ชัน้ ตวั ช้ีวัด สาระการเรียนรแู้ กนกลาง/สาระท้องถ่ิน
ม.๑ ความสงู จากพน้ื โลก พื้นทข่ี องวตั ถนุ ัน้ แรงท่ีอากาศกระทําตงั้ ฉากกบั ผิววัตถุต่อ
หน่ึงหน่วยพน้ื ทเี่ รยี กวา่ ความดนั อากาศ
• ความดนั อากาศมคี วามสมั พนั ธก์ ับความสงู จากพ้ืนโลก
โดยบริเวณท่สี งู จากพนื้ โลกขน้ึ ไปอากาศเบาบางลง มวล
อากาศน้อยลง ความดนั อากาศก็จะลดลง
ม.๒ ๑. พยากรณก์ ารเคลื่อนท่ขี องวัตถทุ เี่ ป็น • แรงเป็นปริมาณเวกเตอร์เมอ่ื มีแรงหลาย ๆ แรงกระทําต่อ
ผลของแรงลัพธ์ทีเ่ กิดจากแรงหลาย วัตถแุ ล้วแรงลัพธ์ทีก่ ระทําต่อวัตถมุ ีค่าเป็นศูนย์วัตถุจะไม่
แรงทีก่ ระทําตอ่ วตั ถุในแนวเดียวกัน เปลย่ี นแปลงการเคล่ือนท่ีแต่ถา้ แรงลัพธท์ ก่ี ระทําต่อวัตถมุ ี
จากหลักฐานเชงิ ประจักษ์ ค่าไมเ่ ป็นศูนยว์ ัตถจุ ะเปลยี่ นแปลงการเคลื่อนที่
๒. เขียนแผนภาพแสดงแรงและแรงลัพธ์
ทเ่ี กดิ จากแรงหลายแรงท่กี ระทําต่อ
วัตถุในแนวเดยี วกนั
๓. ออกแบบการทดลองและทดลองด้วย • เม่อื วัตถอุ ยู่ในของเหลวจะมแี รงทีข่ องเหลวกระทําต่อวัตถุ
วิธที เ่ี หมาะสมในการอธิบายปจั จัยที่มี ในทกุ ทศิ ทาง โดยแรงท่ขี องเหลวกระทําต้ังฉากกับผิววัตถุ
ตอ่ หน่งึ หน่วยพ้ืนท่เี รียกว่า ความดันของของเหลว
ผลต่อความดันของของเหลว
• ความดันของของเหลวมีความสมั พันธก์ ับความลกึ จาก
ระดับผิวหน้าของของเหลว โดยบรเิ วณท่ีลกึ ลงไปจาก
ระดับผิวหน้าของของเหลวมากขึน้ ความดนั ของของเหลว
จะเพิ่มขึน้ เน่ืองจากของเหลวที่อยู่ลกึ กว่า จะมนี ำ้ หนัก
ของของเหลวดา้ นบนกระทาํ มากกว่า
๔. วเิ คราะหแ์ รงพยุงและการจม การ • เมือ่ วัตถุอย่ใู นของเหลว จะมีแรงพยงุ เน่ืองจากของเหลว
ลอยของวัตถใุ นของเหลวจาก กระทําต่อวตั ถโุ ดยมที ิศข้ึนในแนวด่ิงการจมหรือการลอย
หลักฐานเชงิ ประจกั ษ์ ของวัตถขุ ึน้ กับนํา้ หนกั ของวัตถุและแรงพยงุ ถา้ น้ําหนัก
๕. เขียนแผนภาพแสดงแรงท่ีกระทําต่อ ของวตั ถแุ ละแรงพยุงของของเหลวมีค่าเท่ากัน วตั ถจุ ะ
ลอยนง่ิ อยู่ในของเหลว แต่ถ้าน้าํ หนกั ของวตั ถุมีคา่ มากกว่า
วัตถุในของเหลว แรงพยงุ ของของเหลววตั ถุจะจม
๖. อธบิ ายแรงเสยี ดทานสถติ และแรง • แรงเสยี ดทานเป็นแรงที่เกิดขน้ึ ระหวา่ งผวิ สัมผสั ของวตั ถุ
เสยี ดทานจลน์จากหลกั ฐานเชงิ เพื่อต้านการเคล่ือนทขี่ องวตั ถุนน้ั โดยถ้าออกแรงกระทาํ
ประจกั ษ์ ต่อวัตถทุ ี่อยนู่ ิ่งบนพ้ืนผิวให้เคล่อื นทีแ่ รงเสียดทานก็จะ
ต้านการเคลอ่ื นที่ของวัตถุแรงเสียดทานท่ีเกดิ ขน้ึ ในขณะท่ี
วัตถยุ งั ไมเ่ คล่อื นทเ่ี รยี ก แรงเสียดทานสถิต แต่ถ้าวตั ถุ
กาํ ลงั เคลือ่ นทแี่ รงเสยี ดทานกจ็ ะทาํ ให้วตั ถนุ ัน้ เคลื่อนทช่ี ้า
ลงหรอื หยดุ นิง่ เรียกแรงเสียดทานจลน์
โรงเรยี นบ้านคลองอุดม
สำนักงานเขตพน้ื ที่การศกึ ษาประถมศกึ ษาฉะเชงิ เทรา เขต ๒
ชน้ั ตัวชว้ี ัด สาระการเรยี นรูแ้ กนกลาง/สาระทอ้ งถน่ิ
ม.๒ ๗. ออกแบบการทดลองและทดลองดว้ ย • ขนาดของแรงเสยี ดทานระหว่างผวิ สมั ผสั ของวัตถุขน้ึ กับ
วธิ ที ี่เหมาะสมในการอธิบายปจั จยั ที่มี ลกั ษณะผิวสัมผัสและขนาดของแรงปฏิกริ ิยาตั้งฉาก
ระหว่างผิวสัมผสั
ผลต่อขนาดของแรงเสียดทาน
• กิจกรรมในชวี ิตประจําวันบางกจิ กรรมต้องการแรงเสยี ด
๘. เขยี นแผนภาพแสดงแรงเสียดทาน ทาน เช่น การเปิดฝาเกลียวขวดน้ำการใช้แผน่ กนั ล่ืนใน
และแรงอ่นื ๆ ท่ีกระทําตอ่ วตั ถุ ห้องนำ้ บางกจิ กรรมไมต่ ้องการแรงเสียดทาน เช่น การ
๙. ตระหนกั ถึงประโยชนข์ องความรเู้ รื่อง ลากวตั ถบุ นพืน้ การใชน้ ้ำมันหล่อล่นื ในเคร่ืองยนต์
แรงเสียดทานโดยวเิ คราะห์
• ความรู้เรอื่ งแรงเสียดทานสามารถนําไปใช้ประโยชน์ใน
สถานการณ์ปัญหาและเสนอแนะ ชีวติ ประจาํ วันได้
วิธีการลดหรือเพ่ิมแรงเสยี ดทานที่
เป็นประโยชน์ต่อการทํากิจกรรมใน
ชีวติ ประจาํ วนั
๑๐. ออกแบบการทดลองและทดลอง • เมอ่ื มีแรงท่ีกระทาํ ต่อวัตถโุ ดยไมผ่ ่านศูนย์กลางมวลของ
ด้วยวธิ ที ่ีเหมาะสมในการอธิบาย วัตถุจะเกิดโมเมนต์ของแรง ทําใหว้ ตั ถุหมุนรอบศนู ย์กลาง
โมเมนต์ของแรง เมอื่ วตั ถุอยใู่ นสภาพ มวลของวัตถุนนั้
• โมเมนตข์ องแรงเปน็ ผลคูณของแรงท่ีกระทาํ ต่อวตั ถกุ บั
สมดลุ ตอ่ การหมุน และคาํ นวณโดย ระยะทางจากจดุ หมุนไปตั้งฉากกบั แนวแรง เมื่อผลรวม
ใช้สมการ M = Fl ของโมเมนต์ของแรงมีคา่ เป็นศนู ยว์ ตั ถจุ ะอยู่ในสภาพ
สมดุลต่อการหมุน โดยโมเมนต์ของแรงในทศิ ทวนเข็ม
นาฬกิ าจะมีขนาดเท่ากับโมเมนตข์ องแรงในทิศตามเข็ม
นาฬิกา
• ของเลน่ หลายชนิดประกอบดว้ ยอุปกรณ์หลายสว่ นทใ่ี ช้
หลกั การโมเมนตข์ องแรง ความรเู้ รื่องโมเมนตข์ องแรง
สามารถนาํ ไปใช้ออกแบบและประดิษฐ์ของเล่นได้
๑๑. เปรียบเทียบแหลง่ ของสนาม • วตั ถุทมี่ ีมวลจะมีสนามโนม้ ถ่วงอยโู่ ดยรอบแรงโนม้ ถว่ งท่ี
แม่เหลก็ สนามไฟฟา้ และสนามโน้ม กระทําต่อวตั ถุท่ีอยู่ในสนามโนม้ ถ่วงจะมีทิศพงุ่ เข้าหาวตั ถุ
ทเ่ี ปน็ แหลง่ ของสนามโนม้ ถว่ ง
ถว่ ง และทศิ ทางของแรงที่กระทาํ ต่อ • วัตถุท่ีมีประจไุ ฟฟ้าจะมีสนามไฟฟ้าอยู่โดยรอบแรงไฟฟ้าท่ี
วัตถุที่อยใู่ นแต่ละสนามจากขอ้ มูลที่
รวบรวมได้ กระทําตอ่ วตั ถทุ ี่มีประจจุ ะมีทศิ พงุ่ เข้าหาหรือออกจาก
๑๒. เขยี นแผนภาพแสดงแรงแม่เหล็ก วตั ถุทมี่ ปี ระจุท่ีเป็นแหลง่ ของสนามไฟฟ้า
• วตั ถุท่ีเป็นแม่เหล็กจะมสี นามแม่เหลก็ อยู่โดยรอบแรง
แรงไฟฟ้าและแรงโนม้ ถว่ งท่ีกระทาํ แมเ่ หลก็ ท่ีกระทาํ ต่อข้วั แม่เหล็กจะมีทิศพุ่งเขา้ หาหรือออก
ต่อวตั ถุ จากขว้ั แมเ่ หล็กทีเ่ ป็นแหล่งของสนามแม่เหล็ก
โรงเรียนบา้ นคลองอุดม
สำนักงานเขตพ้ืนท่ีการศึกษาประถมศกึ ษาฉะเชงิ เทรา เขต ๒
ช้นั ตัวช้วี ดั สาระการเรียนรแู้ กนกลาง/สาระทอ้ งถน่ิ
ม.๒ ๑๓. วิเคราะห์ความสมั พันธ์ระหว่าง • ขนาดของแรงโนม้ ถ่วง แรงไฟฟ้า และแรงแม่เหล็กที่
ขนาดของแรงแม่เหล็ก แรงไฟฟ้า กระทาํ ตอ่ วตั ถทุ ่ีอย่ใู นสนามนัน้ ๆ จะมีค่าลดลงเมื่อวตั ถุ
และแรงโน้มถ่วงท่ีกระทาํ ต่อวตั ถทุ ี่อยู่ อยู่ห่างจากแหล่งของสนามนั้น ๆมากขนึ้
ในสนามนัน้ ๆ กับระยะห่างจาก
แหลง่ ของสนามถึงวตั ถจุ ากขอ้ มลู ท่ี
รวบรวมได้
๑๔. อธิบายและคํานวณอัตราเรว็ และ • การเคล่ือนท่ขี องวัตถเุ ปน็ การเปล่ียนตาํ แหน่งของวตั ถุ
ความเรว็ ของการเคล่อื นที่ของวตั ถุ เทยี บกบั ตาํ แหน่งอา้ งอิง โดยมีปรมิ าณทีเ่ กยี่ วข้องกับการ
โดยใชส้ มการ เคลอื่ นทซ่ี ่งึ มที ั้งปริมาณสเกลาร์และปรมิ าณเวกเตอร์เช่น
V = s/t หรอื V = s/t ระยะทางอัตราเร็ว การกระจดั ความเร็ว ปรมิ าณสเกลาร์
จากหลักฐานเชงิ ประจักษ์ เปน็ ปรมิ าณท่ีมีขนาด เชน่ ระยะทาง อตั ราเรว็ ปริมาณ
เวกเตอร์เป็นปรมิ าณทม่ี ที ้ังขนาด และทศิ ทาง เช่น การ
๑๕. เขียนแผนภาพแสดงการกระจดั กระจดั ความเรว็
และความเรว็
• เขยี นแผนภาพแทนปรมิ าณเวกเตอร์ได้ด้วยลูกศรโดย
ม.๓ - ความยาวของลกู ศรแสดงขนาดและหัวลกู ศรแสดงทิศทาง
ของเวกเตอรน์ ้ัน ๆ
• ระยะทางเป็นปริมาณสเกลาร์โดยระยะทางเปน็ ความยาว
ของเส้นทางที่เคลือ่ นทไี่ ด้
• การกระจดั เปน็ ปรมิ าณเวกเตอรโ์ ดยการกระจดั มีทิศชจี้ าก
ตําแหนง่ เร่มิ ต้นไปยงั ตาํ แหน่งสดุ ทา้ ย และมีขนาดเท่ากับ
ระยะท่ีสนั้ ทีส่ ดุ ระหวา่ งสองตาํ แหน่งนัน้
• อตั ราเร็วเปน็ ปริมาณสเกลารโ์ ดยอตั ราเร็วเปน็ อตั ราส่วน
ของระยะทางต่อเวลา
• ความเร็วปรมิ าณเวกเตอร์มีทศิ เดยี วกับทิศของการกระจดั
โดยความเรว็ เป็นอตั ราส่วนของการกระจดั ต่อเวลา
-
สาระที่ ๒ วิทยาศาสตร์กายภาพ
มาตรฐาน ว ๒.๓ เข้าใจความหมายของพลังงาน การเปลี่ยนแปลงและการถ่ายโอนพลังงานปฏิสมั พนั ธ์
ระหว่างสสารและพลังงาน พลังงานในชีวติ ประจําวัน ธรรมชาติของคล่ืน
ปรากฏการณท์ ่ีเกย่ี วข้องกับเสียง แสง และคล่ืนแมเ่ หล็กไฟฟ้ารวมท้งั นําความรไู้ ปใช้
ประโยชน์
โรงเรียนบา้ นคลองอุดม
สำนักงานเขตพ้นื ท่ีการศึกษาประถมศกึ ษาฉะเชงิ เทรา เขต ๒
ช้ัน ตัวชวี้ ดั สาระการเรยี นรู้แกนกลาง/สาระทอ้ งถนิ่
ป.๑ ๑. บรรยายการเกดิ เสยี งและทิศทางการ • เสียงเกิดจากการสน่ั ของวัตถวุ ตั ถุท่ีทําให้เกดิ เสียงเปน็
เคล่ือนทีข่ องเสยี งจากหลกั ฐานเชิง แหลง่ กําเนิดเสยี ง ซึ่งมที ง้ั แหล่งกําเนิดเสียงตามธรรมชาติ
ประจักษ์ และแหล่งกําเนิดเสียงท่ีมนษุ ยส์ รา้ งข้ึน เสยี งเคล่ือนท่ีออก
จากแหลง่ กาํ เนดิ เสียงทุกทิศทาง
ป.๒ ๑. บรรยายแนวการเคลอ่ื นท่ีของแสง • แสงเคลอ่ื นท่ีจากแหล่งกําเนดิ แสงทกุ ทศิ ทางเป็นแนวตรง
จากแหลง่ กาํ เนดิ แสง และอธบิ ายการ เม่อื มีแสงจากวัตถุมาเขา้ ตาจะทาํ ให้มองเหน็ วตั ถุนัน้ การ
มองเห็นวตั ถุท่ีเปน็ แหลง่ กําเนิดแสงแสงจากวตั ถุน้ันจะเข้า
มองเห็นวัตถุจากหลักฐานเชิง สูต่ าโดยตรงส่วนการมองเหน็ วัตถุทไ่ี ม่ใช่แหล่งกาํ เนดิ แสง
ประจกั ษ์ ต้องมแี สงจากแหล่งกาํ เนดิ แสงไปกระทบวตั ถุแล้วสะท้อน
๒. ตระหนักในคุณคา่ ของความรูข้ องการ เขา้ ตา ถ้ามแี สงท่สี วา่ งมาก ๆ เขา้ สู่ตาอาจเกิดอนั ตรายตอ่
มองเห็นโดยเสนอแนะแนวทางการ ตาได้จงึ ตอ้ งหลีกเลย่ี งการมองหรือใช้แผ่นกรองแสงที่มี
ป้องกันอันตรายจากการมองวัตถุที่ คณุ ภาพเมอ่ื จําเป็น และต้องจัดความสวา่ งให้เหมาะสม
อยูใ่ นบริเวณทีม่ ีแสงสวา่ งไม่ กับการทํากจิ กรรมต่าง ๆ เช่น การอ่านหนังสอื การดู
เหมาะสม จอโทรทศั น์การใช้โทรศัพท์เคล่อื นท่แี ละแท็บเลต็
ป.๓ ๑. ยกตวั อย่างการเปลีย่ นพลงั งานหน่ึง • พลังงานเปน็ ปริมาณทแี่ สดงถึงความสามารถในการ
ไปเป็นอกี พลังงานหนึ่งจากหลักฐาน ทํางาน พลังงานมหี ลายแบบ เชน่ พลังงานกล พลังงาน
ไฟฟา้ พลังงานแสง พลังงานเสียง และพลังงานความร้อน
เชงิ ประจักษ์ โดยพลังงานสามารถเปลย่ี นจากพลงั งานหนึ่งไปเปน็ อกี
พลังงานหนง่ึ ได้เช่น การถูมือจนรู้สึกร้อนเป็นการเปลย่ี น
พลังงานกลเปน็ พลังงานความร้อนแผงเซลลส์ รุ ิยะเปลย่ี น
พลังงานแสงเปน็ พลงั งานไฟฟา้ หรือเครื่องใช้ไฟฟ้าเปล่ยี น
พลงั งานไฟฟา้ เป็นพลงั งานอื่น
๒. บรรยายการทํางานของเครือ่ งกําเนิด • ไฟฟ้าผลิตจากเครื่องกาํ เนิดไฟฟา้ ซึง่ ใชพ้ ลังงานจากแหล่ง
ไฟฟ้าและระบุแหลง่ พลงั งานในการ พลงั งานธรรมชาตหิ ลายแหลง่ เช่น พลงั งานจากลม
พลงั งานจากนำ้ พลังงานจากแก๊สธรรมชาติ
ผลิตไฟฟา้ จากข้อมลู ท่ีรวบรวมได้ • พลงั งานไฟฟา้ มีความสาํ คัญต่อชีวติ ประจาํ วัน การใช้
๓. ตระหนักในประโยชน์และโทษของ
ไฟฟา้ นอกจากต้องใช้อย่างถกู วธิ ีประหยัด และคุ้มค่าแล้ว
ไฟฟา้ โดยนําเสนอวธิ กี ารใชไ้ ฟฟ้า ยังตอ้ งคํานงึ ถึงความปลอดภยั ดว้ ย
อยา่ งประหยัด และปลอดภยั
ป.๔ ๑. จาํ แนกวตั ถุเป็นตัวกลางโปร่งใส • เม่อื มองสง่ิ ต่างๆโดยมวี ตั ถุต่างชนดิ กนั มากั้นแสงจะทําให้
ตัวกลางโปรง่ แสง และวัตถทุ บึ แสง ลักษณะการมองเหน็ ส่ิงนัน้ ๆ ชัดเจนตา่ งกนั จึงจาํ แนก
จากลกั ษณะการมองเหน็ สิ่งต่าง ๆ วตั ถทุ ี่มากนั้ ออกเป็นตัวกลางโปรง่ ใสซ่ึงทาํ ให้มองเหน็ ส่งิ
ผา่ นวตั ถุน้นั เปน็ เกณฑ์ โดยใช้ ตา่ งๆได้ชดั เจนตัวกลางโปรง่ แสงทําใหม้ องเหน็ สงิ่ ต่าง ๆ
หลกั ฐานเชงิ ประจกั ษ์ ไดไ้ ม่ชดั เจน และวตั ถุทึบแสงทําให้มองไมเ่ ห็นสิง่ ต่าง ๆ
น้นั
โรงเรยี นบ้านคลองอดุ ม
สำนักงานเขตพ้ืนที่การศึกษาประถมศกึ ษาฉะเชงิ เทรา เขต ๒
ชัน้ ตวั ช้ีวดั สาระการเรยี นรู้แกนกลาง/สาระทอ้ งถน่ิ
ป.๕ ๑. อธิบายการไดย้ ินเสยี งผ่านตวั กลาง • การได้ยนิ เสียงต้องอาศยั ตัวกลาง โดยอาจเป็นของแขง็
จากหลกั ฐานเชิงประจักษ์ ของเหลว หรืออากาศ เสยี งจะสง่ ผา่ นตวั กลางมายังหู
๒. ระบตุ ัวแปร ทดลอง และอธิบาย • เสยี งทไ่ี ดย้ นิ มรี ะดบั สงู ต่ำของเสยี งต่างกนั ขึ้นกับความถ่ี
ลกั ษณะและการเกดิ เสยี งสูง เสียงตํ่า ของการสั่นของแหล่งกําเนิดเสยี ง โดยเมอ่ื แหลง่ กําเนดิ
เสยี งส่ันด้วยความถีต่ ่ำจะเกดิ เสยี งต่ำแต่ถา้ สนั่ ดว้ ยความถ่ี
๓. ออกแบบการทดลองและอธบิ าย สูงจะเกดิ เสียงสูง สว่ นเสียงดงั ค่อยที่ได้ยนิ ขึ้นกับพลงั งาน
ลกั ษณะและการเกิดเสียงดงั เสียง การสัน่ ของแหล่งกําเนิดเสียง โดยเม่ือแหลง่ กําเนดิ เสียง
ค่อย สั่นดว้ ยพลังงานมากจะเกิดเสียงดังแตถ่ า้ แหล่งกําเนิดเสียง
สั่นด้วยพลงั งานน้อยจะเกิดเสยี งค่อย
๔. วดั ระดบั เสยี งโดยใชเ้ ครอ่ื งมอื วดั
ระดบั เสียง • เสยี งดงั มาก ๆ เป็นอนั ตรายต่อการไดย้ นิ และเสียงที่
กอ่ ใหเ้ กิดความรําคาญเป็นมลพิษทางเสียงเดซิเบลเปน็
๕. ตระหนักในคณุ คา่ ของความรู้เรอื่ ง หนว่ ยที่บอกถึงความดังของเสียง
ระดบั เสียงโดยเสนอแนะแนวทางใน
การหลีกเลยี่ งและลดมลพิษทางเสียง
ป.๖ ๑. ระบุสว่ นประกอบและบรรยายหนา้ ท่ี • วงจรไฟฟา้ อย่างงา่ ยประกอบดว้ ยแหลง่ กาํ เนิดไฟฟา้
ของแตล่ ะสว่ นประกอบของ สายไฟฟา้ และเครื่องใชไ้ ฟฟา้ หรืออปุ กรณ์ไฟฟ้า
วงจรไฟฟ้าอย่างงา่ ยจากหลักฐานเชิง แหล่งกําเนิดไฟฟา้ เชน่ ถา่ นไฟฉาย หรือแบตเตอรี่ ทาํ
ประจกั ษ์ หน้าทีใ่ ห้พลงั งานไฟฟ้า สายไฟฟา้ เปน็ ตัวนาํ ไฟฟา้ ทาํ
๒. เขียนแผนภาพและต่อวงจรไฟฟา้ หน้าทเี่ ชอ่ื มต่อระหว่างแหลง่ กําเนิดไฟฟา้ และ
อย่างง่าย เครือ่ งใช้ไฟฟา้ เข้าดว้ ยกันเคร่ืองใช้ไฟฟ้ามหี น้าทเี่ ปลยี่ น
พลงั งานไฟฟา้ เปน็ พลงั งานอ่ืน
๓. ออกแบบการทดลองและทดลองดว้ ย • เม่ือนําเซลลไ์ ฟฟา้ หลายเซลล์มาตอ่ เรยี งกันโดยใหข้ ้วั บวก
วธิ ีท่เี หมาะสมในการอธิบายวธิ กี าร ของเซลลไ์ ฟฟ้าเซลล์หน่งึ ต่อกับขวั้ ลบของอีกเซลล์หนงึ่
และผลของการต่อเซลลไ์ ฟฟา้ แบบ เป็นการตอ่ แบบอนุกรมทาํ ใหม้ พี ลังงานไฟฟ้าเหมาะสมกับ
อนุกรม เคร่ืองใชไ้ ฟฟ้าซ่ึงการต่อเซลลไ์ ฟฟา้ แบบอนกุ รมสามารถ
๔. ตระหนักถึงประโยชน์ของความรูข้ อง นาํ ไปใชป้ ระโยชน์ในชีวติ ประจาํ วัน เชน่ การตอ่
การตอ่ เซลล์ไฟฟ้าแบบอนุกรมโดย เซลล์ไฟฟา้ ในไฟฉาย
บอกประโยชน์และการประยุกต์ใช้ใน
ชวี ิตประจาํ วนั
๕. ออกแบบการทดลองและทดลองดว้ ย • การตอ่ หลอดไฟฟา้ แบบอนุกรมเมื่อถอดหลอดไฟฟา้ ดวง
วธิ ที ่เี หมาะสมในการอธิบายการตอ่ ใดดวงหนึง่ ออกทาํ ใหห้ ลอดไฟฟ้าทเี่ หลือดับทั้งหมด สว่ น
การตอ่ หลอดไฟฟา้ แบบขนาน เมื่อถอดหลอดไฟฟ้าดวงใด
หลอดไฟฟ้าแบบอนุกรมและแบบ ดวงหนึง่ ออกหลอดไฟฟา้ ท่ีเหลอื กย็ ังสวา่ งได้การต่อหลอด
ขนาน ไฟฟา้ แต่ละแบบสามารถนําไปใช้ประโยชน์ไดเ้ ชน่ การต่อ
โรงเรยี นบ้านคลองอุดม
สำนักงานเขตพน้ื ท่ีการศกึ ษาประถมศกึ ษาฉะเชงิ เทรา เขต ๒
ช้ัน ตัวชวี้ ดั สาระการเรียนรู้แกนกลาง/สาระท้องถ่ิน
ป.๖ ๖. ตระหนักถึงประโยชน์ของความร้ขู อง หลอดไฟฟ้าหลายดวงในบ้านจึงต้องต่อหลอดไฟฟา้ แบบ
การต่อหลอดไฟฟ้าแบบอนุกรมและ ขนาน เพอ่ื เลอื กใชห้ ลอดไฟฟา้ ดวงใดดวงหน่ึงได้ตาม
แบบขนาน โดยบอกประโยชน์ ต้องการ
ข้อจาํ กดั และการประยกุ ต์ใช้ใน
ชวี ติ ประจําวัน
๗. อธิบายการเกิดเงามืดเงามัวจาก • เม่ือนําวัตถุทบึ แสงมาก้ันแสงจะเกิดเงาบนฉากรับแสงท่ีอยู่
หลกั ฐานเชงิ ประจกั ษ์ ดา้ นหลังวัตถุโดยเงามีรูปร่างคล้ายวัตถุท่ีทําใหเ้ กิดเงา เงา
มวั เปน็ บรเิ วณที่มีแสงบางส่วนตกลงบนฉาก ส่วนเงามดื
๘. เขียนแผนภาพรงั สขี องแสงแสดงการ เปน็ บริเวณทไ่ี ม่มแี สงตกลงบนฉากเลย
เกดิ เงามืดเงามวั
ม.๑ ๑. วเิ คราะห์แปลความหมายขอ้ มลู และ • เมอื่ สสารไดร้ บั หรอื สูญเสียความรอ้ นอาจทาํ ให้สสาร
คํานวณปริมาณความร้อนท่ีทําให้ เปลยี่ นอุณหภูมเิ ปลยี่ นสถานะ หรอื เปลย่ี นรูปรา่ ง
สสารเปล่ยี นอุณหภูมแิ ละเปลีย่ น • ปริมาณความรอ้ นทีท่ าํ ใหส้ สารเปลีย่ นอุณหภมู ขิ ้ึนกับมวล
สถานะ โดยใช้สมการ ความร้อนจาํ เพาะ และอุณหภมู ิท่ีเปลีย่ นไป
Q = ml∆t หรอื Q = mL
๒. ใชเ้ ทอรม์ อมเิ ตอร์ในการวัดอุณหภูมิ • ปริมาณความรอ้ นทที่ าํ ให้สสารเปลี่ยนสถานะขนึ้ กับมวล
