ตารางวิเคราะห์หลักสูตร
รายวิชา วิทยาศาสตร์(วิทยาการคำนวณ)
ตามหลักสูตรแกนกลาง การศึกษาขั้นพื้นฐาน 2551
นายตรีทเศศ ไตรโยธี
ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4
โรงเรียนชุมชนบ้านปากชม
สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาเลย เขต 1
คำนำ
ตารางวิเคราะห์หลกั สูตรและวางแผนพัฒนาการเรยี นรู้ รายวิชาวิทยาศาสตร์(วทิ ยาการคำนวณ)
ช้ันประถมศึกษาปที ่ี 4 ฉบบั นี้ จัดทำข้นึ ตามมาตรฐาน ตวั ชีว้ ัด ผลการเรยี นรู้ และสาระการเรยี นรแู้ กนกลาง
ของกลุ่มสาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ในสาระที่ 4 ซึ่งเปน็ เรอื่ งเก่ียวกับเทคโนโลยี โดยอ้างอิง
มาตรฐานที่ ว 4.2 เข้าใจและใชแ้ นวคิดเชงิ คำนวณในการแกป้ ัญหาทพ่ี บในชวี ิตจริงอยา่ งเป็นขน้ั ตอนและเปน็
ระบบ ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการส่ือสารในการเรยี นรู้ การทำงาน และการแก้ปญั หาได้อย่างมี
ประสทิ ธิภาพ รเู้ ท่าทัน และมจี รยิ ธรรม
ผ้จู ดั ทำหวังเป็นอย่างย่งิ ว่า ตารางการวเิ คราะหห์ ลกั สูตรฉบับน้ี จะเปน็ แนวทางในการวางแผน
พฒั นาการเรยี นรูใ้ ห้ตรงกบั ตัวช้วี ดั สาระการเรียนรู้แกนกลางกลุม่ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
ตามหลักสตู รแกนกลางการศึกษาขนั้ พน้ื ฐาน พทุ ธศักราช 2551 เพ่อื จะส่งผลใหผ้ ู้เรียนเกิดการเรยี นร้ไู ดอ้ ย่าง
มปี ระสิทธิภาพต่อไป
ตรที เศศ ไตรโยธี
บทนำ
ตัวชวี้ ัดและสาระการเรยี นรู้แกนกลาง กลมุ่ สาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์ (ฉบบั ปรับปรุง พ.ศ.
2560) ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขัน้ พนื้ ฐาน พทุ ธศักราช 2551 นไี้ ดก้ ำหนดสาระการเรียนร้อู อกเปน็
๘ สาระ ได้แก่ สำระที่ ๑ วิทยาศาสตร์ชีวภาพ สำระที่ ๒ วิทยาศาสตร์กายภาพ สำระที่ ๓ วิทยาศาสตร์โลก
และอวกาศ สาระที่ ๔ ชีววทิ ยา สาระท่ี ๕ เคมี สาระท่ี ๖ ฟิสิกส์ สาระท่ี ๗ โลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ และ
สาระท่ี ๘ เทคโนโลยี ซง่ึ องค์ประกอบของหลักสูตร ทั้งในดำ้ นของเนอ้ื หา การจดั การเรยี นการสอนและการวัด
และประเมินผล การเรียนรนู้ ้นั มีความสำคญั อยา่ งย่ิงในการวางรากฐานการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์ของผเู้ รียนในแต่
ละระดับชั้นให้มี ความต่อเนื่องเชื่อมโยงกันตัง้ แตช่ ั้นประถมศึกษาปีที่ ๑ จนถึงชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๖ สำหรับ
กลุ่มสาระการเรียนรู้ วิทยาศาสตร์ ได้กำหนดตวั ชี้วัดและสาระการเรยี นรู้แกนกลาง ที่ผู้เรียนจำเป็นต้องเรยี น
เปน็ พน้ื ฐาน เพื่อใหส้ ามารถ นำความรูน้ ี้ไปใช้ในการดำรงชวี ิต หรือศกึ ษาตอ่ ในวชิ าชพี ที่ต้องใช้วิทยาศาสตร์ได้
โดยจัดเรียงลำดับความยากง่าย ของเนื้อหำทั้ง ๘ สาระในแต่ละระดับชั้นให้มีการเชื่อมโยงความรู้กับ
กระบวนการเรยี นรู้ และการจัดกิจกรรมการ เรยี นรทู้ ี่ส่งเสริมให้ผ้เู รียนพัฒนาความคิด ทงั้ ความคดิ เป็นเหตุเป็น
ผล คิดสร้างสรรค์ คิดวิเคราะห์วิจารณ์ มีทักษะที่ สำคัญทั้งทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์และทักษะใน
ศตวรรษที่ ๒๑ ในการค้นคว้าและสร้างองค์ความรู้ดว้ ยกระบวนการสืบเสาะหาความรู้ สามารถแก้ปัญหาอย่าง
เป็นระบบ สามารถตัดสินใจโดยใช้ข้อมูลหลากหลายและประจักษ์พยานที่ตรวจสอบได้ สถาบันส่งเสริมการ
สอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) ตระหนักถึงความสำคญั ของการจัดการเรียนรู้ วิทยาศาสตร์ท่ีมุ่งหวัง
ให้เกิดผลสัมฤทธิ์ต่อผู้เรียนมากที่สุด จึงได้จัดทำตัวชี้วัดและสาระการเรียนรู้แกนกลาง กลุ่มสาระการเรียนรู้
วิทยาศาสตร์ (ฉบับปรับปรงุ พ.ศ.2560) ตามหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาขนั้ พ้ืนฐาน พทุ ธศกั ราช 2551 ขึน้
เพอ่ื ให้สถานศึกษา ครูผสู้ อน ตลอดจนหน่วยงานต่าง ๆ ไดใ้ ช้เปน็ แนวทางในการพัฒนา หนังสือเรียน คู่มือครู
สอื่ ประกอบการเรยี นการสอน ตลอดจนการวดั และประเมนิ ผล โดยตวั ช้ีวัดและสาระการเรยี นรู้แกนกลาง กลุ่ม
สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ (ฉบับปรับปรุง พ.ศ.2560) ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน
พุทธศักราช 2551 ที่จัดทำขึ้นนี้ได้ปรับปรุงเพื่อให้มีความสอดคล้องและเชือ่ มโยงกันภายในสาระการเรียนรู้
เดียวกนั และระหวา่ งสาระการเรียนรู้ในกลุ่มสาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์ ตลอดจนการเช่ือมโยงเน้ือหาความรู้
ทางวิทยาศาสตร์กับคณิตศาสตรด์ ว้ ย นอกจากน้ี ยังไดป้ รบั ปรุงเพ่ือให้มคี วามทนั สมยั ตอ่ การเปลี่ยนแปลง และ
ความเจรญิ กา้ วหนา้ ของวิทยาการตา่ ง ๆ และทดั เทียมกบั นานาชาติ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์สรุปเป็น
แผนภาพไดด้ งั น้ี
๒
สาระท่ี ๒
วทิ ยาศาสตร์กายภาพ
- มาตรฐาน ว ๒.๑-ว ๒.๓
สาระท่ี ๑ กลมุ่ สาระการเรียนรู้ สาระท่ี ๓
วทิ ยาศาสตร์ชีวภาพ วทิ ยาศาสตร์ วทิ ยาศาสตร์ชวี ภาพ
- มาตรฐาน ว ๑.๑-ว ๑.๓ - มาตรฐาน ว ๓.๑-ว ๓.๒
วิทยาศาสตรเ์ พ่มิ เติม สาระท่ี ๔
เทคโนโลยี
- มาตรฐาน ว ๔.๑-ว ๔.๒
⚫ สาระชวี วิทยา ⚫ สาระเคมี ⚫ สาระฟิสิกส์
⚫ สาระโลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ
หลักสูตรสาระการเรียนรูว้ ทิ ยาศาสตร์ ระดบั ประถมศกึ ษา
๓
เปา้ หมายของการจดั การเรยี นการสอนวทิ ยาศาสตร์
วิทยาศาสตร์เป็นเรื่องของการเรียนรู้เกี่ยวกับธรรมชาติ โดยมนุษย์ใช้กระบวนการสังเกต สำรวจ
ตรวจสอบ และการทดลองเกี่ยวกับปรากฏการณ์ทางธรรมชาติและนำผลมาจัดระบบ หลักการ แนวคิดและ
ทฤษฎี ดงั น้นั การเรยี นการสอนวิทยาศาสตรจ์ ึงมุ่งเน้นให้ผู้เรียนได้เปน็ ผู้เรียนรแู้ ละค้นพบด้วยตนเองมากที่สุด
น่นั คอื ใหไ้ ดท้ ั้งกระบวนการและองค์ความรู้ ต้งั แต่วยั เริ่มแรกก่อนเข้าเรยี น เม่ืออยใู่ นสถานศึกษาและเม่ือออก
จากสถานศึกษาไปประกอบอาชพี แลว้
การจัดการเรยี นการสอนวทิ ยาศาสตร์ในสถานศกึ ษามเี ปา้ หมายสำคัญดงั น้ี
1. เพอ่ื ใหเ้ ขา้ ใจหลักการ ทฤษฎที ี่เป็นพืน้ ฐานในวทิ ยาศาสตร์
2. เพื่อให้เขา้ ใจขอบเขต ธรรมชาติและขอ้ จำกัดของวทิ ยาศาสตร์
3. เพื่อให้มีทักษะที่สำคัญในการศกึ ษาคน้ ควา้ และคิดคน้ ทางวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
4. เพอ่ื พัฒนากระบวนการคิดและจนิ ตนาการ ความสามารถในการแกป้ ญั หาและการจดั การทกั ษะใน
การส่ือสาร และความสามารถในการตดั สินใจ
5. เพ่ือให้ตระหนกั ถงึ ความสมั พันธ์ระหว่างวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี มวลมนุษย์และสภาพแวดล้อมใน
เชงิ ทีม่ ีอิทธพิ ลและผลกระทบซงึ่ กนั และกนั
6. เพื่อนำความรู้ความเข้าใจในเรือ่ งวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีไปใช้ใหเ้ กิดประโยชน์ ต่อสังคม
และการดำรงชวี ติ
7. เพื่อให้เป็นคนมีจิตวิทยาศาสตร์ มีคุณธรรม จริยธรรม และค่านิยมในการใช้วิทยาศาสตร์และ
เทคโนโลยีอย่างสรา้ งสรรค์
เรียนรอู้ ะไรในวทิ ยาศาสตร์
กลุ่มสาระการเรยี นร้วู ิทยาศาสตรม์ ่งุ หวงั ใหผ้ ูเ้ รยี นได้เรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์ ทเ่ี นน้ การ เช่อื มโยงความรู้กับ
กระบวนการ มีทักษะสำคัญในการค้นคว้าและสรา้ งองค์ความรู้ โดยใช้ กระบวนการในการสบื เสาะหาความรู้
และแก้ปัญหาที่หลากหลาย ให้ผู้เรียนมีส่วนร่วมในการเรียนรู้ ทุกขั้นตอน มีการทำกิจกรรมด้วยการลงมือ
ปฏบิ ัตจิ ริงอย่างหลากหลาย เหมาะสมกบั ระดบั ชน้ั โดยกำหนดสาระสำคญั ดังนี้
✧ วิทยาศาสตร์ชีวภาพ เรยี นรเู้ ก่ยี วกบั ชวี ิตในส่ิงแวดลอ้ ม องค์ประกอบของสงิ่ มชี ีวิต การดำรงชีวิต
ของมนุษย์และสัตว์การดำรงชีวิตของพืช พันธุกรรม ความหลากหลายทางชีวภาพ และวิวัฒนาการของ
ส่ิงมีชวี ิต
✧ วิทยาศาสตร์กายภาพ เรียนรู้เกี่ยวกับ ธรรมชาติของสาร การเปลี่ยนแปลงของสาร การเคลื่อนท่ี
พลังงาน และคลื่น
✧ วิทยาศาสตร์โลกและอวกาศ เรียนรู้เกี่ยวกบั องค์ประกอบของเอกภพ ปฏิสัมพันธ์ ภายในระบบ
สุริยะ เทคโนโลยีอวกาศ ระบบโลก การเปลี่ยนแปลงทางธรณีวิทยา กระบวนการ เปลี่ยนแปลงลมฟ้าอากาศ
และผลต่อสง่ิ มีชีวติ และสิง่ แวดลอ้ ม
✧ เทคโนโลยี
● การออกแบบและเทคโนโลยีเรียนรู้เกี่ยวกับเทคโนโลยีเพื่อการดำรงชีวิต ในสังคมที่มีการ
เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ใช้ความรู้และทักษะทางด้านวิทยาศาสตร์คณิตศาสตร์ และศาสตร์อื่น ๆ เพ่ือ
หลักสูตรสาระการเรยี นรูว้ ทิ ยาศาสตร์ ระดับประถมศกึ ษา
๔
แก้ปัญหาหรือพัฒนางานอย่างมีความคิดสร้างสรรค์ด้วยกระบวนการออกแบบ เชิงวิศวกรรม เลือกใช้
เทคโนโลยอี ย่างเหมาะสมโดยคำนึงถงึ ผลกระทบตอ่ ชีวติ สังคม และส่ิงแวดล้อม
● วิทยาการคำนวณ เรียนรู้เกี่ยวกับการคิดเชิงคำนวณ การคิดวิเคราะห์แก้ปญั หา เป็นขั้นตอนและ
เป็นระบบ ประยุกต์ใช้ความรู้ด้านวิทยาการคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีสารสนเทศ และการสื่อสาร ในการ
แก้ปัญหาท่พี บในชวี ิตจริงไดอ้ ยา่ งมปี ระสิทธภิ าพ
สาระและมาตรฐานการเรยี นรู้
สาระท่ี ๑ วิทยาศาสตรช์ ีวภาพ
มาตรฐาน ว ๑.๑ เข้าใจความหลากหลายของระบบนิเวศ ความสัมพันธร์ ะหว่างส่ิงไม่มีชวี ิต กับสง่ิ มีชีวิต และ
ความสัมพนั ธ์ระหวา่ งส่ิงมีชีวิตกับสง่ิ มชี ีวิตต่าง ๆ ในระบบนเิ วศ การถา่ ยทอดพลงั งาน การ
เปลี่ยนแปลงแทนที่ในระบบนเิ วศ ความหมายของ ประชากร ปัญหาและผลกระทบที่มีต่อ
ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม แนวทางในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและการ
แก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อม รวมทั้งนำความรูไ้ ปใชป้ ระโยชน์
มาตรฐาน ว ๑.๒ เข้าใจสมบตั ขิ องส่ิงมชี ีวติ หนว่ ยพ้นื ฐานของส่ิงมชี ีวิต การลำเลียงสารเขา้ และออกจากเซลล์
ความสัมพันธ์ของโครงสร้าง และหน้าที่ของระบบต่าง ๆ ของสัตว์และมนุษย์ที่ทำงาน
สัมพันธ์กัน ความสัมพันธ์ของโครงสร้าง และหน้าที่ ของอวัยวะต่างๆ ของพืชที่ทำงาน
สมั พันธ์กนั รวมท้ังนำความร้ไู ปใช้ประโยชน์
มาตรฐาน ว ๑.๓ เข้าใจกระบวนการและความสำคัญของการถ่ายทอดลักษณะทางพนั ธุกรรม สารพันธุกรรม
การเปลี่ยนแปลงทางพันธุกรรมที่มีผลต่อสิ่งมีชีวิต ความหลากหลาย ทางชีวภาพและ
ววิ ฒั นาการของสิง่ มีชวี ิต รวมท้ังนำความรู้ไปใช้ประโยชน์
สาระท่ี ๒ วทิ ยาศาสตรก์ ายภาพ
มาตรฐาน ว ๒.๑ เข้าใจสมบัติของสสาร องค์ประกอบของสสาร ความสัมพันธ์ระหว่างสมบัติของ สสารกับ
โครงสร้างและแรงยึดเหนี่ยวระหว่างอนุภาค หลักและธรรมชาติ ของการเปลี่ยนแปลง
สถานะของสสาร การเกดิ สารละลาย และการเกดิ ปฏกิ ริ ยิ าเคมี
มาตรฐาน ว ๒.๒ เข้าใจธรรมชาตขิ องแรงในชีวติ ประจำวัน ผลของแรงที่กระทำตอ่ วัตถุ ลักษณะ การเคล่ือนท่ี
แบบตา่ ง ๆ ของวตั ถุรวมทั้งนำความรไู้ ปใช้ประโยชน์
มาตรฐาน ว ๒.๓ เข้าใจความหมายของพลังงาน การเปลี่ยนแปลงและการถ่ายโอนพลังงาน ปฏิสัมพันธ์
ระหว่างสสารและพลังงาน พลังงานในชีวิตประจำวัน ธรรมชาติของ คลื่น ปรากฏการณ์ท่ี
เกีย่ วขอ้ งกับเสียง แสง และคล่นื แม่เหล็กไฟฟา้ รวมทั้ง นำความรไู้ ปใช้ประโยชน์
สาระที่ ๓ วทิ ยาศาสตรโ์ ลก และอวกาศ
มาตรฐาน ว ๓.๑ เข้าใจองค์ประกอบ ลักษณะ กระบวนการเกิด และวิวัฒนาการของเอกภพ กาแล็กซีดาว
ฤกษ์และระบบสุริยะ รวมทั้งปฏิสัมพันธ์ภายในระบบสุริยะ ที่ส่งผลต่อสิ่งมีชีวิต และการ
ประยกุ ตใ์ ช้เทคโนโลยีอวกาศ
หลักสตู รสาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์ ระดบั ประถมศกึ ษา
๕
มาตรฐาน ว ๓.๒ เข้าใจองค์ประกอบและความสมั พันธข์ องระบบโลก กระบวนการเปลี่ยนแปลง ภายในโลก
และบนผิวโลก ธรณีพิบัติภัย กระบวนการเปลี่ยนแปลงลมฟ้า อากาศและภูมิอากาศโลก
รวมท้งั ผลตอ่ สง่ิ มีชวี ติ และสิ่งแวดลอ้ ม
สาระที่ ๔ เทคโนโลยี
มาตรฐาน ว ๔.๑ เข้าใจแนวคิดหลักของเทคโนโลยีเพื่อการดำรงชีวิตในสังคมที่มีการเปลี่ยนแปลง อย่าง
รวดเร็ว ใช้ความรู้และทักษะทางด้านวิทยาศาสตร์คณิตศาสตร์และ ศาสตร์อื่น ๆ เพื่อ
แก้ปัญหาหรือพัฒนางานอย่างมีความคิดสร้างสรรค์ ด้วยกระบวนการออกแบบเชิง
วิศวกรรม เลือกใช้เทคโนโลยีอย่างเหมาะสม โดยคำนึงถึงผลกระทบต่อชีวิต สังคม และ
สง่ิ แวดลอ้ ม
มาตรฐาน ว ๔.๒ เข้าใจและใช้แนวคิดเชิงคำนวณในการแก้ปัญหาที่พบในชีวิตจรงิ อย่างเปน็ ขนั้ ตอนและเป็น
ระบบ ใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศและการส่ือสารในการเรียนรู้ การทำงาน และการแก้ปัญหา
ได้อย่างมปี ระสิทธภิ าพ รู้เท่าทนั และมีจรยิ ธรรม
หลักสตู รสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ระดบั ประถมศกึ ษา
๖
วสิ ยั ทศั น์กลุ่มสาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์
วิสัยทศั น์
“ยกระดับคุณภาพ สู่มาตรฐานการศึกษาชั้นนำและสู่สากล มีศักยภาพในการแข่งขัน
ยดึ หลกั การบรหิ ารจัดการแบบมีส่วนรว่ ม ภายในปกี ารศึกษา ๒๕๖๑”
สมรรถนะสำคัญของผ้เู รียนและคุณลักษณะอันพึงประสงค์
ในการพัฒนาผู้เรียนตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน มุ่งเน้นพัฒนาผู้เรียนให้มีคุณภาพ
ตามมาตรฐานท่กี ำหนด ซึ่งจะช่วยให้ผู้เรียนเกิดสมรรถนะสำคัญและคุณลกั ษณะอันพึงประสงค์ ดงั นี้
สมรรถนะสำคญั ของผเู้ รียน
หลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาขน้ั พื้นฐานมุ่งให้ผูเ้ รียนเกิดสมรรถนะสำคัญ ๕ ประการ ดังนี้
๑. ความสามารถในการสอ่ื สาร เปน็ ความสามารถในการรับและสง่ สาร มวี ฒั นธรรมในการใชภ้ าษา
ถ่ายทอดความคดิ ความรคู้ วามเขา้ ใจ ความรู้สกึ และทัศนะของตนเองเพือ่ แลกเปลย่ี นข้อมูลข่าวสารและ
ประสบการณอ์ ันจะเป็นประโยชนต์ ่อการพฒั นาตนเองและสังคม รวมท้งั การเจรจาตอ่ รองเพอื่ ขจดั และลด
