The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

1.-ภาษาอังกฤษเพื่อการหางานทำ

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by sakin-336, 2021-12-01 04:27:11

1.-ภาษาอังกฤษเพื่อการหางานทำ

1.-ภาษาอังกฤษเพื่อการหางานทำ

แผนการจัดการเรยี นร้แู บบฐานสมรรถนะและบรู ณาการหลกั
ปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพยี ง

หลกั สูตรประกาศนียบตั รวิชาชีพชัน้ สงู

ประเภทวชิ าภาษาต่างประเทศ

หมวดวิชาสมรรถนะแกนกลาง กลมุ่ วชิ าชพี เฉพาะ
รหัสวิชา 30212-2007 ภาษาอังกฤษเพอ่ื การหางานทา

ภาคเรยี นท่ี 2 ปกี ารศึกษา 2564

จดั ทาโดย

นางสาวนินรู ์นี มะเด็ง
ตาแหน่ง พนกั งานราชการครู

วทิ ยาลยั อาชวี ศึกษายะลา
สานักงานอาชีวศกึ ษาจงั หวดั ยะลา สถาบันการอาชีวศกึ ษาภาคใต้ 3

สานักงานคณะกรรมการการอาชวี ศกึ ษา

คานา

แผนการจัดการเรียนรู้รายวชิ าภาษาอังกฤษเพอ่ื การหางานทา รหสั วชิ า 30212-2007 เรยี บเรยี งตาม
จุดประสงค์รายวิชา มาตรฐานรายวิชาและอธิบายรายวิชา เป็นแผนการจัดการเรียนรู้แบบฐานสมรรถนะและ
บูรณาการหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง หลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพช้ันสูง (ปวส.) พุทธศักราช 2563
สานักงานคณะกรรมการการอาชีวศกึ ษา โดยแผนการจดั การเรียนการสอนให้บรรลตุ ามวัตถุประสงค์

แผนการจัดการเรียนรู้รายวชิ าภาษาอังกฤษเพ่ือการหางานทา รหสั วชิ า 30212-2007 มจี านวน 8
หนว่ ยการเรียนรู้ ประกอบด้วย

หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 1 Job classified
หน่วยการเรียนรทู้ ี่ 2 Job application
หน่วยการเรียนร้ทู ี่ 3 Tell me about something
หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี 4 My new job
หน่วยการเรียนรทู้ ่ี 5 On my job
หน่วยการเรียนรทู้ ี่ 6 Equipment in company
หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 7 Safety first
หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 8 Social network At Work
ผ้จู ดั ทาตงั้ ใจอยา่ งยิ่งในการจัดทาแผนการจัดการเรยี นรฉู้ บบั นี้ เพ่อื ประโยชน์สงู สดุ แกผ่ ู้เรยี น หากมี
ข้อเสนอแนะประการใด ผู้จดั ทาแผนการจัดการเรยี นรู้ ยินดีนอ้ มรับไวด้ ว้ ยความขอบคุณยง่ิ เพ่อื จะได้นา
ขอ้ เสนอแนะไปปรับปรงุ และพัฒนาการเรียนการสอนให้ดีย่งิ ขึน้ ตอ่ ไป

ลงช่ือ
(นางสาวนินูร์นี มะเด็ง)

สารบัญ

ลักษณะรายวิชา
สมรรถนะรายวชิ า
การวิเคราะหห์ น่วยการเรียนรู้
ตารางวเิ คราะห์หลักสตู ร
หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 1 Job classified
หน่วยการเรียนรู้ท่ี 2 Job application
หน่วยการเรียนรทู้ ่ี 3 Tell me about something
หน่วยการเรียนรู้ที่ 4 My new job
หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 5 On my job
หน่วยการเรยี นรูท้ ่ี 6 Equipment in company
หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 7 Safety first
หน่วยการเรยี นร้ทู ่ี 8 Social network At Work

ลักษณะรายวิชา

ช่ือวชิ า ภาษาอังกฤษเพ่อื การหางานทา รหสั วชิ า 30212-2007
ทฤษฎี 1 ปฏบิ ัติ 4 หนว่ ยกิต 3 เวลาเรียนช่วั โมงตอ่ สัปดาห์ 5 ชั่วโมง

จุดประสงค์รายวิชา
1. เขา้ ใจเกีย่ วกบคาศัพท์และสานวนภาษาองั กฤษที่ใชใ้ นการประกาศรับสมัครงาน
2. สามารถใชภ้ าษาอังกฤษเปน็ เครื่องมือในการหางาน สมัครงานและสัมภาษณง์ าน
3. มเี จตคติและกจิ นสิ ยั ท่ีดีในการปฏิบัตงิ านด้วยความรับผิดชอบ

สมรรถนะรายวิชา
1. แสดงความร้เู ก่ยี วกบั คาศัพท์ และสานวนภาษาองั กฤษทีใ่ ชใ้ นการประกาศ รบั สมคั รงาน
2. สรุปสาระสาคัญของประกาศรบั สมัครงาน
3. กรอกข้อมลู ในการสมัครงานทางอเิ ล็กทรอนิกสแ์ ละกรอกเอกสารในการสมัครงาน
4. เขียนประวัตสิ ว่ นตวั ทใี่ ช้ในการสมัครงาน
5. พดู โตต้ อบในการสมั ภาษณง์ าน
6. ปฏิบัตงิ านดว้ ยความรบั ผิดชอบ

คาอธิบายรายวิชา
ศกึ ษาและปฏบิ ตั ิเกยี่ วกับคาศัพท์ สานวน ท่ีเกี่ยวข้องกบประกาศรับสมคั รงาน ปฏิบัติการอา่ น

และสรปุ ใจความสาคัญของประกาศรับสมัครงาน วิเคราะห์คณุ สมบตั ิของผสู้ มัครงานและเลือกสมัครงาน
ไดต้ รงตามประกาศรบั สมัคร การกรอกข้อมูลในการสมัครงานทางอิเล็กทรอนกิ ส์ และการกรอกเอกสาร
ในการสมคั รงาน เขยี นประวัติสว่ นตัวท่ใี ชใ้ นการสมคั รงานและสมั ภาษณง์ าน การตอบขอบคุณทีใ่ ห้โอกาส
เขา้ รับการสัมภาษณ์

สมรรถนะรายวชิ า

ชือ่ วชิ า ภาษาอังกฤษเพอื่ การหางานทา รหสั วิชา 30212-2007

ทฤษฎี 1 ปฏิบตั ิ 4 หนว่ ยกิต 3 เวลาเรียนชั่วโมงตอ่ สัปดาห์ 5 ชวั่ โมง

หนว่ ยท่ี สมรรถนะประจาหนว่ ย ชว่ั โมง

1 1. แสดงความรู้เกยี่ วกับคาศัพท์ และสานวนภาษาอังกฤษท่ีใช้ในการประกาศ รบั สมัครงาน 10

2. สรุปสาระสาคัญของประกาศรับสมัครงาน

2 3. กรอกข้อมลู ในการสมัครงานทางอเิ ล็กทรอนิกส์และกรอกเอกสารในการสมัครงาน 10

4. เขยี นประวัติส่วนตวั ทใี่ ชใ้ นการสมคั รงาน

3 5. พูดโตต้ อบในการสัมภาษณ์งาน 10

4 6. ปฏิบตั งิ านด้วยความรบั ผดิ ชอบ 10

5 6. ปฏิบตั งิ านดว้ ยความรับผิดชอบ 10

6 6. ปฏิบัติงานด้วยความรบั ผดิ ชอบ 10

7 1. แสดงความร้เู ก่ยี วกับคาศัพท์ และสานวนภาษาอังกฤษที่ใชใ้ นการประกาศ รับสมัครงาน 10

6. ปฏิบัตงิ านด้วยความรับผิดชอบ

8 3. กรอกขอ้ มูลในการสมัครงานทางอิเล็กทรอนกิ ส์และกรอกเอกสารในการสมัครงาน 10

การวิเคราะห์หนว่ ยการเรยี นรู้

ช่ือวิชา ภาษาองั กฤษเพ่ือการหางานทา รหสั วชิ า 30212-2007

ทฤษฎี 1 ปฏบิ ัติ 4 หน่วยกติ 3 เวลาเรียนชั่วโมงตอ่ สปั ดาห์ 5 ช่ัวโมง

หนว่ ย หนว่ ยการเรยี นรู้ เวลาเรียน (ชม.)
ท่ี ทฤษฎี ปฏบิ ตั ิ รวม

1 Job classified 2 8 10

2 Job application 2 8 10

3 Tell me about something 2 8 10

4 My new job 2 8 10

สอบกลางภาค 1 45

5 On my job 2 8 10

6 Equipment in company 2 8 10

7 Safety first 2 8 10

8 Social network At Work 2 8 10

สอบปลายภาค 1 45

รวม 18 72 90

ตารางวิเคราะห์หลกั สตู ร

ช่ือวชิ า ภาษาอังกฤษเพือ่ การหางานทา รหสั วิชา 30212-2007

ทฤษฎี 1 ปฏบิ ัติ 4 หน่วยกติ 3 เวลาเรยี นช่ัวโมงต่อสปั ดาห์ 5 ช่วั โมง

พฤติกรรม พทุ ธพสิ ยั
ความรู้
ชือ่ หน่วย ความเ ้ขาใจ
1. Job classified นาไปใช้
2. Job application วิเคราะห์
สังเคราะห์
3. Tell me about something ประเมินค่า
4. My new job
สอบกลางภาค ัทกษะพิสัย
5. On my job ิจตพิสัย
รวม
6. Equipment in company ลา ัดบความสาคัญ
7. Safety first จานวนคาบ
8. Social network At Work
สอบปลายภาค 5 3 3 2 - 2 2 2 19 1 10
2 3 3 1 - 2 2 2 15 3 10
รวม 2 2 1 - - 2 1 3 11 5 10
ความสาคัญ 2 2 2 1 - 1 2 2 12 4 10

5
2 2 2 - - - 2 2 10 6 10
1 1 1 1 - 2 1 2 9 7 10
1 1 1 - - 1 2 2 8 8 10
3 3 3 2 - 2 2 1 16 2 10

5
18 17 16 7 - 12 14 16 100 - 90
123 7 - 6 5 3 - - -

แผนการจดั การเรยี นรมู้ ุง่ เนน้ สมรรถนะ หนว่ ยท่ี 1

ชอื่ หน่วย job classified สัปดาหท์ ี่ 1-2
จานวน 10 ช่ัวโมง

1. สาระสาคญั

ศกึ ษาคาศัพท์ สานวน และโครงสรา้ งภาษา ท่ีใช้ในการสมคั รงาน คณุ สมบตั ิผูส้ มัคร ข้อมูลส่วนตวั
ข้อมูลการศึกษา ประสบการณท์ างาน ผู้รบั รองผสู้ มัคร อา่ นและสรปุ ใจความสาคญั จากประกาศรบั สมคั รงาน
เขียนจดหมายสมัครงาน ประวัตยิ อ่ หนงั สือรบั รองการทางาน ประวตั ิส่วนตัว กรอกแบบฟอร์มใบสมคั ร
ประเภทต่าง ๆ ฝึกปฏบิ ตั ิโต้ตอบการสมั ภาษณ์งาน สืบค้นและนาเสนอข้อมลู หางานทาจากแหล่งความรู้ตา่ ง ๆ
เชน่ อนิ เตอรเ์ นต็ หนังสอื พมิ พ์ ฯลฯ
2. สมรรถนะประจาหน่วย

2.1 แสดงความรเู้ กยี่ วกบั คาศัพท์ และสานวนภาษาองั กฤษท่ใี ช้ในการประกาศ รบั สมัครงาน
2.2 สรปุ สาระสาคัญของประกาศรบั สมัครงาน
3. จดุ ประสงค์การเรียนรู้ประจาหน่วย
3.1 จุดประสงคท์ ่ัวไป