และความร้อนแฝงจาํ เพาะ โดยขณะทสี่ สารเปลีย่ นสถานะ
ของสสาร อุณหภมู จิ ะไม่เปล่ียนแปลง
๓. สร้างแบบจาํ ลองทอ่ี ธิบายการ • ความร้อนทําให้สสารขยายตวั หรอื หดตัวได้ เนอื่ งจากเม่ือ
ขยายตวั หรือหดตวั ของสสาร สสารได้รบั ความรอ้ นจะทําให้อนุภาคเคลือ่ นท่ีเร็วขน้ึ ทํา
เนอ่ื งจากได้รับหรือสญู เสียความร้อน ให้เกิดการขยายตัวแต่เมอื่ สสารคายความร้อนจะทําให้
อนภุ าคเคลื่อนทช่ี ้าลง ทําใหเ้ กิดการหดตัว
๔. ตระหนกั ถงึ ประโยชน์ของความรู้ของ • ความรเู้ ร่ืองการหดและขยายตวั ของสสารเนื่องจากความ
การหดและขยายตวั ของสสาร ร้อนนําไปใชป้ ระโยชน์ไดด้ ้านตา่ ง ๆ เช่น การสร้างถนน
เน่ืองจากความร้อนโดยวเิ คราะห์ การสรา้ งรางรถไฟการทําเทอร์มอมเิ ตอร์
สถานการณป์ ญั หา และเสนอแนะ
วธิ ีการนําความรมู้ าแกป้ ญั หาใน
ชีวติ ประจาํ วนั
๕. วิเคราะหส์ ถานการณ์การถ่ายโอน • ความร้อนถา่ ยโอนจากสสารท่มี ีอุณหภูมิสงู กวา่ ไปยงั สสาร
ความรอ้ นและคํานวณปริมาณความ ท่มี ีอุณหภมู ติ ่าํ กว่าจนกระทง่ั อุณหภูมิของสสารทง้ั สอง
ร้อนที่ถ่ายโอนระหวา่ งสสารจนเกิด เท่ากนั สภาพที่สสารท้ังสองมีอณุ หภูมเิ ท่ากนั เรียกว่า
สมดุลความร้อนโดยใช้ สมดลุ ความรอ้ น
สมการ Qสูญเสยี = Qไดร้ บั
• เมอ่ื มกี ารถ่ายโอนความร้อนจากสสารทม่ี อี ุณหภมู ติ า่ งกัน
จนเกิดสมดลุ ความร้อนความรอ้ นที่เพม่ิ ขึ้นของสสารหนึ่ง
โรงเรียนบา้ นคลองอุดม
สำนักงานเขตพนื้ ที่การศกึ ษาประถมศกึ ษาฉะเชงิ เทรา เขต ๒
ชน้ั ตวั ช้ีวัด สาระการเรียนรแู้ กนกลาง/สาระท้องถิ่น
ม.๑ จะเทา่ กับความร้อนที่ลดลงของอีกสสารหนึง่ ซึ่งเป็นไป
ตามกฎการอนุรักษ์พลงั งาน
๖. สรา้ งแบบจําลองทอ่ี ธบิ ายการถ่าย • การถ่ายโอนความร้อนม๓ี แบบ คอื การนาํ ความร้อน
โอนความรอ้ นโดยการนําความร้อน การพาความร้อน และการแผร่ ังสคี วามรอ้ น การนาํ ความ
การพาความร้อนการแผ่รงั สีความ รอ้ นเป็นการถ่ายโอนความร้อนท่อี าศยั ตัวกลาง โดยท่ี
ร้อน ตวั กลางไมเ่ คลื่อนท่กี ารพาความร้อนเป็นการถา่ ยโอน
๗. ออกแบบ เลือกใชแ้ ละสร้างอปุ กรณ์ ความร้อนทอ่ี าศยั ตัวกลาง โดยท่ีตวั กลางเคลื่อนทไ่ี ปด้วย
เพ่ือแก้ปญั หาในชวี ิตประจําวนั โดยใช้ ส่วนการแผร่ ังสคี วามร้อนเปน็ การถ่ายโอนความร้อนทีไ่ ม่
ตอ้ งอาศยั ตัวกลาง
ความรูเ้ กี่ยวกับการถ่ายโอนความ • ความรู้เกย่ี วกบั การถ่ายโอนความรอ้ นสามารถนาํ ไปใช้
รอ้ น ประโยชน์ในชีวิตประจําวนั ได้เชน่ การเลือกใชว้ ัสดเุ พื่อ
นํามาทาํ ภาชนะบรรจอุ าหารเพอื่ เกบ็ ความร้อน หรือการ
ออกแบบระบบระบายความร้อนในอาคาร
ม.๒ ๑. วิเคราะห์สถานการณ์และคํานวณ • เมอ่ื ออกแรงกระทําต่อวตั ถแุ ลว้ ทําให้วตั ถเุ คลื่อนท่ี โดย
เกี่ยวกบั งานและกําลงั ท่ีเกิดจากแรง แรงอยู่ในแนวเดียวกับการเคล่อื นที่จะเกดิ งาน งานจะมีคา่
ทีก่ ระทําต่อวัตถุโดยใช้สมการ มากหรอื น้อยขึน้ กับขนาดของแรงและระยะทางในแนว
W = Fs และ P =W/t เดยี วกบั แรง
จากขอ้ มูลท่รี วบรวมได้ • งานทท่ี าํ ในหนึ่งหนว่ ยเวลาเรียกวา่ กาํ ลงั หลกั การของ
๒. วเิ คราะห์หลักการทาํ งานของ งานนําไปอธิบายการทํางานของเครอ่ื งกลอย่างงา่ ยไดแ้ ก่
คาน พนื้ เอียงรอกเดี่ยวลิ่มสกรลู ้อและเพลาซ่งี นําไปใช้
เครื่องกลอยา่ งง่ายจากข้อมลู ที่
ประโยชน์ดา้ นตา่ งๆในชีวิตประจําวัน
รวบรวมได้
๓. ตระหนกั ถงึ ประโยชนข์ องความรู้ของ
เคร่ืองกลอยา่ งงา่ ย โดยบอก
ประโยชน์และการประยุกตใ์ ชใ้ น
ชวี ติ ประจาํ วนั
๔. ออกแบบและทดลองดว้ ยวิธีที่ • พลังงานจลนเ์ ปน็ พลังงานของวตั ถุทเี่ คล่ือนที่พลังงานจลน์
เหมาะสมในการ จะมคี า่ มากหรอื น้อยข้นึ กับมวลและอตั ราเร็ว ส่วน
อธิบายปัจจยั ทม่ี ีผลตอ่ พลังงานจลนแ์ ละ พลังงานศกั ย์โน้มถ่วงเกีย่ วขอ้ งกับตาํ แหนง่ ของวตั ถจุ ะมี
พลงั งานศักย์โนม้ ถ่วง คา่ มากหรือน้อยขึน้ กบั มวลและตําแหน่งของวัตถุ เม่ือวัตถุ
อยูใ่ นสนามโนม้ ถ่วง วตั ถุจะมีพลังงานศักย์โนม้ ถว่ ง
๕. แปลความหมายขอ้ มลู และอธิบาย พลังงานจลนแ์ ละพลังงานศักยโ์ นม้ ถว่ งเปน็ พลงั งานกล
การเปลีย่ นพลงั งานระหว่างพลงั งาน
• ผลรวมของพลงั งานศักยโ์ นม้ ถว่ งและพลังงานจลน์เปน็
พลังงานกล พลงั งานศกั ย์โนม้ ถว่ งและพลงั งานจลนข์ อง
โรงเรียนบ้านคลองอุดม
สำนักงานเขตพื้นท่ีการศึกษาประถมศกึ ษาฉะเชงิ เทรา เขต ๒
ช้ัน ตวั ช้วี ัด สาระการเรียนรู้แกนกลาง/สาระท้องถน่ิ
ม.๒ ศกั ยโ์ นม้ ถ่วงและพลงั งานจลนข์ อง วัตถุหนึง่ ๆ สามารถเปลย่ี นกลบั ไปมาไดโ้ ดยผลรวมของ
วตั ถุโดยพลังงานกลของวัตถุมีคา่ คง พลังงานศักยโ์ นม้ ถว่ งและพลังงานจลน์มคี ่าคงตัว นัน่ คือ
ตวั จากขอ้ มูลท่ีรวบรวมได้ พลังงานกลของวัตถมุ ีคา่ คงตัว
๖. วเิ คราะหส์ ถานการณ์และอธิบายการ • พลงั งานรวมของระบบมีค่าคงตวั ซึง่ อาจเปลยี่ นจาก
เปลยี่ นและการถ่ายโอนพลังงานโดย พลงั งานหน่ึงเปน็ อีกพลงั งานหน่งึ เช่น พลังงานกล
ใชก้ ฎการอนรุ ักษ์พลงั งาน เปล่ยี นเปน็ พลังงานไฟฟ้าพลงั งานจลน์เปล่ยี นเปน็
พลงั งานความรอ้ นพลงั งานเสียง พลงั งานแสง
เนอ่ื งมาจากแรงเสียดทาน พลงั งานเคมใี นอาหาร
เปลี่ยนเป็นพลงั งานท่ีไปใช้ในการทาํ งานของสง่ิ มชี ีวติ
• นอกจากนี้พลงั งานยังสามารถถ่ายโอนไปยงั อีกระบบหนึ่ง
หรือไดร้ ับพลังงานจากระบบอน่ื ไดเ้ ชน่ การถ่ายโอนความ
รอ้ นระหวา่ งสสารการถ่ายโอนพลังงานของการส่ันของ
แหลง่ กําเนิดเสยี งไปยงั ผู้ฟัง ทั้งการเปลยี่ นพลังงานและ
การถ่ายโอนพลงั งาน พลังงานรวมทั้งหมดมคี ่าเทา่ เดิม
ตามกฎการอนรุ ักษ์พลังงาน
ม.๓ ๑. วิเคราะห์ความสมั พันธ์ระหว่างความ • เม่ือตอ่ วงจรไฟฟ้าครบวงจรจะมีกระแสไฟฟา้ ออกจาก
ต่างศักย์กระแสไฟฟ้า และความ ขั้วบวกผ่านวงจรไฟฟ้าไปยังขว้ั ลบของแหล่งกําเนดิ ไฟฟา้
ต้านทาน และคาํ นวณปรมิ าณที่ ซง่ึ วัดคา่ ได้จากแอมมิเตอร์
เกีย่ วข้องโดยใชส้ มการ V = IR • คา่ ท่ีบอกความแตกต่างของพลังงานไฟฟา้ ต่อหนว่ ยประจุ
จากหลักฐานเชงิ ประจกั ษ์ ระหวา่ งจดุ ๒ จุด เรียกวา่ ความตา่ งศักยซ์ ่งึ วดั ค่าไดจ้ าก
๒. เขยี นกราฟความสัมพันธ์ระหวา่ ง โวลตม์ ิเตอร์
• ขนาดของกระแสไฟฟา้ มีค่าแปรผันตรงกบั ความตา่ งศักย์
กระแสไฟฟา้ และความต่างศักย์ไฟฟ้า ระหวา่ งปลายทัง้ สองของตัวนาํ โดยอตั ราสว่ นระหวา่ ง
๓. ใชโ้ วลต์มเิ ตอรแ์ อมมิเตอรใ์ นการวัด ความตา่ งศกั ยแ์ ละกระแสไฟฟา้ มีค่าคงท่ี เรยี กค่าคงทน่ี ้วี ่า
ความต้านทาน
ปริมาณทางไฟฟา้
๔. วเิ คราะห์ความตา่ งศักยไ์ ฟฟ้าและ • ในวงจรไฟฟา้ ประกอบดว้ ยแหลง่ กาํ เนดิ ไฟฟา้ สายไฟฟา้
กระแสไฟฟา้ ในวงจรไฟฟ้าเม่อื ต่อตัว และอปุ กรณ์ไฟฟา้ โดยอุปกรณ์ไฟฟา้ แต่ละชน้ิ มคี วาม
ตา้ นทาน ในการตอ่ ตวั ต้านทานหลายตวั มที ั้งต่อแบบ
ตา้ นทานหลายตวั แบบอนุกรมและ
อนุกรมและแบบขนาน
แบบขนานจากหลกั ฐานเชิงประจกั ษ์ • การต่อตวั ตา้ นทานหลายตัวแบบอนกุ รมในวงจรไฟฟา้
๕. เขยี นแผนภาพวงจรไฟฟ้าแสดงการ ความตา่ งศกั ยท์ ่ีคร่อมตัวต้านทานแต่ละตัวมีค่าเทา่ กับ
ตอ่ ตวั ตา้ นทานแบบอนกุ รมและ ผลรวมของความต่างศักย์ท่ีคร่อมตัวตา้ นทานแตล่ ะตัว
ขนาน โดยกระแสไฟฟา้ ทผ่ี า่ นตวั ต้านทานแต่ละตัวมคี ่าเท่ากนั
โรงเรียนบ้านคลองอดุ ม
สำนักงานเขตพนื้ ท่ีการศึกษาประถมศกึ ษาฉะเชงิ เทรา เขต ๒
ช้นั ตวั ชี้วัด สาระการเรียนรู้แกนกลาง/สาระทอ้ งถ่นิ
ม.๓ ๖. บรรยายการทํางานของชนิ้ ส่วน • การต่อตวั ตา้ นทานหลายตัวแบบขนานในวงจรไฟฟ้า
อิเลก็ ทรอนิกส์อย่างง่ายในวงจรจาก กระแสไฟฟ้าทีผ่ ่านวงจรมีค่าเทา่ กับผลรวมของ
กระแสไฟฟา้ ที่ผา่ นตวั ต้านทานแต่ละตวั โดยความต่างศักย์
ขอ้ มูลทรี่ วบรวมได้
ท่ีคร่อมตวั ต้านทานแตล่ ะตัวมีคา่ เทา่ กัน
๗. เขยี นแผนภาพและต่อช้นิ ส่วน • ชิ้นสว่ นอเิ ลก็ ทรอนิกส์มหี ลายชนิดเชน่ ตวั ต้านทานไดโอด
อเิ ล็กทรอนิกส์อย่างง่ายในวงจรไฟฟ้า ทรานซิสเตอรต์ ัวเกบ็ ประจุโดยชิ้นส่วนแต่ละชนดิ ทําหน้าที่
แตกตา่ งกันเพ่ือใหว้ งจรทาํ งานได้ตามตอ้ งการ
• ตวั ตา้ นทานทาํ หนา้ ท่คี วบคุมปรมิ าณกระแสไฟฟ้าใน
วงจรไฟฟา้ ไดโอดทาํ หน้าที่ใหก้ ระแสไฟฟ้าผา่ นทางเดียว
ทรานซิสเตอร์ทําหนา้ ท่เี ป็นสวติ ชป์ ิดหรอื เปดิ วงจรไฟฟ้า
และควบคุมปรมิ าณกระแสไฟฟา้ ตัวเก็บประจทุ ําหน้าท่ี
เกบ็ และคายประจไุ ฟฟา้
• เครื่องใช้ไฟฟ้าอยา่ งง่ายประกอบด้วยชน้ิ ส่วน
อิเลก็ ทรอนกิ สห์ ลายชนดิ ท่ีทํางานร่วมกันการต่อวงจร
อิเลก็ ทรอนิกส์โดยเลือกใช้ชิน้ สว่ นอเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ท่ี
เหมาะสมตามหนา้ ที่ของชนิ้ สว่ นน้ัน ๆ จะสามารถทาํ ให้
วงจรไฟฟ้าทาํ งานได้ตามต้องการ
๘. อธบิ ายและคํานวณพลังงานไฟฟ้าโดย • เครือ่ งใช้ไฟฟา้ จะมีคา่ กาํ ลังไฟฟา้ และความต่างศักยก์ าํ กับ
ใช้สมการ W = Pt รวมท้งั คํานวณคา่ ไว้กําลงั ไฟฟา้ มหี นว่ ยเป็นวัตตค์ วามตา่ งศกั ย์มหี น่วยเป็น
โวลตค์ ่าไฟฟา้ สว่ นใหญค่ ดิ จากพลงั งานไฟฟ้าท่ีใชท้ งั้ หมด
ไฟฟา้ ของเครื่องใช้ไฟฟา้ ในบ้าน ซึ่งหาไดจ้ ากผลคณู ของกาํ ลงั ไฟฟา้ ในหน่วยกิโลวัตต์กับ
๙. ตระหนักในคณุ ค่าของการเลอื กใช้ เวลาในหน่วยช่ัวโมง พลังงานไฟฟา้ มหี นว่ ยเปน็ กิโลวตั ต์
ชว่ั โมง หรือหนว่ ย
เครอื่ งใช้ไฟฟ้าโดยนําเสนอวิธกี ารใช้ • วงจรไฟฟา้ ในบา้ นมีการต่อเครอื่ งใช้ไฟฟ้าแบบขนาน
เครอ่ื งใชไ้ ฟฟา้ อยา่ งประหยดั และ
ปลอดภัย เพ่อื ให้ความตา่ งศักยเ์ ท่ากัน การใช้เครอ่ื งใช้ไฟฟา้ ใน
ชวี ติ ประจําวนั ต้องเลือกใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีความต่าง
ศกั ยแ์ ละกําลงั ไฟฟา้ ให้เหมาะกับการใชง้ าน และการใช้
๑๐. สร้างแบบจําลองที่อธิบายการเกดิ เครื่องใชไ้ ฟฟา้ และอุปกรณ์ไฟฟ้าต้องใช้อยา่ งถูกต้อง
คล่ืนและบรรยายส่วนประกอบของ ปลอดภัย และประหยดั
คล่ืน
• คลนื่ เกิดจากการสง่ ผา่ นพลังงานโดยอาศยั ตวั กลางและไม่
อาศยั ตวั กลาง ในคล่ืนกล พลังงานจะถูกถ่ายโอนผ่าน
ตวั กลางโดยอนุภาคของตัวกลางไม่เคล่ือนท่ีไปกับคล่นื
คล่นื ท่แี ผ่ออกมาจากแหลง่ กําเนดิ คล่นื อย่างต่อเน่อื งและมี
รูปแบบทซ่ี ้าํ กนั บรรยายไดด้ ว้ ยความยาวคลน่ื ความถี่
แอมพลจิ ดู
โรงเรยี นบา้ นคลองอดุ ม
สำนักงานเขตพน้ื ท่ีการศกึ ษาประถมศกึ ษาฉะเชงิ เทรา เขต ๒
ช้ัน ตวั ชีว้ ดั สาระการเรียนรู้แกนกลาง/สาระท้องถน่ิ
ม.๓ ๑๑. อธิบายคลืน่ แมเ่ หลก็ ไฟฟ้าและ • คลนื่ แม่เหล็กไฟฟา้ เป็นคล่ืนทีไ่ ม่อาศัยตัวกลางในการ
สเปกตรัมคลน่ื แม่เหล็กไฟฟ้าจาก เคล่อื นทม่ี ีความถตี่ อ่ เนือ่ งเปน็ ช่วงกวา้ งมากเคล่อื นท่ีใน
ข้อมูลทีร่ วบรวมได้ สุญญากาศดว้ ยอตั ราเร็วเทา่ กนั แต่จะเคลื่อนทด่ี ว้ ย
๑๒. ตระหนักถึงประโยชน์และอันตราย อัตราเรว็ ต่างกนั ในตวั กลางอน่ื คล่ืนแมเ่ หลก็ ไฟฟา้ แบ่ง
จากคลืน่ แม่เหล็กไฟฟ้าโดยนาํ เสนอ ออกเปน็ ช่วงความถตี่ า่ งๆเรียกวา่ สเปกตรัมของคล่ืน
การใช้ประโยชนใ์ นดา้ นตา่ ง ๆ และ แม่เหลก็ ไฟฟ้า แตล่ ะช่วงความถี่มชี ่อื เรยี กตา่ งกัน ได้แก่
อนั ตรายจากคล่ืนแมเ่ หล็กไฟฟ้าใน คลืน่ วิทยุไมโครเวฟ อนิ ฟราเรดแสงท่ีมองเห็น
ชีวติ ประจําวัน อัลตราไวโอเลตรงั สเี อกซ์และรังสแี กมมา ซึ่งสามารถนําไป
ใช้ประโยชน์ได้
• เลเซอร์เป็นคลน่ื แมเ่ หล็กไฟฟ้าท่ีมคี วามยาวคลื่นเดยี ว
เป็นลาํ แสงขนานและมีความเข้มสูง นาํ ไปใชป้ ระโยชน์ใน
ดา้ นตา่ ง ๆ เช่น ด้านการสอ่ื สารมกี ารใชเ้ ลเซอรส์ าํ หรบั ส่ง
สารสนเทศผา่ นเส้นใยนําแสงโดยอาศยั หลักการการ
สะทอ้ นกลบั หมดของแสง ดา้ นการแพทย์ใชใ้ นการผ่าตัด
• คลืน่ แม่เหล็กไฟฟ้านอกจากจะสามารถนาํ ไปใชป้ ระโยชน์
แล้ว ยงั มีโทษตอ่ มนุษยด์ ว้ ย เชน่ ถ้ามนษุ ยไ์ ดร้ บั รงั สี
อัลตราไวโอเลตมากเกินไปอาจจะทาํ ให้เกิดมะเรง็ ผิวหนัง
หรอื ถา้ ไดร้ งั สแี กมมาซึง่ เป็นคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าท่ีมี
พลังงานสงู และสามารถทะลผุ า่ นเซลลแ์ ละอวยั วะได้
อาจทําลายเนือ้ เย่ือหรอื อาจทําให้เสยี ชวี ติ ไดเ้ ม่ือได้รบั รังสี
แกมมาในปริมาณสูง
๑๕. อธบิ ายการหักเหของแสงเมอื่ ผา่ น • เมอ่ื แสงเดนิ ทางผา่ นตัวกลางโปร่งใสท่ีแตกตา่ งกัน เช่น
ตัวกลางโปรง่ ใสที่แตกตา่ งกนั และ อากาศและนํ้า อากาศและแกว้ จะเกดิ การหักเห หรืออาจ
อธบิ ายการกระจายแสงของแสงขาว เกดิ การสะท้อนกลับหมดในตวั กลางทแี่ สงตกกระทบ การ
หกั เหของแสงผ่านเลนส์ทาํ ให้เกิดภาพทม่ี ชี นดิ และขนาด
เมือ่ ผ่านปรซิ มึ จากหลกั ฐานเชงิ ตา่ ง ๆ
ประจกั ษ์ • แสงขาวประกอบด้วยแสงสีตา่ ง ๆ เม่อื แสงขาวผา่ นปริซึม
๑๖. เขยี นแผนภาพการเคล่ือนทข่ี องแสง จะเกดิ การกระจายแสงเป็นแสงสตี ่างๆเรยี กว่า สเปกตรัม
แสดงการเกดิ ภาพจากเลนส์บาง
ของแสงขาว เม่ือเคล่ือนทีใ่ นตัวกลางใด ๆ ที่ไม่ใชอ่ ากาศ
จะมอี ตั ราเร็วต่างกันจงึ มีการหักเหตา่ งกนั
๑๗. อธบิ ายปรากฏการณ์ท่ีเกี่ยวกับแสง • การสะทอ้ นและการหักเหของแสงนําไปใช้อธิบาย
และการทํางานของทัศนอุปกรณจ์ าก ปรากฏการณท์ ่ีเก่ยี วกับแสง เชน่ รงุ้ มิราจ และอธิบาย
การทํางานของทัศนอปุ กรณ์เชน่ แวน่ ขยายกระจกโคง้
ข้อมูลทรี่ วบรวมได้
จราจร กล้องโทรทรรศนก์ ลอ้ งจุลทรรศนแ์ ละแว่นสายตา
๑๘.เขียนแผนภาพการเคล่ือนท่ีของแสง • ในการมองวตั ถุ เลนสต์ าจะถกู ปรับโฟกสั เพอื่ ใหเ้ กิดภาพ
แสดงการเกดิ ภาพของทศั นอุปกรณ์
โรงเรียนบ้านคลองอดุ ม
สำนักงานเขตพ้นื ที่การศึกษาประถมศกึ ษาฉะเชงิ เทรา เขต ๒
ชน้ั ตัวชวี้ ดั สาระการเรียนรูแ้ กนกลาง/สาระท้องถิน่
ม.๓ และเลนส์ตา ชัดท่ีจอตา ความบกพร่องทางสายตาเช่น สายตาสน้ั และ
สายตายาว เป็นเพราะตาํ แหนง่ ทเ่ี กดิ ภาพไม่ได้อยู่ทีจ่ อตา
พอดจี งึ ตอ้ งใช้เลนส์ในการแก้ไขเพื่อช่วยใหม้ องเห็น
เหมือนคนสายตาปกติโดยคนสายตาสั้นใช้เลนส์เวา้ สว่ น
คนสายตายาวใช้เลนสน์ นู
๑๙. อธบิ ายผลของความสวา่ งท่ีมีต่อ • ความสว่างของแสงมีผลต่อดวงตามนุษย์การใช้สายตาใน
ดวงตาจากขอ้ มลู ที่ได้จากการสืบคน้ สภาพแวดล้อมทีม่ ีความสว่างไมเ่ หมาะสมจะเปน็ อนั ตราย
๒๐. วดั ความสวา่ งของแสงโดยใช้ ตอ่ ดวงตา เชน่ การดวู ตั ถใุ นท่ีมคี วามสวา่ งมากหรอื น้อย
เกินไป การจอ้ งดูหน้าจอภาพเปน็ เวลานาน ความสวา่ งบน
อุปกรณ์วัดความสวา่ งของแสง พื้นทร่ี ับแสงมหี นว่ ยเปน็ ลักซค์ วามร้เู กย่ี วกับความสวา่ ง
๒๑. ตระหนักในคุณค่าของความรู้เรื่อง สามารถนาํ มาใช้จดั ความสว่างให้เหมาะสมกบั การทาํ
กจิ กรรมต่าง ๆ เชน่ การจัดความสวา่ งท่ีเหมาะสมสาํ หรับ
ความสวา่ งของแสงที่มีตอ่ ดวงตา โดย การอา่ นหนงั สอื
วเิ คราะหส์ ถานการณป์ ัญหาและ
เสนอแนะการจดั ความสว่างให้
เหมาะสมในการทาํ กิจกรรมตา่ ง ๆ
สาระท่ี ๓ วิทยาศาสตรโ์ ลก และอวกาศ
มาตรฐาน ว ๓.๑ เขา้ ใจองค์ประกอบ ลกั ษณะ กระบวนการเกิด และวิวฒั นาการของ
เอกภพกาแลก็ ซี ดาวฤกษ์ และระบบสรุ ยิ ะ รวมทงั้ ปฏิสัมพนั ธภ์ ายใน
ระบบสุรยิ ะท่สี ่งผลตอ่ ส่ิงมชี วี ติ และการประยกุ ต์ใช้เทคโนโลยีอวกาศ
ชน้ั ตวั ช้วี ดั สาระการเรยี นร้แู กนกลาง/สาระทอ้ งถ่ิน
ป.๑ ๑. ระบดุ าวทป่ี รากฏบนทอ้ งฟ้าในเวลา • บนท้องฟา้ มีดวงอาทิตย์ดวงจนั ทรแ์ ละดาว ซงึ่ ในเวลา
กลางวนั และกลางคืนจากข้อมลู ที่ กลางวนั จะมองเห็นดวงอาทิตยแ์ ละอาจมองเห็นดวง
รวบรวมได้ จันทรบ์ างเวลาในบางวนั แตไ่ ม่สามารถมองเหน็ ดาว
๒. อธบิ ายสาเหตุทีม่ องไม่เห็นดาวสว่ น • ในเวลากลางวนั มองไม่เหน็ ดาวสว่ นใหญ่ เนือ่ งจาก
ใหญ่ในเวลากลางวันจากหลกั ฐานเชงิ แสงอาทติ ย์สวา่ งกว่าจงึ กลบแสงของดาว สว่ นในเวลา
กลางคืนจะมองเห็นดาวและมองเหน็ ดวงจนั ทร์เกือบทุก
