97 ค าอธิบายรายวิชาเพิ่มเติม รหัสวิชา อ16202 (ภาษาอังกฤษอ่าน-เขียน 6) กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 เวลาเรียน 40 ชั่วโมง/ปีการศึกษา ศึกษาวิเคราะห์ หลักการอ่านออกเสียง ข้อความ นิทานและบทกลอนสั้นๆ ค าสั่ง ค าขอร้อง และ ค าแนะน าที่ฟังและอ่าน ถูกต้องความหลักการอ่าน เลือกและระบุประโยค หรือข้อความสั้นๆ ตรงตามภาพ สัญลักษณ์หรือเครื่องหมายที่อ่าน การฟังและอ่านบทสนทนา นิทานง่ายๆ และเรื่องเล่า พูดและเขียนโต้ตอบใน การสื่อสารระหว่างบุคคล แสดงความต้องการขอความช่วยเหลือ ตอบรับและปฏิเสธการให้ความช่วยเหลือใน สถานการณ์ง่ายๆ ให้ข้อมูลเกี่ยวกับตนเอง เพื่อน และสิ่งแวดล้อมใกล้ตัว แสดงความรู้สึกของตนเองเกี่ยวกับ เรื่องต่างๆ ใกล้ตัว เขียนภาพ แผนผัง แผนภูมิ และตารางแสดงข้อมูลต่าง ๆ ที่ฟังหรืออ่าน เปรียบเทียบความ เหมือนและความแตกต่างระหว่างเทศกาล งานฉลองและประเพณีของเจ้าของภาษากับของไทย ค้นคว้า รวบรวมคาศัพท์ที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มสาระการเรียนรู้อื่นจากแหล่งเรียนรู้ และนาเสนอด้วยการพูดและการเขียน ใช้ภาษาสื่อสารในสถานการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นในห้องเรียนและสถานศึกษา รวมถึงในการใช้ภาษาต่างประเทศ ในการสืบค้นและรวบรวมข้อมูลต่างๆ โดยใช้กระบวนการทางภาษานามาปฏิบัติ ได้แก่ อ่านออกเสียง เลือก ระบุ บอกใจความส าคัญ ตอบคาถาม พูด เขียนโต้ตอบ บรรยาย สืบค้น ค้นคว้า รวบรวม เพื่อให้นักเรียนมี ความสามารถในการสื่อสาร การคิด การแก้ปัญหา การใช้ทักษะชีวิต เทคโนโลยี และ มีวินัย ใฝ่เรียนรู้ มุ่งมั่นใน การท างาน และมีเจคติที่ดีต่อวิชาภาษาอังกฤษ ผลการเรียนรู้ 1. นักเรียนสามารถเขียนและอ่านออกเสียงค าศัพท์ที่ก าหนดให้ได้ 2. นักเรียนสามารถให้ข้อมูลเกี่ยวกับตนเอง และข้อมูลของผู้อื่นได้ 3. นักเรียนเข้าใจและปฏิบัติตามค าสั่งง่ายๆ 4. นักเรียนสามารถสะกดค าศัพท์ได้ถูกต้อง 5. นักเรียนสามารถถาม-ตอบประโยคง่ายๆได้ 6. นักเรียนเข้าใจ ค าสั่ง ค าขอร้อง ภาษาท่าทาง และค าแนะน าในสถานศึกษา 7. นักเรียนเข้าใจบทสนทนาและบทความสั้นๆได้ 8. นักเรียนสามารถใช้และเข้าใจไวยากรณ์ภาษาอังกฤษพื้นฐานได้ รวมทั้งหมด 8 ผลการเรียนรู้
98 ค าอธิบายรายวิชา เพิ่มเติม กลุ่มสาระการเรียนรู้การป้องกันการทุจริต รายวิชาเพิ่มเติมส11203 การป้องกันการทุจริต จ านวน 40 ชั่วโมงส12203 การป้องกันการทุจริต จ านวน 40 ชั่วโมงส13203 การป้องกันการทุจริต จ านวน 40 ชั่วโมงส14203 การป้องกันการทุจริต จ านวน 40 ชั่วโมงส15203 การป้องกันการทุจริต จ านวน 40 ชั่วโมงส16203 การป้องกันการทุจริต จ านวน 40 ชั่วโมง
99 ค าอธิบายรายวิชา วิชาเพิ่มเติม ส11203 วิชาการป้องกันการทุจริต ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 เวลา 40 ชั่วโมง ศึกษาเกี่ยวกับการแยกแยะระหว่างผลประโยชน์ส่วนตนกับผลประโยชน์ส่วนรวม ความละอายและ ความ ไม่ทนต่อการทุจริต STRONG / จิตพอเพียงต่อต้านการทุจริต รู้หน้าที่ของพลเมืองและรับผิดชอบต่อ สังคมในการ ต่อต้านการทุจริต โดยใช้กระบวนการคิด วิเคราะห์ จ าแนก แยกแยะ การฝึกปฏิบัติจริง การท า โครงงานกระบวนการ เรียนรู้5 ขั้นตอน (5 STEPs) การอภิปราย การสืบสอบ การแก้ปัญหา ทักษะการอ่านและการเขียน เพื่อให้มีความตระหนักและเห็นความส าคัญของการต่อต้านและการป้องกันการทุจริต ผลการเรียนรู้ 1. มีความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับการแยกแยะระหว่างผลประโยชน์ส่วนตน กับผลประโยชน์ส่วนรวม 2. มีความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับความละอายและความไม่ทนต่อการทุจริต 3. มีความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับ STRONG / จิตพอเพียงต่อต้านการทุจริต 4. มีความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับพลเมืองและมีความรับผิดชอบต่อสังคม 5. สามารถคิดแยกแยะระหว่างผลประโยชน์ส่วนตน กับผลประโยชน์ส่วนรวมได้ 6. ปฏิบัติตนเป็นผู้ละอายและไม่ทนต่อการทุจริตทุกรูปแบบ 7. ปฏิบัติตนเป็นผู้ที่ STRONG / จิตพอเพียงต่อต้านการทุจริต 8. ปฏิบัติตนตามหน้าที่พลเมืองและมีความรับผิดชอบต่อสังคม 9. ตระหนักและเห็นความส าคัญของการต่อต้านและป้องกันการทุจริต รวมทั้งหมด 9 ผลการเรียนรู้
