สัตวน้ําประจําจงั หวัดเพชรบุรี
ชอ่ื สัตวน ้ํา ปลาเวยี น
ชอื่ สามัญ Greater brook carp, Thai mahseer
ช่ือวทิ ยาศาสตร Tor tambroides (Bleeker, 1854)
ชื่อทอ งถิน่ -
ประวตั คิ วามเปน มา เปน ปลานาํ้ จดื ทอี่ ยใู นวงศป ลาตะเพยี น รปู ทรงคลา ยคลงึ กบั ปลาตะเพยี น แตล าํ ตวั ยาวกวา
มีสสี ันสะดุดตากวา ลาํ ตวั มสี ฟี าอมเขียว บรเิ วณสวนหลงั เขยี วเขม เกล็ดโต แตล ะเกลด็ จะมจี ดุ สีน้ําเงนิ เล็กๆ เรียงกนั เปน
วงดูคลายเปนรางแหอยูทั่วตัว ทุกครีบมีสีน้ําเงินเขม หัวมีขนาดคอนขางเล็ก เมื่อเทียบกับลําตัว มีหนวดยาวอยู 2 คู
ตรงบริเวณจะงอยปากและมุมปาก โดยที่หนวดตรงมุมปากจะยาวกวา ริมฝปากหนา นัยนตาคอนขางจะเล็ก ปลาเวียน
เปนปลาที่มีลักษณะคลายปลาพลวงซ่ึงมองดูลักษณะจะเหมือนกันมาก แตปลาเวียนจะแตกตางจากปลาพลวงคือ จะมี
แผนปดอยูใตคาง (Medien lobe) แตปลาพลวงจะไมมี ซ่ึงจะเปนอวัยวะที่ใชจําแนกตระกูลปลาเวียนและปลาพลวง
ปลาเวยี นเปน ปลานา้ํ จดื ของไทยอกี ชนดิ หนง่ึ ทหี่ ายากใกลส ญู พนั ธุ มขี นาด 40 - 50 เซนตเิ มตร เนอ้ื ของปลาชนดิ นนี้ มุ ละเอยี ด
รสชาตอิ รอ ยเตม็ ไปดว ยไขมนั อกี ทง้ั ยงั สามารถจดั ปลาชนดิ นเ้ี ปน ปลาสวยงามทห่ี ายากอกี ชนดิ หนง่ึ ทม่ี รี าคาแพง นอกจากนี้
ปลาเวยี นยงั ไดร บั การกลา วขานวา เปน ปลาประจาํ จงั หวดั เพชรบรุ ี ในปจ จบุ นั พบวา ปลาชนดิ นมี้ จี าํ นวนลดนอ ยลงอยา งมาก
ปลาเวียนไดร บั การประกาศเปนสตั วน้ําประจาํ จงั หวัดเพชรบรุ ี เม่ือวันที่ 30 มกราคม 2558
นายมณเฑียร ทองนิตย นายไกร บญุ บันดาล
ผูวา ราชการจังหวดั เพชรบุรี รองผวู าราชการจังหวัดเพชรบรุ ี
นายจติ จรญู ตนั ตวิ าลา นายโยธิน เทอดวงศวรกุล
ประมงจังหวัดเพชรบุรี ผอู ํานวยการศนู ยว ิจัยและพฒั นาประมงนํา้ จดื เพชรบุรี
นางสาวศิริ วัดสวา ง
หวั หนา หนวยบริหารจดั การประมงนํ้าจดื เข่ือนแกง กระจาน เพชรบรุ ี
สัตวน้าํ ประจาํ จงั หวัด 39
สัตวน า้ํ ประจําจังหวดั เพชรบรู ณ
ชอ่ื สตั วนาํ้ แมงกะพรุนนํ้าจดื
ช่อื สามัญ Freshwater jellyfish
ช่ือวทิ ยาศาสตร Craspedacusta sowerbyi (Lankester,1880)
ช่ือทองถนิ่ แมงยุมแยะ แมงยุมวะ
ประวตั คิ วามเปน มา เปน แมงกะพรนุ นาํ้ จดื สายพนั ธนุ า้ํ ไหลบนภเู ขา เปน สายพนั ธดุ กึ ดาํ บรรพท มี่ แี หง เดยี วในประเทศไทย
พบเมอ่ื ป 2544 บรเิ วณแกง บางระจนั และแกง วงั นาํ้ เยน็ ของลาํ นาํ้ เขก็ นบั เปน แหลง ท่ี 5 ของโลก หลงั จากพบทอี่ งั กฤษ สหรฐั อเมรกิ า
รสั เซีย และญปี่ ุน มลี าํ ตัวขนาดเล็กมาก สีขาวใสโปรง แสง เสน ผาศนู ยกลางลําตวั 1-2 เซนติเมตร เมอื่ จบั ขน้ึ มาพน นํ้าจะมองคลาย
คอนแทคเลนส ขอบรา งกายมีหนวดเล็กๆ ท่มี ผี ิวเปน ปุมเลก็ ๆ จํานวนมาก ซง่ึ เปนเข็มพิษ เมื่อสมั ผัสเกดิ อาการคัน หรือปวดแสบ
ปวดรอ นได กลางลาํ ตวั มปี ากทยี่ น่ื ยาวคลา ยแตรทขี่ ยายออกบรเิ วณชอ งเปด ดา นลา ง บรเิ วณขอบลกั ษณะเปน รอยหยกั 3 แฉก ปาก
ดังกลาวจะเช่ือมตอถึงกระเพาะอาหารโดยตรง ดานในของรางกายมีลักษณะคลายรม มีเนื้อเยื่อบางๆทอดผานไปบริเวณขอบใน
แนวรศั มี 4 สวนเทา ๆ กัน โดยแนวเหลานจี้ ะมีอวัยวะสรา งเซลลส บื พันธุท ีม่ ีลักษณะสขี าวขุน หรือสีสม พาดไปในแนวรศั มีเชนกัน
บรเิ วณขอบดา นในของรา งกายที่มลี ักษณะคลา ยรม มกี ลา มเนื้อบางๆ เรยี งตวั ในแนววงแหวนโดยรอบ วา ยนํา้ ไดโ ดยการกระพือ
ขอบรมเปนจงั หวะ จะปรากฏตวั ใหเ หน็ บนผวิ น้ําในชวงกลางวนั แดดจดั ตงั้ แตเวลา 10.00-16.00 น. แมงกะพรุนนา้ํ จืดมคี วาม
เปราะบาง และออนไหวตอสภาพแวดลอม จึงเปนดัชนีชี้วัดความสมบูรณของระบบนิเวศลําน้ําเข็กไดเปนอยางดี สามารถพบได
ที่อุทยานแหงชาติทุงแสลงหลวง แกงบางระจัน ต.หนองแมนา อ.เขาคอ จ.เพชรบูรณ ในชวงเดือนมีนาคม-พฤษภาคม เทาน้ัน
ซ่งึ จงั หวัดเพชรบรู ณไ ดประกาศใหแมงกะพรนุ นํ้าจืด เปน สัตวนา้ํ ประจาํ จังหวัดเพชรบูรณ เม่ือวนั ที่ 30 มกราคม 2558
นายบัณฑิตย เทวีทิวารักษ นายฉัตรพร ราษฎรดุษดี
ผูวา ราชการจังหวัดเพชรบูรณ รองผูว าราชการจงั หวดั เพชรบูรณ
นายสุชาติ เตชนราวงศ นายวัฒนา ร้ิวทอง
ประมงจงั หวัดเพชรบูรณ ผอู ํานวยการศนู ยวจิ ยั และพฒั นาประมงน้าํ จดื เพชรบูรณ
นายประพล อิสโร
หวั หนาหนว ยบรหิ ารจดั การประมงนา้ํ จดื เขื่อนปา สกั ชลสทิ ธิ์ สระบรุ ี
40 สัตวน ้าํ ประจําจงั หวดั
สตั วน้ําประจาํ จังหวัดแพร
ชอ่ื สตั วนํ้า ปลากาดํา
ชื่อสามัญ Black sharkminnow
ชื่อวิทยาศาสตร Labeo chrysophekadion (Bleeker, 1849)
ชอ่ื ทอ งถ่ิน ปลาเพี้ย อีตู หรือ อกี าํ่
ประวัติความเปนมา ปลากาดํา เปนปลานํ้าจืดท่ีมีเกล็ดสีดําสนิท ลักษณะรูปรางคลายปลาตะเพียน อยูใน
วงศ ปลาตะเพียน Cyprindae วงศยอย Cyprinidae - Labeonini มีรูปรางปอม แตหลังปองออก ครีบหลังสูง ไมมี
กานครีบแข็ง มีหนวดคอนขางยาว 2 คูและมีติ่งเล็กๆ เปนชายครุยอยูรอบบริเวณริมฝปาก เกล็ดเล็กมีสีแดงแซมอยูใน
แตละเกล็ด ครีบหางเวาลึก ลําตัวสีดําหรือสีนํ้าตาลเขม อันเปนที่มาของชื่อ ในปลาวัยออนบริเวณโคนหางมีจุดดําเดน
เม่อื โตข้นึ มาจะจางหาย มีขนาดโตเตม็ ทปี่ ระมาณ 60 ซ.ม. มักหากินตามพื้นทองน้าํ โดยการแทะเล็มตะไครห รอื สาหรา ย
พบในแมน้ําขนาดใหญและแหลงน้ํานิ่งตางๆ ท่ัวประเทศ ในภาคเหนือ พบในแมน้ําสายหลักสําคัญ เชน แมนํ้าปง วัง
ยม นาน และเขื่อนสําคัญ เชน เช่ือนสิริกิติ์ เขื่อนกิ่วลม เปนตน ปลากาดํามีรสชาติดี ประชาชนในจังหวัดภาคเหนือ
นิยมนํามาประกอบอาหารประเภทลาบ ในป พ.ศ. 2533 ศูนยวจิ ัยและพัฒนาประมงน้ําจดื แพร ไดท ําการศกึ ษาทดลอง
เพาะขยายพันธุปลอยลงสูแหลงน้ําธรรมชาติ เพ่ือฟนฟูพันธุปลาไทยมิใหสูญพันธุ รวมท้ังจําหนายใหเกษตรกรนําไป
เพาะเล้ียงเปนอาหาร จนปลากาดําไดแพรหลายในแหลงน้ําธรรมชาติตางๆ ของจังหวัดแพรจนถึงปจจุบัน และไดรับ
การประกาศใหเปนสัตวน ํา้ ประจาํ จังหวดั แพร เมื่อวนั ท่ี 30 มกราคม 2558
นายศกั ดิ์ สมบุญโต นายธนากร อ้งึ จิตไพศาล
ผูวา ราชการจงั หวดั แพร รองผวู า ราชการจังหวดั แพร
นายเจรญิ อสิ ระเสรี นายนิพนธ อปุ การตั น
เจาพนักงานประมงอาวุโส รักษาราชการแทน ผอู ํานวยการศูนยวิจัยและพฒั นาประมงนํา้ จดื แพร
ประมงจังหวัดแพร
สตั วน ํา้ ประจาํ จงั หวัด 41
สตั วนา้ํ ประจําจงั หวัดภเู กต็
ช่ือสัตวน ้ํา หอยมกุ จาน
ชอื่ สามัญ Pearl shell, Pearl oyster
ชอ่ื วิทยาศาสตร Pinctada maxima (Jameson, 1901)
ชือ่ ทอ งถ่ิน หอยมกุ ขอบทอง มุกเซาทซ ี
ประวัติความเปนมา หอยมุกเปนสัตวน้ําท่ีมีความสําคัญทางเศรษฐกิจมากเพราะเปนแหลงกําเนิดของ
อัญมณี มีคาชนิดหน่ึงของโลกท่ีรูจักกันในนามของ “ไขมุก” จังหวัดภูเก็ตเปนจังหวัดแรกๆของประเทศไทยที่เริ่มมีการ
เลี้ยงหอยมุกเมื่อประมาณ 30 ปที่ผานมา หอยมุกจาน เปนหนึ่งในชนิดของสัตวนํ้าของจังหวัดภูเก็ตท่ีมีลักษณะโดดเดน
เปนหอยขนาดใหญ เปลือกมีลักษณะแบน ดานหลังตรง ซึ่งเปนสวนที่เปนบานพับ ดานทองจะโคงเปนรูปครึ่งวงกลม
ขนาดใหญสุดมีความยาวประมาณ 25 – 30 ซม. นิยมนําสว นของเปลือกมาทําเปนเครอ่ื งประดบั สว นเน้ือนาํ ไปประกอบ
อาหาร นอกจากนย้ี งั นยิ มนํามาทาํ การเล้ียงเพือ่ ผลิตมกุ ชนิดเมด็ สาํ หรบั ทาํ เปน เครื่องประดบั เนื่องจากเปนมุกที่มคี ุณภาพ
ดที ี่สดุ ซ่งึ แหลงทน่ี ยิ มเลย้ี งและผลิตมกุ พบมากที่ อาวยน อาวสะปา เกาะรงั ใหญ อาํ เภอเมืองภเู กต็ และเกาะนาคา อาํ เภอ
ถลาง จงั หวดั ภเู ก็ต ซึง่ จังหวดั ภูเก็ตไดช อ่ื วาเปนแหลงผลติ มกุ ทดี่ ีทส่ี ดุ ในประเทศไทย และเมอ่ื ป พ.ศ. 2550 จังหวดั ภูเกต็
ไดจัดสงคําขอขึ้นทะเบียนสิ่งบงช้ีทางภูมิศาสตร “มุกภูเก็ต” ไปยังกรมทรัพยสินทางปญญา ประกอบกับคําขวัญประจํา
จังหวัดภูเกต็ ท่ีมีคําวา “ไขม กุ อนั ดามัน สวรรคเ มืองใต...” สง ผลใหค ณะกรรมการคัดเลอื กปลาหรอื สตั วน าํ้ ประจาํ จังหวัด
ภูเก็ต ไดม ีมตเิ มอ่ื วันท่ี 17 มิถนุ ายน 2558 ประกาศให หอยมกุ จาน เปน สัตวน ้ําประจําจังหวดั ภเู ก็ต
นายนิสติ จนั ทรสมวงศ นายพลั ลภ สงิ หเสนี
ผวู าราชการจงั หวัดภเู ก็ต รองผูว า ราชการจังหวดั ภเู กต็
นายพิษณุ นาอนนั ต นายธวัช ศรีวรี ะชยั
ประมงจังหวัดภูเก็ต ผูอํานวยการศูนยว จิ ยั และพฒั นาประมงชายฝงภูเกต็
นายสชุ าติ แสงจันทร นายธรี ะพงษ อภัยภักดี
ผูอาํ นวยการศนู ยวจิ ัยและพฒั นาประมงทะเลฝง อนั ดามัน หัวหนากลุม พฒั นาและสง เสริมอาชพี การประมง
42 สตั วนํ้าประจาํ จงั หวดั
สัตวน ํา้ ประจาํ จงั หวดั มหาสารคาม
ชอ่ื สัตวนํ้า ปทู ูลกระหมอม
ชอ่ื สามัญ Mealy crab
ชอ่ื วทิ ยาศาสตร Thaipotamon chulabhorn (Naiyanetr, 1993)
ชอื่ ทองถ่นิ ปแู ปง
ประวัติความเปนมา ปูทูลกระหมอมหรือเดิมที่ชาวบานเรียกกันวา “ปูแปง” เปนปูน้ําจืดที่มีสีสันสวยงาม
พบท่ัวไปในปาดูนลําพนั บรเิ วณรอบๆหนองดูน ปูทลู กระหมอ มไดีรบั การตรวจสอบทางวิชาการครั้งแรกเม่ือป พ.ศ. 2536
