ร่มโพธิ์ทองของแผน่ ดนิ
จากพระปฐมบรมราชโองการดังกล่าว พระบาทสมเด็จ
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช จึงมีพระราชปณิธาน
ตั้งมั่นที่จะทรงอุทิศพระวรกายพระราชหฤทัยและหยาดพระเสโท
เพ่ือให้บังเกิดความรม่ เยน็ เปน็ สขุ ทว่ั ทงั้ แผน่ ดนิ ดว้ ยเหตนุ กี้ ารเสดจ็
พระราชดำ� เนนิ เยี่ยมราษฎรจึงเป็นพระราโชบายท่ีจะทรงทราบถึง
ทุกข์สุขสภาพความเป็นอยู่และปัญหาท่ีแท้จริงของประชาชน
ในแตล่ ะพนื้ ทดี่ ว้ ยพระองคเ์ องและไดท้ อดพระเนตรสภาพความเปน็
จริงของภูมิประเทศทั้งแหล่งต้นน้�ำล�ำธาร สภาพพื้นดินป่าไม้
เส้นทางคมนาคม ตลอดจนการประกอบอาชีพ การศึกษา และ
สขุ ภาพอนามยั ของประชาชนทว่ั ทกุ ภูมภิ าค
นบั ตง้ั แต่เริม่ รัชกาลมาจนถงึ ปัจจุบันน้ี ๗๐ ปี มโี ครงการ
อันเนื่องมาจากพระราชด�ำรินับพันโครงการ ล้วนเกิดจาก
น้�ำพระราชหฤทัยในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช
ท่ีทรงมุ่งหวังเพื่อให้ปวงพสกนิกรไทยได้พ้นจากทุกข์ยากในการ
ดำ� รงชวี ติ
ข อ น ้ อ ม น� ำ พ ร ะ ร า ช ด� ำ รั ส แ ล ะ พ ร ะ บ ร ม ร า โ ช ว า ท
ข อ ง พ ร ะ บ า ท ส ม เ ด็ จ พ ร ะ ป ร มิ น ท ร ม ห า ภู มิ พ ล อ ดุ ล ย เ ด ช
น�ำมาเสนอเพื่อเป็นแนวทางในการปฏิบัติ ทั้งในการท�ำงาน
การดำ� เนนิ ชวี ติ ให้สังคมอยกู่ ันอยา่ งร่มเย็นเปน็ สุข
51
ร่มโพธท์ิ องของแผ่นดนิ
๑. เพ่อื ชาตบิ า้ นเมือง
“…ชาตบิ า้ นเมอื ง คอื ชวี ติ เลอื ดเนอ้ื และสมบตั ขิ องเราทกุ คน
และการด�ำรงรกั ษาชาติประเทศนน้ั
มใิ ช่หนา้ ท่ขี องบุคคลผู้ใดหมู่ใดโดยเฉพาะ
หากแต่เปน็ หน้าทีข่ องทุก ๆ ฝ่าย ทกุ ๆ คน
ที่จักตอ้ งร่วมมือกระท�ำพรอ้ มกันไป โดยสอดคลอ้ งกนั
เกอื้ กลู กนั และมจี ดุ มงุ่ หมาย มีอดุ มคตริ ่วมกนั
ถา้ หมหู่ นง่ึ ใดทำ� หน้าทย่ี ่อหย่อน เปน็ อันตรายไป
กอ็ าจทำ� ใหท้ ัง้ ชาติแตกสลายท�ำลายไปได้...”
พระบรมราโชวาท พระราชทานแก่ ทหารบก ทหารเรือ
ทหารอากาศ ต�ำรวจ และอาสาสมัครพลเรอื น ในพิธีตรวจสวนสนาม
เนอื่ งในโอกาสงานพระราชพธิ รี ัชดาภเิ ษก ๘ มิถุนายน ๒๕๑๔
52
ร่มโพธ์ทิ องของแผน่ ดนิ
“…บ้านเมอื งของเราเป็นปกึ แผน่ มั่นคง
มอี สิ รภาพและความร่มเยน็ เป็นปกติสขุ สบื มาช้านาน
เพราะเรามีความยดึ ม่นั ในชาติ
และตา่ งสำ� นกึ ตระหนักวา่ คนไทยทกุ คน
จ�ำเป็นต้องรว่ มแรงรว่ มใจกันบ�ำเพ็ญกรณียกจิ ตา่ ง ๆ
ตามหนา้ ทีใ่ หส้ อดคล้องและเก้ือกูลกันและกัน
เพอ่ื ประโยชน์ ส่วนรวมของชาติ
ขา้ พเจา้ ใครข่ อใหท้ กุ ฝา่ ยรกั ษาความดพี รอ้ มเพรยี งกนั ไวใ้ น
สรรพกจิ การงานทั้งปวง
อยา่ แตกแยกทำ� ลายกนั เอง เพราะไมม่ ใี ครอนื่ ทจี่ ะชว่ ยเรา
ไดน้ อกจากไทยเราเอง…”
พระราชดำ� รัส ในการเสด็จออกมหาสมาคม
ณ พระทน่ี ัง่ อมรนิ ทรวนิ ิจฉยั ๕ ธันวาคม ๒๕๑๒
53
รม่ โพธิท์ องของแผ่นดิน
“… ขอ้ สงั เกตทปี่ ระทบั ใจขา้ พเจา้ ในระหวา่ งทอี่ ยใู่ นประเทศ
ต่าง ๆ เหล่าน้ี
ขอ้ หนงึ่ กค็ อื ประเทศไหน ประชาชนพลเมอื งมคี วามสามคั คี
กลมเกลียวกนั ดี
มรี ะเบียบวนิ ัยดี ประเทศน้ัน ก็เจรญิ และอย่ใู นฐานะดี
ยิ่งมีความสมคั รสมานกลมเกลยี วกันมากก็ยิ่งเจริญมาก
จึงเห็นได้ว่า ความสามัคคีกลมเกลียวกันในระหว่างคน
ในชาติ
และความเข้าใจรกั ษาระเบยี บวนิ ัยน้แี หละ
ย่อมเป็นปัจจัยส�ำคัญอันหนึ่งท่ีจะช่วยน�ำประเทศชาติ
สูค่ วามวฒั นาถาวร
ข้าพเจ้าใครข่ อฝากข้อคิดนไี้ ว้แกท่ ่านทั้งหลายด้วย…”
พระราชดำ� รัส เนอื่ งในโอกาสเสดจ็ พระราชด�ำเนนิ ออกใหป้ ระชาชนเฝ้า
ณ พระท่ีน่งั อนนั ตสมาคม ๑๙ มกราคม ๒๕๐๔
54
ร่มโพธท์ิ องของแผน่ ดนิ
“…คนไทยทุกคนไม่ใชอ่ ยทู่ ธ่ี งทจี่ ะปลวิ สะพดั อยู่ข้างหนา้
อยู่ทเ่ี ปน็ ไทย ทรี่ วู้ า่ ประเทศไทยน้มี คี วามสำ� คัญอยา่ งไร
ไดอ้ ย่เู ป็นเอกราชมาเปน็ เวลานบั รอ้ ย ๆ ปี
และไดอ้ ำ� นวยใหเ้ รามคี วามสขุ มเี กยี รตไิ ด้ และจะมเี กยี รติ
ไดอ้ กี ต่อไป
ฉะนน้ั กข็ อให้ทกุ คนระลึกถึงวา่
ทุกคนมหี น้าท่ีท้ังนัน้ ทจ่ี ะรักษาความเป็นไทยนไี้ ว้ ท้ังในใจ
และทั้งในหมคู่ ณะ ทัง้ ชาต.ิ ..”
พระราชด�ำรัส พระราชทานในพธิ ีพระราชทานธงประจำ�
รุน่ ลกู เสอื ชาวบ้าน จังหวัดพระนครศรีอยธุ ยา
ณ จงั หวัดพระนครศรอี ยุธยา ๘ กรกฎาคม ๒๕๑๘
55
รม่ โพธิ์ทองของแผน่ ดนิ
“...จะต้องขอถือโอกาสนี้ มีข้อสังเกตว่าทั่วโลก เราเปิด
วทิ ยกุ ต็ าม โทรทศั นก์ ต็ ามเรากจ็ ะเหน็ ทกุ วนั วา่ เขามกี ารฆา่ กนั เขามี
การท�ำลายกัน ไม่มีวันท่ีเว้นท่ีจะไม่มีความเดือดร้อนอย่างรุนแรง.
มิใช่ภัยธรรมชาติเท่าน้ันเอง แต่ภัยจากสงคราม ภัยจากความ
เบียดเบียนกัน ทุกวันไม่มีเว้น. แต่ว่าในประเทศไทย ก็ยังคงสงบ
ตามสมควร. ขอให้ทุกคนช่วยกัน อย่าเบียดเบียนกัน ก็จะท�ำให้
เรายังคงรักษาความสงบได้ จะเรียกว่าตามอัตภาพของเรา. คือ
ประเทศไทยเราอาจไม่เป็นประเทศท่ีรุ่งเรืองที่สุดในโลก หรือรวย
ทีส่ ุดในโลก หรอื ฟฟู่ ่าที่สดุ ในโลก แตก่ ข็ อใหเ้ มืองไทยเป็นประเทศ
ที่มคี วามมน่ั คง มีความสงบได้ เพราะว่าในโลกนหี้ ายากแล้ว เราท�ำ
เปน็ ประเทศทสี่ งบ ประเทศท่ีมีคนทชี่ ่วยเหลือซ่งึ กนั และกนั จริง ๆ
เราจะเป็นที่หน่ึงในโลกในข้อน้ี แล้วรู้สึกว่าที่หน่ึงในโลกในข้อนี้
จะดีกว่าผู้อื่น จะดีกว่าคนที่รวยที่สุดในโลก จะดีกว่าคนที่เก่งใน
ทางอะไรก็ตามที่สุดในโลก. ถ้าเรามีความสงบ แล้วมีความสบาย
ความมั่นคงท่สี ุดในโลกนัน้ ร้สู กึ จะไมม่ ใี ครสเู้ ราได.้ ...”
