แผนจัดการเรียนรู้ รายวิชา ภาษาไทย รหัสวิชา พท 11001 ระดับประถมศึกษา ตามหลักสูตรการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 ศูนย์ส่งเสริมการเรียนรู้อ าเภอเซกา (สกร.เซกา) ส านักงานส่งเสริมการเรียนรู้จังหวัดบึงกาฬ กรมส่งเสริมการเรียนรู้ กระทรวงศึกษาธิการ
บันทึกหลังการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ กิจกรรมการเรียนรู้ ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… สภาพปัญหาที่พบ ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………….... วิธีแก้ปัญหา ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ข้อเสนอแนะ ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงชื่อ.................................................................ผู้บันทึก (......................................................... .......) ลงชื่อ.................................................................ผู้บริหารสถานศึกษา (................................................................)
แผนการจัดการเรียนรู้ สาระ.........ความรู้พื้นฐาน .......รายวิชา.........ภาษาไทย...........รหัส...พท11001......... จ านวน.............3.................หน่วยกิต ระดับ........ประถมศึกษา.......... จ านวนที่สอน.......6........ชั่วโมง ครั้งที่........1.......วันที่...............เดือน..........................................พ.ศ....................... ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 ชื่อครูผู้สอน..........นายวิษณุ อินธิราช............... ต าแหน่ง........ครูผู้สอนคนพิการ...... วิธีเรียน กศน. รูปแบบ การพบกลุ่ม เรื่อง การฟังและการดู ตัวชี้วัด 1. ความสามารถในการแสวงหาความรู้ด้วยตนเอง 2. รู้จัก เห็นคุณค่า และใช้แหล่งเรียนรู้ถูกต้อง 3. เข้าใจ ความหมาย กระบวนการชุมชน และศักยภาพของชุมชนในการปฏิบัติการและท าตาม กระบวนการจัดการ ความรู้ชุมชน ด้านอาชีพ เพื่อเพิ่มศักยภาพและขีดความสามารถในการแข่งขันที่สามารถ สร้างรายได้ที่มั่งคั่ง และมั่นคง 4. ความสามารถในการอธิบายกระบวนการคิดเป็น และทักษะในการใช้กระบวนการคิดเป็นในการ แก้ปัญหา การ เรียนรู้และการประกอบอาชีพได้อย่างต่อเนื่องตลอดชีวิต 5. เข้าใจความหมาย เห็นความส าคัญ และปฏิบัติการรวบรวมข้อมูล วิเคราะห์ข้อมูล และสรุปผลการ หาความรู้ ความ จริง ในการเรียนรู้และการประกอบอาชีพ 6. เข้าใจความหมาย และเห็นความส าคัญของศักยภาพของพื้นที่ใน การเพิ่มขีดความสามารถของ การประกอบอาชีพ 5 กลุ่มอาชีพใหม่ เนื้อหา การฟังและการดู ๑. หลักการความส าคัญ จุดมุ่งหมายของการฟังและดู ๒. การฟังและการดูเพื่อจับใจความส าคัญ ๓. การฟังและดูเพื่อสรุปความ 4. มารยาทในการฟังและดู
ขั้นตอนการจัดกระบวนการเรียนรู้ ขั้นน าเข้าสู่บทเรียน ขั้นที่ 1 การก าหนดสภาพปัญหา ความต้องการในการเรียนรู้ ขั้นที่ ๑ Set Up เตรียมความพร้อม 1. ครูให้ผู้เรียนเล่นเกมส์กระซิบส่งสาร โดย ๑. แบ่งนักเรียนออกเป็น ๕ แถวๆละ 5 คน ๒. คนแรกของแต่ละแถวมารับกระดาษที่เขียนข้อความที่ก าหนดให้จากครูไปท่องจ า ซึ่งมีข้อความที่ก าหนดให้คนแรกของ แต่ละแถวอ่าน เพื่อกระซิบส่งสาร คือ แถวที่ ๑ บ้านนายขวัญอยู่ทางฝั่งขวาของแม่น าโขงใกล้ๆกับร้านขายลาบ แถวที่ ๒ ต ารวจจับตายโจรหลายศพที่แอบแฝงอยู่แขวงเมืองกาญจน์ แถวที่ ๓ เสียงฟ้าร้องเกิดจากรามสูรขว้างขวานไปรังควานเมขลา แถวที่ ๔ เรือลอยเคว้งคว้างอยู่ท่ามกลางสายฝนท าให้ผู้คนอกสั่นขวัญแขวน แถวที่ ๕ ไฟก าลังไหม้ลาม เขาจึงคว้าขันตักน าสาดไฟที่ไหม้ข้างฝา โดยก าหนดเวลาให้ท่องจ า ๑ นาทีแล้วส่งกระดาษข้อความคืนครู ๓. คนแรกของแต่ละแถวกระซิบบอกข้อความคนที่ ๒ คนที่ ๒ กระซิบบอกต่อคนที่ ๓ คนที่ ๓ กระซิบบอกต่อคน ที่ ๔ และคนที่ ๔ กระซิบบอกคนสุดท้าย ๔. ให้คนสุดท้ายของแต่ละแถวเขียนข้อความลงในกระดาษน าส่งครู ๕. ให้คนแรกของแต่ละแถวอ่านกระดาษที่เขียนข้อความที่ครูก าหนดให้อ่าน และข้อความที่เขียนโดยคนสุดท้ายของแต่ละ แถวให้เพื่อน ๆ ฟัง ๖. ครูและผู้เรียนร่วมกันตัดสินว่าแถวใดที่ข้อความของคนแรกและคนสุดท้ายเขียนข้อความได้ตรงกันหรือใกล้เคียงที่สุดจะ เป็นผู้ชนะ ขั้นที่ 2 Tie In ทบทวนความรู้เดิมเชื่อมโยงความรู้ใหม่ 1. ครูให้ผู้เรียนจับคู่ผลัดกันเล่าเรื่องข่าวสารที่ได้รับฟังมา และครูให้ผู้เรียนจับใจความจากเรื่องที่เพื่อนเล่าให้ฟัง ขั้นที่ ๓ Engage เร้าความสนใจ 1. ครูให้ผู้เรียนดูคลิปวิดิโอ นิทานอีสป เรื่องชายโง่กับต้นไผ่ ความยาวจ านวน 5 นาที 20 วินาที https://youtu.be/Dnz4O_VZNrk
2. ครูตั งค าถามให้ผู้เรียนตอบค าถามจากเรื่องที่ดู ดังนี 1. ใครปลูกต้นไผ่ให้ชายผู้โง่เขลา 2. สวนผลไม้ของชายผู้โง่เขลาได้รับความเสียหายเพราะอะไร 3. จากนิทานอีสป เรื่องชายโง่กับต้นไผ่ ต้นไผ่มีประโยชน์อย่างไร ขันที่ ๔ Perform ลงมือปฏิบัติ 1. ครูอธิบายหลักการฟังเพื่อจับใจความ และให้ดูคลิปวิดิโอ เรื่องเพื่อนที่ดีที่สุด ความยาวจ านวน 6 นาที 25 วินาที https://youtu.be/uV6PnQkkRtw 2. ครูให้ผู้เรียนสรุปใจความส าคัญ 3. ครูฝึกให้ผู้เรียนแยกแยะประโยคข้อเท็จจริงกับข้อคิดเห็น ๕. use ขั้นฝึกปฏิบัติ ๑. ครูให้ผู้เรียนท าใบงาน(แยกแยะข้อเท็จจริงกับข้อคิดเห็น) 2. ครูให้ผู้เรียนดูคลิปวิดิโอ เรื่องการฟังและการดู ความยาวจ านวน 5 นาที 16 วินาที https://youtu.be/8fzJV5UE3jk 3. ครูและผู้เรียนร่วมกันสรุปใจความส าคัญ 4. ครูเสริมเรื่องมารยาทในการฟังหรือดู ๖. ขั้นที่ pack ๑.ครูและผู้เรียนร่วมกันสรุปสิ่งที่ได้เรียนรู้
สื่อการเรียนรู้/แหล่งเรียนรู้ 1. แบบเรียนวิชาภาษาไทย 2. ใบความรู้ 3. คลิปวิดิโอ 4. แบบฝึกหัด การวัดและการประเมินผล 1. ใบงานแบบฝึกหัด 2. แบบบันทึกการเรียนรู้ 3. แบบประเมินพฤติกรรม ลงชื่อ.......................................................ครูผู้สอน (........................................................) ความคิดเห็นของผู้บริหาร ..................................................................................................................................................................................... ..................................................................................................................................................................................... ..................................................................................................................................................................................... ลงชื่อ....................................................... ( นางณิชชา ค าชมภู ) ผู้อ านวยการ สกร.อ าเภอเซกา
แผนการจัดการเรียนรู้ สาระ.........ความรู้พื้นฐาน .......รายวิชา.........ภาษาไทย...........รหัส...พท11001......... จ านวน.............3.................หน่วยกิต ระดับ........ประถมศึกษา.......... จ านวนที่สอน.......6........ชั่วโมง ครั้งที่........2.......วันที่...............เดือน..........................................พ.ศ....................... ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 ชื่อครูผู้สอน..........นายวิษณุ อินธิราช............... ต าแหน่ง........ครูผู้สอนคนพิการ...... วิธีเรียน กศน. รูปแบบ การพบกลุ่ม เรื่อง การพูด ตัวชี้วัด 1. ความสามารถในการแสวงหาความรู้ด้วยตนเอง 2. รู้จัก เห็นคุณค่า และใช้แหล่งเรียนรู้ถูกต้อง 3. เข้าใจ ความหมาย กระบวนการชุมชน และศักยภาพของชุมชนในการปฏิบัติการและท าตาม กระบวนการจัดการ ความรู้ชุมชน ด้านอาชีพ เพื่อเพิ่มศักยภาพและขีดความสามารถในการแข่งขันที่สามารถ สร้างรายได้ที่มั่งคั่ง และมั่นคง 4. ความสามารถในการอธิบายกระบวนการคิดเป็น และทักษะในการใช้กระบวนการคิดเป็นในการ แก้ปัญหา การ เรียนรู้และการประกอบอาชีพได้อย่างต่อเนื่องตลอดชีวิต 5. เข้าใจความหมาย เห็นความส าคัญ และปฏิบัติการรวบรวมข้อมูล วิเคราะห์ข้อมูล และสรุปผลการ หาความรู้ ความ จริง ในการเรียนรู้และการประกอบอาชีพ 6. เข้าใจความหมาย และเห็นความส าคัญของศักยภาพของพื้นที่ใน การเพิ่มขีดความสามารถของ การประกอบอาชีพ 5 กลุ่มอาชีพใหม่ เนื้อหา การพูด ๑. การพูดความส าคัญของการพูด 2. การเตรียมการพูด และลักษณะการพูดที่ดี 3. การพูดในโอกาสต่างๆ 4. มารยาทในการพูด
ขั้นตอนการจัดกระบวนการเรียนรู้ ขั้นน าเข้าสู่บทเรียน ขั้นที่ 1 การก าหนดสภาพปัญหา ความต้องการในการเรียนรู้ ขั้นที่ ๑ Set Up เตรียมความพร้อม 1. ครูให้ผู้เรียนสวดมนต์ ๒. ครูให้ผู้เรียนนั่งสมาธิโดยใช้เพลงดั่งดอกไม้บาน https://youtu.be/dhFt7eURm78 ขั้นที่ 2 Tie In ทบทวนความรู้เดิมเชื่อมโยงความรู้ใหม่ 1. ครูให้ผู้เรียนพูดแนะน าตนเองและความใฝ่ฝันที่อยากเป็นในอนาคต 2. ครูเชื่อมโยงสู่หลักการพูด ความส าคัญของการพูดในชีวิตประจ าวัน ขั้นที่ ๓ Engage เร้าความสนใจ 1. ครูให้ผู้เรียนชมคลิปวิดิโอ เล่าเรื่องอย่างไรให้สะกดใจคน? - ครูเงาะ รสสุคนธ์ | SkillLane.com เป็นเวลาจ านวน 4 นาที 12 วินาที https://youtu.be/2yxViY2duoI ขั้นที่ ๔ Perform ลงมือปฏิบัติ 1. ครูให้ผู้เรียนจับฉลากการพูดในโอกาสต่างๆ คือ - การพูดอวยพร - การพูดขอบคุณ - การพูดแสดงความยินดี - การพูดแสดงความเสียใจ - การพูดต้อนรับ - การพูดรายงาน และให้เวลาผู้เรียนในการเตรียมตัวเพื่อออกมาพูดหน้าชั้นเรียนพร้อมทั้งครูให้ข้อเสนอแนะ