โดยศาสตราจารยไพบูลย นัยเนตร ภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร จุฬาลงกรณมหาวิทยาลัย รวมกับผูเช่ียวชาญ
จากพิพธิ ภัณฑประวตั ิศาสตรทางธรรมชาติ ( National Museum of Natural History, Leiden, The Netherlands)
ประเทศเนเธอรแลนด พบวาเปนปูนํ้าจืดชนิดใหมของโลกอยูในกลุมปูปา มีสีสันสวยงาม กระดองสีมวงเปลือกมังคุด
ขอบเบาตา ขอบกระดอง ขาเดินท้ัง 4 คูและกามหนีบท้ัง 2 ขาง มีสีเหลืองสม ปลายขาขอสุดทายและปลายกามหนีบ
มีสีขาวงาชาง ท่ีมาของช่ือ “ปูทูลกระหมอม” สืบเนื่องมาจากในป พ.ศ. 2536 เปนปที่สมเด็จพระเจาลูกยาเธอเจาฟา
จุฬาภรณวลัยลักษณ อัครราชกุมารี ทรงเจริญพระชนมายุครบ 3 รอบ ในฐานะท่ีพระองคทรงเปนผูนําและมีพระปรีชา
สามารถในงานดานวิทยาศาสตร จุฬาลงกรณมหาวิทยาลัยจึงไดกราบทูลขอพระราชทานพระอนุญาต อัญเชิญพระนาม
ของพระองคมาเปนนามของปูนํ้าจืดชนิดนี้และไดรับพระราชทานอนุญาตใหเรียกช่ือปูชนิดนี้วา “ปูทูลกระหมอม”
โดยมีช่ือวิทยาศาสตรวา Thaipotamon chulabhorn เพื่อเปนเกียรติประวัติแกวงการดานอนุกรมวิธานดานปู
ของไทยซง่ึ ถอื เปน เกยี รตปิ ระวตั ขิ องประเทศไทยทมี่ ปี ซู ง่ึ มคี วามสวยงามชนดิ ใหมแ ละพบเพยี งแหง เดยี วทเ่ี ขตหา มลา สตั วป า
ดนู ลําพนั เทานั้น และไดรับคัดเลอื กใหเ ปน สตั วน า้ํ ประจําจังหวดั มหาสารคามเมอื่ วันท่ี 30 มกราคม พ.ศ. 2558
นายชยาวุธ จันทร นายไกรสร กองฉลาด
ผูว า ราชการจังหวดั มหาสารคาม รองผวู าราชการจงั หวัดมหาสารคาม
นายชโนวาท ประจกั ษว งศ นายมารุต ทรพั ยสขุ สาํ ราญ
ประมงจงั หวดั มหาสารคาม ผอู าํ นวยการศนู ยว จิ ยั และพฒั นาประมงนา้ํ จดื มหาสารคาม
สตั วนาํ้ ประจําจังหวัด 43
สตั วน ํ้าประจาํ จงั หวดั มุกดาหาร
ช่อื สตั วน้าํ ปลาคัง
ช่อื สามญั Asian redtail catfish
ชื่อวทิ ยาศาสตร Hemibagrus wyckioides (Fang & Chaux, 1949)
ชอ่ื ทอ งถน่ิ ปลากดแกว, ปลากดเขี้ยว
ประวัตคิ วามเปน มา เปนปลานาํ้ จืดชนิดหน่ึง อยูในวงศปลากด (Bagridae) ทม่ี ขี นาดโตเตม็ ท่ีราว 1.5 เมตร
หนกั ไดถ งึ 100 กโิ ลกรมั แตท พ่ี บโดยเฉลย่ี จะมขี นาดประมาณ 50 - 60 เซนตเิ มตร ลาํ ตวั มสี เี ทาออ นอมฟา หรอื เขยี วมะกอก
ทองสีจาง ครีบหางและครีบอ่ืนๆ มีสีแดงสดหรือสีสมสด ไมมีแถบขาวบนขอบครีบหางสวนบนเหมือนปลากดชนิดอื่นๆ
พบในแมนํ้าของไทยทุกภาค และในแหลงน้ํานิ่งขนาดใหญ นิยมนํามาบริโภคโดยการปรุงสด ลวก จ้ิม หรือยํา มีราคา
คอนขางแพง มีการเลี้ยงในกระชังในแมน้ํา และยังเล้ียงเปนปลาสวยงามไดอีกไดรับการประกาศใหเปนสัตวน้ําประจํา
จงั หวดั มกุ ดาหาร เมื่อวันที่ 16 มนี าคม 2558
นายสกลสฤษฏ บญุ ประดิษฐ นายสรสิทธิ์ ฤทธส์ิ รไกร
ผูว าราชการจงั หวัดมุกดาหาร รองผวู าราชการจังหวัดมุกดาหาร
นายสุรพงษ ศิรเิ วช นายเฉลมิ พล เพช็ รรัตน
ประมงจังหวัดมกุ ดาหาร ผอู าํ นวยการศูนยวจิ ัยและพัฒนาประมงน้าํ จืดมุกดาหาร
นายบญุ สง พานชยั ภูมิ
หวั หนาดานตรวจสัตวนาํ้ จงั หวดั มกุ ดาหาร
44 สตั วน้ําประจําจงั หวัด
สตั วน า้ํ ประจําจังหวดั แมฮ อ งสอน
ชื่อสตั วนํ้า กบภูเขา หรอื เขียดแลว
ชอ่ื สามัญ Wild mountain frog, Giant asian river frog
ชอ่ื วทิ ยาศาสตร Rana blythii (Boulenger, 1920)
ช่อื ทอ งถนิ่ กบทูต (ภาคใต) เขียดแลว (ภาคเหนือ)
ประวัติความเปนมา เขียดแลว หรือ กบทูต เปนกบภูเขาชนิดหน่ึงท่ีมีขนาดใหญเปนอันดับสองของโลก
พบตามบริเวณภูเขาสูงในประเทศไทยแถบภาคเหนือ ภาคกลาง บริเวณลําธารภูเขาที่มีปาชุมช้ืน มีอากาศเย็น
ความช้ืน สัมพัทธสูง และมีหมอกมาก สวนภาคใตจะพบตามแถบปาสวนยางและปาชุมช้ืนที่มีแหลงนํ้าลําธาร
ปจจุบัน กระทรวงเกษตรและสหกรณ ไดประกาศใหเขียดแลวเปนสัตวปาคุมครองตามกฎกระทรวงฉบับท่ี 4 (2537)
ลงวนั ที่ 10 พฤศจกิ ายน 2537 ตามความในพระราชบญั ญตั สิ งวนและคมุ ครองสตั วป า พ.ศ. 2535 กรมประมง ไดเ รมิ่ ดาํ เนนิ
การศึกษาวิจัยเขียดแลวและประสบความสําเร็จในการเพาะขยายพันธุท่ี สถานีประมงน้ําจืดจังหวัดแมฮองสอน มาต้ังแต
ป 2530 ปจจบุ นั สามารถผลิตลกู เขียดแลวไดในปรมิ าณ 50,000 ตวั ตอ ป และไดนาํ ลูกเขยี ดแลวทีเ่ พาะพันธไุ ดใ นแตล ะป
ปลอยลงในแหลง ธรรมชาตเิ พ่ืออนุรักษพ ันธแุ ละไดขยายผลดงั แนวทางตามพระราชดําริของพระบาทสมเด็จพระเจา อยูห ัว
ทที่ รงพระราชทานใหก รมประมง เม่อื วนั ที่ 19 มีนาคม พุทธศักราช 2534 ณ พระตําหนกั ภพู งิ คราชนเิ วศน คอื “ใหกรม
ประมงดําเนินการเพาะขยายพันธุปลาในแมน้ําปาย และพันธุเขียดแลว เพื่อปลอยคืนสูธรรมชาติและศึกษาทดลองเพื่อ
ขยายผล ไปสูราษฎรตอ ไป โดยไดร ับคัดเลือกเปนสตั วน ้าํ ประจําจงั หวดั แมฮ องสอน เม่อื วนั ที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2558
นายสรุ พล พนสั อาํ พล นายสุวพงศ กิติภทั ยพบิ ูรย
ผวู าราชการจงั หวัดแมฮอ งสอน รองผูวาราชการจังหวัดแมฮ องสอน
นายณัฐพล ฤกษสงั เกตุ นายพงษพันธ สุนทรวภิ าต
ประมงจงั หวัดแมฮองสอน ผอู าํ นวยการศนู ยว จิ ยั และพฒั นาประมงนาํ้ จดื แมฮ อ งสอน
สตั วน า้ํ ประจาํ จังหวดั 45
สัตวนํ้าประจาํ จงั หวดั ยโสธร
ชอ่ื สตั วน ํ้า ปลาชะโอน
ชอ่ื สามัญ Butter catfish
ชอ่ื วทิ ยาศาสตร Ompok bimaculatus (Bloch, 1794)
ชอ่ื ทองถิน่ ปลาเซียม สยมุ พร เนื้อออ น
ประวตั คิ วามเปน มา ปลาชะโอน เปน ปลานาํ้ จดื ไมม เี กลด็ เปน ปลาในตระกลู ปลาเนอ้ื ออ นทปี่ ระกอบดว ยปลาแดง
ปลาน้ําเงิน ปลาปกไก ฯลฯ เปนปลาพื้นเมืองของไทย เปนปลาที่อาศัยอยูในแมนํ้าลําคลองที่มีกระแสน้ําไหลเบาๆ หรือ
นํา้ นง่ิ อาศัยอยรู วมกันเปนฝูง กนิ ลูกปลาขนาดเลก็ เปน อาหาร ขนาดโตทสี่ ุดทพ่ี บในธรรมชาตมิ คี วามยาวประมาณ 50 ซม.
และจังหวัดยโสธร ก็มีปลาเซียมชุกชุมต้ังแตในอดีต จะเห็นไดจากการนํามาเปนกลอนรําเซิ้งวา “ยโสธร ถิ่นน้ี ดินกะดํา
นํ้ากะซุม ปลากุมเลนน้ําบุน หมุนปานวาแขแกงหางปลาเซียมเลนน้ําบอน ออนซอนปานเสียงฟาผา จักจ่ันเสียงล่ันปา
ปานกับวาฟาทัณฑบน” (พงษเทพ เพียรทํา, 2558) ในอดีตพบปลาเซียมมากในลํานํ้าสาขา ของลําน้ําชี และลําเซบาย
ที่มีกระแสนํ้าไหลเบาๆ หรือน้ําน่ิง แตปจจุบันปลาเซียมลดจํานวนลงเปนจํานวนมาก จนกระท่ังบัญชีแดงของสหภาพ
เพื่อการอนุรักษธรรมชาติ (IUCN Red ListStatus) ไดจัดปลาเซียมใหอยูในบัญชีสถานะการอนุรักษวาอยูระดับความ
เสี่ยงข้นั อันตรายตอ สญู พันธุ ในอนาคตอนั ใกล (NT; Near Threatened) ปลาชะโอนไดรบั การประกาศเปนปลาประจาํ
จงั หวดั ยโสธร เมอื่ วนั ท่ี 25 พฤษภาคม 2558
นายประวัติ ถีถะแกว นายจรรยา สุคนคนั ธชาติ
ผวู าราชการจงั หวดั ยโสธร รองผูวาราชการจังหวดั ยโสธร
นายเดชา รอดระรัง นายศุภกติ ติ์ ใสกระจา ง
ประมงจังหวดั ยโสธร ผอู ํานวยการศูนยว จิ ัยและพฒั นาประมงน้าํ จืดยโสธร
46 สตั วน้าํ ประจาํ จังหวดั
สตั วนํ้าประจาํ จงั หวัดยะลา
ช่อื สัตวน้าํ ปลาพลวงชมพู
ชื่อสามัญ Khela mahseer, Semah mahseer, River carp
ชื่อวิทยาศาสตร Tor douronensis (Valenciennes, 1842)
ชื่อทอ งถน่ิ ปลากอื เลาะห
ประวัติความเปนมา เปนปลานํ้าจืดชนิดหน่ึงอยูในวงศปลาตะเพียน (Cyprinidae) มีรูปรางคลายปลาเวียน
(T.tambroides) ซงึ่ เปน ปลาในสกลุ เดยี วกนั แตล าํ ตวั เพรียวและเปน ทรงกระบอกมากกวา สวนหวั คอ นขา งมน รมิ ฝปาก
หนา ปากกวางเล็กนอย ใตคางมีต่ิงเนื้อสั้นๆ มีหนวด 2 คูเห็นชัดเจน ตาอยูคอนไปทางดานบนหัว เกล็ดมีขนาดใหญ
ครีบหลังมีกานแข็ง 1 อัน ครีบหางเวาลึก ครีบกนส้ัน ลําตัวดานบนมีสีคล้ําอมน้ําตาล ดานขางลําตัวสีเงินเหลือบชมพู
หรอื ทอง ครบี สีคลํา้ ดา นทองสขี าว มีขนาดความยาวประมาณ 25 เซนติเมตร ในประเทศไทยพบเฉพาะภาคใตตอนลา ง
ตงั้ แตแ มน าํ้ ตาปไ ปจนถงึ ประเทศมาเลเซยี โดยอาศยั อยใู นลาํ ธารหรอื แมน า้ํ ทม่ี ฝี ง เปน ปา รม ครม้ึ รวมถงึ บรเิ วณนาํ้ ตก พบมาก
โดยเฉพาะในนํ้าตกฮาลา-บาลา ภายในอุทยานแหงชาติฮาลา-บาลา จังหวัดยะลาเปนปลาท่ีมีรสชาติดี เปนที่ขึ้นช่ือโดย
เฉพาะอยา งยงิ่ ในจงั หวดั ยะลา มรี าคาสงู และไดร บั การประกาศใหเ ปน ปลาประจาํ จงั หวดั ยะลาเมอื่ วนั ท่ี 19 มกราคม 2558
นายสามารถ วราดศิ ัย นายอุดร นอ ยทบั ทิม
ผูวาราชการจงั หวัดยะลา รองผูวาราชการจงั หวัดยะลา
นายบนั เทงิ โชตพิ วง นายนภดล จนิ ดาพนั ธ
ประมงจังหวดั ยะลา ผูอาํ นวยการศูนยว ิจัยและพัฒนาประมงน้ําจืดยะลา
นายนิธวิ ฒั น วงศว ิวฒั น
หวั หนาหนวยบรหิ ารจัดการประมงน้าํ จืดเขอื่ นบางลางยะลา
สตั วน ้าํ ประจาํ จงั หวัด 47
สัตวน้ําประจําจงั หวัดรอยเอด็
ชอื่ สัตวน ํ้า ปลาหลดจุด
ช่อื สามญั Peacock eel
ช่อื วทิ ยาศาสตร Macrognathus siamensis (Günther, 1861)
ช่อื ทองถ่ิน ปลาหลดจดุ
ประวัติความเปน มา เปน ปลาน้ําจืดอยูใ นวงศปลากระทิง มีรปู รา งคลา ยคลึงกับปลากระทงิ แตปลาหลดมีขนาด
เล็กกวา ลําตัวยาวเรียว ดานขางแบน หัวเล็ก จะงอยปากเรียวแหลมและที่ปลายมีหนวดที่สั้นอยู 1 คู ปากและตาเล็ก