ประจักษ์
คนื
ป.๒ - -
ป.๓ ๑. อธิบายแบบรูปเส้นทางการขึน้ และ • คนบนโลกมองเหน็ ดวงอาทติ ยป์ รากฏข้ึนทางด้านหนึ่ง
ตก ของดวงอาทติ ย์โดยใช้หลักฐาน และตกทางอีกด้านหนึ่งทุกวนั หมุนเวียนเปน็ แบบรูปซาํ้ ๆ
• โลกกลมและหมนุ รอบตวั เองขณะโคจรรอบดวงอาทติ ย์ทํา
โรงเรียนบา้ นคลองอุดม
สำนักงานเขตพน้ื ที่การศึกษาประถมศกึ ษาฉะเชงิ เทรา เขต ๒
ชั้น ตวั ชว้ี ัด สาระการเรียนรู้แกนกลาง/สาระทอ้ งถ่นิ
ป.๓ เชิงประจักษ์ ให้บริเวณของโลกได้รบั แสงอาทิตย์ไม่พร้อมกนั โลกด้านที่
๒. อธิบายสาเหตกุ ารเกดิ ปรากฏการณ์ ไดร้ ับแสงจากดวงอาทิตย์จะเป็นกลางวันส่วนดา้ นตรงข้าม
ท่ไี ม่ไดร้ บั แสงจะเปน็ กลางคนื นอกจากนคี้ นบนโลกจะ
การขนึ้ และตกของดวงอาทติ ย์การ มองเห็นดวงอาทิตย์ปรากฏขนึ้ ทางด้านหนง่ึ ซงึ่ กาํ หนดให้
เกิดกลางวนั กลางคืนและการกําหนด เป็นทศิ ตะวันออก และมองเห็นดวงอาทติ ย์ตกทางอีกด้าน
ทศิ โดยใชแ้ บบจําลอง หนึง่ ซง่ึ กําหนดให้เป็นทศิ ตะวันตกและเมื่อให้ด้านขวามือ
๓. ตระหนักถงึ ความสําคัญของดวง อยทู่ างทศิ ตะวนั ออกด้านซ้ายมอื อยู่ทางทิศตะวนั ตก
อาทิตยโ์ ดยบรรยายประโยชน์ของ ด้านหน้าจะเป็นทิศเหนือ และดา้ นหลังจะเป็นทศิ ใต้
ดวงอาทติ ย์ต่อสิง่ มีชีวิต • ในเวลากลางวันโลกจะไดร้ ับพลังงานแสงและพลังงาน
ความรอ้ นจากดวงอาทติ ย์ทาํ ใหส้ ่งิ มชี วี ติ ดํารงชวี ติ อยู่ได้
ป.๔ ๑. อธบิ ายแบบรปู เสน้ ทางการขน้ึ และ • ดวงจันทรเ์ ปน็ บรวิ ารของโลก โดยดวงจนั ทรห์ มนุ รอบ
ตกของดวงจนั ทร์โดยใชห้ ลักฐานเชงิ ตัวเองขณะโคจรรอบโลก ขณะทโ่ี ลกก็หมนุ รอบตวั เองด้วย
เชน่ กัน การหมนุ รอบตวั เองของโลกจากทิศตะวันตกไป
ประจักษ์ ทิศตะวนั ออกในทศิ ทางทวนเข็มนาฬิกาเมื่อมองจากขัว้
โลกเหนือทําให้มองเหน็ ดวงจนั ทร์ปรากฏข้ึนทางด้าน
๒. สรา้ งแบบจําลองท่ีอธบิ ายแบบรปู ทิศตะวันออกและตกทางด้านทิศตะวันตกหมนุ เวยี นเปน็
การเปลี่ยนแปลงรูปร่างปรากฏของ แบบรูปซ้ำ ๆ
ดวงจนั ทรแ์ ละพยากรณร์ ูปรา่ ง
ปรากฏของดวงจนั ทร์ • ดวงจนั ทรเ์ ปน็ วัตถทุ ีเ่ ป็นทรงกลม แต่รปู รา่ งของดวงจันทร์
ทีม่ องเหน็ หรอื รปู ร่างปรากฏของดวงจันทร์บนท้องฟ้า
แตกตา่ งกนั ไปในแต่ละวันโดยในแตล่ ะวันดวงจันทรจ์ ะมี
รปู รา่ งปรากฏเป็นเสีย้ วท่มี ีขนาดเพ่ิมขึน้ อยา่ งต่อเนอื่ งจน
เต็มดวงจากน้ันรูปรา่ งปรากฏของดวงจนั ทรจ์ ะแหว่ง
และมีขนาดลดลงอย่างต่อเนอ่ื งจนมองไมเ่ ห็นดวงจันทร์
จากน้ันรปู รา่ งปรากฏของดวงจันทรจ์ ะเปน็ เสีย้ วใหญ่ข้นึ
จนเตม็ ดวงอกี คร้ังการเปลี่ยนแปลงเชน่ นีเ้ ป็นแบบรูปซ้ำ
กนั ทุกเดือน
๓. สรา้ งแบบจําลองแสดงองค์ประกอบ • ระบบสุรยิ ะเป็นระบบที่มดี วงอาทิตยเ์ ปน็ ศนู ย์กลาง และมี
ของระบบสรุ ิยะ และอธิบาย บรวิ ารประกอบดว้ ย ดาวเคราะหแ์ ปดดวง และบรวิ าร ซึ่ง
เปรยี บเทยี บคาบการโคจรของดาว ดาวเคราะหแ์ ต่ละดวงมีขนาดและระยะห่างจากดวง
เคราะห์ต่าง ๆ จากแบบจําลอง อาทติ ย์แตกต่างกัน และยังประกอบด้วย ดาวเคราะห์
แคระ ดาวเคราะหน์ ้อย ดาวหาง และวตั ถขุ นาดเล็กอ่นื ๆ
โคจรอยรู่ อบดวงอาทิตยว์ ตั ถขุ นาดเล็กอน่ื ๆ เม่ือเข้ามา
ในชนั้ บรรยากาศเนื่องจากแรงโน้มถ่วงของโลกทําใหเ้ กิด
เปน็ ดาวตกหรือผพี ่งุ ไต้และอุกกาบาต
โรงเรยี นบ้านคลองอุดม
สำนักงานเขตพืน้ ที่การศึกษาประถมศกึ ษาฉะเชงิ เทรา เขต ๒
ชั้น ตวั ช้ีวัด สาระการเรียนรู้แกนกลาง/สาระทอ้ งถน่ิ
ป.๕ ๑. เปรียบเทียบความแตกต่างของดาว • ดาวท่มี องเหน็ บนท้องฟ้าอยู่ในอวกาศซึ่งเปน็ บรเิ วณท่ีอยู่
เคราะห์และดาวฤกษ์จากแบบจําลอง นอกบรรยากาศของโลกมีท้ังดาวฤกษแ์ ละดาวเคราะห์ดาว
ฤกษเ์ ปน็ แหลง่ กาํ เนิดแสงจึงสามารถมองเหน็ ได้ส่วนดาว
เคราะห์ไมใ่ ช่ แหล่งกําเนดิ แสง แต่สามารถมองเหน็ ได้
๒. ใช้แผนทีด่ าวระบตุ าํ แหนง่ และ เนือ่ งจากแสงจากดวงอาทิตย์ตกกระทบดาวเคราะห์แลว้
เส้นทางการขน้ึ และตกของกลมุ่ ดาว สะทอ้ นเข้าสตู่ า
ฤกษ์บนทอ้ งฟ้า และอธบิ ายแบบรูป
เสน้ ทางการขนึ้ และตกของกลุ่มดาว • การมองเหน็ กลุ่มดาวฤกษ์มีรูปรา่ งต่าง ๆ เกิดจาก
ฤกษ์ บนทอ้ งฟ้าในรอบปี จนิ ตนาการของผสู้ ังเกต กลุ่มดาวฤกษต์ ่าง ๆ ท่ีปรากฏใน
ท้องฟา้ แต่ละกลุ่มมีดาวฤกษ์แตล่ ะดวงเรียงกันทตี่ ําแหนง่
คงทแ่ี ละมเี ส้นทางการขน้ึ และตกตามเสน้ ทางเดิมทุกคนื
ซ่งึ จะปรากฏตําแหนง่ เดิม การสังเกตตําแหน่งและการขึ้น
และตกของดาวฤกษแ์ ละกลุม่ ดาวฤกษ์สามารถทําได้โดย
ใช้แผนทดี่ าว ซ่ึงระบุมมุ ทิศและมุมเงยท่ีกลุ่มดาวน้ัน
ปรากฏ ผ้สู งั เกตสามารถใช้มือในการประมาณค่าของมุม
เงยเมอ่ื สังเกตดาวในทอ้ งฟ้า
ป.๖ ๑. สร้างแบบจาํ ลองที่อธบิ ายการเกดิ • เม่อื โลกและดวงจนั ทรโ์ คจรมาอยู่ในแนวเสน้ ตรงเดยี วกัน
และเปรยี บเทยี บปรากฏการณ์ กบั ดวงอาทิตย์ในระยะทางท่เี หมาะสมทําให้ดวงจนั ทร์บัง
สรุ ยิ ุปราคาและจนั ทรุปราคา ดวงอาทิตย์เงาของดวงจันทรท์ อดมายังโลก ผสู้ ังเกตที่อยู่
บรเิ วณเงาจะมองเหน็ ดวงอาทติ ย์มดื ไป เกดิ ปรากฏการณ์
สุรยิ ุปราคาซึ่งมที ั้งสรุ ยิ ปุ ราคาเตม็ ดวง สุรยิ ุปราคา
บางส่วนและสุริยปุ ราคาวงแหวน
• หากดวงจันทร์และโลกโคจรมาอยู่ในแนวเส้นตรงเดยี วกัน
กับดวงอาทิตย์แล้วดวงจันทรเ์ คล่อื นทผี่ ่านเงาของโลก จะ
๒. อธบิ ายพฒั นาการของเทคโนโลยี มองเห็นดวงจันทรม์ ดื ไปเกิดปรากฏการณ์จนั ทรุปราคาซึ่ง
อวกาศ และยกตวั อยา่ งการนาํ มที ง้ั จันทรุปราคาเต็มดวง และจันทรปุ ราคาบางสว่ น
เทคโนโลยอี วกาศมาใช้ประโยชน์
ในชวี ติ ประจาํ วนั จากขอ้ มูลที่ • เทคโนโลยีอวกาศเริ่มจากความตอ้ งการของมนุษย์
รวบรวมได้ ในการสํารวจวัตถทุ ้องฟ้าโดยใชต้ าเปลา่ กล้องโทรทรรศน์
และได้พัฒนาไปสูก่ ารขนสง่ เพ่ือสาํ รวจอวกาศด้วยจรวด
และยานขนส่งอวกาศ และยงั คงพัฒนาอย่างต่อเนอ่ื ง
ปัจจบุ นั มีการนําเทคโนโลยอี วกาศบางประเภทมา
ประยกุ ตใ์ ช้ในชวี ติ ประจําวัน เชน่ การใช้ดาวเทียมเพ่ือ
การสื่อสาร การพยากรณ์อากาศ หรือการสาํ รวจ
ทรัพยากรธรรมชาตกิ ารใช้อปุ กรณว์ ดั ชีพจรและการเต้น
ของหัวใจ หมวกนริ ภัย ชดุ กฬี า
โรงเรยี นบ้านคลองอดุ ม
สำนักงานเขตพื้นท่ีการศกึ ษาประถมศกึ ษาฉะเชงิ เทรา เขต ๒
ช้ัน ตวั ชวี้ ัด สาระการเรียนร้แู กนกลาง/สาระทอ้ งถิ่น
ม.๑ - -
ม.๒ - -
ม.๓ ๑. อธบิ ายการโคจรของดาวเคราะห์รอบ • ในระบบสุรยิ ะมดี วงอาทิตย์เปน็ ศนู ยก์ ลางโดยมี
ดวงอาทติ ย์ด้วยแรงโน้มถว่ งจาก ดาวเคราะห์และบรวิ าร ดาวเคราะหแ์ คระดาวเคราะห์
สมการ F = (Gm1m2)/r2 นอ้ ยดาวหางและอน่ื ๆเช่น วัตถคุ อยเปอร์โคจรอยู่
โดยรอบ ซงึ่ ดาวเคราะหแ์ ละวัตถเุ หล่านี้โคจรรอบดวง
อาทิตยด์ ้วยแรงโนม้ ถว่ งแรงโนม้ ถ่วงเปน็ แรงดึงดูดระหวา่ ง
วัตถุสองวตั ถุโดยเป็นสดั สว่ นกับผลคูณของมวลทง้ั สอง
และเป็นสัดสว่ นผกผนั กบั กาํ ลังสองของระยะทางระหว่าง
วัตถทุ ัง้ สอง แสดงไดโ้ ดยสมการ
F = (Gm1m2)/r2
เมอื่ F แทนความโน้มถว่ งระหวา่ งมวลทั้งสอง G แทนค่า
นจิ โน้มถว่ งสากล m1 แทนมวลของวตั ถุแรก m2 แทนมวล
ของวตั ถุท่ีสอง และ r แทนระยะห่างระหว่างวัตถทุ ้ังสอง
๒. สร้างแบบจาํ ลองทอี่ ธบิ ายการเกดิ ฤดู • การท่โี ลกโคจรรอบดวงอาทติ ย์ในลักษณะท่ีแกนโลกเอยี ง
และการเคลื่อนทีป่ รากฏของดวง กับแนวต้ังฉากของระนาบทางโคจรทําใหส้ ว่ นตา่ ง ๆ บน
อาทติ ย์ โลกได้รบั ปริมาณแสงจากดวงอาทติ ย์แตกต่างกนั ในรอบปี
เกดิ เป็นฤดกู ลางวันกลางคืนยาวไมเ่ ทา่ กนั และตาํ แหนง่
การข้ึนและตกของดวงอาทติ ยท์ ่ีขอบฟ้าและเสน้ ทางการ
ข้ึนและตกของดวงอาทติ ย์เปล่ยี นไปในรอบปซี ึ่งส่งผลต่อ
การดาํ รงชวี ิต
๓. สรา้ งแบบจําลองที่อธิบายการเกดิ • ดวงจันทร์โคจรรอบโลก โลกและดวงจันทร์โคจรรอบดวง
ข้างข้นึ ขา้ งแรม การเปลี่ยนแปลง อาทติ ย์ดวงจนั ทรร์ ับแสงจากดวงอาทติ ย์ครึ่งดวง
เวลาการขึน้ และตกของดวงจนั ทร์ ตลอดเวลา เมือ่ ดวงจนั ทร์โคจรรอบโลกได้หนั ส่วนสว่าง
และการเกิดนํา้ ขน้ึ น้าํ ลง มายงั โลกแตกต่างกัน จงึ ทําให้คนบนโลกสังเกตสว่ นสว่าง
ของดวงจันทรแ์ ตกตา่ งไปในแตล่ ะวันเกดิ เปน็ ข้างข้ึน
ข้างแรม
• ดวงจันทร์โคจรรอบโลกในทิศทางเดียวกันกับทีโ่ ลก
หมุนรอบตัวเอง จึงทาํ ให้เห็นดวงจันทรข์ ึน้ ช้าไปประมาณ
วนั ละ ๕๐ นาที
• แรงโนม้ ถว่ งท่ีดวงจันทรด์ วงอาทติ ย์กระทําต่อโลกทาํ ให้
เกดิ ปรากฏการณ์นาํ้ ขึน้ นํา้ ลง ซึง่ ส่งผลต่อส่ิงแวดลอ้ มและ
สง่ิ มีชีวติ บนโลก วันท่ีน้ํามีระดับการขึ้นสูงสุดและลงต่ําสดุ
เรยี ก วันน้าํ เกิดสว่ นวนั ทร่ี ะดับน้าํ มีการขึ้นและลงน้อย
เรียก วันน้ำตายโดยวันน้ําเกิด นา้ํ ตายมีความสมั พนั ธ์กับ
โรงเรียนบา้ นคลองอดุ ม
สำนักงานเขตพน้ื ท่ีการศกึ ษาประถมศกึ ษาฉะเชงิ เทรา เขต ๒
ชนั้ ตวั ชว้ี ดั สาระการเรียนรู้แกนกลาง/สาระท้องถิน่
ม.๓
ข้างขน้ึ ข้างแรม
๔. อธบิ ายการใช้ประโยชนข์ อง
เทคโนโลยอี วกาศและยกตัวอยา่ ง • เทคโนโลยอี วกาศไดม้ บี ทบาทต่อการดาํ รงชีวติ ของมนุษย์
ความกา้ วหน้าของโครงการสาํ รวจ ในปจั จบุ ันมากมาย มนษุ ย์ได้ใชป้ ระโยชนจ์ ากเทคโนโลยี
อวกาศ จากข้อมลู ทีร่ วบรวมได้ อวกาศเชน่ ระบบนําทางด้วยดาวเทยี ม (GNSS) การ
ตดิ ตามพายุสถานการณ์ไฟปา่ ดาวเทียมช่วยภัยแล้ง
การตรวจคราบนาํ้ มันในทะเล
• โครงการสาํ รวจอวกาศต่าง ๆ ได้พฒั นาเพ่มิ พนู ความรู้
ความเข้าใจต่อโลก ระบบสุริยะและเอกภพมากขน้ึ เปน็
ลาํ ดบั ตัวอยา่ งโครงการสํารวจอวกาศเช่น การสาํ รวจ
ส่ิงมชี วี ติ นอกโลก การสาํ รวจดาวเคราะห์นอกระบบสุรยิ ะ
การสํารวจดาวอังคารและบริวารอน่ื ของดวงอาทติ ย์
สาระท่ี ๓ วทิ ยาศาสตรโ์ ลก และอวกาศ
มาตรฐาน ว ๓.๒ เข้าใจองค์ประกอบและความสัมพันธ์ของระบบโลก กระบวนการ
เปล่ยี นแปลงภายในโลกและบนผิวโลก ธรณพี ิบัติภัย กระบวนการ
เปล่ยี นแปลงลมฟา้ อากาศและภูมอิ ากาศโลก รวมทัง้ ผลต่อส่ิงมีชวี ิตและ
สง่ิ แวดลอ้ ม
ช้ัน ตวั ชวี้ ัด สาระการเรียนรแู้ กนกลาง/สาระท้องถน่ิ
ป.๑ ๑. อธบิ ายลกั ษณะภายนอกของหิน จาก • หนิ ทีอ่ ยูใ่ นธรรมชาตมิ ลี ักษณะภายนอกเฉพาะตัวทีส่ ังเกต
ลกั ษณะเฉพาะตัวท่สี ังเกตได้ ได้เช่น สลี วดลาย นํ้าหนกั ความแข็งและเน้ือหิน
ป.๒ ๑. ระบุส่วนประกอบของดนิ และ • ดนิ ประกอบดว้ ยเศษหิน ซากพชื ซากสตั วผ์ สมอยูใ่ นเน้ือ
จําแนกชนดิ ของดนิ โดยใช้ลกั ษณะ ดนิ มอี ากาศและน้ำแทรกอยตู่ ามช่องว่างในเน้ือดนิ ดนิ
เนื้อดินและการจับตัวเป็นเกณฑ์ จําแนกเปน็ ดนิ รว่ น ดินเหนียวและดนิ ทราย ตามลักษณะ
๒. อธบิ ายการใช้ประโยชน์จากดนิ จาก เนื้อดนิ และการจบั ตัวของดนิ ซง่ึ มีผลตอ่ การอุ้มนำ้ ที่
ขอ้ มูลที่รวบรวมได้ แตกตา่ งกนั
• ดินแต่ละชนิดนําไปใชป้ ระโยชน์ได้แตกต่างกนั ตาม
ลักษณะและสมบตั ขิ องดิน
ป.๓ ๑. ระบุสว่ นประกอบของอากาศ • อากาศโดยทั่วไปไม่มีสีไม่มีกลิ่น ประกอบด้วย
บรรยายความสาํ คญั ของอากาศ และ แก๊สไนโตรเจน แกส๊ ออกซิเจน แกส๊ คาร์บอนไดออกไซด์
แก๊สอน่ื ๆ รวมท้ังไอนํา้ และฝุน่ ละออง อากาศมี
ผลกระทบของมลพิษทางอากาศต่อ ความสําคัญตอ่ สิง่ มีชีวติ หากส่วนประกอบของอากาศไม่
สง่ิ มีชวี ติ จากข้อมลู ที่รวบรวมได้ เหมาะสม เนือ่ งจากมแี ก๊สบางชนิดหรอื ฝ่นุ ละอองใน
โรงเรียนบา้ นคลองอุดม
สำนักงานเขตพ้นื ที่การศึกษาประถมศกึ ษาฉะเชงิ เทรา เขต ๒
ช้ัน ตัวชวี้ ัด สาระการเรียนรู้แกนกลาง/สาระท้องถน่ิ
ป.๓ ๒. ตระหนักถงึ ความสําคัญของอากาศ ปริมาณมาก อาจเป็นอนั ตรายตอ่ ส่ิงมชี วี ิตชนดิ ตา่ ง ๆ
โดยนําเสนอแนวทางการปฏิบัตติ นใน จดั เปน็ มลพิษทางอากาศ
การลดการเกดิ มลพิษทางอากาศ • แนวทางการปฏิบตั ิตนเพื่อลดการปล่อยมลพิษทางอากาศ
เชน่ ใช้พาหนะร่วมกัน หรอื เลอื กใช้เทคโนโลยที ่ลี ดมลพิษ
ทางอากาศ
๓. อธิบายการเกดิ ลมจากหลักฐานเชิง • ลมคอื อากาศทเี่ คลื่อนที่ เกิดจากความแตกตา่ งกนั ของ
ประจกั ษ์ อุณหภมู อิ ากาศบริเวณท่ีอยใู่ กลก้ นั โดยอากาศบรเิ วณท่ีมี
อณุ หภูมิสูงจะลอยตัวสูงข้ึน และอากาศบรเิ วณท่มี ี
อณุ หภมู ติ ่ํากวา่ จะเคลอื่ นเขา้ ไปแทนท่ี
๔. บรรยายประโยชน์และโทษของลม • ลมสามารถนํามาใชเ้ ปน็ แหลง่ พลงั งานทดแทนในการผลิต
จากขอ้ มลู ทีร่ วบรวมได้ ไฟฟ้า และนําไปใชป้ ระโยชน์ในการทํากิจกรรมตา่ ง ๆ
ของมนษุ ย์หากลมเคล่ือนท่ีดว้ ยความเร็วสูงอาจทําให้เกิด
อนั ตรายและความเสยี หายตอ่ ชีวติ และทรัพย์สนิ ได้
ป.๔ - -
ป.๕ ๑. เปรียบเทียบปรมิ าณน้ำในแตล่ ะ • โลกมที ง้ั น้ำจืดและน้ำเค็มซง่ึ อยใู่ นแหล่งน้ำต่าง ๆ ที่มที ั้ง
แหล่ง และระบปุ ริมาณน้ำท่มี นษุ ย์ แหล่งน้ำผวิ ดนิ เช่น ทะเล มหาสมุทร บึงแมน่ ้ำ และแหล่ง
นำ้ ใต้ดิน เช่น น้ำในดิน และน้ำบาดาล น้ำทั้งหมดของโลก
สามารถนาํ มาใช้ประโยชนไ์ ดจ้ าก แบง่ เปน็ น้ำเคม็ ประมาณร้อยละ ๙๗.๕ ซ่งึ อยใู่ น
ขอ้ มลู ท่ีรวบรวมได้ มหาสมทุ รและแหลง่ น้ำอื่น ๆ และทเ่ี หลืออีกประมาณ
ร้อยละ ๒.๕ เป็นนำ้ จืด ถ้าเรยี งลําดบั ปรมิ าณน้ำจดื จาก
มากไปน้อยจะอยูท่ ่ี ธารน้ำแขง็ และพืดน้ำแข็ง น้ำใต้ดิน
ช้นั ดนิ เยอื กแขง็ คงตวั และน้ำแข็งใต้ดิน ทะเลสาบ
ความชื้นในดนิ ความชนื้ ในบรรยากาศ บึง แม่น้ำ และน้ำ
ในสิ่งมชี วี ติ
๒. ตระหนักถึงคุณคา่ ของน้ำโดยนําเสนอ • น้ำจดื ทีม่ นุษยน์ ํามาใช้ไดม้ ีปรมิ าณนอ้ ยมาก
แนวทางการใชน้ ้ำอย่างประหยัดและ จงึ ควรใช้น้ำอย่างประหยัดและร่วมกนั อนรุ กั ษ์น้ำ
การอนรุ กั ษน์ ้ำ
๓. สรา้ งแบบจําลองทีอ่ ธิบายการ • วฏั จักรน้ำ เปน็ การหมุนเวียนของน้ำทมี่ ีแบบรูป
หมนุ เวียนของน้ำในวฏั จักรน้ำ ซ้ำเดมิ และต่อเนื่องระหวา่ งน้ำในบรรยากาศ นำ้ ผิวดิน
และนำ้ ใตด้ ิน โดยพฤติกรรมการดํารงชวี ิตของพืชและสัตว์
๔. เปรียบเทยี บกระบวนการเกิดเมฆ สง่ ผลตอ่ วัฏจกั รน้ำ
หมอก น้ำค้างและน้ำค้างแขง็ จาก
แบบจาํ ลอง • ไอน้ำในอากาศจะควบแน่นเป็นละอองนำ้ เลก็ ๆ โดยมี
ละอองลอย เช่น เกลือ ฝ่นุ ละออง ละอองเรณขู องดอกไม้
เปน็ อนุภาคแกนกลาง เมอ่ื ละอองน้ำจํานวนมากเกาะกลุ่ม
รวมกันลอยอยู่สูงจากพนื้ ดินมาก เรยี กว่า เมฆ แต่ละออง
โรงเรยี นบา้ นคลองอุดม
สำนักงานเขตพน้ื ที่การศกึ ษาประถมศกึ ษาฉะเชงิ เทรา เขต ๒
ชน้ั ตัวชี้วดั สาระการเรียนรแู้ กนกลาง/สาระทอ้ งถน่ิ
ป.๕ นำ้ ทเี่ กาะกลุ่มรวมกนั อยู่ใกล้พ้ืนดนิ เรียกวา่ หมอก
สว่ นไอน้ำท่ีควบแน่นเป็นละอองน้ำเกาะอย่บู นพน้ื ผวิ วัตถุ
ใกลพ้ น้ื ดิน เรียกวา่ น้ำคา้ ง ,ถา้ อณุ หภมู ใิ กลพ้ ื้นดนิ ต่ำกว่า
จดุ เยอื กแขง็ นำ้ คา้ งก็จะกลายเป็นน้ำค้างแขง็
๕. เปรียบเทียบกระบวนการเกดิ ฝน • ฝน หิมะ ลกู เห็บ เป็นหยาดน้ำฟ้าซ่งึ เป็นน้ำท่มี สี ถานะ
หิมะ และลูกเหบ็ จากขอ้ มูลที่ ตา่ ง ๆ ท่ตี กจากฟา้ ถึงพืน้ ดิน ฝนเกดิ จากละอองน้ำในเมฆ
รวบรวมได้ ที่รวมตวั กนั จนอากาศไมส่ ามารถพยุงไว้ได้จึงตกลงมา
หิมะเกดิ จากไอน้ำในอากาศ ระเหดิ กลบั เปน็ ผลึกน้ำแขง็
รวมตัวกนั จนมีน้ำหนกั มากขนึ้ จนเกนิ กวา่ อากาศจะพยงุ ไว้
จึงตกลงมาลูกเห็บเกดิ จากหยดน้ําท่เี ปลยี่ นสถานะเปน็
นำ้ แขง็ แล้วถูกพายุพัดวนซ้ำไปซำ้ มาในเมฆฝนฟา้ คะนอง
ท่ีมขี นาดใหญ่และอยู่ในระดับสงู จนเปน็ ก้อนน้ำแข็ง
ขนาดใหญข่ ้ึนแล้วตกลงมา
ป.๖ ๑. เปรียบเทยี บกระบวนการเกิดหินอัคนี • หนิ เป็นวสั ดุแข็งเกิดข้ึนเองตามธรรมชาติประกอบดว้ ย แร่
หินตะกอน และหนิ แปร และ ต้งั แต่หนง่ึ ชนิดข้นึ ไป สามารถจําแนกหนิ ตามกระบวนการ
อธบิ ายวัฏจักรหินจากแบบจําลอง เกดิ ได้เป็น ๓ ประเภทได้แก่ หนิ อัคนีหนิ ตะกอน และ
หนิ แปร
• หินอคั นเี กดิ จากการเยน็ ตัวของแมกมา เนื้อหินมลี ักษณะ
เปน็ ผลกึ ท้งั ผลึกขนาดใหญแ่ ละขนาดเลก็ บางชนิดอาจ
เป็นเน้อื แก้วหรือมรี ูพรนุ