ปญั หาความขัดแยง้ ต่าง ๆ การเลอื กรบั หรอื ไม่รับขอ้ มลู ข่าวสารดว้ ยหลักเหตผุ ลและความถกู ต้องตลอดจนการ
เลอื กใชว้ ิธกี ารสื่อสารทม่ี ีประสิทธิภาพโดยคำนงึ ถึงผลกระทบทม่ี ตี ่อตนเองและสงั คม
๒. ความสามารถในการคิด เป็นความสามารถในการคิดวิเคราะห์ การคิดสังเคราะห์ การคิด อย่าง
สร้างสรรค์ การคดิ อย่างมวี จิ ารณญาณ และการคิดเปน็ ระบบ เพ่อื นำไปส่กู ารสรา้ งองค์ความร้หู รอื สารสนเทศ
เพ่ือการตัดสินใจเกย่ี วกบั ตนเองและสังคมได้อย่างเหมาะสม
๓. ความสามารถในการแกป้ ัญหา เปน็ ความสามารถในการแก้ปญั หาและอปุ สรรคต่าง ๆ ท่ี
เผชญิ ได้อย่างถูกต้องเหมาะสมบนพืน้ ฐานของหลักเหตุผล คุณธรรมและขอ้ มูลสารสนเทศ เข้าใจความสัมพันธ์
และการเปลี่ยนแปลงของเหตกุ ารณ์ต่าง ๆ ในสังคม แสวงหาความรู้ ประยุกต์ความรู้มาใช้ในการป้องกันและ
แก้ไขปัญหา และมีการตัดสินใจที่มีประสิทธิภาพโดยคำนึงถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นต่อตนเอง สังคมและ
สิ่งแวดล้อม
๔. ความสามารถในการใช้ทกั ษะชีวิต เป็นความสามารถในการนำกระบวนการตา่ ง ๆ ไปใช้ในการ
ดำเนินชีวติ ประจำวนั การเรยี นร้ดู ้วยตนเอง การเรยี นรอู้ ย่างต่อเนือ่ ง การทำงาน และการอยรู่ ว่ มกันในสังคม
ดว้ ยการสร้างเสริมความสมั พันธอ์ ันดรี ะหว่างบุคคล การจดั การปัญหาและความขัดแยง้ ตา่ ง ๆ อย่างเหมาะสม การ
ปรบั ตวั ใหท้ ันกับการเปลีย่ นแปลงของสังคมและสภาพแวดล้อมและการรู้จกั หลกี เล่ียงพฤติกรรมไม่พึงประสงค์
ท่ีสง่ ผลกระทบต่อตนเองและผอู้ นื่
๕. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี เป็นความสามารถในการเลือก และใช้ เทคโนโลยีดา้ นต่าง ๆ และ
มที ักษะกระบวนการทางเทคโนโลยี เพอ่ื การพัฒนาตนเองและสงั คม ในด้านการเรียนรู้ การสอ่ื สาร การทำงาน
การแก้ปญั หาอย่างสร้างสรรค์ ถูกต้อง เหมาะสม และมีคุณธรรม
หลกั สูตรสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ระดับประถมศึกษา
๗
คณุ ลักษณะอันพึงประสงค์
หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน มุ่งพัฒนาผู้เรียนให้มีคุณลักษณะอันพึงประสงค์ เพื่อให้
สามารถอยรู่ ่วมกับผ้อู ่ืนในสังคมได้อยา่ งมีความสขุ ในฐานะเป็นพลเมืองไทยและพลโลก ดงั นี้
๑. รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์
๒. ซอื่ สตั ย์สุจรติ
๓. มวี ินัย
๔. ใฝ่เรยี นรู้
๕. อยอู่ ยา่ งพอเพียง
๖. มุง่ มั่นในการทำงาน
๗. รักความเป็นไทย
๘. มจี ติ สาธารณะ
หลักสูตรสาระการเรยี นร้วู ทิ ยาศาสตร์ ระดบั ประถมศึกษา
๘
คณุ ภาพผเู้ รยี น
จบชน้ั ประถมศึกษาปีท่ี ๓
❖ เข้าใจลักษณะที่ปรากฏ ชนิดและสมบัติบางประการของวัสดุที่ใช้ทำวัตถุ และการเปลี่ยนแปลง
ของวัสดรุ อบตวั
❖ เขา้ ใจการดึง การผลัก แรงแม่เหล็ก และผลของแรงทีม่ ีตอ่ การเปลยี่ นแปลง การเคลอื่ นที่ของวัตถุ
พลังงานไฟฟ้า และการผลติ ไฟฟา้ การเกดิ เสยี ง แสงและการมองเห็น
❖ เข้าใจการปรากฏของดวงอาทิตย์ ดวงจนั ทร์ และดาว ปรากฏการณข์ นึ้ และตกของ ดวง
อาทิตย์ การเกิดกลางวันกลางคืน การกำหนดทิศ ลักษณะของหิน การจำแนกชนิดดินและการใช้ประโยชน์
ลักษณะและความสำคญั ของอากาศ การเกดิ ลม ประโยชน์และโทษของลม
❖ ตั้งคำถามหรือกำหนดปัญหาเกี่ยวกับสิ่งที่จะเรียนรู้ตามที่กำหนดให้หรือตามความสนใจสังเกต
สำรวจตรวจสอบโดยใช้เครื่องมืออยา่ งงา่ ย รวบรวมขอ้ มูล บันทึก และอธบิ ายผลการสำรวจตรวจสอบด้วยการ
เขียนหรอื วาดภาพ และสือ่ สารสิ่งที่เรียนร้ดู ้วยการเลา่ เร่ือง หรือดว้ ยการแสดงทา่ ทางเพอ่ื ให้ผอู้ น่ื เขา้ ใจ
❖ แก้ปัญหาอย่างง่ายโดยใช้ขั้นตอนการแก้ปัญหา มีทักษะในการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการ
สื่อสารเบื้องต้น รกั ษาข้อมลู ส่วนตัว
❖ แสดงความกระตือรือร้น สนใจที่จะเรียนรู้ มีความคิดสร้างสรรค์เกี่ยวกับเรื่องที่จะศึกษาตามท่ี
กำหนดให้หรือตามความสนใจ มีสว่ นรว่ มในการแสดงความคดิ เหน็ และยอมรับฟังความคิดเห็นผอู้ ่นื
❖ แสดงความรับผิดชอบด้วยการทำงานที่ได้รับมอบหมายอย่างมุ่งมัน่ รอบคอบ ประหยัด ซื่อสัตย์
จนงานลลุ ่วงเปน็ ผลสำเร็จ และทำงานร่วมกบั ผู้อืน่ อย่างมีความสขุ
❖ ตระหนกั ถงึ ประโยชนข์ องการใช้ความรู้และกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ในการดำรงชวี ิต ศึกษา
หาความรเู้ พมิ่ เติม ทำโครงงานหรอื ชิ้นงานตามท่กี ำหนดใหห้ รือตามความสนใจ
จบช้นั ประถมศึกษาปที ่ี ๖
❖ เขา้ ใจโครงสร้าง ลักษณะเฉพาะและการปรับตวั ของส่ิงมีชวี ิต รวมทงั้ ความสัมพันธข์ องสง่ิ มีชีวิตใน
แหล่งทอ่ี ยู่ การทำหน้าทข่ี องส่วนตา่ ง ๆ ของพชื และการทำงานของระบบยอ่ ยอาหารของมนุษย์
❖ เข้าใจสมบัติและการจำแนกกลุ่มของวัสดุ สถานะและการเปลี่ยนสถานะของสสาร
การละลาย การเปลี่ยนแปลงทางเคมี การเปลี่ยนแปลงที่ผันกลับได้และผันกลับไม่ได้ และการแยกสารอย่าง
ง่าย
❖ เข้าใจลักษณะของแรงโน้มถว่ งของโลก แรงลพั ธ์ แรงเสยี ดทาน แรงไฟฟ้าและผลของแรงต่างๆ ผล
ท่ีเกดิ จากแรงกระทำต่อวตั ถุ ความดัน หลกั การที่มตี ่อวัตถุ วงจรไฟฟา้ อย่างงา่ ย ปรากฏการณเ์ บ้ืองตน้ ของเสยี ง
และแสง
หลกั สูตรสาระการเรียนร้วู ทิ ยาศาสตร์ ระดบั ประถมศกึ ษา
๙
❖ เข้าใจปรากฏการณ์การขึ้นและตก รวมถึงการเปลี่ยนแปลงรูปร่างปรากฏของดวงจันทร์
องคป์ ระกอบของระบบสรุ ิยะ คาบการโคจรของดาวเคราะห์ ความแตกตา่ งของดาวเคราะห์และ ดาว
ฤกษ์ การขึ้นและตกของกลุ่มดาวฤกษ์ การใช้แผนที่ดาว การเกิดอุปราคา พัฒนาการและประโยชน์ของ
เทคโนโลยอี วกาศ
❖ เขา้ ใจลักษณะของแหล่งน้ำ วัฏจักรน้ำ กระบวนการเกิดเมฆ หมอก นำ้ คา้ ง นำ้ คา้ งแข็ง หยาดน้ำ
ฟ้า กระบวนการเกิดหิน วัฏจักรหิน การใช้ประโยชน์หนิ และแร่ การเกิดซากดึกดำบรรพ์ การเกิดลมบก ลม
ทะเล มรสุม ลักษณะและผลกระทบของภัยธรรมชาติ ธรณีพิบัติภัย การเกิดและผลกระทบของปรากฏการณ์
เรอื นกระจก
❖ ค้นหาข้อมูลอย่างมีประสิทธิภาพและประเมินความน่าเชื่อถือ ตัดสินใจเลือกข้อมูลใช้เหตุผลเชิง
ตรรกะในการแกป้ ัญหา ใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศและการส่อื สารในการทำงานรว่ มกนั เข้าใจสิทธิและหนา้ ท่ีของ
ตน เคารพสิทธิของผ้อู ื่น
❖ ตัง้ คำถามหรอื กำหนดปญั หาเก่ียวกับสงิ่ ทจ่ี ะเรียนรู้ตามทก่ี ำหนดให้หรือตามความสนใจ คาดคะเน
คำตอบหลายแนวทาง สร้างสมมติฐานที่สอดคล้องกับคำถามหรือปัญหาที่จะสำรวจตรวจสอบ วางแผนและ
สำรวจตรวจสอบโดยใช้เครือ่ งมือ อปุ กรณ์ และเทคโนโลยสี ารสนเทศท่เี หมาะสม ในการเก็บรวบรวมข้อมูลทั้ง
เชงิ ปริมาณและคุณภาพ
❖ วิเคราะห์ข้อมูล ลงความเห็น และสรุปความสัมพันธ์ของข้อมูลที่มาจากการสำรวจตรวจสอบใน
รูปแบบทีเ่ หมาะสม เพ่อื สื่อสารความรู้จากผลการสำรวจตรวจสอบไดอ้ ย่างมีเหตผุ ลและหลักฐานอา้ งอิง
❖ แสดงถึงความสนใจ มุ่งมั่น ในสิ่งที่จะเรียนรู้ มีความคิดสร้างสรรค์เกี่ยวกับเรื่องที่จะศึกษาตาม
ความสนใจของตนเอง แสดงความคิดเห็นของตนเอง ยอมรับในข้อมูลที่มีหลักฐานอ้างอิง และรับฟังความ
คิดเหน็ ผู้อืน่
❖ แสดงความรับผิดชอบดว้ ยการทำงานทไ่ี ด้รบั มอบหมายอยา่ งมุ่งมั่น รอบคอบ ประหยดั ซ่อื สัตย์
จนงานลลุ ่วงเปน็ ผลสำเร็จ และทำงานร่วมกบั ผอู้ นื่ อยา่ งสร้างสรรค์
❖ ตระหนักในคณุ ค่าของความรวู้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ใช้ความรู้และกระบวนการทาง
วทิ ยาศาสตรใ์ นการดำรงชีวิต แสดงความชนื่ ชม ยกย่อง และเคารพสิทธใิ นผลงานของผู้คิดค้นและศกึ ษาหา
ความรู้เพ่ิมเติม ทำโครงงานหรือชน้ิ งานตามทีก่ ำหนดให้หรอื ตามความสนใจ
❖ แสดงถึงความซาบซึ้ง ห่วงใย แสดงพฤติกรรมเกี่ยวกับการใช้ การดูแลรักษาทรัพยากรธรรมชาติ
และสิ่งแวดลอ้ มอย่างรคู้ ณุ คา่
จบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๓
❖ เข้าใจลกั ษณะและองค์ประกอบที่สำคญั ของเซลล์ส่ิงมีชวี ติ ความสมั พนั ธข์ องการทำงานของระบบ
ต่าง ๆ ในร่างกายมนุษย์ การดำรงชีวิตของพืช การถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม การเปลี่ยนแปลงของยนี
หรือโครโมโซม และตัวอย่างโรคที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงทางพันธุกรรม ประโยชน์และผลกระทบของ
หลกั สตู รสาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์ ระดับประถมศกึ ษา
๑๐
ส่ิงมชี ีวิตดดั แปรพนั ธกุ รรม ความหลากหลายทางชวี ภาพ ปฏสิ มั พนั ธ์ขององค์ประกอบของระบบนเิ วศและการ
ถ่ายทอดพลงั งานในสง่ิ มชี ีวติ
❖ เข้าใจองค์ประกอบและสมบัติของธาตุ สารละลาย สารบริสุทธ์ิ สารผสม หลักการแยกสาร การ
เปลี่ยนแปลงของสารในรูปแบบของการเปลี่ยนสถานะ การเกิดสารละลาย และการเกิดปฏิกิริยาเคมี และ
สมบตั ิทางกายภาพ และการใชป้ ระโยชนข์ องวัสดปุ ระเภทพอลิเมอร์ เซรามกิ ส์ และวสั ดุผสม
❖ เข้าใจการเคลื่อนท่ี แรงลัพธ์และผลของแรงลัพธ์กระทำต่อวัตถุ โมเมนต์ของแรง
แรงที่ปรากฏในชีวิตประจำวัน สนามของแรง ความสัมพันธ์ของงาน พลังงานจลน์ พลังงานศักย์โน้มถ่วง กฎ
การอนุรักษ์พลังงาน การถ่ายโอนพลังงาน สมดุลความร้อน ความสัมพันธ์ของปริมาณทางไฟฟ้า การต่อ
วงจรไฟฟา้ ในบ้าน พลงั งานไฟฟา้ และหลกั การเบอื้ งต้นของวงจรอเิ ลก็ ทรอนิกส์
❖ เขา้ ใจสมบตั ิของคลื่น และลักษณะของคลน่ื แบบตา่ ง ๆ แสง การสะทอ้ น การหักเหของแสงและ
ทศั นูปกรณ์
❖ เข้าใจการโคจรของดาวเคราะห์รอบดวงอาทิตย์ การเกิดฤดู การเคลื่อนที่ปรากฏของดวงอาทติ ย์
การเกดิ ขา้ งขน้ึ ขา้ งแรม การขนึ้ และตกของดวงจันทร์ การเกดิ น้ำขึ้นนำ้ ลง ประโยชน์ของเทคโนโลยอี วกาศ และ
ความกา้ วหน้าของโครงการสำรวจอวกาศ
❖ เข้าใจลักษณะของชั้นบรรยากาศ องค์ประกอบและปัจจัยที่มีผลต่อลมฟ้าอากาศ การเกิดและ
ผลกระทบของพายฟุ า้ คะนอง พายุหมนุ เขตรอ้ น การพยากรณอ์ ากาศ สถานการณ์ การเปลย่ี นแปลงภมู ิอากาศ
โลก กระบวนการเกิดเชื้อเพลิงซากดึกดำบรรพ์และการใช้ประโยชน์ พลังงานทดแทนและการใช้ประโยชน์
ลักษณะโครงสร้างภายในโลก กระบวนการเปลี่ยนแปลงทางธรณีวิทยาบนผิวโลก ลักษณะชั้นหน้าตัดดิน
กระบวนการเกดิ ดนิ แหล่งน้ำผวิ ดนิ แหลง่ นำ้ ใต้ดิน กระบวนการเกดิ และผลกระทบของภัยธรรมชาติ และธรณี
พบิ ตั ิภยั
❖ เข้าใจแนวคิดหลักของเทคโนโลยี ได้แก่ ระบบทางเทคโนโลยี การเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี
ความสัมพันธ์ระหวา่ งเทคโนโลยีกับศาสตรอ์ น่ื โดยเฉพาะวิทยาศาสตร์ หรอื คณติ ศาสตร์ วเิ คราะห์ เปรยี บเทยี บ
และตดั สนิ ใจเพ่ือเลือกใช้เทคโนโลยี โดยคำนึงถึงผลกระทบต่อชีวิต สังคม และสิง่ แวดล้อม ประยุกต์ใช้ความรู้
ทักษะ และทรัพยากรเพื่อออกแบบและสร้างผลงานสำหรับการแก้ปัญหาในชีวติ ประจำวันหรอื การประกอบ
อาชีพ โดยใช้กระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรม รวมทั้งเลือกใช้วัสดุ อุปกรณ์ และเครื่องมือได้อย่างถูกต้อง
เหมาะสม ปลอดภัย รวมทัง้ คำนงึ ถึงทรพั ยส์ ินทางปญั ญา
❖ นำขอ้ มลู ปฐมภมู ิเข้าสูร่ ะบบคอมพิวเตอร์ วิเคราะห์ ประเมิน นำเสนอขอ้ มลู และสารสนเทศได้ตาม
วัตถุประสงค์ ใช้ทักษะการคิดเชิงคำนวณในการแก้ปัญหาที่พบในชีวิตจริง และเขียนโปรแกรมอย่างง่ายเพื่อ
ชว่ ยในการแกป้ ัญหา ใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศและการสอ่ื สารอย่างรเู้ ทา่ ทนั และรับผิดชอบต่อสังคม
❖ ตั้งคำถามหรือกำหนดปัญหาที่เชือ่ มโยงกบั พยานหลักฐาน หรือหลักการทางวิทยาศาสตร์ที่มีการ
กำหนดและควบคุมตัวแปร คิดคาดคะเนคำตอบหลายแนวทาง สร้างสมมติฐานที่สามารถนำไปสู่การสำรวจ
ตรวจสอบ ออกแบบและลงมือสำรวจตรวจสอบโดยใช้วัสดุและเครื่องมือที่เหมาะสม เลือกใช้เครื่องมือและ
หลกั สตู รสาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตร์ ระดบั ประถมศกึ ษา
๑๑
เทคโนโลยสี ารสนเทศที่เหมาะสมในการเก็บรวบรวมข้อมูล ทั้งในเชิงปรมิ าณและคุณภาพที่ได้ผลเที่ยงตรงและ
ปลอดภยั
❖ วเิ คราะหแ์ ละประเมินความสอดคลอ้ งของขอ้ มลู ทีไ่ ด้จากการสำรวจตรวจสอบจากพยานหลักฐาน
โดยใช้ความรู้และหลักการทางวทิ ยาศาสตร์ในการแปลความหมายและลงข้อสรุปและสือ่ สารความคิด ความรู้
จากผลการสำรวจตรวจสอบหลากหลายรูปแบบ หรือใช้เทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อให้ผู้อื่นเข้าใจได้อย่าง
เหมาะสม
❖ แสดงถึงความสนใจ มุ่งมั่น รับผิดชอบ รอบคอบ และซื่อสัตย์ ในสิ่งที่จะเรียนรู้ มีความคิด
สร้างสรรค์เกี่ยวกับเรื่องที่จะศึกษาตามความสนใจของตนเอง โดยใช้เครื่องมือและวิธีการที่ให้ได้ผลถูกต้อง
เชื่อถือได้ ศึกษาค้นคว้าเพิ่มเตมิ จากแหล่งความรู้ต่าง ๆ แสดงความคิดเห็นของตนเองรับฟงั ความคิดเหน็ ผู้อน่ื
และยอมรบั การเปล่ยี นแปลงความรทู้ ค่ี น้ พบ เมื่อมีข้อมลู และประจักษพ์ ยานใหม่เพิ่มข้ึนหรือโต้แย้งจากเดิม
❖ ตระหนักในคุณค่าของความรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่ใช้ในชีวิตประจำวัน ใช้ความรู้และ
กระบวนการทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในการดำรงชีวติ และการประกอบอาชีพ แสดงความชื่นชม ยก
ย่อง และเคารพสิทธิในผลงานของผู้คิดค้น เข้าใจผลกระทบทั้งด้านบวกและด้านลบของการพัฒนาทาง
วทิ ยาศาสตร์ต่อสิ่งแวดล้อมและตอ่ บริบทอ่นื ๆ และศกึ ษาหาความร้เู พิ่มเติม ทำโครงงานหรอื สร้างชิ้นงานตาม
ความสนใจ
❖ แสดงถงึ ความซาบซึง้ ห่วงใย มพี ฤติกรรมเก่ยี วกบั การดูแลรักษาความสมดุลของระบบนิเวศ และ
ความหลากหลายทางชวี ภาพ
จบชัน้ มัธยมศกึ ษาปีท่ี ๖
❖ เข้าใจการลำเลียงสารเข้าและออกจากเซลล์ กลไกการรักษาดุลยภาพของมนุษย์ ภูมิคุ้มกันใน
ร่างกายของมนุษย์และความผิดปกติของระบบภูมิคุ้มกัน การใช้ประโยชน์จากสารต่าง ๆ ที่พืชสร้างขึ้น การ
ถ่ายทอดลกั ษณะทางพันธกุ รรม การเปล่ยี นแปลงทางพนั ธุกรรม ววิ ัฒนาการทท่ี ำใหเ้ กดิ ความหลากหลายของ