๕. use ขั้นฝึกปฏิบัติ ครูให้ผู้เรียนพูดอภิปรายในหัวข้อ “ข้อดี ข้อเสียของโทรศัพท์มือถือ” ๖. pack ขั้นสรุป ครูและผู้เรียนร่วมกันสรุปสิ่งที่ได้เรียนรู้ สื่อการเรียนรู้/แหล่งเรียนรู้ 1. แบบเรียนวิชาภาษาไทย 2. ใบความรู้ 3. คลิปวิดิโอ 4. แบบฝึกหัด การวัดและการประเมินผล 1. ใบงานแบบฝึกหัด 2. แบบบันทึกการเรียนรู้ 3. แบบประเมินพฤติกรรม ลงชื่อ.......................................................ครูผู้สอน (........................................................) ความคิดเห็นของผู้บริหาร ..................................................................................................................................................................................... ..................................................................................................................................................................................... ..................................................................................................................................................................................... ลงชื่อ....................................................... ( นางณิชชา ค าชมภู ) ผู้อ านวยการ สกร.อ าเภอเซกา
แผนการจัดการเรียนรู้ สาระ.........ความรู้พื้นฐาน .......รายวิชา.........ภาษาไทย...........รหัส...พท11001......... จ านวน.............3.................หน่วยกิต ระดับ........ประถมศึกษา.......... จ านวนที่สอน.......6........ชั่วโมง ครั้งที่........3.......วันที่...............เดือน..........................................พ.ศ....................... ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 ชื่อครูผู้สอน..........นายวิษณุ อินธิราช............... ต าแหน่ง........ครูผู้สอนคนพิการ...... วิธีเรียน กศน. รูปแบบ การพบกลุ่ม เรื่อง การอ่าน ตัวชี้วัด 1. ความสามารถในการแสวงหาความรู้ด้วยตนเอง 2. รู้จัก เห็นคุณค่า และใช้แหล่งเรียนรู้ถูกต้อง 3. เข้าใจ ความหมาย กระบวนการชุมชน และศักยภาพของชุมชนในการปฏิบัติการและท าตาม กระบวนการจัดการ ความรู้ชุมชน ด้านอาชีพ เพื่อเพิ่มศักยภาพและขีดความสามารถในการแข่งขันที่สามารถ สร้างรายได้ที่มั่งคั่ง และมั่นคง 4. ความสามารถในการอธิบายกระบวนการคิดเป็น และทักษะในการใช้กระบวนการคิดเป็นในการ แก้ปัญหา การ เรียนรู้และการประกอบอาชีพได้อย่างต่อเนื่องตลอดชีวิต 5. เข้าใจความหมาย เห็นความส าคัญ และปฏิบัติการรวบรวมข้อมูล วิเคราะห์ข้อมูล และสรุปผลการ หาความรู้ ความ จริง ในการเรียนรู้และการประกอบอาชีพ 6. เข้าใจความหมาย และเห็นความส าคัญของศักยภาพของพื้นที่ใน การเพิ่มขีดความสามารถของ การประกอบอาชีพ 5 กลุ่มอาชีพใหม่ เนื้อหา การอ่าน ๑. หลักการ ความส าคัญ และจุดมุ่งหมายของการอ่าน 2. การอ่านร้อยแก้ว 3. การอ่านร้อยกรอง 4. การเลือกอ่านหนังสือและประโยชน์ของการอ่าน 5. มารยาทในการอ่านและสร้างนิสัยรักการอ่าน
ขั้นตอนการจัดกระบวนการเรียนรู้ ขั้นน าเข้าสู่บทเรียน ขั้นที่ 1 การก าหนดสภาพปัญหา ความต้องการในการเรียนรู้ ขั้นที่ ๑ Set Up เตรียมความพร้อม 1. ครูให้ผู้เรียนอ่าน “ค่านิยมหลักของคนไทย 12 ประการ” พร้อมกัน ขั้นที่ 2 Tie In ทบทวนความรู้เดิมเชื่อมโยงความรู้ใหม่ 1. ครูชักชวนผู้เรียนและถามว่าผู้เรียนรู้จักบทร้อยแก้ว และบทร้อยกรองอะไรบ้าง ขั้นที่ ๓ Engage เร้าความสนใจ ๑. ครูให้ดูคลิปวิดิโอการอ่านบทร้อยแก้ว บทร้อยกรอง ความยาวจ านวน 7 นาที 35 วินาที https://youtu.be/-J7ZSN37wMA ๒. ครูอธิบายวิธีการอ่านบทร้อยแก้วและบทร้อยกรอง ขันที่ ๔ Perform ลงมือปฏิบัติ 1. ครูให้ผู้เรียนอ่าน บทร้อยแก้ว 1 บท (ใบความรู้ที่ 1) บทร้อยกรอง 1 บท กาพย์เห่เรือชมเครื่องคาวหวาน (ใบความรู้ที่ 2) 2. ครูให้ค าแนะน าในการอ่านบทร้อยแก้วและบทร้อยกรอง ๕. use ขั้นฝึกปฏิบัติ 1. ครูให้ผู้เรียนเลือกอ่านหนังสือที่ตนเองสนใจและสรุปใจความส าคัญที่อ่าน โดยเขียนลงในกระดาษใบงาน 2. ครูเสริมเนื้อหาเรื่องมารยาทในการอ่าน ๖. ขั้นที่ pack ครูและผู้เรียนร่วมกันสรุปสิ่งที่ได้จากการเรียนรู้ สื่อการเรียนรู้/แหล่งเรียนรู้ 1. แบบเรียนวิชาภาษาไทย 2. ใบความรู้ 3. ใบงานแบบฝึกหัด 4. คลิปวีดีโอ
การวัดและการประเมินผล 1. ใบงานแบบฝึกหัด 2. แบบบันทึกการเรียนรู้ 3. แบบประเมินพฤติกรรม ลงชื่อ.......................................................ครูผู้สอน (........................................................) ความคิดเห็นของผู้บริหาร ..................................................................................................................................................................................... ..................................................................................................................................................................................... ..................................................................................................................................................................................... ลงชื่อ....................................................... ( นางณิชชา ค าชมภู ) ผู้อ านวยการ สกร.อ าเภอเซกา
แผนการจัดการเรียนรู้ สาระ.........ความรู้พื้นฐาน .......รายวิชา.........ภาษาไทย...........รหัส...พท11001......... จ านวน.............3.................หน่วยกิต ระดับ........ประถมศึกษา.......... จ านวนที่สอน.......6........ชั่วโมง ครั้งที่........4.......วันที่...............เดือน..........................................พ.ศ....................... ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 ชื่อครูผู้สอน..........นายวิษณุ อินธิราช............... ต าแหน่ง........ครูผู้สอนคนพิการ...... วิธีเรียน กศน. รูปแบบ การพบกลุ่ม เรื่อง การเขียน ตัวชี้วัด 1. ความสามารถในการแสวงหาความรู้ด้วยตนเอง 2. รู้จัก เห็นคุณค่า และใช้แหล่งเรียนรู้ถูกต้อง 3. เข้าใจ ความหมาย กระบวนการชุมชน และศักยภาพของชุมชนในการปฏิบัติการและท าตาม กระบวนการจัดการ ความรู้ชุมชน ด้านอาชีพ เพื่อเพิ่มศักยภาพและขีดความสามารถในการแข่งขันที่สามารถ สร้างรายได้ที่มั่งคั่ง และมั่นคง 4. ความสามารถในการอธิบายกระบวนการคิดเป็น และทักษะในการใช้กระบวนการคิดเป็นในการ แก้ปัญหา การ เรียนรู้และการประกอบอาชีพได้อย่างต่อเนื่องตลอดชีวิต 5. เข้าใจความหมาย เห็นความส าคัญ และปฏิบัติการรวบรวมข้อมูล วิเคราะห์ข้อมูล และสรุปผลการ หาความรู้ ความ จริง ในการเรียนรู้และการประกอบอาชีพ 6. เข้าใจความหมาย และเห็นความส าคัญของศักยภาพของพื้นที่ใน การเพิ่มขีดความสามารถของ การประกอบอาชีพ 5 กลุ่มอาชีพใหม่ เนื้อหา การเขียน ๑. หลักการเขียนและความส าคัญของการเขียน 2. การเขียนภาษาไทย 3. การเขียนสะกดค าและประสมค า 4. การเขียนสื่อสาร 5. การเขียนตามรูปแบบ 6. การเขียนรายงานค้นคว้าและอ้างอิงความรู้ 7. การเขียนกรอกรายการ 8. มารยาทในการเขียนและนิสัยรักการอ่าน
ขั้นตอนการจัดกระบวนการเรียนรู้ ขั้นน าเข้าสู่บทเรียน ขั้นที่ 1 การก าหนดสภาพปัญหา ความต้องการในการเรียนรู้ ขั้นที่ ๑ Set Up เตรียมความพร้อม 1. ครูเปิดเพลง chicken dance ให้ผู้เรียนท าท่าทางประกอบ https://youtu.be/l5sIspLfmXM 2. ครูให้ผู้เรียนแบ่งกลุ่ม แข่งกันเขียนค าชื่อผลไม้ สัตว์ โดยเข้าแถวและเขียนทีละชื่อ กลุ่มที่เขียนได้มากที่สุดเป็นกลุ่มที่ชนะ ขั้นที่ 2 Tie In ทบทวนความรู้เดิมเชื่อมโยงความรู้ใหม่ 1. ครูให้ผู้เรียนเขียนค าตามค าบอกเป็นรายบุคคล จ านวน 20 ค า(ใบงานที่ 1) แล้วครูเฉลยค าตอบ ขั้นที่ ๓ Engage เร้าความสนใจ ๑. ครูให้ดูคลิปวิดิโอ เรื่อง พื้นที่ "นักเขียนนิยายวาย" เติบโตต่อยอดสู่วงการซีรีส์ ความยาว 5 นาที 13 วินาที https://youtu.be/FBsRkDVbqaI และให้ผู้เรียนสรุปสิ่งที่ได้จากการชมคลิปวิดิโอ ขันที่ ๔ Perform ลงมือปฏิบัติ 1. ครูอธิบายหลักการเขียนและความส าคัญของการเขียน 2. ครูให้ผู้เรียนฝึกเขียน - ประวัติตนเอง (ใบงานที่ 2) - เขียนบันทึกประจ าวัน (ใบงานที่ 3) - เขียนเล่าเรื่อง(ใบงานที่ 3) 3. ครูอธิบายการเขียนเรียงความ ย่อความ จดหมาย เขียนรายงาน ค้นคว้าความรู้ เขียนกรอกรายการ(ตามแบบฟอร์ม) และให้ ผู้เรียนทดลองเขียนเรียงความ ประกอบด้วย ค าน า เนื้อเรื่อง สรุป (ใบงานที่ 4) 4. ครูอธิบายเรื่องมารยาทในการเขียน
๕. use ขั้นฝึกปฏิบัติ 1. ครูให้ผู้เรียนท าใบงาน การเขียนเรียงความ เรื่องความรักของแม่(ใบงานที่ 5) 2. ครูมอบหมายการบ้านให้ผู้เรียนเขียน - การเขียนย่อความ(ใบงานที่ 6) - การเขียนรายงานการค้นคว้าความรู้ ๖. ขั้นที่ pack 1. ครูและผู้เรียนร่วมกันสรุปสิ่งที่ได้จากการเรียนรู้เป็น Mindmap 2. ครูมอบหมายงาน เรื่องการเขียนย่อความ เรื่องการเขียนจดหมาย ให้ผู้เรียนน ามาส่งในคาบเรียนถัดไป สื่อการเรียนรู้/แหล่งเรียนรู้ 1. แบบเรียนวิชาภาษาไทย 2. ใบความรู้ 3. ใบงานแบบฝึกหัด 4. คลิปวีดีโอ การวัดและการประเมินผล 1. ใบงานแบบฝึกหัด 2. แบบบันทึกการเรียนรู้ 3. แบบประเมินพฤติกรรม ลงชื่อ.......................................................ครูผู้สอน (........................................................) ความคิดเห็นของผู้บริหาร ..................................................................................................................................................................................... ..................................................................................................................................................................................... ..................................................................................................................................................................................... ลงชื่อ....................................................... ( นางณิชชา ค าชมภู ) ผู้อ านวยการ สกร.อ าเภอเซกา
