The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

มนุษย์เดดไลน์ เป็นหนังสือรวมผลงานเขียนเรื่องสั้น สารคดี กวีนิพนธ์ และการ์ตูน ของนักเรียนโรงเรียนพะเยาพิทยาคม โดยมีครูน้ำผึ้ง มั่งคั่งเป็นใจบันดาลแรง

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by kru.nahmpheung, 2021-04-04 12:01:15

มนุษย์เดดไลน์

มนุษย์เดดไลน์ เป็นหนังสือรวมผลงานเขียนเรื่องสั้น สารคดี กวีนิพนธ์ และการ์ตูน ของนักเรียนโรงเรียนพะเยาพิทยาคม โดยมีครูน้ำผึ้ง มั่งคั่งเป็นใจบันดาลแรง

Keywords: สานกล้าวรรณกรรม,ครูน้ำผึ้ง,ผลงานนักเรียนโรงเรียนพะเยาพิทยาคม

อภมิ หาโปรเจค

กนั ตชาต ชวนะวริ ชั

“ขอต้อนรับสู่งานเปิดตัวเคร่ืองเคลื่อนย้ายสสารรุ่นแรกครับ”
ชายหนุ่มในชุดกาวน์ผายมืออยู่หน้าเวที แสงแฟลชกล้องนักข่าววาบข้ึนมา
แยงตา
“กรุณาอย่าใช้แฟลชครับทุกท่าน เอาล่ะครับ มนุษย์ใฝ่ฝันท่ีจะเดินทางอย่าง
รวดเร็วด้วยการ “เคลื่อนย้ายสสาร” มานานแล้ว เรามีทฤษฎีการเลียนแบบโครงสร้าง
อะตอม เราศึกษาเร่ืองรูหนอน เราท�ำได้แค่จินตนาการ แต่ตอนนี้เราไม่จ�ำเป็นต้อง
จินตนาการแล้ว ทุกท่านครับ ผมขอแนะน�ำ เคร่ืองเคล่ือนย้ายสสารด้วยทฤษฎ ี
เส้นเชือก”
ศาสตราจารย์วิชิต นักฟิสิกส์ประจ�ำมหาวิทยาลัยช่ือดัง ซ่ึงยืนอยู่บนเวทีใน
หอประชุมขนาดใหญ่ มีผู้คนมากมายเฝ้าดูอยู่ เขาผายมือไปที่เคร่ืองจักรขนาดพอๆ กับ
โต๊ะ 2 เคร่ือง ซึ่งอยู่ด้านหลังเขา แต่ละเครื่องมีหน้าตาคล้ายกันเพียงแต่ว่าเครื่องหน่ึง
มีท่ออยู่ด้านบน อีกเครื่องไม่มีแต่มีช่องกลมๆ ตรงกลาง

51

“ทฤษฎีเส้นเชือก มีแนวคิดท่ีว่า หากอนุภาคอย่างหน่ึงส่ันด้วยความถ่ีหนึ่ง
ก็จะเกิดเป็นอนุภาคหนึ่ง แต่เม่ือเปล่ียนความถี่การส่ัน ก็จะกลายเป็นอนุภาคอื่นไป ซึ่ง
เราสามารถส่งอนุภาคเหล่าน้ีในรูปแบบของความถ่ีเพื่อเคล่ือนย้ายมวลสาร ทฤษฎีน้ีมี
นักวิทยาศาสตร์หลายคนท่ีพยายามจะใช้เป็นพ้ืนฐานการสร้างเครื่องเคลื่อนย้าย
มวลสาร แต่ผมค้นพบว่าอะตอมของมนุษย์มีความซับซ้อนเกินกว่าท่ีจะสั่นเปล่ียนเป็น
ความถ่ีอื่นได้และกลับมาเป็นเหมือนเดิม แต่ว่า น�้ำท�ำได้ครับ น้�ำมีอะตอมที่ซับซ้อน
น้อยกว่าร่างกายมนุษย์มาก ผมเร่ิมศึกษาจากน้�ำครับ จนในที่สุดก็สร้างเจ้าเครื่องน้ี
ส�ำเร็จ!” เขาหยิบแก้วน้�ำแก้วหน่ึงมาถือ พร้อมกดสวิตช์ให้สไลด์น�ำเสนอเลื่อนไปยัง
ตารางตารางหน่ึง
“ผมได้ช่ังน�้ำหนักและวัดอุณหภูมิไว้แล้วครับ เดี่ยวเราจะมาดูกัน”
วิชิตเทน้�ำลงในท่อท่ีเครื่องแรก ก่อนเปิดสวิตช์ เครื่องท้ังสองเกิดส่ันอย่าง
รุนแรง วิชิตรีบว่ิงไปรอท่ีเครื่องท่ีสอง พร้อมย่ืนแก้วน�้ำลงไปในช่องนั้น
และในวินาทีน้ันเอง น้�ำ....ก็ไหลลงมาในแก้วน้�ำแก้วนั้น! วิชิตรีบน�ำไปชั่งพร้อม
หย่อนเทอร์โมมิเตอร์ ผลที่ได้ตรงกับที่ปรากฏในสไลด์เป๊ะ
ทั้งหอประชุมปรบมือให้กับศาสตราจารย์หนุ่ม เขามองไปยังผู้ชมอย่างปลื้ม
ปีติ งานวิจัยตลอดสิบปีของเขาไม่เสียเปล่าแล้ว...
.
.

“หา! ยกเลิกงานวิจัย!”
วิชิตยืนอยู่หน้าคณะกรรมการมหาวิทยาลัย บรรดาผู้มีคุณวุฒิมองหน้าเขา
พร้อมพูดด้วยน�้ำเสียงไม่สบายใจ
“คือว่า ผมก็ไม่อยากท�ำหรอกนะ แต่อาจารย์ท�ำวิจัยมาตั้งแต่ขึ้นปี 3 จนถึง

52

ตอนนี้ก็ 12 ปีแล้วนะ เสียทุนก็เป็นล้าน กลับท�ำได้แค่เคลื่อนย้ายน�้ำเน่ียนะ”
“แต่ว่าท่านอธิบดีครับ การเคลื่อนย้ายน�้ำเนี่ย มันเป็นการทดสอบข้ันต้นเอง
นะครับ ถ้าเราเคล่ือนย้ายน้�ำส�ำเร็จ เราก็ศึกษาเรื่องการเคล่ือนย้ายอนุภาคอ่ืนๆ
ได้นะครับ” วิชิตเถียง
“ศึกษาเรื่องน�้ำใช้เวลา 12 ปี แล้วอนุภาคอื่นจะใช้เวลาเท่าไหร่ล่ะ 10 ปี?
50 ปี? งบก็จะบานปลาย”
“แต่ว่า...”
“พอแล้ว คุณวิชิต ทางมหาวิทยาลัยประชาสัมพันธ์ไปว่าน่ีคือเคร่ือง
เคล่ือนย้ายสสารเคร่ืองแรกในโลก แต่ท�ำได้แค่น�้ำ ทางมหาวิทยาลัยเสียหน้าแค่ไหนรู้
ไหม เอาล่ะ ผมขอให้คุณยุติโครงการน้ีทันที เครื่องของคุณน่ะมันไร้ประโยชน์” วิชิต
มองคณะกรรมการอย่างตะลึง ก่อนที่จะเดินคอตกออกมานอกห้อง
วิชิตมาน่ังอยู่ริมฝั่งทะเลสาบในมหาวิทยาลัย น�้ำตาเขาไหลออกมาคลอเบ้า
สรรพส่ิงที่เขาท�ำมาสูญเปล่า....
“จะกระโดดน้�ำตายรึไง ชีส” เสียงเรียกเขาด้วยช่ือเล่น
วิชิตหันกลับไปด้วยความตกใจ
“ไอ้ซี เอ้ย ท่านนายก” ชายหนุ่มอายุพอๆ กับเขาในชุดสูทยืนย้ิมให้อยู่ข้างหลัง
“โอ๊ย ไม่ต้องเรียกอย่างงั้นหรอก เรียกไอ้ซีเหมือนเดิมเถอะ ” ดร.นนทรี จุฑา
นายกรฐั มนตรคี นที่ 46 ของไทยกลา่ ว เขาเปน็ นกั ฟสิ กิ สท์ จ่ี บจากทน่ี ี่ แตไ่ ปทำ� ธรุ กจิ ทอ่ี งั กฤษ
เสยี นาน เขากลบั มาลงสมคั รเลอื กตง้ั ในการเลอื กตง้ั ครง้ั แรกนบั จากปี 2554 และไดร้ บั เลอื ก
เป็นนายกรัฐมนตรี
“ไม่เจอกันนานเลยนะ ชีส” นนทรีน่ังลงข้างๆ เพ่ือนรักในวัยเรียนของเขา
“ก็ได้ยินข่าวนายเอาตอนเลือกต้ังนี่แหละ”วิชิตหัวเราะ
“แล้วนายมาที่น่ีท�ำไมเหรอ ท่านนายกใส่ชุดสูทคงไม่ได้มาแค่เพ่ือเยี่ยมเพื่อนเก่า

53

หรอกม้งั ”
“นายน่ีรู้ทันตลอดเลยนะ ได้ข่าวว่าโดนยกเลิกงานวิจัยเหรอ”
“รู้ได้ไงวะ เพิ่งออกมาจากห้องเม่ือก้ีเอง”
“อ๋อ ฉันอยู่ข้างๆ ห้องนายนั่นแหละ ฮ่าฮ่าฮ่า”นนทรีหัวเราะ ก่อนเปลี่ยนไปท�ำ
หน้าเคร่ง
“คือนายก็รู้ใช่ไหมต้ังแต่รัฐประหารปี 57 บ้านเมืองไม่สงบเลย ลุงนู่นลุงน่ียึด
อ�ำนาจกันมัน ถ้าบ๊ิกบน ไม่ประกาศเลือกตั้ง ป่านน้ีคงยังไม่สงบเลย ทีนี้พอฉันเข้ามา
ฉันก็สบาย ไม่ต้องกลัวเร่ืองปรองดอง ฉันเลยพิจารณาปัญหาอันดับสอง ‘น้�ำท่วมและ
ความแห้งแล้ง’
“นายก็รู้ว่าประเทศไทยมันเพี้ยน ท่ีไม่ควรจะแล้งก็ดันแล้ง ไอ้ที่อุดมสมบูรณ์
ฝนก็ตกกระหน่�ำอีก ฉันเลยนึกหาวิธีแก้จนฉันเห็นข่าวเคร่ืองเคล่ือนย้ายของนาย”
นนทรีเล่า
“แล้วเคร่ืองเคลื่อนย้ายมวลสารมันเก่ียวอะไรกับสภาพอากาศแปรปรวนวะ”
วิชิตสงสัย
“นายจ�ำงานวิจัยท่ีเราท�ำก่อนฉันย้ายไปต่อปริญญาเอกที่ฮาร์วาร์ดได้ไหม”
“จ�ำได้สิ ฉันก็ใช้งานวิจัยท่ีเราท�ำมาในการพัฒนาเคร่ืองน้ีแหละ ‘การศึกษา
อนุภาคน�้ำอย่างละเอียด’ ไง”
“ก็นั่นแหละ ฉันจ�ำได้ว่า ฉันเขียนว่า น้�ำเป็นอนุภาคท่ีเป็นพ้ืนฐานของสภาพ
อากาศ ถ้าเราย้ายน้�ำในอากาศจากท่ีมีฝนตกเยอะมาไว้ในท่ีที่แห้งแล้ง เราจะเพ่ิม
ความชื้นในอากาศ รวมไปถึงสร้างฝนได้ง่ายๆ เลยนา” วิชิตตะลึง ก่อนถามต่อด้วย
ความแคลงใจ
“ถ้าเป็นอย่างนั้นใช้ฝนเทียมก็ได้นี่นา”
“จุ๊ จุ๊ ชีส นายลืมเหรอว่าฝนเทียมน่ะ ต้องรอให้มีปัจจัยท่ีเหมาะสมถึงท�ำได้

54

แต่เครื่องของนาย ขอแค่มีพ้ืนที่ท่ีสภาพอากาศไม่สมดุล ก็ท�ำได้แล้ว” นนทรีไขข้อข้องใจ
“พอก่อนเลย สรุปนายจะขอเคร่ืองของฉันง้ันเหรอ” วิชิตถาม
“ไม่ใช่ ชีส ฉันต้องการตัวนาย” วิชิตตกใจ “นายคือบุคลากรชั้นเยี่ยม ขอแค่
มีนาย อะไรๆ ก็เป็นไปได้”
“ไอ้ซี นายก็รู้ ว่าเครื่องนี้มันคือเคร่ืองเคล่ือนย้ายสสาร ไม่ใช่เคร่ืองสลับสภาพ
อากาศนะ อีกอย่าง ฉันท�ำงานอยู่กับมหาวิทยาลัยนี้ด้วย”
“ฉันได้ยินที่ท่านอธิการบดีพูดกับนาย เคร่ืองน้ีมันไร้ประโยชน์ ใช่มันอาจจะ
ไร้ประโยชน์เมื่อเป็นเครื่องเคล่ือนย้ายสสาร แต่มันโคตรมีประโยชน์ ถ้าเป็นเคร่ืองสลับ
สภาพอากาศ นายไม่อยากเอาชนะค�ำดูถูกพวกน้ันเหรอ”
วิชิตนิ่งคิด ภาพของเหล่าคณะกรรมการผุดข้ึนมาในหัวของเขา ตาแก่น่าเกลียด
เหล่านั้น ดูถูกงานวิจัยของเขาว่าไร้ประโยชน์ เพียงแค่เพราะมันใช้เวลานาน งานวิจัย
ที่เขาทุ่มเทกับมันมา 12 ปีจะต้องพังเพราะค�ำพูดของคนไม่กี่คน…
“ตกลง ฉันจะเอาด้วย!”
.
.
.
ส่ีเดือนต่อมา ศูนย์บังคับการบินสนามบินขอนแก่น
นนทรีมองไปท่ีเครื่องจักรขนาดคร่ึงหนึ่งของเคร่ืองบินทั่วไป รูปร่างคล้ายกับ
เคร่ืองเคลื่อนย้ายสสารเพียงแต่มีช่องขนาดใหญ่ด้านล่างและมีใบพัดเหมือน
เฮลิคอปเตอร์
“ท่านพณฯ ครับ ขอบคุณมากที่จะช่วยขอนแก่นของเราให้กลับมาอุดม
สมบูรณ์อีกครั้ง” ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่นจับมือนนทรีด้วยความปล้ืมปิติ
“รองานเสรจ็ คอ่ ยขอบคณุ ละกนั ครบั ” นนทรยี ม้ิ กอ่ นใชเ้ ครอื่ งสอ่ื สารคยุ กบั นกั บนิ

