The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

การบริหารเส้นทางการขนส่ง

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by panumate5260, 2023-04-04 01:39:23

การบริหารเส้นทางการขนส่ง

การบริหารเส้นทางการขนส่ง

48 2.ค านวณคะแนนระยะทางร่วมกับค่าขนส่งโดยคูณระยะทางเข้ากับปัจจัยที่จะส่งผลถึงค่าขนส่ง โดยรวม เช่น อัตราค่าขนส่ง จ านวนเที่ยวหรือจ านวนหน่วยสินค่า ซึ่งปัจจัยเหล่านี้ถ้ายิ่งต้องขนส่งเป็นระยะ ทางไกลก็ยิ่งจะเพิ่มขึ้น LD = ∑lidi =1 โดยให้ Li = อัตราขนส่งหรือจ านวนเที่ยว หรือจ านวนหน่วยของสินค้า Di = ระยะทางระหว่างท าเลที่ตั้งแต่ละแหล่ง 3.เลือกท าเลที่ตั้งที่มีคะแนนต่ าที่สุด ซึ่งหมายความว่าค่าขนส่งรวมที่ท าเลนั้นต่ าที่สุด ตัวอย่างที่ 3.5 จากตัวอย่างที่ 3.4 ถ้าท าเลที่ตั้ง 1 อยู่ที่จุด (360,180) ถ้าท าเลที่ 2 อยู่ที่จุด (420,450) ถ้าท าเลที่ 3 อยู่ที่จุด (2450,400) จะเลือกท าเลใดท าเลหนึ่งที่ท าให้ค่าขนส่งรวมต่ าที่สุด


49 ดังนั้น สรุปได้ว่าจากการพิจารณาทั้ง 3 ท าเลที่ตั้ง โดยค านึงถึงระยะทางร่วมกับปัจจัยน้ าหนักของ วัตถุดิบที่ต้องขนควรเลือกท าเลที่ 3 เพราะมีคะแนนต่ าที่สุด


50 บบฝึกหัดท้ายบทที่ 3 1. การวางแผนและออกแบบการขนส่งมีปัจจัยด้านใดบ้างที่น ามาพิจารณาประกอบการตัดสินใจ 2. การขนส่งโดยการออกแบบเฉพาะ ถ้าพิจารณาจากลักษณะของลูกค้าและสินค้า สามารถออกแบบ เส้นทางขนส่งได้กี่รูปแบบ ให้อธิบาย 3. การเลือกท าเลที่ตั้งส าหรับการกระจายสินค้า และศูนย์กลางโลจิวติกส์ มีปัจจัยที่ควรน ามา พิจารณาอะไรบ้าง 4. การตัดสินใจเกี่ยวกับการเลือกท าเลที่ตั้งของการผลิต มีแนวทางใดบ้าง ให้อธิบายโดยละเอียด 5. ถ้าลงทุนในการสร้างธุรกิจผู้ให้บริการโลจิสติกส์ ควรค านึกถึงมาตรการกระตุ้นเกี่ยวกับท าเลที่ตั้ง หรือไม่ และท่านควรเลือก ในเขนการลงทุนไหน 6. เทคนิควิธีการเลือกท าเลที่ตั้ง ที่นิยมในการขนส่งมีกี่รูปแบบ ให้อธิบาย 7. ธุรกิจอาหารวัยรุ่น โดยมีจ านวนสาขาที่ขายสินค้า ในแต่ละภาคตามที่ก าหนด ต้องการหาท าเล ที่ตั้งศูนย์กระจายสินค้า โดยมีข้อมูล 2 ท าเลที่ตั้ง ที่อ าเภอวังน้อย จังหวัดอยุธยา และอ าเภอบาง พลี จังหวัดสมุทรปราการ เพื่อให้เลือกในการสร้างโครงการ ให้แสดงการค านวณเพื่อเลือกท าเล ที่ตั้ง ระหว่างจังหวัดสมุทรปราการและจังหวัดอยุธยา


51 บทที่ 4 การจัดการเส้นทางและตารางเวลาในการขนส่ง (Transport Routes and Delivery Schedule) 1. การจัดเส้นทางและการก าหนดตารางการขนส่งโดยวิธีเมตริกซ์แบบประหยัด การตัดสินใจเกี่ยวกับการปฏิบัติการที่ส าคัญที่สุดที่เกี่ยวข้องกับการขนส่งในเครือข่ายขนส่ง คือเส้นทางและตารางขนส่ง ผู้จัดการขนส่งต้องตัดสินใจว่าจะก าหนดลูกค้ารายใดให้กับพาหนะคันใดและ จัดล าดับพาหนะที่จะใช้ ตัวอย่าง เช่น ร้านขายสินค้าสดออนไลน์ และบริษัทส่งสินค้านั้นถูกสร้างมาเพื่อ รับค าสั่งซื้อสินค้า ของลูกค้าไปส่งยังบ้านของลูกค้า เพื่อให้ประสบความส าเร็จในการด าเนินการ บริษัท เหล่านี้จ าเป็นที่จะต้องลดต้นทุนการขนส่ง ในขณะเดียวกันต้องรักษาระดับการตอบสนองที่ได้ให้สัญญาไว้กับ ลูกค้า เช่นสัญญาว่าจะส่งสินค้าให้ถึงมือลูกค้าภายในหนึ่งชั่วโมง เมื่อมีการสั่งซื้อสินค้าจากลูกค้ากลุ่มหนึ่ง เป้าหมายของบริษัทคือการก าหนดเส้นทาง และการก าหนดตารางเวลาให้กับพาหนะเพื่อให้ต้นทุนที่สามารถ ท าได้ตามสัญญานั้นต่ าสุดเท่าที่จะเป็นไปได้ วัตถุประสงค์ทั่วไป เมื่อก าหนดเส้นทางและจัดตารางเวลาให้ พาหนะ คือการผสมผสานของการลดต้นทุนให้ต่ าสุดโดยการลดจ านวนพาหนะที่ไม่จ าเป็น และการลด ระยะทางรวมที่ต้องเดินทางโดยพาหนะและเวลารวมที่ใช้ ในการเดินทางของพาหนะ เช่นเดียวกับการลด ความพกพร่องของการให้บริการ เช่น การสั่งสินค้าช้ากว่าที่สัญญาไว้ ตารางที่ 4.1 ที่ตั้งและความต้องการลูกค้า


52 จะอธิบายเดี่ยวกับปัญหาของการก าหนดเส้นทางและก าหนดตารางการเดินรถ โดยผู้จัดการศูนย์ กระจายสินค้า หลังจากลูกค้าสั่งซื้อสินค้าออนไลน์ แล้วพนักงานที่ศูนย์กระจายสินค้า ต้องเลือกสินค้าการ บรรทุกสินค้า และรถบรรทุกที่จะท าการขนส่งผู้จัดการขนส่งต้องท าการตัดสินใจเกี่ยวกับรถบรรทุกที่ เหมาะสมในการขนสินค้า ให้กับลูกค้าแต่ละราย และเส้นทางที่แต่ละคันจะใช้ท าการขนส่ง ต้องมั่นใจว่าไม่ มีรถบรรทุกคันใดบรรทุกสินค้าเกิน กว่าที่กฎหมายก าหนดและเวลาที่ใช้ในการขนส่งต้องเป็นไปตามที่ได้ สัญญาไว้ บริษัทตัวอย่าง ผู้จัดการศูนย์กระจายสินค้า พบว่าได้รับค าสั่งซื้อทั้งสิ้นจากลูกค้า 13 ราย สถานที่ของศูนย์กระจายสินค้า ลูกค้าแต่ละรายบนเส้นทางขนส่ง และขนาดการสั่งซื้อ ai จากลูกค้าคนที่ I สามารถแสดงได้ดังตารางที่ 4.1 มีรถบรรทุกจ านวน 4 ตัน แต่ละคันสามารถบรรทุกได้สูงสูด 200 พา เลท ต้นทุนการขนส่งนั้นมีความสัมพันธ์กันอย่างสูงกับระยะทางรวมที่รถบรรทุกต้องเดินทาง และระยะ ระหว่างจุดสองจุดบนเส้นทางมีความสัมพันธ์กับระยะทางจริงที่พาหนะต้องเดินทางผู้จัดการขนส่งจึงต้อง ตัดสินใจที่จะก าหนดลูกค้าให้กับรถบรรทุกและก าหนดเส้นทางส าหรับรถบรรทุกแต่ละคันด้วยเป้าหมายของ การลดระยะทางรวมที่จะต้องเดินทาง ผู้จัดการศูนย์กระจายสินค้าต้องก าหนดลูกค้าให้กับพาหนะแต่ละคันก่อน แล้วจึงตัดสินใจเกี่ยวกับ เส้นทางของพาหนะแต่ละคันผู้จัดการขนส่งในแต่ละศูนย์กระจายสินค้าจ าเป็นต้องตัดสินใจจะใช้การค านวณ เพื่อสนับสนุนการตัดสินใจ ซึ่งแต่ละวิธี สามารถใช้ในการแก้ไขปัญหาการตัดสินใจเกี่ยวกับเส้นทาง และ ก าหนดการเดินทางได้ดังนี้ 1.1 วิธีเมตริกซ์แบบประหยัด (Savings Matrix) วิธีการนี้ง่ายที่จะน ามาปฏิบัติ และสามารถใช้ ในการก าหนดลูกค้าให้กับพาหนะได้แม้เมื่อมีข้อจ ากัดด้านเวลาการขนส่ง และข้อจ ากัดด้านอื่นๆ ขั้นตอน หลักในการใช้วิธีการนี้มี 4 ขั้นตอน โดย 3 ขั้นแรกใช้ในการก าหนดลูกค้าให้กับพาหนะและขั้นที่สี่ใช้ในการ ก าหนดเส้นทางให้พาหนะแต่ละคัน เพื่อให้ระยะทางที่ต้องการเดินทางน้อยที่สุด ซึ่งมีรายละเอียดต่อไปนี้ 1.1.1 ระบุเมตริกซ์ระยะทาง (Distance Matrix) เป็นการบ่งชี้ระยะทางระหว่างทุกๆ คู่ของ สถานที่ ที่จะต้องส่งสินค้า และระยะทางที่ใช้ในการประมาณต้นทุนการเดินทางระหว่างสถานที่คู่หนึ่งๆ ถ้า ทราบต้นทุนการเดินทางระหว่างคู่ของสถานที่ ต้นทุนสามารถใช้แทนที่ระยะทางได้ ระยะทาง Dist (A, B) บนเส้นทางเดินรถระหว่างจุด A ซึ่งมีพิกัด (XA,YA) และจุด B ซึ่งมีพิกัด (XB, YB)


53 ระยะทางระหว่างศูนย์กระจายสินค้า กับทุกคู่สถานที่ที่ลูกค้าอาศัยอยู่สามารถแสดงได้ดังตารางที่ 4.2 ระยะทางระหว่างทุกๆ ของสถานที่จะใช้ในการประมาณค่า เมตริกซ์การประหยัด 1.1.2 ระบุเมตริกซ์การประหยัด (Savings Matrix) เป็นการแทนค่าการประหยัดที่เกิดจากการ รวมลูกค้าสองรายในรถบรรทุกคันเดียว การประหยัดอาสามารถให้อยู่ในรูปแบบของระยะทาง เวลา หรือ เงิน ผู้จัดการส่งสร้างเมตริกซ์การประหยัดในรูปแบบของระยะทาง การเดินทาง A ถูกบ่งชี้ดังล าดับของ สถานที่ที่พาหนะจะต้องจอดส่งสินค้า เส้นทาง DC Cust x DC คือเริ่มจากศูนย์กระจายสินค้า ลูกค้า และกลับมาที่ศูนย์กระจายสินค้า การประหยัด S(x,y) คือระยะทางที่ประหยัดได้ ถ้าเส้นทาง DC Cust x DC และ DC Cust y ศูนย์กระจายสินค้าถูกรวมเข้าไปในการเดินทางครั้งเดียวจะ ได้ DC Cust x Cust y DC การประหยัดนี้สามารถค านวณได้โดยสูตรต่อไปนี้ S(X,y) = Dist(DC,x)+Dist(DC,y) – Dist(x,y) สมการที่ 4.2


54 ตัวอย่างเช่นจากตารางที่ 4.2 ผู้จัดการขนส่งได้ค านวณระยะทาง S(1,2)=12+8-9=12 กิโลเมตร เมตริกซ์แบบประหยัดส าหรับการขนส่งใช้ในการก าหนดลูกค้าให้กับพาหนะและเส้นทางสามารถแสดงได้ดัง ต า ร า ง ที่ 4 . 3 1.1.3 การก าหนดลูกค้าให้กับพาหนะหรือเส้นทาง เมื่อก าหนดลูกค้าพาหนะหรือเส้นทางผู้จัดการ ชนส่งพยายามที่จะท าให้เกิดการประหยัดมากที่สุด กระบวนก าหนดตารางการเดินทางถูกใช้ในกรณีนี้ โดยเริ่มจากลูกค้าแต่ละรายจะถูกก าหนดให้อยู่ในเส้นทางแยกจากกัน หลังจากนั้นจะพยายามรวมสองเส้นทาง ใดๆ เข้าด้วยกันเป็นเส้นทางเดียวเท่าที่เป็นไปได้ หรือรวมกันให้เต็มเที่ยว ถ้าการส่งสินค้าของทั้งสองเส้นทาง ไม่เกินกว่าความสามารถของพาหนะในการก าหนดครั้งนี้ ผู้จัดการขนส่ง พยายามที่จะรวมเส้นทางให้เกิดการ ประหยัดสูงสุดเพื่อสร้างเส้นทางที่เป็นไปได้เส้นทางใหม่


55 กระบวนการนี้จะด าเนินต่อไปจนกว่าการรวมเส้นทางเกิดมากขึ้นจนไม่สามารถรวมกันอีก ในขั้นแรกการประหยัดสูงสุดคือ 34 กิโลเมตร จากผลลัพธ์ที่ได้ในการรวมเส้นทางรถบรรทุก เส้นทาง ที่ 6 และ 11 เป็นเส้นทางที่สามารถรวมเข้ากันได้ เพราะการบรรทุกรวมคือ 16+91= 107 กิโลเมตร ซึ่งต่ ากว่า 200 กิโลเมตร ลูกค้าทั้งสองจึงถูกรวมเข้ากันเป็นเส้นทางเดียว ดังแสดงได้ในตารางที่ 4.4 และ การประหยัดของ 34 กิโลเมตร จะไม่ถูกพิจารณาอีกต่อไป การประหยัดสูงสุดอันดับต่อไปคือ 33 กิโลเมตร โดยการเพิ่มลูกค้าที่ 7 เข้าสู่เสนทางของลูกค้าที่ 6 ซึ่งเป็นไปได้ เพราะสามารถบรรทุกได้ 107+56= 163 กิโลเมตร ซึ่งต่ ากว่า 200 กิโลเมตร ซึ่ง เป็นระดับการบรรทุกสูงสูด ดังนั้นลูกค้าที่ 7 จึงถูกรวมเข้ากับเส้นทางที่ 6 ดังแสดงได้ในตารางที่ 4.5


56 การประหยัดสูงสุดถัดไปคือ 32 กิโลเมตร โดยการเพิ่มลูกค้าที่ 10 สู่เส้นทางที่ 6 (ไม่ จ าเป็นต้องพิจารณาการประหยัดที่ 32 กิโลเมตร โดยการรวมลูกค้าที่ 7 กับลูกค้าที่ 11 เพราะทั้งหมด ได้อยู่ในเส้นทางที่ 6 แล้ว) อย่างไรก็ตามจะไม่ท าการเพิ่มลูกค้าที่ 10 ที่มีการส่งมอบสินค้า จ านวน 47 กิโลเมตร เพราะการเพิ่มประมาณการส่งมอบนี้ในเส้นทางที่ 6 จะท าให้เกิดการบรรทุกสินค้าเกิน ความสามารถของพาหนะที่มีคือ 200 กิโลเมตร การประหยัดสูงสูดต่อไปคือ 29 กิโลเมตร โดยไม่เกิน ความสามารถในการบรรทุกที่มีอยู่อย่างจ ากัดการประหยัดสูงสุดต่อไปคือ 28 กิโลเมตร โดยการรวมเส้นทาง ที่ 36 และ 4 เข้าเป็นเส้นทางเดียวกัน ดังแสดงได้ในตารางที่ 4.6 ก าหนดเส้นท างต่อไปนี้ ผู้จัดการขนส่งแบ่งลูกค้าออกเป็น 4 กลุ่ม {1,3,4}, {6,7,8,11}, {5,10,12,13} โดยแต่ละกลุ่มได้รับการก าหนดให้อยู่ในพาหนะเดียว ขั้นตอนต่อไป คือ การก าหนดล าดับ ในการส่งสินค้าให้กับลูกค้าของแต่ละพาหนะ


57 1.1.4 ล าดับของลูกค้าในแต่ละเส้นทาง ในการจัดล าดับลูกค้าในแต่ละเส้นทาง เป้าหมายของ ผู้จัดการขนส่ง คือ เพื่อลดระยะทางที่พาหนะจะต้องเดินทาง การเปลี่ยนล าดับของการส่งสินค้านั้นจะมี ผลกระทบต่อเส้นทางที่พาหนะจะต้องเดินทางอย่างมาก พิจารณารถบรรทุกซึ่งได้รับการก าหนดเส้นทางให้แก่ ลู ก ค้ า 5 ,10,12,13 ถ้ า ก า รข น ส่งจั ด ล าดั บ ดังนี้ 5 ,10,12,13 เส้ น ท าง ร ว มโด ย บ ร รทุ ก คื อ 15+9+9+8+15=56 กิโลเมตร (เส้นทางได้มาจากตารางที่ 4.2) อย่างไรก็ตามถ้าการส่งของในล าดับที่ 5,10,13,12 รถบรรทุกจะต้องเดินทางเส้นทางที่ยาวกว่าคือ 15+9+16+8+11=59 กิโลเมตร ล าดับ การขนส่งถูกพิจารณาโดยล าดับของเส้นทางแรกและต่อมาใช้ กระบวนการพัฒนาเส้นทางเพื่อให้ได้ล าดับของ การขนส่งที่มีระยะทางสั้นที่สุดและต้นทุนต่ าที่สุด ระเบียบปฏิบัติการจัดล าดับเส้นทาง (Route Sequencing Procedures) ผู้จัดการขนส่งสามารถ ใช้กระบวนการจัดล าดับเส้นทางเพื่อให้ได้เส้นทางแรกส าหรับแต่ละพาหนะ เส้นทางแรก จะถูกพัฒนาต่อโดย ใช้กกระบวนการกพัฒนาเส้นทาง กระบวนการจัดการเส้นทางต่อไปนี้ได้แสดงไว้ส าหรับการก าหนดลูกค้า 5,10,12,13 ซึ่งมีระเบียบปฏิบัติการจัดล าดับเส้นทางดังต่อไปนี้ การแทรกที่ไกลมากที่สุด (Farthest insert) ก าหนดเส้นทางของพาหนะ (รวมทั้งเส้นทางซึ่ง ประกอบด้วย ศูนย์กระจายสินค้าเท่านั้น) ส าหรับลูกค้าที่เหลือ หาระยะทางที่จะเพิ่มขึ้นน้อยที่สุดส าหรับ ลูกค้ากลุ่มนี้ เพื่อที่จะแทรกเข้าไปในจุดที่มีโอกาสในแต่ละเที่ยว แล้วเลือกเพื่อแทรกลูกค้าจริงจากกลุ่มลูกค้า