100 ค าอธิบายรายวิชา วิชาเพิ่มเติม ส12203 วิชาการป้องกันการทุจริต ชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 เวลา 40 ชั่วโมง ศึกษาเกี่ยวกับการแยกแยะระหว่างผลประโยชน์ส่วนตนกับผลประโยชน์ส่วนรวม ความละอายและ ความ ไม่ทนต่อการทุจริต STRONG / จิตพอเพียงต่อต้านการทุจริต รู้หน้าที่ของพลเมืองและรับผิดชอบต่อ สังคมในการ ต่อต้านการทุจริต โดยใช้กระบวนการคิด วิเคราะห์ จ าแนก แยกแยะ การฝึกปฏิบัติจริง การท า โครงงานกระบวนการ เรียนรู้5 ขั้นตอน (5 STEPs) การอภิปราย การสืบสอบ การแก้ปัญหา ทักษะการอ่านและการเขียน เพื่อให้มีความตระหนักและเห็นความส าคัญของการต่อต้านและการป้องกันการทุจริต ผลการเรียนรู้ 1. มีความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับการแยกแยะระหว่างผลประโยชน์ส่วนตน กับผลประโยชน์ส่วนรวม 2. มีความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับความละอายและความไม่ทนต่อการทุจริต 3. มีความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับ STRONG / จิตพอเพียงต่อต้านการทุจริต 4. มีความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับพลเมืองและมีความรับผิดชอบต่อสังคม 5. สามารถคิดแยกแยะระหว่างผลประโยชน์ส่วนตน กับผลประโยชน์ส่วนรวมได้ 6. ปฏิบัติตนเป็นผู้ละอายและไม่ทนต่อการทุจริตทุกรูปแบบ 7. ปฏิบัติตนเป็นผู้ที่ STRONG / จิตพอเพียงต่อต้านการทุจริต 8. ปฏิบัติตนตามหน้าที่พลเมืองและมีความรับผิดชอบต่อสังคม 9. ตระหนักและเห็นความส าคัญของการต่อต้านและป้องกันการทุจริต รวมทั้งหมด 9 ผลการเรียนรู้
101 ค าอธิบายรายวิชา วิชาเพิ่มเติม ส13203 วิชาการป้องกันการทุจริต ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 เวลา 40 ชั่วโมง ศึกษาเกี่ยวกับการแยกแยะระหว่างผลประโยชน์ส่วนตนกับผลประโยชน์ส่วนรวม ความละอายและ ความ ไม่ทนต่อการทุจริต STRONG / จิตพอเพียงต่อต้านการทุจริต รู้หน้าที่ของพลเมืองและรับผิดชอบต่อ สังคมในการ ต่อต้านการทุจริต โดยใช้กระบวนการคิด วิเคราะห์ จ าแนก แยกแยะ การฝึกปฏิบัติจริง การท า โครงงานกระบวนการ เรียนรู้5 ขั้นตอน (5 STEPs) การอภิปราย การสืบสอบ การแก้ปัญหา ทักษะการอ่านและการเขียน เพื่อให้มีความตระหนักและเห็นความส าคัญของการต่อต้านและการป้องกันการทุจริต ผลการเรียนรู้ 1. มีความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับการแยกแยะระหว่างผลประโยชน์ส่วนตน กับผลประโยชน์ส่วนรวม 2. มีความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับความละอายและความไม่ทนต่อการทุจริต 3. มีความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับ STRONG / จิตพอเพียงต่อต้านการทุจริต 4. มีความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับพลเมืองและมีความรับผิดชอบต่อสังคม 5. สามารถคิดแยกแยะระหว่างผลประโยชน์ส่วนตน กับผลประโยชน์ส่วนรวมได้ 6. ปฏิบัติตนเป็นผู้ละอายและไม่ทนต่อการทุจริตทุกรูปแบบ 7. ปฏิบัติตนเป็นผู้ที่ STRONG / จิตพอเพียงต่อต้านการทุจริต 8. ปฏิบัติตนตามหน้าที่พลเมืองและมีความรับผิดชอบต่อสังคม 9. ตระหนักและเห็นความส าคัญของการต่อต้านและป้องกันการทุจริต รวมทั้งหมด 9 ผลการเรียนรู้
