The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

ประวัติศาสตร์ไทย.docx

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by นางสาวมฤทัย ยวนใจ, 2020-02-20 22:45:46

ประวัติศาสตร์ไทย.docx

ประวัติศาสตร์ไทย.docx

1

ประวตั ศิ าสตร์ไทย

เช่ือว่ามมี นุษยอ์ ยอู่ าศยั อย่ถู าวรในอาณาเขตประเทศไทยปัจจบุ นั มาแลว้ ประมาณ

40,000 ปี เดิมชาวมอญ เขมรและมลายูปกครองพ้ืนทดี่ งั กลา่ ว โดยมอี าณาจกั รใหญ่

เชน่ ฟนู าน ทวารวดี หริภญุ ชยั จกั รวรรดเิ ขมร และตามพรลิงก์ ส่วนบรรพบุรุษไทย
สยามปัจจุบนั ซ่ึงจดั อย่ใู นกลมุ่ ชาวไท-ไตเป็นกลุ่มทอี่ าศยั อยู่ในแถบเดียนเบยี นฟูในช่วง
คริสตศ์ ตวรรษท่ี 5 ถงึ 8 และเร่ิมเขา้ มาอยูอ่ าศยั ในอาณาเขตประเทศไทยปัจจุบนั ใน
คริสตศ์ ตวรรษที่ 11 รฐั ของชาวไทเกดิ ข้นึ จานวนมากในคริสตศ์ ตวรรษที่ 13 ประมาณปี
1780 พ่อขุนบางกลางหาวรวบรวมกาลงั กบฏต่อเขมร และต้งั อาณาจกั รสุโขทยั เหนือข้ึน
ไป พญามงั รายทรงต้งั อาณาจกั รลา้ นนาในปี 1839 มีศนู ยก์ ลางอยู่ที่เชียงใหม่ ทรง
รวบรวมแวน่ แควน้ ข้นึ ในแถบลุ่มแม่น้าปิ ง ส่วนบริเวณลุ่มแมน่ ้าเจา้ พระยาตอนลา่ งมกี าร
ต้งั สหพนั ธรฐั ในบริเวณเพชรบุรี สุพรรณบุรี ลพบรุ ีและอยธุ ยาในคริสตศ์ ตวรรษท่ี 11
นกั ประวตั ิศาสตร์กระแสหลกั มกั เลอื กนบั สุโขทยั เป็นราชธานีแห่งแรกของคนไทย

อาณาจกั รอยุธยาก่อต้งั ข้นึ เม่อื ปี 1893 ตอ่ มาเป็นใหญ่แทนจกั รวรรดเิ ขมร และ
แทรกแซงอาณาจกั รสุโขทยั อยา่ งตอ่ เนื่องจนสุดทา้ ยถูกรวมเขา้ เป็นส่วนหน่ึงของ
อยุธยา สมเด็จพระบรมไตรโลกนาถทรงจดั การปกครองโดยแบ่งพลเรือนกบั ทหารและ
จตุสดมภซ์ ่ึงบางส่วนใชส้ ืบมาจนถึงรัชสมยั พระบาทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกลา้
เจา้ อยหู่ วั และทรงริเริ่มระบบเจา้ ขุนมูลนาย ทาให้ประชากรส่วนใหญ่เป็นไพร่ใช้
แรงงานปี ละ 6 เดือน กรุงศรีอยธุ ยาเริ่มติดต่อกบั ชาติตะวนั ตกเม่ือ พ.ศ. 2054 หลงั จากน้นั
ในปี 2112 กรุงศรีอยุธยาตกเป็นประเทศราชของราชวงศต์ องอแู ห่งพม่า สมเด็จพระ
นเรศวรมหาราชทรงประกาศอสิ รภาพในอกี 15 ปี ให้หลงั กรุงศรีอยธุ ยายงั ตดิ ต่อกบั ชาติ
ตะวนั ตก จนรุ่งเรืองถึงขีดสุดในรชั กาลสมเดจ็ พระนารายณม์ หาราชความขดั แยง้ ภายใน
ตดิ ๆ กนั หลายรัชกาลในราชวงศบ์ า้ นพลูหลวงและการสงครามกบั ราชวงศค์ องบ
อง (อลองพญา) จนส่งผลให้เสียกรุงคร้งั ท่สี องเม่ือปี 2310 หลงั จากน้นั บา้ นเมืองแตก
ออกเป็นชุมนุมตา่ ง ๆ เจา้ ตากทรงรวบรวมแผ่นดนิ และขยายอาณาเขต หลงั เกดิ ความ
ขดั แยง้ ชว่ งปลายรชั กาล พระองคแ์ ละพระราชโอรสท้งั หลายทรงถูกสาเร็จโทษโดย

2

พระบาทสมเดจ็ พระพุทธยอดฟ้าจฬุ าโลก ปฐมกษตั ริยแ์ ห่งราชวงศจ์ กั รี ผสู้ ถาปนากรุง
รตั นโกสินทร์ข้นึ ในปี 2325

พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจฬุ าโลกทรงสถาปนาอานาจปกครองเหนือ
ประเทศลาวและกมั พูชาปัจจุบนั และยตุ ิสงครามกบั พมา่ ตอ่ มากรุงรัตนโกสินทร์ถกู
ครอบงาดว้ ยปัญหาความพยายามแผ่อิทธิพลของชาตติ ะวนั ตกโดยมกี ารบรรลุสนธิสัญญา
ตา่ ง ๆ เช่น สนธิสญั ญาเบอร์นี สนธิสญั ญาเบาวร์ ิง ตามดว้ ยสนธิสัญญาไม่เป็นธรรมอกี
หลายฉบบั เป็นการเริ่มตน้ การทาให้ประเทศทนั สมยั และกลายเป็น
ตะวนั ตก พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกลา้ เจา้ อยู่หวั ทรงเร่ิมการรวมศนู ยอ์ านาจแทนให้
เจา้ ทอ้ งถ่ินปกครองแบบเดิม เลกิ ทาสและไพร่ และจดั ระเบียบการปกครองแบบ
กระทรวง มีการยอมแลกดนิ แดนหลายคร้งั เพอื่ แลกกบั การแกไ้ ขสนธิสัญญาตา่ ง ๆ ใน
สงครามโลกคร้ังท่หี น่ึง ประเทศสยามถือฝ่ายสัมพนั ธมิตร

ภาวะเศรษฐกจิ ฝืดเคืองและการแกไ้ ขปัญหาเศรษฐกจิ ของรฐั บาลทไี่ ม่เป็นผล มี
ส่วนใหเ้ กดิ การปฏวิ ตั ิในปี 2475 อนั นามาซ่ึงการปกครองระบอบราชาธิปไตยภายใต้
รัฐธรรมนูญและทาให้คณะราษฎรมีบทบาททางการเมอื ง ระหว่างสงครามโลกคร้ังท่ี
สอง ประเทศไทยถูกญีป่ ่ นุ บกุ ครองและลงนามเป็นพนั ธมติ รทางทหารกบั ญีป่ ่นุ หลงั
สงครามยุตใิ นปี 2488 ประเทศไทยสามารถบอกเลิกสถานะสงครามกบั ฝ่ายสมั พนั ธมติ ร
ไดท้ าใหไ้ มต่ กอยู่ในสภาพผแู้ พส้ งคราม ระหวา่ งสงครามเยน็ ประเทศไทยเขา้ ร่วมเป็น
พนั ธมติ รกบั สหรฐั เต็มตวั และรฐั ประหารโดยมจี อมพล สฤษด์ิ ธนะรชั ต์ เป็นหัวหนา้ ใน
ปี 2500 ทาให้คณะราษฎรหมดอานาจและมกี ารร้ือฟ้ื นพระราชอานาจ สงครามเวยี ดนาม
เร่งให้เกิดการพฒั นาและความเหล่อื มล้าในประเทศ ทาใหเ้ กดิ การสานึกทางการเมอื งของ
ชนช้นั กลาง "เหตกุ ารณ์ 14 ตลุ า" ปี 2516 นามาซ่ึง "ยุคประชาธิปไตยเบง่ บาน" ชว่ งส้นั ๆ
ซ่ึงสิ้นสุดลงดว้ ยรฐั ประหารในปี 2519 การก่อการกาเริบคอมมิวนิสตย์ ุติในปี 2523

ขณะเดยี วกนั ระบอบการปกครองของไทยสลบั กนั ระหวา่ งเผด็จการทหารและ
ประชาธิปไตยระบบรัฐสภาอยูเ่ รื่อย ๆ เศรษฐกจิ ของไทยเตบิ โตอยา่ งรวดเร็ว ปี 2540 เกิด
วกิ ฤตเศรษฐกจิ ทค่ี ่าเงินบาทออ่ นตวั ลงเฉียบพลนั ในพุทธทศวรรษ 2540 เป็นตน้ มา
ประเทศไทยตกอย่ใู นวกิ ฤตการณก์ ารเมอื งระหวา่ งฝ่ายสนบั สนุนและตอ่ ตา้ นทกั ษณิ

3

การแบ่งยุคสมยั

การจดั แบง่ ยคุ ทางประวตั ิศาสตร์ของไทยน้นั สมเดจ็ พระเจา้ บรมวงศเ์ ธอ กรม
พระยาดารงราชานุภาพทรงแสดงพระทศั นะไวใ้ นพระนิพนธเ์ รื่อง "ตานานหนงั สือพระ
ราชพงศาวดาร" ในพระราชพงศาวดารฉบบั พระราชหัตถเลขาเม่ือ พ.ศ. 2457 ถงึ การ
แบง่ ยคุ สมยั ทางประวตั ศิ าสตร์ของไทยไวว้ า่ "เร่ืองพระราชพงศาวดารสยาม ควรจดั
แบ่งเป็น 3 ยุค คือ เมอื่ กรุงสุโขทัยเป็นราชธานยี คุ 1 เมอ่ื กรุงศรีอยธุ ยาเป็นราชธานยี คุ 1
เมอ่ื กรุงรัตนโกสินทร์เป็นราชธานียคุ 1 ซ่ึงการลาดบั สมยั ทางประวตั ศิ าสตร์แบบเสน้ ตรง
(Linear) โดยวางโครงเรื่องผกู กบั กาเนดิ และการลม่ สลายของรัฐ กล่าวคอื ใชร้ ัฐหรือราช
ธานีเป็นศูนยก์ ลางเช่นน้ี ยงั คงมีอิทธิพลอย่มู ากตอ่ การเขา้ ใจประวตั ิศาสตร์ไทยในปัจจุบนั

นกั วชิ าการใหเ้ หตุผลในการเลือกเอาอาณาจกั รสุโขทยั เป็นจดุ เร่ิมตน้ ของ
ประวตั ิศาสตร์ไทยไว้ 2 เหตุผล ไดแ้ ก่

1) วิชาประวตั ิศาสตร์มกั ยดึ การเริ่มมีภาษาเขยี นเป็นจดุ เร่ิมตน้ ของประวตั ิศาสตร์
เมอื่ ประกอบกบั การประดษิ ฐ์อกั ษรไทยในรชั กาลพอ่ ขุนรามคาแหงมหาราช จึงเหมาะสม
เป็นจดุ เร่ิมตน้ ของประวตั ิศาสตร์ไทย และ

2) สะดวกในการนบั เวลาและเหตกุ ารณท์ ต่ี อ่ เน่ืองกนั เพราะนกั ประวตั ิศาสตร์มี
หลกั ฐานความสืบเน่ืองกนั ต้งั แต่สมยั สุโขทยั มาจนถึงสมยั รัตนโกสินทร์จนถงึ ปัจจุบนั
ทว่า เหตผุ ลท้งั สองประการก็ยงั ไมเ่ ป็นท่ยี อมรบั กนั อยา่ งเป็นเอกฉันทน์ กั ในปัจจบุ นั มี
ขอ้ เสนอใหม่ ๆ เกีย่ วกบั โครงเร่ืองประวตั ศิ าสตร์ไทยข้ึนมาบา้ ง ทส่ี าคญั คอื ศ. นิธิ เอยี วศ
รีวงศไ์ ดเ้ สนอถงึ หวั ขอ้ สาคญั ทคี่ วรเป็นแกนกลางของประวตั ศิ าสตร์แห่งชาติไทยไว้ 8
หวั ขอ้

4

ยุคก่อนประวตั ศิ าสตร์และรฐั โบราณในประเทศไทย
ประวตั ิศาสตร์ไทยช่วงต้น

หลกั ฐานยุคก่อนประวตั ิศาสตร์

เคร่ืองป้ันดนิ เผาวฒั นธรรมบา้ นเชียง 1200-800 ปี กอ่ น ค.ศ.

นกั โบราณคดีชาวฮอลนั ดา ดร. เอช. อาร์. แวน ฮิงเกอเรน ไดข้ ดุ คน้ พบเครื่องมอื
หินเทาะซ่ึงทาข้นึ โดยมนุษยย์ ุคกอ่ นประวตั ิศาสตร์ บริเวณใกลส้ ถานีบา้ นเกา่ จงั หวดั
กาญจนบุรี โดยมีขอ้ สนั นษิ ฐานว่ามนุษยเ์ หลา่ น้ีอาจเป็น มนุษย์ชวาและมนษุ ย์ปักก่ิง ซ่ึง
อยูอ่ าศยั เม่อื ประมาณ 5 แสนปี มาแลว้ อนั เป็นหลกั ฐานในยคุ หินเก่า

เดวิด วยั อาจ (David Wyatt) เขียนว่า มีมนุษยอ์ ยูอ่ าศยั ในบริเวณเอเชียตะวนั ออก
เฉียงใตป้ ัจจุบนั ต้งั แต่ 40,000 ปี มาแลว้ โดยเริ่มจากการเกบ็ ของป่ าลา่ สตั ว์ จนเริ่มมกี าร
กสิกรรมเมอื่ 10,000–20,000 ปีกอ่ น พบว่ากลุม่ ชาติพนั ธุ์ดงั กลา่ วอยกู่ นั กระจดั
กระจายต้งั แตท่ ีร่ าบจนี ตอนกลางลงไปถึงคาบสมุทรอนิ โดนีเซีย มีเทคโนโลยกี ารปลกู
ขา้ วและประดษิ ฐเ์ รือมีกราบกนั โคลงทาให้แล่นไปไดถ้ งึ ญ่ีป่ นุ และแอฟริกาตะวนั ออก มี

การหล่อขวานสาริดอายุ 5,000ปี เหล็กหลอ่ อายุ 3,000 ปีรวมท้งั เครื่องป้ันดินเผา ท้งั น้ี

เชื่อว่าแหล่งโบราณคดใี นบา้ นเชียงและท่รี าบสูงโคราชเป็นหลกั ฐานการปลกู ขา้ วและ
หล่อสาริดทอี่ าจมอี ายเุ กา่ แก่ที่สุดในทวีปเอเชีย

รัฐโบราณ

อาณาจกั รฟนู านเป็นอาณาจกั รแรกสุดและทรงอานาจทีส่ ุดในเอเชียตะวนั ออก
เฉียงใต้ เจริญข้นึ เมอ่ื ศตวรรษท่ี 2 กอ่ นคริสตกาล โดยมีอาณาเขตครอบคลุมภาคกลาง
ของประเทศไทยและท้งั ประเทศกมั พูชาปัจจบุ นั โดยมีเศรษฐกิจข้นึ อยกู่ บั การคา้ ทางทะเล
และเกษตรกรรม มกี ารตดิ ต่อการคา้ อยา่ งใกลช้ ิดกบั อินเดียและเป็นฐานสาหรับนกั เผยแผ่
ศาสนาฮินดู

5

แผนทอ่ี ินโดจนี ใน ค.ศ. 900 แสดงจกั รวรรดเิ ขมร (สีแดง) ที่ครอบคลมุ ดนิ แดนส่วน
ใหญ่ของประเทศไทยปัจจุบนั ; สีเขยี วแกค่ ือหริภญุ ไชย และสีเขยี วออ่ นคอื อาณาจกั รศรี
วชิ ยั

ต่อมา ชาวมอญอาศยั ช่วงท่ีฟนู านเส่ือมลงต้งั อาณาจกั รของตนในคริสตศ์ ตวรรษ
ท6่ี อาณาจกั รทวารวดตี ้งั อยู่ในพ้นื ท่ตี อนกลางและตะวนั ออกเฉียงเหนือของประเทศไทย
ปัจจบุ นั แต่รายละเอียดต่าง ๆ ยงั ไมค่ อ่ ยทราบกนั ดนี กั โดยต้งั ข้ึนเพื่อการคา้ ขายทางบก
ระหว่างอา่ วเมาะตะมะและอา่ วไทยผ่านด่านเจดยี ส์ ามองค์ แต่มกี ารแผข่ ยายทางทศิ
ตะวนั ออกไปถงึ กมั พชู า ทางเหนือไปถงึ เชียงใหม่และทางเหนือของประเทศลาว พอ
ทราบว่ามกี ลุม่ เมืองหน่ึงอย่แู ถบนครปฐมและสุพรรณบรุ ี กลุ่มหน่ึงต้งั อยูท่ ี่ลพบุรี และอกี
กลมุ่ หน่ึงแถบทีร่ าบสูงโคราช ซ่ึงคนไทในสมยั น้นั ก็อาศยั อยตู่ ามชายขอบของทวาร
วดี ประมาณตน้ คริสตศ์ ตวรรษท่ี 9 ชาวมอญต้งั อาณาจกั รหริภญุ ไชยที่ลาพนู ซ่ึงต่อมา
เป็นศูนยก์ ลางทางศาสนาพทุ ธและวฒั นธรรม ส่วนชาวเขมรต้งั อาณาจกั รใหญ่มศี ูนยก์ ลาง
อยู่ทอี่ งั กอร์ในคริสตศ์ ตวรรษท่ี 9ในคริสตศ์ ตวรรษที่ 8 รัฐมอญรบั ศาสนาพุทธผ่านผเู้ ผย
แผศ่ าสนาจากเกาะลงั กา และเผยแผต่ ่อให้จกั วรรดเิ ขมร แมม้ อญครอบงาทางวฒั นธรรม

6

ในภูมิภาค แต่มกั ตกเป็นเมืองข้ึนของพมา่ และเขมรอย่เู นือง ๆ ผลทาให้ในคริสตศ์ ตวรรษ
ท่ี 9 จกั รวรรดเิ ขมรครอบงาล่มุ แม่น้าเจา้ พระยาปัจจุบนั ท้งั หมด จกั รวรรดิเขมรมกี าร
กอ่ สรา้ งสิ่งก่อสร้างขนาดใหญจ่ านวนมากเพือ่ เฉลิมพระเกยี รติพระมหากษตั ริย์ แต่การ
หมกมนุ่ กบั การกอ่ สร้างมากเกนิ ไปทาใหเ้ ศรษฐกจิ ของรฐั เสื่อมลง

อาณาจกั รตามพรลงิ ก์เป็นรัฐมลายทู ี่ควบคุมการคา้ ผา่ นช่องแคบมะละกาทท่ี รง
อานาจท่ีสุด เจริญข้นึ ในคริสตศ์ ตวรรษท่ี 10 ตามพรลงิ กร์ วมเขา้ กบั อาณาจกั รศรีวิชยั ซ่ึง
เป็นสมาพนั ธรัฐทางทะเลทีม่ ีอยู่ระหวา่ งคริสตศ์ ตวรรษท่ี 7 ถึง 13 ตามพรลงิ กร์ ับศาสนา
พทุ ธ แตอ่ าณาจกั รมลายทู ี่อย่ใู ตล้ งไปรบั ศาสนาอิสลาม ทาใหเ้ กดิ พรมแดนศาสนา
ระหวา่ งเอเชียตะวนั ออกเฉียงใตแ้ ผน่ ดนิ ใหญก่ บั คาบสมุทรมลายู
การเข้ามาตง้ั ถนิ่ ฐานของคนไท

แผนทแี่ สดงการกระจายทางภมู ิศาสตร์ของผพู้ ูดภาษาตระกลู ขรา้ -ไท จะเหน็ รูปแบบ
ทว่ั ไปของการยา้ ยถ่ินของเผ่าที่พดู ภาษาไทตามแมน่ ้าและชอ่ งเขาตา่ ง ๆ
ดูเพ่ิมเติมท:่ี แนวคิดเกี่ยวกับถน่ิ กาเนิดของชนชาติไท

เดวิด วยั อาจเขยี นวา่ บรรพชนของคนไท-ไตทอี่ าศยั อยู่ในอนิ เดยี
ตะวนั ออกเฉียงเหนือ พมา่ ยนู นานใต้ ไทยและลาวปัจจบุ นั คือ กล่มุ ไท-ไตท่อี ยแู่ ถบเดยี น
เบยี นฟูในคริสตศ์ ตวรรษท่ี 5 ถงึ 8 โดยเชื่อวา่ เป็นกลมุ่ ไท-ไตทเ่ี ดมิ อาศยั อยใู่ นบริเวณลมุ่
แมน่ ้าแดงทอ่ี ยทู่ างตะวนั ออกเฉียงใตส้ ุดของจนี และถูกจีนและเวียดนามแผแ่ รงกดดนั
ทางทหารและการปกครองเขา้ มาจนประชากรกลุ่มหน่ึงเคลอื่ นลงมาทางทศิ ตะวนั ตกเฉียง

7

ใต้ พบว่าอาณาจกั รนา่ นเจา้ ทีอ่ ยู่ทางเหนือของเอเชียตะวนั ออกเฉียงใตแ้ ผน่ ดินใหญ่ ไมใ่ ช่
อาณาจกั รของคนไท-ไต แตม่ คี วามสาคญั ตอ่ ประวตั ิศาสตรก์ ลุม่ ไท-ไตในแงท่ ่ชี ว่ ยก้นั
อทิ ธิพลของจีนจากทิศเหนือ และรบั ศาสนาพทุ ธและวฒั นธรรมอนิ เดยี ทางทศิ
ตะวนั ตก และช่วยส่งเสริมการขยายตวั ของกลมุ่ ไท-ไต