• หินตะกอน เกิดจากการทับถมของตะกอนเมื่อถูกแรงกด
ทับและมีสารเชอ่ื มประสานจงึ เกิดเปน็ หนิ เน้ือหนิ กลมุ่ นี้
ส่วนใหญ่มีลกั ษณะเป็นเม็ดตะกอนมีท้งั เน้ือหยาบและเนื้อ
ละเอียด บางชนิดเปน็ เนอ้ื ผลึกที่ยึดเกาะกนั เกดิ จากการ
ตกผลึกหรอื ตกตะกอนจากน้ําโดยเฉพาะน้ําทะเล บาง
ชนดิ มีลักษณะเป็นช้ัน ๆ จึงเรยี กอีกชอ่ื วา่ หินชั้น
• หนิ แปร เกดิ จากการแปรสภาพของหนิ เดิม ซึง่ อาจเป็นหิน
อัคนีหินตะกอน หรอื หนิ แปรโดยการกระทําของความ
ร้อน ความดนั และปฏิกริ ิยาเคมเี นื้อหนิ ของหินแปรบาง
ชนดิ ผลกึ ของแร่เรียงตวั ขนานกนั เปน็ แถบ บางชนิดแซะ
ออกเปน็ แผ่นไดบ้ างชนิดเป็นเนื้อผลกึ ท่ีมีความแขง็ มาก
• หนิ ในธรรมชาตทิ ้งั ๓ ประเภท มกี ารเปลี่ยนแปลงจาก
ประเภทหนึ่งไปเปน็ อีกประเภทหน่ึง หรือประเภทเดิมได้
โดยมีแบบรปู การเปล่ียนแปลงคงทแี่ ละตอ่ เนอ่ื งเปน็
วฏั จกั ร
โรงเรียนบ้านคลองอดุ ม
สำนักงานเขตพน้ื ท่ีการศึกษาประถมศกึ ษาฉะเชงิ เทรา เขต ๒
ชนั้ ตัวชี้วัด สาระการเรยี นรู้แกนกลาง/สาระทอ้ งถิ่น
ป.๖ ๒. บรรยายและยกตัวอย่างการใช้ • หนิ และแร่แต่ละชนดิ มีลักษณะและสมบัติแตกต่างกัน
ประโยชน์ของหินและแรใ่ น มนุษยใ์ ชป้ ระโยชน์จากแร่ในชีวิตประจาํ วนั ในลักษณะ
ชวี ิตประจําวันจากข้อมูลท่ีรวบรวมได้ ต่าง ๆ เช่น นาํ แรม่ าทาํ เครอื่ งสําอาง ยาสีฟัน
เครื่องประดบั อปุ กรณ์ทางการแพทย์และนาํ หนิ มาใช้ใน
งานก่อสร้างตา่ ง ๆ เป็นต้น
๓. สร้างแบบจาํ ลองทอี่ ธิบายการเกิด • ซากดึกดาํ บรรพ์เกดิ จากการทับถมหรือการประทับรอย
ซากดึกดาํ บรรพ์และคาดคะเน ของสิง่ มชี ีวิตในอดตี จนเกิดเป็นโครงสร้างของซากหรือ
สภาพแวดล้อมในอดีตของซากดกึ ดาํ ร่องรอยของสิง่ มีชวี ิตที่ปรากฏอยู่ในหนิ ในประเทศไทย
บรรพ์ พบซากดกึ ดําบรรพ์ท่หี ลากหลาย เชน่ พืช ปะการงั หอย
ปลา เตา่ ไดโนเสาร์และรอยตีนสตั ว์
• ซากดกึ ดําบรรพส์ ามารถใช้เปน็ หลักฐานหน่ึงทชี่ ว่ ยอธบิ าย
สภาพแวดล้อมของพื้นที่ในอดตี ขณะเกิดสิ่งมชี วี ติ นัน้ เชน่
หากพบซากดึกดําบรรพ์ของหอยนํ้าจืด สภาพแวดล้อม
บริเวณนน้ั อาจเคยเป็นแหลง่ น้ําจดื มาก่อน และหากพบ
ซากดึกดาํ บรรพ์ของพืช สภาพแวดล้อมบริเวณนัน้ อาจเคย
เป็นป่ามาก่อน นอกจากนี้ซากดึกดาํ บรรพ์ยังสามารถใช้
ระบอุ ายขุ องหนิ และเป็นข้อมลู ในการศึกษาววิ ฒั นาการ
ของสิ่งมชี ีวติ
๔. เปรียบเทยี บการเกิดลมบก ลมทะเล • ลมบก ลมทะเล และมรสุม เกดิ จากพ้ืนดนิ และพ้ืนน้ำ
และมรสมุ รวมทัง้ อธิบายผลทีม่ ตี ่อ รอ้ นและเย็นไมเ่ ท่ากันทําใหอ้ ุณหภมู อิ ากาศเหนือพน้ื ดิน
สงิ่ มชี ีวิตและส่ิงแวดลอ้ มจาก และพ้ืนน้ำแตกต่างกัน จึงเกิดการเคลื่อนท่ีของอากาศจาก
แบบจําลอง บรเิ วณท่ีมอี ณุ หภูมติ ่ำไปยังบรเิ วณทมี่ ีอณุ หภมู สิ งู
• ลมบกและลมทะเลเป็นลมประจาํ ถิน่ ท่ีพบบริเวณชายฝง่ั
โดยลมบกเกดิ ในเวลากลางคืน ทําใหม้ ีลมพัดจากชายฝัง่
ไปสทู่ ะเล สว่ นลมทะเลเกิดในเวลากลางวัน ทาํ ให้มลี มพดั
จากทะเลเขา้ สู่ชายฝ่งั
๕. อธบิ ายผลของมรสมุ ต่อการเกิดฤดู • มรสุมเป็นลมประจําฤดูเกิดบรเิ วณเขตรอ้ นของโลก ซึ่ง
ของประเทศไทยจากขอ้ มูลท่ีรวบรวม เป็นบริเวณกวา้ งระดบั ภูมิภาคประเทศไทยไดร้ บั ผลจาก
ได้ มรสุมตะวนั ออกเฉียงเหนือในช่วงประมาณกลางเดือน
ตลุ าคมจนถึงเดอื นกมุ ภาพันธ์ทาํ ใหเ้ กิดฤดูหนาว และ
ได้รบั ผลจากมรสมุ ตะวนั ตกเฉยี งใต้ในชว่ งประมาณ
กลางเดอื นพฤษภาคมจนถึงกลางเดือนตลุ าคมทาํ ใหเ้ กดิ
ฤดูฝน สว่ นช่วงประมาณกลางเดือนกุมภาพันธ์จนถงึ
กลางเดือนพฤษภาคมเป็นช่วงเปลยี่ นมรสมุ และประเทศ
ไทยอย่ใู กล้เสน้ ศูนย์สูตร แสงอาทติ ยเ์ กือบตั้งตรงและตง้ั
โรงเรียนบา้ นคลองอุดม
สำนักงานเขตพ้ืนที่การศึกษาประถมศกึ ษาฉะเชงิ เทรา เขต ๒
ชน้ั ตัวชวี้ ดั สาระการเรียนรแู้ กนกลาง/สาระทอ้ งถนิ่
ป.๖ ตรงประเทศไทยในเวลาเที่ยงวัน ทาํ ใหไ้ ดร้ บั ความรอ้ น
๖. บรรยายลักษณะและผลกระทบของ จากดวงอาทิตย์อย่างเตม็ ท่ีอากาศจงึ ร้อนอบอา้ วทําให้เกิด
น้ำท่วมการกดั เซาะชายฝั่ง ดนิ ถลม่ ฤดูรอ้ น
แผน่ ดนิ ไหว สึนามิ
• นำ้ ท่วม การกัดเซาะชายฝั่ง ดินถลม่ แผน่ ดนิ ไหวและสนึ า
๗. ตระหนกั ถงึ ผลกระทบของภัย มมิ ผี ลกระทบต่อชวี ิตและสิง่ แวดล้อมแตกต่างกนั
ธรรมชาติและธรณพี บิ ตั ภิ ยั โดย
นําเสนอแนวทางในการเฝ้าระวงั และ • มนุษย์ควรเรียนร้วู ธิ ีปฏบิ ัตติ นให้ปลอดภัย เชน่ ตดิ ตาม
ปฏบิ ัตติ นให้ปลอดภัยจากภยั ข่าวสารอยา่ งสมำ่ เสมอ เตรยี มถงุ ยังชพี ให้พร้อมใช้
ตลอดเวลา และปฏิบตั ติ ามคาํ สั่งของผู้ปกครองและ
เจ้าหนา้ ทอี่ ย่างเคร่งครดั เมื่อเกิดภัยธรรมชาติและธรณี
พบิ ตั ภิ ัย
ธรรมชาติและธรณีพบิ ตั ภิ ัยท่ีอาจเกิด
ในท้องถนิ่
๘. สรา้ งแบบจําลองที่อธิบายการเกดิ • ปรากฏการณ์เรือนกระจกเกิดจากแก๊สเรือนกระจกในชน้ั
ปรากฏการณเ์ รอื นกระจกและผลของ บรรยากาศของโลกกักเก็บความร้อนแล้วคายความร้อน
บางส่วนกลับสผู่ ิวโลก ทาํ ใหอ้ ากาศบนโลกมีอุณหภูมิ
ปรากฏการณเ์ รือนกระจกตอ่ เหมาะสมต่อการดํารงชวี ิต
สิง่ มชี ีวติ • หากปรากฏการณเ์ รือนกระจกรุนแรงมากข้ึนจะมีผลต่อ
๙. ตระหนักถงึ ผลกระทบของ การเปลี่ยนแปลงภมู อิ ากาศโลกมนษุ ยจ์ งึ ควรร่วมกนั ลด
ปรากฏการณเ์ รือนกระจก โดย กิจกรรมท่ีก่อให้เกิดแกส๊ เรือนกระจก
นําเสนอแนวทางการปฏบิ ัติตนเพ่ือ
ลดกิจกรรมท่กี ่อให้เกิดแก๊สเรือน
กระจก
ม.๑ ๑. สร้างแบบจาํ ลองท่อี ธิบายการแบ่งช้นั • โลกมีบรรยากาศห่อหมุ้ นักวทิ ยาศาสตร์ใช้สมบตั ิและ
บรรยากาศและเปรียบเทียบ องค์ประกอบของบรรยากาศในการแบ่งบรรยากาศ
ประโยชน์ของบรรยากาศแตล่ ะช้นั ของโลกออกเป็นช้ัน ซงึ่ แบ่งได้หลายรปู แบบตามเกณฑ์ท่ี
แตกต่างกัน โดยทว่ั ไปนักวิทยาศาสตร์ใชเ้ กณฑ์การ
เปลย่ี นแปลงอณุ หภูมิตามความสูงแบ่งบรรยากาศไดเ้ ป็น
๕ ชั้น ไดแ้ ก่ชัน้ โทรโพสเฟียรช์ ั้นสตราโตสเฟยี รช์ ้ันมีโซส
เฟียร์ช้ันเทอรโ์ มสเฟียร์และช้นั เอกโซสเฟียร์
• บรรยากาศแต่ละช้นั มปี ระโยชน์ต่อส่ิงมีชีวติ แตกตา่ งกัน
โดยช้นั โทรโพสเฟียร์มีปรากฏการณล์ มฟ้าอากาศทีส่ าํ คัญ
ต่อการดาํ รงชีวติ ของส่ิงมีชีวิตชนั้ สตราโตสเฟียรช์ ่วย
ดดู กลืนรังสีอัลตราไวโอเลตจากดวงอาทติ ยไ์ มใ่ หม้ ายังโลก
โรงเรียนบ้านคลองอดุ ม
สำนักงานเขตพ้นื ที่การศึกษาประถมศกึ ษาฉะเชงิ เทรา เขต ๒
ช้นั ตวั ชีว้ ัด สาระการเรียนร้แู กนกลาง/สาระท้องถิน่
ม.๑ มากเกนิ ไปช้ันมีโซสเฟียรช์ ่วยชะลอวัตถุนอกโลกท่ผี า่ นเข้า
มาให้เกิดการเผาไหมก้ ลายเป็นวตั ถุขนาดเลก็ ลดโอกาสท่ี
จะทําความเสยี หายแกส่ ิ่งมีชวี ติ บนโลกช้นั เทอร์โมสเฟียร์
สามารถสะท้อนคล่นื วทิ ยุและช้นั เอกโซสเฟียร์เหมาะ
๒. อธิบายปัจจยั ทีม่ ผี ลต่อการ สาํ หรับการโคจรของดาวเทยี มรอบโลกในระดับตาํ่
• ลมฟา้ อากาศเป็นสภาวะของอากาศในเวลาหนง่ึ ของพื้นที่
เปลี่ยนแปลงองค์ประกอบของลมฟ้า หนึ่งทม่ี ีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาขึ้นอยู่กับ
อากาศ จากข้อมูลท่ีรวบรวมได้ องค์ประกอบลมฟา้ อากาศ ได้แก่อุณหภูมิอากาศ ความกด
อากาศ ลม ความชนื้ เมฆ และหยาดน้ำฟ้า โดยหยาดน้ำ
ฟ้าท่ีพบบ่อยในประเทศไทยได้แก่ฝน องคป์ ระกอบลมฟ้า
อากาศเปลยี่ นแปลงตลอดเวลาขึ้นอยกู่ ับปัจจยั ต่าง ๆ เช่น
ปริมาณรังสีจากดวงอาทิตยแ์ ละลักษณะพนื้ ผิวโลกส่งผล
ต่ออณุ หภมู ิอากาศอุณหภูมอิ ากาศและปริมาณไอน้ําสง่ ผล
ต่อความชืน้ ความกดอากาศส่งผลต่อลม ความชืน้ และลม
สง่ ผลต่อเมฆ
๓. เปรยี บเทียบกระบวนการเกิดพายฝุ น • พายฝุ นฟา้ คะนอง เกิดจากการที่อากาศท่ีมีอุณหภูมแิ ละ
ฟ้าคะนองและพายุหมนุ เขตร้อน ความช้นื สูงเคลอื่ นทขี่ ึ้นสูร่ ะดบั ความสูง ที่มีอุณหภูมิต่ำลง
และผลท่ีมตี อ่ สิ่งมีชีวิตและ จนกระทงั่ ไอน้ำในอากาศเกดิ การควบแนน่ เป็นละอองน้ำ
สิ่งแวดล้อม รวมทงั้ นาํ เสนอแนว และเกิดต่อเน่ืองเปน็ เมฆขนาดใหญ่ พายุฝนฟ้าคะนอง
ทางการปฏบิ ัติตนให้เหมาะสมและ ทาํ ใหเ้ กิดฝนตกหนกั ลมกรรโชกแรง ฟ้าแลบฟ้าผา่ ซ่ึง
ปลอดภยั อาจก่อให้เกดิ อันตรายต่อชวี ติ และทรัพยส์ ิน
• พายหุ มนุ เขตร้อนเกิดเหนือมหาสมทุ รหรือทะเลท่ีนำ้ มี
อณุ หภมู ิสูงต้ังแต่ ๒๖-๒๗ องศาเซลเซยี สขึ้นไป ทาํ ให้
อากาศที่มอี ุณหภูมแิ ละความชน้ื สูงบริเวณนัน้ เคลือ่ นที่
สูงข้นึ อย่างรวดเร็วเปน็ บริเวณกว้าง อากาศจากบรเิ วณอ่ืน
เคลือ่ นเข้ามาแทนทแี่ ละพัดเวียนเข้าหาศูนย์กลางของพายุ
ยง่ิ ใกล้ศูนยก์ ลาง อากาศจะเคลอื่ นทพ่ี ัดเวยี นเกือบเปน็
วงกลมและมอี ตั ราเร็วสงู ท่ีสดุ พายหุ มุนเขตร้อนทาํ ให้เกิด
คลน่ื พายุซดั ฝ่งั ฝนตกหนกั ซึง่ อาจกอ่ ใหเ้ กิดอนั ตรายต่อ
ชีวติ และทรัพย์สินจงึ ควรปฏิตนให้ปลอดภัยโดยติดตาม
ขา่ วสารการพยากรณ์อากาศ และไม่เขา้ ไปอยใู่ นพ้นื ที่
ทเ่ี สย่ี งภัย
๔. อธบิ ายการพยากรณ์อากาศ และ • การพยากรณ์อากาศเปน็ การคาดการณล์ มฟ้าอากาศ
พยากรณ์อากาศอยา่ งงา่ ยจากข้อมลู ทจ่ี ะเกิดข้ึนในอนาคต โดยมีการตรวจวดั องค์ประกอบลม
ที่รวบรวมได้ ฟา้ อากาศการสื่อสารแลกเปลยี่ นข้อมลู องคป์ ระกอบลม
โรงเรยี นบ้านคลองอดุ ม
สำนักงานเขตพนื้ ท่ีการศกึ ษาประถมศกึ ษาฉะเชงิ เทรา เขต ๒
ช้ัน ตวั ช้ีวัด สาระการเรียนร้แู กนกลาง/สาระท้องถนิ่
ม.๑ ฟ้าอากาศระหว่างพื้นที่การวเิ คราะห์ข้อมูลและสร้างคาํ
พยากรณอ์ ากาศ
๕. ตระหนักถึงคุณค่าของการพยากรณ์ • การพยากรณ์อากาศสามารถนาํ มาใช้ประโยชนด์ า้ นตา่ งๆ
อากาศโดยนาํ เสนอแนวทางการ เช่น การใช้ชีวติ ประจาํ วนั การคมนาคมการเกษตร การ
ปฏิบตั ิตนและการใชป้ ระโยชนจ์ าก ป้องกัน และเฝา้ ระวังภยั พิบตั ทิ างธรรมชาติ
คาํ พยากรณ์อากาศ
๖. อธบิ ายสถานการณ์และผลกระทบ • ภูมิอากาศโลกเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่องโดย
การเปลยี่ นแปลงภมู อิ ากาศโลกจาก ปจั จยั ทางธรรมชาติแตป่ ัจจบุ นั การเปลีย่ นแปลงภูมอิ ากาศ
ขอ้ มลู ทีร่ วบรวมได้ เกิดข้ึนอยา่ งรวดเร็วเนื่องจากกจิ กรรมของมนุษยใ์ นการ
ปลดปล่อยแก๊สเรือนกระจกสบู่ รรยากาศ แกส๊ เรอื น
กระจกทีถ่ ูกปลดปลอ่ ยมากทสี่ ดุ ไดแ้ ก่แกส๊
คาร์บอนไดออกไซดซ์ ง่ึ หมุนเวียนอยใู่ นวัฏจกั รคาร์บอน
๗. ตระหนักถึงผลกระทบของการ • การเปลีย่ นแปลงภมู อิ ากาศโลกก่อให้เกดิ ผลกระทบต่อ
เปลี่ยนแปลงภมู อิ ากาศโลก โดย สิง่ มชี ีวติ และสง่ิ แวดล้อม เชน่ การหลอมเหลวของนํ้าแข็ง
นําเสนอแนวทางการปฏบิ ัตติ น ข้ัวโลก การเพมิ่ ขน้ึ ของระดบั ทะเล การเปล่ยี นแปลง
ภายใตก้ ารเปล่ยี นแปลงภูมอิ ากาศ วฏั จกั รน้ำการเกดิ โรคอบุ ตั ิใหมแ่ ละอุบัตซิ ้ํา และการเกิด
โลก ภัยพิบตั ิทางธรรมชาตทิ รี่ นุ แรงขน้ึ มนษุ ยจ์ ึงควรเรียนรู้
แนวทางการปฏิบัตติ นภายใต้สถานการณ์ดังกล่าว ท้ัง
แนวทางการปฏิบตั ิตนใหเ้ หมาะสมและแนวทางการลด
กิจกรรมท่ีสง่ ผลต่อการเปลีย่ นแปลงภมู ิอากาศโลก
ม.๒ ๑. เปรยี บเทียบกระบวนการเกิด สมบัติ • เชอื้ เพลิงซากดึกดาํ บรรพ์เกดิ จากการเปล่ียนแปลงสภาพ
และการใชป้ ระโยชนร์ วมทั้งอธบิ าย ของซากสิ่งมีชวี ติ ในอดีต โดยกระบวนการทางเคมแี ละ
ธรณีวทิ ยา เชอ้ื เพลิงซากดึกดําบรรพ์ไดแ้ ก่ถา่ นหนิ หนิ
ผลกระทบจากการใช้เช้ือเพลงิ ซาก น้ำมัน และปโิ ตรเลียม ซ่ึงเกิดจากวัตถตุ น้ กาํ เนดิ และ
ดกึ ดาํ บรรพจ์ ากขอ้ มูลทร่ี วบรวมได้ สภาพแวดล้อมการเกดิ ทีแ่ ตกต่างกนั ทาํ ให้ได้ชนดิ ของ
เชอ้ื เพลงิ ซากดึกดาํ บรรพ์ท่ีมลี ักษณะ สมบัติและการนาํ ไป
ใชป้ ระโยชนแ์ ตกตา่ งกัน สําหรบั ปิโตรเลียมจะต้องมกี าร
ผา่ นการกลนั่ ลาํ ดับสว่ นก่อนการใช้งานเพื่อให้ได้
ผลติ ภณั ฑ์ที่เหมาะสมต่อการใช้ประโยชน์เชือ้ เพลงิ ซากดึก
ดาํ บรรพ์เปน็ ทรพั ยากรที่ใชแ้ ลว้ หมดไป เนอื่ งจากตอ้ งใช้
เวลานานหลายลา้ นปจี ึงจะเกิดข้ึนใหม่ได้
๒. แสดงความตระหนักถึงผลจากการใช้ • การเผาไหม้เชื้อเพลิงซากดึกดาํ บรรพ์ในกิจกรรมตา่ ง ๆ
เชื้อเพลงิ ซากดึกดาํ บรรพ์โดยนําเสนอ ของมนุษยจ์ ะทําใหเ้ กิดมลพิษทางอากาศซึง่ ส่งผลกระทบ
แนวทางการใชเ้ ชื้อเพลงิ ซาก ตอ่ สิ่งมชี ีวิตและสิ่งแวดล้อมนอกจากนแ้ี ก๊สบางชนิดที่เกิด
จากการเผาไหม้เชื้อเพลงิ ซากดึกดาํ บรรพ์เชน่ แกส๊
โรงเรียนบ้านคลองอุดม
สำนักงานเขตพืน้ ท่ีการศึกษาประถมศกึ ษาฉะเชงิ เทรา เขต ๒
ช้นั ตัวช้วี ดั สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง/สาระทอ้ งถนิ่
ม.๒ ดึกดําบรรพ์ คาร์บอนไดออกไซดแ์ ละไนตรัสออกไซด์ยังเปน็ แกส๊ เรือน
กระจกซงึ่ ส่งผลให้เกิดการเปล่ียนแปลงภมู ิอากาศของโลก
รุนแรงขนึ้ ดังน้นั จงึ ควรใช้เช้อื เพลงิ ซากดกึ ดําบรรพโ์ ดย
คาํ นงึ ถึงผลท่ีเกดิ ขึน้ ต่อสงิ่ มีชีวติ และสงิ่ แวดลอ้ ม เชน่
๓. เปรียบเทียบข้อดแี ละข้อจํากัดของ เลือกใช้พลังงานทดแทน หรอื เลือกใช้เทคโนโลยีที่ลดการ
พลังงานทดแทนแตล่ ะประเภทจาก ใชเ้ ชอื้ เพลิงซากดึกดาํ บรรพ์
การรวบรวมข้อมลู และนาํ เสนอแนว
ทางการใช้พลังงานทดแทนท่ี • เช้อื เพลงิ ซากดึกดาํ บรรพ์เป็นแหลง่ พลังงานทส่ี าํ คญั ใน
เหมาะสมในท้องถ่นิ กิจกรรมตา่ ง ๆ ของมนุษย์เนื่องจากเช้ือเพลิงซากดึกดํา
บรรพ์มปี ริมาณจํากดั และมักเพิ่มมลภาวะในบรรยากาศ
มากขนึ้ จงึ มีการใชพ้ ลังงานทดแทนมากข้ึน เชน่ พลงั งาน
แสงอาทิตย์ พลงั งานลม พลงั งานน้าํ พลังงานชีวมวล
พลังงานคลน่ื พลังงานความรอ้ นใต้พิภพ พลงั งาน
ไฮโดรเจน ซ่งึ พลงั งานทดแทนแต่ละชนิดจะมขี ้อดีและ
ข้อจํากัดท่ีแตกต่างกัน
๔. สรา้ งแบบจําลองทอี่ ธิบายโครงสรา้ ง • โครงสร้างภายในโลกแบง่ ออกเปน็ ชน้ั ตามองค์ประกอบ
ภายในโลกตามองค์ประกอบทางเคมี ทางเคมีได้แก่ เปลอื กโลก ซึง่ อยู่นอกสดุ ประกอบดว้ ย
สารประกอบของซิลิกอนและอะลมู เิ นยี มเป็นหลัก เนอื้
จากขอ้ มูลทรี่ วบรวมได้ โลกคือสว่ นทอ่ี ยู่ใตเ้ ปลือกโลกลงไปจนถงึ แกน่ โลก มี
องคป์ ระกอบหลักเป็นสารประกอบของซิลิกอน
แมกนีเซยี ม และเหล็ก และแก่นโลกคือส่วนที่อยใู่ จกลาง
ของโลก มอี งคป์ ระกอบหลักเป็นเหล็กและนิกเกลิ ซ่ึงแต่
ละชนั้ มลี กั ษณะแตกต่างกัน
๕. อธบิ ายกระบวนการผุพังอยู่กับที่การ • การผุพังอยู่กับทก่ี ารกรอ่ น และการสะสมตัวของตะกอน
กร่อนและการสะสมตัวของตะกอน เป็นกระบวนการเปล่ียนแปลงทางธรณวี ิทยา ที่ทําให้ผิว
จากแบบจาํ ลองรวมทั้งยกตวั อยา่ งผล โลกเกดิ การเปลย่ี นแปลงเป็นภมู ิลักษณ์แบบต่าง ๆ โดยมี
ปัจจยั สาํ คญั คือ น้ำ ลม ธารน้ำแข็ง แรงโน้มถว่ งของโลก
ของกระบวนการดังกล่าวที่ทาํ ใหผ้ ิว สงิ่ มชี วี ติ สภาพอากาศ และปฏกิ ริ ยิ าเคมี
โลกเกิดการเปลี่ยนแปลง • การผพุ งั อยูก่ ับทคี่ ือ การท่ีหินผพุ งั ทาํ ลายลงดว้ ย
กระบวนการต่าง ๆ ได้แก่ลมฟ้าอากาศกับนาํ้ ฝน และ
รวมท้งั การกระทาํ ของตน้ ไมก้ บั แบคทเี รยี ตลอดจนการ
แตกตวั ทางกลศาสตร์ซ่ึงมีการเพิ่มและลดอณุ หภมู ิสลบั กัน
เปน็ ต้น
• การกร่อน คือ กระบวนการหน่ึงหรอื หลายกระบวนการท่ี
ทาํ ให้สารเปลอื กโลกหลดุ ไปละลายไปหรือกร่อนไปโดยมี
ตัวนําพาธรรมชาติคอื ลม นํ้า และธารนา้ํ แขง็ รว่ มกับ
โรงเรยี นบา้ นคลองอุดม
สำนักงานเขตพืน้ ท่ีการศกึ ษาประถมศกึ ษาฉะเชงิ เทรา เขต ๒
ชน้ั ตัวช้วี ัด สาระการเรยี นรู้แกนกลาง/สาระท้องถน่ิ
ม.๒ ปจั จยั อนื่ ๆ ได้แก่ลมฟ้าอากาศ สารละลาย การครดู ถู
การนาํ พา ทั้งนีไ้ มร่ วมถงึ การพงั ทลายเป็นกลมุ่ ก้อน เชน่
แผน่ ดินถลม่ ภูเขาไฟระเบิด
• การสะสมตัวของตะกอน คือ การสะสมตวั ของวตั ถจุ าก
การนาํ พาของนํ้า ลม หรือธารนาํ้ แข็ง
๖. อธบิ ายลกั ษณะของชั้นหนา้ ตดั ดิน • ดินเกิดจากหินทีผ่ พุ งั ตามธรรมชาติผสมคลกุ เคลา้ กบั
และกระบวนการเกิดดิน จาก อินทรียวตั ถุทไ่ี ดจ้ ากการเน่าเปื่อยของซากพืชซากสตั ว์ทับ