55

“เตรียมตัวเอาเคร่ืองข้ึนได้เลย”
“ครับท่าน” นักบินตอบมา ความจริงเขาไม่เชิงเป็นนักบิน เพราะแค่ท�ำหน้าท่ี
บังคับให้เครื่องสลับสภาพอากาศบินข้ึนไปจากระยะไกลต่างหาก
“ท่ีสุราษฎร์ฯ เป็นไงบ้าง” นนทรีวิทยุถามวิชิต
“สบายมากเพื่อนเอ๋ย พายุก�ำลังมาเลยทีเดียว” วิชิตยืนคุมงานอยู่ที่อาคาร
ควบคุมการบินสนามบินสุราษฎร์ธานี บรรยากาศรอบๆ แสดงให้เห็นถึงพายุฝนที่ก�ำลัง
เคล่ือนเข้าใกล้อ่าวไทย
“เอาล่ะ ฝนใกล้มาแล้ว เตรียมเช็คแสตนด์บาย เครื่องบินทั้งหมดที่บินผ่าน
ให้เคลื่อนที่ไปทางอ่ืนก่อนนะ”
“นักบิน 1 พร้อม” นักบินที่สุราษฎร์ธานีส่งสัญญาณมา
“นักบิน 2 พร้อม”
“Take Off ได้” นนทรีส่ัง
ใบพัดของเคร่ืองจักรท้ังสองล�ำหมุนพาตัวเครื่องจักรขึ้นไปเรื่อยๆ จนพ้น
ระดับสตราโตรสเฟียร์ ประจวบเหมาะกับที่ฝนเริ่มตกลงมาอย่างบ้าคล่ัง
“เอาล่ะ ขอนแก่นความช้ืน 43 เปอร์เซ็นต์”
“สุราษฎร์ 100 เปอร์เซ็นต์”
นนทรีให้สัญญาณ เจ้าหน้าที่ควบคุมท้ังสองเคร่ือง กดปุ่มให้เคร่ืองท�ำงานทันที
เคร่ืองจักรท่ีสุราษฎร์ธานีเร่ิมสั่น เช่นเดียวกันกับท่ีขอนแก่น
มวลเมฆถูกดูดเข้าไปในท่ีช่องใต้ตัวเครื่อง เป็นภาพที่อลังการ เมฆสีด�ำหมุนวน
เป็นเกลียวเข้าไปในเคร่ืองที่สุราษฎร์ธานี ขณะที่ขอนแก่น เมฆถูกพ่นออกมาเหมือนไอพ่น
จากใต้ท้องเคร่ือง
“ท่ีขอนแก่นเมฆออกมาแล้ว ความชื้นเพิ่มเป็น 50 เปอร์เซ็นต์”
“ฝนท่ีสุราษฎร์ฯ เร่ิมน้อยลงแล้ว ความช้ืน 80 เปอร์เซ็นต์”

56

ฝนที่สุราษฎร์ธานีเปล่ียนจากพายุฝนกระหน่�ำกลายเป็นแค่ฝนตกปรอยๆ ขณะ
ท่ีขอนแก่น ฝนก็ตกลงมามากเช่นกัน ชาวนาต่างกู่ร้องดีใจ ผู้ว่าราชการถึงกับร้องไห้
ส่วนหัวเรือใหญ่สองคนแห่งโครงการนี้ ยืนย้ิมมองผลงานตัวเองอย่างภูมิใจ
“รายงานจากกรมอุตุนิยมวิทยา เม่ือวานนี้วันที่ 6 กันยายน 2587 เป็น
คร้ังแรกในรอบหลายปีที่ฝนตกลงมาอย่างสมดุลในพื้นที่ขอนแก่นและสุราษฎร์ธานี ท้ังน้ี
เป็นผลจากการทดสอบเคร่ืองสลับสภาพอากาศของรัฐบาล ซ่ึงคาดว่าจะน�ำมาใช้จริง
ปลายปีน้ีค่ะ”
เครื่องสลับสภาพอากาศถูกติดต้ังและน�ำข้ึนประจ�ำในท้ัง 77 จังหวัด ประชาชน
ต่างแซ่ซ้องสรรเสริญนายกนนทรีกับศาสตราจารย์วิชิต ทั้งสองได้รับรางวัลโนเบลสาขา
ฟิสิกส์ และมีการพิจารณาจะเสนอให้นนทรีเป็นรัฐบุรุษคนที่ 3 ของประเทศไทย ถัด
จากปรีดี พนมยงค์และเปรม ติณสูลานนท์
วิชิตได้ข้ึนด�ำรงต�ำแหน่งเป็นผู้อ�ำนวยการศูนย์ควบคุมสภาพอากาศแห่ง
ประเทศไทย ตง้ั แตป่ ระเทศเพอ่ื นบา้ นจนถงึ สหรฐั ตา่ งขอเครอื่ งสลบั สภาพอากาศไปวจิ ยั เพม่ิ
เติมกันถ้วนหน้า ด้วยผลงานมากมายของเขา ท�ำให้เป็นตัวเต็งต�ำแหน่งรัฐมนตรีกระทรวง
วทิ ยาศาสตร์คนต่อไปดว้ ย
วันหน่ึง ในศูนย์ฯ วิชิตเดินตรวจเช็คงานอยู่ จนกระท่ัง เจ้าหน้าท่ีฝ่ายตรวจ
สอบสภาพอากาศคนหน่ึงมารายงานผลกับเขา
“ผู้อ�ำนวยการครับ ผลตรงนี้มันแปลกๆ ครับ”
“ไหนดูซิ”
วิชิตดูผลในคอมพิวเตอร์ของเจ้าหน้าท่ีคนน้ัน จากผลพบว่ามีพายุก่อตัวข้ึนท่ี
ใจกลางจังหวัดขอนแก่น ซ่ึงไม่น่าจะเป็นไปได้
“สงสยั คอมจะรวนมง้ั ” วิชติ พูดอย่างกงั วลใจ “ตรงนั้นใชเ้ คร่ืองเปน็ ทแี่ รกเลยนะ
เอางี้แจ้งไปท่ีศูนย์ขอนแก่นให้เตรียมพร้อมเคร่ืองไว้ละกัน”

57

ไม่หรอก... เคร่ืองมือของเขาออกแบบมาอย่างดีไม่น่าจะมีข้อผิดพลาดอะไร
เขาคิดขณะขับรถกลับบ้าน หน้าบ้านของเขามีจดหมายหลายฉบับแต่ฉบับหนึ่งที่เตะตา
เขาขึ้นมาจากจดหมายตราครุฑอ่ืนๆ คือจดหมายมีตรารูปชฎามหาวิทยาลัยเก่าของเขา
เขายิ้มอย่างกระหยิ่มใจ สงสัยคงเป็นจดหมายขอขมามั้ง วิชิตเปิดซองจดหมายแล้วก็
ต้องแปลกใจ เนื่องจากมันมาจากอาจารย์เจษฎา อาจารย์ผู้ที่สอนฟิสิกส์ให้แก่เขาและ
นนทรี ทั้งสองถือเป็นศิษย์รักของอาจารย์เลยทีเดียว
ถึง นนทรีและวิชิต
ก่อนอื่นอาจารย์ต้องขอโทษวิชิตท่ีไม่ได้ช่วยพูดเรื่องการวิจัยของลูก ท่าน
อธิการบดีเป็นคนเด็ดขาด หัวด้ือ อาจารย์เลยช่วยอะไรไม่ได้ ที่อาจารย์เขียนมานี้ไม่ได้
แค่ขอโทษอย่างเดียว เม่ืออาจารย์รู้ว่าลูกประสบความส�ำเร็จ อาจารย์ก็ขอดีใจกับลูก
ด้วย แต่ว่า อาจารย์ต้องเตือนลูกอย่างหน่ึง เก่ียวกับเคร่ืองสลับสภาพอากาศของลูก...
วิชิตหัวเราะอย่างเหยียดหยาม ดูถ้าพวกคณะกรรมการมหาวิทยาลัยคงส่ังให้
อาจารย์เขียนมา สงสัยว่ากลัวเสียหน้าที่ยกเลิกงานวิจัยของเขา วิชิตเดินเข้าไปในบ้าน
และพบกับชายท่ีรอเขาอยู่
“มีอะไรเหรอ ไอ้ซี”วิชิตทัก
“เร่ืองอาจารย์น่ะ นายได้รับจดหมายรึเปล่า”
“ได้สิ แต่ไม่ต้องอ่านจนจบหรอก คงไม่พ้นเรื่องอ้างเทวดาฟ้าดินหรอก”
“ก็จริง แต่นายไม่คิดจะฟังท่านเลยเหรอ”
“แล้วนายอ่านจนจบรึเปล่าล่ะ”
“ไม่อ่ะ ทิ้งไว้บนโต๊ะ”
“นั่นไง เช่ือเถอะ อีกไม่นานพวกน้ันต้องมาขอโทษเราแน่”
ท้ังสองหัวเราะอย่างชอบใจ แต่เบื้องลึกของความคิดทั้งคู่ ก็ยังรู้สึกกังวลใจ
บางอย่าง แต่ความทะนงและโทสะท่ีถูก “ไดโนเสาร์” หยามท�ำให้ท้ังสองตัดสินใจ

58

เพิกเฉยต่อมัน
วันน้ีเป็นวันสัปดาห์วิทยาศาสตร์ นายกฯนนทรีเดินทางมายังศูนย์ควบคุม
สภาพอากาศเพ่ือเปิดงานสัปดาห์วิทยาศาสตร์
“ขอให้เด็กๆ ทุกคนจงศึกษาเรียนรู้ความรู้ต่างๆ เพ่ือน�ำความรู้เหล่านั้นกลับ
มาพัฒนาประเทศ” นนทรีให้โอวาทแก่เด็กๆที่มาเย่ียมชม
เด็กๆ ต่างเดินเที่ยวดูงานอย่างสนุกสนานยกเว้นเด็กชายวัย 10 ขวบคนหนึ่ง
ที่ยืนจ้องจอแสดงผลสภาพอากาศอยู่นาน วิชิตเห็นดังน้ันจึงเดินเข้าไปหา
“หนูครับ ดูอะไรอยู่ครับ” เด็กชายหันมาก่อนตอบค�ำถามและถามกลับ
“คือผมสงสัยครับ พอความกดอากาศต่�ำลมจะเคล่ือนที่ไปที่ท่ีมีความกดอากาศ
สูงใช่ไหมครับ”
“ใชส่ คิ รบั ทำ� ไมหรอื ครบั ” ถงึ แมเ้ ขาไมไ่ ดจ้ บดา้ นอตุ นิ ยิ มวทิ ยามา แตเ่ ขากพ็ อรเู้ รอ่ื ง
อยบู่ า้ ง
“แล้วถ้าความกดอากาศต่�ำกว่าบริเวณรอบๆมากแบบในภาพจะเป็นไงครับ”
“ก็จะเกิดพายุหนักเลยล่ะครับ...หา!” วิชิตมองดูในผังแล้วก็พบความจริงอัน
น่ากลัว
วิชิตวิ่งไปท่ีโทรศัพท์ท่ีใกล้ที่สุดและโทรศัพท์ไปยังศูนย์ติดต่อใหญ่ระหว่างศูนย์
“น่ี ผอ.วิชิต หยุดเคร่ืองสลับสภาพอากาศทั้งหมด ย�้ำ หยุดเคร่ืองท้ังหมด!”
เขาตะคอก
“ไอ้ชีส เกิดอะไรขึ้น” นนทรีเห็นวิชิตท่ีหน้าตาต่ืนจึงรีบเข้าไปถาม
“ไอ้ซี ประกาศแผนรับมือพายุเร็วเข้า!”
“ใจเย็น เกิดอะไรข้ึน”
“ฉันพึ่งนึกได้ จดหมายของอาจารย์” วิชิตลนลานหยิบจดหมายมาให้นนทรีอ่าน


59

ถ้าเกิดลูกเอาสภาพอากาศจากท่ีอื่นมาไว้ จะท�ำให้ความกดอากาศบริเวณนั้น
แตกต่างจากบริเวณรอบๆแบบฉับพลัน และมันอาจท�ำให้เกิดพายุ...
นนทรีหน้าตาซีดเผือด เสียงข่าวพยากรณ์อากาศดังข้ึนมา
“เกิดการก่อตัวของพายุไต้ฝุ่นในบริเวณท่ัวประเทศ ขอให้ประชาชนทุกคน
เตรียมตวั รับมือ”
“ทุกคน ประกาศพ้ืนท่ีภัยพิบัติทั่วประเทศ หยุดการใช้เคร่ืองสลับอากาศ
ทั้งหมด!”
ด้วยความโชคดีและการแก้ปัญหาฉับไวของนนทรี ท�ำให้ทั้งประเทศไม่เสียหาย
มากนัก
วิชิตพยายามใช้เคร่ืองสลับสภาพอากาศดึงเอาพายุออกนอกชายฝั่งทะเล
เนื่องจากก่อตัวในแผ่นดิน ท�ำให้สลายตัวไปอย่างรวดเร็ว กระนั้นความเสียหายก็พอตัว
อยู่ ในวันที่ 6 กันยายน 2588 หน่ึงปีหลังการทดสอบคร้ังแรก เคร่ืองสลับสภาพอากาศ
ถูกท�ำลายท้ิง พร้อมๆ กับการลาออกจากต�ำแหน่งนายกรัฐมนตรีของนายกรัฐมนตร ี
นนทรี จุฑา ซ่ึงคืนรางวัลโนเบลไปแล้ว รวมเวลาอยู่ในต�ำแหน่ง 1 ปี 9 เดือน และการยุบ
ศูนย์ควบคุมสภาพอากาศบ้านสวนหลังหนึ่งที่ธนบุรี