58 ที่เพิ่มน้อยที่สุดที่มีขนาดใหญ่สุด เพื่อให้ได้เที่ยวใหม่ ขั้นตอนนี้ถูกเรียกว่า การแทรกที่ไกลที่สุด เพราะลูกค้า ที่ไกลที่สุดจากกากรเดินทางปัจจุบันจะถูกแทรก กระบวนการจะด าเนินไปอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งลูกค้าที่ เหลือชองพาหนะถูกใส่รวมเข้ามาในเที่ยวทั้งหมด จากตัวอย่างผู้จัดการขนส่งพยายามที่จะหาการเดินทางโดยเริ่มที่ศูนย์กระจายสินค้า และส่งสินค้าให้ ลูกค้าที่ 5,10,12,13 การเดินทางเริ่มต้นมีเพียงศูนย์กระจายสินค้าเท่านั้นด้วยระยะทางที่ 5 ในการเดินทาง ระยะทางเพิ่มขึ้นอีก 30 กิโลเมตร รวมลูกค้าที่ 10 ระยะทางจะเพิ่มขึ้น 32 กิโลเมตรรวมลูกค้าที่ 12 ระยะทางจะเพิ่มขึ้น 22 กิโลเมตร และรวมลูกค้าที่ 13 ระยะทางจะเพิ่มขึ้น 30 กิโลเมตร(ดูตารางที่ 4.2) เพื่อ ก าหนดเที่ยวใหม่ (DC, 10, DCX ซึ่งมีระยะทาง 32 กิโลเมตร ขั้นต่อไป แทรกลูกค้าที่ 5 ในเที่ยวซึ่งเพิ่มระยะทางเป็น 40 กิโลเมตร แทรกลูกค้าที่ 12 เพิ่ม ระยะทางเป็น 36 กิโลเมตรและแทรกลูกค้าที่ 13 เพิ่มระยะทางเป็น 46 กิโลเมตร ผู้จัดการขนส่งจึงแทรก ลูกค้าที่อยู่ไกลสุดคือลูกค้าที่ 13 เพื่อให้ได้การเที่ยวใหม่ (DC, 10, 13, DC) ซึ่งมีระยะทาง 46 กิโลเมตร ขณะนี้ยังเหลือลูกค้าที่ 5 และ 12 ที่จะต้องแทรกเพิ่ม ต้นทุนการแทรกที่ต่ าที่สุดของลูกค้าที่ 5 คือ (DC, 5, 10, 13, DC) จะได้ระยะทาง 55 กิโลเมตร และต้นทุนการแทรกที่ต่ าสุดของลูกค้า 12 คือ (DC, 10, 12, 13, DC) ไดระยะทาง 48 กิโลเมตร ผู้จัดการขนส่งจึงแทรกลูกค้า 5 เพื่อให้ได้เที่ยวใหม่ที่ (DC ,5, 10, 13 DC) ได้ระยะทางที่ 55 กิโลเมตร ลูกค้าที่ 12 ถูกแทรกระหว่างลูกค้าที่ 10 และ 13 เพื่อให้ได้เที่ยวใหม่ที่ ระยะทาง 56 กิโลเมตร (DC, 5, 10, 12, 13, DC) การแทรกที่ใกล้ที่สุด (Nearest Insert) ก าหนดให้เส้นทางของพาหนะ รวมทั้งการเดินทางที่ศูนย์ กระจายสินค้าส าหรับลูกค้าที่เหลือ ประมาณค่าการเพิ่มต่ าสุดของระยะทาง ถ้าแทรกลูกค้าที่จุดที่มีโอกาสใน แต่ละเที่ยว ด้วยการเพิ่มระยะทางที่น้อยที่สุด เพื่อให้ได้เที่ยวใหม่ ขั้นตอนนี้เรียกว่าการแทรกที่ใกล้ที่สุด เพราะลูกค้าที่ใกล้ที่สุดในเที่ยวปัจจุบันจะถูกแทรก กระบวนการนี้จะท าต่อเนื่องไปจนกระทั่งลูกค้าที่เหลือของ พาหนะถูกรวมเข้าไว้ในเที่ยวทั้งหมด จากตัวอย่างที่ผ่านมาผู้จัดการขนส่งใช้การแทรกที่ใกล้ที่สุดกับลูกค้าที่ 5 ท าให้การเดินทางเพิ่ม ระยะทางเป็น 40 กิโลเมตร แทรกลูกค้าที่ 10 ท าให้กาเดินทางเพิ่มระยะทางเป็น 36 กิโลเมตร และแทรก ลูกค้าที่ 13 ท าให้การเดินทางเพิ่มระยะทางเป็น 34 กิโลเมตร (DC, 12, 13, DC) การแทรกที่ใกล้ที่สุดถัดไป คือลูกค้าที่ 10 ท าให้มีระยะทาง 48 กิโลเมตร (DC, 10, 12, 13, DC) และการแทรกสุดท้าย คือลูกค้าที่ 5 ท าให้การเดินทางมีระยะทาง 56 กิโลเมตร (DC, 5, 10, 12, 13, DC) เพื่อนบ้านใกล้ที่สุด (Nearest Neighbor) เริ่มที่ศูนย์กระจายสินค้า กระบวนการนี้จะเพิ่มลูกค้าที่ใกล้ โรงงานหรือศูนย์กระจายสินค้าที่สุดเพื่อเพิ่มระยะทางการเดินทางาแต่ละขั้นการเดินทางจะเพิ่มโดยการแทรก ลูกค้าที่ใกล้จุดที่ส่งสินค้าครั้งล่าสุดจนกว่าจะส่งสินค้าครบทุกแห่ง จากตารางที่ 4.2 ลูกค้าที่ใกล้ศูนย์กระจาย สินค้ามากที่สุด คือลูกค้าที่ 12 เส้นทางแรกคือ (DC,12) และลูกค้าที่ใกล้กับลูกค้าที่ 12 คือลูกค้า 10 จึง ขยายเส้นทางไป (DC,12,10,54,13) โดยระยะทางทั้งสิ้น 66 กิโลเมตร การกวาด (Sweep) ในขั้นตอนการกวาดนี้ จุดใดๆ ในเส้นทางจะถูกเลือกและกวาดไปตามทางเข็ม นาฬิกา การเดินทางจึงถูกก าหนดโดยล าดับของลูกค้าที่พบเมื่อท าการกวาดผู้จัดการขนส่ง ใช้ขั้นตอนการกวาด ด้วยเส้นทางที่มีจุดกึ่งกลางที่ศูนย์กระจายสินค้า จะเรียงล าดับการจัดส่งคือ 5, 10, 12, 13, จึงเป็นการ เดินทาง (DC, 5, 10, 12, 13, DC) โดยมีระยะทาง 56 กิโลเมตร การเดินทางเริ่มแรกเป็นผลจากเส้นทางแต่ ละเส้นตามล าดับขั้นตอน และระยะทางของกลุ่มแรกถูกสรุปได้ดังตารางที่ 4.7


59 2. การปรับปรุงเส้นทางโดยใช้วิธีการแบบประหยัด ขั้นตอนในการปรับปรุงเส้นทาง เริ่มจากเที่ยวที่ได้จากการใช้กระบวนการจัดล าดับ และพัฒนาเป็น เส้นทางที่สั้นที่สุด ผู้จัดการขนส่งต้องปรับปรุงเส้นทางของแต่ละเที่ยวเพื่อเปลี่ยนล าดับของลูกค้าที่จะส่งสินค้า และตัดทอนการเดินทางให้สั้นลง ซึ่งขั้นตอนกากรปรับปรุงเส้นทาง 2 แบบแสดงขั้นตอนในก าหนดเส้นทางการ เดินทางที่ได้จากวิธีเพื่อนบ้านใกล้ที่สุด 2.1 การแบ่งแต่ละเส้นทางเป็น 2 เส้นทาง การปรับปรุงเริ่มตั้งแต่การแยกเที่ยวขนส่งเป็น 2 ส่วน ผล คือเที่ยวจะถูกแบ่งออกเป็น 2 เส้นทาง ซึ่งสามารถต่อกลับเข้าด้วยกันใหม่ ด้วยวิธีที่เป็นไปได้ 2 วิธี เช่น เที่ยว (DC, 12, 10, 5, 13, DC) เมื่อใช้วิธีเพื่อบ้านใกล้ที่สุด สามารถแยกได้เป็น 2 เที่ยวคือ ( 13,DC) และ (12, 10, 5) และสามารถรวมเที่ยวเป็นเที่ยว (DC, 5, 10, 12, 13, DC) แสดงได้ดังรูปที่ 4.1 เที่ยวนี้จะมี ระยะทาง 56 กิโลเมตรซึ่งสามารถปรับปรุงเที่ยวได้มากกว่าเดิม รูปที่ 4.1 การปรับปรุงล าดับของเส้นทางโดยใช้การแบ่งแต่ละเส้นทางเป็น 2 ส่วน 2.2 การแบ่งแต่ละเส้นทางเป็น 3 เส้นทาง กระบวนการแยกเที่ยวขนส่งเป็น 3 จุด เพื่อให้ได้เที่ยว 3 เส้นทาง ซึ่งสามารถเชื่อมต่อเข้าเป็นเที่ยวทีแตกต่างกัน 8 แบบ ระยะทางของแต่ละเส้นทางของเที่ยวได้รับ การค านวณว่าเป็นเที่ยวที่สั้นทีสุด ขั้นตอนนี้จะถูกด าเนินการต่อเนื่อง โดยจะได้เที่ยวใหม่ จนกว่าจะไม่สามารถ ปรับปรุงต่อไปได้อีก ยกตัวอย่างเที่ยว (DC, 5, 10, 12, 13, DC) เป็นผลจากกระบวนการแบ่งแต่ละเส้นทาง


60 เป็น 2 เส้นทาง ซึ่งถูกแยกเป็น 3 เที่ยวย่อยคือ (DC), (5, 10), (12, 13) เที่ยวที่เป็นผลจากการเชื่อมต่อเที่ยว ทั้ง 3 แบบย่อย ได้แก่ (DC, 12, 13, 5, 10, DC) ซึ่งมีระยะทาง 65 กิโลเมตร (DC, 12, 13, 10, 5, DC) มีระยะทาง 81 กิโลเมตรและ (DC, 13, 12, 5, 10, DC) มีระยะทาง 61 กิโลเมตร เที่ยวอื่นๆ ที่คล้ายกับ 1 จาก 4 เที่ยวนี้จะถูกแปลงกับ การประยุกต์ใช้ขั้นตอนการแบ่งแต่ละเส้นทางเป็น 3 เส้นทาง ไม่สามารถ ปรับปรุงได้ เพราะเที่ยงปัจจุบันนั้นที่สุดอยู่แล้ว ในขั้นตอนนี้ ผู้จัดการขนส่งสามารถสร้างเส้นทางใหม่ 32 เส้นทาง จากเที่ยวที่มีและการท าซ้ าไปเรื่อยๆ ผู้จัดการขนส่งใช้กระบวนการจัดล าดับเส้นทาง และการปรับปรุง เส้นทางเพื่อให้ได้เที่ยวขนส่งส าหรับรถบรรทุกแต่ละคันทั้ง 4 คัน ดังแสดงได้ในตารางที่ 4.8 และรูปที่ 4.2 ระยะทางรวมทั้งหมดของก าหนดการขนส่งคือ 176 กิโลเมตร 3.การจัดเส้นทางและการก าหนดตารางการขนส่งโดยใช้วิธีการมอบหมายงานทั่วไป การจัดเส้นทางและการก าหนดตารางการขนส่งโดยใช้วิธีการมอบหมายงานทั่วไป (Generalized as Segment) นั้นซับซ้อนมากกว่าวิธีการเมตริกซ์แบบประหยัด และให้ผลที่ดีกว่า แต่ต้องมีข้อจ ากัดในการขนส่ง น้อย กระบวนการส าหรับการก าหนดเส้นทางและการจัดล าดับของพาหนะ ประกอบด้วย 4 ขั้นตอน ดังต่อไปนี้ 1. ก าหนดจุดเริ่มต้นส าหรับแต่ละเส้นทาง 2. ประมาณต้นทุนการแทรกส าหรับลูกค้าแต่ละราย 3. ก าหนดลูกค้าส าหรับแต่ละเส้นทาง 4. จัดล าดับลูกค้าในแต่ละเส้นทาง


61 ซึ่ง 3 ขั้นตอนแรกเป็นการก าหนดลูกค้าให้กับพาหนะ และขั้นตอนที่ 4 เป็นการก าหนดเส้นทางให้กับ พาหนะแต่ละคัน เพื่อลดระยะทางที่ต้องเดินทาง สามารถอธิบายรายละเอียดในแต่ละขั้นตอนเรื่องการตัดสินใจ เกี่ยวกับการเดินทาง 3.1 การก าหนดจุดเริ่มต้น ให้แต่ละเส้นทาง เมื่อก าหนดจุดเริ่มต้นให้แต่ละเส้นทาง เป้าหมาย คือ การพิจารณาจุดเริ่มต้นให้เป็นไปตามจุดกึ่งกลางของเส้นทาง ที่พาหนะจะต้องเดินทางไป โดยใช้ขั้นตอน ดังต่อไปนี้ 1. แบ่งการบรรทุกทั้งหมดที่จะต้องส่งให้ลูกค้าทั้งหมด โดยจ านวนของรถบรรจุที่ได้รับ L เริ่มต้นคือ ค่าการบรรทุกเฉลี่ย ถูกแบ่งไปแต่ละจุดเริ่มต้น 2. เริ่มที่ลูกค้าใดๆ โดยเริ่มที่ศูนย์กระจายสินค้าปัดไปตามเข็มนาฬิกาเพื่อให้ได้กรวย ซึ่งแต่ ละกรวย จะมีจุดเริ่มต้น และแต่กรวยสามารถบรรทุกได้ L เริ่ม 3. ในแต่ละกรวยนั้น จุดเริ่มต้นจะถูกก าหนดที่กึ่งกลาง (ในแง่ของมุม) ที่ระยะทางเท่ากัน กับของ (ด้วยการบรรทุกทั้งหมดหรือบางส่วนของกรวย) ที่ไกลที่สุดจากศูนย์กระจายสินค้า ด้วยจัดการขนส่งใช้กระบวนการนี้เพื่อให้ได้จุดเริ่มต้นส าหรับการขนส่งอธิบายได้ดังตารางที่ 4.11 โดย มีพาหนะ 4 คัน และการบรรทุกทั้งหมดของลูกค้าทุกรายเป็น 666 หน่วยผู้จัดการขนส่งสามารถหา ปริมาณ บรรทุกเฉลี่ยต่อพาหนะ 1 คัน เป็น L เริ่มต้น =666/4=166.5 หน่วย ขั้นต่อไปคือการปัดตามเข็มนาฬิกาด้วยรัศมีของศูนย์กระจายสินค้า เพื่อให้ได้กรวย 4 กรวยแต่ละ กรวยแทนพาหนะแต่ละคัน รวมถึงลูกค้าทั้งหมด ขั้นตอนแรกในการก าหนดกรวยเพื่อให้ได้ต าแหน่งระหว่าง ลูกค้าแต่ละกรวย ต าแหน่งของมุม (0) ของลูกค้า I แทนด้วยโคออร์ดิเนต Coordinate (xi, yi) เป็นมุมซึ่ง สัมพันธ์กันกับแกน x โดยเส้นดังกล่าวจะถูกรวมกับลูกค้า i ที่จุดก าเนิด (DC) ดังแสดงในรูปที่ 4.3 ต าแหน่งของมุมของลูกค้าแต่ละราย หาได้ค่าโดยใช้ค่าตรงกันข้ามแทนเจนท์ (Inverse Tangent) ของอัตราส่วนระหว่างพิกัด Y กับพิกัด X ดังนี้


62 ต าแหน่งมุมของแต่ละลูกค้า หาได้โดยการใช้สมการที่ 4.4 ดังแสดงในตารางที่ 4.19 ขั้นต่อไปคือ การปัดตามเข็มนาฬิกาจะพบลูกค้าตามล าดับคือ 1,3,4,2,5,6,7,11,10,8,12,9 และ 13 เริ่มที่ลูกค้าที่ 1 กรวยทั้ง 4 ซึ่งแต่ละกรวยแทนการบรรทุก L เริ่มต้น = 166.5 หน่วย ลูกค้าที่ 1 และลูกค้าที่ 3 จะรวมเข้า ด้วยกันเพื่อให้ได้ปริมาณบรรทุก 91 หน่วย ลูกค้าที่ 4 จะถูกพบต่อไปในการปัด จึงบรรทุกสินค้าทั้งหมดของ ลูกค้าที่ 4 ท าให้ปริมาณการบรรทุกเป็น 183 ซึ่งมากกว่า L เริ่มต้น = 166.5 หน่วย เพื่อให้ได้ปริมาณการ บรรทุกเต็ม 166.5 หน่วย ดังนั้นสามารถบรรทุกได้อีกเพียงแค่ 166.5 – 91 = 75.5 หน่วย ซึ่งจ านวนนี้จะ ถูกรวมเข้าไปดังนั้นกรวยแรกจะขยายไปสู่จุดที่ 75.5/92 ของมุมระหว่างลูกค้าที่ 3และ4 ลูกค้าที่ 3 มี ต าแหน่งของมุมที่ 1.13 – 0.93 =0.20 กรวยแรกจึงขยายไปที่มุม (75.5/92)x0.20 เหนือลูกค้าที่ 3 ผล ของมุมคือ 1.13-(75.5/92)x0.20=0.97 กรวยแรกจึงมีจุดสิ้นสุด 1 จุด คือที่ลูกค้าที่ (มุม 1.57) และอีก จุดหนึ่งที่มุม 0.097 ดังแสดงในรูปที่ 4.4


63 จะด าเนินการต่อไปนี้ลักษณะเดียวกัน ผู้จัดการขนส่งของศูนย์กระจายสินค้าท ากรวยทั้ง 4 กรวยเพื่อพิจารณา จุดเริ่มต้นทั้งสี่แสดงในตารางที่ 4.20 กรวยที่ 2 เริ่มต้นที่มุม 0.97 และรวม 92-75.5 หน่วยของการบรรทุกลูกค้าที่ 4 การกวาดตามเข็มนาฬิกา ลูกค้าที่ 2,5,6และ 7 โดยรวมกันให้บรรทุกก่อนที่จะเกิน 166.5 เพื่อให้บรรทุกได้ 166.5 หน่วยพอดี ต้องการน้ าหนักจากลูกค้าที่ 7 เพียง 41/56 หน่วย ต าแหน่งมุมที่ต้องการเพียง 41/56 ระหว่างลูกค้าที่ 6 กับลูกค้าที่ 7 ถ้าลูกค้าที่ 6 เริ่มมุม 0 องศา ลูกค้าที่ 7 มีมุม -0.12 องศา ฉะนั้นกรวยที่ 2 จุดที่มุมสิ้นสุดคือ 0.00-0.12(41/56)=0.09 นั้นหมายถึงกรวยที่ 2 มุมหนึ่งสิ้นสุดที่ 0.97 และอีกมุมหนึ่งที่ -0.09 จุดเริ่มต้นก าหนดให้เริ่มที่ 111 จุดกลางกรวย =111


64 3.2 การประมาณต้นทุนการแทรกของแต่ละลูกค้า ส าหรับแต่ละจุดเริ่มต้น S และลูกค้า i ต้นทุนการแทรก Cik คือ ระยะทางที่เพิ่มขึ้น ถ้าลูกค้าแทรกเข้ามาในก าหนด การเดินทางจากศูนย์กระจาย สินค้าไปยัง seed point และกลับมาศูนย์กระจากสินค้า สามารถก าหนดได้ดังนี้


65 ซึ่ง Dist ( ) ได้จากสมาการที่ 4.1 ส าหรับลูกค้าที่ 1 และจุดเริ่มต้นที่ 1 ต้นทุนการแทรกหาได้ดังนี้ 3.3 การก าหนดลูกค้าให้กับเส้นทาง ต่อไปผู้จัดการขนส่งจะก าหนดลูกค้าให้กับเส้นทางของแต่ละ พาหนะ เพื่อลดต้นทุนการแทรกรวมให้น้อยที่สุดในขณะเดียวกัน ก็ต้องค านึงถึงความสามารถที่จ ากัดของ พาหนะ ปัญหานี้ต้องก าหนดเป็นสูตรที่เป็นโปรแกรมจ านวนเต็มและจ าเป็นต้องมีการป้อนข้อมูลเข้าดังนี้ Cik = ต้นทุนการแทรกของลูกค้า i และจุดเริ่มต้น k ai = ขนาดการสั่งซื้อจากลูกค้าคนที่ i bi = ความสามารถของพาหนะ k ก าหนดให้ค่าผันแปรของการตัดสินใจเป็น Yik = 1 ถ้าลูกค้า i ถูกก าหนดให้กับพาหนะ k = 0 ในกรณีอื่นๆ สูตรของโปรแกรมจ านวนเต็ม (Integer programming) ส าหรับการก าหนดลูกค้าให้กับพาหนะแต่ละ คันเป็นดังนี้ ขนาดค าสั่งซื้อของลูกค้าแต่ละรายที่ให้ไว้ดังแสดงในตารางที่ให้ไว้แสดงในตารางที่ 4.11 ต้นทุนการ แทรก Cik นั้นสามารถหาได้จากตารางที่ 4.21 และปริมาณบรรทุกของยานพาหนะแต่ละคัน คือ 200 หน่วย ผู้จัดการขนส่งได้หาค าตอบ ในโปรแกรมโดยใช้เครื่องมือในโปรแกรมเอ็กซ์เซล ช่วยในการแจกแจงลูกค้าให้กับ พาหนะต่างๆ ดังตาราง ที่ 4.22 และรูป 4.5 ส่วนล าดับของลูกค้าในแต่ละเที่ยวของการเดินทางโดย รถบรรทุกแต่ละคันนั้น ได้ดังกล่าวไว้ก่อนหน้านี้และระยะทางทั้งหมดที่รถวิ่งในตารางส่งสินค้าคือ 159 กิโลเมตร