3.1.1 สามารถใช้ภาษาอังกฤษในการสมัครงานได้
3.2 จดุ ประสงคเ์ ชิงพฤติกรรม

3.2.1 ดา้ นความรู้
1) ร้คู าศัพท์เกยี่ วกับการสมคั รงาน
2) อา่ นประกาศงานภาษาองั กฤษได้
3.2.2 ดา้ นทกั ษะ
1) กรอกใบสมคั รภาษาอังกฤษได้
3.2.3 คณุ ลกั ษณะที่พ่ึงประสงค์
1) มคี วามใฝร่ ู้

แผนการจดั การเรียนรมู้ ุง่ เนน้ สมรรถนะ หนว่ ยท่ี 1

ชอ่ื หน่วย job classified สัปดาห์ท่ี 1-2
จานวน 10 ชั่วโมง

4. เน้อื หาสาระการเรียนรู้
4.1 คาศพั ท์ สานวน และโครงสรา้ งภาษาในการสมัครงาน
4.2 อา่ นและสรุปใจความสาคัญจากประกาศรับสมัครงาน

5. กิจกรรมการเรียนรู้
สัปดาหท์ ่ี 1
5.1 การนาเข้าสูบ่ ทเรยี น

1. ผสู้ อนมอบหมายให้ผเู้ รียนเตรียมประกาศรบั สมัครงานที่สืบค้นมาจากหนังสือพมิ พค์ อลัมน์สมคั รงาน
หรอื ปริ้นเอกสารมาจากเวบ็ ไซตจ์ ดั หางาน ก่อนชวั่ เรยี นในสปั ดาหน์ (ี้ อาจมอบหมายผ่านหวั หน้าหอ้ งหรือส่งั เป็น
การบ้านก่อนเข้าสอน)

2. ผู้สอนใหผ้ เู้ รยี นนาเสนอชอ่ื ตาแหนง่ งานที่ตนเองสืบค้นใหเ้ พื่อนในชั้นเรยี นฟงั รว่ มกนั หรอื อาจใช้วิธีจด
บนกระดาน เพอื่ ให้ผู้เรยี นจดชือ่ ตาแหนง่ งานต่าง ๆ ไวใ้ นสมุดบันทกึ ของตนเอง (ผสู้ อนควรพิจารณาชือ่
ตาแหนง่ ไม่ใหซ้ ้ากัน)

3. ผ้สู อนกลา่ วกับผเู้ รียนว่าในวันนีจ้ ะแนะนาใหผ้ ู้เรยี นร้จู ัก ตาแหนง่ งานทปี่ ระกาศรับสมคั รงาน มี
ตาแหนง่ อะไรบ้าง

5.2 การเรยี นรู้

1. ผู้สอนกล่าวถึงโครงสร้างในองคก์ รแบ่งออกเปน็ ดงั น้ี

Company Structure

จากแผนภูมสิ ามารถอธบิ ายได้วา่ โครงสรา้ งขององค์กร สามารถแบ่งออกเปน็ 3 ระดบั ดังนี้

หัวหน้างานระดับสงู ได้แก่ Chairperson หรอื President แปลว่า ประธานบรษิ ัท เปน็ ผ้กู ่อตง้ั บริษทั
และได้รบั การแต่งตัง้ จากคณะกรรมการบริษัทให้ดารงตาแหน่งประธานของบรษิ ัท ลาดบั ถัดไป ถือเป็นกลุ่ม
คณะบุคคลท่ีเปน็ ผกู้ าหนดนโยบายและแนวทางในการบรหิ ารองค์กร เรียกว่า Board of directors แปลว่า
คณะกรรมการบรษิ ทั ซึ่งคณะบุคคลกลุ่มน้ีมักมาจากผถู้ ือหุ้นจานวนมากของบริษัท และตาแหน่งหัวหน้างาน
ฝา่ ยบริหารลาดับสดุ ท้ายคือ Managing Director(MD) หรือ Chief Executive Officer(CEO) แปลวา่
กรรมการผ้จู ดั การ ถือว่าเปน็ หวั หนา้ ฝา่ ยบรหิ าร หรือเปน็ ผู้บังคับบญั ชาสงู สุดของหวั หนา้ งานระดับลา่ งและ
พนกั งานของบริษัท อยา่ งไรก็ตาม ตาแหนง่ หวั หน้างานระดับสูงมีการเปิดรบั สมัครนอ้ ย เพราะจะเปน็ การสรร
หาจากฝ่ายบรหิ ารโดยตรง

หวั หน้างานระดบั ล่าง ได้แก่ ผู้จดั การแผนกตา่ ง ๆ โดยมชี ่ือตาแหน่งแตกต่างไปตามแผนก เรียกว่า
Department manager โดยในบริษทั หนงึ่ จะมแี ผนกแตกต่างไปตามลกั ษณะประเภทของธรุ กิจ เชน่
Marketing manager(ผู้จัดการฝา่ ยการตลาด) Accounting manager(ผ้จู ัดการฝา่ ยบัญชี) HR manager(
ผูจ้ ัดการฝา่ ยบุคคล) เปน็ ต้น

ผ้ใู ต้บังคับบัญชา (subordinate) หมายถงึ พนักงานในแผนกตา่ ง ๆ ขององค์กร ตาแหน่งทีเ่ ปิดรับ
สมัครงานสว่ นใหญ่ จงึ มกั มาจากความต้องการของผจู้ ัดการแผนกต่าง ๆ ในการจัดการงานให้เปน็ ไปตาม
นโยบายฝา่ ยบรหิ ารฯ

2. ผสู้ อนกลา่ วว่าในบทเรียนน้ีจะกล่าวถงึ ตาแหน่งงานต่าง ๆ ทมี่ กั ปรากฏในโฆษณาประกาศรบั สมัครงาน

3. ผู้สอนถามผเู้ รยี นวา่ คาศัพท์ท้ัง 2 คา มีความหมายว่าอย่างไร ให้ผู้เรยี นช่วยกันอภปิ ราย

Job vacancy ตำแหนง่ งำนทเี่ ปิดรบั สมคั ร

Job title
Job position

4. ผสู้ อนให้ผเู้ รยี นดู Activity 2.1-2.3 หน้า 9 โดยฟังคลปิ อ่านออกเสยี งตาแหน่งงานตา่ ง ๆ หลงั จากน้ัน
ใหผ้ เู้ รียนจับกลุ่มชว่ ยกันอภปิ รายวา่ มชี อ่ื ตาแหนง่ งานใดบ้างและแปลความ หมายร่วมกนั เม่ือครบกาหนดเวลา
ผสู้ อนสรปุ ความหมายและจาแนกชื่อตาแหนง่ งานใหผ้ เู้ รียนรวู้ า่ ตาแหน่งงานตา่ ง ๆ ควรจะอย่ใู นแผนกใดบ้าง

5.3 การสรปุ

1. ผู้สอนใหผ้ เู้ รยี นดู Activity 2.4-2.5 หน้า 10 ทบทวนเกี่ยวกับตาแหน่งงานต่าง ๆ โดยฟังบทสนทนาใน
คลปิ เสียง และดู Activity 2.6 หน้า 10 โดยใหผ้ เู้ รียนจาแนกคาศัพทว์ า่ คาใดเป็น occupation และ คาใดเป็น
job title

2. ผู้สอนและผู้เรียนเฉลยแบบฝึกหัดรว่ มกนั

สัปดาหท์ ่ี 2
5.1 การนาเขา้ สบู่ ทเรยี น

1. ผูส้ อนฉายPowerPoint ใหผ้ เู้ รียนดอู งค์ประกอบที่สาคญั ของประกาศรับสมคั รงาน ดังน้ี

Main elements of a job advertisement
• Brief introduction to the employer/ company
• Required positions & qualifications
• Remuneration & Benefits
• Recommendations on how to apply for the job
• Contact details

2. ผู้สอนให้ผู้เรยี นนาประกาศรับสมัครงานท่ีเคยมอบหมายให้นามาเรยี นในชั่วโมงเรียนแรกของบทเรียนน้ี
และนามาเรียนในวันนอ้ี กี ครั้งหนึ่ง และรว่ มกนั อภิปรายกับเพ่อื นในช้นั เรยี นว่า ประกาศโฆษณาสมัครงานของ
ตนเอง มีองค์ประกอบครบหรือไม่ จากทีผ่ ูส้ อนนาเสนอผา่ นส่อื PowerPoint

5.2 การเรยี นรู้
1. ผสู้ อนอธิบายองคป์ ระกอบของประกาศรับสมัครงาน ดังน้ี
1.1 Brief introduction to the employer/ company คือ สว่ นแรกของประกาศรับสมคั รงานให้

ข้อมลู เกย่ี วกับองค์กร และบอกนโยบายของการรับสมัครงานในตาแหน่งต่าง ๆ
1.2 Required positions & qualifications คอื ส่วนทบ่ี ริษัทบอกตาแหน่งที่เปิดรบั สมัครและให้ข้อมลู

คณุ สมบัติ(qualifications)ของผูท้ ี่ตอ้ งการสมคั รงานในตาแหนง่ ดงั กลา่ ว นอกจากนนั้ ยังพบวา่ บางครง้ั ยงั ให้
รายละเอยี ดของงาน (job description) ในส่วนน้ดี ว้ ย

1.3 Remuneration & Benefits คือ การให้ข้อมลู ผสู้ มคั รงานเก่ียวกบั ค่าตอบแทน และผลประโยชนท์ ี่
ผู้สมคั รจะได้รับ ถา้ ผ่านการคัดเลอื กเปน็ พนกั งานขององค์กร

1.4 Recommendations on how to apply for the job คือ การใหค้ าแนะนาในการสมคั ร เช่น
วธิ ีการสมัคร เอกสารที่จาเป็นต้องแนบพรอ้ มการสมัครงาน

1.5 Contact details คือ ส่วนของที่อยู่ หมายเลขโทรศพั ท์ และอีเมล สาหรับการสง่
เอกสารหรอื ใบสมคั รไปยงั ผู้จ้างงาน

2. ผ้สู อนใหผ้ เู้ รยี นดู Activity 2.21 หนา้ 18 จากสอ่ื PowerPoint เพื่อให้ผูเ้ รียนดูองคป์ ระกอบของ
ประกาศรับสมัครงานรว่ มกัน ดังน้ี

3. ผู้สอนถามผู้เรยี นวา่ จากประกาศโฆษณาสมัครงานน้ี มีขอ้ มูลหวั ข้อใดท่ีไม่ปรากฏในประกาศ และให้
ผเู้ รียนอภิปรายรว่ มกัน (แนวคาตอบคอื หัวข้อ Remuneration & Benefits ไมป่ รากฏในประกาศรับสมัคร
งานดงั กล่าว ดงั น้ัน อาจส่งผลตอ่ การตัดสินใจสมัคร เพราะหวั ข้อน้เี ปน็ แรงจงู ใจที่ให้ผสู้ มัครสนใจสมัครงานกบั
บริษัทย่งิ ขึน้ )

4. หลังจากผูส้ อนอธิบายองค์ประกอบทส่ี าคญั ของประกาศรับสมัครงานเสรจ็ แล้ว ผสู้ อนใหผ้ ู้เรียนดู
Activity 2.7, 2.10-2.11 หน้า 11 และ13 ตามลาดับ เพอื่ ทบทวนและดูตวั อยา่ งจากหนังสือเพิ่มเก่ยี วกับ
องคป์ ระกอบของประกาศรับสมัครงาน

5. ผสู้ อนกล่าวถงึ เพ่ิมเติมถึงความแตกตา่ งของคาว่า Job description และ Job specification ดงั น้ี

Job Description
a list of responsibilities that you have and the duties that you are expected to
perform in your work.

กำรนำเสนอรำยละเอยี ดเก่ียวกบั หนำ้ ท่แี ละควำมรบั ผดิ ชอบในตำแหนง่ งำน

Job Specification
a statement about a job that includes skills, experience and personal qualities
that you need in order to do the job.

