The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

ใบความรู้วิชาการบัญชีภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search

ใบความรู้วิชาการบัญชีภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา

ใบความรู้วิชาการบัญชีภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา

47 การกรอกแบบ ภ.ง.ด.91 ดังนี้


48


49 2. การยื่นแบบแสดงรายการเพื่อเสียภาษีด้วยตนเอง ตามแบบ ภ.ง.ด.94 และ ภ.ง.ด.90 ตัวอย่าง ในปีภาษี 2565 นายมุ่งมั่น แสนยินดีรับราชการได้รับเงินเดือน ๆ ละ 50,000 บาท จ่ายเงินสะสม เข้ากองทุนบ่าเหน็จบ่านาญข้าราชการ (กบข.) เดือนละ 900 บาท มีเงินได้เป็นค่ารับเหมาก่อสร้างในเดือน กุมภาพันธ์400,000 บาท และเดือนสิงหาคม 500,000 บาท นายมุ่งมั่นมีภรรยาถูกต้องตามกฎหมาย คือ นางจริงใจ ไม่มีเงินได้ มีบุตร 2 คน คนที่ 1 เกิดปี 2560 คนที่ 2 เกิดในปี 2562 และนายมุ่งมัน ได้อุปการะ เลี้ยงดูบิดาของนางจริงใจ อายุ 70 ปี ไม่มีเงินได้(มีแบบ ล.ย.04) จงค่านวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาครึ่งปี และสิ้นปีของนายมุ่งมั่น ค าตอบการค านวณภาษีครึ่งปีของนายมุ่งมั่น ขั้นที่ 1 การค่านวณภาษีจากเงินได้สุทธิ มาตรา 40(7) เงินได้ค่ารับเหมาก่อสร้างเดือนกุมภาพันธ์ 400,000 หัก ค่าใช้จ่ายร้อยละ 60 240,000 เงินได้หลังหักค่าใช้จ่าย 160,000 หัก ค่าลดหย่อน -ผู้มีเงินได้ 30,000 -คู่สมรส 30,000 -บุตรคนที่ 1 15,000 -บุตรคนที่ 2 เกิดในปี 2562 30,000 -อุปการะเลี้ยงดูบิดาคู่สมรส 15,000 120,000 เงินได้สุทธิ 40,000 ดังนั้นนายมุ่งมั่นไม่ต้องเสียภาษีตามวิธีที่ 1 เพราะมีเงินได้ไม่ถึง 150,000 บาทแรก ขั้นที่ 2 การค่านวณภาษีจากเงินได้พึงประเมิน เงินได้จากการรับเหมาก่อสร้าง 400,000 ภาษีวิธีที่ 2 = (400,000 x 0.5%) = 2,000 บาท นายมุ่งมั่นไม่ต้องเสียภาษีตามวิธีที่ 2 เพราะได้รับการยกเว้นภาษีไม่เกิน 5,000 บาท ขั้นที่ 3 เปรียบเทียบวิธีที่ 1 = 0 บาท กับวิธีที่ 2 = 0 บาท ดังนั้นนายมุ่งมั่นไม่ต้องเสียภาษีครึ่งปีแต่ต้องยื่นแบบแสดงรายการเสียภาษีครึ่งปีด้วย ค าตอบการค านวณภาษีสิ้นปีของนายมุ่งมั่น การค านวณภาษีจากเงินได้สุทธิ เงินได้จากเงินเดือน (50,000 x 12) 600,000 หัก เงินสะสมเข้ากองทุน กบข. (900 x 12) 10,800 คงเหลือ 589,200 หัก ค่าใช้จ่ายร้อยละ 50 แต่ไม่เกิน 100,000 100,000 529,200 (1) เงินได้จากการรับเหมาก่อสร้าง (400,000 + 500,000) 900,000 หัก ค่าใช้จ่ายร้อยละ 60 540,000 360,000 (2) รวมเงินได้หลังหักค่าใช้จ่าย 889,200 หัก ค่าลดหย่อน


50 -ผู้มีเงินได้ 60,000 -ผู้มีเงินได้ 60,000 -บุตรคนที่ 1 30,000 -บุตรคนที่ 2 เกิดในปี 2562 60,000 -อุปการะเลี้ยงดูบิดาคู่สมรส 13,000 223,000 เงินได้สุทธิ 666,200 เงินได้สุทธิ 150,000 บาทแรก ได้รับการยกเว้นภาษี - เงินได้สุทธิ 150,000 บาท เสียภาษี 5% 7,500 เงินได้สุทธิ 200,000 บาท เสียภาษี 10% 20,000 เงินได้สุทธิ 166,200 บาท เสียภาษี 15% 24,930 ภาษีวิธีที่ 1 52,430 ขั้นที่ 2 การค่านวณภาษีจากเงินได้พึงประเมิน เงินได้จากการรับเหมาก่อสร้าง 900,000 ภาษีวิธีที่ 2 (900,000 x 0.5%) = 4,500 บาท ขั้นที่ 3 เปรียบเทียบภาษีวิธีที่ 1 = 52,430 บาท กับภาษีวิธีที่ 2 = 4,500 บาท ดังนั้นนายมุ่งมั่นต้องเสียภาษีวิธีที่ 1 52,430 หัก ภาษีครึ่งปี 0 นายมุ่งมั่นต้องเสียภาษีเพิ่ม 52,430


51 การกรอกแบบ ภ.ง.ด.94 ดังนี้


52


53 การกรอกแบบ ภ.ง.ด.90 ดังนี้


54


55


56


57


58 รูปที่ 7.1 : กรมสรรพากร ที่มา:https://www.rd.go.th/fileadmin/user_upload/SMEs/infographic/Pit_63_8.pdf รูปที่ 7.2 : กรมสรรพากร ที่มา : https://www.rd.go.th/fileadmin/user_upload/SMEs/infographic/Pit_63_10.pdf สถานที่ยื่นแบบ การขอผ่อนช าระภาษี


59 รูปที่ 7.3 : กรมสรรพากร ที่มา : https://www.rd.go.th/fileadmin/user_upload/SMEs/infographic/Pit_63_10.pdf บทก าหนดโทษ