ครีบหลังและครีบกนยาวมีขนาดใกลเคียงกัน ครีบหางมีขนาดเล็กปลายกลมมน ไมมีครีบทอง หลังมีสีนํ้าตาล ทองมีสี
นํ้าตาลออนปนเหลอื ง มีจดุ สีดําทีค่ รบี หลัง 3 - 5 จดุ บางตวั มีจดุ ดาํ ท่ีโคนหางหนึ่งจดุ พบไดใ น นาขาว ในเขตทุง กลุ ารองให
และเปนคําขวัญของอําเภอสุวรรณภูมิ “สุวรรณภูมิ แดนกูพระโกนา ทุงกุลาสดใส ปลาหลดหลากหลาย ผาไหมสดสวย
รวยขาวปลา พัฒนาเยย่ี มยอด ปลอดผูไมรหู นงั สอื ” เปนปลาทีย่ งั พบจํานวนมากในธรรมชาติ ในเขตจังหวัดรอ ยเอ็ด และ
ประชาชนนยิ มบริโภคอกี ดว ย และไดร บั การประกาศ ใหเปนสัตวน้าํ ประจําจงั หวดั รอ ยเอด็ เม่ือวันท่ี 23 ธันวาคม 2557
นายสมศักดิ์ จงั ตระกุล นายพศนิ โกมลวชิ ญ
ผวู า ราชการจงั หวดั รอยเอ็ด รองผูวา ราชการจงั หวัดรอ ยเอ็ด
นายปกรณ อุนประเสรฐิ
นายไชยวฒั น รัตนดาดาษ
ประมงจงั หวดั รอ ยเอด็ ผูอ ํานวยการศูนยว จิ ยั และพฒั นาประมงน้าํ จืดรอ ยเอ็ด
48 สตั วนํา้ ประจาํ จังหวดั
สัตวน้ําประจาํ จังหวัดระนอง
ชอื่ สตั วนํา้ ปูเจา ฟา
ชื่อสามญั Panda crab
ชือ่ วทิ ยาศาสตร Phricotelphusa sirindhorn (Naiyanetr, 1989)
ชอ่ื ทอ งถิ่น ปูเจาฟา หรือ ปูสริ ินธร หรือ ปนู าํ้ ตก
ประวตั คิ วามเปน มา เปน ปนู า้ํ ตกพบท่ีวนอุทยานนาํ้ ตกหงาว อาํ เภอเมือง จงั หวัดระนอง เม่อื วันท่ี 6 ธนั วาคม
พ.ศ. 2529 เปนปูท่ีมีสีสันสวยงาม กระดองและกามท้ังสองขางเปนสีขาว ขาเดินทั้งสี่คูและเบาตาและบริเวณปาก
เปนสีมวงดํา มีลักษณะปลองทองและอวัยะเพศผูคูที่ 1 ตางจากปูชนิดอ่ืน เม่ือโตเต็มที่ความกวางของกระดองประมาณ
9-25 มิลลิเมตร พบอยูจํากัดบริเวณน้ําตกแถบภาคตะวันตกของไทย เชน นํ้าตกหวยยางอําเภอทับสะแก จังหวัด
ประจวบคีรีขันธ น้ําตกที่เขาพะเนินทุง อําเภอแกงกระจาน จังหวัดเพชรบุรี เปนตน ไดรับพระราชทานพระราชานุญาต
อัญเชิญพระนามาภิไธยของ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารี เปนชื่อวิทยาศาสตรของปูชนิดนี้
เพื่อเฉลิมพระเกียรติในวโรกาสเสด็จพระราชดําเนินมาทรงเปดพิพิธภัณฑสถานธรรมชาติวิทยาแหงจุฬาลงกรณมหาวิทยาลัย
เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ พ.ศ. 2531 ปจจุบัน เปนสัตวปาคุมครองในพระราชบัญญัติสงวนและคุมครองสัตวปา
พทุ ธศกั ราช 2535 ไดร บั คัดเลือกเปน สัตวนํ้าประจาํ จังหวดั ระนองเมื่อวันท่ี 12 มิถุนายน พ.ศ. 2558
นายสุรยิ นั ต กาญจนศลิ ป นายจตุพจน ปย ัมปตุ ระ
ผูวา ราชการจงั หวดั ระนอง รองผูว า ราชการจังหวัดระนอง
นายธวัชชยั ญาณสมบัติ
นายชัยวฒั น วิชยั วฒั นะ
ประมงจังหวดั ระนอง ผอู าํ นวยการศนู ยวิจยั และพัฒนาประมงชายฝง ระนอง
สตั วนาํ้ ประจําจังหวัด 49
สตั วน า้ํ ประจาํ จังหวดั ระยอง
ชือ่ สัตวน ้าํ ปลาพลวงทอง
ชอ่ื สามัญ Gold soro brook carp
ชื่อวทิ ยาศาสตร Neolissochilus soroides (Duncker, 1904)
ชือ่ ทองถิน่ -
ประวตั คิ วามเปน มา ปลาพลวงทอง เปน ปลานาํ้ จดื ขนาดกลาง ชอบอาศยั บรเิ วณนา้ํ ไหล เมอื่ โตเตม็ ทม่ี คี วามยาว
ประมาณ 50 เซนติเมตร ลําตวั ยาวเรียว แบนขา งเลก็ นอย มเี กล็ดขนาดใหญ เกลด็ บริเวณเสนขา งตัวนอ ยกวา 30 เกลด็
มเี กลด็ รอบคอดหาง 12 เกลด็ เกลด็ อยหู นาครบี หลังมี 9 เกล็ด มหี นวด 4 เสน หนวดที่ขากรรไกรบนยาวกวาเล็กนอ ย และ
พบตุมสิวดานขางของจงอย ปาก ตาและปากมีขนาดเล็ก ริมฝปากบนยื่นยาวกวาริมฝปากลาง ครีบหลังไมพบกานครีบ
ที่มีหยักฟนเลื่อยครีบหลังมีกานครีบแตกแขนง 9 กาน ครีบทุกครีบเปนสีเหลืองปลายครีบมีสีออน ยกเวนครีบหลังที่มี
สีเทา ขอบบนและขอบลางของครีบหางสีเขมสีเกล็ดบริเวณสวนหลังของลําตัวเปนสีน้ําตาลอมเทาและสีเหลือง บริเวณ
ดานทอ งเปน สขี าว ทําใหส ขี องลําตวั แบงออกเปน สองสวนชดั เจนไมม ีแถบสีดําบรเิ วณเสน ขางตวั ซ่งึ สามารถเปนขอ ระบุ
ท่ีแตกตางจากพลวงหิน เนื้อปลาใชเปนอาหารและนิยมเลี้ยงเปนปลาสวยงามซึ่งเปนปลานํ้าจืดที่กําลังทําการเพาะพันธุ
เพ่ิมขึ้น เพราะเปนปลานํ้าจืดท่ีใกลจะสูญพันธุ ในจังหวัดระยองพบท่ีน้ําตกเขาชะเมาและน้ําตกคลองปลาก้ัง ในอุทยาน
แหงชาตเิ ขาวง – เขาชะเมา อาํ เภอเขาชะเมา จงั หวดั ระยอง และไดรบั การประกาศใหเปนสตั วน้าํ ประจาํ จังหวดั ระยอง
เมื่อวันท่ี 16 กมุ ภาพันธ 2558
นายสมศักดิ์ สุวรรณสจุ ริต นายภญิ โญ ประกอบผล
ผวู าราชการจังหวัด รองผวู าราชการจงั หวัด
นางลดาวลั ย วนโกสุม นายชุติพงศ วองสง สาร
ประมงจงั หวดั ผอู ํานวยการศูนยวิจัยและพฒั นาประมงนํ้าจดื ระยอง
นางพรพรรณ ยังเหลอื
หัวหนากลมุ พฒั นาและสงเสริมอาชีพการประมง
50 สตั วนา้ํ ประจําจังหวัด
สัตวน ้าํ ประจาํ จังหวัดราชบรุ ี
ชอื่ สัตวนํา้ ปลายี่สกไทย
ชอื่ สามัญ Julliens s golden carp
ชือ่ วทิ ยาศาสตร Probarbus jullieni (Sauvage, 1880)
ชอ่ื ทองถ่ิน มชี อื่ เรียกปลายีส่ กแตกตา งกนั ออกไปตามถน่ิ ท่ีอยอู าศัย ดงั น้ี
1. “ปลาเอนิ ” หรอื “ปลาเอนิ คางหม”ู อาศยั อยใู นแมน าํ้ โขง ภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนอื แถวจงั หวดั หนองคาย
2. “ปลากะสก” “อีสก” หรือ “ปลายส่ี กทอง” ในบางทอ งท่ีบางแหง และภาคกลาง
3. “ปลาชะเอนิ ” อาศัยอยใู นบริเวณแมน ํา้ นาน ทางภาคเหนอื
ประวัติความเปนมา ปลายี่สกมีลักษณะเดนคือ สีของลําตัวเปนสีเหลืองนวล ลําตัวคอนขางกลมและยาว
บริเวณดานขางมีแถบสีดําขางละ 7 แถบ พาดไปตามความยาวของลําตัว ลายตามตัวเหลาน้ีจะปรากฏในลูกปลาท่ีมี
ขนาด 3-5น้ิว บรเิ วณหัวมีสีเหลืองแกมเขยี ว รมิ ปากบนมีหนวดสัน้ ๆ 1 คู มีฟนทค่ี อหอยเพยี งแถวเดยี ว จาํ นวน 4 ซี่ เวลา
กินอาหารทําปากยืดหดได เย่ือมานตาเปนสีแดงเร่ือๆ ครีบหลัง ครีบหู ครีบทอง ครีบกน มีสีชมพูแทรกอยูกับพ้ืนครีบ
ซ่ึงเปนสเี ทาออน หางคอนขางใหญแ ละเวาลึก
ปลาย่ีสกเปนปลาขนาดใหญชนิดหนึ่งในจํานวนปลาน้ําจืดดวยกันพบในจังหวัดกาญจนบุรี ราชบุรีขนาดใหญ
ทสี่ ดุ ยาว 1.35 เมตร นา้ํ หนัก 40 กิโลกรมั และเปนปลาในคําขวญั ของจงั หวัดราชบุรี
“คนสวยโพธาราม คนงามบานโปง เมืองโอง ลายมงั กร วดั ขนอนหนงั ใหญ
ต่ืนใจถํา้ งาม ตลาดนาํ้ ดาํ เนนิ เพลดิ เพลนิ คา งคาวรอยลา น ยานยีส่ กปลาดี”
ไดร บั การประกาศใหเปน ปลาประจาํ จังหวัดราชบรุ ี เม่ือวนั ที่ 27 มกราคม 2558
นายสรุ พล แสวงศักดิ์ นายพิพัฒน เอกภาพนั ธ
ผูวาราชการจังหวัดราชบรุ ี รองผูว า ราชการจงั หวัดราชบรุ ี
นายชนินทร แสงรุง เรอื ง
นางสาวสุรงั ษี ทัพพะรังสี
ประมงจงั หวัดราชบุรี ผอู ํานวยการศนู ยว จิ ยั และพฒั นาประมงน้ําจดื ราชบุรี
สัตวน้าํ ประจําจงั หวัด 51
สัตวนา้ํ ประจาํ จงั หวัดลพบุรี
ชอ่ื สัตวนํา้ ปลาตะเพยี นขาว
ชื่อสามัญ Common silver carb, Thai silver barb, Silver barb, Barb, Tawes
ช่ือวิทยาศาสตร Barbodes gonionotus (Bleeker, 1850)
ชอื่ ทองถนิ่ ตะเพยี นขาว
ประวัติความเปนมา ปลาตะเพียนชนิดน้ีนับเปนปลาน้ําจืดท่ีคนไทยรูจักดี และอยูในวิถีชีวิตความเปนอยูมา
แตโ บราณ เชน ปลาตะเพยี นใบลาน มกี ารเลยี้ งปลาชนดิ นใี้ นประเทศมานานกวา 30 ป และถกู นาํ พนั ธไุ ปเลย้ี งยงั ตา งประเทศ
เชน มาเลเซีย, บอรเนียว, อินโดนีเซีย แมวาในประเทศเหลานี้จะมีปลาชนิดน้ีอยูในธรรมชาติแลวก็ตาม ขนาดโดยเฉล่ีย
36 เซนติเมตร (พบใหญท ่สี ดุ 90 เซนติเมตร นา้ํ หนัก 13 กิโลกรัม ที่มาเลเซีย) พบชุกชมุ ในทกุ แหลงน้าํ ทุกภาคของไทย
อยูกันเปนฝูง ชอบที่นํ้าไหลเปนพิเศษ เปนปลากินพืช, แมลง และสัตวหนาดิน นอกจากนี้ยังนิยมเลี้ยงเปนปลาสวยงาม
อกี ดวย เปนปลาท่ีมรี าคาถกู หาซอ้ื ไดงาย และมคี วามไวตอ คุณภาพนา้ํ พบมาในแมนํา้ สายสาํ คญั ของจงั หวัดลพบุรี และ
ไดรับการประกาศใหเ ปน สตั วน ํ้าประจําจังหวดั ลพบรุ ี เมือ่ วนั ท่ี 23 ธันวาคม 2557
นายธนาคม จงจริ ะ นายสจุ ินต ไชยชมุ ศกั ด์ิ
ผวู าราชการจังหวดั ลพบรุ ี รองผวู าราชการจังหวัดลพบรุ ี
นายธวชั ชัย ญาณสมบตั ิ
นางสจุ ติ รา สรสทิ ธ์ิ
ประมงจังหวดั ลพบุรี ผอู าํ นวยการศูนยวิจยั และพัฒนาประมงนา้ํ จืดลพบรุ ี
52 สัตวน้าํ ประจาํ จงั หวัด
สตั วน ํ้าประจาํ จงั หวดั ลาํ ปาง
ช่ือสตั วน ้ํา ปลารากกลวย
ชื่อสามัญ Horseface loach
ชื่อวิทยาศาสตร Acantopsis choirorhynchos (Bleeker,1854)
ช่ือทอ งถิ่น ปลาซอนทราย
ประวัติความเปนมา เปนปลาน้ําจืดชนิดหน่ึง มีลําตัวเล็กยาว หัวแหลม ตาเล็ก หางแหลม กลางลําตัวมีเสน
สีเทาจากหัวถึงหางระหวางเสนมีจุดสีดําเปนแนวยาว ครีบหางเวาตื้นมีขนาดลําตัวยาวไมเกิน 30 เซนติเมตร แตท่ีพบ
โดยทัว่ ไปจะยาวเพียงแค 5 - 14 เซนตเิ มตร สามารถมุดทรายไดด เี วลาตกใจหรือซอนตัวจากสตั วน กั ลา จนไดอ กี ชอื่ หน่ึงวา
“ซอ นทราย” นยิ มบรโิ ภคดว ยการรบั ประทานทงั้ ตวั และกา ง เนอื่ งจากเปน ปลาขนาดเลก็ นอกจากนย้ี งั นยิ มเลย้ี งเปน ปลาตู