ขอ้ ควำมที่ระบทุ กั ษะ ประสบกำรณ์ และคณุ สมบตั ิเฉพำะ ทต่ี ำแหนง่ งำนทเ่ี ปิดรบั ตอ้ งกำรจำก
ผสู้ มคั รงำน

6. ผ้สู อนใหผ้ ูเ้ รียนดูตวั อย่างเพิ่มเติมประกาศรับสมัครงานจาก Activity 2.18-2.20 หนา้ 17 วา่ ขอ้ มลู ใด
เปน็ Job description และ Job specification และจาแนกความแตกต่างของข้อมลู ทั้งสองประเภทได้

5.3 การสรปุ

1. ผู้สอนใหผ้ ูเ้ รียนทา Activity 2.8- 2.9 หน้า 12 โดยใหผ้ เู้ รยี นอ่านประกาศรับสมัครงานและพจิ ารณา
คณุ สมบัติของผสู้ มัครทีเ่ หมาะสมกบั ตาแหนง่ งานที่เปดิ รับสมัคร กิจกรรมดงั กลา่ วจะทดสอบ

การนาความรู้จากการศกึ ษาองค์ประกอบของประกาศรบั สมคั รงานไปใชใ้ นการสบื ค้นตาแหนง่ ทีเ่ หมาะสม
กับตนเองไดห้ รือไม่

2. ผู้สอนให้ผู้เรียนทา Activity 2.10- 2.12 หนา้ 13 ทบทวนคาศัพทเ์ รื่อง Remuneration & Benefits
3. ผสู้ อนให้ผเู้ รียนทา Activity 2.13 หนา้ 14 ทบทวนคาศัพท์เรื่อง How to apply for a job
4. ผสู้ อนให้ผู้เรียนทา Activity 2.14 หน้า 15 ทบทวนคาศพั ท์เร่ือง Contact details
5. ผสู้ อนใหผ้ เู้ รียนทบทวนบทเรียนท่ี 2 โดยทา แบบฝกึ หดั ในหัวข้อ Monitor your progress เป็น
การบ้าน
6. ผสู้ อนมอบหมายใบงานท่ี 2 (คะแนนทักษะพสิ ยั บทท่ี2) โดยวิเคราะห์องค์ประกอบของประกาศรบั สมัคร
งาน ตามตัวอย่างทผ่ี สู้ อนนาเสนอในสือ่ PowerPoint (ดูตัวอยา่ งข้อ4)

แผนการจัดการเรยี นรมู้ งุ่ เน้นสมรรถนะ หน่วยท่ี 1
สปั ดาห์ที่ 1-2
ช่ือหน่วย job classified จานวน 10 ช่ัวโมง

สือ่ การเรียนรู้/แหลง่ การเรียนรู้
6.1 สือ่ สิ่งพิมพ์
- เอกสารประกอบการเรียนวิชาภาษาองั กฤษเพ่ือการหางานทา
6.2 ส่อื โสตทัศน์ (ถา้ มี)
- power point
6.3 หนุ่ จาลองหรือของจริง (ถ้ามี)

- ไม่ม-ี
6.4 อืน่ ๆ (ถ้ามี)

- ไมม่ -ี
7. เอกสารประกอบการจัดการเรียนรู้ (ใบความรู้ ใบงาน ใบมอบหมายงาน ฯลฯ)

- ไมม่ -ี
8. การบรู ณาการ/ความสมั พันธ์กบั วิชาอนื่

- ไม่มี -
9. การวดั ผลและประเมนิ ผล

9.1 เครอ่ื งมือประเมิน
1. แบบสงั เกตพฤติกรรมรายบุคคล
2. แบบประเมนิ พฤติกรรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรมกลมุ่
3. แบบประเมนิ คุณธรรม จรยิ ธรรม คา่ นิยม และคุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์
9.2 เกณฑก์ ารประเมนิ
- ทดสอบหลังเรยี นเกณฑ์ผา่ นรอ้ ยละ 50 ขึ้นไป
- ประเมินคุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์ตามสภาพจรงิ

แผนการจดั การเรยี นรมู้ ุ่งเนน้ สมรรถนะ หนว่ ยท่ี 1

ชอื่ หน่วย job classified สปั ดาหท์ ่ี 1-2
จานวน 10 ชั่วโมง

10. บันทึกหลังสอน
10.1 ผลการใช้แผนการจดั การเรยี นรู้

............................................................................................................................. ....................................................
............................................................................................................................. ....................................................
.................................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. ....................................................

10.2 ผลการเรยี นร้ขู องนกั เรยี น นกั ศึกษา
............................................................................................................................. ....................................................
......................................................................................................................................... ........................................
.................................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. ....................................................

10.3 แนวทางการพัฒนาคณุ ภาพการเรยี นรู้
............................................................................................................................. ....................................................
....................................................................................................................................................... ..........................
.................................................................................. ...............................................................................................
............................................................................................................................. ....................................................

แผนการจัดการเรียนรมู้ ุง่ เน้นสมรรถนะ หนว่ ยที่ 2

ช่ือหน่วย Job application สปั ดาห์ท่ี 3-4
จานวน 10 ช่ัวโมง

1. สาระสาคญั

ข้ันตอนสาคัญสาหรับการสมัครงานนอกเหนอื จากการเขยี นประวตั ิย่อและจดหมายสมคั รงานคือ การ
กรอกแบบฟอรม์ ใบสมคั รงานและการสมั ภาษณ์งาน ใน Unit น้ี ผู้เรียนจะไดเ้ รียนรแู้ ละฝึกทักษะการกรอก
แบบฟอร์มใบสมัครงานผ่านระบบออนไลน์และสานวนภาษาในการถาม-ตอบเกี่ยวกับการสมั ภาษณ์งาน

2. สมรรถนะประจาหน่วย
2.1 กรอกข้อมูลในการสมัครงานทางอิเลก็ ทรอนิกสแ์ ละกรอกเอกสารในการสมัครงาน
2.2 เขียนประวตั สิ ว่ นตวั ท่ใี ช้ในการสมัครงาน

3. จุดประสงคก์ ารเรยี นร้ปู ระจาหนว่ ย
3.1 จุดประสงค์ทั่วไป
3.1.1 สามารถใช้ภาษาอังกฤษในการกรอกแบบฟอร์มใบสมคั รได้
3.2 จุดประสงค์เชงิ พฤตกิ รรม
3.2.1 ด้านความรู้
1) ร้แู ละเขา้ ใจการกรอกแบบฟอรม์ ใบสมคั รงาน
2) รู้จกั บทสนทนาที่เกย่ี วกับการสัมภาษณ์งาน
3) ใชค้ าศัพท์ท่เี กี่ยวข้องกบั การสมัครงานได้อยา่ งถกู ต้องและเหมาะสม
4) เข้าใจความแตกต่างระหว่างการสมัครงานแบบไปสมคั รด้วยตนเอง(walk-in) และแบบผ่านระบบ
ออนไลน(์ online)
3.2.2 ดา้ นทกั ษะ
1) สามารถแนะนาตวั ในการสมั ภาษณ์งานได้
2) สามารถใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศเพื่อการสืบค้นตาแหนง่ งานจากเวบ็ ไซต์จดั หางานได้
3.2.3 คณุ ลกั ษณะท่ีพ่ึงประสงค์
มีความรับผิดชอบ

แผนการจดั การเรยี นรมู้ ุ่งเน้นสมรรถนะ หน่วยท่ี 2

ช่ือหน่วย Job application สัปดาห์ท่ี 3-4
จานวน 10 ช่ัวโมง

4. เน้ือหาสาระการเรยี นรู้
4.1 แบบฟอรม์ ใบสมัครงาน
4.2 การสัมภาษณง์ าน
4.3 การแนะนาตวั ในการสมั ภาษณง์ าน
4.4 การสมัครงานแบบไปสมคั รด้วยตนเอง(walk-in) และแบบผา่ นระบบออนไลน์(online)
4.5 เวบ็ ไซตจ์ ัดหางาน
4.6 บรษิ ทั จดั หางาน
4.7 คาศัพท์ท่เี ก่ยี วข้องกบั การสมัครงาน

5. กิจกรรมการเรยี นรู้
สัปดาหท์ ่ี 3
5.1 การนาเข้าส่บู ทเรียน

1. ผสู้ อนนาเสนอคาศัพท์ผา่ นสือ่ PowerPoint ดังน้ี

Application Form

Job Application Form

Application Form for Employment

2. ผู้สอนถามความหมายของคาศัพทท์ ั้งสามคาวา่ มีความเหมือนหรือแตกตา่ งกนั อย่างไร
(แนวคาตอบ แบบฟอร์มสาหรบั สมคั รงาน)

3. ผสู้ อนให้ผู้เรียนเปิดหนังสอื หน้า 54-55 เพือ่ ดตู ัวอย่างแบบฟอร์มสาหรับสมัครงาน ผู้สอนถามนาวา่
ผเู้ รยี น

สามารถสงั เกตได้หรือไมว่ า่ Job Application Form(แบบฟอรม์ สาหรับสมัครงาน) มีลักษณะ
คลา้ ยคลงึ กับ

Resume(ประวัติส่วนตวั ) ในหัวใดบ้าง

5.2 การเรยี นรู้

1. หลงั จากผสู้ อนให้ผเู้ รียนอภปิ รายเปรยี บเทยี บองค์ประกอบของ Job Application Form และ

Resume

รว่ มกันแล้ว ผสู้ อนนาเสนอองค์ประกอบของ Job Application Form ดงั น้ี
Elements of job application form

- Date วนั ที่ (กรอกใบสมคั รงาน)
- Position applied for (ตาแหน่งท่ตี อ้ งการสมัคร)
- Expected Salary (เงนิ เดือนทค่ี าดหวัง)
- Personal details (ข้อมลู สว่ นตัว)
- Education (การศึกษา)
- Work experience (ประสบการณท์ างาน)
- Foreign language (ภาษาต่างประเทศ)
- Computer skill (ทกั ษะทางคอมพวิ เตอร์)
- Other abilities (ความสามารถอนื่ ๆ)
- Reference (บคุ คลอา้ งองิ )
2. ผู้สอนอธบิ ายคาศัพทต์ า่ ง ๆ และองค์ประกอบพเิ ศษของ Job Application Form ทีแ่ ตกตา่ งจาก

Resume หนา้ 54-55 ดังนี้

สว่ นนจี้ ำเป็นตอ้ งใสใ่ นกำรกรอก Application
Application Form Form มี
องคป์ ระกอบ
คลำ้ ยคลงึ กบั

Resume แตก่ ็มี
ควำมแตกตำ่ งกนั

บำงประกำร

Photo ถือเป็น
สงิ่ สำคญั ในกำร
กรอกเอกสำร

สมคั รงำน

คำถำมที่มกั ปรำกฏใน
กำรกรอก

Application
Form

คำถำมที่มกั ปรำกฏใน
กำรกรอก
Application
Form

กำรลงนำมยนื ยนั
ขอ้ มลู ใน
Application
Form วำ่ ขอ้ มลู เป็น
จรงิ มคี วำมสำคญั มำก

3. ผสู้ อนเพ่ิมเติมการใช้ verb เกีย่ วกับการกรอกใบสมัครงาน ดงั น้ี
- Verb to fill in/ complete/ fill out+ application form แปลวา่ กรอกแบบฟอร์ม
- Verb to send off+ application form แปลวา่ ส่งแบบฟอร์มสมัครงาน

หลังจากนน้ั ผ้สู อนยกตวั อย่างการใชป้ ระโยคจากคาศพั ทด์ ังกลา่ วจากส่อื PowerPoint เพมิ่ เตมิ
5.3 การสรุป

1. ผสู้ อนใหผ้ ้เู รียนทบทวนความเข้าใจองค์ประกอบของ application form โดยทา Activity 5.3 หน้า
56-57 และทบทวนความหมายของคากรยิ าทใ่ี ชใ้ นสานวนการกรอกและสง่ ใบสมัครงาน โดยทา Activity 5.4-
5.5 หน้า 58

2. ผูส้ อนให้ผเู้ รียนฝึกกรอกใบสมคั รงานของตนเอง โดยใชร้ ูปแบบของใบสมคั รงานในหนา้ 54-55 เป็น
แนวทาง (ใบงานที่ 5 เก็บคะแนนทักษะพิสยั บทเรียนที่ 5)

สัปดาห์ที่ 4
5.1 การนาเขา้ สบู่ ทเรียน

1. ผ้สู อนให้ผู้เรียนดู Activity 5.6 หน้า 59 โดยเปิดคลปิ เสยี งการสนทนาถาม-ตอบ เกีย่ วกับการ
สัมภาษณ์งาน