60 1. แบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ได้แก่ 1.1 แบบ ภ.ง.ด.90 เป็นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ส่าหรับผู้มีเงินที่มีเงินได้พึง ประเมินประเภทที่ 1-8 1.2 แบบ ภ.ง.ด.91 เป็นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ส่าหรับผู้มีเงินได้จาการจ้าง แรงงานตามมาตรา 40 (1) แห่งประมวลรัษฎากร ประเภทเดียว 1.3 แบบ ภ.ง.ด.92 เป็นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาด้วยข้อมูลในระบบคอมพิวเตย์ 1.4 แบบ ภ.ง.ด.93 เป็นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ส่าหรับใช้ยื่นก่อนถึงก่าหนดเวลา ยื่นแบบแสดงรายการภาษี 1.5 แบบภ.ง.ด.94 เป็นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาครึ่งปี ส่าหรับผู้มีเงินได้ตามมาตรา 40 (5) (6) (7) (8) แห่งประมวลรัษฎากร 1.6 แบบ ภ.ง ด.95 เป็นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ส่าหรับคนต่างด้าวผู้มีเงินได้ 2. สถานที่ยื่นแบบ ยื่นแบบผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตเว็บไซด์ www.rd.go.th หรือแบบยื่นแบบได้ที่ ส่านักงานสรรพากรพื้นที่สาขาทุกแห่งทั่วประเทศ 3. การขอผ่อนช่าระภาษี หากมีภาษีที่ต้องช่าระจ่านวนตั้งแต่ 3,00 บาทขึ้นไป ผู้เสียภาษีสามารถขอผ่อนช่าระ ภาษีได้เป็น 3 งวดเท่า ๆ กัน โดยไม่ต้องเสียเงินเพิ่ม โดยใช้แบบ บ.ช.35 4. บทก่าหนดโทษ ความรับผิดทางแพ่งและความรับผิดทางอาญา สรุป


เนื้อหา 1. ความรู้เกี่ยวกับภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย 2. ค่านวณภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย 3. บันทึกบัญชีภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาหัก ณ ที่จ่าย สาระส าคัญ การหักภาษี ณ ที่จ่าย เป็นวิธีการเสียภาษีวิธีหนึ่งที่กฎหมายก่าหนดให้ผู้จ่ายเงินมีหน้าที่หักภาษี ณ ที่ จ่ายไว้ทุกครั้งที่มีการจ่ายเงินได้พึงประเมินและน่าส่งให้รัฐบาล ช่วยเป็นการบรรเทาภาระในการเสียภาษีให้แก่ ผู้มีเงินได้ ท่าให้ผู้มีเงินได้ไม่ต้องจ่ายเงินก้อนครั้งเดียวเป็นจ่านวนมากเมื่อยื่นแบบแสดงรายการเพื่อเสียภาษี ประจ่าปี สมรรถนะประจ าหน่วย 1. แสดงความรู้เกี่ยวกับภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย 2. ค่านวณภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย 3. บันทึกบัญชีภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาหัก ณ ที่จ่าย เนื้อหาสาระ ใบความรู้หน่วยที่ 7 สอนครั้งที่14-15 หลักสูตร ประกาศนียบัตรวิชาชีพ(ปวช.)พุทธศักราช 2562 หน่วยที่ 7 วิชา การบัญชีภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา รหัส 20201-2005 ท-ป-น ( 1-4-3) รวม 10 ชม. ชื่อหน่วยการเรียนรู้ภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย และการบันทึกบัญชี จ่านวน 10 ชม. วิธีการหักภาษี ณ ที่จ่าย มาตรา 50 แห่งประมวลรัษฎากร ก่าหนดให้บุคคล ห้างหุ้นส่วน บริษัท สมาคม หรือคณะบุคคล ผู้ จ่ายเงินได้พึ่งประเมินตามมาตรา 40 หักภาษีเงินได้ไว้ทุกครั้งที่จ่ายเงินได้พึ่งประเมิน และน่าภาษีหัก ณ ที่จ่ายดังกล่าวส่งให้แก่รัฐบาลภายใน 7 วันนับแต่วันสิ้นเดือนของเดือนที่จ่ายเงินได้พึงประเมิน วัตถุประสงค์ของการหักภาษีณ ที่จ่าย 1. เพื่อบรรเทาภาระในการช่าระเงินภาษีของผู้มีเงินได้ 2. เพื่อให้มีรายได้เข้าคลังอย่างสม่่าเสมอ 3. เพื่อลดการหลีกเลี่ยงภาษี


62 เงินได้พึ่งประเมิน (จ่านวนที่จ่ายแต่ละครั้ง x จ่านวนครั้งที่จ่ายใน 1 ปี) หัก ค่าใช้จ่าย เงินได้หลังหักค่าใช้จ่าย หัก ค่าลดหย่อน: ผู้มีเงินได้ บุตรศึกษา อุปการะเลี้ยงดูบิดา/ มารดา อุปการะเลี้ยงดูคนพิการ/คนทุพพลภาพ เบี้ยประกันสุขภาพบิดามารดาผู้มีเงินได้/คู่สมรส เบี้ยประกันชีวิต เบี้ยประกันชีวิตแบบบ่านาญ เงินสะสมกองทุนส่ารองเลี้ยงชีพ ค่าซื้อหน่วยลงทุนในกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ ค่าซื้อหน่วยลงทุนในกองทุนรวมหุ้นระยะยาว ดอกเบี้ยเงินกู้ยืมเพื่อซื้อหรือสร้างอาคารอยู่อาศัย เงินสมทบกองทุนประกันสังคม เงินได้สุทธิ ค่านวณภาษี ค่านวณภาษีตามบัญชีอัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ภาษีที่ค่านวณได้ หาร จ่านวนครั้งที่ต้องจ่ายใน 1 ปี ผลลัพธ์ คือภาษีหัก ณ ที่จ่าย xxx xxx xxx xxx xxx xxx xxx xxx xxx xxx xxx xxx xxx xxx xxx xxx xxx xxx xxx ผู้มีหน้าที่หักภาษี ณ ที่จ่าย มาตรา 50 แห่งประมวลรัษฎากร ก่าหนดให้ผู้มีหน้าที่หักภาษี ณ ที่จ่าย คือ บุคคลที่กฎหมายก่าหนดไว้ เป็นรายกรณี ซึ่งอาจเป็นบุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคลก็ได้ การค านวณภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย การหักภาษี ณ ที่จ่ายตามมาตรา 50 แห่งประมวลรัษฎากร 1. การหักภาษี ณ ที่จ่ายจากเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 (1) และ (2) ให้น่าเงินได้พึงประเมินที่จ่ายแต่ละคราวคูณด้วยจ่านวนคราวที่จะต้องจ่าย เพื่อให้ได้จ่านวนเงินเสมือน หนึ่งว่าได้จ่ายทั้งปี แล้วค่านวณภาษีตามเกณฑ์ในมาตรา 48 เป็นเงินภาษีทั้งสิ้นเท่าใดให้หารด้วยจ่านวน คราวที่จะต้องจ่าย ได้ผลลัพธ์เป็นเงินเท่าใดให้หักเป็นเงินภาษีไว้เท่านั้น การค่านวณภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย จากเงินได้ตามมาตรา 40 (1) และ (2)