สง่ิ มชี ีวติ ความสำคญั และผลของเทคโนโลยีทางดเี อ็นเอตอ่ มนษุ ย์ สิ่งมชี วี ติ และสิ่งแวดลอ้ ม
❖ เข้าใจความหลากหลายของไบโอมในเขตภูมิศาสตร์ต่าง ๆ ของโลก การเปลี่ยนแปลงแทนที่ใน
ระบบนิเวศ ปัญหาและผลกระทบที่มีต่อทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม แนวทางในการอนุรักษ์
ทรพั ยากรธรรมชาติ และการแกไ้ ขปัญหาส่ิงแวดล้อม
❖ เขา้ ใจชนิดของอนุภาคสำคัญท่ีเปน็ ส่วนประกอบในโครงสร้างอะตอม สมบัตบิ างประการของธาตุ
การจดั เรยี งธาตใุ นตารางธาตุ ชนดิ ของแรงยึดเหน่ยี วระหวา่ งอนุภาคและสมบัติต่าง ๆ ของสารท่มี ีความสัมพันธ์
กบั แรงยดึ เหน่ยี ว พันธะเคมี โครงสรา้ งและสมบัตขิ องพอลิเมอร์ การเกิดปฏิกริ ิยาเคมี ปัจจัยทม่ี ผี ลตอ่ อัตราการ
เกดิ ปฏกิ ิรยิ าเคมี และการเขยี นสมการเคมี
❖ เข้าใจปรมิ าณท่เี กย่ี วกับการเคล่ือนที่ ความสัมพนั ธร์ ะหวา่ งแรง มวลและความเรง่ ผลของความเร่ง
ที่มีต่อการเคลื่อนที่แบบต่าง ๆ ของวัตถุ แรงโน้มถ่วง แรงแม่เหล็ก ความสัมพันธ์ระหว่างสนามแม่เหล็กและ
กระแสไฟฟา้ และแรงภายในนิวเคลยี ส
หลักสูตรสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ระดับประถมศึกษา
๑๒
❖ เขา้ ใจพลังงานนิวเคลียร์ ความสมั พนั ธ์ระหว่างมวลและพลงั งาน การเปลยี่ นพลงั งานทดแทนเป็น
พลังงานไฟฟ้า เทคโนโลยีด้านพลังงาน การสะท้อน การหักเห การเลี้ยวเบน และการรวมคลื่น การได้ยิน
ปรากฏการณท์ เ่ี กย่ี วขอ้ งกับเสยี ง สีกบั การมองเหน็ สี คลน่ื แมเ่ หลก็ ไฟฟา้ และประโยชนข์ องคล่นื แม่เหลก็ ไฟฟ้า
❖ เข้าใจการแบ่งชั้นและสมบัติของโครงสร้างโลก สาเหตุ และรูปแบบการเคลื่อนที่ของแผ่นธรณีท่ี
สมั พันธก์ ับการเกดิ ลักษณะธรณีสณั ฐาน สาเหตุ กระบวนการเกดิ แผน่ ดนิ ไหว ภูเขาไฟระเบิด สนึ ามิ ผลกระทบ
แนวทางการเฝ้าระวัง และการปฏิบตั ติ นให้ปลอดภยั
❖ เข้าใจผลของแรงเนอ่ื งจากความแตกต่างของความกดอากาศ แรงคอรอิ อลสิ ทม่ี ตี อ่ การหมุนเวียน
ของอากาศ การหมนุ เวียนของอากาศตามเขตละติจดู และผลที่มตี ่อภูมิอากาศ ความสัมพนั ธ์ของการหมุนเวียน
ของอากาศ และการหมุนเวียนของกระแสน้ำผิวหน้าในมหาสมุทร และผลต่อลักษณะลมฟ้าอากาศ สิ่งมีชีวิต
และสิ่งแวดล้อม ปัจจัยต่าง ๆ ที่มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศโลก และแนวปฏิบัติเพื่อลดกิจกรรมของ
มนุษย์ที่ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศโลก รวมทั้งการแปลความหมายสัญลกั ษณ์ลมฟ้าอากาศที่สำคญั
จากแผนที่อากาศ และขอ้ มลู สารสนเทศ
❖ เข้าใจการกำเนิดและการเปลี่ยนแปลงพลังงาน สสาร ขนาด อุณหภูมิของเอกภพ หลักฐานท่ี
สนับสนุนทฤษฎีบิกแบง ประเภทของกาแล็กซี โครงสร้างและองค์ประกอบของกาแล็กซีทางช้างเผือก
กระบวนการเกิดและการสร้างพลงั งาน ปจั จยั ที่สง่ ผลตอ่ ความส่องสวา่ งของดาวฤกษ์ และความสัมพันธ์ระหวา่ ง
ความส่องสว่างกับโชติมาตรของดาวฤกษ์ ความสัมพันธ์ระหว่างสี อุณหภูมิผิว และสเปกตรัมของดาวฤกษ์
วิวัฒนาการและการเปลี่ยนแปลงสมบัติบางประการของดาวฤกษ์ กระบวนการเกิดระบบสุริยะ การแบ่งเขต
บรวิ ารของดวงอาทติ ย์ ลักษณะของดาวเคราะห์ที่เอือ้ ต่อการดำรงชีวิต การเกดิ ลมสรุ ิยะ พายุสุริยะและผลท่ีมี
ตอ่ โลก รวมทง้ั การสำรวจอวกาศและการประยกุ ต์ใช้เทคโนโลยอี วกาศ
หลักสตู รสาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตร์ ระดับประถมศึกษา
๑๓
ทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์
ทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์เป็นทักษะทางสตปิ ัญญา (Intellectual) ที่นกั วิทยาศาสตร์และผู้ท่ีนำ
วิธีการทางวิทยาศาสตร์มาแก้ปัญหา ใช้ในการศึกษาค้นคว้า สืบเสาะหาความรู้ และแก้ปัญหาต่าง ๆ ทักษะ
กระบวนการทางวิทยาศาสตร์แบ่งออกได้เป็น 13 ทักษะ ทักษะที่ 1-8 เป็นทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์
ขั้นพื้นฐาน และทักษะที่ 9-13 เป็นทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ขั้นสูงหรือขั้นผสมหรือขั้นบูรณาการ
ทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตรท์ งั้ 13 ทักษะ มดี ังน้ี
๑. การสังเกต (Observing) หมายถึง การใชป้ ระสาทสัมผัสอย่างใดอย่างหนงึ่ หรือหลายอย่างรวมกัน ได้แก่
ตา หู จมูก ลิ้น ผิวกาย เข้าไปสัมผัสโดยตรงกับวัตถุหรือเหตุการณ์ เพื่อค้นห้าข้อมูลซึ่งเป็นรายละเอียดของสิ่งน้นั
โดยไม่ใส่ความเห็นของผู้สังเกตลงไป ข้อมูลที่ได้จากการสังเกตประกอบด้วยข้อมูลเชิงคุณภาพ ข้อมูลเชิงปริมาณ
และข้อมูลที่เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงที่สงั เกตเห็นได้จากวัตถุหรือเหตุการณ์นน้ั ความสามารถท่ีแสดงให้เห็นว่าเกิด
ทักษะนี้ประกอบด้วยการชี้บ่งและการบรรยายสมบัติของวัตถุได้โดยการกะประมาณและการบรรยายการ
เปลี่ยนแปลงของส่งิ ที่สังเกตได้
๒. การลงความเห็นจากข้อมูล (Inferring) หมายถึง การเพิ่มความคิดเห็นให้กับข้อมูลทีไ่ ด้จากการสังเกต
อยา่ งมเี หตุผล โดยอาศัยความรู้และประสบการณ์เดิมมาช่วย ความสามารถท่ีแสดงให้เห็นว่าเกิดทักษะนี้ คือ การ
อธิบายหรอื สรุป โดยเพม่ิ ความคิดเห็นใหก้ ับข้อมูลโดยใช้ความรหู้ รือประสบการณ์เดมิ มาชว่ ย
๓. การจำแนกประเภท (Classifying) หมายถึง การแบ่งพวกหรือเรียงลำดับวัตถุหรือสิ่งที่มีอยู่ใน
ปรากฏการณ์โดยมีเกณฑ์ และเกณฑ์ดังกล่าวอาจใช้ความเหมือน ความแตกต่าง หรือความสัมพันธ์อย่างใดอย่าง
หนึ่งก็ได้ ความสามารถท่ีแสดงว่าเกิดทักษะนี้แลว้ ไดแ้ ก่ การแบง่ พวกของสง่ิ ต่าง ๆ จากเกณฑ์ที่ผู้อื่นกำหนดให้ได้
นอกจากนั้นสามารถเรียงลำดับสิ่งของด้วยเกณฑ์ของตัวเองพร้อมกับบอกได้ว่าผูอ้ ืน่ แบ่งพวกของสิ่งของนั้นโดยใช้
อะไรเป็นเกณฑ์
๔. การวัด (Measuring) หมายถึง การเลือกใช้เครื่องมือและการใช้เครื่องมอื นั้นทำการวัดหาปริมาณของ
สง่ิ ต่าง ๆ ออกมาเป็นตัวเลขที่แนน่ อนได้อย่างเหมาะสมกับส่ิงท่ีวัด แสดงวธิ ใี ช้เคร่ืองมืออย่างถูกต้อง พร้อมทั้งบอก
เหตุผลในการเลือกใช้เคร่อื งมือ รวมทง้ั ระบุหน่วยของตัวเลขท่ีได้จากการวัดได้
๕. การใช้ตวั เลข (Using Numbers) หมายถงึ การนบั จำนวนของวัตถุและการนำตัวเลขที่แสดงจำนวนที่
นบั ไดม้ าคิดคำนวณโดยการบวก ลบ คูณ หาร หรอื การหาคา่ เฉลีย่ ความสามารถท่ีแสดงให้เหน็ ว่าเกิดทักษะนี้ ไดแ้ ก่
การนบั จำนวนสงิ่ ของได้ถกู ต้อง เช่น ใชต้ วั เลขแทนจำนวนการนับได้ ตดั สินได้วา่ วตั ถุ ในแต่ละกลมุ่ มีจำนวนเท่ากัน
หรือแตกต่างกัน เป็นต้น การคำนวณ เช่น บอกวิธีคำนวณ คิดคำนวณ และแสดงวิธีคำนวณได้อย่างถูกต้อง และ
ประการสุดท้ายคือ การหาคา่ เฉลี่ย เชน่ การบอกและแสดงวิธีการหาค่าเฉล่ียได้ถูกต้อง
๖. การหาความสัมพนั ธ์ระหวา่ งสเปสกับสเปสและสเปสกับเวลา(Using Space/Time Relationships)
สเปสของวัตถุ หมายถึง ที่ว่างที่วัตถุนั้นครองที่อยู่ ซึ่งมีรูปร่างลักษะเช่นเดียวกับวัตถุนั้นโดยทั่วไป
แล้วสเปสของวัตถุจะมี ๓ มิติ คือ ความกวา้ ง ความยาว และความสงู
ความสมั พนั ธร์ ะหว่างสเปสกับสเปสของวตั ถุ ไดแ้ ก่ ความสมั พนั ธร์ ะหว่าง 3 มิติ กับ 2 มิติ ความสมั พันธ์
ระหว่างตำแหน่งที่ของวัตถุหนึ่งกับอีกวัตถุหนึ่ง ความสามารถท่ีแสดงให้เห็นว่าเกิดทักษะการหาความสัมพันธ์
ระหว่างสเปสกับสเปส ได้แก่ การชี้บ่งรูป 2 มิติ และ 3 มิติได้ สามารถวาดภาพ 2 มิติ จากวัตถุหรือจากภาพ 3
มติ ิ ได้
หลกั สูตรสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ระดับประถมศึกษา
๑๔
ความสมั พันธ์ระหวา่ งสเปสกับเวลา ได้แก่ ความสัมพันธ์ระหว่างการเปล่ียนตำแหน่งท่ีอยู่ของวัตถุกับเวลา
หรือความสัมพันธ์ระหว่างสเปสของวัตถุที่เปลี่ยนไปกับเวลาความสามารถที่แสดงให้เห็นว่าเกิดทักษะการหา
ความสัมพันธ์ระหว่างสเปสกับเวลา ได้แก่ การบอกตำแหนง่ และทิศทางของวัตถโุ ดยใช้ตวั เองหรือวัตถอุ ื่นเป็นเกณฑ์
บอกความสัมพนั ธ์ระหวา่ งการเปลยี่ นตำแหน่ง เปล่ียนขนาด หรือปริมาณของวัตถกุ ับเวลาได้
๗. การสื่อความหมายข้อมูล (Communicating) หมายถึง การนำข้อมูลที่ได้จาการสังเกต การวัด การ
ทดลอง และจากแหล่งอ่นื ๆ มาจัดกระทำเสียใหม่โดยการหาความถ่ี เรยี งลำดบั จัดแยกประเภท หรือคำนวณหาค่า
ใหม่ เพื่อให้ผู้อื่นเข้าใจความหมายได้ดีขึ้น โดยอาจเสนอในรูปของตาราง แผนภูมิ แผนภาพ ไดอะแกรม กราฟ
สมการ การเขยี นบรรยาย เป็นตน้ ความสามารถที่แสดงให้เห็นว่าเกิดทักษะนี้แล้ว คอื การเปล่ียนแปลงข้อมูลให้อยู่
ในรูปใหม่ที่เข้าใจดีขึ้น โดยจะต้องรู้จักเลือกรูปแบบที่ใช้ในการเสนอข้อมูลได้อย่างเหมาะสม บอกเหตุผลในการ
เสนอข้อมูลในการเลือกแบบแสนอข้อมูลนั้น การเสนอข้อมูลอาจกระทำได้หลายแบบดังที่กล่าวมาแล้ว โดยเฉพาะ
การเสนอข้อมูลในรูปของตาราง การบรรจุข้อมูลให้อยู่ในรูปของตารางปกติจะใส่ค่าของตัวแปรอิสระไว้ทางซ้ายมือ
ของตาราง และคา่ ของตัวแปรตามไว้ทางขวามือของตารางโดยเขียนค่าของตัวแปรอิสระไว้ให้เรยี งลำดับจากค่าน้อย
ไปหาคา่ มาก หรอื จากค่ามากไปหาค่านอ้ ย ๘. การพยากรณ์ (Predicting) หมายถงึ การคาดคะเนคำตอบลว่ งหน้า
ก่อนการทดลอง โดยอาศัยปรากฏการณ์ที่เกิดซ้ำ หลักการ กฎ หรือ ทฤษฏีที่มีอยู่แล้วในเรื่องนั้นมาช่วยสรุป เช่น
การพยากรณ์ข้อมูลเกี่ยวกับตัวเลข ไดแ้ ก่ ขอ้ มูลทีเ่ ป็นตารางหรือกราฟ ซง่ึ ทำไดส้ องแบบ คอื การพยากรณ์ภายใน
ขอบเขตของข้อมูลที่มีอยู่ กับการพยากรณ์นอกขอบของข้อมูลที่มีอยู่ เช่น การพยากรณ์ผลของข้อมูลเชิงปริมาณ
เป็นตน้
๙. การช้บี ง่ และการควบคุมตัวแปร (Identifying and Controlling Variables) หมายถงึ การช้ีบ่งตัวแปร
ต้น ตวั แปรตาม และตัวแปรทตี่ ้องควบคมุ ให้คงท่ีในสมมตุ ิฐาน หนง่ึ ๆ
ตัวแปรต้น หมายถึง สิ่งที่เป็นสาเหตุทีท่ ำให้เกิดผลต่าง ๆ หรือสิ่งที่เราต้องการทดลองดูว่าเป็นสาเหตุที่
กอ่ ใหเ้ กดิ ผลเชน่ นนั้ จรงิ หรือไม่
ตวั แปรตาม หมายถึง สิง่ ท่ีเปน็ ผลเนื่องมาจากตวั แปรตน้ เมื่อตัวแปรต้นหรือสง่ิ ที่เป็นสาเหตุเปลี่ยนไป ตัว
แปรตามหรอื ส่งิ ท่ีเป็นผลจะแปรตามไปดว้ ย
ตัวแปรที่ต้องควบคุมให้คงที่ หมายถึง สิ่งอื่น ๆ นอกเหนือจากตัวแปรต้นที่จะทำให้ผลการทดลอง
คลาดเคล่อื น ถา้ หากว่าไมม่ กี ารควบคุมให้เหมือนกนั
๑๐. การตั้งสมมุติฐาน (Formulating Hypotheses) หมายถึง การคิดหาคำตอบล่วงหน้าก่อนทำการ
ทดลอง โดยอาศัยการสังเกต อาศัยความรู้หรือประสบการณ์เดิมเป็นพื้นฐาน คำตอบที่คิดล่วงหน้านี้ ยังไม่ทราบ
หรือยังไม่เป็นทางการ กฎหรือทฤษฏีมาก่อน สมมุติฐาน คือคำตอบที่คิดไว้ล่วงหน้ามีกล่าวไว้เป็นข้อความที่บอก
ความสัมพนั ธร์ ะหว่างตัวแปรต้นกับตัวแปรตามสมมุติฐานท่ตี ้งั ขนึ้ อาจถกู หรือผิดกไ็ ด้ซึ่งทราบไดภ้ ายหลงั การทดลอง
หาคำตอบเพ่ือสนับสนุนสมมุติฐานหรอื คัดคา้ นสมมตุ ิฐานท่ตี ้งั ไว้ สิง่ ที่ควรคำนงึ ถึงในการตงั้ สมมุติฐาน คือ การบอก
ชอ่ื ตัวแปรตน้ ซึง่ อาจมีผลต่อตวั แปรตามและในการต้งั สมมุติฐานต้องทราบตัวแปรจากปัญหาและสภาพแวดล้อมของ
ตวั แปรนน้ั สมมุติฐานท่ีตงั้ ข้นึ สามารถบอกให้ทราบถงึ การออกแบบการทดลอง ซึ่งตอ้ งทราบว่าตวั แปรไหนเป็นตัว
แปรตน้ ตวั แปรตาม และตัวแปรท่ตี ้องควบคุมให้คงที่
๑๑. การกำหนดนิยามเชิงปฏิบัติการของตัวแปร (Defining Variables Operationally) หมายถึง การ
กำหนดความหมายและขอบเขตของค่าต่าง ๆ ทอ่ี ยใู่ นสมมุติฐานทีต่ ้องการทดลองและบอกวธิ ีวัดตัวแปรท่ีเกี่ยวกับ
การทดลองนั้น
หลักสูตรสาระการเรยี นร้วู ิทยาศาสตร์ ระดับประถมศกึ ษา
๑๕
๑๒. การทดลอง (Experimenting) หมายถึง กระบวนการปฏิบตั ิการเพือ่ หาคำตอบจากสมมุติฐานท่ีต้ังไว้
ในการทดลองจะประกอบไปดว้ ยกิจกรรม ๓ ขน้ั คอื
๑๒.๑ ออกแบบการทดลอง หมายถึง การวางแผนการทดลองก่อนลงมือทดสอบจริง
๑๒.๒ ปฏิบัติการทดลอง หมายถึง การลงมือปฏิบัติจริงและให้อุปกรณ์ได้อย่างถูกต้องและ
เหมาะสม
๑๒.๓ การบันทึกผลการทดลอง หมายถึง การจดบันทึกข้อมูลที่ได้จากการทดลองซึ่งอาจเป็น
ผลจากการสังเกต การวัด และอนื่ ๆ ได้อยา่ งคล่องแคล่วและถูกตอ้ ง การบนั ทกึ ผลการทดลอง อาจอยูใ่ นรูปตาราง
หรอื การเขยี นกราฟ ซง่ึ โดยทัว่ ไปจะแสดงค่าของตัวแปรต้นหรือตัวแปรอิสระบนแกนนอนและค่าของตัวแปรบนแกน
ตั้ง โดยเฉพาะในแต่ละแกนต้องใช้สเกลที่เหมาะสม พร้อมทั้งแสดงให้เห็นถงึ ตำแหน่งของค่าของตัวแปรทัง้ สองบน
กราฟด้วย
ในการทดลองแต่ละคร้งั จำเปน็ อาศัยการวิเคราะหต์ ัวแปรต่าง ๆ ทเี่ กีย่ วขอ้ ง คอื สามารถท่ีจะบอกชนิดของ
ตัวแปรในการทดลองว่า ตัวแปรนั้นเป็นตัวแปรอิสระ ตัวแปรตาม หรือตัวแปรที่ต้องควบคุม ในการทดลองหนึ่ง ๆ
ต้องมีตัวแปรตัวหนึ่งเท่านั้นทีม่ ีผลต่อการทดลอง และเพื่อให้แน่ใจว่าผลที่ได้เกิดจากตัวแปรน้ันจริง ๆ จำเป็นต้อง
ควบคุมตวั แปรอน่ื ไม่ใหม้ ีผลต่อการทดลอง ซง่ึ เรียกตัวแปรนว้ี า่ ตวั แปรท่ีต้องควบคมุ ให้คงที่
๑๓.การตีความหมายข้อมูลและการลงข้อสรุป (Interpreting Data and Making Conlusion) การ
ตีความหมายข้อมูล หมายถึง การแปลความหมายหรือบรรยายลักษณะข้อมูลที่มีอยู่ การตีความหมายข้อมูล ใน
บางครั้งอาจต้องใช้ทักษะอื่นๆ ด้วย เช่น การสังเกต การคำนวณ เป็นต้น และการลงข้อสรุป หมายถึง การสรุป
ความสัมพันธ์ของข้อมูลทั้งหมด ความสามารถที่แสดงให้เห็นว่าเกิดทักษะการลงข้อสรุปคือบอกความสัมพันธข์ อง
ข้อมูลได้ เช่น การอธิบายความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปรบนกราฟ ถ้ากราฟเป็นเส้นตรงก็สามารถอธิบายได้ว่าเกิด
อะไรขึ้นกับตัวแปรตามขณะที่ตัวแปรอิสระเปลี่ยนแปลงหรือถ้าลากกราฟเป็นเส้นโค้งให้อธิบายความสัมพันธ์
ระหว่างตวั แปรก่อนทก่ี ราฟเส้นโค้งจะเปล่ียนทิศทางและอธิบายความสัมพันธ์ ระหวา่ งตัวแปรหลังจากท่ีกราฟเส้น
โคง้ เปลย่ี นทศิ ทางแลว้ .
