คาํ นํา
คูมือสัตวนํ้าประจําจังหวัดฉบับนี้กรมประมงไดรวมกับจังหวัดตางๆ
รวบรวมและเรียบเรียง ช่ือสัตวน้ํา ชื่อวิทยาศาสตร ลักษณะท่ัวไป แหลง
อาศัย และรูปภาพของสตั วน ํ้าประจําจังหวดั ไวพอสังเขป ท้งั ๗๗ จังหวัด
โดยมวี ตั ถปุ ระสงคเ พอื่ เผยแพร แนะนาํ สง เสรมิ การอนรุ กั ษท รพั ยากรสตั วน า้ํ
ในทองถิ่นใหมีความม่ันคง ย่ังยืนแพรหลายตลอดไป ตลอดจนเปนขอมูล
เบอื้ งตน ในการสบื คน เพอื่ การศกึ ษาใหแ กห นว ยงานและบคุ คลทสี่ นใจตอ ไป
สดุ ทา ยนก้ี รมประมงขอขอบคณุ ผทู เ่ี กยี่ วขอ งทกุ ทา นในการรวบรวม
และรวมจัดทําคูมือสัตวนํ้าประจําจังหวัดเปนอยางสูง หากมีขอผิดพลาด
ประการใดผจู ดั ทําตองขออภัยไวใ นท่ีนด้ี วย
กรมประมง
กระทรวงเกษตรและสหกรณ
สัตวนํ้าประจาํ จังหวดั I
II สตั วน า้ํ ประจาํ จงั หวดั
รายชอ่ื จังหวดั สารบญั
สตั วนํา้ ประจาํ จังหวัดกรุงเทพมหานคร หนา
สัตวนา้ํ ประจาํ จงั หวดั กระบ่ี
สตั วนา้ํ ประจําจังหวดั กาญจนบุรี 1
สตั วนํา้ ประจาํ จังหวดั กาฬสนิ ธุ 2
สตั วนํ้าประจําจงั หวัดกาํ แพงเพชร 3
สตั วน า้ํ ประจาํ จังหวัดขอนแกน 4
สตั วน า้ํ ประจาํ จงั หวัดจนั ทบรุ ี 5
สตั วนา้ํ ประจําจังหวัดฉะเชิงเทรา 6
สตั วนา้ํ ประจาํ จงั หวัดชลบุรี 7
สตั วน ํ้าประจําจังหวัดชยั นาท 8
สตั วน ํ้าประจาํ จงั หวดั ชัยภูมิ 9
สตั วน ํ้าประจําจงั หวัดชมุ พร 10
สัตวน ํ้าประจําจังหวัดเชียงราย 11
สัตวน ํ้าประจาํ จงั หวัดเชยี งใหม 12
สัตวนํ้าประจําจังหวดั ตรัง 13
สัตวน า้ํ ประจาํ จังหวัดตราด 14
สัตวน ํ้าประจาํ จังหวัดตาก 15
16
17
สตั วนาํ้ ประจาํ จังหวัด III
รายชือ่ จงั หวัด หนา
สัตวน้าํ ประจาํ จังหวัดนครนายก 18
สตั วน ํ้าประจาํ จังหวัดนครปฐม 19
สัตวน ํ้าประจําจังหวัดนครพนม 20
สตั วนา้ํ ประจาํ จังหวัดนครราชสมี า 21
สตั วน า้ํ ประจาํ จังหวัดนครศรีธรรมราช 22
สตั วน ํ้าประจําจังหวดั นครสวรรค 23
สตั วนาํ้ ประจําจังหวดั นนทบรุ ี 24
สตั วน ํ้าประจาํ จังหวัดนราธวิ าส 25
สัตวน ํ้าประจาํ จงั หวัดนาน 26
สัตวน า้ํ ประจําจังหวัดบึงกาฬ 27
สัตวนา้ํ ประจําจังหวดั บรุ ีรัมย 28
สัตวน า้ํ ประจาํ จังหวดั ปทมุ ธานี 29
สัตวนา้ํ ประจําจงั หวัดประจวบคีรีขันธ 30
สัตวน า้ํ ประจาํ จังหวัดปราจนี บุรี 31
สัตวน้าํ ประจําจังหวัดปตตานี 32
สัตวน ํ้าประจําจังหวดั พระนครศรอี ยธุ ยา 33
สัตวน ํ้าประจาํ จงั หวัดพะเยา 34
สัตวน ํ้าประจําจังหวดั พังงา 35
สัตวนา้ํ ประจําจงั หวัดพัทลงุ 36
สัตวนํา้ ประจาํ จงั หวัดพิจติ ร 37
IV สัตวนํ้าประจาํ จงั หวดั
รายชอ่ื จงั หวดั หนา
สตั วนา้ํ ประจําจังหวดั พิษณโุ ลก 38
สัตวน า้ํ ประจําจงั หวัดเพชรบุรี 39
สตั วน า้ํ ประจาํ จงั หวดั เพชรบรู ณ 40
สตั วนา้ํ ประจาํ จังหวดั แพร 41
สัตวน ํ้าประจาํ จงั หวดั ภเู ก็ต 42
สัตวน ํ้าประจําจงั หวัดมหาสารคาม 43
สตั วนา้ํ ประจําจังหวดั มกุ ดาหาร 44
สตั วนาํ้ ประจาํ จงั หวดั แมฮ องสอน 45
สัตวนา้ํ ประจําจังหวัดยโสธร 46
สัตวน ํ้าประจําจงั หวัดยะลา 47
สตั วนํ้าประจําจงั หวัดรอ ยเอด็ 48
สัตวน า้ํ ประจาํ จังหวดั ระนอง 49
สตั วน ํ้าประจําจังหวดั ระยอง 50
สตั วน ํ้าประจําจงั หวัดราชบรุ ี 51
สตั วน า้ํ ประจาํ จงั หวัดลพบรุ ี 52
สตั วน า้ํ ประจําจังหวัดลาํ ปาง 53
สตั วนา้ํ ประจาํ จังหวัดลําพนู 54
สตั วน ้าํ ประจําจังหวดั เลย 55
สตั วน ํ้าประจาํ จงั หวัดศรีสะเกษ 56
สตั วนํ้าประจําจังหวัดสกลนคร 57
สัตวนาํ้ ประจําจงั หวดั V
สัตวน า้ํ ประจาํ จงั หวดั กรงุ เทพมหานคร
ชอ่ื สัตวนาํ้ ปลากระโห
ชอื่ สามัญ Siamese giant carp, Giant barb
ชือ่ วทิ ยาศาสตร Catlocarpio siamensis (Boulenger, 1898)
ชอ่ื ทอ งถิ่น ภาษาอีสานจะเรยี ก “ปลาคาบมัน” หรือ “ปลาหวั มัน” ภาษาเหนอื เรยี กวา “ปลากะมัน”
ท่สี ามเหลีย่ มทองคํา อาํ เภอเชยี งแสน จงั หวดั เชียงราย เรียกวา “ปลาสา”
ประวัติความเปนมา ปลากระโหเปนปลาน้ําจืดไทยที่พระบาทสมเด็จพระเจาอยูหัว ทรงพระกรุณาโปรดเกลาฯ
ใหกรมประมงเพาะพนั ธปุ ลาท่อี ยูในลาํ นา้ํ ด้ังเดมิ เพ่ืออนรุ กั ษฟนฟู จนผสมเทียมไดส ําเร็จบรเิ วณเข่อื นชยั นาท แตก็ยงั ขาดแคลน
พอแมพันธุ จึงทรงมีพระบรมราชานุญาตใหกรมประมงทดลองใชปลากระโหในสระพระตําหนักจิตรลดารโหฐานมาเพาะพันธุ
และประสบความสาํ เร็จในทส่ี ุด ปลากระโหยังเปนปลานาํ้ จืดขนาดใหญช นิดหนง่ึ จัดเปน ปลาในวงศป ลาตะเพยี น (Cyprinidae)
ทม่ี ขี นาดใหญท ส่ี ดุ อกี ดว ย โดยเฉลย่ี มกั มขี นาดประมาณ 1.5 เมตร แตพ บใหญส ดุ ไดถ งึ 3 เมตร หนกั ไดถ งึ 150 กโิ ลกรมั มลี กั ษณะ
สําคญั คอื สว นหัวโต ปากกวา ง ตาเล็ก ไมม ีหนวด ปลาวัยออ นหัวจะโตมากและลาํ ตวั คอ นไปทางหาง ทาํ ใหแ ลดูคลา ยปลาพกิ าร
ไมสมสวน ขอบฝาปดเหงือกมนกลมและใหญกวาปลาชนิดอื่นๆ ครีบหลังและครีบหางใหญ มีเกล็ดขนาดใหญปกคลุมลําตัว
บนเพดานปากมกี อ นเนอื้ หนา เหงอื กมซี ก่ี รองยาวและถม่ี าก ตวั มสี คี ลา้ํ อมนาํ้ เงนิ หรอื นาํ้ ตาลเขม ครบี มสี แี ดงเรอื่ ๆ ดา นทอ งมสี จี าง
เปนพันธุปลาดงั้ เดิมทม่ี อี ยใู นลํานํ้าเจาพระยา พบเฉพาะในแมน ้ําสายใหญ ตัง้ แตแ มนํา้ แมก ลองถงึ แมนา้ํ โขงแตป จ จุบัน
ตามธรรมชาติมีจํานวนลดลง จึงจําเปนตองประชาสัมพันธใหประชาชนทั่วไปทราบประวัติความเปนมาของปลากระโหและ
ตระหนกั ถงึ ความสาํ คญั ของการอนรุ กั ษ ปลาวยั ออ นมกั อยรู วมเปน ฝงู ในวงั นาํ้ ลกึ ปจ จบุ นั ลดจาํ นวนลงไปมากเนอื่ งจากปญ หาเรอ่ื ง
สิ่งแวดลอมและการถูกจับเปนจํานวนมาก จัดอยูในสถานภาพเปนปลาใกลสูญพันธุชนิดหนึ่ง ปจจุบัน ปลาชนิดนี้สามารถ
เพาะพันธุไดแลวเปนบางสวนจากการผสมเทียม ในธรรมชาติจะแพรพันธุระหวางเดือนกรกฎาคม-กันยายน ปริมาณไข
จะมีจํานวนมากนับลานๆ ฟอง แตไขสวนใหญและลูกปลาจะถูกปลาอ่ืนจับกินแทบไมมีเหลือ อาหารของปลากระโหคือ
แพลงกตอนและปลาขนาดเล็ก พืชตางๆ เชน สาหรายหรือเมล็ดพืช นอกจากนํามาทําเปนอาหารโดยการปรุงสดแลว
ยังสามารถเล้ียงเปนปลาสวยงามไดอ ีกดว ย ปลากระโหไ ดร บั คัดเลอื กเปน สตั วนา้ํ ประจาํ กรงุ เทพมหานครเม่อื วันที่ 30 มถิ นุ ายน
พ.ศ. 2558
นายวสันต ศรีวฒั นะ นายสพุ ล จติ ราพงษ
ผอู าํ นวยการกองพัฒนาและถา ยทอดเทคโนโลยกี ารประมง ประมงพืน้ ท่ีกรุงเทพมหานคร
สตั วน ํา้ ประจําจังหวดั 1
สัตวนาํ้ ประจาํ จงั หวดั กระบ่ี
ชือ่ สตั วน า้ํ หอยชกั ตนี
ชื่อสามัญ Wing shell
ชอ่ื วทิ ยาศาสตร Strombus canarium (Linnaeus, 1758)
ชื่อทองถนิ่ หอยสังขต ีนเดยี ว
ประวัติความเปนมา ลักษณะของหอยชักตีน มีรูปรางคลายผลสาลี่เปลือกบางเรียบและมีสีขาว เหตุท่ี
เรียกวา “สังข” ก็เพราะมีลักษณะภายนอกคลายหอยสังขที่ใชรดน้ําในงานมงคลสมรส แตหอยชักตีนหรือสังข
มีขนาดเล็กกวา หอยชักตีนกินสาหรายและอินทรียสารตามพื้นทะเล มีความสูงระหวาง 3.5-5.5 ซ.ม. เปนสัตวน้ําท่ีมี
ความสําคัญควบคูกับจังหวัดกระบี่ โดยพบท่ัวไปในบริเวณอําเภอชายทะเลของจังหวัดกระบ่ี แตพบมากบริเวณ
ต.เกาะศรบี อยา อ.เหนอื คลอง จ.กระบ่ี เปน สัตวน า้ํ เศรษฐกจิ ที่มคี วามสําคัญ มีรสชาตดิ ี และมรี าคาแพง ทั้งนี้เน่อื งจาก
เปนที่นิยมบริโภคของนักทองเที่ยวที่เดินทางมาทองเที่ยวในจังหวัดกระบี่ โดยจังหวัดกระบ่ีไดเล็งเห็นความสําคัญของ
สัตวน้ําชนิดน้ี พรอมท้ังไดมอบหมายใหหนวยงานราชการ ภาคเอกชนจัดทําโครงการแหลงอนุรักษพอแมพันธุ และ
ปลอยพันธุหอยชักตีนเพื่อเพ่ิมปริมาณผลผลิตในธรรมชาติ นอกจากนี้ศูนยวิจัยและพัฒนาประมงชายฝงกระบี่ ไดผลิต
ลูกพันธุหอยชักตีนเพื่อปลอยในแหลงบริเวณพ้ืนท่ีที่มีความเหมาะสมเพ่ือเพ่ิมผลผลิตใหคงความยั่งยืนของสัตวน้ํา
ชนิดนี้ควบคูไปกับจังหวัดกระบ่ีดวย โดยไดทําการคัดเลือกหอยชักตีนเปนสัตวน้ําประจําจังหวัดกระบี่เม่ือวันที่
8 เมษายน พ.ศ. 2558
นายทรงพล สวาสดิ์ธรรม นายณรงค วุนซ้วิ
ผวู า ราชการจงั หวดั กระบ่ี รองผวู าราชการจังหวัดกระบ่ี
นายวสิ ูตร ศศิวิมล นายไพบลู ย บญุ ลิปตานนท
ประมงจงั หวดั กระบ่ี ผูอํานวยการศูนยว จิ ยั และพัฒนาประมงชายฝงกระบี่
นายกอบศกั ดิ์ เกตเุ หมือน
ผูอาํ นวยการศนู ยศกึ ษาการพัฒนาและอนรุ ักษพนั ธุปู ปาทงุ ทะเลอนั เนือ่ งมาจากพระราชดาํ ริ จงั หวดั กระบ่ี
2 สตั วนาํ้ ประจาํ จังหวดั
สตั วน ํ้าประจาํ จังหวดั กาญจนบุรี
ชอ่ื สัตวนาํ้ ปลายสี่ ก
ชื่อสามญั Seven-striped barb, Julian’s golden carp
ชื่อวทิ ยาศาสตร Probarbus jullieni (Sauvage, 1880)
ชอื่ ทองถน่ิ ปลาเอนิ หรอื ปลาเอินคางหมู
ประวัติความเปนมา ปลาย่ีสกเปนปลานํ้าจืดชนิดหนึ่งกินพืชในน้ําเปนอาหารหลัก และอาจกินสัตวหนาดิน
ลูกกุง ลูกปู และไรน้ําดวย มีลักษณะเดนคือ สีของลําตัวเปนสีเหลืองนวล ลําตัวคอนขางกลมและยาว บริเวณดานขาง
มีแถบสีดาํ ขา งละ 7 แถบ พาดไปตามความยาวของลําตวั ลายตามลําตวั เหลานจ้ี ะปรากฏเมอ่ื ลกู ปลามคี วามยาว 3-5 นวิ้
บริเวณหัวมีสีเหลืองแกมเขียว ริมปากบนมีหนวดสั้นๆ 1 คู มีฟนที่คอหอยเพียงแถวเดียว จํานวน 4 ซี่ เวลากินอาหาร
