเงินสมทบเข้ากองทุนสงเคราะห์ ตามกฎหมาย ว่าด้วยโรงเรียนเอกชนเฉพาะส่วนที่ไม่เกิน 300,000 บาท ส่าหรับปีภาษีนั้น 72. เงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 (1) (2) (6) (7) และ (8) แห่งประมวลรัษฎากร และเงินได้พึง ประเมินประเภทค่าแห่ง สิขสิทธิ์ที่มิได้รับโอนมาโดยทางมรดก เท่าที่ได้จ่ายเป็นค่าซื้อหน่วยลงทุนในกองทุน รวมเพื่อการเลี้ยงชีพตามกฎหมายว่าด้วยหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ในอัตราไม่เกินร้อยละ 15 ของเงินได้ ทั้งนี้เงินได้ที่ได้รับยกเว้นข้างต้น เมื่อรวมกับเงินสะสมที่จ่ายเข้ากองทุนส่ารองเลี้ยงชีพหรือกองทุนบ่าเหน็จ บ่านาญข้าราชการ ต้องไม่เกิน 500,000 บาทส่าหรับปีภาษีนั้น 73. เงินหรือผลประโยชน์ใด ๆ ที่ผู้ถือหน่วยลงทุนในกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพตามกฎหมายว่าด้วย หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ได้รับจากกองทุนรวมดังกล่าวเพราะเหตุสูงอายุ ทุพพลภาพ หรือตาย ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์ เงื่อนไข และวิธีการ ที่อธิบดีกรมสรรพากรก่าหนด 74. เงินหรือผลประโยชน์ใด ๆ ที่ครูใหญ่หรือครูโรงเรียนเอกชนได้รับจากกองทุนสงเคราะห์ตาม กฎหมายว่าด้วยโรงเรียนเอกชน เมื่อครูใหญ่หรือครูโรงเรียนเอกชนออกจากงานเพราะเหตุสูงอายุ ทุพพลภาพ หรือตาย ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์ เงื่อนไข และวิธีการที่อธิบดีกรมสรรพากรก่าหนด 75. ยกเว้นเงินปันผลที่ได้จากการถือหุ้นในบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล ซึ่งจัดตั้งขึ้นโดยมี วัตถุประสงค์เพื่อประกอบกิจการธุรกิจเงินร่วมลงทุน และได้รับยกเว้นภาษีเงินได้มาตรา 5 อัฏฐารส แห่งพระ ราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 10) พ.ศ.2500 ซึ่งแก้ไข เพิ่มเติมโดยพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 396) พ.ศ. 2545 76. ยกเว้นผลประโยชน์ที่ได้จากการโอนหุ้นของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลซึ่งจัดตั้งขึ้นโดยมี วัตถุประสงค์ เพื่อประกอบกิจการธุรกิจเงินร่วมลงทุน และได้รับยกเว้นภาษีเงินได้ตามมาตรา 5 อัฏฐารส แห่ง พระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 10) พ.ศ. 2500 ซึ่ง แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 396) พ.ศ. 2545 77. ยกเว้นเงินได้เท่าที่ได้จ่ายเป็นดอกเบี้ยเงินกู้ยืมให้แก่กองทุน บ่าเหน็จบ่านาญข้าราชการ ตาม กฎหมายว่าด้วยกองทุนบ่าเหน็จบ่านาญข้าราชการ ส่าหรับการกู้ยืมเงิน เพื่อซื้อ เช่าซื้อ หรือสร้างอาคารที่อยู่ อาศัย รวมถึงอาคารพร้อมที่ดินด้วย 78. ยกเว้นดอกเบี้ยและรางวัลสลากออมทรัพย์ของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร แต่ไม่รวมถึงดอกเบี้ย ซึ่งผู้รับมิใช่ผู้ทรงคนแรก ทั้งนี้ส่าหรับสลากออกทรัพย์ที่ออกจ่าหน่ายตั้งแต่วันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2545 เป็นต้นไป 79. ยกเว้นเงินได้เท่าที่ผู้มีเงินได้จ่ายเป็นเบี้ยประกันภัยในปีภาษีส่าหรับการประกันชีวิตของผู้มีเงินได้ ตามจ่านวนที่จ่ายจริงเฉพาะส่วนที่เกิน 100,000 บาท เฉพาะในกรณีที่กรมธรรม์ประกันชีวิตมีก่าหนดเวลา ตั้งแต่สิบปีขึ้นไป และการประกันชีวิตนั้นได้เอาประกันไว้กับผู้รับประกันภัยที่ประกอบกิจการประกันชีวิตใน ราชอาณาจักร ทั้งนี้ส่าหรับเบี้ยประกันที่ได้จ่ายตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2545 เป็นต้นไป และให้เป็นไปตาม หลักเกณฑ์และวิธีการที่อธิบดีก่าหนด 80. ยกเว้นเงินได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์ ดังต่อไปนี้ (ก) บ้าน โรงเรือน หรือสิ่งปลูกสร้างอื่นซึ่งโดยปกติใช้ประโยชน์เพื่อเป็นที่อยู่อาศัย (ข) อสังหาริมทรัพย์ (ก) พร้อมที่ดิน (ค) ห้องชุดส่าหรับการอยู่อาศัยในอาคารชุดตามกฎหมายว่าด้วยอาคารชุด


22 ทั้งนี้ เฉพาะส่าหรับกรณีการท่าสัญญาซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ซึ่งผู้มีเงินได้ใช้เป็นที่อยู่ อาศัยอันเป็นแหล่งส่าคัญ โดยมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านตามกฎหมายว่าด้วยการทะเบียนราษฎรเป็นเวลาไม่น้อย กว่าหนึ่งปี นับแต่วันที่ได้มาซึ่งกรรมสิทธิ์ครอบครองในอสังหาริมทรัพย์นั้น ตามหลักเกณฑ์วิธีการและเงื่อนไขที่ อธิบดีกรมสรรพากรก่าหนด 81. ยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาให้แก่บุคคลในคณะทูต คณะกงสุล และบุคคลที่ถือว่า อยู่ในคณะ ทูตตามความตกลง ทั้งนี้ ให้เป็นไปตามหลักถ้อยทีถ้อยปฏิบัติ 82. ยกเว้นภาษีเงินได้ส่าหรับการขาย แลกเปลี่ยน ให้โอนกรรมสิทธ์หรือสิทธิครอบครอง ใน อสังหาริมทรัพย์ให้แก่ส่วนราชการหรือรัฐวิสาหกิจที่มิใช่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล 83. ผู้มีเงินได้ที่ได้รับเงินได้พึงประเมินจากการขายอสังหาริมทรัพย์ตามมาตรา 4 (6) แห่งพระราช กฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการขายอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นทางค้าหรือหาก่าไร (ฉบับที่ 342) พ.ศ. 2541 ซึ่งได้ถูกหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่ายตามมาตรา 50 (5) แห่งประมวลรัษฎากร และได้เสียภาษี ธุรกิจเฉพาะไว้แล้ว 84. ผู้มีเงินได้ซึ่งอยู่ในประเทศไทย และได้รับเงินส่วนแบ่งของกองทุนรวมที่จัดตั้ง ตามพระราชบัญญัติ หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 และยอมให้ผู้จ่ายเงินได้นั้นหักภาษี ณ ที่จ่าย ตามมาตรา 50 (2) แห่งประมวลรัษฎากร ในอัตราร้อยละ 10 ของเงินได้ 85. ลดอัตราภาษีเงินได้ตามมาตรา 48(3)(ก) และคงจัดเก็บในอัตราร้อยละ 10 ของเงินได้ ส่าหรับเงิน ได้พึงประเมินที่เป็นดอกเบี้ยเงินฝากธนาคารในราชอาณาจักรประเภทเงินฝากประจ่า ทั้งนี้ ต้องเป็นไปตาม หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขตามที่ก่าหนด 86. ยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาส่าหรับเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 (4) (ก) แห่งประมวล รัษฎากร ดังต่อไปนี้ (1) ดอกเบี้ยเงินฝากที่ได้รับจากการฝากเงินกับธนาคารในประเทศ (2) ดอกเบี้ยเงินฝากที่ได้รับจากการฝากเงินกับสหกรณ์ออมทรัพย์ตามกฎหมายว่าด้วย สหกรณ์ ในประเทศ 87. เงินได้พึงประเมินหลังจากหักค่าใช้จ่ายและหักค่าลดหย่อนแล้ว โดยให้ยกเว้นเท่าจ่านวนเงินที่ บริจาคให้กองทุนปลูกป่าถาวรเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเนื่องในวโรกาสทรงครองราชย์ ปีที่ 50 88. เงินได้ส่าหรับเงินได้พึงประเมินเท่าจ่านวนเงินที่บริจาคในการจัดสร้างเครื่องทรง พระพุทธมหามณี รัตนปฏิมากร 89. เงินได้ที่ได้รับจากการปลดหนี้ หรือการประนอมหนี้ตามค่าขอประนอมหนี้หรือแผนฟื้นฟูกิจการ ของลูกหนี้ที่ศาลได้มีค่าสั่งเห็นชอบตามกฎหมายว่าด้วยล้มละลาย ยกเว้นภาษีเงินได้ส่าหรับเงินได้ที่ได้รับจาก การโอนทรัพย์สิน การขายสินค้าหรือการให้บริการและการกระท่าตราสารอันเนื่องมาจากการด่าเนินการ ตาม ค่าขอประนอมหนี้หรือแผนฟื้นฟูกิจการของลูกหนี้ที่ศาลได้มีค่าสั่งเห็นชอบตามกฎหมายว่าด้วยล้มละลาย 90. ภาษีเงินได้ส่าหรับเงินได้สุทธิจากการค่านวณภาษีเงินได้ตามมาตรา48(1) เฉพาะส่วนที่ ไม่เกิน 150,000 บาทแรก ส่าหรับปีภาษีนั้น 91. เงินได้ที่ได้รับจากการปลดหนี้ของสถาบันการเงินที่ด่าเนินการตามหลักเกณฑ์การปรับปรุง โครงสร้างหนี้ของสถาบันการเงินที่ธนาคารแห่งประเทศไทยก่าหนด