แล้วให้ผู้เรียนร่วมกันอภปิ รายวา่ ผูถ้ กู สมั ภาษณ์มีการแนะนาตนเองอย่างไร
5.2 การเรยี นรู้

1. หลังจากลองใหผ้ เู้ รียนจับประเดน็ จากการสนทนาเสร็จแล้ว ผ้สู อนใช้สื่อPowerPoint เปิดประเด็น
คาถาม และอธบิ ายคาจากัดความของหวั ข้อในการเรียน ดังน้ี “What is a job interview?”
แนวคาตอบ A job interview is an interview consisting of a conversation between a job
applicant and a representative of an employer which is conducted to assess whether the
applicant should be hired. Interviews are one of the most popularly used devices for
employee selection. ผู้สอนใหผ้ ูเ้ รียนลองอธบิ ายคาจากัดความดว้ ยตนเองในช้นั เรยี นร่วมกนั กอ่ น หลังจาก
นนั้ จงึ สรปุ สาระสาคัญอกี คร้ัง

2. ผู้สอนใหผ้ ู้เรียนดู Activity 5.6 หนา้ 59 อกี คร้ัง และอธบิ ายแนวทางในการตอบคาถาม เม่ือถูกคา
สัมภาษณ์ โดยอธิบายความหมายของคาถามท่ีมกั ถูกสัมภาษณ์ พร้อมแนวทางการตอบโดย ใชส้ อ่ื PowerPoint
ดังน้ี

แนวคาถามทใี่ ชใ้ นการสมั ภาษณ์งาน
• Please tell me about yourself. (โปรดแนะนาตัวเองใหเ้ ราไดร้ จู้ กั คุณ)
• Why do you want to apply for this job? (เพราะเหตุใด คุณจึงต้องการสมคั รงานใน
ตาแหน่งนี้)
• What do you know about our company? (คุณรูจ้ ักอะไรบา้ งทเ่ี กยี่ วกบั บริษัท)
• What are your strong points / strengths? (จดุ เด่นของคุณคืออะไร)
• What are your weak points / weaknesses? (จดุ ดอ้ ยของคณุ คอื อะไร)
• Why should we hire you? (เพราะเหตุใด บรษิ ทั จงึ ควรจ้างคณุ )

3. ผู้สอนให้ผเู้ รียนดู Activity 5.8 หน้า 61 ดตู ัวอย่างการสนทนาเพ่ือการสมั ภาษณ์งาน

4. ผู้สอนสรุปคาศพั ท์และสานวนท่ีควรรู้จากสอ่ื PowerPoint ใหผ้ ู้เรียนเพ่ิมเติม และให้ผเู้ รียนจับคู่สวม

บทบาท เปน็ ผู้สมั ภาษณ์และผสู้ มคั ร พลดั กนั ฝึกสนทนาดังกล่าว

5. ผ้สู อนอธิบายความแตกต่างของคาว่า “A walk- in interview” หมายถึง การไปสมั ภาษณง์ านโดย

เดินทางไปท่ีบริษัท และคาว่า “applying a job online” หมายถึง การสมัครงานผ่านเว็บไซต์สมคั รงาน

หลังจากนัน้ ผสู้ อนยกตัวอย่างเว็บไซตส์ มัครงานจาก Activity 5.14 หน้า 65 ผเู้ รียนทดลองเข้าไปสบื ค้นผา่

โทรศพั ท์มอื ถือ

6. ผสู้ อนอธบิ ายเพิ่มเติมเกย่ี วกับคาศัพทบ์ รษิ ัทจัดหางานแบบออนไลน์ ดังนี้

- Headhunter

- Headhunting company บรษิ ัทจดั หำงำน
- Headhunting firm

- Recruitment agency service

นอกจากนั้นยกตัวอย่างบรษิ ัท Headhunter ทีไ่ ดร้ ับความนิยมในประเทศไทยผา่ นสือ่ PowerPoint

5.3 การสรุป

1. ผูส้ อนให้ผ้เู รียนทา Activity 5.9 หน้า 62 ตอบคาถามจากการฟงั บทสนทนาใน Activity 5.8

2. ผสู้ อนให้ผู้เรยี นฟงั บทสนทนาจาก Activity 5.12 หนา้ 64 และทา Activity 5.13หนา้ 65 ทบทวน

ความเขา้ ใจเกี่ยวกบั การสมคั รงานแบบ A walk- in interview และ applying a job online

3. ผสู้ อนให้ผู้เรยี นทา Activity 5.18 หน้า 68 และMonitor your progressทบทวนบทเรยี นท่ี 5 และ

เปน็ การบ้าน

แผนการจัดการเรียนรมู้ ่งุ เนน้ สมรรถนะ หน่วยที่ 2
สปั ดาหท์ ี่ 3-4
ชื่อหน่วย Job application จานวน 10 ช่ัวโมง

สอื่ การเรยี นรู้/แหลง่ การเรยี นรู้
6.1 สือ่ ส่ิงพิมพ์
- เอกสารประกอบการเรียนวชิ าภาษาองั กฤษเพอ่ื การหางานทา
6.2 สอ่ื โสตทัศน์ (ถา้ มี)
- power point
6.3 ห่นุ จาลองหรอื ของจรงิ (ถา้ มี)
- ไม่ม-ี
6.4 อนื่ ๆ (ถา้ มี)
- ไมม่ -ี

7. เอกสารประกอบการจัดการเรียนรู้ (ใบความรู้ ใบงาน ใบมอบหมายงาน ฯลฯ)
- ไมม่ -ี

8. การบูรณาการ/ความสัมพันธก์ ับวิชาอน่ื
- ไม่มี -

9. การวัดผลและประเมนิ ผล
9.1 เคร่อื งมือประเมิน
1. แบบสังเกตพฤติกรรมรายบุคคล
2. แบบประเมินพฤติกรรมการเขา้ ร่วมกิจกรรมกลุ่ม
3. แบบประเมนิ คุณธรรม จรยิ ธรรม คา่ นิยม และคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์

9.2 เกณฑก์ ารประเมนิ
- ทดสอบหลังเรยี นเกณฑ์ผ่านรอ้ ยละ 50 ข้นึ ไป
- ประเมินคุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ตามสภาพจรงิ

แผนการจัดการเรยี นรมู้ ุ่งเน้นสมรรถนะ หน่วยที่ 2

ชื่อหน่วย Job application สปั ดาห์ที่ 3-4
จานวน 10 ช่ัวโมง

10. บันทึกหลังสอน
10.1 ผลการใชแ้ ผนการจัดการเรยี นรู้

............................................................................................................................. ....................................................
.................................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. ....................................................
............................................................................................................................. ....................................................

10.2 ผลการเรยี นรขู้ องนกั เรียน นักศึกษา
......................................................................................................................................... ........................................
.................................................................................................................................................................................
................................................................................................................ .................................................................
.................................................................................................................................................................................

10.3 แนวทางการพัฒนาคุณภาพการเรยี นรู้
.................................................................................................................. ...............................................................
..................................................................................................................................................................... ............
...................................................................................................................... ...........................................................
............................................................................................ .....................................................................................

แผนการจดั การเรยี นรมู้ งุ่ เนน้ สมรรถนะ หน่วยที่ 3

ชอ่ื หน่วย Tell me about something สัปดาห์ที่ 5-6
จานวน 10 ชั่วโมง

1. สาระสาคัญ
การเขยี นประวตั สิ ว่ นตัวคือทักษะสาคัญในการนาเสนอข้อมลู ส่วนบุคคลของผสู้ มคั รงานในด้านต่าง ๆ

ไดแ้ ก่ ขอ้ มูลสว่ นตัว วตั ถุประสงค์ในการสมัครงาน ประวตั ิการศกึ ษา ประสบการณ์ การทางาน ทักษะและ
ความสามารถ และบุคคลอา้ งอิง ใน Unit นี้ จะนาเสนอทักษะ ภาษาอังกฤษในการเขยี นประวัติยอ่
2. สมรรถนะประจาหน่วย

2.1 เขยี นจดหมายสมคั รงานและประวัติย่อ
2.2 ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศพฒั นาทักษะภาษาองั กฤษเพ่อื การสมคั รงานและการปฏิบัติงานอาชีพ
3. จดุ ประสงค์การเรยี นรูป้ ระจาหนว่ ย
3.1 จุดประสงคท์ ั่วไป

3.1.1 สามารถเขียนจดหมายสมคั รงานเปน็ ภาษาอังกฤษได้
3.2 จดุ ประสงค์เชิงพฤติกรรม

3.2.1 ด้านความรู้
1) รูจ้ กั องคป์ ระกอบของโครงสร้างประวตั ิย่อ
2) สามารถอธิบายการนาเสนอแตล่ ะองค์ประกอบของโครงสรา้ งประวตั ิย่อได้
3.2.2 ดา้ นทกั ษะ
1) จาแนกความแตกต่างของรูปแบบการนาเสนอประวัติยอ่ แบบต่าง ๆ ได้
2) ใชค้ าศัพท์และสานวนในการเขียนประวตั ยิ ่อได้ถูกต้องเหมาะสม
3.2.3 คุณลักษณะที่พ่งึ ประสงค์
1) มวี ินยั
4. เน้ือหาสาระการเรียนรู้
4.1 องค์ประกอบของโครงสรา้ งประวัติยอ่
4.2 ตวั อย่างการนาเสนอแตล่ ะองค์ประกอบของโครงสรา้ งประวตั ยิ ่อ
4.3 รปู แบบการนาเสนอประวัตยิ อ่ แบบตา่ ง ๆ
4.4 คาศัพทแ์ ละสานวนทีใ่ ช้ในการเขยี นประวตั ิยอ่

5. กจิ กรรมการเรียนรู้

สัปดาหท์ ี่ 5
5.1 การนาเขา้ สู่บทเรียน

1. ผู้สอนนาเสนอคาวา่ Resume และ Curriculum Vitae ผา่ นสือ่ PowerPoint
2. ผู้สอนถามผู้เรียนว่า Resume และ Curriculum Vitae มคี วามเหมอื นหรือแตกตา่ งกนั อย่างไร
5.2 การเรยี นรู้
1. ผูส้ อนอธบิ ายความหมายของคาว่า Resume และ Curriculum Vitae ผ่านส่ือ PowerPoint ดังนี้
Résumé มาจากภาษาฝรงั่ เศส โดยปัจจบุ นั คาวา่ résumé ใช้ในภาษาองั กฤษแบบ อเมริกัน หมายถงึ การ
เขยี นประวตั ิส่วนตัวเกีย่ วกบั การศึกษา ประสบการณใ์ นการทางาน และสง่ ไปพร้อมกับการสมคั รงาน อย่างไร
ก็ตาม คนอังกฤษนยิ มใช้คาวา่ curriculum vitae (CV) มากกวา่ Résumé means a written record of
your education and the jobs you have done, that you send when you are applying for a job.
Example:
You can post your résumé on the website free of charge.
Send a full CV with your job application.
2. ผูส้ อนอธิบายองคป์ ระกอบของ Resume มีดังน้ี

Main Elements of a Resume
• Heading
• Personal details / Personal information
• Job objective / Career objective / Objective
• Education / Educational background
• Work experience
• Skills
• Interests
• Reference / Referee
3. ผู้สอนใหผ้ เู้ รียนดอู งค์ประกอบของประวัติสว่ นตัวจากหนังสือ หน้า 26- 30 ดงั นี้

3.1 หวั ขอ้ แรกของประวตั สิ ว่ นตวั มกั ใส่รายละเอียดชื่อ ขอ้ มลู ส่วนตัวของผสู้ มคั ร และมักมีการใส่รูป
ในสว่ นน้ีอกี ด้วย ดงั น้ี

