The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

รายงานสรุปการจัดทำบัญชีประชาชาติด้านการท่องเที่ยว ปี พ.ศ. 2562 ภายใต้การจัดทำโครงการพัฒนาและจัดทำบัญชีประชาชาติด้านการท่องเที่ยว ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563
โดยกลุ่มบริหารงานทั่วไป กองเศรษฐกิจการท่องเที่ยวและกีฬา สำนักงานปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Thailand Tourism Satellite Account: TSA, 2021-08-20 21:58:06

รายงานสรุปการจัดทำบัญชีประชาชาติด้านการท่องเที่ยว ปี พ.ศ. 2562

รายงานสรุปการจัดทำบัญชีประชาชาติด้านการท่องเที่ยว ปี พ.ศ. 2562 ภายใต้การจัดทำโครงการพัฒนาและจัดทำบัญชีประชาชาติด้านการท่องเที่ยว ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563
โดยกลุ่มบริหารงานทั่วไป กองเศรษฐกิจการท่องเที่ยวและกีฬา สำนักงานปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา

Keywords: TSA,Tourism Satellite Account,บัญชีประชาชาติด้านการท่องเที่ยว,Thailand

รายงานสรุปการจัดทาบญั ชปี ระชาชาติด้านการท่องเท่ียว ประจาปีงบประมาณ พ.ศ. 2563
โครงการพัฒนาและจดั ทาบญั ชปี ระชาชาติดา้ นการทอ่ งเทยี่ ว
สานักงานปลัดกระทรวงการท่องเทย่ี วและกีฬา

12.5) อาชีพ

จากการสารวจพบว่า กลุ่มตัวอย่างที่ดาเนินการสารวจทั้ง 2 กลุ่ม
มีโครงสร้างอาชีพที่แตกต่างกัน โดยอาชีพที่มีสัดส่วนสูงสุด 2 อันดับแรกของกลุ่มผู้ไม่ได้พักบ้าน
หลังที่สอง ประกอบด้วย ลูกจ้าง/พนักงานภาคเอกชน (ร้อยละ 44.82) และผู้ประกอบอาชีพอิสระ
(ร้อยละ 14.67) ตามลาดับ สาหรับอาชีพกลุ่มผู้พักบ้านหลังท่ีสอง ท่ีมีสัดส่วนสูงสุด 2 อันดับแรก
ประกอบด้วย ลูกจ้าง/พนักงานภาคเอกชน (ร้อยละ 33.03) และเจ้าของธุรกิจ (ร้อยละ 29.97)
ตามลาดับ

ตารางท่ี 6-26 สดั ส่วนของตัวอยา่ งจาแนกตามประเภทอาชีพ

อาชีพปจั จุบนั กลุ่มผไู้ ม่ได้พัก กลมุ่ ผพู้ ัก กลมุ่ ตัวอย่าง
ทง้ั หมด
บ้านหลังท่สี อง บ้านหลังท่สี อง 44.06
14.09
ลกู จา้ ง/พนักงานภาคเอกชน 44.82 33.03
13.62
ผปู้ ระกอบอาชีพอสิ ระ เชน่ ค้าขาย 14.67 5.81 10.56
9.86
รบั จา้ งทั่วไป ขบั รถรับจา้ ง 3.34
3.16
ข้าราชการ/รฐั วสิ าหกิจ 13.61 13.76 0.89
0.42
นกั เรียน/นักศึกษา 10.19 15.90

เจา้ ของธรุ กิจ 8.47 29.97

แม่บา้ น/วา่ งงาน 3.57 -

เกษตรกร 3.38 -

เกษียณ 0.85 1.53

อื่น ๆ (เชน่ อาชีพอิสระ ฯลฯ) 0.44 -

12.6) ระดบั รายได้

จากการสารวจพบว่า กลุ่มตัวอย่างที่ดาเนินการสารวจท้ัง 2 กลุ่ม มีระดับ
รายได้ท่ีแตกต่างกัน โดยกลุ่มผู้ไม่ได้พักบ้านหลังท่ีสอง มีสัดส่วนระดับรายได้สูงสุด 2 อันดับแรก คือ
15,001 – 30,000 บาท (ร้อยละ 39.33) และ 30,001 – 45,000 บาท (ร้อยละ 20.52) ตามลาดับ
โดยมสี ัดส่วนรวมกันเท่ากบั ร้อยละ 59.85 สาหรบั กลุ่มผพู้ ักบ้านหลังที่สอง มีสัดส่วนระดบั รายได้สูงสุด
2 อันดับแรก คือ มากกว่า 90,000 บาท (ร้อยละ 17.74) และ 30,001 – 45,000 บาท (ร้อยละ 16.51)
โดยมีสัดส่วนรวมกันเท่ากับร้อยละ 34.25 ดังน้ัน จึงประเมินได้วา่ กลุ่มท่ีมีการพักค้างส่วนใหญ่มีฐานะ
รายไดท้ ่ีสงู กว่า และระดับรายไดม้ แี นวโน้มกระจายตัวมากกว่า

หน้าที่ 6-24

รายงานสรุปการจดั ทาบัญชปี ระชาชาตดิ า้ นการท่องเที่ยว ประจาปีงบประมาณ พ.ศ. 2563
โครงการพัฒนาและจดั ทาบญั ชปี ระชาชาตดิ า้ นการทอ่ งเทย่ี ว

สานักงานปลดั กระทรวงการท่องเท่ยี วและกฬี า

ตารางที่ 6-27 สัดสว่ นของตัวอย่างจาแนกตามระดบั รายได้

ลาดับท่ี ระดับรายได้ กลุ่มผูไ้ มไ่ ดพ้ ัก ระดบั รายได้ รอ้ ยละ (%)
บา้ นหลงั ท่ีสอง
กลมุ่ ผู้พัก
1 15,001-30,000 บาท 39.33 มากกวา่ 90,000 บาท บา้ นหลงั ทส่ี อง
2 30,001-45,000 บาท
3 10,000-15,000 บาท 20.52 30,001-45,000 บาท 17.74
4 ไม่มีรายได้
5 ต่ากวา่ 10,000 บาท 16.44 45,001-60,000 บาท 16.51
6 45,001-60,000 บาท
7 60,001-75,000 บาท 7.16 60,001-75,000 บาท 13.76
8 มากกวา่ 90,000 บาท
9 75,001-90,000 บาท 6.09 15,001-30,000 บาท 13.76

5.20 75,001-90,000 บาท 13.15

2.32 10,000-15,000 บาท 10.09

1.56 ต่ากว่า 10,000 บาท 7.95

1.37 ไม่มีรายได้ 3.98

3.06

12.7) คา่ ใช้จา่ ยทัง้ หมดที่เกิดขึน้ ในการพักของบา้ นหลงั ทสี่ อง

จากการสารวจพบว่า ในการเดินทางท่องเท่ียวแต่ละคร้ังของนักท่องเท่ียว
ท่ีมีการพักค้างบา้ นพักหลังที่สอง พบว่า มีค่าใช้จา่ ยเฉลี่ยต่อคร้ังท่ีเกดิ ขึ้นกับการพกั ค้างบ้านหลงั ท่สี อง
เท่ากับ 7,286.77 บาท โดยค่าใช้จ่ายท่ีมมี ูลคา่ มากทีส่ ุด คือ ค่าวตั ถุดบิ ใช้ประกอบอาหาร ณ บ้านหลัง
ท่ีสอง 2,008.21 บาท รองลงมาได้แก่ ค่าเครื่องใช้สอย 1,159.07 บาท ค่าอาหารและเครื่องดม่ื เฉพาะ
รบั ประทาน ณ บ้านหลังที่สอง 1,084.78 บาท ค่าทาความสะอาด 1,018.16 บาท ค่าทิป เช่น การตอบ
แทนในการรับบริการ 886.43 บาท อ่ืน ๆ เช่น ค่าล้างแอร์ ฯลฯ 597.59 บาท และค่าน้า ค่าไฟ ค่า
แก๊ส 532.54 บาท ตามลาดับ นอกจากนี้ ค่าใช้จ่ายเฉลี่ยต่อครั้งที่เกิดขึ้นกับการพักค้างบ้านหลังท่ี
สอง มีสัดส่วนท่ีค่อนข้างจะใกล้เคียงกัน แสดงให้เห็นว่า เกิดการกระจายตัวการใช้จ่ายในรายการ
ประเภทตา่ ง ๆ

จากระดับค่าใช้จ่ายเฉลี่ยในการเข้าพักบ้านหลังท่ีสองที่เท่ากับ 7,286.77 บาท
ต่อการพักค้าง 1 คร้ังดังกล่าวน้ี เป็นเพียงเฉพาะค่าใช้จ่ายท่ีเกิดขึ้นที่มีการพักค้างในบ้านหลังที่สอง
เท่าน้นั ไม่รวมถงึ การใช้จ่ายเพ่ือการทอ่ งเทยี่ วอื่น ๆ เช่น ค่าเดินทาง คา่ บันเทิง นนั ทนาการ ค่าซ้ือของ
ท่ีระลึกและอ่ืน ๆ เป็นต้น และเมื่อนามาประมวลผลร่วมกับจานวนผู้ร่วมพักค้างด้วยเฉลี่ยประมาณ
3.17 คนนั้น พบวา่ มีคา่ ใช้จ่ายเฉลี่ยต่อคนท่ีเกิดขึ้นจากการเข้าพักในบ้านหลังท่ีสอง คนละ 990.16 บาท
รายละเอียดของค่าใช้จ่ายของการพักอาศัยบ้านหลังที่สองท่ีได้จากการสารวจตัวอย่าง ปรากฏตาม
ตารางท่ี 6-28

หน้าที่ 6-25

รายงานสรปุ การจัดทาบัญชปี ระชาชาตดิ ้านการท่องเท่ยี ว ประจาปีงบประมาณ พ.ศ. 2563
โครงการพัฒนาและจดั ทาบญั ชปี ระชาชาติด้านการท่องเทย่ี ว

สานกั งานปลัดกระทรวงการท่องเทีย่ วและกฬี า

ตารางที่ 6-28 ค่าใช้จา่ ยทง้ั หมดท่เี กิดข้ึนในการพักของบ้านหลังท่ีสอง

ประเภทรายการใช้จา่ ย มูลคา่ การใช้จ่าย สดั ส่วน
(บาท/คร้งั ) (%)
คา่ วัตถดุ บิ ใช้ประกอบอาหาร ณ บา้ นหลังทสี่ อง 2,008.21 27.56
คา่ เครื่องใช้สอย 1,159.07 15.91
คา่ อาหารและเครื่องดื่มเฉพาะรบั ประทาน ณ บ้านหลงั ที่สอง 1,084.78 14.89
คา่ ทาความสะอาด 1,018.16 13.97
คา่ ทิป เช่น การตอบแทนในการรับบริการ 886.43 12.16
อนื่ ๆ (ค่าลา้ งแอร์ ฯลฯ) 597.59
คา่ น้า ค่าไฟ ค่าแกส๊ 532.54 8.20
7,286.77 7.31
รวม 100.00

ข้อมูลที่เป็นผลได้จากการสารวจตัวอย่างข้างต้น จะทาการแปลงเป็น
ข้อมูลของประชากรซึ่งก็คือจานวนนักท่องเท่ียวชาวไทยที่มีอยู่ทั้งหมด และการประเมินมูลค่าของ
การพักแรมบ้านหลงั ทส่ี อง เพอื่ ใชป้ ระกอบการจัดทา TSA ของประเทศที่สมบูรณย์ ่งิ ขนึ้ ตอ่ ไป

วิธีการประเมินมูลค่าพักแรมบ้านหลังท่ีสอง จะใช้หลักการเดียวกันกับ
การประมินมูลค่าการพักอาศัยในบ้านของตัวเองของระบบการจัดทาบัญชีประชาชาติซ่ึงเรียกวิธีการ
ดังกล่าวนี้ว่าเป็นการวัด “ค่าพึงประเมิน” (Imputation) กล่าวคือ การวัดมูลค่าใด ๆ ของรายการใน
บญั ชีประชาชาตินัน้ สว่ นใหญ่จะเป็นมลู ค่าที่เกดิ จากราคาท่ีเป็น “ราคาตลาด” แต่ในกรณีที่ไม่มีราคา
ตลาดซ่ึงต้องวัดค่าพึงประเมินนั้น ถ้าในกรณีของการผลิต เช่น บริการที่พักอาศัยท่ีเป็นของตนเองนั้น
ระบบบัญชปี ระชาชาตอใหว้ ัดค่าของ Gross output โดยใช้ค่าเดียวกันกับคา่ เฉลยี่ ปรกติในราคาตลาด
(The output of own-account housing services can be valued using the prices of the
same kinds of services sold on the market in line with the general valuation rules
adopted for goods or services produced on own account (SNA 2008 para. 6.117)
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากบ้านพักอาศัยดังกล่าวเป็นของเจ้าของบ้างเอง ดังน้ัน เพื่อความเหมาะสมของ
การวัดมูลค่า ส่วนใหญ่แล้ว จะหักส่วนของ Operating surplus and mixed income ออกไป
ในการศึกษาคร้ังนี้ ก็จะใช้หลักการดังกล่าวเดียวกันน้ีกับการวัดมูลค่าบริการของบ้านพักหลังที่สองซึ่ง
จะได้มกี ารดาเนินงานในรายงานปีต่อไป

หน้าที่ 6-26

รายงานสรุปการจดั ทาบญั ชีประชาชาติดา้ นการทอ่ งเทย่ี ว ประจาปีงบประมาณ พ.ศ. 2563
โครงการพัฒนาและจดั ทาบญั ชปี ระชาชาตดิ า้ นการท่องเท่ียว
สานกั งานปลัดกระทรวงการทอ่ งเท่ียวและกีฬา

บทที่ 7
ผลกำรศกึ ษำและวเิ ครำะหก์ ำรกระจำยรำยไดผ้ ำ่ นกำรท่องเที่ยวชุมชน

รายงานสรปุ การจดั ทาบัญชปี ระชาชาติดา้ นการท่องเทย่ี ว ประจาปีงบประมาณ พ.ศ. 2563
โครงการพฒั นาและจัดทาบัญชีประชาชาติด้านการทอ่ งเท่ยี ว
สานักงานปลัดกระทรวงการท่องเทยี่ วและกีฬา

บทที่ 7
ผลการศกึ ษาและวิเคราะหก์ ารกระจายรายไดผ้ า่ นการท่องเทย่ี วชมุ ชน

อุตสาหกรรมการท่องเท่ียวเป็นอุตสาหกรรมท่ีมีความสาคัญต่อระบบเศรษฐกิจของ
ประเทศ โดยในปี พ.ศ. 2561 ประเทศไทยมรี ายได้จากการท่องเที่ยวสูงถึง 2.98 ล้านล้านบาท และ
กอ่ ให้เกิดการจ้างงาน 4.39 ลา้ นคน หรือคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 11.60 ของการจ้างงานทั้งหมดของ
ประเทศ นอกจากนี้ นักท่องเท่ยี วยงั กระจายการเดนิ ทางสแู่ หล่งท่องเทย่ี วชมุ ชนในสว่ นภูมิภาค จึงทา
ใหอ้ ุตสาหกรรมท่องเที่ยวเป็นกลไกหนึ่งท่ีมีความสาคัญในด้านการกระจายผลได้ทางเศรษฐกิจและ
ความเจริญสู่ท้องถ่ินในด้านต่าง ๆ เช่น การสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจแก่ทรัพยากรของชุมชน
และการกระตุ้นใหเ้ กิดการจ้างงานในชุมชน เป็นตน้ ในปี พ.ศ. 2562 กระทรวงการทอ่ งเท่ยี วและกีฬา
โดยสานักงานปลดั กระทรวงการทอ่ งเทยี่ วและกีฬา ได้ดาเนินการศึกษาวิเคราะห์การกระจายรายได้
จากการทอ่ งเท่ยี วโดยชมุ ชน เพือ่ วัดการกระจายรายไดล้ งสชู่ ุมชนหรอื เศรษฐกิจฐานรากตามนโยบาย
ของรฐั บาล ซงึ่ สามารถสรุปผลการศกึ ษาท่สี าคัญ ดงั น้ี

1. การกาหนดความหมายและขอบเขตของการทอ่ งเทีย่ วชมุ ชน

การกาหนดนยิ ามและขอบเขตของการทอ่ งเทย่ี วชมุ ชนที่ชัดเจนมีความสาคญั และจาเป็นเพ่ือ
ใชส้ าหรับการจัดทาข้อมูลท่องเท่ียวชุมชน ซึ่งในการศึกษาคร้ังนี้จะพิจารณาจากการเก็บข้อมูลโดย
การสมั ภาษณ์เชิงลกึ ผเู้ ช่ียวชาญด้านการท่องเที่ยวชุมชน เพ่ือให้สามารถนาไปสู่การจัดเก็บรวบรวม
ข้อมูลท่ีครบถ้วนสมบูรณ์ สามารถสะท้อนภาพของการท่องเที่ยวชุมชน และสามารถกาหนด
ความหมายและขอบเขตของการทอ่ งเที่ยวชมุ ชนสาหรับการศึกษาครัง้ น้ีตอ่ ไป

1.1 นยิ าม

กระทรวงการทอ่ งเท่ียวและกีฬาโดยสานกั งานปลดั กระทรวงการท่องเท่ียวและกีฬาได้มี
การทบทวนแนวคิด ทฤษฎี และวรรณกรรมที่เก่ียวข้อง พบว่า ภายใต้บริบทของประเทศไทยใน
ปจั จุบนั เมือ่ กลา่ วถงึ การท่องเทยี่ วชุมชนจะมคี วามหมายทีแ่ ตกตา่ งกนั ดังนี้

1) การท่องเท่ียวโดยชุมชน (Community Based Tourism : CBT) หมายถึง การทอ่ งเท่ยี ว
ท่ีคานึงถงึ ความยั่งยืนของสิง่ แวดลอ้ ม สงั คม และวฒั นธรรม มีการกาหนดทิศทางโดยชุมชนจดั การโดย
ชุมชนเพอ่ื ชุมชน และชมุ ชนมีบทบาทเป็นเจ้าของมีสิทธิในการจัดการดูแล เพื่อให้เกิดการเรียนรู้แก่
ผู้มาเยือน

2) การทอ่ งเท่ียวชมุ ชน (Tourism in Community) หมายถงึ วิธกี ารหนง่ึ ของการทอ่ งเทีย่ ว
ที่ไปชุมชน ซ่ึงโดยส่วนใหญ่เป็นการจัดการโดยคนภายนอกชุมชน คนภายในชุมชนอาจจะไม่ได้
วางแผนในการจัดการ หรือทางานด้วยกันเพ่ือพัฒนาการท่องเที่ยว และส่วนใหญ่มุ่งเน้นรายได้
มากกวา่ การจดั การสง่ิ แวดลอ้ ม หรือการมองประโยชน์โดยรวมที่ชมุ ชนจะไดร้ ับและเข้ามามสี ว่ นร่วม

สานกั วิจัยเศรษฐกจิ และประเมินผล หนา้ ที่ 7-1
บรษิ ทั จากดั

รายงานสรปุ การจัดทาบญั ชีประชาชาตดิ ้านการทอ่ งเที่ยว ประจาปีงบประมาณ พ.ศ. 2563
โครงการพัฒนาและจดั ทาบัญชปี ระชาชาติด้านการท่องเทีย่ ว
สานกั งานปลดั กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา

จากความหมายข้างต้น จะเห็นได้ว่าแนวทางท้ังสองที่มีความแตกต่างกันในเรื่องของ
การจัดการท่ีการท่องเที่ยวโดยชุมชน จะมาจากความต้องการภายในท่ีจะมุ่งสู่ความยั่งยืนทั้งใน
ดา้ นสิง่ แวดล้อม สังคม และวัฒนธรรม ขณะท่ีการท่องเท่ียวชุมชนการจัดการด้านการท่องเที่ยวจะ
มงุ่ เน้นความตอ้ งการจากภายนอกท่จี ะมุง่ การแสวงหารายได้จากกจิ กรรมของการท่องเท่ยี วในชุมชน

อย่างไรก็ตาม เม่ือพิจารณาจากเป้าประสงค์หลักของการศึกษาภายใต้โครงการนี้คือ
การวัดการกระจายรายได้จากการท่องเที่ยว โดยการท่องเที่ยวโดยชุมชนและการท่องเที่ยวชุมชน
ก่อให้เกิดการกระจายรายได้เช่นเดียวกัน แต่การท่องเที่ยวโดยชุมชนจะให้ความสาคัญต่อ
การกระจายรายไดข้ องคนชมุ ชน ซึ่งสอดคลอ้ งกบั จุดมุง่ หมายของการศกึ ษา เนอื่ งจากการกระจาย
รายไดเ้ ปน็ เร่ืองของความเท่าเทยี มกันของรายได้ หรือผลตอบแทนที่ตกแก่ประชาชนที่ทาธุรกิจ หรือ
มสี ่วนเกีย่ วข้องกบั ธรุ กิจทอ่ งเทยี่ วในพน้ื ที่

1.2 ขอบเขตการศกึ ษา

เมอ่ื นักทอ่ งเท่ียวไดเ้ ดนิ ทางไปท่องเท่ียวในชมุ ชน อาจมีการใช้จ่ายโดยการซ้ือสินค้าและ
บริการกบั ธุรกิจหรอื ประชาชนทนี่ าสินค้าและบริการมาจาหน่ายในพ้ืนท่ีบริเวณใกล้เคียงกับกิจกรรม
ทอ่ งเทีย่ วชุมชน โดยท่ธี ุรกจิ หรอื ประชาชนดังกล่าวอาจมไิ ด้เปน็ สมาชกิ ของธุรกจิ ชุนชน หรือในกรณีที่
ธรุ กจิ ทอ่ งเท่ียวชมุ ชนมีการซอื้ วัตถดุ บิ ในพ้นื ทกี่ ็มีสว่ นในการสร้างรายไดใ้ นหว่ งโซอ่ ปุ ทาน (Supply chain)
ท่ีอาจอยู่นอกกลุ่มสมาชิกท่องเที่ยวชุมชนและเกิดการกระจายรายได้ในพื้นที่ด้วยเช่นกัน ดังนั้น
การวัดรายไดแ้ ละการกระจายรายไดข้ องท่องเท่ยี วชมุ ชนจงึ อาจจะต้องพิจารณาในเร่ืองของขอบเขต
ที่แตกต่างออกไปจากการกาหนดนิยามของท่องเท่ยี วชุมชนโดยท่ีขอบเขตของทอ่ งเที่ยวชมุ ชนในกรณขี อง
การวดั การกระจายรายได้ ควรจะตอ้ งรวมถงึ พืน้ ทีบ่ รเิ วณโดยรอบของกจิ กรรมการทอ่ งเท่ียวชมุ ชนไวด้ ้วย

1.3 กิจกรรมการท่องเท่ียวชมุ ชน

นกั ท่องเที่ยวชมุ ชน ส่วนใหญ่จะเปน็ นกั ท่องเที่ยวกลุ่มพเิ ศษทม่ี คี วามต้องการการท่องเท่ียว
ในรูปแบบเฉพาะ เป็นกลุ่มที่ต้องการสัมผัสวัฒนธรรม วิถีชึวิตของชุมชน ดังนั้นวิสาหกิจท่องเที่ยว
ชุมชนส่วนหนง่ึ จึงมกี ารออกแบบกจิ กรรมการท่องเทีย่ วชุมชนเพื่อใหน้ ักทอ่ งเที่ยวได้มโี อกาสมีส่วนร่วม
ในกจิ กรรมดังกล่าว มีการพกั ค้างในรปู แบบโฮมสเตย์ มีการศกึ ษาธรรมชาตขิ องท้องถิน่ นอกจากน้ี ใน
กลุ่มของผู้ประกอบการธรุ กิจทอ่ งเทย่ี วชมุ ชน กอ็ าจมีการออกแบบธุรกิจในลักษณะท่ีเช่ือมโยงซ่ึงกัน
และกนั ในลกั ษณะของ Cluster เช่น ที่พักแรม บริการยานพาหนะขนสง่ เดนิ ทางในพ้ืนท่ี บริการนาเท่ียว
หรือรา้ นอาหาร เปน็ ตน้ ธุรกิจเหล่านี้ จงึ มีลักษณะเอ้อื ประโยชน์ซึง่ กันและกนั

สานกั วจิ ยั เศรษฐกิจและประเมินผล หนา้ ที่ 7-2
บรษิ ัท จากดั

รายงานสรปุ การจัดทาบญั ชีประชาชาตดิ ้านการท่องเท่ยี ว ประจาปงี บประมาณ พ.ศ. 2563
โครงการพฒั นาและจัดทาบญั ชีประชาชาติด้านการทอ่ งเท่ยี ว
สานักงานปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา

1.4 ปญั หาและอปุ สรรคในการเขา้ ถึงข้อมูลในระดับชุมชน

ปัญหาและอุปสรรคในการเข้าถึงข้อมูลการท่องเท่ียวชุมชนท่ีสาคัญประการหน่ึงก็คือ
ธุรกิจท่องเที่ยวชุมชนส่วนใหญ่จะมิใช่เป็นการทาธุรกิจในลักษณะมืออาชีพ แต่ทาธุรกิจชุมชนใน
รปู แบบของงานเสรมิ กับอาชพี หลกั มกี ารดาเนนิ การแบบไม่ต่อเนื่อง บางคร้ังก็มีการหยุดในบางช่วง
ด้วยเหตุผลบางประการ เชน่ ตอ้ งไปประกอบอาชพี หลัก หรือไมม่ นี ักท่องเทย่ี วเข้ามา เป็นต้น