มกี ารกลา่ วถึงชาวไทยสยามคร้ังแรกในนครวดั ในคริสตศ์ ตวรรษท่ี 12 โดยเรียกว่า
"เสียม" หรือคนผวิ น้าตาลพบวา่ คนไท-ไตในช่วงคริสตศ์ ตวรรษที่ 11–12 อาศยั อยู่แถบ
ลุ่มแมน่ ้าเจา้ พระยาและตอนกลางของแม่น้าโขงในลาว ลพบรุ ีซ่ึงเป็นเมืองมอญถูกผนวก
เขา้ เป็นส่วนหน่ึงของจกั รวรรดิเขมรในคริสตศ์ ตวรรษท่ี 11 ลพบรุ ีเป็นศูนยก์ ลางของ
เสียม (สยา) หรือเป็นเมอื งท่รี ับผดิ ชอบการบริหารจดั การชาวเสียมในชว่ งคริสตศ์ ตวรรษ
ท่ี 11–12 ชาวไท-ไตต้งั รัฐใหม่ ๆ ทางเหนือของเอเชียตะวนั ออกเฉียงใตแ้ ผ่นดนิ ใหญ่ มี
คากลา้ วอา้ งว่าชาวไท-ไตปลน้ สะดมและจบั เชลยของเจา้ นายไท-ไตหลายพระองค์
ผปู้ กครองทพ่ี ่ายตอ่ ชาวไท-ไตต่างเกรงกลวั ยอมส่งเครื่องราชบรรณาการและให้เช้ือพระ
วงศอ์ ภิเษกสมรสดว้ ย ยา่ งเขา้ คริสตศ์ ตวรรษท่ี 13 ชาวไท-ไตต่าง ๆ ยงั อยู่กนั เป็นแว่น
แควน้ ไมม่ กี ารรวมอานาจเขา้ สู่ศนู ยก์ ลาง ในช่วงน้ีเมอื งของชาวไท-ไตมขี นาดพอ ๆ กนั
ไม่มเี มืองใดใหญ่กว่าเมืองอน่ื และต้งั อย่รู อบจกั รวรรดิเขมรและอาณาจกั รพกุ าม ไป
จนถึงตอนเหนือของลาว

เม่อื จกั รวรรดิเขมรและอาณาจกั รพกุ ามเสื่อมอานาจเมอ่ื ตน้ คริสตศ์ ตวรรษที่ 13
ทาใหเ้ กิดรฐั ใหม่ข้นึ เป็นจานวนมากในเวลาไลเ่ ลี่ยกนั อาณาจกั รของชาวไทกนิ อาณา
บริเวณต้งั แต่ทิศตะวนั ออกเฉียงเหนือของประเทศอนิ เดียปัจจบุ นั จนถงึ ทิศเหนือของลาว
และลงไปถึงคาบสมุทรมลายู ระหว่างคริสตศ์ ตวรรษที่ 13 มปี ระชากรชาวไทอาศยั อยู่
มนั่ คงในอดีตดนิ แดนแกนกลางของอาณาจกั รทวารวดีและอาณาจกั รลพบุรี จนถึง
ดินแดนนครศรีธรรมราช แต่ไมม่ บี นั ทกึ รายละเอยี ดการเขา้ มาของชาวไท

8

อาณาจักรของคนไท

อาณาจกั รสุโขทยั และ อาณาจกั รล้านนา

วดั มหาธาตุ อทุ ยานประวตั ศิ าสตร์สุโขทยั

เมือ่ สิ้นคริสตศ์ ตวรรษที่ 13 คนไท-ไตเร่ิมยา้ ยจากหุบเขามาอยู่ท่ีลุ่ม ทาใหเ้ กดิ รัฐ
เล็ก ๆ จานวนมากที่แยง่ ชิงอาณาเขตกนั และเร่ิมเขา้ มาแทนท่สี องจกั รวรรดิใหญ่ คอื
พกุ ามและพระนครนครรฐั ของไทคอ่ ย ๆ เป็นอิสระจากจกั รวรรดิเขมรท่เี ส่ือมอานาจลง
กลา่ วกนั วา่ พ่อขนุ ศรีอินทราทติ ย์ (ครองราชย์ 1792–1822) ทรงสถาปนา
ราชอาณาจกั รสุโขทยั เมอื่ ปี 1781 นกั ประวตั ศิ าสตร์ทราบลาดบั เหตุการณ์ในชว่ งแรก
ของอาณาจกั รนอ้ ยมาก แต่พอทราบว่าในรชั กาลพอ่ ขุนศรีอินทราทิตยม์ ีเหตุให้กรุง
สุโขทยั รบกบั เมืองฉอด ซ่ึงขนุ รามทรงประกอบวีรกรรมชนชา้ งชนะขา้ ศกึ 4 พ่อขนุ
รามคาแหง (ครองราชย์ 1822–1841) ทรงเป็นผนู้ าชาวไทท่มี ีความโดดเด่นและ
ทะเยอทะยาน ทรงขยายอาณาเขตโดยใชก้ ารทหารและการทตู ผสมกนั ท้งั น้ี อาณาเขตอนั
กวา้ งขวางของกรุงสุโขทยั น้นั ไม่ไดเ้ กิดจากการเดนิ ทพั ไปหักตเี อาเมอื งตา่ ง ๆ แต่เป็นเขต
อิทธิพลท่ีมผี นู้ าเขา้ สวามิภกั ด์ิ และเขตอิทธิพลของสุโขทยั ทางใตก้ เ็ กดิ จาก
นครศรีธรรมราชที่เขา้ สวามิภกั ด์ดิ ว้ ยพญาลิไท (ครองราชย์ 1841–1889/90) ทรง
สืบราชสมบตั ิต่อมา แตห่ ลายเมอื งเอาใจออกห่างทนั ที การทสี่ ุพรรณบุรีแยกตวั ออกทาให้
ก้นั ระหวา่ งกรุงสุโขทยั กบั ดินแดนสวามภิ กั ด์ิท่อี ยูใ่ ตล้ งไป และนาไปสู่ชดุ เหตกุ ารณ์ที่
นาไปสู่ความเจริญของกรุงศรีอยธุ ยา

9

พญามงั ราย (ครองราชย์ 1802–1860) ทรงสืบราชสมบตั ิเป็นเจา้ ผคู้ รองหิรญั
นครเงนิ ยางเชียงลาว (เชียงแสน) ทรงพชิ ิตดนิ แดนเพื่อนบา้ นแลว้ ขยายอานาจลงทิศใต้
โดยต้งั เมืองเชียงรายข้นึ ในปี 1805 รวมท้งั เขา้ ยดึ ครองเชียงของและฝาง ในเวลาตอ่ มา
พระองคเ์ ขา้ เป็นพนั ธมิตรกบั พญางาเมือง (ครองราชย์ 1801–1841) แห่งแควน้ พะเยา
และพอ่ ขุนรามคาแหงแห่งสุโขทยั ดว้ ยเหตผุ ลดา้ นความทะเยอทะยานในการขยายอานาจ
และร่วมกนั รับมือภยั คกุ คามจากมองโกลทางเหนือ ท้งั น้ี ท้งั สามพระองคท์ รงเห็นแก่อตั
ลกั ษณร์ ่วมไท-ไต พญามงั รายทรงพิชิตหริภญุ ไชยไดใ้ นปี 1824 นบั เป็นเจา้ ผคู้ รอง
ดินแดนทางเหนือไดท้ ้งั หมด ระหวา่ งปี 1835 ถึง 1854 มองโกลกบั เชียงรุ่งรบกนั จน
สุดทา้ ยท้งั สองสงบศึกโดยเชียงรุ่งและเชียงใหมส่ ่งบรรณาการให้แกร่ าชสานกั จีน

อาณาจักรอยธุ ยา

วดั พระศรีสรรเพชญ์ อทุ ยานประวตั ิศาสตรพ์ ระนครศรีอยธุ ยา
ประมาณกลางคริสตศ์ ตวรรษท่ี 14 อาณาจกั รอยุธยาเป็นอาณาจกั รของคนไท

ขนาดใหญ่ เชน่ เดียวกบั ลา้ นนาและสุโขทยั ทา่ มกลางแวน่ แควน้ จานวนมากในภาคกลาง
ของประเทศไทยปัจจุบนั นบั เป็นคร้งั แรกท่ีกษตั ริยไ์ ทมคี วามทะเยอทะยานก่อต้งั มากกว่า
ชมุ ชนเมืองเล็ก ๆศูนยก์ ลางของอาณาจกั รอยธุ ยาเป็นแควน้ ลพบุรีในจกั รวรรดเิ ขมรเดิม
แควน้ ลพบุรีรอดพน้ จากการพชิ ิตดนิ แดนของสุโขทยั โดยยงั รกั ษาอทิ ธิพลเหนือท่ีราบลุ่ม
แม่น้าเจา้ พระยาฝ่ังตะวนั ออก ในชว่ งเวลาน้นั แควน้ สุพรรณบุรีควบคุมฝั่งตะวนั ตกของ
แม่น้าเจา้ พระยาต้งั แต่ชยั นาททางเหนือจนถงึ ชมุ พรทางใต้

10

พระเจา้ อทู่ อง (ครองราชย) ทรงก่อต้งั อาณาจกั รอยุธยาในปี 1893

พระองคท์ รงยกทพั ไปตีนครธม เมอื งหลวงของจกั รวรรดเิ ขมร จนสามารถปกครองเมือง
ไดช้ ว่ งส้นั ๆ สมเด็จพระบรมราชาธิราชท่ี 1 (ครองราชย์ 1913–31) ทรงหันไปสน
พระทยั กบั หัวเมอื งเหนือ และทาสงครามกบั สุโขทยั ตลอดรัชกาล จนบงั คบั ใหส้ ุโขทยั
ยอมรบั อานาจเหนือของอยธุ ยาไดม้ วี กิ ฤตการสืบราชสมบตั อิ ยู่เนือง ๆ ระหวา่ งราชวงศ์
สุพรรณบรุ ีและลพบรุ ีอยหู่ ลายชวั่ คน จนราชวงศส์ ุพรรณบรุ ีชนะในปี 1952 ในรชั กาล
สมเด็จพระอนิ ทราชา

(ครองราชย์ 1952–67) กรุงศรีอยธุ ยาเขา้ ไปแทรกแซงการเมืองภายในสุโขทยั เร่ิมจาก
ลดฐานะเจา้ ผคู้ รองเป็นเจา้ สวามภิ กั ด์ิ เขา้ ไปตดั สินปัญหาการสืบราชสมบตั ิ จนผนวก
รวมเขา้ เป็นส่วนหน่ึงของกรุงศรีอยธุ ยาในปี 1987 ในรชั กาลสมเดจ็ พระบรมราชาธิราช
ที่ 2 (ครองราชย์ 1967–91) นครธมถกู กองทพั อยธุ ยาตแี ตก จนปกครองนครธมใน
ฐานะหัวเมอื งประเทศราชช่วงส้นั ๆ กอ่ นถกู ปล่อยใหท้ ิ้งรา้ งสมเดจ็ พระบรมไตร
โลกนาถ (ครองราชย์ 1991–2031) ทรงรบั ชว่ งการสงครามกบั ลา้ นนาต่อ พระองคย์ งั
ทรงสรา้ งระบบควบคมุ กาลงั คนทาใหก้ รุงศรีอยุธยาไดเ้ ปรียบเหนือดนิ แดนเพ่อื นบา้ น
โดยมรี ะบบการควบคุมไพร่ปี ละหกเดอื นให้สงั กดั ขนุ นางทอ้ งถ่ิน ระบบราชการเร่ิมใช้
ตามรูปแบบของจกั รวรรดิเขมร คือ สร้างความห่างเหินระหวา่ งกษตั ริยก์ บั ราษฎร และ
ควบคมุ ขุนนางดว้ ยเอกสารลายลกั ษณ์อกั ษรแทนการสวามภิ กั ด์ิ พระองคย์ งั ทรงออก
กฎหมายจดั ลาดบั ช้นั และแบ่งแยกหนา้ ทีใ่ นสงั คมทซี่ บั ซอ้ น ทรงต้งั จตสุ ดมภแ์ ละเพม่ิ
ตาแหน่งกลาโหมและมหาดไทยประมาณปี 2000–2010 ราชอาณาจกั รอยุธยาควบคุม
คาบสมุทรมลายแู ละฝั่งทะเลเบงกอล คือ ทวายและตะนาวศรี ทาให้สามารถควบคุม
การคา้ นานาชาติ ทาให้เรือสินคา้ ไมต่ อ้ งออ้ มแหลมมะละกาการยึดครองมะละกาของ
โปรตุเกสในปี 2054 ทาใหอ้ ยุธยาเริ่มการตดิ ต่อกบั ชาติตะวนั ตก โปรตเุ กสส่งทตู เขา้ มา
เจริญสมั พนั ธไมตรีกบั ท้งั จดั หาปื นและอาวุธให้ ในชว่ งน้ีเองกรุงศรีอยธุ ยาเร่ิมพฒั นา
วฒั นธรรมของตนเองโดยมรี ูปแบบการแสดงออกทางภาษา วรรณคดแี ละพธิ ีกรรม และมี
ภมู ิหลงั จากมอญ เขมรและไท-ไตผสมกนั ซ่ึงนบั เป็นเอกลกั ษณ์นิยามความเป็น "สยาม"
ต่างจากไทยวนลา้ นนาและลาวลา้ นชา้ งคร้ันพระเจา้ ตะเบง็ ชะเวต้ี

11

(ครองราชย์ 2074–93) แห่งตองอูพชิ ิตอาณาจกั รมอญโบราณที่หงสาวดีและตีเมืองเชียง
กรานซ่ึงเป็นประเทศราชของกรุงศรีอยุธยา สมเดจ็ พระไชยราชาธิราช (ครองราชย์
2077–90) ทรงยกทพั ไปชิงเมอื งคืน สมเด็จพระไชยราชาธิราชยงั ทรงกงั วลกบั ลา้ นนา
ดว้ ยจงึ ยกทพั ไปตเี มืองเชียงใหม่สองคร้งั แตไ่ มส่ ามารถยดึ เมอื งหลวงได[้ 5]:137–8 หลงั
ส้ินรชั กาลเกดิ การชิงราชสมบตั กิ นั ทา้ วศรีสุดาจนั ทร์ยกขนุ วรวงศาธิราชชรู้ กั ของพระ
นางใหเ้ ป็นพระมหากษตั ริย์ แต่ทรงราชยไ์ ดห้ กสัปดาห์ ก็ถกู บรรดาขนุ นางสมคบกนั ลอบ
ปลงพระชนมแ์ ละยกสมเด็จพระมหาจกั รพรรดิ (ครองราชย์ 2091–2108 และ 2110–
1) ให้สืบราชสมบตั ิ พระเจา้ ตะเบ็งชะเวต้ที รงยกกองทพั เรือนแสนมาลอ้ มกรุงศรีอยธุ ยา
ในปี 2092 แต่ไมส่ าเร็จพระเจา้ บเุ รงนอง (ครองราชย์ 2094–2124) ทรงยกทพั มาตี
อาณาจกั รอยุธยาอกี คร้ัง หลงั สามารถควบคุมอาณาจกั รลา้ นนาท้งั หมดไวไ้ ดร้ ้ังน้ีพระ
มหาธรรมราชาเป็นผสู้ นบั สนุนพม่า และสุดทา้ ยสมเด็จพระมหาจกั รพรรดติ อ้ งยอมตาม
ขอ้ เรียกรอ้ งของพม่าและส่งพระราเมศวร พระราชโอรส เป็นองคป์ ระกนั สมเดจ็ พระ
มหาจกั รพรรดิพยายามอภเิ ษกสมรสทางการเมอื งกบั ลา้ นชา้ ง แต่พระมหาธรรมราชาส่ง
ขา่ วใหพ้ มา่ ชิงตวั เจา้ หญงิ อภิเษก สมเดจ็ พระมหาจกั รพรรดสิ ่งกองทพั ไปตีพษิ ณุโลกเพอื่
ตอบโต้ แต่ถูกอบุ ายทาให้ถอนทพั กลบั ไปนปี 2111–2 พระเจา้ บุเรงนองส่งกองทพั
ขนาดใหญม่ าตกี รุงศรีอยุธยาอกี กรุงศรีอยุธยารบั ศกึ ไดห้ น่งึ ปี แตส่ ุดทา้ ยเสียกรุงให้แก่
พมา่ ในวนั ที่ 8 สิงหาคม 2112

ภาพยุทธหตั ถรี ะหวา่ งสมเดจ็ พระนเรศวรกบั พระมหาอปุ ราชาของพมา่ ในปี 2135 ณ
วดั สุวรรณดาราราม

12

พมา่ ใหส้ มเดจ็ พระมหาธรรมราชา (ครองราชย์ 2112–33) ปกครองกรุงศรี
อยุธยาในฐานะเจา้ ประเทศราช อาณาจกั รออ่ นแอลงจนถูกกมั พูชาถอื โอกาสบุกเขา้ มา
กวาดตอ้ นผคู้ นถงึ 6 คร้ังในรอบสองทศวรรษ พระนเรศวรทรงแสดงพระปรีชาสามารถ
ทางทหารในการตอ่ สู้กบั กมั พูชา และเสด็จไปร่วมปราบรัฐฉานกบั กองทพั พม่าหลงั จาก
น้นั พระนเรศวรถกู ลอบปองร้ายจากราชสานกั พม่าจงึ ยกทพั กลบั บา้ นเกดิ ทรงรบป้องกนั
บา้ นเมืองจากพมา่ และกมั พชู าสามคร้ังในช่วงปี 2128–30
ในปี 2135 พระมหาอปุ ราชาของพมา่ ยกทพั มาทางกาญจนบรุ ี สมเดจ็ พระ
นเรศวร (ครองราชย์ 2133–48) ยกทพั ไปรบั ศกึ ที่หนองสาหร่ายและชนชา้ งชนะพระ
มหาอปุ ราชา ผลของศึกทาให้กรุงศรีอยุธยาเป็นอิสระมน่ั คง หลงั จากสมเด็จพระนเรศวร
ยดึ หัวเมืองชายทะเลของพม่าและกมั พชู า และไดล้ า้ นนามาอยใู่ นอานาจแลว้ พระองคท์ รง
ทาสงครามลึกเขา้ ไปในแผ่นดนิ พม่าอกี ตลอดรัชกาล และสวรรคตขณะทรงยกทพั ไปตรี ฐั
ฉานเพ่อื ชิงตดั หนา้ การรวบรวมอานาจของพมา่ ใหม่

โกษาปาน ณ ราชสานกั พระเจา้ หลุยสท์ ี่ 14 แห่งฝรง่ั เศส
หลงั จากน้นั การคา้ ตา่ งประเทศของกรุงศรีอยธุ ยาเจริญรุ่งเรืองข้ึนเป็นลาดบั

สาเหตเุ พราะมีความสัมพนั ธ์อนั ดกี บั โปรตเุ กส ฟิ ลปิ ปิ นส์ (ในการปกครองของสเปน) จีน
ญ่ีป่ นุ และรีวกวี และควบคมุ เมืองตะนาวศรีและทวายฝั่งอา่ วเบงกอลสมเด็จพระเอกาทศ
รถ (ครองราชย์ 2148–53) ทรงเจริญสัมพนั ธไมตรีกบั ตา่ งชาติ ทรงส่งทูตไปฮอลนั ดา
เป็นคณะแรกในปี 2151 และไปเมืองกวั ของโปรตุเกสในอินเดยี ในปี 2149 สมเดจ็ พระ
นารายณ์ (ครองราชย์ 2199–2231) ทรงข้ึนครองราชยไ์ ดด้ ว้ ยความชว่ ยเหลือของคน
ต่างดา้ ว ในรชั กาลของพระองคท์ รงอนุญาตใหเ้ ผยแผ่ศาสนาคริสต์ และมีคณะเยซูอติ มา

13

ชว่ ยเหลือราชสานกั อยธุ ยาในดา้ นการชา่ ง ทรงส่งทูตไปยงั ราชสานกั ของพระเจา้ หลุยสท์ ี่
14 แห่งฝร่ังเศสในปี 2223 และคอนสแตนตนิ ฟอลคอนซ่ึงมีพ้ืนเพเป็นนกั แสวงโชค
ชาวกรีก คอ่ ย ๆ ไต่เตา้ ตาแหน่งราชการในพระคลงั จนสุดทา้ ยเป็นสมุหนายกซ่ึงเป็น
ตาแหน่งสูงสุดของขนุ นางฝ่ายพลเรือน:177,180 ในปี 2231 เกิดการปฏวิ ตั ิเน่ืองจาก
อิทธิพลของฟอลคอนในราชสานกั และความประพฤตเิ ส่ือมเสียของคนตา่ งดา้ วทีม่ ีอยู่
นานแลว้ สุดทา้ ยสมเด็จพระเพทราชา (ครองราชย์ 2231–48) เถลงิ ราชสมบตั ิแทน ผล
ทาให้บาทหลวงคริสตถ์ กู จาคกุ และชาวคริสตถ์ ูกปฏิบตั ิอยา่ งโหดรา้ ย แตช่ าติอน่ื ที่มิใช่
ฝร่งั เศสยงั อยกู่ นั ปกติ และไมน่ านบาทหลวงฝรั่งเศสกม็ ีอสิ ระในการเผยแผศ่ าสนาอกี คร้ัง