102 ค าอธิบายรายวิชา วิชาเพิ่มเติม ส14203 วิชาการป้องกันการทุจริต ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 เวลา 40 ชั่วโมง ศึกษาเกี่ยวกับการแยกแยะระหว่างผลประโยชน์ส่วนตนกับผลประโยชน์ส่วนรวม ความละอายและ ความ ไม่ทนต่อการทุจริต STRONG / จิตพอเพียงต่อต้านการทุจริต รู้หน้าที่ของพลเมืองและรับผิดชอบต่อ สังคมในการ ต่อต้านการทุจริต โดยใช้กระบวนการคิด วิเคราะห์ จ าแนก แยกแยะ การฝึกปฏิบัติจริง การท า โครงงานกระบวนการ เรียนรู้5 ขั้นตอน (5 STEPs) การอภิปราย การสืบสอบ การแก้ปัญหา ทักษะการอ่านและการเขียน เพื่อให้มีความตระหนักและเห็นความส าคัญของการต่อต้านและการป้องกันการทุจริต ผลการเรียนรู้ 1. มีความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับการแยกแยะระหว่างผลประโยชน์ส่วนตน กับผลประโยชน์ส่วนรวม 2. มีความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับความละอายและความไม่ทนต่อการทุจริต 3. มีความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับ STRONG / จิตพอเพียงต่อต้านการทุจริต 4. มีความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับพลเมืองและมีความรับผิดชอบต่อสังคม 5. สามารถคิดแยกแยะระหว่างผลประโยชน์ส่วนตน กับผลประโยชน์ส่วนรวมได้ 6. ปฏิบัติตนเป็นผู้ละอายและไม่ทนต่อการทุจริตทุกรูปแบบ 7. ปฏิบัติตนเป็นผู้ที่ STRONG / จิตพอเพียงต่อต้านการทุจริต 8. ปฏิบัติตนตามหน้าที่พลเมืองและมีความรับผิดชอบต่อสังคม 9. ตระหนักและเห็นความส าคัญของการต่อต้านและป้องกันการทุจริต รวมทั้งหมด 9 ผลการเรียนรู้
103 ค าอธิบายรายวิชา วิชาเพิ่มเติม ส15203 วิชาการป้องกันการต้านทุจริต ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 เวลา 40 ชั่วโมง ศึกษาเกี่ยวกับการแยกแยะระหว่างผลประโยชน์ส่วนตนกับผลประโยชน์ส่วนรวม ความละอายและ ความ ไม่ทนต่อการทุจริต STRONG / จิตพอเพียงต่อต้านการทุจริต รู้หน้าที่ของพลเมืองและรับผิดชอบต่อ สังคมในการ ต่อต้านการทุจริต โดยใช้กระบวนการคิด วิเคราะห์ จ าแนก แยกแยะ การฝึกปฏิบัติจริง การท า โครงงานกระบวนการ เรียนรู้5 ขั้นตอน (5 STEPs) การอภิปราย การสืบสอบ การแก้ปัญหา ทักษะการอ่านและการเขียน เพื่อให้มีความตระหนักและเห็นความส าคัญของการต่อต้านและการป้องกันการทุจริต ผลการเรียนรู้ 1. มีความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับการแยกแยะระหว่างผลประโยชน์ส่วนตน กับผลประโยชน์ส่วนรวม 2. มีความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับความละอายและความไม่ทนต่อการทุจริต 3. มีความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับ STRONG / จิตพอเพียงต่อต้านการทุจริต 4. มีความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับพลเมืองและมีความรับผิดชอบต่อสังคม 5. สามารถคิดแยกแยะระหว่างผลประโยชน์ส่วนตน กับผลประโยชน์ส่วนรวมได้ 6. ปฏิบัติตนเป็นผู้ละอายและไม่ทนต่อการทุจริตทุกรูปแบบ 7. ปฏิบัติตนเป็นผู้ที่ STRONG / จิตพอเพียงต่อต้านการทุจริต 8. ปฏิบัติตนตามหน้าที่พลเมืองและมีความรับผิดชอบต่อสังคม 9. ตระหนักและเห็นความส าคัญของการต่อต้านและป้องกันการทุจริต รวมทั้งหมด 9 ผลการเรียนรู้