รูปแบบการทาธรุ กจิ ส่วนใหญเ่ ป็นการทากันในครอบครวั ไม่มีการจา้ งงานงาน หรือถ้ามี
การจ้างอาจเป็นการจ้างช่วงส้ัน ๆ ตามท่ีมีนักท่องเท่ียวเข้ามา เป็นการทาธุรกิจที่อยู่นอกระบบ
สว่ นใหญไ่ มม่ กี ารจดทะเบยี น ไมเ่ ปน็ นิติบุคคลและไมม่ ีการทาบัญชีหรืองบการเงิน ดังน้ัน ข้อมูลของ
ธุรกิจการท่องเที่ยวชุมชนจึงอาจจากัดอยู่ในระดับหนึ่ง อย่างไรก็ตาม เน่ืองจากภาครัฐมีการเข้าไป
ดาเนนิ กาส่งเสรมิ การท่องเท่ียวชุมชนมากขนึ้ ตามลาดบั ดงั นน้ั จึงประเมนิ ได้ว่าการทาธุรกิจท่องเที่ยว
ชุมชน ในอนาคตน่าท่ีจะเปน็ ระบบและมีความยงั่ ยืนในเชงิ ธรุ กจิ มากขน้ึ

1.5 ระบบและวธิ กี ารจัดทาขอ้ มูลทอ่ งเทยี่ วชมุ ชน

ระบบและวิธีการจัดทาข้อมูลท่องเที่ยวชุมชนของการศึกษาในท่ีน้ี ได้นาหลักการของ
TSA; RMF 2008 มาประยุกต์ใช้ มีการเก็บรวบรวมข้อมูลปฐมภูมิจากภาคสนาม โดยการสอบถาม
นกั ทอ่ งเท่ียวชมุ ชน และการสอบถามรายไดแ้ ละคา่ ใชจ้ ่ายของธุรกจิ ท่องเท่ียวชุมชน ในสว่ นของข้อมูล
ที่ได้จากการสารวจด้านโครงสร้างค่าใช้จ่ายของนักท่องเท่ียวที่ได้ นามาจัดทา TSA ประกอบด้วย
Table 1, Table 2, และ Table 4 ส่วนผลท่ีได้จากการสารวจด้านโครงสร้างค่าใช้จ่ายของ
อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวชุมชน ทั้งมูลค่าผลผลิต ต้นทุน ค่าใช้จ่าย และมูลค่าเพ่ิม รวมท้ังจานวน
การจ้างงาน เดิมตามแนวทางการดาเนินงานที่ระบุไว้ ประสงค์จะนามาจัดทา TSA Table 5 และ
Table 7 อย่างไรก็ตาม เนือ่ งจากพบว่าขอ้ มลู ทไ่ี ด้รบั จากการสอบถามยังมีความจากดั อย่ใู นระดับหนงึ่
ยงั ไมส่ ามารถนามาพฒั นาและจดั ทาเป็น TSA Table 5 และ Table 7 ตามท่ีคาดหวังไว้ได้ แต่ข้อมูล
ที่ได้ยงั คงสามารถนามาใช้วิเคราะหร์ ายไดแ้ ละการกระจายรายไดต้ ามจดุ มุ่งหมายของการศึกษาได้ ใน
อนาคต จึงควรมีการพัฒนา TSA Table 5, Table 6 และ Table 7 ของการท่องเที่ยวชุมชนใน
เกิดขนึ้ และมคี วามถกู ตอ้ งสามารถนามาใชใ้ นเชิงนโยบายไดต้ อ่ ไป

2. ศึกษาและทบทวนผลการศึกษาเร่ืองท่องเท่ียวชุมชนที่สานักงานปลัดกระทรวงการท่องเท่ียว
และกีฬาได้มกี ารดาเนนิ งานท่ผี ่านมา

ผลการศึกษาภายใต้โครงการจัดทาบัญชีประชาชาติด้านการท่องเท่ียว (Tourism Satellite
Account : TSA) ในปี พ.ศ. 2561 และ 2562 ที่ผ่านมา พบประเด็นที่สาคัญเกี่ยวกับรายได้และ
การกระจายรายได้ผา่ นการท่องเทย่ี วชมุ ชนท่ีสาคญั บางประการ สรปุ ไดด้ ังนี้

สานักวจิ ัยเศรษฐกิจและประเมนิ ผล หนา้ ท่ี 7-3
บริษัท จากดั

รายงานสรปุ การจัดทาบัญชีประชาชาติด้านการท่องเท่ียว ประจาปงี บประมาณ พ.ศ. 2563
โครงการพฒั นาและจัดทาบญั ชีประชาชาติด้านการท่องเที่ยว
สานกั งานปลดั กระทรวงการทอ่ งเที่ยวและกฬี า

1) ผลการศึกษาในปี พ.ศ. 2561 ไดใ้ ชข้ ้อมูลจากผลการประมาณค่า TSA ของท่องเท่ียวชุมชน
มาวิเคราะห์รายได้และการกระจายรายได้ของท่องเท่ียวชุมชน โดยใช้เคร่ืองมือคือ
การคานวณหาค่า Induced economic impact จากวิธี Input-Output analysis ด้วย
การเปรียบเทียบค่าสัดส่วน Induced economic impact ท่ีเกิดข้ึนต่อรายจ่ายของ
นักท่องเท่ียวระหว่างการท่องเท่ียวชุมชนและการท่องเท่ียวโดยรวมของประเทศ โดยมี
ข้อสมมุตฐิ านว่า ถ้าหากกการท่องเท่ียวชุมชนมีค่าสงู กว่าแสดงว่ารายได้ของการท่องเที่ยว
ชุมชนที่ตกแก่การจ้างงานในชุมชนเมื่อเทียบต่อเงินที่นักท่องเที่ยวจ่าย ไปในจานวน
เท่ากันแล้ว จะก่อให้เกิดรายได้ย้อนกลับมาในจานวนที่มีค่าสูงกว่าการท่องเที่ยว
โดยทัว่ ไปจงึ เกิดเป็นรายได้ทส่ี งู กวา่ ซ่ึงรายได้ดังกล่าวก็จะส่งผลตอ่ เน่ืองไปยังการกระจาย
รายไดท้ ่เี กดิ ข้นึ แกช่ ุมชนต่อไป ท้ังนี้ ผลการศึกษาโดยใชข้ ้อมูลจริงจากการสารวจการใช้
จ่ายของนกั ท่องเท่ยี วชมุ ชน (ข้อมูลปี 2560) ปรากฏว่าเป็นไปตามสมมุติฐานท่ีต้ังไว้คือ
การใช้จ่ายของการทอ่ งเทย่ี วชมุ ชนสามารถสรา้ งรายไดท้ ีเ่ ป็นคา่ ตอบแทนแรงงานสูงกว่า
การทอ่ งเทย่ี วโดยท่วั ไป

2) ตอ่ มาไดท้ าการศึกษาในลกั ษณะเดยี วกนั ในปี พ.ศ. 2562 โดยใชว้ ธิ กี ารศกึ ษาท่เี พิ่มเตมิ ไป
จากเดมิ กลา่ วคอื มกี ารใช้เครอ่ื งท้งั การคานวณหาค่า Induced economic impact และ
การคานวณหาค่าการกระจาย Gini coefficient ของรายได้ที่วิสาหกิจท่องเที่ยวชุมชน
ได้รบั และรายได้ค่าตอบแทนแรงงานท่พี นักงานซงึ่ ทางานอยูใ่ นวิสาหกิจท่องเที่ยวชุมชน
ดงั กล่าวไดร้ ับ ผลการศกึ ษา พบว่า ในส่วนของการคานวณหาค่า Induced economic
impact ยังให้ผลไปในทิศทางเด่ียวกันกับผลการศึกษาในปี พ.ศ. 2561 กล่าวคือ
การท่องเทยี่ วชมุ ชนจะใหค้ ่า Induced economic impact ทสี่ งู กวา่ การทอ่ งเทย่ี วท่ัวไป
โดยรวมของประเทศ สว่ นผลจากการคานวณหาคา่ สัมประสทิ ธ์ิ Gini พบวา่ การกระจาย
รายได้ ทั้งของวิสาหกจิ ทอ่ งเทีย่ วชมุ ชน และการกระจายรายได้ของแรงงานที่ทางานใน
วิสาหกจิ ทอ่ งเท่ียวชมุ ชนมคี วามไม่เทา่ เทียมกนั (Inequality) อย่างไรกต็ าม เมื่อพิจารณา
เปรยี บเทยี บระหวา่ งปี พ.ศ. 2563 และ พ.ศ. 2561 แลว้ พบประเด็นทน่ี ่าสนใจ กลา่ วคอื
การกระจายรายได้ของวิสาหกิจท่องเท่ียวชุมชนมีทิศทางท่ีดีขึ้น แต่ในทางตรงกันข้าม
การกระจายรายได้ของแรงงานท่ีทางานในสถานประกอบการวิสาหกิจท่องเท่ียวชุมชน
กลับแย่ลง จึงอาจสะท้อนข้อสรุปในเบื้องต้นได้ว่า ผลจากการส่งเสริมการท่องเท่ียว
ชมุ ชนทหี่ น่วยงานภาครัฐได้ร่วมมือกันดาเนินงานในปี พ.ศ. 2563 ได้ส่งผลให้วิสาหกิจ
ทอ่ งเทย่ี วชมุ ชนมีทศิ ทางของความเท่าเทยี มกนั ของรายได้ทดี่ ขี ึ้น แต่ผลท่ีดีดังกล่าวยังไม่
สามารถสง่ ผลตอ่ เนอื่ งไปยงั พนกั งาน/คนงานท่ที างานอยูใ่ นวิสาหกจิ ชนุ ชนดังกลา่ ว

3. การนาผลการศึกษาท่ีไดข้ า้ งตน้ มากาหนดแนวทางการศึกษา

ไดด้ าเนินการกาหนดวิธี หรือแนวทางการลดปัญหาและอุปสรรคในการศึกษา ตลอดจนวาง
กรอบการศึกษาทม่ี คี วามเหมาะสม มคี วามสอดคล้องกับระดับนโยบายของสานักงานปลัดกระทรวง

สานักวจิ ยั เศรษฐกิจและประเมินผล หนา้ ที่ 7-4
บริษทั จากดั

รายงานสรุปการจดั ทาบัญชีประชาชาตดิ ้านการท่องเท่ยี ว ประจาปงี บประมาณ พ.ศ. 2563
โครงการพฒั นาและจดั ทาบัญชปี ระชาชาติดา้ นการท่องเทีย่ ว
สานักงานปลดั กระทรวงการทอ่ งเที่ยวและกีฬา

การทอ่ งเท่ียวและกีฬา โดยได้ดาเนินการจัดเกบ็ รวบรวมขอ้ มลู การทอ่ งเทยี่ วชุมชนให้มีความครบถ้วน
มากยง่ิ ข้นึ โดยเฉพาะอย่างยงิ่ ในเร่อื งของการสะทอ้ นภาพการกระจายรายได้ ท่ีเกิดข้ึนกับชุมชนและ
ท้องถิน่ ซึ่งการใชจ้ า่ ยของนกั ท่องเที่ยวชมุ ชนอาจเกดิ ข้ึนกับธุรกิจอื่น ๆ ที่อยู่นอกการท่องเที่ยวชุมชน
แต่มผี ลต่อการกระจายรายได้ของทอ้ งถน่ิ ในพ้ืนท่รี อบการทอ่ งเทย่ี วชมุ ชนนนั้ จึงได้ทาการเก็บรวบรวม
ข้อมูลทั้งท่ีเกิดข้ึนกับท่องเท่ียวชุมชนและธุรกิจรายรอบท่องเท่ียวชุมชน นอกจากน้ีธุรกิจท่องเที่ยว
ในพื้นท่ีบางพ้นื ท่พี บว่า อาจมไิ ดม้ กี ารจดแจง้ ว่าเปน็ ท่องเท่ียวชุมชน แตล่ ะรูปแบบของการประกอบการ
เปน็ การทอ่ งเทีย่ วชุมชนกไ็ ด้นามารว่ มศึกษาด้วยเชน่ กนั

สว่ นประเด็นการพิจารณาเกบ็ รวบรวมขอ้ มูลให้สอดคล้องกบั เกณฑ์การท่องเท่ียวอย่างยั่งยืน
(Global Sustainable Tourism Criteria : GSTC) และหรือเป้าหมายการพัฒนาท่ีย่ังยืน
(Sustainable Development Goals: SDGs) หรือแนวทางของการจัดทาบัญชีประชาชาติด้าน
การท่องเที่ยวของ UNWTO ตลอดจนการพิจารณาหาแนวทางท่ีเหมาะสมในแง่ของการนาหลักการ
ดงั กลา่ วลงสกู่ ารปฏิบัติเพื่อจุดมุ่งหมายของการจัดทาบัญชีประชาชาติด้านการท่องเที่ยวชุมชนและ
การใช้ประโยชนส์ าหรับการศึกษาและวเิ คราะหเ์ ร่ืองการกระจายรายได้ด้านการท่องเท่ียวชุมชนและ
การสะทอ้ นถงึ เป้าหมายการพฒั นาท่ยี ง่ั ยนื หรือเกณฑ์การพัฒนาที่ยงั่ ยืนดังกล่าว นั้น ดงั ทไี่ ด้กลา่ วแล้ว
ขา้ งต้นวา่ จากผลการศกึ ษา ทบทวนจากเอกสารทเี่ กย่ี วข้อง พบว่า การให้ความสาคญั ด้านการพัฒนา
ทอ่ งเทย่ี วโดยชุมชนอย่างยง่ั ยนื ไดเ้ กิดขึ้นมาในอุตสาหกรรมการทอ่ งเที่ยวเม่ือสามทศวรรษท่ีผ่านมานี้
โดยการพัฒนาท่องเท่ียวชุมชน (Community Based Tourism : CBT) ได้มีการมองไปถึงความ
รับผิดชอบในระดับท้องถ่ินในการพัฒนาและบริหารจัดการด้านการท่องเที่ยว ในขณะท่ีการพัฒนา
การท่องเท่ียวอย่างยั่งยืน (Sustainable Tourism : ST) มองถึงการพัฒนาอย่างย่ังยืนในระยะยาว
การพัฒนาการท่องเท่ียวชมุ ชนอยา่ งยัง่ ยืนน้นั เรมิ่ ต้นในยคุ ทศวรรษที่ 1970s ซึง่ เรม่ิ กาหนดทิศทางของ
การพฒั นาการทอ่ งเทยี่ วชุมชนอยา่ งยัง่ ยนื อยา่ งเป็นรูปเป็นรา่ งมากขึน้ ในทวีปยโุ รป

ในการประชมุ เรอื่ งสภาพแวดล้อมของมนุษย์ (Human Environment) ซึง่ จดั ข้นึ โดยองค์การ
สหประชาชาติ (The United Nations) ณ กรุงสต็อคโฮม ประเทศสวีเดน ในปี ค.ศ. 1972 ได้มี
การกล่าวถึงสภาวะแวดล้อมของโลกเป็นครั้งแรก และองค์การยูเนสโก (The United Nations
Educational, Scientific and Cultural Organization) ก็ได้กาหนดแนวทางและขอบเขตของการ
ปกป้องมรดกทางวัฒนธรรมและมรดกทางธรรมชาติของโลกไว้ และเรียกร้องให้แต่ละประเทศมี
สว่ นร่วมและบทบาทในการปกป้องและรักษาสถานที่ซ่ึงเป็นมรดกโลกไว้ ในขณะน้ันได้มีการพูดถึง
การพัฒนาอย่างย่ังยืน (Sustainable Development) โดย The United Nations World
Commission on Environment and Development (UNWCED) และตอ่ มาภายหลังไดจ้ ัดทาเป็น
รายงานเพื่อให้ท่ัวโลกตระหนกั ถงึ การใช้และอนรุ กั ษท์ รัพยากรและสงิ่ แวดล้อมทางธรรมชาติ โดยได้มี
การกาหนดการพฒั นาการทอ่ งเท่ียวอย่างย่งั ยนื (Sustainable Tourism Development) ใหเ้ ป็นสาขา
ย่อยของการพฒั นาอยา่ งยั่งยนื ในครั้งน้นั ด้วย

สานักวิจัยเศรษฐกจิ และประเมินผล หนา้ ท่ี 7-5
บรษิ ัท จากัด

รายงานสรุปการจัดทาบญั ชปี ระชาชาตดิ ้านการท่องเที่ยว ประจาปงี บประมาณ พ.ศ. 2563
โครงการพฒั นาและจดั ทาบัญชีประชาชาตดิ ้านการท่องเท่ียว

สานกั งานปลดั กระทรวงการทอ่ งเที่ยวและกีฬา

บทบาทของการทอ่ งเทยี่ วเกดิ ขึน้ ในการประชุม The UN Conference Environment and
Development (UNCED) ที่จัดขึ้นในปี พ.ศ. 2535 ที่เรียกกันว่า “The Rio Summit” ซึ่งเป็น
การประชมุ เพ่ือหาแนวทางการพัฒนาการทอ่ งเทย่ี วอย่างยัง่ ยืนผา่ นการปฏิบัตกิ ารในรูปแบบตา่ ง ๆ โดย
มีหน่วยงานและองคก์ รด้านการทอ่ งเทีย่ วเขา้ รว่ มประชุมดว้ ย เชน่ The World Travel and Tourism
Council (WTTC), The United Nations World Tourism Organization (UNWTO), และ The
Earth Council (EC) โดยมีวาระการประชุมคือ “Agenda 21 : The Travel and Tourism Industry
Towards Environmentally Sustainable Development” โดยมีเนอื้ หาสาระกล่าวถึงการพัฒนาการ
ท่องเทย่ี วอยา่ งยง่ั ยนื จะตอ้ งมคี วามเชอื่ มโยงกับความต้องการของนักท่องเที่ยวและประเทศเจ้าบ้าน
ในขณะที่จะต้องปกป้องและพัฒนาโอกาสในด้านการท่องเที่ยวแห่งอนาคต ซ่ึงการบริหารจัดการ
ทรัพยากรจะตอ้ งมีความสมดุลย์กบั ความต้องการทางเศรษฐกิจสังคมในขณะท่ียังคงรักษาวัฒนธรรม
สภาพแวดลอ้ มทางระบบนิเวศนว์ ิทยา ความแตกตา่ งทางชีวภาพ และระบบการสนบั สนุนการมีชวี ิตทด่ี ี
ของผ้คู นในชุมชนไดอ้ ย่างต่อเนื่อง

กระแสของการท่องเทีย่ วทย่ี ั่งยืน การทอ่ งเท่ยี วท่รี ับผิดชอบต่อสังคมและส่ิงแวดล้อม ที่เป็น
วาระของโลกมาต้ังแตป่ ี พ.ศ.2535 (ค.ศ.1992) เมื่อคร้งั การประชุมสุดยอดว่าด้วยการพัฒนาท่ีย่ังยืน
จนถึงปี พ.ศ.2543 ในปีที่ถือเอาการเริ่มขึ้น ค.ศ.2000 เป็นจุดเปลี่ยนการพัฒนาและการพัฒนาทุก
รูปแบบตอ้ งช่วยแกป้ ัญหาความยากจน1 (Millennium Development Goals - MDGs) และคานึง ถึง
สิ่งแวดล้อม ซึ่งหน่ึงในหลาย ๆ ความเคล่ือนไหวของกลไกที่เกี่ยวข้องในการท่องเท่ียวโลก คือ
การจดั ตั้ง Sustainable Tourism Stewardship Council (STSC) ขึ้นเมอ่ื ปี 25442 และมกี ารจดั ทา
เกณฑ์สาหรับการท่องเที่ยวอย่ายั่งยืน (Global Sustainable Tourism Criteria - GSTC) ขึ้น ใน
การประชุมว่าด้วยการอนุรักษ์โลก (The World Conservation Congress) ท่ีประเทศสเปน เม่ือปี
พ.ศ. 2551 (ค.ศ.2008) ซึ่งเป็นแนวคิดใหผ้ เู้ กี่ยวข้องกับการพัฒนาการท่องเที่ยวอย่างย่ังยืน ทุกภาค
สว่ นได้ใช้เป็นหลักการปฏิบัติ เพื่อนาไปสู่มาตรฐานการจัดการการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนได้ ปัจจุบัน
UNWTO พยายามผลกั ดนั ใหป้ ระเทศสมาชกิ นาไปเปน็ แนวทางปฏิบัตเิ พ่อื ยกระดับการท่องเท่ียวให้มี
มาตรฐาน

ในการศึกษาคร้ังน้ี ได้มีการปรับปรุงแบบสอบถามให้มีข้อถามท่ีครอบคลุมถึงประเด็น
การท่องเทีย่ วทย่ี ่ังยนื ตามแนวทางของ UNWTO แล้วโดยไดศ้ ึกษาและทบทวนตวั แปรท่ใี ชท้ าการศึกษา
รวมไปถึงการศึกษาถึงเทคนิคและวิธีการวัดการกระจายรายได้ท่องเท่ียวชุม ชนที่มีความเหมาะสม
สามารถสะทอ้ นสถานภาพของการกระจายรายไดท้ สี่ อดคล้องกบั ความต้องการในในระดบั นโยบายและ
ปฏิบัติของสานักงานปลัดกระทรวงการท่องเท่ียวและกีฬา รวมไปถึงตัวแปรตามเกณฑ์การวัด
การทอ่ งเทีย่ วอยา่ งยงั่ ยืน (Global Sustainable Tourism Criteria: GSTC) หรือเปา้ หมายการพฒั นาท่ี
ยงั่ ยนื (Sustainable Development Goals: SDGs) หรอื แนวทางของการจดั ทาบญั ชปี ระชาชาตดิ ้าน
การท่องเทีย่ วของ UNWTO

1 http://en.wikipedia.org/wiki/Millemium_Development_Goals (อา้ งในพจนา สวนศร)ี
2 http://www.uncsd2012.org/index.php?page=view&type=1002&nr=145&menu=36 (อา้ งในพจนา สวนศรี)

สานักวิจยั เศรษฐกิจและประเมนิ ผล หนา้ ท่ี 7-6
บรษิ ัท จากัด

รายงานสรุปการจัดทาบญั ชปี ระชาชาตดิ า้ นการทอ่ งเท่ียว ประจาปงี บประมาณ พ.ศ. 2563
โครงการพฒั นาและจัดทาบญั ชีประชาชาตดิ า้ นการทอ่ งเทย่ี ว
สานักงานปลดั กระทรวงการทอ่ งเทีย่ วและกีฬา

4. ขอ้ มูลจานวนกจิ การท่องเทยี่ วชุมชนทั่วทงั้ ประเทศ

ฐานข้อมูลจานวนกิจการท่องเที่ยวชุมชนของการศึกษาภายใต้โครงการน้ี ในเบ้ืองต้นได้มา
จากการรวบรวมข้อมูลวิสากิจท่องเที่ยวชุมชนจากแหล่งข้อมูลต่าง ๆ ที่เก่ียวข้อง ได้แก่ ข้อมูลจาก
องค์การบริหารการพัฒนาพ้ืนที่พิเศษเพ่ือการท่องเท่ียวอย่างยั่งยืน (องค์การมหาชน) หรือ อพท
กรมการท่องเทยี่ ว และกรมการพัฒนาชุมชน (โครงการโอทอปนวัตวิถี ท่องเท่ียวชุมชน) โดยได้ปรับ
กจิ การทีซ่ า้ กันระหว่างหนว่ ยงานตา่ ง ๆ ออกไป ซึง่ ข้อมูลทีป่ รากฏตามรายงานของหนว่ ยงานดังกล่าว
ส่วนใหญจ่ ะเป็นของปยี อ้ นหลัง การดาเนินงานเพือ่ ปรับปรุงฐานขอ้ มูลจานวนกิจการท่องเท่ียวชุมชน
ทว่ั ทงั้ ประเทศดังกลา่ วใหท้ ันสมยั เปน็ ปัจจุบัน เม่ือปีท่ีแล้ว จึงได้ดาเนินการโดยวิธีการสัมภาษณ์ทาง
โทรศัพท์ สอบถามและตรวจสอบขอ้ มูลท่สี าคัญ เช่น ช่ือท่องเที่ยวชุมชน สถานทีต่ ง้ั หน่วยงานภาครัฐ
ท่ีให้การส่งเสริมสนับสนุน เบอร์โทรศัพท์ในการติดต่อ จุดเด่น หรือจุดขายของกิจกรรมท่องเที่ยว
ชุมชน ช่วงระยะเวลาท่องเท่ียวในรอบปี (เปดิ -ปิด) จานวนสมาชิก (กจิ การ) ของกลุ่มท่องเท่ียวชุมชน
จานวนนักท่องเท่ียว รายได้ของกิจการในฤดูท่องเที่ยวและนอกฤดูท่องเท่ียว และรายได้จาก
การประกอบอาชพี อน่ื นอกฤดูทอ่ งเที่ยวของสมาชกิ กลุม่ ทอ่ งเที่ยวชุมชน เป็นต้น

ผลท่ีได้จากการดาเนินการดังกล่าว พบว่าเน่ืองจากการประกอบการของธุรกิจท่องเที่ยว
ชมุ ชนมไิ ดม้ กี ารเปลี่ยนแปลงไปมากนัก ดังนั้น การศึกษาจัดทาข้อมูลการท่องเที่ยวชุมชนในปี พ.ศ.
2562 คร้ังน้ี จึงจะยังคงใช้ฐานข้อมูลกิจการท่องเที่ยวชุมชน ปี 2561 ที่มีอยู่เดิม อย่างไรก็ตาม มี
ข้อเสนอวา่ เมอื่ ระยะเวลาผ่านไป 2-3 ปี ควรมีการทบทวนฐานขอ้ มูลจานวนกจิ การท่องเท่ียวชุมชนนี้
เปน็ ครั้งคราวไป

ผลจากการใช้ฐานขอ้ มลู กิจการทอ่ งเที่ยวชุมชน ปี 2561 พบว่า มีจานวนกิจการท่องเที่ยวชุมชน
ทั่วท้ังประเทศจานวนรวม 1,180 ราย จาแนกตามรายภาค ประกอบด้วย ภาคตะวันออกเฉียงเหนือมี
จานวนสงู ท่สี ดุ จานวน 369 ราย รองลงมา ไดแ้ ก่ ภาคกลาง 236 ราย ภาคใต้ 197 ราย ภาคเหนือ 169 ราย
ภาคตะวันออก 115 ราย และภาคตะวนั ตก 94 ราย ตามลาดบั ดงั นี้ (ตารางท่ี 7-1)