แผนการจัดการเรียนรู้ สาระ.........ความรู้พื้นฐาน .......รายวิชา.........ภาษาไทย...........รหัส...พท11001......... จ านวน.............3.................หน่วยกิต ระดับ........ประถมศึกษา.......... จ านวนที่สอน.......6........ชั่วโมง ครั้งที่........5.......วันที่...............เดือน..........................................พ.ศ....................... ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 ชื่อครูผู้สอน..........นายวิษณุ อินธิราช............... ต าแหน่ง........ครูผู้สอนคนพิการ...... วิธีเรียน กศน. รูปแบบ การพบกลุ่ม เรื่อง หลักการใช้ภาษา ตัวชี้วัด 1. ความสามารถในการแสวงหาความรู้ด้วยตนเอง 2. รู้จัก เห็นคุณค่า และใช้แหล่งเรียนรู้ถูกต้อง 3. เข้าใจ ความหมาย กระบวนการชุมชน และศักยภาพของชุมชนในการปฏิบัติการและท าตาม กระบวนการจัดการ ความรู้ชุมชน ด้านอาชีพ เพื่อเพิ่มศักยภาพและขีดความสามารถในการแข่งขันที่สามารถ สร้างรายได้ที่มั่งคั่ง และมั่นคง 4. ความสามารถในการอธิบายกระบวนการคิดเป็น และทักษะในการใช้กระบวนการคิดเป็นในการ แก้ปัญหา การ เรียนรู้และการประกอบอาชีพได้อย่างต่อเนื่องตลอดชีวิต 5. เข้าใจความหมาย เห็นความส าคัญ และปฏิบัติการรวบรวมข้อมูล วิเคราะห์ข้อมูล และสรุปผลการ หาความรู้ ความ จริง ในการเรียนรู้และการประกอบอาชีพ 6. เข้าใจความหมาย และเห็นความส าคัญของศักยภาพของพื้นที่ใน การเพิ่มขีดความสามารถของ การประกอบอาชีพ 5 กลุ่มอาชีพใหม่ เนื้อหา หลักการใช้ภาษา ๑. เสียง รูปอักษรไทยและไตรยางค์ 2. ความหมายละหน้าที่ของค า กลุ่มค าและประโยค 3. เครื่องหมายวรรคตอนและอักษรย่อ 4. หลักการใช้พจนานุกรม ค าราชาศัพท์และค าสุภาพ 5. ส านวนภาษา 6. การใช้ทักษะทางภาษาเป็นเครื่องมือในการแสวงหาความรู้ 7. ลักษณะของค าไทย ค าภาษาถิ่นและค าภาษาต่างประเทศในภาษาไทย
ขั้นตอนการจัดกระบวนการเรียนรู้ ขั้นน าเข้าสู่บทเรียน ขั้นที่ 1 การก าหนดสภาพปัญหา ความต้องการในการเรียนรู้ ขั้นที่ ๑ Set Up เตรียมความพร้อม 1. ครูน าผู้เรียนร้องเพลง “ตา หู จมูก ปาก ตา” “ครับ สวัสดีครับ ผมเป็นเด็กดี ไม่มีปัญหา (ซ า) ตา หู จมูก ปาก ตา หู จมูก ปาก ตา หู จมูก ปาก ตา” พร้อมท าท่าทางประกอบ ขั้นที่ 2 Tie In ทบทวนความรู้เดิมเชื่อมโยงความรู้ใหม่ 1. ครูให้ผู้เรียนเขียนพยัญชนะไทย 44 ตัว ในใบงานที่ 1 และเขียนสระกับวรรณยุกต์ในใบงานที่ 2 ขั้นที่ ๓ Engage เร้าความสนใจ ๑. ครูให้ผู้เรียนดูคลิปวิดิโอ เพลงอักษรสูง กลาง ต่ า ขันที่ ๔ Perform ลงมือปฏิบัติ 1. ครูให้ผู้เรียนแบ่งกลุ่มเป็น 6 กลุ่ม ให้แต่ละกลุ่มช่วยกันค้นคว้าเนื อหากลุ่มละ 1 เรื่อง มาน าเสนอหน้าชั นเรียนและครูช่วย เติมเต็มความรู้ กลุ่มที่ 1 ค าและพยางค์ กลุ่มที่ 2 มาตราตัวสะกด (แม่ ก กา กง กน กม เกย เกอว กก กด กน) กลุ่มที่ 3 ชนิดและหน้าที่ของค า (ค านาม ค าสรรพนาม ค ากริยา ค าวิเศษณ์ ค าบุพบท ค าสันธาน ค าอุทาน) กลุ่มที่ 4 โครงสร้างประโยคและชนิดประโยค (ประโยคความเดียว ประโยคความรอม ประโยคความซ้อน) กลุ่มที่ 5 เครื่องหมายวรรคตอน กลุ่มที่ 6 การใช้พจนานุกรม 2. ครูให้ผู้เรียนดูภาพแล้วให้ผู้เรียนตอบว่าตรงกับส านวน ค าพังเพย สุภาษิตอะไร 1. สีซอให้ควายฟัง 2. ขี่ช้างจับตั๊กแตน 3. ต าน าพริกละลายแม่น า 4. ช้างตายทั งตัวเอาใบบัวมาปิด 5. เลี ยงดูปูเสื่อ 6. แกว่งเท้าหาเสี ยน 7. จับปูใส่กระด้ง 8. อย่าหวังน าบ่อหน้า 9. วัวหายล้อมคอก 10. ชาวนากับงูเห่า 3. ครูให้ผู้เรียนช่วยกันเขียนค าราชาศัพท์หมวดร่างกายในภาพที่ก าหนดให้
4. ครูให้ผู้เรียนน าบัตรค าภาษาถิ่น 4 ภูมิภาค ไปแบ่งในตารางให้ถูกต้อง ๕. use ขั้นฝึกปฏิบัติ 1. ครูแจกใบงานที่ 3 ให้ผู้เรียนแต่ละคนเติมค าในส านวน ค าพังเพย และสุภาษิตให้สมบูรณ์ 2. ครูแจกใบงานที่ 4 ให้ผู้เรียนแต่ละคนจับคู่ค าราชาศัพท์กับค าสามัญให้ถูกต้อง 3. ครูแจกใบงานที่ 5 ให้ผู้เรียนแต่ละคนเขียนภาษาถิ่นใต้พร้อมความหมาย 4. ครูแจกใบงานที่ 6 ให้ผู้เรียนเลือกบัตรค าภาษาต่างประเทศแล้วอธิบายความหมายหน้าชั นเรียน ๖. ขั้นที่ pack 1. ครูและผู้เรียนร่วมกันสรุปสิ่งที่ได้จากการเรียนรู้เป็น สื่อการเรียนรู้/แหล่งเรียนรู้ 1. แบบเรียนวิชาภาษาไทย 2. ใบความรู้ 3. ใบงานแบบฝึกหัด 4. คลิปวีดีโอ การวัดและการประเมินผล 1. ใบงานแบบฝึกหัด 2. แบบบันทึกการเรียนรู้ 3. แบบประเมินพฤติกรรม ลงชื่อ.......................................................ครูผู้สอน (........................................................) ความคิดเห็นของผู้บริหาร ..................................................................................................................................................................................... ..................................................................................................................................................................................... ..................................................................................................................................................................................... ลงชื่อ....................................................... ( นางณิชชา ค าชมภู ) ผู้อ านวยการ สกร.อ าเภอเซกา
แผนการจัดการเรียนรู้ สาระ.........ความรู้พื้นฐาน .......รายวิชา.........ภาษาไทย...........รหัส...พท11001......... จ านวน.............3.................หน่วยกิต ระดับ........ประถมศึกษา.......... จ านวนที่สอน.......6........ชั่วโมง ครั้งที่........6.......วันที่...............เดือน..........................................พ.ศ....................... ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 ชื่อครูผู้สอน..........นายวิษณุ อินธิราช............... ต าแหน่ง........ครูผู้สอนคนพิการ...... วิธีเรียน กศน. รูปแบบ การพบกลุ่ม เรื่อง วรรณคดีและวรรณกรรม ตัวชี้วัด 1. ความสามารถในการแสวงหาความรู้ด้วยตนเอง 2. รู้จัก เห็นคุณค่า และใช้แหล่งเรียนรู้ถูกต้อง 3. เข้าใจ ความหมาย กระบวนการชุมชน และศักยภาพของชุมชนในการปฏิบัติการและท าตาม กระบวนการจัดการ ความรู้ชุมชน ด้านอาชีพ เพื่อเพิ่มศักยภาพและขีดความสามารถในการแข่งขันที่สามารถ สร้างรายได้ที่มั่งคั่ง และมั่นคง 4. ความสามารถในการอธิบายกระบวนการคิดเป็น และทักษะในการใช้กระบวนการคิดเป็นในการ แก้ปัญหา การ เรียนรู้และการประกอบอาชีพได้อย่างต่อเนื่องตลอดชีวิต 5. เข้าใจความหมาย เห็นความส าคัญ และปฏิบัติการรวบรวมข้อมูล วิเคราะห์ข้อมูล และสรุปผลการ หาความรู้ ความ จริง ในการเรียนรู้และการประกอบอาชีพ 6. เข้าใจความหมาย และเห็นความส าคัญของศักยภาพของพื้นที่ใน การเพิ่มขีดความสามารถของ การประกอบอาชีพ 5 กลุ่มอาชีพใหม่ เนื้อหา วรรณคดีและวรรณกรรม ๑. ความหมาย คุณค่าและประโยชน์ของนิทาน นิทานพื้นบ้าน และวรรณกรรมท้องถิ่น 2. ความหมายของวรรณคดี และวรรณคดีที่น่าศึกษา
ขั้นตอนการจัดกระบวนการเรียนรู้ ขั้นน าเข้าสู่บทเรียน ขั้นที่ 1 การก าหนดสภาพปัญหา ความต้องการในการเรียนรู้ ขั้นที่ ๑ Set Up เตรียมความพร้อม 1. ครูให้ผู้เรียนฟังเพลง “แต่ก่อน”(ของนาคอน) https://youtu.be/aTAwtBDDMNY ขั้นที่ 2 Tie In ทบทวนความรู้เดิมเชื่อมโยงความรู้ใหม่ 1. ครูชวนคิดชวนคุยกับผู้เรียนได้รู้อะไรบ้างจากเนื้อเพลง “แต่ก่อน” ขั้นที่ ๓ Engage เร้าความสนใจ ๑. ครูให้ผู้เรียนดูคลิปวิดิโอหนังตะลุง ตอนคุณยายเล่นไลน์ ความยาว 5 นาที 41 วินาที https://youtu.be/2crKkBlWdoY ขันที่ ๔ Perform ลงมือปฏิบัติ 1. ครูให้ผู้เรียนออกมาเล่านิทานหรือวรรณคดีที่เคยได้ฟังมาให้เพื่อนฟัง แล้วอภิปรายว่าได้รู้อะไรจากเรื่องเล่า(ใบความรู้ที่ 1) 2. ครูให้ผู้เรียนศึกษาวรรณคดีเรื่องพระอภัยมณี ตอน ฤาษีสอนสุดสาคร แล้วร่วมกันอภิปรายว่าได้ข้อคิดเตือนใจอะไรบ้าง การใช้ภาษาดีอย่างไร ๕. use ขั้นฝึกปฏิบัติ 1. ครูให้ผู้เรียนศึกษาวรรณคดี เรื่องสังข์ทอง ตอนก าเนิดพระสังข์ (ใบความรู้ที่ 2) แล้วให้ผู้เรียนเขียนอธิบายคุณค่าที่ได้ เกี่ยวกับการใช้ภาษา เนื้อเรื่อง ข้อคิดเตือนใจที่ได้รับ 2. ครูให้ผู้เรียนศึกษาวรรณคดีขุนช้างขุนแผน ตอนก าเนิดพลายงาม (ใบความรู้ที่ 3) แล้วให้ผู้เรียนเขียนอธิบายคุณค่าที่ได้ เกี่ยวกับการใช้ภาษา เนื้อเรื่อง ข้อคิดเตือนใจที่ได้รับ
๖. ขั้นที่ pack 1. ครูและผู้เรียนร่วมกันสรุปสิ่งที่ได้จากการเรียนรู้ สื่อการเรียนรู้/แหล่งเรียนรู้ 1. แบบเรียนวิชาภาษาไทย 2. ใบความรู้ 3. ใบงานแบบฝึกหัด 4. คลิปวีดีโอ การวัดและการประเมินผล 1. ใบงานแบบฝึกหัด 2. แบบบันทึกการเรียนรู้ 3. แบบประเมินพฤติกรรม ลงชื่อ.......................................................ครูผู้สอน (........................................................) ความคิดเห็นของผู้บริหาร ..................................................................................................................................................................................... ..................................................................................................................................................................................... ..................................................................................................................................................................................... ลงชื่อ....................................................... ( นางณิชชา ค าชมภู ) ผู้อ านวยการ สกร.อ าเภอเซกา