หลักสตู รสาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตร์ ระดบั ประถมศกึ ษา
๑๖
คุณลักษณะดา้ นจติ วิทยาศาสตร์ จิตวทิ ยาศาสตร์
๑.เห็นคณุ ค่าทางวทิ ยาศาสตร์ ลกั ษณะช้ีบง่ /พฤติกรรม
๑.๑ นยิ มยกยอ่ งกระบวนการทางวิทยาศาสตร์
๑.๒ นยิ มยกย่องความกา้ วหนา้ ทางวิทยาศาสตร์
๑.๓ เพิ่มพนู ความรูแ้ ละประสบการณท์ างวทิ ยาศาสตร์
๑.๔ ตระหนักความสำคัญของวทิ ยาศาสตร์ ในการพัฒนา
คณุ ภาพชวี ิต
๒.คุณลักษณะทางวิทยาศาสตร์ ๒.๑.๑ การยอมรบั ข้อสรุปที่มเี หตุผล
๒.๑ ความมีเหตุผล ๒.๑.๒ มีความเชื่อว่าส่ิงทีเ่ กดิ ขึน้ ตอ้ งมสี าเหตุ
๒.๑.๓ นยิ มยกย่องบุคคลท่ีมีความคดิ อยา่ งมเี หตุผล
๒.๒ ความอยากร้อู ยากเห็น
๒.๑.๔ เห็นคณุ ค่าในการสืบหาความจริงก่อนท่ีจะยอมรบั
หรือปฏบิ ตั ิตาม
๒.๒.๑ ชอื่ ว่าวธิ กี ารทดลองคน้ ควา้ จะทำให้คน้ พบวธิ กี าร
แก้ปัญหาได้
๒.๒.๒ พอใจใฝห่ าความรทู้ างวทิ ยาศาสตร์เพ่ิมเติม
๒.๒.๓ ชอบทดลองคน้ คว้า
๒.๓ ความใจกวา้ ง ๒.๓.๑ ตระหนกั ถงึ ความสำคัญของความมเี หตุผลของ
ผูอ้ ่ืน
๒.๓.๒ ยอมรับฟงั ความคดิ เห็นและคำวิจารณ์ของผู้อนื่
๒.๔ ความมรี ะเบียบในการทำงาน ๒.๔.๑ ตระหนักถึงการระวังรกั ษาความปลอดภยั ของ
ตนเองและเพ่ือนในขณะทดลองวทิ ยาศาสตร์
๒.๔.๒ เห็นคุณค่าของการระวงั รกั ษาเครอ่ื งมือทใ่ี ชม้ ิให้
แตกหกั เสียหาย ในขณะทดลองวิทยาศาสตร์
หลกั สูตรสาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์ ระดบั ประถมศึกษา
๑๗
จติ วทิ ยาศาสตร์
คณุ ลกั ษณะด้านจิตพิสยั ลักษณะช้ีบ่ง/พฤตกิ รรม
๒.๕ การมีค่านิยมต่อความเสยี สละ
๒.๕.๑ ตระหนักถึงการทำงานใหส้ ำเร็จลุลว่ งตามเปา้ หมาย
โดยไม่คำนึงถงึ ผลตอบแทน
๒.๕.๒ เตม็ ใจทจี่ ะอุทศิ ตนเพื่อการสร้างผลงานทาง
วทิ ยาศาสตร์
๒.๖ การมีคา่ นิยมตอ่ ความซอื่ สัตย์ ๒.๖.๑ เหน็ คณุ ค่าต่อการเสนอผลงานตามความเป็นจริงท่ี
ทดลองได้
๒.๖.๒ ตำหนบิ คุ คลทน่ี ำผลงานผู้อ่ืนมาเสนอเป็นผลงาน
ของตนเอง
๒.๗ การมคี า่ นยิ มตอ่ การประหยัด ๒.๗.๑ ยินดที ี่จะรักษาซ่อมแซมส่งิ ทีช่ ำรดุ ให้ใชก้ ารได้
๒.๗.๒ เห็นคุณค่าของการใช้วสั ดุอุปกรณอ์ ย่างประหยัด
๒.๗.๓ เห็นคุณค่าของวัสดทุ ี่เหลือใช้
หลกั สตู รสาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตร์ ระดับประถมศึกษา
๑๘
วสิ ัยทัศน์
หลักสูตรสถานศึกษา มุ่งพัฒนาผู้เรียนทุกคน ซึ่งเป็นกำลังของชาติให้เป็นมนุษย์ที่มีความสมดุลทั้ง
ด้านร่างกาย ความรู้ คุณธรรม มีจิตสำนึกในความเป็นพลเมืองไทยและเป็นพลเมืองโลก ยึดมั่นในการ
ปกครองตามระบอบประชาธิปไตยอนั มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข มคี วามรู้และทักษะพื้นฐาน รวมท้ัง
เจตคติที่จำเป็นต่อการศึกษาต่อ การประกอบอาชีพ และการศึกษาตลอดชีวิต โดยมุ่งเน้นผูเ้ รียนเป็นสำคญั
บนพ้นื ฐานความเชือ่ ว่า ทุกคนสามารถเรยี นรแู้ ละพฒั นาตนเองได้เต็มตามศักยภาพ
หลกั การ
หลักสูตรสถานศกึ ษา มหี ลักการทส่ี ำคญั ดงั นี้
1. เปน็ หลกั สูตรการศึกษาเพือ่ ความเปน็ เอกภาพของชาติ มจี ดุ หมายและมาตรฐาน
การเรียนรู้เป็นเปา้ หมายสำหรับพัฒนาเดก็ และเยาวชนให้มีความรู้ ทักษะ เจตคติ และคุณธรรม บนพ้ืนฐาน
ของความเปน็ ไทยควบค่กู บั ความเปน็ สากล
2. เป็นหลักสตู รการศกึ ษาเพื่อปวงชน ทท่ี ุกคนมโี อกาสได้รบั การศึกษาอยา่ งเสมอภาค
และมคี ณุ ภาพ
3. เป็นหลักสตู รการศึกษาที่สนองการกระจายอำนาจ ให้สงั คมมสี ว่ นรว่ มในการจัด
การศึกษาให้สอดคลอ้ งกับสภาพและความตอ้ งการของท้องถนิ่
4. เป็นหลักสูตรการศึกษาทมี่ โี ครงสร้างยดื หย่นุ ทัง้ ดา้ นสาระการเรียนรู้ เวลา และการ
จัดการเรียนรู้
5. เป็นหลกั สตู รการศกึ ษาทีเ่ น้นผ้เู รียนเป็นสำคัญ
6. เปน็ หลกั สูตรการศกึ ษาสำหรบั การศึกษาในระบบ นอกระบบ และตามอธั ยาศัย
ครอบคลุมทุกกลุ่มเป้าหมาย สามารถเทียบโอนผลการเรยี นรู้ และประสบการณ์
จุดหมาย
หลักสูตรสถานศึกษา มุ่งพัฒนาผู้เรียนให้เป็นคนดี มีปัญญา มีความสุข มีศักยภาพ ใน
การศึกษาต่อ และประกอบอาชีพ จึงกำหนดเปน็ จดุ หมายเพอ่ื ให้เกิดกับผู้เรยี น เมอ่ื จบการศึกษาข้ันพื้นฐาน
ดงั น้ี
1. มคี ณุ ธรรม จรยิ ธรรม และค่านยิ มทพ่ี ึงประสงค์ เหน็ คณุ ค่าของตนเอง มีวนิ ยั และ
ปฏบิ ตั ติ นตามหลกั ธรรมของพระพทุ ธศาสนา หรอื ศาสนาทตี่ นนับถือ ยดึ หลักปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง
2. มคี วามรู้ ความสามารถในการสอ่ื สาร การคิด การแกป้ ัญหา การใชเ้ ทคโนโลยี และ
มีทกั ษะชวี ิต
3. มสี ุขภาพกายและสุขภาพจิตที่ดี มสี ขุ นิสัย และรกั การออกกำลงั กาย
หลกั สตู รสาระการเรียนรวู้ ทิ ยาศาสตร์ ระดบั ประถมศึกษา
๑๙
4. มคี วามรกั ชาติ มจี ติ สำนกึ ในความเป็นพลเมอื งไทยและพลเมืองโลก ยดึ ม่นั ในวิถชี ีวติ
และการปกครองตามระบอบประชาธิปไตยอนั มีพระมหากษตั รยิ ท์ รงเปน็ ประมขุ
5. มีจติ สำนกึ ในการอนรุ กั ษว์ ฒั นธรรมและภมู ิปญั ญาไทย การอนุรักษแ์ ละพัฒนา
สิ่งแวดล้อม มีจิตสาธารณะมุ่งทำประโยชน์และสร้างสิ่งที่ดีงามในสังคม และอยู่ร่วมกันในสังคมอย่างมี
ความสขุ
สมรรถนะสำคัญของผเู้ รยี น และคุณลักษณะอนั พึงประสงค์
ในการพัฒนาผู้เรียนตามหลักสูตรสถานศึกษา มุ่งเน้นพัฒนาผู้เรียนให้มีคุณภาพตามมาตรฐานที่
กำหนด ซึง่ จะช่วยให้ผูเ้ รียนเกิดสมรรถนะสำคญั และคณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ ดงั นี้
สมรรถนะสำคญั ของผเู้ รียน
หลกั สตู รสถานศึกษา ม่งุ ให้ผู้เรียนเกดิ สมรรถนะสำคญั 5 ประการ ดงั น้ี
1. ความสามารถในการส่อื สาร เปน็ ความสามารถในการรับและสง่ สาร มีวัฒนธรรม
ในการใชภ้ าษาถ่ายทอดความคดิ ความรคู้ วามเข้าใจ ความร้สู ึก และทัศนะของตนเอง เพอื่ แลกเปลยี่ นข้อมูล
ข่าวสารและประสบการณ์อันจะเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาตนเองและสังคม รวมทั้งการเจรจาต่อรองเพ่ือ
ขจัดและลดปัญหาความขัดแย้งต่าง ๆ การเลือกรบั หรอื ไม่รับข้อมูลขา่ วสารดว้ ยหลักเหตุผลและความถูกต้อง
ตลอดจนการเลอื กใชว้ ธิ กี ารส่อื สารท่มี ีประสิทธภิ าพ โดยคำนงึ ถึงผลกระทบที่มีตอ่ ตนเองและสังคม
2. ความสามารถในการคิด เปน็ ความสามารถในการคดิ วิเคราะห์ การคิดสงั เคราะห์
การคิดอยา่ งสรา้ งสรรค์ การคิดอยา่ งมีวจิ ารณญาณ และการคิดเป็นระบบ เพื่อนำไปสูก่ ารสร้างองค์ความรู้
หรือสารสนเทศเพ่ือการตัดสนิ ใจเก่ยี วกับตนเองและสังคมไดอ้ ยา่ งเหมาะสม
3. ความสามารถในการแก้ปญั หา เปน็ ความสามารถในการแก้ปัญหาและอปุ สรรคต่าง ๆ
ที่เผชิญได้อย่างถูกต้องเหมาะสมบนพื้นฐานของหลักเหตุผล คุณธรรมและข้อมูลสารสนเทศ เข้าใจ
ความสัมพันธ์และการเปลี่ยนแปลงของเหตุการณ์ต่าง ๆ ในสังคม แสวงหาความรู้ ประยุกต์ความรู้มาใช้ใน
การป้องกันและแก้ไขปัญหา และมีการตัดสินใจที่มีประสิทธิภาพ โดยคำนึงถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นต่อตนเอง
สังคม และส่ิงแวดล้อม
4. ความสามารถในการใชท้ กั ษะชีวติ เป็นความสามารถในการนำกระบวนการต่าง ๆ
ไปใช้ในการดำเนินชีวิตประจำวนั การเรียนรูด้ ้วยตนเอง การเรียนรูอ้ ยา่ งต่อเนือ่ ง การทำงาน และการอยู่
รว่ มกันในสงั คมด้วยการสร้างเสรมิ ความสมั พันธอ์ ันดีระหว่างบุคคล การจัดการปญั หาและความขัดแยง้ ต่าง ๆ
อย่างเหมาะสม การปรับตัวให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงของสังคมและสภาพแวดล้อม และการรูจ้ ักหลกี เลี่ยง
พฤตกิ รรมไมพ่ ึงประสงคท์ ี่สง่ ผลกระทบตอ่ ตนเองและผอู้ ่ืน
5. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี เปน็ ความสามารถในการเลือก และใช้เทคโนโลยี
ดา้ นต่าง ๆ และมที กั ษะกระบวนการทางเทคโนโลยี เพอ่ื การพัฒนาตนเองและสงั คมในด้าน การเรียนรู้
การสอื่ สาร การทำงาน การแกป้ ญั หาอย่างสรา้ งสรรค์ ถกู ต้อง เหมาะสม และ มีคุณธรรม
คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์
หลักสูตรสถานศึกษา มงุ่ พฒั นาผูเ้ รยี นให้มีคณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์ เพอื่ ใหส้ ามารถ อยู่ร่วมกับ
ผู้อ่นื ในสังคมอย่างมีความสุข ในฐานะเป็นพลเมืองไทยและพลเมอื งโลก ดงั นี้
1. รกั ชาติ ศาสน์ กษัตริย์
2. ซอื่ สตั ย์สุจรติ
หลกั สตู รสาระการเรียนร้วู ิทยาศาสตร์ ระดับประถมศึกษา
๒๐
3. มวี ินัย
4. ใฝ่เรียนรู้
5. อยู่อย่างพอเพียง
6. มุง่ มัน่ ในการทำงาน
7. รกั ความเป็นไทย
8. มจี ิตสาธารณะ
ทำไมต้องเรียนวิทยาศาสตร์
วิทยาศาสตรม์ ีบทบาทสำคัญยิง่ ในสังคมโลกปัจจุบนั และอนาคต เพราะวทิ ยาศาสตร์เกี่ยวข้องกับทุก
คนทั้งในชวี ิตประจำวนั และการงานอาชีพต่าง ๆ ตลอดจนเทคโนโลยี เครื่องมือเครื่องใช้และผลผลติ ต่าง ๆ
ที่มนุษย์ได้ใช้เพื่ออำนวยความสะดวกในชีวิตและการทำงาน เหล่านี้ล้วนเป็นผลของความรู้วิทยาศาสตร์
ผสมผสานกับความคิดสร้างสรรค์และศาสตร์อืน่ ๆ วิทยาศาสตร์ชว่ ยให้มนษุ ยไ์ ด้พัฒนาวิธีคิด ทั้งความคิดเป็น
เหตเุ ปน็ ผล คดิ สร้างสรรค์ คิดวิเคราะห์ วิจารณ์ มีทกั ษะสำคัญในการค้นควา้ หาความรู้ มคี วามสามารถใน
การแกป้ ัญหาอย่างเปน็ ระบบ สามารถตัดสินใจโดยใช้ข้อมูลท่ีหลากหลายและมีประจักษพ์ ยานที่ตรวจสอบได้
วิทยาศาสตร์เป็นวัฒนธรรมของโลกสมัยใหมซ่ ่ึงเปน็ สังคมแหง่ การเรยี นรู้ (K knowledge-based society) ดังนัน้ ทกุ
คนจึงจำเป็นต้องไดร้ ับการพัฒนาใหร้ ู้วิทยาศาสตร์ เพื่อที่จะมคี วามรู้ความเข้าใจในธรรมชาติและเทคโนโลยีท่ี
มนุษย์สรา้ งสรรค์ขน้ึ สามารถนำความรูไ้ ปใชอ้ ย่างมีเหตุผล สร้างสรรค์ และมคี ุณธรรม
เรยี นร้อู ะไรในวิทยาศาสตร์
กล่มุ สาระการเรียนรวู้ ทิ ยาศาสตรม์ ุ่งหวงั ให้ผ้เู รยี นไดเ้ รียนร้วู ิทยาศาสตร์ทเ่ี น้นการเช่ือมโยงความรู้กับ
กระบวนการ มีทักษะสำคัญในการค้นคว้าและสร้างองค์ความรู้ โดยใช้กระบวนการในการสืบเสาะหาความรู้
และแก้ปญั หาที่หลากหลาย ใหผ้ เู้ รียนมสี ว่ นร่วมในการเรยี นรทู้ ุกขน้ั ตอน มกี ารทำกิจกรรมด้วยการลงมือปฏิบัติ
จรงิ อย่างหลากหลาย เหมาะสมกับระดับช้ัน โดยกำหนดสาระสำคัญไว้ 8 สาระ ดังน้ี
• วิทยาศาสตร์ชีวภาพ เรียนรเู้ กีย่ วกับชีวิตในสิ่งแวดลอ้ ม องคป์ ระกอบของส่ิงมีชีวิต การดำรงชีวิต
ของมนุษย์และสัตว์ การดำรงชีวิตของพืช พันธุกรรม ความหลากหลายทางชีวภาพและวิวัฒนาการของ
ส่งิ มีชวี ิต
• วิทยาศาสตร์กายภาพ เรียนรู้เกี่ยวกบั ธรรมชาตขิ องสาร การเปล่ียนแปลงของสาร การเคลื่อนที่
พลังงาน และคล่นื
• วิทยาศาสตร์โลกและอวกาศ เรียนรู้เกี่ยวกับโลกในเอกภพ ระบบโลก และมนุษย์กับการ
เปลี่ยนแปลงของโลก
• เทคโนโลยี
- การออกแบบและเทคโนโลยี เรียนรู้เกี่ยวกับการพัฒนาผู้เรียนให้มีความรู้ความเข้าใจ
เกี่ยวกบั เทคโนโลยเี พ่อื ดำรงชวี ิตในสังคมทมี่ กี ารเปล่ยี นแปลงอย่างรวดเร็ว ใชค้ วามรูแ้ ละ
ทกั ษะทางด้านวิทยาศาสตร์ คณติ ศาสตร์ และศาสตร์อนื่ ๆ เพื่อแก้ปัญหาหรือพัฒนางาน
หลักสตู รสาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์ ระดบั ประถมศกึ ษา
๒๑
อย่างมีความคิดสร้างสรรค์ด้วยกระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรม เลือกใช้เทคโนโลยี
อย่างเหมาะสมโดยคำนึงถงึ ผลกระทบตอ่ ชวี ติ สังคม และสงิ่ แวดล้อม
- วิทยาการคำนวณ เรียนรู้เกี่ยวกับการพัฒนาผู้เรียนให้มคี วามรูค้ วามเข้าใจ มีทักษะการ
คดิ เชงิ คำนวณ การคดิ วิเคราะห์ แก้ปัญหาเปน็ ขนั้ ตอนและเปน็ ระบบ ประยุกตใ์ ช้ความรู้
ด้านวิทยาการคอมพิวเตอรแ์ ละเทคโนโลยีสารสนเทศและการสือ่ สารในการแก้ปญั หาที่
พบในชวี ติ จรงิ ได้อย่างมปี ระสิทธิภาพ
คณุ ภาพผเู้ รยี น
จบชน้ั ประถมศกึ ษาปที ี่ 3
• เข้าใจลักษณะทั่วไปของสิ่งมีชีวิต การดำรงชีวิตของสิ่งมีชีวิต และทรัพยากรธรรมชาติที่
หลากหลายในส่ิงแวดล้อมของทอ้ งถิ่น
• เข้าใจลกั ษณะทป่ี รากฏ สมบตั บิ างประการของวสั ดุ และการเปล่ยี นแปลงของวัสดรุ อบตัว
• เข้าใจการเคลื่อนที่แบบต่าง ๆ ของวัตถุ และแรงที่กระทาต่อวัตถุทำให้วัตถุเปลี่ยนแปลงการ
เคล่ือนท่ี ความสำคัญของพลังงานไฟฟา้ และแหลง่ ผลิตพลงั งานไฟฟา้
• เข้าใจลักษณะที่ปรากฏของดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ และดวงดาว องค์ประกอบ และสมบัติทาง
กายภาพของดนิ หนิ นำ้ อากาศ ลกั ษณะภมู ิประเทศแบบตา่ ง ๆ ในท้องถ่นิ และการเกิดลม
• ตงั้ คาถามเกย่ี วกบั สิง่ มีชีวิต วสั ดุและสงิ่ ของ การเคล่ือนท่ีของวตั ถุ และปรากฏการณ์ต่างๆ รอบตัว
สังเกต สำรวจตรวจสอบโดยใช้เครื่องมืออย่างง่าย รวบรวมข้อมูล บันทึก และอธิบายผลการสำรวจ