ตารางที่ 7-1 จานวนกิจการท่องเท่ียวชุมชนทั่วท้ังประเทศ จาแนกตามรายภาค ภายใต้การดูแล
ของแต่ละหนว่ ยงาน ปี พ.ศ. 2561

หนว่ ยงาน ภาคเหนือ ภาคตะวันออก ภาคกลาง ภาค ภาค หน่วย : ราย
เฉยี งเหนือ ตะวันตก ตะวันออก
อพท. 15 52 ภาคใต้ รวม
กรมการทอ่ งเทยี่ ว 121 56 94 19 41
หนว่ ยงานอื่น 33 120 90 36 39 28 211
169 193 236 39 35 130 540
รวม 369 94 115 39 429
ท่มี า : จากการสารวจ 197 1,180

สานกั วจิ ยั เศรษฐกจิ และประเมนิ ผล หนา้ ท่ี 7-7
บริษัท จากัด

รายงานสรุปการจดั ทาบัญชีประชาชาตดิ ้านการท่องเท่ยี ว ประจาปงี บประมาณ พ.ศ. 2563
โครงการพัฒนาและจดั ทาบญั ชีประชาชาติดา้ นการท่องเทยี่ ว
สานกั งานปลดั กระทรวงการท่องเทย่ี วและกฬี า

5. ผลการสารวจและเก็บรวบรวมข้อมลู การทอ่ งเทย่ี วชมุ ชน

5.1 ผลการดาเนินธุรกจิ ของผู้ประกอบการท่องเท่ียวชมุ ชน

1) พ้ืนท่ีด้านโครงสร้างค่าใช้จ่ายของอุตสาหกรรมการท่องเท่ียวชุมชนที่ดาเนินการ
จัดเกบ็ ขอ้ มลู

ด้านโครงสรา้ งคา่ ใชจ้ า่ ยของอุตสาหกรรมการท่องเท่ยี วชมุ ชน ทัง้ มูลค่าผลผลติ ต้นทุน
คา่ ใช้จ่าย และมลู ค่าเพ่มิ รวมท้ังจานวนการจา้ งงาน จานวนไม่น้อยกว่า 4,000 ราย ผลการดาเนินงาน
สารวจได้ 4,003 ราย คิดเปน็ รอ้ ยละ 100.08

ตารางที่ 7-2 จานวนตัวอยา่ งดา้ นโครงสร้างคา่ ใช้จ่ายของอตุ สาหกรรมการทอ่ งเที่ยวชุมชน ปี พ.ศ 2562

ภมู ภิ าค จานวน (ราย) ร้อยละ

กทม.และปรมิ ณฑล 389 9.72

ภาคกลาง 291 7.27

ภาคตะวนั ตก 140 3.50

ภาคตะวันออก 288 7.19

ภาคตะวนั ออกเฉียงเหนอื 551 13.76

ภาคใต้ 1152 28.78

ภาคเหนือ 1192 29.78

รวม 4,003 100.00

2) รายได้และรายจา่ ยเฉล่ียต่อชุมชน สถานประกอบการหรอื วิสาหกิจท่องเท่ียวชุมชน
รายได้เฉลย่ี จานวน 306,430.91 บาทตอ่ รายต่อปี และมรี ายจ่ายเฉลีย่ 181,206.02 บาทต่อรายต่อปี
ดงั นนั้ โดยภาพรวมสถานประกอบการหรือวิสาหกิจท่องเท่ียวชุมชนมีกาไรเฉล่ีย 125,224.89 บาท

ตอ่ รายตอ่ ปี ตามตารางท่ี 7-3

ตารางที่ 7-3 รายได้ รายจ่าย และกาไรเฉลี่ยจากการประกอบการของวิสาหกิจท่องเที่ยวโดย

ชมุ ชนปี พ.ศ. 2562

รายการ จานวนเงินเฉล่ยี
บาท/ราย/ปี

1) รายได้เฉลีย่ 306,430.91

2) รายจา่ ยเฉลย่ี 181,206.02

3) กาไรเฉลย่ี 125,224.89

ทม่ี า : จากการสารวจ

สานกั วิจยั เศรษฐกจิ และประเมนิ ผล หนา้ ที่ 7-8
บริษัท จากัด

รายงานสรปุ การจัดทาบัญชปี ระชาชาตดิ ้านการทอ่ งเทีย่ ว ประจาปีงบประมาณ พ.ศ. 2563
โครงการพัฒนาและจัดทาบญั ชีประชาชาตดิ า้ นการทอ่ งเท่ยี ว

สานกั งานปลดั กระทรวงการทอ่ งเท่ียวและกีฬา

2) รายละเอียดค่าใช้จ่ายในการประกอบการ วิสาหกิจท่องเที่ยวชุมชนมีค่าใช้จ่าย
ที่จาแนกประเภทตามโครงสร้างการใช้จ่ายของตารางปัจจัยการผลิตและผลผลิตมีมูลค่ารวม เป็น

จานวน 181,206.02 บาทตอ่ รายตอ่ ปี โดยแบ่งเปน็ ค่าจา้ งแรงงานและคา่ ตอบแทนที่มีสัดส่วนสูงที่สุด
จานวน 38,066.25 บาทตอ่ รายตอ่ ปี หรือคิดเปน็ รอ้ ยละ 21.01 รองลงมา ได้แก่ ค่าซ้ือวัตถุดิบสินค้า
และบรกิ ารต่าง ๆ ค่าเสอื่ มราคา และคา่ ธรรมเนียมและภาษี ตามตารางที่ 7-4

ตารางท่ี 7-4 ค่าใช้จ่ายของวิสาหกิจท่องเที่ยวชุมชน ปี พ.ศ. 2562 จาแนกสาขาตามตาราง

ปัจจัยการผลติ -ผลผลิต

ประเภทคา่ ใช้จา่ ย จานวนเงินเฉลยี่ สัดส่วน
(บาท) (%)

ค่าซื้อข้าวสาร ขา้ วเหนยี ว แปง้ บะหมี่ เสน้ หมี่ 8,714.28 4.81

คา่ ซอ้ื ผกั ผลไม้ 10,774.51 5.95

ค่าซ้ือเนอ้ื สตั ว์ ปลา กุง้ อาหารทะเล 13,756.74 7.59

ค่าซื้ออาหารแปรรูป อาหารแห้ง 4,020.73 2.22

ค่าซ้ือเครื่องปรงุ รสต่าง ๆ นา้ มันพืช 6,933.05 3.83

คา่ ซอ้ื วตั ถดุ ิบอืน่ ๆ เพ่อื การประกอบอาหารให้กบั นกั ท่องเทยี่ ว 5,817.85 3.21

คา่ ซอ้ื เครอ่ื งดื่มทม่ี ีแอลกอฮอล์ 1,280.20 0.71

ค่าซือ้ เครอ่ื งดื่มที่ไมม่ แี อลกอฮอล์ น้าดม่ื นา้ แข็ง 7,096.88 3.92

ค่าซื้ออปุ กรณแ์ ละเครอื่ งใช้เพอื่ นามาให้บรกิ ารแกน่ ักทอ่ งเทยี่ ว 779.40 0.43

ค่าซอื้ เครอื่ งนอน เช่น หมอน ผ้าห่ม เป็นต้น 448.34 0.25

คา่ ซอื้ เครือ่ งใช้ ของใชส้ ิ้นเปลอื งตา่ ง ๆ 5,351.46 2.95

ค่าซ้ืออุปกรณต์ ่าง ๆ 7,253.72 4.00

ค่าไฟฟ้า 7,887.54 4.35

ค่าเช้ือเพลงิ และก๊าซ 10,511.74 5.80

ค่านา้ ประปาและนา้ ใช้อนื่ ๆ 2,306.79 1.27

ค่าพาหนะเดนิ ทาง 4,391.57 2.42

ค่าโทรศพั ท์ อนิ เทอรเ์ น็ต 4,987.42 2.75

ค่าโฆษณา ประชาสมั พนั ธ์ เงนิ บรจิ าค 87.68 0.05

คา่ บริการการธนาคารและการประกนั ภัย 473.26 0.26

คา่ นายหน้า ตวั แทนการตลาด 14.05 0.01

ค่าซอ่ มแซม บารุงรกั ษาอาคาร 7,504.27 4.14

คา่ ซอ่ มแซม บารงุ รักษาสง่ิ ของเครือ่ งใช้ ซ่อมยานพาหนะ และ 2,729.56 1.51

สานักวจิ ัยเศรษฐกิจและประเมนิ ผล หน้าท่ี 7-9
บรษิ ทั จากดั

รายงานสรุปการจัดทาบัญชีประชาชาติดา้ นการทอ่ งเที่ยว ประจาปีงบประมาณ พ.ศ. 2563
โครงการพฒั นาและจัดทาบัญชปี ระชาชาตดิ ้านการท่องเทยี่ ว

สานักงานปลัดกระทรวงการทอ่ งเท่ียวและกีฬา

ตารางที่ 7-4 ค่าใช้จา่ ยของวิสาหกจิ ท่องเที่ยวชุมชน ปี พ.ศ. 2562 จาแนกสาขาตามตาราง

ปจั จัยการผลิต-ผลผลติ

ประเภทค่าใช้จ่าย จานวนเงินเฉล่ีย สดั สว่ น
(บาท) (%)

อุปกรณ์ เครื่องมอื ต่าง ๆ

ค่าซอื้ สนิ ค้าเพอื่ นามาจาหนา่ ยให้กบั นักท่องเท่ยี ว 5,634.52 3.11

ค่าซอื้ บรกิ ารต่างๆเพอ่ื นามาใหบ้ รกิ ารแกน่ ักทอ่ งเที่ยว 561.88 0.31

คา่ บารงุ สมาชิกกล่มุ ทอ่ งเที่ยวชุมชน 4,485.71 2.48

คา่ ใช้จ่ายอ่นื ๆ 10,366.07 5.72

คา่ เสื่อมราคา 6,872.00 3.79

คา่ จา้ งแรงงานและคา่ ตอบแทน 38,066.25 21.01

คา่ ดอกเบ้ีย 63.33 0.03

คา่ ภาษมี ลู ค่าเพ่ิม 22.56 0.01

ค่าธรรมเนยี มและภาษอี ื่น ๆ 2,012.66 1.11
181,206.02 100.00
ค่าใช้จ่ายรวม

ทม่ี า : จากการสารวจ

4) รายได้ ค่าใช้จ่าย และค่าใช้จ่ายของวิสาหกิจท่องเที่ยวชุมชนที่เกิดขึ้นเป็น
การกระจายรายไดใ้ หก้ บั ท้องถน่ิ จากผลการสารวจท่ไี ด้ เมอ่ื แปลงเป็นขอ้ มูลของประชากร ประเมิน

ไดว้ ่า ในปี พ.ศ. 2562 วิสาหกิจท่องเท่ียวชุมชนมีรายไดร้ วมกนั ทัง้ หมด เท่ากับ 11,802.70 ล้านบาท
ขณะเดยี วกนั มีค่าใช้จ่ายเกิดขึน้ เทา่ กับ 11,267.24 ลา้ นบาท คิดเป็นร้อยละ 95.46 ของรายได้ และ
กาไรและอนื่ ๆ เช่น ภาษี คา่ เสอ่ื มราคาของทรัพย์สิน เทา่ กับ 535.46 ลา้ นบาท ตามตารางที่ 7-5

ตารางที่ 7-5 เปรียบเทยี บรายได้และการใช้จ่ายของวสิ าหกจิ ท่องเท่ยี วโดยชุมชน ปี พ.ศ. 2562

รายการ จานวนเงิน (ลา้ นบาท) สดั สว่ น(%)

รายได้รวม 11,802.70 100.00

ค่าใชจ้ ่ายรวม 11,267.24 95.46
กาไรและอ่นื ๆ 535.46 4.54

ท่ีมา : จากการสารวจ

สานกั วิจัยเศรษฐกจิ และประเมินผล หน้าที่ 7-10
บรษิ ทั จากดั

รายงานสรปุ การจดั ทาบัญชีประชาชาตดิ า้ นการท่องเทยี่ ว ประจาปงี บประมาณ พ.ศ. 2563
โครงการพัฒนาและจัดทาบญั ชปี ระชาชาติด้านการทอ่ งเทย่ี ว

สานักงานปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา

5) การวิเคราะห์ รายได้และค่าใช้จ่ายของวิสาหกิจท่องเท่ียวชุมชน จากมูลค่าของ
คา่ ใชจ้ า่ ยรวมของวิสาหกจิ ทอ่ งเที่ยวชุมชน เม่ือพิจารณาในดา้ นของผูร้ ับแลว้ กค็ อื ค่าตวั ชว้ี ัดทสี่ ามารถ
สะทอ้ นถงึ การกระจายรายไดข้ องท่องเทยี่ วชมุ ชนทีท่ อ้ งถนิ่ ไดร้ บั เชน่ การใชจ้ า่ ยซือ้ วัตถดุ ิบจากท้องถ่นิ
หรือการจ่ายเปน็ ค่าจ้าง คา่ ตอบแทนแกพ่ นกั งาน บุคลากรของวิสาหกิจท่องเท่ียวชุมชน เป็นตน้

ในการพิจารณาหามูลค่า ค่าใชจ้ ่ายท่ีเกดิ เป็นรายได้กระจายใหก้ ับกับทอ้ งถน่ิ ดงั กล่าว
นน้ั เนอ่ื งจากในแบบสอบถามมไิ ด้เปน็ การถามโดยตรงจากเจา้ ของสถานประกอบการวิสาหกจิ ท่องเทย่ี ว
ชมุ ชนว่าเป็นจานวนเท่าใด ดงั น้นั การศึกษาในท่ีนี้ จงึ ใชว้ ิธีการประเมนิ จากประเภทของรายการท่ีใช้จ่าย
เช่น การซื้อวัตถุดิบมาปรุงอาหารเพื่อให้บริการแก่นักท่องเที่ยว สามารถประเมินได้ว่าการใช้จ่าย
ดงั กล่าวเกดิ ขึน้ ในชุมชน มากกว่าทีจ่ ะเป็นการซือ้ จากภายนอกซึ่งมโี อกาสเกิดขึ้นน้อยมาก หรือถ้ามีก็
อาจมีมูลค่าเพียงเลก็ นอ้ ยเทา่ นัน้

จากมูลค่าค่าใช้จ่ายท้ังหมดในจานวน 11,267.24 ลา้ นบาท เม่ือประเมินถึงรายจ่าย
ที่จะเกดิ ข้ึนเปน็ รายได้ในทอ้ งถน่ิ เกดิ การกระจายรายไดใ้ ห้กับทอ้ งถน่ิ ภายในพ้นื ที่ที่วสิ าหกจิ ทอ่ งเที่ยว
ชุมชนตั้งอยู่โดยการพิจารณาจากรายการการใชจ้ ่ายทค่ี าดวา่ จะเป็นสนิ คา้ และบริการทผี่ ลิตข้ึนภายใน
พ้ืนท่ีเดียวกันกับท่ีวิสาหกิจท่องเที่ยวชุมชนนั้นต้ังอยู่ ซึ่งจากการศึกษาพบว่า ค่าใช้จ่ายส่วนใหญ่
มีมูลค่าสูงเปน็ อันดบั ตน้ ๆ ของมลู ค่ารายจา่ ยทงั้ หมด โดยมรี ายละเอียดดังนี้

(1) การจ่ายเป็นค่าจ้างแรงงานและค่าตอบแทนเท่ากับ 2,366.93 ล้านบาท หรือ
ประมาณร้อยละ 21.01 ของการใชจ้ ่ายรวมท้ังหมด ค่าใช้จ่ายรายการน้ี ถือว่า
เป็นรายการที่สาคัญที่สุดท่ีมีผลต่อการสร้างรายได้และการกระจายรายได้ท่ี
ตกแก่ชมุ ชน

(2) ค่าซื้อเนื้อสัตว์ ปลา กุ้ง อาหารทะเล จานวน 855.38 ล้านบาท หรือคิดเป็น
ร้อยละ 7.59

(3) คา่ ซ้อื ผกั ผลไม้ จานวน 669.95 ลา้ นบาท หรือร้อยละ 5.95 ของคา่ ใชจ้ า่ ยรวม
(4) คา่ ซื้อบริการตา่ ง ๆ เพ่อื นามาให้บริการแก่นักท่องเท่ียว 34.94 ล้านบาท หรือ

คดิ เปน็ รอ้ ยละ 0.31 ของค่าใชจ้ า่ ยรวม ตามลาดบั ตามตารางท่ี 7-6

ตารางท่ี 7-6 สดั สว่ นและมูลค่าของคา่ ใช้จา่ ยของวสิ าหกจิ ท่องเท่ียวชุมชนจาแนกตามประเภท
คา่ ใช้จา่ ย

ลาดับที่ รายจา่ ย ล้านบาท ร้อยละ

1 ค่าจา้ งแรงงานและค่าตอบแทน 2,366.93 21.01

2 ค่าซอ้ื เน้ือสตั ว์ ปลา กงุ้ อาหารทะเล 855.38 7.59

3 ค่าซ้อื ผกั ผลไม้ 669.95 5.95

4 คา่ เช้ือเพลงิ และก๊าซ 653.61 5.80

5 คา่ ใช้จ่ายอื่น ๆ 644.55 5.72

6 คา่ ซอื้ ข้าวสาร ขา้ วเหนียว แป้ง บะหม่ี เสน้ หมี่ 541.85 4.81

สานกั วิจัยเศรษฐกิจและประเมนิ ผล หนา้ ท่ี 7-11
บริษัท จากดั

รายงานสรุปการจัดทาบัญชีประชาชาตดิ า้ นการทอ่ งเท่ยี ว ประจาปีงบประมาณ พ.ศ. 2563
โครงการพฒั นาและจดั ทาบญั ชปี ระชาชาติดา้ นการทอ่ งเทยี่ ว

สานกั งานปลดั กระทรวงการท่องเท่ยี วและกีฬา

ตารางที่ 7-6 สดั ส่วนและมลู ค่าของค่าใช้จา่ ยของวิสาหกจิ ทอ่ งเทย่ี วชุมชนจาแนกตามประเภท
ค่าใช้จา่ ย

ลาดบั ท่ี รายจา่ ย ลา้ นบาท รอ้ ยละ

7 ค่าไฟฟ้า 490.44 4.35

8 ค่าซ่อมแซม บารุงรักษาอาคาร 466.61 4.14

9 คา่ ซื้ออปุ กรณต์ า่ ง ๆ 451.03 4.00

10 ค่าซือ้ เครอ่ื งดมื่ ท่ีไมม่ ีแอลกอฮอล์ นา้ ดมื่ น้าแข็ง 441.28 3.92

11 ค่าซอ้ื เครอ่ื งปรงุ รสต่าง ๆ น้ามันพืช 431.09 3.83

12 ค่าเสือ่ มราคา 427.30 3.79

13 คา่ ซื้อวัตถดุ ิบอื่นๆ เพื่อการประกอบอาหารใหก้ ับนกั ท่องเทยี่ ว 361.75 3.21

14 ค่าซอ้ื สินค้าเพอื่ นามาจาหน่ายให้กบั นักทอ่ งเที่ยว 350.35 3.11

15 คา่ ซื้อเครือ่ งใช้ ของใชส้ นิ้ เปลอื งตา่ ง ๆ 332.75 2.95

16 คา่ โทรศพั ท์ อนิ เทอร์เนต็ 310.11 2.75

17 ค่าบารงุ สมาชิกกลมุ่ ทอ่ งเที่ยวชุมชน 278.92 2.48

18 ค่าพาหนะเดินทาง 273.06 2.42

19 คา่ ซอ้ื อาหารแปรรูป อาหารแหง้ 250.01 2.22

20 คา่ ซ่อมแซม บารงุ รักษาสง่ิ ของเครอ่ื งใช้ ซ่อมยานพาหนะ และ 169.72 1.51
อปุ กรณ์ เคร่ืองมือตา่ ง ๆ 143.43 1.27

21 ค่าน้าประปาและน้าใช้อน่ื ๆ

22 คา่ ธรรมเนยี มและภาษีอน่ื ๆ 125.15 1.11

23 คา่ ซื้อเครอื่ งดื่มทมี่ ีแอลกอฮอล์ 79.60 0.71

24 คา่ ซือ้ อปุ กรณ์และเครื่องใชเ้ พือ่ นามาใหบ้ รกิ ารแกน่ ักทอ่ งเทย่ี ว 48.46 0.43

25 คา่ ซือ้ บรกิ ารต่าง ๆ เพอ่ื นามาใหบ้ ริการแกน่ กั ท่องเท่ียว 34.94 0.31

26 คา่ บรกิ ารการธนาคารและการประกนั ภยั 29.43 0.26

27 ค่าซอ้ื เครือ่ งนอน เช่น หมอน ผา้ หม่ เป็นต้น 27.88 0.25

28 ค่าโฆษณา ประชาสมั พันธ์ เงินบรจิ าค 5.45 0.05

29 ค่าดอกเบ้ีย 3.94 0.03

30 คา่ ภาษมี ูลคา่ เพิม่ 1.40 0.01

31 คา่ นายหนา้ ตัวแทนการตลาด 0.87 0.01

รวมรายจา่ ย 11,267.24 100.00

สานักวจิ ัยเศรษฐกจิ และประเมินผล หน้าที่ 7-12
บริษทั จากัด

รายงานสรปุ การจดั ทาบญั ชีประชาชาติด้านการท่องเทีย่ ว ประจาปงี บประมาณ พ.ศ. 2563
โครงการพฒั นาและจดั ทาบญั ชีประชาชาตดิ า้ นการท่องเทยี่ ว

สานักงานปลัดกระทรวงการทอ่ งเท่ียวและกีฬา

6) ผลการวิเคราะห์การกระจายรายได้โดยค่า GINI coefficient การนาค่า GINI
coefficient มาวัดการกระจายรายได้สามารถใช้ได้ 2 แนวทาง โดยแนวทางแรกคือ การใช้ค่าสัมบูรณ์
ซง่ึ ก็คอื การแปลความหมายจากคา่ GINI coefficient โดยตรง ในกรณนี ีใ้ นทางปฏิบัติท่ีใช้กันค่อนข้าง
แพรห่ ลาย คอื การใชค้ ่า 0.5 เปน็ คา่ กลางของการกระจายรายได้ หากค่า GINI coefficient ที่คานวณ
ไดม้ ีค่าสูงกว่า 0.5 กจ็ ะตีความไดว้ ่ากลุ่มทท่ี าการศึกษาน้นั มีการกระจายรายได้ท่ีไม่เท่าเทยี มกนั มากยิ่ง
มีค่ามากเท่าใด ก็ยงิ่ มคี วามไมเ่ ทา่ เทียมกันมากขึ้น ในทางตรงกันข้าม หากต่ากว่า 0.5 ถือว่าค่อนข้าง
ทมี่ ีความแตกตา่ งกันของรายไดห้ รอื การกระจายรายได้น้อย (ยังมีความไม่เท่าเทียมกนั ของรายได้ แตม่ ีค่าน้อย)
ส่วนอกี แนวทางคอื การพิจารณาโดยการเปรียบเทียบค่า GINI coefficient ระหว่าง 2 ช่วงเวลา เป็น
การดคู ่าในลักษณะของค่าสมั พัทธ์ ถา้ ค่า GINI coefficient ทเ่ี กิดข้นึ ในชว่ งเวลาหลัง มคี า่ นอ้ ยกวา่ ค่าท่ี
เกิดขนึ้ ในชว่ งเวลาแรก กอ็ าจตคี วามไดว้ า่ มีการกระจายรายได้ทข่ี ้ึนเม่ือเปรยี บเทยี บกบั ช่วงกอ่ นหน้า

ในการศึกษาครั้งน้ี ไดใ้ ช้ข้อมูลจากการสารวจรายได้ของวิสาหกิจหรือธุรกิจท่องเท่ียว
ชุมชนได้รบั ในปี พ.ศ. 2562 และรายได้ที่พนักงาน/คนงานได้รบั จากการรับจ้างทางานในวิสาหกิจหรือ
ธรุ กิจท่องเที่ยวชุมชน ทง้ั น้ี จากข้อมลู ทีเ่ กบ็ รวบรวมไดจ้ ากวสิ าหกจิ ท่องเทย่ี วชมุ ชนตัวอย่าง ในปี พ.ศ.
2562 เมื่อนามาคานวณหาค่า Gini coefficient ได้ผล ดงั น้ี

ตารางท่ี 7-7 คา่ Gini coefficient ของรายได้ของวิสาหกิจท่องเที่ยวชุมชนและรายได้ของพนักงาน

ท่ที างานอยู่ในวิสาหกจิ ทอ่ งเท่ียวชุมชน

รายละเอียด ปี พ.ศ. 2561 ปี พ.ศ. 2562

1) รายได้รวมของวิสาหกจิ ทอ่ งเท่ียวชุมชน 244,771.70 249,667.13
Mean 0.6057 0.6069
Gini coefficient

2) ค่าจ้างแรงงานและค่าตอบแทนในวิสาหกจิ ทอ่ งเทย่ี วชุมชน

Mean 18,507.00 18,895.65
0.5840
Gini coefficient 0.5805

จากผลของการคานวณค่า Gini coefficient ในตารางข้างต้น หากพิจารณาในเชิงของ
คา่ สมั บูรณ์ สามารถตีความได้ว่า ทั้งธุรกิจท่องเท่ียวชุมชน และพนักงานที่มีรายได้เป็นค่าตอบแทน
แรงงานจากการทางานอย่ใู นวิสาหกิจท่องเที่ยวชุมชน มกี ารกระจายรายไดท้ ี่ไม่เท่าเทียมกัน (ค่า Gini
coefficient > 0.5) อย่างไรกต็ ามเมอื่ พจิ ารณาในเชิงเปรยี บเทยี บระหว่างปี พ.ศ. 2561 และปี พ.ศ.
2562 พบว่า ทั้งผปู้ ระกอบการวสิ าหกิจทอ่ งเท่ยี วชุมชนและแรงงานทีท่ างานอยู่ในวิสาหกิจท่องเที่ยวชุมชน
มีการกระจายรายได้ท่ีแย่ลง เมือ่ เทยี บกบั ปี พ.ศ. 2561