ในรัชกาลสมเด็จพระเจา้ ทา้ ยสระ (ครองราชย์ 2251–75) ชาวจีนเริ่มมอี ทิ ธิพล
ทางเศรษฐกิจและการเมอื งเพม่ิ ข้นึ หลงั สิ้นรัชกาล เกดิ การแก่งแย่งราชสมบตั ซิ ่ึงสมเดจ็
พระเจา้ อย่หู ัวบรมโกศ (ครองราชย์ 2275–2301) ไดค้ รองราชบลั ลงั ก์ ทรงพยายาม
แกไ้ ขปัญหาดลุ อานาจระหว่างพระมหากษตั ริยก์ บั เจา้ นายและขนุ นางผใู้ หญ่ กล่าวคอื
เพิม่ ตาแหน่งเจา้ ทรงกรมเพ่ือใหม้ ไี พร่ทบ่ี งั คบั นอ้ ยลง ผลทาใหก้ ารควบคมุ คนเกิดความ
แตกแยก คนรุ่นหลงั ยกให้รชั กาลสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั บรมโกศเป็นยคุ ทอง เพราะทรง
ทานุบารุงศาสนาพุทธ และส่งสมณทูตไปลงั กาหลายคณะ และทรงทาให้กรุงศรีอยธุ ยามี
บทบาทในระดบั นานาชาติอีกคร้งั ทรงแทรกแซงกมั พชู าจนยกเจา้ ทนี่ ิยมอยุธยาเป็น
พระมหากษตั ริยไ์ ดส้ าเร็จ และรับผอู้ พยพชาวมอญหงสาวดี ในทศวรรษสุดทา้ ย เกดิ การ
แขง่ ขนั ชิงอานาจกนั มโหฬารระหว่างตระกลู ขุนนางทตี่ อ้ งการขยายอานาจในกจิ การ
การคา้ ระหวา่ งประเทศและกาลงั คนในปี 2300 ราชวงศโ์ กน้ บองของพม่าฟ้ื นฟอู านาจ
หลงั ตองอูถูกมอญพิชิตไปกอ่ นหนา้ น้ี พระเจา้ อลองพญา (ครองราชย์ 2295–2303)
ทรงยกทพั มาตีอาณาจกั รอยุธยาแตล่ ม้ เหลวเพราะสวรรคตกลางคนั สมเดจ็ พระทน่ี ง่ั
สุริยาศนอ์ มรินทร์ (ทรงราชย์ 2301–10) ทรงสนองตอ่ การขอความชว่ ยเหลือจาก
เชียงใหม่ดว้ ยการส่งกาลงั เลก็ ๆ ไปชว่ ยเหลอื แต่ไปไมท่ นั ในปี 2308 พระเจา้ มงั
ระ (ครองราชย์ 2306–19) ทรงส่งกองทพั ใหญม่ าตกี รุงศรีอยุธยาเป็นสองทาง สมเด็จ
พระทีน่ ง่ั สุริยาศน์อมรินทร์ทรงใชย้ ทุ ธศาสตร์ต้งั รบั ในกรุงและรอฤดนู ้าหลากเป็นหลกั

14

แต่พมา่ สามารถเตรียมการรับมอื ไดจ้ ึงไม่ไดล้ า่ ถอยไป หลงั การลอ้ มกรุงนานปี กวา่
สุดทา้ ยกรุงศรีอยุธยาจงึ เสียเป็นคร้ังท่สี องเมื่อปี 2310

ความรุ่งเรืองและเส่ือมของอาณาจกั รล้านนา และล้านนาในฐานะประเทศราช
ดเู พิ่มเติมท่ี: ประวตั ิศาสตร์เชียงใหม่ (พ.ศ. 2101–2317)

ในคริสตศ์ ตวรรษท่ี 14 และ 15 อาณาจกั รลา้ นนามคี วามขดั แยง้ กบั ดนิ แดนเพ่อื น
บา้ นหลายแห่ง และอยู่ในภาวะสงครามภายในบอ่ ยคร้งั [5]:112–3 ลา้ นนาใชร้ ะบบส่ง
ผแู้ ทนส่วนกลางไปควบคุมเขตก่งึ เอกเทศหลายรอ้ ยเขต ซ่ึงเจา้ ลา้ นนาประสบความสาเร็จ
มากนอ้ ยไม่เท่ากนั ในการสร้างเอกภาพในอาณาจกั ร พญากือนา(ครองราชย์ 1910–28)
ทรงต้งั ศาสนาพุทธนิกายลงั กาวงศแ์ ละต้งั วดั สวนดอก ซ่ึงจะเป็นพลงั ช้ีนาทางปัญญาและ
วฒั นธรรมในอาณาจกั ร รวมท้งั พฒั นาความสานึกเรื่องอตั ลกั ษณข์ องชาวไทยวน ใน
รัชกาลพญาแสนเมืองมา (ครองราชย์ 1928–44) และพญาสามฝั่งแกน

(ครองราชย์ 1944–53) เกดิ การแกง่ แย่งบลั ลงั ก์กนั และมกี ารชกั ศกึ ภายนอก คอื สุโขทยั
และกรุงศรีอยธุ ยา ในปี 1947–8 ลา้ นนาสามารถตา้ นทานกองทพั ขนาดใหญจ่ ากยูน
นานไดส้ าเร็จพระเจา้ ตโิ ลกราช (ครองราชย์ 1985–2030) ทรงไดร้ บั ยกยอ่ งว่าเป็น
พระมหากษตั ริยล์ า้ นนาท่ียง่ิ ใหญท่ สี่ ุด ทรงใชเ้ วลาทศวรรษแรกปราบปรามผชู้ ิงบลั ลงั ก์
ท้งั หลาย ในปี 1992 พระองคย์ งั ทรงครองอานาจเหนือนครน่านหลงั เอาใจออกห่างโดย
ร่วมมือกบั แพร่และหลวงพระบาง ระหวา่ งปี 1985 ถงึ 2029 ทรงผลดั กนั เป็นฝ่ายบกุ
และต้งั รบั ในสงครามกบั กรุงศรีอยุธยาโดยตา่ งฝ่ายต่างไม่อาจเอาชนะอีกฝ่ายได้ หลงั
รชั กาลพญาเกศเชษฐราช (ครองราชย์ 2069–81 และ 2086–8) อาณาจกั รลา้ นนาเขา้ สู่
ยุคเสื่อมเพราะการสืบราชสมบตั ิทีไ่ ม่ราบร่ืนและขนุ นางมอี านาจเหนือพระมหากษตั ริย์
หลงั จากน้นั มกี ารแทรกแซงทางการเมืองจากท้งั กรุงศรีอยุธยาและลา้ นชา้ ง ขุนนาง
บางส่วนยกให้สมเด็จพระไชยเชษฐาธิราชซ่ึงเป็นพระมหากษตั ริยล์ า้ นชา้ งข้นึ ครองราชย์
ชว่ งส้ัน ๆ

15

ราชวงศม์ งั รายส้ินสุดลงเมือ่ เชียงใหมต่ กเป็นของพมา่ ในปี 2101 พม่าเป็นผู้
แต่งต้งั เจา้ ผูค้ รองลา้ นนาในฐานะประเทศราช และมกี ารเกณฑท์ หารและเสบยี งเพื่อทา
สงครามกบั กรุงศรีอยุธยา หลงั พม่าขาดเอกภาพหลงั พระเจา้ นนั ทบเุ รงเสด็จสวรรคต

ในปี 2142 เจา้ เชียงใหมถ่ ูกตดั ขาดจากความช่วยเหลือในศกึ กบั ลา้ นชา้ ง จึงทรงยอมอยู่
ภายใตอ้ านาจของกรุงศรีอยธุ ยาในช่วงส้ัน ๆ พระเจา้ อะเนาะเพะลูนทรงส่งทพั ไปยึดหัว
เมอื งเหนืออกี คร้งั ในปี 2156 แตป่ ล่อยใหล้ า้ นนาแตกออกเป็นเมอื งเลก็ นอ้ ย[5]:188–
9 หลงั เจา้ พลศึกศรีสองเมือง (ครองราชย์ 2158–74) ประกาศอสิ รภาพตอ่ พม่าไมส่ าเร็จ
พมา่ เร่ิมเปลย่ี นมาต้งั เจา้ เมอื งเชียงใหม่ข้นึ ปกครองโดยตรง ในปี 2204 สมเดจ็ พระ
นารายณย์ กทพั มาตีเชียงใหม่และลาปางได้ แต่ไมส่ ามารถยดึ ครองเมืองไวไ้ ด้
[5]:190 หลงั จากน้นั พมา่ ส่งเจา้ มาปกครองเป็นอุปราชเหมอื นก่อน บา้ นเมืองยากจนและ
ประชากรนอ้ ยลงเพราะถกู ขดู รีดภาษแี ละเกณฑค์ นไปมาก และตกเป็นเหยอื่ ของดนิ แดน
ใกลเ้ คยี งระหวา่ งปี 2270 ถึง 2306 แมว้ า่ พม่าจะยงั ควบคมุ ดนิ แดนส่วนใหญ่ของลา้ นนา
ไวไ้ ด้ แตก่ ลุม่ ผนู้ าในเมืองเชียงใหม่แข็งเมืองต่อพม่า

กรุงธนบรุ ีและกรุงรัตนโกสินทรต์ อนตน้

การรวมแผ่นดิน
ดูบทความหลักท:่ี สภาพจลาจลหลังการเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งท่ีสอง และ อาณาจกั ร
ธนบรุ ี

พระบรมราชานุสาวรียส์ มเดจ็ พระเจา้ กรุงธนบุรี ณ วงเวยี นใหญ่ พระองคท์ รงมีพระบรม
ราชานุสาวรียม์ ากกว่าอดีตพระมหากษตั ริยไ์ ทยทกุ พระองค์

หลงั กรุงศรีอยธุ ยาแตกในปี 2310 บา้ นเมืองตกอยูใ่ นภาวะอนาธิปไตย พม่าทีต่ ิด
พนั ในการสงครามกบั จนี จึงเหลือกองทหารเล็ก ๆ ไวร้ กั ษากรุงเก่าเทา่ น้นั บา้ นเมืองแตก
ออกเป็น 5 ชุมนุม ไดแ้ ก่ ชมุ นุมเจา้ พิมายท่นี ครราชสีมา ชมุ นุมเจา้ พษิ ณุโลก ชมุ นุมเจา้
พระฝางทเี่ มืองสวางคบุรี (ฝาง) ชมุ นุมเจา้ นครศรีธรรมราช และชุมนุมเจา้ ตาก เจา้ ตากเริ่ม
สร้างฐานอานาจทีจ่ นั ทบรุ ีแลว้ ใชเ้ วลาไม่ถงึ ปี ขยายอานาจทวั่ ภาคกลางของประเทศไทย
ปัจจุบนั สมเดจ็ พระเจา้ กรุงธนบรุ ี (ครองราชย์ 2310–25) หลงั ปราบดาภิเษกแลว้ ทรง

16

เลอื กกรุงธนบรุ ีเป็นราชธานีซ่ึงมีทาเลเหมาะแกก่ ารคา้ ทางทะเล ทรงใชเ้ วลาอกี สามปี
รวบรวมหัวเมอื งที่เคยข้นึ กบั กรุงศรีอยุธยาเป็นหน่ึงอกี คร้ัง พระองคย์ งั ทรงขยายอทิ ธิพล
ไปยงั ดินแดนใกลเ้ คยี ง หวั เมืองมลายูตรังกานูและปัตตานสี ่งเครื่องราชบรรณาการให้กรุง
ธนบุรี ทรงผลกั ดนั เจา้ กมั พชู าให้ข้ึนครองราชย์ และทรงใหค้ วามช่วยเหลือแก่พระเจา้ กรุง
เวยี งจนั ในการสงคราม นอกจากน้ี ยงั ทรงขบั ทหารพม่าออกจากลา้ นนาไดใ้ นปี 2319 ทา
ให้ลา้ นนาเป็นประเทศราชของกรุงธนบรุ ีนบั แตน่ ้นั จากน้นั โปรดให้ยกทพั ไปปราบหัว
เมอื งตะวนั ออก โดยนครเวยี งจนั ถูกตแี ตกในปี 2321 และมีการอญั เชิญพระแกว้ มรกตมา
ประดิษฐาน ในชว่ งปลายรัชกาล มีบนั ทกึ วา่ พระองคม์ ีพระสตฟิ ่ันเฟื อนเพราะบงั คบั ให้
พระสงฆก์ ราบไหวแ้ ละสงั่ ลงโทษพระสงฆท์ ไี่ มย่ อมตาม อย่างไรก็ดี น่าจะเป็นเรื่องแตง่
เติมเพราะพระองคเ์ ป็นคนนอกไมม่ พี ้ืนเพเป็นตระกูลผูด้ เี กา่ กรุงศรีอยุธยา
มากกว่า ปลายปี 2324 กลุ่มชนช้นั นาตา่ งคดิ เหน็ ว่าควรปลดสมเด็จพระเจา้ กรุงธนบรุ ี
เสีย คร้ันปี 2325 เกิดกบฏพระยาสรรค์ เจา้ พระยาจกั รีทก่ี าลงั ยกทพั ไปปราบกบฏใน
กมั พชู าในปี เดยี วกนั จึงยกทพั กลบั มารกั ษาความสงบในกรุง และสาเร็จโทษสมเด็จพระ
เจา้ กรุงธนบรุ ี

กรุงเทพมหานคร
ดูบทความหลักท:ี่ อาณาจกั รรัตนโกสินทร์ (สมัยสมบูรณาญาสิทธิราชย์)

พระบาทสมเด็จพระพทุ ธยอดฟ้าจฬุ าโลก (ครองราชย์ 2325–52) ปราบดาภิเษก
เป็นปฐมกษตั ริยแ์ ห่งราชวงศจ์ กั รี และทรงยา้ ยเมืองหลวงมายงั กรุงเทพมหานคร ฝ่ัง
ตะวนั ออกของแม่น้าเจา้ พระยา โดยมกี ารขนยา้ ยอิฐกาแพงกรุงศรีอยธุ ยาเดมิ มาสรา้ งเป็น
กาแพงพระนครแห่งใหมด่ ว้ ยพระองคท์ รงให้ปฏิรูปการปกครองคณะสงฆ์ มีการออกกฎ
คณะสงฆ์ สงั คายนาพระไตรปิ ฏก ทรงให้ฟ้ื นฟขู นบธรรมเนียมอย่างกรุงศรีอยธุ ยาซ่ึงถือ
เป็นยุคทอง โปรดให้จดั ทาประมวลกฎหมาย ชื่อ กฎหมายตราสามดวง ซึงใชก้ นั ในกรุง
รัตนโกสินทร์ตอ่ มาอกี หน่ึงศตวรรษในปี 2328 พระเจา้ ปดุง (ครองราชย์ 2324–62)
แต่งทพั ออกเป็น 9 ทพั ยกมาตกี รุงเทพมหานคร 5 ทศิ ทาง เรียก สงครามเกา้
ทพั พระบาทสมเด็จพระพทุ ธยอดฟ้าจฬุ าโลกทรงใชย้ ุทธศาสตร์กระจายกาลงั ไปรับศกึ
นอกพระนครไดเ้ ป็นผลสาเร็จ พม่ายกทพั มาอกี คร้งั ในปลายปี 2328 และตน้ ปี 2329

17

เรียก สงครามท่าดินแดง แตก่ ็ถกู ตกี ลบั ไปเช่นกนั กรุงเทพมหานครยงั ส่งทพั ไปชว่ ย
ลา้ นนาจากพม่าไดส้ ามคร้งั ทรงใหพ้ ระยากาวลิ ะ (ตอ่ มาเป็นพระเจา้ กาวลิ ะ) ตน้ ราชวงศ์
เจา้ เจด็ ตน เป็นเจา้ ครองลา้ นนาในฐานะประเทศราชของกรุงเทพมหานครสืบตอ่ ไปพระ
ยากาวิละรวบรวมผคู้ นเพ่ือมาต้งั รกรากในเชียงใหม่ท่ีถกู ปล่อยท้งิ ร้างไวอ้ ีกคร้งั และขยาย
อาณาเขตไปทางทศิ เหนือจนตไี ดเ้ ชียงแสนและหัวเมอื งแถบลุ่มแมน่ ้าโขงตอนบน นบั ได้
ว่าสามารถฟ้ื นฟูอาณาจกั รลา้ นนาโบราณไดส้ าเร็จ กรุงเทพมหานครยงั พยายามขยาย
อิทธิพลเขา้ ไปในกมั พชู าและลาว โดยใชว้ ธิ ีแบ่งแยกและปกครอง คอื แบง่ ลา้ นชา้ ง
ออกเป็นอาณาจกั รเล็ก ๆ เพ่ือทาให้ออ่ นแอจนไม่สามารถแข่งขนั กบั กรุงเทพมหานคร
ได้ แยกสงขลาออกจากเจา้ นครศรีธรรมราชแลว้ ส่งขุนนางส่วนกลางไปปกครองโดยตรง
กบั ท้งั ลดฐานะของเจา้ นครศรีธรรมราชเป็นเจา้ เมือง และแบง่ แยกกลนั ตนั และตรังกานู
รัชกาลพระบาทสมเดจ็ พระพุทธเลิศหลา้ นภาลยั (ครองราชย์ 2352–67) ถือเป็นยุคทอง
แห่งศลิ ปะ และสงบสุขเกอื บตลอดรชั กาล กมั พชู ากลายเป็นสนามรบระหวา่ ง
กรุงเทพมหานครและเวียดนาม สุดทา้ ยเวยี ดนามครอบงากมั พูชาอยู่หลายสิบปี หลงั ปี
2356 แตก่ รุงเทพมหานครเขา้ ควบคมุ พ้นื ท่ีกวา้ งขวางข้ึนในกมั พชู า หลงั จากอิทธิพล
ขององั กฤษในภูมภิ าคเพม่ิ ข้นึ จากการไดม้ ะละกา เกาะหมาก (ปี นงั ) และสิงคโปร์ ในปี
2364 ขา้ หลวงใหญอ่ งั กฤษประจาอนิ เดียส่งจอหน์ ครอวเ์ ฟิ ร์ดเขา้ มาเจรจาคา้ ขาย แต่
ไมไ่ ดอ้ ะไรเป็นชิน้ เป็นอนั กลบั ไปในรชั กาลพระบาทสมเด็จพระนงั่ เกลา้
เจา้ อยู่หัว (ครองราชย์ 2367–94) รฐั บาลองั กฤษในอินเดยี ส่งเฮนรี เบอร์นีเขา้ มาเจรจา
กบั กรุงเทพมหานคร โดยขอให้ส่งเสบียงชว่ ยเหลอื หรือไม่กว็ างตนเป็นกลางในสงคราม
องั กฤษ–พม่าคร้งั ทห่ี น่ึง (2367–9) องั กฤษกลายมามอี าณาเขตตดิ ตอ่ กบั
กรุงเทพมหานครหลงั ยดึ ดนิ แดนทางตะวนั ออกเฉียงใตข้ องพม่าไวไ้ ด้ ราชสานกั ยอมตก
ลงสนธิสญั ญาเบอร์นีในปี 2369 หลงั มขี ่าววา่ องั กฤษชนะพม่า เน้ือหาของสนธิสญั ญา
องั กฤษยอมรับอานาจของกรุงเทพมหานครเหนือไทรบรุ ี กลนั ตนั ตรงั กานูและ
ปัตตานี แลกกบั ทกี่ รุงเทพมหานครยอมรบั อสิ รภาพของเปรกั และสลงั งอร์ และลดการ
เกบ็ ภาษจี านวนมากกบั วาณิชตา่ งประเทศเหลือคา่ ธรรมเนียมปากเรืออย่างเดียว

18

ในปี 2376 สหรัฐส่งทตู เขา้ มาทาสนธิสัญญาโรเบริ ์ต ซ่ึงนบั เป็นสนธิสญั ญาแรกระหวา่ ง
สหรัฐกบั ชาติเอเชีย

ฝ่ายเจา้ อนุวงศ์ (ครองราชย์ 2348–71) แห่งเวยี งจนั หลงั ทราบข่าว
กรุงเทพมหานครเตรียมรับศกึ องั กฤษ ก็หมายฉวยโอกาสโจมตกี รุงเทพมหานครเพ่อื กวาด
ตอ้ นผคู้ นไปไวใ้ นราชอาณาจกั ร ในปี 2369 ก่อกบฏโดยยกทพั เขา้ มายดึ นครราชสีมา
ฝ่ายกรุงเทพมหานครหยดุ ยง้ั การบกุ เอาไวไ้ ด้ และส่งกองทพั ไปตกี รุงเวยี งจนั ไดส้ าเร็จแต่
พระบาทสมเดจ็ พระนงั่ เกลา้ เจา้ อยู่หัวยงั ไม่พอพระทยั ทจี่ บั เจา้ อนุวงศไ์ มไ่ ด้ และมีพระ
ราชประสงคใ์ ห้ทาลายเวียงจนั ให้ส้ินซาก ในปี 2370 มีการส่งกองทพั อกี กองหน่ึงข้ึนไป
ตีกรุงเวียงจนั ทเี่ จา้ อนวุ งศต์ กี ลบั คืนไปไดอ้ กี คร้ัง คร้ังน้ีมกี ารทาลายอาคารบา้ นเรือน
ท้งั หมดจนสิ้นซาก และกวาดตอ้ นผคู้ นมาอย่ใู นแถบภาคกลางของประเทศไทยปัจจบุ นั
คณะสารวจฝร่ังเศสอกี ส่ีสิบปี ถดั มาบนั ทกึ ว่าเวยี งจนั ยงั เป็นเมืองร้าง5 หลงั จากน้นั อกี
หลายสิบปี กรุงเทพมหานครยงั กวาดตอ้ นชาวลาวเขา้ มาต้งั รกรากในท่รี าบสูงโคราช ผล
ทาให้หัวเมืองลาวอสี านเพ่ิมข้ึนประมาณ 40 เมอื งซ่ึงเกดิ จากชาวลาวทก่ี วาดตอ้ นมา ฝ่าย
มลายูทางใต้ กรุงเทพมหานครปรับนโยบายเป็นให้เจา้ มลายูปกครองกนั เองหลงั เกดิ กบฏ
ข้ึน 2 คร้งั ในปี 2374 และ 2381 จากน้นั ในภูมภิ าคดงั กลา่ วก็มีระเบียบและความมนั่ คง
พอสมควร ฝ่ายทางตะวนั ออก กรุงเทพมหานครรบกบั เวียดนามเพอ่ื แยง่ ชิงอิทธิพลเหนือ
กมั พูชาอกี คร้งั เรียก อานมั สยามยุทธ

(2376–90) สุดทา้ ยท้งั สองตกลงกนั โดยใหเ้ จา้ กมั พชู าส่งเคร่ืองราชบรรณาการใหท้ ้งั
สองอาณาจกั รหลงั จากสงครามฝ่ินคร้งั ทีห่ น่ึงในจีน (2382–5) ชาติตะวนั ตกเร่ิมกา้ วร้าว
มากข้ึน และระหว่างปี 2392–3 มคี ณะทตู จากองั กฤษและสหรฐั เขา้ มาเรียกรอ้ งให้
กรุงเทพมหานครยกเลิกขอ้ กดี กนั ทางการคา้ และต้งั ศาลกงสุลแตถ่ กู ปัดกลบั ไป สาเหตุ
จากประจวบกบั ช่วงทกี่ าลงั มคี วามกงั วลเรื่องการแก่งแยง่ ราชสมบตั ิ อย่างไรกด็ ี
พระบาทสมเดจ็ พระนง่ั เกลา้ เจา้ อยหู่ วั ทรงตระหนกั ถึงภยั คกุ คามของชาติตะวนั ตก ดงั ทมี่ ี
กระแสพระราชดารสั กอ่ นเสด็จสวรรคตวา่ "การศึกสงครามขา้ งญวนขา้ งพม่ากเ็ หน็ จะไม่
มีแลว้ จะมีอยกู่ ็แตพ่ วกขา้ งฝร่งั