ชายชราวัยหกสิบคนหน่ึง ก�ำลังรดน้�ำต้นไม้อย่างสบายอารมณ์ เขาเปิดฟัง
เพลงเก่าๆ คลอไปด้วย เสียงเปิดประตูบ้าน ชายชรารู้ทันทีว่าใครมา
“เขามาสิ วิชิต นนทรี” เจษฎาย้ิมให้กับลูกศิษย์ท้ังสอง
“สวัสดีครับ อาจารย์” ท้ังสองไหว้อาจารย์อย่างนอบน้อม ก่อนเดินตามเจษฎา
ไปยังเก้าอี้หินอ่อน
“ขอโทษทีนะ บางที เพลงมันก็อาจเก่าไปหน่อยส�ำหรับลูก”
“ไม่เป็นไรครับ อาจารย์” วิชิตและนนทรีมองหน้ากัน ก่อนท่ีวิชิตจะพูดข้ึน

60

“อาจารย์ครับ พวกผมมาวันน้ีเพื่อมากราบขอบพระคุณอาจารย์ที่ได้กรุณา
ตักเตือนเร่ืองผลร้ายของเคร่ืองสลับสภาพอากาศ ท�ำให้พวกผมแก้ไขทัน แล้วก็พวกผม
ขอโทษที่ไม่ได้ฟังอาจารย์ เพราะผมอีโก้สูงไปแท้ๆเลย” วิชิตร้องไห้
“ไม่เป็นไร ไอ้พวกตาแก่กรรมการนั่น ก็ท�ำเธอไว้เยอะ” เจษฎาปลอบศิษย์รัก
ของตนเอง
“ว่าแต่ว่า โดนกันไปคนละเท่าไหร่ล่ะ” เจษฎาหยอก
“โดนคนละสามล้านครับ จ�ำคุกสองปี รอลงอาญา” นนทรีก้มหน้างุด
“ก็ดีแล้วที่ศาลเขาเห็นใจ ไม่ง้ันคงโดนแบบนายกคนหน่ึงตอนเกือบสามสิบปีที่
แลว้ ”
เจษฎาเห็นลูกศิษย์ก้มหน้าเศร้าจึงลุกไปปลอบ
“ลูก อาจารยจ์ ะสอนอกี สกั บทเรยี นหนึง่ นะ ลกู รู้มัย้ ท�ำไมถึงเกดิ ภยั พบิ ตั ิ น�้ำทว่ ม
แหง้ แล้ง”
“เอ่อ เพราะธรรมชาติไม่สมดุลเหรอครับ”
“ใช่มันเป็นบทเรียนง่ายๆ ท่ีไม่สมดุลก็เพราะมนุษย์เอาแต่พยายามพิชิต
ธรรมชาติ เทคโนโลยีน่ะ เจ๋งแค่ไหน สุดท้ายก็พ่ายธรรมชาติอยู่ดี ลูก ถ้าอยากแก้
ปัญหาพวกน้ี ลูกอย่า ‘เปล่ียน’ แต่จง ‘ปรับ’ หากการเปล่ียนสมการใหม่หา x ไม่ได้
ก็ปรับสมการให้อยู่ในรูปที่ง่ายข้ึนซะ แต่ก็นะ...” เจษฎาช้ีไปที่สวนเล็กๆของเขา
“บางคร้ัง x หรือ y ก็ตอบค�ำถามธรรมชาติไม่ได้หรอก”

61

62

แอนนานี่

วชั ระ ไชยวงคร์ กั ษ์

ฉันลืมตาข้ึนในห้องที่ไม่คุ้นเคยซักเท่าไหร่ ไฟสีส้มอ่อนจากหลอดไฟท�ำให้ฉัน
ต้องหร่ีตา เมื่อฉันลุกจากเตียง อาการปวดหัวก็เกิดอย่างกะทันหัน
“อ้าว ท�ำไมฉันถึงได้มาอยู่ที่โรงพยาบาลได้ นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่เนี่ย” ท�ำไม
ถึงปวดหัวได้ขนาดนี้”
3 เดือนก่อน ฉันได้ตุ๊กตามือสองจากร้านขายของญ่ีปุ่น มันมีสภาพดีมากและ
น่ารัก ฉันอยากได้ตุ๊กตาตัวน้ีมากจึงขอแม่ซ้ือและต้ังชื่อให้มันว่า “แอนนาน่ี”
เม่ือถึงบ้าน ฉันน�ำแอนนาน่ีข้ึนไปไว้บนห้อง วางมันบนเก้าอ้ีโยกและลงไป
กินข้าว หลังกินข้าวเสร็จฉันขึ้นไปบนห้อง ก็พบว่าตุ๊กตามันไปนอนบนเตียง
“แม่คะ แม่ย้ายแอนนาน่ีไปบนเตียงหรอคะ” ฉันถามด้วยความสงสัย
“เปล่านะลูก แม่ยังไม่ได้ขึ้นไปเลย” แม่บอก
“รึว่าจะเป็นพ่อนะ” ฉันคิดในใจ
“พ่อคะ พ่อเอาแอนนานี่ไปนอนบนเตียงใช่ไหมคะ” ในที่สุดฉันก็ถามพ่อไป

63

“เปล่านะลูก” พ่อตอบ
“ฉันคงเอามันไปเก็บเองล่ะม้ัง” ว่าเสร็จฉันก็ปิดไฟนอน
ในคืนน้ันฉันรู้สึกว่ามีคนมาเคาะประตู ด้วยความง่วงฉันก็เดินอย่างเซไปเซมา
ไปเปิดไฟ และเปิดประตูออก ก็ไม่พบว่าใครมามาเคาะ ฉันเลยถามพ่อกับแม่ว่า
“พ่อคะ แม่คะ ได้มาเคาะประตูหนูไหมคะ”
“ไม่นะลูก พ่อแม่ก�ำลังล้างจานอยู่” พ่อแม่ตอบ
“ค่ะ” ฉันตอบ และฉันก็หันหลังจะกลับเข้าห้อง แต่ก็ต้องตกใจเมื่อฉันเห็นส่ิงน้ี
“กรี๊ดดด” ฉันร้องด้วยความตกใจ จนพ่อแม่ข้ึนมาดูฉัน ฉันโอบกอดพ่อแม่
แล้วพูดด้วยเสียงส่ันเครือ
“พ่อแม่คะ ตุ๊กตามันๆ น่ังถือมีดอยู่ค่ะ ฮือๆ” ฉันร้องไห้ออกมา
“ไม่เป็นไรนะลูก โอ๋ๆๆๆ” พ่อแม่ปลอบฉัน จนฉันรู้สึกดีขึ้น
“มันอาจมีปุ่มท่ีถือมีดก็ได้นะลูก แบบว่าท�ำครัวไงจ๊ะ” แม่บอก จนฉันรู้สึก
ดีข้ึนและฉันก็ขอไปนอนกับพ่อแม่
วันต่อมา ในขณะท่ีฉันก�ำลังจะลุกออกจากเตียง ฉันสังเกตเห็นตุ๊กตามันมี
กระดาษติดอยู่ท่ีมือ จึงลุกไปดู ปรากฏว่ากระดาษใบนั้น คือรูปภาพของพ่อแม่ฉันและ
เด็กผู้หญิงคนหน่ึงซ่ึงหน้าตาน่ารักมาก ฉันสงสัยว่าเด็กคนน้ีคือใคร จึงน�ำรูปไปให้พ่อ
แม่ดูแต่พ่อแม่ออกไปข้างนอก จึงกลับขึ้นมาบนห้องอีก ปรากฏว่าตุ๊กตาของฉันมันหาย
ไป ฉันพยายามหาทุกซอกทุกมุมภายในห้อง แต่หาไม่เจอ จึงลงไปหาด้านล่างบ้าน ซ่ึง
พ่อแม่กลับมาบ้านพอดี
“พ่อแม่คะ เห็นแอนนานี่ไหมคะ”
“....” พ่อแม่ไม่ตอบ
“พ่อแม่เป็นไรรึเปล่าคะ” ฉันถามพ่อแม่เมื่อเห็นท่านท้ังสองเงียบไป
“....” ท่านก็ยังเงียบอีก

64

“ถ้าง้ันหนูขอตัวไปหาแอนนาน่ีก่อนนะคะ” พูดเสร็จ ฉันก็ออกจากบ้านไป
ตามหาแอนนาน่ีฉันออกบ้านไปต้ังแต่ 9.00 - 12.00 น. ก็ไม่พบ จนมีคนบ้าคนหน่ึงมา
บอกว่า แอนนานี่อยู่ท่ีสุสานใกล้ๆ หมู่บ้านเรา ตอนแรกฉันก็ไม่อยากเชื่อเพราะมันจะ
ไปตรงนั้นได้ยังไง และเขาเป็นคนไม่มีสติสมประกอบอยู่แล้วอาจจะพูดพล่อยๆ ออกมา
ก็เป็นได้ แม่ฉันยังเคยเล่าว่าคนบ้าคนนี้เขาเป็นลูกสาวของคนข้างบ้านอีกซอยท่ีถูกโจร
ข่มขืนจนเป็นบ้า จนทุกคนในละแวกกลัวแกกันไปหมด พอถึงบ้านฉันเห็นพ่อแม่เตรียม
ของเหมือนจะออกไปข้างนอก
“พ่อกับแม่จะไปไหนกันหรอคะ” ฉันถามด้วยความสงสัย
“ก็จะไปช่วยลูกหาแอนนาน่ีไงจ๊ะ” พ่อแม่ตอบ
“แปลกจัง ท�ำไมตอนเช้าพ่อแม่ไม่พูดกับเราเลยนะ ช่างเถอะ อย่างน้อยท่าน
ก็พูดกับเรานะ” พลางพูดเสร็จ ฉันก็ขึ้นไปเตรียมของบ้างแต่ย่ิงแปลกใจกว่านั้น พ่อกับ
แม่จะพาฉันไปหาแอนนานี่ท่ีสุสาน ซ่ึงมันน่าแปลกใจอย่างพิเศษ
“เหมือนคนบ้าคนนั้นบอกเลยแฮะว่าแอนนาน่ีมันอยู่สุสาน เรื่องน้ีมันต้องมี
อะไรแน่ๆ ”
เม่ือถึงสุสานในเวลา 19.59 น. ฉันรู้สึกขนลุกอย่างบอกไม่ถูก เพราะว่ามัน
เป็นสุสาน ฉันลองหาแถวๆ ด้านหน้าสุสานก่อน แต่ก็หาไม่เจอ และเร่ิมหาด้านหลังต่อ
เพราะว่าทางเดินมันต่อกัน จะได้ไม่ต้องเสียเวลา
“เฮอ้ ไมเ่ หน็ มเี ลย คนบา้ คนนน้ั ตอ้ งหลอกเราแน่ เราไมน่ า่ ไปเชอ่ื เลย” ฉนั พดู ด้วย
ความโมโหเล็กน้อย
แตแ่ ลว้ กม็ บี างอยา่ งทท่ี ำ� ใหฉ้ นั ตอ้ งสะดดุ ตาเมอ่ื ฉนั เหน็ แสงไฟจา้ ตรงกลางสสุ าน ฉนั
รบี เดนิ ไปแล้วต้องหยุดชะงักด้วยความหวาดกลัว เมื่อเห็นแอนนาน่ีก�ำลังท�ำพิธีกกร
รมไรซักอย่าง และที่น่าตกใจยิ่งกว่าคือพ่อกับแม่ของฉันอยู่ในพิธีกรรมน้ันด้วย
“น่ีมันเกิดอะไรข้ึน” ฉันพูดด้วยเสียงตะกุกตะกัก

65

แอนนานี่หันหน้ามาทางฉันและย้ิมจนมุมปากเกือบถึงใบหูและพูดว่า
“มาแล้วหรอเซียร่า ฉันรอเธออยู่เลย” น้�ำเสียงของเธอช่างเยือกเย็น
“เธอเป็นใครกันแน่แอนนาน่ี” ฉันถามด้วยความอยากรู้
“เธอดูนี่ก่อน เดี๋ยวฉันจะบอกเธอว่าฉันเป็นใคร” เธอย้ิมแสยะปาก
พ่อกับแม่ค่อยๆ มีเลือดออกตามร่างกาย ฉันได้ยินเสียงพวกท่านให้ไปช่วย แต่ร่างกาย
กลับขยับไม่ได้ น�้ำตาไหลอาบแก้ม ท่ีเห็นพวกท่านก�ำลังเลือดไหลออกตาย และในท่ีสุด
พวกท่านก็สลายไป ฉันกลัวมากจนอยากจะว่ิง แต่กลับวิ่งไม่ได้ และแอนนานี่ก็ว่ิงมาหา
ฉันพร้อมพูดกระซิบข้างหูฉันว่า
“ตาเธอแล้ว....เซียร่า” เธอยิ้มและจะเอามีดแทงฉัน
“ฉนั ทำ� อะไรใหเ้ ธอ ทำ� ไมเธอตอ้ งทำ� ฉนั อยา่ งนดี้ ว้ ย” ฉนั พดู และนำ�้ ตาคลอไปดว้ ย
“เธอไม่ได้ท�ำหรอก พ่อแม่เธอต่างหากล่ะ” แอนนานี่ท�ำหน้าเศร้า
“พ่อแม่ฉันท�ำอะไรให้เธอ เธอเล่า ให้ฉันฟังหน่อยได้ไหม” ฉันถามแอนนาน่ี
“เมื่อก่อนฉันก็อายุเท่าเธอนั่นแหละ พ่อแม่ของฉันเสียไปนานแล้ว ฉันกลายเป็น
เด็กก�ำพร้า พ่อแม่ของเธอน�ำฉันมาเล้ียงเป็นลูกบุญธรรมก่อนเธอจะเกิดซะอีก ตอนแรก
พวกท่านรักฉันมาก แต่พอเธอเกิดมา พ่อแม่เริ่มใช้ฉันย่ิงกว่าทาสซะอีก ตบตีฉันเพราะว่า
ฉันท�ำอะไรไม่ดั่งใจพวกท่าน จนฉันทนไม่ไหววิ่งหนีออกจากบ้าน แต่ดันมาโดนรถชนที่
หน้าร้านขายตุ๊กตามือสอง จนฉันตายฉันต้องมาอาศัยตุ๊กตาตัวนี้ในการแก้แค้นพวกมัน
ไงล่ะ!!” พูดจบเธอก็คว้ามีดที่อยู่ในมือก�ำลังมาแทงท่ีท้องฉัน
“ลาก่อน...เซียร่า”
“กรี้ดดดดดดด” และทุกอย่างก็มืดไป
“ฉันจ�ำมันได้แล้ว เหตุการณ์ที่ผ่านมา เร่ืองที่ผ่านมา มันช่างโหดร้าย
เหลือเกิน” ในที่สุดน�้ำตาของฉันมันเร่ิมไหลออกมาอย่างไม่รู้ตัว ฉันพยายามจะลืมเร่ือง
เลวร้ายเหล่าน้ี แต่ก็ท�ำไม่ได้ มันฝังสุดหัวใจของฉันไปแล้ว ฉันสงสารแอนนาน่ีเหลือเกิน