ขอ้ สังเกตทน่ี ่าสนใจในสวนนคี้ ือ การพิมพ์ชื่อ-สกลุ ของเจ้าของประวัตสิ ว่ นตวั สามารถพิมพ์ดว้ ย
ตวั อักษรพมิ พใ์ หญ่ทง้ั หมดใหโ้ ดเด่นกวา่ ข้อมลู สว่ นอื่น เชน่ จากตัวอย่างข้างต้นสามารถพิมพ์ชือ่ -สกลุ เช่น
SURAPONG DEANGDEE ก็จะทาให้ช่ือ-สกุล ดูดงึ ดดู ใจผู้อา่ นยิ่งขึ้น สว่ นรปู ภาพควรใช้ภาพถา่ ยปจั จุบนั และ
แต่งกายสภุ าพในชดุ ทางการมากกว่าชดุ นักศึกษา นอกจากนั้นหมายเลขโทรศัพท์และอเี มลต้องสามารถติดต่อ
ไปยังผู้สมคั รไดโ้ ดยตรง กรณีที่ทางบริษัทมีความสนใจต้องการเรยี กนดั หมายเพื่อสัมภาษณ์งาน

3.2 สว่ นของข้อมูลสว่ นตวั เปน็ ส่วนทม่ี กั ปรากฏต่อจากส่วนหัวขอ้ แรกที่ระบชุ ่ือ-สกลุ ข้อมูลสว่ นนีถ้ อื
ว่าเป็นคณุ สมบตั ิพ้ืนฐานทีท่ างบรษิ ัทจะพจิ ารณาเบ้อื งตน้ ว่าผ้สู มคั รมคี ณุ สมบัตพิ ้ืนฐานตรงตามท่ีทางบริษัท
ต้องการหรือไม่ ดังนี้

3.3 วัตถปุ ระสงคใ์ นการสมัครนยิ มนามาใส่ไวใ้ นประวัตสิ ่วนตวั บางคร้ังพบวา่ ผ้สู มัครงานในปัจจบุ นั ไม่
เขยี นจดหมายสมัครงานทีบ่ อกวตั ถุประสงค์ในการขอสมคั รงานในตาแหน่งงานใด แต่นาวัตถุประสงคก์ ารสมัคร
งานมาใสไ่ ว้ในประวตั ิส่วนตัวแทน ดังน้ี

3.4 ประวัติการศึกษา ถือว่ามคี วามสาคญั มาก เพราะจะบอกคณุ สมบัติทางด้านวชิ าชพี ว่ามคี วาม
สอดคลอ้ งกบั ความตอ้ งการของบริษัทหรอื ไม่ บางคร้งั พบว่าข้อมลู ในสว่ นนส้ี ามารถนาเสนอก่อนในกรณีที่
ผู้สมคั รพึง่ จบการศึกษา และยงั ไมม่ ปี ระสบการณ์การทางาน แตอ่ ย่างไรกต็ าม สาหรับผู้ที่มีประสบการณ์การ
ทางานมาหลายปี จะนาหัวขอ้ ประสบการณ์การทางานนาเสนอในประวตั สิ ่วนตัวก่อน ประวัติการศึกษา สว่ น
รายละเอียดในการนาเสนอประวตั กิ ารศึกษานยิ มเอาข้อมูลการศกึ ษาทเี ป็นปัจจุบันสุดนาเสนอกอ่ น ดังนี้

3.5 ประสบการณ์การทางาน นิยมนาเสนอประสบการณท์ สี่ อดคล้องกับตาแหนง่ งานทีเ่ ปดิ รับสมัคร
ในกรณีทีผ่ ู้สมัครมปี ระสบการณท์ างานหลายที่ อย่างไรกต็ าม การนาเสนอขอบเขตหน้าที่และตาแหนง่ งานที่
เปน็ ประโยชนก์ ับตาแหน่งงานทบี่ ริษทั เปดิ รบั จะถือวา่ เปน็ ข้อมลู สาคัญในการคัดเลอื กเบือ้ งตน้ ดงั น้ี

นอกจากนั้น การนาเสนอข้อมูลประสบการณก์ ารทางาน มลี ักษณะเดียวกบั การนาเสนอประวัติ
การศึกษา คือนาเสนอประวตั ิการทางานท่เี ป็นปัจจบุ นั ไว้อันดับแรกสดุ

3.6 ความสามารถ คือทักษะพน้ื ฐานของผู้สมัครมักประกอบไปดว้ ย ความสามารถทางภาษาใน
ปัจจุบนั นอกจากภาษาอังกฤษ บางองค์กรยงั ต้องการความสามารถพิเศษทางภาษาท่ีสาม เชน่ ภาษาจีน ญปี่ ่นุ
และภาษานานาชาติ โดยเฉพาะในปจั จุบันความตอ้ งการผู้รู้ภาษาของกล่มุ ประเทศในเอเชยี ตะวันออกเฉยี งใตม้ ี
เพม่ิ ขน้ึ อีกด้วย ทักษะทางคอมพวิ เตอร์ และทักษะทางการพมิ พ์กถ็ ือเป็นปัจจยั สาคัญของการสมัครงานอีกด้วย
โดยสามารถนาเสนอ ดังนี้

3.7 ความสนใจ เปน็ หวั ข้อท่เี น้นทักษะทางสงั คมของผูส้ มัคร หรือการพัฒนาตนเองในเวลาวา่ ง ในสง่ิ
ทตี่ นเองช่ืนชอบซึ่งทางบรษิ ทั อาจพิจารณาข้อมูลในสว่ นนีเ้ ปน็ ความสามารถพเิ ศษที่จะเป็นประโยชน์ต่อการทา
กจิ กรรมต่าง ๆขององคก์ ร แต่ถอื วา่ ยังมีความสาคัญน้อยกว่าหวั ข้อท่ีกลา่ วมาข้างต้น มีวิธกี ารนาเสนอ ดงั นี้

3.8 บคุ คลอ้างอิง หัวขอ้ น้ีสามารถนาเสนอได้ 2 รูปแบบ คือ 1) กรณีพึ่งจบการศึกษานยิ มให้ชื่อของ
อาจารยท์ ีป่ รึกษาหรือผ้สู อน แตถ่ ้าเปน็ ผ้มู ีประสบการณใ์ นการทางาน นยิ มให้ชื่อของหวั หน้างานในบรษิ ัทที่เคย
ทางาน 2) ผู้สมัครสามารถแจ้งความจานงวา่ จะแจ้งภายหลงั เมอ่ื มีการอ้ งขอ หมายถึง ถ้าผู้สมัครไดร้ ับการ
คัดเลอื กจึงขอใหข้ ้อมูลบคุ คลอ้างอิงภายหลัง ท้งั นีเ้ พ่อื มิให้เปน็ การรบกวนบุคคลที่ถูกนามาอ้างอิงบ่อยคร้งั โดย
มีวธิ ีการนาเสนอ ดงั น้ี

แบบท่ี 1
แบบท่ี 2

4. หลังจากผู้สอนอธิบายองค์ประกอบต่าง ๆ ของประวัติสว่ นตวั แลว้ ผสู้ อนให้ผ้เู รยี นสังเกตการณ์ใช้
ภาษาอังกฤษในการส่ือสารข้อมูลแต่ละหวั ข้อ และให้ผเู้ รียนระมัดระวงั เร่อื งของความถูกต้องในการเขียนและ
สะกดคาศัพท์ เน่ืองจากการเขยี นประวัติสว่ นตัวเป็นภาษาอังกฤษสง่ ไปยังบรษิ ัทตา่ ง ๆ จะถือเปน็ การ
ตรวจสอบความสามารถทางภาษาอังกฤษของผ้สู มัครท่ที างบรษิ ทั สามารถพจิ ารณาไดเ้ ป็นอันดับแรก

5.3 การสรุป

1. ผสู้ อนทบทวนความเขา้ ใจของผูเ้ รยี นเกยี่ วกับองคป์ ระกอบของ resume โดยใหด้ ู Activity 3.1-3.2 หนา้
30 แล้วตอบคาถามหลังจากอ่านประวัติส่วนตวั ใน Activity 3.1

สปั ดาห์ที่ 6

5.1 การนาเขา้ ส่บู ทเรยี น
1. ผ้สู อนทบทวนองค์ประกอบของ resume วา่ มอี ะไรบา้ ง โดยสุ่มถามผเู้ รยี นในชนั้ เรยี นแนวคาตอบมี

ดงั น้ี
Main Elements of a Resume
1.1 Heading
1.2 Personal details / Personal information
1.3 Job objective / Career objective / Objective
1.4 Education / Educational background
1.5 Work experience
1.6 Skills
1.7 Interests
1.8 Reference / Referee

2. ผู้สอนให้ผู้เรียนดู Activity 3.1 หนา้ 30 โดยใหใ้ ช้ดนิ สอเขียนว่าองคป์ ระกอบของ resume มี
อะไรบา้ ง โดยเขยี นหมายเลขกากับ(ดูจากขอ้ 1)

5.2 การเรยี นรู้
1. ผูส้ อนให้ผู้เรียนดู Activity 3.1 หน้า 30 อีกคร้ัง โดยผ้สู อน อธบิ ายเพมิ่ เติมองคป์ ระกอบ resume

ของ Ms. Anchalee Tumdee ดังน้ี

2. ผูส้ อนอธิบายแต่ละองคป์ ระกอบเพิ่มเตมิ จากสื่อ PowerPoint ดังน้ี
2.1 Heading ในส่วนน้ีสามารถใส่รปู ภาพของเจ้าของประวัติสว่ นตัว เพ่ือใหบ้ ริษัทไดเ้ หน็ บคุ ลิกภาพ
ของผ้สู มัคร ดังน้ัน การเลอื กรูปภาพทเี่ หมาะสมจงึ มีความสาคญั มาก นอกจากนนั้ การพิมพ์ช่ือ-สกุล และขอ้ มูล
อน่ื ๆ ใหถ้ ูกตอ้ งตามการเขยี นและสะกดตวั อักษรภาษาอังกฤษจะเปน็ ประโยชนต์ ่อผสู้ มัคร
2.2 Personal details สามารถนาเสนอไดเ้ พียงหนึ่งบรรทัด ควรให้ขอ้ ความกระชับ และมขี ้อมลู
สว่ นตัวท่ีบรษิ ัทจาเปน็ ต้องรู้ เชน่ อายุ สถานภาพสมรส และวันเกิด เปน็ ตน้
2.3 Job objective หวั ข้อนีไ้ ม่ปรากฏใน resume ของ Ms Anchalee Tumdee จงึ หมายความว่า
ผู้เขยี นสามารถบอกวัตถปุ ระสงคข์ องการสมัคร หรอื ตาแหน่งท่ตี อ้ งการสมัครผ่านจดหมายสมัครงาน ซง่ึ จะ
กล่าวถึงในบทต่อไป ดงั นั้นหัวขอ้ น้ีจึงถงึ เป็นหวั ข้อทีม่ ีหรือไม่มกี ็ได้ (optional part)
2.4 Education สามารถลาดับการศึกษาท่ีเป็นปจั จุบนั สดุ ในกรณขี อง Ms Anchalee Tumdee ใสว่ ฒุ ิ
การศกึ ษา ได้แก่ ระดบั มหาวิทยาลัย ประกาศนียบัตรวิชาชีพชน้ั สูง (ปวส.) และประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.)
ตามลาดับ

2.5 Work experience ควรใส่ข้อมูลตาแหน่งงาน และชือ่ บรษิ ัททางานโดยใหข้ ้อมลู ปจั จบุ ันอยูเ่ ป็น
ลาดับแรก

2.6 Skills โดยทัว่ ไปนยิ มใส่ความสามารถทางภาษาและคอมพิวเตอร์
2.7 Interests นยิ มใส่งานอดเิ รกทีผ่ ู้สมคั รเห็นวา่ เป็นประโยชน์ต่อการร่วมกิจกรรมนนั ทนาการให้แก่
องค์กร (ถา้ ม)ี

2.8 Reference ใน resume ของ Ms Anchalee Tumdee ใสข่ ้อมลู ของหัวหน้างานในอดีต เพ่ือ
ยืนยันความสามารถและประสบการณก์ ารทางานของผสู้ มัคร