19

การเผชิญหนา้ กบั มหาอานาจตะวนั ตก

การปฏริ ูปและการรวมอานาจเข้าสู่ศูนย์กลาง
ดขู ้อมลู เพ่ิมเติมท่:ี จกั รวรรดินิยมในเอเชีย, ความตกลงฉันทไมตรี, จกั รวรรดิบริ
ติช และ จกั รวรรดิฝรั่งเศส

พระบาทสมเดจ็ พระจอมเกลา้ เจา้ อย่หู วั (ครองราชย์ 2394–2411) ทรงไดร้ บั การ
ยกให้ข้ึนครองราชสมบตั ิพรอ้ มกบั พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกลา้ เจา้ อยู่หวั เพ่อื เกลยี่ อานาจ
ของพระอนุชา พระบาทสมเด็จพระจอมเกลา้ เจา้ อยู่หัวทรงตระหนกั ถึงความขดั เคอื งของ
ทูตองั กฤษทก่ี ลบั ไปมือเปล่าในชว่ งปลายรชั กาลก่อน จึงทรงติดต่อฮ่องกง ตน้ ปี 2398
รัฐบาลสหราชอาณาจกั รในกรุงลอนดอนส่งคณะทตู ซ่ึงมีเซอร์จอห์น เบาวร์ ิงเป็นหวั หนา้
เขา้ มาเจรจา มกี ารบรรลุสนธิสัญญาเบาวร์ ิง ในเวลาสองสัปดาห์ถดั มา มเี น้ือหาจากดั พกิ ดั
ภาษีขาเขา้ ให้คนตา่ งดา้ วพานกั และเป็นเจา้ ของทด่ี ินรอบ ๆ พระนครได้ การให้สิทธิ
สภาพนอกอาณาเขต และการยกเลกิ การผกู ขาดการคา้ ของราชการภายในหน่ึงทศวรรษ
หลงั จากน้นั กรุงเทพมหานครยงั ลงนามสนธิสญั ญาทานองเดียวกนั กบั อกี 12 ประเทศ
เป็นการริเร่ิมความสัมพนั ธแ์ บบพหุภาคีเพ่ือหวงั ให้ชาติเหลา่ น้นั ถว่ งดลุ อานาจกนั เอง
ปริมาณการคา้ โดยรวมเพมิ่ ข้ึนจาก 5.6 ลา้ นบาทในปี 2393 เป็น 10 ลา้ นบาทในปี
2411 กรุงเทพมหานครเปล่ยี นโฉมโดยมีการสร้างโรงงานอุตสาหกรรมและตดั ถนน
ใหม่ พระบาทสมเด็จพระจอมเกลา้ เจา้ อยู่หวั ทรงริเร่ิมการปฏิรูป ต้งั แต่การพมิ พร์ าชกิจจา
นุเบกษา ทรงเลกิ ธรรมเนยี มโบราณ ทรงใหร้ าษฎรถวายฎกี า และให้ผหู้ ญิงเลอื กคเู่ องได้
และเริ่มจา้ งชาวต่างประเทศในงานพเิ ศษบางอย่าง ท้งั น้ี พระองคท์ รงตระหนกั ดวี ่าการ
เปล่ียนแปลงจะตอ้ งเป็นไปอย่างชา้ ๆ หากพระองคจ์ ะไดร้ บั ความร่วมมอื จากขุนนาง
ผูใ้ หญ่ทกี่ ุมอานาจในระบบราชการเป็นเวลาหลายชว่ั คนแลว้ หลงั พระบาทสมเดจ็ พระ
จอมเกลา้ เจา้ อยูห่ ัวเสดจ็ สวรรคตกระทนั หนั ดว้ ยโรคมาลาเรีย พระบาทสมเดจ็ พระ
จลุ จอมเกลา้ เจา้ อยหู่ ัว (ครองราชย์ 2411–53) จงึ สืบราชสมบตั ิท้งั ที่ยงั ไม่บรรลนุ ิตภิ าวะ
โดยมมีสมเด็จเจา้ พระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ (ชว่ ง บุนนาค) เป็นผสู้ าเร็จราชการแทน
พระองค์ หลงั บรรลุนิตภิ าวะแลว้ ทรงริเริ่มการปฏิรูปเป็นชุด โดยมกี ารต้งั ศาลพิเศษเพอื่
ชาระคดขี องศาลกรมตา่ ง ๆ ทีค่ า้ งอยู่ ทรงรวมศูนยอ์ านาจการจดั ทางบประมาณและ

20

สมั ปทานคา้ ฝิ่นและบอ่ นเบ้ยี ทรงต้งั สภาทปี่ ฤกษาราชการแผน่ ดินและปรีวเี คาน์ซิล ซ่ึง
สมาชิกส่วนใหญ่เป็นคนหนุ่มหรือค่แู ขง่ ตระกลู บุนนาค ทรงออกกฎหมายคอ่ ย ๆ ลดการ
มที าสเพื่อทาลายระบบการควบคมุ คนและเศรษฐกจิ ของชนช้นั ขุนนาง ในปี 2417
ความพยายามปฏิรูปทาใหเ้ กิดความขดั แยง้ กบั อานาจเก่าอยา่ งหนกั เกดิ ความขดั แยง้ กบั วงั
หนา้ อยา่ งรุนแรงจนเกือบเกิดสงครามกลางเมอื งสุดทา้ ยพระบาทสมเด็จพระจลุ จอมเกลา้
เจา้ อยู่หัวทรงสามารถจากดั อานาจของวงั หนา้ ไดแ้ ตท่ รงยอมยตุ กิ ารปฏริ ูปไปกอ่ น
พระองคท์ รงเร่ิมใชว้ ธิ ีส่งขา้ หลวงต่างพระองคไ์ ปปกครองหัวเมอื งเหนือ หวั เมือง
ตะวนั ออกเฉียงเหนือและหวั เมอื งใตเ้ ร่ิมต้งั แตป่ ี 2413 เพอื่ พยายามทาใหด้ ินแดน
เหล่าน้นั เป็นส่วนหน่ึงของสยามในชว่ งน้ีฝร่ังเศสมคี วามพยายามแสวงหาดินแดนใหม่
เพ่ิมข้นึ เริ่มจากการทาสญั ญากบั สยามในปี 2410 ใหก้ มั พชู าเป็นรฐั ในอารักขาของ
ฝรง่ั เศสและเริ่มส่งคณะสาเร็จไปลุ่มแมน่ ้าโขในปี 2430 มกี ารปรบั คณะรัฐบาลโดยให้ต้งั
กรมข้นึ มา 12 กรมทม่ี ีฐานะเทา่ กนั ตามอยา่ งรัฐบาลสหราชอาณาจกั ร ซ่ึงมกี ารยกฐานะ
เป็นกระทรวงในปี 2432 ชว่ งปี 2430–6 ฝร่งั เศสพยายามขยายอิทธิพลเหนือลาว ในปี
2436 เกดิ วกิ ฤตการณ์ ร.ศ. 112 คอื มีเหตกุ ารณไ์ ล่ตวั แทนฝร่ังเศสออกจากหลวงพระ
บาง มกี ารเรียกร้องเอาดนิ แดนลาวฝ่ังตะวนั ออกของแมน่ ้าโขง และเมอ่ื กองทพั สยามใน
พ้นื ที่ต่อสูท้ หารฝร่ังเศสที่พยายามเขา้ ควบคุมพ้นื ทน่ี ้นั รฐั บาลฝรัง่ เศสสบช่องจะประกาศ
สงครามกบั สยาม และส่งเรือรบมายงั ปากแม่น้าเจา้ พระยา สุดทา้ ยพระเจา้ อยหู่ วั ทรงยอม
ตามคาขาดของฝรงั่ เศส เช่นเดียวกบั การจ่ายคา่ ปรบั และการยกบางส่วนของแควน้ น่าน
และจนั ทบุรีใหฝ้ รัง่ เศส ในปี 2439 ฝรัง่ เศสและบริเตนตกลงใหส้ ยามมเี อกราชและเป็น
รฐั กนั ชนระหวา่ งพมา่ ของบริเตนและอนิ โดจนี ของฝรั่งเศสในทศวรรษสุดทา้ ยของการ
ครองราชย์ สยามพยายามให้พจิ ารณาสนธิสัญญาไมเ่ ป็นธรรม แต่ผลเป็นไปอยา่ งเช่ืองชา้
โดยตอ้ งมีการลงนามสญั ญาอีกหลายฉบบั ในปี 2446–9

เพื่อใหฝ้ รั่งเศสถอนทหารออกจากจนั ทบุรีและตราด เชน่ เดยี วกบั การทาสญั ญากบั บริเตน
ในปี 2452 เพ่ือแลกหัวเมอื งประเทศราชมลายูแก่บริเตนกบั การเลกิ สิทธิสภาพนอกอาณา
เขตของคนในบงั คบั บริเตน ในปี 2436 สมเดจ็ พระเจา้ บรมวงศเ์ ธอ กรมพระยาดารงรา
ชานุภาพ เสนาบดมี หาดไทยในขณะน้นั ทรงริเริ่มระบบมณฑลเทศาภบิ าลทน่ี ครราชสีมา

21

เป็นทแ่ี รก แลว้ ส่งขา้ หลวงจากส่วนกลางไปปกครองโดยตรงแทนผปู้ กครองสืบทอดใน
หวั เมอื ง มกี ารสรา้ งทางรถไฟไปภาคอีสานและภาคเหนือ การปรบั ปรุงกฎหมายสยาม
โดยยึดตามประมวลกฎหมายนโปเลียนของฝรงั่ เศส อยา่ งไรกด็ ี
ในปี 2445 เกดิ กบฏข้นึ ในราชอาณาจกั ร 3 คร้งั เพ่อื ต่อตา้ นการโอนอานาจเขา้ สู่
ศูนยก์ ลาง ในปี 2448 มกี ารปฏริ ูปแบบค่อยเป็นคอ่ ยไป จนสามารถแทนที่ระบบการ
เกณฑแ์ รงงานแบบเก่ามาใชร้ ะบบเงินรัชชปู การและการเกณฑท์ หารสมยั ใหม่แทน ผล
ของการเลิกระบบไพร่ทาให้ราษฎรทาการเกษตรเพ่มิ ข้ึน ปริมาณการส่งออกขา้ วของ
สยามเพิ่มข้นึ จากไมถ่ ึง 1 ลา้ นเกวยี นในคริสตท์ ศวรรษ 1850 เป็นกว่า 11 ลา้ นเกวียน
ในปลายคริสตศ์ ตวรรษที่ 19 ในปี 2441 เริ่มมีการต้งั โรงเรียนในหมบู่ า้ นตา่ ง ๆ โดย
ใชต้ าราเรียนและหลกั สูตรเดยี วกนั ทสี่ ่วนกลางกาหนดแทนการศกึ ษาในวดั แบบเดิม
นบั เป็นการเริ่มหลอ่ หลอมใหเ้ กดิ รัฐชาติทมี่ เี อกภาพ นอกจากน้ี ชาวจนี ยงั มจี านวน
เพ่มิ ข้ึนในช่วงน้ดี ว้ ย โดยจานวนชาวจนี เพม่ิ ข้ึนจาก 230,000 คนในปี 2368 เป็น
792,000 คนในปี 2453 ชาวจนี เหล่าน้ีประสมประสานวฒั นธรรมกลายเป็นส่วนหน่ึง
ของสยาม และมีบทบาทในเศรษฐกจิ สมยั ใหม่ของอาณาจกั ร[5]:380–1
รัฐชาตสิ มยั ใหม่
ดูเพิ่มเติมท่ี: ความเคล่ือนไหวส่กู ารปฏิวตั ิสยาม
ดขู ้อมลู เพิ่มเติมท:่ี สมยั ระหว่างสงคราม

กองทหารอาสาสยามในการสวนสนามชยั กรุงปารีส ปี 2462

22

การพฒั นาราชอาณาจกั รสยามในรชั กาลท่ี 5 ไม่ไดเ้ ป็นไปอย่างสม่าเสมอ คอื
สังคมเขา้ สู่สมยั ใหมเ่ ร็วชา้ ไมเ่ ทา่ กนั ทาใหเ้ กิดชอ่ งวา่ งทางสังคม พระบาทสมเดจ็ พระ
มงกุฎเกลา้ เจา้ อยหู่ ัว (ครองราชย์ 2453–68) ทรงสร้างใหเ้ กิดสานึกความเป็นชาตอิ ยา่ ง
นอ้ ยกใ็ นหมู่ชนช้นั นา ในปี 2454 ทรงต้งั กองเสือป่ าซ่ึงสมาชิกหลุดพน้ จากกรอบ
ราชการและนบั ถือประมุข ในปี เดียวกนั เกิดเหตกุ ารณค์ ณะนายทหารช้นั ผนู้ อ้ ยคบคดิ กนั
เพ่อื เปลีย่ นแปลงการปกครองโดยมีแนวคิดตอ่ ตา้ นสมบรู ณาญาสิทธิราชย์ แต่ยงั ไม่ทนั
วางแผนเสร็จกถ็ ูกจบั ไดเ้ สียก่อน พระองคท์ รงตอบโตด้ ว้ ยการแตง่ ต้งั เสนาบดีซ่ึงเป็น
ขา้ ราชการท่ไี ดร้ บั การศกึ ษาในทวปี ยโุ รป ทรงต้งั คณะกรรมการแกไ้ ขปัญหางบประมาณ
ขาดดลุ และทรงใชว้ ธิ ีประชาสมั พนั ธแ์ ละโฆษณาชวนเชื่อซ่ึงใชม้ าจนส้ินรัชกาล คือ ทรง
ใชพ้ ระปรีชาทางวรรณศลิ ป์ เผยแพร่พระราชนิพนธ์ทางสื่อต่าง ๆ โดยย้าแนวคิดสาคญั
ส่งเสริมวิถชี ีวติ แบบตะวนั ตก ทรงริเร่ิมธรรมเนียมอย่างตะวนั ตก เชน่ นามสกุล กฬี าท่ี
เล่นเป็นหมคู่ ณะโดยเฉพาะอยา่ งยิ่งฟุตบอล ธรรมเนียมผวั เดยี วเมียเดียว ทรงส่งเสริม
การศกึ ษาแผนใหม่ โดยสถาปนาจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลยั ในปี 2459 และทรงให้
การศกึ ษาระดบั ประถมเป็นภาคบงั คบั ท้งั ยงั ทรงเผยแพร่แนวคดิ ชาตินิยมทางการเมอื ง
และชาตนิ ิยมทางเศรษฐกจิ ท่ีประสงคใ์ หก้ าจดั อิทธิพลของชาวจีนในเศรษฐกจิ สยาม

ทรงพยายามส่งเสริมใหร้ าษฎรรู้จกั สมาคมกนั โดยไม่แบ่งวรรณะ รู้จกั ตดั สินโดยยดึ หลกั
เสียงขา้ งมาก และกระตุน้ การอภิปรายสาธารณะในส่ือต่าง ๆ ดา้ นกจิ การทหาร ทรงจดั หา
เรือรบท่ที นั สมยั และในปี 2460 ราชสานกั เล็งเห็นว่าการเขา้ ร่วมสงครามโลกคร้งั ทีห่ น่ึง
อาจกอ่ ให้เกิดประโยชนใ์ นการเลกิ สนธิสญั ญาไม่เป็นธรรม จงึ ประกาศสงครามกบั ฝ่าย
มหาอานาจกลางในวนั ท่ี 22 กรกฎาคม 2460 ผลทาให้ชาตติ ะวนั ตกยอมแกไ้ ข
สนธิสัญญาในชว่ งปี 2463–9 ใหส้ ยามไดร้ บั อิสระในการจดั เก็บภาษีอากรและยกเลกิ
สิทธิสภาพนอกอาณาเขต พระบาทสมเดจ็ พระมงกฎุ เกลา้ เจา้ อยู่หวั ทรงเหน็ ว่าการ
เรียกรอ้ งให้มีการปฏิรูปการปกครองจะทาให้สยามพนิ าศลม่ จมจึงปฏิเสธขอ้ เสนอแนะให้
ใชร้ ะบอบรฐั ธรรมนูญเสียทกุ คร้งั ในดา้ นเศรษฐกจิ รายไดข้ องรัฐท่ลี ดลงจากราคา
ผลผลติ การเกษตรที่ตกต่า และรายจ่ายส่วนพระองคท์ ่เี พิ่มข้นึ เป็นลาดบั งบประมาณจึง
ขาดดุลเช่นน้ีไปจนสิ้นรชั กาล ทาให้ตอ้ งมีการกูเ้ งินต่างประเทศมาเป็นระยะ ๆ

23

รชั กาลพระบาทสมเดจ็ พระปกเกลา้ เจา้ อยหู่ วั (ครองราชย์ 2468–78) บา้ นเมือง
เต็มไปดว้ ยความไม่สงบและปัญหาเศรษฐกิจ ความพยายามลดงบประมาณทาใหเ้ กิดการ
ทะเลาะกนั ในหม่ขู า้ ราชการทาใหเ้ กดิ ภาพไรป้ ระสิทธิภาพ หนงั สือพมิ พส์ ะทอ้ นความ
คิดเห็นของมหาชนวพิ ากษว์ จิ ารณร์ ฐั บาล พระองคท์ รงเร่งสถาปนาอภริ ฐั มนตรีสภาเพ่อื
แกไ้ ขปัญหาเศรษฐกิจเฉพาะหนา้ พระองคย์ งั ทรงมีแนวคดิ ทดลองประชาธิปไตยในสยาม
อย่างไรก็ดี ความพยายามใหท้ ดลองการปกครองตนเองระดบั เทศบาลมีผลเลก็ นอ้ ยจนมี
การเปล่ยี นแปลงการปกครอง ชว่ งคริสตท์ ศวรรษ 1920 มีกล่มุ นกั เรียนตา่ งประเทศซ่ึงมี
แนวคดิ ตอ้ งการเปล่ยี นแปลงการปกครอง ท่โี ดดเดน่ ไดแ้ ก่ ปรีดี พนมยงค์ และแปลก ขตี
ตะสงั คะ เริ่มพบปะกนั อย่างลบั ๆ เมื่อเกดิ ภาวะเศรษฐกิจตกต่าคร้ังใหญ่ในปี 2472 ผล
สะเทอื นถงึ สยามทาใหร้ าคาขา้ วตกลง รัฐเสียรายได้ และเกดิ วิกฤตคา่ เงินบาท

ในปี 2475 รฐั บาลดาเนินมาตรการ เชน่ ปลดขา้ ราชการออกจานวนมาก ระงบั การเลอ่ื น
ข้นั และเพิ่มการเก็บภาษี ผลทาให้เกดิ ชนช้นั กลางไดร้ ับผลกระทบมากเมื่อเทยี บกบั คน
จีน ชนช้นั สูงและเจา้ และเกิดความไมพ่ อใจ พระบาทสมเดจ็ พระปกเกลา้ เจา้ อยหู่ ัวทรง
พจิ ารณาความเป็นไปไดข้ องรัฐบาลจากการเลือกต้งั มกี ารทูลเกลา้ ฯ ถวายรัฐธรรมนูญ
ฉบบั ร่างโดยเน้ือหามใี จความวา่ จะให้โอนอานาจบริหารเป็นของนายกรัฐมนตรีจากการ
แต่งต้งั มสี ภานิตบิ ญั ญตั ิควบคุมตรวจสอบโดยมีสมาชิกมาจากการเลือกต้งั และแตง่ ต้งั
อยา่ งละก่งึ หน่ึง อยา่ งไรกด็ ี เจา้ นายในคณะอภริ ัฐมนตรีสภาคดั คา้ นร่างรัฐธรรนนูญ
ดงั กล่าว จึงไมไ่ ดด้ าเนินการอยา่ งไรต่อ

ราชาธิปไตยภายใตร้ ฐั ธรรมนูญ

การปฏิวตั ิ พ.ศ. 2475 และรัฐบาลพระยาพหลพลพยุหเสนา
ดบู ทความหลกั ท:ี่ การปฏิวัติสยาม พ.ศ. 2475 และ ประวัติศาสตร์ไทย (พ.ศ. 2475–
2516)

ดเู พิ่มเติมท่ี: ลาดับเหตกุ ารณ์คณะราษฎร

24

พระยามโนปกรณนิติธาดา (กอ้ น หุตะสิงห์) นายกรัฐมนตรีคนแรก ปราศรัยต่อฝงู ชน
หนา้ พระทน่ี ง่ั อนนั ตสมาคม