เน่ืองจาก การวัดค่า Gini coefficient เป็นผลที่เกิดขึ้นปลายทาง ดังนั้น ปัจจัย
ต้นทางหรอื ระหว่างทางท่ีจะนาไปสู่การกระจายรายได้ อาจเกดิ ได้ท้งั จากปจั จยั ภายนอก เชน่ นโยบาย

สานักวจิ ัยเศรษฐกจิ และประเมนิ ผล หนา้ ที่ 7-13
บริษัท จากดั

รายงานสรุปการจัดทาบัญชปี ระชาชาตดิ า้ นการท่องเที่ยว ประจาปีงบประมาณ พ.ศ. 2563
โครงการพัฒนาและจัดทาบัญชปี ระชาชาติดา้ นการทอ่ งเท่ยี ว
สานกั งานปลดั กระทรวงการทอ่ งเทยี่ วและกฬี า

และการส่งเสริมการตลาดของภาครัฐ เป็นต้น และอาจมีปัจจัยท่ีเกิดข้ึนจากภายในของธุรกิจเอง
ซึ่งเป็นเรื่องที่ธุรกิจสามารถควบคุม หรือจัดการได้มากระทบต่อรายได้ของธุรกิจต่าง ๆ จนทาให้มี
ความแตกต่างกันของรายไดเ้ กดิ ข้นึ ได้ดว้ ยเช่นกนั

อย่างไรกต็ าม หากตั้งสมมติฐานว่ากลไกของตลาดแข่งขันอย่างสมบูรณ์ จะสามารถ
นาไปสู่การกระจายรายได้ท่ีดีข้ึน (ในทางตรงกันข้ามมีงานวิจัยหลายเรื่องท่ีมีผลการศึกษายืนยัน
ตรงกันว่า การที่ภาครัฐเข้าไปวางแผนส่งเสริม (Planed economy/central planed economy)
กลบั ยิ่งทาให้เกดิ การแข่งขันทไี่ ม่สมบูรณ์มากข้ึน เน่อื งจากกลไกตลาดไดถ้ กู บดิ เบอื นไป) ผลจากการท่ี
การกระจายรายได้ของวสิ าหกจิ ทอ่ งเท่ียวชุมชนมีค่าที่แย่ลงในปี พ.ศ. 2562 เม่ือเทียบกับปี พ.ศ. 2561
อาจเกิดข้นึ จากการทีต่ ลาดของการท่องเท่ยี วชมุ ชนมกี ารแข่งขันที่ลดน้องลง อาทิ เกิดการแทรกแซง
ของภาครฐั ในการเขา้ ไปชว่ ยสนบั สนุนและส่งเสริมท่ีไม่เสมอภาคกัน ทาให้รายใดที่รัฐมิได้สนับสนุน
กจ็ ะยิ่งมรี ายไดต้ ่างไปจากกลุม่ ที่หน่วยงานภาครฐั ใหก้ ารสนับสนนุ ก็เป็นไปไดด้ ้วยเช่นกัน

5.2 ผลการสารวจการใชจ้ ่ายของนกั ทอ่ งเทยี่ วชุมชน

1) พน้ื ทดี่ า้ นโครงสร้างคา่ ใชจ้ ่ายของนกั ท่องเทีย่ วชุมชนท่ีดาเนินการจัดเกบ็ ขอ้ มลู

ด้านโครงสร้างค่าใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวชุมชน จานวนไม่น้อยกว่า 4,000 ราย
ผลการดาเนนิ งาน สารวจได้ 4,006 ราย คิดเปน็ รอ้ ยละ 100.15

ตารางท่ี 7-8 จานวนตัวอย่างด้านโครงสร้างค่าใชจ้ า่ ยของนักท่องเท่ยี วชมุ ชน ปี พ.ศ 2562

ภูมิภาค จานวน (ราย) ร้อยละ

กทม.และปริมณฑล 224 5.59
ภาคกลาง 425 10.61

ภาคตะวันตก 187 4.67
ภาคตะวนั ออก 359 8.96
ภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนอื 226 5.64
ภาคใต้ 1,276 31.85
ภาคเหนอื 1,309 32.68
รวม 4,006 100.00

2) ขอ้ มลู ทัว่ ไปของการเดนิ ทางทอ่ งเทีย่ ว

2.1) กลุ่มตัวอย่างจาแนกตามประเภทของนกั ท่องเทยี่ ว

การสารวจขอ้ มูลพฤติกรรมนักท่องเที่ยว เป็นการสารวจขอ้ มูลค่าใชจ้ ่ายของ
นักท่องเที่ยวของการท่องเท่ียวชุมชนปี พ.ศ. 2562 โดยแบ่งนักท่องเที่ยวออกเป็น 2 กลุ่ม คือ

สานักวจิ ยั เศรษฐกจิ และประเมินผล หนา้ ที่ 7-14
บรษิ ัท จากดั

รายงานสรปุ การจดั ทาบัญชีประชาชาตดิ า้ นการทอ่ งเทีย่ ว ประจาปีงบประมาณ พ.ศ. 2563
โครงการพฒั นาและจัดทาบัญชปี ระชาชาติด้านการท่องเทยี่ ว

สานกั งานปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา

นักทอ่ งเท่ียวท่ีพักคา้ งในจงั หวัดนอี้ ย่างนอ้ ย 1 คนื และนักทัศนาจรที่ไม่พักค้างในจังหวัดดังกล่าว ซ่ึง
จากการสารวจพบว่า มีนักทัศนาจรคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 59.31 ขณะท่ีอีกร้อยละ 40.69 เป็น
นกั ทอ่ งเทย่ี ว

ตารางที่ 7-9 กลุม่ ตัวอย่างจาแนกตามประเภทของนักท่องเที่ยว ร้อยละ (%)
นกั ท่องเทยี่ ว 40.69
59.31
นักท่องเที่ยว (พักค้างในจงั หวัดน้ีอย่างน้อย 1 คนื )
นกั ทัศนาจร (ไม่พกั คา้ งในจงั หวัดนี)้ 100.00

รวม

2.2) วัตถปุ ระสงคข์ องการเดนิ ทาง

จากการสารวจพบว่า วัตถุประสงค์หลักของการเดินทางครั้งน้ี คือ
การท่องเท่ียว (ร้อยละ 84.97) รองลงมาได้แก่ เยี่ยมญาติ/เพื่อน (ร้อยละ 5.84) สัมมนา/ประชุม
(รอ้ ยละ 3.87) อนื่ ๆ เช่น งานมงคลสมรส, งานจัดเล้ียงรุ่น, ฝึกงาน ฯลฯ (ร้อยละ 3.42) ปฏิบัติงาน
(รอ้ ยละ 1.40) และการทาธรุ กจิ (รอ้ ยละ 0.50) ตามลาดับ

ตารางท่ี 7-10 วัตถุประสงค์หลกั ของการเดินทางในคร้ังนี้ รอ้ ยละ (%)
วตั ถุประสงค์ 84.97
5.84
ทอ่ งเทีย่ ว 3.87
เยี่ยมญาติ/เพ่ือน 3.42
สัมมนา/ประชมุ 1.40
อน่ื ๆ (เช่น งานมงคลสมรส, งานจดั เลยี้ งรนุ่ , ฝึกงาน ฯลฯ) 0.50
ปฏบิ ัตงิ าน
ธรุ กจิ 100.00

รวม

2.3) การรับรู้แหล่งข้อมูลการทอ่ งเทีย่ ว

จากการสารวจพบว่า แหล่งข้อมูลการท่องเที่ยวท่ีกลุ่มตัวอย่างผู้ตอบ
แบบสอบถามไดร้ ับ 3 อันดับแรก ได้แก่ เพ่ือน/คนรู้จัก (ร้อยละ 69.15) อินเตอร์เน็ต/โซเชียลมีเดีย
(ร้อยละ 52.05) และโทรทศั น์ (ร้อยละ 6.32) ตามลาดับ

สานกั วิจยั เศรษฐกจิ และประเมนิ ผล หนา้ ที่ 7-15
บรษิ ทั จากัด

รายงานสรุปการจดั ทาบญั ชีประชาชาตดิ า้ นการทอ่ งเทย่ี ว ประจาปีงบประมาณ พ.ศ. 2563
โครงการพัฒนาและจัดทาบญั ชปี ระชาชาติด้านการทอ่ งเท่ยี ว

สานกั งานปลดั กระทรวงการทอ่ งเที่ยวและกฬี า

ตารางท่ี 7-11 การรบั รู้แหล่งขอ้ มูลการท่องเทยี่ ว

แหลง่ ขอ้ มูลการทอ่ งเทีย่ วครงั้ นี้ รอ้ ยละ (%)
เพือ่ น/คนรจู้ ัก 69.15
อนิ เตอรเ์ น็ต/โซเชียลมเี ดีย 52.05
โทรทัศน์ 6.32
แผน่ ปา้ ยโฆษณา 4.97
ททท. 2.97
อนื่ ๆ (เช่น คนในทอ้ งถ่ิน, อาจารยใ์ นมหาวิทยาลัย เป็นต้น) 2.85
นติ ยสาร 2.75
บรษิ ทั นาเทย่ี ว 2.05
หนังสือพิมพ์ 1.17
วทิ ยุ 0.55
144.81
รวม

หมายเหตุ : ตอบได้มากกว่า 1 ข้อ

2.4) ระยะเวลาในการท่องเทย่ี วในชุมชน

จากการสารวจพบวา่ เมอื่ พจิ ารณาถงึ ระยะเวลาในการท่องเที่ยวในชุมชน
คร้ังนี้ มากกว่า 4 ใน 5 ที่นักท่องเที่ยวใช้เวลาอยู่ในชุมชน 1 วัน ซ่ึงคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 80.84
นอกจากน้ี โดยภาพรวมนักทอ่ งเที่ยวใชเ้ วลาอย่ใู นชุมชนโดยเฉลีย่ 1.24 วนั

ตารางท่ี 7-12 ระยะเวลาในการทอ่ งเที่ยวในชมุ ชนคร้งั น้ี ร้อยละ (%)
ระยะเวลา (วัน) 80.84
1 15.96
2 2.63
0.23
3 0.05
4 0.18
5 0.03
7 0.05
8 0.03
10 100.00
14
รวม

จานวนวันทีใ่ ช้เวลาอยใู่ นชุมชนโดยเฉลยี่ 1.24 วัน

สานกั วิจยั เศรษฐกิจและประเมนิ ผล หน้าที่ 7-16
บรษิ ัท จากดั

รายงานสรุปการจดั ทาบญั ชีประชาชาตดิ ้านการทอ่ งเทย่ี ว ประจาปงี บประมาณ พ.ศ. 2563
โครงการพฒั นาและจัดทาบัญชปี ระชาชาตดิ า้ นการทอ่ งเทีย่ ว
สานักงานปลัดกระทรวงการทอ่ งเที่ยวและกีฬา

2.5) การพักคา้ งคนื ในชมุ ชน

จากการสารวจพบว่า นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ไม่พักค้างคืนในชุมชน ซึ่ง
คดิ เป็นสดั ส่วนร้อยละ 83.44 โดยมีนกั ท่องเทย่ี วเพียงรอ้ ยละ 16.56 ทพี่ กั คา้ งคนื ในชมุ ชน

ตารางท่ี 7-13 การพักค้างคนื ในชุมชน รอ้ ยละ (%)
การพักคา้ งคืนในชมุ ชน 83.44
16.56
ไมพ่ กั 100.00
พักคา้ งคนื

รวม

2.6) ประเภททีพ่ ักแรม

จากการสารวจพบว่า ในกรณีท่ีนักท่องท่องเที่ยวพักค้างคืนในชุมชุน
นกั ท่องเที่ยวจะเลือกพักแรมในโฮมสเตย์สูงที่สุด คิดเป็นร้อยละ 73.06 รองลงมาเป็นสถานพักแรม
ของชมุ ชน (รอ้ ยละ 18.42) และอ่ืน ๆ เช่น เตน้ ท์ บา้ นพักของตนเอง/ญาต/ิ เพอ่ื น ฯลฯ (ร้อยละ 8.52)
ตามลาดบั

ในกรณีที่นักท่องท่องเที่ยวไม่พกั ค้างคืนในชุมชุน ประเภทของท่ีพักแรมท่ี
นักท่องเที่ยวจะเลือกสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ บ้านพักของตนเอง/ญาติ/เพ่ือน (ร้อยละ 34.97)
โรงแรม (ร้อยละ 15.15) และบงั กะโล/รีสอรท์ (รอ้ ยละ 6.62) ตามลาดับ

ตารางที่ 7-14 ประเภทของท่ีพกั แรม กรณีที่พกั คา้ งคืนในชุมชน ร้อยละ (%)
ประเภทท่ีพกั แรม 73.06
18.42
โฮมสเตย์ 8.52
พักในสถานพกั แรมของชมุ ชน 100.00
อื่น ๆ (เชน่ เต้นท์ บา้ นพักของตนเอง/ญาติ/เพอ่ื น ฯลฯ)

รวม

ตารางท่ี 7-15 ประเภทของทีพ่ กั แรม กรณที ไ่ี ม่พักค้างคืนในชมุ ชน ร้อยละ (%)
ประเภททพ่ี กั แรม 34.97
15.15
บ้านตนเอง/ญาต/ิ เพอ่ื น 6.62
โรงแรม
บงั กะโล/รสี อรท์

สานักวจิ ัยเศรษฐกิจและประเมินผล หน้าที่ 7-17
บรษิ ทั จากัด

รายงานสรปุ การจัดทาบัญชีประชาชาติดา้ นการทอ่ งเท่ยี ว ประจาปีงบประมาณ พ.ศ. 2563
โครงการพัฒนาและจัดทาบญั ชปี ระชาชาตดิ ้านการทอ่ งเทีย่ ว

สานักงานปลัดกระทรวงการทอ่ งเที่ยวและกฬี า

ตารางท่ี 7-15 ประเภทของทีพ่ กั แรม กรณที ่ไี ม่พักค้างคืนในชุมชน ร้อยละ (%)
ประเภททพี่ กั แรม 1.20
1.08
เกสท์เฮาส์ 0.48
โฮมสเตย์ 0.39
บ้านพกั อทุ ยานและกางเต็นท์ 0.33
บา้ นรับรองของทางราชการหรือเอกชน 0.03
อ่ืน ๆ (เช่น คอนโด บ้านพกั ของตนเอง ฯลฯ) 0.12
วัด
เรือนแพ 100.00

รวม

2.7) การมีผรู้ ว่ มเดินทางทอ่ งเที่ยว

จากการสารวจพบว่า การมีผู้ร่วมเดินทางท่องเที่ยวในครั้งนี้ส่วนใหญ่
(ร้อยละ 42.90) เป็นการเดินทางมาพร้อมครอบครัว/ญาติ และรองลงมา (ร้อยละ 40.85) เป็น
การเดนิ ทางรว่ มกบั เพื่อน โดยสมาชิกท่ีเดินทางมาพร้อมครอบครัว/ญาติมีจานวนเฉลี่ย 4 คน ขณะท่ี
การเดนิ ทางท่องเทยี่ วร่วมกับเพือ่ นเฉลย่ี 5 คน

ตารางท่ี 7-16 สดั ส่วนของกลมุ่ ตัวอย่างทมี่ ผี ทู้ ร่ี ่วมเดนิ ทางในครั้งนี้ รอ้ ยละ (%)
ผทู้ ่รี ่วมเดินทางมากบั ทา่ น 42.90
40.85
มาพรอ้ มครอบครวั /ญาติ 9.37
เพือ่ น 2.85
มากับคณะทวั ร์ 4.02
อื่น ๆ (เช่น เพ่ือนร่วมงาน คณะศกึ ษาดูงาน ฯลฯ) 100.00
คนเดียว
4.38 คน
รวม 5.38 คน
55.87 คน
จานวนคนทมี่ าพรอ้ มครอบครวั และญาตโิ ดยเฉลย่ี 55.78 คน
จานวนคนท่มี ากบั เพือ่ นโดยเฉลี่ย
จานวนคนที่มากบั คณะทัวร์โดยเฉล่ีย
จานวนคนที่มาแบบอื่น ๆ โดยเฉลีย่

สานกั วจิ ัยเศรษฐกจิ และประเมนิ ผล หนา้ ที่ 7-18
บรษิ ทั จากดั

รายงานสรุปการจัดทาบญั ชีประชาชาตดิ ้านการท่องเที่ยว ประจาปีงบประมาณ พ.ศ. 2563
โครงการพัฒนาและจดั ทาบญั ชปี ระชาชาตดิ า้ นการท่องเท่ยี ว
สานักงานปลัดกระทรวงการทอ่ งเทย่ี วและกฬี า

2.8) การซอ้ื แพค็ เกจชุมชน

จากการสารวจพบว่า นักท่องเทีย่ วสว่ นใหญ่ (รอ้ ยละ 90.66) ไม่มีความ
ต้องการซือ้ แพ็คเกจชมุ ชน และมเี พียงร้อยละ 9.34 ที่มีความต้องการซ้อื ซ้ือแพ็คเกจชุมชน

ตารางท่ี 7-17 การซ้ือแพค็ เกจชุมชน รอ้ ยละ (%)
การซื้อแพค็ เกจชมุ ชน 90.66
9.34
ไมซ่ อื้ 100.00
ซอ้ื

รวม

2.9) รายการท่รี วมอย่ใู นแพ็คเกจชุมชน

จากการสารวจพบว่า รายการท่ีมักจะรวมอยู่ในแพ็คเกจชุมชน
ประกอบด้วย ค่าอาหารและเครื่องด่ืม (ร้อยละ 95.19) ค่าเข้าชม/นาชม (ร้อยละ 61.76) ค่าท่ีพัก
(ร้อยละ 59.63) อนื่ ๆ เชน่ ล่องแก่ง ล่องแพ ปลูกปา่ ฯลฯ (ร้อยละ 30.75) และค่าเดินทาง (รอ้ ยละ 30.48)

ตารางที่ 7-18 รายการทรี่ วมอยใู่ นแพค็ เกจชมุ ชน ร้อยละ (%)
95.19
รายการที่รวมอย่ใู นแพ็คเกจชมุ ชน 61.76
คา่ อาหารและเครอ่ื งดม่ื 59.63
คา่ เขา้ ชม/นาชม
ค่าท่พี ัก 30.75
อ่ืน ๆ (เช่น ล่องแกง่ ล่องแพ ปลกู ปา่ ฯลฯ) 30.48
คา่ เดินทาง 277.81

รวม

หมายเหตุ : ตอบได้มากกว่า 1 ขอ้

2.10) การเดนิ ทางเข้ามาในจังหวดั ทเ่ี ดนิ ทางมาท่องเทีย่ ว

จากการสารวจพบว่า พาหนะท่ีนกั ท่องเทีย่ วเลอื กใช้เดินทางเข้ามาในจังหวัด
ดังกล่าว สูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ รถส่วนตัว (ร้อยละ 76.66) รถโดยสารไม่ประจาทาง (ร้อยละ 6.52)
และรถเชา่ (รอ้ ยละ 5.99) ตามลาดบั

สานกั วิจัยเศรษฐกจิ และประเมินผล หน้าที่ 7-19
บรษิ ัท จากัด

รายงานสรปุ การจดั ทาบัญชปี ระชาชาตดิ ้านการท่องเท่ียว ประจาปีงบประมาณ พ.ศ. 2563
โครงการพัฒนาและจดั ทาบญั ชปี ระชาชาตดิ า้ นการท่องเท่ียว

สานกั งานปลัดกระทรวงการทอ่ งเท่ียวและกฬี า

ตารางที่ 7-19 พาหนะที่ใชเ้ ดินทางมาจงั หวัดนี้ รอ้ ยละ (%)
76.66
พาหนะท่ใี ช้ในการเดินทาง 6.52
รถสว่ นตวั 5.99
รถโดยสารไมป่ ระจาทาง 4.04
รถเชา่ 3.54
เครอ่ื งบิน 2.10
รถโดยสารประจาทาง 0.82
อืน่ ๆ (เชน่ รถจกั รยานยนต์ เดนิ เทา้ ฯลฯ) 0.32
รถไฟ 100.00
เรือ

รวม

3) ข้อมลู ทว่ั ไปของตวั อย่างทต่ี อบแบบสอบถาม

3.1) กลุม่ ตวั อย่างจาแนกตามเพศชายและหญิง

จากการสารวจพบว่า สดั สว่ นของตวั อย่างผู้ตอบแบบสอบถามมากกว่า 3
ใน 5 (รอ้ ยละ 62.96) เปน็ เพศหญิง ขณะที่กลุ่มตวั อยา่ งเพศชายมีสดั ส่วนร้อยละ 37.04

ตารางท่ี 7-20 กลุ่มตวั อย่างจาแนกตามเพศชายและหญงิ รอ้ ยละ (%)
เพศ 37.04
62.96
ชาย
หญงิ 100.00

รวม

3.2) กลุม่ ตวั อย่างจาแนกตามชว่ งอายุ

จากการสารวจพบว่า กลุม่ ตวั อย่างผูต้ อบแบบสอบถามสว่ นใหญ่ (ร้อยละ 56.47)
มรี ะดับอายุ 15 – 34 ปี และรอ้ ยละ 43.53 มอี ายไุ ม่ตา่ กว่า 35 ปี เปน็ ลาดับรองลงมา

ตารางที่ 7-21 กลุ่มตัวอยา่ งจาแนกตามชว่ งอายุ รอ้ ยละ (%)
อายุ 56.47
43.53
15-34 ปี 100.00
35 ปขี นึ้ ไป

รวม

สานกั วิจยั เศรษฐกจิ และประเมินผล หน้าที่ 7-20
บริษทั จากัด

รายงานสรุปการจดั ทาบญั ชปี ระชาชาติดา้ นการทอ่ งเท่ยี ว ประจาปงี บประมาณ พ.ศ. 2563
โครงการพัฒนาและจัดทาบัญชีประชาชาตดิ า้ นการท่องเท่ยี ว

สานักงานปลดั กระทรวงการทอ่ งเทยี่ วและกฬี า

3.3) กลมุ่ ตัวอยา่ งจาแนกตามภมู ลิ าเนา/จังหวัดทอี่ ยู่ในปจั จุบัน

จากการสารวจพบว่า โดยภาพรวมจังหวัดทพ่ี านกั อาศยั ประจาในปัจจุบันของ
กลุม่ ตวั อยา่ งผตู้ อบแบบสอบถาม ท่ีมสี ดั ส่วนสูงสดุ 3 อันดับแรก ประกอบดว้ ย กรุงเทพฯ (ร้อยละ 20.04)
สรุ าษฎรธ์ านี (ร้อยละ 7.14) และสงขลา (ร้อยละ 5.62) ตามลาดับ

ตารางที่ 7-22 กลุม่ ตัวอยา่ งจาแนกตามภมู ิลาเนา/จังหวดั ที่อยู่ในปจั จุบัน ร้อยละ (%)
ภมู ลิ าเนา/จังหวัดท่ีอย่ใู นปัจจุบนั 20.04
7.14
กรุงเทพฯ 5.62
สรุ าษฎรธ์ านี 5.17
สงขลา 2.97
เชียงใหม่ 2.92
ชลบรุ ี 2.82
อตุ รดติ ถ์ 2.52
ภเู ก็ต 2.52
ลาปาง 2.22
นครศรีธรรมราช 2.17
เชียงราย 2.00
ปทุมธานี 1.87
ชุมพร 1.75
กระบี่ 1.72
นครปฐม 1.45
พัทลงุ 1.37
เพชรบรู ณ์ 1.30
พงั งา 1.30
นนทบรุ ี 1.25
ปัตตานี 1.17
สโุ ขทยั 1.15
สมทุ รปราการ 1.12
ลาพนู 1.10
พิจิตร 1.05
ระยอง
สระบุรี

สานักวิจัยเศรษฐกจิ และประเมินผล หน้าท่ี 7-21
บรษิ ัท จากัด

รายงานสรปุ การจัดทาบัญชีประชาชาติด้านการทอ่ งเทยี่ ว ประจาปีงบประมาณ พ.ศ. 2563
โครงการพฒั นาและจัดทาบัญชีประชาชาตดิ ้านการท่องเทย่ี ว

สานักงานปลัดกระทรวงการทอ่ งเทีย่ วและกีฬา

ตารางที่ 7-22 กล่มุ ตวั อย่างจาแนกตามภูมลิ าเนา/จังหวัดทอ่ี ยู่ในปจั จบุ ัน รอ้ ยละ (%)
ภูมิลาเนา/จังหวดั ท่ีอยู่ในปัจจุบัน 1.02
1.00
นครสวรรค์ 0.97
สงิ หบ์ รุ ี 0.95
พษิ ณุโลก 0.95
ลพบรุ ี 0.87
นราธวิ าส 0.82
จันทบรุ ี 0.82
ชยั นาท 0.75
สกลนคร 0.70
สตลู 0.70
อุดรธานี 0.70
อทุ ยั ธานี 0.67
ตรัง 0.67
พระนครศรอี ยุธยา 0.67
นครราชสีมา 0.67
นา่ น 0.67
พะเยา 0.65
สพุ รรณบรุ ี 0.62
กาญจนบรุ ี 0.60
ยะลา 0.60
แพร่ 0.57
ราชบรุ ี 0.52
กาแพงเพชร 0.52
เพชรบรุ ี 0.50
ระนอง 0.50
บรุ รี มั ย์ 0.47
อุบลราชธานี 0.40
อ่างทอง 0.37
ขอนแก่น
นครพนม