63 แผนภูมิแสดงการค านวณหัก ณ ที่จ่าย จากเงินได้พึงประเมินประเภทที่ 1 และ 2 เงินได้พึงประเมินที่จ่ายแต่ละ ครั้ง คูณ จ่านวนครั้งที่ต้องจ่าย ใน 1 ปี หักค่าใช้จ่ายตามอัตราที่ กฎหมายก่าหนด หักค่าลดหย่อนตาม สิทธิ เงินได้สุทธิน่าไปค่านวณภาษี ตามบัญชีอัตราภาษีเงินได้ บุคคลธรรมดา ภาษีที่ค่านวณได้หาร จ่านวนครั้งที่ต้องจ่ายใน1ปี ผลลัพธ์ที่ได้คือจ่านวนเงิน ภาษีหัก ณ ที่จ่าย 1 2 3 5 4 6 ตัวอย่าง บริษัท มายา จ่ากัด ค่านวณภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่ายจากเงินเดือนพนักงาน 2 คน ตาม รายละเอียดดังนี้ 1. นางสาวคนดีได้รับเงินเดือนเดือนล 25,000 บาท โดยแจ้งข้อมูลเพื่อใช้ส่าหรับการหัก ค่าลดหย่อนดังนี้ อุปการะเลี้ยงดูมารดาอายุ 65 ปีซึ่งไม่มีเงินได้ จ่ายค่าเบี้ยประกันชีวิตส่าหรับตนเองซึ่งเข้าเกณฑ์การหักค่าลดหย่อนปีละ 20,000 บาท จ่ายเงินสะสมเข้ากองทุนส่ารองเลี้ยงชีพในอัตราร้อยละ 3 ของค่าจ้าง จ่ายเงินสมทบเข้ากองทุนประกันสังคมในอัตราร้อยละ 5 ของค่าจ้าง 2. นายสมศักดิ์ประวิทย์ได้รับเงินเดือนเดือนละ 80,000 บาท โดยแจ้งข้อมูลเพื่อใช้ส่าหรับการหักค่าลดหย่อนดังนี้ มีภริยาซึ่งไม่มีเงินได้มีบุตรผู้เยาว์ก่าลังศึกษา 2 คน จ่ายค่าเบี้ยประกันชีวิตส่าหรับตนเองซึ่งเข้าเกณฑ์การหักค่าลดหย่อน ปีละ 120,000 บาท จ่ายดอกเบี้ยเงินกู้ยืมเพื่อที่อยู่อาศัยซึ่งเข้าเกณฑ์การหักค่าลดหย่อนปีละ 47,500 บาท จ่ายเงินสะสมเข้ากองทุนส่ารองเลี้ยงชีพในอัตราร้อยละ 3 ของค่าจ้าง จ่ายเงินสมทบเข้ากองทุนประกันสังคมในอัตราร้อยละ 5 ของค่าจ้าง • การค านวณภาษีหัก ณ ที่จ่ายจากเงินเดือนค่าจ้าง


64 การค านวณภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่ายจากเงินเดือนของนางสาวคนดี 40 (1) นางสาวคนดีมีเงินได้จากเงินเดือน (25,000 x 12) หัก ค่าใช้จ่ายร้อยละ 50 แต่ไม่เกิน 100,000 บาท เงินได้หลังหักค่าใช้จ่าย หัก ค่าลดหย่อน: ผู้มีเงินได้ อุปการะเลี้ยงดูมารดา เบี้ยประกันชีวิตผู้มีเงินได้ เงินสะสมกองทุนส่ารองเลี้ยงชีพ เงินสมทบกองทุนประกันสังคม เงินได้สุทธิ ค่านวณภาษี เงินได้สุทธิ72,000 บาท ได้รับการยกเว้นภาษี ดังนั้นบริษัท มายาจ่ากัด จึงไม่ต้องหักภาษีณ ที่จ่าย จากนางสาวคนดี 300,000 100,000 200,000 60,000 30,000 20,000 9,000 9,000 128,000 72,000 การค่านวณภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่ายจากเงินเดือนของนายสมศักดิ์ 40 (1) นายสมศักดิ์มีเงินได้จากเงินเดือน (80,000 x 12) หัก เงินสะสมที่จ่ายเข้ากองทุนส่ารองเลี้ยงชีพส่วนที่เกิน 10,000 บาท แต่ไม่เกิน 490,000 บาท ซึ่งได้รับการยกเว้นภาษี คงเหลือเงินได้พึ่งประเมินประเภทที่ 1 ที่ต้องน่าไปค่านวณภาษี หัก ค่าใช้จ่ายร้อยละ 50 แต่ไม่เกิน 100,000 บาท เงินได้หลังหักค่าใช้จ่าย หัก ค่าลดหย่อน: ผู้มีเงินได้ ภริยา บุตรศึกษา 2 คน (30,000 x 2) เบี้ยประกันชีวิตผู้มีเงินได้ ดอกเบี้ยเงินกู้ยืมเพื่อที่อยู่อาศัย เงินสะสมกองทุนส่ารองเลี้ยงชีพ เงินสมทบกองทุนประกันสังคม เงินได้สุทธิ 960,000 18,800 941,000 100,000 841,200 60,000 60,000 60,000 100,000 47,500 10,000 9,000 346,500 494,700