66

สงสารพ่อแม่ของฉันด้วย
“ฉันขอให้เธอ...แอนนาน่ีและพ่อแม่ของหนูไปสู่สุคตินะคะ” พูดเสร็จ ฉันเห็น
พ่อแม่ของฉันและแอนนาน่ีมาหา ฉันตกใจมากแถมยังขยับตัวไม่ได้
“ฉันขอบคุณเธอนะเซียร่า และขอโทษท่ีฉันจะฆ่าเธอ ฉันแค่ต้องการให้มีคน
ไปอยู่ด้วยแค่นี้เอง” แอนนานี่พูด
“ดูแลตัวเองนะเซียร่า พ่อแม่ไม่อยู่แล้ว ต้องดูแลตัวเองดูดีๆนะ” พ่อแม่พูด
พร้อมกับย้ิมให้ฉันแล้วหายไป
“ฉันหวังว่าชาติหน้าฉันจะได้เกิดเป็นลูกของพวกท่าน และจะเป็นน้องสาว
ท่ีดีของแอนนานี่ต่อไป” พลางพูดเสร็จน้�ำตาของฉันก็ไหลอาบแก้ม คงมีซักวันที่เรา
จะได้เป็นครอบครัวด้วยกันอีก

67

68

WAX หุน่ หลอน ซอ่ นบาป

พรี ณฐั วนิ จิ มโนกลุ

“ผมไม่บวชนะแม่ แม่ท�ำแบบนี้กับผมไม่ได้นะ”
“แม่ท�ำเพ่ือลูกนะ ลูกต้องเข้าใจแม่สิ”
“ตอ่ ใหแ้ มบ่ งั คบั ใหผ้ มบวชอยทู่ น่ี ก่ี สี่ บิ ปี แมก่ เ็ ปลยี่ นใจผมไปจากฟา้ ไมไ่ ดห้ รอกนะ”
“แมไ่ มไ่ ดจ้ ะเปลย่ี นลกู แตแ่ มจ่ ะใหล้ กู เปลย่ี นตวั เอง ลกู อยทู่ น่ี ลี่ กู จะไดอ้ ะไรอกี เยอะ”
นี่เป็นคืนแรกของการมาอยู่ท่ีวัดแห่งนี้ ผมถูกแม่บังคับให้บวชอย่างไม่เต็มใจ
เพราะแม่คิดว่าผมถูกฟ้า แฟนท่ีคบกันมากว่าคร่ึงปีหลอกเสียอย่างนั้น ทั้งที่ความจริง
ฟ้าไม่ใช่คนแบบน้ันเลย แต่นั่นก็เป็นสาเหตุที่ท�ำให้ผมต้องมาอยู่ที่นี่ตอนน ้ี
วัดศรีมณีวรรณ วัดท่ีโด่งดังมากที่สุดแห่งหนึ่งในภาคเหนือ ด้วยจุดเด่นท่ีม ี
หอศิลปวัฒนธรรมท่ีซ่ึงจัดแสดงงานศิลปะทางพุทธศาสนามากมาย เช่น เหรียญจารึก
ต่างๆ พระพุทธรูปโบราณ และศิลปกรรมอีกไม่น้อย ล่าสุดเมื่อเช้าวันน้ี ยังมีหุ่นขี้ผึ้ง
ที่มาใหม่อีกกว่า 7 ตัวเพื่อจัดแสดงที่น่ี ซึ่งลงพาดหัวตัวใหญ่บนหน้าหนังสือพิมพ์
ท้องถ่ินว่าเป็นหุ่นจ�ำลองปีศาจแห่งบาปท้ัง 7 ที่ซ่อนอยู่ในจิตใจมนุษย์ ขณะท่ีผมก�ำลัง

69

อ่านข่าวการติดตามตัวผู้ต้องหาที่หลบหนีมาจากนราธิวาสต้ังแต่เดือนที่แล้วอยู่เพลินๆ
‘ปังๆๆ’
“เณรวายุ”
“หลวงพ่ีภูผาหรือครับ” ผมขานรับ
“หลวงพี่เอง เปิดประตูทีสิ”
ส้ินเสียงของหลวงพี่ภูผา ผมก็รีบลุกมาเปิดประตูทันที หลวงพี่ภูผาเป็นพระท่ี
ย้ายมาจากวัดท่ีไหนสักแห่งแถวๆภาคใต้ได้เกือบเดือนแล้ว เขารับปากกับแม่ของผมว่า
จะเป็นคนดูแลผมตลอดเวลาที่ผมอยู่ท่ีนี่ และถ้าจ�ำไม่ผิดหลวงพี่ภูผาเป็นผู้ที่เสนอให้
เจ้าอาวาสเซ้งหุ่นข้ีผ้ึงชุดท่ีมาใหม่น้ีจากพิพิธภัณฑ์ท่ีต้องปิดตัวลงเนื่องจากปัญหา
เศรษฐกิจ
“หลวงพ่ีแค่จะมาย�้ำเร่ืองพรุ่งนี้เช้า ยังจ�ำได้ใช่ไหม อย่าตื่นสายละกัน”
“ครับหลวงพ่ี”
“ง้ันหลวงพี่ขอตัวก่อนนะ นี่ก็ดึกมากแล้ว เด๋ียวก็รีบเข้านอนเสียล่ะ อ้อ..แล้ว
ก็อีกเร่ืองหนึ่ง คืนแรกจะหนักหน่อยเป็นธรรมดา หากเห็นหรือได้ยินอะไรแปลกๆ ก็
อย่าไปทักเข้าล่ะ” พอหลวงพ่ีภูผาพูดเสร็จก็เดินจากไป
“ครับหลวงพี่” ผมรับค�ำแบบส่งๆ ผมเป็นคนที่ไม่เชื่อในเร่ืองผีๆ สางๆ เพราะ
คิดว่ามันเป็นส่ิงท่ีงมงายและดูไร้สาระอีกทั้งวิทยาศาสตร์ยังพิสูจน์ไม่ได้ ผมปิดประตู
ก่อนจะกลับมานอนบนเสื่อที่ปูไว้กลางห้องและเข้าสู่ห้วงนิทรา

วันต่อมา ผมเกือบต่ืนไม่ทันเวลาท่ีหลวงพ่ีก�ำชับไว้ แต่โชคดีท่ีผมเป็นคนท�ำ
อะไรรวดเร็วจึงไปถึงที่นัดหมายอย่างตรงเวลา โดยไม่ลืมท่ีจะหยิบบาตรไปด้วย
หลังจากเสร็จกิจในช่วงเช้า ผมก็กลับไปที่กุฏิ น่ังๆนอนๆอยู่ไม่นาน เพื่อนคู่แฝด
ที่เป็นเพื่อนสนิทที่โรงเรียนก็พากันมาเที่ยวหาผม

70

“เฮ้ย เป็นไงบ้างวะมึง เอ้ยยย! เณรน้อย” แฝดคนพี่ถามเองหัวเราะเอง
“เออสิครับ กูโคตรเบ่ือเลย ถ้าจะต้องท�ำตัวเป็นเณรน้อยน่ารักอยู่ที่วัดแบบนี้
ไม่เห็นจะมีประโยชน์อะไร เสียเวลาว่ะ” ผมตอบไปอย่างไม่สบอารมณ์ในอารมณ์ขัน
ของมัน
“เออ มึง มึงมาบวชนี่มึงต้องเลิกกับฟ้าเลยเหรอวะ” แฝดคนน้องถามบ้าง
“ไม่เว้ย ไม่ว่ายังไงกูก็ไม่ยอมเลิกกับฟ้าเด็ดขาด ถึงกูจะบวช กูก็บวชแค่ตัวใจ
กูอยู่ท่ีฟ้านู่น” หลังจากที่ผมตอบไปแบบนั้น ก็สังเกตเห็นไอ้พ่ีน้องฝาแฝดมันมองหน้า
กันก่อนแฝดคนน้องจะพูดข้ึน
“เฮ้ยไอ้เณร ใจเย็นๆ แล้วฟังกูนะเว้ย กูเข้าใจนะว่ามึงรักแฟนมึง แต่กูเห็น
แฟนมึงท่ีมึงบอกว่ายังไม่ได้เลิกกันเน่ีย ควงไอ้น้องเมฆที่เคยอยู่ด้วยกันตอนไปเชียร์มึง
แข่งเทควันโดระดับจังหวัด แถมยังดูสนิทสนมกันกว่าแค่เพื่อนธรรมดาๆ ท่ีเคยบอกมึง
อีกต่างหาก”
“พวกมึงอย่ามาล้อเล่นกับกูนะ กูไม่ข�ำ” ผมท�ำหน้าจริงจัง เพราะผมไม่ชอบ
ให้ใครมาพูดถึงฟ้าเสียๆ หายๆ แบบน้ี
“กูจะหลอกพระหลอกเจ้าให้บาปกินหัวท�ำไมวะ”
“เออ ไม่รู้มึง” ผมตอบเหมือนไม่คิดอะไร แม้ในใจจะแอบกลัวไม่น้อยว่ามัน
จะเป็นเร่ืองจริง
เย็นวันนั้นผมแอบนัดเจอกับฟ้าท่ีป่าช้าหลังวัดเพื่อจะยืนยันความบริสุทธิ์ของฟ้า
หลังจากเวลานัดไม่นาน ก็ปรากฏร่างเพรียวผอมท่ีคุ้นเคยข้ึน แม้จะมีสิ่งท่ีเหนือความ
คาดหมายที่ยากจะยอมรับด้วยเช่นกัน ข้างๆ ร่างเล็กของฟ้ามีชายร่างสูงเคียงคู่มาด้วย
แต่สิ่งที่ท�ำให้ผมแทบจะทรุดลงไปตรงน้ันคือมือของทั้งสองที่กุมกันแน่นและไม่มีทีท่าว่า
จะปล่อยออกจากกันเลย
“ฟ้า นมี่ นั หมายความว่ายงั ไง บอกผมสิวา่ มันไมใ่ ช่แบบทผ่ี มคดิ ” ผมถามเสยี งส่นั

71

“เราเลิกกันเถอะนะ วายุ เราคงไปกันไม่ได้แล้ว” ฟ้าหลบสายตา
“แต่ผมรักฟ้านะ ผมรักฟ้าคนเดียว ถึงแม้ตอนน้ีผมจะมาบวชอยู่ที่น่ี แต่ผมก็
ไม่มีทางท่ีจะเปล่ียนใจไปจากฟ้าเด็ดขาด” ผมตอบเสียงหนักแน่นเพ่ือให้ฟ้าม่ันใจว่าผม
รู้สึกแบบนั้นจริงๆ ถึงแม้จะเร่ิมอ่อนแรงและน�้ำในตาเร่ิมไหลออกมา
“เรื่องของเรามันจบแล้ววายุ ตอนน้ีฟ้ามีเมฆอยู่แล้ว ลาก่อนนะ...” เสียงใส
ตอบอย่างไร้เยื่อใยก่อนท่ีจะหันหลังสะบัดผมสยายทิ้งให้ผมยืนมองเธอเดินจากไป
แต่ก่อนผมจะปล่อยให้ฟ้าไปไหนไกล ความรู้สึกท่ีแท้จริงกลับส่ังให้ผมท�ำในส่ิงที่ผมไม่
ควรจะท�ำภายใต้ชายผ้าเหลืองแบบนี้
“ฟ้า ผมรักฟ้านะ ฟ้าอย่าท้ิงผมไปนะ” ผมสวมกอดฟ้าจากทางด้านหลัง
ณ เวลานั้น ผมรับรู้ได้ถึงเสียงและแรงของฟ้าท่ีพยายามต่อต้านอ้อมแขนของ
ผม ชายหนุ่มที่ชื่อว่าเมฆพยายามดึงตัวของผมออกจากฟ้า และผลักผมล้มไปกับพื้น แต่
ด้วยความเป็นนักกีฬาของผม ผมจึงลุกข้ึนมาได้อย่างรวดเร็ว ก่อนจะผลักเมฆให้ล้มลง
แล้วจับศีรษะของเมฆ กระแทกกับก้อนหินที่อยู่บนพื้นอย่างรุนแรงกว่าหลายครั้ง
ท่ามกลางความต่ืนตกใจของฟ้า
“วายุ!! หยุดเด๋ียวนี้นะ อย่าท�ำอะไรเมฆนะ!!” ฟ้าพยายามจะดึงแขนของผม
ไว้ แต่ด้วยขนาดตัวท่ีต่างกัน กอปรกับโทสะท่ีสุมอยู่ในอกของผม นอกจากฟ้าจะท�ำ
อะไรไม่ได้แล้ว ยังกลับท�ำให้ฟ้าเองที่เซล้มลงจนศีรษะกระแทกพื้นหมดสติไป
ผมบันดาลโทสะไปนานแค่ไหนก็ไม่รู้ แต่พอรู้สึกตัวอีกทีศีรษะของเมฆ ก็ยุบ
และเละเสียจนไม่อาจจะเรียกมันว่าเคยเป็นส่วนศีรษะมนุษย์ไปได้เลย ด้วยความกลัว
ความผิด ผมจึงคิดหาวิธีท�ำลายหลักฐาน ซ่ึงส่ิงแรกท่ีคิดได้คือ ‘เผา’ !
ทันทีท่ีจุดไฟ ไฟก็ลุกลามอย่างรวดเร็ว ไฟท่ีรู้สึกว่าร้อนแรงกว่าไฟไหนๆ ที่
เคยสัมผัสมา ก�ำลังแผดเผาเส้ือผ้าและเน้ือผิว ส่งกลิ่นเหม็นเหมือนเนื้อย่างท่ีไหม้เกรียม
ให้ความรู้สึกที่สะอิดสะเอียน เวลาหัวค�่ำท่ีคงไม่มีใครสังเกตเห็นหมอกควันไฟท ่ี