23 92. เงินได้ที่ได้รับจากการโอนทรัพย์สิน การขายสินค้า หรือการให้บริการ และการกระท่า ตราสารอัน เนื่องมาจากการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ของสถาบันการเงินที่ด่าเนินการตามหลักเกณฑ์การปรับปรุงโครงสร้าง หนี้ของสถาบันการเงินที่ธนาคารแห่งประเทศไทยก่าหนด 93. เงินได้ที่ได้รับจากการปลดหนี้ของเจ้าหนี้อื่นซึ่งปรับปรุงโครงสร้างหนี้โดยน่าหลักเกณฑ์ของ สถาบันการเงินที่ธนาคารแห่งประเทศไทยก่าหนดมาใช้โดยอนุโลม 94. เงินได้ที่ได้รับจากการโอนทรัพย์สิน การขายสินค้า หรือการให้บริการ และส่าหรับการกระท่าตรา สารอันเนื่องมากการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ของเจ้าหนี้อื่นโดยน่าหลักเกณฑ์ของสถาบันการเงิน ที่ธนาคารแห่ง ประเทศไทยก่าหนดมาใช้โดยอนุโลม 95. เงินได้ที่ได้รับยกเว้นตามกฎหมายอื่นในปัจจุบันมีพระราชบัญญัติส่งเสริมการลงทุน พ.ศ. 2520 ซึ่งยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาส่าหรับเงินได้ ดังต่อไปนี้ (1) เงินปันผลที่ได้รับจากกิจการที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุน ซึ่งได้รับยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล ให้ได้รับยกเว้นไม่ต้องน่ามารวมค่านวณเพื่อเสียภาษีเงินได้ตลอดระยะเวลาที่ผู้ได้รับการส่งเสริมได้รับยกเว้น ภาษีเงินได้นิติบุคคลนั้น 2) แห่งกู๊ดวิลล์ ค่าแห่งลิขสิทธิ์ หรือสิทธิอย่างอื่น จากผู้ได้รับการส่งเสริมตามสัญญาที่ ได้รับความ เห็นชอบจากคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนให้ได้รับยกเว้นไม่ต้องน่ามารวมค่านวณเพื่อเสียภาษีเงินได้มีก่าหนด ระยะเวลา 5 ปีนับแต่วันที่ผู้ได้รับการส่งเสริมมีรายได้จากการประกอบกิจการที่ได้รับการส่งเสริม 95. เงินได้จากการโอนกรรมสิทธิ์ในที่ดินให้แก่สถาบันอุดมศึกษาเอกชน และการบริจาค อสังหาริมทรัพย์ให้แก่สถาบันอุดมศึกษาเอกชน ตามพระราชบัญญัติสถาบันอุดมศึกษาเอกชน พ.ศ.2546 ทั้งนี้ ส่าหรับการโอนกรรมสิทธิ์ในที่ดินตั้งแต่วันที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2546 เป็นต้นไป 96. เงินได้จากการขายสุรากลั่นชุมชนของผู้ได้รับใบอนุญาตให้ท่าสุรากลั่นชุมชน ตามกฎหมายว่าด้วย สุรา จ่านวนไม่เกิน 2 ล้านบาทต่อปี เป็นเวลา 3 ปีนับแต่วันที่ได้รับอนุญาตให้ท่าสุรากลั่นชุมชนเฉพาะกรณีที่ ได้รับอนุญาตให้น่าสุรากลั่นชุมชนกายในวันที่ 31 ธันวาคม 2548 97. เงินได้ที่ได้จ่ายเป็นค่าใช้จ่ายเพื่อการได้มาซึ่งทรัพย์สินประเภทอุปกรณ์ที่มีผลต่อการประหยัด พลังงานเพื่อการปรับเปลี่ยนเทนอุปกรณ์เดิมเป็นจ่านวนร้อยละ 25 ของค่าใช้จ่ายนั้น เฉพาะในส่วนที่ไม่เกิน 50 ล้านบาท ส่าหรับเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 (5 (6) (7) หรือ (8) แห่งประมวลรัษฎากรโดยให้ยกเว้นตาม ส่วนเฉลี่ยเป็นจ่านวนเงินเท่ากันของจ่านวนเงินได้ที่ได้รับยกเว้นภาษี ส่าหรับระยะเวลา 5 ปีภาษี 98. เงินได้จากการโอนกรรมสิทธิ์หรือสิทธิครอบครองในอสังหาริมทรัพย์โดยไม่มีค่าตอบแทนให้แก่ สภากาชาดไทย 99. เงินได้ที่ผู้มีเงินได้ซึ่งเป็นผู้อยู่ในประเทศไทยและมีอายุไม่ต่่ากว่า 65 ปีบริบูรณ์ในปีภาษีได้รับ เฉพาะส่วนที่ไม่เกิน 190,000 บาทในปีภาษีนั้น ทั้งนี้ส่าหรับเงินได้ที่ได้รับตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2548 เป็นต้นไป โดยเป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่อธิบดีกรมสรรพากรประกาศก่าหนด 100. เงินที่มีลักษณะเดียวกับบ่าเหน็จด่ารงชีพ ตามกฎหมายว่าด้วยบ่าเหน็จบ่านาญข้าราชการและ กฎหมายว่าด้วยกองทุนบ่าเหน็จบ่านาญข้าราชการ ซึ่งพนักงานการท่าเรือแห่ง ประเทศไทย พนักงานการ รถไฟแห่งประเทศไทย และพนักงานธนาคารออมสิน ได้รับตั้งแต่วันที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2547 เป็นต้นไป โดยมี อัตราและวิธีการค่านวณเช่นเดียวกับบ่าเหน็จด่ารงชีพ ตามกฎหมายว่าด้วยบ่าเหน็จบ่านาญข้าราชการ และ กฎหมายว่าด้วยกองทุนบ่าเหน็จบ่านาญช้าราชการ 101. เงินได้ที่คณะกรรมการโครงการทุนเล่าเรียนหลวงส่าหรับพระสงฆ์ไทยได้รับเพื่อประโยชน์ของ โครงการทุนเล่าเรียนหลวงส่าหรับพระสงฆ์ไทย ทั้งนี้ตั้งแต่วันที่ 5 กุมภาพันธ์ พ ศ. 2547 เป็นต้นไป


24 102. เงินได้จากการชายสัญญาซื้อขายล่วงหน้า ตามาฎหมายว่าด้วยสัญญาซื้อขายล่วงหน้าซึ่งกระท่า ในศูนย์ซื้อขายสัญญาซื้อชายล่วงหน้า เฉพาะกรณีที่ไม่มีการส่งมอบสินค้า ทั้งนี้ส่าหรับเงินได้พึงประเมินที่ได้รับ ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน พ ศ 2548 เป็นต้นไป (กฎกระทรวง 260 พ.ศ. 2549) 103. เงินได้เท่าที่มีเงินได้จ่ายเป็นเบี้ยประกันภัยให้แก่บริษัทประกันชีวิตหรือบริษัทประกันวินาศภัย ที่ ประกอบกิจการในราชอาณาจักรตามจ่านวนที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 15,000 บาท ส่าหรับการประกันสุขภาพบิดามารดา ของผู้มีเงินได้ รวมทั้งบิดามารดาของสามีหรือภริยาของผู้มีเงินได้ซึ่งมีรายได้ไม่เพียงพอแก่การยังชีพ ทั้งนี้ต้อง เป็นเบี้ยประกันภัยที่ได้จ่ายในปี พ.ศ. 2549 เป็นนไป และให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่อธิบดี กรมสรรพากรก่าหนด(กฎกระทรวง 263 พ.ศ.2550) 104. เงินได้เท่าที่นายจ้างจ่ายเป็นเบี้ยประกันภัยให้แก่บริษัทประกันชีวิตหรือบริษัทประกันวินาศภัยที่ ประกอบกิจการในราชอาณาจักร ส่าหรับกรมธรรม์ประกันภัยกลุ่มที่มีก่าหนดเวลาไม่เกิน 1 ปี เฉพาะในส่วนที่ คุ้มครองค่ารักษาพยาบาลส่าหรับ (ก) ลูกจ้าง สามี ภริยา บุพการี หรือผู้สืบสันดานซึ่งอยู่ในความอุปการะเลี้ยงดูของลูกจ้างทั้งนี้ เฉพาะการรักษาพยาบาลในประเทศไทย (ข) ลูกจ้างในกรณีที่จ่าเป็นต้องได้รับการรักษาพยาบาลในต่างประเทศในขณะที่ปฏิบัติการตาม หน้าที่ในต่างประเทศเป็นครั้งคราว ทั้งนี้ส่าหรับเงินได้ที่ได้รับตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ 2549 เป็นต้นไป (กฎกระทรวง 263 พ.ศ. 2550) 105. เงินได้ของรัฐวิสาหกิจชุมชน ตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมวิสาหกิจชุมชน เฉพาะที่เป็นห้าง หุ้นส่วนสามัญหรือคณะบุคคลที่มิใช่นิติบุคคลซึ่งมีเงินได้ไม่เกิน 1,200,000 บาท ส่าหรับปีภาษีนั้นทั้งนี้ส่าหรับ เงินได้พึงประเมินที่ได้รับตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ ศ. 2551 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ 2553 และเป็นไปตาม หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่อธิบดีก่าหนด (กฎกระทรวง 266 พ.ศ. 2551) 106. การยกเว้นภาษีเงินได้ส่าหรับเงินได้เท่าที่ได้จ่ายเป็นค่าบริการให้แก่ผู้ประกอบธุรกิจน่าเที่ยวหรือ ที่ได้จ่ายเป็นค่าที่พักในโรงแรมให้แก่ผู้ประกอบธุรกิจโรงแรม ส่าหรับการเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศที่ได้ จ่ายไปในระหว่างวันที่ 8 มิถุนายน พ ศ 2553 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2553 ต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์ ดังต่อไปนี้ (1) เป็นผู้มีเงินได้ซึ่งมีหน้าที่เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา แต่ไม่รวมถึงหุ้นส่วนสามัญ หรือคณะบุคคลที่มิใช่นิติบุคคลให้ได้รับยกเว้นภาษีเงินได้ตามจ่านวนที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 15,000 บาท (2) กรณีผู้มีเงินได้ซึ่งมีสิทธิได้รับยกเว้นภาษีมีคู่สมรส เงินได้ที่ได้รับยกเว้นภาษี (1) กรณีสามีหรือภริยามีเงินได้ฝ่ายเดียวให้ยกเว้นภาษีให้แก่สามีหรือภริยาซึ่งเป็นผู้มีเงินได้ตาม จ่านวนที่ผู้มีเงินได้ได้จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 15,000 บาท (2) กรณีสามีภริยาต่างฝ่ายต่างมีเงินได้ โดยความเป็นสามีภริยาได้มีอยู่ตลอดปีภาษี และภริยา จะใช้สิทธิแยกยื่นรายการและเสียภาษีต่างหากจากสามีตามมาตรา 57 เบญจ แห่งประมวลรัษฎากรหรือไม่ก็ ตาม ให้สามีหรือภริยาซึ่งเป็นผู้มีเงินได้ต่างฝ่ายต่างได้รับยกเว้นภาษีตามจ่านวนที่จ่ายจริงแต่ไม่เกินคนละ 15,000 บาท ถ้าความเป็นสามีภริยามิได้มีอยู่ตลอดปีภาษีที่ได้รับยกเว้นภาษี ให้สามีภริยาซึ่งเป็นผู้มีเงินได้ต่าง ฝ่ายต่างได้รับยกเว้นภาษีตามจ่านวนที่จ่ายจริง แต่ไม่เกินคนละ 15,000 บาท - ผู้มีเงินได้ต้องมีหลักฐานการรับเงินจากผู้ประกอบธุรกิจน่าเที่ยวหรือผู้ประกอบ