ตรวจสอบด้วยการเขียนหรือวาดภาพ และสื่อสารสิ่งที่เรียนรู้ด้วยการเล่าเรื่อง หรือด้วยการแสดงท่าทาง
เพอื่ ให้ผู้อ่นื เข้าใจ
• แก้ปัญหาอย่างง่ายโดยใช้ขัน้ ตอนการแกป้ ัญหา มีทักษะในการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการ
สือ่ สารเบ้ืองต้น รกั ษาข้อมลู ส่วนตวั
• แสดงความกระตือรือร้น สนใจที่จะเรียนรู้ มีความคิดสร้างสรรค์เกี่ยวกับเรื่องที่จะศึกษาตามท่ี
กำหนดให้หรอื ตามความสนใจ มีสว่ นรว่ มในการแสดงความคิดเห็น และยอมรบั ฟังความคิดเหน็ ผอู้ ่นื
• แสดงความรับผิดชอบด้วยการทำงานที่ได้รับมอบหมายอย่างมุ่งมัน่ รอบคอบ ประหยัด ซื่อสัตย์
จนงานลลุ ว่ งเป็นผลสำเร็จ และทำงานรว่ มกับผอู้ ่นื อยา่ งมีความสขุ
• ตระหนักถึงประโยชน์ของการใช้ความรู้และกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ในการดำรงชีวิต ศึกษา
หาความรู้เพิ่มเตมิ ทำโครงงานหรือชน้ิ งานตามท่ีกำหนดใหห้ รอื ตามความสนใจ
จบช้ันประถมศึกษาปที ่ี 6
• เข้าใจโครงสร้างและการทำงานของระบบตา่ ง ๆ ของสง่ิ มีชีวิต ความสัมพนั ธข์ องส่ิงมชี วี ิตในระบบ
นิเวศ และความหลากหลายของทรพั ยากรธรรมชาตทิ ่ีพบในระดับประเทศ
หลกั สตู รสาระการเรียนรูว้ ทิ ยาศาสตร์ ระดับประถมศกึ ษา
๒๒
• เข้าใจสมบัติและการจำแนกกลุ่มของวัสดุ สถานะของสาร สมบัติของสารและการทำให้สารเกิด
การเปลีย่ นแปลง การเกิดปฏิกิริยาเคมีของสาร การแยกสารอยา่ งง่าย และสารในชีวติ ประจาวนั
• เขา้ ใจลกั ษณะของแรงประเภทต่าง ๆ ผลท่ีเกดิ จากแรงกระทำต่อวัตถุ ความดนั หลกั การเบ้ืองต้น
ของแรงพยงุ ส่วนประกอบและหนา้ ท่ีของส่วนประกอบของวงจรไฟฟ้า การถา่ ยโอนพลงั งานกลท่ี เกิดจาก
แรงเสยี ดทานไปเปน็ พลงั งานอน่ื สมบัตแิ ละปรากฏการณเ์ บือ้ งต้นของเสียง และแสง
• เข้าใจลักษณะของดาวในเอกภพ และจำแนกประเภทของกล่มุ ดาว ความสัมพันธ์ของดวงอาทิตย์
โลก และดวงจันทร์ทม่ี ีผลตอ่ การเกดิ ปรากฏการณ์ธรรมชาติ ความกา้ วหน้าของเทคโนโลยีอวกาศ
• เข้าใจองค์ประกอบและสมบัติของดิน น้ำ และบรรยากาศ และปัจจัยที่มีผลต่อการเปลี่ยนแปลง
ของผวิ โลก การเกิดลมบก ลมทะเล ผลกระทบทีเ่ กิดจากธรณพี บิ ตั ิภยั และปรากกฎการณเ์ รือนกระจก
• ค้นหาข้อมูลอย่างมปี ระสิทธิภาพและประเมินความน่าเชือ่ ถอื ตัดสินใจเลือกข้อมูล ใช้เหตุผลเชงิ
ตรรกะในการแก้ปัญหา ใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารในการทำงานร่วมกัน เข้าใจสิทธิและหน้าท่ี
ของตน เคารพสิทธิของผูอ้ ื่น
• ต้งั คำถามหรอื กำหนดปญั หาเกย่ี วกบั ส่ิงทจี่ ะเรยี นรูต้ ามทกี่ ำหนดให้หรือตามความสนใจ คาดคะเน
คำตอบหลายแนวทาง สรา้ งสมมตฐิ านท่สี อดคลอ้ งกับคำถามหรอื ปัญหาท่ีจะสำรวจตรวจสอบ วางแผนและ
สำรวจตรวจสอบโดยใช้เครอื่ งมือ อปุ กรณ์ และเทคโนโลยีสารสนเทศท่ีเหมาะสมในการเก็บรวบรวมข้อมูล
ทั้งเชงิ ปริมาณและคุณภาพ
• วิเคราะห์ข้อมูล ลงความเห็น และสรุปความสัมพันธ์ของข้อมูลที่มาจากการสำรวจตรวจสอบใน
รูปแบบทเ่ี หมาะสม เพอื่ สอ่ื สารความรู้จากผลการสำรวจตรวจสอบได้อยา่ งมีเหตุผลและหลกั ฐานอา้ งอิง
• แสดงถึงความสนใจ มุ่งมั่น ในสิ่งที่จะเรียนรู้ มีความคิดสร้างสรรค์เกี่ยวกับเรื่องที่จะศึกษาตาม
ความสนใจของตนเอง แสดงความคิดเหน็ ของตนเอง ยอมรบั ในขอ้ มูลท่ีมีหลักฐานอ้างองิ และรับฟัง ความ
คดิ เห็นผอู้ น่ื
• แสดงความรับผิดชอบด้วยการทำงานที่ได้รับมอบหมายอย่างมุง่ มั่น รอบคอบ ประหยัด ซื่อสัตย์
จนงานลุลว่ งเปน็ ผลสำเรจ็ และทำงานรว่ มกับผอู้ นื่ อยา่ งอยา่ งสรา้ งสรรค์
• ตระหนักในคุณค่าของความรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ใช้ในความรู้และกระบวนการทาง
วิทยาศาสตรใ์ นการดำรงชีวติ แสดงความช่ืนชม ยกย่องและเคารพสิทธิในผลงานของผูค้ ิดคน้ และศกึ ษาหา
ความรู้เพ่มิ เติม ทำโครงงานหรอื ช้นิ งานตามทกี่ ำหนดให้หรือตามความสนใจ
• แสดงถึงความซาบซึ้ง ห่วงใย แสดงพฤติกรรมเกี่ยวกับการใช้ การดูแลรักษาทรัพยากรธรรมชาติ
และส่งิ แวดลอ้ มอย่างรู้คณุ ค่า
หลักสูตรสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ระดับประถมศึกษา
๒๓
มาตรฐานการเรยี นรู้
กลุม่ สาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตร์
สาระท่ี 1 วทิ ยาศาสตร์ชีวภาพ
มาตรฐาน ว 1.1 เข้าใจความหลากหลายของระบบนเิ วศ ความสมั พันธร์ ะหวา่ งส่งิ ไมม่ ชี ีวิตกบั
สงิ่ มีชีวติ และความสัมพันธ์ระหวา่ งสิ่งมีชีวิตกบั สงิ่ มชี วี ติ ตา่ ง ๆ ในระบบนเิ วศ การถ่ายทอดพลงั งานการ
เปลย่ี นแปลงแทนทีใ่ นระบบนิเวศ ความหมายของประชากร ปญั หาและผลกระทบท่ีมตี ่อทรพั ยากรธรรมชาติ
และสิง่ แวดล้อม แนวทางในการอนุรักษธ์ รรมชาติและการแกไ้ ขปญั หาส่ิงแวดล้อมท้ังนำความรู้ไปใช้ประโยชน์
มาตรฐาน ว 1.2 เข้าใจสมบัติของสิ่งมชี ีวติ หน่วยพื้นฐานของสง่ิ มีชวี ิต การลำเลยี งสารเข้าและออก
จากเซลล์ความสัมพันธ์ของโครงสรา้ ง และหนา้ ท่ขี องระบบตา่ ง ๆ ของสัตวแ์ ละมนษุ ยท์ ีท่ ำงานสมั พันธก์ ัน
ความสมั พนั ธ์ของโครงสร้าง และหน้าท่ขี องอวยั วะตา่ ง ๆ ของพืชทท่ี ำงานสมั พันธ์กัน รวมทง้ั นำความรู้ไปใช้
ประโยชน์
มาตรฐาน ว 1.3 เขา้ ใจกระบวนการและความสำคัญของการถา่ ยทอดลักษณะทางพนั ธุกรรม สาร
พันธกุ รรมการเปล่ียนแปลงทางพนั ธุกรรมทม่ี ผี ลต่อสิ่งมีชวี ติ ความหลากหลายทางชวี ภาพและววิ ฒั นาการของ
สิ่งมีชีวิต รวมทงั้ นำความรไู้ ปใช้ประโยชน์
หมายเหต:ุ มาตรฐาน ว 1.1 – ว .3 สำหรับผ้เู รียนในระดบั ชัน้ ประถมศึกษาปีที่ 1 ถึงระดบั ชั้นประถมศึกษาปี
ที่ 6
สาระท่ี 2 วิทยาศาสตรก์ ายภาพ
มาตรฐาน ว 2.1 เข้าใจสมบัติของสสาร องค์ประกอบของสสาร ความสัมพนั ธ์ระหว่างสมบตั ขิ องสสาร
กบั โครงสร้างและแรงยึดเหน่ียวระหว่างอนุภาค หลกั และธรรมชาตขิ องการเปลย่ี นแปลงสถานะของสสาร การ
เกิดสารละลาย และการเกิดปฏกิ ริ ยิ าเคมี
มาตรฐาน ว 2.2 เข้าใจธรรมชาติของแรงในชีวิตประจำวนั ผลของแรงทก่ี ระทำตอ่ วตั ถุ ลักษณะการ
เคลื่อนท่ี แบบต่าง ๆ ของวัตถุ รวมท้งั นำความรไู้ ปใชป้ ระโยชน์
มาตรฐาน ว 2.3 เข้าใจความหมายของพลงั งาน การเปล่ียนแปลงและการถา่ ยโอนพลังงาน
ปฏสิ ัมพนั ธ์ระหวา่ งสสารและพลังงาน พลังงานในชีวติ ประจำวนั ธรรมชาติของคลื่น ปรากฏการณ์ท่ีเกยี่ วข้อง
กบั เสียง แสง และคล่นื แม่เหลก็ ไฟฟ้า รวมทัง้ นำความรไู้ ปใช้ประโยชน์
หมายเหตุ: มาตรฐาน ว 2.1 – ว 2.3 สำหรับผเู้ รียนในระดบั ชัน้ ประถมศกึ ษาปีที่ 1 ถงึ ระดับช้นั ประถมศึกษา
ปีท่ี 6
หลักสูตรสาระการเรียนรูว้ ิทยาศาสตร์ ระดับประถมศกึ ษา
๒๔
สาระท่ี 3 วิทยาศาสตรโ์ ลกและอวกาศ
มาตรฐาน ว 3.1 เข้าใจองคป์ ระกอบ ลกั ษณะ กระบวนการเกดิ และววิ ฒั นาการของเอกภพ
กาแลก็ ซี ดาวฤกษ์และระบบสุริยะ รวมทัง้ ปฏิสัมพันธ์ภายในระบบสรุ ิยะท่สี ่งผลตอ่ สิง่ มชี วี ติ และการประยกุ ต์ใช้
เทคโนโลยีอวกาศ
มาตรฐาน ว 3.2 เข้าใจองคป์ ระกอบและความสมั พันธ์ของระบบโลก กระบวนการเปล่ียนแปลง
ภายในโลก และบนผิวโลก ธรณีพิบตั ภิ ยั กระบวนการเปล่ียนแปลงลมฟ้าอากาศและภมู ิอากาศโลก รวมทงั้ ผล
ต่อสิง่ มีชวี ิตและส่งิ แวดล้อม
หมายเหต:ุ มาตรฐาน ว 3.1 – ว 3.2 สำหรับผ้เู รียนในระดับช้นั ประถมศึกษาปที ่ี 1 ถงึ ระดับช้ันประถมศึกษา
ปีที่ 6
สาระที่ 4 เทคโนโลยี
มาตรฐาน ว 4.1 เข้าใจแนวคิดหลกั ของเทคโนโลยเี พอ่ื การดำรงชีวติ ในสังคมที่มีการเปลย่ี นแปลง
อย่างรวดเรว็ ใชค้ วามรู้และทักษะทางดา้ นวทิ ยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และศาสตร์อ่ืน ๆ เพือ่ แก้ปัญหา หรอื
พัฒนางานอยา่ งมคี วามคิดสร้างสรรคด์ ว้ ยกระบวนการออกแบบเชงิ วศิ วกรรม เลือกใชเ้ ทคโนโลยอี ย่าง
เหมาะสมโดยคำนึงถึงผลกระทบต่อชีวิต สงั คม และสง่ิ แวดลอ้ ม
มาตรฐาน ว 4.2 เข้าใจและใช้แนวคิดเชงิ คำนวณในการแก้ปัญหาที่พบในชีวติ จริงอยา่ งเปน็ ขั้นตอน
และเป็นระบบใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศและการสอื่ สารในการเรยี นรู้ การทำงาน และการแกป้ ัญหาได้อย่างมี
ประสทิ ธภิ าพ รูเ้ ท่าทัน และมจี ริยธรรม
หลกั สูตรสาระการเรียนรูว้ ทิ ยาศาสตร์ ระดบั ประถมศึกษา
๒๕
ตวั ชี้วัดช้ันปี
สาระท่ี 1 วิทยาศาสตร์ชีวภาพ
มาตรฐาน ว 1.1 เขา้ ใจความหลากหลายของระบบนเิ วศ ความสมั พนั ธ์ระหวา่ งส่ิงไมม่ ชี ีวติ กบั
สง่ิ มีชีวิต และ ความสัมพนั ธร์ ะหวา่ งสง่ิ มชี ีวติ กบั ส่ิงมชี วี ิตต่างๆ ในระบบนเิ วศ การถ่ายทอดพลังงาน การ
เปล่ียนแปลงแทนทใ่ี นระบบนิเวศ ความหมายของประชากร ปญั หาและผลกระทบที่มตี อ่ ทรัพยากรธรรมชาติ
และสิง่ แวดลอ้ ม แนวทางในการอนรุ ักษ์ทรัพยากรธรรมชาตแิ ละการแกไ้ ข ปัญหาส่งิ แวดล้อมรวมท้ังนาความรู้
ไปใช้ประโยชน์
ป. 1 ตัวชว้ี ัดชน้ั ปี ป. 3
ป. 2 -
1. ระบชุ อื่ พชื และสตั ว์ที่อาศัย
อยู่บรเิ วณตา่ ง ๆ จากขอ้ มลู ที่
รวบรวมได้
2. บอกสภาพแวดล้อม ที่
เหมาะสมกับการดำรงชีวติ ของ
สัตว์ในบริเวณท่อี าศยั อยู่
ป. 4 ป. 5 ป. 6
1. บรรยายโครงสรา้ ง และ
ลกั ษณะของส่งิ มชี ีวิตทเ่ี หมาะสม
กบั การดำรงชีวิตซึ่ง เปน็ ผลมา
จากการปรับตวั ของสิ่งมชี วี ิตใน
แต่ละแหลง่ ท่ีอยู่
หลกั สูตรสาระการเรยี นรูว้ ทิ ยาศาสตร์ ระดบั ประถมศกึ ษา
๒๖
2. อธบิ าย ความสมั พนั ธ์
ระหวา่ งส่ิงมีชีวิตกับส่งิ มีชวี ติ
และ ความสัมพนั ธ์ ระหว่าง
สง่ิ มชี ีวติ กับสง่ิ ไม่มีชวี ิต เพอื่
ประโยชน์ต่อการดารงชีวติ
3. เขยี นโซอ่ าหารและระบุ
บทบาทหน้าที่ของส่งิ มชี ีวิตทีเ่ ป็น
ผู้ผลิตและผู้บรโิ ภคในโซ่อาหาร
4. ตระหนกั ในคุณคา่ ของ
สงิ่ แวดลอ้ มท่ีมี ต่อการดำรงชีวติ
ของสิง่ มีชวี ิตโดยมีสว่ นรว่ มใน
การดแู ลรักษาสิง่ แวดล้อม
สาระที่ 1 วทิ ยาศาสตรช์ วี ภาพ
มาตรฐาน ว 1.2 เขา้ ใจสมบตั ิของสิ่งมีชีวิต หน่วยพ้นื ฐานของสงิ่ มีชวี ติ การลาเลยี งสารเข้าและออกจากเซลล์
ความสัมพันธข์ อง โครงสร้าง และหน้าทข่ี องระบบต่างๆ ของสัตว์และมนษุ ย์ทีท่ างานสัมพนั ธ์กัน ความสัมพันธ์
ของโครงสร้างและหน้าทขี่ องอวยั วะตา่ งๆ ของพืชทท่ี ำงานสัมพนั ธก์ นั รวมท้งั นาความร้ไู ปใช้ประโยชน์
ตวั ช้ีวัดชัน้ ปี
ป. 1 ป. 2 ป. 3
1. ระบุช่ือ บรรยาย ลกั ษณะ 1. ระบุวา่ พชื ตอ้ งการแสงและ 1. บรรยายสิง่ ที่ จำเปน็ ตอ่ การ
และบอก หน้าท่ีของส่วนต่างๆ นำ้ เพอื่ การเจริญเติบโต โดยใช้ ดำรงชีวิตและการเจรญิ เติบโตของ
ของร่างกายมนษุ ย์ สัตว์ และพืช ข้อมลู จาก หลักฐานเชงิ มนษุ ยแ์ ละสัตว์ โดยใชข้ ้อมลู ท่ี
รวมท้ังบรรยายการทำหนา้ ท่ี ประจกั ษ์ รวบรวมได้
ร่วมกนั ของ ส่วนต่าง ๆ ของ 2. ตระหนกั ถึงความจำเปน็ ที่ 2. ตระหนกั ถึง ประโยชนข์ อง
รา่ งกายมนษุ ย์ใน การทำ พืชต้องได้รบั น้ำและแสงเพอ่ื การ อาหาร นำ้ และ อากาศ โดยการ
กิจกรรม ต่าง ๆ จากข้อมูลท่ี เจริญเตบิ โต โดยดูแลพืชใหไ้ ดร้ ับ ดแู ลตนเองและ สัตว์ให้ได้รับ สิ่ง
รวบรวมได้ สงิ่ ดังกล่าวอย่างเหมาะสม เหล่าน้อี ย่าง เหมาะสม
3. ตระหนักถงึ ความสำคัญของ 3. สรา้ งแบบจำลองทีบ่ รรยาย 3. สรา้ งแบบจำลองทีบ่ รรยายวัฏ
สว่ นตา่ ง ๆ ของร่างกายตนเอง วฎั จักรชวี ติ ของพชื ดอก จักร ชวี ิตของสัตว์และ เปรยี บเทียบ
โดยการดูแล สว่ นต่างๆ อยา่ ง วฏั จักรชวี ิตของ สตั วบ์ างชนดิ
ถูกต้อง ใหป้ ลอดภัยและรกั ษา 4. ตระหนกั ถงึ คณุ ค่าของชีวติ สตั ว์
ความ สะอาดอยู่เสมอ โดยไมท่ ำให้วัฏจักรชีวิตของสัตว์
เปลยี่ นแปลง
ป. 4 ป. 5 ป. 6
หลกั สูตรสาระการเรียนร้วู ิทยาศาสตร์ ระดับประถมศึกษา
๒๗
1. บรรยายหนา้ ท่ี ของราก ลำ 1. ระบุสารอาหารและบอก
ตน้ ใบและดอกของพชื ดอกโดย ประโยชนข์ อง สารอาหารแต่ละ
ใช้ขอ้ มลู ทร่ี วบรวมได้ ประเภทจากอาหารท่ีตนเอง
รบั ประทาน
2. บอกแนวทางในการเลือก
รบั ประทาน อาหารใหไ้ ดส้ ารอาหาร
ครบถว้ นในสัดสว่ นท่ี เหมาะสมกบั
เพศและวัย รวมท้ังความปลอดภัย
ตอ่ สุขภาพ
3. ตระหนกั ถึงความสำคญั ของ
สารอาหาร โดยการเลอื ก
รบั ประทาน อาหารที่มีสารอาหาร
ครบถ้วนในสดั สว่ นท่ีเหมาะสมกับ
เพศ และวัย รวมทง้ั ปลอดภยั ตอ่
สุขภาพ
ตวั ชีว้ ัดช้นั ปี
ป. 4 ป. 5 ป. 6
4. สรา้ งแบบจำลอง ระบบยอ่ ยอาหาร
และบรรยายหนา้ ที่ของอวยั วะในระบบ
ยอ่ ยอาหาร รวมทงั้ อธิบายการยอ่ ย
อาหารและการ ดดู ซมึ สารอาหาร
5. ตระหนกั ถงึ ความสำคญั ของระบบ
ยอ่ ยอาหาร โดยการบอก แนวทางใน
การดูแลรักษาอวยั วะในระบบย่อย
อาหารใหท้ างานเปน็ ปกติ
สาระที่ 1 วิทยาศาสตร์ชวี ภาพ
มาตรฐาน ว 1.3 เขา้ ใจกระบวนการและความสำคัญของการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม สารพันธุกรรม