104 ค าอธิบายรายวิชา วิชาเพิ่มเติม ส16203 วิชาการป้องกันการต้านทุจริต ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 เวลา 40 ชั่วโมง ศึกษาเกี่ยวกับการแยกแยะระหว่างผลประโยชน์ส่วนตนกับผลประโยชน์ส่วนรวม ความละอายและ ความ ไม่ทนต่อการทุจริต STRONG / จิตพอเพียงต่อต้านการทุจริต รู้หน้าที่ของพลเมืองและรับผิดชอบต่อ สังคมในการ ต่อต้านการทุจริต โดยใช้กระบวนการคิด วิเคราะห์ จ าแนก แยกแยะ การฝึกปฏิบัติจริง การท า โครงงานกระบวนการ เรียนรู้5 ขั้นตอน (5 STEPs) การอภิปราย การสืบสอบ การแก้ปัญหา ทักษะการอ่านและการเขียน เพื่อให้มีความตระหนักและเห็นความส าคัญของการต่อต้านและการป้องกันการทุจริต ผลการเรียนรู้ 1. มีความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับการแยกแยะระหว่างผลประโยชน์ส่วนตน กับผลประโยชน์ส่วนรวม 2. มีความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับความละอายและความไม่ทนต่อการทุจริต 3. มีความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับ STRONG / จิตพอเพียงต่อต้านการทุจริต 4. มีความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับพลเมืองและมีความรับผิดชอบต่อสังคม 5. สามารถคิดแยกแยะระหว่างผลประโยชน์ส่วนตน กับผลประโยชน์ส่วนรวมได้ 6. ปฏิบัติตนเป็นผู้ละอายและไม่ทนต่อการทุจริตทุกรูปแบบ 7. ปฏิบัติตนเป็นผู้ที่ STRONG / จิตพอเพียงต่อต้านการทุจริต 8. ปฏิบัติตนตามหน้าที่พลเมืองและมีความรับผิดชอบต่อสังคม 9. ตระหนักและเห็นความส าคัญของการต่อต้านและป้องกันการทุจริต รวมทั้งหมด 9 ผลการเรียนรู้
105 กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน เป็นกิจกรรมที่มุ่งให้ผู้เรียนพัฒนาตนเองตามศักยภาพ พัฒนาอย่างรอบด้าน เพื่อความเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ ทั้งร่างกาย สติปัญญา อารมณ์ และสังคม เสริมสร้างให้เป็นผู้มีศีลธรรม จริยธรรม มีระเบียบวินัย ปลูกฝังและสร้างจิตส านึกของการท าประโยชน์เพื่อสังคม สามารถจัดการตนเองได้ และอยู่ร่วมกับผู้อื่นอย่างมีความสุข โรงเรียนบ้านห้วยไร่ ได้จัดกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน โดยแบ่งออกเป็น ๓ ลักษณะ ดังนี้ กิจกรรมแนะแนว เป็นกิจกรรมที่จัดให้สอดคล้องกับสภาพปัญหา ความต้องการ ความสนใจ ธรรมชาติของ ผู้เรียน และวิสัยทัศน์ของสถานศึกษาที่ตอบสนองจุดมุ่งหมายของหลักสูตรแกนกลางการศึกษา ขั้น พื้นฐาน พุทธศักราช 2551 ให้ครอบคลุมทั้งด้านการศึกษา การงาน และอาชีพ ชีวิตและสังคม เน้น ผู้เรียนเป็นส าคัญ ผู้เรียนมีอิสระในการคิดและตัดสินใจด้วยตนเอง เรียนรู้ด้วยตนเอง ด้วยการปฏิบัติ จนกระทั่งเกิดทักษะชีวิต หรือการเรียนรู้ตลอดจนครูทุกคนมีส่วนร่วมในการจัดกิจกรรม โดยมีครูแนะแนว เป็นพี่เลี้ยงและประสานงาน การจัดกิจกรรมแนะแนวมีองค์ประกอบ 2 ด้าน ดังนี้ 1. ด้านการศึกษา ให้ผู้เรียนได้พัฒนาตนเองในด้านการเรียนอย่างเต็มตามศักยภาพ รู้จัก แสวงหาและใช้ข้อมูลประกอบการวางแผนการเรียนหรือการศึกษาต่อได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีนิสัยใฝ่รู้ใฝ่ เรียน มีวิธีการเรียนรู้ และสามารถวางแผนการเรียนหรือการศึกษาต่อได้อย่างเหมาะสม 2. ด้านชีวิตและสังคม ให้ผู้เรียนรู้จักและเข้าใจตนเอง รักและเห็นคุณค่าในตนเองและผู้อื่น รักษ์สิ่งแวดล้อม มีวุฒิภาวะทางอารมณ์ มีเจตคติที่ดีต่อการมีชีวิตที่ดีมีคุณภาพ มีทักษะและสามารถปรับตัว ให้ด ารงชีวิตอยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุข นักเรียนทุกคนต้องเข้าร่วมกิจกรรมแนะแนว 40 ชั่วโมงต่อปีในระดับประถมศึกษา แนวการจัดกิจกรรม 1. จัดกิจกรรมให้สอดคล้องกับสภาพปัญหา ความต้องการและธรรมชาติของผู้เรียน 2. จัดกิจกรรมเพื่อผู้เรียนทุกคนในสถานศึกษา ให้ครอบคลุมเนื้อหาสาระด้านการพัฒนาตนเอง การศึกษา และอาชีพ 3. ประสานความร่วมมือให้ผู้เกี่ยวข้องกับผู้เรียนทุกฝ่าย นับตั้งแต่ผู้บริหาร ครูทุกคน ผู้ปกครอง ชุมชน ร่วมมีบทบาทและมีส่วนร่วมในการด าเนินการ ให้ความร่วมมือและสนับสนุนให้การจัดกิจกรรมด าเนิน ไปด้วยความสะดวกอย่างมี ประสิทธิภาพ 4. จัดกิจกรรมชั่วโมงแนะแนว 1 ชั่วโมง : 1 สัปดาห์ ระดับประถมศึกษาเป็นรายปีการศึกษา 5. จัดกิจกรรมด้านการศึกษา มีรูปแบบการจัดกิจกรรม คือ - กิจกรรมคาบแนะแนวทุกระดับชั้น - กิจกรรมโฮมรูม 6.จัดกิจกรรมด้านชีวิตและสังคม มีแนวการจัดกิจกรรมดังนี้ 7.1 รู้จักและเข้าใจตนเอง รักและเห็นคุณค่าในตนเอง 7.2 เข้าใจและยอมรับผู้อื่น 7.3 มีทักษะในการด าเนินชีวิต สามารถปรับตัวเข้ากับสภาพสังคม สิ่งแวดล้อม ที่เปลี่ยนไปได้อย่างเหมาะสม และสามารถด าเนินชีวิตอยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุข 7.4 รู้จักตัดสินใจและแก้ปัญหา รวมทั้งสามารถปรับตัวต่อสถานการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้น