25 ธุรกิจโรงแรม โดยระบุชื่อผู้มีเงินได้ จ่านวนเงิน วัน เดือนปี ที่จ่ายเงิน - การได้ยกเว้นภาษีเงินได้ตามประกาศนี้ ให้ผู้มีเงินได้มีสิทธิน่าเงินได้ที่ได้รับยกเว้นภาษีไป ค่านวณหักจากเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 แห่งประมวลรัษฎากร หลังจากหักค่าใช้จ่ายตามมาตรา 42 ทวิ ถึงมาตรา 46 แห่งประมวลรัษฎากรแล้ว ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 8 มิถุนายน พ.ศ. 2553 เป็นต้นไป ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่อธิบดีก่าหนด(ดูประกาศอธิบดีกรมสรรพากร) เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 187) 107. การยกเว้นเงินได้ที่ผู้มีเงินได้เป็นคนพิการ ผู้มีเงินได้เป็นคนพิการที่มีบัตรประจ่าตัวคนพิการตาม กฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ พ.ศ. 2550 ซึ่งเป็นผู้อยู่ในไทยและอายุไม่เกิน 65 ปีบริบูรณ์ ในปีภาษีได้รับเงินได้พึงประเมินตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2553 เป็นต้นไป ได้รับยกเว้นเงินได้จ่านวนเงิน 190,000 บาท โดยผู้มีเงินได้ดังกล่าวสามารถใช้สิทธิหักจากเงินได้ประเภทใดก็ได้ แต่สิทธิทั้งหมดรวมกันแล้วต้องไม่เกินคนละ 190,000 บาท ทั้งนี้ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่อธิบดีก่าหนด (ดูประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับ ภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 197)) 108. การยกเว้นเงินได้ส่าหรับผู้มีเงินได้ที่เป็นผู้ประสบอุทกภัย วาตภัย อัคคีภัย หรือภัยธรรมชาติอื่น เงินได้ที่รับยกเว้นไม่ต้องน่าไปรวมค่านวณเพื่อเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาต้องเป็นเงินได้ตามมาตรา 40 (5) (6) (7) หรือ (8) แห่งประมวลรัษฎากร ได้รับยกเว้นเฉพาะส่วนที่เท่ากับความเสียหายที่เกิดขึ้นตามที่ได้ ลงทะเบียนแจ้งรายการหรือมูลค่าความเสียหายไว้กับศูนย์หรือหน่วยงานให้ความช่วยเหลือของทางราชการ ทั้งนี้ที่เกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2554 เป็นต้นไป และให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการและ เงื่อนไขที่อธิบดีก่าหนด ดูประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 207) 109. การยกเว้นภาษีเงินได้ส่าหรับการซื้ออสังหาริมทรัพย์ที่เป็นอาคารพร้อมที่ดิน หรือห้องชุดเพื่อ เป็นที่อยู่อาศัย ยกเว้นภาษีเงินได้เท่าจ่านวนเงินที่จ่ายเป็นค่าซื้ออสังหาริมทรัพย์แต่ไม่เกินร้อยละสิบของมูลค่า อสังหาริมทรัพย์ที่เป็นอาคารพร้อมที่ดิน หรือห้องชุดในอาคารชุดที่มีมูลค่าไม่เกิน 5,000,000 บาท และต้อง เป็นการซื้อและจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ในอสังหาริมทรัพย์นั้นในระหว่างวันที่ 21 กันยายน 2554 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2555 ผู้มีเงินได้ต้องไม่เคยมีกรรมสิทธิ์ในอสังหาริมทรัพย์เป็นที่อยู่อาศัยมาก่อน หรือไม่มีชื่อเป็นหรือ เคยเป็นเจ้าบ้านในทะเบียนบ้านที่ใช้เป็นหลักฐาน และต้องใช้สิทธิยกเว้นภาษีครั้งแรกภายใน 5 ปีนับแต่วันที่จด ทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ และต้องใช้สิทธิเป็นเวลา 5 ปีภาษีต่อเนื่องกัน โดยให้ใช้สิทธิยกเว้นภาษีเป็นจ่านวนเท่าๆ กันในแต่ละปีภาษี ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตังแต่วันที่ 21 กันยายน 2554 เป็นต้นไป และให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่อธิบดีก่าหนด (ดูประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้(ฉบับที่ 213)) เงินได้พึงประเมินที่ได้รับการยกเว้น ในการค่านวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา กรมสรรพากรยกเว้น ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาตามมาตรา 42 แห่งประมวลรัษฎากร ยกเว้นตามกฎกระทรวง ฉบับที่ 162 และ ยกเว้นตามพระราชกฤษฎีกา ให้ผู้มีเงินได้น่าเงินที่ได้รับการยกเว้นภาษีไปหักออกจากเงินได้พึงประเมินก่อน น่าไปหักค่าใช้จ่ายและค่าลดหย่อน สรุปเงินได้พึงประเมินที่ได้รับการยกเว้น


เนื้อหา 1. ความหมายของค่าใช้จ่าย 2. วิธีการหักค่าใช้จ่าย 3. การหักค่าใช้จ่ายจากเงินได้พึงประเมิน สาระส าคัญ การค่านวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา กฎหมายก่าหนดให้ผู้มีเงินได้สามารถน่าค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องมา หักออกจากเงินได้พึงประเมิน ซึ่งการหักค่าใช้จ่ายส่าหรับเงินได้บางประเภทกฎหมายได้ก่าหนดให้หักค่าใช้จ่าย เป็นการเหมาตามอัตราที่ก่าหนดไว้ เงินได้พึงประเมินบางประเภทกฎหมายยอมให้หักค่าใช้จ่ายตามความ จ่าเป็นและสมควร หากผู้มีเงินได้สามารถแสดงหลักฐานต่อเจ้าพนักงานประเมินและพิสูจน์ได้ว่ามีค่าใช้จ่ายเกิน กว่ากฎหมายก่าหนดไว้ ผู้มีเงินได้จึงควรศึกษาวิธีการ ขั้นตอนการหักค่าใช้จ่ายจากเงินได้พึงประเมิน เพื่อ สามารถน่าไปปฏิบัติได้อย่างถูกต้อง สมรรถนะประจ าหน่วย 1. แสดงความรู้เกี่ยวกับค่าใช้จ่าย 2. ค่านวณการหักค่าใช้จ่ายของเงินได้พึงประเมิน เนื้อหาสาระ ใบความรู้หน่วยที่ 3 สอนครั้งที่ 4-5 หลักสูตร ประกาศนียบัตรวิชาชีพ(ปวช.)พุทธศักราช 2562 หน่วยที่ 3 วิชา การบัญชีภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา รหัส 20201-2005 ท-ป-น ( 1-4-3) รวม 10 ชม. ชื่อหน่วยการเรียนรู้การหักค่าใช้จ่าย จ่านวน 10 ชม. วิธีนี้เป็นการหักค่าใช้จ่ายเป็นการเหมาตาม อัตราร้อยละที่กฎหมายก่าหนด หรือเรียกสั้นๆ ว่า หักเหมา โดยไม่ต้องใช้หลักฐานค่าใช้จ่าย วิธีนี้เป็นวิธีการหักค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริง ตามหลักฐานหรือเรียกสั้นๆ ว่าหักตามจริง ซึ่งต้อวมีหลักฐานค่าใช้จ่ายตามด้วย การหักค่าใช้จ่าย เป็นการเหมา การหักค่าใช้จ่าย ตามความจ่าเป็นและสมควร ค่าใช้จ่าย หมายถึงค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการหาเงินได้หรือค่าใช้จ่ายที่เป็นเหตุที่มาแห่งเงินได้ หรือรายจ่ายที่สามารถให้ผลประโยชน์ทางภาษี การหักค่าใช้จ่ายแบ่งออกเป็น 2 วิธีคือ ความหมายของค่าใช้จ่าย วิธีการหักค่าใช้จ่าย