แผนการจัดการเรียนรู้ สาระ.........ความรู้พื้นฐาน .......รายวิชา.........ภาษาไทย...........รหัส...พท11001......... จ านวน.............3.................หน่วยกิต ระดับ........ประถมศึกษา.......... จ านวนที่สอน.......6........ชั่วโมง ครั้งที่........7.......วันที่...............เดือน..........................................พ.ศ....................... ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 ชื่อครูผู้สอน..........นายวิษณุ อินธิราช............... ต าแหน่ง........ครูผู้สอนคนพิการ...... วิธีเรียน กศน. รูปแบบ การพบกลุ่ม เรื่อง ภาษาไทยกับช่องทางการประกอบอาชีพ ตัวชี้วัด 1. ความสามารถในการแสวงหาความรู้ด้วยตนเอง 2. รู้จัก เห็นคุณค่า และใช้แหล่งเรียนรู้ถูกต้อง 3. เข้าใจ ความหมาย กระบวนการชุมชน และศักยภาพของชุมชนในการปฏิบัติการและท าตาม กระบวนการจัดการ ความรู้ชุมชน ด้านอาชีพ เพื่อเพิ่มศักยภาพและขีดความสามารถในการแข่งขันที่สามารถ สร้างรายได้ที่มั่งคั่ง และมั่นคง 4. ความสามารถในการอธิบายกระบวนการคิดเป็น และทักษะในการใช้กระบวนการคิดเป็นในการ แก้ปัญหา การ เรียนรู้และการประกอบอาชีพได้อย่างต่อเนื่องตลอดชีวิต 5. เข้าใจความหมาย เห็นความส าคัญ และปฏิบัติการรวบรวมข้อมูล วิเคราะห์ข้อมูล และสรุปผลการ หาความรู้ ความ จริง ในการเรียนรู้และการประกอบอาชีพ 6. เข้าใจความหมาย และเห็นความส าคัญของศักยภาพของพื้นที่ใน การเพิ่มขีดความสามารถของ การประกอบอาชีพ 5 กลุ่มอาชีพใหม่ เนื้อหา ภาษาไทยกับช่องทางการประกอบอาชีพ ๑. คุณค่าของภาษาไทย 2. ภาษาไทยกับช่องทางการประกอบอาชีพ 3. การเพิ่มพูนความรู้และประสบการณ์ทางด้านภาษาไทยเพื่อการประกอบอาชีพ
ขั้นตอนการจัดกระบวนการเรียนรู้ ขั้นน าเข้าสู่บทเรียน ขั้นที่ 1 การก าหนดสภาพปัญหา ความต้องการในการเรียนรู้ ขั้นที่๑ Set Up เตรียมความพร้อม 1.ครูกล่าวทักทายผู้เรียน 2.ครูน าผู้เรียนร้องเพลง “กวนหยี”และท าท่าทางประกอบ “กามนิตยอดชาย จะไปค้าขายที่โกสัมพี โชคและบุญหนุนน า มาเจอสาวงามนั่งกวนลูกหยี กามนิตดีใจ กระโดดเข้าไปกวนหยี 10 ที หยี1 หยี2 หยี3 หยี4 หยี5 หยี6 หยี7 แล้วก็ หยี หยี หยี” ขั้นที่ 2 Tie In ทบทวนความรู้เดิมเชื่อมโยงความรู้ใหม่ 1. ครูชวนคิดชวนคุยว่าถ้าผู้เรียนไปร่วมงาน เช่น งานแต่งงาน งานเลี้ยง งานบวช จะเห็นพิธีกรด าเนินการ แล้วรู้หรือไม่ว่า พิธีกรต้องท าหน้าที่อะไรบ้าง 2. ให้ผู้เรียนช่วยกันตอบว่าพิธีกรควรมีคุณสมบัติอย่างไรบ้าง ขั้นที่ ๓ Engage เร้าความสนใจ ๑.ครูให้ผู้เรียนดูคลิปวิดิโอพิธีกร(ตัวอย่าง)ความยาว 5 นาที 24 วินาที https://youtu.be/zv3ivlCz2xU ขันที่ ๔ Perform ลงมือปฏิบัติ 1. ครูให้ผู้เรียนศึกษาความรู้จากหนังสือเรียนวิชาภาษาไทย พท11001 (เรื่องคุณสมบัติของพิธีกร หน้าที่ของพิธีกร ลักษณะ การพูดที่ดี ขั้นตอนการพูดของพิธีกร) 2. ครูให้ผู้เรียนดูคลิปตัวอย่างพิธีกร แล้วให้ผู้เรียนพิจารณาแบบอย่างที่ดีหรือ ข้อบกพร่อง ความยาว3นาที 1 วินาที https://youtu.be/gS485YrKOX8
๕. use ขั้นฝึกปฏิบัติ 1. ครูให้ผู้เรียนแสดงบทบามสมมติเป็นพิธีกรในงานต่างๆโดยจับฉลาก - พิธีกรงานแต่งงาน - พิธีกรงานเลี้ยง - พิธีกรงานบวช ๖. ขั้นที่ pack 1. ครูและผู้เรียนร่วมกันสรุปสิ่งที่ได้จากการเรียนรู้ทั้งหมดในวันนี้ สื่อการเรียนรู้/แหล่งเรียนรู้ 1. แบบเรียนวิชาภาษาไทย 2. ใบความรู้ 3. ใบงานแบบฝึกหัด 4. คลิปวีดีโอ การวัดและการประเมินผล 1. ใบงานแบบฝึกหัด 2. แบบบันทึกการเรียนรู้ 3. แบบประเมินพฤติกรรม ลงชื่อ.......................................................ครูผู้สอน (........................................................) ความคิดเห็นของผู้บริหาร ..................................................................................................................................................................................... ..................................................................................................................................................................................... ..................................................................................................................................................................................... ลงชื่อ....................................................... ( นางณิชชา ค าชมภู ) ผู้อ านวยการ สกร.อ าเภอเซกา
ใบความรู้ที่ ๑ เรื่องการฟังเพื่อจับใจความ การฟังเพื่อจับใจความเป็นการฟังเพื่อจับสาระส าคัญของสารที่ได้ฟัง การฟังประเภทนี้มีประโยชน์กับนักศึกษา เพราะจะท าให้สามารถจับประเด็นส าคัญของเนื้อหาในบทเรียนได้ หลักการฟังเพื่อจับใจความส าคัญมีหลักดังต่อไปนี้ 1. ควรเข้าใจความหมายของค าหรือข้อความ เนื่องจากค าหรือข้อความที่ปรากฏใน เนื้อหานั้นอาจ ไม่ได้มีความหมายตรงตามที่ได้ยินเสมอไป ความหมายที่แท้จริงของค าหรือข้อความอาจแฝงอยู่ในสีหน้า แววตา ท่าทาง และน้ าเสียงของผู้พูด หรืออาจเป็นค าเปรียบหรือค าภาษาถิ่น ดังนั้นผู้ฟังควรหาความรู้ หากไม่ทราบจะท าให้ฟังสารที่ ได้รับมาไม่เข้าใจ ท าให้การฟังครั้งนั้นไม่สัมฤทธิ์ผล 2. สามารถบอกเนื้อหาของการฟังในครั้งนั้นๆ ได้ว่า ใคร ท าอะไร ที่ไหน เมื่อใด อย่างไร 3. พิจารณาเหตุผล เพื่อหาความเป็นไปได้ของเรื่องที่ฟังว่า เหมาะสม น่าเชื่อถือ มีคุณค่าเพียงใด ทั้งนี้ต้องอาศัยการวิเคราะห์เพื่อตัดสินใจ 4. สามารถแยกแยะข้อเท็จจริงออกจากความคิดเห็นของผู้พูด การฟังแต่ละครั้ง โดยเฉพาะการฟัง โฆษณาสินค้า การฟังข่าว หรือการฟังหาเสียงนั้น เนื้อเรื่องที่ฟังอาจมีทั้งความรู้ ข้อเท็จจริงและความคิดเห็นส่วน บุคคลของผู้พูด ผู้ฟังต้องพิจารณาว่าส่วนใดคือ ข้อเท็จจริง ส่วนใดเป็นข้อคิดเห็น 5. ควรจดบันทึกทุกครั้งเมื่อมีการฟัง โดยเฉพาะประเด็นส าคัญ เพราะผู้ฟังสามารถน าสิ่งที่จดไว้ไปใช้ ในการอ้างอิงได้ ตัวอย่างการฟังเพื่อจับใจความ ศิลาจารึก ในสมัยโบราณไม่มีกระดาษมาท าสมุดหรือหนังสืออย่างเดี๋ยวนี้ คนโบราณจึงต้องจารึกข้อความที่ต้องการจะสื่อ ความหมายลงไปบนศิลาหรือหิน เพื่อจะได้เก็บสิ่งที่เขียนไว้ให้อยู่ได้นานๆ สิ่งที่จารึกนั้นอาจจะเป็นภาพคน สัตว์ ต้นไม้ บ้านเรือนหรือลายเส้นที่บอกให้รู้เหตุการณ์ต่างๆ แทนตัวหนังสือ บางครั้งก็สลักเป็นอักษรโบราณเล่าเรื่องที่ ต้องการถ่ายทอดสู่ผู้อื่นหรือคนรุ่นหลัง เราถือว่าศิลาจารึกเป็นเอกสารโบราณอย่างหนึ่งที่คนโบราณสร้างขึ้น เพื่อถ่ายทอดเรื่องราวด้วยลายเส้นหรือ ภาพเป็นสื่อแทนค าบอกเล่า ท าให้เราได้เรียนรู้สิ่งที่เกิดขึ้นในอดีตในช่วงเวลาที่มีการจารึกศิลานั้นๆ เช่น ศิลาจารึก ของพ่อขุนรามค าแหงมหาราช ในสมัยสุโขทัยเป็นเมืองหลวง ที่ตั้งอยู่ในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เป็นต้น วิธีจารึก ก็คือ การใช้เหล็กแหลมตอกสลักให้เป็นร่องลึกลงไปในเนื้อวัตถุ เหล็กที่ใช้จารึก เรียกว่า เหล็กสกัด หรือเหล็กจารหรืออาจเป็นอย่างอื่นที่มีลักษณะแข็งและคม เนื่องจากเป็นการจารึกบนแผ่นหรือแท่งศิลา เราจึงเรียกว่า ศิลาจารึก (สารานุกรมไทยส าหรับเยาวชนเล่มที่ 16, น. 86 -87) ใจความส าคัญ คนโบราณจารึกข้อความลงบนศิลาจารึกเนื่องจากไม่มีกระดาษเพื่อจดบันทึกเหมือนปัจจุบัน โดยสิ่งที่น ามา จารึกอาจเป็นภาพหรืออักษรก็ได้ ศิลาจารึกถือเป็นเอกสารโบราณที่คนโบราณสร้างขึ้น เพื่อถ่ายทอดเรื่องราวใน ช่วงเวลาที่มีการจารึก วิธีการจารึกคือใช้เหล็กแหลม ที่เรียกว่าเหล็กสกัดหรือเหล็กจาร หรือวัตถุที่มีลักษณะแข็งและคม ชนิดอื่น ตอกสลักให้เป็นร่องลึกลงไปในเนื้อวัตถุ เนื่องจากเป็นการจารึกบนแผ่นหรือแท่งศิลา เราจึงเรียกว่า ศิลาจารึก
ใบความรู้ที่ 2 เรื่องการแยกข้อเท็จจริง ข้อคิดเห็น พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. ๒๕๒๕ (ราชบัณฑิตยสถาน ๒๕๒๕ : ๑๓๓) ให้ความหมายข้อเท็จจริง และข้อคิดเห็นไว้ว่า “ข้อเท็จจริง” หมายถึง ข้อความแห่งเหตุการณ์ที่เป็นมาหรือเป็นอยู่ตามจริง ข้อความหรือเหตุการณ์ที่จะต้อง วินิจฉัยว่าเท็จหรือจริง “ข้อคิดเห็น” หมายถึง ความเห็น ความรู้สึกนึกคิดของผู้ส่งสารที่สอดแทรกอยู่ในเนื้อหา อาจกล่าวได้ว่า ข้อเท็จจริง นั้นต้องสามารถพิสูจน์สนับสนุนยืนยันได้ √ ข้อคิดเห็น นั้นไม่สามารถสนับสนุนยืนยันได้ × ลักษณะของข้อเท็จจริง ๑. มีความเป็นไปได้ ๒. มีความสมจริง ๓. มีหลักฐานเชื่อถือได้ ๔. มีความสมเหตุสมผล ลักษณะของข้อคิดเห็น ๑. เป็นข้อความที่แสดงความรู้สึก ๒. เป็นข้อความที่แสดงการคาดคะเน ๓. เป็นข้อความที่แสดงการเปรียบเทียบหรืออุปมาอุปไมย ๔. เป็นข้อความที่เป็นเป็นข้อเสนอแนะหรือเป็นความคิดของผู้พูดและผู้เขียนเอง ตัวอย่างข้อความที่เป็นข้อเท็จจริง ๑. กตเวที หมายถึง สนองคุณท่าน (พิสูจน์ได้โดยค้นความหมายจากพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. ๒๕๒๕) ๒. ดวงตาเป็นอวัยวะที่ท าให้มองเห็น (พิสูจน์ได้ด้วยหลักวิชาการ) ๓. ทุกคนหนีไม่พ้นความตาย (พิสูจน์ได้จากประสบการณ์) ตัวอย่างข้อความที่เป็นข้อคิดเห็น ๑. การปกครองในระบอบประชาธิปไตยดีที่สุด (ไม่มีข้อวินิจฉัย) ๒. คนเรียนเก่งย่อมประสบผลส าเร็จในชีวิตเสมอ (ไม่มีข้อยืนยัน) ๓. การรับประทานแต่ผักไม่น่าจะเป็นผลดีต่อร่างกาย(ไม่มีข้อยืนยัน)
ใบความรู้ที่ 3 เรื่องมารยาทในการฟังการดู มารยาทในการฟัง การฟังในห้องเรียนอย่างสุภาพและตั้งใจจะท าให้นักศึกษามีความเข้าใจในบทเรียนและได้รับความรู้อย่างเต็ม เม็ดเต็มหน่วย การไปฟังการบรรยาย อภิปราย โต้วาที นอกสถานที่ ชมละครหรือภาพยนตร์ จะช่วยให้นักศึกษา รอบรู้และกว้างขวางยิ่งขึ้น แต่ในขณะเดียวกันหากนักศึกษาไม่มีมารยาทในการฟังแล้ว ก็จะเป็นการรบกวนสมาธิของ ผู้อื่นก่อให้เกิดความร าคาญ มารยาทในการฟัง การดู พอสรุปได้ดังนี้ ๑. นักศึกษามีความรู้และเข้าใจเกี่ยวกับมารยาทของการฟังการดูที่ดี ๒. การฟังการอภิปราย การบรรยายแล้ว นักศึกษาปรบมือ ซักถามและแสดงความคิดเห็นได้ถูกต้องตาม กาลเทศะ ๓. ในการฟังการบรรยาย เมื่อมีข้อสงสัยนักศึกษาจดบันทึกไว้ เมื่อเสร็จสิ้นการบรรยายแล้วก็สามารถยกมือ ขึ้นถามในจังหวะที่เหมาะสม การใช้ภาษา ส านวนสละสลวยแนบเนียน ท่วงท่าสุภาพเรียบร้อยไม่แสดงอาการก้าวร้าว ๔. ในการฟังเพลง ฟังดนตรี นักศึกษาสามารถควบคุมกิริยามรรยาท ไม่ส่งเสียงรบกวนผู้อื่น ไม่ลุกจากที่นั่ง ซึ่งเป็นการรบกวนสมาธิของทั้งผู้แสดงและผู้ฟัง ๕. ในการชมภาพยนตร์หรือละคร นักศึกษาสามารถนั่งชมด้วยอาการส ารวม ๖. ในขณะที่ฟังพระธรรมเทศนา หรือค าบรรยายของอนุศาสนาจารย์ นักศึกษาสามารถฟังด้วยอาการสงบ แสดงความเคารพและตั้งใจฟัง