106 ในชีวิตอย่างเหมาะสม 7.5 มีคุณธรรม จริยธรรม เป็นคนดีในสังคม อยู่ร่วมกับผู้อื่นอย่างมีความสุข 7.6 รู้จักหลีกเลี่ยงอบายมุข สารเสพติด การพนัน หรือสิ่งที่เป็นอันตรายต่อชีวิต 7.7 มีวุฒิภาวะทางอารมณ์ การประเมินผลการจัดกิจกรรม การประเมินกิจกรรมแนะแนว มี 2 ลักษณะ คือ 1. การประเมินเพื่อพัฒนาผู้เรียน อาจประเมินได้จากครู นักเรียน และผู้ปกครอง โดยครูผู้ จัดกิจกรรมรับผิดชอบในการวางแผนการประเมิน ด าเนินการประเมิน น าผลการประเมินไปพัฒนาผู้เรียน อย่างต่อเนื่อง และรายงานผลการด าเนินงานให้ผู้เกี่ยวข้องทราบ ผู้เรียนอาจมีส่วนร่วมในการวางแผนการ ประเมิน ประเมินตนเองและเพื่อน ผู้ปกครองอาจมีส่วนร่วมในการเสนอความคิดเห็นในการประเมินผล การ พัฒนาผู้เรียน โดยประสานร่วมมือกับครูผู้จัดกิจกรรม 2. การประเมินเพื่อตัดสินผลการเรียน ครูผู้จัดกิจกรรมตรวจสอบเวลาการเข้าร่วมกิจกรรม และประเมินผลการปฏิบัติกิจกรรม ด้วยวิธีการที่หลากหลาย ตัดสินผลการประเมินเป็น “ผ่าน” และ “ไม่ ผ่าน” ดังนี้ ผ่าน หมายถึง ผู้เรียนมีเวลาเข้าร่วมกิจกรรมไม่น้อยกว่าร้อยละ ๘๐ ของเวลา เรียนทั้งหมด และมีผลงาน/ชิ้นงาน/คุณลักษณะอยู่ในระดับผ่านขึ้นไป ไม่ผ่าน หมายถึง ผู้เรียนมีเวลาเข้าร่วมกิจกรรมน้อยกว่าร้อยละ ๘๐ ของเวลาเรียน ทั้งหมด หรือมีผลงาน/ชิ้นงาน/คุณลักษณะอยู่ในระดับที่ต้องปรับปรุง กิจกรรมนักเรียน กิจกรรมนักเรียน เป็นกิจกรรมที่ส่งเสริมให้ผู้เรียนได้เข้าร่วมกิจกรรมตามความถนัดและความ สนใจ โดยเน้นเรื่องคุณธรรมจริยธรรม ความมีระเบียบวินัย การไม่เห็นแก่ตัว ความเป็นผู้น า ผู้ตามที่ดี ความรับผิดชอบ การท างานร่วมกัน การรู้จักแก้ปัญหา การตัดสินใจ ความมีเหตุผล การช่วยเหลือแบ่งปันกัน และความเอื้ออาทรและสมานฉันท์ กิจกรรมนักเรียน ประกอบด้วย ลูกเสือ - เนตรนารี เป็นกิจกรรมที่มุ่งปลูกฝังระเบียบวินัยและกฎเกณฑ์ เพื่อการอยู่ร่วมกัน ให้รู้จักการเสียสละและ บ าเพ็ญประโยชน์แก่สังคมและวิถีชีวิตในระบอบประชาธิปไตย ซึ่งการจัดกิจกรรมลูกเสือ เนตรนารี ให้ เป็นไปตามข้อบังคับของส านักงานลูกเสือแห่งชาติ รวมทั้งให้สอดคล้องกับหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้น พื้นฐาน พุทธศักราช 2551 โดยโรงเรียนบ้านห้วยไร่ ได้ก าหนดหลักสูตรลูกเสือ เนตรนารี เป็น 2 ประเภท คือ 1. ลูกเสือส ารอง ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1-3 2. ลูกเสือสามัญ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4-6 นักเรียนทุกคนต้องเข้าร่วมกิจกรรมลูกเสือ เนตรนารี 30 ชั่วโมงต่อปีในระดับประถมศึกษา และ 25 ชั่วโมงต่อภาคเรียนในระดับมัธยมศึกษาตอนต้น แนวการจัดกิจกรรม การจัดกิจกรรมลูกเสือ เนตรนารี มีแนวทางการจัดกิจกรรมตามวิธีการลูกเสือ (Scout Method) ซึ่งมีองค์ประกอบ 7 ประการ คือ