66 3.4 จัดล าดับลูกค้าในแต่ละเส้นทาง การประยุกต์ในการจัดล าดับลูกค้าในแต่ละเส้นทางที่ เกี่ยวข้องกับวิธีการในการก าหนดเส้นทางและตารางเวลาในการจัดส่ง การใช้วิธีการมอบหมายงานทั่วไปใน ตารางที่ 4.21 จะให้ค าตอบดีกว่าที่ได้จากวิธีการเมตริกซ์แบบประหยัด ในตารางที่ 4.17 วิธีการมอบหมาย งานทั่วไปจะมีความซับซ้อนมากกว่าและที่ได้จากวิธีการเมตริกซ์แบบประหยัด ในตาราง 4.17 วิธีการ มอบหมายงานทั่วไปจะมีความซับซ้อนมากกว่าและส่วนมากจะให้ค าตอบที่ดีกว่าการใช้วิธี เมตริกซ์แบบ ประหยัด ถ้าตารางการส่งสินค้าไม่มีข้อจ ากัดอื่นใด นอกเหนือไปจากปริมาณในการบรรทุกได้ของพาหนะ ข้อเสียที่เด่นชัดของวิธีการของมอบหมายงานทั่วไป คือ ความยากในการสร้างตารางการส่งสินค้า เพราะมี ข้อจ ากัดต่างๆ มาเกี่ยวข้อง ตัวอย่างเช่น มีเวลาจ ากัดในการส่งสินค้าให้ลูกค้า ก็จะเป็นการยากที่จะใช้ วิธีการมอบหมายงานทั่วไป ในการสร้างตารางในการส่งตามวิธีมอบหมายงานทั่วไปนั้น จะใช้เมื่อมีข้อจ ากัด เพียงในเรืองของปริมาณการบรรทุกของพาหนะ หรือเวลาที่รถวิ่งรวม ข้อดีที่ส าคัญของวิธีการเมตริกซ์แบบประหยัด ก็คือความง่ายและให้ผลที่ถูกต้องพอประมาณง่ายที่จะ ปรับเปลี่ยน เมื่อมีการค านึงถึงเวลาในการส่ง และข้อจ ากัดต่างๆ และให้ผลที่ถูกต้องเพียงพอที่จะน าไปใช้ใน การปฏิบัติงานจริง แต่จุดด้อยที่ส าคัญก็คือการประหยัดในการส่งสินค้า จะน้อยกว่าวิธีมอบหมายงานทั่วไป หรือวิธีอื่นที่ซับซ้อนมากขึ้น วิธีการนี้ควรจะใช้เมื่อมีข้อจ ากัดหลายอย่าง ซึ่งจ าเป็นต้องพิจารณาในตารางเวลา ในการส่งสินค้า 4. การตัดสินใจด้านการขนส่งในทางปฏิบัติ ผู้จัดการขนส่งควรที่จะระลึกถึงประเด็นที่ส าคัญเหล่านี้ไว้ภายในใจ เมท่อมีการตัดสินใจด้านการ ขนส่งในเครือข่ายขนส่ง 4.1 การปรับการขนส่งควบคู่ไปกับกลยุทธ์ในการแข่งขัน ผู้จัดการขนส่งควรจะท าให้เกิดความ มั่นใจได้ว่ากลยุทธ์ในการขนส่งของบริษัทช่วยส่งเสริมกลยุทธ์ด้านการแข่งขัน ควรจะมีการสร้างแรงจูงใจหรือ


67 ผลตอบแทนตามหน้าที่ ซึ่งจะช่วยให้บรรลุถึงเป้าหมายได้ดี จากอดีตที่ผ่านมาการขนส่งในบริษัทต่างๆ พิจารณาผลที่ได้จากกการลดค่าใช้จ่ายด้านการขนส่ง ท าให้เกิดการตัดสินใจโดยพิจารณาจากค่าใช้จ่ายในการ ขนส่งที่ต่ าลง ซึ่งท าให้ระดับในการให้บริการและการตอบสนองต่อลูกค้าได้รับผลกระทบไปด้วย ซึ่งสิ่งนี้ อาจจะท าให้ค่าใช้จ่ายรวมของบริษัทเพิ่มขึ้น การที่ให้ผู้ขนส่งลดราคาค่าขนส่งให้ต่ าลง จ าเป็นต้องพิจารณา จากปริมาณสินค้าในการบรรทุกที่เพิ่มขึ้น ซึ่งต้องจอดรอนานจนเต็มคันรถ ซึ่งจะท าการขนส่งที่ล่าช้าและ กระทบต่อระดับการให้บริการของลูกค้า บริษัทควรจะประเมินโดยดูจากภาพรวมของค่าใช้จ่ายในการขนส่ง ค่าใช้จ่ายอื่นๆ และระดับบริการควบคู่กันไป เช่น สินค้าคลคลังที่เกิดจากการตัดสินใจด้านการขนส่งและ ระดับของการบริการที่จะมีผลต่อลูกค้า 4.2 การพิจารณาด าเนินการขนส่งเอง หรือโดยใช้บริษัทภายนอก ผู้จัดการขนส่ง ควรจะ พิจารณาภาพรวมในการที่บริษัทเป็นผู้ขนส่งเอง และการขนส่งโดยบริษัทภายนอก เพื่อให้เหมาะสมกับความ จ าเป็นการตัดสินใจจะด าเนินการเอง ส่วนมากแล้วการขนส่งเป็นความส าคัญเชิงกลยุทธ์ต่อความส าเร็จของ บริษัทการด าเนินการขนส่งเองเหมาะกับสินค้าที่ขนส่งที่มีปริมาณสูง และการตอบสนองต่อลูกค้ามีความส าคัญ ตัวอย่างเช่น ผู้ประกอบการขนาดใหญ่ในประเทศไทย เช่น ซีพี ก็จะมี ไดนามิคโลจิสติกส์ เคือ SCG ก็จะมี ซีเมนต์ไทยโลจิสติกส์ กลุ่ม ปตท. ก็จะมี พีทีทีโลจิสติกส์ สหฟาร์มก าลังพัฒนาระบโลจิสติกสศ์ ให้กับกลุ่ม บริษัทใช้การขนส่งที่สามารถตอบสนอง เพื่อลดปริมาณของสินค้าคงคลังในเครือข่ายขนส่ง โดยให้ ความส าคัญกับการขนส่งเพื่อก่อให้เกิดความส าเร็จในด้านกลยุทธ์ของบริษัท จึงเป็นเจ้าของและบริหาร การขนส่งเองอาจจะกล่าวให้ง่ายขึ้น คือ การใช้สินทรัพย์ด้านการขนส่งให้เกิดประโยชน์มากที่สุด ต้อขนส่ง สินค้าในปริมาณสูง ส่วนการขนส่งโดยใช้บริษัทภายนอกเป็นทางเลือกที่ดีกว่าเมื่อปริมาณในการขนส่งมีน้อยสินค้าขนาด เล็ก และปริมาณไม่มาก ให้กับลูกค้า เพื่อให้การขนส่งถี่ขึ้น ท าให้ลดสินค้าคงสินค้าคงคลัง ซึ่งมีความส าคัญ มากกว่าการขนส่ง ท าให้เกิดความส าเร็จของบริษัทผู้ท าการส่ง และผู้ประกอบการที่สามารถลดค่าใช้จ่ายให้ น้อยลงได้ โดยการรวมสินค้าเข้ากับสินค้าที่มาจากบริษัทอื่น ด้วยเหตุนี้เองจึงเลือกใช้ผู้ท าการส่งภายนอกใน การขนส่งสินค้า 4.3 ออกแบบเครือข่ายของการขนส่งที่ช่วยรองรับธุรกิจพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ การเจริญเติบโต ของธุรกิจพาณิชย์พาณิชย์อิเล็กทรอนิส์ ส าหรับบริษัทที่ส่งสินค้าให้ผู้บริโภค (Business-to-Customer) และ การเจริญเติบโตด้านการขนส่งสินค้าไปยังที่บ้าน มีผลต่อการเพิ่มขนาดการส่ง ระบบการขนส่งส าหรับ เศรษฐกิจยุคใหม่นี้ต้องกรตอบสนองที่ดีขึ้น และจะต้องสามารถหาประโยชน์จากโอกาสต่างๆ ในบางกรณีทีมีคู่ แข่งขัน การขนส่งขนาดเล็กลงจะช่วยลดค่าใช้จ่ายได้ ในขณะที่ค าสั่งในการเติมสินค้านั้นมีขนาดใหญ่ จะ สามารถใช้รถไฟหรือผู้ท าการส่งโดยใช้รถบรรทุกได้ การขนส่งสินค้าของบริษัทที่ท าธุรกิจพาณิชย์ อิเล็กทรอนิกส์ ผู้จัดการส่งสินค้าและพัสดุภัณฑ์ที่คิดค่าใช้จ่ายแพงกว่า หรือใช้ผู้ท าการส่งแบบไม่เต็มคันรถ (LTL) เมื่อมีปริมาณการขนส่งที่น้อยกว่า จากการเจริญเติบโตของการผลิตแบบทันเวลาพอดี (JIT) และการ มุ่งเน้นในเรื่องการลดปริมาณสินค้าคงคลัง และมีการเติมสินค้าที่มีความถี่มากขึ้น จะเป็นการเพิ่มความ ต้องการในการรองรับการขนส่งที่มีขนาดเล็กลงได้ หากผู้จัดการขนส่งไม่ได้พิจารณาแนวโน้มเหล่านี้เข้าไป รวมกัน เมื่อมีการออก แบบเครือข่ายการขนส่ง บริษัทก็อาจจะมีค่าใช้จ่ายด้านการขนส่งที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น รวมถึงจะมีการตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าที่ลดต่ าลงด้วย 4.4 ใช้เทคโนโลยีในการปรับปรุงการปฏิบัติการของการขนส่ง ผู้จัดการขนส่งจะต้องใช้ เทคโนโลยีสารสนเทศ และซอฟต์แวร์เข้ามาช่วยในการลดค่าใช้จ่าย และปรับปรุงการตอบสนองในเครือข่าย การขนส่งระบบที่สามารถใช้ได้ดีในบริษัทที่ต่างประเทศ ได้แก่ Track road, OPTIROUTE, Road net,


68 Paragon routing, Gecko Micro solutions, Descartes, Capterra, Optrak, Ascade7, Next insight, Fwdsystem, Vinitysoft, Mtlogistics, Oracle Transportation Management, SAP – Transportation Management, Hellberg Transport Management, Translogix, i2 Technologies, CAPS Logility ส่วนในประเทศไทยใช้กันน้อย ในเอกซ์เซล (Excel) ส่วนมาก ซึ่งจะสามารถช่วยผูจัดการขนส่งในการวาง แผนการขนส่งและเลือกแบบจ าลองต่างๆ และสร้างเส้นทางในกาส่งสินค้า รวมถึงตารางเวลาต่างๆ ซึ่งใช้ ร่วมกับ เทคโนโลยี GPS จะช่วยให้ ผู้ประกอบการขนส่งสามารถระบุถึงสถานที่ถูกต้องของพาหนะแต่ละคัน รวมถึงการบรรทุกของพาหนะเหล่านั้นด้วย ระบบการติดต่อสื่อสารที่ใช้ดาวเทียมนั้น จะช่วยให้ผู้ท าการส่ง สามารถติต่อสื่อสารกับยานพาหนะนั้นด้วย ระบบการติต่อสื่อสารที่ใช้ดาวเทียมนั้น จะช่วยให้ผู้ท าการส่ง สามารถติดต่อสื่อสารกับยานพาหนะแต่ละส่วนได้ ช่วยให้สามารถตอบสนองได้ดีขึ้น และยังช่วยให้ค่าใช้จ่าย ลดลง เทคโนโลยีนี้ยังช่วยให้บริษัทมีปฏิกิริยาตอบโต้ต่อการเปลี่ยนแปลงที่ไม่ได้คาดหมายอันเกิดจากสภาพ อากาศ หรือปัจจัยที่ไม่สามารถคาดหมายได้รวดเร็วขึ้น 4.5 การเพิ่มความยืดหยุ่นได้ในเครือข่ายของการขนส่ง เมื่อมีการออกแบบเครือข่ายการขนส่ง ผู้จัดการขนส่งควรจะรวมความไม่แน่นอนของความต้องการลูกค้า และจัดท าแผนรองรับความไม่แน่นอน เพื่อให้สามารถขนส่งสินค้าที่เกิดจากความไม่แน่นอนด้วย การมองข้ามความไม่แน่นอน เกิดจากผู้ประกอบการ จะเลือกการขนส่งที่มีราคมไม่แพง และไม่มีความยืดหยุ่นเกี่ยวกับเวลาและปริมาณสินค้าจัดส่ง ควรวางแผน รองรับความไม่แน่นอนไว้ให้เรียบร้อยในเครือข่าย เพื่อให้องรับผลกระทบที่รุนแรงเมื่อแผนที่วางไว้ เปลี่ยนแปลงไป ควรจะพิจารณาถึงความรูปแบบการขนส่งที่มีความยืดหยุ่นในเครือข่าย แม้ว่าจะมีราคาแพง ขึ้นกว่าปกติก็ตาม เพราะจะส่งผลท าให้บริษัทลดต้นทุนรวมของการให้บริการขนส่งในระดับการบริการที่ ลูกค้าต้องการ


69 แบบฝึกหัดท้ายบทที่ 4 1. ให้อธิบายจุดแข็งและจุดอ่อนของการการจัดเส้นทางและการก าหนดตารางการขนส่งใช้วิธีเมตริกซ์ แบบประหยัด และวิธีการมอบหมายงานทั่วไป 2. ผู้ผลิตด้านอุตสาหกรรมเฟอร์นิเจอร์รายหนึ่งที่จังหวัดปทุมธานีมีคลังสินค้า 4 แห่ง คลังสินค้าได้ เก็บรวบรวมการค าสั่งซื้อของลูกค้า ซึ่งจะถูกส่งมาจากโรงงาน คลังสินค้าจะท าการกระจายค าสั่งซื้อของลูกค้า โดยใช้รถบรรทุกขนาดเล็ก ความต้องการรายวัน ณ คลังสินค้าทั้ง 4 แห่ง กับระยะทางจากคลังสินค้ากลาง เป็นไปตามตารางต่อไปนี้


70 บทที่ 5 การวางแผนและการจัดหาทรัพยากรในการขนส่ง (Resources Planning and Providing in Transportation) 1. ความจ าเป็นของการวางแผน และการจัดหาทรัพยากรในการขนส่ง ปฏิบัติการขนส่งสินค้าทางถนนเป็นปฏิบัติการที่ต้องวางแผนและจัดหาทรัพยากรอย่าง ระมัดระวัง การพิจารณาเกี่ยวกับทรัพยากรที่จ าเป็นส าหรับกองพาหนะต้องได้จากทั้งการวิเคราะห์ด้วนตนเอง และการวิเคราะห์ด้วยระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ เพื่อให้เป็นแนวทางในการจัดเส้นทางและจัดตารางเวลาเดิน รถ เหตุผลที่ท าให้ต้องวางแผนและบริหารจัดการ การขนส่งสินค้าทางถนน คือ การท าให้การปฏิบัติการโลจิ สติกส์มีประสิทธิผลดี หรือมีความสมดุลระหว่างการบริการลูกค้าและต้นทุนขนส่ง องค์ประกอบที่ต้องพิจารณา ในงานโลจิสจิสติกส์จะรวมถึง 1.1 สินทรัพย์กองพาหนะส าหรับการขนส่งสินค้าทางถนน ประกอบด้วยสินทรัพย์ที่มีมูลค่า สูงเช่นรถหัวลาก รถพ่วง และรถบรรทุกทั่วไป จนถึงพนักงานขับรถ ต้องพยายามใช้ยานพาหนะให้ครบ 24 ชั่วโมงโดยกาจัดตารางงานที่มีประสิทธิภาพ เพื่อให้พาหนะและพนักงานขับรถท างานอย่างต่อเนื่อง โดยแบ่ง การท างานออกเป็น 2 กะ หรือ 3 เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดในการใช้พาหนะ ชุดซอฟต์แวร์จัดการวางเส้นทาง และจัดตารางการเดินรถ (Routing and Scheduling) มีบทบาทมาในการท าให้เกิดการใช้งานอย่างคุ้มค่า ที่สุด เพื่อติดตามต้นทุนและประสิทธิภาพการใช้งานสินทรัพย์เหล่านี้ได้อย่างใกล้ชิด โดยพิจารณาจากเวลาที่ใช้ รถยนต์ หรือถึงพื้นที่ศูนย์กระจายสินค้า 1.2 บริการ การบริการขนส่งมีความส าคัญที่จะต้องบริการให้ครบตามความต้องการของ ลูกค้าที่ครบถ้วน ส าหรับการขนส่งจะเกี่ยวข้องกับการวางกรอบเวลาการขนส่งและเวลาในการจัดส่ง เรื่องนี้เป็น อีกเรื่องหนึ่งที่ระบบเทคโนโลยีสารสนเทศต้องวางเส้นทางและจัดตารางเวลาเดินรถที่เป็นปัจจัยที่น าไปสู่ ความส าเร็จ 1.3 ต้นทุน นอกจากสินทรัพย์ส่วนใหญ่ที่ได้อธิบายไว้ข้างต้น ยังมีต้นทุนอื่นเกี่ยวข้องกับการ ปฏิบัติการของพาหนะด้วย โดยเฉพาะต้นทุนในการใช้งาน เช่น ค่าน้ ามันเชื้อเพลิงและยางรถยนต์การาจัด ตารางที่ดีสามารถที่จะช่วยให้ค่าใช้จ่ายส่วนนี้ลดลงได้ 1.4 การบ ารุงรักษา เราจ าเป็นต้องแน่ใจว่าพาหนได้รับการบ ารุงรักษาตามก าหนดเวลา มาตรฐานเพื่อลดการเกิดอุบัติเหตุ ซึ่งน าไปสู่ความเสียหายในการบริการและท าให้ต้นทุนของการปฏิบัติงาน สูงขึ้น 1.5 การจัดการพนักงานขับรถ ส่วนนี้สามารถพัฒนาปรับปรุงให้มีประสิทธิภาพได้จากการ ใช้การวิเคราะห์มาตรบันทึกความเร็วที่เหมาะสม เช่นเดียวกับช่วยแสดงภาพของประสิทธิภาพของกองพาหนะ นอกจากนั้น ข้อมูลที่ได้จากมาตรบันทึกความเร็วยังสามารถน าไปใช้ในการติดตามประสิทธิผลของพนักงานขับ รถแต่ละรายด้วย เพราะความเร็วทีเหมาะสมในการขนส่งสินค้าประมาณ 60 กิโลเมตรต่อชั่วโมง 1.6 การทดแทนพาหนะใหม่ เป็นการตัดสินใจที่ส าคัญส าหรับผู้จัดการแผนขนส่ง เพื่อให้ ทราบช่วงเวลาในการขายรถยนต์เก่า และซื่อ ยานยนต์ใหม่เข้ามาทดแทน และยานพาหนะแบบใดที่มี ประสิทธิผลสูงสุดในการท างานเฉพาะธุรกิจ ระบบจัดการกองพาหนะที่ดีจะต้องสามารุใช้ข้อมูลเหล่านี้ได้