พระราชด�ำรสั ในโอกาสท่ปี ระธานมูลนธิ ิราชประชานุเคราะห์
ในพระบรมราชปู ถัมภ์ น�ำคณะกรรมการบริหารมลู นิธิฯ และนกั เรียนทุน
พระราชทาน เข้าเฝ้าฯ ถวายพระพรชัยมงคลในโอกาสฉลอง
สิริราชสมบตั คิ รบ ๕๐ ปี ณ ศาลาดสุ ดิ าลัย ๒๒ เมษายน ๒๕๓๙
56
รม่ โพธ์ทิ องของแผน่ ดนิ
“...ข้าพเจ้าได้กล่าวกับผู้ส�ำเร็จวิชาการช้ันสูงอยู่เสมอ ถึง
เรอ่ื งการทำ� งานเพอื่ บา้ นเมอื งและสว่ นรวม การทกี่ ลา่ วยำ้� ถงึ เรอ่ื งน้ี
ก็ด้วยมีความเห็นว่า การที่คนทุกคนจะมีโอกาสเจริญก้าวหน้า
มีความสุขความส�ำเร็จแท้จริงได้น้ัน ชาติบ้านเมืองและส่วนรวม
อนั เปน็ ทกี่ ำ� เนดิ ทอ่ี าศยั จะตอ้ งมคี วามมนั่ คงเปน็ ปกึ แผน่ ปราศจาก
ภัยอันตรายคุกคามเป็นเบื้องต้นก่อน หาไม่ จะตกอยู่ในสภาพ
ที่ต้องถูกอิทธิพลของผู้อ่ืนครอบง�ำ จะไร้ความเป็นไท ไร้อิสรภาพ
ทุกอยา่ ง ทุกคนจงึ ต้องคดิ พจิ ารณาใหเ้ ขา้ ใจให้แนต่ ระหนกั ในเหตุ
ท่ีจะต้องร่วมกันท�ำงานเพ่ือชาติบ้านเมือง แล้วถือเหตุนั้นเป็น
จดุ มงุ่ หมายในการท�ำงานและในชีวิต…”
พระบรมราโชวาท ในพิธพี ระราชทานปริญญาบัตรแก่นักศกึ ษา
มหาวิทยาลัยขอนแกน่ ณ มหาวิทยาลยั ขอนแกน่ ๒๐ ธันวาคม ๒๕๑๒
57
รม่ โพธท์ิ องของแผ่นดิน
๒. เศรษฐกจิ และการพัฒนาประเทศ
“…เศรษฐกิจของเราข้ึนอยู่กับการเกษตรมาแต่ไหน
แต่ไรแล้ว
รายได้ของประเทศทีไ่ ดม้ าใชส้ ร้างความเจรญิ ดา้ นตา่ ง ๆ
เปน็ รายไดจ้ ากการเกษตรเป็นส่วนใหญ่
จึงอาจกล่าวได้ว่า ความเจริญของประเทศต้องอาศัย
ความเจริญของการเกษตรเปน็ ส�ำคัญ
และงานทุก ๆ ฝ่าย จะด�ำเนินก้าวหน้าไปได้ก็เพราะการ
เกษตรของเราเจรญิ ...”
พระบรมราโชวาท ในพธิ พี ระราชทานปริญญาบตั รและอนปุ ริญญาบตั ร
ของมหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์ ๙ กรกฎาคม ๒๕๐๗
58
รม่ โพธ์ทิ องของแผน่ ดนิ
“…การพัฒนาชนบทเป็นงานที่ส�ำคัญเป็นงานยาก
เป็นงานที่จะตอ้ งทำ� ได้ด้วยความสามารถ
ด้วยความเฉลียวฉลาด คอื ทงั้ เฉลยี วท้งั ฉลาด ต้องทำ� ด้วย
ความบรสิ ทุ ธิ์ใจ
มใิ ช่มงุ่ ทจี่ ะหากินด้วยวธิ ีการใด ๆ
ใครอยากหากนิ ขอใหล้ าออกจากตำ� แหนง่ ไปทำ� การคา้ ดกี วา่
เพราะว่าถ้าท�ำผิดพลาดไปแล้ว บ้านเมืองเราล่มจม และ
เมอื่ บ้านเมอื งของเราล่มจมแลว้
เราอย่ไู มไ่ ดก้ ็เท่ากับเสียหมดทุกอย่าง...”
พระบรมราโชวาท พระราชทานแกค่ ณะผ้บู ริหารงานเรง่ รัดชนบท ระดับ
ผูว้ า่ ราชการจงั หวดั ณ พระท่นี ่งั อัมพรสถาน ๑๓ มถิ ุนายน ๒๕๑๒
59
ร่มโพธ์ทิ องของแผน่ ดิน
“…การพัฒนาประเทศจำ� เป็นต้องท�ำตามลำ� ดบั ขน้ั
ต้องสร้างพื้นฐาน คอื ความพอมพี อกินพอใช้
ของประชาชนส่วนใหญ่เป็นเบื้องต้นก่อน โดยใช้วิธีการ
และใช้อุปกรณ์ที่ประหยดั
แต่ถูกต้องตามหลักวชิ า
เม่ือได้พน้ื ฐานมน่ั คงพร้อมพอควรและปฏบิ ตั ไิ ด้แล้ว
จึงค่อยสร้างค่อยเสริมความเจริญและฐานะเศรษฐกิจ
ข้ันท่ีสงู ข้ึนโดยลำ� ดบั ตอ่ ไป…”
พระบรมราโชวาท ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตร
ของมหาวทิ ยาลัยเกษตรศาสตร์ ณ หอประชุมมหาวิทยาลยั เกษตรศาสตร์
๑๘ กรกฎาคม ๒๕๑๗
60
รม่ โพธทิ์ องของแผ่นดนิ
“…ความเจริญและความเสอ่ื มของบ้านเมอื งน้นั
ขน้ึ อยกู่ บั ผลงานการกระทำ� อนั เปน็ สว่ นรวมของคนทงั้ ชาติ
ซ่งึ ต่างมหี นา้ ทแี่ บง่ ปันกนั ทำ� ตามความรู้ความสามารถ
ตามโอกาสและความถนัดของแต่ละบคุ คล
ดงั นั้นถา้ บุคคลยงั เหน็ ว่ามีชาตมิ ปี ระเทศเป็นทพ่ี ่ึงทอ่ี าศยั
กจ็ ะตอ้ งรบั ผดิ ชอบรว่ มกนั ในการทำ� งานสว่ นรวมของชาตใิ หด้ ี
เพ่ือธำ� รงรกั ษาประเทศชาตไิ ว้
ผู้ใดมีความสามารถฉลาดเฉลียวในทางใด
จะตอ้ งพยายามทำ� หนา้ ทใ่ี หไ้ ดผ้ ลงอกงามไพบลู ยใ์ นทางนน้ั
โดยเต็มความสามารถ เพื่อประสานประโยชน์ทุกส่วนเข้า
ดว้ ยกัน
ใหเ้ ปน็ ความเจรญิ ม่ันคงของบ้านเมอื ง...”
พระบรมราโชวาทในพิธพี ระราชทานปรญิ ญาบตั รของมหาวทิ ยาลัย
มหิดล ณ อาคารใหมส่ วนอัมพร ๗ กรกฎาคม ๒๕๒๖
61
ร่มโพธิท์ องของแผน่ ดิน
“… คนเราถา้ พอใจในความตอ้ งการมนั กม็ ีความโลภน้อย
เมอื่ มคี วามโลภนอ้ ยก็เบยี ดเบยี นผู้อืน่ นอ้ ย
ถ้ามคี วามคดิ อันนี้ มคี วามคดิ ว่าท�ำอะไรต้องพอเพยี ง
หมายความวา่ พอประมาณ ซ่ือตรง
ไม่โลภอย่างมาก คนเราก็อยูเ่ ปน็ สุข...”
พระราชดำ� รัส พระราชทานแก่คณะบคุ คลตา่ ง ๆ ทเ่ี ข้าเฝ้า
ถวายชัยมงคล เนอ่ื งในวนั เฉลิมพระชนมพรรษา
ณ ศาลาดสุ ดิ าลัย ๔ ธันวาคม ๒๕๔๑
62
รม่ โพธทิ์ องของแผ่นดนิ
“…การทจี่ ะเปน็ เสือนั้นไม่สำ� คัญ
ส�ำคัญอยทู่ ่เี ราพออยู่พอกิน
และมีเศรษฐกิจการเป็นอยู่แบบพอมี พอกิน
แบบพอมี พอกนิ หมายความวา่
อุ้มชูตวั เองไดใ้ หม้ พี อเพียงกับตวั เอง...”
“…มนั ตอ้ งถอยหลงั เขา้ คลอง มนั จะตอ้ งอยอู่ ยา่ งระมดั ระวงั
และตอ้ งกลบั ไปทำ� กิจการท่ีอาจจะไมค่ อ่ ยซบั ซ้อนนกั
คือใชเ้ คร่ืองมอื ทไ่ี ม่หรูหรา
อยา่ งไรก็ตามมีความจำ� เปน็ ท่จี ะต้องถอยหลัง
เพ่ือที่จะก้าวหนา้ ตอ่ ไป
และถา้ ไม่ทำ� อย่างท่ีว่ากอ็ าจจะแก้วิกฤติการณน์ ย้ี าก...”
“…ต้องสามคั คีกัน ตอ้ งอย่าขัดขากนั มากเกนิ ไป
แต่ว่าไม่ได้หมายความว่าจะต้องมีการท�ำแบบที่บางคน
นกึ จะทำ�
คือจะต้องให้ทุกคนมโี อกาสทำ� งานตามหน้าที่
และเม่ือทำ� งานตามหน้าที่แลว้ ก็หวงั ดีต่อผอู้ น่ื
อนั นีจ้ ะเป็นหลักที่สำ� คญั
คอื ทำ� งานดว้ ยการเหน็ อกเหน็ ใจกัน
และทำ� ดว้ ยความขยันหม่นั เพยี ร...”
พระราชดำ� รสั พระราชทานเม่อื วนั ที่ ๔ ธันวาคม ๒๕๔๐
คมู่ อื การด�ำเนนิ ชีวิตส�ำหรบั ประชาชน ปี ๒๕๔๑ ทฤษฎใี หม่
63
รม่ โพธิท์ องของแผน่ ดนิ
“...ความเจริญน้ัน จะเกิดขึ้นได้ด้วยอาศัยปัจจัยส�ำคัญ
ประกอบพรอ้ มกัน ๔ อย่าง อยา่ งหน่ึงต้องมคี นดี มปี ญั ญา มคี วาม
รับผิดชอบ เป็นผู้ประกอบการ. อย่างท่ีสอง ต้องมีวิทยาการท่ีดี
เป็นเครอ่ื งใช้ประกอบการ. อย่างทสี่ าม ผูป้ ระกอบการต้องมีความ
วิริยอุตสาหะ และความเพ่งพินิจอย่างละเอียดรอบคอบในการ
ทำ� งาน อยา่ งทส่ี ่ี ตอ้ งรจู้ กั ทำ� งานใหพ้ อเหมาะ พอดี และควรแกง่ าน
และแก่ประโยชน์ที่พึงประสงค์. ปัจจัยแห่งความเจริญดังกล่าวนี้
จะประกอบพร้อมกันข้ึนมิได้ หากบุคคลไม่พยายามศึกษาอบรม
ตนเองด้วยตนเองอยู่เป็นนิตย์. บัณฑิตแต่ละคนจึงควรอย่างย่ิง
ท่ีจะได้ตั้งใจฝึกฝนตนเองให้มีปัญญาความสามารถพร้อมท้ัง
พยายามใช้ศิลปวิทยาการท่ีมีอยู่ ประกอบกิจการงานด้วยความ
เพง่ พนิ จิ ดว้ ยความฉลาดรอบคอบใหพ้ อดพี อเหมาะแกง่ านแตล่ ะชน้ิ
แตล่ ะอยา่ ง. ความเจรญิ วฒั นาของงาน ของตวั เองและประเทศชาติ
จะไดเ้ กดิ ข้ึน ตามที่ตัง้ ใจปรารถนา...”