107 1. ค าปฏิญาณและกฎ ถือเป็นหลักเกณฑ์ที่ลูกเสือทุกคนให้ค ามั่นสัญญาว่าจะปฏิบัติตาม กฎของลูกเสือ กฎของลูกเสือมีไว้ให้กับลูกเสือเป็นหลักในการปฏิบัติ ไม่ได้ “ห้าม” ท า หรือ “บังคับ” ท า แต่ถ้า “ท า” ก็จะท าให้เกิดผลดีแก่ตนเอง เป็นคนดี ได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้มีเกียรติเชื่อถือ ได้ ฯลฯ 2. เรียนรู้จากการกระท า เป็นการพัฒนาส่วนบุคคล ความส าเร็จหรือไม่ส าเร็จของผลงาน อยู่ที่การกระท าของตนเอง ท าให้มีความรู้ที่ชัดเจน และสามารถแก้ปัญหาต่าง ๆ ด้วยตนเองได้ และท้ายทาย ความสามารถของตนเอง 3. ระบบหมู่ เป็นรากฐานอันแท้จริงของการลูกเสือ เป็นพื้นฐานในการอยู่ร่วมกัน การ ยอมรับซึ่งกันและกัน การแบ่งหน้าที่ความรับผิดชอบ การช่วยเหลือเกื้อกูลซึ่งกันและกัน เป็นการเรียนรู้การ ใช้ประชาธิปไตยเบื้องต้น 4. การใช้สัญลักษณ์ร่วมกัน ฝึกให้มีความเป็นหนึ่งเดียวในการเป็นสมาชิกลูกเสือ เนตร นารี ด้วยการใช้สัญลักษณ์ ได้แก่ เครื่องแบบ เครื่องหมาย การท าความเคารพ รหัส ค าปฏิญาณ กฎ คติพจน์ ค าขวัญ ธง เป็นต้น วิธีการนี้จะช่วยให้ผู้เรียนตระหนักและภาคภูมิใจใน การเป็นสมาชิกขององค์การลูกเสือแห่งโลก ซึ่งมีสมาชิกอยู่ทั่วโลกและเป็นองค์กรที่มีจ านวนสมาชิกมากที่สุด ในโลก 5. การศึกษาธรรมชาติ คือ สิ่งส าคัญอันดับหนึ่งในกิจกรรมลูกเสือ ธรรมชาติอันโปร่งใส ตามชนบท ป่าเขา ป่าละเมาะ และพุ่มไม้ เป็นที่ปรารถนาอย่างยิ่งในการไปท ากิจกรรมกับธรรมชาติ การ ปีนเขา ตั้งค่ายพักแรมในสุดสัปดาห์ หรือตามวาระของการอยู่ค่ายพักแรมตามกฎระเบียบ เป็นที่เสน่หาแก่ เด็กทุกคน ถ้าขาดสิ่งนี้แล้ว ก็ไม่เรียกว่าใช้ชีวิตแบบลูกเสือ 6. ความก้าวหน้าในการร่วมกิจกรรม กิจกรรมต่าง ๆ ที่จัดให้เด็กท า ต้องให้มี ความก้าวหน้าและดึงดูดใจ สร้างให้เกิดความกระตือรือร้น อยากที่จะท าและวัตถุประสงค์ในการจัดแต่ละ อย่างให้สัมพันธ์กับความหลากหลายในการพัฒนาตนเอง เกมการเล่นที่สนุกสนาน การแข่งขัยกันก็เป็นสิ่ง ดึงดูดใจและเป็นการจูงใจที่ดี 7. การสนับสนุนโดยผู้ใหญ่ ผู้ใหญ่เป็นผู้ที่ชี้แนะหนทางที่ถูกต้องให้แก่เด็ก เพื่อให้เขาเกิด ความมั่นใจในการที่จะตัดสินใจกระท าสิ่งใดลงไป ทั้งคู่มีความต้องซึ่งกันและกัน เด็กก็ต้องการผู้ใหญ่ช่วยชี้น า ผู้ใหญ่เองก็ต้องการน าพาให้ไปสู่หนทางที่ดี ให้ได้รับการพัฒนาอย่างถูกต้องและดีที่สุด จึงเป็นการร่วมมือกัน ทั้งสองฝ่าย การประเมินผลกิจกรรม การประเมินผลกิจกรรมลูกเสือ เนตรนารี เป็นกระบวนการทดสอบความสามารถและพัฒนาการ ด้านต่าง ๆ ของผู้เรียนลูกเสือ เนตรนารี ซึ่งนอกจากพิจารณาความรู้ตามทฤษฎีแล้ว ต้องพิจารณาด้านความ ประพฤติ พฤติกรรมการเข้าร่วมกิจกรรมที่เน้นทักษะและการปฏิบัติต่าง ๆ ด้วยวิธีการประเมินที่หลากหลายและ การประเมินตามสภาพจริงซึ่งแบ่งการประเมินผลออกเป็น 2 ส่วน คือ 1. กิจกรรมบังคับ เป็นการประเมินผลกิจกรรมตามหลักสูตร เพื่อให้ผู้เรียนผ่านเกณฑ์การติดสินเลื่อนชั้นหรือ จบหลักสูตร โดยการเข้าร่วมกิจกรรมและผ่านการประเมินตามเกณฑ์ที่สถานศึกษาก าหนด มีการประเมินผล ตลอดภาคเรียน / ปี โดยวิธีการสังเกตการณ์เข้าร่วมกิจกรรม การซักถาม การทดสอบภาคทฤษฎีและปฏิบัติ โดยก าหนดเกณฑ์การประเมิน “ผ่าน” และ “ไม่ผ่าน” ผ่าน หมายถึง ผู้เรียนมีเวลาเข้าร่วมกิจกรรมไม่น้อยกว่าร้อยละ 80
108 ผ่านการปฏิบัติกิจกรรม และมีผลงาน/ชิ้นงาน/คุณลักษณะตามเกณฑ์ที่สถานศึกษาก าหนด ไม่ผ่าน หมายถึง ผู้เรียนมีเวลาเข้าร่วมกิจกรรมน้อยกว่าร้อยละ 80 ปฏิบัติ กิจกรรม หรือมีผลงาน/ชิ้นงาน/คุณลักษณะไม่เป็นไปตามเกณฑ์ที่สถานศึกษาก าหนด 2. กิจกรรมพิเศษ การประเมินผลวิชาพิเศษในแต่ละวิชา ใช้วิธีการทดสอบทั้งภาคทฤษฎีและ ภาคปฏิบัติ ตามหลักเกณฑ์ในข้อบังคับลูกเสือแห่งชาติ กิจกรรมชุมนุม เป็นกิจกรรมจัดตามความสนใจของผู้เรียน จัดเสริมหลักสูตรสถานศึกษาในด้านความรู้และทักษะ ปฏิบัติของผู้เรียน และสามารถจัดได้ทั้งในและนอกสถานศึกษา และทั้งในเวลาและนอกเวลาเรียน นักเรียนทุกคนต้องเข้าร่วมกิจกรรมชุมนุม 30 ชั่วโมงต่อปี การศึกษาในระดับชั้นประถมศึกษาปี ที่ 1 - 6 เข้าร่วมกิจกรรม ในภาคเรียนที่ ๑ เข้าร่วมกิจกรรม 15 ชั่วโมงต่อปี ในภาคเรียนที่ ๒ เข้าร่วม กิจกรรม 15 ชั่วโมงต่อปี