71 1.7 ความปลอดภัยและการติดตาม เทคโนโลยีสมัยใหม่หลายเทคโนโลยีสามารถติดตาม สถานะของพาหนะได้ในเวลาจริง (Real-time) การติดตามในเวลาจริงนี้ช่วยให้เสนอข้อมูลจริงแบบนาทีต่อ นาทีให้กับพนักงานวางแผนและลูกค้าได้เพื่อที่จะสามารถพัฒนาประสิทธิผลของปฏิบัติการ รวมถึงความ ปลอดภัยและระดับการให้บริการ 2. การจัดกองพาหนะ Fleet Management) มีระบบซอฟต์แวร์ส าหรับการจัดการกองพาหนะหลายรูปแบบที่พัฒนาขึ้น โดยมีจุดหมายใน การช่วยผู้จัดการด้านขนส่งในการติดตาม ควบคุมและบริหาร การด าเนินงานขนส่ง ซอฟต์แวร์ที่หน้าที่หลักๆที่ ครอบคลุมถึงเรื่องเหล่านี้ 2.1การจัดตารางการซ่อมบ ารุง จะรวมถึงการติดตามช่วงอายุการใช่งานของพาหนะ ในกอง พาหนะและการวางแผนซ่อมบ ารุงประจ าและไม่ประจ า รวมถึงการซ่อมแซมด้วย คุณสมบัติของชุดซอฟต์แวร์ จะรวมถึงข้อมูลต่อไปนี้ - ประวัติการเข้ารับบริการ - รายงานการก าหนดการซ่อมบ ารุง - การวิเคราะห์ต้นทุนของโรงซ่อม 2.2 การควบคุมอะไหล่พาหนะ ส่วนนี้เป็นหน้าทีด้านการควบคุมอะไหล่ของความต้องการด้าน อะไหล่ คุณสมบัติที่เกี่ยวข้องอาจรวมถึงข้อมูลต่อไปนี้ - การสอบถามค้นหาเกี่ยวกับอะไหล่ - การปรับปรุงฐานข้อมูลเกี่ยวกับผู้ขายอะไหล่ - สถานที่เก็บอะไหล่ - การรายงานเกี่ยวกับอะไหล่ - การท าใบสั่งซื้อ 2.3 การบริการกองพาหนะ ชุดซอฟต์แวร์ส าหรับการบริการกองพาหนะ ถูกน ามาใช้เพื่อให้แน่ใจ ได้ว่าพาหนะนั้นปฏิบัติถูกต้องตามกฎหมายและสามารถใช้งานบนถนนได้ คุณสมบัติของชุดซอฟต์แวร์อาจ รวมถึงข้อมูลต่อไปนี้ - การต่ออายุใบอนุญาตของพาหนะ - รายงานตามที่ภาครัฐต้องการตามระเบียบการขนส่ง - รายงานการประกันภัย และอื่นๆ 2.4 การคิดต้นทุนของกองพาหนะ ชุดซอฟต์แวร์เหล่านี้จะให้รายละเอียดข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับ พาหนะและต้นทุนของกองพาหนะ ชุดซอฟต์แวร์แบบนี้จะช่วยให้ผลการวิเคราะห์และให้ข้อมูลความสามารถใน การท าก าไรที่เกี่ยวข้องกับพาหนะแต่ละคัน และของกองพาหนะทั้งหมด คุณสมบัติของซอฟต์แวร์จะรวมถึง ข้อมูลต่อไปนี้ - การวิเคราะห์ต้นทุนพาหนะ - การวิเคราะห์ต้นทุนของพนักงานขับรถ - ต้นทุนรวมของกองพาหนะ 2.5 การวิเคราะห์มาตรบันทึกความเร็ว ข้อมูลจากการบันทึกมาตรบันทึกความเร็ว (Macrograph) หรือในประเทศไทยจะใช้ระบบ GPS แทน สามารถให้ข้อมูลเพื่อการวิเคราะห์สมรรถนะของ พนักงานขับรถและพาหนะได้ มีหลายระบบที่สามารถอ่านแผนภูมิของมาตรบันทึกความเร็วได้และส่งค่าข้อมูล


72 แยกออกมาเป็นเวลาพัก เวลาการขับรถ และช่วยหลุดรวมทั้งรายละเอียดการท าผิดฝ่าฝืนกฎหมายจราจรได้ คุณสมบัติของชุดซอฟต์แวร์โดยทั่วไปได้แก่ - รายงานการท าผิดฝ่าฝืนกฎหมาย - รายงานประสิทธิภาพการใช้งานพนักงานขับรถและพาหนะ - รายงานของกองพาหนะ ชุดซอฟต์แวร์หรือโปรแกรมส่วนของการวิเคราะห์มาตรบันทึกความเร็วมักจะแยกออกมาเป็นระบบ เดี่ยวๆ แต่ก็สามารถเชื่อมต่อเข้ากับส่วนของการจัดการการขนส่งส่วนอื่นๆ ได้ 3.ประเภทของการขนส่งสินค้าทางถนน ปฏิบัติการขนส่งสินค้าทางถนนสามารถแยกออกได้ 2 ประเภทใหญ่ๆ คือ การขนส่งหลัก หรือการ ขนส่งช่วงแรก (Primary) และการขนส่งรอง หรือการขนส่งช่วงที่ 2 (Secondary) การท าความเข้าใจว่า ระบบทั้งสองมีความตาแตกต่างกันอย่างไรเป็นสิ่งที่ส าคัญมา เพราะควรน ามาพิจารณาแยกจากกันทั้งเป้าหมาย ในการวางแผนและเป้าหมายของปฏิบัติการ จากภาพรวมของซัพพลายเซน ตามรูปที่ 5.1 รูปที่ที่ 5.1 ปฏิบัติการขนส่งสินค้าทางถนน ความแตกต่างนี้จะสั่งเกตได้ชัดเจนที่สุดในเครือข่ายขนส่งภายในประเทศประกอบด้วยจุดผลิต 2 แห่ง ซึ่งป้อนผลิตภัณฑ์ที่ผลิตเสร็จแล้ว ไปยังศูนย์กระจายสินค้าระดับประเทศ (National Distribution Center :NDC) และเมื่อผลิตภัณฑ์เสร็จและพร้อมจัดส่ง NDC ก็จะป้อนผลิตภัณฑ์ต่อให้กับศูนย์กระจายสินค้าระดับ ภูมิภาคอีก 3 แห่ง (Regional Distribution Center : RDC) ด้วยปริมาณเต็มระวางของพาหนะ จากนั้น ร้านค้าปลีกจะได้รับสอนค้าที่สั่งในแต่ละวันจาก RDC การขนส่งหลักเป็นการเคลื่อนย้ายสินค้าเต็มระวาง บรรทุกของพาหนะขนาดใหญ่โดยมีจุดปลายทางเพียงแห่งเดียว อาจเป็นการเคลื่อนย้ายจากโรงงานผลิตไปยัง NDC หรือจาก NDC ไปยัง RDC การเคลื่อนย้ายแบบนี้ในบางครั้งเรียกว่า การปฏิบัติการแบบขนส่งระยะไกล (Line-haul Operation)


73 การขนส่งรองเป็นการเคลื่อนย้ายสินค้าในพาหนะจัดส่งขนาดเล็ก จาก RDC ไปยังร้านค้าปลีก การ จัดส่งแบบนี้มักต้องมีการจอดเพื่อส่งสินค้าหลายจุด ตลอดเส้นทางทาง 1 เที่ยว ค าสั่งซื้อจะระบุมาก่อนในแต่ละ ครั้งว่าต้องการ การบรรจุสินค้าด้วยพาเลท หรือกล่อง การขนส่งประเภทนี้เรียกว่าการจัดส่งในพื้นที่ 3.1 การขนส่งหลัก มักจะเป็นการขนส่งเพื่อลดต้นทุนให้กับปฏิบัติการ เพราะไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง โดยตรงกับลูกค้าปลายทางหรือร้านค้าปลีก ซึ่งทั่วไปแล้วมักต้องเกี่ยวข้องกับการใช้พาหนะขนาดใหญ่ที่สุดเท่าที่ จะเป็นได้ และการบรรจุสินค้าให้เต็มขนาดบรรทุกของพาหนะ การเคลื่อนย้ายมักประกอบด้วยจุดส่งสินค้าเพียง จุดเดียว ลักษณะอื่นที่ส าคัญมีดังนี้ - พาหนะมักจะถูกใช้งานเป็นระยะเวลานานที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ บางครั้ง คือ 24 ชั่วโมง หรือ ท างาน 3 กะ เพื่อให้ประสิทธิภาพการใช้งานพาหนะสูงที่สุดที่ท าได้ - การบรรทุกในขากลับมีความส าคัญมากในการใช้พาหนะให้เต็มประสิทธิภาพการไม่มีสินค้าส าหรับ การบรรทุกในขากลับบ่อยๆ มักน าไปสู่การตัดสินใจจ้างบริษัทภายนอกมาท าการขนส่งแทน - รายละเอียดมาตรฐานเพิ่มเติมของพาหนะ เช่น อุปกรณ์ขนถ่ายแบบพิเศษที่ติดตั้งที่พาหนะจะมี ความส าคัญน้อยกว่าในปฏิบัติการจัดส่ง 3.2 การขนส่งรองหรือการจัดส่งในพื นที่ เป็นการขนส่งสินค้าตรงไปยังลูกค้า หรือผู้ใช้คนสุดท้ายหรือ ร้านค้าปลีก ที่เผชิญหน้ากับลูกค้า (Customer-Facing) ส าคัญในการบริการลูกค้าตามยุทธศาสตร์ด้านโลจิ สติกส์ ไม่มุ่งการลดต้นทุนแต่เน้นการบริการลูกค้าเป็นส าคัญ ปัจจัยส าคัญที่เกี่ยวข้องมีดังนี้ - มีลูกค้าหลายรายที่ต้องส่งในช่วงเวลาเดียวกัน ต้องมีความแม่นย าของการวางแผนการจัดส่งของ พาหนะขนส่ง - การบริการเป็นสิ่งที่มักมีความส าคัญมากเสมอ โดยเฉพาะการลดปริมาณสินค้าคงคลังในร้านค้าปลีก รวมถึงการเพิ่มพื้นที่ขายภายในร้านและการก าจัดห้องเก็บสต๊อก การจัดส่งที่ตรงเวลามีความส าคัญมาก เพื่อ ช่วยให้แน่ใจได้ว่าร้านค้าจะไม่ขาดสินค้าที่จะจ าหน่าย - พาหนะขนส่งแบบพิเศษที่พัฒนาขึ้นส าหรับการจัดส่งชั้นรอง เช่น รถขนสินค้าที่แยกส่วนได้หลาย อุณหภูมิ เพื่อเพิ่มโอกาสในการเพิ่มความถี่และการจัดส่งสินค้าคงคลังส าคัญให้กับร้านค้า - การเข้าใจความแตกต่างระหว่างการขนส่งทั้ง 2 แบบ เป็นสิ่งที่ส าคัญมา เพื่อให้แน่ใจได้ว่าจะสามารถ หาสมดุลระหว่างต้นทุนกับการบริการได้ วิธีการที่ใช้ส าหรับการวางแผนและการจัดการปฏิบัติการประเภทนี้ และการเลือกพาหนะที่เหมาะสมก็มีอาจมีความแตกต่างกันได้ 4. ความต้องการทรัพยากรในการขนส่ง การประเมินความต้องการทรัพยากรในการขนส่งสินค้าทางถนนที่จ าเป็นส าหรับการ ปฏิบัติการ จ าเป็นต้องมีการวิเคราะห์อย่างละเอียดและต้องใช้เวลานาน กรณีนี้อาจใช้เป็นวิธีการที่ต้องท าเอง หรือใช้ซอฟต์แวร์จัดเส้นทางและจัดตารางเวลาเดินรถ เราจ าเป็นต้องระบุข้อก าหนดที่จ าเป็นส าหรับการจัดส่ง พิเศษ แต่ละเส้นทางในการจัดเส้นทาง แล้วค านวณว่าจ าเป็นต้องใช้พาหนะกี่คัน และพนักงานขับรถกี่คน เพื่อ ท าปฏิบัติการนี้ ในการจัดตารางเวลาเดินรถ ระบบส าหรับการวางแผนและปฏิบัติการของกองพาหนะเพื่อช่วย พิจารณาความต้องการพื้นฐานของการขนส่ง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานและประสิทธิผลของทางธุรกิจ เช่น กองพาหนะที่มีอยู่แล้ว มีหลักส าคัญอยู่ 2 ด้าน ดังนี้ 1) การพิจารณาความต้องการพื้นฐานส าหรับทรัพยากรของกองพาหนะ 2) การระบุตารางเวลาเดินรถส าหรับพาหนะในกองพาหนะที่มีอยู่แล้วให้เกิดประสิทธิผล


74 ความต้องการทรัพยากรขึ้นกับประเภทของปฏิบัติการขนส่งทางถนนที่ก าลังพิจารณาอยู่ แต่โดยส่วน ใหญ่แล้วชุดซอฟต์แวร์ที่น ามาใช้งานจัดส่งในพื้นที่ เพื่อจัดเส้นทางและตารางการเดินรถไปยังศูนย์ค้าปลีกอย่าง มีประสิทธิภาพ โดยบริษัทผู้ผลิต ผู้ค้าปลีก ส่วนมากจะมีศูนย์กระจายสินค้าขนาดใหญ่รองรับงานด้านโลจิสติกส์ ในพื้นที่ภูมิภาค เพื่อจัดหาสินค้าให้เพียงพอต่อความต้องการแก่ลูกค้าในแต่ละพื้นที่ การจัดส่งสินค้าต้องเลือก ประเภทและขนาดพาหนะให้เหมาะสมกับสินค้า และอุปสงค์ของลูกค้า โดยมีเป้าหมายให้สามารถลดจ านวน พาหนะให้เหลือน้อยที่สุด ต้นทุนต่ าสุด แต่ระดับบริการไม่ลดลง วิธีปรับปรุงประสิทธิภาพมีความต้องการมี่แตกต่างกัน คือ ปฏิบัติการขนส่งหลัก ซึ่งมักจะมีจุดจัดส่ง เพียงแห่งเดียวส าหรับพาหนะแต่ละคัน และใช้รถยนต์แทนศูนย์กระจายสินค้า และไม่ต้องการเก็บสินค้าคงคลัง จ านวนมากในศูนย์กระจายสินค้า ส่วนการขนส่งในพื้นที่มีเป้าหมายในการสนับสนุนให้มีการบริการลูกค้าในแต่ ละเส้นทางในแต่ละพื้นที่ให้เกิดความพึงพอใจสูงสุด เพื่อวางแผนการเดินทางส าหรับพาหนะที่ด าเนินการจาก ศูนย์กระจายสินค้าแห่งเดียว โดยจัดส่งสินค้าที่ทราบแน่นอนแก่ลูกค้าและเดินทางกลับไปยังศูนย์กระจายสินค้า หลังจากที่ได้เดินทางครบเส้นทางแล้ว แต่มีข้อจ ากัดที่ต้องพิจารณา ดังนี้ o น้ าหนักหรือความจุของพาหนะ o เวลาว่างทั้งหมดใน 1 วัน o เวลาขนสินค้าขึ้นลง o ความเร็วของพาหนะต่างๆ o ความหนาแน่นของจราจร o ข้อจ ากัดในการเข้าถึงพื้นที่จัดส่งสินค้า เป้าหมายของการจัดเส้นทางและตารางเวลาเดินรถส าหรับกองพาหนะที่มีอยู่แล้ว เป็นการใช้งาน พาหนะให้ดีที่สุด หรือเหมาะสมที่สุด (Optimization) แต่มีวัตถุประสงค์โดยรวมดังนี้ o เพื่อเพิ่มเวลาการใช้งานพาหนะให้ได้มากที่สุดในแต่ละวันเท่าที่ท าได้แล้ว o เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการใช้ความจุของพาหนะให้ได้มากที่สุด o เพื่อลดระยะทางในแต่ละเส้นทางให้สั้นที่สุด หรือเดินทางระยะทางน้อยที่สุดที่เป็นไปได้ o เพื่อลดจ านวนพาหนะที่ใช้ให้เหลือน้อยที่สุด เพื่อลดเงินลงทุนให้เหลือน้อยที่สุด o เพื่อย้ าให้แน่ใจว่าตอบสนองความต้องการของลูกค้าจากเวลา และความถูกต้องของสินค้า จากการจัดส่งได้ 5.ปัญหาในการจัดเส้นทางและตารางเวลาเดินรถ ปัญหาในการจัดเส้นทางและตารางเวลาเดินรถมักมีความซับซ้อน ซึ่งเกิดจากหลายสาเหตุด้วยกัน สามารถแบ่งปัญหาได้ 4 แบบดังนี้ 5.1ปัญหาเชิงยุทธศาสตร์จะเกี่ยวกับเวลาน าของการจัดเส้นทางและตารางเวลาเดินรถ โดยเฉพาะ ในกรณีที่มีการจัดส่งผลิตภัณฑ์ที่คล้ายคลึงกันและในปริมาณที่เท่าๆ กันแก่ลูกค้ารายเดิมหรือส่งสินค้าในลูกค้า รายวัน เช่น ปฏิบัติการจัดส่งส าหรับการค้าปลีก หรือห้างขนาดใหญ่ของไทย โดยอุปสงค์ที่คอนข้างคงที่ที่จัดส่ง ในสถานที่เดิมเสมอ ดังนั้นการวางแผนส าหรับพาหนะจะคงที่ตลอดช่วงเวลาหนึ่งอาจจะเป็นรายไตรมาส หรือ ครึ่งปี หรืออาจมีการเปลี่ยนแปลงบางอย่างที่จ าเป็น เช่น การปิดกิจการ หรือเมื่อมีผลิตภัณฑ์ไม่เปิดตัวในตลาด แต่โดยทั่วไปแล้วก าหนดการจัดส่งที่วางไว้น่าจะใช้ได้ค่อนข้างนานพอสมควร ซึ่งจะเป็นการจัดตารางตาม พื้นฐานของข้อมูลในอดีต ในปัจจุบันการจัดตารางจัดส่งสินค้าเชิงยุทธศาสตร์มักท าโดยการใช้ซอฟต์แวร์ที่มี แบบจ าลองที่ทันสมัย


75 5.2ปัญหาเชิงยุทธวิธีหรือเชิงปฏิบัติการ จะเกี่ยวข้องกับเส้นทางที่ต้องการจัดตารางเป็น ราย สัปดาห์หรือรายวัน การจัดตารางประเภทนี้มักเป็นการจัดตารางของบริษัทจัดส่งพัสดุของบริษัทที่น าส่งชิ้นส่วน อะไหล่ และบริษัทขนส่งตามสัญญาที่ท างานให้กับลูกค้าหลายราย ปัจจัยส าคัญ คือ อุปสงค์หรือปริมาณสินค้าที่ ลูกค้าต้องการ อาจไม่สามารณประมาณการได้ หรือเป็นอุปสงค์แบบสุ่ม หรือสถานที่ตั้งของจุดจัดส่งอาจ แปรเปลี่ยนไปได้ หรืออาจเกิดเหตุการณ์ทั้ง 2 แบบ ดังนั้นจึงมีความยุ่งยากมากที่จะจัดตารางการจัดส่งตาม ข้อมูลในอดีตได้ส าหรับการวางแผนเชิงยุทธวิธีหรือเชิงปฏิบัติการ จ าเป็นต้องพิจารณาค าสั่งแต่ละชุดเป็นรายวัน หรือรายสัปดาห์แล้ววางแผนและจัดเส้นทางพาหนะตามอุปสงค์ที่เปลี่ยนไปเรื่อยๆ นี้ การวางแผนประเภทนี้ โดยส่วนใหญ่ยังต้องท าโดยเจ้าหน้าที่ก าหนดตารางเวลาในการจัดส่งสินค้าของศูนย์กระจายสินค้า แต่ในปัจจุบัน มีโปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่สามารถจัดตารางจัดส่งได้ทันที 5.3 ปัญหาเชิงปฏิสัมพันธ์(Interactive) ปฏิบัติการจัดส่งส่วนมากในปัจจุบันถูกวางแผนในเชิง ปฏิสัมพันธ์ โดยยอมให้ผู้วางแผนใช้คอมพิวเตอร์หาเส้นทางที่มีประสิทธิผลมากที่สุด จะมีการใช้ข้อมูลอุปสงค์ จริงมากกว่าอุปสงค์ในอดีต และข้อมูลใน “เวลาจริง” เหล่านี้จะเป็นพื้นฐานที่ใช้จัดเส้นทางและตารางงาน ดังนั้น จึงสามารถหาเส้นทางที่แม่นย ามากขึ้นได้ ซึ่งสามารถท าได้ในกรณีที่มีเงินลงทุนในระบบซอฟต์แวร์จัด เส้นทางและตารางงานมีต้นทุนสูงมากโดยมีต้นทุนในการซื้อซอฟต์แวร์ ต้นทุนเวลา และต้นทุนในการหาข้อมูล อุปสงค์ที่น ามาป้อนทุกวัน ซึ่งการน าชุดซอฟต์แวร์นี้ไปใช้ในการวางแผน พบว่าการใช้ข้อมูลในอดีต ก็เพียงพอ แล้ว ตารางเวลาที่สร้างขึ้นในเชิงปฏิสัมพันธ์ มีข้อดี คือ พนักงานก าหนดตารางงานสามารถท าการ เปลี่ยนแปลงเส้นทางได้ตามความจ าเป็น เช่น ถ้ามีการรับค าสั่งด่วนพิเศษเข้ามาหลังจากก าหนดเส้นทางหลัก โดยใช้คอมพิวเตอร์ไปแล้ว พนักงานก าหนดตารางงานก็สามารถป้อนค าสั่งด่วนนั้นเข้าในชุดซอฟต์แวร์เพื่อเพิ่ม เข้าไปในเส้นทางที่จัดไว้แล้วได้ จากนั้น ระบบจะตรวจสอบเส้นทางเพื่อตรวจดูว่าจะรับค าสั่งใหม่ได้หรือไม่ ระบบอาจไม่ยอมรับค าสั่งใหม่นี้ด้วยหลายสาเหตุด้วยกัน เช่น ความจุของพาหนะเหลือไม่พอ มีเวลาเหลือไม่พอ ฯลฯ ดังนั้นพนักงานก าหนดตารางจึงสามารถใช้ชุดซอฟต์แวร์เพื่อย้ าให้แน่ใจว่าค าสั่งด่วนนั้นจะถูกมอบหมาย ให้กับพาหนะที่สามารถท าการจัดส่งได้ทั้งโดยถูกต้องตามกฎหมายและตามขีดจ ากัดด้านการบริการในปัจจุบัน ยังมีชุดซอฟต์แวร์บางแบบที่สามารถจัดเส้นทางร่วมส าหรับศูนย์กระจายสินค้าหลายแห่งได้โดยที่มอบหมาย ค าสั่ง การจัดส่งให้กับศูนย์กระจายสินค้าที่มีทรัพยากรพร้อม ดังนั้น ทรัพยากรที่ศูนย์กระจายสินค้าทุกศูนย์จึง ถูกใช้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นโดยช่วยให้สามารถใช้สินทรัพย์ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด 5.4 ปัญหาจากการวางแผน ในการจัดเส้นทาง และจัดตารางเวลาเดินรถเพื่อจัดส่งสินค้าจะเกี่ยวข้อง กับการวางแผนและการวัดผลของการเปลี่ยนแปลงจากการจัดเส้นทางและจัดตารางเวลาเดินรถ ซอฟต์แวร์มี แบบจ าลองมากมายเพื่อน ามาใช้ทดสอบหรือจ าลองผลกระทบของอุปสงค์ที่เปลี่ยนไปความพร้อมของพาหนะ ใหม่ การเปลี่ยนแปลงกฎหมาย ฯลฯ โดยเป็นแบบจะเกิดอะไรขึ้น ถ้า ... ( What – if) ปัญหามีดังนี้