พระบรมราโชวาท ในพธิ พี ระราชทานปรญิ ญาบตั รแกบ่ ณั ฑิตจุฬาลงกรณ์
มหาวทิ ยาลยั ณ จุฬาลงกรณม์ หาวทิ ยาลยั ๑๐ กรกฎาคม ๒๕๓๕
64
ร่มโพธิ์ทองของแผน่ ดิน
“...เม่ือพูดถึงการสร้างความเจริญก้าวหน้าของบ้านเมือง
มักจะคิดกันถึงงานที่ใหญ่โตมาก ๆ เช่น การสร้างอุตสาหกรรม
ขนาดใหญ่เป็นต้น ส�ำหรับประเทศของเรา ข้าพเจ้าใคร่ขอให้
นักวิชาการและปฏิบัติการทางเทคโนโลยี หันมาพิจารณาถึงการ
สรา้ งสรรคอ์ กี แบบหนง่ึ ดว้ ย คอื การใชห้ ลกั วชิ าและความรเิ รมิ่ สรา้ ง
งานทอี่ าจดไู มใ่ หญโ่ ตนกั แตม่ ปี ระสทิ ธภิ าพสงู และอำ� นวยประโยชน์
โดยตรงไดม้ าก โดยนำ� เอาทรพั ยากรธรรมชาติ ความรคู้ วามสามารถ
ตลอดจนแรงงานของคนส่วนใหญ่ให้ได้เต็มเม็ดเต็มหน่วย และให้
เกดิ ความเสยี หาย หรอื ความสญู เปลา่ นอ้ ยทส่ี ดุ การสรา้ งความเจรญิ
ในลักษณะนี้ จะช่วยสร้างเสริมความเจริญของกิจการส่วนรวมได้
แนน่ อน เมอ่ื เราคอ่ ย ๆ สรา้ งความเจรญิ มน่ั คงใหเ้ พมิ่ ทวขี นึ้ แกท่ กุ คน
ในชาตไิ ดจ้ รงิ ๆ แลว้ ความเจรญิ ยง่ิ ใหญท่ ปี่ รารภปรารถนากจ็ ะเกดิ
ตามมาเองในไม่ชา้ นัก...”
พระบรมราโชวาท ในพิธพี ระราชทานปรญิ ญาบตั ร
ของสถาบนั เทคโนโลยพี ระจอมเกลา้ ณ วทิ ยาเขตเจา้ คณุ ทหาร
ลาดกระบัง ๑๘ ตุลาคม ๒๕๒๐
65
ร่มโพธิ์ทองของแผ่นดิน
“...ความสุขความเจริญอันแท้จริงนั้น หมายถึงความสุข
ความเจรญิ ทบี่ คุ คลแสวงหามาได้ด้วยความเปน็ ธรรม ทั้งในเจตนา
และการกระทำ� ไมใ่ ชไ่ ดม้ าด้วยความบงั เอิญ หรอื ดว้ ยการแกง่ แยง่
เบยี ดบงั มาจากผอู้ นื่ ความเจรญิ ทแ่ี ทน้ ม้ี ลี กั ษณะเปน็ การสรา้ งสรรค์
เพราะอ�ำนวยประโยชน์ถึงผู้อื่นและส่วนรวมด้วย ตรงกันข้าม
กับความเจริญอย่างเท็จเทียม ที่เกิดข้ึนมาด้วยความประพฤติ
ไมเ่ ปน็ ธรรมของบคุ คล ซงึ่ มลี กั ษณะเปน็ การทำ� ลายลา้ ง เพราะใหโ้ ทษ
บอ่ นเบยี นทำ� ลายผอู้ น่ื และสว่ นรวม การบอ่ นเบยี นทำ� ลายนนั้ ทส่ี ดุ
ก็จะกลับมาท�ำลายตน ด้วยเหตุที่เมื่อส่วนรวมถูกท�ำลายเสียแล้ว
ตนเองก็จะยนื ตวั อยู่ไม่ได้ จะตอ้ งลม่ จมลงไปเหมอื นกัน...”
พระบรมราโชวาท ในพธิ ีพระราชทานปริญญาบตั ร
และอนปุ ริญญาบตั รของจฬุ าลงกรณ์มหาวิทยาลัย ณ หอประชุม
จฬุ าลงกรณม์ หาวทิ ยาลัย ๑๐ กรกฎาคม ๒๕๑๘
66
รม่ โพธ์ทิ องของแผน่ ดิน
๓. คุณธรรมในการดำ� เนนิ ชวี ติ
“…ในการดำ� เนินชีวิตของเรา ตอ้ งขม่ ใจไม่กระท�ำสงิ่ ใด ๆ
ที่ร้สู ึกดว้ ยใจจรงิ ว่าชว่ั ว่าเสอื่ ม ตอ้ งฝืนตอ้ งค้านความคิด
และความประพฤตทิ ุกอยา่ งที่รู้สึกวา่ ขัดกับธรรมะ
เราต้องกล้าและบากบั่นท่ีจะกระท�ำสิ่งท่ีเราทราบว่าเป็น
ความดี
เปน็ ความถูกตอ้ งและเป็นธรรม...”
พระราชด�ำรัส พระราชทานเพอ่ื เชญิ ไปอา่ นพธิ เี ปดิ การประชมุ ยวุ พุทธกิ
สมาคมทว่ั ประเทศ ท่ีจังหวดั พระนครศรีอยุธยา ๑๒ ธนั วาคม ๒๕๑๓
“… ถา้ เราทำ� กรรมดี ทำ� ตอ่ ไป อยา่ ไปทอ้ ใจวา่ ทำ� ดเี ทา่ ไร ๆ
ไม่เห็นได้อะไรเลย
หารู้ไม่ว่า ต่อไปนะ ไม่แน่ บางที ภายในวินาทีเดียวก็ได้
แล้ว...”
พระราชดำ� รสั พระราชทานแก่คณะชาวพุทธ
แขวงหว้ ยขวาง เขตพญาไท ๒๑ กรกฎาคม ๒๕๑๘
67
รม่ โพธ์ิทองของแผน่ ดนิ
“…การทำ� งานใด ๆ ไม่วา่ เลก็ ใหญ่ งา่ ยยากถา้ ยอ่ หยอ่ น
จากความเพยี รแลว้
ยากทีจ่ ะทำ� ใหส้ ำ� เร็จเรยี บร้อยทนั เวลาได้
การฝกึ ฝนความเพียร ถงึ หากแรก ๆ จะรูส้ ึกเหนด็ เหนอ่ื ย
ลำ� บาก
แต่พอได้เพียรจนเป็นนิสัยแล้ว ก็จะกลับเป็นพลังอย่าง
สำ� คัญ
ท่ีคอยกระต้นุ เตอื นใหท้ �ำงานอยา่ งจริงจังดว้ ยใจร่าเรงิ
และเม่ือใดพลงั ของความเพยี รนีเ้ กดิ ขนึ้
เมื่อน้ันการงานทั้งหลาย ก็ส�ำเร็จได้โดยง่ายดายและ
รวดเร็ว...”
พระบรมราโชวาท ในพธิ ีพระราชทานปรญิ ญาบตั รแกผ่ ู้สำ� เรจ็ การศกึ ษา
จาก มหาวิทยาลัยศรนี ครินทรวิโรฒ ๒๑ มิถุนายน ๒๕๒๒
68
รม่ โพธ์ิทองของแผน่ ดนิ
“…เราแนใ่ จวา่ ถึงกาลทจ่ี ะตั้งสถาบันแล้ว
เปน็ สจั จะวา่ ควรต้งั มานานแล้ว
เหตุการณ์ในวันน้ีแสดงความจ�ำเป็นนับแต่อุปราชจนถึง
คนรกั ษาช้าง
คนรักษามา้ และนับแตค่ นรักษามา้ จนถงึ อุปราช
และโดยเฉพาะเหลา่ อำ� มาตยล์ ว้ นจารกิ ใน “โมหภมู ทิ งั้ นน้ั ”
พวกนขี้ าดทง้ั ความรู้วชิ าการ ทง้ั ความรทู้ ว่ั ไปคอื ความสำ� นกึ
ธรรมดา
พวกน้ไี มร่ แู้ ต่ประโยชน์ส่วนตน พวกนชี้ อบผลมะมว่ งแตก่ ็
ทำ� ลายต้นมะมว่ ง.” ความตอนหนงึ่ จากหนงั สอื พระมหาชนก
“…ทกุ วนั น้ี อาจกลา่ วไดว้ า่ ผใู้ หญเ่ รามกั พากนั ละทงิ้ วธิ กี าร
เก่า ๆ
ในการอบรมฝึกฝนคุณธรรมและความสุภาพเรียบร้อย
ในกายวาจาใจของเยาวชน
โดยมิไดห้ าวิธกี ารท่ีเหมาะสมมาทดแทนใหเ้ พยี งพอ
ทั้งน้ีเห็นจะเป็นเพราะโดยมากเราไม่ค่อยจะคิดถึงเรื่องน้ี
กนั มาก
ด้วยเหตุผลท่ีมัวสนใจและตื่นเต้นกับวิชาการอย่างใหม่
กันหมดประการหนง่ึ
69
ร่มโพธท์ิ องของแผ่นดิน
และดว้ ยเหตทุ ผ่ี ลเสยี หายมไิ ด้เกดิ ข้นึ ฉบั พลันทันที
หากแตค่ ่อย ๆ เกดิ ขึ้นทีละเลก็ ละนอ้ ยอีกประการหนึ่ง
จงึ ปลอ่ ยกนั มาเรือ่ ย ๆ จนบัดนผ้ี ลเสยี หายท่ีเกิดข้นึ นั้นได้
กลายเป็นปญั หาทเี่ กอื บจะแกก้ ันไม่ตก...”
พระราชดำ� รัส พระราชทานแกผ่ ู้บงั คบั บัญชาลกู เสือ
ณ ศาลาดสุ ดิ าลัย สวนจิตรลดา ๖ กรกฎาคม ๒๕๒๑
70
รม่ โพธิท์ องของแผน่ ดิน
“…คุณธรรมที่ทุกคนควรจะศึกษาและน้อมน�ำมาปฏิบัติ
มอี ยู่ส่ปี ระการ ประการแรก คือ การรกั ษาความสัจความจริงใจต่อ
ตวั เอง
ทจ่ี ะใหป้ ระพฤตปิ ฏบิ ตั แิ ตส่ ง่ิ ทเี่ ปน็ ประโยชนแ์ ละเปน็ ธรรม
ประการทส่ี อง คอื การรจู้ กั ขม่ ใจตนเองใหป้ ระพฤตปิ ฏบิ ตั ิ
อยู่ในความสัจความดีน้ัน ประการที่สาม คือ การอดทนอดกลั้น
และอดออม ที่จะไม่ประพฤติล่วงความสัจสุจริต ไม่ว่าจะด้วยเหตุ
ประการใด ประการท่ีส่ี คือ การรู้จักละวางความชั่ว ความทุจริต
และรู้จักสละประโยชน์ส่วนน้อยของตน เพ่ือประโยชน์ส่วนใหญ่
ของบ้านเมือง คุณธรรมส่ีประการนี้ ถ้าแต่ละคนพยายามปลูกฝัง
และบำ� รงุ ใหเ้ จรญิ งอกงามขน้ึ โดยทวั่ กนั แลว้ จะชว่ ยใหป้ ระเทศชาติ
บังเกิดความสุข ความร่มเย็น และมีโอกาสที่จะปรับปรุงพัฒนา
ใหม้ นั่ คง กา้ วหน้าตอ่ ไปได้ดงั ประสงค.์ ..”