สวยงาม อกี ทงั้ ยงั ชว ยพรวนทรายใหร ว นอยตู ลอดเวลาดว ย จากความสามารถทส่ี ามารถมดุ ทรายไดเ ปน อยา งดจี งึ มชี อ่ื เรยี ก
ในภาษาอีสานวา “ปลามัน” หรือ “ปลามูด” ในอดีตพบมากในแมนํ้าวัง จังหวัดลําปาง และไดรับการประกาศใหเปน
สตั วน ้ําประจาํ จังหวดั ลําปาง เมือ่ วันท่ี 29 มกราคม 2558
นายธานินทร สภุ าแสน นายฤทธพิ งศ เตชะพนั ธุ
ผูวาราชการจังหวดั รองผูว าราชการจังหวดั
นายประโยชน บญุ ประเสริฐ นายสมโภชน เตม็ เปย ม
ผอู าํ นวยการศูนยว จิ ัยและพฒั นาประมงน้ําจดื ลาํ ปาง
ประมงจงั หวัด
นายชนนวัช อุตสาสาร
หวั หนาศูนยบ รหิ ารจดั การประมงน้ําจดื ภาคเหนอื ตอนบน ลําปาง
สตั วน ํา้ ประจาํ จังหวดั 53
สตั วน าํ้ ประจาํ จงั หวดั ลาํ พนู
ช่อื สตั วนา้ํ อึง่ เพา
ช่ือสามญั
Blunt-headed Burrowing Frog
ชอ่ื วทิ ยาศาสตร Glyphoglossus molossus (Günther, 1869)
ช่อื ทองถนิ่ อึง่ ดาํ อึง่ ปากขวด องึ่ โกก องึ่ กระโดน
ประวตั คิ วามเปน มา ลกั ษณะทวั่ ไป ลาํ ตัวมสี ดี ําหรอื นา้ํ ตาลอมเทาแผน หลังและขามีแตมสีหรอื จุดสีนาํ้ ตาลกระจาย
อยูท วั่ ไป ทอ งสีขาวและบางสว นมีแตมลายเมฆ เพศผูมีขนาดเล็ก มองเหน็ ลายสสี ม เหลอื งชัดเจน แหลง ทอี่ ยอู าศัยแพรก ระจาย
อยูตามท่ีราบเชิงเขาแถบจังหวัดลําพูน ลําปางและตาก โดยเฉพาะพ้ืนที่ปาเต็งรังลักษณะเปนดินทราย สูงจากระดับนํ้าทะเล
ปานกลาง 500-700 เมตร ชวงเปนลูกออดกินตัวออนแมลง ชวงข้ึนบกกินปลวกและตัวออนของแมลง ชวงฝงตัวอยูในดิน
กนิ ปลวกเปนอาหาร หากนิ เวลากลางคนื ผสมพนั ธแุ ละวางไขในชว งตนฤดูฝน สถานภาพไมไ ดเปนสัตวปาคมุ ครองตามพระราช
บัญญัติสงวนและสัตวปาคุมครองพ.ศ. 2535 สําหรับสถานภาพเพื่อการอนุรักษเปนสัตวปาใกลถูกคุกคามตามเกณฑของ
Office of Natural Resources and Environmental Policy and Planning (2005) แตไมม ีสถานภาพเพอ่ื การอนรุ กั ษ
ตามเกณฑของ IUCN (2008) เปนชนิดท่ีถูกชาวบานจับเพื่อบริโภคและเพ่ือคาขายในแตละปเปนจํานวนมาก โดยเฉพาะ
อึง่ เพศเมยี ท่มี ไี ข ซ่ึงจะออกมาวางไขเ พยี งครง้ั เดยี วทําใหประชากรลดลงอยางรวดเรว็ จงึ ทาํ ใหเสี่ยงตอการสูญพนั ธุ
ผลจากการเพาะอึง่ เพาในเชงิ อนรุ กั ษ ของศนู ยว ิจยั และพฒั นาประมงน้าํ จืดลําพูน ตั้งแตป พ.ศ. 2549 อยา งตอเนอ่ื ง
จนถึงปจจุบัน มีผลทําใหปริมาณอึ่งเพาในธรรมชาติแพรกระจายเพิ่มขึ้นในหลายหมูบาน เชนบานหลายสาย บานดอนชัย
บานหนองยางฟา บานกอลุงบานแมสะปวด บานหนองยางไคล บานหมื่นขาว บานเหมืองลึก บานทาทุงหลวง บานทากาศ
ลาํ หมบู า นจาํ ตาเหนิ อาํ เภอแมท า ทาํ ใหเ กดิ แหลง อาหารดา นโปรตนี และเปน อาชพี เสรมิ สรา งรายได ใหก บั ชาวบา นในเขตอาํ เภอ
แมทา จังหวดั ลาํ พนู อึ่งเพาหรืออ่ึงปากขวด ไดรบั การประกาศใหเ ปนสัตวนํ้าประจาํ จงั หวัดลําพูน เม่ือวันที่ 30 มกราคม 2558
นายณรงค ออ นสะอาด นายเจริญฤทธิ์ สงวนสตั ย
ผวู าราชการจังหวัดลาํ พูน รองผูวา ราชการจังหวัดลําพนู
นางสภุ าพันธ บญุ เจรญิ
นายอนุวตั ิ อุปนันไชย
ประมงจังหวัดลําพนู ผูอาํ นวยการศูนยว ิจัยและพฒั นาประมงนา้ํ จืดลาํ พนู
54 สัตวน ํา้ ประจําจงั หวัด
สตั วนํา้ ประจําจงั หวัดเลย
ชือ่ สตั วนํา้ ปลาเพา
ชอ่ื สามญั -
ชือ่ วทิ ยาศาสตร Bangana lippus (Fowler, 1936)
ชื่อทองถิ่น เพา
ประวัติความเปนมา ถิ่นอาศัย เปนปลาประจําถ่ิน หายาก ชอบอยูอาศัยในแหลงน้ําไหล หลบซอนตาม
โขดหินพบบรเิ วณลาํ น้าํ สาขาของแมน ํ้าโขง ไดแก แมน าํ้ เหือง แมน ้ําเลย จงั หวดั เลย ราษฎรนยิ มนาํ มาปรุงอาหารประเภท
ลาบ ตม เนื้อมีรสชาติอรอยมาก ใครไดกินถือวามีโชคปจจุบันปริมาณลดลง จึงควรรณรงคใหมีการอนุรักษ และศึกษา
วจิ ัย เพื่อขยายพนั ธุ ปลาเพา ไดร ับคดั เลือกเปน สัตวนา้ํ ประจําจงั หวดั เลย เม่อื วันที่ 20 กมุ ภาพันธ พ.ศ. 2558
นายวโิ รจน จิวะรงั สรรค
ผวู าราชการจงั หวัดเลย
นายรงั สนั ต ไชยบุญทัน นายสุริยันต เสมา
เจา พนักงานประมงอาวโุ ส รกั ษาราชการ ผอู าํ นายการศนู ยว ิจยั และพฒั นาประมงน้ําจดื เลย
ประมงจงั หวัดเลย
สัตวนา้ํ ประจาํ จังหวดั 55
สตั วนํา้ ประจําจงั หวดั ศรีสะเกษ
ช่อื สัตวน ํ้า กบนา
ช่อื สามัญ Common lowland frog
ชือ่ วิทยาศาสตร Rana rugulosa (Wiegmann, 1834)
ชื่อทองถน่ิ กบนา
ประวตั คิ วามเปน มา เปน สตั วครึ่งบกครงึ่ นาํ้ ชนดิ หน่ึง ลกั ษณะลําตวั คอนขา งผอม ขายาวเรยี ว ผวิ หนงั บนหลัง
มสี เี ขยี วจดุ ดาํ มรี อ งเปน สันตามยาวหลายแนว ดา นทอ งเปนสีขาว ตัวเตม็ วัยความยาวตงั้ แตชว งปากถึงกน 6.5 - 8.5 น้วิ
เทาเปนพังผืดติดกันคลายเปด ตากลมโตปูดออกมานอกผิวหนัง แหลงอาศัย ตามทองนาและแหลงท่ีมีน้ําขังท่ัวไป
หวย หนอง คู คลอง บึง รวมทั้งบริเวณริมฝงแมน้ํา ในชวงฤดูแลงจะจําศีลอยูในรู สําหรับในประเทศไทยพบไดทุกภาค
กนิ แมลงและตวั ออ นของแมลง รวมทง้ั สตั วน ํ้าขนาดเลก็ ๆ
กบนาเนื้อมีรสชาติดีเปนที่นิยมบริโภคกันอยางแพรหลายมาชานาน ซึ่งชาวอีสานมีวิถีการดําเนินชีวิตที่เรียบงาย
รับประทานสัตวนํ้าไดทุกขนาดปจจุบันกบนามีการเพาะขยายพันธุเปนสัตวเศรษฐกิจและสงเสริมการเลี้ยงหลายรูปแบบ
ใหสอดคลอ งกบั สภาพของพ้นื ที่ โดยเฉพาะภาคอสี านท่ีมีปญ หาเร่อื งนํา้ ในฤดูแลง กบนาไดร บั คัดเลือกเปนสัตวน ้าํ ประจาํ
จงั หวัดศรีสะเกษเม่ือวนั ท่ี 6 มีนาคม พ.ศ. 2558
นายยทุ ธนา วริ ิยะกติ ติ นายสนทิ ขาวสอาด
ผูวาราชการจงั หวดั ศรสี ะเกษ รองผวู า ราชการจงั หวดั ศรีสะเกษ
นายสุริยันต วรรณวงษ นางทพิ ยส ุดา ตางประโคน
หัวหนา กลมุ บรหิ ารจัดการดานการประมง ผอู ํานวยการศูนยวจิ ัยและพัฒนาประมงนํ้าจืดศรีสะเกษ
รักษาราชการแทน ประมงจงั หวัดศรีสะเกษ
56 สตั วน าํ้ ประจําจงั หวดั
สตั วน้าํ ประจําจังหวดั สกลนคร
ชอื่ สัตวน ํา้ ปลากาดาํ
ชื่อสามญั Sailfin shark carp, Black shark minnow
ชอ่ื วิทยาศาสตร Labeo chrysophekadion (Bleeker, 1849)
ชื่อทอ งถน่ิ ปลาอีก่ํา
ประวัติความเปนมา เปนปลาน้ําจืดชนิดหนึ่ง รูปรางปอมแตหลังปองออก ครีบหลังสูง ไมมีกานครีบแข็ง
มีหนวดคอนขางยาว 2 คู และมีตง่ิ เล็กๆ เปน ชายครุยอยูรอบบรเิ วณริมฝปาก เกล็ดเล็กมสี ีแดงแซมอยแู ตละเกลด็ ครบี หาง
เวา ลกึ ลาํ ตัวสดี ําหรือสนี า้ํ ตาลเขม อันเปนท่มี าของช่อื ในปลาวัยออ นบริเวณโคนหางมีจดุ ดาํ เดน เมื่อโตข้นึ มาจะจางหาย
มีขนาดโตเต็มท่ีประมาณ 90 เซนติเมตร ปลากาดําเปนปลาท่ีรักษาสภาพนิเวศวิทยาในแหลงน้ํา เปนปลาที่มีรสชาติดี
ใชใ นการทาํ ลาบปลา น้ํายาปลากาดํา และปลารา หรอื สามารถเลีย้ งเปน ปลาสวยงามก็ได พบในแมน ้ําขนาดใหญ แหลง นาํ้
ตา งๆ เชน แมน้าํ โขง แมน า้ํ สงคราม เขอ่ื นนํา้ อนู เขือ่ นนา้ํ พุง ลาํ น้ําก่ํา และหนองหาร ปลากาดาํ ขนาด 5 - 7 เซนตเิ มตร
สามารถมาทาํ เปน “สปาปลา” ปลากาดาํ จะมาดดู ผวิ หนงั สว นเทา ทาํ ความสะอาดเปน การผอ นคลายและไดร บั การประกาศ
ใหเปน สตั วน้าํ ประจาํ จงั หวัดสกลนคร เม่ือวันท่ี 30 มกราคม 2558
นายบญุ สง เตชะมณสี ถติ ย นายพณั ณเ ดชน ศรจี ันทร
ผวู า ราชการจงั หวดั สกลนคร รองผูว า ราชการจังหวดั สกลนคร
นายคุณชัย สวุ รรณ นายธนวัฒน ชชั วาลธาตรี
ประมงจงั หวัดสกลนคร ผอู าํ นวยการศนู ยว ิจยั และพฒั นาประมงนํ้าจดื สกลนคร
นายสรุ ชัย เสรมิ สุข
หวั หนา หนว ยบรหิ ารจดั การประมงนํา้ จดื เข่ือนนํ้าอูนสกลนคร
สตั วน าํ้ ประจาํ จงั หวดั 57
สัตวน ํา้ ประจําจงั หวดั สงขลา
ชื่อสัตวน้ํา ปลาตะกรบั
ชอ่ื สามญั Spotted scat, Green scat
ชอื่ วิทยาศาสตร Scatophagus argus (Linnaeus, 1766)
ชอ่ื ทองถิ่น ปลาขีต้ ัง
ประวัตคิ วามเปน มา ปลาตะกรบั หรือปลาขตี้ งั เปนปลานา้ํ เค็มชนดิ หนง่ึ ในวงศปลาตะกรับ (Scatophagidae)
มีรูปรางสั้น แบนขางและกวางมาก หัวทู ปากเล็ก หางมน เกล็ดเล็ก เปนแบบสาก สีพ้ืนลําตัวมีสีแตกตางกันมากอาจ
เปนสีเขียว สีเทาหรือสีนํ้าตาล ครึ่งบนของลําตัวสีเขมกวาและมีแถบสีเทาเขมหรือดําพาดขวางหลายแนวและแตกเปน
จดุ ทด่ี า นลา งหรอื เปน แตม เปน จดุ ทวั่ ตวั ดคู ลา ยเสอื ดาว ครบี ตา งๆ มสี เี หลอื งออ นอมเทา ปลาตะกรบั เปน ปลาทะเลทสี่ ามารถ
ปรบั ตวั ใหอ าศยั อยไู ดใ นนา้ํ กรอ ยหรอื นา้ํ จดื โดยปกตจิ ะอาศยั อยตู ามชายฝง ทะเลใกลป ากแมน าํ้ พบมากในทะเลสาบสงขลา
เปนปลาทอี่ าศัยอยูเปน กลมุ กินอาหารไดทง้ั พืชน้ํา และสัตวน ้ําขนาดเล็ก ขนาดเมือ่ โตเตม็ ท่ยี าวไดถึง 38 เซนตเิ มตร นิยม
บรโิ ภคอยางมากในภาคใต โดยจะนําไปปรุงเปน แกงสม นอกจากนี้ยงั นยิ มเล้ียงเปนปลาตสู วยงามอกี ดว ย ซงึ่ ปลาตะกรับ
หรือปลาขี้ตังชนิดนี้ กรมประมงโดยสถาบันวิจัยการเพาะเล้ียงสัตวน้ําชายฝง ไดทําการเพาะพันธุไดสําเร็จเปนครั้งแรก
เมอื่ วันท่ี 7 กันยายน 2550 โดยวธิ กี ารผสมเทยี ม ซึง่ สามารถผลติ ลูกพันธไ ดปละประมาณ 100,000 - 200,000 ตัว เพ่ือ
ปลอยลงสูธรรมชาติ และจําหนายพันธุใหแกเกษตรกรที่สนใจนําไปเพาะเล้ียง ไดรับคัดเลือกเปนสัตวน้ําประจําจังหวัด