65 แผนภูมิแสดงการค านวณภาษีหัก ณ ที่จ่าย จากเงินได้พึงประเมินประเภทที่1 และ 2 ที่ นายจ้างจ่ายให้ครั้งเดียวเพราะเหตุออกจากงาน ตัวอย่าง กรณีจ่ายเงินบ่าเหน็จตามกฎหมายว่าด้วยบ่าเหน็จบ่านาญ นายโอภาสท่างานมานาน 30 ปี ออกจากงานได้รับเงินบ่าเหน็จ 1,200,000 บาท นายโอภาสได้รับเงินเดือนเดือนสุดท้ายก่อนออกจากงาน 40,000 บาท ให้ค่านวณภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย การค านวณภาษีหัก ณ ที่จ่ายจากเงินบ าเหน็จ นายโอภาสได้รับเงินบ่าเหน็จ (40,000 x 30) หัก ค่าใช้จ่ายส่วนแรก (7,000 x 30) คงเหลือ หัก ค่าใช้จ่ายส่วนที่สอง 50% ของที่เหลือ (990,000 x 50%) เงินบ่าเหน็จที่ต้องน่าไปค่านวณภาษี ค่านวณภาษี เงินได้สุทธิ 300,000 บาท แรก เสียภาษี 5% เงินได้สุทธิ195,000 บาท ที่เหลือ เสียภาษี 10% ภาษีหัก ณ ที่จ่ายจากเงินบ่าเหน็จ 1,200,000 210,000 990,000 450,000 495,000 15,000 19,500 34,500 เงินได้พึงประเมินที่นายจ้างจ่ายให้ ครั้งเดียวเพราะเหตุออกจากงาน ก่าหนดหักค่าใช้จ่ายส่วนแรก (7,000 x จ่านวนปีที่ท่างาน) เหลือเท่าใดหักค่าใช้จ่าย ส่วนที่สองอีกร้อยละ 50 ของเงินที่เหลือ เงินได้สุทธิน่าไปค่านวณภาษี ตามบัญชีอัตราภาษีเงินได้ บุคคละธรรมดา ผลลัพธ์ที่ได้คือ จ่านวนเงินภาษีหัก ณ ที่จ่าย 1 2 3 5 4


66 การค่านวณภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่ายจากเงินบ่าเหน็จ กรณีใช้วิธีการค่านวณต่างจากกฎหมายว่า ด้วยบ่าเหน็จ บ่านาญ มีขั้นตอนดังนี้ 1. เปรียบเทียบเงินเดือนเดือนสุดท้ายกับเงินเดือนถัวเฉลี่ย 12 เดือนสุดท้าย บวกร้อยละ 10 ของเงินเดือน ถัวเฉลี่ย แล้วเลือกจ่านวนที่น้อยกว่าไปใช้ค่านวณเงินบ่าเหน็จ - เงินเดือนเดือนสุดท้าย 40,000 - เงินเดือนถัวเฉลี่ย + 10% ของเงินเดือนถัวเฉลี่ย (35,000 x 9) + (40,000 x 3) = 36,250 + 10% ของ 36,250 39,875 บาท 12 ดังนั้นเลือกเงินเดือนถัวเฉลี่ย 39,875 มาใช้ค่านวณเงินบ่าเหน็จ แผนภูมิแสดงการค านวณภาษีหัก ณ ที่จ่ายจากเงินได้พึงประเมินประเภทที่1 และ 2 ที่นายจ่างจ่ายให้ครั้งเดียวเพราะเหตุออกจากงานกรณีจ่ายทั้งเงินบ าเหน็จและ เงินบ านาญ เงินได้พึงประเมินที่นายจ้างจ่ายให้ ครั้งเดียวเพราะเหตุออกจากงาน หักค่าใช้จ่ายส่วนแรก (3,500 x จ่านวนปีที่ท่างาน) เหลือเท่าใดหักค่าใช้จ่าย ส่วนที่สองอีกร้อยละ 50 ของเงินที่เหลือ เงินได้สุทธิน่าไปค่านวณภาษี ตามบัญชีอัตราภาษีเงินได้ บุคคละธรรมดา ผลลัพธ์ที่ได้คือ จ่านวนเงินภาษีหัก ณ ที่จ่าย 1 2 3 5 4 กรณีใช้วิธีต่างจากกฎหมายว่าด้วยบ าเหน็จบ านาญ ตัวอย่าง นายพงษ์พัฒน์ท่างานมานาน 20 ปี ลาออกจากงานเมื่อวันที่ 31 ธันวาคม ได้รับเงินที่นาย จ่ายให้ครั้งเดียวเพราะเหตุออกจากงาน 800,000 บาท นายพงษ์พัฒน์ได้รับเงินเดือน เดือนมกราคมกันยายนเดือนละ 35,000 บาท และระหว่างเดือนตุลาคม-ธันวาคมเดือนละ 40,00 บาท ให้ค่านวณภาษี เงินได้หัก ณ ที่จ่าย


67 2. เปรียบเทียบเงินบ่าเหน็จที่นายจ้างจ่ายให้และเงินบ่าเหน็จที่ค่านวณจากเงินเดือนถัวเฉลี่ย แล้ว เลือกจ่านวน ที่น้อยกว่าไปใช้ค่านวณหาค่าใช้จ่าย - เงินบ่าเหน็จที่นายจ้างจ่ายให้ 800,000 บาท - เงินบ่าเหน็จที่ค่านวณจากเงินเดือนถัวเฉลี่ย x จ่านวนปีที่ท่างาน 797,500 บาท (39,875 x 20) ดังนั้นเลือกเงินบ่าเหน็จที่ค่านวณจากเงินเดือนถัวเฉลี่ยไปใช้ค่านวณหาค่าใช้จ่าย 3. ค่านวณภาษีหัก ณ ที่จ่ายจากเงินบ่าเหน็จ นายพงษ์เทพได้รับเงินบ่าเหน็จ 800,000 หัก ค่าใช้จ่ายส่วนแรก (7,000 x 20) 140,000 ค่าใช้จ่ายส่วนที่สอง 50% ของที่เหลือ (797,500 -140,000) x 50% 328,750 468,750 เงินบ่าเหน็จที่ต้องน่าไปค่านวณภาษี 331,250 ค่านวณภาษี เงินได้สุทธิ300,000 บาท แรก เสียภาษี5% 15,000 เงินได้สุทธิ31,250 บาท ที่เหลือ เสียภาษี10% 3,125 ภาษีหัก ณ ที่จ่ายจากเงินบ่าเหน็จ 18,125 กรณีได้รับทั้งเงินบ าเหน็จและเงินบ านาญ การค่านวณภาษีหัก ณ ที่จ่ายจากเงินบ่าเหน็จ นายบรรหารได้รับเงินบ่าเหน็จ หัก ค่าใช้จ่ายส่วนแรก (3,500 x 35) คงเหลือ หัก ค่าใช้จ่ายส่วนที่สอง 50% ของที่เหลือ (677,500 x 50%) เงินบ่าเหน็จที่ต้องน่าไปค่านวณภาษี ค่านวณภาษี เงินได้สุทธิ 300,000 บาท แรก เสียภาษี 5% เงินได้สุทธิ 38,750 บาท ที่เหลือ เสียภาษี 10% ภาษีหัก ณ ที่จ่ายจากเงินบ่าเหน็จ 800,000 122,500 677,500 388,750 388,750 15,000 3,875 18,875 ตัวอย่าง นายอานนท์ท่างานมานาน 35 ปี ออกจากงานได้รับทั้งเงินบ่าเหน็จและเงินบ่านาญ โดย ได้รับเงินบ่าเหน็จ 800,000 บาท ให้ค่านวณภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย


68 5,000 3,000 4,000 การหักภาษีณ ที่จ่ายจากเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 (3) และ (4) ตัวอย่าง บริษัท ส่านักพิมพ์กระดังงาจ่ากัด จ่ายค่าลิขสิทธิ์ให้นางสาวเมวอน ชาวเกาหลี200,000 บาท การค่านวณภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย ค่าลิขสิทธิ์ที่จ่ายให้แก่นางสาวเมวอน 200,000 บาท ค่านวณภาษีหัก ณ ที่จ่าย ในอัตราร้อยละ 15 (200,000 x 15%) เป็นเงิน ดังนั้นบริษัท ส่านักพิมพ์กระดังงา จ่ากัด ต้องหักภาษี ณ ที่จ่ายจากค่านายหน้า ที่จ่ายให้ นางสาวเมวอนจ่านวน 30,000 บาท 30,000 ตัวอย่าง บริษัท สหสมัย จ่ากัด จ่ายเงินปันผลให้ผู้ถือหุ้น 3 คน ดังนี้นายบวร 50,000 นางสาวศิรินุช 30,000 บาท นางวรรณวดี45,000 บาท ให้ค่านวณภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย การค่านวณภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย - เงินปันผลที่จ่ายให้นายบวร 50,000 บาท หัก ภาษี ณ ที่จ่ายในอัตราร้อยละ 10 (30,000 x 10%) เป็นเงิน - เงินปันผลที่จ่ายให้นางสาวศิรินุช 30,000 บาท หัก ภาษี ณ ที่จ่ายในอัตราร้อยละ 10 (30,000 x 10%) เป็นเงิน - เงินปันผลที่จ่ายให้นางวรรณวดี45,000 บาท หัก ภาษี ณ ที่จ่ายในอัตราร้อยละ 10 (45,000 x 10%) เป็นเงิน ดังนั้นบริษัท สหสมัย จ่ากัด ต้องหักภาษี ณ ที่จ่ายจากเงินปันผลที่ จ่ายให้นายบวร 5,000 บาท นางสาวศิรินุช 3,000 บาท และ นางวรรรณวดี4,500 บาท


69 พ.ศ.25x1 รายการ เลขที่ บัญชี เดบิต เครดิต เดือน วันที่ บาท สต. บาท สต. ส.ค. 31 ค่าออกแบบก่อสร้างอาคาร 300,000 - เงินสด 255,000 - ภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย 45,000 - จ่ายเงินค่าออกแบบก่อสร้างอาคาร ก.ย. 7 ภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย 45,000 - เงินสด 45,000 - น่าส่งภาษีหัก ณ ที่จ่าย ตัวอย่าง นายชาติไทย รับราชการเป็นเวลา 30 ปี ได้รับเงินเดือนก่อนออกจากงานเดือนละ 50,000 บาท ลาออกจากงานเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 25x1 ได้รับเงินจากกองทุนบ่าเหน็จบ่านาญข้าราชการ 1,500,000 บาท นายชาติไทย จะเสียภาษีเงินได้ส่าหรับเงินได้จากกองทุนบ่าเหน็จบ่านาญข้าราชการ ดังนี้ การค่านวณภาษีหัก ณ ที่จ่ายของนายชาติไทย ตัวอย่าง บริษัท กว้างใหญ่จ่ากัด จ่ายค่าเช่าสถานที่ในการจัดแสดงสินค้าที่ประเทศลาว ให้บริษัท เอ็น เอที จ่ากัด ซึ่งมิได้เป็นผู้อยู่ในประเทศไทย 50,000 บาท ให้ค่านวณภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย การหักภาษีณ ที่จ่ายจากเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 (5) และ (8) การค่านวณภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย ค่าเช่าสถานที่ในการจัดแสดงสินค้า 50,000 บาท ค่านวณภาษีหัก ณ ที่จ่ายในอัตราร้อยละ 15 (50,000 x 15%) เป็นเงิน ดังนั้นบริษัท กว้างไพศาล จ่ากัด ต้องหักภาษี ณ ที่จ่ายจากค่าเช่าสถานที่ในการจัดแสดง สินค้าที่จ่ายให้บริษัท เอ็นเอทีจ่ากัด จ่านวน 7,500 บาท 7,500 การค่านวณภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย ค่าออกแบบก่อสร้างอาคารส่านักงาน 300,000 บาท ค่านวณภาษีหัก ณ ที่จ่ายในอัตราร้อยละ 15 (300,000 x 15%) เป็นเงิน ดังนั้นบริษัท สะแกกรัง จ่ากัด ต้องหักภาษี ณ ที่จ่ายจากค่าออกแบบ ก่อสร้างอาคารที่จ่ายให้ บริษัท โนบุจ่ากัด จ่านวน 45,000 บาท 45,000 ตัวอย่าง บริษัท สะแกกรัง จ่ากัด จ่ายค่าออกแบบก่อสร้างอาคารส่านักงานให้บริษัท โนบุ จ่ากัด ประเทศญี่ปุ่น จ่านวน 300,000 บาท ให้ค่านวณภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย


70 การค านวณ เงินได้ที่จ่ายจากกองทุนบ่าเหน็จบ่านาญข้าราชการ 1,500,000 หักค่าใช้จ่าย ค่าใช้จ่ายส่วนแรก(7,000 x 30) 210,000 เงินได้พึงประเมินส่วนที่เหลือ 1,290,000 ค่าใช้จ่ายส่วนที่สอง(1,290,000x 50%) 645,000 เงินได้สุทธิ 645,000 ค่านวณภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่ายตามอัตราก้าวหน้าซึ่งจะไม่ได้สิทธิยกเว้น 150,000 บาทแรก ภาษีที่ต้องช่าระ (300,000 x 5/100)+ (200,000 x 10/100)+ (145,000 x 15/100) 56,750 บาท การบันทึกบัญชี สมุดรายวันทั่วไป หน้า 5 พ.ศ.25x1 รายการ เลขที่ บัญชี เดบิต เครดิต เดือน วันที่ บาท สต. บาท สต. ก.ย. 30 เงินบ่าเหน็จ 1,500,000 - เงินสด 1,443,250 - ภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย 56,750 - จ่ายเงินบ่าเหน็จ ต.ค 7 ภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย 56,750 - เงินสด 56,750 - น่าส่งภาษีหัก ณ ที่จ่าย ตัวอย่าง นายประดิษฐ์ท่างานมาเป็นเวลา 20 ปีขอลาออก ได้รับเงินจากนายจ้าง 500,000 บาท นายประดิษฐ์ จะเสียภาษีหัก ณ ที่จ่ายเท่าใด การเสียภาษีหัก ณ ที่จ่ายของนายประดิษฐ์ นายประดิษฐ์ได้รับเงินชดเชยตามกฎหมายแรงงานจากนายจ้าง 500,000 บาท ท่างานมา 20 ปี นายประดิษฐ์จะเลือกเสียภาษีเงินได้โดยไม่น่าไปรวมค่านวณกับเงินได้อย่างอื่น การค านวณ เงินได้จากเงินชดเชยตามกฎหมายแรงงานจากนายจ้าง 500,000 หักค่าใช้จ่าย ค่าใช้จ่ายส่วนแรก(7,000 x 20) 140,000 เงินได้พึงประเมินส่วนที่เหลือ 360,000 ค่าใช้จ่ายส่วนที่สอง(360,000x 50%) 180,000 เงินได้สุทธิ 180,000 ค่านวณภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่ายตามอัตราก้าวหน้าซึ่งจะไม่ได้สิทธิยกเว้น 150,000 บาทแรก ภาษีที่ต้องช่าระ( 180,000 x 5/100) = 9,000 บาท


71 การบันทึกบัญชี สมุดรายวันทั่วไป หน้า 1 พ.ศ.25x1 รายการ เลขที่ บัญชี เดบิต เครดิต เดือน วันที่ บาท สต. บาท สต. ธ.ค. 31 เงินชดเชยตามกฎหมายแรงงาน 500,000 - เงินสด 491,000 - ภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย 9,000 - จ่ายเงินชดชยตามกฎหมายแรงงาน ม.ค. 7 ภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย เงินสด น่าส่งภาษีหัก ณ ที่จ่าย 9,000 - 9,000 - แบบแสดง รายการ รายการและประเภทของเงินได้พึงประเมิน ก าหนดเวลายื่นรายการ และช าระภาษี ภ.ง.ด.1 แบบยื่นรายการภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย ส่าหรับเงินได้ พึงประเมินตามมาตรา 40(1) และ (2) ภายในวันที่ 7 ของเดือนถัดไป ภ.ง.ด.2 แบบยื่นรายการภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย ส่าหรับเงินได้ พึงประเมินตามมาตรา 40(3) และ (4) ภายในวันที่ 7 ของเดือนถัดไป ภ.ง.ด.3 แบบยื่นรายการภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย ส่าหรับเงินได้ พึงประเมินตามมาตรา 40(5) (6) (7) และ (8) ภายในวันที่ 7 ของเดือนถัดไป ภ.ง.ด.1ก แบบยื่นรายการภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย ประจ่าปี ส่าหรับเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40(1) และ (2) ภายในเดือนกุมภาพันธ์ ของปีถัดไป ภ.ง.ด.1ก พิเศษ แบบยื่นรายการภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย ประจ่าปี ส่าหรับเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40(1) และ (2) กรณีมีการตั้งฎีกาเบิกเงินเฉพาะข้าราชการครูและ ลูกจ้างของส่วนราชการ ภายในเดือนกุมภาพันธ์ของ ปีถัดไป ภ.ง.ด.2ก แบบยื่นรายการแสดงการหักภาษี ณ ที่จ่ายประจ่าปี ส่าหรับเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40(3) และ(4) ภายในเดือนมกราคมของ ปีถัดไป ภ.ง.ด.3ก แบบยื่นรายการแสดงการหักภาษี ณ ที่จ่ายประจ่าปี ส่าหรับเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40(5)(6)(7)และ(8) ภายในเดือนมกราคมของ ปีถัดไป


72 ตามมาตรา 50 แห่งประมวลรัษฎากร ก่าหนดให้บุคคล ห้างหุ้นส่วน บริษัท สมาคม หรือคณะบุคคลผู้ จ่ายเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 หักภาษีเงินได้ไว้ทุกครั้งที่มีการจ่ายเงินได้พึงประเมิน และน่าภาษีหัก ณ ที่จ่ายดังกล่าว น่าส่งให้แก่รัฐบาลภายใน 7 วัน นับแต่วันสิ้นเดือนของเดือนที่จ่ายเงินได้พึงประเมิน สรุป