พระราชด�ำรัส ในการพระราชพิธสี มโภชกรงุ รัตนโกสินทร์ ๒๐๐ ปี
ณ มณฑลพิธที ้องสนามหลวง
71
ร่มโพธิ์ทองของแผน่ ดิน
“…ความซอื่ สตั ย์สุจริต เปน็ พ้นื ฐานของความดที ุกอย่าง
เด็ก ๆ จงึ ตอ้ งฝึกฝนอบรมให้เกดิ มขี ้ึนในตนเอง
เพอื่ จกั ไดเ้ ตบิ โตขนึ้ เปน็ คนดมี ปี ระโยชน์ และมชี วี ติ ทสี่ ะอาด
ท่เี จริญมั่นคง…”
พระบรมราโชวาท พระราชทานเนอ่ื งในวนั เดก็ แหง่ ชาติปี ๒๕๑๓
“…ท่านท้ังหลายที่ส�ำเร็จการศึกษา และจะได้ออกไป
ประกอบการงานเร่ิมตน้ ชวี ติ ใหมข่ องทา่ นนน้ั ข้าพเจ้าขอฝากคตไิ ว้
เป็นเครื่องก�ำกับใจ มีคุณธรรมข้อหน่ึงที่ส�ำคัญซึ่งท่านต้องปฏิบัติ
อย่างเคร่งครัดอยู่เสมอ คือ ความสัตย์สุจริต ประเทศบ้านเมือง
จะวัฒนาถาวรอยู่ได้ ก็ย่อมอาศัยความสัตย์สุจริตเป็นพื้นฐาน
ท่านทั้งหลายจะออกไปรับราชการก็ดี หรือประกอบกิจการงาน
ส่วนตัวก็ดี ขอให้ม่ันอยู่ในคุณธรรมทั้ง ๓ ประการคือ สุจริตต่อ
บา้ นเมอื ง สุจริตตอ่ ประชาชน และสุจริตตอ่ หนา้ ท่ี ท่านจึงจะเป็น
ผูท้ ค่ี วรแก่การสรรเสริญของมวลชนทวั่ ไป...”
พระบรมราโชวาท ในพิธพี ระราชทานปรญิ ญาบตั รแก่
นิสิตจฬุ าลงกรณ์มหาวิทยาลยั ๑๒ มถิ นุ ายน ๒๔๙๗
72
รม่ โพธ์ิทองของแผน่ ดนิ
“…การที่จะช่วยชาติบ้านเมืองน้ันมีหลายทาง แต่ทาง
ท่ีดที ่สี ดุ โดยแต่ละคนต่างท�ำหนา้ ทข่ี องตนด้วยความซ่ือสัตย์ สจุ รติ
อดทน ทำ� ใหก้ จิ การตา่ ง ๆ ทกุ ดา้ นดำ� เนนิ ไปดว้ ยดนี เี้ ปน็ สง่ิ ทส่ี ำ� คญั
ส�ำหรบั ประเทศชาติ…”
พระราชดำ� รัส พระราชทานแก่คณะกรรมการบรษิ ทั สยามกลการ จำ� กัด
ณ พระต�ำหนักจติ รลดารโหฐาน ๒๘ ธันวาคม ๒๕๒๒
“…ความเปลี่ยนแปลงอย่างหน่ึงที่น่าวิตกก็คือ ทุกวันนี้
ความคิดอ่าน และความประพฤตหิ ลาย ๆ อยา่ ง ซงึ่ แตก่ อ่ นถือว่า
เป็นความช่ัวความผิด ได้กลายเป็นสิ่งที่คนในสังคมยอมรับ
แลว้ พากนั ประพฤตปิ ฏบิ ตั โิ ดยไมร่ สู้ กึ สะดงุ้ สะเทอื น จนทำ� ใหเ้ กดิ ปญั หา
และทำ� ใหว้ ถิ ชี วี ติ ของแตล่ ะคนมดื มนลงไป ขา้ พเจา้ เหน็ วา่ เปน็ หนา้ ท่ี
ของชาวพทุ ธ จะตอ้ งรว่ มกันแกไ้ ขปญั หาน้อี ยา่ งจริงจงั แตล่ ะท่าน
แตล่ ะฝา่ ย จะตอ้ งยดึ หลกั การใหม้ น่ั คง ทจ่ี ะไมท่ ำ� สง่ิ ใด ๆ ทชี่ ว่ั ทเ่ี สอื่ ม
ต้องกล้าและบากบัน่ ทจ่ี ะท�ำแตส่ ่งิ ทเ่ี ป็นความดี เปน็ ความถกู ตอ้ ง
และเปน็ ธรรม เพอ่ื ใหผ้ ลความประพฤตดิ ี ปฏบิ ตั ชิ อบบงั เกดิ เพม่ิ พนู ขน้ึ
และคำ�้ จุนสว่ นรวมไว้มิใหเ้ สอ่ื มทรุด...”
พระบรมราโชวาท พระราชทานในการเปดิ ประชมุ ใหญ่
ของสมาคมพทุ ธศาสนาทั่วราชอาณาจักร จังหวดั เชยี งใหม่
73
ร่มโพธ์ทิ องของแผ่นดิน
“…ทางที่จะช่วยกันได้ ก็คือการท�ำความคิดความเห็น
ให้ถูกและแน่วแน่ ในอันที่จะยึดถือประโยชน์ของชาติบ้านเมือง
เป็นท่ีหมาย ต้องเพลาการคิดถึงประโยชน์เฉพาะตัว และความ
ขัดแย้งกันในส่ิงที่มิใช่สาระลงให้ได้ ผู้ใดมีภาระหน้าท่ีอันใดอยู่
ก็เร่งกระท�ำให้ส�ำเร็จลุล่วงไปโดยเต็มก�ำลังความรู้ ความคิด และ
ความสามารถ ด้วยความจริงใจ ด้วยความเมตตาปรองดอง และ
ความมงุ่ ดปี รารถนาดตี อ่ กนั ผลงานของทกุ คนจกั ไดป้ ระมวลกนั ขน้ึ
เปน็ ประโยชนส์ ขุ ความมนั่ คง และความวฒั นาถาวรของประเทศชาติ
ซึ่งเปน็ จดุ หมายอันสงู สุดของเรา…”
พระราชดำ� รัสพระราชทานแกป่ วงชนชาวไทย
ในโอกาสขน้ึ ปีใหม่ พ.ศ. ๒๕๓๗ ๓๑ ธนั วาคม ๒๕๓๖
“…ชาติบา้ นเมอื ง คือ ชีวิตเลอื ดเน้ือ และสมบัตขิ องเราทกุ คน
และการด�ำรงรักษาชาติประเทศนั้น มิใช่หน้าที่ของบุคคลผู้ใด
หมู่ใดโดยเฉพาะ หากแต่เปน็ หนา้ ที่ของทุก ๆ ฝ่าย ทุก ๆ คน ทีจ่ กั
ตอ้ งรว่ มมอื กระทำ� พรอ้ มกนั ไป โดยสอดคลอ้ งกนั เกอื้ กลู กนั และมี
จดุ มงุ่ หมาย มอี ดุ มคตริ ว่ มกนั ถา้ หมหู่ นง่ึ ใดทำ� หนา้ ทยี่ อ่ หยอ่ น เปน็
อันตรายไป ก็อาจท�ำให้ทง้ั ชาตแิ ตกสลายท�ำลายไปได้...”
พระบรมราโชวาท พระราชทานแก่ ทหารบก ทหารเรือ ทหารอากาศ
ตำ� รวจ และอาสาสมคั รพลเรือน ในพิธีตรวจสวนสนาม
เนือ่ งในโอกาสงานพระราชพิธีรชั ดาภเิ ษก ๘ มถิ ุนายน ๒๕๑๔
74
ร่มโพธท์ิ องของแผ่นดิน
๔. การปกครอง
“…เราจะครองแผน่ ดินโดยธรรม
เพือ่ ประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม...”
พระปฐมบรมราชโองการ ณ พระทน่ี ั่งไพศาลทกั ษิณ
วันศุกร์ที่ ๕ พฤษภาคม ๒๔๙๓
“…ในบ้านเมอื งนน้ั มีทง้ั คนดีและคนไมด่ ี
ไม่มีใครจะท�ำใหค้ นทุกคนเปน็ คนดไี ด้ท้ังหมด
การท�ำให้บ้านเมืองมีความปกติสุขเรียบร้อย จึงไม่ใช่การ
ท�ำให้ทุกคนเป็นคนดี
หากแตอ่ ยู่ที่การส่งเสรมิ คนดี
ใหค้ นดีได้ปกครองบา้ นเมอื งและควบคุมคนไม่ดี
ไม่ให้มอี �ำนาจ ไม่ใหก้ ่อความเดือดรอ้ นวุ่นวายได้…”
พระบรมราโชวาท ในพธิ เี ปดิ งานชมุ นุมลูกเสือแหง่ ชาติ
ณ คา่ ยลูกเสือวชริ าวุธ จงั หวดั ชลบุรี ๑๑ ธันวาคม ๒๕๑๒
75
รม่ โพธ์ิทองของแผ่นดิน
“…การท่ีจะชว่ ยชาตบิ ้านเมอื งนัน้ มหี ลายทาง
แตท่ างทด่ี ที ส่ี ดุ โดยแตล่ ะคนตา่ งทำ� หนา้ ทข่ี องตนดว้ ยความ
ซื่อสตั ยส์ จุ รติ
อดทน ท�ำให้กจิ การต่าง ๆ ทุกด้านด�ำเนินไปด้วยดนี ี้
เปน็ สิง่ ท่สี ำ� คญั สำ� หรบั ประเทศชาต.ิ ..”
พระราชด�ำรสั พระราชทานแกค่ ณะกรรมการ
บรษิ ทั สยามกลการ จำ� กดั ณ พระต�ำหนกั จิตรลดารโหฐาน
๒๘ ธนั วาคม ๒๕๒๒
76
รม่ โพธิ์ทองของแผ่นดิน
“…ปัจจุบันน้ี รู้สึกว่าบ้านเมืองมีปัญหาและความขัดข้อง
เกดิ ข้ึนไม่สร่างซาเกอื บทกุ วงการ
เป็นเครื่องบง่ บอกชัดเจนวา่ ถึงเวลาแล้ว
ทที่ กุ คนทกุ ฝา่ ยจะตอ้ งลดความถอื ดแี ละการทำ� ตามใจตวั ลง
แล้วหันมาหาเหตุผลความถูกต้องและความรับผิดชอบ
ต่อส่วนรวมกนั อย่างจริงจงั
เพื่อก�ำจัดอคติ และสร้างเสริมความเมตตาสามัคคี
ในกนั และกนั
จักได้สามารถร่วมกันเร่งรัดปฏิบัติสรรพกิจการงานให้
ประสานสอดคล้อง
และปรองดอง เกื้อกูลกันให้สัมฤทธ์ิประโยชน์สูงสุด
ในการธำ� รง รกั ษาอสิ รภาพ
อธปิ ไตย และความเปน็ ไทย ใหย้ นื ยงมนั่ คงอยตู่ ลอดไป...”