สงขลาเมือ่ วนั ที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2558
นายธํารงค เจริญกลุ นายชัยวัฒน ศิรินุพงศ
ผวู า ราชการจังหวัดสงขลา รองผูวา ราชการจงั หวดั สงขลา
นายยงยุทธ ปรีดาลัมพะบุตร
นายกอเกยี รติ กลู แกว ผอู ํานวยการสถาบนั วจิ ยั การเพาะเลี้ยงสตั วน าํ้ ชายฝง
ประมงจงั หวดั สงขลา
นายวรรณนฑั หริ ัญชุฬหะ นายเสรี เพชรฤทธ์ิ
ผอู าํ นวยการศูนยว ิจยั และพฒั นาประมงน้ําจดื สงขลา หัวหนาศนู ยบริหารจัดการประมงทะเลภาคใตตอนลาง
58 สตั วนาํ้ ประจําจังหวัด
สตั วนา้ํ ประจาํ จังหวดั สตูล
ชอ่ื สัตวน ้าํ ปลาการตนู สมขาว
ชื่อสามัญ Ocellaris clownfish, Clown Anemonefish, Clownfish, False percula clownfish,
ชื่อวิทยาศาสตร Amphiprion ocellaris (Cuvier, 1830)
ชือ่ ทองถน่ิ -
ประวัตคิ วามเปนมา เปนปลาการตนู ชนดิ หน่งึ ทล่ี าํ ตัวตัวมีสีสม เขม มแี ถบสขี าว 3 แถบ พาดบริเวณสวนหวั
ลําตัวและบริเวณหาง ขอบของแถบสีขาวเปนสีดํา ขอบนอกของครีบเปนสีขาวและขอบในเปนสีดํา อาศัยในท่ีลึกตั้งแต
1 - 15 เมตร ขนาดตัวโตที่สุดประมาณ 10 เซนติเมตร อาศัยอยูกับดอกไมทะเลชนิด Heteractis magnifica และ
Stichodactyla gigantea เปนตน ในดอกไมทะเลแตละกออาจพบอยูดวยกัน 6 - 8 ตัว มีการกระจายพันธุในแถบ
อินโด-แปซิฟก, มหาสมุทรอินเดีย, หมูเกาะอันดามันและนิโคบาร, ฟลิปปน, อินโดนีเซีย ประเทศไทยพบไดในฝง
ทะเลอันดามนั โดยเฉพาะจังหวัดสตูล สามารถพบไดโดยทัว่ ไปตามแนวปะการงั และเปน ทสี่ นใจของนักทองเทีย่ ว
ปลาการต นู สม ขาวนบั เปน ปลาการต นู ชนดิ ทรี่ จู กั กนั ดแี ละคนุ เคยเปน อยา งดี และถอื เปน ตวั ละครเอกในภาพยนตร
การตูนเรอื่ ง Finding Nemo ของพิกซาร ในป ค.ศ. 2003 จนไดรบั การเรยี กขานเลน ๆ วา “ปลานีโม” เปนปลาทไ่ี ดร ับ
ความนิยมเปน อยางยิง่ ในการเล้ียงเปนปลาสวยงาม ซ่ึงในปจจุบนั สามารถเพาะขยายพนั ธุไดแ ลว หลายแหงในประเทศไทย
ในจังหวดั สตูล ศนู ยว ิจยั และพฒั นาประมงชายฝง สตลู อาํ เภอละงู จังหวดั สตลู สามารถเพาะขยายพันธุไดใ นเชงิ พาณชิ ย
ปลาการต ูนสมขาวไดรับคัดเลือกเปน สัตวนาํ้ ประจําจงั หวดั สตลู เมื่อวันท่ี 9 มีนาคม พ.ศ. 2558
นายประพันธ ลีปายะคณุ นายนิมิต นลิ วัตร
ประมงจังหวดั สตูล รองผูวาราชการจงั หวัดสตลู
นายเดชรฐั สิมศิริ
ผวู าราชการจังหวดั สตูล
สตั วน้ําประจาํ จังหวัด 59
สัตวน า้ํ ประจาํ จงั หวัดสมุทรปราการ
ช่อื สตั วน ้ํา ปลาสลิด
ชื่อสามญั Snake – skinned Gourami
ช่ือวิทยาศาสตร Trichopodus pectoralis (Regan, 1910)
ช่อื ทอ งถน่ิ ปลาใบไม
ประวัติความเปน มา เปน ปลานาํ้ จืดชนดิ หนึ่ง ทม่ี ีรูปรา งลาํ ตวั คลา ยใบไม ครบี หลงั และครบี กนยาว ครีบอกใหญ
ตาโต ปากเล็กอยูสุดปลายจะงอยปาก ครีบหางเวาตื้นปลายมน ลําตัวมีสีเขียวมะกอกหรือสีนํ้าตาลคล้ํา มีแถบยาวพาด
ลาํ ตวั สดี าํ และมแี ถบเฉยี งสคี ลาํ้ ตลอดแนวลาํ ตวั ดา นขา ง มขี นาดโดยเฉลย่ี 10 – 16 เซนตเิ มตร ชอบอาศยั อยใู นแหลง นาํ้ นง่ิ
ทมี่ พี ชื นา้ํ และหญา รกตามรมิ ตลง่ิ และเปน ปลาทอ งถน่ิ ทมี่ คี วามสาํ คญั ทางเศรษฐกจิ นยิ มเลย้ี งมากในพนื้ ทอ่ี าํ เภอบางบอ และ
อาํ เภอบางพลี ของจงั หวดั สมุทรปราการ เนอื่ งจากมีรสชาติดี เนอื้ อรอ ย และมกี ล่นิ หอม นอกจากนยี้ งั เปนปลาทมี่ ชี ่ือเสียง
มาชา นาน โดยเปน ทร่ี จู กั กนั ดใี นชอ่ื วา “ปลาสลดิ บางบอ ” และไดร บั การประกาศใหเ ปน สตั วน า้ํ ประจาํ จงั หวดั สมทุ รปราการ
เม่ือวันท่ี 29 ธนั วาคม 2557
นายพินิจ หาญพาณชิ ย นายพรชัย สงั วรเจต
ผูวา ราชการจังหวดั สมุทรปราการ รองผวู าราชการจังหวัดสมทุ รปราการ
นายอํานาจ หนทู อง นายบุรฉตั ร จันทกานนท
ประมงจังหวดั สมทุ รปราการ ผอู าํ นวยการศนู ยว จิ ยั และพฒั นาประมงนา้ํ จดื สมทุ รปราการ
นายบัณฑติ กลุ ละวณชิ ย
หัวหนาดานตรวจสัตวน ้าํ ทา อากาศยานสุวรรณภูมิ
60 สัตวน ้าํ ประจาํ จงั หวัด
สตั วน าํ้ ประจําจังหวัดสมุทรสงคราม
ชือ่ สตั วนํา้ หอยหลอด
ชื่อสามัญ Rozer clam
ชื่อวิทยาศาสตร Solen regularis (Dunker. 1861)
ชอื่ ทองถ่ิน หอยหลอด (กรมประมง พ.ศ. 2545)
ประวัติความเปนมา หอยหลอดเปนหอยสองฝาชนิดหน่ึงท่ีมีการแพรกระจายบริเวณปากแมน้ํา ทั้งทาง
ดานชายฝงทะเลอันดามัน และชายฝงทะเลอาวไทยในบริเวณพ้ืนที่ท่ีเปนดินปนทราย หอยหลอดประกอบดวยเปลือกท่ี
หอหุมลําตัว เปนรูปทรงกระบอกสีขาวอมเหลือง หรือสีเหลืองออน ลักษณะเหมือนหลอดกาแฟ สวนปลายของเปลือก
ท้ังสองดา นมชี อ งเปดดานหนึ่งเปนเทา และอกี ดานหน่ึงเปนทอน้าํ สาํ หรับกรองอาหารยน่ื ออกมา หอยหลอดจะชอบฝงตัว
อยใู นดนิ อยลู กึ จากผวิ ดนิ ประมาณ 1-2 นว้ิ โดยจะขดุ เปน ทอ ขนาดเทา ลาํ ตวั และวางตวั อยใู นทอ ในแนวตง้ั หรอื เอยี งประมาณ
30 องศา โดยตัวหอยจะเคลอ่ื นทขี่ ึ้นลง อยูใ นทอหรอื รนู ้ี ปกติหอยจะขน้ึ มาอยูบนผิวหนาของดิน โดยยน่ื ลําตวั เหนือผวิ ดนิ
ประมาณ 1/3 ของลําตัวหอยหรืออาจจะอยูบริเวณผิวดิน และเปดชองเพื่อกรองอาหาร น้ําผานเขาไปในตัว ไดรับ
การประกาศใหเปน สตั วน าํ้ ประจําจังหวดั สมทุ รสงคราม เมอ่ื วนั ท่ี 28 พฤษภาคม 2558
นายปญ ญา งามเลิศ นายเจน รัตนพิเชฏฐชยั
ผวู า ราชการจังหวดั รองผูวาราชการจงั หวดั
นายอทุ ยั สิงโตทอง นายกอบศกั ด์ิ เกตเุ หมือน
ผอู าํ นวยการศนู ยว จิ ยั และพฒั นาประมงชายฝง สมทุ รสงคราม
ประมงจังหวดั
นายวิระ จติ รสวุ รรณ
หัวหนาศูนยบ ริหารจดั การประมงอา วไทยตอนใน สมทุ รปราการ
สัตวนํา้ ประจําจังหวัด 61
สัตวน ํา้ ประจาํ จงั หวดั สมทุ รสาคร
ชอื่ สัตวน้ํา ปลาทู
ชอ่ื สามญั Short-bodied mackerel
ชอ่ื วทิ ยาศาสตร Rastrelliger brachysoma (Bleeker, 1851)
ช่ือทอ งถิ่น ปลาทูสนั้
ประวัติความเปนมา ปลาทู เปนปลาที่อาศัยอยูรวมกันเปนฝูงบริเวณกลางนํ้าถึงผิวนํ้าในทะเลเขตรอน
ตั้งแตบรเิ วณนาํ้ ตน้ื ใกลช ายฝงจนถงึ ทะเลลึก โดยประเทศไทย พบมากบริเวณอาวไทย และฝงอนั ดามัน มลี ําตัวแปนยาว
เพรยี ว ตาโต ปากกวา ง จะงอยปากจะแหลม เกลด็ เลก็ ละเอยี ด มมี า นตาเปน เยอื่ ไขมนั บนขากรรไกรมฟี น ซเ่ี ลก็ ๆ มซี เี่ หงอื ก
แผเต็มคลา ยพขู นนก มีครบี หลงั 2 อนั ครีบหลังอันแรกมีกา นแขง็ สวนอนั หลงั กา นครบี ออน ครีบทองมกี า นครบี แขง็ 1 อัน
ครบี อกมีฐานครบี กวา ง แตป ลายเรยี ว สีตัวพ้นื ทองสีขาวเงนิ บรเิ วณทช่ี ิดโคนครีบหลงั ตอนแรกมีจดุ สดี าํ 3 - 6 จดุ เรียง
อยู 1 แถว ผิวดานบนหลงั มีสนี า้ํ เงนิ แกมเขียว ชวยในการพรางตัวใหพน จากศตั รู มคี วามยาวประมาณ 14 - 20 เซนตเิ มตร
อีกท้ังยังมีผลทางสถิติระบุวา จังหวัดสมุทรสาครมีผลการจับปลาทูไดมากท่ีสุดของประเทศโดยในป พ.ศ. 2556 มีการ
จบั ปลาทู 15,961,997 กโิ ลกรมั คิดเปนมลู คา 985,254,730 บาท มเี รือประมงอวนลอมจับปลาทู เพ่ือใชในการจบั ปลาทู
จาํ นวนมากทสี่ ดุ ในประเทศไทย และศนู ยว จิ ยั และพฒั นาประมงชายฝง สมทุ รสาคร สามารถเพาะพนั ธปุ ลาทไู ดใ นระบบปด
ครั้งแรกของโลก เม่อื วันที่ 11 กันยายน 2554 ไดร บั คัดเลือกใหเปนสัตวน ้าํ ประจําจงั หวดั เมอื่ วันที่ 12 พฤษภาคม 2558
รอ ยตํารวจโทอาทิตย บุญญะโสภตั นายวนิ ิตย ปยะเมธาง
ผวู า ราชการจงั หวัดสมุทรสาคร รองผูว าราชการจังหวัดสมทุ รสาคร
นายอรณุ ชยั พุทธเจริญ
ประมงจงั หวัดสมุทรสาคร นายสุทธิชยั ฤทธธิ รรม
ผอู าํ นวยการศนู ยว จิ ยั และพฒั นาประมงชายฝง สมทุ รสาคร
62 สตั วนํ้าประจาํ จงั หวดั
สตั วน ํ้าประจําจงั หวัดสระแกว
ชือ่ สตั วน ํ้า ปลาบา ปลาพวง
ชือ่ สามญั Pink-tailed barb
ชอ่ื วิทยาศาสตร Leptobarbus hoevenii (Bleeker,1851)
ชื่อทอ งถน่ิ ปลาพวง,โพง
ประวตั คิ วามเปน มา เปน ปลานา้ํ จดื ชนดิ หนง่ึ ชอบอยกู นั เปน ฝงู ขนาดใหญ อยใู นวงศป ลาตะเพยี น (Cyprinidae)
จัดเปนปลาท่ีมีขนาดใหญ รูปรางอวนทรงกระบอก สวนหัวเรียวเล็กนอย ตาโตปากเล็กอยูตอนปลายสุดของจะงอยปาก
มหี นวดขนาดเลก็ เสน ๆ 2 คู เกลด็ มขี นาดใหญ ครบี เลก็ ครบี หางเวา ตวั และหวั ดา นบนมสี คี ลาํ้ ดา นขา งลาํ ตวั มสี เี หลอื งออ น
นํ้าตาลออนเหลือบเงิน ครีบสีชมพูเรื่อขอบสีคล้ํา ในปากขนาดเล็กมีสีเงินวาวและมีแถบสีคล้ําพาดตามยาวกลางลําตัว
และมคี รบี แดง ความยาวประมาณ 20-30 เซนติเมตรพบใหญสุดถงึ 80 เซนตเิ มตร อาหารไดแก แมลง สัตวน ํา้ ขนาดเล็ก
กินเมล็ดพืชและผลไมปาชนิดตางๆ โดยเฉพาะลูกกระเบา เมื่อปลากินเมล็ดกระเบาเขาไปแลวจะสะสมพิษในลําไส
กระเพาะ พุง เมื่อนําปลามาประกอบอาหารหากรับประทานในสวนดังกลาว จะทําใหเกิดอาการวิงเวียนศีรษะ คลื่นไส
อาเจียน จนเปนท่ีมาท่เี รียกกันวา “ปลาบา” ในอดีตพบมากในบริเวณคลองพระสทงึ ตาํ บลเขาฉกรรจ อําเภอเขาฉกรรจ
จังหวดั สระแกว และไดรบั ประกาศใหเ ปน สัตวน าํ้ ประจําจังหวดั สระแกว เมือ่ วันท่ี 12 พฤษภาคม 2558
นายภัครธรณ เทยี นไชย นายชัยภทั ร หริ ณั ยเลขา