ใบงานที่ ๑ ให้นักศึกษาแยกข้อเท็จจริงและข้อคิดเห็นจากข้อความต่อไปนี้โดยท าเครื่องหมาย √ ให้ตรงกับข้อความที่เลือก ที่ ข้อความ ข้อเท็จจริง ข้อคิดเห็น ๑ แมวไทยมีหน้าตาน่ารักและเฉลียวฉลาด ๒ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรีของประเทศไทย ๓ พระพุทธศาสนามีแหล่งก าเนิดในชมพูทวีปและได้เผยแพร่เข้ามาใน ประเทศไทยเป็นเวลานานมาแล้ว ๔ พ่อขุนรามค าแหงประดิษฐ์อักษรไทย ๕ ส านักงาน กศน.จังหวัดนครศรีธรรมราชมีบรรยากาศที่สวยงาม ๖ วันนี้อากาศครึ้มมากฝนคงจะตกหนัก ๗ พระต าหนักดอยตุงเป็นแหล่งท่องเที่ยวในจังหวัดเชียงราย ๘ การตื่นนอนแต่เช้าตรู่เป็นก าไรของชีวิต ๙ เจนนิเฟอร์ คิ้มร้องเพลงได้เพราะมาก ๑๐ แพนเค้กเป็นดาราที่สวยมาก
ใบความรู้ที่ 1 เรื่องการพูดในโอกาสต่างๆ การที่เราต้องอยู่ในสังคมร่วมกับผู้อื่น ย่อมมีโอกาสที่จะต้องพูด ยิ่งถ้าเราเติบโตขึ้น มีความเจริญก้าวหน้าใน หน้าที่การงานมากขึ้นหรือ เป็นผู้หลักผู้ใหญ่ของครอบครัวมากขึ้น ก็ยิ่งจ าเป็นที่จะต้องพูดในโอกาสต่าง ๆ เพื่อมารยาท ทางสังคม เพื่อเป็นก าลังใจแก่ผู้ฟัง หรือเพื่อเป็นเกียรติแก่งานและผู้ฟัง การรู้จักพูดให้ถูกกาลเทศะ จึงเป็นสิ่งที่ควรจะ ศึกษาไว้อย่างยิ่ง เพื่อจะได้พูดได้ถูกต้อง ไม่เก้อเขิน สอดคล้องกับบรรยากาศ ท าให้เกิดความประทับใจแก่ผู้ฟัง การพูดในโอกาสต่าง ๆ มีดังนี้ 1. การพูดอวยพร การพูดอวยพร มักใช้ควบคู่ไปกับการแสดงความยินดี หรือแสดงความปรารถนาดี เพราะถ้าจะอวยพรมักต้อง แสดงความยินดีก่อน หรือถ้าเป็นการกล่าวแสดงความยินดีโดยแท้จริงก็มักจะลงท้ายด้วยการอวยพร การอวยพรมีหลาย โอกาส เช่น ในงานมงคลสมรส งานวัด งานวันขึ้นปีใหม่ ขึ้นบ้านใหม่ ตลอดจนการอวยพรของผู้หลักผู้ใหญ่ ซึ่งมักเรียก กันว่า ค าอวยพร หมายถึงการให้ศีล ให้พร แก่ลูกหลาน ลูกศิษย์ผู้ใต้บังคับบัญชา หลักทั่วไปในการพูดให้พร ๑. ขึ้นไปพูดด้วยท่าทีร่าเริงเป็นการแสดงความยินดีไปในตัว ๒. เริ่มต้นด้วยเสียงค่อนข้างดังเล็กน้อย เป็นการเรียกความสนใจ เพราะงานชนิดนี้มักมีเสียงรบกวนมาก ข้อความตอนต้นควรเป็นใจความง่าย ๆ สั้น ๆ ๓. การด าเนินเรื่องให้เป็นไปตามความเหมาะสม เช่น – ถ้าเป็นงานวันเกิดควรกล่าวความส าคัญในวันเกิด แล้วพูดถึงคุณงามความดี และเกียรติคุณของเจ้าภาพ ตามสมควร – ถ้าเป็นงานแต่งงานควรเริ่มต้นด้วยการบอกเล่าถึงความสัมพันธ์ของท่านกับคู่สมรสฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง หรือ ทั้งสองฝ่าย ถ้าบังเอิญเกิดรู้จักดีทั้งคู่ ถ้ามีประสบการณ์มากพอให้ข้อคิดในชีวิตสมรส แล้วกล่าวแสดงความยินดีที่ทั้งสอง ฝ่ายได้สมรสกันอันจะเป็นการก่อสร้างรากฐานเป็นครอบครัวที่ดีต่อไป ๔. ลงท้ายด้วยการกล่าวค าอวยพร ขอให้มีความสุขความเจริญก้าวหน้าสืบต่อไป ๕. อาจมีการดื่มอวยพรปิดท้ายค ากล่าวอวยพรด้วยก็ได้ 2. การพูดขอบคุณ การพูดขอบคุณ ใช้โอกาสที่มีผู้อื่นได้ช่วยเหลือหรือมีบุญคุณแก่เรา ถือว่าเป็นมารยาทที่จะต้องแสดงความยินดี และกล่าวขอบคุณในน้ าใจของเขา คือ เป็นการแสดงออกถึงการรู้คุณผู้อื่น เป็นวัฒนธรรมที่ดีงามที่ควรรักษาไว้อย่างยิ่ง หลักการกล่าวขอบคุณมีดังนี้ ๑. กล่าวปฏิสันถารบุคคลหรือคณะบุคคลที่จะได้รับการขอบคุณ ๒. ขณะกล่าวขอบคุณ ต้องมองไปที่ผู้ได้รับการขอบคุณ ๓. แสดงความรู้สึกที่ได้รับเกียรติหรือได้รับมอบหมาย ให้เป็นผู้กล่าวขอบคุณในนามของผู้ฟังหรือองค์กร ๔. กล่าว เน้นถึงความประทับใจที่ได้รับฟัง เช่น การบรรยาย การอภิปราย การแสดงที่ให้สาระความรู้อันเป็น ประโยชน์หรือเป็นการแสดงที่ตื่นเต้นเร้าใจ ๕. กล่าวขอบคุณ ในนามของผู้จัด ผู้ฟัง หวังว่า จะได้รับเกียรติจากท่านอีก ส าหรับวันนี้พวกเราขอขอบคุณ และขอเชิญรับของที่ระลึก (ถ้ามี) ปรบมือ
ข้อสังเกต การใช้ค าขอบคุณ ต้องใช้ให้เหมาะสมกับบุคคล ดังนี้ ขอบใจ ใช้กับผู้ที่มีอายุน้อยกว่า ขอบคุณ ใช้กับผู้ที่มีอายะมากกว่า หรือ ระดับเดียวกัน ขอบพระคุณ ใช้กับผู้ที่มีอายุมากกว่าและผู้เคารพนับถือ กราบขอบพระคุณ ใช้กับผู้ที่มีพระคุณต่อผู้พูดมากๆ เช่น พ่อแม่ ปู่ ย่า ตา ยาย ครู อาจารย์ ตัวอย่างการกล่าวขอบคุณ ๑. พี่ขอขอบใจน้องมากที่ช่วยซื้อของให้ ๒. ดิฉันขอขอบคุณคุณมาลีที่ส่งลูกที่บ้านวันนี้ค่ะ ๓. หลานขอกราบขอบพระคุณคุณตาที่ให้เงินหลานค่ะ ตัวอย่างการกล่าวขอบคุณผู้ที่มีอาวุโสกว่า เรียน ท่านผู้ใหญ่บ้านที่เคารพ ผมรู้สึกซาบซึ้งในความกรุณาของท่านผู้ใหญ่บ้านเป็นอย่างยิ่ง ที่ได้มอบรางวัล จ านวน ๑๐๐ ชุด ในวันเด็ก แก่นักเรียนโรงเรียนมัธยมวัดสิงห์ นับเป็นบุญกุศลอันดียิ่งที่เด็กๆ จะได้รับความสุข สนุกสนานในการแข่งขันกีฬาในวัน เด็กแห่งชาติ ในปีนี้ผม และเด็กๆ มีความยินดีในเมตตาจิตของท่านผู้ใหญ่บ้านเป็นอย่างมาก จึงขอกราบขอบพระคุณ ครับ (พูดจบพร้อมกับยกมือไว้) 3. การพูดแสดงความยินดี ในบางโอกาสผู้ที่เราพบปะหรือคุ้นเคยอาจจะประสบโชคดี มีความสมหวังหรือมีความเจริญก้าวหน้าในชีวิต และการงาน เราควรจะต้องพูดแสดงความยินดี เพื่อร่วมชื่นชมในความส าเร็จนั้น หลักการพูดแสดงความยินดี ๑. ใช้ค าพูดให้ถูกต้องเหมาะสม ๒. ใช้น้ าเสียง ท่าทาง สุภาพ นุ่มนวล ใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส ๓. พูดช้า ๆ ชัดถ้อยชัดค า พูดสั้น ๆ ให้ได้ใจความและประทับใจ 4. การพูดแสดงความเสียใจ ในบางโอกาสญาติพี่น้องหรือคนที่เรารู้จักประสบเคราะห์กรรมผิดหวัง เจ็บป่วย หรือเสียชีวิต เป็นมารยาทที่ดี ที่เราควรพูดปลอบใจให้ก าลังใจแก่ผู้ประสบเคราะห์กรรมเหล่านั้น หรือพูดปลอบใจแก่ญาติพี่น้องของผู้เคราะห์ร้ายนั้น เพื่อให้เขาเกิดก าลังใจต่อไป หลักการพูดแสดงความเสียใจ ๑. พูดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้เป็นเรื่องปกติ ๒. แสดงความรู้สึกห่วงใยร่วมสุขร่วมทุกข์ด้วย ๓. พูดด้วยน้ าเสียงแสดงความเศร้าสลดใจ ๔. พูดด้วยวาจาที่สุภาพ ๕. ให้ก าลังใจและยินดีที่จะช่วย
5. การพูดต้อนรับ การกล่าวต้อนรับจะใช้ในกรณีที่มีบุคคลส าคัญหรือคณะบุคคลมาประชุม เยี่ยมชมกิจการหรือใช้กับผู้ร่วมงาน ใหม่ๆ เป็นการกล่าวต้อนรับเพื่อแสดงความปรารถนาดีและท าให้ผู้มาเยือนเกิดความรู้สึกอบอุ่นใจ ไม่ควรพูดยาวนัก และต้องมีการเตรียมล่วงหน้ามาเป็นอย่างดี โดยมีหลักเกณฑ์ ดังนี้ ๑. กล่าวแสดงความยินดีแก่ผู้มาเยือน ๒. กล่าวสรรเสริญหรือยกย่องผู้มาเยือน เช่นเป็นใคร มีผลงานดีเด่นอะไรมีความสัมพันธ์อย่างไรกับผู้ต้อนรับ โดยอธิบายหน่วยงานหรืองานอย่างย่อๆ ๓. แสดงความยินดีที่ได้มีโอกาสให้การต้อนรับในครั้งนี้ ควรกล่าวเพียงสั้นๆ ย้ าการต้อนรับอีกครั้งหนึ่ง ๔. ขออภัยหากมีสิ่งใดบกพร่องไป และหวังว่าผู้มาเยือนจะกลับมาเยือนอีก 6. การพูดรายงาน การพูดรายงานเรื่องหรือประเด็นที่ศึกษาค้นคว้าจากการฟัง การดู และการสนทนา เป็นวิธีการที่เหมาะสม ส าหรับแลกเปลี่ยนความรู้ การพูดรายงานอาจพูดเพื่อน าเสนอทฤษฎี น าเสนอวิธีการ น าเสนอเรื่องราวต่างๆ หลักการพูดรายงาน ๑. เริ่มพูดรายงานด้วยการกล่าวน า เช่นผู้ร่วมงาน จุดประสงค์แหล่งข้อมูล ๒. ในขณะเริ่มรายงานควรพูดให้ชัดเจน ออกเสียงถูกต้อง เสียงดังพอประมาณ น้ าเสียงนุ่มนวลน่าฟัง ๓. รายงานเรื่องตามล าดับเนื้อหา ล าดับขั้นตอน หรือล าดับเหตุการณ์ให้ถูกต้องและต่อเนื่องสัมพันธ์กัน ๔. มีบุคลิกภาพที่ดี ยืนหรือนั่งอย่างส ารวม ๕. พูดตามที่ก าหนด ไม่พูดยืดเยื้อวกวน ๖. เมื่อพูดรายงานจบ ควรเปิดโอกาสให้ผู้ฟังซักถามหรือแสดงความคิดเห็น ๗. กล่าวขอบคุณเมื่อได้รับค าชมเชย หรือข้อคิดเห็นเรื่องต่างๆ
ใบความรู้ที่ ๑ การอ่านออกเสียงบทร้อยแก้ว ร้อยแก้ว หมายถึง ถ้อยค าที่เรียบเรียงขึ้นเป็นความเรียงเพื่อสื่อความหมายและอธิบายให้เกิดความเข้าใจ หลักการอ่านร้อยแก้ว มีดังนี้ 1. ศึกษาค าอ่านและความหมายของค าศัพท์ยากในบทอ่านให้เข้าใจก่อนอ่าน 2. ฝึกอ่านออกเสียงค าให้คล่อง ชัดเจน โดยเฉพาะค าที่มีร ล และค าควบกล้ า อ่านถูกต้องตามอักขรวิธี เช่น ค า ประสม ค าควบกล้ า อักษรน า ค าพ้อง ค าที่มี รร ( ร หัน) ฯลฯ และแบ่งวรรคตอนให้ถูกต้อง เหมาะสม ไม่อ่าน ตะกุกตะกัก โดยพยายามกวาดสายตาล่วงหน้าไปก่อนและออกเสียงตามหลัง 3. ท่าทางในการอ่านถูกต้อง เช่น การจับหนังสือ ระยะที่หนังสือห่างจากสายตา ท่ายืน การมองผู้ฟัง 4. เข้าใจความหมายของข้อความที่อ่านโดยจับใจความส าคัญ อธิบายรายละเอียด หรือแสดงความคิดเห็น เกี่ยวกับข้อความที่อ่าน 5. อ่านเสียงดังพอสมควรไม่ตะโกน น้ าเสียงต้องได้อารมณ์และความรู้สึกตามใจความของเรื่อง เช่น - อ่านข้อความเชิงบรรยาย ควรใช้เสียงธรรมดาหรือเสียงพูด เว้นวรรคตอนได้ถูกต้อง เน้นค าบางค า และบางตอนให้หนักแน่น - อ่านข้อความเชิงพรรณนา ควรใช้เสียงธรรมดาเหมือนเสียงพูด แต่ปรับน้ าเสียงให้นุ่มนวล อ่อนโยนให้ สอดคล้องกับคาวมงดงามทางธรรมชาติ - อ่าข้อความเชิงอธิบาย ควรใช้เสียงธรรมดา เว้นจังหวะเป็นข้อๆ เน้นจังหวะการท าความเข้าใจ ขั้นตอนต่างๆ ตัวอย่างบทร้อยแก้ว วันศุกร์ที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2553 เวลา 17.30 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จออก ณ ห้องประชุมชั้น 14 อาคารเฉลิมพระเกียรติ โรงพยาบาลศิริราช พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้ นายสุเมธ ตันติเวชกุล ประธานกรรมการกิตติมศักดิ์ สถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ าและการเกษตร น าคณะผู้บริหารสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ าและการเกษตร กระทรวงวิทยาศาสตร์ เฝ้าฯ กราบบังคมทูล รายงานสรุปสถานการณ์น้ าประเทศไทยปี 2552 และเดือนมกราคม-มิถุนายน ปี 2553 การเปลี่ยนแปลง ภูมิอากาศการคาดการสภาพอากาศประเทศไทย ปี 2553 การปรับปรุงสถานีโทรมาตรตรวจวัดสภาพ อากาศอัตโนมัติและระบบโทรมาตรเพื่อสนับสนุนการจัดการปัญหาภัยแล้ง และผลการประกวดการจัดการ ทรัพยากรน้ าชุมชนตามแนวพระราชด าริ ครั้งที่ 3 กับรับพระราชทานพระราชด าริเกี่ยวกับการด าเนินงาน ของสถาบันฯ (ส านักพระราชวัง) (ที่มา : http://www.brh.thaigov.net/new-site/news/show.php?id_news=75)