พระราชด�ำรสั ในการเสด็จออกมหาสมาคม ในงานพระราชพธิ เี ฉลมิ
พระชนมพรรษา พุทธศกั ราช ๒๕๓๕ ๕ ธันวาคม ๒๕๓๕
77
รม่ โพธท์ิ องของแผ่นดนิ
๕. การศึกษา
“…ยงั มรี าษฎรอกี เปน็ สว่ นใหญท่ ข่ี ดั สนและพงึ่ ตนเองไมไ่ ด้
ความขัดสนของราษฎรดังกล่าวเกิดเพราะเขาไม่สามารถ
ใช้กำ� ลงั ความคดิ
ก�ำลังแรง ตลอดจนทุนรอนของเขาให้เกิดประโยชน์เท่าท่ี
ควรได.้ ..
ราษฎรของเราต้องการความช่วยเหลือ
คือความช่วยเหลือท่ีจะทำ� ใหเ้ ขาสามารถพึง่ ตนเองได้
ยกฐานะขึ้นดว้ ยตนเองได…้ ”
พระบรมราโชวาทพระราชทานในพิธพี ระราชทานปริญญาบตั ร
ณ มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์ เม่อื วันที่ ๒๐ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๑๐
78
ร่มโพธท์ิ องของแผ่นดนิ
“…ทกุ คนทที่ ำ� งาน ยอ่ มตอ้ งหวงั ประโยชน์ เชน่ เงนิ ทอง ยศศกั ดิ์
อ�ำนาจ ความร่�ำรวย เปน็ สง่ิ ตอบแทน
ส�ำหรับครูที่รักการเป็นครูแท้จริง มีโอกาสท่ีจะได้รับ
ประโยชน์ทีล่ ำ�้ คา่ ยิ่งกวา่ น้นั
แตเ่ ปน็ ประโยชน์ท่เี ปน็ ไปในทางจติ ใจยิง่ กว่าทางวตั ถุ
กลา่ วคอื ครตู ามแบบฉบบั มกั จะมไิ ดเ้ ปน็ ผทู้ บี่ รบิ รู ณด์ ว้ ยทรพั ย์
ด้วยยศศกั ดิ์ อ�ำนาจ และอิทธิพลนัก หากแต่บริบูรณ์ ดว้ ย
สมบัตทิ างคณุ ธรรม
เช่นความซื่อสตั ย์สจุ ริต ความเมตตาปรานี ความเสยี สละ
ซงึ่ เปน็ เหตทุ ำ� ใหส้ ามารถผกู พนั จติ ใจผเู้ ปน็ ศษิ ยใ์ หร้ กั ใคร่ ไวใ้ จ
และเคารพเชอ่ื ฟังได้แนน่ แฟน้ ...”
พระบรมราโชวาทของพระบาทสมเด็จพระปรมนิ ทรมหาภมู ิพลอดลุ ยเดช
ณ พระต�ำหนกั จติ รลดารโหฐาน วันองั คารที่ ๔ พฤศจกิ ายน ๒๕๑๘
“…ถ้าทุกคนยึดม่ันในความดี ถ้าทุกคนยึดมั่นว่า เราต้อง
ช่วยกัน และต้องพยายามท่ีจะปฏบิ ตั งิ านของตนดว้ ยความซ่อื สตั ย์
สจุ ริต
ดว้ ยความตัง้ ใจดี ดว้ ยความเอาใจใส่ดีในหน้าท่ีของตน
เชอื่ ไดว้ ่าสว่ นรวมจะอยไู่ ดอ้ ยา่ งม่ันคงและถาวรแน่...”
พระราชด�ำรัส พระราชทานแก่คณะกรรมการสร้างศาลหลกั เมอื ง
สมุทรสงคราม เม่อื วันที่ ๒๐ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๑๗
79
ร่มโพธทิ์ องของแผน่ ดิน
“…การพยายามศกึ ษาวทิ ยาการและเทคโนโลยอี นั กา้ วหนา้
ทกุ สาขาจากทั่วโลก
แลว้ เลอื กสรรสว่ นทส่ี ำ� คญั เปน็ ประโยชน์ นำ� มาปรบั ปรงุ ใช้
ให้พอดี
พอเหมาะกับสภาพและฐานะของประเทศของเรา
เพอ่ื ชว่ ยใหป้ ระเทศของเราสามารถนำ� เทคโนโลยอี นั ทนั สมยั
มาใช้พัฒนางานต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพและไม่
สน้ิ เปลอื ง…”
พระบรมราโชวาทในโอกาสเสด็จพระราชดำ� เนินเปิดงาน
“พระจอมเกลา้ ลาดกระบงั นิทรรศน์ ๒๖” ณ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกลา้
วทิ ยาเขตเจ้าคุณทหารลาดกระบัง เมอื่ วันท่ี ๑๖ มถิ ุนายน พ.ศ. ๒๕๒๖
“…มหาวิทยาลัยมุ่งจะสอนนักศึกษาให้เป็นคนเก่ง
ซงึ่ เป็นการดี
แต่นอกจากจะสอนให้เก่งแล้วจ�ำเป็นอย่างย่ิงท่ีจะอบรม
ใหด้ ีพร้อมกนั ไปดว้ ย
ประเทศเราจงึ จะไดค้ นท่มี คี ณุ ภาพพรอ้ ม
คอื ทัง้ เกง่ และท้ังดมี าเปน็ กำ� ลังของบ้านเมอื ง...”
พระบรมราโชวาท พระราชทานแกค่ ณะบรหิ ารและสภาคณาจารย์
มหาวทิ ยาลยั ต่าง ๆ ณ ศาลาดุสิดาลยั ๓ ตุลาคม ๒๕๓๓
80
ร่มโพธิท์ องของแผน่ ดนิ
“…งานดา้ นการศกึ ษา เปน็ งานสำ� คญั ทสี่ ดุ อยา่ งหนง่ึ ของชาติ
เพราะความเจริญและความเส่ือมของชาตินั้นขึ้นอยู่กับ
การศึกษา
ของพลเมืองเป็นข้อใหญ่ จึงต้องจัดงานด้านการศึกษาให้
เข้มแขง็ ยง่ิ ข้นึ ...”
พระบรมราโชวาทในพธิ พี ระราชทานปรญิ ญาบัตร
ณ วิทยาลัยการศึกษาประสานมติ ร ๒ ธันวาคม ๒๕๑๒
81
ร่มโพธิ์ทองของแผ่นดิน
๖. การปฏิบตั งิ าน
“…การทีจ่ ะท�ำงานใด ๆ ไม่วา่ เล็ก ใหญ่ งา่ ย ยาก
ถา้ ยอ่ หยอ่ นจากความเพยี รแลว้ ยากทจ่ี ะสำ� เรจ็ ทนั เวลาได้
และเม่อื ใดพลังของความเพยี รนเ้ี กดิ ขึ้น
เม่ือน้ันการงานทั้งหลายก็ส�ำเร็จได้โดยง่ายดายและ
รวดเร็ว...”
พระบรมราโชวาท ในพิธีพระราชทานปรญิ ญาบตั รแกผ่ สู้ ำ� เร็จการศึกษา
จาก มหาวิทยาลัยศรนี ครินทรวโิ รฒ ๒๑ มิถนุ ายน ๒๕๒๒
“…เม่ือมีโอกาสและมีงานให้ทำ�
ควรเต็มใจท�ำโดยไมจ่ ำ� เปน็ ตอ้ งต้ังข้อแม้
หรือเงอ่ื นไขอนั ใดไวใ้ ห้เปน็ เคร่ืองกีดขวาง
คนทที่ ำ� งานไดจ้ รงิ ๆ นน้ั ไมว่ า่ จะจบั งานสงิ่ ใดยอ่ มทำ� ไดเ้ สมอ
ถา้ ยิ่งมคี วามเอาใจใส่ มีความขยัน และซื่อสตั ย์สจุ ริต
ก็ยิง่ จะช่วยให้ประสบผลสำ� เรจ็ ในงานท่ีทำ� สงู ข้นึ …”
พระบรมราโชวาท ในพิธพี ระราชทานปริญญาบตั รของ
วทิ ยาลัยเทคโนโลยแี ละอาชวี ศกึ ษา ๘ กรกฎาคม ๒๕๓๐
82
รม่ โพธทิ์ องของแผน่ ดิน
“…ทกุ คนทที่ ำ� หนา้ ทตี่ ามอาชพี ของตน หรอื ตามหนา้ ทตี่ น
อยา่ งเต็มทีอ่ ย่างเสยี สละ
เพื่อให้งานสำ� เรจ็ ลลุ ว่ งไปด้วยดีนัน้
กเ็ ป็นสงิ่ เสริมความดแี ก่ประเทศชาติในตัว...”
พระราชดำ� รัส พระราชทานแกค่ ณะบคุ คลต่าง ๆ
ที่เข้าเฝา้ ถวายชยั มงคล เนอื่ งในวันเฉลมิ พระชนมพรรษา
ณ ศาลาดสุ ิดาลยั ๔ ธันวาคม ๒๕๑๘
“…การแก้ปัญหาและพัฒนาสงั คม
นอกจากจะมุง่ สงเคราะห์ในดา้ นฐานะความเปน็ อยู่แลว้
จึงควรจะได้พฒั นาบคุ คลเปน็ ขอ้ ใหญด่ ้วย
เพราะถา้ บุคคลซง่ึ เปน็ องค์ประกอบสำ� คญั ของสงั คม
มีความเข้มแข็ง และมีสติปัญญาที่จะพิจารณาเลือกเฟ้น
สิ่งท่ีควรปฏิบัติ
ปัญหาต่าง ๆ ในสงั คมก็จะบรรเทาเบาบางลง
และสงั คมสว่ นรวมยอ่ มจะมโี อกาสพฒั นาใหเ้ จรญิ กา้ วหนา้
ได้โดยไม่ยากนัก...”
พระราชด�ำรสั พระราชทานเพอื่ เชญิ ไปอ่านในพิธีเปิด
การประชมุ การสังคมสงเคราะห์แหง่ ชาติครง้ั ท่ี ๑๕
ณ โรงแรมแอมบาสซาเดอร์ ๒๕ เมษายน ๒๕๓๙
83
รม่ โพธิท์ องของแผ่นดนิ
“… อนั การทำ� งานนนั้ กลา่ วโดยสรปุ ขน้ึ อยกู่ บั ความสามารถ
สองอย่างเปน็ ส�ำคัญ
คอื ความสามารถในการใช้วิชาการปฏบิ ตั งิ านอยา่ งหนง่ึ
กบั ความสามารถในการสมั พนั ธ์ ตดิ ตอ่ และประสานกบั ผอู้ น่ื
ไมว่ า่ จะในวงงานเดยี วกัน หรอื ต่างวงงานกันอกี อยา่ งหนึ่ง
ทั้งสองประการน้ีจะตอ้ งมี และดำ� เนนิ ควบคกู่ ันไป...”