สานักวิจัยเศรษฐกิจและประเมนิ ผล หน้าที่ 7-22
บรษิ ัท จากดั

รายงานสรปุ การจัดทาบัญชปี ระชาชาตดิ า้ นการท่องเท่ยี ว ประจาปงี บประมาณ พ.ศ. 2563
โครงการพฒั นาและจัดทาบญั ชปี ระชาชาตดิ ้านการทอ่ งเทย่ี ว

สานกั งานปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา

ตารางท่ี 7-22 กล่มุ ตวั อย่างจาแนกตามภมู ลิ าเนา/จังหวัดท่อี ยู่ในปจั จบุ ัน รอ้ ยละ (%)
ภมู ิลาเนา/จงั หวัดทอ่ี ยใู่ นปจั จุบนั 0.32
0.32
ฉะเชงิ เทรา 0.30
ตาก 0.27
สมทุ รสาคร 0.27
ตราด 0.25
กาฬสินธ์ุ 0.25
สระแกว้ 0.25
ยโสธร 0.22
ประจวบครี ีขันธ์ 0.22
สุรินทร์ 0.22
เลย 0.20
มุกดาหาร 0.17
มหาสารคาม 0.17
นครนายก 0.17
ศรษี ะเกษ 0.15
รอ้ ยเอด็ 0.15
ปราจนี บุรี 0.15
หนองคาย 0.12
แมฮ่ ่องสอน 0.05
ชัยภูมิ 0.02
อานาจเจรญิ 0.02
บึงกาฬ
สมทุ รสงคราม 100.00

รวม

3.4) กล่มุ ตัวอย่างจาแนกตามระดบั การศึกษา
จากการสารวจพบว่า โดยภาพรวมกลุ่มตัวอย่างผู้ตอบแบบสอบถามมี

การศกึ ษาระดับปรญิ ญาตรสี งู ทีส่ ดุ ทร่ี ้อยละ 59.76 รองลงมาไดแ้ ก่ ตา่ กวา่ ปริญญาตรี (รอ้ ยละ 35.97)

และสงู กว่าปริญญาตรี (รอ้ ยละ 4.27) ตามลาดับ

สานกั วจิ ัยเศรษฐกิจและประเมินผล หน้าท่ี 7-23
บริษัท จากดั

รายงานสรปุ การจัดทาบัญชปี ระชาชาติดา้ นการทอ่ งเทีย่ ว ประจาปีงบประมาณ พ.ศ. 2563
โครงการพฒั นาและจดั ทาบญั ชีประชาชาตดิ ้านการทอ่ งเที่ยว

สานักงานปลดั กระทรวงการทอ่ งเทีย่ วและกีฬา

ตารางที่ 7-23 กลมุ่ ตัวอย่างจาแนกตามระดับการศึกษา ร้อยละ (%)
ระดับการศึกษา 35.97
59.76
ตา่ กวา่ ระดับปริญญาตรี 4.27
ปริญญาตรี 100.00
สูงกวา่ ปรญิ ญาตรี

รวม

3.5) กล่มุ ตวั อยา่ งจาแนกตามอาชพี

จากการสารวจพบว่า โดยภาพรวมอาชีพของกลุ่มตัวอย่างผู้ตอบ
แบบสอบถาม ทมี่ ีสดั สว่ นสงู สดุ 3 อันดบั แรก ประกอบดว้ ย ลกู จ้าง/พนกั งานภาคเอกชน (รอ้ ยละ 33.45)
และผู้ประกอบการอิสระ เช่น ค้าขาย รับจ้างทั่วไป รถรับจ้าง (ร้อยละ 17.52) และข้าราชการ/
รฐั วสิ าหกิจ (รอ้ ยละ 16.05) ตามลาดับ

ตารางที่ 7-24 กลมุ่ ตัวอย่างจาแนกตามอาชีพ ร้อยละ (%)
อาชีพ 33.45
17.52
ลกู จ้าง/พนกั งานภาคเอกชน 16.05
ผปู้ ระกอบการอิสระ เชน่ คา้ ขาย รบั จา้ งท่วั ไป รถรบั จ้าง 14.23
ข้าราชการ/รัฐวสิ าหกจิ 10.81
นักเรียน/นกั ศกึ ษา 2.92
เจ้าของธรุ กิจ 2.90
แมบ่ ้าน-วา่ งงาน 1.72
เกษตรกร 0.40
เกษยี ณ 100.00
อื่น ๆ (เช่น มัคคคุเทศน์)

รวม

3.6) กล่มุ ตัวอย่างจาแนกตามช่วงรายไดต้ อ่ เดอื น

จากการสารวจพบว่า โดยภาพรวมระดับรายได้ของกลุ่มตัวอย่างผู้ตอบ
แบบสอบถาม ทมี่ สี ัดสว่ นสูงสดุ 2 อนั ดบั แรก คอื 15,001 – 30,000 บาท (ร้อยละ 35.37) 10,001-
15,000 บาท (รอ้ ยละ 23.46) และ30,001-45,000 บาท (รอ้ ยละ 13.85) ตามลาดับ

สานกั วิจัยเศรษฐกจิ และประเมนิ ผล หนา้ ท่ี 7-24
บริษัท จากดั

รายงานสรุปการจดั ทาบัญชีประชาชาตดิ า้ นการทอ่ งเทย่ี ว ประจาปงี บประมาณ พ.ศ. 2563
โครงการพัฒนาและจัดทาบญั ชปี ระชาชาติด้านการท่องเทย่ี ว

สานักงานปลดั กระทรวงการท่องเท่ยี วและกีฬา

ตารางที่ 7-25 กลมุ่ ตัวอย่างจาแนกตามช่วงรายไดต้ อ่ เดือน ร้อยละ (%)
รายได้ (ต่อเดือน) 35.37
23.46
15,001-30,000 บาท 13.85
10,001-15,000 บาท 12.48
30,001-45,000 บาท 7.61
ไมม่ รี ายได้ 4.62
ตา่ กวา่ 10,000 บาท 1.02
45,001-60,000 บาท 1.02
60,001-75,000 บาท 0.55
มากกว่า 90,000 บาท 100.00
75,001-90,000 บาท

รวม

3.7) คา่ ใชจ้ า่ ยท่ีเกิดข้ึนในการเดนิ ทาง

จากการสารวจพบว่า ในระหว่างการเดินทางท่องเท่ียวในชุมชุน โดย
ภาพรวมได้มีการแบ่งค่าใช้จ่ายท่ีเกิดขึ้นท้ังหมดออกเป็น 2 ส่วน คือ ค่าซื้อแพ็กเกจชุมชน และ
ค่าใช้จ่ายอน่ื ๆ ทง้ั น้ี ค่าใชจ้ า่ ยโดยเฉลี่ยนในการซ้ือแพ็กเกจชุมชนเท่ากับ 84.23 ขณะท่ีค่าใช้จ่ายอ่ืน ๆ
ในระหว่างการทอ่ งเทย่ี วในชุมชนโดยเฉลย่ี สงู สุด 2 อนั ดับแรก ซึง่ มีปริมาณค่าใช้จ่ายเฉลี่ยที่ใกล้เคียง
กนั ไดแ้ ก่ คา่ ซื้อสินคา้ และของท่ีระลกึ ในชุมชน 375.70 บาท และค่าอาหารและเคร่ืองด่ืมในชุมชน
314.04 บาท ตามลาดับ แสดงให้เห็นว่า นักท่องเท่ียวมีการจับจ่ายใช้สอยในชุมชนส่วนใหญ่ใน
ประเภทสนิ คา้ มากกวา่ การบริการ โดยประเภทค่าใช้จ่ายท้ังหมดท่ีเกิดข้ึนในการเดินทางปรากฏตาม
ตารางท่ี 7-26

ตารางที่ 7-26 กลุ่มตัวอย่างจาแนกตามค่าใช้จา่ ยทงั้ หมดที่เกิดขึน้ ในการเดินทาง

ประเภทค่าใชจ้ ่าย คา่ ใช้จ่ายเฉลีย่ (บาท)

1) ค่าใช้จา่ ยในระหวา่ งเดนิ ทางทอ่ งเทย่ี วในชมุ ชน ตามรายละเอยี ด ดังนี้

1.1) ค่าซ้อื แพ็กเกจชมุ ชน 84.23

1.2) ค่าใช้จา่ ยอนื่ ๆ ในระหวา่ งการท่องเท่ยี วในชุมชน

(ไมร่ วมคา่ แพ็กเกจชุมชน)

- ค่าซือ้ สินคา้ และของทร่ี ะลกึ ในชมุ ชน 375.70

- คา่ อาหารและเครอื่ งดื่มในชุมชน 314.04

- คา่ ซ้อื สนิ ค้าแปรรปู ของชุมชน 129.78

สานกั วิจยั เศรษฐกจิ และประเมินผล หน้าท่ี 7-25
บริษัท จากดั

รายงานสรุปการจดั ทาบญั ชปี ระชาชาติด้านการท่องเที่ยว ประจาปีงบประมาณ พ.ศ. 2563
โครงการพฒั นาและจัดทาบัญชปี ระชาชาตดิ า้ นการท่องเที่ยว

สานักงานปลัดกระทรวงการทอ่ งเทีย่ วและกฬี า

ตารางที่ 7-26 กล่มุ ตวั อยา่ งจาแนกตามค่าใชจ้ า่ ยท้ังหมดทเี่ กิดข้นึ ในการเดินทาง

ประเภทคา่ ใช้จ่าย ค่าใชจ้ ่ายเฉล่ยี (บาท)

- ค่าทพ่ี ักในชุมชน 95.01

- ค่าจ้างยานพาหนะ (รถ) / คา่ เดินทางในชุมชน 54.58

- ค่าซื้อผลผลิตทางการเกษตร 38.04

- อ่นื ๆ (เช่น คา่ ท่ีจอดรถ ค่าน้ามัน ค่าเช่าชุดถ่ายรปู ฯลฯ) 33.85

- ค่านาชม / ค่ามคั คเุ ทศกใ์ นชุมชน 16.10

- ค่าบารุงกจิ กรรมในชุมชน 16.49

- ค่านันทนาการของชุมชน เช่น อบสมุนไพร นวดแผนโบราณ 13.65
เป็นต้น

- ค่าบริการที่เกยี่ วกับการทอ่ งเทยี่ วในชมุ ชน เช่น บรกิ ารด้าน 12.69

สขุ ภาพฝกึ อบรมและเรียนรู้ วัฒนธรรม เสริมสวย ซกั อบรีด เปน็ ต้น

- คา่ บารงุ สถานทีท่ ่องเทย่ี วในชุมชน 9.39

- คา่ จ้างเรือเดนิ ทางทอ่ งเท่ียวในชุมชน 8.97

- ค่าบรกิ ารของเจ้าของบา้ น 7.99

- ค่าชมการแสดงศลิ ปะและวฒั นธรรมของชมุ ชน 7.59

6. ผลการรวบรวมข้อมลู ทุติยภมู ทิ ี่เก่ียวข้องกับการทอ่ งเท่ยี วชมุ ชนและการกระจายรายได้

จุดมุ่งหมายหลักของการดาเนินงานในเรื่องน้ีคือ การรวบรวมข้อมูลทุติยภูมิท่ีเกี่ยวข้องกับ
การท่องเที่ยวชุมชน และการกระจายรายได้ จากงานศึกษาของหน่วยงานที่สาคัญที่รับผิดชอบเรื่อง
การท่องเที่ยวชุมชนคือ องค์การบริหารการพัฒนาพ้ืนท่ีพิเศษเพ่ือการท่องเท่ียวอย่างยั่งยืน (องค์การ
มหาชน) งานศึกษาของหน่วยงานภายใต้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ตลอดจนงานศึกษาวิจัยจาก
ภาคสถาบันการศึกษาต่าง ๆ ท่ีเกี่ยวข้องซ่ึงในส่วนของผลงานวิจัยดังกล่าวนี้ ได้เคยมีการรวบรวมและ
นาเสนอตอ่ สานักงานปลัดกระทรวงท่องเท่ียวและกีฬาไปแล้ว

ในส่วนการดาเนินงานท่องเที่ยวชุมชนขององค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อ
การทอ่ งเท่ียวอย่างย่งั ยืน (องค์การมหาชน) ผลการรวบรวมข้อมูลทตุ ิยภูมิทไี่ ด้ ทส่ี าคัญ มีดงั นี้

1) องค์การบริหารการพัฒนาพ้ืนที่พิเศษเพื่อการท่องเท่ียวอย่างย่ังยืน (องค์การมหาชน)
ขอ้ มูลจานวนชุมชนทผ่ี า่ นการประเมนิ เกณฑ์ (CBT Thailand) ในปี พ.ศ. 2561-2562 มี
จานวน 211 ราย โดยอยู่ในเขตท่องเท่ียวฝ่ังทะเลตะวันออก 28 ราย เขตลุ่มน้า
เจ้าพระยา 31 ราย เขตชายฝ่งั ทะเลตะวนั ตก 24 ราย เขตมรดกโลกด้านวัฒนธรรม 21
ราย เขตอารยธรรมลา้ นนา 16 ราย เขตลุ่มแม่น้าโขง 32 ราย เขตอันดามนั 32 ราย และ
เขตอีสานใต้ 27 ราย ในจานวนท้งั หมดดังกล่าวน้ี โดยเฉลี่ยแล้วมีจานวนครัวเรือนอยู่ใน
กลุ่มวิสากิจท่องเท่ียวชุนชนเฉลี่ย 39.19 ครัวเรือนต่อกลุ่มวิสาหกิจท่องเท่ียวชุมชน มี

สานักวิจัยเศรษฐกจิ และประเมินผล หนา้ ท่ี 7-26
บรษิ ัท จากัด

รายงานสรุปการจดั ทาบัญชีประชาชาตดิ ้านการท่องเทยี่ ว ประจาปงี บประมาณ พ.ศ. 2563
โครงการพฒั นาและจดั ทาบัญชีประชาชาติดา้ นการทอ่ งเทย่ี ว

สานักงานปลดั กระทรวงการท่องเที่ยวและกฬี า

รายไดฐ้ านรายปี 89,595.75 บาท ต่อราย และฐานรายได้รวมประมาณ 8,871.90 บาท
ตอ่ ราย

2) องคก์ ารบรหิ ารการพฒั นาพืน้ ที่พิเศษเพอื่ การทอ่ งเที่ยวอย่างยั่งยืน (องค์การมหาชน) มี
การดาเนนิ งานเพอ่ื การส่งเสรมิ การท่องเท่ียวชุมชนท่ีสาคัญในปี พ.ศ. 2561-2562 โดย
กระจายในหลายจงั หวัดครอบคลมุ ท่วั ประเทศ ดังน้ี
(1) โครงการประเมินสถานะความยงั่ ยนื ของแหล่งท่องเท่ียวตามแนวทางของ GSTC
(2) โครงการจัดประชุมระดับนานาชาติ (International Conference) ว่าด้วย
เรือ่ งการพัฒนาการท่องเท่ยี วอย่างยง่ั ยืนตามหลกั เกณฑ์ GSTC (ศทย.)
(3) โครงการประเมนิ ความย่ังยืนในแหล่งทอ่ งเท่ยี วในกลุ่มเขตพัฒนาการท่องเที่ยว
(ศทย.)
(4) โครงการขยายผลการทอ่ งเทยี่ วชมุ ชนต้นแบบ
(5) โครงการออกแบบประสบการณ์การท่องเทย่ี ว (สทช.)
(6) โครงการสรา้ งและพฒั นาการทอ่ งเท่ียวโดยชุมชนตน้ แบบ
(7) โครงการเสริมสร้างและพัฒนาศักยภาพของภาคี กลไกการขับเคลื่อนและ
เครอื ขา่ ยให้มีความเขม้ แข็งในการพฒั นาการทอ่ งเทยี่ วอย่างยัง่ ยนื ในพน้ื ที่ (สทช.)
(8) โครงการพัฒนาการท่องเท่ียวโดยชุมชนต้นแบบในพ้ืนที่ 3 จังหวัดชายแดน
ภาคใต้ (สทช.)
(9) พฒั นากลยทุ ธก์ ารตลาดการท่องเท่ียวทวี่ างอยู่บนฐานศักยภาพและอตั ลกั ษณ์
ของพน้ื ที่ (พฒั นากลยทุ ธ์การตลาด)
(10) โครงการส่ือสารมาตรฐานการท่องเทย่ี วตามเกณฑ์มาตรฐานของ GSTC
(11) โครงการพัฒนากลยุทธ์การตลาดการท่องเที่ยวที่วางอยู่บนฐานศักยภาพและ
อตั ลักษณข์ องพนื้ ที่ (พัฒนาและบรู ณาการกลไกเครอื ขา่ ยการบรหิ ารจดั การ)
(12) โครงการสร้างและพัฒนาระบบการถ่ายทอดองค์ความรู้ผ่านการบริหาร
จัดการเทคโนโลยีสารสนเทศ
(13) โครงการการบริหารการตลาดเชิงกลยุทธ์โดยกระบวนการการมีส่วนร่วม
(สพข.)
(14) โครงการพัฒนาและบูรณาการกลไกเครือข่ายการบริหารจัดการท่ีสามารถ
ขบั เคลอ่ื นการพฒั นาการท่องเทย่ี วอย่างยง่ั ยืนไดอ้ ยา่ งมีเอกภาพ (สพข.)
(15) โครงการขับเคล่อื นเมืองสรา้ งสรรค์เพื่อการท่องเทย่ี วอย่างย่ังยืน
(16) โครงการสง่ เสรมิ การให้บรกิ ารด้านองค์ความร้เู พอ่ื การพัฒนาแหล่งท่องเท่ียว
อยา่ งยัง่ ยนื
(17) โครงการพัฒนาระบบริหารจัดการสู่องค์กรท่ีเป็นเลิศในการบริหารจัดการ
การท่องเที่ยว (ด้านข้อมลู สารสนเทศการท่องเทยี่ ว)

สานกั วจิ ัยเศรษฐกจิ และประเมนิ ผล หน้าที่ 7-27
บริษัท จากัด

รายงานสรปุ การจัดทาบัญชีประชาชาตดิ ้านการท่องเทีย่ ว ประจาปีงบประมาณ พ.ศ. 2563
โครงการพฒั นาและจัดทาบญั ชปี ระชาชาติด้านการท่องเที่ยว
สานักงานปลดั กระทรวงการทอ่ งเทีย่ วและกีฬา

7. ผลการจัดทา TSA ทอ่ งเทยี่ วชุมชน

จากท่ีกล่าวแล้วข้างต้นว่าในกรศึกษาครั้งนี้ มีจุดมุ่งหมายจะจัดทาบัญชีประชาชาติด้าน
การทอ่ งเท่ียวชุมชน Table 1, Table 2 และ Table 4 ปี พ.ศ. 2562 ตามหลักการของ TSA; RMF
2008 และการประมวลผล Table 5 Production accounts of tourism industries and other
industries (at basic prices) และ Table 7 Employment in the tourism industries ท้ังน้ี อยู่
ภายใต้ข้อมูลจานวนประชากรของสถานประกอบการท่องเท่ียวชุมชนท่ีสามารถหาและรวบรวมได้
อย่างไรก็ตาม จากเหตุผลและข้อจากัดด้านข้อมูลดังกล่าว จึงคงจัดทาได้เพียง Table 1, Table 2
และ Table 4 เท่าน้ัน

ผลทไ่ี ดม้ ดี งั นี้

ตารางที่ 7-27 ค่าใช้จา่ ยของนักท่องเท่ียวตา่ งประเทศที่ท่องเท่ียวในพื้นที่ทอ่ งเทยี่ วชุมชน พ.ศ. 2562

Table1

Inbound tourism expenditure by products of Community-Based Tourism visitors

Unit : Million Baht

Products Visitors-
2016 2017 2018 2019

A. Consumption products

A.1 Tourism characteristic products 177.15 231.60 1,872.49 1,897.99

1. Accommodation services for visitors 2.02 3.40 567.04 570.51

2. Food and beverage serving services 104.64 110.76 254.09 256.45

3. Railway passenger transport services --

4. Road passenger transport services 49.28 37.44 65.86 67.38

5. Water passenger transport services --

6. Air passenger transport services --

7. Transport equipment rental services --

8. Travel agencies and other reservation services 13.05 22.87 457.45 467.13

9. Cultural services 2.34 26.79 275.28 281.26

10. Sports and recreational services - - 138.61 140.55

11. Country-specific tourism characteristic goods 4.79 25.43 106.50 107.03

12. Country-specific tourism characteristic services 1.03 4.91 7.67 7.69

A.2 Other consumption products 14.49 67.36 366.93 368.07

Total 191.64 298.95 2,239.42 2,266.06

สานักวิจยั เศรษฐกิจและประเมนิ ผล หน้าที่ 7-28
บริษัท จากัด

รายงานสรปุ การจดั ทาบญั ชีประชาชาตดิ า้ นการท่องเท่ยี ว ประจาปีงบประมาณ พ.ศ. 2563
โครงการพัฒนาและจดั ทาบัญชีประชาชาตดิ า้ นการทอ่ งเที่ยว

สานักงานปลดั กระทรวงการท่องเทีย่ วและกีฬา

ตารางที่ 7-28 คา่ ใชจ้ ่ายของนักทอ่ งเที่ยวชาวไทยทที่ อ่ งเท่ียวในพื้นที่ทอ่ งเทย่ี วชุมชน พ.ศ. 2562

Table2

Domestic tourism expenditure by products of Community-Based Tourism visitors

Unit : Million Baht

Products Visitors-
2016 2017 2018 2019

A. Consumption products

A.1 Tourism characteristic products 713.49 1,288.79 7,045.52 7,187.19

1. Accommodation services for visitors 23.87 79.10 995.56 1,027.93

2. Food and beverage serving services 529.89 798.92 1,231.55 1,279.29

3. Railway passenger transport services - --

4. Road passenger transport services 16.42 90.81 184.17 186.31

5. Water passenger transport services 5.52 17.13 110.96 112.03

6. Air passenger transport services - --

7. Transport equipment rental services - --

8. Travel agencies and other reservation services 24.22 27.28 1,763.75 1,779.85

9. Cultural services 11.91 19.19 805.86 814.72

10. Sports and recreational services 4.05 39.72 528.89 531.64

11. Country-specific tourism characteristic goods 92.50 210.38 809.49 837.90

12. Country-specific tourism characteristic services 5.11 6.26 615.30 617.51

A.2 Other consumption products 228.58 548.53 1,912.15 1,940.94

Total 942.07 1,837.32 8,957.67 9,128.13

สานักวจิ ัยเศรษฐกิจและประเมนิ ผล หน้าท่ี 7-29
บรษิ ทั จากดั

รายงานสรปุ การจดั ทาบญั ชปี ระชาชาตดิ ้านการท่องเทยี่ ว ประจาปงี บประมาณ พ.ศ. 2563
โครงการพฒั นาและจดั ทาบัญชีประชาชาตดิ า้ นการทอ่ งเทย่ี ว

สานกั งานปลัดกระทรวงการทอ่ งเท่ยี วและกีฬา

ตารางที่ 7-29 การอุปโภค(ค่าใช้จ่าย) ของนักท่องเท่ียวทั้งหมดทุกประเภทที่ท่องเที่ยวในพื้นที่
ท่องเท่ียวชมุ ชน พ.ศ. 2562

Table4

Internal tourism consumption by products of Community-Based Tourism visitors

Unit : Million Baht

Products Visitors-
2016 2017 2018 2019

A. Consumption products

A.1 Tourism characteristic products 890.64 1,520.39 8,918.00 9,085.18

1. Accommodation services for visitors 25.89 82.49 1,562.60 1,598.44

2. Food and beverage serving services 634.53 909.67 1,485.64 1,535.75

3. Railway passenger transport services - ---

4. Road passenger transport services 65.70 128.25 250.03 253.69

5. Water passenger transport services 5.52 17.13 110.96 112.03

6. Air passenger transport services - ---

7. Transport equipment rental services - ---

8. Travel agencies and other reservation services 37.27 50.15 2,221.19 2,246.98

9. Cultural services 14.25 45.98 1,081.13 1,095.98

10. Sports and recreational services 4.05 39.72 667.50 672.19

11. Country-specific tourism characteristic goods 97.29 235.81 915.98 944.93

12. Country-specific tourism characteristic services 6.15 11.17 622.97 625.20

A.2 Other consumption products 243.07 615.89 2,279.08 2,309.02

Total 1,133.71 2,136.27 11,197.09 11,394.20

สรปุ TSA ท่องเท่ยี วชมุ ชนได้ ดงั นี้

ในปี พ.ศ. 2562 ในส่วนของนักท่องเท่ียวต่างประเทศท่ีท่องเที่ยวในพื้นท่ีท่องเท่ียวชุมชนมี
คา่ ใชจ้ า่ ยรวมทัง้ หมดเทา่ กบั 2,266.06 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี พ.ศ. 2561 ร้อยละ 1.19 ในจานวน
ค่าใช้จ่ายดังกล่าว ประมาณร้อยละ 25.18 เป็นค่าที่พัก และร้อยละ 11.32 เป็นค่าอาหารและ
เครื่องดมื่ ส่วนคา่ เดินทางขนสง่ ซ่งึ ท้ังหมดเป็นการโดยสารรถยนต์ มีสัดส่วนประมาณร้อยละ 2.97 มี
ข้อสังเกตว่า คา่ ใช้จ่ายหมวดธรุ กจิ นาเที่ยวและจอง/สารองบรกิ ารท่องเทย่ี วต่าง ๆ (Travel agencies
and other reservation services) มีสัดส่วนค่อนข้างสูง คิดเป็นสัดส่วนประมาณร้อยละ 20.61
เมื่อเทียบกับค่าใช้จ่ายรวมทั้งหมด นอกจากนี้ยังมีค่าใช้จ่ายหมวดบริการด้านวัฒนธรรม (Cultural
services) การกีฬาและบันเทงิ (Sports and recreational services) การซอื้ ของที่ระลึก (Country-
specific tourism characteristic goods) มีสัดส่วนต่อการใช้จ่ายรวมเท่ากับร้อยละ 12.41, 6.20
และ 4.72 ตามลาดบั