ทําปากยืดหดได เยื่อมานตาเปนสีแดงเร่ือๆ ครีบหลัง ครีบหู ครีบกน มีสีชมพูแทรกอยูกับพื้นครีบ ซึ่งเปนสีเทาออน
หางคอนขางใหญและเวาลึก ปลายี่สกเปนปลาขนาดใหญชนิดหนึ่งในจํานวนปลาน้ําจืดดวยกัน พบในจังหวัดกาญจนบุรี
ขนาดใหญทส่ี ดุ ยาว 1.35 เมตร นาํ้ หนัก 40 กโิ ลกรัม จังหวดั กาญจนบุรจี งึ ใหปลายีส่ กเปน สัตวน าํ้ ประจาํ จงั หวัดกาญจนบุรี
เมอ่ื วนั ท่ี 2 กมุ ภาพนั ธ พ.ศ. 2558
นายวนั ชัย โอสุคนธทพิ ย นายบุญญะพัฒน จันทรอุไร
ผูวาราชการจังหวัดกาญจนบุรี รองผูว า ราชการจังหวดั กาญจนบรุ ี
นายศกั ดิส์ ทิ ธ์ิ วิบลู สุข นายองอาจ คําประเสริฐ
ประมงจังหวดั กาญจนบรุ ี ผูอ าํ นวยการศูนยว จิ ัยและพฒั นาประมงนํ้าจืดกาญจนบรุ ี
นายประทีป เจริญทรพั ย
หัวหนา ศูนยบ ริหารจดั การประมงนาํ้ จดื นายสนุ ิทย ปท ถาพงษ
ภาคตะวันตกเข่อื นศรีนครนิ ทร หัวหนา หนว ยบริหารจดั การประมงน้าํ จืดเขอ่ื นวชิราลงกรณ
สตั วนา้ํ ประจาํ จงั หวัด 3
สัตวน ํ้าประจําจังหวัดกาฬสนิ ธุ
ช่ือสัตวน ํ้า ปลาสรอ ยเกลด็ ถี่
ช่อื สามัญ White lady carp
ชอ่ื วิทยาศาสตร Thynnichthys thynnoides (Bleeker,1852)
ช่ือทอ งถน่ิ ปลากุม ปลานางเกลด็
ประวัติความเปนมา ปลาสรอยเกล็ดถี่จัดอยูในวงศปลาตะเพียน (Cyprinidae) ลักษณะคลายปลาสรอย
แตเกล็ดถี่และเล็กกวา เกล็ดมีขนาดเล็กละเอียดมาก มีสีเงินแวววาวเมื่อถูกแสงและเกล็ดหลุดรวงไดงาย ท่ีบริเวณ
เสนขางลาํ ตัวมปี ระมาณ 58-65 เกล็ด หวั โต ตากลมโต ลําตัวเพรียวแบนขา งเล็กนอย ไมมหี นวด ครีบหลงั ไมม ีกานครีบ
แข็ง ขอหางคอด ปลายครีบหางเวาลึก ครีบทุกครีบสีจางใส ที่ฝาปดแผนเหงือกมีจุดสีคล้ํา สวนทองสีขาวจาง มีขนาด
ความยาวเต็มที่ประมาณ 25 เซนติเมตร พบกระจายพันธุชุกชุมอยูท่ัวไป เปนปลาที่นิยมบริโภคกันในทองถ่ินในจังหวัด
กาฬสินธุ ตามคําพญาคํากลอน โบราณ ที่กลาวถึงความอุดมสมบูรณของทรัพยากรพันธุสัตวนํ้าในจังหวัดกาฬสินธุ
ในอดีตเกี่ยวกับ ปลาสรอยเกล็ดถี่ ไววา “......กาฬสินธุน้ี ดินดํา นํ้าสุม ปลากุมบอน คือแขแกงหาง ปลานางบอน
คือขางฟาล่ัน จักจั่นฮอง คือฟาลวงบน แตกจนจน คนปบโฮแซว เมืองนี้มีสูแนว แอนระบํารําฟอน” “...ปลากุมบอน
คือแขแกงหาง...” หมายถึง ปลาสรอยเกล็ดถี่มีมากมายวายเปนฝูงข้ึนฮุบอากาศเปรียบเทียบเหมือนจระเข (แข)
แกวงหาง “...ปลานางบอน คือขางฟาลั่น...” หมายถึง ปลาสรอยเกล็ดถ่ี (ปลานางเกล็ด) วายนํ้าเปนฝูงขึ้นฮุบอากาศ
เปรียบเทียบเสียงดังมากเหมือนเสียง ฟารอง ปลาสรอยเกล็ดถี่ไดรับประกาศใหเปนสัตวนํ้าประจําจังหวัดกาฬสินธุ
เมือ่ วันท่ี 19 กุมภาพันธ 2558
นายภุชงค โพธิกุฎสยั นายสรุ พจน รชั ชศุ ิริ
ผวู า ราชการจังหวดั กาฬสินธุ รองผวู าราชการจงั หวัดกาฬสินธุ
นายนิตพิ ัฒน เตยี นพลกรงั
นายสมพงษ การเพิม่
ประมงจังหวดั กาฬสนิ ธุ ผูอาํ นวยการศนู ยวิจัยและพัฒนาประมงนาํ้ จืดกาฬสนิ ธุ
4 สัตวน้าํ ประจาํ จังหวดั
สตั วน ํ้าประจาํ จังหวดั กาํ แพงเพชร
ชอื่ สัตวน ํา้ ปลาตะพาก
ชื่ออังกฤษ Golden Belly Barb
ชอ่ื วิทยาศาสตร Hypsibabus wetmorei (Smith, 1931)
ชอื่ ทอ งถนิ่ ปลาปากทองเหลือง,ปลาปก,ปลาปากดาํ
ประวตั ิความเปนมา ปลาตะพาก เปนปลาพ้นื เมืองทส่ี ามารถพบไดในแมนา้ํ ปง ซ่งึ เปนแมนาํ้ สายหลกั ไหลผา น
ตวั เมอื งกาํ แพงเพชร แมน าํ้ สายอนื่ ๆทพ่ี บ เชน แมน า้ํ นา น แมน า้ํ เจา พระยา และแมน า้ํ โขง ปลาตะพากเปน ปลาทป่ี ระชาชน
นิยมบริโภค ในจังหวัดกําแพงเพชรมีการจําหนายอยูในตลาดตนโพธิ์ และตลาดสดตางๆ ราคาจําหนาย ขนาดปลา
1-2 กโิ ลกรมั กิโลกรมั ละ 60 บาท ปลาตะพากเปนปลาท่มี รี สชาติดี จึงเปน ทนี่ ิยมของผูบ รโิ ภค มีคณุ คา ทางโภชนาการ
ประกอบดวยโปรตนี ประมาณ 20% และไขมนั ประมาณ 9%
ปลาตะพากถูกจัดใหอยูในวงศปลาตะเพียน (Cyprinidae) ลักษณะท่ัวไปมีรูปรางคลายปลาตะเพียนขาว
แตม ขี นาดใหญก วา บรเิ วณสวนทองมสี เี หลอื งทอง บรเิ วณสวนหลงั มสี เี ขม เปนนาํ้ เงนิ อมเขียว ครีบหลงั และครบี หางสีสม
แกมเขียว ครีบทองสีสมหรือสีเหลืองอาศัยอยูรวมกันเปนฝูง เปนปลาที่วายนํ้าไดเร็ว และวายนํ้าเคล่ือนไหวตลอดเวลา
ขนาดปลาทั่วไปมีความยาวโดยประมาณ 20-30 เซนติเมตร ขนาดโตเต็มท่ียาวประมาณ 60 เซนติเมตร เคยพบปลา
ขนาดใหญท่สี ดุ มคี วามยาว 66 เซนติเมตร น้าํ หนกั 8 กโิ ลกรมั นสิ ยั การกนิ อาหารไดห ลากหลาย มพี ฤตกิ รรมการผสมพันธุ
เปนหมู ฤดูวางไขอยูในชวงเดือนพฤษภาคม-มิถุนายน และเดือนตุลาคม-ธันวาคม ไขเปนแบบครึ่งจมครึ่งลอย โดยปลา
เพศเมียขนาดความยาวเฉล่ยี 36 เซนติเมตร นา้ํ หนกั เฉลยี่ 763 กรัม มจี าํ นวนไขเ ฉล่ยี 87,533 ฟอง
การนํามาปรุงอาหาร นิยมบริโภคโดยการปรุงสด รมควัน ตมเค็ม และนํามาแปรรูปผลิตภัณฑปลาตะพากสม
โดยสํานักงานประมงจังหวัดกําแพงเพชรไดสงเสริมใหกับกลุมวิสาหกิจเลี้ยงปลาในจังหวัด อีกทั้งยังเปนการสรางมูลคา
เพ่ิมโดยนิยมเลี้ยงเปนปลาสวยงามอีกดวย ในการน้ีจังหวัดฯ ประกาศใหเปนสัตวนํ้าประจําจังหวัดกําแพงเพชร เมื่อวันท่ี
23 มกราคม 2558
นายสรุ พล วาณิชเสนี นายนลนิ ตง้ั ประสทิ ธิ์
ผูว า ราชการจงั หวดั กําแพงเพชร รองผูวาราชการจังหวัดกาํ แพงเพชร
นายสนั่น ปานบานแพว นายวรญั ู ขุนเจรญิ รกั ษ
ประมงจงั หวดั กําแพงเพชร ผอู าํ นวยการศนู ยว จิ ยั และพฒั นาประมงนาํ้ จดื กาํ แพงเพชร
สตั วน้าํ ประจาํ จงั หวัด 5
สตั วน ้ําประจําจงั หวดั ขอนแกน
ชอ่ื สัตวน าํ้ ปลาพรม
ชอ่ื สามัญ Greater bony, lipped barb
ชอ่ื วิทยาศาสตร Osteochilus melanopleurus (Bleeker,1854)
ชือ่ ทองถนิ่ ปลานกเขา หรือ ปลาตาแดง
ประวัติความเปนมา เปนปลานํ้าจืดมีเกล็ดขนาดใหญอยูในครอบครัวเดยี วกบั ปลาสรอ ยนกเขา ลกั ษณะลําตวั
คอนขางยาว หัวทู ปากอยูต่ํา รอบปากมีติ่งเนื้อขนาดเล็กเปนกระจุก ลําตัวมีสีเขียวอมเทา บริเวณขางลําตัวใตครีบหู
มีจุดประเปนแถบสีดําตามแนวขวางหน่ึงแถบ ในบางทองถิ่นเรียกวา ปลาพรมหัวเหม็นเนื่องมาจากปลาตัวนี้มีกลิ่นคาว
เหม็นเขียวโดยเฉพาะที่หัว พบอยูที่ในแหลงนํ้านิ่งและนํ้าไหลรวมทั้งในแมน้ําลําคลอง หนองบึง และอางเก็บนํ้าทั่วไป
และพบมากในบริเวณเขื่อนอุบลรัตน จังหวัดขอนแกน เดิมเปนปลาที่มีความชุกชุมในเขื่อนอุบลรัตน ตั้งแตป 2538
เปนตนมาไมพบวาชาวประมงจับปลาพรมไดอีกเลย หนวยงานสังกัดกรมประมงในจังหวัดขอนแกน รวมกับการไฟฟา
เขอ่ื นอบุ ลรตั นแ ละชมุ ชนชาวประมง ไดร ว มกนั จัดทาํ เขตอนรุ กั ษท รพั ยากรสตั วน าํ้ ในเขอ่ื นอบุ ลรัตน ตง้ั แตป 2551 เปน ตน
มา โดยเฉพาะศนู ยว จิ ยั และพฒั นาประมงนาํ้ จดื ขอนแกน ไดท าํ การเพาะพนั ธปุ ลาพรมปลอ ยคนื ลงอา งเกบ็ นาํ้ เขอื่ นอบุ ลรตั น
ตั้งแตป 2552 โดยอีกหนึ่งปตอมาชาวประมงไดจับปลาพรมไดจากเขื่อน สรางความดีใจใหชาวประมง รวมทั้งไดสราง
ความตระหนักใหชุมชนชาวประมงเห็นความสําคัญในการสรางเขตอนุรักษ ปลาพรมนอกจากจะมีประโยชนในดาน
การเลย้ี งเปน ปลาสวยงาม และยงั มีการนาํ ปลาชนดิ นม้ี าทาํ เปนอาหารไดอีกหลายอยา ง และไดรับประกาศใหเปนสตั วนํ้า
ประจําจังหวัดขอนแกน เม่อื วนั ท่ี 15 มกราคม 2558
นายกําธร ถาวรสถิต นายศิวาโรจน มุง หมายผล
ผูวาราชการจงั หวัดขอนแกน รองผวู า ราชการจงั หวัดขอนแกน
วา ที่รอยตรี นวรัตน จิตรภ ิรมยศ รี นายเดชา รอดระรงั
ประมงจังหวัดขอนแกน ผอู าํ นวยการศนู ยวจิ ยั และพัฒนาประมงนํา้ จดื ขอนแกน
นายไพบูลย วงชยั ยา
หวั หนา หนว ยบรหิ ารจดั การประมงนํา้ จดื เขอ่ื นอบุ ลรตั น ขอนแกน
6 สัตวน าํ้ ประจาํ จังหวัด
สัตวนํา้ ประจาํ จงั หวดั จันทบรุ ี
ชื่อสัตวน า้ํ ปลาบมู หิดล
ช่อื สามัญ -
ช่ือวิทยาศาสตร Mahidolia mystacina (Valenciennes, 1837)
ช่อื ทอ งถนิ่ -
ประวัติความเปน มา ปลาบูมหดิ ลพบในประเทศไทยเปน คร้ังแรก ทอ่ี าํ เภอแหลมสิงห จังหวดั จนั ทบุรี เมื่อ พ.ศ. 2469
โดย ดร. ฮิว แมคคอรมิค สมิธ ที่ปรึกษาแผนกสัตวน้ําของรัฐบาลสยาม และตอมาดํารงตําแหนงอธิบดีกรมประมงคนแรก และ
ไดตั้งช่ือวิทยาศาสตรตามพระนามของสมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก เพ่ือเปนการเทิดพระเกียรติ
และสํานึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระองค ในฐานะที่ไดทรงอุปถัมภ และพระราชทานทุนสําหรับสงนักเรียนไปศึกษาตอดาน
การประมงในตา งประเทศ และทรงไดรบั ถวายสมัญญานามวา “พระประทีปแหง การอนรุ ักษทรพั ยากรสตั วน ้าํ ของไทย“
ปลาบูมหิดลมีลักษณะเดน คือ มีหัวและลําตัวรวมกันยาวรวมกันไมเกิน 8 เซนติเมตร (ขนาดประมาณน้ิวกอย)
หัวแบนขาง ตาโต โปน ลําตัวกลม ขากรรไกรยาวมากยื่นไปทางขางเลยขอบหลังตา ทําใหปากมีลักษณะกวาง ฟนมีขนาดเล็ก
แถวเดยี วทข่ี ากรรไกรบน แตม หี ลายแถวทขี่ ากรรไกรลา ง ไมม เี กลด็ บนหวั และบนฝาเหงอื กมเี กลด็ คอ นขา งใหญ มจี ดุ กระจายทว่ั ลาํ ตวั
มีแถบสเี ขม 5-6 แนว (พาดจากหลังทแยงลงไปดานหนา เกอื บถงึ สันทอง) กระโดงหลังมีจุดสฟี า
ปลาบูมหิดลชอบอาศัยบริเวณปากแมน้ํา และปาชายเลนท่ีมีลักษณะเปนอาว พ้ืนทะเลเปนโคลนปนทราย มักพบ