5.3 การสรุป

1. ผูส้ อนให้ผู้เรียนฝกึ ปฏิบัตเิ ขยี น resume โดยให้เปิด Activity 3.3 หนา้ 31 โดยรา่ งลงในกระดาษ A4
โดยใหส้ มมตสิ ถานการณว์ ่าผูเ้ รยี นกาลงั จะจบการศึกษาจากวิทยาลยั และมปี ระสบการณใ์ นการฝกึ หัดงานมา
บ้างแล้ว โดยใหก้ าหนดช่อื ตาแหนง่ งาน ความรับผิดชอบ และบริษัทท่ีไปปฏบิ ตั งิ าน โดยดตู ัวอยา่ งจาก
Activity 3.1 หน้า 30 (ใบงานที่ 3) หมายเหตุ ผู้สอนควรให้ผู้เรียนเขียนโครงรา่ ง resume ในชั่วโมงเรียน
เพ่อื ให้ผเู้ รยี นมีโอกาสให้ผสู้ อนตรวจและให้คาแนะนา ก่อนนาไปพิมพ์สง่ เป็นใบงานที่ 3 (คะแนนทกั ษะพสิ ยั บท
ท่ี 3)

2. ผู้สอนให้ผ้เู รยี นทา Activity 3.4-3.6 หนา้ 32-34 เพอ่ื ทบทวนความเขา้ ใจเกี่ยวกับองค์ประกอบของ
resume และการใช้ภาษาในการเขยี นและเรียบเรยี งเพิ่มเติม

3. ผ้สู อนมอบหมายให้ผ้เู รยี นไดท้ บทวนการเขียน resume โดยทา Monitor your progress เป็น
การบ้าน

แผนการจัดการเรยี นรมู้ ุ่งเนน้ สมรรถนะ หนว่ ยที่ 4

ชอื่ หน่วย My new job สปั ดาหท์ ่ี 7-8
จานวน 10 ช่ัวโมง

1. สาระสาคญั
การสนทนาในสถานการณ์ต่าง ๆ ขณะปฏิบัติงานของแต่ละสาขาวชิ าชีพ จะแตกต่างไปตามบทบาท

หน้าท่่ี และลักษณะเฉพาะของอาชพี ใน Unit น้ี จะนาเสนอตวั อย่างของการสื่อสารขณะปฏิบตั งิ านของกล่มุ
สาขาอาชีพกลุ่มแรก
2. สมรรถนะประจาหนว่ ย

2.1 สนทนาตามสถานการณใ์ นการปฏิบตั ิงานอาชีพ
2.2 ปฏบิ ัติงานดว้ ยความรบั ผดิ ชอบ
3. จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรปู้ ระจาหนว่ ย
3.1 จดุ ประสงค์ทั่วไป

3.1.1 สามาถใช้เทคโนโลยใี นการสมคั รงานและปฏบิ ตั งิ านได้
3.2 จุดประสงค์เชิงพฤตกิ รรม

3.2.1 ด้านความรู้
1) รูแ้ ละเข้าใจคาศัพท์และบทสนทนาสาหรบั อาชีพเลขานุการ
2) รู้และเข้าใจคาศัพท์และบทสนทนาสาหรับอาชพี ผู้จดั การโรงแรมแผนกต้อนรับ
3) รู้และเขา้ ใจคาศัพท์และบทสนทนาสาหรบั อาชีพพนกั งานเสิร์ฟอาหาร
4) ร้แู ละเข้าใจคาศัพท์และบทสนทนาสาหรบั อาชีพพนักงานบริการในรา้ นคา้

3.2.2 ด้านทักษะ
1) สนทนาเก่ยี วกบั อาชีพเลขานกุ ารได้
2) สนทนาเกี่ยวกับอาชพี พนักงานเสริ ์ฟอาหารได้
3) สนทนาเก่ียวกับอาชพี พนกั งานเสริ ์ฟอาหารได้
4) สนทนาเกย่ี วกบั อาชพี ผู้จัดการโรงแรมแผนกต้อนรับได้

3.2.3 คุณลกั ษณะที่พ่ึงประสงค์
1) มคี วามรับผดิ ชอบและซ่ือสตั ย์สุจริต

4. เนื้อหาสาระการเรียนรู้
4.1 คาศพั ท์และบทสนทนาสาหรับอาชพี เลขานุการ
4.2 คาศพั ทแ์ ละบทสนทนาสาหรบั อาชีพผ้จู ดั การโรงแรมแผนกต้อนรบั
4.3 คาศัพทแ์ ละบทสนทนาสาหรับอาชพี พนกั งานเสิรฟ์ อาหาร
4.4 คาศพั ทแ์ ละบทสนทนาสาหรับอาชพี พนักงานบริการในรา้ นคา้

5. กจิ กรรมการเรียนรู้
สัปดาห์ท่ี 7
5.1 การนาเข้าสูบ่ ทเรียน

1. ผสู้ อนเขียนคาวา่ secretary และ hotel manager และถามผเู้ รียนว่าคืออาชพี อะไร ใหผ้ เู้ รียนระดม
ความคิดช่วยกบั บอกขอบเขตของงานทงั้ สองอาชีพ และให้ตัวแทนนกั เรียนเขยี นบนกระดาน
5.2 การเรียนรู้

1. ผู้สอนเริม่ ตน้ บรรยายเก่ียวกับความหมายและขอบเขตหนา้ ทข่ี องอาชีพ secretary ผา่ นส่ือ
PowerPoint ดังน้ี Secretary means a person who works in an office, working for another
person, dealing with mail and phone calls, keeping records, arranging meetings with people,
etc.

นอกจากนั้นผู้สอนอธบิ ายขอบเขตการทางานของอาชพี เลขานุการเพ่ิมเติม ดังน้ี
• answering calls, taking messages and handling correspondence
• maintaining diaries and arranging appointments
• typing, preparing and collating reports
• filing
• organising and servicing meetings (producing agendas and taking minutes)
• implementing new procedures and administrative systems
• coordinating mail-shots and similar publicity tasks
• acting as a receptionist and/or meeting and greeting clients

2. ผู้สอนใหผ้ ู้เรยี นดู Activity 6.2 หนา้ 71 โดยฟังคลิปสนทนา และยกตวั อยา่ งสานวนในบทสนทนา
หลังจากน้ันผสู้ อนใหท้ าแบบฝึกหดั ท้ายบทสนทนา
3. ผสู้ อนอธบิ ายสานวนเกี่ยวกับตา่ ง ๆ ทเี่ กย่ี วขอ้ งกบั งานเลขานุการจากส่ือ PowerPoint ดงั น้ี

3.1 Making an appointment
3.2 Cancel or Postpone an Appointment

3.3 Responses to the appointments
หลงั จากนนั้ ผู้สอนใหผ้ ้เู รยี นดู Activity 6.3-6.7 หนา้ 72-74 เพื่อทบทวนการใช้สานวนเกีย่ วกบั การนดั
หมายที่เรียนจากส่อื PowerPoint (ข้อ 4)
4. ผูส้ อนสรปุ หนา้ ทีแ่ ละคณุ ลกั ษณะท่ดี ีของอาชีพเลขานุการจากบทอ่านใน Activity 6.8 หน้า 74 โดย
ให้ผ้เู รียนอ่านจบั ประเด็นก่อน และจึงสรปุ โดยใชส้ อ่ื PowerPoint บรรยายประกอบ
5. ผู้สอนเรม่ิ ต้นบรรยายเกี่ยวกับความหมายและขอบเขตหน้าทข่ี องอาชีพ Hotel manager ผ่านส่อื
PowerPoint ดังนี้ Hotel managers are responsible for managing employees and for planning,
marketing, coordinating and administering hotel services such as catering and
accommodation facilities.

นอกจากน้ันผู้สอนอธิบายขอบเขตการทางานของอาชพี ผู้จดั การโรงแรมเพ่ิมเตมิ ดังนี้
• recruiting, training and supervising staff
• managing budgets
• maintaining statistical and financial records
• planning maintenance work, events and room bookings
• handling customer complaints and queries
• promoting and marketing the business
• ensuring compliance with health and safety legislation and licensing laws

6. ผู้สอนให้ผู้เรียนเปิดหนงั สือหนา้ 75 อ่านบทความเกี่ยวกบั hotel manager Parinya เพื่อศึกษา
เก่ียวกบั ตวั ละครทมี่ ีอาชีพเป็นผ้จู ดั การโรงแรม หลังจากนั้นทดสอบความเขา้ ใจในการจับประเด็นจากเรื่องที่
อ่านโดยทา Activity 6.9-6.10 หนา้ 75

7. ผสู้ อนใหผ้ เู้ รยี นดูตวั อยา่ งสถานการณ์การสนทนาของ Hotel manager จากบทสนทนาใน Activity
6.11-6.13 หนา้ 76-78 พร้อมยกตวั อยา่ งสานวนท่ีใชใ้ นการประกอบอาชีพเปน็ Hotel manager ใน
สถานการณ์ของการต้อนรบั ลูกค้า
5.3 การสรุป

1. ผู้สอนให้ผเู้ รียนทบทวนขอบเขตหน้าที่ของอาชีพเลขานกุ ารโดยทา Activity 6.1 หนา้ 71
2. ผู้สอนให้ผเู้ รียนทบทวนบทสนทนาของอาชีพผูจ้ ัดการโรงแรมโดยทา Activity 6.11-6.13 หน้า 76-78

หลงั จากฟงั และเรียนความหมายของสานวนต่าง ๆ จากผู้สอนแล้ว

สัปดาหท์ ี่ 8
5.1 การนาเข้าสบู่ ทเรยี น

1. ผ้สู อนเขียนคาว่า waitperson และ sales assistant และถามผเู้ รยี นว่าคืออาชีพอะไร ใหผ้ เู้ รยี นระดม
ความคิดช่วยกบั บอกขอบเขตของงานทงั้ สองอาชีพ และให้ตัวแทนนกั เรียนเขยี นบนกระดาน
5.2 การเรยี นรู้

1. ผสู้ อนเร่มิ ตน้ บรรยายเกยี่ วกบั ความหมายและขอบเขตหน้าทข่ี องอาชพี waitperson ผ่านสือ่
PowerPoint ดังนี้ Waitpersons refer to waiters or waitresses who are responsible for taking
orders and serving food and beverages to guests. They play an important role in guest
satisfaction as they are also responsible for checking on customers to ensure that they are
enjoying their meals and take action to correct any problems.

ผู้สอนอธบิ ายเพิม่ เติมวา่ waitpersons แปลวา่ พนกั งานเสิรฟ์ ไมไ่ ดร้ ะบเุ พศ แต่มีคาศัพท์ใน
ภาษาองั กฤษทร่ี ะบุเพศในความหมายเดียวกนั คือ waiter แปลวา่ พนักงานเสิรฟ์ ชาย ส่วนคาวา่ waitress
แปลว่า พนักงานเสริ ์ฟหญงิ

นอกจากนัน้ ผู้สอนอธบิ ายขอบเขตการทางานของอาชพี พนักงานเสริ ฟ์ เพ่มิ เตมิ ดังน้ี
• Provide excellent customer services.
• Always strive towards best customer satisfaction.
• Greet customers and present menus.
• Make suggestions based on their preferences.
• Take and serve food/drinks orders.
• Up-sell when appropriate.
• Arrange table settings.
• Keep tables clean and tidy at all times.
• Check products for quality.
• Deliver checks and collect payments.
• Cooperate and communicate with all serving and kitchen staff.
• Adhere to all relevant health department rules/regulations and all customer
service guidelines.