สาหรับนักทอ่ งเทยี่ วชาวไทยทท่ี อ่ งเทย่ี วในชมุ ชน ในปี พ.ศ. 2562 มีมูลค่าเท่ากับ 9,128.13
ลา้ นบาท เพิม่ ขน้ึ จากปี พ.ศ. 2561 ร้อยละ 1.90 เป็นค่าทพ่ี กั ร้อยละ 11.26 ค่าอาหารและเครื่องด่ืม

สานกั วจิ ยั เศรษฐกิจและประเมินผล หนา้ ที่ 7-30
บริษัท จากัด

รายงานสรปุ การจัดทาบัญชีประชาชาติด้านการทอ่ งเที่ยว ประจาปีงบประมาณ พ.ศ. 2563
โครงการพฒั นาและจดั ทาบัญชีประชาชาติดา้ นการท่องเทย่ี ว
สานกั งานปลดั กระทรวงการท่องเท่ียวและกีฬา

รอ้ ยละ 14.01 ค่าใช้จา่ ยหมวดธุรกจิ นาเที่ยวและจอง/สารองบริการท่องเที่ยวต่าง ๆ ร้อยละ 19.50
ส่วนค่าใช้จ่ายหมวดบริการด้านวัฒนธรรม (Cultural services) การกีฬาและบันเทิง (Sports and
recreational services) การซือ้ ของทรี่ ะลกึ (Country-specific tourism characteristic goods) มี
สัดสว่ นตอ่ การใชจ้ า่ ยรวมเทา่ กบั รอ้ ยละ 8.93, 5.82 และ 9.18 ตามลาดับ

8. การศึกษาและวิเคราะหเ์ รือ่ งการกระจายรายไดจ้ ากข้อมูลดา้ นการท่องเท่ยี วชุมชน

เป็นการดาเนินงานศกึ ษาวเิ คราะห์โดยจะใช้ขอ้ มลู ท่ไี ดจ้ ากผลการสารวจการท่องเท่ียวชุมชน
ทง้ั ค่าใช้จ่ายของนกั ทอ่ งเทย่ี วชุมชน และคา่ ใชจ้ า่ ยในการประกอบธรุ กจิ ของธุรกจิ ทอ่ งเที่ยวชุมชนท่ีได้
นามาคานวณหาค่าสถิตพิ ้นื ฐานต่าง ๆ ทสี่ ามารถสะทอ้ นถงึ การกระจายรายได้ที่เกิดกับอุตสาหกรรม
การทอ่ งเทีย่ วในระดับพ้ืนท่ี

จากการศึกษาในเรื่องของบทบาทของการท่องเท่ียวชุมชนท่ีมีต่อการสร้างรายได้ในท้องถ่ิน
และการกระจายรายได้ในท้องถิ่นนั้น พบว่า ในต่างประเทศ ก็ได้ให้ความสาคัญกับการศึกษา
เรื่องท่องเที่ยวชุมชนเช่นกัน โดยประเด็นที่สาคัญคือ การให้ความสนใจถึงความเชื่อมโยงระหว่าง
การทอ่ งเที่ยวชมุ ชนและการมีคณุ ภาพชีวิตของคนในชุมชนท่ีดีข้ึน (Well-being) อาทิ งานศึกษาของ
Christine N. Buzinde, Jyotsna M. Kalavarb, Kokel Meluboc เรอื่ ง Tourism and community
well-being : The case of the Maasai in Tanzania โดยสรุปผลการศึกษาท่ีสาคัญ ได้แก่ การมี
คุณภาพชวี ิตที่ดขี ้นึ ของพนื้ ที่ทศี่ ึกษาเป็นการพิจารณาจากคุณลักษณะของการมปี ศสุ ัตว์ การมคี ณุ ภาพ
ในการดารงชวี ิตของเดก็ และการมีทรพั ยากรทดี่ นิ ที่ดี

Professor Nanak C. Kakwani ไดอ้ ธิบายความหมายของการกระจายรายได้ (Distribution
theory) ไวว้ า่ สามารถพิจาณาได้ 3 มิติคือ (1) Functional distribution of income หรือ Factor
prices หมายถึง อัตราผลตอบแทนที่เกิดขึ้นกับปัจจัยการผลิตแต่ละประเภท (2) Each factor of
production receives หรือ Factor share โดยอาจพจิ ารณาได้จากโครงสรา้ งตามผลตอบแทนปัจจัย
การผลิตทปี่ รากฏในบัญชีประชาชาติ เชน่ คา่ ตอบแทนแรงงาน กาไรหรือส่วนเกินของผู้ประกอบการ
(Profit/operating surplus) หรือท่ีในบัญชีประชาชาติเรียกว่า Mixed income & Operating
Surplus และ (3) The size of distribution of income หรือ Personal distribution ซึ่งในมิติน้ี
มี 2 Schools of thought คือ Theoretic statistical school ที่มองว่า เป็นเรื่องของ Stochastic
process และ Socio-economic school ท่ีมองว่าการกระจายรายได้เกิดจากปัจจัยทางเศรษฐกิจ
และสงั คมที่สาคญั เชน่ เพศ อายุ การศกึ ษา เป็นตน้

วิธีการศึกษาผลของการท่องเที่ยวชุมชนท่ีมีต่อการกระจายรายได้ในท่ีนี้ จะประเมินจาก
เทคนิคการศึกษา 2 เทคนิค เช่นเดยี วกบั ทีไ่ ด้เคยมีการดาเนินการในปีท่ีแล้ว ท้ังน้ี จะเป็นประโยชน์ท่ี
ทาให้สามารถเปรียบเทียบผลการศกึ ษาในแต่ละปีได้อยา่ งตอ่ เนื่อง

1) การวิเคราะห์การกระจายรายได้โดยใช้เทคนิคของการคานวณหาค่า Induced
economic impact โดยใช้เทคนิคของ Input-Output analysis

สานกั วิจัยเศรษฐกิจและประเมินผล หน้าที่ 7-31
บรษิ ัท จากัด

รายงานสรปุ การจดั ทาบญั ชปี ระชาชาตดิ ้านการทอ่ งเทยี่ ว ประจาปีงบประมาณ พ.ศ. 2563
โครงการพฒั นาและจัดทาบญั ชีประชาชาตดิ ้านการทอ่ งเที่ยว
สานกั งานปลดั กระทรวงการท่องเท่ียวและกฬี า

2) การใช้เทคนิคของการวัดค่า Gini coefficient ของรายได้ท่ีเกิดขึ้นกับอุตสาหกรรม
ทอ่ งเท่ียวชุมชนและรายไดท้ บี่ ุคลากรทที่ างานในอตุ สาหกรรมการท่องเท่ียวชุมชนได้รับ
ซึง่ ขอ้ มูลทงั้ หมดดังกล่าวเป็นผลทไ่ี ด้จากการสารวจจดั เก็บข้อมลู การทอ่ งเที่ยวชุมชนของ
การศกึ ษาในครง้ั นี้

ผลการวิเคราะห์การกระจายรายได้โดยใช้เทคนิคของการคานวณหาค่า Induced
economic impact โดยใชเ้ ทคนิคของ Input-Output analysis สรุปได้ดงั ตารางข้างล่าง

ตารางท่ี 7-30 เปรียบเทยี บผลการคานวณหาคา่ Induced impact ระหว่างการท่องเที่ยวชุมชน
และการท่องเที่ยวรวมของประเทศ

รายการ หน่วย 2559 2560 2561 เฉลยี่
2562 2559-2562
การท่องเทีย่ วชุมชน ลา้ นบาท 733.87 1,412.26 7,582.94
ลา้ นบาท 1,133.71 2,136.27 11,197.09 7,719.35 4,362.11
รายรบั ของอุตสาหกรรมการท่องเท่ยี ว 11,394.20 6,465.32
ทเ่ี กิดจาก Induced impact เท่า 0.6473 0.6611 0.6772
0.6775 0.6658
รายจ่ายของนักทอ่ งเที่ยว

สดั สว่ นคา่ รายรับของอตุ สาหกรรม
การท่องเท่ยี ว/รายจา่ ยของนักทอ่ งเทยี่ ว

การทอ่ งเท่ยี วรวมของประเทศ ล้านบาท 1,692,032.50 1,889,960.42 1,971,810.24 2,009,181.64 1,890,746.20
ล้านบาท
รายรบั ของอตุ สาหกรรมการท่องเทีย่ ว 2,580,961.46 2,855,049.98 2,983,525.66 3,030,875.34 2,862,603.11
ทเ่ี กิดจาก Induced impact เทา่
0.6556 0.6620 0.6609 0.6629 0.6603
รายจา่ ยของนกั ทอ่ งเทย่ี ว

สดั ส่วนค่ารายรบั ของอตุ สาหกรรม
การทอ่ งเที่ยว/รายจา่ ยของนกั ทอ่ งเท่ยี ว

จากตารางที่ 7-30 เมอ่ื เปรียบเทียบค่า induced impact ระหว่างการท่องเท่ียวชุมชนและ

การท่องเที่ยวรวมของประเทศ พบว่าในช่วงระหว่างปี พ.ศ. 2559-2560 ค่าสัดส่วนค่ารายรับของ
อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวท่ีคานวณจาก Induced impact ต่อรายจ่ายของนักท่องเท่ียวของ
การท่องเท่ยี วชมุ ชนมคี า่ ต่ากว่าการทอ่ งเทย่ี วโดยรวมของประเทศ แต่ในชว่ งปี พ.ศ. 2561-2562 กลับ

มีค่าสูงกว่า และเม่ือคานวณหาค่าเฉลี่ยระหว่างปี พ.ศ. 2559-2562 พบว่า การท่องเที่ยวชุมชนมี
ค่าเท่ากับ 0.6658 และการท่องเท่ียวรวมท้ังหมดของประเทศมีค่าเท่ากับ 0.6603 แสดงให้เห็นว่า
การทอ่ งเทีย่ วชุมชนสามารถสรา้ งรายไดใ้ หแ้ ก่พนักงานและลูกจ้างในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเมื่อ

เทยี บตอ่ เงิน ในจานวนเดียวกันทนี่ กั ท่องเท่ียวจ่ายสูงกว่าการท่องเท่ียวรวมของประเทศ และรายได้
ดงั กลา่ วได้ย้อนกลับมาเป็นค่าใช้จ่ายของพนักงานดงั กล่าว กลับมาสร้างรายได้ให้เกิดกับธุรกิจต่าง ๆ

สานักวจิ ัยเศรษฐกิจและประเมนิ ผล หน้าที่ 7-32
บรษิ ทั จากัด

รายงานสรุปการจดั ทาบัญชีประชาชาตดิ ้านการทอ่ งเท่ยี ว ประจาปงี บประมาณ พ.ศ. 2563
โครงการพฒั นาและจดั ทาบัญชปี ระชาชาตดิ ้านการท่องเทยี่ ว
สานักงานปลัดกระทรวงการท่องเท่ียวและกีฬา

ในจานวนที่สงู กวา่ ผลการคานวณดังกล่าวน้ี สะท้อนให้เห็นว่าการท่องเที่ยวชุมชนมีความสาคัญต่อ
การจ้างงานและสร้างรายได้ให้กับคนที่ทางานอยู่ในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว จึงเป็นผลดีต่อ
การกระจายรายไดท้ ่ีตกแก่ท้องถ่นิ ด้วย เชน่ เดียวกนั

ผลการวัดค่าการกระจายรายได้ที่เกิดขึ้นกับอุตสาหกรรมท่องเท่ียวชุมชนและรายได้
ทีบ่ คุ ลากรทีท่ างานในอตุ สาหกรมการท่องเทีย่ วชมุ ชนโดยใชค้ า่ Gini coefficient

การวัดค่าการกระจายรายได้ท่เี กดิ ข้ึนกบั อุตสาหกรรมท่องเท่ียวชุมชนและรายได้ท่ีบุคลากร

ที่ทา งา นใ นอุต สา หก รม การ ท่อ งเ ท่ียวชุม ชน ได้ รับใ นอี กวิ ธีหน่ึ งซ่ึ งเ ป็น วิธีส าก ลที่ ใช้กั นท่ั วไ ปคื อ
การพิจารณาจากคา่ ของ Gini coefficient ซ่งึ ผลการศกึ ษาท่ไี ด้พบวา่ ในสว่ นของรายได้ของวิสาหกิจ
ท่องเที่ยวชุมชนมีค่า GIni coefficient ในปี พ.ศ. 2561 และ 2562 เท่ากับ 0.6057 และ 0.6069

ตามลาดบั แสดงวา่ การกระจายรายไดข้ องวิสาหกิจทอ่ งเที่ยวชุมชนในปี พ.ศ. 2562 มีสถานะท่ีแย่ลง
เมอื่ เทียบกบั ปี พ.ศ. 2561 ทานองเดยี วกัน เม่อื วดั คา่ ค่า GIni coefficient จากรายได้ของพนักงานที่
ทางานอยใู่ นวสิ าหกิจทอ่ งเที่ยวชุมชน พบวา่ ในปี พ.ศ. 2561 และ 2562 เทา่ กับ 0.5805และ 0.5840

ตามลาดบั แสดงถึงวา่ การกระจายรายได้ของพนกั งานที่ทางานในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวชุมชนมี
สถานะภาพที่เลวลงในปี พ.ศ. 2562 เมอ่ื เทียบกบั ปี พ.ศ. 2561 เชน่ เดียวกนั

9. ข้อเสนอแนะเชงิ นโยบายในสว่ นท่ีเกี่ยวข้องกบั การกระจายรายไดด้ า้ นการท่องเท่ียวชมุ ชน

9.1 การจัดทาข้อมูลเพ่ือการศึกษาและวิเคราะห์การท่องเที่ยวชุมชน ควรจะต้องมีการกาหนด
นิยามและขอบเขตให้ชัดเจน โดยที่นิยามและขอบเขตดังกล่าวนอกจากจะนามาใช้เพื่อ
การกาหนดนโยบายได้แล้ว อาจจาเปน็ ตอ้ งพจิ ารณาถงึ ความเหมาะสมในทางสถิติ และความ
เป็นไปได้ในการจดั เก็บข้อมูลควบคกู่ นั ไปด้วย

9.2 การศกึ ษาและวิเคราะห์การทอ่ งเทย่ี วชุมชน จะตอ้ งให้ความสาคญั กับขอ้ มูล หรือแหลง่ ข้อมูล
(Source of data) เปน็ ปจั จัยสาคญั รวมทั้งการตคี วามข้อมูลที่ได้ เนื่องจากธุรกิจท่องเท่ียว
ชมุ ชนมีความหลากหลายและแตกต่างกันค่อนข้างมาก จึงอาจค่อนข้างยากท่ีจะเก็บข้อมูล
การท่องเท่ียวชุมชนจากพื้นท่ีส่วนใดส่วนหน่ึงให้เป็นตัวแทนของประชากรการท่องเที่ยว
ชุมชนทั้งหมด รวมไปถึงการนาข้อมูลจากท่ีได้ มาตีความเป็นภาพรวมทั้งหมดของ
การทอ่ งเทีย่ วชมุ ชนอาจทาได้ค่อนข้างจากัด ข้อมลู การทอ่ งเทย่ี วชุมชนของพ้ืนท่ีใดพื้นท่ีหน่ึง
อาจมีความเหมาะสมเพียงเฉพาะการอธิบายท่องเทยี่ วชุมชนในพ้นื ท่นี ้นั ๆ เปน็ หลัก

9.3 แมว้ ่าผลจากการศึกษา พบว่าการทอ่ งเท่ยี วชมุ ชนมีการกระจายรายไดท้ ี่ไม่เท่าเทียมกัน และ
มีแนวโน้มท่ีแย่ลงในปี พ.ศ. 2562 เมอ่ื เทยี บกบั ปี พ.ศ. 2561 แต่ก็เป็นการยากท่ีจะสามารถ
สรุปได้ว่าปัจจัยใดที่ทาให้เกิดการกระจายรายได้ที่ไม่เท่าเทียมกันดังกล่าว ทั้งน้ีเพราะ
การสรา้ งรายได้ใหก้ ับธุรกิจท่องเที่ยวชุมชนน้ัน มิใช่เกิดจากความสามารถของการทาธุรกิจ
เพียงอย่างเดียว แต่ยังขึ้นกับปัจจัยอ่ืน ๆ ที่มีความแตกต่างกันไปในแต่ละแห่ง โอกาสใน
การเตบิ โตของธุรกจิ ท่องเท่ยี วชมุ ชนมีการผูกยดึ โยงไว้กับสภาพแวดลอ้ ม เชน่ สถานท่ตี ัง้ การ

สานักวิจัยเศรษฐกิจและประเมินผล หน้าที่ 7-33
บริษทั จากัด

รายงานสรปุ การจดั ทาบัญชปี ระชาชาติดา้ นการท่องเทย่ี ว ประจาปงี บประมาณ พ.ศ. 2563
โครงการพฒั นาและจัดทาบญั ชปี ระชาชาติด้านการทอ่ งเทย่ี ว

สานกั งานปลัดกระทรวงการทอ่ งเทยี่ วและกฬี า

มีอัตลักษณ์ มีวัฒนธรรมของท้องถ่ิน ตลอดจนการเข้าถึงและใช้ประโยชน์จาก
ทรพั ยากรธรรมชาตใิ นพนื้ ท่ี และการมผี ลผลิตของทอ้ งถิน่ ทีห่ มนุ เวยี นไปตามฤดูกาล เป็นต้น
ดังนั้น การท่จี ะไปกาหนดนโยบายในเกดิ การกระจายรายไดข้ องทอ่ งเทยี่ วชมุ ชนให้เทา่ เทยี มกนั
นนั้ จงึ ไม่ใชเ่ ร่ืองง่าย ประกอบกบั ต้องพิจารณาว่า การท่ีภาครฐั เข้าไปดาเนินการใด ๆ ซ่ึงส่วน
ใหญ่จะสง่ ผลตอ่ การบดิ เบือนกลไกตลาดนั้น จะก่อให้เกดิ ผลเสียมากกว่าผลดี สิง่ ทคี่ วรทาเพื่อ
สร้างการกระจายรายได้ให้ดีย่ิงข้ึน จึงควรเป็นการไปยกระดับคุณภาพ และศักยภาพของ
ทอ่ งเที่ยวชมุ ชนให้ดยี งิ่ ข้นึ ตลอดจนการสร้างโอกาสทางการตลาดใหเ้ กิดขึ้นไดอ้ ยา่ งเท่าเทียมกัน
เป็นตน้

9.4 ควรมีการจัดทาฐานข้อมูลการท่องเท่ียวชุมชนของประเทศให้ครบถ้วนโดยหน่วยงาน
ท่เี กี่ยวขอ้ งท่คี รอบคลุมการท่องเที่ยวชุมชนทกุ ประเภท ทั้งที่มีการจดทะเบียนกับหน่วยงาน
ภาครัฐและไม่ได้มีการจดทะเบียน มีรายละเอียดของข้อมูลพ้ืนฐานท่ีสามารถนามาใช้
ประโยชน์เชิงนโยบาย อาทิ จานวนธุรกิจ ขนาดของเครือข่ายธุรกิจทั้งธุรกิจที่เป็นสมาชิก
เครือข่ายและธุรกิจรอบนอกแต่มีผลเช่ือมโยงกับการท่องเท่ียวชุมชน ณ จุดนั้น ๆ จานวน
บรกิ ารธรุ กจิ ทม่ี กี ารเช่ือมโยงกับการทอ่ งเทีย่ วชมุ ชน เช่น บรกิ ารโลจสิ ติกส์ รวมทงั้ ขอ้ มูลอนื่ ๆ
เชน่ ช่วงเวลาการทาธุรกจิ แตล่ ะเดือนในรอบปี จานวนท่ีพัก จานวนยานพาหนะบรกิ ารขนส่ง
บุคคล เปน็ ต้น การมีฐานขอ้ มูลดังกล่าว นอกจากจะนามาใช้ประโยชน์ในเชิงของการบริหาร
จดั การและหรอื ส่งเสริมท่องเท่ียวชุมชนแล้ว ยังจะเป็นประโยชน์ต่อการเก็บรวบรวมข้อมูล
ท่องเที่ยวชมุ ชนอีกดว้ ย

9.5 เมื่อพจิ ารณาจากแนวโนม้ ของการเตบิ โตของค่าใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวชุมชนจาก TSA ในช่วง
ปี พ.ศ. 2559 - 2562 แล้ว พบวา่ มแี นวโน้มเตบิ โตอยา่ งรวดเร็ว สะท้อนให้เห็นว่า นักท่องเท่ียว
ชุมชนซ่ึงเป็นกลุ่มเฉพาะ มคี วามชอบและสนใจการทอ่ งเท่ยี วชุมชนเปน็ พิเศษ ดงั นนั้ ภาครัฐควร
เพิ่มโอกาสทางการตลาดให้กับท่องเท่ียวชุมชนด้วยการจัดการข้อมูลด้านการตลาดท่องเท่ียว
ชุมชนเพือ่ ให้นกั ท่องเที่ยวชมุ ชนสามารถทจี่ ะเข้าถงึ ข้อมูลของการท่องเที่ยวชุมชนแต่ละแห่งได้
อย่างสะดวกและรวดเร็ว โดยอาจใหก้ ารสนบั สนุนโดยจัดทาเป็น Market platform กลาง หรือ
สร้าง Web portal ของการท่องเทยี่ วชุมชนแบบรวมศนู ย์

9.6 ภาครฐั ควรมกี ารสนบั สนนุ ให้ท่องเท่ียวชมุ ชนแตล่ ะแห่งมีการจัดกิจกรรมในลักษณะที่เช่ือมโยง
กบั วฒั นธรรม อตั ลกั ษณ์ หรอื ทรัพยากรของทอ้ งถนิ่ เพือ่ เปน็ การสร้างรายได้และกระจายรายได้
ใหก้ ับท้องถิน่ โดยอาจจัดหมุนเวียนเปลี่ยนไปในแต่ละพื้นท่ี ด้วยวิธีการภาครัฐให้การอุดหนุน
ค่าใชจ้ า่ ยในการจดั กจิ กรรมการทอ่ งเท่ียวให้กับธุรกจิ ท่องเท่ียวชมุ ชนแต่ละแหง่ โดยอาจกาหนด
เงอื่ นไข แล้วใหว้ สิ าหกจิ ทอ่ งเที่ยวชุมชนเสนอโครงการเข้ามา โครงการใดทีน่ า่ สนใจ และสามารถ
สร้างผลตอบแทนทคี่ มุ้ คา่ ก็จะได้รับเงินอดุ หนุนเพือ่ นาไปใช้จดั กจิ กรรม วธิ ีการดังกล่าวนี้ สามารถ
สรา้ งกิจกรรมของท่องเที่ยวชุมชน จะเป็นการดึงดูดให้นักท่องเที่ยวชุมชนเข้าไปท่องเที่ยวมาก
ข้ึน ขณะเดยี วกนั ก็สามารถสร้างการแข่งขันระหว่างกิจการท่องเที่ยวชุมชนด้วยกัน ก่อให้เกิด
การยกระดับคณุ ภาพและศักยภาพ นอกจากนี้ เงินอดุ หนนุ ทภี่ าครัฐให้ ก็จะมสี ่วนนาไปปรบั ปรุง
ธรุ กิจท่องเทยี่ วชุมชน เกดิ การจดั การด้าน Supply side ทีด่ ีขึน้ และตรงกบั ทชี่ ุมชนต้องการ

สานักวิจยั เศรษฐกจิ และประเมินผล หนา้ ท่ี 7-34
บริษทั จากัด

รายงานสรปุ การจดั ทาบญั ชีประชาชาติด้านการท่องเท่ยี ว ประจาปีงบประมาณ พ.ศ. 2563
โครงการพฒั นาและจดั ทาบญั ชปี ระชาชาติดา้ นการท่องเที่ยว
สานกั งานปลัดกระทรวงการท่องเทยี่ วและกีฬา

9.7 ปัจจุบัน การดาเนนิ กจิ กรรมของการทอ่ งเที่ยวชมุ ชนเร่ิมมีการพัฒนาและแตกตา่ ง ๆ ไปจากอดีต
โดยเฉพาะอย่างยง่ิ ในเรือ่ งของการเพม่ิ ข้ึนของการใหบ้ ริการโลจสิ ตกิ ส์แก่นักทอ่ งเทยี่ วชุมชน เมอ่ื
นักท่องเที่ยวชุมชนมีการซื้อสินค้าในแหล่งชุมชน เช่น เครื่องแกะสลัก เคร่ืองไม้ ไม้ไผ่ หวาย
ผลิตภัณฑ์ผ้าและเครื่องนุ่มห่ม สามารถท่ีจะใช้บริการโลจิสติกส์ในพ้ืนที่เพ่ือขนส่งผลิตภัณฑ์
ดังกล่าวไปยังสถานท่ีท่ีต้องการ จึงเป็นการเอื้อประโยชน์ซึ่งกันและกัน ดังน้ัน บทบาทของ
การท่องเท่ียวชุมชน นอกจากก่อให้เกิดการผลิตบริการของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแล้ว ยังมี
ความสาคัญที่สามารถสร้างความเชื่อมโยงให้เกิดการผลิตบริการอื่น ๆ ท่ีเก่ียวข้องตามมา
การศึกษาผลกระทบท่องเที่ยวชุมชนจึงควรให้ความสาคัญในประเด็นของการเช่ือมโยงธุรกิจ
การเพ่มิ มลู ค่าในหว่ งโซอ่ ุปทานของการท่องเท่ียวไว้ดว้ ย