มีพฤติกรรมอาศัยอยูกับกุงดีดขัน (กุงกะเตาะในภาษาทองถิ่น) โดยกุงจะสรางรูเปนท่ีอาศัย สวนปลาบูมหิดลเปนผูทํา
ความสะอาดภายในรู ในลกั ษณะพงึ่ พาซง่ึ กนั และกนั ไดร บั การประกาศเปน สตั วน า้ํ ประจาํ จงั หวดั จนั ทบรุ ี เมอ่ื วนั ที่ 25 กมุ ภาพนั ธ 2558
นายสามารถ ลอยฟา นายกลา ณรงค พงษเจรญิ
ผูวาราชการจงั หวัดจันทบุรี รองผูวา ราชการจงั หวดั จันทบุรี
นายบญั ชา สุขแกว นางกลุ วรา แสงรุงเรอื ง
ประมงจังหวัดจนั ทบุรี ผอู ํานวยการศูนยวิจัยและพฒั นาประมงชายฝง จนั ทบุรี
นายประจวบ ลรี ักษาเกียรติ
ผอู าํ นวยการศนู ยศ กึ ษาการพัฒนาอาวคงุ กระเบน อนั เน่ืองมาจากพระราชดําริ
สตั วนา้ํ ประจาํ จงั หวดั 7
สตั วนา้ํ ประจาํ จังหวดั ฉะเชิงเทรา
ชอื่ สตั วนา้ํ ปลากะพงขาว
ชอื่ สามญั Barramundi, White perch
ช่อื วทิ ยาศาสตร Lates calcarifer (Bloch, 1790)
ชื่อทอ งถ่นิ ปลากะพงขาว ยงั มชี ่อื เรียกอกี ชื่อหนง่ึ วา “ปลากะพงนํา้ จดื ”
ขณะทีช่ ื่อทองถน่ิ ในลุมแมน ้ําบางปะกงเรียก “ปลาโจโ ล“
ประวัตคิ วามเปน มา เปนปลาน้าํ กรอ ยที่มีรูปรางยาว ลาํ ตวั หนาและดา นขา งแบน หัวโต จะงอยปากคอ นขา ง
ยาวและแหลม นยั นตาโต ปากกวางยดื หดได มุมปากอยูเลยไปทางหลังนัยนต า ฟน เปน ฟนเขี้ยวอยบู นขากรรไกรบนและ
ลา ง ขอบกระดูกแกมเปน หนามแหลม ขอบกระดกู กระพุงเหงือกแข็งและคม คอดหางมขี นาดใหญและแข็งแรง เกลด็ ใหญ
มีขอบหยักเปนหนามเมื่อลูบจะสากมือ ครีบหลังอันแรกมีกานครีบเปน หนามแข็ง ปลายแหลม อันที่สองเปนครีบออน
มขี นาดใกลเ คียงกนั ครีบใหญป ลายกลมมน พ้ืนลําตัวสขี าวเงนิ ปนนํา้ ตาล แนวสันทองสขี าวเงิน
ขอมูลจากพงศาวดารอยุธยา บันทึกวาพระเจาตาก นํากําลังผูคนหนีจากอยุธยาผานมาทางดงศรีมหาโพธ์ิ แลว
มาพักทัพท่ีบริเวณปากนํ้าเจาโล เพ่ือหลบกองทัพอังวะ (ปากน้ําเจาโลปจจุบันอยูบริเวณคลองทาลาด อําเภอบางคลา
จงั หวัดฉะเชงิ เทรา และพืน้ ทค่ี ลองทาลาดติดตอกับแมน ้าํ บางปะกง ซึ่งเปนแมน ้าํ สายหลักของจังหวัดฉะเชิงเทรา) เจาโล
เพี้ยนมาจากคําจีนแตจิ๋ววา จอโล แปลวาปลากะพงขาว แสดงวาปลากะพงขาวมีอยูชุกชุมในถิ่นฉะเชิงเทรามาตั้งแต
ครง้ั อดตี กาล จงึ คดั เลือกปลากะพงขาวเปนสตั วน ้ําประจําจังหวดั ฉะเชงิ เทราเม่อื วันท่ี 6 กมุ ภาพนั ธ พ.ศ. 2558
นายอนุกูล ตังคณานกุ ูลชัย นายเดชา ใจยะ
ผวู า ราชการจงั หวดั ฉะเชงิ เทรา รองผูวาราชการจังหวัดฉะเชิงเทรา
วา ที่ ร.ต. สรุ ตั น เกดิ มะลิ นายวิเชียร วรสายณั ห
ประมงจังหวัดฉะเชงิ เทรา ผอู าํ นวยการศนู ยว จิ ยั และพฒั นาประมงชายฝง ฉะเชงิ เทรา
นายวริ ะ จติ รสวุ รรณ
หวั หนา ศูนยบรหิ ารจัดการประมงทะเลอา วไทยตอนใน สมุทรปราการ
8 สัตวนาํ้ ประจาํ จังหวัด
สัตวน้ําประจําจงั หวัดชลบุรี
ชอื่ สตั วนํ้า ฉลามกบ
ชื่อสามญั Brownbanded bamboo shark
ช่อื วทิ ยาศาสตร Chiloscyllium punctatum (Müller & Henle, 1838)
ชอ่ื ทองถน่ิ ฉลามแมว
ประวัติความเปนมา เปนปลาฉลามขนาดเล็ก มีลําตัวและหางเรียวยาว จะงอยปากกวางอยูบริเวณดานหนา
ของตาท้ัง 2 ขาง ตามีขนาดเล็ก ครีบหางแฉกบนโคงเรียวยาวกวาแฉกลาง ในลูกปลาวัยออนจะมีลายเปนแถบสีขาว
สลับดําคาดตามขวางลําตัว และจะคอยๆ จางลงเมื่อโตข้ึนและกลายเปนสีน้ําตาลแทน และมีอวัยวะคลายหนวดบริเวณ
สวนหนาดวย จึงไดอีกช่ือเรียกหน่ึงวา “ปลาฉลามแมว” ขนาดโตเต็มที่มีความยาวที่เคยพบสูงสุด คือ 121 เซนติเมตร
พบทั่วไปตามพ้ืนทรายแนวปะการังในฝงอาวไทยและอันดามัน ชอบหากินอยูบริเวณหนาดิน มีพฤติกรรมชอบอยูนิ่งๆ
กนิ แตพ ชื และสตั วน า้ํ ขนาดเลก็ เปน อาหาร ออกลกู เปน ไข โดยทต่ี วั เมยี จะวางไขอ ยบู รเิ วณแนวปะการงั ทมี่ สี าหรา ยลอ มรอบ
อยู และสรางเปลอื กไขทแี่ ข็งแรงเพื่อปกปองตวั ออ น จดั เปน ปลาทะเลอีกชนิดหนึง่ ทนี่ ยิ มเลี้ยงเปนปลาสวยงาม เนื่องจาก
เปน ปลาขนาดเล็กและมีสีสนั ท่สี วยงาม ไดร ับการประกาศเปนสัตวน้าํ ประจาํ จงั หวดั ชลบรุ ี เม่ือวันที่ 30 มกราคม 2558
นายคมสัน เอกชยั นายธรี วฒุ ิ ศริ วิ รรณ
ผูวา ราชการจังหวดั ชลบุรี รองผวู า ราชการจงั หวดั ชลบรุ ี
นายสงกรานต แสงจันทร นายสกนธ แสงประดับ
ประมงจงั หวัดชลบุรี รกั ษาราชการแทนผอู าํ นวยการสถาบนั วจิ ยั อาหารสตั วน าํ้ ชายฝง
นางศศวิ มิ ล ปตพิ รชัย นายอดุ ม ตดิ ไชย
ผูอํานวยการศนู ยวจิ ยั และพัฒนาประมงนํา้ จืดชลบรุ ี หวั หนาดานตรวจสัตวน้ําจงั หวดั ชลบรุ ี
วาที่ ร.ท.สมศักด์ิ สรุ ัตนมาลย
หัวหนา หนวยบริหารจัดการประมงทะเลอางศิลา ชลบรุ ี
สัตวนํ้าประจําจังหวดั 9
สัตวน า้ํ ประจาํ จังหวดั ชัยนาท
ช่ือสตั วน ํา้ ปลาแดง
ชือ่ สามัญ Whisker sheatfish
ชอื่ วิทยาศาสตร Phalacronotus bleekeri (Günther, 1864)
ชอ่ื ทองถิน่ เนอ้ื ออ น นาง หรือ นางแดง
ประวัตคิ วามเปนมา ลกั ษณะลาํ ตวั แบนขา ง สวนหวั แบนลง ดา นหลังของหัวยกสงู ขึ้นเลก็ นอยแลว คอ ยๆ ลาด
ลงไปถึงบริเวณหาง ลําตัวไมมีเกล็ด สีของลําตัวเปนสีเงินยวง เหลือบดวยสีเขียวปนนํ้าเงินทางดานลางของลําตัวและ
ทองเปนสีชมพู ไมมีครีบหลัง ครีบกนยาวมาก มีหนวดสั้นสองคู คูแรกอยูบนขากรรไกรบนและคูท่ีสองอยูใตคางส้ันมาก
ขนาดที่พบโดยทั่วไปยาวประมาณ 25-30 เซนติเมตรเปนปลากินเน้ือหากินในระดับกลางนํ้าถึงผิวน้ํา อาหารธรรมชาติ
ไดแก ปลาขนาดเลก็ กงุ และแมลงตา งๆ
ในภาคกลางพบในแมน้ําเจาพระยาและแมนํ้าปาสัก ภาคใตพบในแมนํ้าตาป ท่ีบานดอนจังหวัดสุราษฎรธานี
สวนในภาคตะวันออกเฉียงเหนือพบในแมนํ้าสายสําคัญๆ เชน แมนํ้ามูล แมนํ้าสงคราม ลําปาว และในอางเก็บนํ้า
เขอ่ื นอบุ ลรตั น โดยทวั่ ไปอาศยั อยใู นนาํ้ ทมี่ คี วามลกึ ประมาณ 4-6 เมตร และไดป ระกาศใหเ ปน สตั วน าํ้ ประจาํ จงั หวดั ชยั นาท
เมอื่ วันที่ 29 มกราคม 2558
(นายสทุ ธพิ งษ จลุ เจรญิ ) (นายถาวร จริ ะโสภณรกั ษ)
ผวู าราชการจังหวดั ชัยนาท ประมงจงั หวดั ชัยนาท
(นายเฉลิมเกยี รติ วรวฒุ ิพุทธิพงศ)
รองผวู า ราชการจงั หวัดชัยนาท (นายวรวิทย พรหมปากดี)
ผูอาํ นวยการศูนยวจิ ัยและพฒั นาประมงน้าํ จืดชัยนาท
10 สตั วน้าํ ประจําจงั หวดั
สตั วน้าํ ประจาํ จังหวดั ชยั ภูมิ
ชอ่ื สัตวน ํา้ ปลาสลาด
ชื่อสามญั Grey Feather back
ชื่อวิทยาศาสตร Notopterus notopterus (Pallas, 1769)
ชื่อทอ งถิ่น ตอง , ฉลาด , ตองนา
ประวัตคิ วามเปน มา เปน ปลานาํ้ จดื ชนิดหนึง่ ทีม่ รี ูปรา งคลายปลากรายแตม ขี นาดเลก็ กวา มีจุด สีดาํ ท่คี รบี กน
ลําตัวมีสีขาวเงินปนเทา เกล็ดมีลักษณะกลมเรียบและขนาดเล็ก ครีบหลังขนาดเล็กมาก ครีบกนมีขนาดใหญและยาว
เช่ือมติดกบั ครีบหางเปนแผนเดยี วกัน โดยท่ัวไปมขี นาดยาว 15 – 20 เซนตเิ มตร ขนาดใหญท ่ีสดุ ท่พี บมีขนาดความยาวถงึ
30 เซนติเมตร พบในแมนาํ้ และแหลง นํ้าน่ิงท่วั ประเทศไทย มักอยรู วมเปนฝงู อาหารไดแ กล กู กุง ลูกปลา สตั วนาํ้ ขนาดเลก็
เปน ปลาทมี่ คี วามสาํ คญั ทางเศรษฐกจิ ชนดิ หนง่ึ นยิ มนาํ เนอ้ื ไปทาํ ทอดมนั แทนเนอ้ื ปลากรายซง่ึ มรี าคาแพงกวา ได นอกจาก
นั้นยังแปรรูปอาหารอื่นๆ เชน ลูกช้ิน ทอดมัน หรือรมควัน และยังนิยมเลี้ยงเปนปลาสวยงาม โดยเฉพาะปลาท่ีกลายสี
เปน สีเผอื ก ปลาสลาดไดรับคดั เลอื กเปนสตั วน ํ้าประจาํ จงั หวัดชยั ภูมเิ มื่อวนั ท่ี 9 มีนาคม พ.ศ. 2558
นายวเิ ชียร จันทรโณทัย นางนภา ศกุนตนาค
ผูว าราชการจงั หวดั ชัยภูมิ รองผูวาราชการจงั หวดั ชยั ภมู ิ
นาวาตรีสรรเสรญิ เสรรี ักษ
นายจารึก นาชัยเพิ่ม
ประมงจังหวดั ชัยภมู ิ ผูอ ํานวยการศูนยว ิจยั และพฒั นาประมงน้าํ จืดชยั ภมู ิ
สัตวน้ําประจาํ จังหวัด 11
สตั วน้าํ ประจําจังหวัดชุมพร
ชื่อสตั วน า้ํ ปลาทู (ปลาทูส้ัน)
ชื่อสามัญ
Short-bodied mackerel
ชอ่ื วิทยาศาสตร Rastrelliger brachysoma (Bleeker, 1851)
ชื่อทอ งถ่นิ ปลาทู (ปลาทูสั้น)
ประวตั คิ วามเปน มา ปลาทเู กดิ ในอา วไทยเปน ปลาผิวนา้ํ รวมกนั เปน ฝูงบริเวณใกลฝง พบเฉพาะบรเิ วณอุณหภมู ผิ วิ นํา้ ไมตา่ํ กวา
17 องศาเซลเซยี ส ความเค็มของนํ้าไมเ กนิ 32.5 ‰ แตทนความเค็มต่าํ ไดถ ึง 20.4 ‰ จงึ พบในบริเวณนํา้ กรอ ยได ปลาทูวางไขแ บบไข
ลอยนํ้า ไขท ่ีไดรบั การผสมจะลอยน้าํ อยูไ ด ชว งทว่ี างไขค ือกุมภาพันธถงึ มนี าคม ศูนยว ิจยั และพัฒนาชายฝง สมุทรสาคร กรมประมงประสบ
ความสําเรจ็ การในการเพาะขยายพนั ธุปลาทูในระบบปด เปน ครงั้ แรกของโลก ปลาทูมคี วามผูกพันกบั วิถชี ีวติ คนไทยเปนอยา งมาก เนือ่ งจาก
เปนอาหารทะเลหลักของคนไทยมาชานาน สาํ หรับในนา นน้าํ ไทยพบปลาทูไดท ้ังฝงทะเลอาวไทยและอนั ดามนั ซึ่งมีอยู 3 ชนดิ คอื
1. ปลาทูตัวส้ัน หรือ ปลาทูส้ัน (ชื่อสามัญ: Short-bodied mackerel; ช่ือวิทยาศาสตร: Rastrelliger brachysoma)
เปน ชนดิ ทีน่ ยิ มบริโภคมากท่ีสุด
2. ปลาลัง หรือปลาทูโมง (ช่ือสามัญ: Indian mackerel; ชอ่ื วทิ ยาศาสตร: Rastrelliger kanagurta)
3. ปลาทปู ากจิ้งจก (ชอื่ สามญั : Island mackerel; ชือ่ วทิ ยาศาสตร: Rastrelliger faughni)