แบบจาํ ลอง รวมท้ังระบปุ ัจจัย ถมเป็นชน้ั ๆ บนผวิ โลก ชน้ั ดินแบง่ ออกเป็นหลายช้ัน
ที่ทาํ ใหด้ ินมีลกั ษณะและสมบตั ิ ขนานหรือเกือบขนานไปกับผวิ หน้าดิน แต่ละช้ันมี
แตกต่างกนั ลกั ษณะแตกต่างกนั เนือ่ งจากสมบตั ทิ างกายภาพ เคมี
ชีวภาพ และลักษณะอน่ื ๆเชน่ สีโครงสร้าง เนอื้ ดนิ การ
ยดึ ตวั ความเปน็ กรด-เบส สามารถสังเกตไดจ้ ากการ
สํารวจภาคสนาม การเรียกช่ือช้ันดนิ หลักจะใช้อกั ษร
ภาษาอังกฤษตัวใหญ่ ได้แก่ O,A, E,B, C,R
• ชน้ั หน้าตัดดิน เปน็ ช้นั ดินทมี่ ีลักษณะปรากฏให้เห็น
เรยี งลาํ ดับเปน็ ช้ันจากชั้นบนสดุ ถึงชั้นล่างสดุ
• ปจั จยั ที่ทาํ ใหด้ นิ แตล่ ะท้องถน่ิ มีลักษณะและสมบตั ิ
แตกตา่ งกนั ได้แก่ วัตถุตน้ กาํ เนิดดิน ภมู ิอากาศ สง่ิ มีชีวติ
๗. ตรวจวดั สมบตั ิบางประการของดนิ ในดิน สภาพภมู ปิ ระเทศ และระยะเวลาในการเกิดดิน
โดยใชเ้ คร่อื งมือท่ีเหมาะสมและ
นําเสนอแนวทางการใชป้ ระโยชนด์ ิน • สมบตั บิ างประการของดิน เช่น เนอ้ื ดนิ ความชนื้ ดนิ
จากขอ้ มูลสมบัติของดนิ คา่ ความเป็นกรด-เบส ธาตอุ าหารในดนิ สามารถนาํ ไปใช้
ในการตัดสนิ ใจถงึ แนวทางการใชป้ ระโยชนท์ ่ีดิน โดยอาจ
๘. อธบิ ายปัจจยั และกระบวนการเกดิ นําไปใช้ประโยชนท์ างการเกษตรหรืออ่ืน ๆ ซึง่ ดินทไ่ี ม่
แหลง่ น้ำผิวดินและแหลง่ น้ำใตด้ ิน เหมาะสมต่อการทาํ การเกษตร เช่น ดินจืดดนิ เปร้ียวดนิ
จากแบบจําลอง เคม็ และดนิ ดาน อาจเกดิ จากสภาพดินตามธรรมชาติ หรือ
การใชป้ ระโยชน์จะต้องปรับปรุงให้มสี ภาพเหมาะสม เพ่ือ
นาํ ไปใช้ประโยชน์
• แหลง่ น้ำผวิ ดินเกิดจากน้ำฝนทต่ี กลงบนพืน้ โลกไหลจากที่
สงู ลงส่ทู ่ีต่ำดว้ ยแรงโนม้ ถว่ ง การไหลของน้ำทําใหพ้ ้ืนโลก
เกดิ การกดั เซาะเป็นร่องน้ำเช่น ลาํ ธารคลอง และแม่น้ำ
ซ่ึงร่องน้ำจะมีขนาดและรูปรา่ งแตกตา่ งกนั ข้นึ อย่กู ับ
ปริมาณน้ำฝนระยะเวลาในการกัดเซาะ ชนิดดนิ และหนิ
และลักษณะภมู ปิ ระเทศ เช่น ความลาดชนั ความสูงต่ำ
ของพนื้ ที่ เมือ่ น้ำไหลไปยังบรเิ วณท่เี ป็นแอ่งจะเกิดการ
สะสมตวั เปน็ แหล่งน้ำ เช่น บงึ ทะเลสาบทะเล และ
โรงเรยี นบ้านคลองอุดม
สำนักงานเขตพ้ืนท่ีการศึกษาประถมศกึ ษาฉะเชงิ เทรา เขต ๒
ช้นั ตวั ชว้ี ดั สาระการเรียนรูแ้ กนกลาง/สาระทอ้ งถ่ิน
ม.๒ มหาสมทุ ร
• แหล่งน้ำใต้ดินเกิดจากการซึมของน้ำผวิ ดินลงไปสะสมตัว
ใตพ้ นื้ โลก ซึ่งแบง่ เป็นน้ำในดินและน้ำบาดาล น้ำในดิน
เป็นน้ำที่อยรู่ ่วมกบั อากาศตามชอ่ งวา่ งระหวา่ งเมด็ ดนิ
๙. สร้างแบบจําลองที่อธิบายการใชน้ ้ำ ส่วนน้ำบาดาลเป็นน้ำทไ่ี หลซึมลึกลงไปและถูกกักเก็บไว้
และนาํ เสนอแนวทางการใช้น้ำอยา่ ง ในชั้นหนิ หรือช้ันดิน จนอิ่มตวั ไปด้วยน้ำ
ยั่งยืนในท้องถิน่ ของตนเอง
• แหลง่ น้ำผิวดินและแหลง่ นํ้าใตด้ นิ ถูกนาํ มาใชใ้ นกจิ กรรม
ต่าง ๆ ของมนษุ ย์สง่ ผลต่อการจดั การการใชป้ ระโยชนน์ ้ำ
และคุณภาพของแหล่งน้ำ เน่ืองจากการเพิม่ ขนึ้ ของ
จาํ นวนประชากรการใช้ประโยชนพ์ ้นื ทใี่ นดา้ นตา่ ง ๆ เชน่
ภาคเกษตรกรรม ภาคอุตสาหกรรม และการเปลี่ยนแปลง
ภูมิอากาศ ทาํ ให้เกิดการเปลี่ยนแปลงปริมาณน้ำฝนใน
พ้นื ท่ลี ่มุ น้ำและแหลง่ น้ำผิวดินไมเ่ พียงพอสําหรับกจิ กรรม
ของมนษุ ยน์ ้ำจากแหล่งน้ำใต้ดินจงึ ถูกนาํ มาใชม้ ากข้ึน
ส่งผลให้ปริมาณน้ำใตด้ ินลดลงมากจงึ ต้องมีการจดั การใช้
นำ้ อยา่ งเหมาะสมและยัง่ ยืน ซง่ึ อาจทาํ ไดโ้ ดยการจัดหา
แหลง่ น้ำเพอ่ื ใหม้ ีแหลง่ น้ำเพียงพอสําหรบั การดาํ รงชีวติ
การจดั สรรและการใช้น้ำอยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ การอนรุ ักษ์
๑๐. สรา้ งแบบจาํ ลองท่อี ธบิ าย และฟืน้ ฟแู หล่งน้ำ การปอ้ งกนั และแก้ไขปญั หาคณุ ภาพ
กระบวนการเกดิ และผลกระทบของ น้ำ
น้ำท่วม การกัดเซาะชายฝัง่
ดินถล่ม หลุมยบุ แผ่นดินทรุด • นำ้ ทว่ ม การกัดเซาะชายฝง่ั ดินถล่ม หลุมยุบแผ่นดินทรุด
มกี ระบวนการเกิดและผลกระทบทแี่ ตกต่างกนั ซ่ึงอาจ
สรา้ งความเสยี หายร้ายแรงแก่ชีวติ และทรัพย์สิน
• น้ำท่วมเกดิ จากพืน้ ที่หนงึ่ ได้รับปริมาณนํา้ เกินกวา่ ที่จะกัก
เกบ็ ได้ทําให้แผน่ ดนิ จมอยู่ใตน้ ้ำ โดยขน้ึ อยู่กบั ปรมิ าณน้ำ
และสภาพทางธรณวี ิทยาของพ้นื ท่ี
• การกดั เซาะชายฝงั่ เป็นกระบวนการเปลี่ยนแปลงของ
ชายฝ่งั ทะเลทีเ่ กิดขน้ึ ตลอดเวลาจากการกดั เซาะของคลื่น
หรอื ลม ทาํ ใหต้ ะกอนจากท่หี นึ่งไปตกทับถมในอีกบรเิ วณ
หนง่ึ แนวของชายฝ่งั เดิมจึงเปล่ียนแปลงไป บรเิ วณที่มี
ตะกอนเคลื่อนเข้ามาน้อยกวา่ ปริมาณท่ีตะกอนเคลอ่ื น
ออกไปถอื ว่าเป็นบริเวณท่ีมีการกดั เซาะชายฝงั่
• ดินถล่ม เป็นการเคลือ่ นท่ีของมวลดนิ หรอื หนิ จํานวนมาก
ลงตามลาดเขา เน่อื งจากแรงโน้มถ่วงของโลกเปน็ หลัก ซึ่ง
เกิดจากปจั จยั สําคัญ ได้แก่ ความลาดชันของพนื้ ท่สี ภาพ
โรงเรียนบา้ นคลองอดุ ม
สำนักงานเขตพ้ืนที่การศึกษาประถมศกึ ษาฉะเชงิ เทรา เขต ๒
ชั้น ตวั ชี้วัด สาระการเรียนรู้แกนกลาง/สาระทอ้ งถ่นิ
ม.๒ ธรณวี ิทยา ปริมาณนา้ํ ฝน พืชปกคลมุ ดนิ และการใช้
ประโยชนพ์ ้ืนที่
• หลุมยบุ คอื แอ่งหรือหลุมบนแผ่นดนิ ขนาดต่าง ๆ ทอี่ าจ
เกิดจากการถลม่ ของโพรงถํา้ หนิ ปูน เกลอื หินใตด้ นิ หรอื
เกิดจากนํ้าพดั พาตะกอนลงไปในโพรงถ้าํ หรอื ธารน้ำใตด้ ิน
• แผ่นดินทรดุ เกิดจากการยุบตัวของช้ันดนิ หรอื หินร่วน
เม่ือมวลของแข็งหรือของเหลวปรมิ าณมากทรี่ องรบั อยู่ใต้
ช้นั ดนิ บริเวณนัน้ ถกู เคลื่อนยา้ ยออกไปโดยธรรมชาตหิ รือ
โดยการกระทาํ ของมนษุ ย์
ม.๓ - -
สาระที่ ๔ เทคโนโลยี
มาตรฐาน ว ๔.๑ เขา้ ใจแนวคิดหลกั ของเทคโนโลยีเพ่ือการดาํ รงชวี ิตในสังคมท่มี ีการ
เปล่ยี นแปลงอย่างรวดเรว็ ใชค้ วามร้แู ละทกั ษะทางด้านวทิ ยาศาสตร์
คณติ ศาสตร์ และศาสตรอ์ ่นื ๆ เพื่อแกป้ ญั หาหรือพฒั นางานอย่างมี
ความคิดสรา้ งสรรค์ด้วยกระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรม เลอื กใช้
เทคโนโลยีอยา่ งเหมาะสมโดยคาํ นึงถงึ ผลกระทบตอ่ ชีวิต สังคม และ
สง่ิ แวดล้อม
ชั้น ตวั ชว้ี ดั สาระการเรยี นรู้แกนกลาง/สาระทอ้ งถิ่น
ป.๑ - -
ป.๒ - -
ป.๓ - -
ป.๔ - -
ป.๕ - -
ป.๖ - -
ม.๑ ๑. อธิบายแนวคิดหลักของเทคโนโลยีใน • เทคโนโลยเี ป็นสิ่งทม่ี นุษย์สรา้ งหรอื พัฒนาขึ้น ซงึ่ อาจ
ชวี ิตประจาํ วันและวิเคราะหส์ าเหตุ เปน็ ได้ทง้ั ชิ้นงานหรือวิธีการ เพอื่ ใชแ้ ก้ปัญหาสนองความ
หรือปจั จยั ทส่ี ง่ ผลต่อการ ตอ้ งการ หรือเพ่มิ ความสามารถในการทํางานของมนุษย์
เปลย่ี นแปลงของเทคโนโลยี • ระบบทางเทคโนโลยเี ป็นกล่มุ ของสว่ นตา่ ง ๆ ต้งั แต่สอง
ส่วนขึ้นไปประกอบเขา้ ด้วยกันและทํางานรว่ มกันเพ่ือให้
โรงเรียนบ้านคลองอุดม
สำนักงานเขตพนื้ ท่ีการศกึ ษาประถมศกึ ษาฉะเชงิ เทรา เขต ๒
ชน้ั ตวั ชวี้ ัด สาระการเรียนร้แู กนกลาง/สาระทอ้ งถ่นิ
ม.๑
บรรลุวัตถปุ ระสงค์โดยในการทาํ งานของระบบทาง
๒. ระบปุ ัญหาหรอื ความต้องการใน เทคโนโลยีจะประกอบไปด้วยตัวป้อน (input)
ชวี ติ ประจาํ วันรวบรวม วเิ คราะห์ กระบวนการ (process) และผลผลติ (output) ท่ีสมั พนั ธ์
ขอ้ มลู และแนวคิดทีเ่ กี่ยวข้องกบั กนั นอกจากนรี้ ะบบทางเทคโนโลยอี าจมีข้อมูลย้อนกลับ
ปัญหา (feedback) เพื่อใช้ปรบั ปรงุ การทํางานได้ตาม
วตั ถุประสงคซ์ ง่ึ การวเิ คราะห์ระบบทางเทคโนโลยีช่วยให้
๓. ออกแบบวิธีการแก้ปญั หา โดย เข้าใจองคป์ ระกอบและการทาํ งานของเทคโนโลยีรวมถงึ
วิเคราะหเ์ ปรียบเทยี บ และตดั สนิ ใจ สามารถปรับปรุงให้เทคโนโลยที ํางานไดต้ ามต้องการ
เลือกข้อมูลท่จี ําเป็นนําเสนอแนว • เทคโนโลยีมกี ารเปลีย่ นแปลงตลอดเวลาตง้ั แต่อดตี จนถึง
ทางการแก้ปัญหาให้ผู้อน่ื เข้าใจ ปัจจบุ นั ซึ่งมีสาเหตุหรือปจั จัยมาจากหลายดา้ น เช่น
วางแผนและดาํ เนนิ การแก้ปญั หา ปญั หาความต้องการความกา้ วหน้าของศาสตร์ตา่ ง ๆ
เศรษฐกิจ สงั คม
๔. ทดสอบ ประเมินผล และระบุ
ข้อบกพร่องท่ีเกดิ ขึ้น พรอ้ มทง้ั หา • ปญั หาหรอื ความตอ้ งการในชีวติ ประจําวัน พบไดจ้ าก
แนวทางการปรับปรงุ แก้ไขและ หลายบริบทข้ึนกับสถานการณท์ ่ีประสบ เช่น การเกษตร
นําเสนอผลการแกป้ ัญหา การอาหาร
• การแกป้ ัญหาจําเป็นต้องสืบค้น รวบรวมข้อมูลความรู้จาก
ศาสตรต์ ่าง ๆ ท่เี กีย่ วข้อง เพ่ือนําไปสูก่ ารออกแบบแนว
ทางการแก้ปัญหา
• การวิเคราะหเ์ ปรยี บเทยี บ และตัดสินใจเลอื กข้อมูลที่
จําเปน็ โดยคาํ นึงถงึ เง่อื นไข และทรัพยากรท่ีมีอย่ชู ว่ ยให้
ได้แนวทางการแกป้ ัญหาที่เหมาะสม
• การออกแบบแนวทางการแก้ปญั หาทําไดห้ ลากหลายวธิ ี
เชน่ การร่างภาพ การเขียนแผนภาพการเขยี นผังงาน
• การกาํ หนดข้ันตอนและระยะเวลาในการทํางานก่อน
ดาํ เนินการแกป้ ญั หาจะช่วยใหท้ าํ งานสําเร็จไดต้ าม
เปา้ หมายและลดข้อผิดพลาดของการทาํ งานที่อาจเกิดขึ้น
• การทดสอบ และประเมินผลเปน็ การตรวจสอบช้นิ งาน
หรอื วิธีการวา่ สามารถแก้ปัญหาได้ตามวตั ถุประสงค์
ภายใตก้ รอบของปญั หา เพื่อหาขอ้ บกพร่อง และ
ดาํ เนินการปรับปรงุ โดยอาจทดสอบซํ้าเพ่ือให้สามารถ
แก้ปัญหาได้
• การนําเสนอผลงานเป็นการถา่ ยทอดแนวคดิ เพือ่ ใหผ้ อู้ ่ืน
เข้าใจเกย่ี วกับกระบวนการทาํ งานและชน้ิ งานหรือวิธกี าร
ทไ่ี ด้ซ่งึ สามารถทําได้หลายวิธีเชน่ การเขยี นรายงาน การ
ทาํ แผน่ นาํ เสนอผลงาน การจดั นทิ รรศการ การนําเสนอ
โรงเรยี นบ้านคลองอุดม
สำนักงานเขตพนื้ ท่ีการศึกษาประถมศกึ ษาฉะเชงิ เทรา เขต ๒
ชนั้ ตัวชว้ี ัด สาระการเรียนรแู้ กนกลาง/สาระท้องถน่ิ
ม.๑ ผา่ นสื่อออนไลน์
๕. ใชค้ วามรู้และทกั ษะเกีย่ วกับวสั ดุ • วสั ดุแตล่ ะประเภทมสี มบตั ิแตกต่างกัน เชน่ ไม้ โลหะ
อุปกรณเ์ ครื่องมือ กลไก ไฟฟ้า หรือ พลาสตกิ จงึ ตอ้ งมีการวิเคราะหส์ มบตั ิ เพ่ือเลือกใช้ให้
อิเลก็ ทรอนกิ ส์เพ่ือแก้ปัญหาไดอ้ ยา่ ง เหมาะสมกบั ลักษณะของงาน
ถกู ตอ้ ง เหมาะสมและปลอดภัย • การสร้างชน้ิ งานอาจใชค้ วามร้เู รื่องกลไก ไฟฟ้า
อิเลก็ ทรอนกิ สเ์ ช่น LED บัซเซอรม์ อเตอรว์ งจรไฟฟา้
• อปุ กรณแ์ ละเครอ่ื งมือในการสร้างช้ินงานหรอื พัฒนา
วธิ ีการมหี ลายประเภท ตอ้ งเลือกใชใ้ ห้ถูกต้อง เหมาะสม
และปลอดภัย รวมท้ังรจู้ ักเกบ็ รกั ษา
ม.๒ ๑. คาดการณแ์ นวโน้มเทคโนโลยที ีจ่ ะ • สาเหตหุ รือปัจจัยตา่ ง ๆ เช่น ความก้าวหนา้ ของศาสตร์
เกิดขึ้นโดยพจิ ารณาจากสาเหตุหรือ ตา่ ง ๆ การเปลย่ี นแปลงทางดา้ นเศรษฐกิจสงั คม
ปัจจยั ท่ีส่งผลตอ่ การเปลีย่ นแปลง วฒั นธรรม ทําใหเ้ ทคโนโลยมี กี ารเปล่ียนแปลงตลอดเวลา
ของเทคโนโลยแี ละวเิ คราะห์ • เทคโนโลยีแตล่ ะประเภทมีผลกระทบต่อชีวิตสังคม และ
เปรียบเทียบ ตดั สนิ ใจเลือกใช้ ส่ิงแวดลอ้ มที่แตกต่างกนั จงึ ต้องวเิ คราะหเ์ ปรยี บเทยี บ
เทคโนโลยีโดยคาํ นงึ ถึงผลกระทบท่ี ข้อดีข้อเสีย และตัดสนิ ใจเลอื กใช้ให้เหมาะสม
เกดิ ข้ึนต่อชีวติ สังคมและสง่ิ แวดล้อม
๒. ระบปุ ญั หาหรือความต้องการใน • ปัญหาหรือความตอ้ งการในชุมชนหรือทอ้ งถน่ิ มหี ลาย
ชมุ ชนหรอื ท้องถ่ิน สรุปกรอบของ อย่าง ข้ึนกบั บรบิ ทหรือสถานการณ์ท่ปี ระสบ เชน่ ดา้ น
ปัญหา รวบรวมวิเคราะหข์ ้อมูลและ พลงั งาน สง่ิ แวดลอ้ มการเกษตร การอาหาร
แนวคดิ ทีเ่ ก่ียวขอ้ งกับปัญหา
• การระบปุ ญั หาจําเป็นต้องมกี ารวิเคราะหส์ ถานการณ์ของ
๓. ออกแบบวิธกี ารแกป้ ญั หา โดย ปัญหาเพอ่ื สรุปกรอบของปัญหาแล้วดําเนนิ การสบื คน้
วเิ คราะหเ์ ปรยี บเทียบ และตัดสนิ ใจ รวบรวมข้อมลู ความรจู้ ากศาสตรต์ ่าง ๆ ที่เกี่ยวขอ้ ง เพ่ือ
เลือกข้อมลู ที่จําเปน็ ภายใตเ้ งอ่ื นไข นาํ ไปสู่การออกแบบแนวทางการแก้ปญั หา
และทรพั ยากรท่ีมีอยู่ นาํ เสนอ
แนวทางการแกป้ ญั หาใหผ้ อู้ ่ืนเข้าใจ • การวเิ คราะห์เปรียบเทยี บ และตดั สินใจเลือกข้อมลู ที่
วางแผน ขน้ั ตอนการทาํ งานและ จําเป็น โดยคาํ นงึ ถงึ เง่อื นไขและทรัพยากร เชน่
ดาํ เนนิ การแก้ปญั หาอยา่ งเป็น งบประมาณ เวลา ข้อมูล และสารสนเทศ วสั ดุ เคร่อื งมือ
ขัน้ ตอน และอปุ กรณช์ ว่ ยให้ไดแ้ นวทางการแกป้ ญั หาทเี่ หมาะสม
• การออกแบบแนวทางการแก้ปญั หาทําไดห้ ลากหลายวธิ ี
เช่น การร่างภาพ การเขยี น แผนภาพ การเขยี นผงั งาน
• การกําหนดขน้ั ตอนระยะเวลาในการทํางานก่อน
ดาํ เนนิ การแกป้ ัญหาจะชว่ ยให้การทํางานสําเรจ็ ได้ตาม
เปา้ หมาย และลดข้อผิดพลาดของการทํางานที่อาจ
เกิดขึน้
โรงเรยี นบ้านคลองอุดม
สำนักงานเขตพนื้ ที่การศกึ ษาประถมศกึ ษาฉะเชงิ เทรา เขต ๒
ชัน้ ตวั ชีว้ ัด สาระการเรียนรแู้ กนกลาง/สาระท้องถนิ่
ม.๒ ๔. ทดสอบ ประเมินผล และอธบิ าย • การทดสอบและประเมนิ ผลเป็นการตรวจสอบชิน้ งาน
ปญั หาหรือข้อบกพร่องที่เกิดขึน้ หรือวธิ ีการว่าสามารถแกป้ ัญหาไดต้ ามวัตถปุ ระสงค์
ภายใต้กรอบเง่อื นไขพร้อมท้งั หาแนว ภายใตก้ รอบของปัญหา เพอ่ื หาข้อบกพร่อง และ
ดําเนินการปรับปรุงใหส้ ามารถแก้ไขปญั หาได้
ทางการปรับปรงุ แก้ไข และนาํ เสนอ • การนาํ เสนอผลงานเป็นการถ่ายทอดแนวคิด เพ่อื ให้ผู้อ่ืน
ผลการแก้ปัญหา
เขา้ ใจเก่ยี วกับกระบวนการทํางาน และชิน้ งานหรือวิธกี าร
ที่ได้ซึง่ สามารถทาํ ไดห้ ลายวธิ ีเช่น การเขียนรายงาน การ
ทาํ แผน่ นําเสนอผลงาน การจัดนทิ รรศการ
๕. ใชค้ วามรแู้ ละทกั ษะเกย่ี วกับวสั ดุ • วัสดแุ ตล่ ะประเภทมีสมบตั ิแตกตา่ งกัน เชน่ ไม้ โลหะ
อุปกรณเ์ ครื่องมือ กลไก ไฟฟา้ และ พลาสติก จึงต้องมีการวิเคราะหส์ มบัติ เพ่ือเลือกใชใ้ ห้
อิเลก็ ทรอนิกส์เพ่ือแกป้ ัญหาหรอื เหมาะสมกับลักษณะของงาน
พัฒนางานได้อยา่ งถูกต้องเหมาะสม • การสรา้ งชนิ้ งานอาจใช้ความรู้เร่อื งกลไก ไฟฟา้
และปลอดภยั อเิ ล็กทรอนกิ ส์เช่น LED มอเตอร์บัซเซอร์เฟืองรอก ลอ้
เพลา
• อุปกรณ์และเครอ่ื งมือในการสรา้ งช้นิ งาน หรอื พัฒนา
วิธีการมีหลายประเภท ต้องเลือกใช้ให้ถกู ต้อง เหมาะสม
และปลอดภัย รวมทั้งรู้จักเก็บรักษา
ม.๓ ๑. วิเคราะหส์ าเหตุ หรือปจั จัยทสี่ ่งผล • เทคโนโลยีมีการเปล่ยี นแปลงตลอดเวลาตั้งแต่อดตี จนถึง
ตอ่ การเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี ปจั จุบนั ซ่งึ มสี าเหตหุ รอื ปัจจยั มาจากหลายด้าน เช่น
ปญั หาหรือความตอ้ งการของมนุษยค์ วามกา้ วหน้าของ
และความสัมพันธ์ของเทคโนโลยีกบั ศาสตรต์ า่ งๆการเปลย่ี นแปลงทางดา้ นเศรษฐกจิ สังคม
ศาสตร์อ่ืน โดยเฉพาะวทิ ยาศาสตร์ วัฒนธรรม สิ่งแวดลอ้ ม
หรือคณติ ศาสตร์เพอ่ื เป็นแนวทาง • เทคโนโลยีมีความสมั พันธก์ บั ศาสตร์อนื่ โดยเฉพาะ
การแก้ปัญหาหรือพฒั นางาน วิทยาศาสตรโ์ ดยวิทยาศาสตร์เปน็ พน้ื ฐานความรู้ท่นี ําไปสู่
การพัฒนาเทคโนโลยแี ละเทคโนโลยีที่ได้สามารถเปน็
เคร่อื งมือทใ่ี ช้ในการศกึ ษา คน้ คว้าเพ่ือให้ไดม้ าซ่ึงองค์
ความรูใ้ หม่
๒. ระบปุ ัญหาหรือความต้องการของ • ปัญหาหรอื ความต้องการอาจพบได้ในงานอาชพี ของ
ชมุ ชนหรอื ท้องถิน่ เพื่อพัฒนางาน ชมุ ชนหรอื ทอ้ งถิ่น ซ่ึงอาจมีหลายด้าน เชน่ ดา้ น
อาชพี สรุปกรอบของปญั หา รวบรวม การเกษตร อาหาร พลังงาน การขนส่ง
• การวเิ คราะห์สถานการณ์ปญั หาช่วยใหเ้ ขา้ ใจเง่ือนไขและ
วิเคราะหข์ ้อมลู และแนวคิดที่ กรอบของปญั หาได้ชดั เจน จากน้ันดําเนนิ การสบื คน้
เกย่ี วขอ้ งกบั ปัญหา โดยคํานงึ ถึง รวบรวมขอ้ มลู ความรูจ้ ากศาสตรต์ ่าง ๆ ทีเ่ ก่ยี วข้อง เพื่อ
ความถูกตอ้ งดา้ นทรัพย์สินทาง นําไปสู่การออกแบบแนวทางการแก้ปัญหา
ปญั ญา
โรงเรยี นบ้านคลองอุดม
สำนักงานเขตพื้นท่ีการศึกษาประถมศกึ ษาฉะเชงิ เทรา เขต ๒
ช้ัน ตัวชีว้ ดั สาระการเรียนรูแ้ กนกลาง/สาระทอ้ งถ่นิ
ม.๓ ๓. ออกแบบวิธีการแก้ปัญหา โดย • การวิเคราะหเ์ ปรียบเทียบ และตัดสนิ ใจเลือกข้อมูลท่ี