การเปล่ียนแปลงทางพนั ธุกรรมท่ีมีผลต่อสิ่งมีชีวิต ความหลากหลายทางชีวภาพและววิ ัฒนาการ ของส่ิงมีชีวิต
รวมทง้ั นำความร้ไู ปใชป้ ระโยชน์
ตวั ชว้ี ัดช้ันปี
ป. 1 ป. 2 ป. 3
- 1. เปรยี บเทียบ ลักษณะของส่ิงมีชีวติ
และส่งิ ไมม่ ีชวี ิต จากข้อมูลที่รวบรวมได้
ป. 4 ป. 5 ป. 6
หลกั สตู รสาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตร์ ระดบั ประถมศึกษา
๒๘
1. จำแนกสงิ่ มีชวี ติ โดยใช้ความเหมอื น 1. อธิบายลกั ษณะทางพันธุกรรมทีม่ กี าร -
และความแตกต่างของลักษณะของ ถา่ ยทอดจากพอ่ แมส่ ู่ลกู ของพชื สัตว์
สิ่งมีชวี ิต ออกเป็น กลุ่มพชื กลุ่มสัตว์ และ และมนษุ ย์
กลุ่มท่ีไมใ่ ชพ่ ชื และสตั ว์ 2. แสดงความอยากรู้อยากเห็นโดยการ
2. จำแนกพชื ออกเป็นพชื ดอกและพืชไมม่ ี ถามคำถามเก่ียวกับลกั ษณะทค่ี ล้ายคลงึ
ดอก โดยใชก้ ารมีดอกเป็นเกณฑ์ โดยใช้ กนั ของตนเองกบั พ่อแม่
ข้อมลู ทร่ี วบรวมได้
3. จำแนกสตั วอ์ อกเปน็ สัตวม์ กี ระดูกสนั
หลังและสตั วไ์ มม่ กี ระดกู สันหลงั โดยใช้
การมกี ระดกู สนั หลงั เปน็ เกณฑ์ โดยใช้
ข้อมลู ทร่ี วบรวมได้
4. บรรยายลักษณะ เฉพาะท่ีสังเกตได้
ของสตั ว์มกี ระดูกสนั หลงั ในกล่มุ ปลา กลมุ่
สตั วส์ ะเทนิ น้าสะเทนิ บก กลุม่
สัตว์เล้ือยคลาน กลุม่ นก และกลุ่มสัตว์
เล้ียงลกู ดว้ ยน้ำนม และยกตัวอยา่ ง
สง่ิ มีชีวติ ในแต่ละกลุม่
สาระท่ี 2 วิทยาศาสตรก์ ายภาพ
มาตรฐาน ว 2.1 เข้าใจสมบัติของสสาร องค์ประกอบของสสาร ความสัมพันธ์ระหว่างสมบัติของสสารกับ
โครงสร้างและแรงยดึ เหนี่ยวระหว่างอนภุ าค หลักและธรรมชาตขิ องการเปลีย่ นแปลงสถานะของสสาร การเกิด
สารละลาย และการเกดิ ปฏิกริ ยิ าเคมี
ตวั ชว้ี ัดชั้นปี
ป. 1 ป. 2 ป. 3
1. อธิบายสมบตั ิทสี่ งั เกตได้ของ 1. เปรยี บเทียบสมบัตกิ ารดดู ซับน้ำ 1. อธบิ ายว่าวัตถปุ ระกอบขน้ึ จาก
วัสดทุ ่ใี ช้ทำวตั ถุซ่งึ ทำจากวสั ดุ ของวัสดโุ ดยใช้หลักฐานเชิงประจักษ์ ชิ้นส่วน ยอ่ ย ๆ ซง่ึ สามารถแยก
ชนดิ เดียวหรอื หลายชนดิ และระบุการนำสมบัติการดูดซับนำ้ ออกจากกนั ได้และประกอบกนั
ประกอบกนั โดยใชห้ ลกั ฐานเชิง ของวัสดุไปประยุกต์ใช้ในการทำวัตถุ เปน็ วตั ถชุ ิน้ ใหม่ได้ โดยใชห้ ลักฐาน
ประจักษ์ ในชวี ิตประจำวนั เชิงประจักษ์
2. ระบชุ นิดของวสั ดแุ ละจัดกลุ่ม 2. อธิบายสมบัติทสี่ ังเกตไดข้ องวัสดุ 2. อธิบายการเปลีย่ นแปลงของ
วสั ดุตามสมบัติที่สงั เกตได้ ที่เกดิ จากการนำวสั ดมุ าผสมกัน โดย วสั ดุเม่อื ทำให้ร้อนขึ้นหรอื ทำให้
ใชห้ ลกั ฐานเชงิ ประจักษ์ เย็นลง โดยใช้หลักฐานเชงิ
3. เปรยี บเทยี บสมบัตทิ ่ีสงั เกตได้ ประจกั ษ์
ของวสั ดเุ พือ่ นำมาทำเป็นวตั ถุในการ
ใชง้ านตามวตั ถปุ ระสงค์ และอธบิ าย
การนำวัสดุทีใ่ ชแ้ ลว้ กลับมาใช้ใหม่
โดยใชห้ ลักฐานเชงิ ประจักษ์
หลกั สตู รสาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์ ระดบั ประถมศกึ ษา
๒๙
ตัวชี้วัดชั้นปี
4. ตระหนักถึงประโยชนข์ องการนำ
วัสดุท่ีใช้แล้วกลบั มาใชใ้ หม่ โดยการ
นำวสั ดทุ ใี่ ชแ้ ลว้ กลับมาใชใ้ หม่
ป. 4 ป. 5 ป. 6
1. เปรยี บเทยี บสมบัตทิ าง 1. อธบิ ายการเปล่ียนสถานะ ของ 1. อธบิ ายและเปรยี บเทยี บการ
กายภาพ ดา้ นความแข็ง สภาพ สสารเมือ่ ทำให้สสารรอ้ นข้ึนหรือเยน็ แยกสารผสมโดยการหยิบออก
ยืดหยุ่น การนำความรอ้ น และ ลง โดยใชห้ ลักฐานเชงิ ประจักษ์ การรอ่ น การใชแ้ ม่เหลก็ ดึงดูด
การนำไฟฟา้ ของวสั ดโุ ดยใช้ 2. อธบิ ายการละลายของสารในนำ้ การรนิ ออก การกรอง และการ
หลกั ฐานเชิงประจักษจ์ ากการ โดยใช้หลักฐานเชงิ ประจกั ษ์ ตกตะกอน โดยใช้หลักฐานเชงิ
ทดลองและระบกุ ารนำสมบตั ิ 3. วิเคราะหก์ ารเปลยี่ นแปลงของ ประจักษ์ รวมท้ังระบวุ ธิ ีแกป้ ญั หา
เร่ืองความแขง็ สภาพยืดหยุ่น สารเมอ่ื เกิดการเปล่ียนแปลงทางเคมี ในชีวิตประจำวันเกีย่ วกับการแยก
การนำความรอ้ น และการนำ โดยใช้หลักฐานเชงิ ประจกั ษ์ สาร
ไฟฟา้ ของวัสดไุ ปใชใ้ น 4. วเิ คราะหแ์ ละระบกุ าร
ชีวิตประจำวนั ผ่านกระบวนการ เปลย่ี นแปลงที่ผนั กลบั ได้และการ
ออกแบบช้นิ งาน 2. แลกเปลยี่ น เปลี่ยนแปลงที่ผันกลบั ไม่ได้
ความคดิ กับผูอ้ ่นื โดยการอภปิ ราย
เก่ยี วกบั สมบัติทางกายภาพของ
วัสดุอยา่ งมีเหตุผลจากการ
ทดลอง
3. เปรยี บเทยี บสมบัตขิ องสสาร
ทง้ั 3 สถานะ จากข้อมูลที่ได้จาก
การสงั เกตมวล การต้องการท่ีอยู่
รูปร่างและปริมาตรของสสาร
4. ใชเ้ คร่อื งมอื เพ่อื วัดมวล และ
ปรมิ าตรของสสารท้ัง 3 สถานะ
สาระที่ 2 วิทยาศาสตร์กายภาพ
มาตรฐาน ว 2.2 เข้าใจธรรมชาติของแรงในชวี ิตประจำวนั ผลของแรงทก่ี ระทาตอ่ วัตถุ ลกั ษณะการเคล่ือนท่ี
แบบ ต่างๆ ของวตั ถุ รวมทง้ั นำความร้ไู ปใช้ประโยชน์
ตวั ช้ีวัดชั้นปี
ป. 1 ป. 2 ป. 3
- - 1. ระบุผลของแรงทม่ี ีตอ่ การเปลยี่ นแปลง
การเคล่อื นทขี่ องวัตถจุ ากหลกั ฐานเชงิ
ประจักษ์
หลักสตู รสาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์ ระดับประถมศึกษา
๓๐
ตัวชว้ี ัดช้ันปี
2. เปรยี บเทียบและยกตวั อยา่ งแรงสมั ผัส
และแรงไม่สมั ผสั ทมี่ ผี ลตอ่ การเคล่อื นท่ี
ของวตั ถโุ ดยใช้หลกั ฐานเชิงประจกั ษ์
3. จำแนกวตั ถโุ ดยใช้การดึงดดู กับ
แมเ่ หล็กเป็นเกณฑจ์ ากหลักฐานเชงิ
ประจกั ษ์
4. ระบขุ ้วั แม่เหล็กและพยากรณผ์ ลที่
เกดิ ข้นึ ระหวา่ งขัว้ แมเ่ หล็กเมือ่ นำมาเขา้
ใกลก้ นั จากหลกั ฐานเชงิ ประจักษ์
ป. 4 ป. 5 ป. 6
1. ระบุผลของแรงโนม้ ถ่วงทม่ี ีต่อ 1. อธบิ ายวธิ ีการหาแรงลัพธ์ 1. อธิบายการเกิดและผลของแรงไฟฟ้า
วตั ถุจากหลักฐานเชงิ ประจกั ษ์ ของแรงหลายแรงในแนว ซ่งึ เกดิ จากวัตถทุ ่ีผ่านการ ขัดถูโดยใช้
2. ใช้เครื่องชัง่ สปริงในการวดั เดียวกันท่ีกระทำตอ่ วตั ถใุ น หลกั ฐานเชงิ ประจกั ษ์
นำ้ หนักของวัตถุ กรณที ีว่ ัตถุอย่นู ิ่งจากหลักฐาน
3. บรรยายมวลของวตั ถทุ ่มี ีผล เชิงประจักษ์
ต่อการเปลย่ี นแปลงการเคลอื่ นที่ 2. เขยี นแผนภาพแสดงแรงที่
ของวัตถจุ ากหลกั ฐานเชงิ กระทำต่อวตั ถทุ ี่อยู่ในแนว
ประจักษ์ เดียวกันและแรงลพั ธท์ กี่ ระทำ
ตอ่ วัตถุ
3. ใชเ้ ครอ่ื งชง่ั สปริงในการวัด
แรงทีก่ ระทำต่อวตั ถุ
4. ระบุผลของแรงเสยี ดทานที่
มีต่อการเปล่ียนแปลงการ
เคลอื่ นทขี่ องวัตถุจากหลักฐาน
เชิงประจกั ษ์
5. เขียนแผนภาพแสดงแรง
เสยี ดทานและแรงทอี่ ยู่ในแนว
เดียวกันทก่ี ระทำตอ่ วัตถุ
สาระท่ี 2 วิทยาศาสตร์กายภาพ
มาตรฐาน ว 2.3 เข้าใจความหมายของพลังงาน การเปล่ียนแปลงและการถา่ ยโอนพลงั งาน ปฏสิ มั พนั ธ์
ระหวา่ งสสาร และพลงั งาน พลงั งานในชวี ติ ประจาวนั ธรรมชาติของคลน่ื ปรากฏการณ์ท่เี กีย่ วขอ้ งกบั เสยี ง
แสง และคลืน่ แมเ่ หล็กไฟฟ้า รวมท้ังนำความรไู้ ปใชป้ ระโยชน์
ตวั ชว้ี ัดช้นั ปี
ป. 1 ป. 2 ป. 3
หลักสตู รสาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์ ระดับประถมศกึ ษา
๓๑
ตวั ชี้วัดช้นั ปี
1. บรรยายการเกดิ เสยี งและทิศ 1. บรรยายแนวการเคลื่อนท่ี 1. ยกตัวอยา่ งการเปล่ียนพลงั งานหนง่ึ ไป
เปน็ อีกพลงั งานหนงึ่ จากหลักฐานเชงิ
ทางการเคล่ือนท่ขี องเสยี งจาก ของแสงจากแหลง่ กำเนดิ แสง ประจกั ษ์
2. บรรยายการทำงานของเคร่ืองกำเนิด
หลกั ฐานเชงิ ประจักษ์ และอธิบายการมองเห็นวัตถุ ไฟฟ้าและระบแุ หลง่ พลงั งานในการผลิต
ไฟฟ้าจากข้อมลู ทรี่ วบรวมได้ ๓. ตระหนัก
จากหลักฐานเชงิ ประจักษ์ ในประโยชนแ์ ละโทษของไฟฟา้ โดย
นำเสนอวธิ กี ารใชไ้ ฟฟ้าอย่างประหยดั และ
2. ตระหนกั ในคณุ คา่ ของ ปลอดภัย
ความรูข้ องการมองเห็นโดย ป. 6
1. ระบุสว่ นประกอบและบรรยายหนา้ ที่
เสนอแนะแนวทางการป้องกนั ของแตล่ ะส่วนประกอบของวงจรไฟฟ้า
อยา่ งง่ายจากหลักฐานเชิงประจกั ษ์
อันตรายจากการมองวตั ถุที่อยู่ 2. เขยี นแผนภาพและต่อวงจรไฟฟ้าอยา่ ง
งา่ ย
ในบรเิ วณท่มี แี สงสว่างไม่ 3. ออกแบบการทดลองและทดลองดว้ ย
วธิ ที เ่ี หมาะสมในการอธิบายวิธีการและผล
เหมาะสม ของการตอ่ เซลล์ไฟฟ้าแบบอนกุ รม 4.
ตระหนกั ถึงประโยชน์ของความรขู้ องการ
ป. 4 ป. 5 ตอ่ เซลลไ์ ฟฟา้ แบบอนุกรมโดยบอก
ประโยชนแ์ ละการประยุกต์ใช้ใน
1. จำแนกวตั ถุเป็นตวั กลาง 1. อธบิ ายการได้ยินเสยี งผ่าน ชีวิตประจำวัน
5. ออกแบบการทดลองและทดลองดว้ ย
โปรง่ ใส ตัวกลางโปร่งแสง และ ตวั กลางจากหลกั ฐานเชิง วิธีทเ่ี หมาะสมในการอธิบายการตอ่ หลอด
ไฟฟา้ แบบอนุกรมและแบบขนาน
วัตถทุ ึบแสง จากลักษณะการ ประจักษ์ 6. ตระหนกั ถงึ ประโยชน์ของความร้ขู อง
การต่อหลอดไฟฟ้า
มองเห็นส่งิ ตา่ ง ๆ ผา่ นวัตถุนนั้ 2. ระบตุ ัวแปร ทดลองและ แบบอนกุ รมและแบบขนาน โดยบอก
ประโยชน์ ขอ้ จำกดั และการประยุกต์ใช้
เป็นเกณฑโ์ ดยใชห้ ลกั ฐานเชิง อธิบายลกั ษณะและการเกดิ ในชีวติ ประจำวัน
7. อธิบายการเกิด เงามืดเงามวั จาก
ประจกั ษ์ เสียงสูง เสยี งตำ่ หลกั ฐานเชงิ ประจกั ษ์
8. เขียนแผนภาพรงั สีของแสงแสดงการ
3. ออกแบบการทดลองและ เกดิ เงามืดเงามวั
อธบิ ายลกั ษณะและการเกดิ
เสยี งดงั เสียงคอ่ ย
4. วดั ระดับเสยี งโดยใช้
เครื่องมือวดั ระดับเสียง
5. ตระหนกั ในคุณคา่ ของ
ความรเู้ รื่องระดบั เสยี งโดย
เสนอแนะแนวทางในการ
หลกี เลยี่ งและลดมลพษิ ทาง
เสียง
หลักสูตรสาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์ ระดบั ประถมศกึ ษา
๓๒
สาระที่ 3 วิทยาศาสตร์โลก และอวกาศ
มาตรฐาน ว 3.1 เข้าใจองค์ประกอบ ลักษณะ กระบวนการเกิด และวิวฒั นาการของเอกภพ กาแล็กซี ดาว
ฤกษ์ และ ระบบสรุ ิยะ รวมทัง้ ปฏสิ มั พนั ธ์ภายในระบบสรุ ิยะที่สง่ ผลต่อสิง่ มีชีวิตและการประยุกต์ใช้เทคโนโลยี
อวกาศ
ตวั ชี้วัดชั้นปี
ป. 1 ป. 2 ป. 3
1.ระบดุ าวที่ปรากฏบนทอ้ งฟา้ 1. อธบิ ายแบบรปู เส้นทางการ
ในเวลากลางวนั และกลางคืน ขนึ้ และตกของ ดวงอาทิตย์โดย
จากขอ้ มลู ที่รวบรวมได้ ใช้หลักฐานเชิง ประจกั ษ์
2. อธบิ ายสาเหตทุ ่มี องไม่เหน็ 2. อธิบายสาเหตุการเกดิ
ดาวสว่ นใหญ่ในเวลากลางวนั ปรากฏการณ์ การข้นึ และตก
จากหลักฐานเชงิ ประจกั ษ์ ของดวงอาทิตย์ การเกดิ
กลางวัน กลางคืน และการ
กำหนดทิศ โดยใช้ แบบจำลอง
3. ตระหนักถึง ความสำคญั ของ
ดวงอาทิตย์ โดย บรรยาย
ประโยชนข์ องดวงอาทติ ย์ตอ่
สงิ่ มชี วี ติ
ป. 4 ป. 5 ป. 6
1. อธบิ ายแบบรูป เส้นทางการ 1. เปรยี บเทียบความแตกต่าง 1. สรา้ งแบบจำลองท่ีอธบิ าย
ขนึ้ และตกของ ดวงจันทร์ โดย ของดาวเคราะห์และดาวฤกษ์ การเกิดและเปรียบเทยี บ
ใช้ หลกั ฐานเชงิ ประจักษ์ จากแบบจำลอง ปรากฏการณ์ สุรยิ ุปราคาและ
2. สร้างแบบจำลองท่ี อธิบาย 2. ใช้แผนทด่ี าวระบตุ ำแหน่ง จันทรปุ ราคา
แบบรูป การเปล่ยี นแปลง และเสน้ ทาง การขึ้นและตกของ 2. อธบิ าย พฒั นาการ ของ
รปู ร่างปรากฏของดวงจนั ทร์ กลมุ่ ดาวฤกษบ์ นทอ้ งฟา้ และ เทคโนโลยี อวกาศ และ
และพยากรณร์ ูปรา่ งปรากฏของ อธบิ าย แบบรูปเส้นทางการข้ึน ยกตวั อย่างการนาเทคโนโลยี
ดวงจันทร์ และตกของกลุ่มดาวฤกษบ์ น อวกาศมาใช้ประโยชน์ใน
3. สร้างแบบจำลอง แสดง ทอ้ งฟา้ ในรอบปี ชวี ิตประจำวัน จากข้อมูลท่ี
องคป์ ระกอบ ของระบบสุริยะ รวบรวมได้
และอธบิ าย เปรียบเทยี บคาบ
การโคจรของ ดาวเคราะห์
ต่าง ๆ จากแบบจำลอง
สาระท่ี 3 วิทยาศาสตร์โลกและอวกาศ
มาตรฐาน ว 3.2 เขา้ ใจองคป์ ระกอบ และความสมั พนั ธข์ องระบบโลก กระบวนการเปล่ยี นแปลงภายในโลก และ
บนผิวโลก ธรณีพิบัติภัย กระบวนการเปลี่ยนแปลงลมฟ้าอากาศและภูมิอากาศโลก รวมทั้ง ผลต่อสิ่งมีชีวิตและ
ส่ิงแวดลอ้ ม
หลกั สตู รสาระการเรียนรูว้ ิทยาศาสตร์ ระดับประถมศึกษา
๓๓
ตวั ช้วี ัดชัน้ ปี
ป. 1 ป. 2 ป. 3
1. อธบิ ายลักษณะภายนอกของ 1. ระบุส่วนประกอบของดิน 1. ระบุสว่ นประกอบของ
หินจากลกั ษณะเฉพาะตวั ที่ และจำแนกชนิดของดินโดยใช้ อากาศ บรรยายความสำคญั
สังเกตได้ ลกั ษณะเนอ้ื ดินและการจับตวั ของอากาศ และผลกระทบของ
เปน็ เกณฑ์ มลพษิ ทางอากาศ ตอ่ ส่งิ มีชวี ิต
2. อธบิ ายการใช้ประโยชนจ์ าก จากขอ้ มูลท่ีรวบรวมได้
ดนิ จากข้อมูลท่รี วบรวมได้ 2. ตระหนกั ถึงความสำคัญของ
อากาศ โดยนาเสนอแนว
ทางการปฏิบตั ิตนในการลดการ
เกดิ มลพิษทางอากาศ
3. อธบิ ายการเกิดลมจาก
หลกั ฐานเชิงประจกั ษ์
4. บรรยายประโยชนแ์ ละโทษ
ของลมจากขอ้ มลู ทรี่ วบรวมได้
ป. 4 ป. 5 ป. 6
- 1. เปรียบเทียบปริมาณน้ำใน 1. เปรยี บเทยี บกระบวนการ
แตล่ ะแหล่งและระบปุ ริมาณน้ำ เกดิ หนิ อัคนี หนิ ตะกอน และ
ทีม่ นุษย์สามารถนำมาใช้ หินแปร และอธิบาย วัฏจักรหิน
ประโยชนไ์ ด้ จากขอ้ มูลท่ี จากแบบจำลอง
รวบรวมได้ 2. บรรยายและยก ตวั อยา่ งการ
ใชป้ ระโยชน์ของหินและแรใ่ น
2. ตระหนกั ถงึ คณุ ค่าของน้ำ ชวี ติ ประจำวันจากข้อมูลท่ี
โดยนำเสนอแนวทาง การใชน้ ้ำ รวบรวมได้