2. ผูส้ อนใหผ้ เู้ รียนเปิดหนงั สอื หนา้ 79 อ่านบทความเก่ียวกบั Waitperson Jack เพื่อศึกษาเก่ียวกบั ตวั
ละครท่ีมีอาชพี เปน็ พนักงานเสริ ์ฟ หลงั จากนั้นทดสอบความเข้าใจในการจับประเด็นจากเรอ่ื งท่ีอ่านโดยทา
Activity 6.14-6.15 หน้า 79

3. หลงั จากนนั้ ผสู้ อนให้ผู้เรียนดูบทสนทนา Activity 6.17-6.19 หน้า 80-82 จากคลิปเสียง เม่ือผเู้ รยี นฟัง
บทสนทนาจบ ผสู้ อนสรปุ สานวนในบทสนทนา และรว่ มกันแปลความหมายในชน้ั เรยี น

4. หลงั จากนั้นผ้สู อนนาเสนอาชพี สุดท้ายของบทเรยี น คอื อาชีพ sales assistant ผสู้ อนถามผ้เู รียนวา่
นอกจากคาดงั กลา่ วแลว้ ผ้เู รยี นสามารถใชค้ าศัพทใ์ ดไดอ้ ีกบ้าง (แนวคาตอบ คือ sales clerk, shop
assistant, retail sales)

5. ผู้สอนเร่ิมตน้ บรรยายเกี่ยวกับความหมายและขอบเขตหนา้ ที่ของอาชีพ waitperson ผ่านส่ือ
PowerPoint ดงั นี้ Sales Assistants work on store sales floors providing assistance directly to
customers. They must be knowledgeable of the store layout, inventory and company
policies in order to provide accurate information to shoppers. A Sales Assistant will help
locate product for customers, place order, place holds, process transactions and keep the
sales floor organized and well-stocked. They are the face of the company and must uphold
company values both in how they dress and how they interact with customers.

นอกจากนัน้ ผู้สอนอธิบายขอบเขตการทางานของอาชีพพนักงานบริการในรา้ นคา้ เพม่ิ เตมิ ดังน้ี
• Organize sales presentations and ensure that all sales presentation materials are
prepared prior to deadlines.
• Update customer records in the company database as required.
• Contact customers to answer basic procedural questions or to gauge their level
of satisfaction with the company.
• Collaborate with the sales staff to monitor active purchase orders and make sure
that orders are completed on time.
• Report any inventory or service issues to management and the appropriate
Account Manager immediately.

6. หลังจากนั้นผสู้ อนใหผ้ ู้เรียนดูบทสนทนา Activity 6.22-6.24 หน้า 84-86 จากคลิปเสยี งทก่ี าหนกให้
เม่อื ผู้เรยี นฟังบทสนทนาจบ ผู้สอนสรุปสานวนในบทสนทนา และร่วมกันแปลความหมายในช้ันเรียน

5.3 การสรปุ
1. ผู้สอนให้ผู้เรียนทบทวนการใชส้ านวนและบทบาทหน้าท่ขี อง waitperson โดยทาแบบฝกึ หดั ท้ายบท

สนทนาใน Activity 6.17-6.19 หนา้ 80-82
2. ผูส้ อนใหผ้ ูเ้ รียนทบทวนการใชส้ านวนและบทบาทหน้าทข่ี อง sales assistant โดยทาแบบฝกึ หดั ทา้ ย

การอา่ นเรื่องและบทสนทนาใน Activity 6.20-6.24 หนา้ 83-86
3. ผสู้ อนใหผ้ ู้เรียนทบทวนการใช้ภาษาเพ่ือการส่ือสารทั้ง 4 อาชีพในบทเรียนนี้ใน Monitor your

progress เป็นการบา้ น
4. ผสู้ อนมอบหมายใหผ้ เู้ รยี นสบื คน้ คลิปวดิ ีโอจากส่อื ยูทบู ทีน่ าเสนอบทสนทนาอาชพี secretary, hotel

manager, waitperson หรือ sales assistant เพียงหนึ่งอาชพี และจดบันทึกสานวนหรือรปู แบบบทสนทนา
ทไี่ ด้จากการฝกึ ฟงั คลปิ วิดโี อท่ีตนเองเลอื กมา โดยจัดทาเป็นใบงานท่ี 6 พร้อมระบุแหล่งสืบค้น (เกบ็ คะแนน
ทักษะพิสัยบทท่ี 6)
หมายเหตุ ผู้สอนสามารถยกตัวอยา่ งคลิปวิดโี อจากยูทูบใหผ้ ู้เรยี นดู เช่น หวั ขอ้ At the Restaurant
Conversation

แผนการจดั การเรยี นรมู้ ุง่ เนน้ สมรรถนะ หน่วยที่ 4
สปั ดาห์ที่ 7-8
ชอ่ื หน่วย My new job จานวน 10 ช่ัวโมง

ส่อื การเรียนรู/้ แหลง่ การเรียนรู้
6.1 สอื่ ส่ิงพิมพ์
- เอกสารประกอบการเรียนวิชาภาษาองั กฤษเพ่อื การหางานทา
6.2 สอ่ื โสตทัศน์ (ถา้ มี)
- power point
6.3 หนุ่ จาลองหรอื ของจริง (ถา้ มี)
- ไม่ม-ี
6.4 อน่ื ๆ (ถ้ามี)
- ไม่ม-ี

7. เอกสารประกอบการจัดการเรียนรู้ (ใบความรู้ ใบงาน ใบมอบหมายงาน ฯลฯ)
- ไมม่ -ี

8. การบูรณาการ/ความสมั พันธ์กับวชิ าอื่น
- ไม่มี -

9. การวัดผลและประเมินผล
9.1 เครอ่ื งมือประเมิน
1. แบบสงั เกตพฤติกรรมรายบุคคล
2. แบบประเมินพฤติกรรมการเขา้ ร่วมกจิ กรรมกลมุ่
3. แบบประเมนิ คณุ ธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอันพงึ ประสงค์

9.2 เกณฑก์ ารประเมนิ
- ทดสอบหลังเรียนเกณฑ์ผา่ นร้อยละ 50 ข้ึนไป
- ประเมินคุณลกั ษณะอนั พึงประสงคต์ ามสภาพจรงิ

แผนการจดั การเรียนรมู้ ุง่ เน้นสมรรถนะ หน่วยท่ี 4

ชือ่ หน่วย My new job สัปดาห์ที่ 7-8
จานวน 10 ชั่วโมง

10. บนั ทึกหลังสอน
10.1 ผลการใชแ้ ผนการจัดการเรียนรู้

............................................................................................................................. ....................................................
...................................................................................................................................................... ...........................
.................................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. ....................................................

10.2 ผลการเรียนรขู้ องนกั เรยี น นักศึกษา
............................................................................................................................. ....................................................
.................................................................................................................................................................. ...............
.................................................................................. ...............................................................................................
.............................................................................. .................................................................................. .................

10.3 แนวทางการพัฒนาคุณภาพการเรียนรู้
.................................................................................................................. ...............................................................
............................................................................................................................................... ..................................
................................................................................................ .................................................................................
............................................................................................ .................................................................................. ...

แผนการจัดการเรยี นรมู้ งุ่ เน้นสมรรถนะ หน่วยท่ี -
สัปดาห์ท่ี 9
ชอ่ื หน่วย - จานวน 5 ชั่วโมง

สอบกลางภาค

แผนการจดั การเรยี นรมู้ ุ่งเน้นสมรรถนะ หน่วยท่ี 5

ชือ่ หน่วย On my job สัปดาหท์ ่ี 10-11
จานวน 10 ชั่วโมง

1. สาระสาคัญ
การสนทนาในสถานการณต์ า่ ง ๆ ขณะปฏบิ ัติงานของแตล่ ะสาขาวิชาชพี จะแตกตา่ งไปตามบทบาท

หนา้ ท่ี่ และลกั ษณะเฉพาะของอาชพี ใน Unit น้ี จะนาเสนอตัวอย่างของการส่ือสารขณะปฏิบัตงิ านของกลมุ่
สาขาอาชพี ซึ่งเป็นลาดบั ต่อจากกลมุ่ อาชีพในกลมุ่ แรก
2. สมรรถนะประจาหน่วย

2.1 สนทนาตามสถานการณ์ในการปฏบิ ัติงานอาชีพ
2.2 ปฏิบัติงานดว้ ยความรับผิดชอบ
3. จดุ ประสงค์การเรียนรู้ประจาหนว่ ย
3.1 จุดประสงค์ท่ัวไป

3.1.1 สามารถใช้ภาษาอังกฤษในการปฏิบัติงานแต่ละสาขาวชิ าชีพได้
3.2 จุดประสงคเ์ ชิงพฤติกรรม

3.2.1 ดา้ นความรู้
1) รู้และเขา้ ใจคาศัพทแ์ ละบทสนทนาสาหรับอาชพี พนักงานฝา่ ยเทคโนโลยสี ารสนเทศ
2) รู้และเขา้ ใจคาศัพท์และบทสนทนาสาหรบั อาชีพพยาบาล
3) ร้แู ละเขา้ ใจคาศัพท์และบทสนทนาสาหรบั อาชีพพนักงานขาย
4) รแู้ ละเขา้ ใจคาศัพท์และบทสนทนาสาหรบั อาชีพพนักงานไปรษณยี ์
3.2.2 ด้านทักษะ
1) สนทนาเกย่ี วกับอาชีพพนักงานฝา่ ยเทคโนโลยสี ารสนเทศ
2) สนทนาสนทนาเกีย่ วกับอาชีพพยาบาล
3) สนทนาเก่ียวกบั อาชีพพนกั งานขาย
4) สนทนาเกย่ี วกบั อาชพี พนักงานไปรษณีย์
3.2.3 คุณลักษณะที่พง่ึ ประสงค์
1) ขยนั และมคี วามรับผดิ ชอบ

เน้อื หาสาระการเรยี นรู้
4.1 คาศพั ทแ์ ละบทสนทนาสาหรบั อาชพี พนักงานฝา่ ยเทคโนโลยสี ารสนเทศ
4.2 คาศัพท์และบทสนทนาสาหรับอาชพี พยาบาล
4.3 คาศัพทแ์ ละบทสนทนาสาหรบั อาชพี พนักงานขาย
4.4 คาศพั ท์และบทสนทนาสาหรบั อาชพี พนกั งานไปรษณยี ์

5. กจิ กรรมการเรียนรู้
สปั ดาห์ท่ี 10
5.1 การนาเขา้ สบู่ ทเรยี น

1. ผ้สู อนเขียนคาวา่ IT officer และ Nurse และถามผู้เรียนว่าคืออาชพี อะไร ให้ผ้เู รียนระดมความคิดชว่ ย
กับบอกขอบเขตของงานท้งั สองอาชีพ และใหต้ ัวแทนนกั เรียนเขียนบนกระดาน
5.2 การเรยี นรู้

1. ผู้สอนเริ่มต้นบรรยายเก่ยี วกับความหมายและขอบเขตหนา้ ที่ของอาชพี IT officer ผ่านส่ือ
PowerPoint ดังน้ี
The IT Support team maintains the computer networks of all types of organization’s,
providing technical support and ensuring the whole company runs smoothly. IT Support
monitors and maintains the company computer systems, installs and configures hardware
and software, and solves technical problems.