27 การหักค่าใช้จ่ายจากเงินได้พึงประเมินประเภทที่1 หรือมาตรา 40(1) และประเภทที่ 2 หรือมาตรา 40(2) มาตรา 42 ทวิ แห่งประมวลรัษฎากร บัญญัติไว้ว่า เงินได้พึงประเมินตามความในมาตรา 40 (1) และ มาตรา 40(2) ยอมให้หักค่าใช้จ่ายเป็นการเหมาได้ร้อยละ 50 แต่รวมกันต้องไม่เกิน 100,000 ดังนั้นหากมีเงินได้พึงประเมินประเภทที่ 1 และ 2 ต้องน่ามารวมกันก่อน แล้วจึงหักค่าใช้จ่ายเป็นการเหมาได้ ร้อยละ 50 แต่ไม่เกิน 100,000 บาท ตัวอย่าง นายไก่ด่ามีเงินได้จากการเป็นลูกจ้างบริษัทได้รับเงินเดือนทั้งปีเป็นเงิน 200,000 บาท นายไก่หักค่าใช้จ่าย ได้ร้อยละ 50% แต่ไม่เกิน 100,000 บาท (200,000 x 50%) เป็นเงิน 100,000 การหักค่าใช้จ่ายจากเงินได้พึงประเมินประเภทที่3 หรือมาตรา 40(3) เงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 (3) เฉพาะที่เป็นค่าแห่งกู๊ดวิลล์ค่าแห่งลิขสิทธิ์ หรือสิทธิอย่างอื่น ยอมให้หัก ค่าใช้จ่าย เป็นการเหมาได้ร้อยละ 50 แต่ต้องไม่เกิน 100,000 บาท ตัวอย่าง นายเวียงมีเงินได้จากค้าลิขสิทธิ์ในบทประพันธ์ 200,000 บาท เวียงจะหักค่าใช้จ่ายได้ร้อยละ 50% แต่ไม่เกิน 100,000 บาท (200,000 x 50%) เป็นเงิน 100,000 บาท การหักค่าใช้จ่ายจากเงินได้พึงประเมิน การหักค่าใช้จ่ายจากเงินได้พึงประเมินประเภทที่4 (4) ได้แก่ ดอกเบี้ย เงินปันผล ส่วนแบ่งก่าไร เงินโบนัสให้แก่ผู้ถือหุ้น กฎหมายไม่ยอมให้หักค่าใช้จ่ายใด ๆ ทั้งสิ้น ตัวอย่าง นายรักชาติมีเงินได้จากการเป็นลูกจ้างบริษัทได้รับเงินเดือนทั้งปีเป็นเงิน 300,000 บาท และนายรักชาติมี เงินได้จากค่านายหน้า 80,000 บาท นายรักชาติหักค่าใช้จ่ายได้ร้อยละ 50% แต่ไม่เกิน 100,000 บาท (380,000 x 50%) เป็นเงิน 100,000


28 การให้เช่าทรัพย์สิน กรณีผิดสัญญาเช่าซื้อทรัพย์สิน ให้หักค่าใช้จ่ายเป็นการเหมาร้อยละ 20 วิธีเดียว กรณีผิดสัญญาเช่าซื้อขายเงินผ่อน ซึ่งผู้ขายได้รับทรัพย์สินคืนมาโดยไม่ต้องคืนเงินหรือผลประโยชน์ที่ได้รับไว้แล้ว ให้หักค่าใช้จ่ายเป็นการเหมาร้อยละ 20 วิธีเดียว การหักคาใช้จ่ายจากเงินได้พึงประเมินประเภทที่5 หรือมาตรา 40 (5) 1. ถ้าเป็นบ้าน โรงเรือน สิ่งปลูกสร้างอย่างอื่นๆ หรือแพ หักได้ร้อยละ 30 2. ถ้าเป็นที่ดินที่ใช้ในการเกษตรกรรม หักได้ร้อยละ 30 3. ถ้าเป็นที่ดินที่มิได้ใช้ในการเกษตรกรรม หักได้ร้อยละ 15 4. ถ้าเป็นยานพาหนะในกรณีเจ้าของเป็นผู้ให้เช่า หักได้ร้อยละ 30 5. ถ้าเป็นทรัพย์สินอย่างอื่นๆ หักได้ร้อยละ 10 การหักค่าใช้จ่ายจากเงินได้พึงประเมินประเภทที่6 หรือมาตรา 40(6) เงินได้จากวิชาชีพอิสระ ผู้มีเงินได้มีสิทธิเลือกหักค่าใช้จ่ายจามความจ่าเป็นและสมควรหรือหักค่าใช้จ่าย เป็นการเหมา ค่าใช้จ่ายเหมากฎหมายก าหนดดังนี้ 1. เงินได้จากการประกอบโรคศิลปะ หักได้ร้อยละ 60 2. เงินได้จากการประกอบวิชาชีพอิสระอื่นๆ ได้แก่ กฎหมาย วิศวกรรม สถาปัตยกรรม การบัญชี ประณีตศิลปกรรม หักได้ร้อยละ 30 การหักค่าใช้จ่ายจากเงินได้พึงประเมินประเภทที่8 (8) เงินได้จากธุรกิจพาณิชย์ การเกษตร การอุตสาหกรรม การขนส่งหรือการอื่น ๆ นอกจากที่ระบุไว้ใน มาตรา 40(1) ถึง (7) พระราชฎีกา ฉบับที่ 629 พ.ศ. 2560 มาตรา 8 ก่าหนดไว้ว่า เงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 (8) แห่ง ประมวลรัษฎากร ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 10) พ.ศ. 2496 ยอมให้ หักค่าใช้จ่ายเป็นการเหมา ดังต่อไปนี้ การหักค่าใช้จ่ายจากเงินได้พึงประเมินประเภทที่7 (7) ได้แก่ เงินได้จากการรับเหมาซึ่งผู้รับเหมาต้องจัดหาสัมภาระในส่วนที่ส่าคัญ ผู้มีเงินได้จะเลือกหักค่าใช้จ่าย ตามความจ่าเป็นและสมควรหรือหักค่าใช้จ่ายเป็นการเหมา ร้อยละ 60


29 1. การเก็บค่าต๋งหรือค่าเกมจากการพนัน การแข่งขันหรือการเล่นต่าง ๆ ร้อยละ 60 2. การถ่าย ล้าง อัด หรือขยายรูป ภาพยนตร์ รวมทั้งการขายส่วนประกอบ ร้อยละ 60 3. การท่ากิจการคานเรือ อู่เรือหรือซ่อมเรือที่มิใช่ซ่อม เครื่องจักร เครื่องกล ร้อยละ 60 4. การท่ารองเท้าและเครื่องหนังแท้หนังเทียม รวมทั้งการขายส่วนประกอบ ร้อยละ 60 5. การตัด เย็บ ถัก ปักเสื้อผ้าหรือสิ่งอื่น ๆ รวมทั้งขายส่วนประกอบ ร้อยละ 60 6. การท่าตกแต่งหรือซ่อมแซมเครื่องเรือน รวมทั้งการขายส่วนประกอบ ร้อยละ 60 7. การท่ากิจการโรงแรม หรือภัตตาคาร หรือการปรุงอาหารหรือเครื่องดื่มจ่าหน่าย ร้อยละ 60 8. การดัด ตัด แต่งผม หรือตกแต่งร่างกาย ร้อยละ 60 9. การท่าสบู่ แชมพู หรือเครื่องส่าอาง ร้อยละ 60 10. การท่าวรรณกรรม ร้อยละ 60 11. การค้าเครื่องเงิน ทอง นาก เพชร พลอย หรืออัญมณีอื่น ๆ รวมทั้งการ ร้อยละ 60 12. การท่ากิจการสถานพยาบาลตามกฎหมายว่าด้วยสถานพยาบาลเฉพาะ ที่มีเตียงรับผู้ป่วยไว้ค้างคืน รวมทั้งการรักษาพยาบาลและการจ่าหน่ายยา ร้อยละ 60 13. การโม่หรือย่อยหิน ร้อยละ 60 14. การท่าป่าไม้ สวนยาง หรือไม้ยืนต้น ร้อยละ 60 15. การขนส่งหรือรับจ้างด้วยพานพาหนะ ร้อยละ 60 16. การท่าบล็อกและตรา การรับพิมพ์หรือเย็บสมุด เอกสาร รวมทั้ง การขายส่วนประกอบ ร้อยละ 60 17. การท่าเหมืองแร่ ร้อยละ 60 18. การท่าเครื่องดื่มตามกฎหมายว่าด้วยภาษีเครื่องดื่ม ร้อยละ 60 19. การท่าเครื่องกระเบื้อง เครื่องเคลือบ เครื่องซีเมนต์ หรือดินเผา ร้อยละ 60 20. การท่าหรือจ่าหน่ายกระแสไฟฟ้า ร้อยละ 60 21. การท่ากาวแป้งเปียกหรือสิ่งที่มีลักษณะท่านองเดียวกัน และการท่าแป้ง ชนิดต่าง ๆ ที่มิใช่เครื่องส่าอาง ร้อยละ 60 22. การท่าน้่าแข็ง ร้อยละ 60 23. การท่าลูกโป่ง เครื่องแก้ว เครื่องพลาสติก หรือเครื่องยางส่าเร็จรูป ร้อยละ 60 24. การซักรีดหรือย้อมสี ร้อยละ 60 25. การขายของนอกจากที่ระบุไว้ในข้ออื่น ร้อยละ 60 ที่มา :www.rd.go.th