วนั ท่ี 24 มถิ นุ ายน 2475 กลุ่มบุคคลทเ่ี รียกคณะราษฎรก่อการปฏิวตั ิเปล่ียนแปลง
รูปแบบการปกครอง ผลทาใหร้ ะหวา่ งปี 2478–2500 เป็นช่วงเวลาทีพ่ ระมหากษตั ริย์
ไม่ไดป้ กครอง และพระมหากษตั ริยท์ รงไมม่ ีบทบาททางสงั คมอีกจนพน้ ช่วง
ดงั กล่าว คณะราษฎรเริ่มวางแผนปฏิรูปการเมืองแตเ่ ป็นไปอยา่ งชา้ ๆ หลงั จากน้นั
คณะราษฎรเกดิ ขดั แยง้ กนั เอง โดยฝ่ายพลเรือนมอี านาจนอ้ ยกว่าฝ่ายทหาร คณะราษฎร
แตกกนั เป็น 5 ฝ่าย และหลงั เกิดวกิ ฤต 3 คร้งั ในปี 2476 สุดทา้ ยฝ่ายทหารหนุ่ม
ชนะ เดอื นตลุ าคม 2476 พระวรวงศเ์ ธอ พระองคเ์ จา้ บวรเดชทรงนาทหารในต่างจงั หวดั
กบฏ แตก่ อ่ การไมส่ าเร็จ ไม่ปรากฏวา่ พระบาทสมเดจ็ พระปกเกลา้ เจา้ อยู่หวั มสี ่วน
เก่ยี วขอ้ ง อย่างไรกต็ าม มคี วามขดั แยง้ ระหว่างพระองคก์ บั รฐั บาลเพม่ิ ข้ึนเร่ือย ๆ และ
หลงั จากรฐั บาลปฏิเสธการต่อรองเพอ่ื ปรบั เปลี่ยนพระราชอานาจและรูปแบบการ
ปกครอง พระองคท์ รงสละราชสมบตั ใิ นวนั ที่ 2 มนี าคม 2477 (นบั แบบเกา่ ) รฐั บาล
กราบบงั คมทูลพระวรวงศเ์ ธอ พระองคเ์ จา้ อานนั ทมหิดล (ต่อมาเป็นพระบาทสมเด็จพระ
ปรเมนทรมหาอานนั ทมหิดล พระอฐั มรามาธิบดินทร, ครองราชย์ 2478–89) ขณะยงั
ทรงพระเยาวแ์ ละกาลงั ศกึ ษาในประเทศสวสิ เซอร์แลนด์ เป็นพระมหากษตั ริยแ์ ละแตง่ ต้งั
คณะผสู้ าเร็จราชการแทนพระองค์ คณะรฐั มนตรีในชว่ งแรก ๆ สั่นคลอนแตอ่ ยรู่ ่วมกนั ได้
เพราะบคุ ลิกของพระยาพหลพลพยหุ เสนา (พจน์ พหลโยธิน) และในปี 2478 รัฐบาล
สามารถเจรจาจนสยามมีอานาจอธิปไตยอย่างสมบูรณ์
จอมพล ป. พบิ ลู สงครามและสงครามโลกคร้งั ทส่ี อง

25

ดูบทความหลักท:่ี ประเทศไทยในสงครามโลกครั้งทีส่ อง
ดูข้อมลู เพ่ิมเติมท่ี: สงครามอินโดจนี ครั้งทห่ี น่ึง

จอมพล ป. พิบูลสงครามตรวจแถวทหารระหวา่ งกรณีพิพาทอนิ โดจนี เขาเป็น
นายกรฐั มนตรีทีร่ ้ังตาแหน่งนานทสี่ ุด

ในปี 2481 จอมพล แปลก พบิ ลู สงคราม ไดเ้ ป็นนายกรัฐมนตรี เขาจดั การความ
นิยมของรฐั บาลดว้ ยการควบคมุ ส่ือและตรวจพจิ ารณา มกี ารจบั นกั โทษการเมอื งและ
เคลือ่ นไหวตอ่ ตา้ นราชวงศภ์ ายในปี แรก รฐั บาลออกกฎหมายตอ่ ตา้ นชาวจีนหลายฉบบั
และสงวนบางอาชีพให้เฉพาะชาวไทยซ่ึงเป็นความคิดชาตนิ ิยมทางเศรษฐกจิ

ออกรฐั นิยม 12 ประการ รวมท้งั การเปล่ยี นชื่อประเทศเป็นไทย และควบคมุ วถิ ี
ชีวิตประจาวนั ต่าง ๆ โดยอา้ งว่าเพอื่ ใหต้ ่างประเทศมองวา่ ไทยเป็นประเทศสมยั ใหม่ ใน
เดอื นพฤศจกิ ายน 2483 ไทยส่งกาลงั รุกเขา้ ไปในลาวและกมั พชู า ถึงแมจ้ ะแพใ้ นยทุ ธนา
วเี กาะชา้ ง แตท่ างบกสามารถยดึ ดินแดนได้ จนญปี่ ่ นุ เขา้ มาเป็นตวั กลาง โดยมีการบรรลุ
อนุสญั ญายกดนิ แดนลาวและกมั พูชาบางส่วนใหไ้ ทย หลงั จากน้นั ประเทศไทยเตรียมรบั
ศกึ ญ่ีป่ นุ แตช่ าตมิ หาอานาจองั กฤษและสหรฐั ต่างไมส่ ามารถชว่ ยรกั ษาความมน่ั คงของ
ไทยได้

26

การท้งิ ระเบดิ สะพานพระราม 6 ของฝ่ายสัมพนั ธมิตร
วนั ที่ 8 ธนั วาคม 2484 ญปี่ ่ นุ เคลอื่ นทพั ผ่านประเทศไทย มีการปะทะกบั ญ่ีป่ นุ

หลายจุด จอมพล ป. เหน็ วา่ การขดั ขนื เปลา่ ประโยชน์ จึงสง่ั หยดุ ยงิ ยินยอมใหก้ องทพั
ญี่ป่ นุ เดินทางผา่ นประเทศไทยโดยแลกกบั ให้ญป่ี ่ นุ ยอมรับเอกราชของไทย ต่อมารฐั บาล
เหน็ ญี่ป่ นุ ไดช้ ยั ตามสมรภูมิต่าง ๆ กเ็ ช่ือวา่ ญีป่ ่นุ จะชนะสงคราม จึงเขา้ เป็นพนั ธมิตรกบั
ญป่ี ่ นุ และประกาศสงครามตอ่ สหรฐั และสหราชอาณาจกั ร ฝ่ายเสนีย์
ปราโมช เอกอคั รราชทูตไทยประจาสหรฐั ในเวลาน้นั ปฏิเสธยนื่ คาประกาศสงครามไป
ยงั สหรัฐ และกอ่ ต้งั ขบวนการเสรีไทย เดอื นพฤษภาคม 2485 รัฐบาลนากาลงั เขา้ ยดึ
ครองรัฐฉาน สถาปนาเป็นสหรัฐไทยเดมิ ขณะเดยี วกนั ญปี่ ่นุ ยงั มอบดนิ แดนมลายทู ยี่ ก
ให้บริเตนในปี 2452 แกไ่ ทยดว้ ย อย่างไรก็ดี ญี่ป่นุ เริ่มเป็นฝ่ายเพลี่ยงพล้าในปี 2487
ไทยประสบปัญหาขาดแคลนสินคา้ จาเป็น การเพ่ิมภาษแี ละเงนิ เฟ้อที่พุง่ สูง ท้งั ยงั เผชิญ
กบั การท้ิงระเบิดทางอากาศของฝ่ายสัมพนั ธมติ ร เดือนกรกฎาคม 2487 จอมพล ป. พบิ ูล
สงครามแพม้ ติในสภาผแู้ ทนราษฎรจงึ ลาออกจากตาแหน่ง ท้งั น้ี เหตผุ ลหน่ึงคอื ส.ส.
ตอ้ งการพฒั นาความสัมพนั ธ์กบั ฝ่ายสมั พนั ธมติ รและเหน็ วา่ จอมพล ป. คือสายสมั พนั ธ์
ในอดีตกบั ญี่ป่ นุ และเลือกควง อภยั วงศเ์ ป็นนายกรัฐมนตรีแทนช่วงปลายสงคราม
รัฐบาลพยายามอยา่ งย่งิ ท่ีจะให้รอดพน้ จากขอ้ เรียกรอ้ งของฝ่ายสัมพนั ธมติ ร โดยพยายาม
เสนอขบวนการเสรีไทยในประเทศใหฝ้ ่ายสมั พนั ธมติ รใชเ้ พอ่ื ต่อตา้ นญี่ป่ นุ และไทยพ่งึ
ความสัมพนั ธ์กบั รฐั บาลสหรัฐ

27

พระราชพธิ ีราชาภิเษกพระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภมู พิ ลอดุลยเดช ทรงเป็น
พระมหากษตั ริยไ์ ทยทคี่ รองราชยน์ านท่ีสุด

หลงั ญ่ีป่ นุ ยอมจานนในเดอื นสิงหาคม 2488 ปรีดี พนมยงค์ ผสู้ าเร็จราชการแทน
พระองค์ ใหเ้ หตผุ ลวา่ การประกาศสงครามต่อสหรฐั และสหราชอาณาจกั รไมช่ อบดว้ ย
กฎหมาย และปฏเิ สธขอ้ ตกลงท้งั หมดระหวา่ งรัฐบาลจอมพล ป. กบั ญี่ป่ ุน ดา้ นควง อภยั
วงศล์ าออกจากตาแหนง่ นายกรัฐมนตรีเพราะไปมีส่วนกบั ญป่ี ่ ุนระหว่าง
สงคราม รัฐบาลสหราชอาณาจกั รมีขอ้ เรียกรอ้ งยดื ยาวต่อไทย แต่ถูกรฐั บาลสหรัฐใช้
อทิ ธิพลข่มไว้ สุดทา้ ย มีการตกลงความตกลงสมบูรณแ์ บบซ่ึงให้ไทยคนื ดินแดนทไี่ ดม้ า
ระหว่างสงครามแก่เจา้ ของเดิมและการขายขา้ วให้สหราชอาณาจกั รเพ่ือแลกกบั การไดร้ บั
เสียงสนบั สนุนให้เขา้ เป็นสมาชิกสหประชาชาติเท่าน้นั ในปี 2489 ศาลฎีกายตุ คิ ดจี อม
พล ป. ท่เี กยี่ วขอ้ งกบั สงคราม และวนั ท่ี 9 มถิ นุ ายน พระบาทสมเดจ็ พระปรเมนทรมหา
อานนั ทมหิดลตอ้ งพระแสงปื นสวรรคตอยา่ งมีปริศนา พระวรวงศเ์ ธอ พระองคเ์ จา้ ภมู พิ ล
อดุลเดชสืบราชสมบตั ิเป็นพระบาทสมเด็จพระมหาภมู ิพลอดุลยเดช

28

(ครองราชย์ 2489–2559) ทาให้ในช่วงปี 2489–2490 รฐั บาลฝ่ายทีส่ นบั สนุนปรีดี
เส่ือมอานาจอยา่ งรวดเร็ว

วนั ที่ 8 พฤศจกิ ายน 2490 คณะทหารรัฐประหาร มกี ารถอนรากถอนโคนฝ่าย
ซา้ ย โดยเฉพาะผสู้ นบั สนุนของปรีดี รัฐบาลจอมพล ป. หวนคืนสู่อานาจอกี คร้ังในปี
2491 และใชน้ โยบายปราบปรามชาวจีน มลายู และนกั การเมืองภาคอีสาน เดือนเมษายน
2491 เกดิ เหตกุ ารณ์ชมุ นุมประทว้ งของชาวบา้ นดซุ งญอ จงั หวดั นราธิวาส ซ่ึงรัฐบาลใช้
กาลงั ปราบปรามอยา่ งหนกั [5]:486 หลงั จากเหตกุ ารณ์กบฏแมนฮตั ตนั ในปี 2494 พล
ตรี เผ่า ศรียานนท์ อธิบดกี รมตารวจ และ พลตรี สฤษด์ิ ธนะรัชต์ รฐั มนตรีชว่ ยวา่ การ
กระทรวงกลาโหม คอ่ ย ๆ มีอานาจมากข้นึ แทนจอมพล ป. บทบาทของสหรฐั ในเวลาน้นั
มองวา่ ไทยเป็นรฐั ที่ตอ้ งไดร้ ับการปกป้องเพอื่ กนั การแผ่ขยายของลทั ธิ
คอมมวิ นิสต์ ประเทศไทยเขา้ ร่วมรบในสงครามเกาหลีในปี 2497 เป็นประเทศหลกั ใน
องคก์ ารสนธิสัญญาป้องกนั ภมู ภิ าคเอเชียตะวนั ออกเฉียงใต้ ประเทศไทยไดร้ ับเงนิ
อุดหนุนเพอื่ สรา้ งโครงสร้างพ้ืนฐาน ความชว่ ยเหลอื ทางเทคนิค และการปรบั ปรุงกองทพั
และตารวจจากสหรัฐ ช่วงปี 2498–2500 จอมพล ป. เร่ิมผอ่ นปรนการควบคุมการเมือง
อย่างเขม้ งวดและใหจ้ ดทะเบยี นพรรคการเมืองได้ จอมพล ป. ยงั มงุ่ ลดอานาจของ
พล.ต.อ. เผ่า การเลอื กต้งั ทวั่ ไปในเดือนกุมภาพนั ธ์ 2500 พรรคของจอมพล ป. ชนะการ
เลือกต้งั ถลม่ ทลาย แต่เป็นทขี่ ้นึ ช่ือว่าเป็น "การเลือกต้งั ทสี่ กปรกทสี่ ุด" จอมพลสฤษฎ์ิ
ไดร้ ับการสนบั สนนุ จากประชาชนเนื่องจากลาออกจากคณะรัฐมนตรีในเดือนสิงหาคม
2500 จนในวนั ที่ 13 กนั ยายน จอมพลสฤษฎ์นิ ากองทพั รฐั ประหาร

ระบอบสฤษดแ์ิ ละยคุ ถนอม-ประภาส
ดูเพิ่มเติมท่:ี การก่อการกาเริบคอมมิวนิสต์ในประเทศไทย และ ประเทศไทยในสงคราม
เวียดนาม

ดขู ้อมลู เพ่ิมเติมท:่ี สงครามกลางเมอื งลาว และ วกิ ฤตการณ์มาลายา

29

พระบาทสมเด็จพระปรมนิ ทรมหาภูมิพลอดลุ ยเดชเสด็จฯ เย่ียมจอมพลสฤษด์ิเป็นการ
ส่วนพระองคใ์ นปี 2506 พระยาศรีวสิ ารวาจา (หุ่น ฮุนตระกลู ) องคมนตรี กลา่ ววา่
สฤษด์ิเป็นนายกรฐั มนตรีที่ใกลช้ ิดกบั พระมหากษตั ริยม์ ากที่สุด

หลงั รฐั ประหารปี 2500 พลเอก ถนอม กติ ตขิ จร เป็นนายกรัฐมนตรี แต่รัฐบาล
ถกู คา้ นในสภาผแู้ ทนราษฎรอยา่ งหนกั จนไม่สามารถทางานอยา่ งราบรื่น จอมพลฤษฎด์มิ ี
ความเหน็ วา่ พฤตกิ รรมของสมาชิกสภาผแู้ ทนราษฎร สื่อมวลชนที่ขาดการควบคุม และ
ขอ้ พพิ าทแรงงานและการประทว้ งลว้ นบ่อนทาลายประเทศ ในปี 2501 เขายกเลิก
รฐั ธรรมนูญและออกคาสง่ั สภาปฏวิ ตั ิ และส่งั จบั ผูว้ ิจารณร์ ฐั บาลหลายร้อยคน เขาตอกย้า
ภาพความสะอาดและความเป็นระเบียบ โดยจดั การปัญหาอาชญากรรมอย่างเฉียบขาด
สังคมไทยหลายภาคส่วนยอมรบั ผนู้ าเบ็ดเสร็จแบบดงั กลา่ ว เขายงั เปลี่ยนจากความ
จงรักภกั ดตี ่อรัฐและรฐั ธรรมนูญมาเป็นความภกั ดตี ่อพระมหากษตั ริย์ ซ่ึงย่อมทาให้
รัฐบาลในพระมหากษตั ริยม์ คี วามชอบธรรมตามไปดว้ ย เขาฟ้ื นฟบู ทบาททางสงั คมของ
สถาบนั พระมหากษตั ริย์ และยงั พยายามสรา้ งความชอบธรรมตามวถิ ีประชาธิปไตยดว้ ย
การดาเนินนโยบายพฒั นาชนบท ส่งเสริมการลงทนุ ของเอกชนและตา่ งชาติเพอื่ ยกฐานะ
ทางเศรษฐกจิ ของประเทศ หลงั ขบวนการปะเทดลาวซ่ึงเป็นคอมมิวนิสตค์ ่อย ๆ มอี านาจ
เพิ่มข้ึนในลาว รฐั บาลยอมรบั ขอ้ ตกลงของสหรฐั ในการคมุ้ ครองไทย และให้สหรัฐเขา้ มา
ต้งั ฐานทพั ในประเทศหลงั จอมพลสฤษฎ์ิถงึ แก่อสัญกรรมในปี 2506 มกี ารสืบทอด
ตาแหน่งผนู้ าประเทศเขา้ สู่ยุคถนอม-ประภาส ประเทศไทยเขา้ ไปเก่ยี วขอ้ งในสงคราม

30

เวยี ดนามมากข้นึ อย่างไรกต็ าม วยั อาจระบุวา่ ไม่ใช่วา่ ประเทศไทยสละความเป็นกลาง
หรือความเป็นอสิ ระในนโยบายต่างประเทศ แต่ประเทศไทยใชป้ ระโยชน์จาก
ความสมั พนั ธก์ บั สหรัฐเพื่อบรรลุเป้าหมายของตนคอื สรา้ งมิตรกบั ฝ่ายทไี่ มใ่ ช่
คอมมิวนิสตใ์ นลาวและกมั พชู า และตอ่ ตา้ นอิทธิพลของเวียดนามในสองประเทศน้ี เมื่อ
รัฐบาลไทยและสหรฐั เขา้ ไปตอบโตป้ ฏบิ ตั ิการของเวยี ดนามในลาวและกมั พชู า เวยี ดนาม
เหนือและจีนตอบโตด้ ว้ ยการส่งเสริมการต่อตา้ นรัฐบาลในประเทศไทย

ระหวา่ งปี 2507–11 มกี ารส่งทหารอเมริกนั เขา้ มาในประเทศไทยอยา่ งต่อเนื่องจนมี
เจา้ หนา้ ที่เกอื บ 45,000 คน มีเครื่องบินรบเกือบ 600 ลา จนถงึ ปี 2510 ไทยส่งกองทพั
ครบท้งั สามเหลา่ ทพั เขา้ ร่วมปฏบิ ตั ิการในเวียดนามใต้ โดยในปี 2512 มที หารไทยใน
เวยี ดนาม 11,000 นายซ่ึงคดิ เป็นรอ้ ยละ 14 ของกาลงั พลท้งั หมดผลกระทบของการเขา้
มาของทหารอเมริกนั น้ียงั เปลยี่ นความสัมพนั ธข์ องชาวนาในชนบท และสร้าง
ความสัมพนั ธร์ ะหวา่ งผนู้ ากองทพั กบั ผนู้ าธุรกจิ เช้ือสายไทย-จนี คนหนุ่มสาวในชนบท
เขา้ เมอื งเพื่อหางานทา เร่งโอกาสทางการศกึ ษาและการเขา้ ถึงสื่อมวลชน นอกจากน้ี
ชาวนาในชนบทยงั เกดิ สานกึ เรื่องความไม่เสมอภาคทาให้เกิดความไม่พอใจรฐั บาล
ปลายปี 2507 เริ่มเกดิ การก่อการกาเริบคอมมวิ นิสตเ์ ริ่มจากภาคอสี าน แลว้ ลามไป
ภาคเหนือและใต้

ในช่วงเดยี วกนั จานวนประชากรไทยเพิ่มข้นึ อย่างกา้ วกระโดด และเศรษฐกิจของ
ประเทศเริ่มเปลย่ี นจากเกษตรกรรมมาเป็นอตุ สาหกรรม จานวนคนหนุ่มสาวท่ีไดร้ ับ
การศึกษาดมี ีเพิ่มข้ึนนาไปสู่การขยายชนช้นั กลางที่เป็นกลมุ่ คนกลมุ่ ใหญ่ของประเทศ ชน
ช้นั กลางเหลา่ น้ีมอี ตั ลกั ษณ์ของตนเองโดยมลี กั ษณะอนุรกั ษนิยมทางการเมอื ง พร้อมกบั
ยึดถือค่านิยมท่ีเนน้ เสรีภาพอย่างตะวนั ตก การทร่ี ฐั บาลเขา้ ไปมีอานาจในหมบู่ า้ นชนบท
ทาให้เกดิ ความไม่พอใจ เพราะชาวบา้ นถูกทหารและตารวจข่มเหง หรือถูกขา้ ราชการ
ฉ้อโกง มกี ารตอ่ ตา้ นรฐั บาลควบคไู่ ปกบั การดาเนินงานของสหภาพชาวนาและกรรมกร
ในปี 2511 ทา่ มกลางแรงกดดนั จากนกั ศึกษาในประเทศและสหรัฐ จอมพลถนอมจึง
ประกาศรฐั ธรรมนูญฉบบั ใหม่ทมี่ ีสภาผแู้ ทนราษฎรจากการเลอื กต้งั คกู่ บั วุฒสิ ภาที่มาจาก
การแตง่ ต้งั จอมพลถนอมชนะการเลอื กต้งั ในปี 2512 และไดต้ ้งั รัฐบาลอีกสมยั แตค่ วาม

31

ขดั แยง้ ในสภา และกจิ กรรมทางการเมืองทเ่ี กดิ จากการผอ่ นปรนการจากดั การแสดงออก
ทาใหร้ ฐั บาลตืน่ ภยั วา่ อาจเป็นความล่มสลายของความสามคั คีในชาติ เชน่ เดยี วกบั ฐานะ
ของจอมพลถนอมและประภาสในกองทพั ท่มี อี นาคตไม่แน่นอน เดอื นพฤศจกิ ายน 2514
จอมพลถนอมยบุ สภาและยกเลกิ พรรคการเมือง นาประเทศกลบั สู่ยุคกองทพั ครอบงาอีก
คร้ังจอมพลถนอมใชว้ ิธีสร้างผนู้ าให้เขม้ แขง็ ท่เี คยใชไ้ ดผ้ ลมากอ่ น แตใ่ นชว่ งน้นั ชนช้นั
กลางและชาวนาตอ้ งการส่วนแบง่ อานาจทางการเมืองมากข้นึ เหตกุ ารณ์ในเดือนตลุ าคม
2516 ทม่ี กี ารจบั กุมนกั ศึกษาท่ีแจกใบปลวิ ตอ่ ตา้ นรัฐบาล ทาให้มกี ารเดินขบวนใหญ่ท่มี ี
ผเู้ ขา้ ร่วมนบั แสนคนในกรุงเทพมหานคร รัฐบาลใชก้ าลงั เขา้ ปราบปรามจนมีผเู้ สียชีวิต
77 คน สุดทา้ ยจอมพลถนอมและประภาสถกู บบี ใหล้ าออกจากล้ีภยั ออกนอกประเทศ