ใบความรู้ที่ 2 การอ่านออกเสียงบทร้อยกรอง บทร้อยกรอง หมายถึงถ้อยค าที่เรียบเรียงให้เป็นระเบียบตามบัญญัติแห่งฉันทลักษณ์โดยมีก าหนดข้อบังคับต่างๆ เพื่อให้เกิดความครึกครื้น และมีความไพเราะแตกต่างไปจากถ้อยค าธรรมดา ในการอ่านบทร้อยกรองนั้น เราเรียกว่า “การอ่านท านองเสนาะ” ความหมายของ “การอ่านท านองเสนาะ” การอ่านท านองเสนาะคือ วิธีการอ่านออกเสียงอย่างไพเราะตามลีลาของบทร้อยกรองประเภท โคลง ฉันท์ กาพย์ กลอน (พจนานุกกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.๒๕๔๒ หน้า ๕๒๘) หลักการอ่านท านองเสนาะ มีดังนี้ ๑. ก่อนอ่านท านองเสนาะให้แบ่งค าแบ่งวรรคให้ถูกต้องตามหลักค าประพันธ์เสียก่อนโดยต้องระวังในเรื่อง ความหมายของค าด้วย เพราะค าบางค าอ่านแยกค ากันไม่ได้ เช่น “สร้อยคอขนมยุระ ยูงงาม” (ขน-มยุระ , ขนม-ยุระ) “หวนห่วงม่วงหมอนทอง อีกอกร่องรสโอชา (อีก-อก-ร่อง , อี-กอ-กร่อง) “ดุเหว่าจับเต่าร้างร้อง เหมือนจากห้องมาหยารัศมี” (จับ-เต่า-ร้าง , จับ-เต่า ) “แรงเหมือนมดอดเหมือนกา กล้าเหมือนหญิง” (เหมือน-มด , เหมือน-มด-อด ) ๒. อ่านออกเสียงตามธรรมดาให้คล่องก่อน ๓. อ่านให้ชัดเจน โดยเฉพาะออกเสียง ร ล และค าควบกล้ าให้ถูกต้อง เช่น “เกิดเป็นชายชาตรีอย่าขี้ขลาด บรรยากาศปลอดโปร่งโล่งสมอง หยิบน้ าปลาตราสับปะรดให้ทดลอง ไหนเล่าน้องครีมนวดหน้าทาให้ที เนื้อนั้นมีโปรตีนกินเข้าไว้ คนเคราะห์ร้ายคลุ้มคลั่งเรื่องหนังผี ใช้น้ าคลองกรองเสียก่อนจึงจะดี เห็นมาลีคลี่บานหน้าบ้านเอย” ๔. อ่านให้เอื้อสัมผัส เรียกว่า ค าแปรเสียง เพื่อให้เกิดเสียงสัมผัสที่ไพเราะ เช่น พระสมุทรสุดลึกล้น คณนา ( อ่านว่า พระ-สะ-หมุด-สุด-ลึก-ล้น คน-นะ-นา ) ข้าขอเคารพอภิวาท ในพระบาทบพิตรอดิสร ( อ่านว่า ข้า-ขอ-เคา-รบ-อบ-พิ-วาด ใน-พระ-บาด-บอ-พิด-อะ-ดิด-สอน )
ขอสมหวังตั้งประโยชน์โพธิญาณ ( อ่านว่า ขอ-สม-หวัง-ตั้ง-ประ-โหยด-โพด-ทิ-ยาน ) ๕. ระวัง 3 ต อย่าให้ตกหล่น อย่าต่อเติม และอย่าตู่ตัว 6. อ่านให้ถูกจังหวะ ค าประพันธ์แต่ละประเภทมีจังหวะแตกต่างกัน ต้องอ่านให้ถูกวรรคตอนตามแบบแผนของค า ประพันธ์นั้นๆ เช่น มุทิงคนาฉันท์ ( 2-2-3 ) “ป๊ะโทน / ป๊ะโทน / ป๊ะโท่นโท่น บุรุษ / สิโอน / สะเอวไหว อนงค์ / น าเคลื่อน / เขยื้อนไป สะบัด / สไบ / วิไลตา ๗. อ่านให้ถูกท านองของค าประพันธ์นั้นๆ ( รสท านอง ) ๘. ผู้อ่านต้องใส่อารมณ์ตามรสความของบทประพันธ์นั้นๆ รสรัก โศก ตื่นเต้น ขบขัน โกรธ แล้วใส่น้ าเสียงให้ สอดคล้องกับรสหรืออารมณ์ต่างๆ เหล่านั้น ๙. อ่านให้เสียงดัง ( พอที่จะได้ยินกันทั่วถึง ) ไม่ใช่ตะโกน ๑0. เวลาอ่านอย่าให้เสียงขาดเป็นช่วง ๆ ต้องให้เสียงติดต่อกันตลอด เช่น “วันจันทร์ มีดารากร เป็นบริวาร เห็น สิ้นฟ้า ในป่าท่าธาร มาลีคลี่บาน ในก้านอรชร” เวลาจบให้ทอดเสียงช้าๆ กาพย์เห่เรือชมเครื่องคาวหวาน มัสมั่นแกงแก้วตา หอมยี่หร่ารสร้อนแรง ชายใดได้กลืนแกง แรงอยากให้ใฝ่ฝันหา ย าใหญ่ใส่สารพัด วางจานจัดหลายเหลือตรา รสดีด้วยน้ าปลา ญี่ปุ่นล้ าย้ ายวนใจ ตับเหล็กลวกหล่อนต้ม เจือน้ าส้มโรยพริกไทย โอชาจะหาไหน ไม่มีเทียบเปรียบมือนาง หมูแนมแหลมเลิศรส พร้อมพริกสดใบทองหลาง พิศห่อเห็นรางชาง ห่างห่อหวนป่วนใจโหย ก้อยกุ้งปรุงประทิ่น วางถึงลิ้นดิ้นแดโดย รสทิพย์หยิบมาโปรย ฤๅจะเปรียบเทียบทันขวัญ เทโพพื้นเนื้อท้อง เป็นมันย่องล่องลอยมัน น่าซดรสครามครัน ของสวรรค์เสวยรมย์ ความรักยักเปลี่ยนท่า ท าน้ ายาอย่างแกงขม กลอ่อมกล่อมเกลี้ยงกลม ชมไม่วายคล้ายคล้ายเห็น
ข้าวหุงปรุงอย่างเทศ รสพิเศษใส่ลูกเอ็น ใครหุงปรุงไม่เป็น เช่นเชิงมิตรประดิษฐ์ท า เหลือรู้หมูป่าต้ม แกงคั่วส้มใส่ระก า รอยแจ้งแห่งความข า ช้ าทรวงเศร้าเจ้าตรากตรอม ช้าช้าพล่าเนื้อสด ฟุ้งปรากฏรสหื่นหอม คิดความยามถนอม สนิทเนื้อเจือเสาวคนธ์ ล่าเตียงคิดเตียงน้อง นอนเตียงทองท าเมืองบน ลดหลั่นชั้นชอบกล ยลอยากนิทรคิดแนบนอน เห็นหรุ่มรุมทรวงเศร้า รุ่มรุ่มเร้าคือไฟฟอน เจ็บไกลในอาวรณ์ ร้อนรุมรุ่มกลุ้มกลางทรวง รังนกนึ่งน่าซด โอชารสกว่าทั้งปวง นกพรากจากรังรวง เหมือนเรียมร้างห่างห้องหวน ไตปลาเสแสร้งว่า ดุจวาจากระบิดกระบวน ใบโศกบอกโศกครวญ ให้พี่เคร่าเจ้าดวงใจ ผักโฉมชื่อเพราะพร้อง เป็นโฉมน้องฤๅโฉมไหน ผักหวานซ่านทรวงใน ใคร่ครวญรักผักหวานนาง ๚
ใบความรู้ที่ 3 เรื่องมารยาทในการอ่าน มารยาทในการอ่าน การอ่านเป็นการรับข้อมูลข่าวสาร โดยการใช้สายตาอ่านตัวหนังสือจากแหล่งข้อมูลต่างๆ มารยาทในการอ่าน - มีสมาธิในการอ่าน อ่านอย่างตั้งใจ - อ่านในใจ ไม่อ่านเสียงดังรบกวนผู้อื่น - นั่งอ่านในท่าทางสบาย ตัวตรง สุภาพ - หยิบจับหนังสืออย่างเบามือ - ไม่ใช้ดินสอ ปากกา หรือสีต่างๆ ขีดเขียนสิ่งใดลงในหนังสือ - ไม่พับหน้าต่างๆ ของหนังสือ - ไม่ควรกางหนังสือคว่ าลง - ไม่ฉีกส่วนใดส่วนหนึ่งของหนังสือ - ไม่เล่นกันขณะอ่านหนังสือ - ไม่แย่งหนังสือของผู้อื่นมาอ่าน - ไม่ทานขนมหรืออาหารขณะอ่านหนังสือเพราะอาจท าให้หนังสือเปรอะเปื้อนได้ - ไม่ท ากิจกรรมอื่นๆ ระหว่างอ่านหนังสือ เพราะจะท าให้อ่านหนังสือได้ไม่เต็มที่ เช่น การฟังเพลง ดูโทรทัศน์ เป็นต้น - ไม่อ่านเอกสารหรือข้อความของผู้อื่นโดยไม่ได้รับอนุญาต - เมื่ออ่านหนังสือเสร็จควรเก็บไว้ให้เป็นที่เป็นทาง - วางหนังสืออย่างระมัดระวัง เช่น วางในที่แห้งและสะอาด - อ่านหนังสือให้ถูกที่ถูกเวลา
ใบงานที่ 1 ให้ผู้เรียนเลือกอ่านหนังสือที่ตนเองสนใจและสรุปใจความส าคัญที่อ่าน โดยเขียนลงในกระดาษใบงาน ............................................................................................................................. .................................................................. .............................................................................................................................................................................................. . ............................................................................................................................. .................................................................. ............................................................................................................................. .................................................................. ................................................................................................................................ ............................................................... ............................................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. .................................................................. ............................................................................................................................. .................................................................. ................................................................................................................................... ............................................................ ............................................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. .................................................................. ............................................................................................................................. .................................................................. ...................................................................................................................................... ......................................................... ............................................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. .................................................................. ............................................................................................................................. .................................................................. ......................................................................................................................................... ...................................................... ............................................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. .................................................................. ............................................................................................................................. .................................................................. ............................................................................................................................................ ................................................... ............................................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. .................................................................. ............................................................................................................................. .................................................................. ............................................................................................................................................... ................................................ ............................................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. .................................................................. ............................................................................................................................. ..................................................................