พระบรมราโชวาท ในพธิ พี ระราชทานปรญิ ญาบตั รแกบ่ ณั ฑติ
มหาวทิ ยาลัยศรีนครนิ ทรวิโรฒสงขลา ณ มหาวทิ ยาลัยศรีนครนิ ทรวโิ รฒ
วิทยาเขตสงขลา ๒๘ กนั ยายน ๒๕๓๐
“…ความรกู้ ับดวงประทีปเปรียบกันไดห้ ลายทาง
ดวงประทปี เปน็ ไฟทส่ี ่องแสงเพื่อน�ำทางไป
ถา้ ใช้ไฟนสี้ ่องในทางท่ถี ูก ก็จะไปถงึ จดุ หมายปลายทางได้
โดยสะดวกเรยี บรอ้ ย
แตถ่ ้าไมร่ ะวังไฟนนั้ อาจเผาผลาญให้บา้ นชอ่ งพนิ าศลงได้
ความรู้เปน็ แสงสว่างทจ่ี ะนำ� เราไปสคู่ วามเจริญ
ถา้ ไมร่ ะมดั ระวงั ในการใชค้ วามรู้กจ็ ะเปน็ อนั ตรายเชน่ เดยี วกนั
จะท�ำลายเผาผลาญบา้ นเมอื งให้ลม่ จมได.้ ..”
พระบรมราโชวาท ในพธิ พี ระราชทานปริญญาบัตร
ของมหาวทิ ยาลัยธรรมศาสตร์ ๒๕ ตุลาคม ๒๕๐๕
84
ร่มโพธ์ิทองของแผ่นดนิ
“...การทะนุบ�ำรุงบ้านเมืองให้เจริญรุ่งเรืองน้ันมีวิธีท�ำได้
หลาย ๆ อย่าง อย่างหน่ึงก็ท่ีส�ำคัญท่ีสุดและท่ีเป็นธรรมดาที่สุด
กค็ อื “ตอ้ งทำ� งาน” ทำ� งานตามหนา้ ทขี่ องตนตามทไ่ี ดร้ บั มอบหมาย
ให้ดีที่สุดให้ได้ผลที่สุด งานอีกอย่างซึ่งอาจไม่ได้รับมอบหมายเป็น
พเิ ศษจากทางราชการหรอื หนา้ ที่ แตต่ อ้ งนบั วา่ เปน็ งานหรอื เปน็ การ
กระทำ� ทต่ี อ้ งทำ� กม็ ี คอื งานในฐานะทเ่ี ปน็ คนทอ่ี าศยั ผนื แผน่ ดนิ ไทย
ทกุ คนทเ่ี ปน็ คนไทยควรจะตอ้ งพยายามปฏบิ ตั กิ ารทกุ วถิ ที างเพอ่ื ที่
จะใหบ้ า้ นเมอื งมคี วามเรยี บรอ้ ย มคี วามสงบ ถา้ แตล่ ะคนไดท้ ำ� แลว้
บา้ นเมอื งกจ็ ะยนื ยงอยไู่ ด้ แตถ่ า้ ผใู้ ดมไิ ดท้ ำ� กเ็ ปน็ ผทู้ ไ่ี ดท้ ำ� ลายทอ่ี ยู่
ของตนซง่ึ ตามธรรมดาเขาเรยี กวา่ เปน็ คนทรยศตอ่ ประเทศชาต.ิ ..”
พระราชดำ� รัส พระราชทานในงานราชอทุ ยานสโมสรเน่ืองในโอกาสวัน
เฉลิมพระชนมพรรษา ณ สวนศวิ าลัย ๘ ธันวาคม ๒๕๑๒
85
ร่มโพธิ์ทองของแผน่ ดนิ
“…ทา่ นมหี นา้ ทอี่ นั สำ� คญั ผกู พนั อยู่ ทจ่ี ะตอ้ งตอบแทนคณุ
ของทุกฝ่ายท่ีได้อุปการระช่วยเหลือ การทดแทนคุณน้ัน มิใช่สิ่งท่ี
ยากนัก ถ้าท่านประพฤติตนดี มีสัมมาอาชีวะเป็นหลักฐานเป็นท่ี
เชดิ ชูวงศต์ ระกูล กเ็ ป็นการไดท้ ดแทนคณุ บิดามารดา ถา้ ทา่ นหม่นั
ศึกษาค้นคว้าวิชาการให้มีความรู้ความสามารถเหมาะแก่กาลสมัย
ก็เป็นการได้ทดแทนคุณครูบาอาจารย์ และในประการสุดท้าย
ถ้าท่านต้ังใจท�ำงานทุกอย่าง โดยถือประโยชน์ส่วนรวมย่ิงกว่า
ประโยชน์ส่วนตัวแล้ว ก็เป็นการได้ทดแทนคุณประชาชนคนไทย
ทกุ คนได.้ ..”
พระบรมราโชวาท ในพธิ พี ระราชทานปริญญาบัตรของมหาวทิ ยาลยั
ธรรมศาสตร์ ณ หอประชมุ มหาวิทยาลยั ธรรมศาสตร์ ๒๖ ธนั วาคม ๒๕๑๑
86
๖
เร่อื งราวอันประทบั ใจ
๑. ใตฝ้ า่ พระบาท
ราชบณั ฑิต ศาสตราจารย์ ดร.กาญจนา นาคสกลุ ส�ำนกั
ศิลปกรรมราชบัณฑิตยสถาน อธิบายไว้ในนิตยสารสกุลไทย
ฉบับท่ี ๒๗๑๔ วันที่ ๒๔ ตุลาคม ๒๕๔๙ ว่า เมื่อจะกล่าวถึง
พระเจ้าแผ่นดินในรัชกาลปัจจุบัน ชาวไทยจะไม่เอ่ยถึงด้วย
พระบรมนามาภไิ ธย แตจ่ ะใชค้ ำ� นำ� หนา้ พระนามเปน็ คำ� กลา่ วถงึ นนั้
และค�ำน�ำหน้าพระนามท่ีใช้ในปัจจุบันคือ ค�ำว่าพระบาทสมเด็จ
พระเจ้าอยู่หวั
พระบาทสมเด็จพระเจา้ อยู่หวั แปลตรงคำ� ได้ว่า
“พระบาทของพระมหากษัตริย์ผู้ทรงเป็นพระเจ้าอยู่บน
ศรี ษะ” เปน็ สำ� นวนพดู ทแี่ สดงใหเ้ หน็ วา่ ผพู้ ดู ยกพระเจา้ แผน่ ดนิ ขนึ้
เทดิ ทนู ไวส้ งู สดุ แมแ้ ตพ่ ระบาทยงั อยสู่ งู เหนอื เกลา้ เหนอื กระหมอ่ ม
ร่มโพธิท์ องของแผ่นดนิ
พระมหากษัตริย์ผู้ทรงครองราชย์ยาวนานท่ีสุดในโลก
พระองคน์ ้ี “ใต้ฝ่าพระบาท” นนั้ เป้อื นด้วย “ละอองธุลี” มาตลอด
พระชนมช์ พี เพราะทรงยำ�่ ฝนุ่ ดนิ นำ�้ โคลน เพอ่ื ชว่ ยเหลอื ปวงประชา
เหลา่ ผูอ้ ย่ใู ต้ฝ่าละอองธลุ ีพระบาทมาแลว้ ท่ัวพระราชอาณาจกั ร
ทกุ ละอองธลุ ที เ่ี ปอ้ื นรองพระบาท คนทงั้ แผน่ ดนิ จงึ สมคั รใจ
ทูลไว้เหนือหัวได้ด้วยความจงรักที่แท้ หาใช่แค่เพียงส�ำนวนพูด
อีกตอ่ ไปไม่
๒. เดิมพันของเรา
คร้ังหน่ึง หม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์ ปราโมช ได้เคยกราบ
บังคมทูลถามพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชว่า
พระเจ้าอย่หู วั เคยทรงเหนื่อยหรอื ทรงทอ้ บา้ งหรอื ไม่
พ ร ะ บ า ท ส ม เ ด็ จ พ ร ะ ป ร มิ น ท ร ม ห า ภู มิ พ ล อ ดุ ล ย เ ด ช
มพี ระราชกระแสตอบวา่
“ความจรงิ มนั นา่ ทอ้ ถอยหรอก บางเรอ่ื งมนั นา่ ทอ้ ถอย แต่
วา่ ฉนั ทอ้ ไมไ่ ด้ เพราะเดมิ พนั ของเรานนั้ สงู เหลอื เกนิ เดมิ พนั ของเรา
น้นั คอื บา้ น คือเมอื ง คอื ความสุขของคนไทยท่ัวประเทศ”
88
รม่ โพธิ์ทองของแผน่ ดิน
๓. พีระมิด
ปี ๒๕๒๕ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช
พระราชทานสมั ภาษณแ์ กผ่ สู้ อื่ ขา่ วนติ ยสาร “เนชนั่ แนลจโี อกราฟกิ ”
“...เคยมีผู้กล่าวไว้ว่า ราชอาณาจักรนั้นเปรียบเสมือน
พรี ะมิด มีพระมหากษตั ริย์อยู่บนยอด และมีประชาชนอยู่ข้างลา่ ง
แตส่ ำ� หรับประเทศไทยแล้วดเู หมือนทุกอยา่ งจะตรงกนั ข้าม
น่ันเป็นสาเหตุที่ท�ำให้ข้าพเจ้าต้องปวดคอและบริเวณไหล่
อยู่เสมอ...”
๔. สขุ ไม่ได้
กระแสพระราชด�ำรัสที่อาจเป็น “ค�ำตอบ” ว่าเหตุใด
จงึ ไมอ่ าจหยดุ ทรงงานไดต้ ลอดระยะเวลาอนั ยาวนานทท่ี รงครองราชย์
“...คนเราจะอยู่สุขสบายแต่คนเดียวไม่ได้ ถ้าคนที่อยู่
ล้อมรอบมีความทุกข์ยากควรต้องแบ่งเบาความทุกข์ยากของเขา
บ้าง ตามกำ� ลงั และความสามารถเท่าทจี่ ะท�ำได้...”