ซ่ึงจังหวดั ชุมพรไดคดั เลอื กปลาทูส้นั เปน สัตวน า้ํ ประจําจังหวดั ชุมพร เม่อื วนั ที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2558
นายวงศศ ิริ พรหมชนะ นายมรุ ธาธรี รักชาติเจริญ
ผูวาราชการจังหวดั ชุมพร รองผูวา ราชการจงั หวัดชุมพร
นายสายนั ต เอี่ยมรอด นายสงา ลีสงา
ประมงจงั หวดั ชมุ พร ผอู าํ นวยการศนู ยว จิ ยั และพฒั นาพนั ธกุ รรมสตั วน าํ้ ชมุ พร
นางสาวรินปวีร เกตมุ ณี นางพัชรี พันธเุ ลง
นกั วิชาการประมงชาํ นาญการ แทน นักวชิ าการประมงชํานาญการ แทน
ผอู าํ นวยการศูนยว จิ ัยและพัฒนาประมงชายฝงชมุ พร ผอู าํ นวยการศนู ยว จิ ยั และพฒั นาประมงทะเลอา วไทยตอนกลาง
12 สัตวนา้ํ ประจาํ จังหวดั
สตั วน้าํ ประจาํ จงั หวัดเชยี งราย
ชอ่ื สัตวนา้ํ ปลาบึก
ชือ่ สามัญ Mekong giant catfish
ชอ่ื วทิ ยาศาสตร Pangasianodon gigas (Chevey, 1930)
ช่อื ทอ งถ่ิน ไตรราช
ประวัติความเปนมา ปลาบึก เปนปลาที่มีความสําคัญตอประชาชนในลุมแมน้ําโขงที่ยาวที่สุดในเอเชีย
ตะวันออกเฉียงใต (4,000กิโลเมตร) ตั้งแตตอนลางของมณฑลยูนาน ประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน จนถึงทะเลสาบ
Tonle Sap ในประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนกัมพูชา ตามอนุสัญญาวาดวยการอนุรักษพันธุพืชและ
สัตวปา CONVENTIONAL ON INTERNATIONAL TRADE IN ENDANGERED SPECIES (CITES) OF WILD
FAUNA AND FLORA กาํ หนดใหปลาบกึ เปนปลาท่ีกาํ ลังสญู พันธุ (Endanger Species) และเปน ปลาที่ไมมเี กลด็ ที่มีขนาด
ใหญท สี่ ุดในโลก ขนาดโตเต็มท่ีทเ่ี คยพบยาวประมาณ 3 เมตร นํ้าหนกั มากกวา 250 กิโลกรัม พบเฉพาะในแมนา้ํ โขง และ
แมนํา้ สาขาเทานัน้ ช่ือท่ีรูจักกนั โดยทัว่ ไปคือ Mekong Giant Catfish เปนปลากินพืชเปนอาหาร ไมม ีฟนทงั้ ที่ขากรรไกร
ลา งและเพดานปาก สาํ หรบั แหลง จบั ปลาบกึ ทสี่ าํ คญั ของไทยอยทู บี่ า นหาดไคร ตาํ บลเวยี ง อาํ เภอเชยี งของ จงั หวดั เชยี งราย
ฤดูจับปลาบึกของชาวประมง จะเร่ิมตนประมาณปลายเดือนเมษายน จนถึงเดือนมิถุนายนของทุกปการจับปลาบึก
จากแมน าํ้ โขง ณ บา นหาดไคร อ.เชยี งของ จ.เชียงราย ตง้ั แตป 2526 จาํ นวนปลาทจ่ี ับไดเ พิ่มขนึ้ เรอื่ ยๆ จนสงู สดุ ในป 2533
จบั ไดส งู สุด 65 ตัว พอ แมปลาบกึ บางสว นถูกนาํ มาผสมเทียมโดยกรมประมงตง้ั แตป 2526 และจังหวัดเชียงรายไดป ระกาศ
ใหเ ปนสัตวน้ําประจาํ จงั หวัดเชยี งราย เมือ่ วนั ที่ 12 มกราคม 2558
นายพงษศกั ดิ์ วงั เสมอ นายรชั กฤช สถิรานนท
ผูวา ราชการจังหวดั เชยี งราย รองผูวา ราชการจังหวัดเชยี งราย
นายสุรพงษ วิวัชรโกเศศ นายสุภาพ แกวละเอียด
ประมงจังหวดั เชยี งราย ผูอาํ นวยการศนู ยวจิ ัยและพัฒนาประมงนาํ้ จืดเชียงราย
สตั วน้ําประจาํ จงั หวดั 13
สตั วน าํ้ ประจําจงั หวดั เชียงใหม
ชือ่ สตั วน าํ้ ปลากาดํา
ช่ือสามญั Black sharkminnow
ช่ือวิทยาศาสตร Labeo chrysophekadion (Bleeker, 1849)
ชื่อทองถนิ่ ปลาเพีย้
ประวตั คิ วามเปน มา ปลากาดาํ หรอื ปลาเพย้ี เปน ปลานา้ํ จดื ดา นขา งแบนเลก็ นอ ย สนั หลงั โคง สงู สว นทอ งแบน
ปากอยูในแนวเดียวกันกับสันทอง ยืดหดได และมีลักษณะแบบปากดูด ริมฝปากบนและลางเปนหยัก มีต่ิงเน้ือเปนฝอย
ส้นั ๆ อยูรวมกันเปน กระจกุ มหี นวด 2 คู ครบี หลงั มขี นาดใหญแ ละสงู มาก ครบี ทองยาวจดตอนตน ของครบี กน ครบี หาง
เวาลกึ สีของลําตวั มีต้งั แตม วงแกไปจนถงึ ดําเขม เกล็ดทุกเกล็ดมจี ุดสีเหลอื งจางๆ อยูตรงกลาง ครีบสีดําท้งั สน้ิ ขนาดใหญ
ท่ีสุดมีความยาวถึง 60 เซนติเมตรหากินตามพื้นทองนํ้าโดยการแทะเล็มตะไครหรือสาหราย รวมท้ังสิ่งมีชีวิตขนาดเล็ก
พบตามแหลง น้าํ ธรรมชาตใิ นท่ัวทกุ ภาคของประเทศ ในจงั หวดั เชยี งใหมพบมากในแมน าํ้ ปง แพรขยายพนั ธุตามทีร่ าบลมุ
ในฤดูน้ําหลาก ผสมพันธุวางไขที่มีระดับน้ําต้ืนๆ และมีพันธุไมนํ้า ในระหวางเดือนพฤษภาคม ถึงเดือนตุลาคม
ปลากาดํา มีชื่อท่ีเรียกแตกตางออกไปตามภาษาถ่ิน เชน เพ้ีย ในภาษาเหนือ อีตู หรือ อีก่ํา ในภาษาอีสาน ชาวบาน
นิยมบริโภคโดยการนํามาทําลาบ สวนปลาขนาดเล็กนิยมเลี้ยงเปนปลาสวยงาม ปลากาดําไดรับการประกาศใหเปน
สตั วน้ําประจําจังหวดั เชียงใหม เม่อื วันที่ 16 มกราคม 2558
นายสรุ ยิ ะ ประสาทบณั ฑติ ย นายนาวนิ สนิ ธุสะอาด
ผวู า ราชการจงั หวดั เชยี งใหม รองผูว าราชการจงั หวดั เชยี งใหม
นายบรรจง จาํ นงศติ ธรรม นายวิศนณุพร รัตนต รัยวงศ
ประมงจงั หวัดเชยี งใหม ผอู าํ นวยการศูนยว ิจยั และพัฒนาประมงนํ้าจืดเชยี งใหม
วา ทร่ี อยตรี เดชวัตต์ิ ทับไทร นายเอก โลซา ย
หัวหนา หนวยบรหิ ารจดั การประมงนํ้าจดื เขื่อนภมู พิ ล ตาก หวั หนา หนว ยบรหิ ารจดั การประมงนา้ํ จดื เขอื่ นแมก วง เชยี งใหม
14 สัตวน้ําประจาํ จงั หวดั
สตั วนํา้ ประจําจังหวดั ตรัง
ช่ือสตั วน้าํ พะยูน
ชอ่ื สามญั Sea cow, Dugong
ช่อื วิทยาศาสตร Dugong dugong (Müller, 1776)
ชอ่ื ทองถิน่ หมนู าํ้ หมดู ุด ดูหยง เงือก วัวทะเล และดูกอง
ประวัติความเปนมา เปนสัตวนํ้าที่เล้ียงลูกดวยน้ํานมชนิดเดียวที่จัดเปนสัตวปาสงวน อยูในอันดับ Sirenia
ท่ใี กลชิดกบั ชา ง ใบหนา คลา ยหมแู ตไ มม ีใบหู หัวเล็กไมม ีขนท่หี ัว คอใหญ ตาเลก็ ตัวผูมีฟนหนา เปนงาสน้ั 1 คู มีฟน สาํ หรับ
บดเคี้ยวเอื้องติดกันเปนพืด มีหนวดหรอมแหรม ตามตัวมีขนประปรายในตัวเกิดใหม ริมฝปากบนเปนแผนเน้ือหนาใหญ
และเหล่ียมทูๆ มีชองจมูกอยูสูงข้ึนมา ขาคูหนาส้ันเปลี่ยนแปลงไปคลายครีบ ดูเผินๆ มีลักษณะมือหอย ไมมีขาคูหลัง
เพราะไมไ ดใ ช ในตัวเมียมีนมขนาดเทา นวิ้ กอ ยยาวประมาณ 20 ซม. อยู 2 เตาอยถู ัดลงมาจากขาคหู นา สําหรับเลีย้ งลกู
ออน มีลําตัวและหางคลายโลมา สีสันของตัวดานหลังเปนสีเทาดําและเขียวคล้ํา สวนทองสีดํานวลจนถึงเทาปนขาว
ครีบหางและขาคหู นาสีเทาปนดํา หนวดสีขาวขนทล่ี าํ ตวั สีเทาดํามคี วามสมบรู ณเพศอายุ 9 - 10 ป และมอี ายุยืนถงึ 70 ป
มีสถานภาพใกลจะสูญพันธุ พบเปนฝูงเฉพาะที่เกาะลิบง จังหวัดตรัง พบนอยมากในอาวไทยและทะเลอันดามัน อาหาร
กินหญาทะเลตางๆ ขนาด ความยาวประมาณ 2 – 3 เมตร พยูนไดรับการประกาศใหเปนสัตวนํ้าประจําจังหวัดตรัง
เมือ่ วนั ท่ี 1 เมษายน 2558
นายสมศักด์ิ ปะรสิ ทุ โธ เหมทานนท นายนกิ ร สุกใส
ผวู าราชการจงั หวัดตรัง รองผูวาราชการจงั หวัดตรัง
นายสพุ ล ตั่นสวุ รรณ
ประมงจังหวัดตรงั
นายอนันต สห่ี ริ ัญวงศ นายโกวิทย เกา เอ้ียน
ผูอํานวยการศนู ยว จิ ัยและพัฒนาประมงนา้ํ จืดตรงั ผูอาํ นวยการศูนยว จิ ยั และพฒั นาประมงชายฝง ตรงั
สตั วน าํ้ ประจาํ จงั หวัด 15
สตั วนํ้าประจําจังหวัดตาก
ช่ือสัตวน า้ํ ปลาจาด
ชอื่ สามัญ
Goldfin tinfoil barb
ชือ่ วิทยาศาสตร Hypsibarbus malcolmi (Smith, 1945)
ชื่อทอ งถิ่น จาด, ปากหนวด (อสี าน)
ประวตั คิ วามเปนมา เปนปลานํา้ จดื ชนิดหนึ่ง ลักษณะท่ัวไปคลา ยปลาตะเพียนขาว แตล ําตัวเรยี วกวา มีหนวด
คอนขางยาวที่มุมปาก 2 คู เกล็ดใหญ ลําตัวมีสีเงินเทา ครีบสีสมและมีขอบสีแดงเร่ือหรือชมพู ครีบกนมีลักษณะโคง
เหมือนเคยี ว พบในแถบเอเชียตะวนั ออกเฉียงใต เชน มาเลเซยี เวยี ดนาม และกัมพชู า สําหรับในประเทศไทยมรี ายงาน
พบปลาชนิดนี้ในแมน้ําโขง แมน้ําเจาพระยา แมน้ําตาป แมน้ําแมกลอง แมนํ้าเพชรบุรี แมนํ้าปง และในอางเก็บน้ํา
บางแหง ไดแก อางเก็บน้ําเขื่อนภูมิพล อางเก็บนํ้าแกงกระจาน เปนตน กินพืชนํ้าและแมลงเปนอาหาร พฤติกรรม
อยูใ นระดบั กลางนํา้ ถงึ ใกลพ นื้ ทองนํ้า มกี ารยา ยถ่ินขน้ึ ตนนํ้าในฤดวู างไข
ในจังหวัดตาก พบปลาจาดในแหลงนํ้าบริเวณเข่ือนแมปงตอนลาง ซึ่งเปนสวนหนึ่งของอางเก็บน้ําเข่ือนภูมิพล
ปลาจาดขนาดใหญต้ังแต 700-1,500 กรมั จะเดนิ ทางมารวมกันเปนฝงู ใหญเ พอ่ื ผสมพนั ธวุ างไข โดยจะวายรวมฝูงเขาไป
บริเวณลําธารนํ้าไหลซ่ึงมีสภาพเปนขั้นบันได โดยมีนํ้าไหลหลากหลังจากฝนตกลงมาแลวประมาณ 2-3 วัน จากการ
สาํ รวจ พบวาปลาจะขึ้นมาบรเิ วณดังกลาว 1-2 วนั กอนวนั แรม 8 คํา่ เดือน 6 และเร่มิ ผสมพันธุวางไขใ นวนั พระตอ เนือ่ ง
กันราว 2-3 วัน โดยบริเวณที่วางไขจะมีนํ้าไหลหลาก ระดับนํ้าประมาณ 15-30 เซนติเมตร มีโขดหินเรียงรายสลับกัน
เปนแนวชะลอการไหลของนํ้า อีกท้ังมีวัชพืชเปนกลุมหญาไซและกก โดยปลาจะวายผสมพันธุกันตลอดเวลา ทิ้งไข
ใหเกลื่อนไปท่ัว โดยไขบางสวนติดกับโขดหิน กรวดใตนํ้า หญาชายตล่ิงและรากกก หลังจากน้ันปลาจะอพยพกลับลงไป
ในแมน้ําปง ท้ิงไขใหฟกเปนตัว ใชระยะเวลารวมฝูงและผสมพันธุราว 4-5 วัน ปลาจาดไดรับการคัดเลือกใหเปนสัตวนํ้า
ประจําจงั หวัดตาก เม่ือวันท่ี 17 กมุ ภาพันธ 2558
นายสมชัย หทยะตันยติ
ผวู าราชการจังหวดั ตาก
นายเกยี รติศกั ด์ิ เกษมพนั ธก ลุ นายเอกพจน เจรญิ ศริ ิวงศธนา
ประมงจังหวดั ตาก ผอู ํานวยการศูนยวจิ ยั และพัฒนาประมงน้ําจดื ตาก
สัตวน า้ํ ประจาํ จงั หวัด 17
สตั วน ํา้ ประจําจังหวดั นครนายก
ช่อื สตั วนาํ้ ปลาตะเพยี นทอง
ชื่อสามัญ Red – tailed, Tinfoil Barb
ชื่อวิทยาศาสตร Barbonymus altus (Gunther,1868)