ผูวาราชการจังหวดั สระแกว รองผวู าราชการจงั หวัดสระแกว
นายยอดรักษ ปลอดออน
นายการณุ อไุ รประสทิ ธ์ิ
ประมงจังหวดั สระแกว ผูอํานวยการศูนยวจิ ยั และพฒั นาประมงนาํ้ จดื สระแกว
นายประเสรฐิ ปานปารมี
หวั หนาดา นตรวจสตั วนาํ้ จงั หวดั สระแกว
สตั วน้ําประจาํ จังหวัด 63
สัตวนํ้าประจําจงั หวดั สระบุรี
ชอื่ สัตวนา้ํ ปูน้าํ ตกสระบุรี
ชอ่ื สามญั Waterfall crab
ช่ือวทิ ยาศาสตร Larnaudia larnaudii (A. Milne Edwards, 1869)
ชื่อทองถิน่ ปูหิน
ประวัติความเปนมา เปนสัตวน้ําจืดชนิดหน่ึง ท่ีมีกระดองเปนเปลือกแข็งหุมลําตัว มีขารวม 5 คู คูแรก
เรียกวา กามปู ขาคูที่สองถึงคูท่ีหา เรียกวาขาเดินหรือขาวายน้ํา ขาแตละขางประกอบเปนปลองตอกันรวม 7 ปลอง
สวนทองมีระบบขับถาย ระบบประสาท และระบบสืบพันธุอยูภายในและมีกระดองปกคลุมอยู รับออกซิเจนที่อยูในน้ํา
ผานเหงือกท่ีมักเรียกวา นมปู กินอาหารประเภทซากพืชและซากสัตว ปูนํ้าตกสระบุรีเปนสัตวประจําถ่ินที่พบเฉพาะ
ตามลําธารที่ไหลจากเทือกเขาหินปูนในเขตจังหวัดสระบุรีเทาน้ัน และไดรับการประกาศใหเปนสัตวนํ้าประจําจังหวัด
สระบุรี เม่ือวันท่ี 3 กมุ ภาพันธ 2558
นายวเิ ชยี ร พุฒิวิญู นายภคั พงศ ทวิพฒั น
ผวู าราชการจงั หวดั รองผูว า ราชการจงั หวัด
นายธรี ทัศน ศิริแดง นางสาวจินตนา โตธนะโภคา
ผูอ าํ นวยการศนู ยวิจัยและพฒั นาประมงนํา้ จดื สระบุรี
ประมงจังหวัด
นายประพล อสิ โร
หวั หนา ฝา ยปองกนั และปราบปรามการประมงน้าํ จดื
ปฎิบตั ิหนาทีห่ วั หนา หนวยบริหารจัดการประมงน้ําจืดเข่อื นปา สกั ชลสทิ ธ์ิ สระบรุ ี
64 สตั วนา้ํ ประจาํ จังหวดั
สัตวน ํ้าประจาํ จงั หวัดสงิ หบุรี
ชอ่ื สัตวนาํ้ ปลาชอน (แมลา)
ชื่อสามัญ Striped snake-head fish
ช่ือวทิ ยาศาสตร Channa striata (Bloch,1793)
ชอ่ื ทอ งถ่ิน ปลาคอ (ภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนอื ), ปลาหลมิ (ภาคเหนอื )
ประวัติความเปนมา ปลาชอนแมลา คือปลาชอนที่จับจากลําน้ําแมลา ซ่ึงเปนลําน้ําขนาดกลาง ความยาวประมาณ
18 กิโลเมตรอยูในเขตพื้นท่ี 3 อําเภอของจังหวัดสิงหบุรี คือ อ.อินทรบุรี อ.บางระจัน และ อ.เมือง ในชวงฤดูนํ้าลด
นาํ้ ทเ่ี คยเจงิ่ นองตามทอ งทงุ แหง ลง ปลานานาชนดิ จะเคลอ่ื นยา ยมารวมอยใู นลาํ นาํ้ แมล า ประกอบกบั ดนิ ทอ งนาํ้ ของลาํ นา้ํ
แมลามลี กั ษณะเปนดนิ โคลนสดี ํามีธาตอุ าหารอินทรียวตั ถุท่สี ําคญั อยมู ากมาย เปน ทเ่ี กิดลูกพนั ธสุ ัตวน ํ้าตางๆ จํานวนมาก
ซึ่งเปนอาหารธรรมชาติชั้นดีของปลาชอนในลํานํ้าแมลา ทําใหเนื้อของปลาชอนจากลํานํ้าแหงน้ี มีความเหนียว นุม มัน
และอรอยนา รับประทานมากกวา ปลาจากแหลง น้าํ อ่นื ๆ ซ่ึงจากการวิจัยคณุ คา ทางโภชนาการของนักวชิ าการจากกรมประมง
ใน พ.ศ. 2523 พบวา ปลาชอ นจากลาํ นา้ํ แมล ามสี ว นประกอบของไขมนั แทรกอยใู นเนอ้ื ปลามากกวา ปลาชอ นทวั่ ไปประมาณ
หน่ึงเทาตัว น่ีคือสาเหตุแหงความอรอยของปลาชอนแมลาท่ีสรางช่ือเสียงใหกับจังหวัดสิงหบุรีมาเปนเวลาชานาน และ
เปน ท่ีมาของการคัดเลือกปลาชอนเปนสัตวนํา้ ประจาํ จงั หวดั สงิ หบรุ ี เม่ือวนั ที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2558
นายชโลธร ผาโครต นายอรรษษิ ฐ สัมพนั ธรัตน
ผูว า ราชการจงั หวดั สิงหบ รุ ี รองผวู าราชการจงั หวดั สิงหบรุ ี
นายเกียรตคิ ณุ เจรญิ สวรรค
นายวรวทิ ย พรหมปากดี
ประมงจังหวัด ผอู าํ นวยการศูนยว ิจยั และพัฒนาประมงนา้ํ จืดสงิ หบรุ ี
สัตวนํา้ ประจาํ จังหวัด 65
สตั วนํา้ ประจําจังหวดั สโุ ขทัย
ช่อื สตั วนํา้ ปลากา งพระรว ง
ชื่อสามญั Glass catfish, Ghost catfish
ชื่อวทิ ยาศาสตร Kryptopterus bicirrhis (Valenciennes, 1840)
ชอื่ ทอ งถิ่น “ผ”ี , “กาง”, “กระจก”
ประวัติความเปนมา และลักษณะรูปราง ปลากางพระรวงเปนปลาน้ําจืดชนิดหนึ่ง อยูในวงศปลาเน้ือออน
(Siluridae) มีลักษณะลําตัวเพรียวยาวและแบนขางมาก ตัวโปรงใสสามารถมองเห็นอวัยวะภายในไดชัดเจน อาจกลาว
ไดวาเปน “ปลาที่ตัวใสท่ีสุดในโลก” ก็วาไดมีหนวดคู 2 คูอยูท่ีขากรรไกรบนและลาง โดยหนวดคูบนจะยาวกวาคูลาง
ครีบหลังมีขนาดเล็กและสั้นมากจนแทบมองไมเห็นครีบทวารเปนแนวยาวจรดโคนหางหางมีลักษณะเวาลึกโดยปลา
ท่ีพบในแมนํ้าลําคลองตัวจะมีสีขุนกวาที่พบในแหลงน้ําบริเวณเชิงเขาเชื่อวาสาเหตุเพราะปลาตองปรับตัวใหกลมกลืน
กบั สภาพแวดลอ มเพือ่ หลกี เล่ียงศัตรู ขนาดโดยเฉลย่ี ประมาณ 10 เซนตเิ มตรพบใหญที่สดุ ราว 15 เซนติเมตร
ปลากางพระรวง เปนปลาเนื้อออนท่ีนิยมเล้ียงเปนปลาสวยงามมากกวาจะนํามาบริโภค และขึ้นช่ือมานาน
โดยเปนปลาสงออกดวย มีนิทานปรัมปราเลากันวา พระรวงไดเสวยปลาชนิดนี้จนเหลือแตกาง จึงทิ้งลงน้ําและกลาว
วาจาสัจวาขอใหปลาตัวนี้ฟนคืนชีพขึ้นมา จึงไดชื่อวา “กางพระรวง” นับแตน้ันมา และไดรับการประกาศใหเปน
สัตวน ้าํ ประจําจังหวัดสโุ ขทัย เม่ือวันที่ 17 มีนาคม 2558
นายปติ แกว สลับสี นายรณชยั จติ รวเิ ศษ
ผูวา ราชการจังหวัดสโุ ขทยั รองผูวา ราชการจงั หวัดสโุ ขทัย
นายธวชั ชยั ปานพรหมมนิ ทร
นายสมโภชน เต็มเปย ม
ประมงจังหวัดสโุ ขทัย ผอู าํ นวยการศูนยว จิ ัยและพัฒนาประมงน้ําจดื สุโขทยั
นายไพศาล สขุ ปณุ พนั ธุ
หัวหนาศนู ยบ รหิ ารจัดการประมงนํ้าจดื ภาคเหนอื ตอนลาง พิษณโุ ลก
66 สตั วน า้ํ ประจาํ จงั หวัด
สตั วน ้ําประจําจงั หวดั สุพรรณบุรี
ช่ือสตั วน้ํา ปลามา
ชอื่ สามัญ Sodier croaker
ชอื่ วทิ ยาศาสตร Boesemania microlepis (Bleeker, 1858)
ชอ่ื ทอ งถน่ิ ปลากวาง
ประวัติความเปนมา เปนปลานํ้าเค็มที่เขามาอยูในน้ําจืดเปนครั้งคราว มีรูปรางเรียวยาว ลําตัวดานขางแบน
หางซ่ึงเปน บริเวณตั้งแตรูกนไปถงึ ปลายหางเรยี วยาว หวั คอ นขา งเลก็ หนา งอนขนึ้ เลก็ นอ ย จะงอยปากสัน้ ทู ปากเลก็ และ
อยูคลอ ยไปทางใตส วนหัว นยั นต าคอนขา งเลก็ มเี กล็ดขนาดเล็กท่หี วั และลาํ ตัว ครีบหลังยาว สวนปลายครีบจรดโคนหาง
ครีบหูเล็กปลายแหลม ครีบทองอยูใกลอกมีกานแข็งยืดยาวออกมาเปนปลายแหลม ครีบหางยาวปลายแหลม พ้ืนลําตัว
สีนํ้าตาลปนเทาหรือเขียวออนหลังสีเทาปนดํา ทองสีขาวเงิน ครีบตางๆ สีน้ําตาลหรือเหลืองออน ถุงลมของปลามา
ทําใหเกิดเสียงได ขนาดความยาวประมาณ 17 – 60 เซนตเิ มตร กินอาหารพวกกุง ปู แหลงนาํ้ จดื พบมากในแมนาํ้ ทาจีน
จังหวัดสุพรรณบุรี แมนํ้าเจาพระยา ตั้งแตจังหวัดนนทบุรีจนถึงชัยนาท ภาคอีสานจับไดนอย จากแมน้ําโขงเรียกวา
“ปลากวาง” เน้ือใชปรุงอาหารไดดี นํามาปรุงอาหารประเภทตมยํา น่ึง หรือทอด ถุงลมนําไปตากแหงสําหรับทอด
หรือตมตุนเปนอาหาร ที่เราเรียกกันวา กระเพาะปลา และทําเปนกาวที่เรียกวา ไอซิงกลาส ไดรับการประกาศ
ใหเ ปน สตั วนาํ้ ประจําจงั หวดั สุพรรณบุรี เม่ือวันท่ี 22 มกราคม 2558
นายพภิ พ บุญธรรม
รองผวู าราชการจงั หวัด
นายสรุ เชษฐ สนุ ทรศาสตร นายกฤษฎา ดอี ินทร
ประมงจังหวัด ผอู าํ นวยการศนู ยว จิ ยั และพฒั นาประมงนาํ้ จดื สพุ รรณบรุ ี
นายวีระศักด์ิ กอ งรัตนโกศล
หวั หนาหนว ยบริหารจดั การประมงนา้ํ จดื เขอ่ื นกระเสียว สพุ รรณบุรี
สัตวนํ้าประจําจงั หวดั 67
สัตวน ้ําประจําจังหวัดสุราษฎรธ านี
ชอ่ื สตั วนํ้า ปลาตะพัด
ชือ่ สามญั Malayan bonytongue fish, Asian arowana
ช่อื วิทยาศาสตร Scleropages formosus (Müller & Schlegel, 1844)
ช่อื ทอ งถน่ิ ปลาหางเข
ประวตั คิ วามเปนมา เปน ปลานา้ํ จืด ลาํ ตวั ยาว ดานขา งแบน เกลด็ มขี นาดใหญ เรยี งเปนระเบียบอยา งสวยงาม
เกลด็ บนลาํ ตวั มสี เี งนิ ตาโต ปากใหญเ ฉยี งขนึ้ ดา นบน ฟน แหลม ครบี หลงั และครบี กน ยาวไปใกลบ รเิ วณครบี หาง สนั ทอ งคม
มหี นวด 1 คอู ยใู ตค าง ปลาตะพดั ขนาดโตเตม็ ทไี่ ดย าวไดร าว 90 เซนตเิ มตร นา้ํ หนกั หนกั ไดถ งึ 7 กโิ ลกรมั มกั จะวา ยบรเิ วณ
ริมผิวน้ํา ปลาตะพัดที่โตเต็มวัยสามารถโดดงับอาหารไดสูงถึง 1 เมตร ปลามีนิสัยคอนขางดุ กาวราว ขี้ตกใจ มักอาศัย
อยูลําพังตัวเดียวหรือเปนคู ถาอยูเปนฝูง ก็จะอยูเปนฝูงเล็กๆ ไมเกิน 3-5 ตัว ปจจุบันในประเทศไทย เชื่อวาเหลือ
เพียงบริเวณเขตรักษาพันธุสัตวปาคลองแสง และเขตรักษาพันธุสัตวปาคลองยัน ซ่ึงเปนตนแมนํ้าตาป บริเวณเข่ือน
รชั ชประภา และไดร ับการประกาศใหเ ปนสัตวน้าํ ประจําจงั หวดั สุราษฎรธ านี เม่อื วันที่ 9 กุมภาพนั ธ 2558
หมายเหตุ : จดั เปน สัตวป า คุมครองตามพระราชบญั ญตั ิสงวนและคมุ ครองสัตวปา พุทธศกั ราช 2535
นายฉตั รปอง ฉัตรภตู ิ นายศภุ วชั ร ศักดา
ผวู า ราชการจังหวดั สรุ าษฎรธ านี รองผูว า ราชการจงั หวดั สุราษฎรธานี
นายพรศักดิ์ ศกั ดิธ์ านี นายกฤตพล ยงั วนิชเศรษฐ
ประมงจงั หวัดสรุ าษฎรธ านี ผอู าํ นวยการศนู ยว จิ ยั และพฒั นาประมงชายฝง สรุ าษฎรธ านี
นายเจริญ โอมณี นางสาวสวุ ีณา บานเยน็
หวั หนา ศนู ยบริหารจัดการประมงนํ้าจืดภาคใต ผอู าํ นวยการศนู ยว จิ ยั และพฒั นาประมงนา้ํ จดื สรุ าษฎรธ านี