76 - บริษัทผู้ให้บริการขนส่งบุคคลที่ 3 มักใช้ชุดซอฟต์แวร์จัดเส้นทางและจัดตารางเวลาเดินรถ เพื่อช่วย ในการตอบสนองต่อค าเชิญในการรับงานมาท า ซอฟต์แวร์จะช่วยให้บริษัทสามารถระบุความต้องการ ด้านกอง พาหนะและพนักงานขับรถได้ จึงสามารถคิดต้นทุนของปฏิบัติการได้ - บริษัทรายหนึ่งใช้ชุดซอฟต์แวร์จัดเส้นทางและจัดตารางเวลาเดินรถเพื่อช่วยในการระบุผลของการ บังคับใช้ปริมาณการสั่งซื้อ/จัดส่งขั้นต่ าแต่ละขั้นมาใช้ส าหรับผลิตภัณฑ์ต่างๆ และส าหรับลูกค้าหลายประเภท การลดปริมาณการสั่งซื้อขั้นต่ าจะช่วยเพิ่มรายรับจากผลิตภัณฑ์ แต่จะท าให้ต้นทุนการจัดส่งเพิ่มขึ้น เพราะว่า ต้องจัดส่งตามค าสั่งขนาดเล็กลงด้วย ชุดซอฟต์แวร์จัดเส้นทางและจัดตารางเวลาเดินรถจะถูกใช้เพื่อทดสอบ และระบุโอกาสที่ต้นทุนเหล่านี้จะเพิ่มขึ้น - บริษัทผู้ประกอบการที่ด าเนินงานขนส่งด้วยตนเอง ใช้ชุดซอฟต์แวร์จัดเส้นทางและจัดตารางเวลาเดิน รถ เพื่อช่วยเหลือในการก าหนดผลของการเปลี่ยนแปลงของกฎหมายการขนส่ง การเพิ่มขึ้นของน้ าหนักพาหนะ สูงสุด ซึ่งมีผลต่อปริมาณสินค้าที่สามารถขนได้ และนโยบายการซื้อพาหนะส าหรับกองพาหนะ ฯลฯ วิธีการจัดเส้นทางและจัดตารางเวลาเดินรถอาจแปรเปลี่ยนได้ตามลักษณะและความยากของปัญหา และขึ้นอยู่กับว่าจ าท าด้วยคน หรือใช้ซอฟต์แวร์ที่รู้จักกันในชื่อของ อัลกอริทึม (Algorithm) ในการจัดเส้นทาง และการจัดตารางเดินรถที่ถูกใช้กันมากที่สุด คือ วิธรประหยัด (Saving Method) ซึ่งอาจอธิบายได้ด้วย ตัวอย่างง่ายตามที่แสดงในรูปที่ 5.2 รูป รูปที่ 5.2 วิธีจัดเส้นทางและจัดตารางเวลาเดินรถแบบประหยัด จากรูปที่ 5.2 ศูนย์กระจายสินค้า O จะมีจุดจัดส่ง 2 จุด คือ A และ B ระยะทางระหว่างจุดจัดส่ง 2 จุด OA,OB และ AB คือ a,b และ c ตามล าดับ ถ้าจัดส่งแต่ละจุดมีพาหนะคันเดียว ระยะทางจากศูนย์ กระจายสินค้ารวมจะเท่ากับ 2a + 2b ถ้ามีการใช้พาหนะคันเดียวเดินทางเที่ยวเดียวระยะทางรวมคือ a + b + c ส่วนที่ประหยัดได้ คือ โดยการเชื่อมโยงจุดจัดส่ง A และ B เข้าด้วยกันคือ (2a + 2b) – ( a + b + c ) หรือ a + b – c


77 ปัญหาที่เกี่ยวข้องกับสถานที่ซึ่งต้องจัดส่งหลายแห่ง จะเห็นข้อได้เปรียบของการใช้ซอฟต์แวร์ได้อย่าง ชัดเจนแล้ว เพราะการทดสอบเส้นทางทุกเส้นทางโดยคิดด้วยคนคงไม่คุ้มค่า ระยะทางระหว่างสถานที่ที่ต้องจัดส่งแต่ละแห่งจะถูกบันทึกไว้แล้ว เมตริกส์แบบประหยัด (Savings Matrix) จะถูกสร้างขึ้น โดยบันทึกส่วนที่ประหยัดได้รวมกันตามสถานที่เป็นคู่ๆ และเลือกคู่ที่สามารถประหยัด ได้มากที่สุดก่อน แล้วจึงเพิ่มเส้นทางเชื่อมอื่นต่อเพิ่มขึ้นเส้นทางรวมจะเกิดขึ้นจากขั้นตอนเหล่านี้และน ามาวัด เทียบกับขีดจ ากัดที่เกี่ยวข้องกับความจุของพาหนะและช่วงเวลาท างานของพนักงานขับรถ ในที่สุดแล้วทุกจุดที่ จะส่งสินค้าจะถูกรวมเข้าไปในเส้นทางของพาหนะ และขั้นตอนการจัดตารางเวลาเดินรถก็จะเสร็จสมบูรณ์ โดย ซอฟต์แวร์ที่เลือกใช้ ความคุ้มค่าของการใช้ระบบคอมพิวเตอร์แทนระบบที่ต้องค านวณด้วยตนเองเกิดจากมี จ านวนพาหนะที่แวะส่งสินค้าลายจุด ซึ่งมีรถยนต์มากว่า 10 คัน ซึ่งจะท าให้คุ้มค่ากับต้นทุนของชุดซอฟต์แวร์ จัดเส้นทางและวางแผนตารางเวลา 6. ข้อมูลส าหรับการก าหนดเส้นทาง และตารางการจัดส่งสินค้า มีปัจจัยต่างๆ มากมายที่ต้องพิจารณาเมื่อวางแผนปฏิบัติการจัดส่งของผู้ประกอบการที่มี พาหนะขนส่งทางถนนจ านวนมาก จ าเป็นต้องใช้ข้อมูลจ านวนมาก และคอมพิวเตอร์ที่ปรับปรุงขึ้นได้ช่วยเรา สามารถวิเคราะห์หลายแง่มุมอย่างละเอียดเพิ่มขึ้นได้ ซึ่งข้อมูลที่ต้องการใช้ในการก าหนดเส้นทาง และตาราง การจัดส่งสินค้าที่เป็นพื้นฐานมีดังนี้ - ข้อมูลอุปสงค์ - ปัจจัยเกี่ยวกับระยะทาง - ขีดจ ากัดเกี่ยวกับลูกค้าและบริการ - ข้อจ ากัดของพนักงานขับรถ - ปัจจัยเกี่ยวกับเส้นทาง - ขีดจ ากัดเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์และหน่วยระวางสินค้า ข้อมูลที่ส าคัญที่สุด คือ ข้อมูลอุปสงค์ ควรข้อมูลอุปสงค์ประจ าวัน ประจ าสัปดาห์ หรือประจ าปี จากจุด จัดส่งของลูกค้า ข้อมูลนี้มักจะเป็นข้อมูลที่รวบรวมได้ยากที่สุด มักจะใช้เวลารวบรวมมากที่สุด และจ าต้องมีการ จัดใหม่ และท าให้ชัดเจนที่สุดก่อนที่จะใช้งานในการค านวณเองด้วยคนหรือซอฟต์แวร์ อาจจ าเป็นต้องวิเคราะห์ เพิ่มเติม และเก็บข้อมูลเพิ่มเติม เพื่อที่จะน าช่วงที่ลูกค้ามีความต้องการสูงเป็นพิเศษมาร่วมพิจารณา เพื่อ ก าหนดตารางใหม่ การจัดข้อมูลอุปสงค์อาจจะไม่มีข้อมูลที่เหมาะสมที่พร้อม ดังนั้น จึงต้องใช้ข้อมูลที่เหมาะสมเป็น อันดับ 2 หรือ อันดับ 3 แทน โดยเป้าหมายหลักคือให้ข้อมูลอุปสงค์ที่รวบรวมสามารถเป็นข้อมูลที่แทนมาตร วัดหลักของขีดจ ากัดความจุของพาหนะได้ข้อมูลนี้อาจเป็นข้อมูลที่เกี่ยวกับเรื่องต่อไปนี้ - น้ าหนักต่อประเภทของผลิตภัณฑ์ที่จัดส่งหรือในรูปของน้ าหนักที่จัดส่งได้ ในหน่วยกิโลกรัมหรือ ตัน - ปริมาตร เช่น ลูกบาศก์เมตร หรือลูกบาศก์ฟุต


78 - จ านวนที่จะจัดส่ง เช่น จ านวน ตู้คอนเทนเนอร์/พาเลท/กล่อง/ลัง/พัสดุ/ ที่นิยมใช้กันในการ กระจายสินค้าในการค้าปลีก - หน่วยในการบรรจุสินค้า เช่น ตู้คอนเทนเนอร์ พาเลท กล่อง ลัง พัสดุ - มูลค่าหรือรายรับ หรือยอดขาย แต่จะมีปัญหาในการตีมูลค่าเป็นมาตรวัดในรูปของหน่วยระวาง - รายการสินค้า ซึ่งมีรายละเอียดมากเกินไป ส่วนมากเป็นสินค้าที่ราคาสูง - กลุ่มผลิตภัณฑ์ ข้อมูลอุปสงค์ที่จ าต้องจ าแนกออกตามสถานที่สามารถน าเสนอข้อมูลนี้ได้หลายวิธี แต่ต้องมีความ ละเอียดและความแม่นย ามาก เพื่อให้แน่ใจได้ว่าจะได้ผลลัพธ์ที่ดีจากกระบวนการจัดตารางเวลา ซอฟต์แวร์ที่ใช้ จะเหมาะสมกับธุรกิจที่แตกต่างกันไป ส่วนบริษัทขนาดเล็กจะนิยมใช้ไฟล์อิเล็กทรอนิกส์หรือ ค าสั่งของลูกค้าที่ บันทึกที่อยู่การจัดส่งและรหัสไปรษณีย์ ตัวอย่างของข้อมูลอุปสงค์จะต้องจ าแนกออกตามสถานที่ที่กันมีดังนี้ - ร หั ส ไป ร ษ ณี ย์ วิ ธี จั ด แ ล ะ แ ย ก ป ร ะ เภ ท ที่ นิ ย ม ใ ช้ ม า ก ที่ สุ ด ซึ่ ง ค้ น ไ ด้ จ า ก www.thailandpost.com/zipcode.php - รหัสส ารวจทางการทหาร หรือรหัสตามแผนที่ในระบบอ้างอิง - ตารางเส้นทางตัดทุกระยะ 10 กิโลเมตร ซึ่งเป็นระบบง่ายๆ ที่มีประโยชน์ถ้ามีจุดจัดส่งหลายจุด - จังหวัด หรือเมืองส าคัญ มักจะไม่แม่นย า แต่รู้จักได้ง่ายมาก - ตามละติจูด และลองติจูด ซึ่งก็อาจไม่แม่นย ามากพอเช่นกัน - ฐานข้อมูลประชากร อาจจะช่วยประมาณอุปสงค์ตามภูมิภาคได้ดีถ้าไม่มีข้อมูลอื่นพร้อมให้ใช้ - ฐานการตลาด พื้นที่ขาย ซึ่งลักษณะแสดงข้อมูล ส าหรับการวิเคราะห์เส้นทางและจัดตารางเวลาเดินรถ มีหลายวิธีที่สามารถประมาณการหรือวัดระยะ ที่เดินทางได้ โดยเริ่มตั้งแต่ศูนย์กระจายสินค้าจนถึงสถานที่จัดส่งหลายๆที่นั้น และระยะทางระหว่างสถานที่ จัดส่งแต่ละจุด ในสถานการณ์จริง จะมีการวัดระยะทางที่พาหนะเดินทางเมื่อกระจายสินค้า 3 วิธีดังนี้ 1. วิธีวัดระยะทางจริง วัดระยะทางที่รถวิ่งจริงบนถนน การวัดแบบนี้จะใช้เวลานานมากและไม่ สามารถท าได้ในงานที่มีขอบเขตขนาดใหญ่ 2. วิธีวัดพิกัด ซึ่งระบุสถานที่ตั้งของศูนย์กระจายสินค้าและจุดจัดส่งของลูกค้าไว้บนแผนที่ โดยการ อ้างอิงตารางพิกัด แล้ววัดระยะทางเป็นเส้นตรง แล้วคูณด้วยตัวแปรตามระยะทางถนนโดยการ ประมาณค่า โดยทั่วไปแล้ว ตัวแปรที่จะใช้ คือ 1.2 ซึ่งเป็นค่าเผื่อจากอุปสรรค เพื่อแทนข้อจ ากัดในการท างานจริง เช่น แม่น้ า ทางรถไฟ ฯลฯ มีซอฟต์แวร์ที่น าเทคนิคนี้มาใช้หลายยี่ห้อ


79 3. จ าลองเครือข่ายถนนแบบดิจิตอล ระบบจัดตารางเวลาด้วยคอมพิวเตอร์ส่วนใหญ่ในปัจจุบันจะ จ าลองเครือข่ายถนนแบบดิจิตอลภายในประเทศที่เกี่ยวข้อง ซึ่งมักจะประกอบไปด้วยถนนสายหลักๆและทาง แยกหลักๆ ภายในเครือข่ายถนนของประเทศนั้น ระบบนี้จะช่วยให้ข้อมูลระยะทางที่ต้องเดินทางแม่นย ามาก ระบบนี้ยังเผื่อค่าส าหรับถนนประเภทต่างๆ ได้ด้วย เช่น ทางพิเศษ ทางหรับรถลากจูง ฯลฯ โดยยอมให้ใช้ ความเร็วแบบแปรผันได้ในการค านวณเวลาที่ต้องใช้เดินทาง เครือข่ายถนนของประเทศส่วนใหญ่จะถูกจ าลองไว้ ด้วยแผนที่แบบดิจิตอลอยู่แล้ว ในยุคปัจจุบันแผนที่จะนิยมใช้ Google Map มีอุปสรรคเกี่ยวกับลูกค้าและการให้บริการหลายข้อที่อาจต้องพิจารณาระว่างกระบวนการจัด ตารางเวลา จะเกี่ยวข้องกับความง่ายของการจัดส่งหรือความสามารถในการจัดส่ง ขีดจ ากัดเหล่านี้อาจ เกี่ยวข้องเชิงกายภาพ หรือเกี่ยวข้องกับเวลา ขีดจ ากัดที่ละเอียดซับซ้อนมากกว่านั้นอาจพิจารณาได้เมื่อใช้ชุด ซอฟต์แวร์จัดเส้นทางเท่านั้น เพราะว่าระบบนั้นพิจารณาได้ยากมากเนื่องจากว่ามีตัวแปรที่ซับซ้อนมาเกี่ยวข้อง หลายตัวแปร ขีดจ ากัดเกี่ยวกับลูกค้าและการบริการที่พบบ่อยมากที่สุด คือ - ก าหนดเวลาในการจัดส่งที่เฉพาะเจาะจง เช่น 8.00 นาฬิกา - กรอบเวลาจัดส่งที่เฉพาะเจาะจง เช่น ระหว่าเวลา 10.15 นาฬิกา และ 11.00 นาฬิการ - วันที่เลิกท างานเร็วเป็นพิเศษ - ช่วงพักกลางวัน - ขีดจ ากัดในการเข้าถึง เช่นเข้ามาเพื่อจัดส่งได้เฉพาะ พาหนะขนาดหนึ่งๆ เท่านั้น - ขีดจ ากัดในการขนผลิตภัณฑ์ลงเช่น ไม่มีรถยกส าหรับการขนพาเลทลงจากพาหนะ - การจ ากัดขนาดของการปล่อยสินค้า เช่น สามารถรับผลิตภัณฑ์ได้จ ากัดจ านวนชุด/พาเลท - ปัญหาในการจอดรถ เช่น ไม่สามารถจอดหรือขนส่งสินค้าที่ถนนสายหลักได้ - ปัญหาด้านเอกสาร เช่น พนักงานขับรถจะต้องตรวจสอบสินค้าทั้งหมดและลงลายมือไว้ ข้อจ ากัดส าหรับพาหนะ นอกจากนั นเรายังต้องพิจารณาข้อจ ากัดส าหรับพาหนะบางประเภทด้วยซึ่งอาจ รวมถึง - ประเภทของพาหนะที่พร้อมใช้งาน - จ านวนพาหนะที่พร้อมใช้งาน - ความจ าเป็นในการขนสินค้าขึ้นรถพ่วงไว้ล่วงหน้า - กองพาหนะแบบผสม เช่น ผสมระหว่างพาหนะแบบเดี่ยว และพาหนะที่มีลักษณะเป็นรถพ่วง - ความจุของพาหนะ ในรูปของน้ าหนักหรือปริมาตร - การใช้งานพาหนะแบบแยกสัดส่วน (Compartmentalized) ข้อจ ากัดเกี่ยวกับพนักงานขับรถ ก็มีความส าคัญเช่นกัน ข้อจ ากัดที่ต้องพิจารณามีดังนี - กฎหมายเกี่ยวกับเวลาการท างานของพนักงานขับรถ - รูปแบบของกะในการท างานและชั่วโมงท างาน - จ านวนพนักงานขับรถที่พร้อมใช้งาน - ประเภทของในอนุญาตและการฝึกอบรม - ความจ าเป็นที่จะต้องมีพนักงานคนที่ 2 ช่วยในการจัดส่งด้วย