เนื้อหา ภาษี e-Service สาระส าคัญ ภาษี e-Service เป็นภาษีที่เก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม (Vat)กับผู้ให้บริการทางอิเล็กทรอนิกส์จากต่างประเทศ และอิเล็กทรอนิกส์แพลตฟอร์มต่าง ๆ ถ้ายอดขายเกิด 1.8 ล้านบาทต่อปี จะต้องน่าส่ง Vatให้กรมสรรพากร ซึ่งปัจจุบันคิดอัตรา 7% ของราคาค่าบริการ สมรรถนะประจ าหน่วย แสดงความรู้เกี่ยวกับภาษี e-Service เนื้อหาสาระ ภาษี e-Service ภาษี e-Service คือ การเรียกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) กับผู้ให้บริการทางอิเล็กทรอนิกส์จาก ต่างประเทศ (e-Service) และอิเล็กทรอนิกส์แพลตฟอร์มต่าง ๆ โดยถ้ามียอดขายเกิน 1.8 ล้านบาทต่อปี จะต้องน่าส่ง VAT ให้กรมสรรพากร ซึ่งปัจจุบันคิดอัตรา 7% ของราคาค่าบริการ โดยค่านวณจากภาษีขาย ไม่ให้หักภาษีซื้อและห้ามออกใบก่ากับภาษี รูปที่ 8.1 การจัดเก็บภาษี ที่มา :https://money.kapook.com/view246039.html ใบความรู้หน่วยที่ 8 สอนครั้งที่16-17 หลักสูตร ประกาศนียบัตรวิชาชีพ(ปวช.)พุทธศักราช 2562 หน่วยที่ 8 วิชา การบัญชีภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา รหัส 20201-2005 ท-ป-น ( 1-4-3) รวม 10 ชม. ชื่อหน่วยการเรียนรู้ ภาษี e-Service จ่านวน 10 ชม.


74 เหตุผลการจัดเก็บภาษี e-Service เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมระหว่างผู้ประกอบการไทย กับผู้ประกอบการจากต่างประเทศนั่นเอง เพราะ โดยปกติแล้วเมื่อท่าธุรกิจ ผู้ประกอบการไทยต้องยื่นภาษีช่าระ VAT 7% ให้กรมสรรพากรมาโดยตลอด แต่ ผู้ประกอบการจากต่างประเทศที่มีรายได้ในประเทศไทยกลับไม่ต้องเสียภาษี VAT เลย เนื่องจากกฎหมายเดิม ไม่ได้ครอบคลุมถึง ดังนั้น กฎหมาย e-Service จึงออกมาช่วยปิดช่องโหว่ตรงนี้ เพื่อให้ผู้ประกอบการต่างชาติต้องจด ทะเบียนและเสียภาษีเช่นเดียวกับผู้ประกอบการไทย ซึ่งกรมสรรพากรก็คาดว่าจะสามารถจัดเก็บ ภาษีมูลค่าเพิ่มได้เพิ่มขึ้นปีละ 5,000 ล้านบาท และไม่ใช่แค่ประเทศไทยเท่านั้นที่มีการจัดเก็บภาษี e-Service แต่กว่า 60 ประเทศ เช่น ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ สิงคโปร์ มาเลเซีย ไต้หวัน ฯลฯ ก็ได้ออกกฎหมายเกี่ยวกับ เรื่องนี้ เพื่อให้ผู้ประกอบการอิเล็กทรอนิกส์แพลตฟอร์มต่างประเทศจดทะเบียนและน่าส่งภาษีมูลค่าเพิ่มให้แก่ หน่วยงานจัดเก็บภาษีของประเทศนั้น ๆ ภาษี e-Service ในประเทศไทย ประเทศไทยได้ประกาศ พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 53) พ.ศ. 2564 หรือ พ.ร.บ. eService เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2564 โดยจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2564 เป็นต้นไป โดย ผู้ประกอบการที่ได้ให้บริการทางอิเล็กทรอนิกส์จากต่างประเทศและอิเล็กทรอนิกส์แพลตฟอร์มต่างประเทศที่มี รายรับเกินกว่า 1.8 ล้านบาทต่อปี จากการให้บริการทางอิเล็กทรอนิกส์แก่ผู้ให้บริการในประเทศไทยซึ่งไม่ใช่ ผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม มีหน้าที่จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มและเสียภาษีมูลค่าเพิ่มให้แก่ กรมสรรพากร การบริการทางอิเล็กทรอนิกส์ การบริการทางอิเล็กทรอนิกส์ หมายถึง บริการซึ่งรวมถึงทรัพย์สินที่ไม่มีรูปร่างที่ส่งมอบโดยผ่านทาง เครือข่ายอินเทอร์เน็ตหรือเครือข่ายทางอิเล็กทรอนิกส์อื่นใด ซึ่งลักษณะของบริการเป็นไปโดยอัตโนมัติ โดย บริการดังกล่าวไม่สามารถกระท่าได้หากปราศจากเทคโนโลยสารสนเทศ เช่น การให้บริการดาวโหลดเกม เพลง ภาพยนตร์ออนไลน์ การให้บริการพื้นที่โฆษณาบนเว็บไซต์หรือสื่อสังคมออนไลน์ ธุรกิจที่ต้องจดภาษี e-Service รูปที่ 8.2 บริการทางอิเล็กทรอนิกส์ ที่มา :https://money.kapook.com/view246039.html