สรุ าษฎรธ านี
68 สตั วน ํ้าประจาํ จงั หวัด
สตั วน ้าํ ประจาํ จงั หวดั สุรนิ ทร
ชอ่ื สตั วน ้ํา ปลานวลจันทรน า้ํ จืด
ชอ่ื สามัญ Small scale mud carp
ชอ่ื วทิ ยาศาสตร Cirrhinus microlepis (Sauvage, 1878)
ชือ่ ทองถ่นิ ภาคอสี านเรยี ก “พอน” ภาษาพืน้ เมืองสรุ นิ ทรเรียก “แตร็ยนูนจัน” จงั หวดั อบุ ลราชธานี
เรยี กปลาตัวน้ีวา “ปลานกเขา” สว นชื่อ“นวลจนั ทร” หรอื “นวลจนั ทรน้าํ จดื ”
เปน ชื่อเรยี กทีใ่ ชเรยี กกันในภาคกลาง
ประวัติความเปนมา ปลานวลจันทรน้ําจืดมีรูปรางเพรียวบาง ลําตัวคอนขางกลม ปากเล็ก เกล็ดเล็ก สีของ
ลําตัวมีต้ังแตสีสมปนเทาจนถึงสีน้ําตาลปนสีขาวเงิน ทองสีขาว ครีบหลัง ครีบหางสีนํ้าตาลปนเทา ปลายครีบ สีชมพู
ความยาวประมาณ 50 - 60 ซม. เปน ปลานาํ้ จดื ทอ่ี ยใู นวงศป ลาตะเพยี น มพี ฤตกิ รรมวางไขในแหลงน้าํ หลาก และเลยี้ ง
ตัวออนจนนํ้าลดลงจึงอพยพลงสูแมนํ้า อาศัยอยูตามแมน้ําใหญ เชน แมน้ําเจาพระยาตั้งแตอยุธยาขึ้นไปถึงนครสวรรค
จนถึงบึงบอระเพ็ด ปจจุบันไมพบแลวในแมนํ้าเจาพระยา ทางภาคอีสานพบมากใน ลําน้ําโขง และทะเลสาบเขมร เปน
ปลาทกี่ นิ อาหารไมเ ลอื ก กนิ ไดท งั้ พชื กงุ แมลงและตวั ออ นของแมลงเนอื้ ปลามรี สชาตอิ รอ ย นาํ มาปรงุ อาหารไดห ลากหลาย
ความนิยมในตลาดดีมาก เน้ือทําปลาขูด ปลาลูกช้ิน แตนิยมนําไปทําปลาสมมากที่สุด ซึ่งปลานวลจันทรนํ้าจืดนี้
ไดร ับคัดเลือกเปน สตั วนาํ้ ประจําจังหวดั สรุ ินทรเ ม่ือวนั ที่ 13 มีนาคม พ.ศ. 2558
นายนริ นั ดร กัลยาณมติ ร นายถาวร กลุ โชติ
ผวู าราชการจงั หวดั สรุ นิ ทร รองผูวา ราชการจังหวดั สรุ นิ ทร
นายสมชาย เจียรทพิ ยว ิไล
นางสุวรรณี สกุลทอง
ประมงจังหวัดสรุ ินทร ผูอ าํ นวยการศนู ยว จิ ยั และพัฒนาประมงนาํ้ จดื สรุ นิ ทร
สตั วนํ้าประจาํ จังหวัด 69
สัตวน้ําประจาํ จังหวัดหนองคาย
ช่ือสัตวน ้ํา ปลาย่ีสก
ชื่อสามัญ Seven-Striped barb, Julian’s golden carp
ชอื่ วทิ ยาศาสตร Probarbus jullieni (Sauvage, 1880)
ช่อื ทองถ่นิ ปลาเอนิ หรอื ปลาเอนิ คางหมู ปลายส่ี กทอง กระสก หรือ อสี ก
ประวตั คิ วามเปนมา เปน ปลานาํ้ จดื ขนาดใหญ หวั คอ นขา งโต มหี นวดสั้น 1 คู อยูมมุ ปากบน ปากเลก็ ยดื หดได อยคู ลอย
ลงมาใตส ว นหวั สีของลาํ ตัวเหลือง มีแถบสดี ํา 7 แถบ พาดไปตามความยาวของ ลําตัว แถบสดี ําเหลาน้จี ะพาดอยรู ะหวางรอยตอ
ของเกล็ด ตาสีแดง ครีบทุกครีบสีชมพู อยูตามแมนํ้าที่พื้นท่ีเปนกรวด หินหรือทราย กินพืชในนํ้าเปนอาหารหลัก และอาจกิน
สัตวหนาดิน ลูกกุง ลูกปู หอย ตัวออนแมลงน้ําท่ีอยูบริเวณพื้นดิน และไรนํ้าดวย ขนาดใหญที่สุดเทาที่พบมีความยาว 1 เมตร
และมีนํ้าหนักถึง 40 กิโลกรัม ในฤดูผสมพันธุปลาตัวผูจะเปล่ียนสีลําตัวเปนสีคล้ําอมมวง และมีตุมสิวข้ึนบริเวณขางแกมและครีบ
อก มักวางไขใ นฤดูหนาว คือ ประมาณปลายเดอื นมกราคมถงึ เดอื นพฤษภาคม โดยจะอยูรวมกันเปนฝูงใหญๆ ฝูงละ 30 - 40 ตวั
บริเวณท่วี างไขอยูทา ยเกาะกลางนา้ํ เมื่อนา้ํ เร่มิ มรี ะดับสูงข้นึ แหลงวางไขแ หลงสุดทายทม่ี คี วามเหมาะสมในลุม นํ้าโขง ในปจจบุ นั พบ
ไดท่ีเดยี ว คอื ทอ่ี ําเภอสังคม จังหวดั หนองคาย เทานัน้
เมื่อป พ.ศ. 2517 สถานีประมงนํ้าจืดหนองคาย ประสบผลสําเร็จในการผสมเทียมปลายี่สก โดยใชพอแมพันธุท่ีรวบรวม
จากแมนํ้าโขงเปน ครง้ั แรก และเมือ่ เดอื นมกราคม 2533 สถานีประมงนํ้าจดื หนองคาย สามารถใชพ อ แมพ นั ธุปลาย่สี กท่เี ล้ยี งในบอ
ดนิ มาทาํ การเพาะพนั ธปุ ระสบผลสําเรจ็ ไดเปนคร้ังแรก ไดล ูกปลาย่ีสก ปละประมาณ 500,000 ตวั จึงไดป ลอยกลับคนื สธู รรมชาติ
และยังสนับสนุนสงเสริมใหเกษตรกรเล้ียงเปนปลาเศรษฐกิจ และเล้ียงเปนปลาสวยงามอีกดวย และไดรับการประกาศใหเปน
สตั วน ํา้ ประจําจงั หวดั หนองคาย เมือ่ วนั ท่ี 28 มกราคม 2558
นายสุชาติ นพวรรณ นายประสงค คงเคารพธรรม
ผวู า ราชการจงั หวดั หนองคาย รองผูวา ราชการจังหวดั หนองคาย
นายเฉลียว เทียนวรรณ นายสทุ ศั น เผอื กจีน
ประมงจังหวดั หนองคาย ผอู าํ นวยการศูนยว ิจัยและพัฒนาประมงนํ้าจืดหนองคาย
นายกิตตวิ ฒั น อินทรวิชยั
หวั หนาดา นตรวจสตั วนา้ํ จังหวดั หนองคาย
70 สัตวน ํ้าประจําจงั หวดั
สตั วน า้ํ ประจําจงั หวัดหนองบัวลาํ ภู
ชือ่ สัตวน าํ้ ปลาสรอยขาว (ปลาสรอย หรอื ปลาสรอ ยหวั กลม)
ช่อื สามัญ Siamese mud carp
ชือ่ วทิ ยาศาสตร Henicorhynchus siamensis (DeBeaufort, 1927)
ชอ่ื ทอ งถ่นิ ปลาขาวสรอย
ประวัติความเปนมา ปลาน้ําจืดขนาดเล็กชนิดหน่ึง อยูในวงศปลาตะเพียน (Cyprinidae) มีลักษณะลําตัว
เพรยี วรปู ทรงกระสวย แบนขา ง ตาเลก็ แผน ใตก ระดกู ตาแคบ ปากเลก็ อยเู กอื บปลายสดุ ของจงอยปาก กง่ึ กลางของรมิ ฝป าก
มีปุมกระดกู ยนื่ ออกมา ลักษณะเดนของปลาในตระกลู น้ี คือไมม หี นวด เกลด็ มีขนาดใหญ ลําตวั สเี งนิ อมเทา เหนอื ครบี อก
มจี ุดสคี ลา้ํ ครบี หลงั เล็ก ครบี หางเวาลกึ และมีจุดประสีคลํ้า โคนครีบหางมีจุดสจี าง มขี นาดโตเตม็ ท่ีประมาณ 15 เซนตเิ มตร
พบใหญสุด 20 เซนติเมตร พบอยูรวมกันเปนฝูง มีการยายถิ่นข้ึนตนนํ้า หรือบริเวณน้ําหลากในฤดูผสมพันธุวางไข คือ
ประมาณเดอื นมิถนุ ายน - กันยายน ไขเ ปนแบบครึ่งลอยครง่ึ จม สามารถพบไดท่ัวไปในแหลงนํา้ หลาก หนองบึง และแมน า้ํ
ขนาดใหญในภาคกลาง ภาคเหนอื ภาคตะวนั ออก และภาคอสี านของไทย ในจงั หวัดหนองบวั ลาํ ภู พบกระจายชกุ ชุมอยใู น
แหลงนา้ํ ท่ัวไปโดยเฉพาะอยางย่งิ ในเข่อื นอุบลรัตน และลุมนา้ํ ลําหว ยพะเนยี ง ซง่ึ เปนแหลงนา้ํ สายหลกั ของจังหวดั นับเปน
แหลงอาหารโปรตีนจากสัตวนํ้าของชุมชน ซ่ึงนิยมนํามาประกอบอาหารหลายอยาง รวมถึงการนํามาแปรรูปเปนปลา
แดดเดียว และปลารา สามารถสรางรายไดใหแกชุมชนในทองถิ่นมาโดยตลอดจวบจนถึงปจจุบัน ไดรับการประกาศ
ใหเ ปนสัตวน ํา้ ประจําจังหวดั หนองบวั ลาํ ภู เมอ่ื วันท่ี 13 กุมภาพนั ธ 2558
นายอาํ นวย ต้งั เจรญิ ชยั นายสมบูรณ โอฬารกิจเจรญิ
ผวู าราชการจงั หวดั หนองบัวลาํ ภู รองผูว า ราชการจงั หวดั หนองบวั ลําภู
นางนิตยา ทกั ษญิ
ประมงจงั หวดั หนองบวั ลําภู
สตั วนํา้ ประจาํ จงั หวดั 71
สตั วน ้ําประจําจงั หวัดอา งทอง
ชื่อสัตวน ํ้า ปลาตะเพียนทอง
ชื่อสามญั Red tail tinfoil barb
ชอ่ื วทิ ยาศาสตร Barbonymus altus (Gunther, 1868)
ชอื่ ทอ งถ่นิ “ตะเพียนหางแดง” หรือ “ลาํ ปา ” หรอื “เลียนไฟ” ในภาษาใต ซงึ่ ซํ้ากับปลากระแห
ประวตั ิความเปน มา อยใู นวงศปลาตะเพยี น (Cyprinidae) มรี ูปรางคลายปลากระแห (B. schwanenfeldi)
ซ่ึงอยูในสกุลเดียวกัน คือ มีเกล็ดตามลําตัวแวววาวสีเหลืองทองเหลือบแดงหรือสม ครีบหางเปนสีสมหรือสีแดงสด แต
ปลาตะเพยี นทองมเี กลด็ ขนาดใหญก วา และครบี หลงั ครบี หางไมม แี ถบสดี าํ มขี นาดโตเตม็ ทป่ี ระมาณไมเ กนิ 30 เซนตเิ มตร
ปลาตะเพียนทอง เปนปลาท่ีคนไทยรูจักกันดี มีถ่ินกําเนิดในนานนํ้าจืด พบชุกชุมในเขตพ้ืนที่จังหวัดอางทอง ในลําน้ํา
เจาพระยาและลํานํ้านอย โดยเฉพาะแหลงปลาหนาวัดทุกแหงในเขตจังหวัดอางทอง และใชสานเปนปลาตะเพียนทอง
ใบลาน เชื่อวาเปนปลามงคลตั้งแตครั้งอดีตถึงปจจุบัน อีกทั้งยังเปนปลาในวรรณคดีไทยแตโบราณกาล ดังกาพยแหเรือ
ตอนแหชมปลา พระนิพนธในเจาฟาธรรมธิเบศรไชยเชษฐสุริยวงศ หรือเจาฟากุง กวีเอกแหงกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย
“ตะเพียนทองงามด่งั ทอง ไมเหมือนนองหม ตาดพราย” จดั เปนปลาชนดิ หน่งึ ที่นยิ มเล้ียงเปนปลาสวยงามและทสี่ ําคญั ยังมีช่ือ
พอ งกับจงั หวดั อา งทอง คือคาํ วา “ทอง” และไดป ระกาศใหเ ปน สัตวนํา้ ประจําจังหวัดอา งทอง เมื่อวนั ที่ 22 มกราคม 2558
นายปวณิ ชาํ นิประศาสน นายวีระศักด์ิ ประภาวัฒนเวช
ผูวา ราชการจงั หวดั อา งทอง รองผวู าราชการจังหวดั อา งทอง
นายสพุ ล หอ ยมาลา นายณฐั พงค วรรณพฒั น
เจาพนกั งานประมงอาวุโส ผูอํานวยการศนู ยวิจัยและพัฒนาประมงนํ้าจืดอางทอง
รกั ษาราชการแทนประมงจังหวดั อา งทอง
72 สตั วน้ําประจําจังหวดั
สัตวน ํ้าประจาํ จังหวดั อํานาจเจริญ
ช่อื สตั วน้าํ ปลาสรอ ยขาว
ชือ่ สามญั Siamese mud carp
ชือ่ วทิ ยาศาสตร Henicorhynchus siamensis (Sauvage, 1881)
ชื่อทองถ่นิ สรอยหัวกลม
ประวัติความเปนมา ปลาสรอยขาว เปนปลานํ้าจืดขนาดเล็กชนิดหน่ึง มีลักษณะลําตัวเพรียวยาว หัวโตและ
กลมมน ปากเล็กอยูเกือบจะสุดจะงอยปาก กึ่งกลางของริมฝปากมีปุมกระดูกยื่นออกมา ไมมีหนวด เกล็ดมีขนาดใหญ
ลําตัว สีเงินอมเทา เหนือครีบอกมีจุดสีคลํ้า ครีบหลังเล็ก ครีบหางเวาลึกและมีจุดประสีคลํ้า โคนครีบหางมีจุดสีจาง
มขี นาดโตเต็มท่ีประมาณ 15 เซนติเมตร พบใหญสดุ 20 เซนตเิ มตร
ปลาสรอ ยขาวมพี ฤตกิ รรมอยรู วมเปน ฝงู ใหญ และในฤดฝู นจะมกี ารอพยพยา ยถนิ่ ขน้ึ สตู น นา้ํ หรอื บรเิ วณทน่ี า้ํ หลาก
เพ่ือวางไขและหากนิ พบในแหลง น้าํ หลาก หนองบงึ และแมน้าํ ขนาดใหญใน ภาคกลาง ภาคเหนือ ภาคตะวนั ออก และ