80 ปัจจัยเกี่ยวกับเส้นทาง จะเกี่ยวข้องกับข้อจ ากัดต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับเส้นทางแต่ละเส้นทางปัจจัย เหล่านี รวมถึง - โครงสร้างพื้นฐานของถนน - จ านวนครั้งของการเรียกใช้งานต่อเส้นทาง - การเดินทางหลายเที่ยว เช่น อาจมากกว่า 1เที่ยว ต่อวัน ด้วยพาหนะคันเดียว - การเดินทางเที่ยวละ 2 วัน คือ พาหนะและพนักงานขับรถไม่ได้กลับมาที่ศูนย์กระจายสินค้าทุกคืน - การจัดส่งและการไปรับสินค้าพร้อมกัน ข้อจ ากัดผลิตภัณฑ์หรือหน่วยบรรจุสินค้า มีข้อจ ากัดของ ผลิตภัณฑ์หรือหน่วยบรรจุสินค้าที่ใช้ใน การกระจายสินค้าออกไป ดังต่อไปนี - น้ าหนักและมิติของหน่วยบรรจุภัณฑ์ - เวลาการขนสินค้าลงที่มีความผันแปร ผลิตภัณฑ์หรือระวางสินค้าต่างชนิดกันอาจใช้เวลาในการขน สินค้าลงต่างกัน - การแยกสินค้าภายในพาหนะเนื่องจากมีโอกาสที่จะเกิดการปนเปื้อน หรือเกิดเพลิงไหม้ - ความต้องการในการรวบรวมภาชนะเปล่าคืน - ความต้องการอุปกรณ์ยกขนแบบพิเศษ 7.วิธีการจัดเส้นทางและตารางเวลาการเดินรถด้วยตนเอง 7.1 ขั นตอนการจัดเส้นทางและตารางเวลาเดินรถด้วยตนเอง ระบบจัดตามเวลาเดินรถประจ าวัน ด้วยตนเอง หรือใช้คนวางแผนด้วยกระดาษ พนักงานก าหนดตารางงานของศูนย์กระจายสินค้าต้องวางแผนเพื่อ กระจายสินค้าให้กับลูกค้าครอบคลุมทั้งประเทศ จะมีการจัดส่งให้กับสถานที่บางแห่งบ่อย แต่ไม่มีการจัดส่ง ประจ า และมักมีสถานที่จัดส่งใหม่ๆ เกิดขึ้นเป็นประจ า ขั้นตอนที่ท าที่ศูนย์กระจายสินค้าเป็นขั้นตอนที่รับค าสั่ง ส่วนใหญ่มาจากส านักงานใหญ่ทางโทรสารหรือทางระบบอิเล็กทรอนิกศ์ ถึงแม้ว่าบางค าสั่งอาจจะเป็นค าสั่ง โดยตรงจากศูนย์กระจายสินค้า ทุกค าสั่งจะให้ข้อมูลเกี่ยวกับที่อยู่ในการจัดส่ง วันที่ก าหนดส่ง ผลิตภัณฑ์ ปริมาณ บรรจุภัณฑ์ น้ าหนักรวม และค าสั่งพิเศษในการจัดส่ง ก าหนดเส้นทางตายตัว ในการรับค าสั่งคือช่วง เที่ยงวัน ซึ่งท าให้เหลือช่วงบ่ายไว้ส าหรับการจัดตารางเวลาการขนสินค้าขึ้นพาหนะ และเตรียมใบรายการหยิบ สินค้าส าหรับงานในวันรุ่งขึ้น เวลาช่วงบ่ายยังเป็นเวลาที่ว่างส าหรับการปรับแผนการขนสินค้าที่มีอยู่แล้ว เพื่อ แทรกค าสั่งด่วนพิเศษที่ต้องจัดส่งในวันรุ่งขึ้น ในวันรุ่งขึ้นหลังจากรับค าสั่ง สินค้าจะถูกหยิบและรวบรวมไว้โดย พนักงานคลังสินค้าแล้วจึงถูกขนขึ้นพาหนะโดยพนักงานขับรถที่เดินทางกลับมาในช่วงบ่ายแก่ๆ การจัดส่งจะ เกิดขึ้นในวันถัดจากวันนั้น ส าเนาของค าสั่งทุกค าสั่งจะถูกบันทึกลงวันที่ไว้ แล้วจึงจัดประเภทของค าสั่งตาม สถานะของการจัดส่ง ค าสั่งถูกจัดแบ่งไว้หลายประเภทดังนี้


81 - ค าสั่งล่วงหน้า คือ วันก าหนดจัดส่งอยู่หลังจากวันที่ออกค าสั่ง ค าสั่งเหล่านี้จะถูกส่งลงในถาดค าสั่ง ล่วงหน้า ส าหรับค าสั่งล่วงหน้า 1 สัปดาห์ 2 สัปดาห์ ฯลฯ - ค าสั่งปกติค าสั่งเหล่านี้จะต้องจัดส่งตามระดับการบริการมาตรญานของบริษัท เช่นภายใน 5 วัน จากนั้น ค าสั่งเหล่านี้จะเป็นพื้นฐานของสินค้าที่จะขน - ค าสั่งด่วนพิเศษ ค าสั่งเหล่านี้ที่เกิดขึ้นไม่บ่อยนักเป็นค าสั่งที่ต้องจัดส่งภายใน 24 ชั่วโมง ค าสั่ง เหล่านี้ก็เป็นค าสั่งที่ใช้ประกอบเป็นสินค้าเต็มพาหนะ แต่จะมีการจ้างบริษัทภายนอกถ้าไม่สามารถขนสินค้านั้น ได้ ค าสั่งทุกค าสั่งจะถูกรวบรวมด้วยระบบชั้นวางแบบรักนกพิราบ ซึ่งจะจัดตามพื้นที่ในภูมิภาคในรูปแบบ ที่ตายตัว มีจุดรับส่งสินค้ากระจายตัวรอบศูนย์กระจายสินค้า ชั้นวางแบบรังนกพิราบต้องอยู่ใกล้กับจุดจ่าสินค้า ในรูปที่ 5.3 รูปที่ 5.3 ชั้นวางแบบรังนกพิราบ หลังจากที่วางค าสั่งในชั้นแบบรังนกพิราบแล้ว กิจกรรมการจัดเส้นทางและตารางเวลาเดินรถก็จะ เริ่มต้น เหมือนที่เราได้ระบุไว้แล้วว่าสินค้าจะถูกน าส่งโดยที่ค าสั่งด่วนพิเศษมีความส าคัญมากเป็นพิเศษในการ รวบรวมสินค้า พนักงานก าหนดตารางและจัดตารางเดินรถให้จัดส่งพื้นที่ไกลที่สุดก่อน จากนั้นจึงจะจัดตารางส่ง สินค้าให้แก่พื้นที่อื่นๆ ที่มีระยะทางค่อนข้างใกล้กันในช่องเอกสารแบบรังนก และจัดด้วยงานที่สามารถจัด เส้นทางไปหรือกลับจากศูนย์กระจายสินค้าได้ง่าย จุดปล่อยสินค้าที่เพิ่มขึ้นมานี้อาจเลือกโดยการใช้ระบบนี้ เนื่องจากชั้นวางแบบรังนกพิราบมีแบบตามภูมิภาค เมื่อใช้ระบบแบบนี้ พนักงานก าหนดตารางงานก็สามารถ สร้างเส้นทาง รูปกลีบดอกไม้ตามรูปที่ 5.4 ที่มีจุดศูนย์กลางเป็นศูนย์กระจายสินค้าได้ในทุกๆวันด้วยความ ง่ายดาย วิธีแบบนี้สามารถจัดเส้นทางพาหนะได้อย่างมีประสิทธิภาพมาก รูปที่ 5.4 เส้นทางรูปกลีบดอกไม้


82 7.2 การจัดตารางเวลาเดินรถส าหรับเป้าหมายทางยุทศาสตร์การจัดตารางเวลาเดินรถด้วยตนเอง อาจเกิดขึ้นเพื่อการวางแผนเชิงยุทศาสตร์หรือการวางแผนระยะยาว ขั้นตอนที่ใช้จะคล้ายคลึงกับระบบจัด ตารางเวลาที่ได้อธิบายถึงไปแล้วแต่จะละเอียดกว่านั้นมาก ผลที่ได้จะถูกน าไปใช้จัดตารางเวลาของกองพาหนะ และสามารถน ามาใช้เป็นพื้นฐานของการปฏิบัติการจัดส่งส าหรับช่วงเวลาหนึ่งๆ ที่ยาวนานถึง 6 เดือนได้ ข้อก าหนดหลักในด้านข้อมูลและสารสนเทศจะเหมือนกับคุณลักษณะของการจัดส่งด้วยการขนส่งทางถนนที่ได้ กล่าวถึงในหัวข้อที่ผ่านมา เมื่อถึงขั้นตอนการจัดตารางเวลามีข้อมูลอย่างละเอียดหลายข้อที่ต้องรวบรวมและ น ามาใช้งาน แหล่งข้อมูลหลักมีดังนี้ - บันทึกข้อมูลในอดีตของบริษัท เช่นค าสั่งขาย - แบบส ารวจพิเศษที่ท าเพื่อกิจกรรมการจัดตารางเวลาโดยเฉพาะ เช่น เวลาการขนสินค้าขึ้นและลง จากพาหนะ - มาตรฐานเกี่ยวกับสมรรถนะที่ยอมรับกันในอุตสาหกรรมหรือโดยข้อตกลงของสหภาพ - รายละเอียดมาตรฐานและข้อก าหนดทางกฎหมาย เช่น ช่วงเวลาในการขับรถช่วงพักกลางวัน บันทึก มาตรบันทึกความเร็ว ส าหรับความเร็วของพาหนะ - แบบส ารวจเกี่ยวกับลูกค้า เช่น กรอบเวลาการจัดส่งและข้อจ ากัดในการเข้าถึง ความต้องการต่างๆ เกี่ยวกับข้อมูลส าหรับการจัดตารางเวลาอาจแตกต่างกันออกไปด้วยหลายสาเหตุ ด้วยกัน เช่น ประเภทของผลิตภัณฑ์ ประเภทของบริษัท ประเภทของพาหนะ ฯลฯ 7.3 ตัวอย่างของการจัดเส้นทางและตารางเวลาเดินรถด้วยตนเอง ขั้นตอนในการจัดเส้นทางและ ตารางเวลาเดินรถเชิงยุทธศาสตร์ด้วยตนเอง การจัดเส้นทางจะถูกสร้างขึ้นจากค าสั่ง แล้ววางแผนเวลาเข้ากับ เส้นทางนี้ กระบวนการนี้เป็นกระบวนการที่ต้องท าซ้ าไปซ้ ามา เพราะว่าเส้นทางที่สร้างขึ้นอาจต้องมีการแก้ไข ตามความพร้อมของพาหนะหรือในมางกลับกันด้วย การปรับความพร้อมของพาหนะตามเส้นทางมีความ เกี่ยวข้องกันอย่างแยกไม่ออก องค์ประกอบที่ส าคัญดังนี้ - สรุปข้อมูลและตัวแปรในการจัดส่ง - พิจารณาพื้นที่ทางภูมิศาสตร์ เช่น แผนที่ พิกัดที่ตั้ง - พิจารณาอุปสงค์ - พิจารณาข้อจ ากัดเกี่ยวกับจุดจัดส่งของลูกค้า - จัดสรรสินค้าตามความต้องการในแต่ละพื้นที่ - ตัดสินใจเกี่ยวกับกฎทางภูมิศาสตร์ - วางแผนเที่ยวจัดส่ง - วางแผนเส้นทางจัดส่ง - ค านวณความต้องการพาหนะและระยะทางที่เดินทางได้ - ค านวณต้นทุนในการจัดส่ง - ค านวณประสิทธิภาพการใช้งานพาหนะ ตัวอย่าง ข้อมูลการจัดส่งขั้นพื้นฐานในปฏิบัติการของศูนย์กระจายสินค้าที่อยู่ในเมืองนอร์ทแทมตัน (Northampton) ใน สหราชอาณาจักร ศูนย์กระจายสินค้าแห่งนี้ถูกใช้งานโดยบริษัทกระจายสินค้าอุปโภค บริโภค (FMCG) บริษัทหนึ่งและการจัดส่งเป็นการจัดส่งจากศูนย์กระจายสินค้าถึงลูกค้าในพื้นที่ที่ส่วนใหญ่อยู่ ทางเหนือของเมืองนี้ ศูนย์กระจายสินค้าจะหยุดท างานในช่วงสุดสัปดาห์ การจัดส่งในตัวอย่างนี้เป็นการจดส่งที่ วางแผนไว้ส าหรับวันเดียว ตัวแปรและข้อจ ากัดมีดังนี้


83 - มีพาหนะอยู่ 2 ประเภท ที่พร้อมใช้งาน คือ พาหนะเดี่ยวขนาด 16 ตัน ที่สามารถขนได้ 700 ลัง และพาหนะที่มีลักษณะเชื่อมต่อกันขนาด 32 ตัน ที่ขนได้ 2,100 ลัง โดยไม่ได้ใช้งานความจุที่วัดเป็นปริมาตร - ขนาดของค าสั่งซื้อจะแสดงตามจ านวนลัง - ช่วงเวลาที่ยอมรับการจัดส่งอาจจะแตกต่างกันไปตามลูกค้า มีการตั้งรหัสส าหรับช่วงเวลาการ จัดส่งไว้ 6 กลุ่ม ดังนี้ - พนักงานขับรถจะท างาน 10 ชั่วโมง พนักงานขับรถจะต้องพัก 45 นาที หลังจากที่ขับรถ 4 ชั่วโมงครึ่ง เวลาการขับรถมากที่สุด คือ 9 ชั่วโมง หรือท างานเฉลี่ย 48 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ - ความเร็วเฉลี่ยในการขับขี่ มีดังนี้ - ช่วงเวลามี่ต้อใช้ในการขนสินค้าลงที่สถานที่ของลูกค้าจะไม่แน่นอนขึ้นกับปัญหาในการเข้าถึง อุปกรณ์ขนถ่ายที่มีให้ใช้งาน มีเวลาคงที่ที่ต้องใช้ในการท างานอยู่ 3 ระดับ ซึ่งจะเกิดขึ้นโดยไม่ ขึ้นอยู่กับปริมาณที่จัดส่ง และเวลาแปรผันตามขนาดของการจัดส่ง ระดับในการท างานมีดังนี้


84 - พนักงานขับรถสามารถออกจากศูนย์กระจายสินค้าเวลาใดก็ได้หลังจาก 6.00 นาฬิกา เวลาที่ พาหนะกลับมาที่ศูนย์กระจายสินค้าช้าที่สุด คือ 19.30 นาฬิกา - พาหนะแต่ละคันจะบรรจุสินค้าไว้ล่วงหน้าส าหรับการจัดส่ง - อนุญาตให้จัดส่ง 2 ครั้ง ภายในวันเดียวได้ ถ้าพาหนะต้องเดินทางหลายเที่ยวใน 1 วัน เวลาคงที่ ใน การขนสินค้าขึ้นพาหนะที่ศูนย์กระจายสินค้าเท่ากับ 10 นาที และเวลาแปรผัน 0.015 นาที (0.9 วินาที) ต่อ ลังเวลาน้อยที่สุดที่ต้องเผื่อไว้ส าหรับแต่ละเที่ยวคือ 2 ชั่วโมง มีการใช้ข้อมูลอุปสงค์ของสถานที่จัดส่งแต่ละที่เมื่อต้องการมีการจัดส่งไปยังสถานที่เหล่านั้น ขีดจ ากัดต่างๆ ในการจัดส่งจะต้องถูกระบบไว้ล่างหน้า อุปสงค์และข้อจ ากัดจะระบุในตารางที่ 5.1 ควรมีการ ใช้แผนที่อย่างละเอียดและระบุจุดจัดส่งในแผนที่นั้น ตัวอย่างของแผนที่จากคอมพิวเตอร์อยู่ในรูปที่ 5.5 จากนั้นจะมีกระบวนการวัดระยะทางเกิดขึ้นการวัดระยะทางนี้อาจวัดตามแนวถนนจริงที่ใช้ในการ เดินทางจัดส่ง ถึงแม้ว่าการวัดระยะทางแบบนี้อาจใช้เวลานานถ้าต้องพิจารณาเส้นทางที่ซับซ้อนก็ตาม แนวทาง ที่ง่ายกว่านั้น คือ การวัดระยะทางเป็นทางตรงแล้วคูณด้วย “ปัจจัยเผื่อ” ที่แทนที่ส่วนโค้งและทางเลี้ยว ปัจจัย


85 เผื่อที่เหมาะสมจะมีค่าเท่ากับ 1.2 ในบางครั้ง เส้นทางที่เป็นทางพิเศษจะวัดโดยตรงและประมาณระยะทาง ถนนอื่นๆ จะใช้วิธีวัดระยะทางตรง เมื่อก าหนดและบันทึกข้อมูลพื้นฐานได้แล้ว จากนั้นจึงเริ่มกระบวนการ วางแผนได้จริง วัตถุประสงค์โดยรวมของกิจกรรมนี้น่าจะเป็นการ “หาเส้นทางที่ดีที่สุดที่จะลดจ านวนพาหนะและ ลดระยะทางในการจัดส่งที่ต้องเดินทาง ภายในข้อจ ากัดเกี่ยวกับอุปสงค์และการจัดส่ง เส้นทางจะถูกวางแผน ตามหลักการที่เป็นที่รู้จักในชื่อของ ความหมายแน่นสูงสุดของการปล่อยสินค้า (Maximum Drop Density) จุดปล่อยสินค้าที่ใกล้กันจะถูกก าหนดให้ส่งโดยพาหนะคันเดียวกันและการใช้พาหนะอย่างเต็มประสิทธิภาพ ซึ่ง ใช้ความจุสินค้าของพาหนะให้มากที่สุดและใช้เวลาการท างานของพาหนะมากที่สุดที่จะท าได้ ขั้นตอนพื้นฐานมี ดังนี้ - ระบุจุดปล่อยสินค้าบนแผนที่ - ระบุอุปสงค์และข้อจ ากัดของจุดปล่อยสินค้า - ตัดสินใจเกี่ยวกับกฎในการวัดระยะทาง - ระบุงานปล่อยสินค้าที่เป็นงานปล่อยสินค้าจุดเดียวได้และก าหนดตารางเวลาส าหรับงานเหล่านั้น


86 - จากกลุ่มของเส้นทางการจัดส่งดังต่อไปนี้ o เริ่มต้นด้วยจุดปล่อยสินค้าที่มีข้อจ ากัดมากที่สุดหรือที่ไกลจากศูนย์กระจายสินค้ามาก ที่สุด o จัดเที่ยวการจัดส่งโดยการรวมจุดปล่อยสินค้าที่อยู่ใกล้กันจนครบ o ระบุพาหนะที่เหมาะสม ตามความจุ o บันทึกเวลารวมทั้งหมดที่ต้องใช้ ที่เกิดจากเวลาเดินทางมารวมกับเวลาในการจัดส่ง - เที่ยวสุดท้ายจะเป็นเที่ยวที่ใกล้กับศูนย์กระจายสินค้า - รวมเที่ยวจัดส่งเป็นเส้นทาง ในกรณีที่เป็นไปได้ เช่น 2 เที่ยวต่อวัน ส าหรับพาหนะ - พิจารณาความต้องการเกี่ยวกับกองพาหนะ ว่ามีจ านวนและประเภทของพาหนะ และระยะทางที่


87 เดินทางมาน้อยเพียงใด การคิดต้นทุนของปฏิบัติการขนส่ง โดยการค านวณต้นทุนคงที่ตามจ านวนของพาหนะที่ใช้และต้นทุนแปรผัน ตามระยะทางการเดินทางของกองพาหนะ การค านวณต้นทุนพาหนะ จะค านวณประจ าทุกวัน ประสิทธิภาพการใช้งานพาหนะ สามารถค านวณได้ดังต่อไปนี้ ประสิทธิภาพการใช้เวลา : ชั่วโมงจริง = 44 ชั่วโมง 13 นาที = 80 % ชั่วโมงการท างานที่พร้อม 55 ชั่วโมง ประสิทธิภาพการขนสินค้า : จ านวนลังจริง = 9,863 ลัง = 80 % จ านวนลังมากที่สุด 11,200 ลัง 8.การจัดเส้นทางและตารางเวลาเดินรถด้วยระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ เราสามารถน าชุดซอฟต์แวร์ส าหรับการจัดเส้นทางและตารางเวลาเดินรถมาใช้งานได้ใน 4 รูปแบบ คือ ทางยุทธศาสตร์ ทางยุทธวิธี ปฏิบัติการวันต่อวัน และการวางแผน ชุดซอฟต์แวร์ส่วนใหญ่จะมีฟังก์ชั่นตามที่ กล่าวมาข้างต้น ชุดซอฟต์แวร์ส่วนใหญ่ที่มีฐานข้อมูลแผนที่ถนนแบบดิจิตอล เป้าหมายของการจัดเส้นทางและตารางเวลาเดินรถด้วยระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ โดยซอฟต์แวร์จะ สามารถค านวณและให้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดในการแก้ปัญหาตามข้อจ ากัดและข้อมูลอุปสงค์ที่ให้ไว้ ซอฟต์แวร์จะช่วย ให้พนักงานก าหนดตารางงานการขนส่งมีความสามารถในการลงรายละเอียดข้อมูลได้ลึกมากกว่าระบบการจัด ตารางเวลาด้วยตนเอง เพราะว่าซอฟต์แวร์สามารถค านวณได้มากกว่า และสามารถพิจารณาทางเลือกต่างๆ ได้ มากกว่าที่ต้องค านวณด้วยสมองคน ซอฟต์แวร์จัดเส้นทางและตารางเวลาเดินรถที่ใช้ประกอบไปด้วยวิธีการจัดตารางเวลาชั้นสูง (อัลกอริทึม) ที่ใช้หาผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพได้ เมื่อปฏิสัมพันธ์กับผู้ใช้ ซอฟต์แวร์สามารถช่วยให้พนักงาน ก าหนดตารางงานเปลี่ยนแปลงขั้นพื้นฐานกับเส้นทางที่มีอยู่แล้วเพื่อรองรับค าสั่งที่รับมาล่าช้าหรือค าสั่งด่วน