ช่อื ทอ งถิ่น ตะเพียนหางแดง
ประวัติความเปนมา เปนปลานํ้าจืดขนาดกลางมคี วามยาวประมาณ 3 - 8 น้ิว สีสันสวยงาม ลําตัวปอ มแบนขา ง
พื้นลําตัวมีสีเงินหรือทอง หัวและปากคอนขางเล็ก มีหนวด 2 คู อยูที่ขากรรไกรบนและลาง ครีบหลังสูงมีสีเทาและ
สวนยอดของครีบเปนสดี าํ ครบี หางเปนสีเหลือง ขอบหางเปนสเี ทาจางๆ ครีบทองและครบี กน เปนสเี หลืองสมสลับแดง
มคี วามวองไวและปราดเปรียว อยรู วมกันเปนฝงู หากนิ และวนเวียนอยตู ามผวิ นาํ้ มอี ยทู ่วั ไปในนา นน้าํ จดื มีชกุ ชมุ มากใน
ภาคกลาง ภาคเหนือเรียกวา ปลาโมงคา ภาคอีสานเรียกวา ปลาปาก ภาคใตเรียกวา ปลาตะเพียนทอง ขนาดโตเต็มท่ี
ประมาณไมเกิน 30 เซนติเมตร จัดเปนปลาชนิดหนึ่งท่ีนิยมเลี้ยงเปนปลาสวยงาม มีรูปรางคลายปลากระแห แตมีเกล็ด
ขนาดใหญก วา และครบี หลงั ครบี หางไมม แี ถบสดี าํ พบมากในแมน า้ํ นครนายก บรเิ วณหนา วดั ตา งๆ และไดค ดั เลอื กเปน สตั วน า้ํ
ประจําจงั หวดั นครนายก เม่อื วันที่ 23 มกราคม 2558
นายทวี นริสศิรกิ ลุ นายสุขวฒั น สุขสวัสด์ิ
ผูวา ราชการจังหวัดนครนายก รองผูวา ราชการจงั หวัดนครนายก
นางพจนีย รักกลิน่
ประมงจังหวัดนครนายก
18 สตั วนํา้ ประจาํ จงั หวัด
สตั วนํา้ ประจาํ จังหวดั นครปฐม
ช่ือสตั วน้ํา กงุ กา มกราม
ชื่อสามัญ Giant freshwater prawn
ชอื่ วิทยาศาสตร Macrobrachium roesenbergii (De man, 1879)
ชือ่ ทอ งถน่ิ กงุ แมนํา้ กงุ หลวง
ประวัติความเปนมา เปนกุงน้ําจืดท่ีมีขนาดใหญมากชนิดหน่ึง สวนของหัวและอกอยูรวมกันมีขนาดใหญและ
นํ้าหนักมากกวาลําตัว ลักษณะสําคัญของกุงชนิดน้ีคือ บนเปลือกกุงบริเวณหัวสวนหนาใกลกับเบานัยนตา มีหนามเล็กๆ
ดานละ 2 อัน กรีคอนขางยาว แบนดานขาง ตรงกลางโคงแอนลง สวนปลายงอนขึ้นมีหนามคลายฟนเลื่อย
ท้ังดานบนและลาง กุงกามกราม มีลักษณะพิเศษตามชื่อของมัน คือ เพศผูน้ันจะมีขาเดินคูที่ 2 ขนาดใหญและ
ยาวกวาคอู ่นื ๆ มาก ซง่ึ เราเรียกวา กาม มีขนาดความยาวตลอดลาํ ตัวประมาณ 13 - 31 ซม. แหลงท่พี บโดยธรรมชาติ
จะอยูในแมนํ้าลาํ คลองแทบทกุ จังหวดั ในภาคกลางและภาคใต ท้ังในนํา้ จดื และน้ํากรอ ย ปจจบุ ันมีการเพาะเลยี้ งกนั อยา ง
แพรหลายในจงั หวดั ตางๆ แถบภาคกลางของประเทศไทย เชน สุพรรณบุรี นครปฐม ฉะเชงิ เทรา และไดรบั การประกาศ
ใหเปน สัตวนํา้ ประจาํ จังหวัดนครปฐม เม่ือวันที่ 26 มกราคม 2558
นายชาติชาย อทุ ยั พันธ นายกําธร ตุงสวัสดิ์
ผูวา ราชการจงั หวัดนครปฐม รองผูวาราชการจงั หวดั นครปฐม
นายอมร พทุ ธสัมมา
ประมงจังหวดั นครปฐม
สัตวน า้ํ ประจําจงั หวดั 19
สัตวน ํ้าประจําจังหวดั นครราชสีมา
ชอื่ สตั วน ํ้า ปลาบา
ชือ่ สามญั Mad carp, Sultan fish
ชอื่ วทิ ยาศาสตร Leptobarbus hoevenii (Bleeker, 1851)
ช่ือทองถ่นิ ปลาไอบา ปลาพวง ปลาโพง ปลาสุลตา น
ประวัติความเปนมา ปลาบาหรือปลาพวง เปนปลาที่หนวยงานในสังกัดกรมประมง ของจังหวัดนครราชสีมา
ไดเริ่มดําเนินการฟนฟูต้ังแต ป 2551 เปนตนมา เปนปลาท่ีหายไปจากลํานํ้ามูลตอนบน (พ้ืนท่ีจังหวัดนครราชสีมา)
เปน เวลาไมตาํ่ กวา 45 ป เดิมเคยมีชกุ ชมุ ในลําน้ํามูลตอนบน แตเนื่องจากสภาพแวดลอมเปลย่ี นแปลงไป ลํานา้ํ แหลง นาํ้
ตื้นเขิน น้ําเสียจากชุมชนและโรงงาน ไหลลงสูแหลงน้ํา ประกอบกับปลาบา โดยอุปนิสัยมีการอพยพไปเปนกลุม ทําให
ถูกจบั ไดง า ย จงึ เปน สาเหตุทาํ ใหปลาบา ไมพ บในลาํ นํา้ มลู ตอนบนมากวา 45 ป หนว ยงานในสังกัดกรมประมง ของจงั หวัด
นครราชสีมา จึงไดก ําหนดแนวทางรวมกันวา เพ่ือเปน การอนุรกั ษแ ละฟน ฟูพนั ธปุ ลาบาหรือปลาพวง ใหก ลับมาคงความ
อดุ มสมบรู ณใ นลาํ นา้ํ มลู ตอนบนและแหลง นา้ํ ตา งๆ ของจงั หวดั นครราชสมี า อกี ครง้ั หนงึ่ จงึ ไดน าํ เสนอจงั หวดั นครราชสมี า
ประกาศใหปลาบาหรือปลาพวง เปน สตั วนาํ้ ประจําจงั หวดั นครราชสมี า เมื่อวันท่ี 13 มกราคม 2558
นายธงชยั ลืออดุลย นายบญุ ยืน คําหงษ
ผวู า ราชการจงั หวดั นครราชสีมา รองผูวา ราชการจังหวัดนครราชสีมา
วาท่ี ร.ท. สมพร กลุ บุญ นายเจริญ อดุ มการณ
ประมงจงั หวัดนครราชสมี า ผอู าํ นวยการศนู ยว จิ ยั และพฒั นาประมงนาํ้ จดื นครราชสมี า
นายวบิ ูลย บุตตะพรม
หวั หนาศนู ยบ ริหารจัดการประมงน้าํ จืด ภาคตะวันออกเฉยี งเหนือตอนลา ง นครราชสมี า
สตั วน าํ้ ประจาํ จงั หวดั 21
สัตวน ้ําประจําจังหวัดนครศรธี รรมราช
ชือ่ สัตวน ํ้า ปลาหมอ
ชอื่ สามญั Climbing perch
ชื่อวทิ ยาศาสตร Anabas testudineus (Bloch, 1792)
ช่อื ทองถิ่น ปลาหมอ อีแกปูยู
ประวัตคิ วามเปนมา ปลาหมอเปน ปลานา้ํ จืด ลกั ษณะภายนอก ลําตัวคอ นขา งแบน บรเิ วณหนาคอนขางกลม
สวนหางแบนขาง มีความยาวประมาณ 2.5 – 3.0 เทาของความลึกลําตัว ปากสั้นกลมมน ปากอยูปลายสุด และเฉียง
ขึ้นบนเล็กนอย ตาโต ลําตัวมีสีนํ้าตาลปนดํา ลักษณะสีเขม สวนทองมีลักษณะสีจางกวาสวนหลัง ตามลําตัวมีเกล็ดเปน
ชนิดขอบมีหนาม ท่ีกระดูกกระพุงแกมตอนปลายมีลักษณะเปนหนามหยักแหลมคมมาก ลักษณะหางเปนแบบมนกลม
เล็กนอย ท่ีโคนหางมีจุดสีดํากลม 1 จุด ตามลําตัวมีแถบสีดํา 7 - 8 แถบ ปลาหมอเพศเมียจะมีขนาดโตและนํ้าหนัก
มากกวา เพศผู ปลาหมอจะวางไขใ นฤดฝู น ตง้ั แตเ ดอื นพฤษภาคมถงึ ตลุ าคม พบอาศยั อยใู นแหลง นาํ้ จดื ทว่ั ๆ ไป ทง้ั แหลง นาํ้
นงิ่ และนา้ํ ไหล สามารถปรบั ตัวเจรญิ เติบโตเขา กบั สภาพแวดลอ มท่ีเปน นา้ํ กรอยไดด ี พบมากในพื้นท่ลี มุ นํ้าปากพนัง ตัง้ แต
บริเวณพ้ืนท่ีลุมดินเค็มชายฝงทะเล จนถึงพ้ืนที่นํ้าคอนขางเปนกรดจัด เชน ปาพรุควนเคร็ง สามารถฝงหรือหมกตัวใน
โคลนตมไดเปนระยะเวลานานๆ โดยเฉพาะในฤดูแลง มีความทนทานตอสภาพแวดลอม เน่ืองจากมีอวัยวะพิเศษที่ชวย
หายใจ ปลาหมอเปน ปลากนิ เนอื้ มนี สิ ยั กนิ สตั วน าํ้ ทม่ี ขี นาดเลก็ กวา และชอบกนิ อาหารทผี่ วิ นาํ้ และกลางนา้ํ ดงั นน้ั ประชาชน
ในจงั หวดั นครศรธี รรมราชจงึ นยิ มเลยี้ งเปน อาชพี และนาํ ไปประกอบอาหารทมี่ ชี อื่ เสยี งหลายรายการ เชน แกงสม ลกู เถาคนั
ปลาหมอฉฉู ่ี เปนตน จึงประกาศใหปลาหมอเปนสัตวนา้ํ ประจําจังหวดั นครศรธี รรมราช เมื่อวนั ที่ 3 มนี าคม 2558
นายพีระ หินเมอื งเกา นายสมาน แสงสอาด
ผูวา ราชการจงั หวัดนครศรีธรรมราช รองผวู า ราชการจงั หวดั นครศรีธรรมราช
นายสุกิจ รัตนวินจิ กลุ นางสวุ มิ ล สหี่ ริ ญั วงศ
ประมงจงั หวัดนครศรธี รรมราช ผอู าํ นวยการศนู ยว จิ ยั และพฒั นาประมงนา้ํ จดื นครศรธี รรมราช
นายวีระ เจริญพกั ตร นายธนาวฒุ ิ กุลจิตติชนก
ผอู ํานวยการศูนยวจิ ยั และพัฒนาประมงชายฝง นครศรีธรรมราช ผอู ํานวยการศนู ยพ ฒั นาประมงพนื้ ทีล่ มุ นํา้ ปากพนงั
22 สัตวน ้าํ ประจาํ จงั หวดั
สัตวนํ้าประจําจังหวัดนครสวรรค
ช่ือสัตวน ้าํ ปลาสวาย
ชื่อสามัญ Striped catfish
ชื่อวิทยาศาสตร Pangasianodon hypophthalmus (Sauvage, 1878)
ชื่อทองถ่นิ ปลาสวาย
ประวัติความเปนมา ปลาสวาย เปนปลาพื้นเมืองของจังหวัดนครสวรรคเม่ือป พ.ศ 2509 ไดดําเนินการ
เพาะพันธุปลาสวายดวยวิธีการฉีดฮอรโมน เพ่ือเรงใหปลาวางไขและผสมเทียมสําเร็จเปนคร้ังแรกของโลกท่ีสถานีประมง
บึงบอระเพ็ด จังหวัดนครสวรรค ปจจุบันคือ ศูนยวิจัยและพัฒนาประมงน้ําจืดนครสวรรค และความสําเร็จครั้งน้ีเปน
พ้ืนฐานของการศึกษาเก่ียวกับการผสมเทียมปลาท่ีสําคัญอีกหลายชนิดของไทย ปลาสวายจึงเปนปลายุคแรกๆ ท่ีมี
บทบาททางดา นการประมง เม่อื กลาวถงึ ปลาสวาย คงเปน ทท่ี ราบกนั ดีวา รสชาตดิ ี เนื้อมปี รมิ าณมาก เปน แหลง โปรตีน
ท่ีสําคัญจึงจัดเปน ปลาเศรษฐกจิ ท่ีมคี วามสําคัญ และสรางรายไดใ หก ับประเทศปล ะหลายลานบาท และไดร ับการประกาศ
ใหเปน สัตวนํา้ ประจําจังหวัดนครสวรรค เม่อื วนั ท่ี 13 มกราคม 2558
นายชยพล ธิติศกั ดิ์ นายพนิ จิ เธียรธวชั
ผูวา ราชการจังหวดั นครสวรรค รองผวู า ราชการจังหวัดนครสวรรค
นายบญุ ยืน พฤกษโชค นายสุพัตร ศรีพัฒน
ประมงจงั หวัดนครสวรรค ผอู าํ นวยการศนู ยว จิ ยั และพฒั นาประมงนาํ้ จดื นครสวรรค
นายรวรี ฤทธิชยั นายรงั สรรค ถริ อปั สรกลุ
หวั หนา หนวยบรหิ ารจัดการประมงนา้ํ จืด หวั หนา งานขุดลอกและกําจัดวชั พืช
บึงบอระเพด็ จังหวดั นครสวรรค
บึงบอระเพ็ด นครสวรรค
สตั วนํ้าประจําจงั หวัด 23
สัตวน า้ํ ประจาํ จังหวดั นนทบุรี
ชือ่ สัตวน ้าํ ปลาเทพา
ชอ่ื สามัญ Chao Phraya giant catfish
ชื่อวิทยาศาสตร Pangasius sanitwongsei (Smith, 1931)
ช่อื ทองถ่ิน -
ประวัติความเปนมา เปนปลานํ้าจืดชนิดหนึ่ง อยูในวงศปลาสวาย (Pangasiidae) มีสวนหัวและปากกวาง
กวาปลาในสกุลเดียวกัน มีฟนแหลมคม รูปรางปอม ลําตัวลึก สวนหลังยกสูงปลายครีบหลัง ครีบอก ครีบทองยื่นเปน
เสนยาว ครีบหางเวาลึก เม่ือวายน้ําจะตั้งช้ันเหมือนปลาฉลาม ปลาวัยออนมีสีเทาคลํ้า ขางลําตัวมีแถบสีคล้ําแนวเฉียง
ทองสีจาง ครบี มีแตมสดี าํ ปลาตวั เตม็ วยั มีลาํ ตวั สเี ทาคล้ํา ทอ งสีจาง ครบี สคี ลํ้า ครีบกนตอนหนามแี ถบสีคลา้ํ ตามแนวยาว
ครีบหางมีแถบสีจางตามแนวยาวทั้ง 2 แฉก มีขนาด ใหญสุดพบยาวไดถึง 3 เมตร พบเฉพาะในแมน้ําเจาพระยาและ