ประชาธปิ ไตยล่มุ ๆ ดอน ๆ

ผลจากเหตกุ ารณ์ 14 ตลุ าทาใหก้ ารแสดงความเห็นตา่ งท่ีถกู เกบ็ กดมาหลายสิบปี
กลบั มามปี ากเสียง เกดิ รฐั บาลพลเรือน และรฐั ธรรมนูญฉบบั ใหม่ที่ใหท้ ้งั สมาชิกรัฐสภา
มาจากการเลอื กต้งั ท้งั หมด เกดิ องคก์ ารการเมืองและการดาเนินกจิ กรรมอย่างทีไ่ มเ่ คยมีมา
ก่อน เกดิ การประทว้ งของกรรมกรและชาวนาไปทว่ั การแสดงความคดิ เห็นในที่
สาธารณะมีอสิ ระ งานเขยี นของปัญญาชนฝ่ายซ้ายไดร้ บั ความนิยม สมยั นายกรฐั มนตรี
หมอ่ มราชวงศค์ กึ ฤทธ์ิ ปราโมชสามารถเจรจาใหส้ หรัฐถอนฐานทพั ออกจากประเทศและ
เจรจาสร้างความสัมพนั ธ์กบั สาธารณรัฐประชาชนจีน อย่างไรกต็ าม สถานการณใ์ น
ภูมภิ าคขณะน้นั ประเทศลาวมกี ารเลิกสถาบนั พระมหากษตั ริย์ และคอมมวิ นิสตช์ นะ
สงครามเวียดนาม หลงั การเลอื กต้งั ในปี 2519 ไดร้ ัฐบาลผสมอกี สมยั ท่ีมคี วามเปราะบาง
เกดิ ขดั แยง้ ในสภาทาให้รัฐบาลแกป้ ัญหาต่าง ๆ ไดน้ อ้ ย และนกั ศกึ ษาฝ่ายซ้ายเริ่มทาให้
ผูส้ นบั สนุนรู้สึกแปลกแยก สถาบนั พระมหากษตั ริย์ ชนช้นั นาในเมืองและชนช้นั กลาง
จานวนมากเริ่มหนั มาสนบั สนนุ กลุ่มฝ่ายขวาตา่ ง ๆ เช่น นวพล ลกู เสือชาวบา้ น กลมุ่
กระทงิ แดง เพราะมองว่านกั ศกึ ษาถกู ลทั ธิคอมมิวนิสตช์ กั นา ในชว่ งน้ีกลมุ่ นกั ศกึ ษาฝ่าย
ซ้ายถูกตอบโตด้ ว้ ยความรุนแรง ในปี 2519 จอมพลถนอมท่บี วชเป็นสามเณรเดนิ ทาง
กลบั ประเทศ โดยมสี มาชิกราชวงศเ์ สดจ็ ไปเยยี่ มทวี่ ดั เกดิ การประทว้ งข้นึ รายวนั ใน
มหาวทิ ยาลยั ธรรมศาสตร์ ย่างเขา้ เดือนตลุ าคม 2519 ฝ่ายขวามปี ฏกิ ิริยาตอ่ การประทว้ ง

32

โดยการปลกุ ระดมใส่รา้ ยนกั ศกึ ษาวา่ เป็นคอมมวิ นิสต์ จนสุดทา้ ยมีการสงั หารหมู่
นกั ศกึ ษาที่มหาวิทยาลยั ธรรมศาสตร์ กองทพั เขา้ มาครอบงาการเมอื งอกี คร้ัง และการ
แสดงออกถกู ปิ ดก้นั พอล แฮนด์ลียเ์ ขียนวา่ ตอ่ มาสมเดจ็ พระบรมโอรสาธิราชฯ สยาม
มกุฎราชกมุ ารพระราชทานรางวลั แกบ่ คุ ลากรฝ่ายขวาทก่ี ่อการน้นั ดว้ ย

พลเอก เปรม ตณิ สูลานนท์ (ขวา) กบั ประธานาธิบดสี หรฐั โรนลั ด์ เรแกน พลเอกเปรม
เป็นนายกรฐั มนตรี 8 ปี ในระบอบ "ประชาธิปไตยคร่ึงใบ"

หลงั รฐั ประหารในปี 2519 มรี ฐั บาลขวาจดั ท่ีใชอ้ านาจควบคมุ อย่างเขม้ งวด นกั
เคลอื่ นไหวฝ่ายซ้ายหนีเขา้ ป่ าและออกนอกประเทศจานวนมาก รัฐบาลเร่ิมเสียการ
สนบั สนุนจากกองทพั จนมกี ารเปล่ยี นตวั นายกรฐั มนตรีในปี 2520 รฐั บาลใหมพ่ ล
เอก เกรียงศกั ด์ิ ชมะนนั ทน์ ลดความรุนแรงของฝ่ายขวาและพยายามนาผหู้ ลบหนีออก
จากป่ า ในชว่ งน้นั เกดิ เหตุการณเ์ วยี ดนามบกุ กมั พูชา ทาใหช้ ายแดนตะวนั ออกของ
ประเทศมผี ูล้ ้ภี ยั เขา้ มานบั แสนคน และกลุม่ ติดอาวธุ บางกลมุ่ พยายามโจมตขี า้ มชายแดน
เขา้ มา เมอ่ื ประกอบกบั รัฐบาลไม่สามารถแกไ้ ขปัญหาเศรษฐกิจได้ เขาถกู บงั คบั ให้ลาออก
ก่อนมีรฐั ประหารโดยพลเอก เปรม ตณิ สูลานนท์ ในปี 2523 ในสมยั รฐั บาลพลเอก
เปรม มีการใชน้ โยบายยนั กองทพั เวยี ดนามท่ีชายแดนโดยไดร้ ับการสนบั สนนุ จากสหรัฐ
รัฐบาลยงั สามารถนาผกู้ ่อการเริบกลบั เขา้ สู่สังคมและจดั การเลือกต้งั ทว่ั ไปไดใ้ นปี 2526 ใน
ทศวรรษน้นั เร่ิมเหน็ ไดช้ ดั วา่ พระมหากษตั ริยท์ รงมีบทบาททางการเมือง หลงั จากทรง
สนบั สนุนนกั ศกึ ษาในปี 2516 ทรงเปล่ยี นมาสนบั สนุนกล่มุ ฝ่ายขวาในปี 2519 และ

33

รัฐบาลธานินทร์ จนสู่รฐั บาลพลเอกเปรม ปรากฏชดั ในคร้งั กบฏยงั เติร์กในปี 2524 ท่ี
ทรงประกาศสนบั สนนุ รัฐบาลพลเอกเปรมทาให้กบฏลม้ เหลว

ผปู้ ระทว้ งกบั ทหารในเหตกุ ารณ์พฤษภาทมิฬ
ในชว่ งคริสตท์ ศวรรษ 1980 ถึง 1990 มกี ารเปลย่ี นแปลงอยา่ งมโหฬารอกี คร้งั

กรุงเทพมหานครกลายเป็นเมืองใหญ่อนั ดบั ตน้ ๆ ของโลก ประเทศมีการเติบโตทาง
เศรษฐกิจสูงสุดในโลก ประเทศเขา้ สู่ความเป็นประเทศอตุ สาหกรรมใหม่ซ่ึงดึงดูดนกั
ลงทนุ ตา่ งชาติ พลเอก ชาตชิ าย ชณุ หะวณั ชนะการเลือกต้งั ในปี 2531 เขาดูแลกองทพั
ทเี่ ป็นพวกของตน ทาใหก้ องทพั อีกฝ่ายยึดอานาจในเดือนกมุ ภาพนั ธ์ 2534 นาโดยพล
เอก สุจินดา คราประยูร ทแี รกเขาใหส้ ัญญาวา่ จะไม่รับอานาจทางการเมืองแตส่ ุดทา้ ยเขา
ตระบดั สตั ยแ์ ละเขา้ เป็นหัวหนา้ รฐั บาลใหม่ เหตกุ ารณ์เดินขบวนประทว้ งใน
กรุงเทพมหานครในเดือนพฤษภาคม 2535 ลงเอยดว้ ยการสง่ั ปราบปรามผูป้ ระทว้ งอย่าง
รุนแรง พระบาทสมเด็จพระเจา้ อยหู่ ัวทรงรบั ส่งั ให้พลเอกสุจินดาและพลตรี จาลอง ศรี
เมอื ง แกนนาผูป้ ระทว้ ง เขา้ เฝ้าฯ จากน้นั พลเอกสุจนิ ดาลาออกจากตาแหน่ง กลางปี
2540 เกดิ เหตกุ ารณ์ฟองสบเู่ ศรษฐกจิ แตก อตั ราแลกเปลีย่ นระหวา่ งบาทไทยตอ่ ดอลลาร์
สหรฐั ลดลงอย่างรวดเร็ว วกิ ฤตน้ีทาใหร้ ฐั บาลบรรหาร ศลิ ปอาชาและพลเอก ชวลติ ยงใจ
ยุทธ ลม้ ชวน หลีกภยั กลบั มาดารงตาแหน่งนายกรัฐมนตรีอีกคร้ัง รัฐบาลสามารถเจรจา
ขอ้ ตกลงกบั กองทนุ การเงินระหวา่ งประเทศ (IMF) ได้ แมก้ ารกเู้ งนิ ดงั กล่าวจะชว่ ยพยุง

34

เศรษฐกิจไทย แต่มเี สียงวจิ ารณอ์ ยา่ งกวา้ งขวางว่าเป็นกองทุนช่วยเหลอื คนรวย มีการฉ้อ
ราษฎร์บงั หลวงอยา่ งใหญ่โต

ยุคทกั ษณิ และวกิ ฤตการณ์การเมอื ง
ดบู ทความหลกั ท:ี่ ประวตั ิศาสตร์ไทยหลัง พ.ศ. 2544

ดเู พิ่มเติมท:่ี ความผิดต่อองค์พระมหากษัตริย์ไทย

ประวตั ศิ าสตร์การเมอื งไทยหลงั ปี 2544 ถกู ครอบงาดว้ ยความขดั แยง้ ระหว่างฝ่าย
สนบั สนุนและคดั คา้ นนายกรฐั มนตรี ทกั ษณิ ชินวตั ร ในปี 2544 พรรคไทยรกั ไทยซ่ึง
ขณะน้นั มอี ายุได้ 3 ปี ชนะการเลือกต้งั ทวั่ ไป นโยบายเศรษฐกจิ ของเขาทเ่ี รียก ทกั ษโิ ณ
มิกส์ เนน้ กระตนุ้ การบริโภคในประเทศและการเพ่มิ ความสามารถการแข่งขนั ของ
ประเทศ นโยบายของเขายงั รวมการเพ่ิมสวสั ดกิ าร โดยเฉพาะอยา่ งย่ิง โครงการสุขภาพ
ถว้ นหนา้ ซ่ึงไดร้ บั ความนิยมอยา่ งสูงในชนบท อย่างไรกด็ ี การเอ้อื พวกพอ้ งของทกั ษณิ ใน
การเลื่อนยศทหารใกลช้ ิดในกองทพั ทาใหพ้ ลเอกเปรมและพลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ ไม่
พอใจ การเคล่ือนไหวตอ่ ตา้ นทกั ษณิ คร้งั แรกเร่ิมจากนโยบายภาคใต้ เร่ิมจากการเปลย่ี น
องคก์ ารของกองทพั มาให้ตารวจคมุ ในปี 2545 และปฏกิ ิริยาตอ่ เหตุการณ์ปลน้ ปืนใน
ค่ายทหารจงั หวดั นราธิวาสแห่งหน่ึงในปี 2547 ชนช้นั กลางในกรุงเทพมหานครเร่ิมไม่
พอใจนโยบายประชานิยม การวิจารณ์ในสื่อเพ่ิมข้นึ สนธิ ลิ้มทองกุลซ่ึงเป็นเจา้ ของสื่อคน
หน่ึงวิจารณท์ กั ษณิ ทางโทรทศั นจ์ นรายการของเขาถกู สั่งระงบั จงึ หันมาเดินขบวนตาม
ทอ้ งถนนและปลกุ เรา้ อารมณ์ดว้ ยการอา้ งว่าทกั ษิณเป็นภยั คุกคามสถาบนั พระมหากษตั ริย์
[15]:269 การประทว้ งในปี 2548 ไมป่ ระสบความสาเร็จมากนกั แตใ่ นปี 2549 หลงั มี
เหตุการณข์ ายหุ้นกลุ่มบริษทั ชินคอร์ปให้แก่เทมาเส็กโฮลดงิ ส์ของรัฐบาลสิงคโปร์โดยไม่
เสียภาษี ทาให้เร่ิมมีการชมุ นุมโดยกลุ่มพนั ธมิตรประชาชนเพอ่ื ประชาธิปไตย (พธม.)
กองทพั บางส่วนเล็งเห็นโอกาสในการโคน่ ทกั ษิณจึงร่วมมอื กบั พธม.[15]:269 การชมุ นุม
เนน้ กลา่ วหาทกั ษณิ วา่ มแี ผนเปลี่ยนประเทศเป็นสาธารณรฐั และหม่ินพระบรมเดชานุ
ภาพ ทกั ษณิ ประกาศยบุ สภาและจดั การเลอื กต้งั ใหม่ ซ่ึงพรรคประชาธิปัตยค์ วา่ บาตรการ
เลอื กต้งั พระบาทสมเด็จพระเจา้ อยู่หวั ทรงเรียกทกั ษิณไปเขา้ เฝา้ และหลงั จากน้นั ทกั ษณิ

35

ประกาศจะถอยออกจากการเมอื งแถวหนา้ พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยู่หวั ยงั ทรงมีพระราช
ดารัสให้ฝ่ายตุลาการมบี ทบาทเพ่ิมข้นึ ใน "การขบั เคลื่อนประชาธิปไตย"

รัฐประหารในปี 2549 มีผนู้ าเป็นกลุ่มนิยมเจา้ อย่างเขม้ ขน้ และอา้ งว่ารัฐบาล
ทกั ษณิ สร้างความแตกแยกและหม่ินพระบรมเดชานุภาพ อยา่ งไรก็ดี ฝ่ายทหารไดฉ้ วย
ประโยชนจ์ ากโอกาสน้ีดว้ ย โดยมนี ายทหารไดร้ ับแตง่ ต้งั ใหด้ ารงตาแหน่งใน
คณะกรรมการรฐั วิสาหกจิ และตาแหน่งสาคญั ๆ งบประมาณของกองทพั เพ่มิ ข้นึ เกอื บ
รอ้ ยละ 50 ภายในสองปี เป้าหมายหลกั ของรฐั บาลทหารคอื การกาจดั ทกั ษิณ ลดบทบาท
ของนกั การเมืองท่มี าจากการเลอื กต้งั และคนื อานาจใหแ้ กข่ า้ ราชการและกองทพั

กองทพั ยงั ต้งั ใจใชเ้ ครื่องมอื ตา่ ง ๆ เพ่อื ทวงบทบาทควบคุมดแู ลการเมอื งของประเทศ โดย
ผ่านรฐั ธรรมนูญฉบบั ใหม่ทลี่ ดอานาจของฝ่ายบริหารและนิตบิ ญั ญตั ิ การกอ่ ต้งั กอง
อานวยการรกั ษาความมน่ั คงภายในราชอาณาจกั ร และพระราชบญั ญตั ิวา่ ดว้ ยการกระทา
ความผิดเกย่ี วกบั คอมพวิ เตอร์ พ.ศ. 2550 นบั ต้งั แต่รฐั ประหารปี 2549 กองทพั และ
พวกนิยมเจา้ ยกให้สถาบนั พระมหากษตั ริยเ์ ป็นศนู ยก์ ลางความมน่ั คงของชาติ และมกี าร
ใชก้ ฎหมายความผดิ ตอ่ องคพ์ ระมหากษตั ริยอ์ ยา่ งกวา้ งขวาง บทบาทของสถาบนั
พระมหากษตั ริยใ์ นการเมืองไทยชดั เจนข้นึ หลงั การมีส่วนและสนบั สนุนรฐั ประหารคร้งั
น้ี

ความพยายามท้งั หลายน้ีไม่อาจกาจดั เสียงสนบั สนุนทกั ษณิ ในชนบทได้ หลงั มี
การร้ือฟ้ื นการปกครองแบบรฐั สภาในเดือนธนั วาคม 2550 พรรคไทยรักไทยท่ีถูกสั่ง
ยบุ พรรคในปี 2549 ไดก้ ลบั มาเป็นรัฐบาลอีกในช่ือพรรคพลงั ประชาชนโดยมสี มคั ร
สุนทรเวชเป็นหวั หนา้ พรรคพลงั ประชาชนครองอานาจอยพู่ กั หน่ึงก็เกดิ การประทว้ งของ
พธม. ดา้ นกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อตา้ นเผดจ็ การแห่งชาติ (นปช.) ซ่ึงถือกาเนิดใน
เดือนกรกฎาคม 2550 ชุมนุมต่อตา้ น พธม. ฝ่าย พธม. อา้ งวา่ ตนกาลงั พทิ กั ษส์ ถาบนั
พระมหากษตั ริย์ และ นปช. อา้ งว่าตนกาลงั พิทกั ษร์ ะบอบประชาธิปไตย หลงั การชมุ นุม
ดาเนินมาจนส้ินปี ศาลรัฐธรรมนูญวนิ ิจฉยั ยุบพรรคพลงั ประชาชน หลงั จากน้นั
สมาชิกสภาผแู้ ทนราษฎรลงมติเลอื กอภสิ ิทธ์ิ เวชชาชีวะ หวั หนา้ พรรคประชาธิปัตยซ์ ่ึง
เป็นพรรคใหญ่อนั ดบั สองในสภา เป็นนายกรัฐมนตรี ในคร้ังน้นั พลเอกเปรมและพล

36

เอก อนุพงษ์ เผา่ จนิ ดา ผูบ้ ญั ชาการทหารบก อานวยความสะดวกหรือสงั่ การโดยตรงให้
มกี ารซ้ือตวั กลุม่ เพอื่ นเนวนิ นปช. ชมุ นุมในสมยั รัฐบาลอภิสิทธ์ิ โดยเขา้ ขดั ขวางการประชุมสุด
ยอดผนู้ าอาเซียนในปี 2552 และในปี ต่อมา มีการชุมนุมยดื เยอ้ื ในกรุงเทพมหานครต้งั แต่
เดือนมนี าคมถึงพฤษภาคม 2553 และปิ ดฉากลงดว้ ยเหตกุ ารณ์เผาย่านธุรกจิ ในเขตราช
ประสงค์ และเผาอาคารราชการ 4 แห่งในต่างจงั หวดั

ภาพกรุงเทพมหานครบางส่วนเกดิ อคั คีภยั ระหวา่ งวิกฤตการณ์การเมอื งเดอื นพฤษภาคม

2553

เม่อื อภสิ ิทธ์ิยบุ สภาและจดั การเลือกต้งั ใหมใ่ นปี 2554 ปรากฏวา่ ยง่ิ ลกั ษณ์ ชิน
วตั ร นอ้ งสาวผไู้ มม่ ีประสบการณ์การเมืองของทกั ษิณ นาพรรคเพ่ือไทยชนะการเลอื กต้งั
ดูเหมือนว่าเธอจะใชว้ ธิ ีประนีประนอมกบั พระราชวงั และให้กองทพั จดั การตนเอง วธิ ีน้ดี ู
เหมอื นทาให้รฐั บาลยงิ่ ลกั ษณ์ไมถ่ กู ทา้ ทายอยา่ งจริงจงั ในชว่ งแรก ปลายปี 2556 อดีต
พธม. ร่วมกบั กลุ่มต่อตา้ นทกั ษณิ และนิยมเจา้ อื่น ๆ เขา้ พวกกนั ต้งั คณะกรรมการ
ประชาชนเพอ่ื การเปลยี่ นแปลงปฏริ ูปประเทศไทยใหเ้ ป็นประชาธิปไตยที่สมบรู ณแ์ บบ
อนั มพี ระมหากษตั ริยท์ รงเป็นประมุข (กปปส.) ที่ไมเ่ ป็นประชาธิปไตย กล่มุ น้ีไดร้ ับการ
สนบั สนุนทางการเมืองเมอื่ พรรครัฐบาลพยายามเสนอร่างพระราชบญั ญตั นิ ิรโทษกรรม
ซ่ึงจะใหป้ ระโยชน์แกท่ กั ษณิ แต่แมว้ ่ารฐั บาลจะถอนร่างกฎหมายดงั กล่าว
ออกไป กปปส. ยงั คงชมุ นุมอยา่ งตอ่ เน่ืองพร้อมกบั ใชว้ าทศิลป์ คา้ นการเมอื งแบบ
เลอื กต้งั เหน็ ไดจ้ ากการขดั ขวางและทารา้ ยร่างกายผอู้ อกเสียงลงคะแนนในการเลือกต้งั ปี

37

2557 ฝ่ายตุลาการถอดถอนย่งิ ลกั ษณอ์ อกจากตาแหน่ง แต่รัฐบาลรักษาการยงั ดารงอยู่
จนมีรฐั ประหารเม่ือวนั ที่ 22 พฤษภาคม 2557คณะผยู้ ึดอานาจปกครองควบคมุ รฐั บาล
ปราบปรามฝ่ายตรงขา้ มอยา่ งกวา้ งขวาง มกี ารแต่งต้งั สภาหนุ่ เชิดโดยมวี ตั ถุประสงคเ์ พอื่
ร่างรฐั ธรรมนูญทจ่ี ะกวาดลา้ งความนิยมของทกั ษณิ ไดด้ กี วา่ รัฐธรรมนูญฉบบั ปี 2550
พยายามกอ่ รูปร่างของสังคมดว้ ยค่านิยมตามที่พวกตนกาหนด นอกจากเพอื่ ตอ่ ตา้ น
ทกั ษณิ แลว้ กองทพั ยงั รูส้ ึกว่าตนตอ้ งควบคมุ การเปลย่ี นรัชกาลท่ีกาลงั มาถงึ และมีแผนจดั
โครงสรา้ งทางการเมืองเพือ่ สงวนอานาจของอภิชน ผนู้ ารฐั ประหารยงั เพิ่มบทบาทและ
อานาจของกองทพั ขณะท่ีลดอานาจของประชาสังคมและการปกครองส่วนทอ้ งถิน่ จาก
การเลอื กต้งั นอกจากน้ียงั มกี ารวางแผนปฏิรูปประเทศ 20 ปี และใหว้ ฒุ สิ ภาท่ีมาจากการ
แต่งต้งั เป็นผูด้ าเนินการ