88 พิเศษเข้าไปในตารางเวลาได้ ในขณะที่ระบบจะตรวจสอบผลที่จะเกิดขึ้น เกี่ยวกับเวลาการจัดส่ง การท าผิด กฎหมาย ฯลฯ จากตัวอย่างที่ผ่านมา เราสามารถน ากิจกรรมกลับมาแสดงเป็นตัวอย่างซ้ าอีกครั้งด้วยชุดซอฟต์แวร์ คอมพิวเตอร์ ซึ่งจะได้ผลลัพธ์เกี่ยวกับเส้นทางพาหนะที่ละเอียด และสามารถระบุถึงล าดับของการจัดส่งและ สถานที่จัดส่ง ขนาดของการจัดส่ง และสรุปผลเส้นทางจากซอฟต์แวร์ ตามรูปที่ 5.6 และรูปแผนที่เส้นทางตาม รูปที่ 5.7 แผนภูมิแท่งที่สรุปเส้นทาง ตามรูปที่ 5.8 เป็นต้น ผลที่แสดงเป็นภาพจะช่วยให้ดีความและเข้าใจ ผลได้ง่ายขึ้น ทั้งยังช่วยให้เข้าใจแผนตารางการจัดส่งที่พนักงานขับรถจะน าไปใช้งาน 9.ซอฟต์แวร์ส าเร็จรูปในการจัดเส้นทางและตารางเวลาเดินรถ และเทคโนโลยีอื่น 9.1 ซอฟต์แวร์ส าเร็จรูปในการจัดเส้นทางและตารางเวลาเดินรถ ชุดซอฟต์แวร์จัดเส้นทางและตาม เวลาเดินรถ ส าเร็จรูปมีมากมาย สามารถค้นหาจากอินเตอร์เน็ตเกี่ยวกับข้อมูลเพิ่มเติมของซอฟต์แวร์ระบบจัด เส้นทางและตารางเดินรถด้วยชุดซอฟต์แวร์มีประโยชน์ดังนี้ - ต้นทุนคงที่ลดลงเพราะสามารถลดจ านวนพาหนะได้ - ต้นทุนแปรผันลดลงเนื่องจากการจัดเส้นทางอย่างมีประสิทธิภาพจะช่วยลดต้นทุนต่อระยะทาง - ความจ าเป็นในการจ้างพาหนะลดลง - บริการลูกค้าได้ดีขึ้นผ่านทางตารางเวลาที่แน่นอนและเชื่อถือได้


89 - มีโอกาสในการท าผิดกฎหมายการขนส่งน้อยลง เนื่องจากความสามารถของโปรแกรม คอมพิวเตอร์ในการวางแผนตามกรอบของกฎหมายด้วย - ประหยัดเวลาของฝ่ายจัดการได้เนื่องจากว่าสามารถค านวณตารางเวลาได้อย่างรวดเร็ว - ระดับการควบคุมเพิ่มขึ้น เนื่องจากสามารถรายงานให้ฝ่ายบริหารได้แม่นย ามาขึ้น ชุดซอฟต์แวร์จัดเส้นทางและตารางเวลาเดินรถที่มีในตลาดบางส่วนมีดังนี้ ชุดซอฟต์แวร์จัดเส้นทางและตามรางเวลาเดินรถหลัก ๆ 9.2 วิธีการประยุกต์ใช้ระบบสารสนเทศแบบอื่นๆ มีวิธีการวางแผนการขนส่งสินค้าที่ใช้ฮาร์ดแวร์ และซอฟต์แวร์แบบอออื่นๆ เช่น การจัดเส้นทางพาหนะเดี่ยว – ชุดซอฟต์แวร์คอมพิวเตอร์แบบนี้จะใช้ ฐานข้อมูลถนนในคอมพิวเตอร์อย่างละเอียดที่อยู่ในซอฟต์แวร์จัดเส้นทางและตารางเวลาเดินรถส่วนใหญ่ อย่างไรก็ตามซอฟต์แวร์นี้จะไม่รวมองค์ประกอบของการจัดตารางเวลาเดินรถ เมื่อระบุจุดตนทางและจุด ปลายทางและจุดต่างๆ ที่ต้องแวะในเส้นทางได้แล้วโปรแกรมจะสร้างเส้นทางตามเครือข่ายถนนจริง เราจะ สามารถพิจารณาเส้นทางได้ตามเส้นทางที่มีระยะทางที่มีระยะทางสั้นที่สุด เร็วที่สุด มีต้นทุนถูกที่สุด เป็นต้น ผลลัพธ์ที่แสดงออกมาจะเป็นรายละเอียดว่าช่วงเวลาที่ควรเปลี่ยนจาการใช้งานถนนเส้นหนึ่งไปยังอีกเส้นหนึ่ง คือช่วงใดและข้อมูลช่วงเวลาและระยะทางระหว่างถนนแต่ละเส้น จะแสดงเส้นทางที่เลือกบนแผนที่ เช่นเดียวกับชุดซอฟต์แวร์จัดเส้นทางและตารางเวลาเดินรูปแบบอื่นๆ ซึ่งช่วยให้ท าการเปรียบเทียบด้วยภาพได้ ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้ มีพัฒนาการของระบบขนส่งแบบอัจฉริยะขึ้นมามากพอสมควร ซึ่งส่วนหลัก ส่วนหนึ่ง คือ เทเลเมติกส์ (Telematics) จะช่วยสนับสนุนความยืดหยุ่นและการกระจายสินค้าอย่างยั่งยืน โดยการให้เครื่องมือและกลไกที่ช่วยให้จัดการเครือข่ายได้ดีขึ้น พาหนะมีความปลอดภัยมากขึ้น วิธีการใช้งาน หลักๆ จะรวมถึง


90 - ข้อมูลสมรรถนะของพนักงานขับรถและพาหนะ ซึ่งใช้อัตราการสิ้นเปลืองน้ ามันเชื้อเพลิงเพื่อ ติดตามอัตราการสิ้นเปลืองน้ ามันเชื่อเพลิงและสมรรถนะของพนักงานขับรถรายวัน นอกจากนั้นยังติดตาม ต้นทุนในการซ่อมท าบ ารุง โดยการปรับปรุงเทคนิคในการขับขี่ - ระบบติดตามพาหนะซึ่งสามารถติดตามต าแหน่งของพาหนะได้ด้วยระบบ GPS (Global Positioning System) ระบบเหล่านี้อาจมีประโยชน์หลายด้าน ตั้งแต่ความปลอดภัยของพาหนะ ของสินค้าและ พนักงานขับรถที่เพิ่มขึ้นจนถึงบริการลูกค้าที่ดีขึ้น โดยการหาเวลาการจัดส่งที่แม่นย าจนถึงต้นทุนที่ต่ าลงผ่าน ทางการลดเวลาการคอยและสินค้าคงคลัง เมื่อเวลาที่แน่นอนที่พาหนะจะเดินทางมาถึง - การติดตามรถพ่วงจะช่วยให้ติดตามพาหนะและสินค้าภายในพาหนะได้ในเวลาจริงโดยการใช้ เทคโนโลยี GPS การติดตามต าแหน่งนี่จะมีประโยชน์มากต่อความปลอดภัยของพาหนะ พนักงานขับรถและ สินค้า ซึ่งสินค้าส่วนใหญ่จะมีมูลค่าสูง สามารถติดตามได้โดยอัตโนมัติและแจ้งเตือน สัญญาณเตือนภัยได้เมื่อมี การเบี่ยงเบนออกจากเส้นทางที่ตั้งไว้ นอกจากนั้นระบบเหล่านี้ยังสามารถน ามาใช้ติดตามสินค้าที่ขนส่ง เพื่อให้ ข้อมูลการบริการที่เกี่ยวกับเวลาการจัดส่ง รวมถึงติดตามอุณหภูมิของสินค้าส าหรับพาหนะแช่เย็น เพื่อบันทึก และติดตามการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิวิกฤติได้ ซึ่งจ าเป็นต่อผลิตภัณฑ์ที่เป็นอาหารและเวชภัณฑ์บาง ประเภท - ระบบไร้กระดาษ อุปกรณ์ที่ติดตั้งในพาหนะ แบบเคลื่อนที่จะช่วยให้ยื่นใบแจ้งหนี้ได้โดยไม่ต้องมี เอกสารและหลักฐานการจัดส่ง ระบบเหล่านี้ถูกน ามาใช้โดยบริษัทพัสดุและจัดส่งถึงบ้านด้วยเทคโนโลยีระบบ ลายเซ็นอิเล็กทรอนิกส์ และโดยบริษัทน้ ามันเชื้อเพลิง เพื่อการจัดท าใบแจ้งหนี้ในทันทีที่ส่งสินค้าเสร็จ หรือได้ เติมน้ ามันเชื้อเพลิง ซึ่งปริมาณการจัดส่ง หรือการเติมน้ ามันเชื้อเพลิงอาจแปรผันได้ - ระบบน าทางบนพาหนะก าลังเป็นที่แพร่หลายในรถยนต์ส่วนตัว แต่มีการน ามาใช้งานในพาหนะ เชิงพาณิชย์ด้วย ซึ่งมีประโยชน์มากส าหรับปฏิบัติการจัดส่งที่มีจุดปล่อยสินค้าหลายจุดและสถานที่ครั้งสุดท้าย ของลูกค้าและอาจจะเป็นสถานที่ใหม่หรือสถานที่ซึ่งไม่คุ้นเคย ระบบเหล่านี้อาจช่วยลดเวลาอัตราการสินเปลือง น้ ามันเชื้อเพลิง และลดโอกาสที่ต้องจัดส่งซ้ า และช่วยเพิ่มระดับการบริการแก่ลูกค้ามากขึ้น - ส่วนที่เชื่อมโยงกับระบบน าทางบนพาหนะคือ ระบบข้อมูลจราจร ระบบเหล่านี้จะช่วยเตือน เกี่ยวกับสถานภาพการจราจรและอุบัติเหตุบนถนนล่วงหน้าในเวลาจริง ซึ่งช่วยให้พนักงานขับรถยามารถเลี่ยง พื้นที่ซึ่งมีปัญหาได้ ทั้งยังลดความล่าช้าและต้นทุนที่จะเกิดขึ้นได้ เมื่อประสานกับซอฟต์แวร์จัดเส้นทางและ ตารางเวลาเดินรถ ข้อมูลนี้สามารถน ามาใช้ช่วยจัดตารางเวลาการจัดส่งและจัดเส้นทางของพาหนะใหม่อีกครั้ง ได้ในทันที - ระบบเหล่านี้เดิมราคาแพงมาก แต่ปัจจุบันราคาลดลง แต่ส าหรับกองพาหนะและปฏิบัติการขนาด ใหญ่ ต้นทุนที่ประหยัดได้และการบริการที่ดีขึ้น การน าระบบเหล่านี้มาใช้ท าให้เกิดความคุ้มค่ามากขึ้น แบบฝึกหัดบทที่ 5 1. ท าไมเป็นต้องวางแผนและการจัดหาทรัพยากร 2. การจัดการกองพาหนะ มีขอบเขตงานใดบ้างที่รวมอยู่ในซอฟต์แวร์ 3. การขนส่งสินค้าทางถนน มีกี่ประเภท ลักษณะต่างกันอย่างไร 4. ความต้องการทรัพยากรในการขนส่ง รวมถึงเรื่องใดบ้าง 5. ให้อธิบายถึงวิธีการ การเก็บรักษาส าหรับการก าหนดเส้นทาง และตารางการจัดส่ง 6. ในการจัดเส้นทางและตารางเวลาเดินรถ มีปัญหาใดบ้าง ให้อธิบาย


91 7. ให้อธิบายวิธีการจัดเส้นทางและตารางเวลาเดินรถด้วยตนเอง พร้อมยกตัวอย่าง 8. ทราบปัญหาวิธีการจัดเส้นทางและตารางเวลาเดินรถด้วยระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ พร้อม ยกตัวอย่าง 9. ให้อธิบายถึงซอฟต์แวร์ส าเร็จรูปในการจัดเส้นทางและตารางเวลาเดินรถ และเทคโนโลยีอื่นที่ จ าเป็นในการจัดเส้นทางและตารางเวลาเดินรถ


92 บทที่ 6 การใช้ระบบจีพีเอสในการบริหารเส้นทางการขนส่ง (Apply GPS in Transportation Routes Management) 1. ภาพรวมของระบบจีพีเอส 1.1 ความหมายของจีพีเอส GPS หรือ Global Positioning System เป็นระบบที่ใช้ในการบอก ต าแหน่งของสิ่งต่างๆ บนโลกนี้โดยระบบ GPS จะใช้เทคโนโลยีของดาวเทียมที่จะเป็นเครื่องมือในการ พิจารณาหาจุดพิกัดบนโลกนี้ โดยใช้พิกัดตัวเลขของละติจูด และลองติจุด ท าให้เราทราบถึงต าแหน่งที่แท้จริง ของสิ่งนั้นๆ โดยอุปกรณ์รับสัญญาณ (GPS Receiver) หรือเครื่องรับสัญญาณดาวเทียมเท่านั้น จะท างานโดย การใช้ดาวเทียมที่ลอยอยู่เหนือพื้นโลกตั้งแต่ 32 ดวงขึ้นไปในเวลาเดียวกัน เพื่อที่จะได้ระบุพิกัดต าแหน่งของ สิ่งต่างๆ และจะแม่นย ายิ่งขึ้นหากมีจ านวนดาวเทียมมากขึ้น ส าหรับระบบ GPS นั้น ได้ถูกเริ่มใช้และ พัฒนาขึ้นโดยกองทัพของประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งจะใช้ในการหาพิกัดจุดต่างๆ บนโลกในการสู้รบท า สงครามกัน แต่ในปัจจุบันได้กลายมาเป็นการใช้งานทั่วไปที่ใครก็สามารถมีใช้ได้ 1.2 สถาปัตยกรรมของระบบจีพีเอส ส าหรับสถาปัตยกรรมของระบบนั้นได้ถูกแบ่งออกเป็น 3 ส่วนคือ ส่วนของอวกาศ ส่วนของการควบคุม และส่วนของผู้ใช้ โดยมีรายละเอียดดังนี้ ส่วนของอวกาศ (The Space Segment) ระบบ GPS มีด าวเทียมที่ใช้สนับสนุน ประกอบด้วยเครือข่ายดาวเทียมหลัก 3 ค่าย คือ สหรัฐอเมริกา รัสเซีย ยุโรป โดยของสหรัฐอเมริกา ซื่อ NAVSTAR(Navigation Satellite Timing and Ranging GPS) มีดาวเทียม 28 ดวง ใช้งานจริง 24 ดวง อีก 4 ดวงเป็นตัวส ารองบริหารงานโดยกระทรวงกลาโหม มีรัศมีวงโคจรจากพื้นโลก 20 ,162,81 กิโลเมตร หรือ 12,600 ไมล์ ดาวเทียมแต่ลดวงใช้เวลาในการโคจรรอบโลก 11 ชั่วโมง 58 นาที ซึ่ง หมายความว่าดาวเทียม GPS จ านวน 2 ดวงจะใช้ท างานในหนึ่งวัน ส่วนของยุโรป ชื่อ Galileo มี 27 ดวง บริหารงานโดย EPS หรือ European Satelite Agency จะพร้อมใช้งานในปื 2551 และของรัสเซีย ชื่อ GLONASS ห รือ Global Navigation Satellite บ ริห ารโดย Russia VKS (Russia Militaryn Spaace Force) ปัจจุบันภาคประชาชนทั่วโลกสามารถใช้ข้อมูลจากดาวเทียมของสหรัฐอเมริกา (NAVTAR) ได้ฟรี เนื่องจากนโยบายสิทธิการเข้าถึงข้อมูลและข่าวสารส าหรับประชาชนของสหรัฐอเมริกา จึงเปิดให้ประชาชน ทั่วไปสามารถใช้ข้อมูลดังกล่าวในระดับความแม่นย าที่ไม่เป็นภัยต่อความมั่นคงของรัฐ กล่าวคือมีความแม่นย า ในระดับ ฑ10 เมตร ส่วนของการควบคุม (The Master Control Station) ซึงจะเป็นการท างานในรูปแบบของ ศูนย์กลางการควบคุมระบบของระบบ GPS จะมึการควบคุมการท างานภาใต้กองทัพอากาศของประเทศ สหรัฐอเมริกา สถานีใหญ่อยู่ที่ Falcon Air Force Base และศูนย์ควบคุมย่อยอีก 5 จุด กระจายไปยัง ภูมิภาคต่างๆ ทั่วโลกซึ่งศูนย์ควบคุมนี้จะมีหน้าที่ในการบริหารจัดการและที่ส าคัญควบคุมการท างานระบบ ดาวเทียม GPS โดยจะมีหน้าที่ในการตรวจสอบการท างาน รวมทั้งการเฝ้าควบคุมตล อดเวลา ในกรณีที่เกิดเหตุฉุกเฉินก็สามารถน าระบบส ารองมาใช้แทน ส่วนของการใช้วานส าหรับผู้ใช้งาน (The User Segment) ซึ่งก็หมายถึงบุคคลใดๆ หรือ หน่วยงานได้ที่มีการน าระบบ GPS มาใช้ โดยเฉพาะโทรศัพท์มือถือจะเป็นที่นิยมมากในปัจจุบัน นอกจากนี้ แล้วก็จะเป็นตัวอย่างของผู้ที่ใช้งานเพื่อการน าทิศทางไปตามสถานที่ที่ต้องการ


93 1.3 ระบบจีพีเอสที่ใช้งานอยู่ในปัจจุบัน ระบบจีพีเอสที่ภาคเอกชนมีการใช้งานในปัจจุบันส าหรับ การขนส่งสินค้านั้น ส่วนใหญ่จะน ามาใช้ในการเพิ่มประสิทธิภาพในการด าเนินงาน และการก ากับดูแลรถยนต์ ขนส่งสินค้า โดยการท างาของระบบจีพีเอสในปัจจุบันจะมีผู้ที่มีความเกี่ยวข้อง 2 ส่วน คือ ส่วนผู้ให้บริการและ ส่วนผู้ใช้บริการ โดยกาท างานจะด าเนินการเกี่ยวกับระบบจีพีเอสทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นติดตั้งฮาร์ดแวร์และ ซอฟต์แวร์รวมทั้งการบ ารุงรักษาระบบทั้งหมด ส่วนผู้ใช้บริการผ่านช่องทางที่ผู้ให้บริการจัดไว้ให้ที่โดยส่วนมาก จะผ่านทางเว็บไซต์ 1.4 การท างานของระบบ จากรูปที่ 6.1 การท างานเริ่มจากดาวเทียมจะค้นหาความเคลื่อนไหว ต าแหน่งและข้อมูลพิกัดต่างๆ ของรถยนต์ผ่านชุดอุปกรณ์ GPS จากนั้นชุดอุปกรณ์จะส่งสัญญาณไปยัง โครงข่ายสัญญาณโทรศัพท์ไร้สายตามระบบโทรคมนาคม (GPRS หรือ General Packet Radio Servce) ซึงใช้ ส าหรับโทรศัพท์มือถือหรือ PDA หรือ Notebook เพื่อเชื่อมต่ออินเตอร์เนต และสัญญาณนี้ถูกแปลงและส่ง ข้อมูลผ่านระบบอินเตอร์เน็ต ไปยังส่วนควบคุมของบริษัทผู้ให้บริการ (Monitofr) จากนั้นจะส่งข้อมูลผ่าน ระบบอินเตอร์เน็ตไปยังเครื่องแม่ข่ายของลูกค้า (Customer Sever) เพื่อเก็บข้อมูลที่จ าเป็นในการวิทเคราะห์ บางส่วนโดยลูกค้าสามารถเข้าไปติดตามสถานะของการขนส่งของตนเองได้โดยผ่านอินเตอร์เน็ตด้วยการ ล็อกอิน (Login) เข้าสู่เว็บไซต์ของผู้ให้บริการ GPS โดยตรงทั่งจากเครื่องคอมพิวเตอร์ หรือโทรศัพท์มือถือ เป็นต้น 1.5 เหตุผลเบื องต้นของการใช้ระบบติดตามรถยนต์ด้วยจีพีเอส (GPS Tracking) ระบบถูก ออกแบบมาเพื่อช่วยองค์กรให้สามารถบริหารจัดการรถยนต์ได้เต็มปะสิทธิภาพ และช่วบริหารบุคลากรให้ เป็นไปตามแผนงานที่ได้วางไว้ เพื่อป้องกันทั้งการทุจริตและอุบัติเหตุซึ่งอาจก่อให้เกิดความเสียหายแก่องค์กร ได้ ถ้าองค์กรมีการวางแผนจัดการที่ดีความเสียหายเหล่านี้จะไม่เกิดขึ้น การที่องค์กรมีการบริหารจัดการ ยานพาหนะ มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ทราบว่า - รถไปที่ไหนมาบ้าง - ระยะทางที่รถวิ่งไป - การใช้ความเร็วเกินก าหนด