ใบงานที่ ๑ ค าชี้แจง ให้ผู้เรียนเขียนค ำตำมค ำบอก จ ำนวน 20 ค ำ 1. กงสุล 2. กฐิน 3. ขโมย 4. ไข่มุก 5. คลินิก 6. เค้ก 7. งบดุล 8. จระเข้ 9. จักสำน 10. โจทก์ 11. ฉบับ 12. ชำนชำลำ 13. ซำลำเปำ 14. เซ็นชื่อ 15. ญำติ 16. ดอกจัน 17. ด ำริ 18. ทแยง 19. ธนำณัติ 20. บรรทัด
ใบงานที่ ๒ ค าชี้แจง ให้นักศึกษำ เขียนประวัติส่วนตัวดังต่อไปนี้ ประวัติส่วนตัว ชื่อ-นามสกุล ....................................................................... วัน เดือน ปี เกิด ........................... ....... อายุ ................. ปี เลขประจ าตัวประชาชน ศาสนา ............................................................... สัญชาติ .......................... ส่วนสูง.......................... ซ.ม. น าหนัก ...................... ก.ก. อาชีพ .......................................... ความสามารถพิเศษ ............................................................... รายได้ต่อเดือน ................................. บาท ชื่อ-นามสกุลบิดา .................................................................................... อาชีพ ............................................................. ชื่อ-นามสกุลมารดา ................................................................................... อาชีพ ...................... ..................................... ชื่-นามสกุลคู่สมรส (ถ้ามี) ............................................................................. อาชีพ .................. ...................................... ที่อยู่ปัจจุบัน สามารถติดต่อได้สะดวก บ้านเลขที่ .................................... หมู่ที่ .................. ซอย ................................... ถนน ............................................ ต าบล/แขวง ................................................ อ าเภอ/เขต ....... .................................... จังหวัด ................................................ รหัสไปรษณีย์ .......................... หมายเลขโทรศัพท์ ............................................. เพื่อนสนิท หรือ บุคคลที่สามารถติดต่อได้ในกรณีฉุกเฉิน ชื่อ-นามสกุล .......................................................................................... หมายเลขโทรศัพท์ .............................................
ใบงานที่ 3 ค าชี้แจง 1. ให้ผู้เรียนเขียนบันทึกประจ ำวันที่ผ่ำนมำตั้งแต่ตื่นนอนถึงเข้ำนอน บันทึกประจ ำวัน วัน......................ที่...........เดือน.....................พ.ศ..................... ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 2. ให้ผู้เรียนเขียนเล่ำเรื่องเหตุกำรณ์ประทับใจ เรื่อง............................................... ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
ใบงานที่ 4 ค าชี้แจง ให้ผู้เรียนเขียนเรียงควำม เรียงควำมเรื่อง............................................................ ค ำน ำ......................................................................................................................... ........................................................... ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… เนื้อเรื่อง……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… สรุป…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
ใบงานที่ 5 ค าชี้แจง ให้ผู้เรียนเขียนเรียงควำม เรื่องควำมรักของแม่ ............................................................................................................................. .................................................................. .............................................................................................................................................................................................. . ............................................................................................................................. .................................................................. ............................................................................................................................. .................................................................. ................................................................................................................................ ............................................................... ............................................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. .................................................................. ............................................................................................................................. .................................................................. ................................................................................................................................... ............................................................ ............................................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. .................................................................. ............................................................................................................................. .................................................................. ...................................................................................................................................... ......................................................... ............................................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. .................................................................. ............................................................................................................................. .................................................................. ......................................................................................................................................... ...................................................... ............................................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. .................................................................. ............................................................................................................................. .................................................................. ............................................................................................................................................ ................................................... ............................................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. .................................................................. ............................................................................................................................. .................................................................. ............................................................................................................................................... ................................................ ............................................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. .................................................................. ............................................................................................................................. .................................................................. .................................................................................................................................................. ............................................. ............................................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. .................................................................. ............................................................................................................................. ..................................................................
ใบงานที่ 6 ค าชี้แจง ให้นักเรียนเขียนย่อควำมจำกเรื่องที่ก ำหนดให้ ด้วยตัวบรรจงครึ่งบรรทัด ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ย่านาง มีคนแนะน ำให้รับประทำนสมุนไพรย่ำนำง อยำกรู้ว่ำย่ำนำงเป็นพืชประเภทไหน มีสรรพคุณอะไรบ้ำง ระยะ หลังนี้ย่ำนำงเป็นสมุนไพรที่ได้รับกำรกล่ำวถึงกันมำกด้วยสรรพคุณว่ำรักษำได้หลำยโรค ย่ำนำงเป็นไม้เถำเลื้อย สีเขียว รำกมีหัวอยู่ใต้ดิน มีใบมันสีเขียวเข้ม ภำคกลำงจึงเรียกว่ำเถำย่ำนำง หรือเถำวัลย์เขียวมีถิ่นก ำเนิดในเอเชียตะวันออก เฉียงใต้บ้ำนเรำนี่เอง คนอีสำนให้สมญำย่ำนำงว่ำ “หมื่นปีบ่เฒ่ำ” หรือหมื่นปีไม่แก่ นิยมคั้นน้ ำจำกใบย่ำนำงไปปรุง อำหำร เช่น แกงหน่อไม้ แกงเห็ด ต้มเปอะ แกงขี้เหล็ก ฯลฯ เช่นเดียวกับคนเหนือที่คั้นเอำน้ ำจำกใบย่ำนำง มำใส่แกง พื้นเมือง สรรพคุณทำงสมุนไพรตำมต ำรับยำไทย ถือว่ำย่ำนำงมีฤทธิ์เย็น หรือเป็นยำเย็น ใบและรำกย่ำนำงใช้ท ำยำแก้ไข้ ถอนพิษ รำกใช้แก้ไข้หัดอีสุกอีใส ไข้รำกสำด แก้เมำ แก้ท้องผูก บ ำรุงหัวใจ ย่ำนำงทั้งต้นใช้ดับพิษร้อน แก้ไข้กลับ แก้ปวดท้อง ถอนพิษจำกกำรกินของมีพิษ เช่น เห็ด ส่วนงำนวิจัยทดลองสมัยใหม่ พบว่ำรำกย่ำนำงมีฤทธิ์ยับยั้ง เชื้อมำลำเรีย ใบย่ำนำงมีธำตุเหล็ก และวิตำมินซีสูงมำก รวมทั้งยังมีเส้นใยอำหำร แคลเซียม เบตำแคโรทีน และวิตำมินเอสูงด้วย ที่นิยมกันขณะนี้คือ กำรดื่มน้ ำคั้นจำกใบย่ำนำงสด เพรำะเชื่อว่ำด้วยฤทธิ์เย็นของย่ำนำงสำมำรถรักษำโรค ของคนสมัยใหม่ซึ่งมีควำมเคร่งเครียด สิ่งแวดล้อมรอบตัวเต็มไปด้วยมลพิษ ท ำให้ร่ำงกำยเสียสมดุล เพรำะมีภำวะร้อนเกิน แม้เรื่องนี้จะยังไม่มีงำนวิจัยรับรองเป็นทำงกำร แต่เฉพำะวิตำมินกับแร่ธำตุในใบย่ำนำง น้ ำย่ำนำงก็มีประโยชน์ต่อ ร่ำงกำยไม่น้อยเลยทีเดียว แถมต้นย่ำนำงยังปลูกง่ำย หลำยคนจึงปลูกย่ำนำงไว้คั้นรับประทำนเองที่บ้ำน โดยไม่ต้องเสีย เงินซื้อหำเลย สุวัฒน์ อัศวไชยชำญ และ สุชำดำ ลิมป์ หนังสือ ๑๐๘ ซองค ำถำม พ.ศ. ๒๕๕๗ เล่ม ๑๒ หน้ำที่ ๓๔ - ๓๕
บัตรค ำภำษำถิ่น 4 ภูมิภำค ภำษำกลำง ภำษำเหนือ ภำษำอีสำน ภำษำใต้ พูด มะละกอ อร่อย สับปะรด ผม/ฉัน อู้ บะก้วยเต้ด ล ำ มะขะนัด เฮำ/ข้ำเจ้ำ เว่ำ หมำกหุ่ง แซบ หมำกนัด ข่อย แหลง ลอกอ หรอย ย่ำหนัด ฉำน บัตรค ำภำษำต่ำงประเทศ ตงฉิน ฮ่องเต้ เต้ำหู้ ก็ก เซียน โชว์ แชมป์ ฟิต แท็กซี่ คลินิก
ใบงำนที่ ๑ กำรอ่ำนออกเสียงร้อยแก้ว ในที่สุด เสียงทุกอย่างก็หมดไปคงเหลือแต่เสียงลมเสียงฝน และเสียงกระแสน ้ากระทบผ่านต้นอ้อ ต้นแขม และรากล้าพูที่ ริมตลิ่งธรรมชาติยังคงส้าแดงอ้านาจอันมหึมาโดยปราศจากการรบกวนจากมนุษย์เช้าวันต่อมา พระอาทิตย์ทอแสงอัน แจ่มใสเมื่อรุ่งอรุณน ้าฝนติดอยู่ตามใบไม้กอหญ้าต้องแสงอาทิตย์เป็นประกาย เมฆฝนที่ทะมึนอยู่เมื่อกลางคืน คงเหลือใน สภาพเหมือนปุยนุ่นเล็กๆ ที่ถูกลมพัดปลิวไปติดขอบฟ้า นกยางฝูงหนึ่ง บินผ่านท้องน ้า ตรงคุ้งส้าเภาไปอย่างเชื่องช้า มุ่ง หน้าไปหากันกลางทุ่ง ธรรมชาติลืมโทสะที่บังเกิดเมื่อตอนกลางคืนนั นแล้วสิ น และเรื่มวันใหม่ด้วยอาการอันแจ่มใส / เหมือนกับเด็ก / ที่ยิ มเบิกบานทั งน ้าตา (หลายชีวิต โดย ม.ร.ว.คึกฤทธ์ิ ปราโมช ฉบับพิมพ์ พ.ศ. ๒๕๑๓ หน้า ๓) เฉลย ในที่สุด / เสียงทุกอย่างก็หมดไป / คงเหลือแต่เสียงลม / เสียงฝน / และเสียงกระแสน ้ากระทบผ่านต้นอ้อ / ต้นแขม / และรากล้าพูที่ริมตลิ่ง / ธรรมชาติยังคงส้าแดงอ้านาจอันมหึมา / โดยปราศจากการรบกวนจากมนุษย์ เช้าวันต่อมา / พระอาทิตย์ / ทอแสงอันแจ่มใสเมื่อรุ่งอรุณ / น ้าฝนติดอยู่ตามใบไม้ / กอหญ้า / ต้องแสงอาทิตย์เป็น ประกาย/ เมฆฝนที่ทะมึนอยู่เมื่อกลางคืน / คงเหลือในสภาพเหมือนปุยนุ่นเล็กๆ / ที่ถูกลมพัดปลิวไปติดขอบฟ้า / นกยาง ฝูงหนึ่ง / บินผ่านท้องน ้า / ตรงคุ้งส้าเภาไปอย่างเชื่องช้า / มุ่งหน้าไปหากันกลางทุ่ง / ธรรมชาติลืมโทสะ / ที่บังเกิดเมื่อ ตอนกลางคืนนั นแล้วสิ น / และเรื่มวันใหม่ด้วยอาการอันแจ่มใส / เหมือนกับเด็ก / ที่ยิ มเบิกบานทั งน ้าตา (หลายชีวิต โดย ม.ร.ว.คึกฤทธ์ิ ปราโมช ฉบับพิมพ์ พ.ศ. ๒๕๑๓ หน้า ๓) การอ่านบทร้อยกรอง สักวาหวานอื่นมีหมื่นแสน ไม่เหมือนแม้นพจมานที่หวานหอม กลิ่นประเทียบเปรียบดวงพวงพะยอม อาจจะน้อมจิตโน้มด้วยโลมลม แม้นล้อลามหยามหยาบไม่ปลาบปลื ม ดังดูดดื่มบอระเพ็ดต้องเข็ดขม ผู้ดีไพร่ไม่ประกอบชอบอารมณ์ ใครฟังลมเมินหน้าระอาเอย ( พระเจ้ำบรมวงศ์เธอกรมหลวงบดินทร์ไพศำลโสภณ )
ใบงานที่ ๒ เรื่อง หลักกำรอ่ำนในใจ ค ำชี้แจง ให้นักศึกษา กศน. เรียนรู้จากใบความรู้ หรือศึกษาเรียนรู้เพิ่มเติมจากแหล่งเรียนรู้อื่นที่สนใจ และตอบค้าถาม ในใบงานดังต่อไปนี 1.ให้นักศึกษาวิเคราะห์ถึงสาเหตุและความจ้าเป็นในการศึกษาเรื่อง “หลักการอ่านในใจ” ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 2. การอ่านในใจมีประโยชน์กับนักศึกษาอย่างไรบ้าง ให้อธิบายมาพอสังเขป ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
ใบงำนที่ ๓ อ่ำนวิเครำะห์วิจำรณ์ อ่ำนบทควำมตอไปนี้ ความกตญั กูตเวที ความกตัญ ูกตเวทีเปนเครื่องหมายของคนดี“ตนไมที่ไดรับการดูแล ใหน้ําใหปุยไปบ้ารุงล้าตนจน เสร็จสมบูรณ เมื่อถึงเวลาไมยอมออกดอกออกผล ก็ตองโคนทิ ง คนที่ไดรับการเลี ยงดูจนเติบใหญแตไมยอมตอบ แทนคุณพอแม ก็เปนคนหนักแผนดิน ทองค้าแทหรือไมโดนไฟก็รู คนดีแทหรือไมใหดูตรงที่ เลี ยงพอแม ถาดีจริง ตองเลี ยงพอแม ถาไมเลี ยงแสดงวาดีไมจริง เปนพวก ทองชุบ ทองเก” www.Kalyanamitra.org/th/artic .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... อ่ำนบทควำมตอไปนี้ ความสัตยซื่อถือวาเปนคุณสมบัติของผูเจริญแลว ฉะนั นผูมีความสัตยซื่อจะเปน บุคคลที่มีความสุข มีความมั่นคง แม อาจจะไมมั่งคั่ง เขาไมเพียงท้าใหตนมีความสุข เขาท้าใหคนรอบตัวเขามีความสุขดวย เขาไมขาดเพื่อนแทตลอดชีวิตแน นอน คนซื่อกิน ไมหมด คนคดกินไมนาน ถึงแมวา คนซื่อก้าลังลดนอยถอยลงไป แตผมเชื่อวาคุณเปน คนหนึ่งที่ เพิ่มขึ น www.romyenchurch.org/mess .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... ....................................................................................................................................................................................