เม่อื พระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดลุ ยเดชเสด็จสวรรคตในปี 2559 และเขา้ สู่รชั กาล
พระบาทสมเด็จพระวชริ เกลา้ เจา้ อยหู่ วั

(ครองราชยต์ ้งั แตป่ ี 2559) ระเบียบการเมืองเดิมท่ียดึ โยงพระมหากษตั ริยท์ ี่มีบารมีหมด
ไป และกองทพั กา้ วเขา้ มาเป็นผชู้ ้ีนาการกระจายอานาจและผลประโยชนใ์ นชว่ งหลงั
เปลยี่ นรัชกาลใหม่ นโยบายเศรษฐกจิ ของรฐั บาลทหารท่เี รียก ประชารฐั ทาใหเ้ กิดทนุ
นิยมแบบลาดบั ช้นั ที่ธุรกจิ ขนาดใหญข่ องไทยเช้ือสายจนี เขา้ ไปเล้ยี งดูและช้ีนาธุรกจิ ใน
ทอ้ งถิ่น มกี ารประกาศใชร้ ฐั ธรรมนูญแห่งราชอาณาจกั รไทย พทุ ธศกั ราช 2560 ซ่ึงเป็น
ฉบบั ที่ 20 หลงั จากครองอานาจเกอื บหา้ ปี คสช. ยอมใหจ้ ดั การเลอื กต้งั
สมาชิกสภาผูแ้ ทนราษฎรไทยเป็นการทวั่ ไป พ.ศ. 2562 ผลทาใหเ้ กดิ รฐั บาลผสมที่มี
พรรคพลงั ประชารฐั เป็นแกนนา โดยไดร้ บั การสนบั สนุนจากวุฒิสภา

38

ไท และไทยสยาม คาว่า “ไทย” เดิมรู้จกั กนั ในนามของ “สยาม” และมปี รากฏในหลกั ฐานหลาย
แหง่ ทเี่ กา่ ที่สุด คอื ในศิลาจารึกของอาณาจกั รกัมพูชาก่อนสมยั พระนครหลวง และพบในจารึกจาม
พ.ศ.1593 จารึกพมา่ พ.ศ.1663 และในแผนท่ีภูมิศาสตร์ของจีนทที่ าขึน้ ใน พ.ศ.1753 กาหนด
เขตแดนของเสยี มหรือสยามไว้ ส่วนคาว่า “ไท” มีความหมายกว้างกวา่ คาว่า “ไทย” ดงั นี ้
1. ความหมายของคาว่า “คนไท” และ “คนไทย”
“ไท” มีความหมายกว้างกว่า คาว่า “ไทย” ไท หมายถงึ ไทย (คนไทยในประเทศไทย)*และรวมถึง
คนไทยทอ่ี ยใู่ นต่างประเทศต่าง ๆ ด้วย ดงั นนั้ คนไท คอื บคุ คลซง่ึ มเี ชอื ้ ชาติไทย พดู ภาษาตระกลู ไทย
มขี นบธรรมเนยี มประเพณขี องคนเชอื้ ชาติไทย ทงั้ นไี ้ ม่จากดั เฉพาะ ภาษาไทยในประเทศไทย
ขนบธรรมเนียมท่ีใช้ในประเทศไทย แตห่ มายถึง ภาษาในเครือ ภาษาไทยซงึ่ มีลกั ษณะเป็นคาโดด
และเรียงคา คาบางคาอาจใช้แตกตา่ งกนั ขนบธรรมเนยี มกอ็ าจจะแตกต่างกันได้ ทงั้ นเี ้ ป็นไปตามเผ่า
แต่ละเผ่า
2. ความหมายของคาว่า “สยาม”
คาว่า “สยาม” เป็นคาท่ชี นชาติอืน่ ใช้เรียกประเทศไทย ปรากฏตามอกั ษรจาหลกั ใต้ รูปกระบวนแหง่
ท่ปี ราสาทนครวดั ว่า “พลเสียม” หรือ “พลสยาม” จึงเข้าใจว่าคนชาติอืน่ ใช้เรียกประเทศตามขอม
พระเจนจีนอกั ษร ได้แปลจดหมายเหตจุ นี อธบิ ายคาวา่ “สยาม” ไว้ว่าประเทศนีเ้ ดิมเป็นอาณาเขต

39

“เสยี มก๊ก” อยูข่ ้างเหนือ “โลฮุกก๊ก” อยขู่ ้างใต้ ต่อมารวมเป็นอาณาเขตเดยี วกัน จึงได้สนามวา่
“เสยี มโลฮุกก๊ก” แต่คนเรียกทิง้ คา “ฮก” เสยี คงเรียกกนั วา่ “เสียมโลก๊ก” สบื มาเป็นอาณาเขตอยู่
ดงั กล่าว “สยาม” เป็นคาทเี่ ริ่มใช้ในสมัยกรุงรัตนโกสนิ ทร์ สมยั รัชกาลท่ี 4 ก่อนหน้านปี ้ ระเทศไทย
เรียกตัวเองว่า “กรุงศรีอยธุ ยา” ดงั จะเห็นได้จากข้อความทป่ี รากฏตามหนงั สือสัญญาที่ทากับ
ประเทศองั กฤษ ในสมยั รัชกาลที่ 3 เรียกประเทศว่า “กรุงศรีอยธุ ยา” และเพิ่งปรากฏหลกั ฐานว่า
ประเทศไทย เรียกตวั เองว่า “ประเทศสยาม” ในสมยั พระจอมเกล้าเจ้าอยู่หวั รัชกาลที่ 4 แห่งกรุง
รตั นโกสินทร์ เมอ่ื ทรงทาสญั ญาเบาว์ริงกบั องั กฤษ และทรงลงพระนามาภไิ ธยวา่ “REX
SIAMNIS”** และทรงหล่อพระพุทธรูปองค์หนึ่ง พระราชทานนามวา่ “พระสยามเทวาธิราช”

ต่อมาใน พ.ศ.2481 นายพนั เอกหลวงพิบลู สงคราม (ยศและบรรดาศกั ด์ิขณะนนั้ เป็น
นายกรัฐมนตรี ได้เปล่ียนชอ่ื ประเทศจาก “สยาม” เป็น “ไทย” และเมอื่ เกิดรัฐประหาร 8
พฤศจกิ ายน 2490 แล้ว นายควง อภยั วงศ์ ดารงตาแหน่งนายกรัฐมนตรีประมาณ 3 เดอื นเศษ
รฐั บาลนีเ้ รียกชื่อประเทศไทยเป็นภาษาองั กฤษและภาษาฝรง่ั เศสว่า “SIAM” อกี ครงั้ ถึงเดอื น
เมษายน 2491 รฐั บาลพิบูลสงครามเข้ารับตาแหน่งแทน ได้เปล่ียนชื่อประเทศไทยในภาษาองั กฤษ
ว่า “THAILAND” และในภาษาฝรง่ั เศส “THAILAND” 5 ซึง่ รัฐบาลตอ่ ๆ มาได้ใช้ตราบจน
ปัจจุบนั

เมอื งไทยของเราผา่ นรอ้ นผา่ นหนาวกนั มาเยอะมากกว่าทีจ่ ะมาเป็นไทยไดจ้ นทุกวนั น้ี
จากระบบทต่ี อ้ งมที าสมไี พร่ต้งั แต่ยคุ ก่อนมกี รุงรัตนโกสินทร์ จนปัจจุบนั ท่ี การเมืองการ
ปกครองไทยรุดหนา้ ไปไกลมาก หากเทียบกนั กบั สมยั ก่อน มนั ช่างแตกต่างกนั มากเสีย
เหลือเกิน แต่บางคนกย็ งั รู้สึกว่าตวั เองเป็นชนช้นั ลา่ งอย่ดู ี ท้งั ๆ ที่ เราเลิกทาสมาต้งั แต่ปี
พ.ศ. 2448 จนตอนน้ี ก็รอ้ ยกว่าปี เขา้ ไปแลว้ หรือ ที่หลายคนยงั หลงคดิ ว่าตวั เองยงั วน
กนั อยู่ในสมยั อยธุ ยาตอนปลายกย็ งั มอี ยเู่ พราะการเมืองการปกครองไทย มนั เพิง่ มี
เสรีภาพในการคดิ อา่ น หรือเหน็ ต่างกเ็ พียง ไมถ่ ึงรอ้ ยปี นบั แต่คณะราษฎร์ เป็นหวั เรียวหวั
แรงในการที่จะใหค้ นไทยเราตาสว่าง เม่อื ปี 2475 แตจ่ นปัจจบุ นั เรากย็ งั คงพายเรือกนั
ในอ่างบวั ใบกลม ๆ ทีม่ ีแต่เร่ืองเดมิ ๆ ไมไ่ ดไ้ ปไหนมากนกั เหมอื นคนทกี่ อ่ การ
เพอ่ื ทีจ่ ะให้ประเทศไทยของเรากา้ วหนา้ เหมอื นนานาประเทศทีป่ กครองแบบตามใจคน
อาศยั หรือ ตามเส่ียงส่วนมาก ทเี่ ราเรียกกนั วา่ ประชาธิปไตย ระบบการเมอื งการปกครอง

40

ท่ี ทุกทบ่ี อกว่าดี แต่อาจจะไม่ใช่ทเี่ มอื งไทยกไ็ ด้ เพราะเรายงั คงคิดวา่ เราอยู่กนั ในสมยั
พระเพทราชากเ็ ป็นไดเ้ พราะระบบระบอบการเลือกต้งั ของเรามนั มีปัญหาหรือเปล่า จน
ขา้ ราชการหลาย ๆ คนท่บี อกว่าคนจนเป็นคนโงเ่ สียได้ ถงึ แม้ คนทดี่ ุเหมอื นไพร่ หรือ
อาจจะเป็นทาสในสมยั อยุธยา แต่ปัจจบุ นั เพราะคนเหล่าน้ีซ่ือเกินไปทจี่ ะตามเกมส์
นกั การเมอื งทนั ต่างหาก แค่ ว่าท่ี ส.ส. เขา้ ไปยกมือไหว้ เขา้ ไปทกั ทาน คนเหล่าน้ีกค็ ดิ ว่า
มนั คอื ความกนั เองเสียแลว้ จนไมร่ ู้เลยวา่ ดา้ นหนา้ กบั ดา้ นหลงั มนั ช่างแตกตา่ งกนั
เหลือเกนิ เพราะประชาธิปไตยของเราไมเ่ คยเบ่งบานตา่ งหาก และส่วนหน่ึงก็เพราะ เรานิ่ง
เฉยกบั ระบบที่ หลายคนยอมที่จะตอ้ งแลกมา ซ่ึงหากพลาดมนั อาจจะถึงตายเลยทีเดียว
แต่เพราะความเฉยชาของคนไทยเราจงึ ทาใหค้ นที่เขา้ มาแสวงหาผลประโยชนไ์ ดง้ ่าย ๆ
และมนั ยงิ่ งา่ ยมากข้นึ ทุกวนั เนื่องจาก การโกงเป็นเร่ืองทีอ่ ยู่ในสายเลือดแลว้ กไ็ ด้ หรือบาง
ที คนเหลา่ น้ีอาจจะคิดว่าแคเ่ ป็นสินน้าใจในการทางานเหมอื นท่คี นในอยุธยาคิดก็เป็นได้
ท่คี นท่ีมีอานาจ มกั จะคิดเอาเองวา่ ตวั เองทางาน แตไ่ ดค้ า่ แรงอนั นอ้ ยนิด การจะหาเศษหา
เลยบา้ งมนั เป็นส่ิงทไี่ ม่มใี ครวา่ แต่หากเราอยากไดร้ ะบบการปกครองท่ี มสี ิทธิมีเสียงจริง
ๆ เราควรท่ีจะออกความคิดเหน็ ใหม้ ากกว่าน้ีเพือ่ ทจ่ี ะบอกคนทเ่ี ป็นตวั แทนของเราวา่ จะ
ทาอะไรกค็ วรทจี่ ะเบา ๆ ลงหน่อย

41

ในปี พ.ศ. 2518 กองทพั โฮจิมนิ ทไ์ ดบ้ กุ ยดึ ไซงอ่ นรวมเวียดนามเหนือและใตร้ วมกนั
โดยเปลย่ี นจากกรุงไซงอ่ นเป็นโฮจมิ นิ ท์ พลเมืองเวียดนามไดห้ นีออกจากประเทศเป็น
จานวนมากและในปี พ.ศ.2519 กองทพั เขมรแดงไดบ้ ุกยึดกรุงพนมเปญไดเ้ ป็น
ผลสาเร็จประชาชนตา่ งพากนั ดีอกดใี จกนั มากนึกวา่ สงครามกลางเมืองจะจบลงสกั ที แตก่ ็
ไมไ่ ดเ้ ป็นแบบน้นั เพราะมนั ทาให้สงความไดก้ อ่ ตวั ข้ึนอย่างรวดเร็ว ขา่ วเขมรแดงจึง
ปล่อยขา่ วลวงวา่ อเมริกาจะทงิ้ ระเบดิ เพือ่ แกแ้ คน้ และให้ประชาชนอพยพออกสู่ชนบท
และทาการฆ่าท้งิ อยา่ งไม่ปราณีสรา้ งความเกลียดชงั ใหแ้ กเ่ ขมรแดง หน่ึงในน้นั กค็ ือ ฮุน
เซ็นฮุนเซน็ ไดน้ ากองทหารเวียดนามผสมกบั กองทหารของเฮงสม้ รินเขา้ จโู่ จมกองทพั
เขมรแดง สีหนุและซอน ซาน ในตกปี พ.ศ.2521 เวยี ดนามส่งเครื่องบินเขา้ จู่โจมจดุ
ยุทธศาสตร์ และไดน้ ากลงั เดนิ เทา้ และรถถงั เขา้ บุกยกึ ตามเมอื งหลกั ตา่ งๆของกมั พชู าและ
ส่งทหารเขา้ ประจาการในประเทศลาว 60,000 นาย แลว้ ทาสงครามท่ีสมรภูมริ ่มเกลา้
นายพลเหงยี นวนั เทยี ว ประกาศจะเขา้ ยดึ ถึงกรุงเทพมหานครภายใน 2 ช.ม. ชว่ งน้นั พวก
คอมมวิ นิสตใ์ นประเทศเรากาลงั เตบิ โตจงึ หยบิ อาวธุ ข้ึนมาต่อสู้กบั รัฐบาล หลงั จาก
ประเทศไทยไดม้ กี ารประระดบั ผูน้ า และไดอ้ อกคาสงั่ ให้ทูตไปปักกิง่ เพอ่ื คยุ ขอ้ ตกลงกบั
จนี วา่ หยดุ ส่งเสริมพวกคิมมวิ นิสตแ์ ลว้ ใหซ้ ้ือน้ามนั ไปเก็บไว้ ไทยจงึ ซ้ืออาวุธมากมายเพอื่
แลกกบั จนี เมอื่ กมั พชู าหนีออกจากประเทศกม็ ายงั ชายแดนไทยกมั พชู าและต้งั เป็นกลุม่
เลก็ เพอ่ื ฝึกกาลงั พลท่ไี ดร้ บั การสนบั สนุนจากอเมริกา ฝรง่ั เศส จนี และไทย เพ่อื กาลงั ไป
รบยนั บา้ นเกดิ ของพวกเขา แตเ่ วียดรู้ทนั จึงมาดกั ตดั กาลงั บริเวรชายแดนไทย –กมั พูชา
จนเป็นท่มี าของสนามรบชอ่ งบก อยทู่ ่ี จ. อุบลราชธานี ปี พ.ศ.2529 กองกาลงั สุรนารี
ไดข้ บั ไล่และบุกตไี ดส้ าเร็จและถอยกาลงั พลกบั มาเพื่อวางแผนการใหม่ ในปี 2530
ไทยไดจ้ ดั กาลงั เล็กๆลาดตะเวนดกั ซุ่มโจมตีจนเวยี ดนามยกทบั กลบั ไดส้ าเร็จ ไท” เป็น
ช่ือของกลุ่มชนท่ใี ชภ้ าษาตระกลู ไท รวมถงึ กลมุ่ ชนบางส่วนในภาคอสี านของอนิ เดยี
(อาหม) ที่ปัจจบุ นั มิไดพ้ ูดภาษาตระกลู ไทแลว้ และชาวไทยในประเทศไทย กเ็ ป็นหน่ึงใน
กลุ่มคนท่ีใชภ้ าษาตระกูลไทเช่นกนั ซ่ึงเป็นเหตุผลหน่ึงท่ีทาให้ประเทศ “สยาม” กลาย
มาเป็นประเทศ “ไทย” ดว้ ยจอมพล ป. พบิ ลู สงคราม นายกรัฐมนตรีในขณะน้นั
ตอ้ งการเปล่ียนเพ่อื ให้สอดคลอ้ งกบั “เชื้อชาติ” ของคนในประเทศคาแถลงตอ่ สภาในปี

42

พ.ศ. 2482 ของจอมพล ป. หรือ พลตรี หลวงพิบูลสงคราม ตามยศถาบรรดาศกั ด์ิใน
ขณะน้นั ถงึ เหตทุ ่ตี อ้ งเปล่ยี นช่ือประเทศมอี ยวู่ ่า“…นามประเทศของเราทใ่ี ช้เรียกกนั อยู่
ทกุ วันนี้ ก็ได้ด้วยความเคยชิน หรือได้จดจาเรียกกนั ต่อๆ มา และได้พยายามให้เจ้าหน้าท่ี
ค้นในทางประวตั ศิ าสตร์ก็ไม่ปรากฏว่า ใครเป็ นคนท่ีได้ตงั้ ขึ้นคราวแรก และต้ังแต่ครั้งใด
ก็ไม่ทราบ เป็ นแต่ว่าเราได้เรียกมาเร่ือยๆ เรียกว่าประเทศสยาม และคาว่า ประเทศสยาม
น้ัน กม็ กั จะใช้แต่ในวงราชการ และนอกจากนัน้ กใ็ นวงของชาวต่างประเทศเป็ นส่วนมาก
ส่วนประชาชนคนไทยของเราโดยท่ัวไป เฉพาะอย่างยิ่งตามชนบทด้วยแล้ว เราจะไม่ค่อย
ใช้คาว่า ประเทศสยาม เราใช้คาว่าไทย…” “…การท่เี ราได้เปล่ยี นให้ขนานนามว่า
ประเทศไทยนั้น กเ็ พราะเหตวุ ่าได้พิจารณาดูเป็ นส่วนมากแล้วนามประเทศนนั้ เขามัก
เรียกกนั ตามเช้ือชาตขิ องชาติทอี่ ย่ใู นประเทศนนั้ เพราะฉะนั้นของเรากเ็ หน็ ว่าเป็ นการ
ขัดกนั อยู่ เรามีเชือ้ ชาตเิ ป็ นชาติไทย แต่ชื่อประเทศของเราเป็ นประเทศสยาม จงึ มีนาม
เป็ นสองอย่าง ดังน้ี ส่วนมากในนานาประเทศเขาไม่ใช้กนั …” อกี เหตผุ ลสาคญั ของจอม
พล ป. ท่ี “สยาม” จาตอ้ งเปล่ยี นเป็น “ไทย” ก็เพราะเกรงวา่ หากยงั คงชื่อสยามไว้
ภายหลงั อาจมชี นชาติอื่นอพยพเขา้ มามากข้นึ แลว้ “ประเทศสยาม” อาจถกู ชนชาตนิ ้นั ๆ
อา้ งเอาไดว้ า่ ประเทศน้ีเป็นของตนอยา่ งไรกด็ ี คาแถลงของจอมพล ป. ไมไ่ ดบ้ อกถงึ
เหตผุ ลว่าทาไมคาวา่ “ไทย” ใน ชนชาตไิ ทยท่ตี นอา้ งถงึ จงึ ตอ้ งมี “ย” ดว้ ยโปสเตอร์
วฒั นธรรมไทย สมยั จอมพล ป.พบิ ลู สงคราม (ภาพจากหนงั สือ อนุสรณ์ ครบรอบ ๑๐๐ ปี
ฯพณฯ จอมพล ป. พิบลู สงคราม ๑๔ กรกฎาคม ๒๕๔๐) แต่เบาะแสอนั เป็นสาเหตุน้นั
ปรากฏอยู่ในบทความ “เน่ืองดว้ ยประวตั ศิ าสตร์ชาตไิ ทย” โดย สมภพ ภิรมย์ อดีตอธิบดี
กรมศิลปากรทก่ี ลา่ ววา่ ก่อนจะมีตกลงใชค้ าว่า “ไทย” เป็นช่ือประเทศแทนคาวา่ “สยาม”
น้นั ไดม้ กี ารถกเถยี งกนั ในสภามากอ่ น โดยผทู้ ีส่ นบั ให้ใชค้ าวา่ “ไทย” มี “ย” เป็นผชู้ นะ
ในการลงมติไปดว้ ยคะแนนเสียง 64 ตอ่ 57 ดว้ ยเหตผุ ลวา่ “‘ไทย มี ย เปรียบเหมือน
ผ้หู ญงิ ท่ีดดั คลื่นแต้มลิปสติค เขยี นคิว้ ส่วนไทย ไม่มี ย เปรียบเหมอื นผ้หู ญิงทง่ี ามโดย
ธรรมชาติ แต่ไม่ได้ตกแต่ง’ จาก น.ส.พ. สุภาพบุรุษ 30 กนั ยายน 2482 (จาก
หนังสือชุดประวัติศาสตร์ไทย “เมืองไทยสมยั สงครามโลกครั้งที่ 2” โดย แถมสุข นุ่ม
นนท์ หน้า 33)”ดว้ ยเหตผุ ลดงั กลา่ วทาให้ สมภพกล่าวว่าตน “รู้สึกงงและจะขับขันกท็ า