94 - รถออกเส้นทางที่ก าหนดมากเกินควรหรือไม่ - เมื่อส่งสินค้าไม่ทันตามเวลานัดหมาย ทราบถึงเหตุผลที่แท้จริงเพียงใด เช่น รถติด อุบัติเหตุ ระหว่างเดินทาง ติดพักเที่ยง - องค์กรมีการวางแผนการใช้ยานพาหนะอย่างมีประสิทธิภาพแล้วหรือยัง 1.6 คุณสมบัติขั นต่ าของซอฟต์แวร์ควบคุมข้อมูลระบบจีพีเอส ซอฟแวร์ต้องมีคุณสมบัติขั้นต่ าที่ สามารถจัดการเรื่องต่อไปนี้ - ติดตามสถานรถในเวลาจริงตลอด 24 ชั่วโมง - ดูประวัติย้อนหลังได้ตลอดอายุการใช้งาน - รายงานผลการแจ้งเตือนต่างๆ ผ่าน SMS และโปรแกรมควบคุมข้อมูลระบบจีพีเอส - ค้นหาต าแหน่งรถที่อยู่ใกล้สถานที่ที่ระบุได้ - ตรวจสอบการเข้า-ออกบริษัทลูกค้าของพนักงานได้ - วางแผนและจัดเส้นทางการขนส่งด้วยระบบจัดการเส้นทาง (Route Management) - มีรายงานและกราฟเพื่อช่วยในการวิเคราะห์ข้อมูลได้ 1.7 คุณสมบัติขั นต่ าของอุปกรณ์กล่องจีพีเอส ปัจจุบันกลก่องด ามีทั้งผลิตในประเทศ และน าเข้า จากต่างประเทศ ราคาก็แตกต่างกัน ความแม่นย าก็แตกต่างกัน ในการจัดซื้อต้องมีคุณสมบัติขั้นต่ าดังนี้ - ขนาดอุปกรณ์มาตรฐานส่วนมากจะมีขนาด 110 x 66 x 27 มิลลิเมตร หรือเทียบเท่า - น้ าหนัก 0.8 กิโลกรัม หรือเทียบเท่า - หน่วยความจ าไม่น้อยกว่า 32 MB - สามารถท างานได้ที่อุณหภูมิ -20 ถึง +60 องศาเซลเซียส - ความไวในการรับสัญญาณ (High Sensitivity) -165dBm - มีแบตเตอรี่ส ารอง เพื่อใช้ในกรณีที่เกิดเหตุฉุกเฉิน ไม่น้อยกว่า 24 ชั่วโมง - กล่องมีความทนทานสูง ภายในเป็น Polymer lithium-ion Battery - กินไฟรถยนต์น้อย - GPS chip เป็น Sirf Star lll (Super Sensitivity and High Accuracy) หรือสูงกว่า - Input ไม่น้อยกว่า 6 ports - Output ไม่น้อยกว่า 5 ports - รองรับเซ็นเซอร์ต่างๆ เช่น เซ็นเซอร์น้ ามัน เซ็นเซอร์อุณหภูมิ เซ็นเซอร์ดักฟัง สั่งดับเครื่องยนต์ - แจ้งเตือนเมื่อเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉิน 1.8 การประยุกต์ใช้งาน ระบบจีพีเอสในปัจจุบันไม่ได้จ ากัดเพียงการขนส่งสินค้า แต่ปัจจุบันได้ น ามาใช้ในการขนส่งรูปแบบต่างๆ ดังนี้ - งานโลจิสติกส์ จะใช้ในการกระจายสินค้า สร้างความสมดุลในชัพเชน จากโรงงานค้าส่งค้าปลีก สามารถวางแผนเส้นทางและจัดสินค้าตามตารางการส่งสินค้าตามโซนหรือเขตพื้นที่เพื่อความสะดวก รวดเร็วใน การท างาน - ธุรกิจขนส่งทั่วไป สามารถวางแผนเส้นทางและจัดสินค้าตามตารางการส่งสินค้าตามโซนหรือเขต พื้นที่ เพื่อความสะดวก รวดเร็วในการท างาน - ธุรกิจรถทัวร์/ท่องเที่ยว ควบคุมเวลาในการออกจากสถานีและเวลาถึงที่หมาย สามารถค านวณ เส้นทาง เพื่อระบุระยะเวลาการวิ่งรถจากต้นทางถึงปลายทาง


95 - ธุรกิจรถเช่า สามารถติดตามสถานะของรถแบบเรียลไทม์ได้ทันที หลังจากได้รับการแจ้งเตือนทาง SMS หรือ Voice Call - ธุรกิจการบริการทั่วไป สามารถตรวจสอบการขับรถความเร็วเกินก าหนด ว่ามีความถี่มากน้อย เพียงใด ความเร็วสูงสุดที่ขับ เพื่อเป็นข้อมูลส าหรับการป้อนอุบัติเหตุ - ธุรกิจรถบรรทุกแร่ หิน และ ดิน สามารถตรวจสอบพฤติกรรมการขับรถที่ไม่พึงประสงค์ของ พนักงานขับรถได้ เพื่อป้องกันการจ่ายค่าแรงที่เกินจริงอันเป็นผลท าให้ผู้ประกอบการ มีค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้นโดยไม่ ทราบสาเหตุ - ธุรกิจรถโรเรียน/รับส่งพนักงาน สามารถตรวจสอบดูแลผู้โดยสาร ขณะที่ก าลังโดยสารอยู่ในรถ แล ทราบได้ว่าผู้โดยสารเข้าถึงจุดหมายปลายทางด้วยความปลอดภัย/กลับบ้านหรือยัง ถึงเวลากี่โมงสร้างความอุ่น ใจให้กับผู้เกี่ยวข้อง 2. ประโยชน์ของระบบจีพีเอส ระบบจีพีเอส ถ้าได้มีการน ามาใช้ติดตาม ควบคุมขนส่ง และโลจิสติส์ แล้วจะเกิดประโยชน์ดังนี้ 2.1 ลดต้นทุน ลดอุบัติเหตุ - ลดการเกิดอุบัติเหตุจากการใช้ความเร็วที่ไม่เหมาะสม - ลดต้นทุนจากการซ่อมบ ารุงอันเนื่องมาจากการออกนอกเส้นทาง - ประหยัดค่าน้ ามันได้จากการควบคุมการอดรถติดเครื่องโดยไม่จ าเป็นของพนักงาน - ลดต้นทุนด้านเวลาจากการค้นหาเส้นทางที่สั้นและใช้เวลาน้อยที่สุดและสามารถพิมพ์แผน ที่เพื่อป้องกันการหลงเส้นทาง - ลดความเสียหายของสินค้าจากการเกิดอุบัติเหตุ 2.2 ป้องกันการทุจริต และการโจรกรรม - ป้องกันการดูดน้ ามันขายและเติมน้ ามันไม่ตรงตามจริง - สั่งปิดเปิดการท างานระบบการแจ้งเตือน ป้องกันการขโมยและสิ่งผิดปกติต่างๆ ที่อาจ เกิดขึ้น - ลดพฤติกรรมการใช้รถที่ไม่เหมาะสม เช่น จอดรถติดเครื่องเป็นเวลานาน การออกนอก เส้นทาง 2.3 สร้างภาพลักษณ์ให้กับองค์กร - มีรายงานและข้อมูลเพื่อใช้ในการวางแผนธุรกิจ - ส่งสินค้าถูกที่ ตรงเวลา มีข้อมูลไว้บริการลูกค้า - บริหารเวลาการท างานของรถได้เต็มประสิทธิภาพ และเพิ่มศักยภาพในการบริการลูกค้า และการแข่งขันทางธุรกิจ - สร้างความมั่นใจ และความไว้วางใจกับลูกค้า 3. รายละเอียดของระบบบริหาร และติดตามพาหนะผ่านจีพีเอส 3.1 ศูนย์ควบคุมพฤติกรรมและยานพาหนะ (Control Center) - เป็นศูนย์กลางข้อมูลเพื่อดูพฤติกรรมการขับรถของพนักงานขับรถยนต์ได้ตลอดเวลา - ควบคุมให้มีการใช้รถยนต์ได้ตรงตามวัตถุประสงค์ ซึ่งลดพฤติกรรมการใช้งานรถยนต์ที่ไม่ เหมาะสม เช่น ดูดน้ ามันขาย เติมน้ ามันไม่ตรงตามจริง


96 - เป็นศูนย์กลางข้อมูลการเดินทางรถยนต์เพื่อการวิเคราะห์และวางแผนธุรกิจ ซึ่งจะช่วยให้ สามารถบริหารเวลาการท างานของรถยนต์ได้ดียิ่งขึ้น ส่งผลให้สามารถใช้งานรถยนต์ได้เต็มประสิทธิภาพ ส่ง สินค้าถูกที่ตรงเวลา มีข้อมูลไว้บริการลูกค้าเพื่อเพิ่มคุณภาพในการบริการลูกค้าและการแข่งขันทางธุรกิจ 3.2 ผู้น าทาง (Control Center) - สามารถก าหนดต าแหน่งบริษัทลูกค้าบนแผนที่ และค้นหาสถานที่พร้อมเส้นทางที่สั้นที่สุด ของกากรเดินทางได้ - สามารถก าหนดต าแหน่งบริษัทลูกค้าบนแผนที่ และค้นหาสถานที่พร้อมเส้นทางที่สั้นที่สุด ของการเดินทางได้ - สามารถเลือกดูแผนที่ได้ 4 รูปแบบ คือ แผนที่แบบลายเส้น (Map) แผนที่ภาพถ่ายจาก ดาวเทียม (Satellite) แผนที่ภาพถ่ายจากดาวเทียมซ้อนทับด้วยแผนที่แบบลายเส้น (Hybrid) และแผนที่แบบ ลายเส้นที่มีเส้นทางการจราจร (Traffic) ซึ่งสามารถเลือกพิมพ์แผ่นที่และเส้นทางได้ 3.3 การติดตามพาหนะแบบเรียลไทม์ (Tracking Hidtory) เป็นการแสดงสถานะของรถยนต์ว่าใน ขณะนั้น ว่ารถยนต์วิ่งหรือจอด ความเร็วในขับ พร้อมทั้งแสดงต าแหน่งและข้อมูลปัจจุบันของรถยนต์เช่น ทะเบียนรถยนต์ ยี่ห้อของรถยนต์ ประเภทของรถยนต์ พนักงานขับรถยนต์ และเบอร์โทรศัพท์ลดพฤติกรรมการ ใช้งานที่ไม่เหมาะสมของพนักงานได้ และยังทราบต าแหน่งคนขับรถยนต์ ซึ่งไช้ในหลายกรณีเช่น รถยนต์ถูก โจรกรรมท าให้ผู้ใช้สามารถติดตามรถยนต์กลับคืนมาได้ หรือในการส่งสินค้าให้ลูกค้าเมื่อลูกค้าถาม ก็สามารถ ตอบค าถามลูกค้าได้ 3.4 ประวัติการติดตาม ( Trackimg History) เป็นการแสดงสถานะย้อนหลังของรถยนต์ซึ่ง สามารถบอกประวัติ การเดินทางย้อนหลังของรถยนต์ตามช่วงเวลาที่ก าหนดได้ พร้อมทั้งแสดงเส้นทาง ระยะทางความเร็วที่ใช้ สถานะของรถยนต์ และข้อมูลรถยนต์ เพื่อใช้ในการตรวจสอบ การเดินรถยนต์ของ พนักงานว่าออกนอกเส้นทางที่ก าหนดหรือไม่ และยังช่วยตรวจสอบการเข้า-ออก บริษัทลูกค้าว่าได้เข้าไปยัง บริษัทนั นๆ จริงหรือไม่ ซึ่งตรวจเช็คได้จากสถานะของรถยนต์ที่จอดติดเครื่องจอดดับเครื่อง 3.5 การจัดต าแหน่งรถยนต์ (Ranking) เป็นการค้นต าแหน่งรถยนต์ที่อยู่ใกล้สถานที่ที่ระบุและ ค านวณระยะห่างของรถยนต์แต่ละคัน โดยสามารถดูได้ว่ารถยนต์แต่และคันอยู่ห่างจากสถานที่ที่ระบุ หรือบริษัท แต่สามารถที่จะค้นหารถยนต์ของบริษัทที่อยู่ใกล้จุดนั้นได้ทันที เพื่อลดต้นทุนและลดเวลาลงได้ 3.6 แผนที่ (Map) เป็นลักษณะการท างานของแผนที่ที่ครอบคลุมทั่วประเทศรวมทั้งต่างประเทศโดย จะแสดงชื่อจังหวัด เขต ต าบล อ าเภอ ถนน ซอย และผู้ใช้ยังสามารถเพิ่มเติมในส่วนของสถานที่ส าคัญต่างๆ ได้ เองตามความต้องการเพื่อให้เหมาะสมกับการใช้งานและธุรกิจของลูกค้า ซึ่งสามารถเลือกแสดงผลได้ถึง 4 รูปแบบ ตามต้องการ 3.7 การก าหนดต าแหน่ง (Mark) เป็นการก าหนดต าแหน่งลูกค้า และสถานที่ส าคัญต่างๆ รวมไปถึง การก าหนดเขตการเข้า-ออกโซน ซึ่งจะอ านวยความสะดวกในการค้นหาต าแหน่งลูกค้าว่าอยู่ที่ไหน เป็นลูกค้า ประเภทไหน มีสถานที่ส าคัญบ่งบอก หรือไม่ และช่วยให้ทราบว่ารถยนต์ได้เข้าออกเขตพื้นที่ที่ก าหนดหรือไม่ เพื่อป้องกันการน ารถยนต์ไปใช้ผิดวัตถุประสงค์หรือออกนอกพื้นที่ ซึ่งในส่วนนี้ผู้ใช้สามารถก าหนด แก้ไขและ ลบข้อมูลได้ตามความต้องการ 3.8 การจัดส่ง (Shipment) ในระบบสามารถบันทึก และตรวจสอบข้อมูลจัดส่ง ดังนี้ - สามารถบันทึกการส่งของและก าหนดตารางการส่งของ รวมถึงดูรายละเอียดเกี่ยวกับใบก ากับภาษี ว่าประกอบไปด้วยใบก าภาษีใดและสินค้าอะไรบ้าง


97 - สามารถตรวจสอบตารางขนส่ง เพื่อน าไปใช้ในการวางแผนในการเดินรถยนต์ และยังสามารถ ตรวจสอบต าแหน่งที่อยู่ของลูกค้าที่จะต้องส่งของให้ได้เช่น วันที่ สถานที่ และรถยนต์ที่ใช้ในการขนส่งได้ - สามารถรองข้อมูลรถยนต์ตามสถานะนั้นๆ เพื่อให้ง่ายต่อการค้นหาข้อมูล ซึ่งสามารถท าได้ 4 รูปแบบ ประกอบด้วย ค้นหาจากทุกสกถานะ ค้นหาจากสถานะรอการจัดส่ง ค้นหาจากสถานะ ที่อยู่ระหว่างการจัดส่ง และค้นหาจากสถานะที่จัดส่งเรียบร้อยแล้ว 3.9 การบริหารเส้นทางการเดินรถยนต์ (Route Management) สามารถช่วยบริหารเส้นทาง การเดินรถยนต์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน ลดระยะทางการขนส่ง อีกทั้ง สามารถลดจ านวนยานพาหนะที่ใช้ ระบบต้องสามารถใช้งานดังนี้ - สาม ารถเลือกเส้นท างส่งของลูกค้าได้อย่างมีป ระสิทธิภ าพ เพื่อลดต้นทุนและใช้ป ระ โยชน์สินทรัพย์ได้อย่างเหมาะสม - สามารถเลือกจัดเส้นทางโดยวิธีการจัดเส้นทางที่สั้นที่สุดหรือจัดเส้นทางตามเวลาก าหนดส่งสินค้า - สามารถตรวจสอบสถานการณ์ส่งสินค้าของรถยนต์แต่ละคัน และรถยนต์ส่งของลูกค้ารายไหนไป บ้าง และจุดส่งของต่อไปคือลูกค้ารายไหน รวมถึงประมาณระยะทางและเวลาของจุดต่อไปได้ - สามารถเปรียบเทียบแผนการเดินรถยนต์ที่ก าหนดไว้กับการเดินรถยนต์จริง เพื่อวิเคราะห์ ประสิทธิภาพในเรื่องระยะทาง ระยะเวลา และค่าใช้จ่ายเชื้อเพลิง - สามารถแสดงเส้นทางการเดินรถยนต์แต่ละเส้นทางด้วยแผนที่อย่างละเอียด - สามารถประเมินค่าน้ ามันระยะทางและเวลาที่ใช้ในการเดินรถยนต์ได้ - สามารถปรับเปลี่ยนเส้นทางจากที่โปรแกรมค านวณให้ได้ เพื่อความเหมาะสมและมีประสิทธิภาพ มากที่สุด - สามารถจัดเส้นทางได้จากโซนของลูกค้า เพื่อความสะดวกและรวดเร็ว - เป็นเครื่องมืออันทรงพลังสนับสนุนการตัดสินใจ ให้คุณสามารถจ าลองสถานการณ์ได้ไม่จ ากัดใน การระบุค่าใช้จ่าย และลดต้นทุนการเดินทาง สามารถตัดสินใจได้ง่ายถึงการเปลี่ยนแปลงและการประเมินผล เส้นทางก่อนที่จะน ามาใช้หรือยกเลิกการเดินทาง สามารถตัดสินใจได้ง่ายถึงการเปลี่ยนแปลงและการ ประเมินผลเส้นทางก่อนหรือยกเลิก - สามารถประมาณการเดินรถยนต์ได้จากความถี่ในการส่งของลูกค้า เพื่อประเมินจ านวนรถยนต์/ จ านวนพนักงานขับรถยนต์ว่าเพียงพอต่อการให้บริการขนส่งหรือไม่ - สามารถวิเคราะห์ได้ว่าการส่งของตรงตามก าหนดเวลา หรือล่าช้ากว่าที่ก าหนดหรือไม่เพื่อน ามา พัฒนาปรับปรุงการขนส่งเพิ่มความพึงพอใจแก่ลูกค้า - ระบบการบริหารเส้นทางการเดินรถยนต์ ที่ดีจะประกอบด้วยเครื่องมือที่ส าคัญดังนี้ 3.9.1 การกค านวณระยะทางที่ใกล้ และไกลสุด (Calculate Farthest and Nearest Distance) เพื่อลดต้นทุนการเดินทาง สามารถตัดสินใจได้ง่ายถึงการเปลี่ยนแปลง และการประเมินผลเส้นทางในการ จัดล าดับเส้นทาง โดยใช้การแทรกที่ไกลมากที่สุด (Farthest Insert) และการแทรกที่ใกล้ที่สุด (Nearest Insert) ก่อนที่จะน ามาใช้หรือยกเลิกเป็นการจัดเส้นทางใช้ส าหรับวางแผนในการจัดเส้นทางการเดินรถยนต์ใน การส่งสินค้าเพื่อให้ได้ระยะทางที่ใกล้ ลดค่าใช้จ่ายจากการเดินรถยนต์มากที่สุด และให้ทันต่อเวลาในการส่ง ของให้กับลูกค้า ณ จุดต่างๆ โดยสามารถเลือกจัดเส้นทางจากใบส่งสินค้า (Shipment) หรือใบก ากับภาษี (Invoice) ได้


Click to View FlipBook Version