72

ตลบอบอวล บวกกบั ความโชคดที ม่ี ลี มพดั แรงทำ� ใหม้ นั กลมกลนื กบั ทอ้ งฟา้ และเมฆครมึ้ สเี ทา
“หึหึๆๆๆ…”
“ใครวะ!” ผมตกใจในเสียงหัวเราะปริศนาอันแหบแห้งที่ดังข้ึน แต่กลับหาต้น
เสียงไม่พบ ผมคิดว่าด้วยความต่ืนกลัวท�ำให้ผมคิดไปเอง
หลังจากไฟเริ่มมอดลง ผมกลับต้องตกใจในส่ิงท่ีเหลืออยู่ท่ามกลางกอง
เถ้าถ่านซ่ึงเหลือเพียงเศษกระดูกเล็กๆ ท่ีปะปนกันจนแทบแยกไม่ออกว่าส่วนไหนเป็น
ส่วนไหนหรือของใคร! ผมแอบสงสัยว่าความร้อนเพียงแค่น้ีสามารถแผดเผาร่างกาย
ของมนุษย์ได้ถึงขนาดน้ีเชียวเหรอ ด้วยความร้อนรนท�ำให้ผมไม่มีเวลาคิดอะไรไป
มากกว่าน้ีและคิดว่าก็ดีเสียอีกจะได้ท�ำลายหลักฐานได้ง่ายขึ้น ผมรีบเก็บเศษกระดูก
พวกนั้นใส่ย่ามที่พกมาอย่างเหมาะเจาะ ก่อนจะรีบกลับไปที่วัดก่อนที่ใครจะสงสัย
เมื่อพระอาทิตย์ตกดินผมจึงรีบด�ำเนินแผนการขั้นต่อไป คือการท�ำลายเศษ
กระดูกท่ีจะเป็นหลักฐานมัดตัวอย่างดี ผมออกจากกุฏิ มุ่งตรงไปยังหอศิลป์ของวัดโดย
ระวังไม่ให้มีใครสังเกตเห็น เม่ือเปิดประตูเข้าไป กลิ่นไอช้ืนกระทบจมูกเบาๆ บ่งบอก
ถึงการมีอยู่ของสิ่งโบราณภายในน้ีมาช้านาน ไม่รู้ว่าอะไรดลใจผมมาท่ีน่ี และตรงไปยัง
โซนจัดแสดงหุ่นขี้ผึ้งได้อย่างถูกต้องทันที ท้ังที่ผมเพิ่งจะมาที่นี่เป็นครั้งแรก ผมรีบน�ำ
เศษกระดูกเหล่านั้น ใส่เข้าไปในหุ่นขี้ผึ้งเพื่อท�ำลายหลักฐาน แล้วจึงรีบกลับไปยังกุฏิ
ผมท�ำเวลาให้เร็วที่สุดเพ่ือลดโอกาสท่ีจะมีคนเห็นให้น้อยลง ระหว่างทางกลับผมเห็น
หลวงพี่ภูผาเดินผ่านกุฏิของผมไป โชคดีท่ีแกไม่ไปเคาะประตูเรียกผมในตอนน้ี
หลังจากท่ีผมกลับมาถึงห้องด้วยใจท่ีเต้นรัว ผมพยายามจะข่มตาให้หลับเพื่อ
สงบสติอารมณ์ แต่แล้วก็ต้องเปล่ียนความคิดไป
‘ปังๆๆ’ ใครมาเคาะประตูเวลานี้กันนะ
“หลวงพ่ีภูผาหรอครับ” ผมเอ่ยถาม
‘ปังๆๆ’ แทนค�ำตอบ เสียงเคาะประตูดังข้ึนอีกคร้ัง

73

“หลวงพภ่ี ผู าหรอื เปลา่ ครบั ” ผมเร่ิมนว่ิ หน้า ว่าใครมาเลน่ อะไรในเวลาแบบนกี้ นั
‘ปังๆๆ’
“ใครวะ” ผมไม่รอให้อีกฝ่ายกวนประสาทอีกต่อไป ผมรีบลุกไปเปิดประตู
ก่อนจะพบเพียงแค่ความว่างเปล่า
“เหี้ยไรวะ” ผมชะเง้อดูรอบๆ บริเวณภายนอก แต่ก็ไม่พบใครเลย ขณะที่
ตัดสินใจจะปิดประตูน้ัน ก็มีบางสิ่งเคล่ือนท่ีผ่านหน้าผมไปอย่างรวดเร็ว
“เห้ย!!” ด้วยความตกใจ ผมรีบปิดประตูห้องทันที
‘ปงั ๆๆ’ เสยี งเคาะประตดู งั ขน้ึ อกี แตค่ ราวนเ้ี ปน็ เสยี งทด่ี เู กรยี้ วกราดกวา่ เดมิ มาก
“มึงเป็นใคร ต้องการอะไร!!” ผมตะโกนถามอย่างไม่เกรงกลัว
“หึหึๆๆ หึหึๆๆ” เสียงหัวเราะอันน่าสยดสยองเสียงเดิมดังข้ึนแทนค�ำตอบ
“วายุ..ช่วยด้วย ช่วยฟ้าด้วย !” เสียงท่ีผมได้ยินก็จ�ำได้ทันทีว่ามันคือเสียงอัน
น่าหดหู่ของฟ้า
“ฟ้า นั่นฟ้าหรอ ใครท�ำอะไรฟ้า ผมขอโทษ ผมไม่ได้ตั้งใจ” เม่ือได้ยินเสียงฟ้า
ผมกร็ ู้สกึ เหมอื นควบคุมตวั เองไม่ได้ ดว้ ยความรักทมี่ ใี หฟ้ า้ ยังคงเออ่ ล้นอยู่ในหัวใจของผม
“ช่วยฟ้าด้วย ฟ้าไม่อยากอยู่ท่ีน่ี ช่วยฟ้าด้วย....”
“ผมจะไปช่วยฟ้าเอง ฟ้ารอผมก่อนนะ” ด้วยความหน้ามืดตามัวหรืออะไรก็แล้ว
แต่ที่ท�ำให้ผมผมรีบออกจากกุฏิและมุ่งไปยังสถานที่เก็บงานศิลปะอันมากมายนั้นทันที
“ฟ้า ผมมาช่วยฟ้าแล้ว เราจะอยู่ด้วยกันนะ” ผมหยิบตะเกียงที่วางอยู่ข้าง
ประตูของหอศิลป์เหมือนใครตั้งใจวางไว้ ก่อนใช้ไฟแช็คจุดไฟตะเกียงเพ่ือให้ความสว่าง
แล้วจึงรีบตามหาหุ่นตัวท่ีผมซ่อนความผิดอันเลวร้ายไว้ข้างใน แต่หาอย่างไรก็หาไม่พบ
และรู้สึกว่ายิ่งเดินไปทางไหน ก็เหมือนมีสายตาที่จ้องมองอยู่ตลอดเวลา พอลองนับหุ่น
ขี้ผึ้งในชุดท่ีมาใหม่นี้ดู กลับพบว่ามันมีเพียงแค่ 6 ตัวเท่าน้ัน
“หึหึๆๆๆๆ” ผมหันไปตามที่มาของเสียงหัวเราะ ก็พบกับส่ิงท่ีผมก�ำลังตามหา

74

ผมจ้องมองไปท่ีหุ่นตัวท่ี 7 ท่ีเหมือนกับว่ามันก�ำลังเดินเข้ามาหาผมก่อนจะตะโกนด้วย
ความโกรธแค้น
“แกท�ำอะไรฟ้า !!”
“ฟ้า....” เมื่อสิ้นเสียงของผมที่อ่อยลง ร่างของหุ่นตัวน้ันก็กลายเป็นร่างของ
ฟ้าที่ทั้งตัวเต็มไปด้วยรอยแผลจากไฟไหม้ และก�ำลังพุ่งเข้าหาผมอย่างรวดเร็ว ผมตกใจ
ล้มลงไปขณะที่ในมือยังถือตะเกียงอยู่ ด้วยความโชคร้ายหรืออย่างไรก็ไม่อาจรู้ ท่ีผ้าปู
พ้ืนที่น่าจะทนไฟได้ดีกลับติดไฟและลุกลามอย่างรวดเร็ว กลายเป็นกองเพลิงขนาดใหญ่
“ฟา้ เราจะไปอยดู่ ว้ ยกนั ใชไ่ หมฟา้ ผมรกั ฟา้ นะ” แทนคำ� ตอบ เสยี งหวั เราะอนั นา่
รงั เกียจนน้ั ยงั คงดงั กึกกอ้ งต่อไป ท่ามกลางกองไฟทีก่ ำ� ลังโชติชว่ งอยู่น้ันผมมองเห็นใครบาง
คนอยทู่ ม่ี มุ หนง่ึ ดว้ ยสายตาทเี่ รม่ิ พรา่ มวั ภาพสดุ ทา้ ยทผี่ มเหน็ คอื บคุ คลในชดุ ผา้ เหลอื งทย่ี นื
แสยะย้มิ อยู่
.
.
.
“เกดิ ไฟไหมท้ ่ีหอศิลปวัฒนธรรม วัดศรีมณีวรรณ โชคดที งี่ านศลิ ปะท่ีส�ำคัญและ
ตัวอาคารไม่เสียหายมากนักเน่ืองจากมีระบบป้องกันไฟท่ีแน่นหนา สาเหตุคาดว่าเกิดจาก
การลอบวางเพลิงเน่ืองจากพบตะเกียงที่น่าจะเป็นต้นเพลิงและคราบน้�ำมัน สันนิษฐานว่า
เป็นฝีมือของวัยรุ่นท่ีถูกบังคับให้มาบวชอยู่ท่ีวัดแห่งน้ี โดยมีเพื่อนอีกสองคนเป็นผู้สมรู้
รว่ มคิดซ่งึ ตอนน้ที างตำ� รวจได้ออกหมายจบั และกำ� ลังออกตามตวั อยู่ ส่วนมูลเหตจุ ูงใจ.....”
หลงั จากทวี ถี กู ปดิ รโี มททวี กี ถ็ กู วางบนโตะ๊ ทเ่ี ตม็ ไปดว้ ยกระสนุ ปนื และยาเมด็ หลาก
สสี นั บรรจอุ ยใู่ นซองมากมาย มมุ หนงึ่ ของหอ้ งมโี ตะ๊ หมบู่ ชู ารปู รา่ งแปลกๆ ซง่ึ มขี องวางเรยี ง
รายกระจดั กระจายอยเู่ ตม็ ทง้ั พระพทุ ธรปู หนุ่ จำ� ลองขนาดเลก็ ใหญท่ ดี่ เู หมอื นเดก็ ใสช่ ดุ ไทย
สีต่างๆ หัวกะโหลก และยันต์สีแดงท่ีลงอักขระโบราณที่คนทั่วไปคงจะไม่รู้ความหมาย

75

ชายนงุ่ ผ้าเหลืองนงั่ อยบู่ นเก้าอี้ มอื ขวาถอื ยาสบู ขน้ึ มาดดู ก่อนจะพน่ ควันออกมา ริมฝีปาก
แสยะยิม้ อยา่ งนา่ รังเกยี จ
“ไม่นา่ เลยนะ ไอเ้ ด็กเมื่อวานซนื เตือนแล้วนะ แต่กด็ ี..มาเปน็ เครื่องสงั เวยให้
คอลเลคช่นั ของก”ู

76



78

หญิงสาวผทู้ ำ� ลายมิตรภาพ

ธญั ญารตั น์ จนิ าเฟย

เมื่อผมผลักประตูกลิ่นกาแฟจางๆเตะเข้าจมูกผม ผมยิ้มทักทายกับ “เจต”
เจ้าของร้านอ่านหนังสือแห่งน้ี ใช่ครับมันร้านอ่านหนังสือไม่ใช่ร้านขายหนังสือ เจตเล่า
ให้ผมฟังว่า
“ผมเป็นคนอารมณ์ร้อน มักทะเลาะวิวาทกับคนอ่ืนบ่อยครั้ง จิตแพทย์เลย
แนะน�ำให้ผมหากิจกรรมที่อยู่คนเดียวและสามารถท�ำให้จิตใจสงบได้ ซึ่งผมได้ค้นพบ
ว่าการอ่านหนังสือช่วยผมได้แล้วผมก็กลายเป็นคนรักหนังสือแต่น้ันมา โดยเฉพาะ
วรรณกรรมต่างประเทศและด้วยความที่เขาอยากมีท่ีอ่านหนังสือดีๆ แต่ที่แบบน้ันค่อน
ข้างหายากเขาเลยสร้างข้ึนมาเสียเอง”
ส่วนตัวผมค่อนข้างสนิทกับเจตมาพักนึงแล้ว ก็อดทักไม่ได้เม่ือเห็นความเครียด
ที่ปรากฏบนหน้าของเจต
“หน้าเครียดเชียวเจต เป็นอะไรหรือเปล่า”
“ผมก�ำลังแอบชอบผู้หญิงคนหนึ่ง แต่ผมไม่กล้าพอท่ีจะเข้าไปตีสนิทกับเขา”