30 ค่าใช้จ่าย หมายถึงค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการหาเงินได้ หรือค่าใช้จ่ายที่เป็นเหตุที่มาแห่งเงินได้ การหักค่าใช้จ่ายแบ่งออกเป็น 2 วิธี คือ 1. การหักค่าใช้จ่ายเป็นการเหมา เป็นการหักค่าใช้จ่ายเป็นการเหมาตามอัตราร้อยละที่กฎหมายก่าหนด 2. การหักค่าใช้จ่ายตามความจ่าเป็นและสมควร เป็นการหักค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริงตามหลักฐาน การหักค่าใช้จ่ายจากเงินได้พึงประเมิน ได้แก่ 1. การหักค่าใช้จ่ายจากเงินได้พึงประเมินประเภทที่ 1 และ 2 เงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40(1) และ (2) กฎหมายยอมให้หักค่าใช้จ่ายเป็นการเหมาได้ร้อยละ 50 แต่รวมกันต้องไม่เกิน 100,000 บาท 2. การหักค่าใช้จ่ายจากเงินได้พึ่งประเมินประเภทที่ 3 เงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40(3) เฉพาะ ที่เป็นค่าแห่งกู๊ดวิลส์ ค่าแห่งลิขสิทธิ์ หรือสิทธิอย่างอื่น กฎหมายยอมให้หักค่าใช้จ่ายเป็นการเหมาได้ร้อยละ 50 แต่ต้องไม่เกิน 100,000 บาท ผู้มีเงินได้สามารถเลือกหักค่าใช้จ่ายตามความจ่าเป็นและสมควรได้ส่าหรับเงินได้ ตามมาตรา 40 (3) อย่างอื่น กฎหมายไม่ยอมให้หักค่าใช้จ่าย 3. การหักค่าใช้จ่ายจากเงินได้พึงประเมินประเภทที่ 4 เงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40(4) กฎหมายไม่ยอมให้ หักค่าใช้จ่ายเลย และเฉพาะเงินได้ตามมาตรา 40 (4) (ข) เงินปันผลหรือส่วนแบ่งก่าไรที่ผู้มีเงินได้มีภูมิล่าเนาอยู่ในประเทศ ไทยหรือเป็นผู้อยู่ในประเทศไทยได้รับจากบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายไทย ให้บวกเครดิตภาษี 4. การหักค่าใช้จ่ายจากเงินได้พึงประเมินประเภทที่ 5 เงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40(5) กฎหมายยอมให้หักค่าใช้จ่ายดังนี้ (1) การให้เช่าทรัพย์สินกรณีเจ้าของเป็นผู้ให้เช่า (ก) บ้าน เรือน สิ่งปลูกสร้าง อย่างอื่นหรือแพ ให้หักค่าใช้จ่ายเป็นการเหมาร้อยละ 30 (ข) ที่ดินที่ใช้ในการเกษตรกรรม ให้หักค่าใช้จ่ายเป็นการเหมาร้อยละ 20 (ค) ที่ดินที่มิได้ใช้ในการเกษตรกรรม ให้หักค่าใช้จ่ายเป็นการเหมาร้อยละ 15 (ง) ยานพาหนะ ให้หักค่าใช้จ่ายเป็นการเหมาร้อยละ 30 (จ) ทรัพย์สินอย่างอื่น ให้หักค่าใช้จ่ายเป็นการเหมาร้อยละ 10 กรณีเจ้าของเป็นผู้ให้เช่า ผู้มีเงินได้สามารถเลือกหักค่าใช้จ่ายตามความจ่าเป็นและสมควรได้ กรณีให้เช่าช่วง ให้หักค่าใช้จ่ายเฉพาะค่าเช่าที่เสียให้แก่ผู้ห่าเดิมหรือผู้ให้เช่าช่วงแล้วแต่กรณี (2) การผิดสัญญาเช่าซื้อทรัพย์สิน ให้หักค่าใช้จ่ายเป็นการเหมาร้อยละ 20 (3) การผิดสัญญาซื้อขายเงินผ่อน ซึ่งผู้ขายได้รับคืนทรัพย์สินที่ซื้อขายนั้นโดยไม่ต้องคืนเงิน หรือประโยชน์ที่ได้รับไว้แล้ว ให้หักค่าใช้จ่ายเป็นการเหมาร้อยละ 20 5. การหักค่าใช้จ่ายจากเงินได้พึงประเมินประเภทที่ 6 เงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 (6) กฎหมายยอมให้หักค่าใช้จ่ายเป็นการเหมาได้ดังนี้ (1) เงินได้จากวิชาชีพอิสระ การประกอบโรคศิลปะ ให้หักค่าใช้จ่ายในการเหมาร้อยละ 60 (2) เงินได้จากวิชาชีพอิสระนอกจาก (1) ให้หักค่าใช้จ่ายเป็นการเหมาร้อยละ 30 ผู้มีเงินได้สามารถเลือกหักค่าใช้จ่ายตามความจ่าเป็นและสมควรได้ 6.การหักค่าใช้จ่ายจากเงินได้พึงประเมินประเภทที่ 7 เงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 (7)กฎหมายยอมให้หัก ค่าใช้จ่ายเป็นการเหมาร้อยละ 60ผู้มีเงินได้สามารถเลือกหักค่าใช้จ่ายตามความจ่าเป็นและสมควรได้ 7. การหักค่าใช้จ่ายจากเงินได้พึงประเมินประเภทที่ 8 เงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 (8) กฎหมาย ยอมให้หักค่าใช้จ่ายได้ตามที่ได้ก่าหนดโดยพระราชกฤษฎีกา หากมิได้มีพระราชกฤษฎีกา ก่าหนดไว้ ให้หัก ค่าใช้จ่ายตามความจ่าเป็นและสมควร และผู้มีเงินได้สามารถเลือกหักค่าใช้จ่ายตามความจ่าเป็นและสมควรได้ สรุป


เนื้อหา 1. ความหมายของค่าลดหย่อนและเงินได้สุทธิ 2. การหักค่าลดหย่อนกรณีต่าง ๆ สาระส าคัญ การค่านวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา กฎหมายก่าหนดให้ผู้มีเงินได้สามารถน่าค่าใช้จ่ายและค่า ลดหย่อนมาหักออกจากเงินได้พึงประเมินก่อนค่านวณภาษี ซึ่งการหักค่าใช้จ่ายเป็นค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการ หาเงินได้ แต่การหักค่าลดหย่อนเป็นการน่าค่าใช้จ่ายส่วนตัวของผู้มีเงินได้มาหักออกจากเงินได้หลังจากหัก ค่าใช้จ่าย กฎหมายยอมให้ผู้มีเงินได้หักค่าลดหย่อนได้เพื่อบรรเทาภาระในการเสียภาษีของผู้มีเงินได้ ผู้มีเงินได้ สามารถหักค่าลดหย่อนได้มากหรือน้อยขึ้นอยู่กับสถานภาพของผู้มีเงินได้ ดังนั้นผู้มีเงินได้จึงควรศึกษา หลักเกณฑ์การหักค่าลดหย่อนที่กฎหมายยอมให้หักได้ เพื่อสามารถน่าไปปฏิบัติและใช้สิทธิประโยชน์ได้อย่างถูกต้อง สมรรถนะประจ าหน่วย 1. แสดงความรู้เกี่ยวกับค่าลดหย่อน 2. แสดงการค่านวณการหักค่าลดหย่อน เนื้อหาสาระ ใบความรู้หน่วยที่ 4 สอนครั้งที่ 6-7 หลักสูตร ประกาศนียบัตรวิชาชีพ(ปวช.)พุทธศักราช 2562 หน่วยที่ 4 วิชา การบัญชีภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา รหัส 20201-2005 ท-ป-น ( 1-4-3) รวม 10 ชม. ชื่อหน่วยการเรียนรู้การหักค่าลดหย่อน จ่านวน 10 ชม. ความหมายของค่าลดหย่อน ค่าลดหย่อน หมายถึงค่าใช้จ่ายส่วนตัวของผู้มีเงินได้กฎหมายยอมให้หักค่าลดหย่อนได้เพื่อเป็นการบรรเทาภาระ ในการเสียภาษีของผู้มีเงินได้ เงินได้สุทธิหมายถึงเงินได้พึงประเมินหักค่าใช้จ่ายและค่าลดหย่อน เงินได้สุทธิ = เงินได้พึงประเมิน - ค่าใช้จ่าย -ค่าลดหย่อน เงินได้สุทธิคือสิ่งที่ใช้ในการค านวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา


32 การหักค่าลดหย่อน การหักค่าลดหย่อนกรณีทั่วไป ผู้มีเงินได้ สามารถหักลดหย่อนส่าหรับตนเอง ได้60,000 บาท หักลดหย่อยได้คนละ 30,000 บาท ตั้งแต่ คนที่ 2 เป็นต้นไปที่เกิดในหรือหลังปีพ.ศ. 2561 หักลดหย่อนได้เพิ่มอีกคนละ 30,000 บาท (รวม เป็น 60,000) บุตรบุญธรรม หักลดหย่อนได้ไม่เกิน 3 คน บุตร ค่าเบี้ยประกันภัยที่ผู้มีเงินได้จ่ายในปี ภาษีส าหรับการประกันชีวิตของผู้มี เงินได้และสามีหรือภริยาของผู้มีเงินได้ หักได้เท่าที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 100,000 บาท คู่สมรส หักลดหย่อนได้ 60,000 บาท ค่าอุปการะเลี้ยงดูบิดามารดา หักได้คนละ 30,000 บาท หักลดหย่อนได้คนละ 60,000 บาท ค่าอุปการะเลี้ยงดูคนพิการหรือ คนทุพลภาพ หักได้เท่าที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 15,000 บาท ค่าเบี้ยประกันสุขภาพบิดามารดา ค่าเบี้ยประกันสุขภาพที่จ่ายให้แก่ บริษัทประกันชีวิตหรือบริษัทประกัน วินาศภัยในราชอาณาจักร หักได้เท่าที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 15,000 บาท


33 มีการทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ในอสังหาริมทรัพย์ นั้นระหว่างวันที่ 13 ตุลาคม 2558 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2559 สามารถหักได้ไม่เกินร้อยละ 20 ใช้สิทธิลดหย่อนต่อเนื่องกัน 5 ปีภาษีที่มีการจด ทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ในอสังหาริมทรัพย์ หัก 15% ของเงินได้ แต่ไม่เกิน 200,000 บาท ค่าเบี้ยประกันชีวิตแบบบ านาญ เงินสะสมที่จ่ายเข้ากองทุนส ารองเลี้ยง ชีพ หักได้เท่าที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 10,000 บาท ส่าหรับส่วนที่เกิน 10,000 บาท แต่ไม่เกิน 490,000 บาท ได้รับยกเว้นภาษี การหักค่าลดหย่อนกรณีทั่วไป เงินได้สะสมกองทุนการออมแห่งชาติ ได้รับยกเว้นภาษีเงินได้ตามจ่านวนที่จ่าย จริง แต่ไม่เกิน 500,000 บาท กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) หัก 30% ของเงินได้ แต่ไม่เกิน 500,000 บาท ค่าซื้อหน่วยลงทุนในกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) หักได้ไม่เกินร้อยละ 15 ของเงินได้และ ไม่เกิน 500,000 บาท เงินสมทบที่ผู้ประกันตนจ่ายเข้ากองทุน ประกันสังคม สามารถหักลดหย่อนได้ตามจ่านวน ที่จ่ายจริงตามอัตราที่กฎหมายก่าหนด ดอกเบี้ยเงินกู้ยืม ส่าหรับการกู้ยืมเงินเพื่อซื้อ เช่าซื้อ หรือสร้าง อาคารอยู่อาศัย หักได้เท่าที่จ่ายจริง แต่ไม่ เกิน 100,000 บาท เงินได้ที่จ่ายเพื่อซื้ออสังหาริมทรัพย์