วเิ คราะหเ์ ปรียบเทยี บ และตัดสนิ ใจ จําเป็น โดยคาํ นงึ ถึงทรพั ย์สนิ ทางปัญญาเง่ือนไขและ
เลือกข้อมูลที่จาํ เปน็ ภายใตเ้ งือ่ นไข ทรัพยากร เช่น งบประมาณ เวลาขอ้ มูลและสารสนเทศ
และทรพั ยากรทมี่ ีอยู่ นําเสนอ วสั ดุ เครอื่ งมือและอุปกรณ์ชว่ ยให้ไดแ้ นวทางการ
แนวทางการแก้ปญั หาใหผ้ ้อู นื่ เข้าใจ แก้ปญั หาท่ีเหมาะสม
ดว้ ยเทคนคิ หรอื วิธีการทหี่ ลากหลาย • การออกแบบแนวทางการแกป้ ัญหาทําได้หลากหลายวิธี
วางแผนข้ันตอนการทํางานและ เชน่ การรา่ งภาพ การเขียนแผนภาพการเขยี นผังงาน
ดาํ เนนิ การแก้ปัญหาอยา่ งเป็น • เทคนิคหรือวธิ ีการในการนําเสนอแนวทางการแกป้ ญั หามี
ขั้นตอน หลากหลาย เชน่ การใชแ้ ผนภูมิตาราง ภาพเคลื่อนไหว
• การกาํ หนดข้ันตอนและระยะเวลาในการทํางานก่อน
ดําเนินการแก้ปัญหาจะช่วยใหก้ ารทาํ งานสําเรจ็ ไดต้ าม
เป้าหมาย และลดข้อผิดพลาดของการทาํ งานที่อาจ
เกดิ ขึน้
๔. ทดสอบ ประเมนิ ผล วิเคราะห์และให้ • การทดสอบและประเมนิ ผลเปน็ การตรวจสอบชิ้นงานหรือ
เหตผุ ลของปญั หาหรอื ข้อบกพร่องที่ วธิ กี ารว่า สามารถแก้ปญั หาได้ตามวัตถุประสงคภ์ ายใต้
กรอบของปญั หา เพื่อหาข้อบกพร่อง และดาํ เนินการ
เกิดขึ้นภายใต้กรอบเง่ือนไข พรอ้ มทง้ั • ปรบั ปรุง โดยอาจทดสอบซํ้าเพ่ือใหส้ ามารถแก้ไขปัญหาได้
หาแนวทางการปรบั ปรุงแก้ไข และ การนําเสนอผลงานเปน็ การถ่ายทอดแนวคดิ เพื่อให้ผู้อน่ื
นาํ เสนอผลการแก้ปัญหา เขา้ ใจเก่ยี วกบั กระบวนการทํางานและชิ้นงานหรือวธิ ีการ
ที่ได้ซงึ่ สามารถทาํ ได้หลายวิธเี ชน่ การเขยี นรายงานการ
ทําแผน่ นาํ เสนอผลงาน การจดั นทิ รรศการการนาํ เสนอ
ผ่านสอ่ื ออนไลน์
๕. ใชค้ วามร้แู ละทักษะเกยี่ วกับวสั ดุ • วสั ดแุ ตล่ ะประเภทมสี มบตั ิแตกต่างกัน เช่น ไม้ โลหะ
อปุ กรณ์เคร่ืองมือ กลไก ไฟฟ้าและ พลาสตกิ เซรามกิ จึงต้องมีการวเิ คราะห์สมบัติ เพื่อ
อเิ ล็กทรอนกิ ส์ให้ถกู ต้องกับลักษณะ เลือกใชใ้ ห้เหมาะสมกับลักษณะของงาน
• การสร้างช้ินงานอาจใช้ความรูเ้ รือ่ งกลไก ไฟฟ้า
ของงาน และปลอดภัยเพ่ือแก้ปัญหา อเิ ล็กทรอนกิ สเ์ ชน่ LED LDR มอเตอรเ์ ฟือง คาน รอก ลอ้
หรอื พัฒนางาน เพลา
• อปุ กรณแ์ ละเครือ่ งมือในการสร้างชิน้ งาน หรอื พฒั นา
วิธีการมหี ลายประเภท ตอ้ งเลอื กใช้ให้ถูกต้อง เหมาะสม
และปลอดภัย รวมท้ังรจู้ ักเก็บรักษา
โรงเรียนบ้านคลองอดุ ม
สำนักงานเขตพืน้ ที่การศึกษาประถมศกึ ษาฉะเชงิ เทรา เขต ๒
สาระท่ี ๔ เทคโนโลยี
มาตรฐาน ว ๔.๒ เขา้ ใจและใชแ้ นวคิดเชิงคาํ นวณในการแก้ปญั หาท่ีพบในชีวิตจริงอยา่ งเปน็
ขน้ั ตอนและเปน็ ระบบ ใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศและการส่ือสารในการ
เรียนรกู้ ารทาํ งาน และการแก้ปัญหาได้อย่างมปี ระสทิ ธิภาพ รู้เทา่ ทนั และ
มจี รยิ ธรรม
ชนั้ ตวั ชว้ี ัด สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง/สาระทอ้ งถ่นิ
ป.๑ ๑. แกป้ ัญหาอย่างงา่ ยโดยใชก้ ารลองผิด • การแกป้ ญั หาใหป้ ระสบความสําเรจ็ ทาํ ไดโ้ ดยใช้ขน้ั ตอน
ลองถกู การเปรียบเทียบ การแก้ปัญหา
• ปญั หาอยา่ งงา่ ย เช่น เกมเขาวงกต เกมหาจดุ แตกต่างของ
ภาพ การจัดหนงั สือใสก่ ระเปา๋
๒. แสดงลาํ ดบั ข้นั ตอนการทํางานหรอื • การแสดงขั้นตอนการแกป้ ัญหา ทาํ ไดโ้ ดยการเขยี น บอก
การแก้ปญั หาอย่างง่ายโดยใช้ภาพ เล่า วาดภาพ หรอื ใชส้ ญั ลกั ษณ์
สัญลักษณห์ รอื ข้อความ
• ปัญหาอยา่ งงา่ ย เชน่ เกมเขาวงกต เกมหาจุดแตกต่างของ
๓. เขยี นโปรแกรมอย่างง่าย โดยใช้ ภาพ การจัดหนงั สือใสก่ ระเป๋า
ซอฟตแ์ วร์หรือส่ือ
• การเขยี นโปรแกรมเป็นการสรา้ งลําดับของคาํ สง่ั ให้
คอมพวิ เตอรท์ าํ งาน
• ตัวอยา่ งโปรแกรม เช่น เขยี นโปรแกรมสง่ั ให้ตัวละครย้าย
๔. ใชเ้ ทคโนโลยีในการสร้าง จัดเกบ็ ตาํ แหน่งยอ่ ขยายขนาดเปลี่ยนรปู รา่ ง
• ซอฟตแ์ วร์หรือส่ือที่ใช้ในการเขยี นโปรแกรม เช่น ใช้บตั ร
คาํ สง่ั แสดงการเขยี นโปรแกรม, Code.org
• การใช้งานอปุ กรณเ์ ทคโนโลยเี บ้อื งต้น เชน่ การใช้เมาส์
เรียกใช้ข้อมลู ตามวตั ถปุ ระสงค์ คียบ์ อร์ด จอสมั ผัส การเปิด-ปดิ อุปกรณเ์ ทคโนโลยี
• การใช้งานซอฟต์แวรเ์ บื้องต้น เชน่ การเข้าและออกจาก
โปรแกรม การสร้างไฟล์การจดั เกบ็ การเรียกใชไ้ ฟล์ทําได้
ในโปรแกรม เช่น โปรแกรมประมวลคาํ โปรแกรมกราฟิก
โปรแกรมนําเสนอ
• การสร้างและจัดเก็บไฟล์อย่างเปน็ ระบบจะทาํ ให้เรียกใช้
๕. ใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศอยา่ ง ค้นหาข้อมลู ได้งา่ ยและรวดเรว็
• การใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศอยา่ งปลอดภัย เช่น รูจ้ ัก
ปลอดภัย ปฏิบตั ติ ามขอ้ ตกลงในการ ข้อมลู สว่ นตวั อนั ตรายจากการเผยแพร่ข้อมูลสว่ นตัว
ใช้คอมพิวเตอร์รว่ มกัน ดแู ลรกั ษา และไมบ่ อกข้อมลู ส่วนตวั กับบคุ คลอ่ืนยกเวน้ ผปู้ กครอง
อุปกรณเ์ บ้ืองต้น ใช้งานอย่าง หรอื ครูแจ้งผูเ้ กี่ยวขอ้ งเมื่อตอ้ งการความชว่ ยเหลือ
เหมาะสม เก่ียวกบั การใชง้ าน
โรงเรยี นบ้านคลองอดุ ม
สำนักงานเขตพน้ื ท่ีการศึกษาประถมศกึ ษาฉะเชงิ เทรา เขต ๒
ช้นั ตวั ช้วี ดั สาระการเรยี นรู้แกนกลาง/สาระทอ้ งถิ่น
ป.๑ • ขอ้ ปฏิบัตใิ นการใช้งานและการดูแลรกั ษาอปุ กรณเ์ ช่น ไม่
ขีดเขียนบนอปุ กรณท์ าํ ความสะอาดใช้อุปกรณ์อย่างถกู วิธี
• การใช้งานอยา่ งเหมาะสม เชน่ จดั ทา่ นัง่ ให้ถกู ต้องการพัก
สายตาเม่ือใชอ้ ุปกรณเ์ ปน็ เวลานานระมดั ระวังอุบัติเหตุ
จากการใช้งาน
ป.๒ ๑. แสดงลาํ ดับขั้นตอนการทํางานหรอื • การแสดงขั้นตอนการแก้ปัญหา ทาํ ได้โดยการเขียนบอก
การแก้ปัญหาอย่างง่ายโดยใชภ้ าพ เล่า วาดภาพ หรือใช้สญั ลกั ษณ์
สัญลกั ษณ์หรือข้อความ • ปญั หาอย่างง่าย เช่น เกมตัวตอ่ ๖-๑๒ ช้ิน การแตง่ ตวั มา
โรงเรยี น
๒. เขยี นโปรแกรมอยา่ งงา่ ย โดยใช้ • ตวั อยา่ งโปรแกรม เช่น เขยี นโปรแกรมส่งั ให้ตวั ละคร
ซอฟตแ์ วรห์ รือส่ือ และตรวจหา ทํางานตามท่ีต้องการ และตรวจสอบข้อผิดพลาด ปรับแก้
ข้อผดิ พลาดของโปรแกรม ไขให้ได้ผลลัพธ์ตามท่กี ําหนด
• การตรวจหาขอ้ ผดิ พลาด ทาํ ไดโ้ ดยตรวจสอบคําสั่งท่ีแจ้ง
ขอ้ ผิดพลาด หรอื หากผลลพั ธ์ไม่เปน็ ไปตามทตี่ ้องการให้
ตรวจสอบการทาํ งานทลี ะคาํ ส่งั
• ซอฟตแ์ วร์หรือส่ือทีใ่ ช้ในการเขยี นโปรแกรม เชน่ ใช้บัตร
คําส่ังแสดงการเขยี นโปรแกรม, Code.org
๓. ใชเ้ ทคโนโลยใี นการสรา้ ง จัด • การใชง้ านซอฟต์แวรเ์ บื้องตน้ เชน่ การเขา้ และออกจาก
หมวดหมู่ค้นหาจดั เก็บ เรียกใช้ข้อมูล โปรแกรม การสร้างไฟล์การจัดเกบ็ การเรยี กใชไ้ ฟล์การ
แก้ไขตกแตง่ เอกสาร ทําได้ในโปรแกรม เช่น โปรแกรม
ตามวตั ถปุ ระสงค์ ประมวลคําโปรแกรมกราฟกิ โปรแกรมนําเสนอ
• การสรา้ ง คดั ลอก ย้าย ลบ เปลี่ยนชือ่ จดั หมวดหมูไ่ ฟล์
๔. ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศอย่าง และโฟลเดอรอ์ ย่างเปน็ ระบบจะทาํ ให้เรยี กใชค้ ้นหาข้อมูล
ปลอดภยั ปฏบิ ัติตามขอ้ ตกลงในการ ได้ง่ายและรวดเรว็
ใช้คอมพวิ เตอร์ร่วมกัน ดแู ลรักษา
อุปกรณเ์ บอ้ื งต้น ใชง้ านอย่าง • การใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศอยา่ งปลอดภัย เช่น รู้จกั
เหมาะสม ข้อมลู สว่ นตวั อันตรายจากการเผยแพร่ข้อมลู ส่วนตวั
และไมบ่ อกข้อมูลสว่ นตวั กับบุคคลอืน่ ยกเว้นผปู้ กครอง
หรอื ครแู จง้ ผู้เก่ยี วขอ้ งเมื่อต้องการความชว่ ยเหลอื
เก่ียวกบั การใช้งาน
• ขอ้ ปฏิบัตใิ นการใชง้ านและการดูแลรักษาอปุ กรณ์เชน่ ไม่
ขีดเขียนบนอปุ กรณท์ าํ ความสะอาดใชอ้ ปุ กรณ์อย่างถูกวธิ ี
• การใช้งานอยา่ งเหมาะสม เช่น จดั ทา่ นัง่ ใหถ้ กู ตอ้ งการพัก
สายตาเม่ือใชอ้ ุปกรณ์เปน็ เวลานานระมดั ระวังอบุ ัตเิ หตุ
จากการใช้งาน
โรงเรียนบ้านคลองอดุ ม
สำนักงานเขตพนื้ ที่การศึกษาประถมศกึ ษาฉะเชงิ เทรา เขต ๒
ช้ัน ตัวช้วี ดั สาระการเรยี นรู้แกนกลาง/สาระทอ้ งถิ่น
ป.๓ ๑. แสดงอัลกอรทิ ึมในการทาํ งานหรือ
• อัลกอรทิ ึมเปน็ ข้นั ตอนทใี่ ช้ในการแก้ปญั หา
การแก้ปัญหาอย่างงา่ ยโดยใชภ้ าพ • การแสดงอลั กอริทึม ทําได้โดยการเขียน บอกเล่าวาดภาพ
สญั ลกั ษณ์หรอื ข้อความ
๒. เขยี นโปรแกรมอยา่ งงา่ ย โดยใช้ หรือใชส้ ัญลักษณ์
ซอฟต์แวร์หรือสื่อ และตรวจหา • ตัวอย่างปัญหา เชน่ เกมเศรษฐเี กมบนั ไดงเู กม Tetris เกม
ข้อผิดพลาดของโปรแกรม
OX การเดนิ ไปโรงอาหารการทําความสะอาดหอ้ งเรียน
๓. ใชอ้ นิ เทอร์เนต็ ค้นหาความรู้
• การเขียนโปรแกรมเป็นการสรา้ งลําดับของคําส่ังให้
๔. รวบรวม ประมวลผล และนาํ เสนอ คอมพวิ เตอร์ทํางาน
ขอ้ มลู โดยใชซ้ อฟต์แวรต์ าม
วตั ถปุ ระสงค์ • ตัวอย่างโปรแกรม เชน่ เขยี นโปรแกรมทีส่ ั่งใหต้ วั ละคร
ทาํ งานซํา้ ไม่สิ้นสุด
• การตรวจหาขอ้ ผดิ พลาด ทําไดโ้ ดยตรวจสอบคําส่งั ท่ีแจ้ง
ข้อผดิ พลาด หรือหากผลลพั ธ์ไมเ่ ป็นไปตามที่ต้องการให้
ตรวจสอบการทาํ งานทลี ะคาํ สัง่
• ซอฟต์แวรห์ รือสื่อทใี่ ช้ในการเขยี นโปรแกรม เชน่ ใช้บัตร
คาํ สงั่ แสดงการเขยี นโปรแกรม, Code.org
• อินเทอร์เน็ตเปน็ เครือขา่ ยขนาดใหญช่ ่วยใหก้ าร
ตดิ ตอ่ ส่อื สารทาํ ไดส้ ะดวกและรวดเร็วและเปน็
แหล่งขอ้ มลู ความรู้ท่ีชว่ ยในการเรียนและการดําเนินชวี ิต
• เวบ็ เบราวเ์ ซอร์เปน็ โปรแกรมสําหรบั อ่านเอกสารบนเวบ็
เพจ
• การสบื คน้ ขอ้ มูลบนอนิ เทอรเ์ นต็ ทําไดโ้ ดยใช้เวบ็ ไซต์
สาํ หรับสบื คน้ และต้องกาํ หนดคาํ ค้นทเี่ หมาะสมจึงจะได้
ข้อมลู ตามต้องการ
• ข้อมูลความรู้เช่น วิธที าํ อาหาร วธิ ีพับกระดาษเปน็ รูป
ตา่ ง ๆ ข้อมูลประวัติศาสตร์ชาติไทย(อาจเป็นความรู้ใน
วิชาอื่น ๆ หรือเรอ่ื งท่ีเป็นประเดน็ ที่สนใจในชว่ งเวลาน้ัน)
• การใชอ้ นิ เทอร์เน็ตอยา่ งปลอดภยั ควรอยู่ในการดูแลของ
ครหู รอื ผูป้ กครอง
• การรวบรวมข้อมูล ทาํ ไดโ้ ดยกาํ หนดหวั ข้อทต่ี ้องการ
เตรียมอุปกรณใ์ นการจดบันทกึ
• การประมวลผลอย่างงา่ ย เช่น เปรยี บเทียบจัดกลุ่ม
เรยี งลาํ ดับ
• การนาํ เสนอข้อมลู ทาํ ได้หลายลกั ษณะตามความเหมาะสม
เช่น การบอกเลา่ การทําเอกสารรายงาน การจัดทําปา้ ย
ประกาศ
• การใชซ้ อฟตแ์ วร์ทํางานตามวตั ถปุ ระสงคเ์ ชน่ ใช้
โรงเรียนบา้ นคลองอดุ ม
สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศกึ ษาฉะเชงิ เทรา เขต ๒
ชั้น ตวั ชว้ี ดั สาระการเรียนรูแ้ กนกลาง/สาระทอ้ งถิ่น
ป.๓ ซอฟต์แวรน์ าํ เสนอ หรือซอฟต์แวร์กราฟิกสร้างแผนภมู ิ
รปู ภาพ ใช้ซอฟต์แวรป์ ระมวลคําทําปา้ ยประกาศหรือ
เอกสารรายงาน ใชซ้ อฟต์แวร์ตารางทาํ งานในการ
ประมวลผลขอ้ มูล
๕. ใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศอยา่ ง • การใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศอย่างปลอดภัย เชน่ ปกป้อง
ปลอดภัย ปฏบิ ัติตามขอ้ ตกลงในการ ข้อมลู ส่วนตัว
ใชอ้ ินเทอร์เน็ต
• ขอความช่วยเหลือจากครูหรือผปู้ กครอง เม่ือเกดิ ปัญหา
จากการใชง้ าน เมอ่ื พบข้อมูลหรอื บคุ คลทีท่ าํ ให้ไม่สบายใจ
• การปฏบิ ัตติ ามขอ้ ตกลงในการใช้อนิ เทอร์เน็ตจะทาํ ให้ไม่
เกดิ ความเสียหายตอ่ ตนเองและผ้อู ่ืน เช่น ไม่ใชค้ ําหยาบ
ล้อเลยี น ด่าทอ ทาํ ใหผ้ อู้ ืน่ เสยี หายหรอื เสียใจ
• ข้อดีและข้อเสยี ในการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการ
สอ่ื สาร
ป.๔ ๑. ใช้เหตผุ ลเชิงตรรกะในการแก้ปญั หา • การใชเ้ หตุผลเชงิ ตรรกะเป็นการนํากฎเกณฑ์หรือเงื่อนไข
การอธบิ ายการทํางาน การ ที่ครอบคลุมทุกกรณีมาใช้พิจารณาในการแกป้ ญั หา การ
คาดการณ์ผลลพั ธ์จากปัญหาอย่างง่าย อธบิ ายการทํางาน หรือการคาดการณ์ผลลพั ธ์
• สถานะเร่ิมต้นของการทํางานท่ีแตกต่างกันจะใหผ้ ลลพั ธ์ท่ี
๒. ออกแบบ และเขยี นโปรแกรมอยา่ ง แตกตา่ งกัน
ง่าย โดยใช้ซอฟต์แวร์หรือส่ือ และ • ตวั อยา่ งปัญหา เชน่ เกม OX โปรแกรมทม่ี กี ารคาํ นวณ
ตรวจหาข้อผิดพลาดและแกไ้ ข
โปรแกรมที่มตี ัวละครหลายตวั และมีการส่งั งานทแ่ี ตกตา่ ง
หรอื มกี ารสื่อสารระหวา่ งกัน การเดินทางไปโรงเรียน โดย
วิธีการต่าง ๆ
• การออกแบบโปรแกรมอย่างงา่ ยเช่น การออกแบบโดย
ใช้storyboard หรอื การออกแบบอลั กอรทิ ึม
• การเขียนโปรแกรมเปน็ การสร้างลําดบั ของคําสงั่ ให้
คอมพวิ เตอร์ทาํ งาน เพอื่ ใหไ้ ดผ้ ลลพั ธต์ ามความตอ้ งการ
หากมขี ้อผิดพลาดใหต้ รวจสอบการทาํ งานทลี ะคําส่ัง เมื่อ
พบจดุ ท่ีทําใหผ้ ลลพั ธ์ไม่ถกู ตอ้ ง ใหท้ าํ การแกไ้ ขจนกว่าจะ
ไดผ้ ลลพั ธ์ท่ถี ูกต้อง
• ตวั อยา่ งโปรแกรมท่มี ีเรื่องราว เช่น นิทานทีม่ กี ารโตต้ อบ
กบั ผใู้ ช้การ์ตนู ส้นั เล่ากิจวัตรประจาํ วนั ภาพเคลื่อนไหว
• การฝกึ ตรวจหาข้อผิดพลาดจากโปรแกรมของผอู้ นื่ จะช่วย
พัฒนาทกั ษะการหาสาเหตุของปญั หาได้ดยี ิ่งข้ึน
• ซอฟตแ์ วร์ทีใ่ ชใ้ นการเขียนโปรแกรม เชน่ Scratch, logo
โรงเรยี นบา้ นคลองอุดม
สำนักงานเขตพ้นื ที่การศกึ ษาประถมศกึ ษาฉะเชงิ เทรา เขต ๒
ช้ัน ตวั ชีว้ ัด สาระการเรยี นร้แู กนกลาง/สาระท้องถน่ิ
ป.๔ ๓. ใชอ้ นิ เทอร์เน็ตค้นหาความรู้และ • การใช้คาํ คน้ ท่ตี รงประเดน็ กระชบั จะทําใหไ้ ด้ผลลพั ธท์ ี่
ประเมนิ ความน่าเช่ือถอื ของขอ้ มลู รวดเร็วและตรงตามความตอ้ งการ
• การประเมนิ ความนา่ เชือ่ ถือของข้อมลู เช่น พจิ ารณา
ประเภทของเว็บไซต(์ หน่วยงานราชการสํานกั ข่าว องค์กร)
ผู้เขียน วนั ทเ่ี ผยแพร่ขอ้ มลู การอ้างอิง
• เมื่อได้ข้อมูลทีต่ ้องการจากเวบ็ ไซต์ต่าง ๆ จะต้องนํา
เน้ือหามาพจิ ารณา เปรียบเทียบ แลว้ เลือกข้อมูลที่มคี วาม
สอดคล้องและสัมพนั ธก์ นั
• การทํารายงานหรอื การนําเสนอขอ้ มูลจะต้องนําข้อมูลมา
เรียบเรียง สรุป เปน็ ภาษาของตนเองทเี่ หมาะสมกับ
กลมุ่ เป้าหมายและวิธีการนาํ เสนอ (บูรณาการกบั วชิ า
ภาษาไทย)
๔. รวบรวม ประเมนิ นําเสนอขอ้ มูลและ • การรวบรวมข้อมลู ทาํ ไดโ้ ดยกําหนดหวั ขอ้ ที่ต้องการ
สารสนเทศโดยใช้ซอฟต์แวร์ที่ เตรยี มอปุ กรณ์ในการจดบันทกึ
หลากหลาย เพ่ือแก้ปัญหาใน • การประมวลผลอยา่ งง่าย เช่น เปรยี บเทียบจดั กลุ่ม
ชีวิตประจาํ วนั เรียงลาํ ดบั การหาผลรวม
• วเิ คราะหผ์ ลและสรา้ งทางเลอื กที่เป็นไปไดป้ ระเมิน
ทางเลอื ก (เปรียบเทยี บ ตัดสิน)
• การนําเสนอข้อมูลทาํ ไดห้ ลายลกั ษณะตามความเหมาะสม
เช่น การบอกเล่า เอกสารรายงานโปสเตอรโ์ ปรแกรม
นําเสนอ
• การใชซ้ อฟต์แวร์เพ่ือแก้ปัญหาในชวี ติ ประจาํ วนั เชน่ การ
สาํ รวจเมนอู าหารกลางวันโดยใช้ซอฟต์แวร์สรา้ ง
แบบสอบถามและเกบ็ ขอ้ มูล ใชซ้ อฟต์แวร์ตารางทํางาน
เพอ่ื ประมวลผลข้อมลู รวบรวมขอ้ มูลเก่ยี วกับคุณคา่ ทาง
โภชนาการและสร้างรายการอาหารสําหรบั ๕ วัน ใช้
ซอฟต์แวรน์ าํ เสนอผลการสํารวจรายการอาหารท่ีเปน็
ทางเลือกและข้อมลู ด้านโภชนาการ
๕. ใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศอยา่ ง • การใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศอยา่ งปลอดภัย เขา้ ใจสิทธิ
ปลอดภยั เขา้ ใจสิทธแิ ละหน้าทขี่ อง และหนา้ ท่ขี องตน เคารพในสิทธิของผูอ้ นื่ เชน่ ไม่สรา้ ง
ขอ้ ความเทจ็ และส่งใหผ้ ูอ้ ื่น ไมส่ ร้างความเดือดร้อนต่อ
ตน เคารพในสิทธิของผูอ้ น่ื แจง้ ผอู้ นื่ โดยการสง่ สแปมขอ้ ความลูกโซ่สง่ ต่อโพสต์ที่มีข้อมูล
ผู้เกย่ี วข้องเมอื่ พบขอ้ มลู หรอื บุคคลที่ ส่วนตวั ของผอู้ ื่นส่งคาํ เชิญเลน่ เกม ไม่เขา้ ถึงข้อมลู สว่ นตัว
ไมเ่ หมาะสม หรือการบา้ นของบคุ คลอ่นื โดยไม่ไดร้ ับอนญุ าต ไม่ใช้
เคร่ืองคอมพิวเตอร/์ ช่อื บัญชขี องผูอ้ ่นื
โรงเรยี นบ้านคลองอดุ ม
สำนักงานเขตพนื้ ที่การศึกษาประถมศกึ ษาฉะเชงิ เทรา เขต ๒
ช้ัน ตัวชว้ี ัด สาระการเรยี นรู้แกนกลาง/สาระทอ้ งถิ่น