75 ธุรกิจที่เกี่ยวข้องโดยตรงคือแพลตฟอร์มของบริษัทต่างประเทศที่ให้บริการทางออนไลน์ในประเทศไทย แบ่งเป็น 5 กลุ่มหลัก คือ 1. ธุรกิจให้บริการแพลตฟอร์มส่าหรับขายของออนไลน์ เช่น Amazon, Alibaba 2. ธุรกิจให้บริการพื้นที่โฆษณาบนเว็บไซต์ หรือสื่อสังคมออนไลน์ เช่น Facebook, Google 3. ธุรกิจให้บริการจองโรงแรมที่พักและการเดินทาง เช่น Agoda, Booking, Airbnb 4. ธุรกิจให้บริการเป็นตัวกลางระหว่างผู้ซื้อ-ผู้ขาย เช่น บริการเรียกรถรับ-ส่ง, ขนส่ง 5. ธุรกิจให้บริการสมาชิกดูหนัง-ฟังเพลงออนไลน์ เล่นเกม และแอปพลิเคชันต่าง ๆ เช่น Netflix, Disney, YouTube, IQIYI, Spotify, App Store, Play Store, Zoom, Slack โดยทั้ง 5 กลุ่มธุรกิจนี้ หากมีรายได้เกิน 1.8 ล้านบาทต่อปี และยังไม่ได้จดทะเบียน VAT จะต้องมา จดทะเบียนและด่าเนินการทางภาษีผ่านระบบงานภาษีมูลค่าเพิ่มส่าหรับการให้บริการทางอิเล็กทรอนิกส์จาก ต่างประเทศ (VAT for Electronic Service : VES) บนเว็บไซต์ของกรมสรรพากร ถ้าต้องการทราบว่าผู้ประกอบการรายไหนจดทะเบียน VAT ในไทยแล้วบ้าง สามารถตรวจสอบรายชื่อ ได้ที่นี่เลย eservice.rd.go.th การจดทะเบียนภาษี e-Service ผู้ประกอบการที่ได้ให้บริการทางอิเล็กทรอนิกส์และอิเล็กทรอนิกส์แพลตฟอร์มจากต่างประเทศที่ได้ ให้บริการแก่ผู้ใช้บริการที่ไม่ได้จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มในประเทศไทย ต้องยื่นค่าร้องขอจดทะเบียน ภาษีมูลค่าเพิ่มภายใน 30 วันนับแต่วันที่มีรายรับเกิน 1.8 ล้านบาท หน้าที่ของผู้ให้บริการทางอิเล็กทรอนิกส์และแพลตฟอร์ม e-Service ผู้ประกอบการจะทะเบียนจะต้องยื่นแบบแสดงรายการภาษีมูลค่าเพิ่ม (P.P.30.9) พร้อมกับช่าระภาษี เป็นรายเดือนโดยให้ด่าเนินการผ่านระบบ SVE บนเว็บไซต์ของกรมสรรพากร ซึ่งผู้ประกอบการสามารถยื่นฯ แบบได้ตั้งแต่วันที่ 1-23 ของเดือนภาษีถัดไป และให้ผู้ประกอบการยื่นแบบฯทุกเดือนไม่ว่าจะมีรายรับจากการ ให้บริการในเดือนภาษีนั้นหรือไม่ก็ตาม การช าระภาษี การช่าระภาษีสามารถช่าระได้ 2 วิธีการดังต่อไปนี้ด้วยสกุลเงินบาทโดยให้ด่าเนินการผ่านระบบ SVE 1. การโอนเงินเข้าบัญชีเงินฝากของกรมสรรพากร 2. การช่าระด้วยบัตรเครดิต หน้าที่ของผู้ให้บริการทางอิเล็กทรอนิกส์และแพลตฟอร์ม e-Service ต้องจัดท่ารายงาน ผู้ประกอบการจดทะเบียนมีหน้าที่ต้องจัดท่ารายงานภาษีขาย ตามแบบที่กรมสรรพากรก่าหนด ให้ลง รายงานภาษีขายภายใน 3 วันท่าการนับแต่วันที่ได้ให้บริการ และให้เก็บรักษารายงานภาษีขายพร้อมทั้ง เอกสารประกอบการลงรายงานเป็นเวลาไม่น้อยกว่า 5 ปี นับแต่วันที่ได้ท่ารายงาน การขอคืนภาษี ผู้ประกอบการจดทะเบียนมีสิทธิขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่มได้ในกรณีดังนี้ -เรียกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มจากผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม -เรียกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มจากบริการที่ไม่ได้ใช้ในประเทศไทย -เรียกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มจากฐานภาษีขายเดิมหรือช่าระภาษีเกินกว่าจ่านวนที่ต้องช่าระ


76 ผู้ประกอบการจดทะเบียนสามารถยื่นค่าร้องขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่มภายใน 3 ปีนับแต่วันที่ได้ช่าระภาษี การยื่นขอคืนเงินภาษีอากรและต้องแนบเอกสารหลักฐานเพื่อพิสูจน์ว่าได้เสียภาษีเกินไปโดยupload ผ่าน ระบบ SVE อย่างไรก็ดี ผู้ประกอบการจดทะเบียนไม่สามารถน่าภาษีมูลค่าเพิ่มที่ได้ช่าระไว้เกินในเดือนก่อนมาลด ยอดภาษีมูลค่าเพิ่มที่ต้องช่าระในเดือนปัจจุบัน(Offsetting) ที่มา : https://drive.google.com/drive/folders/1hiWM7ULmYJ_PgFVt4M1YAQwapFAc4v5H


77 ภาษีมูลค่าเพิ่มตามกฎหมาย e-Service เป็นภาษีในหมวดของภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ซึ่ง จัดเก็บจากการซื้อสินค้าและบริการ แตกต่างจากภาษีเงินได้ที่เรายื่นและเสียภาษีกันในแต่ละปีที่ จัดเก็บจากฐานรายได้โดยทั่วไป ผู้ประกอบการที่กฎหมายก่าหนดจะมีหน้าที่จัดเก็บและน่าส่งภาษี ที่ว่านี้ให้กับรัฐบาล ภาษี e-Service คือ การเรียกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) กับผู้ให้บริการทางอิเล็กทรอนิกส์ จากต่างประเทศ (e-Service) และอิเล็กทรอนิกส์แพลตฟอร์มต่าง ๆ โดยถ้ามียอดขายเกิน 1.8 ล้านบาทต่อปี จะต้องน่าส่ง VAT ให้กรมสรรพากร ซึ่งปัจจุบันคิดอัตรา 7% ของราคาค่าบริการ โดยค่านวณจากภาษีขาย ไม่ให้หักภาษีซื้อและห้ามออกใบก่ากับภาษี สรุป


บรรณานุกรม กรมสรรพากร. (2565) คู่มือภาษีส่าหรับผู้ประกอบการ. (ออนไลน์) http:www.rd.go.th/6063.html จินตนา แสงวิจิตร. (2563) การบัญชีภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา. นนทบุรี: บริษัท ศูนย์หนังสือ เมืองไทย จ่ากัด. วรรณา วงศ์วิวัฒน์. (2564) การบัญชีภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา. กรุงเทพฯ : บริษัท ส่านักพิมพ์ เอมพันธ์ จ่ากัด. ศุภมาส เรืองลักษณ์วิลาศ. (2563) การบัญชีภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา. กรุงเทพฯ : พิมพ์ครั้งที่ 1 ส่านักพิมพ์บริษัทพัฒนาคุณภาพวิชาการ(พว.) จ่ากัด. ยุทธนา ศรีสวัสดิ์. iTAX ภาษีง่ายได้อีก. นนทบุรี : ธิงค์ บียอนด์ บุ๊คส์, 2557 (ออนไลน์) http:www.iTAX.in.th/Ped เยาวเรศ เวียงค่า. (2562) การบัญชีภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา. นนทบุรี : บริษัทศูนย์หนังสือ เมืองไทย จ่ากัด.


Click to View FlipBook Version