แมน้ําโขงเทาน้ัน ปลาวัยออนกินปลาเล็กเปนอาหาร ปลาวัยโตกินซากสัตวอื่น และปลาเล็ก นอกนี้แลวยังนิยมเลี้ยง
เปนปลาสวยงาม โดยเฉพาะอยางย่ิงกับปลาพิการท่ีลําตัวส้ันกวาปกติมีราคาสูงมาก ชื่อวิทยาศาสตรของปลาเทพานั้น
ต้ังข้ึนโดย ดร.ฮิว แมคคอรมิค สมิธ อธิบดีกรมประมงคนแรก เพื่อเปนเกียรติแด ม.ร.ว.สุวพันธุ สนิทวงศ ในฐานะเปน
ผูผลักดันและบุกเบิกใหมีหนวยงานทางดานการศึกษาและจัดการสัตวน้ําในประเทศ ซึ่งก็คือกรมประมงในปจจุบัน ไดรับ
การคัดเลอื กใหเ ปน สตั วน ้าํ ประจําจังหวัดนนทบุรี เมอื่ วันที่ 24 มีนาคม 2558
นายชนมชน่ื บญุ ญานสุ าสน นายภานุ แยม ศรี
ผวู าราชการจงั หวดั นนทบรุ ี รองผวู าราชการจังหวัดนนทบรุ ี
นายเฉลิมชยั สวุ รรณรกั ษ นายวินัย จน่ั ทับทมิ
ประมงจงั หวัดนนทบุรี สถาบันวิจัยการเพาะเลยี้ งสัตวน า้ํ จดื
นายบญุ รวม ศรีอําพรรณ
ศนู ยบริหารจัดการประมงนาํ้ จดื ภาคกลาง พระนครศรอี ยธุ ยา
24 สัตวน ํ้าประจําจังหวดั
สัตวน้าํ ประจําจังหวดั นา น
ชอื่ สัตวนาํ้ ปลาปกแดง
ชือ่ สามัญ Golden Belly Barb
ชอ่ื วทิ ยาศาสตร Hypsibarbus vernayi (Norman, 1925)
ชอื่ ทองถ่นิ ปลาปก
ประวตั คิ วามเปนมา ปลาปก แดง เปน ปลาขนาดกลาง เมอื่ โตเตม็ ทีม่ ีขนาดประมาณ 700-1,000 กรมั มีรูปราง
คอ นขางยาวเหมือนปลาตะเพยี นขาว ลาํ ตวั แบนขา ง ปากเล็ก มีหนวด 2 คอู ยูบ นขากรรไกรบนและลาง ลําตัวมสี เี งินวาว
เหลอื บสีเหลืองออน เกล็ดเปน แบบขอบเกล็ดเรียบ ขอบเกล็ดมีสคี ลา้ํ ครีบทุกครีบมีสสี มออกแดง ครบี หางเปน แบบสอม
มีสีเหลอื งออนมขี อบสีแดงเรอื่ ๆ ครีบกนยาวแตไ มถึงโคนหาง มีเสนขา งลําตวั สมบูรณอ ยใู นแนวกลางลาํ ตัว ลกั ษณะทว่ั ไป
เหมือนปลาตะเพียนปากหนวด ตางกันตรงที่ปลาตะเพียนปากหนวดเปนปลาท่ีมีไขแบบครึ่งจมครึ่งลอย แตปลาปกแดง
มีลักษณะไขเปนไขจม เปนปลาที่กินพืช เชน สาหราย และตะไครน้ํา เปนอาหาร พบกระจายอยูทั่วไปตามลํานํ้านาน
และลําน้ําสาขา บริเวณกระแสน้ําไหล ลักษณะพื้นทองนํ้าเปนกรวดหินปนดินทราย สวนใหญจะอาศัยอยูรวมเปนกลุม
ตามวังหรือแองท่ีมีระดับน้ําคอนขางลึก โดยเฉพาะบริเวณแหลงอนุรักษพันธุปลาของชุมชน ซึ่งทําใหเกิดปรากฏการณ
ทม่ี ปี ลาปก แดงนบั พนั นบั หมนื่ ตวั มารวมตวั กนั ในบรเิ วณดงั กลา ว เพอื่ ผสมพนั ธวุ างไขต ามธรรมชาตใิ นหว งเดอื นพฤศจกิ ายน
ถึงเดือนเมษายนของทุกป หรือท่ีเรียกปรากฏการณน้ีวา “ปลากอง” ซ่ึงนับวาเปนเอกลักษณหนึ่งเดียวของเมืองนาน
และหาดไู ดยากในปจจบุ ัน ไดรบั การประกาศใหเ ปนสัตวนาํ้ ประจําจังหวัดเม่อื วนั ที่ 18 มีนาคม 2558
นายอุกรชิ พ่งึ โสภา นายชยั รัตน ธาราสันตสิ ขุ
ผวู า ราชการจงั หวัดนา น รองผูวา ราชการจงั หวัดนาน
นายธรรมนูญ ศรวี ุฒิ
นักวชิ าการประมงชํานาญการ นายสมชาติ ธรรมขนั ธา
รักษาราชการแทนประมงจังหวดั นา น ผูอํานวยการศนู ยวจิ ัยและพัฒนาประมงนํ้าจดื นาน
26 สตั วน ้าํ ประจําจังหวัด
สตั วน ํา้ ประจําจงั หวัดบึงกาฬ
ช่อื สตั วนํา้ ปลาบกู ุดทิง
ชอ่ื สามัญ Golden Sleeper
ชื่อวทิ ยาศาสตร Neodontobutis aurarmus (Vidthayanon, 1995)
ช่อื ทอ งถ่นิ -
ประวัติความเปนมา เปนปลาบูสกุลหน่ึงที่มีขนาดเล็ก ลําตัวมีลักษณะปอมส้ัน หัวกลม กวาปลาบูในสกุลอื่น
ขนาดโตเต็มวัยจะมีลําตัวยาว 5.5 เซนติเมตร ปลาเพศผูเมื่อถึงฤดูผสมพันธุจะมีลําตัวสีดําเขม กินสัตวขนาดเล็ก เชน
ลกู กงุ และลกู ปลาเปน อาหาร อาศยั ในแหลง นาํ้ นงิ่ ทมี่ พี ชื นา้ํ ขนึ้ หนาแนน พบมากทางตอนบนของภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนอื
ในเขตจังหวัดบึงกาฬ โดยเฉพาะพื้นท่ีชุมน้ําหนองกุดทิงและบึงโขงหลง มักถูกจับปนมากับกุงฝอย เปนปลาเฉพาะถิ่น
ในพ้นื ทจี่ งั หวัดบึงกาฬ คนพบโดย ดร.ชวลติ วทิ ยานนท เมื่อป พ.ศ. 2538 และไดรับคัดเลือกใหเ ปน สตั วน า้ํ ประจําจังหวัด
บึงกาฬ เมือ่ วันท่ี 30 มกราคม 2558
นายพงษศักด์ิ ปรชี าวทิ ย นายเทวัญ สรรคน ิกร
ผวู าราชการจงั หวัดบงึ กาฬ รองผวู า ราชการจังหวัดบงึ กาฬ
นายนิพนธ คนขยนั นายธรี ะชยั แสนภูวา
นายกองคก ารบรหิ ารสว นจงั หวดั บึงกาฬ ทองถน่ิ จงั หวัดบึงกาฬ
นายสทุ ศั น เผือกจนี
นายยอดรกั ษ ปลอดออน ผอู าํ นวยการศูนยวิจัยและพัฒนาประมงน้าํ จืดหนองคาย
ประมงจงั หวดั บึงกาฬ
สัตวน ํ้าประจาํ จังหวัด 27
สัตวน ้าํ ประจาํ จังหวดั บุรีรัมย
ชอ่ื สัตวน ํ้า กุง ฝอยนาํ้ จืด
ชอ่ื สามญั Freshwater prawn
ชอ่ื วทิ ยาศาสตร Macrobrachium lanchesteri (De man, 1911)
ชอื่ ทอ งถนิ่ กงุ ฝอย, กงุ นา, เตร็ยกอง (ภาษาเขมรถนิ่ ไทย)
ประวัติความเปนมา กุงฝอยนํ้าจืดเปนสัตวนํ้าในสกุลเดียวกับกุงกามกราม กุงท้ังสองชนิดที่มีขนาดเทากันผูที่ไมคุนเคยอาจแยกชนิดไมได
ในแหลงน้ําจืดสามารถพบกุงฝอยไดตลอดฤดูกาล เนื่องจากกุงฝอยอายุประมาณ 15 วัน สามารถขยายพันธุได การเส่ือมโทรมตามสภาพธรรมชาติและ
กจิ กรรมของมนษุ ยในการดํารงชีพทไ่ี มค าํ นงึ ถงึ นิเวศวิทยาแหลง นํ้าหรือแหลงเพาะขยายพนั ธุสัตวน้ําในแหลงนํ้าธรรมชาติ ทําใหทัง้ ชนิดและปริมาณกุงฝอยนํา้
จืดลดลงอยา งรวดเร็ว มีรายงานการวจิ ัยการจาํ แนกชนดิ กุงนาํ้ จดื ในภาคตะวันออกเฉียงเหนอื พบกงุ สกุล Macrobrachium จํานวน 14 ชนดิ (จฑุ ามาศ, 2552)
ซึ่งกงุ ฝอยน้าํ จดื Macrobrachium lanchesteri (De Man, 1911) พบไดใ นจงั หวดั บุรรี ัมยเ ชน กัน
กุงจอมประโคนชัย เปนภูมิปญญาทองถิ่นดานการถนอมอาหารสัตวน้ํา โดยนําทรัพยากรทองถิ่นรวมกับการประยุกตใชเทคโนโลยีท่ีเหมาะสม
สรา งอาชีพ สรา งรายได และสรา งมลู คาเพม่ิ ผลผลิตและผลิตภณั ฑประมงใหก บั ชมุ ชน จากเดมิ นน้ั ใชปลารากกลว ยเปน วัตถุดิบหลกั ในการทาํ ปลาจอม ตอมา
ปลารากกลว ยหาไดย าก จงึ มผี คู ดิ คน ประยกุ ตใ ชก งุ ฝอยนา้ํ จดื และใชน าํ้ ปลาแทนเกลอื ทาํ ใหไ ดร สชาตเิ ปน ทพี่ งึ พอใจของผบู รโิ ภค ไดก ารรบั รองมาตรฐานผลติ ภณั ฑ
ชมุ ชน (มผช. 147) สามารถผลติ จาํ หนา ยเปน สนิ คา หนงึ่ ตาํ บลหนึง่ ผลติ ภณั ฑ (OTOP) ของจังหวดั บรุ ีรัมย สรางรายไดป ล ะหลายลา นบาท
จากความตองการสินคาของผูบริโภคสูงขึ้น ทําใหวัตถุดิบหลักคือกุงฝอยน้ําจืดมีปริมาณไมเพียงพอ มีการนําเขาจากตางจังหวัดและตางประเทศ
(กัมพูชา) ดังน้ันเพ่ือเปนการสงเสริมการตลาด การประชาสัมพันธสินคา การกระตุนใหมีการวิจัยและพัฒนาการเพาะเล้ียงและบริหารจัดการกุงฝอยนํ้าจืด
และกรมประมงมีนโยบายดํารงความหลากหลายทางชวี ภาพ (Biodiversity) จงั หวดั บรุ ีรัมยไดประกาศให “กุง ฝอยน้ําจดื Macrobrachium lanchesteri”
เปน สัตวน า้ํ ประจําจังหวดั บุรีรมั ยเมอ่ื วันที่ 19 มกราคม พ.ศ. 2558
นายเสรี ศรหี ะไตร นายวิทยา จันทรฉ ลอง
ผูวาราชการจังหวัดบรุ รี มั ย รองผูวา ราชการจังหวัดบุรรี มั ย
นายสมศักดิ์ รงุ ทองใบสรุ ีย นายปรชี า งอกนาวงั
ผูอาํ นวยการศนู ยวิจัยและพัฒนาพนั ธกุ รรมสัตวน้ําบุรรี มั ย หวั หนา หนว ยบรหิ ารจดั การประมงนา้ํ จดื เขอ่ื นลาํ นางรอง
นายเฉลยี ว เทียนวรรณ
ประมงจังหวัดบุรีรมั ย
28 สัตวนาํ้ ประจาํ จงั หวดั
สตั วนํา้ ประจาํ จงั หวดั ปทุมธานี
ชอ่ื สัตวน ํา้ ปลาบูทราย
ชอื่ สามัญ Sand Goby, Marbled Sleeper
ชือ่ วทิ ยาศาสตร Oxyeleotris marmorata (Bleeker, 1852)
ชอื่ ทองถ่ิน ปลาบทู ราย
ประวัติความเปนมา เปนปลาท่ีมีในแมนํ้าสายหลัก แหลงนํ้าน่ิง และแมนํ้าทั่วทุกภาค เปนท่ีนิยมบริโภค
โดยสงเปนสินคาออกไปยังประเทศฮองกง สิงคโปรและมาเลเซีย ซึ่งผูบริโภคเชื่อวามีคุณคาทางอาหารสูง ทําใหรางกาย
แข็งแรงและเพ่ิมพลัง ในสมัยกอนนั้นมีการเล้ียงปลาบูในกระชังมาก เชน จังหวัดนครสวรรค อุทัยธานี ชัยนาท สิงหบุรี
อา งทอง พระนครศรีอยธุ ยา และปทมุ ธานี เนอื่ งจากสภาพแวดลอ มเปล่ยี นไป ทาํ ใหพนั ธปุ ลาหายาก ศูนยว ิจัยและพฒั นา
ประมงน้ําจืดปทุมธานี ทําการทดลองเพาะขยายพันธุจนประสบความสําเร็จ ต้ังแตป พ.ศ. 2528 เปนตนมา และ
ไดรับการรับรองจากกรมประมงเปนสัตวน้ําประจําจังหวัดปทุมธนานี ประจําศูนยวิจัยและพัฒนาประมงนํ้าจืดปทุมธานี
จังหวดั ปทมุ ธานี เม่ือป พ.ศ. 2554
ปลาบทู รายมลี าํ ตวั คอ นขา งกลม หางแบน ปากกวา งเฉยี งขนึ้ เลก็ นอ ยขากรรไกรลา งยาวกวา ขากรรไกรบนเลก็ นอ ย
ตาเล็กตั้งอยูดานบนของหัว นัยนตาเล็ก รูจมูกคูหนาเปนหลอดยื่นข้ึนมาชิดกับรองเหนือริมปาก ครีบอกไมติดกัน
ครีบหลังมีสองอัน ครีบหางกลมมน มีเกล็ดเล็กละเอียด คลุมตัวต้ังแตขางแกมถึงทั่วตัว ตัวมีสีน้ําตาล อมแดง หรือ
อมเหลืองคล้ํา มีแถบลายเปนรูปไมแนนอนตลอดตัว ท่ีโคนหางมีลายเปนรูปตัววี ครีบใสมีลายประสีคล้ําตลอด
ครีบหางมีแถบสีคล้ํา 3-5 แถบ ดานทองสีจาง เคล่ือนไหวชาในระดับกลางนํ้า แตจะปราดเปรียวเม่ืออยูบนพ้ืนทองนํ้า
และสามารถหยุดการเคลอื่ นไหวไดอ ยางกะทนั หนั ขนาด : ความยาว 20 ซม. ซึ่งตัวท่ีใหญส ดุ ยาวถงึ 70 ซม.ปลาบทู ราย
ไดร ับคดั เลอื กเปนสตั วน ํา้ ประจาํ จังหวัดปทมุ ธานีเมื่อวนั ที่ 11 มนี าคม พ.ศ. 2558