แบบทดสอบ 1)การอ่านข้อใดต่างจากข้ออื่น ก.การอ่านข่าว ข.การอ่านนิทาน ค.การอ่านบทโฆษณา ง.การปรับอารมณ์ให้สัมพันธ์กับสาร 2)ข้อใด ไม่ใช่ปัจจัยพื นฐานส้าคัญในการอ่านออกเสียง ก.การใช้สายตา ข.การใช้นิ วมือ ค.การใช้เสียง ง. การปรับอารมณ์ให้สัมพันธ์กับสาร 3)ค้าในข้อใดที่อ่านออกเสียงได้ถูกต้องทุกค้า ก.อนุสาวรีย์ อ่านว่า อะ-นุ-สาว-วะ-รี อรหันต์ อ่านว่า อะ-ระ-หัน ข.มลพิษ อ่านว่า มน-ละ-พิด มนัสวี อ่านว่า มะ-นัด-สะ-หวี ค.ภารต อ่านว่า พา-รด ภาสกร อ่านว่า พา-สะ-กอน ง.ทิฐิ อ่านว่า ทิด-ถิ ธารก้านัล อ่านว่า ธาน-ระ-ก้า-นัน 4)ข้อใดอ่าน ไม่ถูกต้อง ก.ฯพณฯ นายกรัฐมนตรีอ่านว่า พะ-ณะ-ท่าน-นา-ยก-รัด-ถะ-มน-ตรี ข.โปรดเกล้าฯ อ่านว่า โปรดเ-กล้า-โปรด-กระ-หม่อม ค.พยัญชนะไทย 44 ตัว มี ก ฯลฯ อ่านว่า พะ-ยัน-ชะ-นะ-ไท-สี่-สิบ-สี่-ตัว มี กอ ละ-ถึง ฮอ ง.สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี อ่านว่า สม-เด็ด- พระ-เทบ-พะ-รัด-ราด-ชะ-สุ- ดา-สะ-หยาม-บะ-รม-มะ-ราด-ชะ-กุ-มา-รี 5)นักเรียนสามารถท้าเครื่องหมายใดที่ช่วยแบ่งวรรคตอนและจังหวะการอ่านได้ถูกต้อง ก. เครื่องหมายทับ ( / ) ข.เครื่องหมายจุลภาค ( , ) ค. เครื่องหมายอัญประกาศ ( “ ) ง. เครื่องหมายมหัพภาค ( . ) 6)ประโยคใดเมื่ออ่านเว้นวรรคผิดไม่ท้าให้ความหมายของประโยคเปลี่ยนไป ก.ไม่มาทานข้าวเย็นหมดแล้วนะ ข.เราไม่เจอกันมานานนมโตขึ นเป็นกอง ค.ที่ท้างานประกาศว่าห้ามข้าราชการสตรีนุ่งกางเกงในวันปฏิบัติงานราชการ ง.ยานี ควรทานเพราะเมื่อทานแล้วร่างกายจะแข็งแรงและไม่มีโรคภัยเบียดเบียน 7)การอ่านบทร้อยกรองที่ถูกต้องควรอ่านแบบใด ก.ผู้อ่านต้องออกเสียงปกติเหมือนกับการอ่านร้อยแก้วทั่วไป ข.ผู้อ่านต้องอ่านแบบท้านองเสนาะตามลักษณะที่ตนเองถนัดและชื่นชอบ ค.ผู้อ่านต้องแทรกอารมณ์ความรู้สึกของตนเองในแต่ละวรรคตามลักษณะค้าประพันธ์นั นๆ ง.ผู้อ่านต้องศึกษาหลักการอ่านและฝึกการใช้น ้าเสียงเพื่อให้ผู้ฟังเกิดอารมณ์ตามเนื อเรื่อง 8)วิธีการอ่านแบบทอดเสียงในการอ่านบทร้อยกรองใช้เมื่อใด ก. เมื่อต้องการลากเสียงให้เข้ากับจังหวะในวรรคต่อไป ข.เมื่อต้องการรวบเสียงค้าหลายพยางค์ให้สั นเพื่อให้ลงตรงจังหวะ ค.เมื่อต้องการยืดค้าให้ยาวออกไปในตอนท้ายวรรคหรือใกล้จะจบ ง.เมื่อต้องการปรับระดับเสียงให้เข้ากับจังหวะระดับเสียงของผู้อ่าน 9)วรรณคดีเรื่องใดที่มีการอ่านบทร้อยกรองต่างจากข้ออื่น ก.จันทโครพ ข.รามเกียรติ์ ค.พระอภัยมณี ง.ลักษณวงศ์ 10)ข้อใด ไม่ใช่มารยาทในการอ่านที่ดี ก.นิดาพับริมขอบหนังสือเมื่อตนเองอ่านถึงหน้านั น ๆ ข.สุดาอ่านข่าวเดียวกันจากหนังสือพิมพ์หลายฉบับเพื่อตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูล ค.กานดาคัดลอกข้อมูลจากหนังสือประกอบการท้ารายงานโดยบอกแหล่งที่มาว่ามาจากแหล่งใด ง.เจษฎาอ่านในใจแล้วท้าปากขมุบขมิบและออกเสียงบางครั งซึ่งท้าให้เพื่อนที่นั่งข้างๆ ท้าการบ้านไม่ได้
เฉลย ข้อที่ 1/10 ตัวเลือกที่ 4 : การปรับอารมณ์ใหส้มัพันธก์บั สาร ข้อที่ 2/10 ตัวเลือกที่ 2 : การใชน้วิ้มอื ข้อที่ 3/10 ตัวเลือกที่ 3 : ภารต อ่านว่า พา-รด ภาสกร อ่านว่า พา-สะกอน ข้อที่ 4/10 ตัวเลือกที่ 4 : สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี อ่านว่า สม-เด็ด- พระ-เทบ-พะ-รัด-ราด-ชะสุ- ดา-สะ-หยาม-บะ-รม-มะ-ราด-ชะ-กุ-มา-รี ข้อที่ 5/10 ตัวเลือกที่ 1 : เครื่องหมายทับ ( / ) ข้อที่ 6/10 ตัวเลือกที่ 4 : ยานี้ควรทานเพราะเมื่อทานแล ้วร่างกายจะแข็งแรงและไม่มีโรคภัยเบียดเบียน ข้อที่ 7/10 ตัวเลือกที่ 4 : ผูอ้า่นตอ้งศกึษาหลกัการอา่นและฝึกการใชน้ ้าเสยีงเพอื่ใหผ้ ฟู้ ังเกดิอารมณ์ตามเนอื้เรอื่ง ข้อที่ 8/10 ตัวเลือกที่ 3 : เมื่อต ้องการยืดค าให ้ยาวออกไปในตอนท ้ายวรรคหรือใกล ้จะจบ ข้อที่ 9/10 ตัวเลือกที่ 2 : รามเกียรติ์ ข้อที่ 10/10 ตัวเลือกที่ 4 : เจษฎาอา่นในใจแลว้ท าปากขมบุขมบิและออกเสยีงบางครัง้ซงึ่ท าใหเ้พอื่นทนี่ั่งขา้งๆ ท าการบา้นไม่ได้
ใบความรู้๑ กลวิธีกำรอ่ำนออกเสียงร้อยกรอง ๑. ผู้อ่านท้านองเสนาะได้ไพเราะต้องเป็นผู้มีแก้วเสียงดี น ้าเสียงแจ่มใส คือ มีเสียงใส กังวานไม่แหบแห้งหรือแตก พร่า เนื่องจากการอ่านเป็นเรื่องของการใช้เสียง เมื่อจะคัดเลือกผู้อ่านเข้าแข่งขันการประกวดการอ่านท้านองเสนาะ ผู้ที่ มีเสียงดีย่อมสามารถใช้น ้าเสียงอ่านได้ไพเราะจับใจกว่าผู้ที่มีเสียงแหบแห้ง ส้าหรับผู้มีน ้าเสียงไม่แจ่มใสถ้าฝึกหัดออกเสียง ให้ถูกต้อง จดจ้าท้านอง ลีลา ลักษณะฉันทลักษณ์ของค้าประพันธ์แต่ละประเภทได้ ก็สามารถอ่านออกเสียงให้น่าฟังได้ แม้ไม่ไพเราะเท่ากับคนเสียงดีแต่คนที่อ่านได้ถูกต้องก็ยังนับว่าเป็นเสน่ห์อย่างหนึ่ง ๒. ต้องมีความรู้เรื่องฉันทลักษณ์ของบทร้อยกรองที่จะอ่าน เช่น ถ้าทราบว่าเป็นฉันท์ก็ต้องอ่านให้ถูกต้องตามครุ ลหุ ของฉันท์ชนิดนั นๆ ๓. จ้าท้านองเสนาะของร้อยกรองแต่ละชนิดได้อย่างแม่นย้า ไม่หลงท้านอง บางคนอ่านกลอนจบแล้วต่อด้วย กาพย์แต่อาจหลงอ่านกาพย์เป็นท้านองเดียวกับกลอนอยู่เป็นต้น ๔. มีสมาธิในการอ่าน ไม่อ่านตกหล่น อ่านผิดหรืออ่านข้าม บางคนอ่านข้ามบรรทัด ท้าให้ข้อความไม่เชื่อมโยง ต่อเนื่องกัน ๕. รักการอ่านท้านองเสนาะ หมั่นฝึกฝนและมีความเชื่อมั่นในตนเอง ๖. เป็นผู้รักษาสุขภาพดี รักษาแก้วเสียงและน ้าเสียง ไม่นอนดึกจนเกินไป ดื่มน ้าอุ่นเสมอ ไม่ดื่มเครื่องดื่มที่มี แอลกอฮอล์ ชา หรือกาแฟ ไม่ตะโกนหรือกรีดร้องเสียงดังจนเกินไป ๗. เป็นผู้มีบุคลิกดี แต่งตัวสุภาพเหมาะสมกับโอกาส เดินหรือนั่งตัวตรง ไม่นั่งหลังค่อมหรือเดินห่อตัว ยืนยืด อกสง่าผ่าเผย จับหนังสือหรือบทอ่านให้มั่นคงโดยใช้แขนซ้ายหรือมือซ้ายจับหนังสือ มือขวาช่วยพลิกเปลี่ยนหน้าหนังสือ ให้หนังสือห่างจากระดับสายตาประมาณ ๑ ฟุต หากสายตาสั นต้องสวมแว่นตา ไม่ควรสวมแว่นตาด้าเพราะไม่สุภาพ ๘. ซ้อมการอ่าน เมื่อได้รับบทอ่านผู้อ่านจะต้องพิจารณาบทอ่านก่อนว่า เป็นร้อยกรองประเภทใด จ้า ข้อบังคับ ครุ ลหุ และลีลาการอ่านให้แม่นย้า ลองฝึกอ่านในใจเพื่อจับใจความ และอารมณ์ของเรื่อง แล้วแบ่งวรรคตอน แบ่งช่วงการอ่านให้ถูกต้อง เมื่ออ่านต้องให้ได้อารมณ์ตามเนื อเรื่อง ๙. ระมัดระวังการออกเสียงอักขระให้ชัดเจน ไม่อ่านออกเสียงเลียนเสียงภาษาต่างประเทศ ออกเสียงตัว ร ล และค้าควบกล ้าให้ชัดเจน อ่านตามท้านองต้องพิจารณาด้วยว่าท้ายเสียงช่วงใดควรใช้เสียงสูง ช่วงใดควรหลบเสียงต่้า ๑๐. ศิลปะการใช้เสียง ผู้อ่านจะต้องรู้จักการผ่อนเสียง ทอดเสียง หลบเสีย เอื อนเสีย ครั่นเสีย ครวญเสียง กระแทกเสีย ดังนี ๑๐.๑ การใช้ไมโครโฟน ไม่จ่อปากชิดไมโครโฟนจนเกินไปจะท้าให้เสียงไม่ไพเราะ และได้ยินเสียงลมหายใจ อาจ ท้าให้ผู้ฟังเกิดความร้าคาญ