สานกั วิจัยเศรษฐกจิ และประเมินผล หนา้ ที่ 7-35
บริษัท จากัด

รายงานสรุปการจัดทาบัญชีประชาชาตดิ ้านการท่องเท่ยี ว ประจาปีงบประมาณ พ.ศ. 2563
โครงการพัฒนาและจดั ทาบัญชปี ระชาชาตดิ า้ นการท่องเทย่ี ว
สานักงานปลดั กระทรวงการท่องเทย่ี วและกฬี า

บทท่ี 8
สรปุ ผลจำกกำรดำเนินโครงกำร

รายงานสรปุ การจดั ทาบัญชีประชาชาตดิ ้านการท่องเท่ยี ว ประจาปงี บประมาณ พ.ศ. 2563
โครงการพัฒนาและจัดทาบญั ชปี ระชาชาติดา้ นการท่องเทยี่ ว
สานักงานปลัดกระทรวงการทอ่ งเท่ยี วและกฬี า

บทท่ี 8
สรุปผลจากการดาเนินโครงการ

ผลการดาเนินโครงการจัดทาบัญชีประชาชาติด้านการท่องเท่ียว (Tourism Satellite
Account : TSA) ประจาปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 โดยสรปุ และขอ้ เสนอแนะ ดงั นี้

1. ผลการจัดทาบัญชีประชาชาตดิ ้านการท่องเทีย่ วของประเทศไทย ปี พ.ศ. 2562 ประกอบดว้ ย

1.1 บญั ชีประชาชาตดิ ้านการท่องเท่ียวรายปี พ.ศ. 2562

การใช้จ่ายของนักท่องเท่ียวในปี พ.ศ. 2562 มีแนวโน้มชะลอลงต่อเนื่องจากปี พ.ศ.
2561 มูลค่าการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวต่างประเทศในปี พ.ศ. 2562 เท่ากับ 1,949,116 ล้านบาท
เพิ่มขึ้นจากปีท่ีแล้ว ร้อยละ 1.93 ในขณะท่ีการใช้จ่ายท่องเที่ยวภายในประเทศของคนไทยมีมูลค่า
เท่ากับ 1,081,759 ล้านบาท เพิ่มข้ึนร้อยละ 0.97 รวมเป็นการใช้จ่ายเพ่ือการท่องเที่ยวท่ีเกิดข้ึน
ทั้งหมดในระบบเศรษฐกิจในปี พ.ศ. 2562 เท่ากับ 3,030,875 ล้านบาท เพิ่มข้ึนร้อยละ 1.59
ส่วนการใช้จ่ายท่องเที่ยวต่างประเทศของคนไทยในปี พ.ศ. 2562 มีมูลค่าเท่ากับ 318,451 ล้านบาท
เพม่ิ ข้นึ จากปี พ.ศ. 2561 รอ้ ยละ 0.45

มลู คา่ เพ่มิ ของอตุ สาหกรรมการท่องเท่ยี ว (Gross value added of tourism industries;
GVATI) ปี พ.ศ. 2562 มีมูลค่าเท่ากับ 1,685,649 ล้านบาท เพ่ิมข้ึนจากปี พ.ศ. 2561 ร้อยละ 7.59
คิดเป็นมูลค่าผลิตภัณฑ์มวลรวมทางตรงของการท่องเท่ียว (Tourism direct GDP) เท่ากับ 1,225,741
ล้านบาท เพิ่มข้ึนร้อยละ 2.10 คิดเทียบเป็นสัดส่วนต่อ GDP ของประเทศ ประมาณร้อยละ 7.25
ส่วนมูลค่าผลิตภัณฑ์มวลรวมทางอ้อมของการท่องเท่ียว (Tourism indirect GDP) มีมูลค่าเท่ากับ
1,779,811 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 10.53 ต่อ GDP ของประเทศ ดังนั้น เมื่อรวมท้ังค่า Direct
tourism GDP และ Indirect tourism GDP เข้าด้วยกัน จะมีค่าเท่ากับ 3,005,552 ล้านบาท หรือ
เท่ากบั ร้อยละ 17.79 ของ GDP ของประเทศ สาหรบั ค่าของผลกระทบอันเนื่องมาจากรายได้ (Induced
tourism GDP) มีมูลค่าเท่ากับ เท่ากับ 797,336 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 4.72 ของ GDP ประเทศ
ดังนั้น เมื่อรวมท้ัง Direct tourism GDP, Indirect tourism GDP และ Induced tourism GDP มีค่า
เท่ากบั 3,802,888 ล้านบาท เทา่ กบั ร้อยละ 22.50 ต่อ GDP ของประเทศ

การจ้างงานในอุตสาหกรรมการท่องเท่ยี วในปี พ.ศ. 2562 มีจานวนรวมกนั ทง้ั หมดเทา่ กับ
4,366,392 คน เทียบกับการจ้างงานรวมทั้งประเทศ เท่ากับ 37,613,438 คน การจ้างงานโดย
อตุ สาหกรรมการทอ่ งเทีย่ วคดิ เป็นสัดสว่ นประมาณร้อยละ 11.61

การสะสมทุนในอุตสาหกรรมการท่องเท่ียวปี พ.ศ. 2562 มีมูลค่าเท่ากับ 83,015
ล้านบาท เทียบกับปี พ.ศ. 2561 ท่ีมีมูลค่าเท่ากับ 109,413 ล้านบาท ลดลงค่อนข้างมากถึง
รอ้ ยละ 24.13

สานักวิจยั เศรษฐกจิ และประเมนิ ผล หนา้ ท่ี 8-1
บรษิ ทั เอก็ เซลเลนท์ บสิ เนส แมเนจเมน้ ท์ จา

รายงานสรปุ การจดั ทาบญั ชีประชาชาตดิ ้านการทอ่ งเทยี่ ว ประจาปงี บประมาณ พ.ศ. 2563
โครงการพัฒนาและจัดทาบญั ชีประชาชาตดิ ้านการทอ่ งเทยี่ ว
สานักงานปลัดกระทรวงการทอ่ งเทย่ี วและกีฬา

มูลค่าการใช้จ่ายของภาครัฐเพื่อการดูแลบริหารจัดการการท่องเที่ยวในปี พ.ศ. 2562 มี
คา่ เทา่ กบั 14,588 ล้านบาท เปรียบเทยี บกับปี พ.ศ. 2561 ซ่ึงมีมูลค่าเท่ากับ 15,346 ล้านบาท ลดลง
ร้อยละ 4.94

ตารางท่ี 8-1 แสดงค่าตวั ชวี้ ัดท่สี าคญั จากบัญชปี ระชาชาติดา้ นการทอ่ งเที่ยว ปี พ.ศ. 2560-2562

คา่ ตัวชี้ท่ีสาคญั จาก TSA หนว่ ย 2560 2561 2562

รายจา่ ยเพอ่ื การทอ่ งเที่ยว (Tourism Expenditure) 3,030,875
1.59
รายจ่ายเพ่อื การทอ่ งเที่ยวท่เี กดิ ขึน้ ทั้งหมดในประเทศ ลา้ นบาท 2,855,050 2,983,526
(Internal tourism expenditure) 1,949,116
1.93
อตั ราขยายตัว รอ้ ยละ 10.62 4.50
1,081,759
รายจา่ ยของนักทอ่ งเท่ยี วตา่ งประเทศ (Inbound tourism expenditure) ล้านบาท 1,865,437 1,912,184 0.97

อัตราขยายตวั รอ้ ยละ 10.12 2.51 318,451

รายจา่ ยของนักทอ่ งเท่ียวคนไทย (Domestic tourism expenditure) ล้านบาท 989,613 1,071,342 0.45

อตั ราขยายตวั ร้อยละ 11.57 8.26

รายจา่ ยเพอื่ การท่องเท่ียวของคนไทยไปเทยี่ วต่างประเทศ ล้านบาท 286,716 317,021
(Outbound tourism expenditure)

อัตราขยายตวั รอ้ ยละ 13.84 10.57

การผลิตของอุตสาหกรรมการทอ่ งเทยี่ ว ล้านบาท 1,433,477 1,566,761 1,685,649
(Productions of Tourism industries) รอ้ ยละ 13.69 9.30 7.59

มวลรวมมลู คา่ เพ่ิมของอตุ สาหกรรมการทอ่ งเที่ยว ณ ราคาพ้ืนฐาน
(Gross Value Added of tourism industry, GVATI (at basic price))

อตั ราขยายตัว

มวลรวมของมูลค่าเพมิ่ ท้ังหมด ลา้ นบาท 14,036,493 14,811,394 15,277,888
(Total Gross Value Added of all industries; TSA) ร้อยละ 10.21 10.58 11.03

ร้อยละของมวลรวมมลู ค่าเพิม่ ของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวต่อมวลรวมของ
มลู ค่าเพ่ิมทั้งหมด

มวลรวมมลู คา่ เพิม่ ทางตรงของอตุ สาหกรรมการท่องเท่ยี ว ลา้ นบาท 1,066,717 1,115,003 1,137,770
(Tourism direct Gross Value Added) ร้อยละ
7.60 7.53 7.45
ร้อยละของมวลรวมมลู คา่ เพ่ิมของอุตสาหกรรมการท่องเทย่ี วอนั เกดิ จากการ ลา้ นบาท
ใช้จา่ ยของนักทอ่ งเทีย่ วตอ่ มวลรวมของมูลคา่ เพมิ่ ทง้ั หมด ร้อยละ 1,149,390 1,200,533 1,225,741
ล้านบาท 14.21 4.45 2.10
ผลติ ภัณฑม์ วลรวมทางตรงของการทอ่ งเทย่ี ว
(Tourism direct gross domestic product, TDGDP) ลา้ นบาท 1,676,180 1,752,604 1,779,811

อัตราขยายตัว 2,825,570 2,953,137 3,005,552

ผลิตภัณฑม์ วลรวมทางออ้ มของการท่องเทย่ี ว
(Tourism indirect gross domestic product, TIGDP)

รวมผลติ ภณั ฑม์ วลรวมทางตรงและทางออ้ มของการทอ่ งเทีย่ ว
(Total Tourism direct & indirect gross domestic product)

สานักวจิ ัยเศรษฐกิจและประเมนิ ผล หนา้ ท่ี 8-2
บรษิ ทั เอก็ เซลเลนท์ บิสเนส แมเนจเมน้ ท์ จา

รายงานสรุปการจัดทาบัญชปี ระชาชาตดิ า้ นการท่องเท่ยี ว ประจาปีงบประมาณ พ.ศ. 2563
โครงการพัฒนาและจัดทาบัญชีประชาชาตดิ า้ นการทอ่ งเท่ยี ว

สานกั งานปลดั กระทรวงการท่องเทย่ี วและกีฬา

ตารางที่ 8-1 แสดงค่าตัวช้วี ดั ท่สี าคญั จากบัญชีประชาชาตดิ า้ นการทอ่ งเทย่ี ว ปี พ.ศ. 2560-2562

คา่ ตวั ชี้ทส่ี าคัญจาก TSA หนว่ ย 2560 2561 2562

ผลติ ภณั ฑ์มวลรวมของประเทศ (GDP) ล้านบาท 15,488,664 16,368,711 16,898,086

ร้อยละผลติ ภณั ฑม์ วลรวมทางตรงของการท่องเท่ียวตอ่ ผลิตภณั ฑ์มวลรวมของ ร้อยละ 7.42 7.33 7.25
ประเทศ (% Tourism direct gross domestic product, TDGDP/total GDP)

ร้อยละผลติ ภัณฑม์ วลรวมทางออ้ มของการท่องเทยี่ วตอ่ ผลิตภัณฑม์ วลรวมของ ร้อยละ 10.82 10.71 10.53
ประเทศ (%Tourism indirect gross domestic product, TIGDP/Total GDP)

ร้อยละของผลิตภัณฑม์ วลรวมทางตรงและทางอ้อมของการท่องเที่ยวตอ่ รอ้ ยละ 18.24 18.04 17.79
ผลิตภณั ฑ์มวลรวมของประเทศ
(% Tourism direct& indirect GDP/Total GDP) (Type I)

การจา้ งงาน (Employment) คน 4,318,297 4,393,294 4,366,392
คน 37,458,250 37,864,550 37,613,438
การจ้างงานของอตุ สาหกรรมการทอ่ งเทย่ี ว ร้อยละ 11.53 11.60 11.61
(Employment in tourism industry)

การจา้ งงานรวมทง้ั หมดของประเทศ (Total employment of the country)

รอ้ ยละการจา้ งงานของอตุ สาหกรรมการท่องเทีย่ วตอ่ การจา้ งงานทง้ั หมดของ
ประเทศ

มลู ค่าการสะสมทุนของอตุ สาหกรรมการท่องเทีย่ วและอุตสาหกรรมอ่ืนทเ่ี กย่ี วกับ ล้านบาท 109,124 109,413 83,015
การทอ่ งเทีย่ ว (Gross Fixed Capital Formation in Tourism) ร้อยละ 19.02 0.27 -24.13

อัตราขยายตัว

มลู ค่าการใช้จา่ ยเพือ่ การท่องเทย่ี วของหนว่ ยงานภาครฐั บาล ลา้ นบาท 14,501 15,346 14,588
(Tourism collective consumption) รอ้ ยละ 9.09 5.83 -4.94

อตั ราขยายตัว

รายไดข้ องรฐั บาล ลา้ นบาท 88,598 93,436 96,037
รอ้ ยละ 9.44 5.46 2.78
ภาษที ภ่ี าครฐั ไดร้ บั ท่เี กิดจากกจิ กรรมการทอ่ งเทย่ี ว
(Total taxes on products and production taxes originating by tourism)

อัตราขยายตัว

จากมูลค่าผลิตภัณฑ์มวลรวมทางตรงของการท่องเท่ียวที่กล่าวแล้วข้างต้น เมื่อคานวณ
เป็นมูลค่าที่แท้จริงด้วยวิธี Chain volume measure; CVM ในปี พ.ศ. 2562 (พ.ศ. 2553 เป็น
Reference year) มคี ่าเทา่ กบั 984,216 ลา้ นบาท เพมิ่ ขึน้ รอ้ ยละ 0.42 เมอ่ื เทียบกบั พ.ศ. 2561 เมอ่ื
เปรียบเทียบกับ GDP CVM ของประเทศท่ีเพ่ิมข้ึนร้อยละ 2.27 แสดงถึงว่า การท่องเท่ียวในปี พ.ศ.
2562 เติบโตต่ากว่าค่าการเติบโตของเศรษฐกิจโดยรวม ซึ่งการเติบโตท่ีต่ากว่าน้ี ได้เกิดข้ึนในปี พ.ศ.
2561 ด้วยเช่นกัน ดังนั้นการท่องเท่ียวในจึงอาจมิใช่เป็นปัจจยั หลักในการขับเคล่ือนเศรษฐกิจ ในทาง
ตรงกันข้าม กลบั เป็นตัวฉุด GDP ของประเทศใหต้ ่าลง ซ่ึงการถดถอยของการท่องเทยี่ วเป็นผลมาจาก
ปัจจัยระยะสั้น เช่น การควบคุมทัวร์ศูนยเ์ หรยี ญ และผลจากเหตุการณ์เรื่องท่องเที่ยวลม่ ที่ภูเก็ต และ

สานกั วิจยั เศรษฐกจิ และประเมนิ ผล หน้าที่ 8-3
บริษัท เอ็กเซลเลนท์ บิสเนส แมเนจเมน้ ท์ จา

รายงานสรปุ การจัดทาบัญชปี ระชาชาตดิ า้ นการทอ่ งเที่ยว ประจาปีงบประมาณ พ.ศ. 2563
โครงการพัฒนาและจดั ทาบัญชีประชาชาติด้านการท่องเที่ยว

สานกั งานปลดั กระทรวงการท่องเที่ยวและกฬี า

อาจมาจากปัจจัยระยะยาว เช่น ความหนาแน่นของการท่องเท่ียวในบางพ้ืนที่ ตลอดจนคุณภาพของ
การทอ่ งเที่ยวทต่ี า่ ลง

ตารางที่ 8-2 แสดงเปรียบเทียบอัตราการเติบโตท่ีแท้จริงของมูลค่าผลิตภัณฑ์มวลรวมทางตรงของ
การท่องเทยี่ วและผลติ ภณั ฑ์มวลรวมในประเทศ พ.ศ. 2560-2562

คา่ ตวั ชที้ ่ีสาคัญจาก TSA หน่วย 2560 2561 2562
ล้านบาท 962,347 980,087 984,216
ผลิตมวลรวมทางตรงของการท่องเทย่ี ว, มลู ค่าปรมิ าณลกู โช่
(Tourism direct GDP, CVM (reference yr = 2010)) - 252.10 256.74 257.83
รอ้ ยละ 10.56 1.84 0.42
ดัขนผี ลติ ภณั ฑ์มวลรวมทางตรงของการท่องเทีย่ ว
แบบปริมาณลกู โช่ (Chain index)

อัตราขยายตัว

มูลคา่ ผลิตภณั ฑ์มวลรวมในประเทศแบบปรมิ าณลกู โซ่ ล้านบาท 10,259,941 10,689,791 10,932,066
(GDP, CVM of The country (reference year = 2002))
- 177.83 185.28 189.48
ดชั นผี ลติ ภณั ฑม์ วลรวมในประเทศแบบปรมิ าณลูกโซ่ ร้อยละ 4.18 4.19 2.27

อัตราขยายตวั

คว ามสาคัญของ อุ ตสาห กร รม กา รท่ อ งเท่ี ยว ต่ อเ ศร ษฐ กิจ โ ดย รว ม ข อง ปร ะเ ทศ โ ด ย
พิจารณาจากคา่ แหล่งเตบิ โตของเศรษฐกิจ (Source of growth) ในระยะปี พ.ศ. 2560 - 2562 พบว่า
การท่องเท่ียวได้ลดบทบาทในการเป็นปัจจัยหลักของการเป็นแหล่งเติบโตของเศรษฐกิจท่ีสาคัญของ
ประเทศลงไป โดยเฉพาะอยา่ งยง่ิ ในปี พ.ศ. 2561 และ 2562

ตารางที่ 8-3 แสดงค่า Source of growth ที่เกิดจากอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและอุตสาหกรรมอ่ืน ๆ

ของประเทศปี พ.ศ. 2560-2562

Source of growth 2560 2561 2562

เกษตร (Agriculture) 0.30 0.36 -0.04

การผลติ (Manufacturing) 0.81 0.94 -0.19

อุตสาหกรรมอน่ื ๆ (Other Industrial) -0.09 0.01 0.19

การก่อสร้าง (Construction) -0.09 0.06 0.04

การทอ่ งเท่ยี ว (Tourism) 0.93 0.17 0.04

อสงั หาริมทรพั ย์ (Real estate) 0.25 0.21 0.15

บรกิ ารอ่ืน ๆ (Other services) 2.23 2.70 2.27

ผลติ ภณั ฑ์มวลรวมในประเทศ (Total GDP) 4.18 4.19 2.27

สานักวจิ ยั เศรษฐกิจและประเมนิ ผล หน้าที่ 8-4
บรษิ ัท เอ็กเซลเลนท์ บสิ เนส แมเนจเมน้ ท์ จา

รายงานสรปุ การจัดทาบญั ชปี ระชาชาติดา้ นการทอ่ งเท่ียว ประจาปงี บประมาณ พ.ศ. 2563
โครงการพัฒนาและจัดทาบัญชีประชาชาตดิ า้ นการทอ่ งเท่ยี ว
สานักงานปลดั กระทรวงการทอ่ งเทยี่ วและกฬี า

1.2 บญั ชีประชาชาตดิ ้านการทอ่ งเทย่ี วรายไตรมาส พ.ศ. 2562

บัญชปี ระชาชาติด้านการท่องเทีย่ วรายไตรมาสเป็นข้อมูลเพื่อใช้ในการตัดสินใจเชิงนโยบาย
ระยะสั้น และการใช้เป็นเครื่องชี้วัดการเปลี่ยนแปลงเคล่ือนไหวเชิงฤดูกาลในรอบปี ผลการจัดทาบัญชี
ประชาชาติด้านการท่องเที่ยวรายไตรมาสในปี พ.ศ. 2562 มีการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวต่างประเทศใน
ไตรมาสแรก เท่ากับ 530,667 ลา้ นบาท ไตรมาสท่ีสอง เท่ากบั 395,814 ล้านบาท ไตรมาสทส่ี าม เทา่ กับ
487,069 ล้านบาท และในไตรมาสท่ี 4 เทา่ กับ 535,567 ลา้ นบาท ส่วนการใช้จา่ ยของนักท่องเท่ียวไทยที่
ทอ่ งเท่ยี วในประเทศ ในปี พ.ศ. 2562 ในไตรมาสทห่ี น่ึง สอง สาม และสี่ มคี ่าเทา่ กบั 269,042; 253,383;
269,710 และ 289,624 ล้านบาท ตามลาดับ รวมเป็นการใช้จ่ายเพื่อการท่องเที่ยวที่เกิดในประเทศ
ทงั้ หมดในไตรมาสที่หนง่ึ สอง สาม และส่ี เท่ากับ 799,710; 649,197; 756,779 และ 825,190 ล้านบาท
ตามลาดับ ในขณะที่การใช้จ่ายไปเท่ียวต่างประเทศของคนไทย ในไตรมาสท่ีหน่ึง สอง สาม และสี่ มีค่า
เทา่ กับ 74,311; 95,465; 64,701 และ 83,974 ลา้ นบาท ตามลาดบั

ส่วนในด้านการผลิต มูลค่าเพิ่มของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว (GVATI) ในปี พ.ศ. 2562
ในไตรมาส 1 ถงึ 4 มมี ูลคา่ เท่ากบั 421,997; 408,474; 417,007 และ 438,171 ล้านบาท ตามลาดบั

1.3 บัญชีประชาชาติดา้ นการทอ่ งเทยี่ วรายภาค พ.ศ. 2562

ภาคเหนอื

ค่าใช้จ่ายของนักท่องเท่ียวต่างชาติท่ีเกิดขึ้นในพ้ืนท่ีภาคเหนือในปี พ.ศ. 2562 มีมูลค่า
เท่ากับ 55,645 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 4.38 เมื่อเทียบกับปี พ.ศ. 2561 ส่วนนักท่องเที่ยวไทยท่ี
ใช้จ่ายท่องเที่ยวในภาคเดียวกันนี้ มีมูลค่าเท่ากับ 137,002 ล้านบาท ลดลงเล็กน้อย ประมาณร้อยละ
0.07 เม่ือรวมกันทั้งหมดแล้ว เป็นมูลค่าการใช้จ่ายเพื่อการท่องเที่ยวที่เกิดขึ้นในพื้นที่ภาคเหนือ
ทั้งหมด เท่ากับ 192,647 ล้านบาท เพ่ิมขึ้นจากปี พ.ศ. 2561 ร้อยละ 1.17 ส่วนการใช้จา่ ยท่องเทยี่ ว
ต่างประเทศของคนไทยในภาคเหนือในปี พ.ศ. 2562 มีมูลค่าเท่ากับ 33,338 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก
ปี พ.ศ. 2561 ร้อยละ 0.98

มูลค่าการผลิต (Gross output) ของอุตสาหกรรมการท่องเท่ียวมีค่าเท่ากับ 168,777
ล้านบาท คิดเป็นมลู ค่าเพิ่มของอุตสาหกรรมการท่องเท่ยี ว (GVATI) เทา่ กับ 75,051 ลา้ นบาท เพิม่ ขึ้น
ร้อยละ 7.86 เมื่อเทียบกับปี พ.ศ. 2561 คิดเป็น Tourism direct GDP ของภาคเหนือเท่ากับ
133,518 ล้านบาท หรือเท่ากับร้อยละ 10.27 เมื่อเทียบกับผลิตภัณฑ์มวลรวมของภาค (Gross
regional product) ซงึ่ ในปี พ.ศ. 2562 มคี า่ เท่ากับ 1,299,834 ล้านบาท ในขณะท่ีมมี ูลค่า Tourism
indirect Gross Domestic Products (TIDGDP) เท่ากับ 94,509 ล้านบาท เม่ือรวมทั้ง Tourism
direct GDP และ Tourism indirect GDP คิดเป็นร้อยละ 17.54 เมื่อเทยี บกับ GRP ของภาค

สานกั วจิ ัยเศรษฐกิจและประเมนิ ผล หน้าท่ี 8-5
บรษิ ทั เอก็ เซลเลนท์ บิสเนส แมเนจเมน้ ท์ จา

รายงานสรุปการจัดทาบญั ชปี ระชาชาตดิ า้ นการทอ่ งเที่ยว ประจาปีงบประมาณ พ.ศ. 2563
โครงการพัฒนาและจดั ทาบัญชีประชาชาติดา้ นการท่องเที่ยว
สานักงานปลัดกระทรวงการท่องเทีย่ วและกฬี า

ภาคใต้

ค่าใช้จา่ ยของนักท่องเท่ยี วต่างชาติ ในพนื้ ทภี่ าคใต้ พ.ศ. 2562 มีมูลคา่ เท่ากับ 633,398
ล้านบาท ลดลงจากปี พ.ศ. 2561 ร้อยละ 4.73 ส่วนนักท่องเที่ยวไทยมีค่าใช้จ่ายเท่ากับ 191,683
ล้านบาท ลดลงร้อยละ 22.10 รวมเป็นค่าใช้จ่ายเพื่อการท่องเที่ยวในภาคน้ีท้ังหมดเท่ากับ 825,080
ล้านบาท ลดลงร้อยละ 9.42 ส่วนค่าใช้จ่ายของคนไทยในภาคใต้ที่ไปท่องเท่ียวต่างประเทศมีมูลค่า
เท่ากับ 42,428 ล้านบาท เพ่ิมข้ึนจากปี พ.ศ. 2561 รอ้ ยละ 0.84