79

“อ่อ...อืม”
ผมไดแ้ ตเ่ ออ ออตามเนอ้ื เรอ่ื งเพราผมกไ็ มส่ นั ทดั ในเรอ่ื งน้ี จงึ ไดแ้ ตป่ ลอบใจและให้
กำ� ลังใจ กอ่ นจะขอตวั ข้นึ ไปอ่านหนงั สือบนชั้นสอง (ปกตผิ มจะนง่ั อ่านรมิ หนา้ ต่างชนั้ แรก)
ผมถอื ถว้ ยชาพรอ้ มกบั อา่ นหนงั สอื ขนึ้ ไปชนั้ บน ผมเลอื กทนี่ ง่ั ทคี่ ดิ วา่ นงั่ สบายทส่ี ดุ
และยกหนงั สอื ฆานดติ เขยี นโดยวอลแตรข์ น้ึ มาอา่ นตอ่ โดยไมไ่ ดส้ งั เกตเลยวา่ โตะ๊ ทผ่ี มเลอื ก
น่ังนนั้ มีคนนั่งอยแู่ ล้ว เพียงแตเ่ ราท้ังคูต่ ่างตกอยใู่ นภวังคข์ องหนงั สอื อ่านได้สักพกั ผมกย็ ก
ถว้ ยชาขนึ้ กอ่ นจะจบิ มนั แลว้ รสู้ กึ วา่ รสชาตมิ นั เปลย่ี นไป กาแฟ..สง่ิ ทค่ี วรอยใู่ นถว้ ยคอื กาแฟ
ไม่ใชช่ า เมื่อผมวางหนงั สอื ลงแลว้ ก็ตอ้ งผงะเมื่อเหน็ วา่ มีคนนง่ั ตรงขา้ มผม (เอาเขา้ จรงิ เขา
นั่งก่อนผม) อีกฝ่ายมหี นงั สือทอี่ า่ นอยใู่ นมือเขยี นโดยมคิ าอลิ บลุ กาคอฟ
“คุณ คุณครับ”
“คะ”
“คุณอ่านมาสเตอร์ แอนด์ มาร์การิต้าด้วยเหรอครับ”
“ค่ะ ฉันชอบอ่านหนังสือที่มิคาอิล บุลกาคอฟ เป็นคนแต่ง”
“ผมไม่คิดว่าคุณจะอ่านมัน เพราะมันเป็นวรรณกรรมที่มีเน้ือหาค่อนข้าง
รุนแรง ซ่ึงไม่ค่อยมีคนรู้จักมากนัก ย่ิงคนอ่านที่เป็นผู้หญิงด้วยแล้ว แทบจะไม่ต้องพูดถึง”
“แต่ฉันกลับคิดว่ามันน่าสนใจดีนะคะ”
นับจากวันน้ันเป็นต้นมาเป็นเวลาสองเดือนที่ผมรู้จักกับเธอ เราเริ่มสนิทกัน
มากข้ึน ทุกๆ บ่ายวันพุธเธอมักจะอ่านหนังสือท่ีเก้าอ้ีตัวเดิมที่ๆ เรารู้จักกัน เราท้ังคู่
แทบไม่ได้คุยกันเลยเม่ือพบกันเราแค่ทักทายแล้วต่างคนต่างก็เข้าในโลกหนังสือของตน
ข้างถ้วยชาของผมมีถ้วยกาแฟของเธอ
สายวันพุธวันหน่ึงขณะที่ผมรอเจตชงชาให้ผม (ร้านนี้ชงแก้วต่อแก้ว) เขาก็
โพล่งปากบอกกับผมว่า
“วันนี้แหละ ผมจะบอกรักเขาให้ได้เลย ผมมีของขวัญทีเด็ดเป็นล็อกเก็ตเงิน

80

มีจี้ที่เป็นรูปคาตานะซึ่งเป็นสิ่งที่ผมสืบทราบว่าเธอช่ืนชอบมาก”
“555 ผมคิดว่าคุณเอาชนะใจเธอได้แน่นอนครับ”
“ขอบคุณครับ ง้ันชาแก้วน้ีคุณไม่ต้องจ่าย ผมจะท�ำให้เขารับรักผมให้ได ้
เจดตะโกนไล่หลังผมดังพอที่ท�ำให้ลูกค้าสองสามรายตาขวางใส่เจ้าของร้าน
ก่อนจะยิ้มออกเม่ือเจ้าของร้านบอกว่าวันน้ีกินฟรี
ผมปิดประตูกันเสียงที่บันไดและเดินตรงมาน่ังท่ีเดิม มองนาฬิกาข้อมือ
มันบอกผมว่าอีกไม่นานเธอจะมา ผมล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าหยิบกล่องสีน�้ำเงินออกมา
มันเป็นของขวัญท่ีผมเตรียมมอบให้กับเจ้าของถ้วยกาแฟถ้วยนั้น ผมยกถ้วยชาข้ึนมาจิบ
แล้วก็ต้องย้ิมกว้างเม่ือเห็นเธอคนน้ันเดินเข้ามาในร้าน
.
.
.
“เจ้าของร้านโหดใช้จ้ีรัดคอสาวดับ หลังโดนปฏิเสธรัก ตร.เผยเคยมีประวัติ
ทางจิต” พาดหัวข่าวของหนังสือพิมพ์วันนี้
ฝกตกกระหนำ�่ ตกอยา่ งบ้าคล่ังราวกบั รบั รถู้ งึ ความรู้สกึ ในใจของผมทต่ี อนน้ีกำ� ลงั
รำ่� รอ้ งอยา่ งบา้ คลงั่ ผมยนื อยหู่ นา้ หลมุ ศพของเธอ เธอถกู คนทร่ี กั เธอรดั คอดว้ ยจรี้ ปู คาตานะ
เส้นน้ัน ผมร้องไห้เสียงดังอย่างไม่อายฟ้าดิน ในหัวสมองเต็มไปด้วยความคลั่งและคล่ืน
พายุความรู้สึกโศกเศร้า ผมคุกเข่าลงวางของขวัญท่ีผมตั้งใจจะให้เธอไว้หน้าหลุมศพ
ผมเดินจากไปในใจพลางทบทวนเรื่องของวันน้ัน
บ่ายวันน้ันเธอขึ้นมาน่ังท่ีเดิมของเธอเช่นเคยแต่วันน้ีไม่เหมือนเดิมตรงท่ีเธอ
เป็นคนเร่ิมสนทนา
“เม่ือก้ีก่อนฉันข้ึนมา เจ้าของร้านมาสารภาพรักและมอบล็อกเก็ตให้”
ผมอ้ึงไปช่ัวขณะ “...เล่าต่อสิครับ”

81

“ความจริงแล้วฉันก็แอบมีใจให้เขาเหมือนกัน ซึ่งน่ันก็เป็นสาเหตุท่ีท�ำให้ฉัน
มาท่ีนี่บ่อยๆ” เธอพูดไปย้ิมไปอย่างเขินอาย
“แต่ฉันไม่ได้ให้ค�ำตอบเขาหรอกค่ะ เพราะฉันไม่กล้าพูดและอายลูกค้าคนอื่น
ท่ีอยู่ในร้าน แต่ฉันกลับรับล็อกเก็ตจากมือเค้าแล้วรีบวิ่งขึ้นมา”
หลังจากท่ีเธอว่ิงข้ึนมา เธอกลับไม่รู้ว่าด้านล่างน้ันเจ้าของร้านโวยวายไปท่ัว
ร้านและไล่ลูกค้าออกจากร้าน เพราะคิดว่าเธอปฏิเสธเขา ผมพยายามฟังให้จบโดยไม่
แสดงอาการใดๆ ทั้งท่ีก�ำมือจนเล็บจิกเข้าเน้ือ
“คุณส่งล็อกเกตน่ันมา ผมจะใส่ให้ ถ้าคุณลงไปเม่ือเจตเห็นล็อกเก็ตเขาก็จะ
เขา้ ใจเอง”
“ขอบคณุ คะ่ ” พร้อมกบั เล่ือนกล่องล็อกเกต็ ไปท่ขี ้างถว้ ยชาของผม
เธอย้ิมขอบคุณอย่างมีความสุข มันยิ่งท�ำให้ผมสมเพชตัวเองย่ิงขึ้นท่ีตลอดมาไม่
เคยเห็นเธอมีความสุขเท่าน้ีมาก่อน เพียงแค่นั้นสมองของผมก็ว่างเปล่า ภาพเธอย้ิมให้ผม
หนังสือท่เี ราเคยอ่านยงั วนเวยี นอยใู่ นสมอง แต่แล้วส่ิงเหลา่ นั้นเธอไมไ่ ด้มีให้ผม ความโกรธ
มมี าเปน็ รวิ้ ๆ มอื ผมเกรง็ อยา่ งไมร่ ตู้ วั รตู้ วั อกี ทผี มกร็ ดั คอเธอดว้ ยของขวญั ทผี่ มตง้ั ใจมอบให้
เธอไปเสยี แลว้

เม่ือได้สติ ผมรีบท�ำลายหลักฐานและวางล็อกเก็ตของเจตแทนท่ีล๊อกเก็ต
ของผมที่บังเอิญซ้ือมาเหมือนกัน แล้วแอบออกจากร้านทางระเบียงและใช้โทรศัพท์
สาธารณะแจง้ ตำ� รวจ ทงั้ หลกั ฐานรอยนว้ิ มอื บนลอ็ กเกต็ แรงจงู ใจ พยานแวดลอ้ ม ทกุ อยา่ ง
ชใี้ หเ้ จตเปน็ ฆาตกร และแนน่ อนวา่ ผมเปน็ หนง่ึ ในพยานนนั้ ดว้ ย ความจรงิ ผมกไ็ มอ่ ยากทำ�
กับเจตแบบน้ีนักหรอก เพราะเขาคือเพื่อนของผมตอนเราเข้าบ�ำบัดโรคทางจิตด้วยกัน
แตก่ ็นัน่ แหละอย่างท่โี บราณเขาวา่ ..สตรีมักท�ำลายมิตรภาพ

82



84

เหตเุ กดิ วนั ท่ี 5 สิงหาคม

นำ�้ ผง้ึ มง่ั คง่ั

ชายหัวล้านเข้ามาส�ำรวจความเรียบร้อยในสุสาน หยุดมองหญิงสาวชาวเอเชียที่
เขาจ�ำได้ว่ามาวันน้ที ุกปี สว่ นผูน้ อนหลบั ใหลข้างใต้เขารู้จกั ดี เธอคอื เรมี่ สามขี องนางนอน
ทอดกายอยู่ข้างๆ สักคร่ึงปีได้
ทเ่ี ขาสงสยั คอื หญงิ สาวคนนเี้ ปน็ ใคร เทา่ ทร่ี คู้ อื นางเรมแี่ ละสามไี มม่ ลี กู แลว้ ทำ� ไม
หญิงสาวจะตอ้ งมาเคารพผู้ตายในวนั ท่ี 6 สิงหาคม ท้งั ที่ไมใ่ ชว่ ันตายของทัง้ คู่ หรอื อาจจะ
เป็นวนั เกิด
ในทสี่ ดุ ชายวัยกลางคนผดู้ ูแลสุสานกเ็ อ่ยถาม
“ไม่ใช่วันเกิดของท่านท้ังสองหรอกค่ะ แต่น่าจะเป็นวันเกิดของหนูมากกว่า...
เกดิ ใหม”่ หญิงสาวตอบด้วยส�ำเนียงอเมริกนั ชดั ถ้อยชัดค�ำ
น้�ำหวานขับรถรับส่งพนักงานของบริษัท ไฟทางส่องให้เห็นบ้านรายเรียงอยู่ริม
ถนน หากมองเหน็ สภาพผขู้ บั ในรถคนั นน้ั แลว้ ละก็ จะเหน็ ถงึ ความเหนอื่ ยลา้ จากการทำ� งาน
ถา้ เรยี นอยทู่ เี่ มอื งไทยตอนนคี้ งเปน็ เวลาทนี่ อนหลบั สบายอยบู่ นทนี่ อนนมุ่ ๆ มากกวา่ จะตอ้ ง