ป.๔ • การสือ่ สารอยา่ งมีมารยาทและร้กู าลเทศะ
• การปกปอ้ งขอ้ มูลส่วนตวั เชน่ การออกจากระบบเมื่อเลิก
ใช้งาน ไมบ่ อกรหัสผา่ น ไมบ่ อกเลขประจาํ ตัวประชาชน
ป.๕ ๑. ใช้เหตุผลเชิงตรรกะในการแก้ปญั หา • การใช้เหตุผลเชงิ ตรรกะเป็นการนาํ กฎเกณฑ์หรือเง่ือนไข
การอธบิ ายการทํางาน การ ทค่ี รอบคลุมทุกกรณีมาใช้พิจารณาในการแก้ปัญหาการ
คาดการณ์ผลลพั ธ์จากปัญหาอย่าง อธิบายการทาํ งาน หรอื การคาดการณผ์ ลลพั ธ์
งา่ ย • สถานะเร่ิมต้นของการทาํ งานทีแ่ ตกต่างกันจะให้ผลลัพธ์ที่
แตกต่างกนั
• ตัวอย่างปัญหา เช่น เกม Sudoku โปรแกรมทํานาย
ตัวเลข โปรแกรมสรา้ งรูปเรขาคณติ ตามค่าข้อมูลเข้า การ
จัดลําดบั การทํางานบา้ นในช่วงวันหยุด จดั วางของในครัว
๒. ออกแบบ และเขียนโปรแกรมที่มีการ • การออกแบบโปรแกรมสามารถทําไดโ้ ดยเขียนเปน็
ใชเ้ หตผุ ลเชิงตรรกะอย่างง่าย ข้อความหรอื ผังงาน
ตรวจหาข้อผิดพลาดและแกไ้ ข • การออกแบบและเขียนโปรแกรมท่ีมีการตรวจสอบ
เงอ่ื นไขท่ีครอบคลมุ ทุกกรณเี พื่อให้ได้ผลลัพธ์ทถ่ี ูกตอ้ งตรง
ตามความตอ้ งการ
• หากมีข้อผิดพลาดใหต้ รวจสอบการทาํ งานทลี ะคาํ ส่งั เมื่อ
พบจุดทีท่ ําใหผ้ ลลพั ธ์ไม่ถกู ต้องใหท้ ําการแก้ไขจนกวา่ จะ
ได้ผลลัพธ์ที่ถูกต้อง
• การฝกึ ตรวจหาขอ้ ผดิ พลาดจากโปรแกรมของผู้อน่ื จะ
ช่วยพัฒนาทกั ษะการหาสาเหตุของปญั หาได้ดยี งิ่ ข้ึน
• ตวั อยา่ งโปรแกรม เช่น โปรแกรมตรวจสอบเลขคเู่ ลขค่ี
โปรแกรมรับข้อมูลนา้ํ หนักหรือส่วนสูงแล้วแสดงผลความ
สมสว่ นของร่างกาย โปรแกรมสัง่ ให้ตัวละครทาํ ตาม
เงอ่ื นไขที่กาํ หนด
• ซอฟตแ์ วรท์ ่ีใชใ้ นการเขยี นโปรแกรม เช่น Scratch, logo
๓. ใช้อนิ เทอร์เน็ตค้นหาขอ้ มูล • การค้นหาขอ้ มูลในอนิ เทอรเ์ น็ต และการพิจารณาผลการ
ติดตอ่ ส่ือสารและทาํ งานร่วมกัน คน้ หา
ประเมนิ ความนา่ เชอ่ื ถอื ของขอ้ มลู
• การตดิ ตอ่ สอื่ สารผ่านอินเทอร์เนต็ เช่น อเี มลบล็อก
โปรแกรมสนทนา
• การเขียนจดหมาย (บรู ณาการกบั วิชาภาษาไทย)• การใช้
อนิ เทอร์เนต็ ในการติดต่อสื่อสารและทํางานรว่ มกัน เช่น
ใชน้ ดั หมายในการประชมุ กลมุ่ ประชาสัมพันธก์ ิจกรรมใน
ห้องเรยี น การแลกเปล่ียนความรูค้ วามคิดเหน็ ในการเรียน
ภายใต้การดแู ลของครู
โรงเรยี นบา้ นคลองอุดม
สำนักงานเขตพ้ืนที่การศึกษาประถมศกึ ษาฉะเชงิ เทรา เขต ๒
ช้ัน ตัวช้วี ัด สาระการเรียนร้แู กนกลาง/สาระท้องถิน่
ป.๕ • การประเมนิ ความนา่ เชอื่ ถือของข้อมลู เชน่ เปรียบเทียบ
ความสอดคล้อง สมบรู ณ์ของข้อมลู จากหลายแหลง่ แหล่ง
ตน้ ตอของข้อมลู ผ้เู ขยี นวนั ทเ่ี ผยแพร่ข้อมลู
• ขอ้ มูลที่ดตี ้องมีรายละเอยี ดครบทกุ ด้าน เชน่ ขอ้ ดีและ
ข้อเสยี ประโยชน์และโทษ
๔. รวบรวม ประเมนิ นําเสนอข้อมลู และ • การรวบรวมข้อมลู ประมวลผล สรา้ งทางเลอื กประเมินผล
สารสนเทศตามวัตถุประสงค์โดยใช้ จะทาํ ใหไ้ ดส้ ารสนเทศเพ่ือใชใ้ นการแก้ปัญหาหรือการ
ซอฟต์แวร์หรือบริการบน ตดั สนิ ใจได้อย่างมีประสิทธภิ าพ
อินเทอร์เนต็ ทห่ี ลากหลาย เพอ่ื • การใช้ซอฟตแ์ วร์หรือบริการบนอนิ เทอร์เนต็ ท่ีหลากหลาย
แก้ปัญหาในชวี ติ ประจาํ วัน ในการรวบรวม ประมวลผลสรา้ งทางเลือก ประเมินผล
นําเสนอ จะช่วยให้การแก้ปัญหาทาํ ได้อย่างรวดเร็ว
ถูกต้อง และแมน่ ยาํ
• ตวั อย่างปัญหา เช่น ถา่ ยภาพ และสาํ รวจแผนทใ่ี นท้องถ่ิน
เพ่อื นําเสนอแนวทางในการจัดการพ้ืนท่ีวา่ งใหเ้ กิด
ประโยชนท์ าํ แบบสาํ รวจความคดิ เหน็ ออนไลน์และ
วิเคราะหข์ ้อมลู นําเสนอข้อมูลโดยการใช้blog หรือ web
page
๕. ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศอย่าง • อนั ตรายจากการใช้งานและอาชญากรรมทางอนิ เทอรเ์ น็ต
ปลอดภยั มีมารยาทเขา้ ใจสิทธแิ ละ • มารยาทในการตดิ ต่อสอื่ สารผ่านอินเทอรเ์ น็ต (บูรณาการ
หน้าที่ของตน เคารพในสิทธขิ องผู้อื่น กบั วชิ าทเ่ี ก่ยี วข้อง)
แจ้งผ้เู กยี่ วข้องเม่ือพบข้อมูลหรอื
บุคคลทไ่ี มเ่ หมาะสม
ป.๖ ๑. ใชเ้ หตผุ ลเชิงตรรกะในการอธบิ าย • การแกป้ ัญหาอย่างเป็นขั้นตอนจะช่วยใหแ้ ก้ปัญหาได้
และออกแบบวิธีการแกป้ ัญหาที่พบ อยา่ งมีประสทิ ธิภาพ
ในชีวิตประจาํ วัน
• การใช้เหตผุ ลเชิงตรรกะเป็นการนํากฎเกณฑ์หรือเงื่อนไข
ที่ครอบคลุมทุกกรณีมาใช้พิจารณาในการแก้ปญั หา
• แนวคดิ ของการทาํ งานแบบวนซ้ํา และเงอ่ื นไข
• การพจิ ารณากระบวนการทํางานทม่ี ีการทํางานแบบวนซ้ำ
หรอื เงอ่ื นไขเปน็ วิธีการที่จะชว่ ยใหก้ ารออกแบบวิธีการ
แก้ปญั หาเปน็ ไปอย่างมีประสิทธภิ าพ
• ตวั อยา่ งปญั หา เช่น การค้นหาเลขหนา้ ทตี่ ้องการใหเ้ ร็ว
ท่ีสุด การทายเลข ๑-๑,๐๐๐,๐๐๐ โดยตอบใหถ้ ูกภายใน
๒๐ คําถาม การคาํ นวณเวลาในการเดินทาง โดยคาํ นึงถึง
ระยะทาง เวลาจดุ หยุดพัก
โรงเรยี นบา้ นคลองอุดม
สำนักงานเขตพนื้ ท่ีการศกึ ษาประถมศกึ ษาฉะเชงิ เทรา เขต ๒
ช้นั ตวั ชี้วดั สาระการเรียนรแู้ กนกลาง/สาระท้องถ่ิน
ป.๖ ๒. ออกแบบและเขียนโปรแกรมอย่าง • การออกแบบโปรแกรมสามารถทาํ ได้โดยเขียนเป็น
ง่าย เพือ่ แก้ปัญหาในชวี ติ ประจาํ วนั ข้อความหรือผงั งาน
ตรวจหาขอ้ ผดิ พลาดของโปรแกรม • การออกแบบและเขียนโปรแกรมท่ีมีการใชต้ ัวแปรการวน
และแกไ้ ข
ซ้ำ การตรวจสอบเง่ือนไข
• หากมีขอ้ ผดิ พลาดใหต้ รวจสอบการทํางานทลี ะคําสั่ง เมื่อ
พบจดุ ทท่ี าํ ใหผ้ ลลัพธ์ไม่ถูกตอ้ งใหท้ ําการแกไ้ ขจนกวา่ จะ
ไดผ้ ลลัพธท์ ถี่ ูกต้อง
• การฝึกตรวจหาข้อผดิ พลาดจากโปรแกรมของผู้อ่นื จะช่วย
พัฒนาทักษะการหาสาเหตุของปัญหาได้ดีย่ิงขึ้น
• ตัวอย่างโปรแกรม เช่น โปรแกรมเกม โปรแกรมหาคา่
๓. ใช้อินเทอรเ์ น็ตในการคน้ หาขอ้ มูล ค.ร.น. เกมฝกึ พมิ พ์
อย่างมปี ระสทิ ธภิ าพ • ซอฟตแ์ วรท์ ี่ใชใ้ นการเขยี นโปรแกรม เชน่ Scratch, logo
• การค้นหาอย่างมปี ระสทิ ธิภาพ เปน็ การคน้ หาขอ้ มูลท่ีได้
ตรงตามความต้องการในเวลาที่รวดเรว็ จากแหล่งขอ้ มูลที่
นา่ เชือ่ ถอื หลายแหลง่ และขอ้ มูลมีความสอดคลอ้ งกนั
• การใชเ้ ทคนคิ การคน้ หาขั้นสูง เช่น การใชต้ ัวดําเนินการ
การระบุรูปแบบของข้อมลู หรือชนิดของไฟล์
• การจัดลาํ ดบั ผลลพั ธจ์ ากการค้นหาของโปรแกรมคน้ หา
• การเรยี บเรียง สรุปสาระสําคัญ (บรู ณาการกับวชิ า
ภาษาไทย)
๔. ใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศทํางาน • อันตรายจากการใช้งานและอาชญากรรมทางอินเทอร์เน็ต
ร่วมกันอย่างปลอดภัย เขา้ ใจสิทธิ แนวทางในการปอ้ งกนั
และหน้าทข่ี องตน เคารพในสิทธขิ อง • วธิ ีกําหนดรหัสผ่าน
• การกําหนดสิทธิก์ ารใชง้ าน (สิทธิใ์ นการเข้าถงึ )
ผูอ้ ื่น แจ้งผู้เกี่ยวขอ้ งเม่ือพบขอ้ มลู • แนวทางการตรวจสอบและป้องกนั มัลแวร์
หรือบุคคลทีไ่ มเ่ หมาะสม • อนั ตรายจากการติดต้งั ซอฟตแ์ วรท์ ่ีอยู่บนอินเทอรเ์ นต็
ม.๑ ๑. ออกแบบอัลกอรทิ มึ ท่ใี ชแ้ นวคิดเชิง • แนวคดิ เชงิ นามธรรมเปน็ การประเมินความสาํ คัญของ
นามธรรมเพื่อแกป้ ญั หาหรืออธิบาย รายละเอียดของปญั หา แยกแยะสว่ นที่เปน็ สาระสําคัญ
การทํางานที่พบในชวี ติ จรงิ ออกจากส่วนท่ีไม่ใชส่ าระสําคัญ
• ตัวอย่างปัญหา เชน่ ตอ้ งการปูหญา้ ในสนามตามพืน้ ทที่ ่ี
๒. ออกแบบและเขยี นโปรแกรมอย่าง กาํ หนด โดยหญ้าหน่ึงผืนมีความกวา้ ง ๕๐ เซนติเมตร
ง่ายเพอื่ แกป้ ญั หาทางคณิตศาสตร์ ยาว ๕๐ เซนตเิ มตร จะใช้หญา้ ท้ังหมดก่ผี ืน
หรอื วทิ ยาศาสตร์
• การออกแบบและเขียนโปรแกรมที่มีการใชต้ ัวแปรเงื่อนไข
วนซ้ำ
• การออกแบบอลั กอริทึม เพอื่ แก้ปญั หาทางคณิตศาสตร์
โรงเรียนบา้ นคลองอุดม
สำนักงานเขตพน้ื ที่การศึกษาประถมศกึ ษาฉะเชงิ เทรา เขต ๒
ช้นั ตัวชีว้ ัด สาระการเรียนรู้แกนกลาง/สาระทอ้ งถิน่
ม.๑ วทิ ยาศาสตร์อยา่ งง่าย อาจใชแ้ นวคิดเชิงนามธรรมในการ
ออกแบบ เพ่อื ให้การแก้ปัญหามีประสทิ ธิภาพ
• การแกป้ ัญหาอย่างเป็นข้ันตอนจะช่วยใหแ้ กป้ ัญหาได้
อย่างมีประสทิ ธิภาพ
• ซอฟต์แวรท์ ใ่ี ชใ้ นการเขยี นโปรแกรมเชน่ Scratch,
python, java, c
• ตวั อยา่ งโปรแกรม เชน่ โปรแกรมสมการการเคล่ือนท่ี
โปรแกรมคํานวณหาพื้นที่โปรแกรมคํานวณดชั นีมวลกาย
๓. รวบรวมขอ้ มูลปฐมภมู ปิ ระมวลผล • การรวบรวมขอ้ มลู จากแหลง่ ขอ้ มูลปฐมภูมปิ ระมวลผล
ประเมินผลนําเสนอขอ้ มลู และ สรา้ งทางเลือก ประเมนิ ผล จะทําใหไ้ ด้สารสนเทศเพื่อใช้
สารสนเทศตามวัตถุประสงค์โดยใช้ ในการแกป้ ญั หาหรือการตัดสนิ ใจได้อย่างมีประสทิ ธิภาพ
ซอฟต์แวร์หรือบริการบน • การประมวลผลเปน็ การกระทํากบั ข้อมลู เพื่อให้ได้ผลลพั ธ์
อินเทอร์เน็ตท่ีหลากหลาย ทมี่ ีความหมายและมปี ระโยชน์ต่อการนําไปใชง้ าน
สามารถทาํ ได้หลายวิธีเช่นคํานวณอตั ราส่วน คาํ นวณ
คา่ เฉล่ยี
• การใช้ซอฟต์แวร์หรือบรกิ ารบนอินเทอร์เน็ตทีห่ ลากหลาย
ในการรวบรวม ประมวลผลสรา้ งทางเลือก ประเมินผล
นําเสนอ จะชว่ ยให้แก้ปัญหาได้อยา่ งรวดเร็ว ถูกต้อง และ
แมน่ ยํา
• ตัวอยา่ งปัญหา เน้นการบูรณาการกับวชิ าอ่ืนเช่น ต้มไข่ให้
ตรงกบั พฤติกรรมการบริโภคคา่ ดัชนมี วลกายของคนใน
๔. ใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศอยา่ ง ท้องถ่นิ การสรา้ งกราฟผลการทดลองและวเิ คราะห์
ปลอดภยั ใชส้ ือ่ และแหล่งขอ้ มูลตาม แนวโน้ม
ขอ้ กาํ หนดและข้อตกลง
• ใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศอย่างปลอดภยั เช่น การปกป้อง
ความเป็นส่วนตัวและอัตลักษณ์
• การจัดการอตั ลักษณ์เชน่ การตัง้ รหสั ผ่านการปกปอ้ ง
ขอ้ มูลส่วนตัว
• การพจิ ารณาความเหมาะสมของเน้ือหา เช่น ละเมิดความ
เป็นสว่ นตวั ผู้อ่นื อนาจาร วิจารณ์ ผ้อู ืน่ อยา่ งหยาบคาย
• ข้อตกลง ข้อกําหนดในการใช้สื่อหรอื แหลง่ ข้อมลู ตา่ ง ๆ
เชน่ Creative commons
ม.๒ ๑. ออกแบบอัลกอรทิ มึ ทีใ่ ช้แนวคิดเชิง • แนวคดิ เชิงคาํ นวณ
คาํ นวณในการแก้ปัญหา หรือการ • การแก้ปญั หาโดยใชแ้ นวคิดเชิงคาํ นวณ
ทาํ งานท่พี บในชีวิตจรงิ • ตัวอยา่ งปญั หา เชน่ การเขา้ แถวตามลําดบั ความสูงใหเ้ ร็ว
ทส่ี ุด จัดเรียงเสื้อใหห้ าได้ง่ายทีส่ ดุ
โรงเรยี นบ้านคลองอุดม
สำนักงานเขตพ้ืนท่ีการศกึ ษาประถมศกึ ษาฉะเชงิ เทรา เขต ๒
ช้นั ตวั ชว้ี ดั สาระการเรียนรู้แกนกลาง/สาระทอ้ งถน่ิ
ม.๒ ๒. ออกแบบและเขยี นโปรแกรมทีใ่ ช้ • ตวั ดาํ เนนิ การบูลีน
ตรรกะและฟงั กช์ ันในการแก้ปญั หา • ฟงั ก์ชัน
• การออกแบบและเขียนโปรแกรมที่มีการใช้ตรรกะและ
ฟังกช์ ัน
• การออกแบบอัลกอริทึม เพอื่ แกป้ ัญหาอาจใชแ้ นวคิดเชิง
คํานวณในการออกแบบ เพอ่ื ให้การแกป้ ัญหามี
ประสทิ ธิภาพ
• การแก้ปัญหาอย่างเปน็ ขน้ั ตอนจะชว่ ยให้แกป้ ญั หาได้
อย่างมีประสทิ ธิภาพ
• ซอฟต์แวรท์ ี่ใช้ในการเขยี นโปรแกรมเชน่ Scratch,
python, java, c
• ตวั อยา่ งโปรแกรม เชน่ โปรแกรมตัดเกรดหาคําตอบ
ทงั้ หมดของอสมการหลายตัวแปร
๓. อภปิ รายองคป์ ระกอบและหลักการ • องคป์ ระกอบและหลกั การทํางานของระบบคอมพวิ เตอร์
ทํางานของระบบคอมพิวเตอร์และ • เทคโนโลยีการสอื่ สาร
เทคโนโลยีการส่อื สารเพ่ือประยุกต์ใช้ • การประยุกต์ใช้งานและการแก้ปัญหาเบื้องต้น
งานหรือแก้ปัญหาเบื้องต้น
๔. ใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศอย่าง • ใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศอยา่ งปลอดภยั โดยเลือกแนวทาง
ปลอดภัย มีความรับผิดชอบ สร้าง ปฏิบัตเิ มือ่ พบเน้ือหาที่ไมเ่ หมาะสม เชน่ แจง้ รายงาน
และแสดงสทิ ธิในการเผยแพรผ่ ลงาน ผเู้ กีย่ วขอ้ ง ป้องกนั การเข้ามาของข้อมลู ท่ีไม่เหมาะสม ไม่
ตอบโตไ้ มเ่ ผยแพร่
• การใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศอยา่ งมคี วามรบั ผดิ ชอบ เชน่
ตระหนกั ถงึ ผลกระทบในการเผยแพร่ข้อมลู
• การสรา้ งและแสดงสิทธิความเป็นเจ้าของผลงาน
• การกาํ หนดสิทธิการใช้ข้อมลู
ม.๓ ๑. พฒั นาแอปพลิเคชนั ที่มีการบูรณา • ขน้ั ตอนการพฒั นาแอปพลิเคชนั
การกบั วชิ าอน่ื อย่างสรา้ งสรรค์ • Internet of Things (IoT)
• ซอฟต์แวร์ทใี่ ช้ในการพัฒนาแอปพลิเคชัน เช่น Scratch,
python, java, c, AppInventor
• ตวั อย่างแอปพลิเคชัน เชน่ โปรแกรมแปลงสกุลเงนิ
โปรแกรมผนั เสียงวรรณยุกตโ์ ปรแกรมจาํ ลองการแบ่ง
เซลล์ระบบรดนํ้าอัตโนมัติ
๒. รวบรวมข้อมูล ประมวลผล • การรวบรวมข้อมลู จากแหลง่ ข้อมูลปฐมภมู ิและทตุ ิยภูมิ
ประเมินผล นาํ เสนอ ขอ้ มูลและ ประมวลผล สรา้ งทางเลอื ก ประเมนิ ผลจะทําให้ได้
สารสนเทศเพื่อใช้ในการแก้ปัญหา หรอื การตดั สนิ ใจได้
โรงเรยี นบา้ นคลองอุดม
สำนักงานเขตพ้นื ท่ีการศึกษาประถมศกึ ษาฉะเชงิ เทรา เขต ๒
ชน้ั ตัวช้วี ัด สาระการเรียนรู้แกนกลาง/สาระทอ้ งถน่ิ
ม.๓ สารสนเทศตามวตั ถปุ ระสงคโ์ ดยใช้ อย่างมีประสิทธภิ าพ
ซอฟตแ์ วร์หรอื บริการบน • การประมวลผลเปน็ การกระทาํ กบั ข้อมูล เพ่ือให้ไดผ้ ลลัพธ์
อนิ เทอร์เนต็ ทีห่ ลากหลาย ทมี่ คี วามหมายและมีประโยชนต์ อ่ การนําไปใชง้ าน
• การใชซ้ อฟตแ์ วรห์ รือบรกิ ารบนอนิ เทอร์เนต็ ทห่ี ลากหลาย
ในการรวบรวม ประมวลผลสร้างทางเลือก ประเมนิ ผล
นําเสนอ จะช่วยให้แกป้ ัญหาไดอ้ ยา่ งรวดเร็ว ถกู ต้อง และ
แมน่ ยาํ
• ตวั อย่างปัญหา เชน่ การเลือกโปรโมชันโทรศพั ท์ใหเ้ หมาะ
กับพฤตกิ รรมการใช้งาน สินคา้ เกษตรทีต่ ้องการและ
สามารถปลกู ไดใ้ นสภาพดินของท้องถ่นิ
๓. ประเมินความน่าเชอื่ ถอื ของข้อมลู • การประเมินความน่าเชอื่ ถือของข้อมลู เชน่ ตรวจสอบ
วิเคราะหส์ ่อื และผลกระทบจากการ และยืนยนั ขอ้ มูล โดยเทยี บเคียงจากข้อมูลหลายแหล่ง
ให้ขา่ วสารท่ีผดิ เพือ่ การใชง้ านอยา่ ง แยกแยะข้อมูลท่ีเปน็ ข้อเท็จจรงิ และขอ้ คิดเห็น หรือ
รเู้ ทา่ ทนั ใช้PROMPT
• การสืบคน้ หาแหลง่ ต้นตอของขอ้ มลู
• เหตุผลวบิ ัติ(logical fallacy)
• ผลกระทบจากขา่ วสารทผ่ี ิดพลาด
• การรเู้ ทา่ ทนั สอื่ เชน่ การวิเคราะห์ถึงจุดประสงค์ของ
๔. ใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศอย่าง ข้อมลู และผู้ใหข้ ้อมลู ตีความ แยกแยะเนื้อหาสาระของสื่อ
ปลอดภัย และมีความรบั ผิดชอบตอ่ เลือกแนวปฏิบัตไิ ดอ้ ย่างเหมาะสมเมือ่ พบข้อมลู ต่าง ๆ
สงั คม ปฏบิ ัตติ ามกฎหมายเกย่ี วกับ
คอมพวิ เตอร์ใชล้ ขิ สทิ ธขิ์ องผู้อน่ื โดย • การใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศอย่างปลอดภัย เช่น การทํา
ชอบธรรม ธุรกรรมออนไลน์การซอื้ สินค้า ซือ้ ซอฟตแ์ วรค์ า่ บริการ
สมาชกิ ซื้อไอเท็ม
• การใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศอยา่ งมีความรับผิดชอบ เชน่
ไม่สรา้ งข่าวลวง ไมแ่ ชรข์ ้อมลู โดยไมต่ รวจสอบข้อเทจ็ จริง
• กฎหมายเกย่ี วกับคอมพวิ เตอร์
• การใช้ลขิ สทิ ธิข์ องผ้อู ่นื โดยชอบธรรม (fair use)
โรงเรียนบา้ นคลองอุดม
สำนักงานเขตพน้ื ท่ีการศึกษาประถมศกึ ษาฉะเชงิ เทรา เขต ๒
กลุ่มสาระการเรียนรูว้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
รายวิชาพ้ืนฐาน กลุ่มสาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์
ชนั้ ระดับประถมศกึ ษา เวลาเรียน
ชั้นประถมศึกษาปที ่ี ๑ ๘๐ ชั่วโมง
ชน้ั ประถมศึกษาปที ่ี ๒ ชือ่ รายวิชา ๘๐ ชวั่ โมง
ชน้ั ประถมศึกษาปีที่ ๓ ว๑๑๑๐๑ วิทยาศาสตร์ ๑ ๘๐ ชั่วโมง
ชั้นประถมศึกษาปีท่ี ๔ ว๑๒๑๐๑ วิทยาศาสตร์ ๒ ๑๒๐ ชัว่ โมง
ชน้ั ประถมศึกษาปีที่ ๕ ว๑๓๑๐๑ วทิ ยาศาสตร์ ๓ ๑๒๐ ชัว่ โมง
ชั้นประถมศึกษาปที ี่ ๖ ว๑๔๑๐๑ วทิ ยาศาสตร์ ๔ ๑๒๐ ชว่ั โมง
ว๑๕๑๐๑ วทิ ยาศาสตร์ ๕
ว๑๖๑๐๑ วทิ ยาศาสตร์ ๖
ระดบั มัธยมศกึ ษาตอนตน้
ชนั้ ช่อื รายวิชา เวลาเรียน
ชัน้ มัธยมศึกษาปีท่ี ๑ ว๒๑๑๐๑ วทิ ยาศาสตร์พื้นฐาน ๑ ๖๐ ชั่วโมง
ชน้ั มัธยมศกึ ษาปีท่ี ๒ ว๒๑๑๐๒ วทิ ยาศาสตร์พน้ื ฐาน ๒ ๖๐ ชั่วโมง