34 ค่าซื้อและค่าติดตั้งระบบกล้องโทรทัศน์ วงจรปิด เฉพาะเงินได้ตามมาตรา 40 (5) (6) (7) และ (8) ในเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจเท่านั้น เงินบริจาคพรรคการเมือง หักได้เท่าที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 10,000 บาท การหักค่าลดหย่อนกรณีทั่วไป ค่าธรรมเนียมจากการรับช าระเงินด้วย บัตรเดบิต เฉพาะเงินได้ตามมาตรา 40 (5) (6) (7) และ (8) เท่านั้น ค่าท่องเที่ยว เที่ยวเมืองรองลดหย่อยไม่เกิน 20,000 บาท เที่ยวเมืองหลักลดหย่อนไม่เกิน 15,000 บาท ค่าลงหุ้นหรือลงทุนในการจัดตั้งหรือเพิ่ม ทุนในกิจการที่ประกอบอุตสาหกรรม เป้าหมาย ได้รับยกเว้นภาษีเงินได้ตามจ่านวนที่จ่ายจริง แต่รวมกันไม่เกิน 100,000 บาท ซึ่งเป็นเงินได้ ที่จ่ายไปตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2561 ถึง 31 ธันวาคม 2562 ต้องถือหุ้นในบริษัทหรือห้าง หุ้นส่วนนิติบุคคลไม่น้อยกว่า 2 ปี ค่าฝากครรภ์และค่าคลอดบุตร หักได้เท่าที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 60,000 บาท


35 การหักค่าลดหย่อนกรณีสามีภริยาต่างฝ่ายต่างมีเงินได้ ให้หักค่าลดหย่อนรวมกันไม่เกิน 120,000 บาท ไม่ว่าจะยื่นแบบแสดงรายการเพื่อเสียภาษีเงินได้ รวมกัน หรือต่างฝ่ายต่างยื่นแบบแสดงรายการเพื่อเสียภาษีของตนเอง กรณีผู้มีเงินได้มิได้เป็นผู้อยู่ในประทศไทย (อยู่ในประเทศไทยไม่ถึง 180 วันในปีภาษี) สามารถหัก ลดหย่อน ส่าหรับผู้มีเงินได้ 60,000 บาท แต่ส่าหรับสามีภริยาบุตร และบิดามารดาให้หักลดหย่อนได้เฉพาะ สามีภริยา บุตร และบิดามารดาที่เป็นผู้อยู่ในประเทศไทยเท่านั้น กรณีผู้มีเงินได้ถึงแก่ความตายในระหว่างปีภาษีให้หักลดหย่อนได้เสมือนผู้ตายมีชีวิตอยู่ ตลอดปีภาษีที่ผู้นั้นถึง แก่ความตาย ดังนั้นการหักลดหย่อนกรณีผู้มีเงินได้ถึงแก่ความตายในระหว่างปีภาษีจึงเหมือนกับการหัก ลดหย่อนกรณีทั่วไป กฎหมายให้หักลดหย่อนได้ 60,000 บาท การหักค่าลดหย่อนกรณีผู้มีเงินได้มิได้เป็นผู้อยู่ในประเทศไทย การหักค่าลดหย่อนกรณีผู้มีเงินได้ถึงแก่ความตายในระหว่างปีภาษี การหักค่าลดหย่อนกรณีผู้มีเงินได้เป็นกองมรดกที่ยังมิได้แบ่ง กรณีผู้มีเงินได้เป็นห้างหุ้นส่วนสามัญหรือคณะบุคคลที่มิใช่นิติบุคคล ให้หักลดหย่อนส่าหรับ ผู้เป็น หุ้นส่วนหรือบุคคลในคณะบุคคลแต่ละคนซึ่งเป็นผู้อยู่ในประเทศไทย ได้คนละ 60,000 บาท แต่รวมกันต้องไม่ เกิน 120,000 บาท เงินบริจาคเพื่อสนับสนุนการศึกษา การกีฬา สถานพยาบาลของทางราชการ อื่น ๆ หักได้ 2 เท่าของที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 10% ของเงินได้ หลังหักค่าใช้จ่ายและค่าลดหย่อน การหักค่าลดหย่อนกรณีผู้มีเงินได้เป็นห้างหุ้นส่วนสามัญหรือคณะบุคคลที่มิใช่นิติบุคคล การหักค่าลดหย่อนเงินบริจาค เงินบริจาคเพื่อการกุศลสาธารณะ หักได้ตามที่จ่ายจริงแต่ไม่เกิน 10% ของเงินได้หลังหัก ค่าใช้จ่ายและค่าลดหย่อน ที่มา :www.rd.go.th


36 ค่าลดหย่อน หมายถึงค่าใช้จ่ายส่วนตัวของผู้มีเงินได้ กฎหมายยอมให้หักเพื่อเป็นการบรรเทาภาระใน การเสียภาษีของผู้มีเงินได้ เงินได้สุทธิ หมายถึงเงินได้พึงประเมินหักค่าใช้จ่ายและค่าลดหย่อนการหักค่าลดหย่อน แบ่งออกเป็น การหักค่าลดหย่อนกรณีทั่วไป การหักค่าลดหย่อนกรณีสามีภริยาต่างฝ่ายต่างมีเงินได้การหักค่าลดหย่อนกรณี ผู้มีเงินได้มิได้เป็นผู้อยู่ในประเทศไทย การหักค่าลดหย่อนกรณีผู้มีเงินได้ถึงแก่ความตายในระหว่างปีภาษีการ หักค่าลดหย่อนกรณีผู้มีเงินได้เป็นกองมรดก การหักคาลดหย่อนกรณีผู้มีเงินได้เป็นห้างหุ้นส่วนสามัญหรือคณะ บุคคลที่มีใช่การหักค่าลดหย่อนเงินบริจาค สรุป


เนื้อหา 1. วิธีการค่านวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา 2. บัญชีอัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา 3. การค่านวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาประจ่าปี 4. การค่านวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาครึ่งปี สาระส าคัญ การค่านวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสามารถท่าได้ 2 วิธี คือการค่านวณจากเงินได้สุทธิและค่านวณ จากเงินได้พึงประเมิน ผู้มีเงินได้จะใช้วิธีการใดในการค่านวณภาษีขึ้นอยู่กับประเภทของเงินได้ที่ผู้มีเงินได้ได้รับ ในแต่ละปี ผู้มีเงินได้ทุกประเภทต้องค่านวณภาษีจากเงินได้สุทธิ ส่าหรับผู้ที่มีเงินได้ประเภทที่ 2-8 รวมกัน ตั้งแต่ 120,000 บาทขึ้นไป ต้องค่านวณภาษีในอัตราร้อยละ 0.5 ของเงินได้พึงประเมิน และเลือกเสียภาษีตาม วิธีที่มากกว่า ส่าหรับอัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาเป็นอัตราก้าวหน้า ผู้มีเงินได้น้อยจะเสียภาษีในอัตราต่่า ผู้มี เงินได้มากจะเสียภาษีในอัตราที่สูงขึ้น โดยทั่วไปผู้มีเงินได้จะได้ยื่นแบบแสดงรายการเพื่อเสียภาษีปีละครั้ง ภายในวันที่ 31 มีนาคมของปีถัดไป และส่าหรับผู้มีเงินได้พึงประเมินประเภทที่ 5-8 ต้องยื่นแบบแสดงรายการ เพื่อเสียภาษีปีละ 2 ครั้ง โดยยื่นแบบแสดงรายการเพื่อเสียภาษีครึ่งปีภายในวันที่ 30 กันยายน ของปีภาษีนั้น และยื่นแบบแสดงรายการเพื่อเสียภาษีประจ่าปีภายในวันที่ 31 มีนาคมของปีถัดไป สมรรถนะประจ าหน่วย 1. แสดงความรู้เกี่ยวกับการค่านวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา 2. ค่านวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา เนื้อหาสาระ ใบความรู้หน่วยที่ 5 สอนครั้งที่ 8-10 หลักสูตร ประกาศนียบัตรวิชาชีพ(ปวช.) พุทธศักราช 2562 หน่วยที่ 5 วิชา การบัญชีภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา รหัส 20201-2005 ท-ป-น ( 1-4-3) รวม 15 ชม. ชื่อหน่วยการเรียนรู้ การค่านวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา จ่านวน 15 ชม. แบ่งเป็น 2 วิธี ดังนี้ 1. ค านวณจากเงินได้สุทธิ(วิธีที่ 1) วิธีนี้จะน่าเงินได้พึงประเมินมาหักค่าใช้จ่ายหักค่าลดหย่อน เหลือ เท่าใดเป็นเงินได้สุทธิให้ค่านวณตามอัตราภาษีที่ก่าหนดไว้ในบัญชีอัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา 2. ค านวณจากเงินได้พึงประเมิน(วิธีที่ 2) วิธีนี้ใช้ส่าหรับผู้มีเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40(2)-(8) ตั้งแต่ 120,000 บาทขึ้นไป ให้น่าเงินได้พึงประเมินมาค่านวณภาษีในอัตราร้อยละ 0.5 ของเงินได้พึงประเมิน หากค่านวณวิธีที่ 2 แล้วมีภาษีเงินได้ที่ต้องเสียไม่เกิน 5,000 บาท ผู้มีเงินได้ได้รับการยกเว้นภาษีเงิน ได้ตามวิธีที่ 2 แต่ยังคงมีหน้าที่เสียภาษีตามจ่านวนที่ค่านวณได้จากวิธีที่ 1 วิธีการค่านวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา


38 หมายเหตุ : เงินได้เฉพาะส่วนที่ไม่เกิน 150,000 บาท ยังคงได้รับยกเว้นตามพระราชกฤษฎีกา ว่าด้วยการ ยกเว้นรัษฎากร(ฉบับที่ 470) พ.ศ.2551 บัญชีอัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ตารางบัญชีอัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา เงินได้สุทธิ อัตราภาษี ภาษีสะสมสูงสุด 1 - 150,000 150,001 - 300,000 300,001 - 500,000 500,001 - 750,000 750,001 - 1,000,000 1,00,001 - 2,000,000 2,00,001 - 5,000,000 5,000,001 ขึ้นไป - 7,500 27,500 65,000 115,000 365,000 1,265,000 - ยกเว้น 5% 10% 15% 20% 25% 30% 35% ตัวอย่าง นางมุกดามีเงินได้สุทธิ 750,000 บาท ค่านวณภาษีดังนี้ เงินได้สุทธิ 150,000 บาท แรก ได้รับการยกเว้นภาษี = - เงินได้สุทธิ 150,000 เสียภาษีร้อยละ 5 = 2,500 บาท เงินได้สุทธิ 200,000 เสียภาษีร้อยละ 10 = 20,000 บาท เงินได้สุทธิ 250,000 เสียภาษีร้อยละ 15 = 37,500 บาท นางมุกดาต้องเสียภาษี = 65,500 บาท ภาษีแต่ละขั้นเงินได้สุทธิ - 7,500 20,000 37,500 50,000 250,000 900,000 -