85

ทำ� งานจนดกึ ดน่ื แตห่ ลอ่ นเลอื กเองวา่ จะมาเรยี นทนี่ ่ี แลว้ กภ็ มู ใิ จเสยี ดว้ ยทสี่ ง่ เสยี ตวั เองเรยี น
โดยไม่ไดข้ อเงินพอ่ แม่มาหลายปีแลว้
ขณะก�ำลังไขกุญแจห้องน�้ำหวานได้กลิ่นเหม็นโชยมาจากด้านหลัง หล่อนรีบหัน
ไปมอง
“ยงั ไมน่ อนหรือคะ่ เรมี”่ เดก็ สาวทกั ทายหญงิ ชราท่อี อกจากห้องฝ่งั ตรงข้าม
“ฉันจะเอาถุงขยะไปท้ิงน่ะ” น�้ำหวานช�ำเลืองมองถุงขยะในมือเพื่อนร่วม
อพาร์ตเมนต์ แลว้ แอบคดิ ในใจวา่ ถงุ ขยะนดิ เดยี วเหตุใดจงึ เหม็นชวนอาเจยี นย่ิงนัก
“เดี๋ยวหนูเอาไปทิ้งใหเ้ องไม่ตอ้ งเกรงใจหรอกคะ่ ”
“ขอบใจมากนะจะ๊ แพนดี้ เดยี๋ วแวะหอ้ งฉนั หนอ่ ยนะ ฉนั ซอ้ื คกุ กมี้ าเยอะเลย ชอบ
ลมื คดิ วา่ บลิ ยงั อยู่ อยเู่ รอ่ื ย” ตงั้ แตค่ สู่ ามคี ทู่ กุ ขค์ ยู่ ากของนางจากไปเมอื่ หลายเดอื นกอ่ น นำ้�
หวานก็แวะมาคุยกบั นางเรม่ีและซื้อของกนิ มาฝากบ่อยๆ ภาพหญงิ ชราท่อี ยูอ่ ยา่ งโดดเด่ียว
ในเมืองใหญ่ท�ำใหห้ ล่อนอดสะเทือนใจไม่ได้
“แบ่งไปกินทห่ี ้องนะ” นำ้� หวานกล่าวขอบคุณแล้วรบั ถุงคุกกจี้ ากเรมี่ ตั้งใจวา่ จะ
นงั่ คยุ เป็นเพอื่ นนางอกี สักครู่ แต่รูส้ กึ วา่ ในหอ้ งมกี ลิน่ เหม็นที่รนุ แรงกวา่
“โอ๊ะ! วันน้ีวันที่ห้าน่ีคะ” น้�ำหวานเพิ่งนึกได้ “พรุ่งนี้หนูต้องเข้ากะแทนเพื่อน
โรบนิ ปว่ ย”
“เธอจะต้องผ่านสะพานข้ามแมน่ ้ำ� มิสซิสซิปปีใชไ่ หม”
“ค่ะ หนูตอ้ งขับรถผ่านสะพานน่นั ทุกวนั ”
หญงิ ชราพยักหนา้ ช้าๆ หวั ควิ้ ขมวดหากนั แต่น�้ำหวานไมค่ ดิ อะไรมากนัก หล่อน
เหลยี วไปมองเรมก่ี อ่ นจะออกจากหอ้ ง เหน็ นางพดู อะไรเรอื่ ยเปอ่ื ยเหมอื นไมร่ ตู้ วั วา่ คสู่ นทนา
ลุกมาแล้ว
“บลิ คณุ แนใ่ จเหรอ” หญงิ ชราถามเสยี งตำ�่ นางคงลมื อกี เหมอื นเคยวา่ สามไี ดต้ าย
ไปแลว้ น้�ำหวานคดิ พลางปดิ ประตูแผว่ เบา

86

เช้าวันรุ่งข้ึนน้�ำหวานมองผ่านกระจกฝ้าท่ีประตูเข้าไป ยังเห็นเงาของนางเรม่ีน่ัง
อยตู่ รงทีเ่ ดิม เด็กสาวขย้จี มูกอกี ครัง้ เพราะรู้สกึ ว่ายงั ได้กลิ่นเหม็นติดจมูแตก่ ไ็ ม่ตดิ ใจอะไร
มากนัก
เดก็ สาวบง่ึ มอเตอรไ์ ซคเ์ ขา้ สทู่ ที่ ำ� งาน หลอ่ นเหลอื บมองนาฬกิ าขอ้ มอื แลว้ นกึ โกรธ
ตวั เอง ตั้งใจว่าจะตื่นเช้าแต่เผลอหลับต่อจนได้
เอ๊ยี ด!
หล่อนเบรกรถกะทันหัน เพราะหญิงชราคนหนึ่งวิ่งตัดหน้ารถ การจราจรคับค่ัง
อย่างนกี้ ลา้ ขา้ มถนนทีค่ บั คัง่ ไดอ้ ยา่ งไร น�ำ้ หวานมองตามหญิงชราคนนนั้
นางเรม่!ี
หญงิ ชราหนั มายมิ้ และโบกมอื ใหห้ ล่อนชา้ ๆหมนุ ตวั ไปคลอ้ งแขนชายผมขาวทย่ี ืน
หนั หลงั รออยพู่ รบิ ตาเดยี วทเ่ี ดก็ สาวละสายตาไปมองสญั ญาณไฟจราจร หญงิ ชายคนู่ น้ั กห็ าย
ไปจากบริเวณนั้น ยังไม่ทันท่ีหล่อนจะแปลกใจไปมากกว่าน้ี เสียงหวีดร้องดังไปท่ัวเมื่อรถ
ข้างหน้าไหลลงสูแ่ มน่ ำ้�
สะพานถลม่ !!
ฝุ่นคละคลุ้งจากสะพานขนาดใหญ่ท่ีหักลงท�ำให้บริเวณน้ันอยู่ในความขมุกขมัว
ผู้คนแตกต่นื หนตี ายยงั คงกรีดร้องและครำ่� ครวญ น้ำ� หวานนั่งตวั สัน่ อยภู่ ายในรถ สถานทที่ ่ี
หลอ่ นกำ� ลงั จะผา่ นเพอ่ื ไปทำ� งานอกี นดิ เดยี วเทา่ นน้ั บางทอี าจมเี พอ่ื นรว่ มงานของหลอ่ นอยู่
ในนน้ั ก็ได้ หล่อนมองอยา่ งขวัญเสียและทิง้ ตัวน่ังสะอึกสะอน้ื อยา่ งไมอ่ ายใคร
เยน็ วนั นนั้ นำ้� หวานประคองรา่ งตวั เองกลบั อพาตเมน้ ตอ์ ยา่ งขวญั เสยี หลอ่ นไดย้ นิ
เสยี งรายงานขา่ วดังจากโทรทัศน์จากทกุ หอ้ ง ทงั้ เมอื งยงั คงตนื่ ตระหนก หลอ่ นเห็นคนดูแล
ตกึ คล้องกญุ แจทป่ี ระตูห้องฝง่ั ตรงขา้ ม “เกดิ อะไรขึ้นคะ เรมยี่ า้ ยไปไหนเหรอคะ”
“สุสาน” เสียงเรียบๆ และหน้าตาจริงจังของอีกฝ่ายไม่อาจคิดได้ว่าพูดเล่น คน
ดแู ลตกึ ชแี้ จงอยา่ งคอ่ นขา้ งแปลกใจทเี่ ดก็ สาวทส่ี นทิ สนมกบั นางเรมไี่ มร่ วู้ า่ นางสน้ิ ลมไปแลว้

87

“คณุ ไม่แปลกใจบ้างหรือท่นี างปิดประตเู งยี บมาสองวนั แลว้ ”
“สองวนั !?!? กเ็ มื่อคืน..”
“เธอฟบุ ไปขณะดื่มกาแฟตอนเช้า ในมือยังถือคกุ ก้อี ยู่เลย”
น้�ำหวานมองหายาแก้ปวดทันทีที่กลับเข้าห้อง หล่อนน่ังครุ่นคิดถึงเหตุการณ์
ทเ่ี กดิ ข้นึ เม่อื คืน รวมท้งั กล่นิ เหมน็ อยากจะเช่ือเหลอื เกินวา่ ทง้ั หมดคือความฝนั แตค่ ุกกี้
ทวี่ างอยบู่ นชน้ั เปน็ หลกั ฐานวา่ หลอ่ นพบนางเรมเ่ี มอื่ คนื จรงิ ๆ แลว้ นางวงิ่ ตดั หนา้ รถเมอื่
เช้าไดอ้ ยา่ งไร หล่อนหาค�ำตอบไมไ่ ด้ รแู้ ต่วา่ ถา้ ไม่มีเหตุการณน์ ัน้ หล่อนคงไม่มีชีวติ รอด
มานั่งดูขา่ วนท้ี ฉี่ ายซำ้� อย่ใู นโทรทัศน!์ !

88



สารคดี

สารคดี

92

ห้วงค�ำนงึ ของเดก็ กจิ กรรม

ดถิ ดนยั ทาทาน

สบิ กวา่ ปที ่ผี า่ นมา พอ่ พดู ให้ผมฟงั เสมอวา่ “ผมเปน็ ลูกพระเจ้าตนหลวง ตอนพ่อ
กับแม่แต่งงานกันใหม่ๆ พ่อบอกว่าทุกครั้งที่พาแม่ไปไหว้พระเจ้าตนหลวงท่ีวัดศรีโคมค�ำ
พอ่ จะอธษิ ฐานขอใหไ้ ดล้ กู ชายและเปน็ คนทมี่ จี ติ ใจงดงาม และพอ่ กบั แมก่ ย็ ำ�้ เสมอวา่ ผมเกดิ
ขึ้นมาจากความรักของคนสองคน ผมจึงเป็นลูกท่ีพ่อ แม่ ต้องการและรอเวลาให้เกิด ผม
ชน่ื ใจทุกคร้ังทีไ่ ด้ยินและระลกึ ถงึ คำ� พดู ของทา่ น
ตอนท้องผมแม่บอกว่าครอบครัวเราอาศัยอยู่ที่บ้านพักข้าราชการในวิทยาลัย
พยาบาลบรมราชชนนีพะเยา โดยมีคุณย่าคอยเลี้ยงดู พอถึงเวลาท่ีจะเข้าเรียนก็เรียนช้ัน
อนบุ าลทโี่ รงเรยี นอนบุ าลพะเยา ดว้ ยความทผี่ มเกดิ เดอื นตลุ าคม ผมจงึ ตอ้ งเรยี นชนั้ อนบุ าล 2
ซำ้� อกี 1 ปที ำ� ใหเ้ พอ่ื นๆ รนุ่ เดยี วกนั ขน้ึ ชนั้ ป.1ไปหมด วรี กรรมของผมในสมยั อนบุ าลฯ คณุ ครู
หลายท่านระอา แต่มีคุณครูท่านหน่ึงท่ีคอยดูแลเอาใจใส่ผมและผมรู้สึกเคารพรักท่านมาก
เสมอพ่อ แม่ผม คือ คณุ ครู ปรีสนา หาญสขุ จรยิ า หรือคณุ ครูงอแง
การเรียนในชน้ั อนุบาล มนั น่าเบ่อื มาก คณุ ครูสอนในสิง่ ท่ผี มรู้แล้ว ผมจงึ ไม่อยาก

93

อยใู่ นหอ้ ง ผมอยากไปดูวา่ พี่ ป.1, 2, 3 เขาเรียนอะไร เรียนอยา่ งไร ผมอ่านหนังสอื เองได้
ต้งั แต่อยู่อนบุ าล1 แตใ่ ห้ผมกลับมานั่งเขียน นั่งท่อง ก ข ใหม่ สู้ผมออกไปนอกหอ้ งแลว้ ไป
ดูตน้ ไม้ ใบหญา้ ข้างนอกยงั จะมีประโยชนก์ ว่า
ชว่ ง ป.1 ผมเหน็ แผนภาพกายวภิ าคศาสตร์ (Anatomical wall charts of the
human body) ของแมท่ ใี่ ชส้ อนพน่ี กั ศกึ ษาพยาบาลแลว้ ชอบมาก ผมนง่ั มองนง่ั ทอ่ งระบบ
ตา่ งๆ ทกุ ครงั้ หรอื ทนั ทที ผี่ มวา่ ง ผมไมร่ วู้ า่ ทำ� ไมผมจงึ ชอบมองและพยายามจะจดจำ� รแู้ ตว่ า่ ผม
มคี วามสขุ ทไ่ี ดท้ ำ� แตจ่ ๆู่ มนั กห็ ายไปแบบไรร้ อ่ งรอย ผมกไ็ ดแ้ ตเ่ สยี ดายและรสู้ กึ ไมส่ บายใจ ไมม่ ี
ความสขุ ทกุ เชา้ บา่ ยและชว่ งเยน็ ผมจะไปนง่ั ฟงั พว่ี งดรุ ยิ างคซ์ อ้ มเพลงกนั ทำ� ใหใ้ จผมสงบและ
มคี วามสขุ และรสู้ กึ เหมอื นวา่ เพลงทพ่ี ๆี่ ซอ้ มนนั้ ผมเคยไดย้ นิ ทไ่ี หนมากอ่ นและผมเชอ่ื วา่ ถา้ ให้
ผมเลน่ ผมกเ็ ลน่ ได้ โดยเฉพาะกลองผมวา่ พๆ่ี ตคี รอ่ มจงั หวะบางทชี า้ บางทไี ว คมุ วงไมไ่ ด้
ชั้น ป.2 ผมได้ขอพ่อ แม่ เรียนตีกลองชุด เพราะอยากเอาความรู้ไปพัฒนาวง
(ทัง้ ๆ ทผ่ี มยงั ไมไ่ ด้เข้าเปน็ สมาชิกในวงเลย) ผมเรียนอยู่ 2-3 เดือนกส็ ามารถอ่านโนต้ และ
แกะเพลงต่างๆ มาเล่นได้โดยมีคณุ ครคู อยชว่ ยแก้ไขให้ในบางจดุ ทผ่ี มแกะได้ไม่ถูกตอ้ ง แต่
ผมก็ยังแอบดูพๆ่ี ซ้อมดนตรีผา่ นหนา้ ต่างบานเลก็ ๆ สีมอๆ พร้อมกบั ความต้ังใจท่มี งุ่ มั่นวา่
สักวันหนึ่งผมจะตอ้ งเปน็ หน่งึ ในวงใหไ้ ด้ ปัญหาใหญห่ ลวงของผมก็คือกฎของวงดุรยิ างค์จะ
ไม่รับเด็ก ป.1-3 เขา้ วง แตน่ นั่ หยดุ ฝันของผมไม่ได้ ผมก็ยังคงแอบมองพ่ีๆ ตอ่ ไป
ช้ัน ป.2 เทอม 2 ใกล้จะปิดเทอม ขณะที่ผมเอาคางแนบกับหน้าต่างบานเดิม
สายตาเพง่ มองไปทพ่ี ๆ่ี หกู ฟ็ งั จงั หวะไปพรอ้ มๆ กนั ฉบั พลนั มเี งาทะมนึ ยนื บงั ประตหู นา้ ตา่ ง
บานเลก็ ๆ จนมิด พร้อมกับน�ำ้ เสียงสงั่ แบบเฉียบขาดให้ผมเข้าไปในหอ้ งดุรยิ างค์ ทำ� ใหผ้ ม
ใจเสียนึกวา่ จะตอ้ งโดนคณุ ครูผ้คู วบคมุ วงดรุ ยิ างคด์ ุเรื่องไปแอบฟงั พ่ีๆ ซ้อมแนๆ่
คุณครสู รุ ฉตั ร พรี พล ยืนมองผมด้วยสายตาเอ้ืออารี ย้มิ ทม่ี มุ ปาก ซงึ่ ขัดน้ำ� เสียง
ของคุณครูยิ่งนัก คุณครูถามผมสารพัดเก่ียวกับเร่ืองดนตรีซึ่งผมจ�ำไม่ได้ว่ามีเรื่องอะไรบ้าง
แตท่ จ่ี ำ� แมน่ ทสี่ ดุ คอื คำ� ถามทที า้ ทายผมมากคอื ถา้ เธอตกี ลองเพลงชาตทิ ค่ี รสู อนพๆ่ี เมอ่ื กไี้ ด้