นายพงศธร สัจจชลพันธ นายวนิ ชยั อยุ างกูร
ผวู า ราชการจงั หวดั ปทุมธานี รองผวู า ราชการจงั หวัดปทุมธานี
นายทะนง ทแกลว ทศพล นายเกรยี งไกร สหัสสานนท
ประมงจงั หวดั ปทมุ ธานี ผอู ํานวยการศนู ยว ิจยั และพฒั นาประมงนา้ํ จืดปทุมธานี
สัตวน าํ้ ประจาํ จังหวดั 29
สตั วนา้ํ ประจําจงั หวดั ประจวบคีรขี ันธ
ช่ือสัตวนํา้ ปลานวลจนั ทรท ะเล
ชื่อสามัญ Milkfish
ชอ่ื วทิ ยาศาสตร Chanos chanos (Forsskal, 1775)
ชอ่ื ทองถ่นิ “ปลาดอกไม” หรือ “ปลาชะลิน” หรอื “ปลาทนู า้ํ จดื “
ประวัติความเปนมา ปลานวลจันทรทะเลเปนปลาผิวนํ้า รูปรางเพรียวยาว วายน้ําไดเร็ว อยูรวมกันเปนกลุม
เกลด็ สีเงิน ขนาดโตเต็มท่มี คี วามยาวกวา 1 เมตร น้ําหนักประมาณ 15 กโิ ลกรัม กินอาหารไดหลากหลาย เชน ตะไครน้าํ
ไรน้ํา รํา รวมท้ังอินทรียสารตามพ้ืนบอและผิวน้ําหรือสามารถเล้ียงโดยการใหอาหารสําเร็จรูปในการเลี้ยงแบบหนาแนน
พบอาศยั อยใู นทะเลเขตบรเิ วณทมี่ อี ณุ หภมู สิ งู กวา 20 องศาเซลเซยี ส หรอื ทม่ี กี ระแสนาํ้ อนุ ไหลผา น ปลาโตเตม็ วยั จะอาศยั
อยนู อกเขตชายฝง ใกลห มเู กาะ หรอื ไหลท วปี สว นลกู ปลาวยั ออ นจะเขา มาอาศยั หากนิ ในบรเิ วณชายฝง พบเปน จาํ นวนมาก
ในชวงระหวางเดือนเมษายนถึงพฤษภาคมและพบอีกชวงประมาณเดือนตุลาคมถึงพฤศจิกายนของทุกปประเทศไทย
มีการสํารวจพบลูกปลานวลจันทรเปนครั้งแรกท่ีบริเวณชายฝงทะเลคลองวาฬตําบลคลองวาฬ อําเภอเมือง จังหวัด
ประจวบครี ขี นั ธต งั้ แตป พ ทุ ธศกั ราช 2493 และเปน ชนดิ สตั วน า้ํ ทพี่ ระบาทสมเดจ็ พระเจา อยหู วั ทรงมคี วามสนพระราชหฤทยั
ในการเล้ียงปลานวลจันทรทะเลและมีพระราชดําริในการสงเสริมและพัฒนาอาชีพการเล้ียงปลานวลจันทรทะเล เพ่ือ
ใหพสกนกิ รไดใชเปนอาหารและเพิ่มรายไดในการยังชีพต้งั แตปพุทธศักราช 2508 ท้ังน้ี ไดรบั การประกาศใหเ ปนสัตวน้ํา
ประจาํ จังหวัดประจวบครี ีขนั ธเมอื่ วนั ท่ี 30 มกราคม 2558
นายวรี ะ ศรวี ฒั นตระกูล นางสาวณุวรรณา อนันตกิจไพศาล
ผูว า ราชการจงั หวัดประจวบคีรขี นั ธ รองผูวา ราชการจังหวัดประจวบคีรขี นั ธ
นายมนญู ตันตกิ ุล นายธเนศ พุม ทอง
ประมงจังหวัดประจวบคีรีขนั ธ ผอู าํ นวยการศนู ยว จิ ยั และพฒั นาประมงชายฝง ประจวบครี ขี นั ธ
นายสมพงษ พนั ธบตุ ร
หัวหนา หนวยบริหารจดั การดา นการประมงทะเลอาวนอย
30 สตั วน ้ําประจําจังหวัด
สตั วนํ้าประจําจงั หวัดปราจีนบุรี
ชือ่ สตั วนํ้า ปลาตะโกก
ชื่อสามัญ Soldier river barb
ชอ่ื วทิ ยาศาสตร Cyclocheilichthys enoplus (Bleeker, 1850)
ชอื่ ทองถิ่น ปลาโจก (ภาษาอีสาน) , ปลาถลน หรือ ปลาสลุน (ในแถบแมน าํ้ ตาป)
ประวัติความเปนมา เปนปลานํ้าจืดชนิดหน่ึงมีรูปรางเพรียวยาว หัวเล็ก หางคอด มีหนวด 2 คูอยูริมฝปาก
เกล็ดมีขนาดใหญสีเงิน ครีบหลังยกสูง ครีบหางเวาลึก เปนปลาท่ีมีความปราดเปรียววองไวมาก มักหากินตามพื้น
ทองน้ําอาหารปลาตะโกกสวนใหญเปนพวกหอยสองฝา มีพฤติกรรมชอบอาศัยอยูในแหลงน้ําเชี่ยวและขุนขน ขนาดโต
เต็มท่ีประมาณ 60 เซนติเมตรเปนปลาเศรษฐกิจที่มีความสําคัญชนิดหนึ่ง เนื่องจากเปนปลาขนาดใหญ เน้ืออรอย จึงมี
ราคาคอ นขา งสงู นยิ มบรโิ ภคโดยการปรงุ สด สามารถพบการแพรก ระจายไดใ นประเทศแถบเอเชยี ตะวนั ออกเฉยี งใต ไดแ ก
ไทย เวียดนาม ลาว กัมพชู า สมุ าตรา ชวา และบอรเ นยี ว สาํ หรบั ประเทศไทย สามารถพบไดในลมุ แมน ้าํ ใหญใ นภาคกลาง
และภาคอีสาน เชน แมนํ้าเจาพระยา แมนํ้าแมกลอง แมนํ้าทาจีน แมนํ้าโขงและสาขา รวมท้ังแหลงนํ้าขนาดใหญ
เชน บึงบอระเพ็ดดวยจากการศึกษาของผูเช่ียวชาญในกรมประมง และจากการสอบถามขอมูลจากชาวบานท่ีอาศัย
หากินในลุมแมน้ําปราจีนบุรี พบวาในอดีตจะพบปลาตะโกกมีอยูชุกชุมในลุมน้ําน้ี และไดรับการประกาศใหเปนสัตวน้ํา
ประจําจังหวัดปราจนี บรุ ี เมื่อวนั ท่ี 11 มกราคม 2558
นางสาวจิตรา พรหมชตุ ิมา นายชมุ พล ทรพั ยว โรดม
ผวู าราชการจงั หวัดปราจีนบรุ ี ประมงจงั หวัดปราจีนบรุ ี
นายการุณ อไุ รประสิทธ์ิ
ผูอํานวยการศนู ยวจิ ยั และพฒั นาประมงนํ้าจืดจงั หวัดปราจนี บรุ ี
นายสนธยา ศตรฆุ ทาวุธ
หวั หนา หนวยบรหิ ารจดั การประมงนา้ํ จดื เขอ่ื นขนุ ดานปราการชล นครนายก
สตั วนํ้าประจาํ จังหวดั 31
สัตวน า้ํ ประจาํ จงั หวัดปตตานี
ชื่อสตั วน้าํ ปลาสลิด
ชอื่ สามญั Snake Skin Gourami
ช่อื วิทยาศาสตร Trichogaster pectoralis (Regan, 1910)
ชอื่ ทองถ่ิน ปลาสลดิ ดอนนา ปลาใบไม
ประวัติความเปนมา เปนปลานํ้าจืดท่ีมีลําตัวมีลักษณะหนา และยาวคลายใบไม ในปลาเพศผูครีบหลังมีสวนปลาย
ย่ืนยาว เชนเดียวกับครบี กน ครบี อกมีขนาดใหญ ตาโต ปากเล็กอยูสดุ ปลายจะงอยปาก ครีบหางเวา ต้นื ปลายมน ตัวมสี เี ขยี วมะกอก
หรือสีน้ําตาลคลํ้า มีแถบสีดํายาวตามลําตัวตั้งแตขางแกมจนถึงกลางลําตัว มีแถบเฉียงสีคลํ้าตลอดแนวลําตัวดานขางและหัว ครีบ
มีสีคลํ้า ความยาวลําตัวโดยเฉล่ีย 10 – 16 เซนติเมตร พบขนาดใหญสุดมีความยาวลําตัวถึง 25 เซนติเมตร นับเปนปลาในสกุล
Trichopodus ที่มีขนาดใหญท่ีสุด อาศัยในแหลงน้ําน่ิงท่ีมีพืชน้ําและหญาปกคลุม ระดับนํ้าไมลึกมากนัก มีชื่อเรียกในราชาศัพท
วา “ปลาใบไม” ทั้งนี้เน่ืองจากคําวา “สลิด” เพ้ียนมาจากคําวา “จริต” พระบาทสมเด็จพระจอมเกลาเจาอยูหัว รัชกาลท่ี 4
จงึ ไดทรงแนะนําใหเ รียกปลาสลดิ ในหมูข าราชบริพารวา “ปลาใบไม” เพราะทรงเหน็ วา มีรูปรา งเหมอื นใบไม สําหรับในพื้นท่จี งั หวัด
ปตตานี ปลาสลิดเริ่มเปนท่ีรูจักกันอยางแพรหลาย เม่ือคราวที่สมเด็จพระเจาลูกเธอเจาฟาจุฬาภรณวลัยลักษณ อัครราชกุมารี
ไดเ สด็จฯ ออกหนวยแพทยพระราชทาน ณ โรงเรียนวังกะพอ เมือ่ วนั ท่ี 14 ธันวาคม 2536 ทรงมีพระราชดาํ ริใหจ ังหวดั ปตตานรี วม
กบั กรมประมง และหนว ยบญั ชาการนาวกิ โยธนิ ดาํ เนนิ การทดลองเลย้ี งปลาสลดิ ในโครงการจฬุ าภรณพ ฒั นา 6 พน้ื ทปี่ า สงวนแหง ชาติ
ปาดอนนา บานดอนนา ตําบลบางเขา อาํ เภอหนองจกิ จงั หวัดปต ตานี ซ่งึ เปน พื้นที่ดนิ พรุ และเปรย้ี วจัด เพือ่ ศกึ ษาวิจยั และพฒั นา
การเพาะเลี้ยงปลาสลิดอยางเปนระบบ ใหไดรูปแบบการเล้ียงที่เหมาะสม สอดคลองกับสภาพพ้ืนที่ท้ังในเชิงเศรษฐกิจและสังคม
เปนจุดสาธิตและถายทอดเทคโนโลยีการเพาะเลี้ยงปลาสลิด ทําใหสามารถขยายผลการใชประโยชนจากพ้ืนท่ีดินพรุ และนําไปสู
การสรางอาชีพการเลี้ยงปลาใหแกราษฎร และไดพระราชทานช่ือปลาสลิดโครงการจุฬาภรณพัฒนา 6 วา “ปลาสลิดดอนนา”
จงั หวดั ปต ตานีจึงประกาศให “ปลาสลิด” เปน สัตวนา้ํ ประจําจงั หวัดปตตานี เมอ่ื วันที่ 2 กุมภาพันธ 2558
นายวีรพงค แกว สวุ รรณ วาท่ี ร.ต. สมโภชน สวุ รรณรตั น
ผวู าราชการจังหวดั ปต ตานี รองผูว าราชการจงั หวดั ปตตานี
นายวชั รนิ ทร รกั ษยอดจิตร นายพรพนม พรหมแกว นายโสภณ ออนคง
ประมงจังหวดั ปตตานี ผอู าํ นวยการศนู ยว จิ ยั และ ผอู าํ นวยการศูนยว ิจยั และ
พัฒนาประมงนาํ้ จดื ปต ตานี พฒั นาประมงชายฝงปต ตานี
32 สัตวนํ้าประจาํ จังหวดั
สัตวนาํ้ ประจาํ จังหวดั พระนครศรอี ยธุ ยา
ชือ่ สตั วนํา้ กงุ กามกราม
ชื่อสามัญ Giant fershwater prawn
ชื่อวิทยาศาสตร Macrobrachium rosenbergii (De man, 1879)
ชื่อทอ งถน่ิ กงุ แมน ํา้ , กุงหลวง
ประวัติความเปนมา กุงกามกราม เปนกุงน้ําจืดขนาดใหญ แหลงท่ีอยูอาศัยในแหลงน้ําจืดคนไทยทุกคนรูจัก
กันดี โดยเฉพาะในแมนํ้าเจาพระยาจะพบมากที่สุด ในอดีตเน่ืองจากแมนํ้าเจาพระยามีกระแสน้ําท่ีไหลอยูตลอดเวลา
และไหลลงสูทะเลท่ีอาวไทย วงจรชีวิตของกุงกามกรามจะเจริญเติบโตในนํ้าจืดและมีการขยายพันธุบริเวณปากแมนํ้า
ท่ีเรียกวา นํ้ากรอ ย
จงั หวดั พระนครศรอี ยธุ ยาเปน จงั หวดั ทม่ี แี มน า้ํ 4 สาย คอื แมน าํ้ เจา พระยา แมน า้ํ ปา สกั แมน าํ้ นอ ย และแมน า้ํ ลพบรุ ี
ไหลมารวมกนั ที่เกาะเมืองพระนครศรอี ยธุ ยา ทําใหบรเิ วณแหลง นา้ํ รอบเกาะเมอื งพระนครศรีอยธุ ยามีกงุ กามกรามชกุ ชมุ
และมีตัวโต เพราะมอี าหารอดุ มสมบรู ณจ ากแมน้าํ ท้งั 4 สาย ทาํ ใหจงั หวัดพระนครศรอี ยธุ ยามีช่ือเสยี งเรือ่ งกุง กา มกราม
ท่ีมีขนาดใหญและมีรสชาติ เมื่อนํามาทําเปนอาหารโดยเฉพาะกุงแมนํ้าเผา หรือตมยํากุง และเมนูอ่ืนๆ เปนท่ีรูจักของ
ผูมาอยุธยาตองมากินกุงแมนํ้าเปนเมนูแรก และกุงกามกรามไดรับการประกาศใหเปนสัตวน้ําประจําจังหวัด
พระนครศรีอยธุ ยา เม่อื วันท่ี 23 กมุ ภาพนั ธ 2558
นายอภชิ าติ โตดลิ กเวชช นายวีรร ยทุ ธ ปตุ ระเศรณี
ผวู า ราชการจงั หวดั พระนครศรีอยุธยา รองผวู าราชการจงั หวดั พระนครศรอี ยุธยา
นายประมวล มแี ปน นายวนิ ัย จนั่ ทับทมิ
ประมงจงั หวัดพระนครศรีอยธุ ยา ผูอํานวยการสถาบันวจิ ยั การเพาะเลย้ี งสัตวน ํ้าจืด
นายบุญรวม ศรอี ําพัน
หวั หนา ศนู ยบ รหิ ารจดั การประมงนํ้าจืดภาคกลาง พระนครศรอี ยธุ ยา
สตั วน ํา้ ประจําจงั หวดั 33
สตั วนํ้าประจําจังหวดั พะเยา
ช่ือสตั วนํา้ ปลาบึก
ชอ่ื สามัญ Mekong giant catfish
ชอ่ื วทิ ยาศาสตร Pangasianodon gigas (Chevy, 1930)
ชือ่ ทอ งถน่ิ ปลาบกึ