89
รม่ โพธทิ์ องของแผน่ ดนิ
๕. ขโมยกม็ า
การเสด็จพระราชด�ำเนินเยือนภาคใต้ในช่วงต้นรัชกาล
คร้ังน้ี เล่าไว้ในความเรียงเร่ือง “พระบารมีปกเกล้า” โดย
โอภาส เสวิกุล จัดพิมพ์เนื่องในพระราชพิธี รัชดาภิเษก ๙
มิถุนายน ๒๕๑๔ ว่า ราษฎรไทยมุสลิมตื่นเต้นยินดีถึงกับอุ้มลูก
จงู หลานออกมารับเสด็จ กนั ชนิด “หมดบ้าน”
เม่ือมีผถู้ ามวา่ “ไม่ห่วงกลวั ขโมยขึน้ บ้านหรอื ”
ก็ได้รับคำ� ตอบว่า
“ไมห่ ว่ งหรอก เพราะขโมยกม็ ารบั เสด็จเหมือนกนั ”
๖. ดอกบวั จากหัวใจ
บนเสน้ ทางรบั เสดจ็ ตรงสามแยกชยางกรู -เรณนู คร ในบา่ ย
วันที่ ๑๓ พฤศจกิ ายน พ.ศ. ๒๔๙๘ อาณตั ิ บุนนาค หัวหน้าส่วน
ช่างภาพประจ�ำพระองค์ได้บันทึกภาพในวินาทีส�ำคัญท่ีหลายเป็น
ภาพประวัตศิ าสตรภ์ าพหนงึ่ ของประเทศ
90
ร่มโพธท์ิ องของแผน่ ดนิ
ภาพนภ้ี าพเดียว พดู ไดม้ ากกวา่ ค�ำพูดหนงึ่ ลา้ นคำ�
คุณหญิงศรีนาถ สุริยะ เล่าไว้ในบทความ “แม่เฒ่าตุ้ม
จนั ทนติ ย์ ภาคพเิ ศษ” ตีพิมพใ์ นวารสารไทย ปที ่ี ๒๑ ฉบับท่ี ๗๔
เมษายน – มิถุนายน ๒๕๔๓ ว่า
วันน้ันหลังจากทรงบ�ำเพ็ญพระราชกุศล ณ วัดพระธาตุ
พนมวรมหาวิหาร เสร็จสิ้นในช่วงเช้า ท้ังสองพระองค์จะเสด็จฯ
กลบั ไปประทบั แรม ณ จวนผวู้ า่ ราชการจงั หวดั นครพนมในตอนบา่ ย
ราษฎรที่รู้ข่าวก็พากันอุ้มลูกจูงหลานหอบกันมาเฝ้า รับเสด็จที่
รมิ ถนนกันอย่างเนอื งแนน่
เช่นเดียวกับครอบครัวจันทนิตย์ ท่ีลูกหลานช่วยกันน�ำ
แม่เฒ่าตุ้ม จันทนิตย์ วัย ๑๐๒ ปี (ปีเกิดคือ พ.ศ. ๒๓๙๖)
ไปรอรบั เสดจ็ ณ จดุ รบั เสดจ็ ที่ห่างจากบา้ น ๗๐๐ เมตร โดย
จัดหาดอกบวั สายสีชมพูให้แมเ่ ฒ่าจ�ำนวน ๓ ดอก และพาแกออก
ไปรอท่แี ถวหน้าสุด เพอื่ ใหใ้ กล้ชิดเบ้อื งพระยคุ ลบาททส่ี ุด
เปลวแดดรอ้ นแรงต้งั แต่เชา้ จนสาย เท่ียงจนบา่ ย แผดเผา
จนดอกบัวสายเห่ียวโรย แต่หัวใจรักภักดีของหญิงชรายังเบิกบาน
เมื่อเสด็จฯ มาถึงตรงหน้า แม่เฒ่าชรายกดอกบัวสายเห่ียวแห้ง
โรยราสามดอกขน้ึ จบเหนือศีรษะแสดงความจงรกั อย่างสุดซ้งึ
พระเจ้าแผ่นดินทรงโน้มพระองค์อย่างต่�ำท่ีสุด จน
พระพักตร์แนบชิดกับศีรษะของแม่เฒ่า แย้มพระสรวลอย่างเอ็นดู
พระหตั ถแ์ ตะมอื กรา้ นคลำ้� ของเกษตรกรชราชาวอสี านอยา่ งออ่ นโยน
91
รม่ โพธิท์ องของแผน่ ดิน
เปน็ คำ� บรรยายทเ่ี หมอื นไมจ่ ำ� เปน็ สำ� หรบั ภาพทไี่ มจ่ ำ� เปน็
ต้องบรรยาย
ไมม่ ใี ครรวู้ า่ ทรงกระซบิ คำ� ใดกบั แมเ่ ฒา่ แตแ่ นน่ อนวา่ แมเ่ ฒา่
ไมม่ ีวันลืม
เชน่ เดยี วกบั ทใ่ี นหลวงไมท่ รงลมื ราษฎรคนสำ� คญั ทที่ รงพบ
ริมถนน วันนั้นหลานและเหลนของแม่เฒ่าเล่าว่า หลังจากเสด็จ
พระราชดำ� เนนิ กลบั กรงุ เทพฯ แลว้ ทางสำ� นกั พระราชวงั ไดส้ ง่ ภาพ
รบั เสดจ็ ฯ ของแมเ่ ฒา่ ตมุ้ ขนาด ๑๒ นว้ิ พรอ้ มทงั้ พระบรมรปู หลอ่
ดว้ ยปนู ปลาสเตอรพ์ ระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภมู พิ ลอดลุ ยเดช
พระราชทานผ่านมาทางอ�ำเภอพระธาตุพนมให้แม่เฒ่าตุ้มไว้เป็น
ที่ระลึก
พระมหากรุณาธิคุณอันหาท่ีสุดมิได้น้ี อาจมีส่วนชุบชูให้
ชวี ติ แม่เฒา่ ยืนยาวขึน้ อกี ดว้ ยความสุขตอ่ มาอีกถึง สามปีเตม็ ๆ
แมเ่ ฒ่าตุ้ม จันทนิตย์ ราษฎรผู้โชคดที ่ีสดุ คนหน่งึ ในรัชกาล
ท่ี ๙ สิน้ อายุขัยอย่างสงบด้วยโรคชราเมอื่ อายุได้ ๑๐๕ ปี
92
รม่ โพธิ์ทองของแผน่ ดนิ
๗. โปรดราษฎร
หมอ่ มราชวงศค์ กึ ฤทธ์ิ ปราโมชเขยี นไวใ้ น“สยามรฐั รายวนั ”
ฉบบั วนั ที่ ๑๖ พฤศจิกายน ๒๕๐๕ ว่า
“...เทา่ ทผี่ มทราบมานนั้ ไมม่ อี ะไรจะทำ� ใหท้ งั้ สองพระองค์
ส�ำราญพระราชหฤทัยเกินไปกว่าการท่ีได้ทรงพบปะกับราษฎร
ของพระองค์ แมจ้ ะใกล้หรอื ไกลกต็ ามที
ตามที่มีค�ำพังเพยแต่ก่อนว่า รัชกาลที่ ๑ โปรดทหาร
รัชกาลที่ ๒ โปรดกวี และศิลปิน รัชกาลท่ี ๓ โปรดช่างก่อสร้าง
(วดั ) นั้น
ผมกลา้ ต่อให้ได้วา่ รัชกาลที่ ๙ น้ี โปรดราษฎร และคนท่ี
เขา้ เฝ้าฯ ไดใ้ กล้ชดิ ทีส่ ุดเสมอไปกค็ ือราษฎร มใิ ชใ่ ครทีไ่ หนเลย...”
๘. ไว้เนอ้ื เชอ่ื ใจ
สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ มีพระราชดำ� รัส
พระราชทานแก่คณะบุคคลที่มาเข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท
เน่ืองในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา ณ ศาลาดุสิดาลัย ๑๑
สิงหาคม ๒๕๓๔ ถึงพระราชจริยวัตรในพระบาทสมเด็จ
พระปรมนิ ทรมหาภูมิพลอดุลยเดชวา่
93
รม่ โพธ์ทิ องของแผ่นดิน
“...ทรงคุยกับราษฎรนี่ไม่โปรดทรงยืน ทรงถือขนบ
ธรรมเนียมไทยท่ีไม่ยืนค้ำ� ผเู้ ฒ่าผู้แก่ จะประทบั ลงรบั สง่ั กบั ราษฎร
เสมอมา แม้จะเป็นตอนเท่ียง แดดร้อน ซึ่งข้าพเจ้าก็เห็นพระราช
จรยิ วัตรนมี้ าตง้ั แต่ต้นรัชกาลแล้ว...”
“...ข้อส�ำคัญรับส่ังว่า ต้องเป็นที่ไว้เนื้อเช่ือใจของราษฎร
ให้เขามีความสนิทสนมพอที่จะเอ่ยปากเล่าความทุกข์ของเขาให้
ฟังได้...”
๙. เขาเดินมาเปน็ วนั ๆ
“...มีอยคู่ รัง้ หนงึ่ ขา้ พเจา้ อายุสิบแปดได้ตามเสดจ็ ...
ตอนนน้ั เปน็ ชว่ งหลงั พระราชพธิ บี รมราชาภเิ ษก เสดจ็ ฯ เยยี่ ม
ราษฎรทุกจังหวัดและอำ� เภอใหญ่ ๆ กเ็ สด็จฯ ประมาณ ๙ โมงเช้า
เสด็จออกทรงเยีย่ มราษฎรมาเร่อื ย ๆ
ทนี่ ้ขี ้าพเจ้ากร็ ู้สึกว่า แหม... นานเหลอื เกิน ตอนน้ัน ยังไม่
กางรม่ ตอนนนั้ ยงั ไมค่ อ่ ยกลวั แดด ไมใ่ สห่ มวก กร็ สู้ กึ แดดรอ้ นเปรย้ี ง
หนังเทา้ ร้สู ึกไหม้เชยี ว...
ก็เดนิ เข้าไปกระซิบกับท่านวา่ พอหรือยงั กโ็ ดนกรวิ้ ...
บอกนี่เห็นไหมราษฎรเขาเดินมาเป็นวัน ๆ เพ่ือมาดู
เราแม้แต่นิดเดียว แต่น่ีเรายืนอยู่ไม่เท่าไรล่ะ ตอนนี้ทนไม่ไหว
เสียแล้ว...”