อย่างประหยดั และการอนรุ กั ษ์ 3. สรา้ งแบบจำลองทอี่ ธิบาย
นำ้ การเกิดซากดึกดำบรรพ์และ
3. สร้างแบบจำลองทอี่ ธิบาย คาดคะเนสภาพแวดล้อมในอดีต
การหมนุ เวียนของนำ้ ในวฏั จักร ของซากดกึ ดำบรรพ์
น้ำ 4. เปรียบเทียบการเกดิ ลมบก
4. เปรียบเทยี บกระบวนการ ลมทะเล และมรสมุ รวมทงั้
เกิดเมฆ หมอก นำ้ ค้าง และ อธบิ ายผลทมี่ ตี อ่ สิ่งมีชวี ิตและ
น้ำค้างแข็ง จากแบบจำลอง สง่ิ แวดลอ้ มจากแบบจำลอง
5. เปรยี บเทียบกระบวนการ 5. อธบิ ายผลของมรสมุ ต่อการ
เกดิ ฝน หมิ ะ และลกู เหบ็ จาก เกิดฤดูของประเทศไทย จาก
ข้อมูลท่รี วบรวมได้ ขอ้ มูลทรี่ วบรวมได้
6. บรรยายลกั ษณะและ
ผลกระทบของนำ้ ทว่ ม การกัด
หลักสูตรสาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตร์ ระดบั ประถมศกึ ษา
ตวั ชี้วัดชนั้ ปี ๓๔
เซาะชายฝั่งดินถลม่ แผ่นดนิ ไหว
สึนามิ
7. ตระหนักถงึ ผลกระทบของ
ภยั ธรรมชาติและธรณีพิบตั ภิ ัย
โดยนำเสนอแนวทางในการเฝา้
ระวงั และปฏบิ ตั ิตนใหป้ ลอดภยั
จากภัยธรรมชาติและธรณีพิบตั ิ
ภยั ท่ีอาจเกดิ ในท้องถนิ่
8. สรา้ งแบบจำลองท่อี ธิบาย
การเกิดปรากฏการณเ์ รอื น
กระจกและผลของปรากฏการณ์
เรือนกระจกตอ่ สง่ิ มชี ีวิต
9. ตระหนักถงึ ผลกระทบของ
ปรากฏการณเ์ รอื นกระจกโดย
นำเสนอแนวทาง การปฏิบัติตน
เพื่อลดกจิ กรรมทก่ี อ่ ให้เกิดแกส๊
เรอื นกระจก
สาระท่ี 4 เทคโนโลยี
มาตรฐาน ว 4.1 เข้าใจแนวคิดหลักของเทคโนโลยีเพื่อการดำรงชีวิตในสังคมที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่าง
รวดเร็ว ใช้ ความรู้และทักษะทางด้านวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และศาสตร์อื่นๆ เพื่อแก้ปัญหาหรือพัฒนา
งาน อย่างมคี วามคดิ สรา้ งสรรค์ดว้ ยกระบวนการออกแบบเชงิ วิศวกรรม เลือกใชเ้ ทคโนโลยีอยา่ ง เหมาะสมโดย
คำนึงถึงผลกระทบต่อชวี ติ สังคม และสง่ิ แวดลอ้ ม
ตัวชว้ี ัดชั้นปี
ป. 1 ป. 2 ป. 3
---
ป. 4 ป. 5 ป. 6
---
สาระท่ี 4 เทคโนโลยี
หลกั สูตรสาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตร์ ระดบั ประถมศึกษา
๓๕
มาตรฐาน ว 4.2 เขา้ ใจและใช้แนวคิดเชิงคำนวณในการแก้ปญั หาที่พบในชวี ติ จริงอยา่ งเปน็ ขนั้ ตอนและเป็น
ระบบ ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารในการเรียนรู้ การทำงาน และการแก้ปัญหาได้อย่างมี
ประสิทธภิ าพ ร้เู ทา่ ทนั และมจี รยิ ธรรม
ตัวชวี้ ัดชน้ั ปี
ป. 1 ป. 2 ป. 3
1. แก้ปญั หาอย่างงา่ ย โดยใช้ 1. แสดงลำดบั ข้ันตอนการ 1. แสดงอลั กอรทิ ึมในการทา
การลองผิด ลองถกู การ ทำงานหรือการแก้ปญั หาอย่าง งานหรอื การแกป้ ัญหาอย่างงา่ ย
เปรยี บเทยี บ งา่ ยโดยใชภ้ าพ สัญลักษณ์ หรือ โดยใชภ้ าพ สัญลักษณ์ หรือ
2. แสดงลำดบั ขน้ั ตอนการ ขอ้ ความ ขอ้ ความ
ทำงานหรอื การแกป้ ัญหาอย่าง 2. เขยี นโปรแกรมอย่างงา่ ย 2. เขยี นโปรแกรมอย่างงา่ ย
งา่ ย โดยใช้ภาพ สญั ลกั ษณ์ โดยใชซ้ อฟต์แวร์หรอื สื่อ และ โดยใชซ้ อฟตแ์ วรห์ รอื สื่อ และ
หรือขอ้ ความ ตรวจหาข้อผิดพลาดของ ตรวจหาข้อผิดพลาดของ
3. เขยี นโปรแกรมอย่างงา่ ย โปรแกรม โปรแกรม
โดยใช้ซอฟต์แวร์ หรือส่ือ 3. ใช้เทคโนโลยใี นการสร้าง จัด 3. ใชอ้ ินเทอรเ์ นต็ ค้นหาความรู้
4. ใชเ้ ทคโนโลยใี นการสร้าง หมวดหมู่ คน้ หา จดั เก็บ 4. รวบรวม ประมวลผล และ
จัดเกบ็ เรียกใช้ขอ้ มูลตาม เรียกใช้ข้อมูลตามวัตถุประสงค์ นำเสนอข้อมูล โดยใชซ้ อฟต์แวร์
วตั ถปุ ระสงค์ 4. ใชเ้ ทคโนโลยี สารสนเทศ ตามวัตถปุ ระสงค์
อย่าง ปลอดภัย ปฏบิ ัติ ตาม
5. ใช้เทคโนโลยี สารสนเทศ ขอ้ ตกลงใน การใช้คอมพิวเตอร์ 5. ใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศ
อย่าง ปลอดภยั ปฏิบตั ติ าม รว่ มกัน ดูแลรักษา อปุ กรณ์ อยา่ งปลอดภยั ปฏบิ ัตติ าม
ขอ้ ตกลงในการใชค้ อมพิวเตอร์ เบือ้ งต้น ใช้งานอยา่ ง เหมาะสม ขอ้ ตกลงในการใชอ้ ินเทอร์เนต็
รว่ มกนั ดแู ลรักษาอุปกรณ์
เบ้อื งต้น ใช้งานอย่างเหมาะสม
ป. 4 ป. 5 ป. 6
1. ใช้เหตผุ ลเชงิ ตรรกะในการ 1. ใชเ้ หตผุ ลเชิงตรรกะในการ 1. ใชเ้ หตผุ ลเชงิ ตรรกะในการ
อธบิ ายและ ออกแบบวิธกี าร
แกป้ ญั หา การอธิบายการ แกป้ ญั หา การอธบิ าย การงาน แกป้ ัญหาที่พบใน
ชวี ติ ประจำวนั
ทำงาน การคาดการณ์ผลลัพธ์ การคาดการณ์ผลลัพธจ์ าก 2. ออกแบบและเขยี นโปรแกรม
อยา่ งงา่ ยเพอ่ื แกป้ ัญหาในชวี ิต
จากปัญหาอย่างง่าย ปัญหาอย่างง่าย ประจำวนั ตรวจหาขอ้ ผดิ พลาด
ของ โปรแกรมและแก้ไข
2. ออกแบบ และเขียน 2. ออกแบบและเขยี น
3. ใชอ้ นิ เทอร์เนต็ ในการค้นหา
โปรแกรมอยา่ งงา่ ย โดยใช้ โปรแกรมทม่ี ีการใช้เหตุผลเชงิ ข้อมูลอยา่ งมปี ระสทิ ธิภาพ
ซอฟตแ์ วร์หรือสอ่ื และตรวจหา ตรรกะอยา่ งงา่ ย ตรวจหา
ข้อผิดพลาดและแก้ไข 3. ใช้ ข้อผดิ พลาดและแกไ้ ข
อนิ เทอร์เน็ตคน้ หาความรู้ และ 3. ใชอ้ นิ เทอรเ์ นต็ คน้ หาข้อมูล
ติดต่อส่อื สาร และทำงาน
หลกั สูตรสาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตร์ ระดบั ประถมศึกษา
๓๖
ตัวช้ีวัดช้นั ปี
ประเมินความนา่ เชอ่ื ถือของ รว่ มกัน ประเมนิ ความนา่ เช่ือถือ 4. ใช้เทคโนโลยี สารสนเทศ
ข้อมูล ของขอ้ มูล ทำงานรว่ มกนั อยา่ งปลอดภยั
4. รวบรวม ประเมิน นำเสนอ 4. รวบรวม ประเมนิ นำเสนอ เขา้ ใจสทิ ธแิ ละหน้าทข่ี องตน
ขอ้ มูลและสารสนเทศ โดยใช้ ขอ้ มลู และสารสนเทศ ตาม เคารพในสิทธขิ องผู้อน่ื แจง้
ซอฟตแ์ วรท์ ี่หลากหลาย เพือ่ วตั ถปุ ระสงค์โดยใช้ซอฟต์แวร์ ผเู้ กย่ี วขอ้ งเมอ่ื พบขอ้ มูลหรอื
แกป้ ญั หาในชีวิตประจำวัน หรือบรกิ ารบนอนิ เทอรเ์ น็ตที่ บุคคลทีไ่ มเ่ หมาะสม
5. ใช้เทคโนโลยี สารสนเทศ หลากหลาย เพ่อื แก้ปญั หาใน
อยา่ ง ปลอดภยั เข้าใจ สทิ ธิและ ชวี ติ ประจำวัน
หน้าที่ ของตน เคารพใน สิทธิ 5. ใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศ
ของผู้อ่ืน แจ้งผ้เู กี่ยวข้องเมอ่ื พบ อยา่ ง ปลอดภยั มีมารยาท
ข้อมูลหรือบคุ คลท่ี ไมเ่ หมาะสม เขา้ ใจสิทธแิ ละหนา้ ที่ของตน
เคารพในสิทธิ ของผูอ้ ่ืน แจง้
ผเู้ กย่ี วขอ้ ง เมอ่ื พบขอ้ มูลหรือ
บคุ คล ทีไ่ ม่เหมาะสม
หลกั สูตรสาระการเรยี นร้วู ิทยาศาสตร์ ระดับประถมศกึ ษา
คำอธบิ ายรายวิชา
กลุ่มสาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
รายวชิ า วทิ ยาศาสตร์ 1 ชน้ั ประถมศึกษาปีที่ 1
รหัสวิชา ว11101 เวลา 40 ช่วั โมง / ปี
.............................................................................................................................................................
ศึกษา วิเคราะห์ พืชและสัตว์ที่อาศัยอยู่บริเวณต่างๆ สภาพแวดล้อมที่เหมาะสมกับการ
ดำรงชวี ติ ของสัตว์ในบรเิ วณทอ่ี าศัยอยู่ หน้าทข่ี องสว่ นต่าง ๆ ของร่างกายมนุษย์ สตั ว์และพืช การทำ
หน้าท่ีรว่ มกันของส่วนต่าง ๆ ของร่างกายมนุษย์ การจัดกล่มุ วสั ดุตามสมบัติ การเกดิ เสียงและทิศทาง
การเคลือ่ นทข่ี องเสียง ปรากฏการณบ์ นทอ้ งฟา้ ในเวลากลางวันและกลางคืน ลกั ษณะภายนอกของหิน
การแก้ปัญหาโดยใช้ภาพ สัญลักษณ์หรือขอ้ ความ การเขียนโปรแกรมอย่างง่าย โดยใช้สื่อซอฟตแ์ วร์
การใชเ้ ทคโนโลยใี นการสร้าง จดั เก็บ เรียกใชข้ อ้ มลู การใชค้ อมพิวเตอรแ์ ละการดแู ลรักษาอุปกรณ์
โดยใชก้ ระบวนการทางวิทยาศาสตร์ การสบื เสาะหาความรู้ การสำรวจ ตรวจสอบ การ
สืบค้นข้อมูล การเปรียบเทียบข้อมูลจากหลักฐานเชิงประจักษ์และการอภิปราย เพื่อให้เกิดความรู้
ความคิด ความเข้าใจ สามารถสื่อสารสิ่งที่เรียนรู้ มีความสามารถในการตัดสนิ ใจ เห็นคุณค่าของการ
นำความรู้ไปใช้ประโยชน์ในชีวิตประจำวัน มีจิตวิทยาศาสตร์ จริยธรรม คุณธรรม และค่านิยมท่ี
เหมาะสม
รหัสตัวช้ีวัด ป.1/1 , ป.1/2
มาตรฐาน ว 1.1 ป.1/1 , ป.1/2
ป.1/1 , ป.1/2
มาตรฐาน ว 1.2 ป.1/1
มาตรฐาน ว 2.1 ป.1/1 , ป.1/2
มาตรฐาน ว 2.3 ป.1/1
ป.1/1 , ป.1/2 , ป.1/3 , ป.1/4 , ป.1/5
มาตรฐาน ว 3.1
มาตรฐาน ว 3.1
มาตรฐาน ว 4.2
รวม 15 ตัวชี้วัด
คำอธิบายรายวชิ า
กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์
รายวิชา วิทยาศาสตร์ 2 ช้ันประถมศึกษาปีที่ 2
รหัสวชิ า ว12101 เวลา 40 ชัว่ โมง / ปี
.............................................................................................................................................................
ศึกษา วิเคราะห์ ความต้องการแสงและน้ำเพื่อการเจริญเติบโตของพืช วัฏจักรชีวิตของพืชดอก
ลักษณะของสิ่งมีชีวิตและสิ่งไม่มีชีวิต สมบัติของวัสดุ การนำสมบัติของวัสดุไปประยุกต์ใช้ในการทำวัตถุใน
ชวี ิตประจำวัน ประโยชนข์ องการนำวสั ดุทใ่ี ชแ้ ลว้ กลบั มาใช้ใหม่ การเคลอ่ื นที่ของแสงจากแหล่งกำเนิดแสง การ
มองเห็นวัตถุโดยเสนอแนะแนวทางการป้องกนั อันตราย ส่วนประกอบของดิน การจำแนกชนิดของดินโดยใช้
ลักษณะเนื้อดินและการจับตัวเป็นเกณฑ์ การใช้ประโยชน์จากดิน การแก้ปัญหาโดยใช้ภาพ สัญลักษณ์หรือ
ข้อความ การเขียนโปรแกรมอย่างง่าย โดยใชส้ อ่ื ซอฟต์แวร์ การใชเ้ ทคโนโลยีในการสร้าง จัดเก็บ เรียกใช้ข้อมูล
การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศอยา่ งปลอดภัย
โดยใช้กระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ การสบื เสาะหาความรู้ การสำรวจ ตรวจสอบ การสบื คน้ ขอ้ มูล
การเปรียบเทียบข้อมูลจากหลักฐานเชิงประจักษ์และการอภิปราย เพื่อให้เกิดความรู้ ความคิด ความเข้าใจ
สามารถสื่อสารสิ่งที่เรียนรู้ มีความสามารถในการตัดสินใจ เห็นคุณค่าของการนำความรู้ไปใช้ประโยชน์ใน
ชีวติ ประจำวนั มีจิตวทิ ยาศาสตร์ จริยธรรม คณุ ธรรม และคา่ นยิ มทเ่ี หมาะสม
รหสั ตวั ช้ีวดั
มาตรฐาน ว 1.2 ป.2/1, ป.2/2 , ป.2/3
มาตรฐาน ว 1.3 ป.2/1
มาตรฐาน ว 2.1 ป.2/1, ป.2/2 , ป.2/3 , ป.2/4
มาตรฐาน ว 2.3 ป.2/1 , ป.2/2
มาตรฐาน ว 3.2 ป.2/1 , ป.2/2
มาตรฐาน ว 4.2 ป.2/1 , ป.2/2 , ป.2/3 , ป.2/4
รวม 16 ตัวชีว้ ัด
คำอธบิ ายรายวชิ า
กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์
รายวชิ า วทิ ยาศาสตร์ 3 ชัน้ ประถมศกึ ษาปที ี่ 3
รหสั วิชา ว13101 เวลา 40 ชว่ั โมง / ปี
.............................................................................................................................................................
ศึกษา วิเคราะห์ สิ่งท่จี ำเปน็ ตอ่ การดำรงชีวติ และการเจรญิ เติบโตของมนษุ ย์และสัตว์ ประโยชน์ของ
อาหาร น้ำ และอากาศ การดูแลตนเองและสัตว์ให้ได้รับสิ่งเหล่านี้อย่างเหมาะสม วัฏจักรชีวิตของสัตว์
ส่วนประกอบของวัตถุ และการเปลี่ยนแปลงของวัสดุเมื่อทำให้ร้อนขึ้นหรือทำให้ เย็นลง แรงที่มีต่อการ
เปลยี่ นแปลงการเคลือ่ นทขี่ องวตั ถุ แรงสัมผสั และแรงไม่สัมผัสทม่ี ีผลต่อการเคลอ่ื นทขี่ องวตั ถุ การดงึ ดดู ระหวา่ ง
แมเ่ หลก็ กับวัตถุ ขว้ั แม่เหล็ก การเปลีย่ นพลงั งาน การทำงานของเคร่อื งกำเนิดไฟฟ้า และแหล่งพลังงานในการ
ผลิตไฟฟ้า ประโยชน์และโทษของไฟฟ้า วิธีการใช้ไฟฟ้าอย่างประหยัด และปลอดภัย เส้นทางการขึ้นและตก
ของดวงอาทิตย์ การเกิดกลางวันกลางคืน และการกำหนดทิศ ความสำคัญของดวงอาทิตย์ต่อสิ่งมีชีวิต
สว่ นประกอบของอากาศ ความสำคัญของอากาศ และผลกระทบของมลพิษทางอากาศต่อส่งิ มีชีวิต การปฏิบัติ
ตนในการลดการเกิดมลพษิ ทางอากาศ การเกิดลม ประโยชนแ์ ละโทษของลม
โดยใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์การสืบเสาะหาความรู้ การสำรวจ ตรวจสอบ การสืบค้นข้อมูล
การเปรียบเทียบข้อมูลจากหลักฐานเชิงประจักษ์ และการอภิปราย เพื่อให้เกิดความรู้ ความคิด ความเข้าใจ
สามารถสอ่ื สารสง่ิ ที่เรียนรู้ มีความสามารถในการตัดสินใจ นำความรู้ไปใช้ ในชีวิตประจำวนั มีจิตวิทยาศาสตร์
จรยิ ธรรม คณุ ธรรม และคา่ นิยมท่เี หมาะสม
รหสั ตวั ช้ีวดั ป.3/1 , ป.3/2 , ป.3/3 , ป.3/4
มาตรฐาน ว 1.2 ป.3/1 , ป.3/2
มาตรฐาน ว 2.1
ป.3/1 , ป.3/2 , ป.3/3, ป.3/4
มาตรฐาน ว 2.2 ป.3/1 , ป.3/2 , ป.3/3
มาตรฐาน ว 2.3
ป.3/1 , ป.3/2 , ป.3/3
มาตรฐาน ว 3.1 ป.3/1 , ป.3/2, ป.3/3 , ป.3/4
มาตรฐาน ว 3.2 ป.3/1 , ป.3/2, ป.3/3 , ป.3/4, ป3/5
มาตรฐาน ว 4.2
รวม 25 ตวั ช้ีวัด
คำอธิบายรายวชิ า
กลุ่มสาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์
รายวชิ า วิทยาศาสตร์ 4 ชั้นประถมศึกษาปที ่ี 4
รหัสวิชา ว14101 เวลา 120 ชว่ั โมง / ปี
.............................................................................................................................................................