แนวการจัดกิจกรรมชุมนุม 1. กรณีชุมนุมที่ยังไม่มีการจัดตั้ง ให้ผู้เรียนร่วมกันจัดตั้งชุมนุม และเชิญครูที่ปรึกษาร่วมกัน ด าเนินกิจกรรมชุมนุมตามระเบียบปฏิบัติที่สถานศึกษาก าหนด 2. กรณีชุมนุมที่มีการจัดตั้งแล้ว ให้ครูที่ปรึกษาชุมนุมส ารวจความสนใจของผู้เรียนในการเลือก เข้าร่วมชุมนุม 3. แต่ละชุมนุมมีการจัดประสบการณ์แลกเปลี่ยนเรียนรู้ และเผยแพร่กิจกรรม 4. ครูที่ปรึกษากิจกรรมประเมินตามหลักเกณฑ์การประเมินผล การประเมินผล การประเมินผลกิจกรรม เป็นกระบวนการทดสอบความสามารถและพัฒนาการด้านต่าง ๆ ซึ่ง นอกจากพิจารณาความรู้ตามทฤษฎีแล้ว ยังต้องพิจาณาด้านความประพฤติ พฤติกรรมการเข้าร่วมกิจกรรมที่ เน้นทักษะและการปฏิบัติต่าง ๆ ด้วยวิธีการประเมินที่หลากหลาย และการประเมินตามสภาพจริง โดย ก าหนดเกณฑ์การประเมินเป็น “ผ่าน” และ “ไม่ผ่าน” ผ่าน หมายถึง ผู้เรียนมีเวลาเข้าร่วมกิจกรรมไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ผ่านการปฏิบัติกิจกรรม และมีผลงาน/ชิ้นงาน/คุณลักษณะตามเกณฑ์ที่สถานศึกษาก าหนด ไม่ผ่าน หมายถึง ผู้เรียนมีเวลาเข้าร่วมกิจกรรมไม่ครบตามเกณฑ์ ปฏิบัติกิจกรรม หรือมีผลงาน/ชิ้นงาน/คุณลักษณะไม่เป็นไปตามเกณฑ์ที่สถานศึกษาก าหนด กิจกรรมเพื่อสังคมและสาธารณประโยชน์ กิจกรรมเพื่อสังคมและสาธารณประโยชน์เป็นกิจกรรมที่ต้องส่งเสริมให้ผู้เรียนสามารถพัฒนาตนเองตาม ธรรมชาติและเต็มตามศักยภาพ โดยค านึงถึงความแตกต่างระหว่างบุคคล และพัฒนาการทางสมอง เน้นให้ ความส าคัญทั้งความรู้ และคุณธรรมจริยธรรม จัดกิจกรรมโดยให้ผู้เรียนคิดสร้างสรรค์ออกแบบกิจกรรม บ าเพ็ญประโยชน์อย่างหลากหลายรูปแบบ เพื่อแสดงถึงความรับผิดชอบต่อสังคมในลักษณะจิตอาสา นักเรียนทุกคนต้องเข้าร่วมกิจกรรมเพื่อสังคมและสาธารณประโยชน์ 10 ชั่วโมงต่อปีในระดับชั้น ประถมศึกษาปีที่ 1-6
109 แนวการจัดกิจกรรม การจัดกิจกรรมเพื่อสังคมและสาธารณประโยชน์ เน้นให้ผู้เรียนร่วมกันส ารวจและวิเคราะห์ สภาพปัญหา ร่วมกันออกแบบการจัดกิจกรรม วางแผนการจัดกิจกรรม ปฏิบัติกิจกรรมตามแผน ร่วมสรุป และประเมินผลการจัดกิจกรรม ร่วมรายงานผล พร้อมทั้งประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ผลการจัดกิจกรรม การจัดกิจกรรมเพื่อสังคมและสาธารณประโยชน์ โรงเรียนบ้านห้วยไร่เลือกจัดกิจกรรมการ บ าเพ็ญประโยชน์ และดูแลสภาพแวดล้อมภายในโรงเรียน เพื่อให้โรงเรียนสะอาดและเอื้อต่อการจัดการเรียน การสอน การประเมินผลกิจกรรม การประเมินผลกิจกรรมเพื่อสังคมและสาธารณประโยชน์ ผู้เรียนต้องเข้าร่วมกิจกรรมให้ครบ ตามกรอบเวลาในโครงสร้างของหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 และโครงสร้าง เวลาเรียนของสถานศึกษาดังนี้ ระดับประถมศึกษา (ป1.-ป6.) มีเวลาเข้าร่วมกิจกรรมรวม 60 ชั่วโมง โดยมีเวลาเข้า ร่วมกิจกรรมชั้น/ปีละ 10 ชั่วโมง ผ่าน หมายถึง ผู้เรียนมีเกณฑ์การผ่านดังนี้ . ผู้เรียนมีเวลาเข้าร่วมกิจกรรมครบตามเกณฑ์ดังนี้ - ปฏิบัติกิจกรรมชั้น/ปีละ 10 ชั่วโมง ในระดับประถมศึกษา (ป1.-ป6.) ไม่ผ่าน หมายถึง ผู้เรียนมีเกณฑ์การไม่ผ่านดังนี้ 1 . ผู้เรียนมีเวลาเข้าร่วมกิจกรรมไม่ครบตามเกณฑ์ ดังนี้ 1.1 ปฏิบัติกิจกรรมชั้น/ปีละต่ ากว่า 10 ชั่วโมง ในระดับประถมศึกษา (ป1.-ป6.) กรณีที่ผู้เรียนไม่ผ่าน ครูที่ปรึกษาต้องให้ผู้เรียนซ่อมเสริมการท ากิจกรรมให้ครบตาม กรอบเวลาที่ก าหนดในโครงสร้างของหลักสูตรหรือปฏิบัติกิจกรรมอื่นที่มีจุดมุ่งหมายสอดคล้องกับกิจกรรมที่ ก าหนดเป็นการทดแทนและประเมินผลตามเกณฑ์ที่ก าหนด เกณฑ์การจบหลักสูตรระดับประถมศึกษา 1. ผู้เรียนเรียนรายวิชาพื้นฐาน จ านวน 840 ชั่วโมง และรายวิชา/รายวิชาเพิ่มเติมไม่น้อยกว่า40 ชั่วโมง 2. ผู้เรียนต้องมีผลการประเมินรายวิชาพื้นฐานระดับ 1.0 ขึ้นไปทุกรายวิชา จึงจะถือว่าผ่านการ ประเมินรายวิชาพื้นฐาน 3. ผู้เรียนต้องมีผลการประเมินการอ่าน คิดวิเคราะห์ และเขียน ในระดับ “ผ่าน” ขึ้นไป 4. ผู้เรียนต้องมีผลการประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ ในระดับ “ผ่าน” ขึ้นไป 5. ผู้เรียนต้องเข้าร่วมกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน และมีมีผลการประเมิน ในระดับ “ผ่าน”