94

เธอจะเปน็ นักเรยี น ป.3 คนแรก ทีค่ รูจะยกเวน้ ให้เธอเขา้ วงฯได้ ใหท้ ายวา่ ผมทำ� ได้หรือไม?่
ป.3 เปดิ เทอมวนั แรก เดก็ ชาย ป.3 อยา่ งผมเดนิ เขา้ หอ้ งดรุ ยิ างคใ์ นฐานะสมาชกิ ใหม่
อยา่ งเตม็ ภาคภมู ิ สว่ นเดก็ ชายทแ่ี อบมองตรงหนา้ ตา่ งบานนน้ั หายไป ผมเรยี นและเลน่ อยา่ งม ี
ความสขุ ทำ� กจิ กรรมทกุ ๆ อยา่ งของโรงเรยี น ไมต่ อ้ งขอ ไมต่ อ้ งบอกกลา่ ว อะไรทผี่ มเหน็ วา่ ผมพอ
จะชว่ ยไดผ้ มชว่ ยหมด อาสาทำ� หมด ซงึ่ แนน่ อนวา่ ตอ้ งมคี นรกั และเกลยี ดเปน็ ธรรมดา ผมโดน
มาเยอะ
ป.4 เป็นต้นไปเป็นช่วงท่ีผมท�ำงานรับใช้โรงเรียนอนุบาลพะเยาอย่างเต็มตัว
บางวันท่ีมีการประเมินสารพัด ผมต้องท�ำหน้าท่ีหัวหน้าวงดุริยางค์แล้วรีบแต่งชุดนักเรียน
เพอื่ ไปรอ้ งเพลงวงประสานเสยี ง เสรจ็ จากวงประสานเสยี งกต็ อ้ งรบี ไปอกี หอ้ งเพอื่ เปน็ ตวั แทน
บรรยายสรุปในกลมุ่ สาระวชิ าทไ่ี ดร้ ับมอบหมาย ใหค้ ณะประเมินได้เห็น
ป.6 ผมท�ำหน้าที่ของผมจนกระท่ังวันสุดท้ายของการจบป.6 ในขณะที่เพ่ือนๆ
ของผมงดกิจกรรมทง้ั หมดตั้งแต่ ป.6 เทอมแรก ทุกคนไปเรยี นพเิ ศษ ไปติว ส่วนผมยังคง
ตั้งหน้าตั้งตาท�ำกิจกรรม ควบคู่ไปกับการเรียน แม้ผมจะท�ำกิจกรรมมากมายขนาดไหน
ผลการเรยี นผมไม่ตกยังคงอยหู่ ้องคงิ มาตลอด แต่ผมกก็ ดดันนะทั้งเพือ่ น ท้งั คณุ ครู มาถาม
ท�ำไมไมต่ วิ ท�ำไมไมเ่ รยี นพิเศษ เดยี๋ วสอบโรงเรยี นดดี ไี มไ่ ดน้ ะ ทหี่ นกั ๆ กค็ ือเดนิ มาพดู ตรงๆ
เลยว่ากิจกรรมมันไม่ได้ช่วยเธอให้ได้เรียนโรงเรียนดีดีหรือห้องเรียนดีดีหรอกนะ แต่ผมไม่
สนใจเพราะผมถกู สอนมาให้รับใช้สังคม ชว่ ยเหลือสังคม พอ่ กับแม่ ไม่สนเรอื่ งเกรดหรอื ผล
การเรยี น ทา่ นบอกกบั ผมวา่ ขอใหผ้ มเรยี นอยา่ งตงั้ ใจและเรยี นอยา่ งมคี วามสขุ ทำ� ไดแ้ คไ่ หน
กแ็ ค่นน้ั ผมจ�ำไดว้ า่ หลงั สอบวิชาสุดท้าย เพื่อนๆ พากนั กลับบ้านหมด แต่ผมยงั มีหนา้ ทีท่ ี่
ตอ้ งทำ� คอื การตเี สน้ ขอบสนามเพอื่ ใหน้ อ้ งๆ แขง่ กฬี าสใี นเชา้ ของอกี วนั เสอ้ื ผา้ เลอะหมด แต่
จติ ใจผมสะอาดนะ
ม.1 บทพสิ จู นเ์ ดก็ กจิ กรรมไมไ่ ดโ้ ง่ ผมสอบตดิ หอ้ งเรยี นพเิ ศษวทิ ยาศาสตรโ์ รงเรยี น
ประจำ� จงั หวดั โดยทไี่ มต่ อ้ งเรยี นพเิ ศษ ไมต่ อ้ งตวิ เรยี นเอง ศกึ ษาเอง สว่ นเพอื่ นๆ ผปู้ กครอง

95

และคณุ ครูบางทา่ นทคี่ อยพดู ถากถางก็เงียบกริบ กลายเป็นคนละคน จากค�ำสบประมาทก็
เปลี่ยนเป็นค�ำช่ืนชม ซง่ึ ผมก็ไม่ได้หลงใหลไดป้ ลมื้ หรือเคยี ดแคน้ ชิงชังกับคำ� พดู แบบนนั้
ชีวิตในช่วงช้ันมัธยมต้นของเด็กห้องเรียนพิเศษวิทยาศาสตร์ ท�ำให้ผมได้เรียนรู้
และเขา้ ใจถงึ ความแตกตา่ งระหวา่ งเพอ่ื นในหอ้ งเรยี นปกตกิ บั หอ้ งเรยี นพเิ ศษฯ แตผ่ มไมข่ อ
เอย่ ถงึ ไมว่ า่ จะดา้ นใดกต็ าม ผมถอื วา่ ผมไดเ้ ลอื กแลว้ และจะทำ� ใหด้ ที ส่ี ดุ ผมทำ� กจิ กรรมควบคู่
กับการเรียนจนสามารถคว้าว่ารางวัล “Best All Round” “เบสออลราวด์” เก่ง ดี มสี ขุ
2 ปีซ้อน และสิ่งท่ีผมประทับใจมากคือหนังสือเชิญจากโครงการเพาะพันธุ์ปัญญาได้ท�ำ
หนังสอื ขอตัวผมมายังผู้อ�ำนวยการโรงเรยี น เพอ่ื ให้ผมไปบรรยายผลงานและเกยี รติประวตั ิ
ของพระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั ปรมนิ ทรมหาภมู พิ ลอดลุ ยเดช ร.9 ณ มหาวทิ ยาลยั พะเยา
ม.4 ผมเลอื กทจ่ี ะเรยี นสายวทิ ยาศาสตรใ์ นหอ้ งเรยี นปกติ ดว้ ยเหตผุ ลเดยี วกบั ตอน
เด็กๆ คือผมอยากจะท�ำกิจกรรมรับใช้สังคม ควบคู่กับการเรียนให้ไปในทิศทางเดียวกันมี
ความสำ� คญั เสมอกัน “เรยี นคกู่ ับกิจกรรม” ผมมคี วามสขุ กบั ชวี ติ ไดท้ ำ� งานรบั ใชส้ ังคมอยา่ ง
เต็มท่ี ได้เล่นดนตรีที่มันฝังอยู่ในหัวและได้เรียนในสายวิทยาศาสตร์เพราะภาพโครงสร้าง
กายวภิ าคมนษุ ยย์ ังตดิ ตาผมอยู่
ผมพงึ่ ทราบวา่ ตลอดเวลาที่ผ่านมา แผ่นภาพอนาโตมีมนั ไมไ่ ด้หายไปไหน แมผ่ ม
เก็บซ่อนไว้ตามค�ำแนะน�ำแพทย์ เพอื่ ไม่ให้ผมหมกมนุ่ อยูก่ บั เร่อื งเหลา่ น้ีก่อนวยั อนั ควรทจ่ี ะ
เรียนรู้ศึกษา และที่ผมรู้สึกว่าเพลงเก่าๆ หรือเพลงอะไรก็ตามที่ผ่านหูผม ผมเคยได้ยินมา
ก่อนเป็นเพราะว่า ตั้งแต่เริ่มท้องผมแม่จะน�ำซาวนด์อะเบ้าท์ (เคร่ืองเล่นเทปขนาดเล็ก)
วางไว้บนท้องแล้วเปิดเพลงคลาสสิคของบีโธเฟน หรือของโมสาร์ท สลับกับเพลงลูกทุ่ง
ลูกกรุง ทำ� ให้ผมจดจ�ำเพลงเหลา่ นีไ้ ด้โดยอัตโนมัติ
ผมอาจจะไมใ่ ชล่ กู ทดี่ ที ส่ี ดุ ของพอ่ แม่ อาจจะไมใ่ ชล่ กู ศษิ ยท์ ด่ี ที ส่ี ดุ ของคณุ ครู อาจ
จะไมใ่ ชเ่ พอื่ นทด่ี ที สี่ ดุ ของเพอื่ น อาจจะไมใ่ ชพ่ ชี่ ายทดี่ ที ส่ี ดุ ของนอ้ งสาว แตผ่ มจะไมย่ อมเปน็
คนเลวของใครๆ ใหเ้ สอื่ มเสยี ไปถงึ บคุ คลเหลา่ นน้ั เดด็ ขาด ผมกแ็ คล่ กู ผชู้ ายธรรมดาคนหนง่ึ ...

96



98

ลกู สาวช่างตดั ผม

ชญานษิ ฐ ศรบี ญุ ชู

“ลูก ตื่นได้แล้ว” เป็นเสียงแรกที่ฉันได้ยินทุกเช้าเวลาต่ืนนอน ฉันไม่เคยต้อง
ใช้นาฬิกาปลุก เพราะมี “แม่” เป็นคนปลุก เกิดมาฉันก็เห็นแม่ถือกรรไกรหรือท่ีตัดผม
ไฟฟ้า ไดร์เป่าผมตั้งแต่เด็กๆ เพราะแม่ของฉันเป็นช่างตัดผม มีเรื่องราวมากมาย
ท่ีท�ำให้พูดค�ำนี้ได้เต็มปากแบบนี้
ทุกๆวัน แม่จะมีอาหารเช้ามาวางบนโต๊ะ “ขอบคุณค่ะแม่” และแม่ก็จะให้
ย้ิมหวานๆ เป็นค�ำตอบทุกคร้ัง

“วันนี้สอบ ท�ำเต็มท่ีนะลูก ว่าท่ีคุณหมอของแม่” ฉันมีก�ำลังใจมากหลังจาก
ได้ยนิ คำ� นีข้ องแม่ แม้ฉนั ไม่รวู้ ่าอนาคตฉนั จะได้เป็นคณุ หมอตามทแ่ี ม่และฉนั หวงั ไว้หรือไม่


99

แม่เล่าว่า “คุณครู” เป็นอาชีพท่ีตากับยายอยากให้แม่เป็นมากท่ีสุด แม่เองก็
อยากเปน็ ไมน่ อ้ ย แตท่ กุ อยา่ งอาจไมเ่ ปน็ ไปตามทหี่ วงั แมส่ อบไมต่ ดิ ครตู ามทต่ี ากบั ยายหวงั
ซ้�ำร้ายกว่าน้ัน แม่จบมัธยมปลายได้ไม่นาน ยายก็เสียด้วยโรคท่ีมาจากความเครียดขณะ
ที่ป้าก�ำลังเรียนอยู่ ด้วยความจ�ำเป็น แม่ต้องหยุดเรียนต่อและต้องออกหางานท�ำ
เพ่ือช่วยตาหาเงินส่งป้าที่ก�ำลังเรียนใกล้จบก่อน
เมื่อป้าเรียนจบ ก็เป็นโอกาสของแม่บ้างที่จะเรียนหลังจากผิดหวังจากอาชีพ
ครู ด้วยความท่ียายเป็นช่างตัดเสื้อ ยายใช้กรรไกรท่ีตัดเสื้อมาตัดผมให้แม่ แม่ไม่เคย
ต้องเข้าร้านตัดผมเพราะยายจะตัดให้แม่ตลอด แม่เองก็ชอบ ด้วยเหตุผลน้ีเอง แม่จึง
เลือกอาชีพ “ช่างตัดผม” มาเป็นอาชีพที่จะน�ำมาหาเลี้ยงตนเองและครอบครัวใน
อนาคต
ตามประสาวัยรุ่น แม่ติดเท่ียว ติดเพ่ือน จนเกือบเรียนไม่จบ แต่การท่ีตา
ล้มป่วย เป็นเหตุผลหน่ึงท่ีช่วยดึงแม่จากสิ่งยั่วยุเหล่าน้ัน จนถึงวันท่ีแม่ได้รับ
ประกาศนียบัตร หรือท่ีเรียกว่าเรียนจบได้

แม่มีพ่อเป็นรักแรกและคงเป็นรักสุดท้าย หลังจากแม่แต่งงาน แม่ก็ยังเป็น
ช่างตัดผม หลังจากจากมีลูก แม่ก็ยังเป็นช่างตัดผม เมื่อลูกเร่ิมเข้าโรงเรียน แม่ก็ยังคง
เป็นช่างตัดผม
แต่แม่ไม่รู้เลยว่าลูกสาวบอกกับคนอ่ืนว่าอย่างไรกับส่ิงที่แม่เป็น
“แม่เราเป็นพนักงานบริษัท” ตอนที่อยู่ประถมฉันตอบแบบนี้ตลอดเม่ือมีใคร
ถามถึงอาชีพของแม่ ฉันรู้สึกอายท่ีแม่เป็นช่างตัดผม ใส่เอี๊ยมที่มีกรรไกรเสียบเต็ม
กระเป๋า เศษผมติดเต็มมือ

100


Click to View FlipBook Version