ประวัติความเปนมา ปลาบึกเปนปลาน้ําจืดประเภทปลาหนัง (catfish) หรือปลาชนิดไมมีเกล็ดที่มีขนาดใหญ
ท่ีสดุ ในโลก ซงึ่ นายเสนห ผลประสทิ ธ์ิ หัวหนาสถานีประมงน้ําจืดพะเยา (ศูนยว จิ ัยและพฒั นาประมงนํ้าจดื พะเยา) และ
คณะสามารถทําการเพาะพันธุปลาบึกที่จับไดจากธรรมชาติในแมนํ้าโขงโดยวิธีผสมเทียมไดสําเร็จเปนคร้ังแรกของโลก
ทบ่ี า นหาดไคร อําเภอเชยี งของ จงั หวดั เชยี งราย เมอ่ื ป พ.ศ. 2526 จนทําใหเปนทีร่ จู กั ไปทว่ั โลก ตอมาในป พ.ศ. 2544
นายยงยุทธ คุณากรสวัสดิ์ ผูอํานวยการศูนยวิจัยและพัฒนาประมงน้ําจืดพะเยา และคณะสามารถทําการเพาะพันธุ
ปลาบกึ จากพอ -แมพ นั ธปุ ลาทเ่ี ลย้ี งไวใ นบอ ดนิ โดยวธิ ผี สมเทยี มไดส าํ เรจ็ เปน ครงั้ แรกของโลก ทศี่ นู ยว จิ ยั และพฒั นาประมง
นํ้าจืดพะเยา สามารถชวยอนุรักษพันธุปลาบึกไวไมใหสูญพันธุ และสงผลใหเกิดการเพาะเลี้ยงปลาบึกในเชิงพาณิชย
นอกจากนี้ในจังหวัดพะเยายังมีมีพิพิธภัณฑปลาบึกซ่ึงจัดแสดงท่ีสถานแสดงพันธุปลานํ้าจืด ภายในศูนยวิจัยและพัฒนา
ประมงน้ําจืดพะเยา เปนแหลงเผยแพรความรูเก่ียวกับการทําการประมงปลาบึกและการเพาะขยายพันธุปลาบึกใหแก
ประชาชน และนกั ทอ งเทย่ี วทเี่ ดนิ ทางมาเยอื นจงั หวดั พะเยา จงั หวดั พะเยาจงึ ประกาศใหป ลาบกึ เปน สตั วน า้ํ ประจาํ จงั หวดั
ตงั้ แตวันท่ี 29 มกราคม พ.ศ. 2558
นายชูชาติ กฬี าแปง นายนิมิต วนั ไชยธนวงศ
ผวู าราชการจังหวดั พะเยา รองผูว าราชการจังหวัดพะเยา
นางสภุ าพนั ธ บุญเจรญิ
นายวิวฒั น ปรารมภ
ประมงจงั หวดั พะเยา ผอู ํานวยการศนู ยว จิ ัยและพัฒนาประมงนาํ้ จดื พะเยา
34 สตั วนํา้ ประจําจังหวัด
สตั วน ํ้าประจาํ จังหวดั พงั งา
ชอื่ สตั วน ้ํา เตา ตนุ
ช่ือสามญั Green turtle
ชอื่ วิทยาศาสตร Chelonia mydas (Linnaeus,1758)
ช่ือทองถิ่น เตาแสงอาทติ ย
ประวตั ิความเปน มา เปน เตาทะเลท่ีมขี นาดคอ นขางใหญแ ละมนี า้ํ หนกั มากเชอื่ วาอายุยืนถงึ 80 ป โดยมคี วามยาว
ตัง้ แตหวั จรดหางประมาณ 1 เมตร น้าํ หนกั ราว 130 กิโลกรมั หวั ปอมส้ัน ปากสั้น เกลด็ เรียงตอกนั โดยไมซอนกัน กระดองหลงั
โคง นนู เลก็ นอ ย ขาทั้ง 4 ลักษณะเปน ใบพาย สีของกระดองดเู ผินๆ มีเพยี งสีนา้ํ ตาลแดงแตถาพจิ ารณาใหล ะเอียด จะพบวา
เกลด็ แตล ะเกลด็ ของกระดองหลงั มสี นี า้ํ ตาลแดงหรอื นาํ้ ตาลอมเขยี ว ขอบเกลด็ มสี อี อ นเปน รอยดา งและมลี ายเปน เสน กระจาย
ออกจากจุดสีแดงปนน้ําตาล คลายกับแสงของพระอาทิตยท่ีลอดออกจากเมฆ จึงมีชื่อเรียกอีกช่ือหนึ่งวา “เตาแสงอาทิตย”
สําหรับในนานน้ําไทย พบเตาชนิดน้ีข้ึนวางไขมากที่เกาะครามและเกาะกระในอาวไทย และทางฝงทะเลอันดามันท่ีอุทยาน
แหงชาติตะรุเตา บนชายหาดและเกาะหลายแหงในจังหวัดภูเก็ตและพังงา ฤดูวางไขในบริเวณอาวไทยเดือนมิถุนายน
จนถึงเดือนกันยายน และฝงทะเลอันดามันเดือนกันยายนจนถึงเดือนกุมภาพันธ จํานวนไขตอคร้ังมีต้ังแต 70-150 ฟอง
เตาตนุขนาดโตเต็มท่ีจะวายนํ้าหากินไปเร่ือยๆ แตจะกลับมาวางไขบนชายหาดที่ถือกําเนิด เนื่องจากจังหวัดพังงาเปนเมือง
แหงเตาทะเล จงึ ประกาศใหเปน สัตวนาํ้ ประจาํ จังหวัดพังงา เมอื่ วันท่ี 22 มกราคม 2558
นายประยูร รตั นเสนยี นางอําพัน รงุ แจง
ผวู า ราชการจังหวัดพังงา รองผวู า ราชการจังหวัดพังงา
นายจริ พงศ นตุ ะศะรนิ นายสุภาพ ไพรพนาพงศ
ประมงจังหวดั พังงา ผูอ ํานวยการศูนยว ิจยั และพฒั นาประมงชายฝงพงั งา
นายประสาน ศรีงาม นายสมพร คาํ สุวรรณโณ
หวั หนา หนวยบรหิ ารจัดการประมงทะเลเกาะสิมิลัน พงั งา หวั หนา หนว ยบรหิ ารจดั การประมงทะเลเกาะสรุ นิ ทร พงั งา
สัตวน า้ํ ประจําจังหวดั 35
สัตวน ้ําประจําจงั หวัดพทั ลุง
ชื่อสัตวน า้ํ ปลาลาํ ปา
ช่อื สามญั Schwanenfeld’s Tintoil barb
ช่อื วทิ ยาศาสตร Barbodes schwanenfeldi (Bleeker, 1854)
ชื่อทอ งถน่ิ ปลาลําปา เลยี นไฟ กระแหทอง ตะเพียนหางแดง
ประวตั ิความเปน มา ปลาลาํ ปา เปนปลาน้ําจดื มเี กลด็ อยใู นวงศปลาตะเพียน รปู รา งปอมสั้น ลําตัวแบน ขางหวั
มขี นาดเลก็ จะงอยปากส้ันทู นยั ตาเล็ก ปากเล็กและอยปู ลายสดุ เกล็ดมขี นาดใหญ สีพ้นื ของลําตัว เปน สีขาวเงิน หรอื
สเี หลอื งปนแดง กระโดงหลงั สแี ดง และมแี ถบดาํ ทป่ี ลายกระโดงขอบบนและลา งของครบี หางมแี ถบสดี าํ ขา งละแถบ จดั เปน
ปลาพ้ืนเมอื งของไทย พบมีการแพรก ระจายในแมน ้ําลาํ คลอง หนองบึง ท่วั ทกุ ภาค ทาํ ใหมชี ือ่ เรยี กแตกตา งกนั ตามภาษา
ทองถิ่น เชน พบภาคกลาง เรียกกระแห ตะเพียนหางแดง หรือกระแหทอง ภาคใตเรียกวา ลําปา ภาคอีสานเรียกวา
ปลาเลียนไฟ ปลาลําปากนิ พชื พันธไุ มน ํา้ ตัวออนแมลงน้ํา ซากสตั วแ ละพืช ที่เนา เปอ ย ขนาดความยาวตง้ั แต 15 – 35 ซม.
ในอดตี ปลาลาํ ปา จะมชี กุ ชมุ ในทะเลสาบสงขลาเขตอาํ เภอเมอื งพทั ลงุ ผคู นจงึ เอาชอ่ื ปลาชนดิ นมี้ าตงั้ ชอ่ื บา นวา “บา นลาํ ปา ”
ปจ จุบันเปน ตําบลลาํ ปา อยใู นเขตเทศบาล เมืองพัทลงุ จงั หวัดพทั ลุง และตัง้ ชือ่ บริเวณปากนา้ํ คลองลําปา ติดกบั ทะเลสาบ
วา “หาดแสนสุขลําปา” ขณะน้ีศูนยวิจัยและพัฒนาประมงน้ําจืดพัทลุง ไดเพาะพันธุปลาลําปา เพื่อปลอยในแหลงน้ํา
ธรรมชาตแิ ละใหเ กษตรกรนาํ ไปเลย้ี งในบอ ทกุ อาํ เภอของจงั หวดั พทั ลงุ จงั หวดั พทั ลงุ จงึ ไดก าํ หนดประกาศให “ปลาลาํ ปา ”
เปนสัตวน ํา้ ประจาํ จังหวดั พัทลุง เมอ่ื วันท่ี 18 กมุ ภาพนั ธ 2558
นายวินัย บวั ประดษิ ฐ นายสมเกียรติ สุวรรณนมิ ติ ร
ผวู าราชการจงั หวดั พทั ลุง รองผวู า ราชการจังหวัดพทั ลุง
นายสทิ ธิสาร ศรีชุมพวง
นายวิชยั วัฒนกลุ
ประมงจังหวัดพัทลุง ผูอาํ นวยการศนู ยว จิ ัยและพฒั นาประมงนาํ้ จดื พทั ลุง
นายสิทธพิ ล เมอื งสง
หวั หนา หนว ยบรหิ ารจดั การดานการประมงจงั หวดั พทั ลุง
36 สตั วน้าํ ประจาํ จงั หวัด
สตั วนา้ํ ประจําจังหวดั พิจติ ร
ชอ่ื สัตวน้ํา จระเขนํา้ จดื
ชื่อสามัญ Siamese crocodile
ชอ่ื วทิ ยาศาสตร Crocodylus siamensis (Schneider, 1801)
ช่ือทองถน่ิ จระเขบ ึง จระเขน า้ํ จืดสายพนั ธุไทย
ประวัติความเปนมา จระเขนํ้าจืด ลักษณะท่ัวไป รูปรางลําตัวปอมสั้น ปากคอนขางทู มีเกล็ดตรงบริเวณ
ทายทอย 4 เกล็ด ขนาดความยาวประมาณ 2.00-3.60 เมตร เปนสัตวประเภทกินเน้ือเปนอาหาร ไดแก สัตวน้ําและ
สตั วบ กทล่ี งไปหากนิ บรเิ วณชายนาํ้ โดยในอดตี ถนิ่ อาศยั สามารถพบทว่ั ไปตามแหลง นาํ้ จดื สนทิ ในแมน า้ํ ลาํ คลอง หนองบงึ
ในแมนา้ํ ทา จนี แมน ํา้ เจาพระยา ตัง้ แตอ ยุธยา ชยั นาท นครสวรรค พิจิตรข้ึนไปจนถงึ อตุ รดิตถ และจงั หวัดพจิ ติ รมตี ํานาน
ท่ีของเก่ียวกับจระเขน้ําจืดจนเปนที่เลื่องลือ คือตํานานเมืองชาละวัน ซึ่งตรงกับพระราชนิพนธ บทละครนอกของ
รัชกาลท่ี 2 พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหลานภาลัย เรื่องไกรทอง จังหวัดพิจิตรจึงไดช่ือวามีความเกี่ยวของกับ
จระเขน้ําจืด หลายคนรูจักจังหวัดพิจิตรเนื่องจากเปนเมืองพญาชาละวัน ดังนั้นจึงไดกําหนดประกาศใหสัตวนํ้าชนิดน้ี
เปนสตั วนํ้า ประจําจังหวดั พจิ ติ ร เมอ่ื วนั ท่ี 29 มกราคม 2558
นายสุรชยั ขันอาสา นายสทุ ธา สายวาณิชย
ผูวา ราชการจงั หวดั พิจิตร รองผูว าราชการจังหวัดพจิ ติ ร
นายณรงค เกษสวุ รรณ
นายประวทิ ย ละออบุตร
ประมงจงั หวดั พจิ ิตร ผอู ํานวยการศูนยวจิ ัยและพฒั นาประมงน้าํ จืดพิจติ ร
นายนกิ ร กนั คมุ
นายไพศาล สุขปุณพันธุ
หัวหนา ศูนยจ ักรกลประมงพิจติ ร หวั หนาศนู ยบริหารจดั การประมงนาํ้ จดื
ภาคเหนอื ตอนลาง พิษณโุ ลก
สัตวนํา้ ประจําจังหวัด 37
สัตวน ้ําประจาํ จังหวดั พษิ ณโุ ลก
ชือ่ สัตวน้ํา ปลากดแกว
ชื่อสามัญ Red tail Mystus
ชื่อวิทยาศาสตร Hemibagrus wyckioides (Fang & Chaux, 1949)
ชอื่ ทองถน่ิ ปลากดคงั ปลากดหางแดง ปลากดขา งหมอ ปลากดเขี้ยว
ประวตั ิความเปนมา ปลาแกว หรอื กดคงั เปน ปลาทม่ี ีรูปราง ยาวเพรยี ว สวนหวั แบนกวาง ดา นบนของหวั เรียบ
ลําตวั ดานบน มสี ีมวง-เทาปนดาํ สวนทองขาว ปากกวาง จะงอยปากทู ตาํ แหนงของปากอยตู ่าํ ฟนคม ตาไมมเี ยือ่ หุมและ
อยูระดับเดียวกับมุมปาก มีหนวด 4 คู ครีบหูมีสีเทาดํา ครีบหางเวาลึกแฉกบนยาวกวาแฉกลาง ครีบหางมีสีแดงเขม
มากกวาครีบอน่ื ๆ ปลากดคงั จดั เปน ปลาขนาดใหญ ในธรรมชาตพิ บปลาขนาดต้งั แต 1 - 3 กก. ความยาว 30 - 50 ซม.
ขนาดใหญทสี่ ดุ ทีเ่ คยพบ ความยาว 150 ซม. นํ้าหนัก 30 กก. เปน ปลาท่ีมีถิ่นอาศยั ในแมน ้าํ สายหลกั ของจงั หวัดพษิ ณโุ ลก
คือ แมน าํ้ นา น แมน้ํายม แมน าํ้ แควนอ ย และแมนํ้าวังทอง และไดรบั การประกาศใหเ ปนสัตวน้ําประจาํ จงั หวัดพิษณโุ ลก
เมื่อวันท่ี 9 มกราคม 2558
นายจักรนิ เปล่ียนวงษ นายวทิ ูรัช ศรนี าม
ผูวาราชการจงั หวดั พิษณโุ ลก รองผวู าราชการจงั หวดั พิษณโุ ลก
นางนติ ยา ทักษญิ นายอุดมชัย อาภากลุ อนุ
ประมงจังหวดั พิษณุโลก ผูอ าํ นวยการศูนยว ิจยั และพัฒนาประมงน้าํ จืดพษิ ณุโลก
นายไพศาล สขุ ปณุ พนั ธุ
หัวหนา ศูนยบ ริหารจดั การประมงนา้ํ จืดภาคเหนือตอนลาง พษิ ณุโลก
38 สัตวน ํ้าประจาํ จังหวดั