39 ค่าซื้อและค่าติดตั้งระบบกล้องโทรทัศน์วงจรปิด xxx ค่าธรรมเนียมจากการช่าระเงินด้วยบัตรเดบิต xxx ค่าท่องเที่ยว "จังหวัดท่องเที่ยวรอง" xxx ค่าลงหุ้นและลงทุนในการจัดตั้งหรือเพิ่มทุนฯ xxx ค่าฝากครรภ์และค่าคลอดบุตร xxx เงินบริจาคพรรคการเมือง xxx ค่าซื้อสินค้าหรือค่าบริการ (ตามที่ก่าหนด) xxx xxx เงินได้ก่อนหักเงินสนับสนุนการศึกษา xxx การค านวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาประจ าปี ขั้นตอนที่1 ค านวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาตามวิธีที่1 ค านวณจากเงินได้สุทธิดังนี้ เงินได้พึงประเมิน หัก ค่าใช้จ่าย เงินได้พึงประเมิน หัก ค่าใช้จ่าย รวมเงินได้หลังหักค่าใช้จ่าย หัก ค่าลดหย่อน: ผู้มีเงินได้ คู่สมรส บุตร บุตรคนที่ 2 เป็นต้นไปที่เกิดในหรือหลังปี พ.ศ. 2561 อุปการะเลี้ยงดูบิดา/มารดา อุปการะเลี้ยงดูคนพิการ/คนทุพพลภาพ เบี้ยประกันสุขภาพบิดามารดาผู้มีเงินได้/คู่สมรส เบี้ยประกันชีวิต เบี้ยประกันสุขภาพ เบี้ยประกันชีวิตแบบบ่านาญ เงินสะสมกองทุนส่ารองเลี้ยงชีพ เงินสะสมกองทุนการออมแห่งชาติ ค่าซื้อหน่วยลงทุนในกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ ค่าซื้อหน่วยลงทุนในกองทุนรวมหุ้นระยะยาว ดอกเบี้ยเงินกู้ยืมเพื่อซื้อ หรือสร้างอาคารอยู่อาศัย เงินได้ที่จ่ายเพื่อซื้ออสังหาริมทรัพย์ เงินสมทบกองทุนประกันสังคม xxx xxx xxx xxx xxx xxx xxx xxx xxx xxx xxx xxx xxx xxx xxx xxx xxx xxx xxx xxx xxx


40 หัก เงินบริจาคเพื่อสนับสนุนการศึกษา การกีฬา และอื่น ๆ 2 เท่า ของจ่านวนที่จ่ายจริง แต่ไม่เกินร้อยละ 10 ของเงินได้ก่อนหักเงินสนับสนุนการศึกษาฯ xxx เงินได้ก่อนหักเงินบริจาคเพื่อการกุศลสาธารณะ xxx หัก เงินบริจาคเพื่อการกุศลสาธารณะ ไม่เกินร้อยละ 10 ของเงินได้ ก่อนหักเงินบริจาคเพื่อการกุศลสาธารณะ xxx เงินได้สุทธิ xxx ขั้นตอนที่ 2 ค่านวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาตามวิธีที่ 2 โดยค่านวณภาษีในอัตราร้อยละ 0.5 ของ เงินได้พึงประเมิน ดังนี้ เงินได้พึงประเมินประเภทที่ 2-8 รวมกันตั้งแต่ 120,000 บาทขึ้นไป x 0.5% ภาษีที่ค่านวณได้ตามวิธีที่ 2 XXX ขั้นตอนที่ 3 น่าภาษีที่ค่านวณได้จากขั้นตอนที่ 1 และขั้นตอนที่ 2 มาเปรียบเทียบกัน แล้วเลือก เสีย ภาษีตามวิธีที่มากกว่า เลือกเสียภาษีตามวิธีที่มากกว่า xxx หัก ภาษีหัก ณ ที่จ่าย xxx ภาษีครึ่งปี xxx เครดิตภาษีเงินปันผล xxx xxx ภาษีที่ต้องช่าระเพิ่ม/(ภาษีที่ต้องขอคืน) xxx ค านวณภาษี - xxx xxx xxx xxx xxx xxx xxx xxx ได้รับยกเว้นภาษี เสียภาษีร้อยละ 5 เสียภาษีร้อยละ 10 เสียภาษีร้อยละ 15 เสียภาษีร้อยละ 20 เสียภาษีร้อยละ 25 เสียภาษีร้อยละ 30 เสียภาษีร้อยละ 35 เงินได้สุทธิ 150,000 บาท แรก เงินได้สุทธิ 150,000 บาท ต่อมา เงินได้สุทธิ 200,000 บาท ต่อมา เงินได้สุทธิ 250,000 บาท ต่อมา เงินได้สุทธิ 250,000 บาท ต่อมา เงินได้สุทธิ 1,000,000 บาท ต่อมา เงินได้สุทธิ 3,000,000 บาท ต่อมา เงินได้สุทธิ ส่วนที่เกิน 5,000,000 บาท ภาษีที่ค่านวณได้ตามวิธีที่ 1


41 ขั้นตอนที่1 ค านวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาตามวิธีที่ 1 ค านวณจากเงินได้สุทธิ ดังนี้ เงินได้พึงประเมิน (ประเภทที่ 5-8) xxx หัก ค่าใช้จ่าย xxx xxx เงินได้พึงประเมิน (ประเภทที่ 5-8) xxx หัก ค่าใช้จ่าย xxx xxx รวมเงินได้หลังหักค่าใช้จ่าย xxx หัก ค่าลดหย่อน: (กึ่งหนึ่งของภาษีสิ้นปี หรือตามกฎหมายก่าหนด) ผู้มีเงินได้ xxx คู่สมรส xxx บุตร xxx อุปการะเลี้ยงดูบิดา/มารดา xxx อุปการะเลี้ยงดูคนพิการ/คนทุพพลภาพ xxx เบี้ยประกันสุขภาพบิดามารดาผู้มีเงินได้/คู่สมรส xxx เบี้ยประกันชีวิต xxx เบี้ยประกันชีวิตแบบบ่านาญ xxx ค่าซื้อหน่วยลงทุนในกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ xxx ค่าซื้อหน่วยลงทุนในกองทุนรวมหุ้นระยะยาว xxx ดอกเบี้ยเงินกู้ยืมเพื่อซื้อ หรือสร้างอาคารอยู่อาศัย xxx xxx เงินได้ก่อนหักเงินสนับสนุนการศึกษา xxx หัก เงินบริจาคเพื่อสนับสนุนการศึกษา การกีฬา และอื่น ๆ 2 เท่า ของจ่านวนที่จ่ายจริง แต่ไม่เกินร้อยละ 10 ของเงินได้ก่อนหักเงินสนับสนุนการศึกษาฯ xxx เงินได้ก่อนหักเงินบริจาคเพื่อการกุศลสาธารณะ xxx หัก เงินบริจาคเพื่อการกุศลสาธารณะ ไม่เกินร้อยละ 10 ของเงินได้ก่อนหักเงินบริจาคเพื่อการกุศลสาธารณะ xxx เงินได้สุทธิ xxx การค านวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาครึ่งปี ค านวณภาษี - xxx xxx xxx xxx xxx xxx xxx xxx ได้รับยกเว้นภาษี เสียภาษีร้อยละ 5 เสียภาษีร้อยละ 10 เสียภาษีร้อยละ 15 เสียภาษีร้อยละ 20 เสียภาษีร้อยละ 25 เสียภาษีร้อยละ 30 เสียภาษีร้อยละ 35 เงินได้สุทธิ 150,000 บาท แรก เงินได้สุทธิ 150,000 บาท ต่อมา เงินได้สุทธิ 200,000 บาท ต่อมา เงินได้สุทธิ 250,000 บาท ต่อมา เงินได้สุทธิ 250,000 บาท ต่อมา เงินได้สุทธิ 1,000,000 บาท ต่อมา เงินได้สุทธิ 3,000,000 บาท ต่อมา เงินได้สุทธิ ส่วนที่เกิน 5,000,000 บาท ภาษีที่ค่านวณได้ตามวิธีที่ 1


42 ขั้นตอนที่ 2 ค่านวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาตามวิธีที่ 2 โดยค่านวณภาษีในอัตราร้อยละ 0.5 ของ เงินได้พึงประเมิน ดังนี้ เงินได้พึ่งประเมินประเภทที่ 2-8 รวมกันตั้งแต่ 120,000 บาทขึ้นไป x 0.5% ภาษีที่ค่านวณได้ตามวิธีที่ 2 XXX ขั้นตอนที่ 3 น่าภาษีที่ค่านวณได้จากขั้นตอนที่ 1 และขั้นตอนที่ 2 มาเปรียบเทียบกัน แล้วเลือก เสีย ภาษีตามวิธีที่มากกว่า หลังจากนั้น จึงน่าภาษีหัก ณ ที่จ่าย ภาษีครึ่งปี และเครดิตภาษีเงินปันผลส่วนแบ่งก่าไร มาหักออกจากภาษีที่ค่านวณได้ หากภาษีที่ค่านวณได้มากกว่าภาษีหัก ณ ที่จ่าย ต้องช่าระภาษีเพิ่ม หากภาษีที่ ค่านวณได้น้อยกว่าภาษีหัก ณ ที่จ่าย ต้องขอคืนภาษี เลือกเสียภาษีตามวิธีที่มากกว่า xxx หัก ภาษีหัก ณ ที่จ่าย xxx ภาษีครึ่งปี xxx เครดิตภาษีเงินปันผล xxx xxx ภาษีที่ต้องช่าระเพิ่ม/(ภาษีที่ต้องขอคืน) xxx ที่มา :www.rd.go.th