ศึกษา วิเคราะห์ หน้าที่ของราก ลำต้น ใบ และดอกของพืชดอก ส่วนประกอบของพืชดอก ความ
แตกต่างของลักษณะของสง่ิ มีชีวิตออกเป็น กลุ่มพชื กลุ่มสัตว์ และกลุ่มทไ่ี มใ่ ชพ่ ืชและสัตว์ จำแนกพืชออกเป็น
พชื ดอกและพืชไมม่ ีดอก จำแนกสัตว์ออกเป็นสัตว์มกี ระดกู สนั หลงั และสัตว์ไมม่ กี ระดกู สนั หลงั ลักษณะเฉพาะ
ของสตั วม์ กี ระดกู สันหลังในกล่มุ ปลา กลุ่มสัตว์สะเทนิ น้ำสะเทินบก กลุ่มสตั ว์เล้อื ยคลาน กลมุ่ นก และกลุ่มสัตว์
เลี้ยงลูกด้วยนม ตัวอย่างของสัตว์ในแต่ละกลุ่ม สมบัติทางกายภาพของวัสดุจากการทดลองและระบุการนำ
สมบัติของวัสดุไปใช้ในชีวิตประจำวันโดยผ่านกระบวนการออกแบบชิ้นงาน แลกเปลี่ยนความคิดกับผู้อื่นโดย
การอภิปรายเกี่ยวกับสมบัติทางกายภาพของวัสดุอย่างด้านความแข็ง สภาพความยืดหยุ่น การนำความร้อน
การนำไฟฟ้า ของวัสดุ สมบัติของสสารทั้ง 3 สถานะ การสังเกต มวล การต้องการที่อยู่ รูปร่างและปริมาตร
ของสสาร เครื่องมือที่ใช้วัดมวล และปริมาตรของสสาร ทั้ง 3 สถานะ ผลของแรงโน้มถ่วงที่มีต่อวัตถุ การใช้
เครื่องชั่งสปริงในการวัดนำ้ หนักของวัตถุ มวลของวัตถุที่มีผลตอ่ การเปลีย่ นแปลงการเคล่ือนท่ีของวัตถุ วัตถุที่
เปน็ ตัวกลางโปร่งใส ตัวกลางโปร่งแสง และวตั ถุทบึ แสง ลกั ษณะการมองเหน็ ผ่านวัตถุ แบบรปู เส้นทางการขึ้น
และตกของดวงจันทร์ แบบจำลองอธิบายแบบรูปการเปลีย่ นแปลงรูปร่างปรากฏของดวงจันทร์ และพยากรณ์
รูปร่างปรากฏของดวงจันทร์ แบบจำลองแสดงองค์ประกอบของระบบสุริยะ และเปรียบเทียบคาบ การโคจร
ของดาวเคราะหต์ ่าง ๆ จากแบบจำลอง
ใช้เหตุผลเชิงตรรกะในการแกป้ ัญหา การอธิบายการทำงาน การคาดการณ์ผลลัพธ์ จากปัญหาอย่าง
ง่าย ออกแบบ และเขียนโปรแกรมอย่างง่าย โดยใช้ซอฟต์แวร์ หรือสื่อ และตรวจหาข้อผิดพลาดและแก้ไขใช้
อนิ เทอร์เน็ตคน้ หาความรู้ รวบรวม ประเมนิ นำเสนอข้อมูลและสารสนเทศ โดยใชซ้ อฟต์แวร์ทห่ี ลากหลาย เพอื่
แกป้ ัญหาในชวี ติ ประจำวนั ใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศอยา่ งปลอดภัย เข้าใจสทิ ธแิ ละหนา้ ทีข่ องตน เคารพในสิทธิ
ของผ้อู ืน่
โดยใชก้ ระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ในการสืบเสาะหาความรู้ การสำรวจตรวจสอบ การสืบค้นข้อมูล
การเปรียบเทียบข้อมลู จากหลักฐานเชิงประจกั ษ์ และการอภิปรายเพ่ือใหเ้ กดิ ความรู้ ความคิด ความเข้าใจ
สามารถส่อื สารสงิ่ ทเ่ี รียนรู้ มีความสามารถในการตดั สนิ ใจ นำความรูไ้ ปใช้ในชวี ติ ประจำวนั มจี ิตวทิ ยาศาสตร์
มจี ริยธรรม คณุ ธรรมและค่านยิ มท่เี หมาะสม
รหัสตัวชี้วัด ป.4/1
มาตรฐาน ว 1.2 ป.4/1, ป.4/2, ป.4/3, ป.4/4
มาตรฐาน ว 1.3 ป.4/1, ป.4/2, ป.4/3, ป.4/4
มาตรฐาน ว 2.1 ป.4/1, ป.4/2, ป.4/3
มาตรฐาน ว 2.2 ป.4/1
มาตรฐาน ว 2.3 ป.4/1 , ป.4/2, ป.4/3
มาตรฐาน ว 3.1 ป.4/1, ป.4/2, ป.4/3, ป.4/4, ป.4/5
มาตรฐาน ว 4.2
รวม 21 ตวั ช้ีวัด
คำอธิบายรายวิชา
กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์
รายวชิ า วิทยาศาสตร์ 5 ช้นั ประถมศกึ ษาปที ี่ 5
รหัสวชิ า ว 15101 เวลา 120 ชว่ั โมง / ปี
.............................................................................................................................................................
ศกึ ษา วเิ คราะห์ โครงสรา้ งและลกั ษณะของสิง่ มีชีวิตที่เหมาะสมกับการดำรงชีวติ ซง่ึ เปน็ ผลมาจากการ
ปรับ และความสัมพันธข์ องสิ่งมีชีวิตทเี่ หมาะสมกับการดำรงชวี ติ ซงึ่ เป็นผลมาจากการปรบั ตวั ของสิง่ มชี วี ิตในแต่
ละแหล่งทอ่ี ยู่ ความสัมพนั ธ์ระหวา่ งส่งิ มีชวี ิตกบั สิง่ มีชวี ิต และความสมั พันธ์ระหวา่ งสิ่งมีชีวิตกับสิ่งไม่มชี ีวติ เพื่อ
ประโยชน์ต่อการดำรงชีวิต โซ่อาหารและบทบาทหน้าที่ของสิ่งมีชีวิตที่เป็นผู้ผลิตและผู้บริโภคในโซ่อาหาร
คุณค่าของสิ่งแวดล้อมที่มีต่อการดำรงชีวิตของสิ่งมีชีวติ โดยมีส่วนร่วมในการดูแลรักษาสิง่ แวดล้อม ลักษณะ
ทางพันธุกรรมที่มีการถ่ายทอดจากพ่อแมส่ ู่ลูกของพืช สัตว์ และมนุษย์ ลักษณะที่คล้ายคลึงกันของตนเองกบั
พ่อแม่ การเปลี่ยนสถานะของสสารเมื่อทำให้สสารร้อนขึ้นหรือเย็นลง การละลายของสารในน้ำ การ
เปลย่ี นแปลงของสารเม่ือเกิดการเปลีย่ นแปลงทางเคมี การเปลยี่ นแปลงที่ผนั กลับไดแ้ ละการเปลี่ยนแปลงท่ีผัน
กลับไม่ได้ วิธีการหาแรงลัพธ์ของแรงหลายแรงในแนวเดียวกันที่กระทำต่อวัตถุอยู่น่ิง แผนภาพแสดงแรงท่ี
กระทำตอ่ วัตถุที่อยู่ในแนวเดียวกนั และแรงลัพธท์ ก่ี ระทำต่อวตั ถุ การใช้เครอ่ื งชั่งสปริงในการวดั แรงทก่ี ระทำต่อ
วตั ถุ ผลของแรงเสียดทานท่ีมีตอ่ การเปลยี่ นแปลงการเคล่ือนที่ของวัตถุ การเขียนแผนภาพแสดงแรงเสียดทาน
และแรงที่อยู่ในแนวเดยี วกนั ที่กระทำตอ่ วตั ถุ การไดย้ ินเสยี งผา่ นตัวกลาง ลกั ษณะและการเกิดเสยี งสูง เสยี งต่ำ
ออกแบบการทดลองและอธิบายลักษณะและการเกิดเสียงดงั เสียงค่อย การวัดระดับเสียงโดยใช้เครื่องมือวดั
ระดับเสียง แนวทางในการหลีกเลี่ยงและลดมลพิษทางเสียง ความแตกต่างของดาวเคราะห์และดาวฤกษ์จาก
แบบจำลอง การใช้แผนที่ดาวระบุตำแหน่งและเส้นทางการขึ้นและตกของกลุ่มดาวฤกษ์บนท้องฟ้า แบบรูป
เส้นทางการขึ้นและตกของกลุ่มดาวฤกษ์บนท้องฟ้าในรอบปี ปริมาณน้ำในแต่ละแหล่ง ปริมาณน้ำที่มนุษย์
สามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้ แนวทางการใชน้ น้ำอย่างประหยัดและการอนรุ ักษ์น้ำ แบบจำลองการหมุนเวียน
ของน้ำในวัฏจักรนำ้ กระบวนการเกดิ เมฆ หมอก น้ำคา้ ง และน้ำคา้ งแข็ง จากแบบจำลอง และกระบวนการเกดิ
ฝน หิมะ และลูกเห็บ ใช้เหตุผลเชิงตรรกะในการแก้ปญั หา การอธิบายการทำงาน การคาดการณ์ผลลัพธ์จาก
ปัญหาอย่างง่าย ออกแบบ และเขียนโปรแกรมอย่างง่าย โดยใช้ซอฟต์แวร์ หรือส่ือ และตรวจหาข้อผิดพลาด
และแก้ไข ใช้อินเทอร์เน็ตค้นหาข้อมูล ติดต่อสื่อสารและทำงานร่วมกันประเมินความน่าเชื่อถือของข้อมูล
รวบรวม ประเมิน นำเสนอข้อมูลและสารสนเทศตามวัตถุประสงค์โดยใช้ซอฟต์แวร์หรอื บริการบนอินเตอร์เน็ต
ที่หลากหลาย เพื่อแก้ปัญหาในชีวิตประจำวัน ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศอย่างปลอดภัย มีมารยาท เข้าใจสิทธิ
และหน้าท่ขี องตน เคารพในสทิ ธิของผอู้ ืน่ แจง้ ผู้เกีย่ วข้องเม่ือพบข้อมูลหรือบคุ คลที่ไม่เหมาะสม
โดยใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ในการสบื เสาะหาความรู้ การสำรวจตรวจสอบ การสืบค้นขอ้ มูล
การเปรียบเทียบข้อมูลจากหลักฐานเชิงประจักษ์ และการอภิปราย เพื่อให้เกิดความรู้ ความคิด ความเข้าใจ
สามารถส่อื สารสง่ิ ที่เรียนรู้ มคี วามสามารถในการตัดสินใจ นำความร้ไู ปใชใ้ นชีวติ ประจำวัน มีจิตวิทยาศาสตร์
จรยิ ธรรม คุณธรรม และคา่ นยิ มท่เี หมาะสม
รหัสตวั ช้ีวัด ป5/1, ป5/2, ป5/3, ป5/4
มาตรฐาน ว 1.1
มาตรฐาน ว 1.3 ป5/1, ป5/2
มาตรฐาน ว 2.1 ป5/1, ป5/2, ป5/3, ป5/4
มาตรฐาน ว 2.2
มาตรฐาน ว 2.3 ป5/1, ป5/2, ป5/3, ป5/4, ป5/5
มาตรฐาน ว 3.1 ป5/1, ป5/2, ป5/3, ป5/4
มาตรฐาน ว 3.2 ป5/1, ป5/2
มาตรฐาน ว 4.2
ป5/1, ป5/2, ป5/3, ป5/4, ป5/5
รวม 31 ตัวช้ีวัด ป5/1, ป5/2, ป5/3, ป5/4, ป5/5
คำอธบิ ายรายวิชา
กลมุ่ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์
รายวิชา วทิ ยาศาสตร์ 6 ชน้ั ประถมศึกษาปที ี่ 6
รหัสวชิ า ว16101 เวลา 120 ชั่วโมง / ปี
.............................................................................................................................................................
ศึกษา วิเคราะห์ สารอาหารประโยชน์ของสารอาหารแต่ละประเภทจากอาหารที่ตนเองรับประทาน
การเลือกรับประทานอาหารให้ได้สารอาหารครบถ้วนในสัดส่วนที่เหมาะสมกับเพศและวัย รวมทั้งความ
ปลอดภยั ตอ่ สขุ ภาพ แบบจำลอง ระบบยอ่ ยอาหาร หนา้ ท่ีของอวัยวะในระบบย่อยอาหาร การย่อยอาหารและ
การดูดซึมสารอาหาร ความสำคัญของระบบย่อยอาหาร การดูแลรักษาอวัยวะในระบบยอ่ ยอาหารให้ทำงาน
เป็นปกติ การแยกสารผสม โดยการหยิบออก การร่อน การใช้แม่เหล็กดึงดูด การรินออก การกรอง และการ
ตกตะกอน วิธกี ารแกป้ ัญหาในชวี ติ ประจำวนั เกี่ยวกบั การแยกสาร การเกดิ และผลของแรงไฟฟ้าซงึ่ เกิดจากวัตถุ
ทผี่ า่ นการขดั ถู ส่วนประกอบ หนา้ ที่ ของวงจรไฟฟา้ แต่ละสว่ นอย่างงา่ ย แผนภาพการต่อวงจรไฟฟ้าอนุกรม
และแบบขนาน การตอ่ หลอดไฟฟ้าแบบอนุกรมและขนานด้วยวธิ ีการท่ีเหมาะสม ประโยชน์ ข้อจำกัด การเกิด
เงามืด เงามัว แผนภาพรังสีของแสงแสดงการเกิดเงามืดเงามัว แบบจำลองปรากฏการณ์สุริยุปราคา และ
จนั ทรปุ ราคา พัฒนาการของเทคโนโลยอี วกาศและการใช้ประโยชน์ในชวี ิตประจำวัน กระบวนการเกิดหินอัคนี
หนิ ตะกอน และหินแปร แบบจำลองวัฏจกั รหนิ การใช้ประโยชน์ของหินและแรใ่ นชีวติ ประจำวนั แบบจำลอง
การเกิด ซากดึกดำบรรพ์สภาพแวดล้อมในอดีต การเกิดลมบก ลมทะเล และมรสุม จากแบบจำลอง ผลของ
มรสุมต่อการเกิดฤดูของประเทศไทย ลักษณะและผลกระทบของ น้ำท่วม การกัดเซาะชายฝั่ง ดินถล่ม
แผ่นดินไหว สึนามิ ผลกระทบของภัยธรรมชาติและธรณีพิบัติภัย แนวทางการเฝ้าระวังและปฏิบัติตนให้
ปลอดภัยจากภัยธรรมชาติ แบบจำลองอธิบายการเกิดและผลของปรากฏการณ์เรือนกระจก กิจกรรมที่
กอ่ ให้เกดิ แก๊สเรอื นกระจก ผลกระทบของปรากฏการณเ์ รือนกระจกลกู เหบ็
ใช้เหตผุ ลเชิงตรรกะในการแกป้ ญั หา การทำงาน การคาดการณผ์ ลลัพธ์ จากปญั หาอย่างง่าย ออกแบบ
และเขียนโปรแกรมอย่างง่าย โดยใช้ซอฟต์แวร์ หรือสื่อ และตรวจหาข้อผิดพลาดและแก้ไขใช้อินเทอร์เน็ต
ค้นหาความรู้ รวบรวม ประเมิน นำเสนอขอ้ มูลและสารสนเทศ โดยใชซ้ อฟตแ์ วรท์ ่หี ลากหลาย เพือ่ แกป้ ญั หาใน
ชวี ติ ประจำวัน ใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศอยา่ งปลอดภยั เข้าใจสทิ ธิและหน้าทข่ี องตน เคารพในสิทธิของผอู้ ื่น
โดยใชก้ ระบวนการทางวิทยาศาสตรใ์ นการสืบเสาะหาความรู้ การสำรวจตรวจสอบ การสบื ค้นข้อมูล
การเปรียบเทียบข้อมูลจากหลักฐานเชิงประจักษ์ และการอภิปรายเพื่อให้เกิดความรู้ ความคิด ความเข้าใจ
สามารถสือ่ สารส่ิงที่เรยี นรู้ มีความสามารถในการตดั สินใจ นำความรูไ้ ปใช้ในชีวิตประจำวัน มีจิตวทิ ยาศาสตร์
มจี ริยธรรม คณุ ธรรมและค่านยิ มที่เหมาะสม
รหสั ตัวช้ีวดั ป.6/1, ป.6/2, ป.6/3, ป.6/4, ป.6/5
มาตรฐาน ว 1.2 ป.6/1
มาตรฐาน ว 2.1
มาตรฐาน ว 2.2 ป.6/1
มาตรฐาน ว 2.3 ป.6/1 , ป.6/2 , ป.6/3 , ป.6/4 , ป.6/5 , ป.6/6 , ป.6/7 , ป.6/8
มาตรฐาน ว 3.1 ป.6/1 , ป.6/2
มาตรฐาน ว 3.2 ป.6/1 , ป.6/2 , ป.6/3 , ป.6/4 , ป’6/5 , ป.6/6 , ป.6/7 , ป.6/8 ,
ป.6/9 ป.6/1 , ป.6/2 , ป.6/3, ป.6/4
มาตรฐาน ว 4.2
รวม 30 ตัวช้ีวัด
โครงสร้างรายวิชา
รายวชิ า วิทยาศาสตร์ 1 ชัน้ ประถมศึกษาปที ี่ 1
รหัสวิชา ว11101 เวลา 40 ชว่ั โมง / ปี
ชอื่ หนว่ ยการเรยี นรู้ ตัวชี้วัด จำนวน น้ำหนักคะแนน
(ชั่วโมง) 100
ตัวเรา พชื และสัตว์ ว 1.1 ป1/1, ป1/2
พชื และสัตว์ในท้องถิ่น ว 1.2 ป1/1, ป1/2 40
วสั ดุและการเกดิ เสยี ง ว 2.1 ป1/1, ป1/2
ว 2.3 ป1/1
หนิ และท้องฟ้า ว 3.1 ป1/1, ป1/2
ว 3.2 ป1/1
วทิ ยาการคำนวณ ว 4.2 ป1/1, ป1/2, ป1/3, ป1/4,
ป1/5
รวม
15
รายวิชา วิทยาศาสตร์ 2 โครงสร้างรายวชิ า ชัน้ ประถมศึกษาปีที่ 2
รหัสวิชา ว12101 เวลา 40 ชวั่ โมง / ปี
ตัวชวี้ ัด จำนวน(ชั่วโมง) นำ้ หนักคะแนน
ชื่อหนว่ ยการเรียนรู้ ว 1.2 ป2/1, ป2/2, ป2/3
วฏั จักรชีวิตของพชื ดอก ว 1.3 ป2/1 40 100
สงิ่ มีชวี ิตและสิ่งไม่มชี ีวิต ว 2.1 ป2/1, ป2/2, ป2/3,
ธรรมชาตขิ องสสาร ป2/4
ว 2.3 ป2/1, ป2/2
แสงและการเคล่อื นท่ี ว 3.2 ป2/1, ป2/2
ดิน ว 4.2 ป2/1 ,ป2/2, ป2/3,
วิทยาการคำนวณ ป2/4
รวม 16
โครงสร้างรายวชิ า
รายวิชา วิทยาศาสตร์ 3 ชนั้ ประถมศกึ ษาปีที่ 3
รหสั วชิ า ว13101 เวลา 40 ช่วั โมง / ปี
ช่อื หน่วยการเรยี นรู้ ตวั ชว้ี ัด จำนวน(ช่ัวโมง) นำ้ หนกั คะแนน
วัฏจกั รชวี ติ ของสตั ว์ ว 1.2 ป3/1, ป3/2, ป3/3, ป 40 100
3/4
วสั ดุรอบตวั ว 2.1 ป3/1, ป3/2
ธรรมชาตขิ องแรง
ว 2.2 ป3/1, ป3/2, ป3/3, ป
พลังงานและไฟฟา้ 3/4
ปรากฏการณ์ธรรมชาติ ว 2.3 ป3/1, ป3/2, ป3/3
อากาศ ว 3.1 ป3/1, ป3/2, ป3/3
ว 3.2 ป3/1, ป3/2, ป3/3, ป
วทิ ยาการคำนวณ 3/4
ว 4.2 ป3/1, ป3/2, ป3/3, ป
รวม 3/4, ป3/5
25