2. นอกจากน้นั ผ้สู อนอธิบายขอบเขตการทางานของอาชีพพนกั งานฝา่ ยเทคโนโลยีสารสนเทศ เพ่ิมเตมิ
ดงั นี้

• Installing and configuring computer hardware, software, systems, networks, printers
and scanners
• Monitoring and maintaining computer systems and networks
• Responding in a timely manner to service issues and requests
• Providing technical support across the company (this may be in person or over the
phone)
• Setting up accounts for new users
• Repairing and replacing equipment as necessary
• Testing new technology
• Possibly training more junior staff members

3. ผสู้ อนให้ผเู้ รียนเปดิ หนังสอื หนา้ 89 อ่านบทความเกย่ี วกับ IT officer Toon เพือ่ ศึกษาเกย่ี วกับตวั ละครทมี่ ี
อาชพี เป็นพนกั งานฝา่ ยเทคโนโลยีสารสนเทศ หลงั จากนั้นทดสอบความเขา้ ใจในการจับประเดน็ จากเรื่องที่อา่ น
โดยทา Activity 7.1-7.2 หน้า 89

4. หลังจากนน้ั ผู้สอนให้ผูเ้ รียนดบู ทสนทนา Activity 7.3-7.5 หน้า 90-92 จากคลิปเสียงโดย แสกนผ่าน
QR code Aimphan channel เมื่อผู้เรียนฟงั บทสนทนาจบ ผสู้ อนสรปุ สานวนในบทสนทนา และร่วมกันแปล
ความหมายในชน้ั เรยี น

5. ผสู้ อนเริ่มตน้ บรรยายเก่ยี วกับความหมายและขอบเขตหนา้ ท่ขี องอาชีพ Nurse ผ่านสือ่ PowerPoint
ดงั น้ี
Nurses plan and provide medical and nursing care to patients in hospital, at home or in
other settings who are suffering from chronic or acute physical or mental ill health.
หมายเหตุ ผสู้ อนสรุปว่า อาชีพพยาบาลเป็นอาชีพทต่ี ้องอาศยั service mind แปลว่า มี
จิตใจรักการบริการ โดยขอบเขตการทางานของพยาบาลสามารถสรปุ ได้ ดังนี้

• Identifying patients’ care requirements, focus on their needs and act on them
• Nurturing a compassionate environment by providing psychological support
• Resolving or reporting on patients’ needs or problems
6. ผสู้ อนใหผ้ ู้เรยี นเปดิ หนงั สอื หน้า 93 อ่านบทความเกยี่ วกับ Nurse Meow เพื่อศกึ ษาเกีย่ วกับตัวละครทมี่ ีอาชีพ
เป็นพยาบาล หลงั จากน้นั ทดสอบความเขา้ ใจในการจบั ประเดน็ จากเรือ่ งทีอ่ ่านโดยทา Activity 7.7-7.8 หนา้ 93
7. หลังจากนัน้ ผูส้ อนใหผ้ ูเ้ รียนดูบทสนทนา Activity 7.9-7.10 หนา้ 94-95 จากคลิปเสยี งโดย เมอื่ ผู้เรียน
ฟังบทสนทนาจบ ผสู้ อนสรปุ สานวนในบทสนทนา และร่วมกันแปลความหมายในช้นั เรียน
8. ผสู้ อนเพ่ิมเติมรายชือ่ แผนกตา่ ง ๆในโรงพยาบาลผา่ นส่อื PowerPoint พร้อมแปลความหมายเปน็
ภาษาไทย

5.3 การสรปุ
1. ผสู้ อนใหผ้ ู้เรยี นทบทวนการใชส้ านวนและบทบาทหน้าท่ีของ IT officer โดยทาแบบฝกึ หัดท้ายบท

สนทนาใน Activity 7.3-7.5 หนา้ 90-92 ตามลาดบั
2. ผสู้ อนให้ผู้เรยี นทบทวนการใชส้ านวนและบทบาทหน้าท่ีของ Nurse โดยทาแบบฝกึ หัดทา้ ยการฟังบท

สนทนาใน Activity 7.9-7.10 หน้า 94-95 ตามลาดับ

สปั ดาหท์ ี่ 11
5.1 การนาเขา้ ส่บู ทเรยี น

1. ผสู้ อนเขียนคาว่า Salesperson และ Postal worker และถามผู้เรียนวา่ คืออาชพี อะไร ให้ผู้เรยี น
ระดมความคิดชว่ ยกบั บอกขอบเขตของงานท้ังสองอาชพี และใหต้ ัวแทนนกั เรียนเขียนบนกระดาน
5.2 การเรยี นรู้

1. ผสู้ อนเริ่มต้นบรรยายเกย่ี วกับความหมายและขอบเขตหนา้ ทีข่ องอาชีพ salesperson ผา่ นส่อื
PowerPoint ดังนี้ Salesperson or sales representative are the principal point of contact
between a business and its customers. Sales reps ensure current customers have the right
products and services, identify new markets and customer leads, and pitch prospective
customers. In many ways the face of the company, sales representatives may do everything
from answering phones to monitoring the competition, all while maintaining good customer
relations and pursuing new sales opportunities.

ผสู้ อนอธิบายเพมิ่ เติมว่า salesperson แปลว่าพนักงานขาย เชน่ เดียวกบั คาวา่ sales representative
ไมไ่ ดร้ ะบเุ พศ แต่มีคาศัพท์ในภาษาองั กฤษทร่ี ะบุเพศในความหมายเดยี วกนั คือ salesman แปลว่า พนักงาน
ขายชาย สว่ นคาว่า saleswoman แปลวา่ พนักงานขายหญิง

2. นอกจากนน้ั ผูส้ อนอธิบายขอบเขตการทางานของอาชพี พนักงานขาย เพิม่ เติม ดังน้ี
• Serves customers by selling products and meeting customer needs.
• Services existing accounts, obtains orders, and establishes new accounts by planning
and organizing daily work schedule to call on existing or potential sales outlets and
other trade factors.
• Adjusts content of sales presentations by studying the type of sales outlet or trade
factor.
• Focuses sales efforts by studying existing and potential volume of dealers.
• Submits orders by referring to price lists and product literature.
• Keeps management informed by submitting activity and results reports, such as daily
call reports, weekly work plans, and monthly and annual territory analyses.
• Monitors competition by gathering current marketplace information on pricing,
products, new products, delivery schedules, and merchandising techniques.

• Recommends changes in products, service, and policy by evaluating results and

competitive developments.

• Resolves customer complaints by investigating problems, developing solutions,

preparing reports, and making recommendations to management.

• Maintains professional and technical knowledge by attending educational workshops,

reviewing professional publications, establishing personal networks, and participating

in professional societies.

• Provides historical records by maintaining records on area and customer sales.

• Contributes to team effort by accomplishing related results as needed.

3. หลังจากนนั้ ผู้สอนใหผ้ ้เู รียนดบู ทสนทนาพนักงานขายที่ห้างสรรพสนิ ค้า Activity 7.17 หน้า 91จาก

คลิปเสยี ง เม่ือผูเ้ รยี นฟงั บทสนทนาจบ ผสู้ อนสรปุ สานวนในบทสนทนา และรว่ มกันแปลความหมายในชนั้ เรียน

4. ผสู้ อนบอกคาศัพทช์ อื่ เอกสารภาษาอังกฤษสาหรับการซอื้ ขายจากส่อื PowerPoint

Documents used in selling and buying goods ดังนี้

- Packing list ใบแสดงรายการบรรจหุ บี ห่อ

- Receipt ใบเสร็จรบั เงิน

- Invoice ใบแจง้ หน้ี

- Purchase order ใบส่ังซอื้

- Proof of delivery ใบสง่ สนิ คา้

5. ผูส้ อนอธบิ ายความหมายและขอบเขตและหนา้ ท่ขี อง postal worker ดังน้ี Postal service workers

sell postal products and collect, sort, and deliver mail นอกจากนนั้ ผสู้ อนอธบิ ายขอบเขตการทางาน

ของอาชพี พนักงานไปรษณยี ์ เพ่มิ เติม ดังน้ี

• Collect letters and parcels.

• Sort incoming letters and parcels.

• Sell stamps and other postal products.

• Get customer signatures for registered, certified, and insured mail.

• Operate various types of postal equipment.

• Distribute incoming mail from postal trucks.

6. ผู้สอนใหผ้ ูเ้ รยี นเปดิ หนงั สือหนา้ 103 อ่านบทความเก่ยี วกบั Postal worker Aranya เพือ่ ศึกษา
เกยี่ วกับตวั ละครท่มี ีอาชพี เป็นพนกั งานไปรษณีย์ หลังจากนั้นทดสอบความเข้าใจในการจบั ประเดน็ จากเรื่องท่ี
อ่านโดยทา Activity 7.22-7.23 หนา้ 103

7. หลงั จากน้นั ผสู้ อนให้ผเู้ รียนดูบทสนทนาพนักไปรษณีย์ Activity 7.25-7.26 หน้า 104-105จากคลปิ เสยี ง
เมื่อผู้เรยี นฟังบทสนทนาจบ ผู้สอนสรปุ สานวนในบทสนทนา และร่วมกันแปลความหมายในชั้นเรียน

8. ผสู้ อนใหผ้ ้เู รยี นฝึกสบื ค้น TRACK & TRACE จาก www.thaillandpost.com โดยใชโ้ ทรศพั ทม์ ือถือ
ของตนเอง โดยดูตัวอยา่ งหน้าเว็บไซต์จาก Activity 7.24 หน้า 104

5.3 การสรปุ
1. ผสู้ อนให้ผู้เรยี นทบทวนการใชส้ านวนและบทบาทหนา้ ท่จี ากบทสนทนาพนักงานขายที่หา้ งสรรพสนิ คา้

และทา Activity 7.17 หนา้ 91 ท้ายบทสนทนา โดยทาแบบฝึกหัดทา้ ยบท
2. ผสู้ อนทบทวนคาศัพท์ชื่อเอกสารภาษาองั กฤษสาหรับการซ้ือขาย โดยใหท้ า Activity 7.18-7.20 หน้า

101
3. ผสู้ อนใหผ้ ูเ้ รียนทบทวนการใช้สานวนและบทบาทหน้าทีข่ อง Postal worker โดยทาแบบฝึกหัดท้ายการ

ฟงั บทสนทนาใน Activity 7.22-7.23 หนา้ 103 ตามลาดับ
4. ผ้สู อนใหผ้ เู้ รยี นทบทวนการใช้ภาษาเพ่ือการสือ่ สารทั้ง 4 อาชพี ในบทเรยี นน้ีใน Monitor your progress

เปน็ การบา้ น
5. ผูส้ อนมอบหมายให้ผูเ้ รียนเลือกแต่งบทสนทนาท่ใี ชใ้ นการสอื่ สารเพื่อการประกอบอาชีพ โดยเลอื กจาก
อาชพี IT officer, nurse, salesperson หรือ postal worker เพียงหนงึ่ อาชีพ โดยดตู วั อยา่ งจากบทสนทนา
ในบทที่ 7 เป็นแนวทางในการทาใบงานที่ 7 (เก็บคะแนนทกั ษะพสิ ัยบทที่ 7)

แผนการจดั การเรยี นรมู้ ุ่งเนน้ สมรรถนะ หนว่ ยท่ี 5
สปั ดาห์ที่ 10-11
ชอ่ื หน่วย On my job จานวน 10 ชั่วโมง

สอ่ื การเรยี นรู้/แหลง่ การเรยี นรู้
6.1 สอื่ ส่ิงพิมพ์
- เอกสารประกอบการเรียนวิชาภาษาอังกฤษเพอ่ื การหางานทา
6.2 ส่ือโสตทัศน์ (ถา้ มี)
- power point
6.3 หนุ่ จาลองหรือของจริง (ถา้ มี)
- ไม่ม-ี
6.4 อืน่ ๆ (ถ้ามี)
- ไมม่ -ี

7. เอกสารประกอบการจดั การเรยี นรู้ (ใบความรู้ ใบงาน ใบมอบหมายงาน ฯลฯ)
- แบบฝกึ หัด

8. การบูรณาการ/ความสัมพันธก์ บั วชิ าอน่ื
- ไมม่ ี -

9. การวัดผลและประเมินผล
9.1 เครอ่ื งมือประเมิน
1. แบบสงั เกตพฤตกิ รรมรายบคุ คล
2. แบบประเมนิ พฤติกรรมการเขา้ ร่วมกจิ กรรมกลุ่ม
3. แบบประเมนิ คุณธรรม จริยธรรม ค่านยิ ม และคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์

9.2 เกณฑ์การประเมนิ
- ทดสอบหลังเรียนเกณฑ์ผา่ นร้อยละ 50 ขึ้นไป
- ประเมนิ คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ตามสภาพจริง

แผนการจดั การเรียนรมู้ ุ่งเนน้ สมรรถนะ หนว่ ยท่ี 5

ชื่อหน่วย On my job สัปดาหท์ ี่ 10-11
จานวน 10 ช่ัวโมง

10. บันทึกหลังสอน
10.1 ผลการใช้แผนการจัดการเรียนรู้

.................................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. ....................................................
.................................................................................................................................................................................
............................................................................................................................................................ .....................

10.2 ผลการเรยี นร้ขู องนักเรียน นักศึกษา
......................................................................................... ........................................................................................
......................................................................................................................................... ........................................
.......................................................................................... .......................................................................................
................................................................... ..................................................................................................... .........

10.3 แนวทางการพัฒนาคณุ ภาพการเรยี นรู้
....................................................................................................... ..........................................................................
....................................................................................................................................................... ..........................
........................................................................................................ .........................................................................
.................................................................................................................................................................................


Click to View FlipBook Version