43 การค่านวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาเพื่อเสียภาษีสิ้นปี สามารถค่านวณได้ 2 วิธีดังนี้ 1. ค่านวณจากเงินได้สุทธิ โดยน่าเงินได้พึ่งประเมินหักค่าใช้จ่ายและค่าลดหย่อน เหลือเท่าใดเป็น 2. ค่านวณจากเงินได้พึงประเมิน โดยน่าเงินได้พึงประเมิน ตามมาตรา 40 (2)-(8) มารวมกันตั้งแต่ 120,000 บาทขึ้นไป คูณอัตราภาษีร้อยละ 0.5 ของยอดเงินได้พึงประเมิน การค่านวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาประจ่าปี มีขั้นตอนในการค่านวณ 3 ขั้นตอน คือ ขั้นตอนที่ 1 ค่านวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาตามวิธีที่ 1 ค่านวณจากเงินได้สุทธิ โดยน่าเงินได้พึง ประเมินหักค่าใช้จ่ายและค่าลดหย่อนตามที่กฎหมายก่าหนด ได้ผลลัพธ์เป็นเงินได้สุทธิน่าไปค่านวณภาษีตาม บัญชีอัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ขั้นตอนที่ 2 ค่านวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาตามวิธีที่ 2 โดยค่านวณภาษีในอัตราร้อยละ 0.5 ของ เงินได้พึงประเมิน หากภาษีที่ค่านวณได้มีจ่านวนไม่เกิน 5,000 บาท ได้รับการยกเว้นภาษีตามวิธีที่ 2 ขั้นตอนที่ 3 น่าภาษีที่ค่านวณได้จากขั้นตอนที่ 1 และขั้นตอนที่ 2 มาเปรียบเทียบกัน แล้วเลือกเสีย ภาษีตามวิธีที่มากกว่า โดยน่าภาษีหัก ณ ที่จ่าย ภาษีครึ่งปี และเครดิตภาษีเงินปันผล/ส่วนแบ่งก่าไรมาหัก ออกจากภาษีที่ค่านวณได้ หากภาษีที่ค่านวณได้มากกว่าภาษีหัก ณ ที่จ่าย ต้องช่าระภาษีเพิ่ม หากภาษี ที่ค่านวณได้น้อยกว่าภาษีหัก ณ ที่จ่าย ต้องขอคืนภาษี การค่านวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาครึ่งปี มีขั้นตอนในการค่านวณ 3 ขั้นตอน คือ ขั้นตอนที่ 1 น่าเงินได้พึงประเมินประเภทที่ 5-8 หักค่าใช้จ่ายและค่าลดหย่อนตามเกณฑ์ที่กฎหมาย ก่าหนด เหลือเท่าใดเป็นเงินได้สุทธิน่าไปค่านวณภาษีตามวิธีที่ 1 โดยใช้บัญชีอัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา เช่นเดียวกับภาษีสิ้นปี ขั้นตอนที่ 2 ค่านวณภาษีวิที่ 2 คือน่าเงินได้พึงประเมินประเภทที่ 5-8 คูณอัตราภาษีร้อยละ 0.5 ขั้นตอนที่ 3 เลือกเสียภาษีตามวิธีที่มากกว่า โดยน่าภาษีหัก ณ ที่จ่ายมาหักออกจากภาษีที่ค่านวณได้ หากภาษีที่ค่านวณได้มากกว่าภาษีหัก ณ ที่จ่าย ต้องช่าระภาษีเพิ่ม หากภาษีที่ค่านวณได้น้อยกว่าภาษีหัก ณ ที่จ่าย ต้องขอคืนภาษี ภาษีครึ่งปีที่ช่าระแล้วจะถือเป็นเครดิตในการค่านวณภาษีสิ้นปีสามารถน่าไปหักออกจากภาษีสิ้นปีได้ เงินสะสมเข้ากองทุนส่ารองเลี้ยงชีพและเงินสมทบเข้ากองทุนประกันสังคม ไม่สามารถน่ามาหักลดหย่อนได้ เนื่องจากไม่ได้น่าเงินได้ประเภทที่ 1 มาค่านวณภาษีครึ่งปี สรุป


เนื้อหา 1. แบบแสดงรายการเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา 2. การจัดท่าแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา 3. สถานที่ยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา 4. วิธีการช่าระภาษี การผ่อนช่าระภาษี การขอคืนและบทก่าหนดโทษ สาระส าคัญ ผู้มีเงินได้พึงประเมินตามเกณฑ์ที่กฎหมายก่าหนด มีหน้าที่ในการยื่นแบบแสดงรายการเพื่อเสียภาษี เงินได้บุคคลธรรมดา โดยท่าการกรอกแบบแสดงรายการเพื่อเสียภาษีตามประเภทที่กฎหมายก่าหนดและยื่น เสียภาษี ซึ่งผู้เสียภาษีสามารถเลือกยื่นแบบแสดงรายการด้วยตนเองหรือยื่นผ่านอินเทอร์เน็ตก็ได้ สมรรถนะประจ าหน่วย 1. แสดงความรู้เกี่ยวกับการจัดท่าและยื่นแบบแสดงรายการเพื่อเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา 2. จัดท่าแบบแสดงรายการเพื่อเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา เนื้อหาสาระ ผู้มีหน้าที่เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาต้องท่าการยื่นแบบแสดงรายการเพื่อเสียภาษีประจ่าปี ภายใน วันที่ 31 มีนาคมของปีภาษีถัดไป โดยใช้แบบ ภ.ง.ด. ตามที่กฎหมายก่าหนดไว้ ส่าหรับผู้ที่มีเงินได้พึงประเมิน ประเภทที่ 5-8 ต้องยื่นแบบแสดงรายการเพื่อเสียภาษีปีละ 2 ครั้ง โดยต้องยื่นแบบแสดงรายการเสียภาษีครึ่งปี ภายในวันที่ 30 กันยายนของปีภาษีนั้น และยื่นเสียภาษีประจ่าปีภายในวันที่ 31 มีนาคมของปีภาษีถัดไป ใบความรู้หน่วยที่ 6 สอนครั้งที่11-13 หลักสูตร ประกาศนียบัตรวิชาชีพ(ปวช.)พุทธศักราช 2562 หน่วยที่ 6 วิชา การบัญชีภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา รหัส 20201-2005 ท-ป-น ( 1-4-3) รวม 15 ชม. ชื่อหน่วยการเรียนรู้ การจัดท่าและยื่นแบบแสดงรายการเพื่อเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา จ่านวน 15 ชม.


45 แบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมส่าหรับผู้มีเงิน ได้กรณีทั่วไป ภายในวันที่ 31 มีนาคม ของปีถัดไป แบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาส่าหรับผู้มีเงิน ได้จากกสรจ้างแรงงานตามมาตรา 40 (1) แห่งประมวล รัษฎากร ประเภทเดียว ภายในวันที่ 31 มีนาคมของปีถัดไป แบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาส่าหรับใช้ยื่น ก่อนถึงก่าหนดเวลายื่นแบบแสดงรายการภาษี ก่อนถึงก่าหนดเวลาการ ยื่นแบบตามปกติ แบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาครึ่งปีส่าหรับ ผู้มีเงินได้ตามมาตรา 40 (5) (6) (7) (8) แห่งประมวลรัษฎากร ภายในวันที่ 30 กันยายน ของปีภาษีนั้น แบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ส่าหรับคน ต่างด้าวผู้มีเงินได้ได้จากการจ้างแรงงานของส่านักงาน ปฏิบัติการภูมิภาค ภายในวันที่ 31 มีนาคม ของปีถัดไป ชื่อย่อแบบ ชื่อเต็มแบบแสดงรายการเพื่อเสียภาษี ก าหนดเวลายื่น แบบ ภ.ง.ด.91 ภ.ง.ด.93 ภ.ง.ด.90 ภ.ง.ด.94 ภ.ง.ด.95 แบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา


46 1. การยื่นแบบแสดงรายการเพื่อเสียภาษีด้วยตนเอง ตามแบบ ภ.ง.ด.91 ตัวอย่าง ในปีภาษี2565 นายแม๊กซ์เรียนดี เป็นโสดท่างานบริษัท เอ็มเอ็ม จ่ากัด ได้รับเงินเดือน ๆ ละ 120,000 บาท ถูกหักประกันสังคมร้อยละ 5 ของค่าจ้าง นายแม๊กซ์อุปการะเลี้ยงดูมารดาอายุ 67 ปี ไม่มีเงินได้ จะเสียภาษีเป็นจ่านวนเท่าไร การค านวณภาษีวิธีที่ 1 เงินได้จากเงินเดือน ( 120,000 12 ) = 1,440,000 หักค่าใช้จ่ายร้อยละ 50 (50/100 1,440,000) = 720,000 ซึ่งเกิน = 100,000 เงินได้หลังหักค่าใช้จ่าย = 1,340,000 หัก ค่าลดหย่อน–ผู้มีเงินได้ 60,000 อุปการะเลี้ยงดูมารดา 30,000 กองทุนประกันสังคม 9,000 99,000 เงินได้สุทธิ = 1,241,000 การค่านวณภาษีวิธีที่ 1 ขั้นที่ 1 เงินได้สุทธิ 150,000 บาท ได้รับการยกเว้นภาษี ขั้นที่ 2 เงินได้สุทธิ 150,000 บาท เสียภาษี 5% 7,500 บาท ขั้นที่ 3 เงินได้สุทธิ200,000 บาท เสียภาษี 10% 20,000 บาท ขั้นที่ 4 เงินได้สุทธิ 250,000 บาท เสียภาษี 15% 37,500 บาท ขั้นที่ 5 เงินได้สุทธิ250,000 บาท เสียภาษี 20% 50,000 บาท ขั้นที่ 6 เงินได้สุทธิที่เหลือ ( 241,000 ) เสียภาษี 25% 60,250 บาท ดังนั้น นายฟิล์มต้องเสียภาษีตามวิธีที่ 1 175,250 บาท ไม่ต้องค่านวณวิธีที่ 2 เพราะมีเงินได้ประเภทที่ 1 อย่างเดียว การจัดท าแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา


Click to View FlipBook Version