ชั้นมธั ยมศกึ ษาปที ี่ ๓ ว๒๑๑๐๓ เทคโนโลยี (วทิ ยาการคำนวณ) ๔๐ ชว่ั โมง
ว๒๑๑๐๔ เทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลย)ี ๔๐ ชั่วโมง
ว๒๒๑๐๑ วิทยาศาสตร์พนื้ ฐาน ๑ ๖๐ ชว่ั โมง
ว๒๒๑๐๒ วทิ ยาศาสตร์พน้ื ฐาน ๒ ๖๐ ชว่ั โมง
ว๒๒๑๐๓ เทคโนโลยี (วทิ ยาการคำนวณ) ๔๐ ชว่ั โมง
ว๒๒๑๐๔ เทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลย)ี ๔๐ ช่ัวโมง
ว๒๓๑๐๑ วิทยาศาสตร์พน้ื ฐาน ๑ ๖๐ ชว่ั โมง
ว๒๓๑๐๒ วทิ ยาศาสตร์พ้นื ฐาน ๒ ๖๐ ชั่วโมง
ว๒๓๑๐๓ เทคโนโลยี (วิทยาการคำนวณ) ๔๐ ชั่วโมง
ว๒๓๑๐๔ เทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลยี) ๔๐ ชั่วโมง
โรงเรยี นบา้ นคลองอุดม
สำนักงานเขตพน้ื ที่การศกึ ษาประถมศกึ ษาฉะเชงิ เทรา เขต ๒
กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์
รายวิชาเพ่มิ เติม กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์
ชั้น ช่ือรายวชิ า เวลาเรยี น
ช้นั มัธยมศกึ ษาปีท่ี ๑ ว ๒๑๒๐๑ ทกั ษะกระบวนการวิทยาศาสตร์ ๔๐ ชว่ั โมง
๔๐ ชว่ั โมง
ช้นั มัธยมศกึ ษาปีท่ี ๒ ว ๒๑๒๐๒ ทกั ษะกระบวนการวิทยาศาสตร์
ช้นั มัธยมศึกษาปีที่ ๓ ข้ันบรู ณา ๒๐ ชว่ั โมง
๒๐ ชวั่ โมง
ว ๒๑๒๐๓ คอมพิวเตอรเ์ พ่ิมเติม ๑ ๔๐ ชั่วโมง
๔๐ ชวั่ โมง
ว ๒๑๒๐๔ คอมพวิ เตอรเ์ พิ่มเตมิ ๒ ๒๐ ช่วั โมง
๒๐ ชั่วโมง
ว ๒๒๒๐๑ ของเล่นทางวิทยาศาสตร์ ๔๐ ชว่ั โมง
๔๐ ช่วั โมง
ว ๒๒๒๐๒ วทิ ยาศาสตร์กบั สขุ ภาพ ๒๐ ชว่ั โมง
ว ๒๒๒๐๓ คอมพิวเตอร์เพิ่มเตมิ ๓ ๒๐ ชั่วโมง
ว ๒๒๒๐๔ คอมพวิ เตอรเ์ พ่ิมเติม ๔
ว ๒๓๒๐๑ เริ่มตน้ กับโครงงานวทิ ยาศาสตร์
ว ๒๓๒๐๒ โครงงานวทิ ยาศาสตร์
ว ๒๓๒๐๓ คอมพิวเตอร์เพิ่มเตมิ ๕
ว ๒๓๒๐๔ คอมพวิ เตอร์เพ่ิมเตมิ ๖
โรงเรียนบ้านคลองอดุ ม
สำนักงานเขตพื้นท่ีการศกึ ษาประถมศกึ ษาฉะเชงิ เทรา เขต ๒
คำอธิบายรายวชิ า
กล่มุ สาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี
โรงเรียนบ้านคลองอดุ ม
สำนักงานเขตพนื้ ท่ีการศึกษาประถมศกึ ษาฉะเชงิ เทรา เขต ๒
คำอธบิ ายรายวิชาพื้นฐาน
รหสั ว๑๑๑๐๑ วิทยาศาสตร์ ๑ กลุ่มสาระการเรยี นร้วู ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ชนั้ ประถมศึกษาปที ี่ ๑ เวลา ๘๐ ช่ัวโมง
ระบุ บอก ตระหนัก บรรยาย แก้ปัญหาและเขียนโปรแกรมอย่างง่ายเก่ียวกับช่ือพืชและสัตว์ท่ี
อาศัยอยู่ในบริเวณต่างๆ สภาพแวดล้อมท่ีเหมาะสม เพื่อการอยู่อาศัยของพืชและสัตว์ ลักษณะหน้าท่ี
ของส่วนตา่ งๆของร่างกายมนุษย์ สตั ว์ และพืช ความสำคญั ของส่วนตา่ งๆของร่างกาย
วัสดทุ ใี่ ช้ทำวัตถุ ชนดิ ของวสั ดุ และจดั กลุ่มวสั ดุตามสมบัติท่สี ังเกตได้ การเกดิ เสียง การเคลือ่ นที่
ของแสงเชงิ ประจักษ์
ดาวที่ปรากฏให้เหน็ ในทอ้ งฟ้า เวลากลางวันและกลางคืน ลกั ษณะภายนอกของหินจากลกั ษณะ
เฉพาะตวั ทีส่ งั เกตได้
โดยใช้กระบวนทางวิทยาศาสตร์ การสืบเสาะหาความรู้ การสำรวจตรวจสอบ การสืบค้นข้อมูล
บันทึก จัดกลุ่มข้อมูล เพื่อให้เกิดความรู้ ความคิด ความเข้าใจ สามารถนำเสนอสื่อสารสิ่งที่เรียนรู้ มี
ความสามารถในการตัดสินใจ เห็นคุณค่าของการนำความรู้ไปใช้ในชีวิตประจำวัน มีจิตวิทยาศาสตร์
คุณธรรม จริยธรรม และคา่ นิยมทเ่ี หมาะสม
ศกึ ษาการแกป้ ญั หา อย่างง่ายโดยการลองผดิ ลองถูก การเปรียบเทียบ การแสดงลำดบั ขน้ั ตอน
การทำงานหรือการแกป้ ญั หาอย่างง่าย การเขียนโปรแกรมอยา่ งงา่ ยโดยใชซ้ อฟต์แวรห์ รือสอ่ื การแสดง
การใชง้ านอปุ กรณ์เทคโนโลยเี บ้ืองตน้ การใช้งานซอฟต์แวรเ์ บือ้ งตน้ การใช้เมาส์ คยี ์บอร์ด จอสัมผัส
การเปิดปิดอุปกรณเ์ ทคโนโลยี การสร้าง จดั เกบ็ และเรียกใชข้ อ้ มูลตามวตั ถปุ ระสงค์
ใช้กระบวนการการทำงานอย่างเป็นขน้ั ตอนและเปน็ ระบบ คิดในเชงิ คำนวณในการแกป้ ัญหา
ใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศและการส่อื สารในการเรยี นรู้การทำงาน แสดงลำดับขน้ั ตอนการแก้ปญั หาโดย
การเขียน บอกเลา่ วาดภาพ หรอื ใชส้ ัญลกั ษณ์ โดยการใชเ้ กมเขาวงกต เกมหาจุดแตกตา่ งของภาพ การ
จดั หนังสือใสก่ ระเปา๋ การเขียนโปรแกรมอยา่ งงา่ ยเพ่อื สร้างลำดบั สงั่ การใหค้ อมพวิ เตอร์ทำงาน เขียน
โปรแกรมสงั่ ใหต้ วั ละครย้ายตำแหน่ง ยอ่ ขยายขนาด เปลี่ยนรูปรา่ ง โดยใช้บตั รคำส่ังแสดงการเขยี น
โปรแกรม ,Code.org
ตระหนักและเห็นคุณคา่ ของการนำความรไู้ ปใชป้ ระโยชน์ในชวี ิตประจำวัน ใชเ้ ทคโนโลยี
สารสนเทศอย่างปลอดภัย ปฏบิ ตั ติ ามข้อตกลงในการใช้คอมพวิ เตอรร์ ว่ มกัน ดูแลรกั ษาอปุ กรณ์และใช้
งานเทคโนโลยีสารสนเทศอยา่ งเหมาะสม รักการทำงาน ทำงานดว้ ยความกระตือรือรน้ และตรงเวลา
มเี จตคติทดี่ ีต่อการทำงาน มีลกั ษณะนิสัยการทำงานทเ่ี หมาะสม มีคุณธรรม จริยธรรม และค่านิยมที่
เหมาะสม
โรงเรยี นบา้ นคลองอดุ ม
สำนักงานเขตพืน้ ที่การศกึ ษาประถมศกึ ษาฉะเชงิ เทรา เขต ๒
รหัสตัวช้ีวดั
ว ๑.๑ ป.๑/๑, ป.๑/๒
ว ๑.๒ ป.๑/๑, ป.๑/๒
ว ๒.๑ ป.๑/๑, ป.๑/๒
ว ๒.๓ ป.๑/๑
ว ๓.๑ ป.๑/๑, ป.๑/๒
ว ๓.๒ ป.๑/๑
ว ๔.๒ ป.๑/๑, ป.๑/๒, ป.๑/๓, ป.๑/๔, ป.๑/๕
รวมทั้งหมด ๑๕ ตวั ช้ีวดั
โรงเรียนบ้านคลองอุดม
สำนักงานเขตพน้ื ท่ีการศึกษาประถมศกึ ษาฉะเชงิ เทรา เขต ๒
คำอธบิ ายรายวชิ าพ้ืนฐาน
รหสั ว๑๒๑๐๑ วิทยาศาสตร์ ๒ กลุ่มสาระการเรียนรูว้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ช้นั ประถมศึกษาปีท่ี ๒ เวลา ๘๐ ชว่ั โมง
ศึกษา วิเคราะห์ ความต้องการแสงและน้ำเพื่อการเจริญเติบโตของพืช วัฏจกั รชีวิตของพืชดอก
ลักษณะของส่ิงมีชีวิตและสิ่งไม่มีชีวิต สมบัติของวัสดุ การนำสมบัติของวสั ดุไปประยุกต์ใช้ในการทำวัตถุ
ในชวี ิตประจำวัน ประโยชนข์ องการนำวัสดุที่ใช้แล้วกลับมาใช้ใหม่ การเคล่ือนที่ของแสงจากแหลง่ กำเนิด
แสง การมองเห็นวตั ถุโดยเสนอแนะแนวทางการป้องกันอนั ตราย ส่วนประกอบของดิน การจำแนกชนิด
ของดินโดยใช้ลักษณะเน้ือดินและการจับตัวเป็นเกณฑ์ การใช้ประโยชน์จากดิน การแก้ปัญหาโดยใช้
ภาพ สัญลักษณ์หรือข้อความ การเขียนโปรแกรมอย่างง่าย โดยใช้สอ่ื ซอฟต์แวร์ การใช้เทคโนโลยีในการ
สรา้ ง จัดเกบ็ เรียกใช้ข้อมลู การใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศอยา่ งปลอดภยั
โดยใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ การสืบเสาะหาความรู้ การสำรวจ ตรวจสอบ การ
สืบค้นข้อมูล การเปรียบเทียบข้อมูลจากหลักฐานเชิงประจักษ์และการอภิปราย เพื่อให้เกิดความรู้
ความคิด ความเข้าใจ สามารถส่ือสารส่ิงท่ีเรียนรู้ มีความสามารถในการตัดสินใจ เห็นคุณค่าของการนำ
ความรไู้ ปใชป้ ระโยชน์ในชวี ิตประจำวัน มจี ิตวทิ ยาศาสตร์ จริยธรรม คุณธรรม และค่านยิ มทเี่ หมาะสม
ศึกษาขนั้ ตอนการทำงานหรือการแก้ปัญหาอยา่ งง่าย การเขียนโปรแกรมอยา่ งงา่ ยโดยใช้
ซอฟตแ์ วร์หรอื สอ่ื และตรวจหาข้อผดิ พลาดของโปรแกรม การใช้เทคโนโลยใี นการสร้าง จดั หมวดหมู่
ค้นหา จดั เก็บ เรยี กใชข้ อ้ มลู ตามวัตถุประสงค์
ใช้กระบวนการการทำงานอยา่ งเป็นข้ันตอนและเป็นระบบ คิดในเชิงคำนวณในการแก้ปญั หา
ใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศและการสอื่ สารในการเรียนรู้การทำงาน แสดงลำดับขั้นตอนการทำงานหรอื การ
แก้ปญั หาโดยการเขียน บอกเล่า วาดภาพ หรอื ใช้สัญลักษณ์ การแกป้ ัญหาโดยใชเ้ กมตัวตอ่ เกมการ
แตง่ ตัวมาโรงเรยี น การเขียนโปรแกรมอยา่ งงา่ ยเพ่ือสรา้ งลำดับสั่งการใหค้ อมพิวเตอร์ทำงานตามที่
ตอ้ งการและตรวจสอบขอ้ ผิดพลาด ปรับแก้ไขให้ไดผ้ ลลัพธ์ตามท่ตี ้องการ ใชซ้ อฟต์แวรเ์ ขยี นโปรแกรม
โดยใช้บัตรคำสัง่ แสดงการเขยี นโปแกรม,Code.org สามารถใชง้ านซอฟต์แวรเ์ บื้องตน้
ตระหนกั และเหน็ คุณค่าของการนำความรไู้ ปใชป้ ระโยชนใ์ นชวี ติ ประจำวัน ใช้เทคโนโลยี
สารสนเทศอยา่ งปลอดภยั ปฏบิ ัตติ ามข้อตกลงในการใชค้ อมพิวเตอร์รว่ มกนั ดูแลรกั ษาอุปกรณ์และใช้
งานเทคโนโลยสี ารสนเทศอยา่ งเหมาะสม รักการทำงาน ทำงานดว้ ยความกระตือรอื ร้น และตรงเวลา
มเี จตคตทิ ่ีดีตอ่ การทำงาน มีลักษณะนสิ ยั การทำงานท่ีเหมาะสม มีคุณธรรม จริยธรรม และคา่ นิยมที่
เหมาะสม
โรงเรียนบ้านคลองอุดม
สำนักงานเขตพนื้ ที่การศึกษาประถมศกึ ษาฉะเชงิ เทรา เขต ๒
รหัสตวั ช้ีวัด
ว ๑.๒ ป.๒/๑, ป.๒/๒, ป.๒/๓
ว ๑.๓ ป.๒/๑
ว ๒.๑ ป.๒/๑, ป.๒/๒, ป.๒/๓, ป.๒/๔
ว ๒.๓ ป.๒/๑, ป.๒/๒
ว ๓.๒ ป.๒/๑, ป.๒/๒
ว ๔.๒ ป.๒/๑, ป.๒/๒, ป.๒/๓, ป.๒/๔
รวม ๑๖ ตวั ช้ีวดั
โรงเรยี นบ้านคลองอุดม
สำนักงานเขตพ้นื ท่ีการศึกษาประถมศกึ ษาฉะเชงิ เทรา เขต ๒
คำอธบิ ายรายวชิ าพ้นื ฐาน
รหสั ว๑๓๑๐๑ วทิ ยาศาสตร์ ๓ กลุ่มสาระการเรียนรูว้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ชนั้ ประถมศกึ ษาปที ี่ ๓ เวลา ๘๐ ช่ัวโมง
ศึกษา วิเคราะห์ ส่ิงท่ีจำเป็นต่อการดำรงชีวิต และการเจริญเติบโตของมนุษย์และสัตว์
ประโยชน์ของอาหาร น้ำ และอากาศ การดูแลตนเองและสัตว์ให้ได้รับสิ่งเหล่าน้ีอย่างเหมาะสม วฏั จักร
ชีวิตของสัตว์ ส่วนประกอบของวัตถุ และการเปล่ียนแปลงของวัสดุเม่ือทำให้ร้อนขึ้นหรือทำให้เย็นลง
แรงที่มีต่อการเปลี่ยนแปลงการเคลื่อนท่ีของวัตถุ แรงสัมผัสและแรงไม่สัมผัสท่ีมีผลต่อการเคลื่อนที่ของ
วัตถุ การดึงดูดระหว่างแม่เหล็กกับวัตถุ ขั้วแม่เหล็ก การเปลี่ยนพลังงาน การทำงานของเครื่องกำเนิด
ไฟฟ้า และแหล่งพลังงานในการผลิตไฟฟ้า ประโยชน์และโทษของไฟฟ้า วิธีการใช้ไฟฟ้าอย่างประหยัด
และปลอดภัย เส้นทางการข้ึนและตกของดวงอาทิตย์ การเกิดกลางวันกลางคืน และการกำหนดทิศ
ความสำคัญของดวงอาทิตย์ต่อสิ่งมีชีวิต ส่วนประกอบของอากาศ ความสำคัญของอากาศ และ
ผลกระทบของมลพิษทางอากาศต่อสิ่งมีชีวิต การปฏิบัติตนในการลดการเกิดมลพิษทางอากาศ การเกิด
ลม ประโยชน์และโทษของลม
โดยใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์การสืบเสาะหาความรู้ การสำรวจ ตรวจสอบ การสืบค้น
ข้อมูล การเปรียบเทียบข้อมูลจากหลักฐานเชิงประจักษ์ และการอภิปราย เพื่อให้เกิดความรู้ ความคิด
ความเขา้ ใจ สามารถสือ่ สารสิ่งท่เี รยี นรู้ มีความสามารถในการตัดสินใจ นำความรไู้ ปใช้ ในชีวิตประจำวัน
มีจิตวทิ ยาศาสตร์ จริยธรรม คุณธรรม และคา่ นยิ มที่เหมาะสม
ศึกษาข้ันตอนการแสดงอลั กอริทึมในการทำงานหรือการแก้ปญั หาอยา่ งง่าย การเขียน
โปรแกรมอย่างง่ายโดยใชซ้ อฟต์แวรห์ รือสอื่ และตรวจหาข้อผิดพลาดของโปรแกรม การใช้อนิ เตอร์เนต็
คน้ คว้าหาความรู้ การรวบรวม ประมวลผลและนำเสนอข้อมูลโดยใช้ซอฟต์แวรต์ ามวัตถุประสงค์
ใชก้ ระบวนการการทำงานอยา่ งเป็นขั้นตอนและเปน็ ระบบ คิดในเชิงคำนวณในการแก้ปัญหา
ใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศและการส่อื สารในการเรียนรู้การทำงาน แสดงอลั กอริทึมเป็นขัน้ ตอนการทำงาน
หรอื การแก้ปญั หาโดยการเขยี น บอกเลา่ วาดภาพ หรอื ใชส้ ญั ลักษณ์ การแก้ปญั หาโดยใช้เกม การเขียน
โปรแกรมเพ่ือสั่งการใหต้ วั ละครทำงานซ้ำไมส่ น้ิ สุด และตรวจสอบข้อผดิ พลาด ปรบั แก้ไขให้ได้ผลลพั ธ์
ตามทต่ี ้องการ ถา้ ไมเ่ ป็นไปตามท่ตี อ้ งการให้ตรวจสอบการทำงานทลี ะคำสัง่ ใชซ้ อฟต์แวร์เขยี นโปรแกรม
โดยใชบ้ ัตรคำสั่งแสดงการเขยี นโปแกรม,Code.org สามารถสบื ค้นข้อมูลบนอินเตอร์เน็ตโดยใช้เว็บไซต์
ในการสบื ค้น
ตระหนกั และเหน็ คุณคา่ ของการนำความรู้ไปใช้ประโยชนใ์ นชีวิตประจำวนั ใชอ้ ินเตอรเ์ น็ต
เทคโนโลยสี ารสนเทศอยา่ งปลอดภยั ปฏบิ ตั ติ ามข้อตกลงในการใชอ้ นิ เตอร์เน็ต ดูแลรักษาอุปกรณแ์ ละ
ใช้งานเทคโนโลยีสารสนเทศอยา่ งเหมาะสม รกั การทำงาน ทำงานดว้ ยความกระตือรือร้น และตรง
เวลา มเี จตคติทด่ี ีต่อการทำงาน มีลกั ษณะนิสยั การทำงานที่เหมาะสม มคี ุณธรรม จริยธรรม และ
คา่ นิยมท่เี หมาะสม
โรงเรยี นบา้ นคลองอดุ ม
สำนักงานเขตพนื้ ที่การศกึ ษาประถมศกึ ษาฉะเชงิ เทรา เขต ๒
รหัสตวั ชี้วดั
ว ๑.๒ ป.๓/๑, ป.๓/๒, ป.๓/๓, ป.๓/๔
ว ๒.๑ ป.๓/๑, ป.๓/๒
ว ๒.๒ ป.๓/๑, ป.๓/๒, ป.๓/๓, ป.๓/๔
ว ๒.๓ ป.๓/๑, ป.๓/๒, ป.๓/๓
ว ๓.๑ ป.๓/๑, ป.๓/๒, ป.๓/๓
ว ๓.๒ ป.๓/๑, ป.๓/๒, ป.๓/๓, ป.๓/๔
ว ๔.๒ ป.๓/๑, ป.๓/๒, ป.๓/๓, ป.๓/๔, ป๓/๕
รวม ๒๕ ตัวชี้วัด
โรงเรียนบ้านคลองอุดม
สำนักงานเขตพื้นที่การศกึ ษาประถมศกึ ษาฉะเชงิ เทรา เขต ๒
คำอธบิ ายรายวิชาพน้ื ฐาน
รหสั วิชา ว๑๔๑๐๑ วทิ ยาศาสตร์ ๔ กลุม่ สาระการเรยี นรูว้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ชน้ั ประถมศกึ ษาปีที่ ๔ เวลา ๑๒๐ ชัว่ โมง
บรรยาย จำแนก เปรียบเทียบ อภปิ ราย ระบุ อธบิ าย สร้างแบบจำลอง ใชเ้ หตผุ ลเชิง
ตรรกะในการแก้ปญั หา ออกแบบและเขียนโปรแกรม ใช้อินเตอร์เนต็ รวบรวม ประเมิน นำเสนอข้อมลู
เกยี่ วกับหน้าท่ีของส่วนตา่ งๆของพืช ความแตกต่างของลักษณะของส่ิงมีชีวิต พืชดอกและพืชไม่มีดอก
สัตวม์ ีกระดูกสนั หลังและไม่มีกระดูกสันหลังเป็นเกณฑ์
สมบตั ิทางกายภาพดา้ นความแข็ง สภาพยืดหย่นุ การนำความร้อน และการนำไฟฟา้ ของวัสดุ
การนำสมบตั ิทางกายภาพของวัสดไุ ปใชใ้ นชีวติ ประจำวัน สมบตั ขิ องสสารท้ัง 3 สถานะ ผลของแรงโนม้
ถว่ งของโลกทม่ี ีต่อวตั ถุ การใชเ้ คร่ืองช่งั สปรงิ วัดน้ำหนักของวัตถุ มวลของวัตถุท่ีมีผลต่อการเปล่ยี นแปลง
การเคล่อื นทีข่ องวตั ถุ วตั ถุทเี่ ปน็ ตัวกลางโปร่งใส ตวั กลางโปรง่ แสง และวตั ถุทึบแสง จากลักษณะการ
มองเห็นสงิ่ ต่างๆผ่านวตั ถนุ น้ั เปน็ เกณฑ์
แบบรูปเส้นทางการขนึ้ และตกของดวงจนั ทร์ แบบจำลองแสดงองค์ประกอบของระบบสุริยะ
และคาบการโคจรของดาวเคราะห์ต่างๆ
โดยใชก้ ระบวนทางวทิ ยาศาสตร์ การสืบเสาะหาความรู้ การสำรวจตรวจสอบ การสืบค้นขอ้ มูล
บันทกึ จัดกล่มุ ข้อมลู เพื่อให้เกิดความรู้ ความคิด ความเขา้ ใจ สามารถนำเสนอส่ือสารสิ่งทเี่ รียนรู้ มี
ความสามารถในการตัดสนิ ใจ เห็นคุณคา่ ของการนำความรูไ้ ปใชใ้ นชวี ิตประจำวนั มจี ติ วิทยาศาสตร์
คณุ ธรรม จรยิ ธรรม และค่านิยมทีเ่ หมาะสม
ศึกษาขัน้ ตอนการใช้เหตผุ ลเชิงตรรกะในการแกป้ ญั หา อธิบายการทำงาน การคาดการณ์
ผลลัพธจ์ ากปญั หาอย่างงา่ ย ออกแบบและเขียนโปรแกรมอยา่ งง่ายโดยใช้ซอฟตแ์ วรห์ รือสอ่ื และตรวจหา
ข้อผดิ พลาดและแก้ไขโปรแกรม การใชอ้ ินเตอร์เน็ตคน้ ควา้ หาความร้แู ละประเมนิ ความน่าเช่อื ถือของ
ข้อมลู การรวบรวม ประมวลผล นำเสนอข้อมลู และสารสนเทศโดยใชซ้ อฟตแ์ วร์ทห่ี ลากหลายเพ่ือ
แกป้ ญั หาในชีวิตประจำวนั
ใชก้ ระบวนการการทำงานอยา่ งเป็นขั้นตอนและเป็นระบบ การใชเ้ หตุผลเชงิ ตรรกะในการ
แก้ปญั หา ใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศและการส่ือสารในการเรียนรกู้ ารทำงาน ออกแบบโปรแกรมอย่างงา่ ย
โดยใช้ storyboard หรอื การออกแบบอลั กอรทิ มึ การเขยี นโปรแกรมเพื่อสัง่ การใหค้ อมพวิ เตอร์ทำงาน
สร้างลำดับของคำสงั่ ให้ได้ผลลพั ธต์ ามตอ้ งการ และตรวจสอบข้อผดิ พลาด ปรับแกไ้ ขให้ได้ผลลพั ธต์ ามที่
ต้องการ ถา้ ไม่เป็นไปตามท่ีต้องการให้ตรวจสอบการทำงานทีละคำส่งั ฝึกตรวจหาข้อผดิ พลาดจาก
โปรแกรม ใชซ้ อฟตแ์ วรเ์ ขียนโปรแกรม โดยใชโ้ ปรแกรม Scratch, logo
ตระหนักและเหน็ คุณค่าของการนำความรไู้ ปใชป้ ระโยชน์ในชีวติ ประจำวนั ใช้อนิ เตอรเ์ น็ต
เทคโนโลยีสารสนเทศอย่างปลอดภัย ปฏิบตั ิตามข้อตกลงในการใช้อนิ เตอร์เน็ต เขา้ ใจสิทธแิ ละหนา้ ที่
ของตนเอง สื่อสารอย่างมมี ารยาทและรู้กาลเทศะ ปกป้องข้อมลู สว่ นตวั รกั การทำงาน ทำงานดว้ ย
ความกระตือรือรน้ และตรงเวลา มเี จตคติทด่ี ีต่อการทำงาน มลี ักษณะนิสยั การทำงานท่เี หมาะสม มี
คณุ ธรรม จรยิ ธรรม และค่านิยมทีเ่ หมาะสม
โรงเรยี นบ้านคลองอดุ ม
สำนักงานเขตพนื้ ที่การศกึ ษาประถมศกึ ษาฉะเชงิ เทรา เขต ๒