จากการใช้จ่ายดังกล่าว ทาให้เกิดการผลิตบริการท่องเที่ยวคิดเป็นรายรับจากการผลิต
(Gross output) ของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ในปี พ.ศ. 2562 เท่ากับ 815,808 ล้านบาท ทาให้
เกิดมูลค่าเพ่ิม (GVATI) เท่ากับ 380,173 ล้านบาท เพิ่มข้ึนจากปี พ.ศ. 2561 ร้อยละ 6.19 และ
คิดเป็นมูลค่าของ Tourism direct GDP เท่ากับ 635,865 ล้านบาท หรือเท่ากับร้อยละ 43.15
เมื่อเทียบกับผลิตภัณฑ์มวลรวมของภาคใต้ (Gross regional product) ในปี พ.ศ. 2562 ซ่ึงมีมูลค่า
เท่ากับ 1,473,623 ล้านบาทในขณะท่ีมีมูลค่า Tourism indirect Gross Domestic Products
(TIDGDP) เท่ากับ 402,664 ล้านบาท เมื่อรวมทั้ง TDGDP และ TIDGDP คิดเป็นสัดส่วนค่อนข้างสูง
มากพอสมควรถึงร้อยละ 70.47 เม่อื เทียบกบั GRP ของภาค

ภาคตะวันออกเฉียงเหนอื

ในปี พ.ศ. 2562 มีนักท่องเท่ียวต่างชาติ เดินทางมาท่องเที่ยวใช้จ่ายในภาค
ตะวันออกเฉียงเหนือเป็นมูลค่าเท่ากับ 4,617 ล้านบาท ในขณะที่นักท่องเท่ียวคนไทยมีการใช้จ่าย
เท่ากับ 95,123 ล้านบาท สูงกว่านักท่องเที่ยวต่างชาติถึงประมาณ 20 เท่าตัว เม่ือรวมท้ัง ค่าใช้จ่าย
ของนักท่องเท่ียวต่างประเทศ และนักท่องเที่ยวชาวไทยแล้ว มีจานวนเงินรายจ่ายเพ่ือการท่องเที่ยว
เกดิ ขน้ึ ในพืน้ ท่ที ง้ั หมดเทา่ กับ 99,740 ลา้ นบาท

ส่วนค่าใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวคนไทยในภาคตะวันออกเฉียงเหนือท่ีไปท่องเที่ยว
ต่างประเทศในปี พ.ศ. 2562 มีมูลค่าเท่ากับ 33,021 ล้านบาท หรือประมาณ 1/3 ของการใช้จ่าย
ท่องเทีย่ วของคนไทยทีเ่ กดิ ขน้ึ ในพื้นที่ภาคดงั กล่าว

การผลิตบริการท่องเท่ียวในภาคตะวันออกเฉียงเหนือในปี พ.ศ. 2562 มีมูลค่ารายรับ
จากการผลิต (Gross output) ของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว เท่ากับ 110,222 ล้านบาท คิดเป็น
มูลค่าเพิ่ม (GVATI) เท่ากับ 51,914 ล้านบาท และเมื่อรวมกับการผลิตของอุตสาหกรรมอื่น ๆ ที่
นกั ทอ่ งเที่ยวไดใ้ ชจ้ า่ ย คิดเปน็ ค่าของ Tourism direct GDP เทา่ กับ 83,583 ลา้ นบาท คิดเป็นสัดสว่ น
ต่อ GRP ของภาค เทา่ กบั รอ้ ยละ 5.24

ภาคตะวันออก

บทบาทของนักท่องเท่ียวต่างชาติในพื้นที่ภาคตะวันออกมีความสาคัญมากกว่า
นักท่องเที่ยวคนไทยค่อนข้างมากพอสมควร กล่าวคือ ในปี พ.ศ. 2562 นักท่องเท่ียวต่างชาติมี
การใช้จ่ายในพื้นท่ีภาคตะวันออกประมาณ 244,161 ล้านบาท ในขณะท่ีนักท่องเที่ยวคนไทยมีการใช้

สานักวจิ ัยเศรษฐกจิ และประเมนิ ผล หนา้ ที่ 8-6
บริษทั เอ็กเซลเลนท์ บิสเนส แมเนจเมน้ ท์ จา

รายงานสรปุ การจดั ทาบัญชปี ระชาชาตดิ ้านการท่องเท่ยี ว ประจาปีงบประมาณ พ.ศ. 2563
โครงการพัฒนาและจดั ทาบญั ชีประชาชาติดา้ นการท่องเท่ียว
สานักงานปลัดกระทรวงการทอ่ งเทยี่ วและกฬี า

จ่ายเท่ากับ 144,433 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วนประมาณร้อยละ 62.83 และ 37.17 ตามลาดับ
รวมกนั แล้วเปน็ คา่ ใชจ้ ่ายเพ่อื การทอ่ งเท่ียวทเ่ี กิดข้นึ ท้งั หมดเท่ากบั 388,594 ล้านบาท

ในด้านค่าใช้จ่ายของนกั ท่องเที่ยวคนไทยในภาคตะวันออกท่ีไปท่องเท่ียวต่างประเทศใน
ปี พ.ศ. 2562 มมี ลู ค่าเท่ากับ 41,680 ล้านบาท

การผลิตบริการท่องเท่ียวในภาคตะวันออก ปี พ.ศ. 2562 มีมูลค่ารายรับจากการผลิต
(Gross output) ของอุตสาหกรรมการทอ่ งเท่ียวเท่ากับ 344,844 ล้านบาท คดิ เปน็ มลู คา่ เพม่ิ (GVATI)
เท่ากับ 142,494 ล้านบาท และเม่ือคิดเพียงเฉพาะส่วนท่ีได้มีการใช้จ่ายนักท่องเที่ยวเป็นมูลค่าของ
Tourism direct GDP เท่ากับ 281,756 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนต่อ GRP ของภาคซ่ึงมีมูลค่าเท่ากับ
3,042,916 ลา้ นบาท เท่ากับรอ้ ยละ 9.26

สรปุ เปรยี บเทยี บการทอ่ งเท่ียวระหว่างภาค

เมือ่ เปรยี บเทียบระหว่างภาคเหนือ ภาคใต้ ภาคตะวนั ออกเฉียงเหนือ และภาคตะวันออก
จากข้อมูลในปี พ.ศ. 2562 พบว่า ภาคใต้เป็นภาคท่ีมีการใช้จ่ายของนักท่องเท่ียวสูงที่สุดเท่ากับ
825,080 ล้านบาท รองลงมาคือ ภาคตะวันออก เท่ากับ 388,594 ล้านบาท ส่วนในภาคเหนือและ
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีมูลค่าการใช้จ่ายของนักท่องเท่ียวรองลงไป เท่ากับ 192,647 และ 99,740
ล้านบาท ตามลาดับ โดยที่ ภาคใต้และภาคตะวันออกนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศเป็นนักท่องเท่ียว
หลัก ขณะท่ีภาคเหนือและตะวันออกเฉียงเหนือเป็นคนไทย ดังนั้น เม่ือใดก็ตาม ถ้าหากเกิดปัจจัยที่ทา
ให้นักท่องเที่ยวต่างประเทศลดการเดินทางมาเที่ยวประเทศไทยเกิดขึ้น จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ
ของภาคใต้และภาคตะวันออกค่อนขา้ งมาก ในทางตรงกันข้าม ภาคเหนอื และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
แม้วา่ มลู คา่ การทอ่ งเทีย่ วจะไมม่ ากนัก แตก่ ค็ อ่ นข้างมคี วามยั่งยนื ของการท่องเที่ยวมากกวา่

ในด้านมลู ค่าการผลิตบริการท่องเทีย่ วของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวในแตล่ ะภาค พบว่า
มีความสอดคล้องกับการใช้จ่ายของนักท่องเท่ียว อย่างไรก็ตาม เมื่อพิจารณาค่าของ Tourism ratio
ของอตุ สาหกรรมการท่องเทย่ี วรวมทั้ง 12 สาขาการผลิตซงึ่ ค่าดังกล่าวสะท้อนว่าอุตสาหกรรมท่องเท่ียว
ในภาคนั้น ๆ มีความจาเป็นต้องพ่ึงพาการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวมากน้อยเท่าใด พบว่า ในภาคใต้และ
ภาคตะวันออกมีค่าเท่ากับ 64.5 และ 79.6 ส่วนภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีค่าเท่ากับ
66.7 และ 66.1 จากค่าดังกลา่ ว มีจุดที่น่าสนใจคือ ในภาคใต้ ถงึ แมว้ ่าบรกิ ารการท่องเที่ยวในภาคน้ี จะ
มีขนาดที่ใหญ่ท่ีสุดเมื่อเทียบกับภาคตะวันออก ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ แต่
อุตสาหกรรมการท่องเท่ียวในภาคนี้ กลับพ่ึงพาการใช้จ่ายของนักท่องเท่ียวในสัดส่วนท่ีน้อยท่ีสุดเม่ือ
เทียบกบั ภาคอนื่ ๆ ทง้ั 3 ภาคดังกล่าว

เม่ือพิจารณาเปรียบเทียบ บทบาทหรือความสาคัญของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวกับ
เศรษฐกิจโดยรวมของภาค โดยการนาค่าของผลิตภัณฑ์มวลรวมทางตรงของการท่องเที่ยว (Tourism
direct GDP) ของภาคไปเปรียบเทียบผลิตภัณฑ์ภาค (Gross regional product) ซึ่งจัดทาโดยสานักงาน
สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ พบว่า ภาคใต้มีค่าสูงที่สุดเท่ากับ ร้อยละ 43.15 รองลงมา

สานกั วจิ ยั เศรษฐกิจและประเมนิ ผล หน้าที่ 8-7
บริษทั เอก็ เซลเลนท์ บสิ เนส แมเนจเมน้ ท์ จา

รายงานสรุปการจัดทาบัญชปี ระชาชาตดิ า้ นการทอ่ งเทย่ี ว ประจาปีงบประมาณ พ.ศ. 2563
โครงการพัฒนาและจัดทาบญั ชปี ระชาชาติด้านการทอ่ งเทย่ี ว
สานกั งานปลดั กระทรวงการท่องเที่ยวและกฬี า

คือ ภาคเหนือ เท่ากับร้อยละ 10.27 ภาคตะวันออก เท่ากับร้อยละ 9.26 และ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
เทา่ กบั รอ้ ยละ 5.24

1.4 บญั ชปี ระชาชาติด้านการท่องเท่ยี วรายเขตพฒั นาการทอ่ งเท่ียว พ.ศ. 2562

เขต 1 : เขตพฒั นาการทอ่ งเที่ยวอารยธรรมล้านนา

ค่าใช้จ่ายของผู้เยี่ยมเยือน (Visitors) ชาวต่างประเทศปี พ.ศ.2562 มีมูลค่า
50,961 ล้านบาท ผู้เย่ียมเยือนในประเทศ มีมูลค่า 96,470 ล้านบาท เพ่ิมขึ้นจากปี พ.ศ. 2561 ร้อยละ
4.87 และ 1.66 ตามลาดับ รวมค่าใชจ้ ่ายเพื่อท่องเที่ยวภายในประเทศทั้งหมดเท่ากับ 147,431 ลา้ นบาท
เพมิ่ ขึ้นรอ้ ยละ 2.75 สว่ นคา่ ใชจ้ ่ายของคนไทยท่ีเดินทางไปท่องเที่ยวต่างประเทศ มมี ูลค่า เทา่ กับ 18,463
ลา้ นบาท เพิ่มข้ึนร้อยละ 3.27

การผลิตของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและอุตสาหกรรมอ่ืน ๆ (ณ ราคาผู้ผลิต)
( Production accounts of tourism industries and other industries (at producer prices)
ปี พ.ศ. 2562 มีมูลค่ารายรับของอุตสาหกรรมท่องเท่ียว (Gross output) เท่ากับ 128,654 ล้านบาท
คิดเป็นมูลค่า Gross Value Added of Tourism Industries หรือ GVATI เท่ากับ 55,988 ล้านบาท
เพ่มิ ข้นึ จากปี พ.ศ. 2561 รอ้ ยละ 8.77

มูลค่า Tourism direct Gross Domestic Products (TDGDP) ในปี พ.ศ. 2562
มีมูลค่าเท่ากับ 56,702 ล้านบาท เทียบกับ GDP ของเขตซึ่งมีค่าเท่ากับ 555,340 ล้านบาท มูลค่า
TDGDP คิดเป็นร้อยละ 10.21 ของ GDP ของเขต ในขณะทม่ี ีมลู ค่า Tourism indirect Gross Domestic
Products (TIDGDP) เท่ากับ 65,595 ล้านบาท เม่ือรวมท้ัง Tourism direct and indirect Gross
Domestic Products คดิ เป็นสดั สว่ นเทา่ กับรอ้ ยละ 22.02 ตอ่ GDP ของเขต

เขต 2 : เขตพัฒนาการทอ่ งเทยี่ วฝ่ังทะเลตะวนั ตก

ค่าใช้จ่ายเพื่อการท่องเที่ยวของผู้เย่ียมเยือน (Visitors) ชาวต่างประเทศ ปี พ.ศ.
2562 มีมูลค่า 19,222 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 0.34 เมื่อเทียบกับปี พ.ศ. 2561 ส่วนผู้เย่ียมเยือนคนไทยมี
ค่าใชจ้ า่ ยท่องเท่ียวเท่ากับ 57,484 ลา้ นบาท ลดลงถงึ ร้อยละ 1.25 เมอ่ื เทียบกับปี พ.ศ. 2561 รวมกันเป็น
มูลค่าการบริโภคเพื่อการท่องเที่ยวท้ังหมดเท่ากับ 76,706 ล้านบาท ลดลงจากปี พ.ศ. 2561 ร้อยละ 1.02
ส่วนค่าใช้จ่ายของคนไทยในเขตนี้ที่ได้เดินทางไปท่องเที่ยวต่างประเทศ มีมูลค่าเท่ากับ 6,375 ล้านบาท
เพิ่มขนึ้ ร้อยละ 2.51 เมอื่ เทียบกบั ปี พ.ศ. 2561

ในดา้ นการผลิตบริการท่องเท่ียวของอุตสาหกรรมท่องเท่ียวและอุตสาหกรรมอ่ืน ๆ
ที่เก่ียวข้อง มีมูลค่าของรายรับจากการผลิตบริการท่องเท่ียวรวม (Total Gross Output) เท่ากับ 71,371
ล้านบาท เกิดเป็น Gross Value Added of Tourism Industries หรือ GVATI เท่ากับ 30,202 ล้านบาท
เพิ่มขน้ึ ในอตั ราค่อนข้างสูงถึงร้อยละ 10.32 เมอื่ เทียบกบั ปี พ.ศ. 2561

จากมูลค่าการผลิตดังกล่าวคิดเป็นมูลค่า Tourism direct Gross Domestic
Products (TDGDP) เทา่ กับ 30,775 ลา้ นบาท เทยี บกับ GDP ของเขตซ่ึงมีค่าเท่ากับ 314,570 ล้านบาท

สานกั วิจยั เศรษฐกจิ และประเมนิ ผล หนา้ ท่ี 8-8
บรษิ ัท เอก็ เซลเลนท์ บิสเนส แมเนจเมน้ ท์ จา

รายงานสรปุ การจดั ทาบัญชีประชาชาติดา้ นการท่องเท่ียว ประจาปีงบประมาณ พ.ศ. 2563
โครงการพัฒนาและจดั ทาบญั ชปี ระชาชาติดา้ นการท่องเทย่ี ว
สานักงานปลัดกระทรวงการท่องเทยี่ วและกีฬา

คิดเป็นร้อยละ 9.78 ส่วนค่าของ Tourism indirect Gross Domestic Products (TIDGDP) มีมูลค่า
เท่ากับ 38,384 ล้านบาท เมื่อรวมท้ัง Tourism direct and indirect Gross Domestic Products
คดิ เปน็ สดั ส่วนเทา่ กับรอ้ ยละ 21.99 ตอ่ GDP ของเขต

เขต 3 : เขตพัฒนาการทอ่ งเท่ียวฝั่งทะเลตะวนั ออก

ค่าใช้จ่ายเพ่ือการท่องเที่ยวของผู้มาเยือนจากต่างประเทศ (Inbound tourism
expenditure ) ในปี พ.ศ. 2562 มีมูลค่า 234,650 ล้านบาท เพิ่มข้ึนร้อยละ 4.58 เมื่อเทียบกับปี พ.ศ.
2561 ในขณะที่ค่าใช้จ่ายเพื่อการท่องเที่ยวภายเขตของคนไทย (Domestic tourism expenditure)
เท่ากับ 107,188 ล้านบาท เพ่ิมข้ึนร้อยละ 2.24 รวมเป็นการบริโภคเพ่ือการท่องเที่ยวทั้งหมด (Internal
tourism consumption by products) เท่ากับ 341,837 ล้านบาท เพิ่มข้ึนร้อยละ 3.83 ส่วนค่าใช้จ่าย
เพ่ือการท่องเท่ียวต่างประเทศของคนไทยในเขตนี้ (Outbound tourism consumption) มีมูลค่า
เทา่ กบั 31,562 ลา้ นบาท เพ่ิมขน้ึ รอ้ ยละ 3.40

อุตสาหกรรมท่องเท่ียวมีรายรับจากการผลิตรวม (Total Gross Output) เท่ากับ
309,595 ล้านบาท คิดเป็นค่าของ Gross Value Added of Tourism Industries หรือ GVATI เท่ากับ
130,287 ล้านบาท เพิม่ ข้นึ ในอตั ราร้อยละ 12.53 เมื่อเทียบกบั ปี พ.ศ. 2561

เม่ือคิดมูลค่าการผลิตของอุตสาหกรรมท่องเท่ียวและอุตสาหกรรมอ่ืน ๆ
(Production accounts of tourism industries and other industries) เฉพาะส่วนทเี่ กดิ ข้ึนทางตรงจาก
การท่องเท่ียว หรือมูลค่า Tourism direct Gross Domestic Products (TDGDP) มีค่าเท่ากับ 133,353
ล้านบาท เทียบกับ GDP ของเขตซึ่งมีค่าเท่ากับ 2,231,028 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนเท่ากับ
ร้อยละ 5.98 และมีค่า Tourism indirect Gross Domestic Products (TIDGDP) เท่ากับ 176,556
ล้านบาท หรือคิดเทียบเป็นสัดส่วนของ Tourism direct and indirect Gross Domestic Products ต่อ
GDP ของเขต ประมาณร้อยละ 13.89

เขต 4 : เขตพฒั นาการทอ่ งเที่ยวอันดามนั

ค่าใช้จ่ายเพ่ือการท่องเที่ยวของผู้มาเยือนจากต่างประเทศของเขตน้ีมีความสาคัญ
ค่อนข้างมากต่อบทบาทเศรษฐกิจโดยรวมของเขต ในปี พ.ศ.2562 มีมูลค่าเท่ากับ 514,727 ล้านบาท
ลดลงร้อยละ 1.20 เม่ือเทียบกับ ปี พ.ศ. 2561 ในขณะท่ีค่าใช้จ่ายเพ่ือการท่องเที่ยวของคนไทยในเขตน้ี
มมี ลู ค่า 110,724 ลา้ นบาท ลดลงจากปีทแ่ี ลว้ รอ้ ยละ 2.77 รวมเป็นการบรโิ ภคเพื่อการท่องเทย่ี วทั้งหมด
เท่ากับ 625,451 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 1.48 ส่วนค่าใช้จ่ายเพ่ือการท่องเท่ียวต่างประเทศ ของคนไทย
ในเขต 4 มมี ูลคา่ เท่ากับ 6,712 ลา้ นบาท เพม่ิ ข้ึนรอ้ ยละ 4.29

การผลิตของอุตสาหกรรมท่องเที่ยว (Tourism industries) ปี พ.ศ. 2562 ของ
เขต 4 มีมูลค่าผลผลิตรวม (Total Gross Output) เท่ากับ 543,834 ล้านบาท จากมูลค่าผลผลิตจานวน
ดังกล่าว ก่อให้เกิด Gross Value Added of Tourism Industries หรือ GVATI เท่ากับ 267,303
ล้านบาท เพมิ่ ข้นึ รอ้ ยละ 6.00 เมอื่ เทียบกับปี พ.ศ. 2561

สานกั วจิ ัยเศรษฐกิจและประเมนิ ผล หน้าท่ี 8-9
บรษิ ัท เอก็ เซลเลนท์ บสิ เนส แมเนจเมน้ ท์ จา

รายงานสรปุ การจัดทาบัญชปี ระชาชาติด้านการท่องเทย่ี ว ประจาปีงบประมาณ พ.ศ. 2563
โครงการพัฒนาและจัดทาบญั ชีประชาชาติด้านการท่องเท่ียว

สานักงานปลัดกระทรวงการทอ่ งเทีย่ วและกีฬา

มูลค่า Tourism direct Gross Domestic Products (TDGDP) ในเขต 4 มีค่า
เท่ากับ 269,326 ล้านบาท เทียบกับ GDP ของเขตซึ่งมีค่าเท่ากับ 516,227 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ
52.17 และมีค่า Tourism indirect Gross Domestic Products (TIDGDP) เท่ากับ 300,316 ล้านบาท
เม่ือรวมทั้ง Tourism direct and indirect Gross Domestic Products คิดเป็นสัดส่วนเท่ากับร้อยละ
110.35 ตอ่ GDP ของเขต แสดงว่าการผลิตในพื้นท่ีของเขตไมเ่ พียงพอ จาเปน็ ต้องพงึ่ พาการผลิตในพ้ืนที่
อื่นเข้ามาร่วมในห่วงโซ่การผลิตเดียวกันกับเขตดังกล่าว อย่างไรก็ตาม ควรมีการรวบรวมข้อมูลที่ชัดเจน
ยง่ิ ขึน้ ตอ่ ไป

เขต 5 : เขตพัฒนาการทอ่ งเทยี่ วอารยธรรมอสี านใต้

การท่องเที่ยวในเขตอารยธรรมอีสานใต้ยังไม่เป็นที่นิยมของชาวต่างประเทศ
มากนัก ดังเห็นได้จากค่าใช้จ่ายเพื่อการท่องเที่ยวของผู้มาเยือนจากต่างประเทศใน ปี พ.ศ. 2562 มี
มลู คา่ เพียง 1,929 ล้านบาท เพิ่มขน้ึ รอ้ ยละ 1.95 เมอื่ เทยี บกับปี พ.ศ. 2561 สว่ นผเู้ ยีย่ มเยือนคนไทย
มมี ลู ค่าการใช้จ่าย เทา่ กบั 40,851 ลา้ นบาท เพมิ่ ข้นึ รอ้ ยละ 6.47 รวมเปน็ คา่ ใชจ้ ่ายเพ่ือการท่องเที่ยว
รวมท้ังหมดในเขตนี้ เท่ากับ 42,780 ล้านบาท เพ่ิมขึ้นร้อยละ 6.26 ในขณะที่ค่าใช้จ่ายเพ่ือ
การทอ่ งเทย่ี วต่างประเทศของคนไทยในเขตนี้ มีมูลค่าเทา่ กบั 14,190 ล้านบาท เพ่มิ ข้ึนรอ้ ยละ 2.08

ในด้านการผลิตของอุตสาหกรรมท่องเท่ียว (Tourism industries) ในเขต 5
ปี พ.ศ. 2562 มีมูลค่าของผลผลิตรวม (Total Gross Output) เท่ากับ 51,014 ล้านบาท คิดเป็นมูลค่า
Gross Value Added of Tourism Industries หรือ GVATI เท่ากับ 24,113 ล้านบาท เพ่ิมข้ึนร้อยละ
9.35 เมื่อเทียบกับปี พ.ศ. 2561

มูลค่า Tourism direct Gross Domestic Products (TDGDP) ในปี พ.ศ. 2562
ของเขตพัฒนาการท่องเท่ียวอารยธรรมอีสานใต้มีค่าเท่ากับ 18,437 ลา้ นบาท เทยี บกบั GDP ของเขตซึ่ง
มีค่าเท่ากับ 673,199 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 2.74 และมีค่า Tourism indirect Gross Domestic
Products (TIDGDP) เท่ากับ 20,976 ล้านบาท เม่ือรวมท้ัง Tourism direct and indirect Gross
Domestic Products คดิ เปน็ สัดส่วนเทา่ กบั ร้อยละ 5.85 ต่อ GDP ของเขต

เขต 6 : เขตพฒั นาการทอ่ งเท่ียวลุ่มแมน่ า้ เจา้ พระยาตอนกลาง

ค่าใช้จา่ ยเพื่อการท่องเทย่ี วของผู้มาเยือนจากต่างประเทศในเขตน้ีในปี พ.ศ. 2562
มีมูลค่า 8,278 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 4.34 ส่วนการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวคนไทยมีมูลค่า 21,523
ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 4.19 รวมเป็นค่าใช้จ่ายเพื่อการท่องเที่ยวท่ีเกิดขึ้นทั้งหมดในเขตนี้เท่ากับ
29,801 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 4.23 ส่วนค่าใช้จ่ายเพ่ือการท่องเที่ยวต่างประเทศของคนไทยในนี้มี
มูลค่าค่อนข้างสูงเมื่อเปรียบเทียบกับการท่องเที่ยวในเขต โดยมีมูลค่าเท่ากับ 28,715 ล้านบาท เพิ่มขึ้น
ร้อยละ 3.54

ในด้านการผลิตของอุตสาหกรรมท่องเท่ียว มมี ลู ค่าของผลผลิตรวม (Total Gross
Output) ของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว (Tourism industries) เท่ากับ 67,064 ลา้ นบาท คิดเป็นมูลค่า
Gross Value Added of Tourism Industries หรือ GVATI เท่ากับ 31,267 ล้านบาท เพ่ิมข้ึนร้อยละ
12.44 เมอื่ เทียบกบั ปี พ.ศ. 2561

สานักวจิ ัยเศรษฐกิจและประเมนิ ผล หน้าท่ี 8-10
บริษทั เอ็กเซลเลนท์ บิสเนส แมเนจเมน้ ท์ จา


Click to View FlipBook Version