ภาคผนวก
ค าสั่งโรงเรียนบ้านห้วยไร่ ที่ / 256๕ เรื่อง แต่งตั้งคณะท างานหลักสูตรและแผนการจัดการเรียนรู้ ปีการศึกษา 256๕ ........................................................................................ เพื่อให้การจัดท าหลักสูตรของโรงเรียนบ้านห้วยไร่ พุทธศักราช 2563 (ฉบับปรับปรุง 256๕) ให้ สอดคล้องกับเป้าหมายและจุดเน้นของส านักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาอุดรธานี เขต 1 ให้เป็นไป ด้วยความเรียบร้อยและมีประสิทธิภาพ ประสิทธิผล โดยให้อยู่ในการก ากับติดตามดูแลของ นางมยุรี จันทอน ผู้อ านวยการโรงเรียน จึงแต่งตั้งคณะท างานหลักสูตรและแผนการจัดการเรียนรู้ ดังนี้ 1. นางสาวดาราวรรณ เชื้อเวียง หัวหน้างาน 2. นางสาวน้ าฝน นนธิสอน คณะท างาน 3. นายจักรพรรดิ โพธิ์ศรี คณะท างาน 4. นางนริศา ทินแย่ง คณะท างาน 5. นางสาวกัลยวรรธน์ สิงห์บุญมา คณะท างาน 6. นางสาวธิติมา สานนท์ คณะท างาน 7. นางฐิตินันท์ พนมภูมิ เลขานุการ หน้าที่ 1. ประสานงานจัดให้มีการปรับปรุงหลักสูตรโรงเรียนบ้านห้วยไร่ พุทธศักราช 256๕ (ฉบับปรับปรุง 256๓) ให้สอดคล้องกับเป้าหมายและจุดเน้นของส านักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา อุดรธานี เขต 1 2. ด าเนินงานจัดท าหลักสูตร โครงสร้าง ให้เสร็จเรียบร้อยตามก าหนดเวลา 3. ประสานงานจัดท าเอกสารประกอบหลักสูตรทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ 4. ด าเนินงานแผนการจัดการเรียนรู้ 5. ด าเนินงานการวัดผลและประเมินผล 6. ด าเนินงานการพัฒนาหลักสูตร ขอให้ผู้ที่ได้รับมอบหมายปฏิบัติหน้าที่ให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย และเต็มความรู้ความสามารถ เพื่อประโยชน์ของราชการเป็นส าคัญ ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป สั่ง ณ วันที่ 1๖ เดือน พฤษภาคม พ.ศ. 256๕ ( นางมยุรี จันทอน) ผู้อ านวยการโรงเรียนบ้านห้วยไร่
บันทึกข้อความ ส่วนราชการ โรงเรียนบ้านห้วยไร่ ที่ พิเศษ / 256๕ วันที่ ๑๖ พฤษภาคม 256๕ เรื่อง ขออนุญาตใช้หลักสูตรสถานศึกษาและแผนการจัดการเรียนรู้ปีการศึกษา 256๕ เรียน ผู้อ านวยการโรงเรียนบ้านห้วยไร่ ด้วยข้าพเจ้า นางสาวดาราวรรณ เชื้อเวียง ต าแหน่ง หัวหน้าบริหารงานวิชาการ พร้อมคณะครู โรงเรียนบ้านห้วยไร่ ได้จัดท าหลักสูตรสถานศึกษาของโรงเรียนบ้านห้วยไร่ พุทธศักราช ๒๕๖๕ (ฉบับปรับปรุง ๒๕๖๓) และแผนการจัดการเรียนรู้ ดังนั้นจึงใคร่ขออนุมัติใช้หลักสูตรสถานศึกษา หน่วยการเรียนรู้ แผนการจัดการเรียนรู้ทุกกลุ่มสาระ การเรียนรู้ในการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด จึงเรียนมาเพื่อโปรดพิจารณาอนุมัติ ลงชื่อ......................................................ผู้ขออนุญาต (นางสาวดาราวรรณ เชื้อเวียง) ต าแหน่ง หัวหน้าบริหารงานวิชาการ ความคิดเห็นของฝ่ายวิชาการ ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ลงชื่อ............................................................... (นางสาวดาราวรรณ เชื้อเวียง) หัวหน้าบริหารงานวิชาการ ความคิดเห็นของผู้อ านวยการโรงเรียน ............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................ ลงชื่อ............................................................ (นางมยุรี จันทอน) ผู้อ านวยการโรงเรียนบ้านห้วยไร่