ภาคอีสานของไทย เปนปลาเศรษฐกิจที่สําคัญอยางยิ่งของภาคอีสาน โดยนิยมนํามาทําปลารา ปลาสมและทํานํ้าปลา
เปนที่มาของน้ําปลารสชาติดี คือ “น้ําปลาปลาสรอย“นอกจากน้ียังนิยมเล้ียงเปนปลาสวยงามอีกดวยปลาสรอยขาวมีชื่อ
เรียกอื่นในภาษาทอ งถน่ิ ตางๆ เชน สรอยหัวกลม ในภาษาอีสานหรือ กระบอก ในภาษาเหนือ ปลาสรอยขาวพบโดยท่ัวไป
ทุกลํานํ้าในจังหวัดอํานาจเจริญ ลําเซบก ลําเซบาย หวยละโอง หวยจันลัน หวยปลาแดก หวยพระเหลา หวยตาเทียว
อา งเกบ็ นาํ้ พทุ ธอทุ ยาน อา งเกบ็ นา้ํ หว ยโพธิ์ และอา งเกบ็ นา้ํ หว ยสโี ท ปลาสรอ ยขาวไดร บั การประกาศใหเ ปน สตั วน าํ้ ประจาํ
จงั หวัดอํานาจเจริญ เม่อื วันท่ี 26 กมุ ภาพนั ธ พ.ศ. 2558
นายสุทธินันท บุญมี นายสมโภชน จงจัดกลาง
ผวู าราชการจงั หวดั อาํ นาจเจรญิ ประมงจงั หวดั อํานาจเจริญ
นายณฐั วรรธน เตี๋ยสุวรรณ
นักวชิ าการประมงปฏิบัติการ รักษาการในตาํ แหนง
ผูอ ํานวยการศนู ยว จิ ยั และพัฒนาประมงนํา้ จืดอาํ นาจเจริญ
สัตวน ้ําประจําจงั หวัด 73
สตั วน ํา้ ประจําจังหวดั อุดรธานี
ชือ่ สัตวน้ํา ปลาซา
ชอ่ื สามญั Long fin barb
ชอ่ื วิทยาศาสตร Labiobarbus siamensis (Sauvage, 1881)
ชื่อทองถน่ิ ปลาคยุ ลาม
ประวตั คิ วามเปน มา ปลาซา มลี กั ษณะลาํ ตวั เพรยี วยาว ขนาดโตเตม็ ท่ี 10 - 18 ซม. หวั เลก็ และหางคอด ปากเลก็
มหี นวดยาวท่มี ุมปาก 2 คู เกล็ดเลก็ ลาํ ตัวสเี งนิ วาว มแี ถบสีคลา้ํ พาดตามยาว 5 - 6 แถบ ขา งลาํ ตัวตอนเหนือครีบอก
มีแถบสีคลํ้าตาแนวต้ัง ครีบสีจาง หรือเหลืองออน ครีบหลังยาวมาก และมีขอบสีคลํ้า ครีบหางเวาลึกสีแดงเรื่อ
กนิ แพลงกต อนพืช ตะไครนํา้ และไรนํา้ เปน อาหาร พฤตกิ รรมชอบอยรู วมเปน ฝูงใหญ มักพบรวมกับปลาสรอ ยอนื่ ๆ พบใน
แมนํ้าสายหลัก และสาขา รวมถึงแหลงนํ้าหลาก อยูชุกชุมในแหลงน้ําพ้ืนท่ีจังหวัดอุดรธานี ไดรับการประกาศใหเปน
สัตวน้าํ ประจําจังหวัดเม่ือวนั ท่ี 30 มกราคม 2558
นายนพวตั ร สิงหศ ักดา นายณรงค พลละเอยี ด
ผูวา ราชการจังหวัดอุดรธานี รองผูวา ราชการจังหวัดอดุ รธานี
นายกําจดั ราชคํา นางสาวเรณู สริ ิมงคลถาวร
ประมงจงั หวัดอดุ รธานี ผอู าํ นวยการศูนยว ิจัยและพัฒนาประมงน้าํ จืดอดุ รธานี
74 สัตวน ้าํ ประจาํ จงั หวัด
สัตวน ้าํ ประจําจังหวดั อตุ รดติ ถ
ช่อื สัตวนาํ้ ปลาตะโกก
ช่ือสามัญ
Soldier river barb
ชอ่ื วิทยาศาสตร Cyclocheilichthys enoplus (Bleeker, 1850)
ช่อื ทอ งถนิ่ ปลาโจก
ประวตั ิความเปน มา ปลาตะโกก จดั อยใู นวงศข องปลาตะเพียน มีลําตวั แบนขา ง รปู รา งเพรยี ว ลาํ ตัวมสี นี ้ําเงนิ อมฟา
ดานใตล ําตัวมีสเี งินอมขาว ครบี หลงั และครีบทอ งมจี ุดประสีดาํ บางๆ สวนครีบอ่ืนๆ มสี เี ทาจาง สวนหลงั โคงเลก็ นอ ยจากบริเวณ
หลังตา สวนใตลําตัวโคงนอยกวา มีเย่ือปดตา ปากอยูตรงปลายคอนมาทางดานลาง มีหนวด 2 คู จุดเดนอยูท่ีครีบหลังโคง
กา นครบี ใหญ แขง็ แรงและเปน ซฟี่ น อยดู า นหลงั ของกา นครบี เสน ขา งตวั ตรงและลดตาํ่ ลงเลก็ นอ ยทางดา นหลงั พบไดท ว่ั ไปในเขต
เอเชยี ตะวนั ออกเฉยี งใต ในประเทศไทยพบมากในแมน า้ํ และอา งเกบ็ นาํ้ ในภาคอสี าน ภาคเหนอื และภาคกลาง ปลาตะโกกกนิ อาหาร
จาํ พวกหอยสองฝา เศษพชื แพลงคต อนสตั ว สาหรา ยสเี ขยี ว และสาหรา ยสนี าํ้ ตาล เปน ตน นสิ ยั ของปลาชนดิ นเี้ ปน ปลาทอ่ี าศยั อยใู น
นํ้าไหลหรือแหลงน้ําขนาดใหญ เครื่องมือท่ีนิยมใชจับปลาตะโกก รอยละ 65 เปนการใชเบ็ด (เบ็ดฝรั่งและเบ็ดกระตุก) และ
อีกรอ ยละ 35 เปน การใชขา ย การเลยี้ งปลาตะโกกเพอ่ื เปนพอ แมพ ันธทุ ่ดี ี ตองมีอายปุ ระมาณ 3 ป น้ําหนกั ประมาณ 750 กรมั
จะสามารถนาํ ข้ึนมาเพาะพันธุได ชว งท่ีมีความสมบรณู เ พศจะอยรู ะหวา งเดือนกรกฎาคม-ตนเดอื นกันยายน
ปลาตะโกก เปนปลาท่ีเคยมีมากในแมนํ้านาน หลังจากมีการสรางเข่ือนสิริกิติ์ แมนํ้านานในเขตตอนเหนือเขื่อน
กลายเปน ทะเลสาบนาํ้ จดื ขนาดใหญ ทม่ี คี วามชกุ ชมุ และความหลากหลายของสตั วน าํ้ ทงั้ ชนดิ และปรมิ าณ โดยเฉพาะปลาตะโกก
จนเปนที่กลาวขานวา มาเที่ยวเข่ือนสิริกิต์ิ ตองไดกินปลาตะโกก ไมเชนน้ันเหมือนมาไมถึงเข่ือนสิริกิต์ิ จวบจนถึงปจจุบัน
ปลาตะโกกเปนปลาที่มีความสําคัญมากโดยเฉพาะในแวดวงกีฬาตกปลา จังหวัดอุตรดิตถจึงเห็นวาปลาชนิดน้ีมีความเหมาะสม
ทจ่ี ะเปนปลาประจําถนิ่ และเปน ปลาทเ่ี ปน สญั ลักษณข องจงั หวัดอุตรดิตถ เมือ่ วนั ที่ 3 กมุ ภาพันธ พ.ศ. 2558
นายชัช กิตตินภดล นายสมชัย กมลเทพเทวินทร
ผวู าราชการจังหวัดอุตรดิตถ รองผวู า ราชการจังหวดั อุตรดิตถ
นายฐปกรณ สาสนุ ีย วา ที่ ร.ต. สมนกึ คงทรัตน
ประมงจังหวัดอุตรดิตถ ผอู าํ นวยการศนู ยว จิ ยั และพฒั นาพนั ธกุ รรมสตั วน า้ํ อตุ รดติ ถ
สตั วน ํ้าประจาํ จังหวัด 75
สัตวน า้ํ ประจาํ จงั หวดั อุทัยธานี
ชือ่ สัตวนํา้ ปลาแรด
ชอื่ สามัญ Giant gourami
ชอ่ื วทิ ยาศาสตร Osphronemus goramy (Lacepède, 1801)
ชื่อทอ งถ่ิน เมน มิน
ประวตั ิความเปนมา ปลาแรดมชี ่ืออีกอยางหนึ่งวา “ปลาเมน ” มถี ่นิ กาํ เนิดในประเทศอนิ โดนเี ซียแถบหมูเ กาะ
สุมาตรา ชวา บอรเนียว และหมูเกาะอินเดียตะวันออก ในประเทศไทยภาคกลางพบตามแมนํ้าลําคลอง ตั้งแตจังหวัด
นครสวรรคถึงจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ภาคใตที่จังหวัดพัทลุงและแมนํ้าตาปจังหวัดสุราษฎรธานี มีลําตัวปอมและ
แบนขาง เกล็ดสากมือเปนรูปหยักมีกานครีบทองคูแรกเปนเสนเรียวยาวคลายหนวดไวสําหรับสัมผัส ปลายหางมนกลม
ปากแหลมริมฝปากหนา ภายในปากมีฟนซี่เล็กๆแหลมคม สวนหัวเล็กและปาน โดยเฉพาะปลาตัวผูจะมีโหนกนูนคลาย
นอแรด ปลาขนาดใหญที่พบมีนาํ้ หนัก 6 - 7 กิโลกรมั ความยาว 65 เซนติเมตร ในอดีตทีจ่ ังหวดั อุทัยธานพี บปลาแรดมาก
ในลุมนํ้าสะแกกรัง มลี กั ษณะเกล็ดหนา หนา งุม เนื้อนุมแนน เปน เสน ใย มีรสหวานไมม กี ลิ่นโคลนสาบ และไดร ับการประกาศ
ใหเปนสัตวนํ้าประจาํ จังหวดั อุทัยธานี เมื่อวันที่ 10 มนี าคม 2558
นายสมชาย เลิศพงศภ ากรณ นายวิศษิ ฐ คูรตั นเวช
ผูวาราชการจังหวัดอทุ ัยธานี รองผูวา ราชการจงั หวัดอทุ ัยธานี
นายอนนั ต เหลาแชม นางสจุ ติ รา สรสทิ ธิ์
ประมงจังหวัดอทุ ยั ธานี ผูอาํ นวยการศนู ยว จิ ัยและพฒั นาประมงนาํ้ จดื อุทัยธานี
76 สตั วน ํ้าประจาํ จังหวัด
สัตวน าํ้ ประจาํ จังหวดั อุบลราชธานี
ชือ่ สัตวนํา้ ปลาเทโพ
ชือ่ สามญั Black ear catfish
ช่ือวิทยาศาสตร Pangasius larnaudii (Bocourt, 1866)
ชื่อทอ งถิน่ ปลาปง (ภาคอสี านตอนลางแถบแมน าํ้ โขง - แมนา้ํ มูล)
ปลาหหู มาด (ภาษาอีสานตอนบนแถบแมนํ้าโขง)
เตาะ (ภาคเหนือแถบแมนํ้าโขง - ยม)
ประวัติความเปนมา ปลาเทโพ เปนปลาไมมีเกล็ดขนาดใหญ รูปรางคลายกับปลาสวายตามีหัวโต หนาส้ันทูกวา
ปลาสวาย ลําตวั ยาว และดา นขางแบน ตากลมโต และอยูเหนอื มมุ ปาก ปากกวา ง มีฟน ซ่เี ล็กแหลมคมอยูบนขากรรไกร
ทั้งสองขาง มีหนวดเล็ก และส้ันอยูที่ริมฝปากบน และมุมปากแหงละ 1 คู กระโดงสันหลังสูง และมีกานครีบเดี่ยวอัน
แรกเปน หนามแข็ง ครบี หมู ีเหง่ยี งแหลมแข็งขางละอัน มคี รีบไขมันอยูใกลกับโคนครีบหาง ครีบหางมีขนาดใหญปลาเปน
แฉกลึก ลําตัวบริเวณหลังมีสีดําคลํ้าหรือสีนํ้าเงินปนเทา หัวสีเขียวออน ทองสีขาวเงิน ปลาครีบหลัง ครีบทอง ครีบอก
และครีบกน ยื่นเปนเสนยาวเรียว ครบี กนมแี ถบสคี ลาํ้ ตามความยาว ครีบหางแถบสคี ลํ้าท้งั ตอนบนและตอนลา ง ลักษณะ
เดนท่ีเห็นไดชัดแตกตางจากปลาในสกุลปลาสวายชนิดอ่ืนๆ คือ มีจุดสีดําขนาดใหญบริเวณเหนือครีบหู โดยท่ัวไปขนาด
ที่พบเห็นตามปกติประมาณ 50 เซนติเมตร แตสามารถพบขนาดใหญที่สุด มีความยาวถึง 1.50 เมตร ในอดีตพบมาก
ในแมน้ําโขง - แมน้ํามูล อีกทั้งประชาชนในพื้นท่ีจังหวัดอุบลราชธานีไดนําปลาเทโพมาแปรรูปเปนผลิตภัณฑอาหาร
“เค็มบกั นัด” ซึง่ เปน ผลิตภณั ฑที่ข้ึนช่ือของจงั หวดั สบื มาจนถึงปจ จุบัน และไดร บั การประกาศใหเ ปน สัตวน ้าํ ประจาํ จงั หวดั
อบุ ลราชธานี เมื่อวนั ท่ี 19 มกราคม 2558
นายเสริม ไชยณรงค นายสรุ พนั ธ ดิสสะมาน
ผวู าราชการจงั หวดั อบุ ลราชธานี รองผูวาราชการจังหวัดอุบลราชธานี
นายดรุณศกั ดิ์ ใจเก้อื นายธีระชยั พงศจรรยากุล
เจาพนักงานประมงอาวุโส รักษาราชการแทน นักวิชาการประมงชํานาญการพิเศษ รักษาราชการแทน
ผอู าํ นวยการศนู ยว จิ ยั และพฒั นาประมงนาํ้ จดื อบุ ลราชธานี
ประมงจังหวัดอุบลราชธานี
สตั วนาํ้ ประจําจงั หวัด 77
คณะผูจดั ทํา
นายสมโภชน กริบกระโทก ผูตรวจราชการกรม
นายสุธรรม ลม่ิ พานิช หัวหนากลมุ ตดิ ตาม
และประเมินผลการตรวจราชการ
นางสาวอรวรรณ ประเสริฐสขุ นกั วชิ าการประมง (พนกั งานราชการ)
นางสาววลั ยล ดา ธนประโยชนศักดิ์ นักวชิ าการประมง (พนกั งานราชการ)
นายสถาพร ชน่ื ใจ นักวชิ าการประมง
โดย
กลมุ ติดตามและประเมินผลการตรวจราชการ
กองตรวจราชการ
78 สัตวน ํา้ ประจาํ จงั หวัด