94
ร่มโพธ์ิทองของแผ่นดนิ
๑๐. กำ� เนิดฝนหลวง
รายงานข่าว “ฝนของพ่อ” ตีพิมพ์ในหนังสือกรุงเทพ
ธรุ กจิ ฉบับวนั ที่ ๕ ธันวาคม ๒๕๔๗ เล่าวา่
เม่ือทรงสัมผัสความทุกข์ซับซ้อนของประชาชนอันเน่ือง
มาจากเรื่องของ “น้�ำ” อันเปน็ ปจั จยั ส�ำคัญท่สี ดุ ในการดำ� รงชีวิต
พระเจา้ แผน่ ดนิ ผบู้ ดั นนั้ มพี ระชนมพรรษาเพยี ง ๒๘ พรรษา
และเพง่ิ เสดจ็ พระราชดำ� เนนิ อสี านครง้ั แรกในพระชนมช์ พี กท็ รงเฝา้
ครนุ่ คิดถึงแต่วธิ ีท่จี ะแกไ้ ขปญั หาให้ชาวอสี าน
ปัญหาที่ขดั แยง้ กันเอง เมื่อมนี ้ำ� น้�ำก็มากไป ทว่ มบา่ จาก
ภูเขาไม่มีส่ิงใดหยุดยั้งไว้ได้ แต่เมื่อน�้ำหมดก็แห้งแล้งอย่างที่สุด
เพราะไมม่ ฝี นตกลงมา
ทรงบนั ทกึ พระราชดำ� รไิ วว้ า่ “ตอ้ งสรา้ งเขอ่ื นเลก็ ๆ (Check
dams) จ�ำนวนมากตามลำ� ธารท่ีไหลลงมาจากภเู ขาตา่ ง ๆ จะช่วย
ให้กระแสน้�ำค่อยไหลอย่างสม่�ำเสมอ ถ้าเป็นไปได้ควรสร้างเข่ือน
และอ่างเก็บนำ�้ เล็ก ๆ สิ่งนจี้ ะแกไ้ ขปัญหาแหง้ แลง้ ได้ ในฤดฝู นน�้ำ
จะถกู เกบ็ ไว้ในอยา่ งเกบ็ นำ�้ และจัดสรรน�ำ้ ใหใ้ นฤดูแล้ง”
สว่ นปญั หาเรอ่ื งฝนแลง้ นน้ั “ขา้ พเจา้ ไดแ้ หงนดทู อ้ งฟา้ และ
พบว่ามีเมฆจ�ำนวนมาก แต่เมฆเหล่านั้นพัดผ่านพ้ืนที่แห้งแล้งไป
วธิ แี กไ้ ขอยทู่ ว่ี า่ จะทำ� อยา่ งไรทจี่ ะใหเ้ มฆเหลา่ นนั้ ตกลงมาในทอ้ งถน่ิ
95
ร่มโพธท์ิ องของแผน่ ดิน
น้ัน ความคดิ นัน้ เป็นจุดเริม่ ต้นของการท�ำฝนเทียม”
พระราชด�ำริ “ฝนหลวง” ก่อเกิดขนึ้ ในคราวเสด็จ อีสาน
น่ีเอง
๑๑. ฝนหยาดแรก
อกี ๑๗ ปตี อ่ มา “ฝนเทยี ม” ตามพระราชดำ� ริ ในวนั เสดจ็ ฯ
เย่ยี มอสี าน ก็กลายเปน็ “ฝนจริง” ท่ีหยาดลงมาสร้างความชมุ่ ฉ่ำ�
ทั้งแผน่ ดนิ คร้งั แรกในวนั ที่ ๑๙ ตลุ าคม ๒๕๑๕
วันน้ันพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช
ทรงวางแผนสาธติ การทำ� ฝนดว้ ยพระองคเ์ อง จนเกดิ ฝนหลวงตกลง
มาเปน็ ผลสำ� เรจ็ และตกลงสเู่ ปา้ หมายอา่ งเกบ็ นำ�้ เขอ่ื นแกง่ กระจาน
จงั หวดั เพชรบุรี อย่างแมน่ ย�ำ
ฝนหลวงได้ช่วยบันดาลความชุ่มฉ่�ำให้เกษตรกรไทย
อย่างต่อเน่ืองนับจากน้ัน แม้จนถึงปี ๒๕๔๘ ปีที่ ๕๙ แห่งรัชกาล
พ ร ะ บ า ท ส ม เ ด็ จ พ ร ะ ป ร มิ น ท ร ม ห า ภู มิ พ ล อ ดุ ล ย เ ด ช ผู ้ ท ร ง มี
พระชนมพรรษา ๗๘ พรรษา กย็ งั ทรง “คมุ งาน” เพอื่ ทรงบญั ชาการ
เคร่อื งบินทำ� ฝนเทยี มทว่ั ประเทศด้วยพระองค์เอง
ทรงต่อสู้ทุกวิถที างเพ่ือให้ราษฎรได้มี “นำ้� ”
เพราะ “การมนี ้�ำ” นน้ั หมายความถึง “การมีชีวิต”
96
ร่มโพธิท์ องของแผน่ ดนิ
๑๒. ตอ่ ไปจะมนี ้ำ�
บทความ “นำ้� ทพิ ยส์ าดเปน็ สายพรายพลว้ิ ทวิ งาม ทวั่ เขตคาม
ช่ือธารา” เขียนโดย มนูญ มุกข์ประดิษฐ์ ตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์
ไทยรฐั ฉบับวนั ท่ี ๕ ธันวาคม ๒๕๒๘ ถา่ ยทอดเร่ืองอัศจรรยข์ อง
“ในหลวงกับน้�ำ” ท่ีท่านได้เห็นด้วยตัวเองในค�่ำวันหน่ึงของเดือน
กุมภาพนั ธ์ ๒๕๒๘
ดว้ ยความทกุ ขท์ เ่ี ปย่ี มลน้ ใจอนั เนอ่ื งมาจากตอ้ งเผชญิ ความ
แห้งแล้งอย่างหนักมายาวนาน หญิงชราคนหน่ึงที่มาเฝ้า รับเสด็จ
ได้คลานเข้ามากอดพระบาทของพระบาทสมเด็จพระปรมินทร
มหาภูมิพลอดุลยเดชกราบบังคมทูลด้วยน�้ำตาอาบแก้ม ขอ
พระราชทานน้ำ�
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มี
พระราชดำ� รสั ตอบหญงิ ชราวา่
“ยายไม่ตอ้ งหว่ งแล้วนะ ต่อไปนีจ้ ะมีนำ�้ เราเอาน้ำ� มาให้”
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มี
พระราชด�ำรัสแล้ว ก็ทรงด�ำเนินกลับไปยังรถพระท่ีน่ังซึ่งจอดห่าง
ออกไปราว ๕ เมตร
นาทีนั้น ท่ามกลางอากาศที่ร้อนแล้ง ปรากฏว่าเกิดฝน
ตกลงมาเปน็ ครง้ั แรกในรอบปี
จนผตู้ ามเสดจ็ ฯ และราษฎร ในทน่ี นั้ ถงึ กบั งนุ งงไปตาม ๆ กนั
97
ร่มโพธ์ิทองของแผน่ ดนิ
๑๓. เก็บร่ม
การเสด็จพระราชด�ำเนินทุกคร้ัง ราษฎรจึงไม่เคยย่อท้อ
ที่จะอดทนรอชมพระบารมีให้ถึงที่สุด ถึงแม้จะแดดร้อนหรือฝน
จะตกหนกั แคไ่ หนก็ไมม่ ีใครยอมกลบั บ้าน
รอ้ ยเอกศรรี ตั น์ หรริ กั ษ์ เขยี นเลา่ ไวใ้ น“พระบารมปี กเกลา้ ฯ
ที่อ�ำเภอท่ายาง” ในหนังสือ “๗๒ พรรษาบรมราชาธิราชเจ้า
นกั รฐั ศาสตร”์ วา่ ครง้ั หนง่ึ ทโี่ ครงการหว้ ยสตั วใ์ หญ่ บรรดาขา้ ราชการ
และราษฎรทุกคนท่ีไปร่วมรับเสด็จ ต่างก็ยืนจัดแถวเตรียมการ
รบั เสด็จ อยา่ งเปน็ ระเบยี บเรยี บร้อย
เม่ือเฮลิคอปเตอร์พระที่น่ังมาถึงปรากฏว่าฝนตกลงมา
อยา่ งหนกั ราษฎรทมี่ ารอรบั เสดจ็ เปยี กปอนกนั หมด แตก่ ย็ งั ตงั้ แถว
อยูอ่ ยา่ งนั้น
“....นายต�ำรวจราชองครักษ์ท่ีตามเสด็จ ได้กางร่มถวาย
แต่ทรงทอดพระเนตรเห็นบรรดาข้าราชการและราษฎรที่มายืน
ตั้งแถวรอรับเสด็จ อยู่ต่างก็เปียกฝนโดยท่ัวกัน จึงมีรับส่ังให้
นายตำ� รวจราชองครกั ษเ์ กบ็ ร่ม
แล้วทรงพระด�ำเนินเยี่ยมข้าราชการและราษฎรท่ีเข้าแถว
รอรบั เสด็จ โดยทรงเปยี กฝนเช่นเดียวกับข้าราชการ และราษฎร
ท้งั หลายที่ยืนรอรบั เสดจ็ ในขณะนัน้ ...”
98
รม่ โพธิ์ทองของแผ่นดิน
๑๔. ทำ� ไมตอ้ งท�ำ
กระแสพระราชด�ำรัสของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรม
ราชนิ ีนาถ เนอ่ื งในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา
พ.ศ. ๒๕๒๖ ทอี่ ญั เชญิ มานี้ อธบิ ายไดด้ ยี ง่ิ ถงึ เหตผุ ลทที่ ำ� ให้
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชต้องทรงงานหนัก
เพอ่ื ช่วยประชาชนใหพ้ ้นจากความทุกขย์ าก
“...รับส่ังว่าเราต้องตอบแทนความรักของประชาชนด้วย
การกระท�ำมากกว่าค�ำพูด ท�ำทุกสิ่งทุกอย่างท่ีจะบ�ำบัดความทุกข์
ของเขา เพราะเขาเปน็ หลกั พง่ึ พาของพระมหากษตั รยิ ต์ ลอดเวลา...
จงึ ตดั สนิ พระทยั วา่ การทจ่ี ะเสดจ็ ไปไหน ๆ แลว้ แจกผา้ หม่
แจกเสือ้ ผา้ เปน็ การถมมหาสมุทร อย่างไรกช็ ่วยไม่ไดห้ มด ทางท่ีดี
รับส่ังว่าต้องลงไปพูดคุยกับเขา เรียกว่า สอบถามถึงความทุกข์
ของเขาวา่ อยทู่ ่ไี หน...
ต้ังแต่น้ันมา เมื่อเริ่มตั้งพระทัยเช่นน้ัน ก็เร่ิมทรงศึกษา
แผนท่ี ซ่ึงกรมแผนที่และกรมชลประทานช่วยเหลืออยู่ตลอดเวลา
ได้รัฐบาลที่คอยช่วยเหลือเกื้อกูลพระองค์ตลอดเวลา เพ่ือที่จะได้
ทรงตอบแทนพระคุณประชาชนไดอ้ ย่างเต็มท.ี่ ..”
99
รม่ โพธ์ิทองของแผน่ ดนิ
๑๕. แตล่ ะปที ี่เสด็จฯ
เปน็ ทม่ี าแหง่ การเสดจ็ พระราชดำ� เนนิ ยำ่� พระบาทไปทว่ั ทง้ั
แผน่ ดนิ เพอื่ ทรงรบั ฟงั ทกุ ขข์ องประชาชน จากปากคำ� ของประชาชน
ถงึ บา้ นของประชาชน
ขอ้ มลู นนี้ ำ� มาจากหนงั สอื “พระธรรมมกิ ราชของชาวไทย”
จดั พมิ พโ์ ดย กรมศลิ ปากร พ.ศ. ๒๕๓๐
“...ส�ำนักราชเลขาธิการได้เคยบันทึกไว้ว่า ในแต่ละปี
เสดจ็ ฯ ออกปฏบิ ตั พิ ระราชกรณยี กจิ ราว ๕๐๐ - ๖๐๐ ครงั้ รวมเปน็
ระยะทางประมาณ ๒๕,๐๐๐ ถงึ ๓๐,๐๐๐ กโิ ลเมตร”
๑๖. สิ่งทท่ี รงหวัง
สว่ นเรอ่ื งนเี้ ลา่ ไว้ในหนังสือ “พระเจ้าอยหู่ ัว” จัดพิมพโ์ ดย
กรมวชิ าการ กระทรวงศึกษาธิการ พทุ ธศักราช ๒๕๓๐
คร้ังหน่ึงขณะเสด็จฯ เย่ียมเยียนราษฎรในภาคตะวันออก
เฉยี งเหนอื ผสู้ อ่ื ขา่ วตา่ งประเทศคนหนงึ่ ไดข้ อพระราชทานสมั ภาษณ์
และไดก้ ราบบงั คมทลู ถามวา่ การทเ่ี สดจ็ ฯ เยยี่ มราษฎร และมโี ครงการ
ตามพระราชด�ำริเกิดข้ึนมากมายนั้นทรงหวังว่าจะให้คอมมิวนิสต์
นอ้ ยลงใช่หรือไม่
100