43

ไม่ได้ถนดั ได้เพยี งปลงอนิจจัง” ก่อนกล่าวว่า การจะใช้คาว่า “ไท หรือ ไทย” น้นั “ควร
ต้องอาศยั หลักภาษาศาสตร์ หลักอกั ษรศาสตร์ และหลักนิรุกติศาสตร์ เป็นข้อพิจารณา
เป็นข้อตัดสินตกลงใจทางวิชาการ มใิ ช่การออกเสียงเอาชนะกันในสภาผ้แู ทนราษฎร”
ภายหลงั การเปลย่ี นชื่อประเทศ ราชบณั ฑติ ยสถานจึงไดบ้ ญั ญตั คิ วามหมายของคาว่า
“ไท” และ “ไทย” ไวใ้ นพจนานุกรมฉบบั ราชบณั ฑิตยสถาน พ.ศ. 2493 โดยใหค้ า
วา่ “ไท” แปลว่า “ไทย” ได้หนง่ึ ความหมาย และ “ผ้เู ป็ นใหญ่” ในอกี หนงึ่
ความหมาย ส่วนคาว่า “ไทย” แปลว่า “ช่ือประเทศและชนชาตทิ อ่ี ยู่ในเอเชียตะวันออก
เฉียงใต้…; ความมอี ิสระในตัว, ความไม่เป็ นทาส;…”ซึ่งการให้ความหมายของราช
บณั ฑิต ดจู ะขัดกับความรู้สึกคนทัว่ ไปท่ีมกั ใช้คาว่า “ไท” แทนความหมายถงึ การมี
อิสรภาพ และการไม่เป็ นทาสมากกว่า คาว่า “ไทย”

ประวตั คิ วามเป็นมาของชาติไทย

ชนชาติไทย การสนั นิษฐานของนกั โบราณคดีมีมติวา่ ชาตไิ ทยเดิมเป็นชาติใหญ่
ชาติหนง่ึ มีภาษาใช้โดยเฉพาะแยกสาขามาจากพวกมองโกลลงมาทางใต้เดมิ ตงั ้ ถนิ่ ฐาน
อยใู่ นดนิ แดนท่เี ป็นภาคตะวนั ตกเฉียงเหนือแห่งมณฑลเสฉวนทุกวนั นเี ้ป็นเวลานานกว่า
4000 ปีขนึ ้ ไป ครนั้ ต่อ ๆ มาจานวนพลเมอื งของชาตไิ ทยได้ทวีขนึ ้ เป็นลาดบั จึงได้ขยบั
ขยายอาณาเขตออกไปทางตะวนั ออกคอื ในดินแดนมณฑลเสฉวนเวลานี ้โดยยึดเอาลา
แม่นา้ แยงซเี ป็นแนวทางนา

การแผ่อาณาเขตของชาตไิ ทยในครงั้ นนั้ เป็นทานองทพ่ี ากนั ไปหาทท่ี ากินตามทาเล
เหมาะ ๆ ตามชอบใจตา่ งพวกต่างทยอยกนั ไปเป็นคราว ๆ และแยกกนั อยตู่ ามความ
สะดวกใจเป็นประมาณ เหตนุ อี ้ าณาเขตของชาตไิ ทยจงึ ได้แยกเป็นเมืองยอ่ ย ๆ และตา่ ง
เป็นอิสระแกก่ นั อยู่หลายเมอื ง

อาณาจกั รอ้ายลาว คือพวกไทยท่ีอพยพลงมาทางใต้เนอื่ งจากถูกพวกตาดและพวก
ตนี รุกรานแยง่ ชงิ ท่ที ามาหากนิ ในทางเศรษฐกจิ เรามีแสนยานุภาพน้อยจาต้องทงิ ้ ทท่ี ามา

44

หากินถอยลงมาทางใต้ก่อนพทุ ธศกั ราช 392 ปีและครงั้ ท่ี 2 ในราว พ.ศ. 400 แล้วพากนั
มาตงั ้ อาณาจกั รอิสระขนึ ้ ใหมใ่ ห้ชอื่ ว่า อาณาจกั รอ้ายลาว มรี าชธานีอย่ทู างฮุนหนา
เรียกวา่ เพงาย ผ้เู ป็นหวั หน้าตงั ้ ตวั เป็นกษตั ริย์ปกครองทรงพระนามวา่ ขุนเมอื ง ระยะนี ้
เราต้องทาสงครามต่อส้กู บั จีนอยู่เสมอเป็นเวลาเกอื บ 200 ปีในราว พ.ศ. 622 เราต้อง
เสยี อสิ รภาพให้แกจ่ ีนอกี ครงั้ หนง่ึ พวกไทยส่วนมากทรี่ กั อสิ ระภาพก็พากนั ถอยร่นมาทาง
ใต้เป็นลาดบั เรามกี ษตั ริย์ทเี่ ข้มแขง็ อกี องค์หนึ่งในสมยั นี ้

ความเจริญในสมยั กรุงสโุ ขทยั

1.การปกครอง ในรัชสมยั ของพระเจ้ารามคาแหง พระองคม์ ีความใกล้ชิดกบั
พลเมอื งมากเป็นการปกครองแบบบิดากบั บตุ ร พระองค์โปรดให้แขวนกระดง่ิ ไว้หน้า
พระราชวงั ใครมที ุกข์ร้อนกใ็ ห้ไปสนั่ กระดง่ิ พระองคจ์ ะตดั สินคดใี ห้ด้วยความเป็นธรรม
เม่อื ถึงวนั พระกเ็ สดจ็ ไปสงั่ สอนประชาชนทีพ่ ระแทน่ มนงั คศลิ าในด้านการปกครองของ
ประเทศ พระองค์แบ่งการปกครองเป็น

2.การตดิ ต่อกบั ต่างประเทศ พระองคไ์ ด้ดาเนนิ การอยา่ งฉลาดในการขยาย
อาณาจกั ร เช่น ยอมรับเป็นไมตรีกบั จนี ใน พ.ศ. 1829 เพ่อื ไมใ่ ห้จนี เข้ามารุกรานทาไมตรี
กบั ไทยในลานนาเป็นการตดั ศกึ ทางเหนือแล้วกเ็ ริ่มขยายอาณาเขตไปทางใต้ได้
กว้างขวางในทางตะวนั ตกกไ็ ด้ดนิ แดนมอญ ซึ่งพระเจ้าฟ้ารั่วราชบุตรเขาครอบครองอยู่
นบั ว่าพระองคไ์ ด้มีวธิ ีการในการติดตอ่ กบั ตา่ งประเทศได้อย่างฉลาด

3.การศึกษา ในรชั กาลพระเจ้ารามคาแหงพระองคไ์ ด้ทรงประดษิ ฐ์อกั ษรไทยขนึ ้ ใช้
เป็นภาษาของเราเองใน พ.ศ. 1826 โดยดดั แปลงมาจาก อกั ษาคฤนถ ซ่งึ เคยใช้ใน
ดนิ แดนตอนใต้

4.ศาสนา สมยั พระเจ้ารามคาแหงได้นิมนต์พระสงฆล์ ทั ธลิ งั กาวงศจ์ าก
นครศรีธรรมราชไปตงั ้ ท่กี รุงสโุ ขทยั และทาไมตรีกบั ลงั กา เราได้พระพทุ ธสหิ งิ คใ์ นรชั กาล

45

นศี ้ าสนาพทุ ธลทั ธิลงั กาวงศไ์ ด้เข้ามาในประเทศไทยราว พ.ศ. 1800 เศษ เน่อื งจาก พระ
เจ้าปรักกรมพาหุมหาราชลงั กา ทรงฟืน้ ฟขู นึ ้ มชี าวไทยไปศกึ ษาเล่าเรียนมาเผยแพร่ทาง
นครศรีธรรมราชเป็นครงั้ แรก

5.การทะนบุ ารุงบ้านเมือง ทรงบารุงการค้าขาย เลิกเกบ็ ภาษีจงั กอบทรงนาช่างจาก
เมืองจีนมาทาชามสงั คโลกและถ้วยชามอนื่ ๆ เป็นการส่งเสริมการอตุ สาหกรรม ทรง
ทะนุบารุงทงั้ ในด้านการปกครอง การขยายอาณาจกั รทาให้กรุงสโุ ขทยั สมยั นนั้
เจริญรุ่งเรืองมาก

ประวัติความเป็ นมา
มีพรมแดนทางทิศตะวนั ออกตดิ ลาวและกมั พชู า ทศิ ใต้ตดิ อา่ วไทยและมาเลเซยี ทิศ
ตะวนั ตกตดิ ทะเลอนั ดามนั และพมา่ และทิศเหนือติดพม่าและลาวโดยมีแมน่ า้ โขงกนั้
เป็นบางช่วง ประเทศไทยเป็นสมาชกิ ของสหประชาชาติ เอเปค และ อาเซยี น มศี นู ยร์ วม
การปกครองอยู่ทก่ี รุงเทพมหานครซ่ึงเป็นเมืองหลวงของประเทศ พระบาทสมเด็จพระ
ปรมนิ ทรมหาภูมิพลอดลุ ยเดช ทรงเป็นพระมหากษตั ริยท์ คี่ รองราชย์ในฐานะประมขุ แหง่
รัฐ ยาวนานทสี่ ดุ ในโลก ปัจจบุ นั ประเทศไทยปกครองด้วยเผดจ็ การทหาร กอ่ นทจ่ี ะเกิด
เหตกุ ารณ์รฐั ประหาร 2549 ได้ใช้การปกครองในระบอบประชาธปิ ไตยอนั มี
พระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมขุ

ประวตั ิศาสตร์ไทย
ประเทศไทยมีประวตั ิศาสตร์ยาวนานมาก โดยมคี วามสืบเนือ่ งและคาบเก่ียว

ระหว่างอาณาจกั รโบราณหลายแหง่ เชน่ อาณาจกั รทวารวดี ศรีวิชยั ละโว้ เขมร ฯลฯ
โดยเริ่มมคี วามชดั เจนในอาณาจกั รสโุ ขทยั ตงั ้ แตป่ ี พ.ศ. 1981 อาณาจกั รล้านนาทาง
ภาคเหนือ กระทงั่ เส่อื มอานาจลงในช่วงต้นพทุ ธศตวรรษท่ี 19 แล้วความรุ่งเรืองได้
ปรากฏขนึ ้ ในอาณาจกั รทางใต้ ณ กรุงศรีอยธุ ยา โดยยงั มอี าณาเขตท่ไี มแ่ นช่ ดั ครนั้ เมอื่

46

เสียกรุงศรีอยุธยาเป็นครงั้ ทสี่ องในปี พ.ศ. 2310 พระเจ้าตากสนิ จึงได้ย้ายราชธานมี า
อยู่ท่กี รุงธนบรุ ี

ภายหลงั สนิ ้ สดุ อานาจและมีการสถาปนากรุงรัตนโกสินทร์เม่อื
พ.ศ. 2325 อาณาจกั รสยามเริ่มมคี วามเป็นปึกแผน่ มกี ารผนวกดนิ แดนบางสว่ นของ
อาณาจกั รล้านช้าง ครนั้ ในรัชกาลที่ 5 ได้ผนวกดินแดนของเมอื งเชยี งใหม่ หรือ
อาณาจกั รล้านนาส่วนล่าง (สว่ นบนอยบู่ ริเวณเชยี งตงุ ) เป็นการรวบรวมดินแดนครงั้
ใหญค่ รงั้ สดุ ท้าย วนั ท่ี 24 มถิ ุนายน พ.ศ. 2475 ได้เปลยี่ นแปลงการปกครองมาเป็น
ระบอบประชาธปิ ไตยแต่กต็ ้องรออีกถึง 41 ปี กวา่ จะได้นายกรัฐมนตรีท่ีมาจากการ
เลือกตงั ้ ครงั้ แรกเม่อื พ.ศ. 2516 หลงั จากเหตกุ ารณ์ 14 ตลุ า หลงั จากนนั้ มเี หตกุ ารณ์
เรียกร้องประชาธิปไตยอีกสองครงั้ คือ เหตกุ ารณ์ 6 ตลุ า และพฤษภาทมิฬ ลา่ สดุ ได้เกิด
รฐั ประหารขนึ ้ อกี ครงั้ ในปี พ.ศ. 2549

ณ ดินแดนอนั เป็นทต่ี งั ้ ของประเทศไทยในปัจจบุ นั เป็นสถานที่ท่ีมปี ระวตั คิ วามเป็นมา
อนั ยาวนานและมีความสาคญั อยา่ งตอ่ เน่อื งมาโดยตลอด จากหลกั ฐานต่าง ๆ ทไ่ี ด้

47

ค้นพบ ปรากฏวา่ เคยเป็นสถานท่ีอยู่อาศยั ของมนุษยย์ ้อนหลงั ไปได้หมืน่ ปี ตงั ้ แตม่ นษุ ย์
ยคุ ดกึ ดาบรรพ์ นุ่งหม่ หนงั สตั ว์ อาศยั อยตู่ ามถา้ และมกี ารอพยพของกล่มุ คนแบบคอ่ ย
เป็นคอ่ ยไป ประกอบด้วยยุคหนิ เก่าอายุ ๑๐,๐๐๐ ปี ยุคหนิ กลางอายรุ ะหว่าง
๑๐,๐๐๐ – ๕,๐๐๐ ปี นบั เป๋ นดนิ แดนท่มี ีอารยธรรมเกา่ แกไ่ ม่แพ้อารยธรรมอน่ื ๆ ของ
โลกเม่ือเวลาผ่านไป มกี ารรบั อารยธรรมต่าง ๆ เข้ามา เกดิ การรวมกล่มุ เป็นแคว้นหรือรฐั
มีวิวฒั นาการในการดารงชีวติ สืบมา จนสามารถสร้างวฒั นธรรมท่ีเป็นแบบฉบบั ของตน
มีแร่ธาตแุ ละทรัพยากรอนั อดุ มสมบรู ณ์ โดยเฉพาะทองคาและเงนิ จงึ มีชือ่ เป็นท่ีรู้จกั
โดยทวั่ ไปวา่ ดินแดนสวุ รรณภูมิ หรือแผ่นดินทองที่ประกอบด้วยแคว้นน้อยใหญก่ ระจดั
กระจายไปทวั่ เชน่ แคว้นทวารวดี มีศนู ย์กลางการปกครองทเ่ี มืองนครปฐมหรือเมอื งอู่
ทอง แคว้นศรีวิชยั มศี นู ยก์ ลางการปกครองท่เี มอื งไชยา แคว้นลพบรุ ีหรือละโว้ มี
ศนู ย์กลางการปกครองอยทู่ ่เี มอื งละโว้ ฯลฯตอ่ มาได้มีการพฒั นาขนึ ้ มาเป็นรฐั เชน่ รฐั
ล้านนาในภาคเหนือ รฐั สโุ ขทยั แถบล่มุ แม่นา้ ยม และรฐั ในแถบล่มุ แมน่ า้ เจ้าพระยา คือ
อโยธยาและละโว้ซงึ่ มีอานาจมากขนึ ้ เร่ือย ๆ จนสามารถรวมรฐั อืน่ ในดนิ แดนแถบนใี ้ ห้
อยู่ในการปกครอง มชี ื่อวา่ อาณาจกั รอยธุ ยา ซึ่งมคี วามเจริญสงู สดุ สบื ตอ่ มาถงึ ๔๑๗ ปี
มีพระมหากษตั ริย์ทรงปกครอง ๓๓ พระองค์ และเม่อื อาณาจกั รแห่งนศี ้ นู ยเ์ สยี เอกราช
จึงได้ย้ายมาสถาปนากรุงธนบรุ ีเป็นราชธานีแหง่ ใหม่ จากนนั้ ได้ย้ายราชธานมี าอยู่ ณ
กรุงรัตนโกสนิ ทร์ จวบจนถึงสมยั ปัจจุบนั มีพระมหากษตั ริยร์ าชวงศ์จกั รีทรงปกครอง
มาถงึ รชั กาลที่ ๙ และสามารถรักษาเอกราชได้ตลอดมา รวมทงั้ ได้ช่อื ว่าเป็นประเทศ
เดยี วในภูมภิ าคแห่งนที ้ ไ่ี มต่ กเป็นเมอื งขนึ ้ ของประเทศทางแถบตะวนั ตก สาหรับการ
เรียกชื่อประเทศนนั้ เนอื่ งจากในสมยั กอ่ นแนวคดิ เร่ืองรฐั ชาตยิ งั ไม่ปรากฏชดั เจน จงึ
เรียกชอ่ื เมืองตามช่อื แคว้น เช่น กรุงสโุ ขทยั กรุงศรีอยธุ ยา และเรียกชาวเมืองวา่ สยาม
บ้าง ไทยบ้าง จนเมอ่ื ประเทศไทยต้องเผชญิ หน้ากบั จกั รวรรดินิยมในสมยั รชั กาลที่ ๕
พระองคจ์ งึ พยายามดดั แปลงให้ประเทศไทยมีลกั ษณะสมยั ใหมข่ นึ ้ และเริ่มมกี ารใช้ช่อื

48

ประเทศว่าราชอาณาจกั รสยามอย่างเป็นทางการ จนถึงสมยั รัฐบาลจอมพล ป. พบิ ูล
สงคราม จึงได้เปลย่ี นชือ่ เป็นประเทศไทยเมอ่ื วนั ท่ี ๒๔ มถิ นุ ายน ๒๔๘๒

ช่อื ประเทศไทย

คาวา่ ไทย มคี วามหมายในภาษาไทยว่า อิสระ เสรีภาพ เดมิ ประเทศไทยใช้
ช่อื สยาม แต่ได้เปลีย่ นมาเป็นชื่อปัจจบุ นั เมอ่ื ปี พ.ศ. 2482 ตามประกาศรฐั นิยม ฉบบั ท่ี
1 ของรฐั บาลจอมพล ป. พบิ ูลสงคราม ให้ใช้ชือ่ ประเทศ ประชาชน และสญั ชาติวา่
"ไทย" โดยในชว่ งตอ่ มาได้เปลย่ี นกลบั เป็นสยามเมื่อปี พ.ศ. 2488 ในชว่ งเปล่ยี น
นายกรฐั มนตรี แตใ่ นที่สดุ ได้เปลย่ี นกลบั มาชื่อไทยอีกครงั้ ในปี พ.ศ. 2491 ซ่งึ เป็นช่วงที่
จอมพล ป. พิบลู สงครามเป็นนายกรฐั มนตรีในสมยั ตอ่ มา ชว่ งแรกเปล่ยี นเฉพาะชอื่
ภาษาไทยเท่านนั้ ช่อื ภาษาฝร่งั เศส[1]และองั กฤษคงยงั เป็น "Siam" อยจู่ นกระทง่ั
เดือนเมษายน พ.ศ. 2491 จงึ ได้เปลยี่ นช่อื ภาษาฝร่ังเศสเป็น "Thaïlande" และ
ภาษาองั กฤษเป็น "Thailand" อยา่ งในปัจจบุ นั อย่างไรกต็ าม ชอ่ื สยาม ยงั เป็นที่
รู้จกั แพร่หลายทงั้ ในและตา่ งประเทศ

มีพรมแดนทางทิศตะวนั ออกติดลาวและกัมพูชา ทศิ ใต้ติดอา่ วไทยและมาเลเซีย ทศิ ตะวนั ตกติดทะเล
อนั ดามนั และพม่า และทศิ เหนอื ติดพม่าและลาวโดยมแี ม่นา้ โขงกัน้ เป็นบางชว่ ง ประเทศไทยเป็น
สมาชิกของสหประชาชาติ เอเปค และ อาเซียน มีศูนย์รวมการปกครองอยู่ที่กรุงเทพมหานครซึง่ เป็น
เมืองหลวงของประเทศ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมพิ ลอดุลยเดช ทรงเป็นพระมหากษัตริยท์ ี่
ครองราชยใ์ นฐานะประมขุ แห่งรัฐ ยาวนานที่สดุ ในโลก ปัจจบุ นั ประเทศไทยปกครองด้วยเผดจ็
การทหาร กอ่ นท่จี ะเกิดเหตกุ ารณ์รฐั ประหาร 2549 ได้ใช้การปกครองในระบอบประชาธปิ ไตยอนั มี
พระมหากษตั ริย์ทรงเป็นพระประมขุ

ประวตั ศิ าสตร์ไทย

ประเทศไทยมปี ระวตั ิศาสตร์ยาวนานมาก โดยมีความสบื เนอ่ื งและคาบเกย่ี วระหวา่ ง
อาณาจักรโบราณหลายแห่ง เชน่ อาณาจกั รทวารวดี ศรีวิชยั ละโว้ เขมร ฯลฯ โดยเร่ิมมีความชดั เจน

49

ในอาณาจกั รสโุ ขทยั ตงั้ แตป่ ี พ.ศ. 1981 อาณาจักรล้านนาทางภาคเหนอื กระทงั่ เส่ือมอานาจลง
ในชว่ งต้นพุทธศตวรรษท่ี 19 แล้วความรุ่งเรืองได้ปรากฏขนึ ้ ในอาณาจกั รทางใต้ ณ กรุงศรีอยุธยา
โดยยงั มอี าณาเขตทไ่ี ม่แน่ชัด ครนั้ เมือ่ เสยี กรุงศรีอยธุ ยาเป็นครงั้ ที่สองในปี พ.ศ. 2310 พระเจ้าตาก
สินจึงได้ย้ายราชธานมี าอยทู่ ่กี รุงธนบรุ ี

ภายหลงั สนิ ้ สดุ อานาจและมกี ารสถาปนากรุงรัตนโกสินทร์เม่อื พ.ศ. 2325 อาณาจกั ร
สยามเร่ิมมีความเป็นปึกแผน่ มีการผนวกดินแดนบางส่วนของอาณาจกั รล้านช้าง ครนั้ ในรัชกาล
ท่ี 5 ได้ผนวกดินแดนของเมืองเชยี งใหม่ หรืออาณาจกั รล้านนาสว่ นลา่ ง (สว่ นบนอยู่บริเวณเชยี งตงุ )
เป็นการรวบรวมดนิ แดนครัง้ ใหญ่ครงั้ สดุ ท้าย วนั ท่ี 24 มิถนุ ายน พ.ศ. 2475 ได้เปล่ียนแปลงการ
ปกครองมาเป็นระบอบประชาธิปไตยแต่กต็ ้องรออีกถึง 41 ปี กว่าจะได้นายกรัฐมนตรีท่มี าจากการ
เลือกตงั้ ครงั้ แรกเมื่อ พ.ศ. 2516 หลงั จากเหตกุ ารณ์ 14 ตุลา หลงั จากนนั้ มีเหตุการณ์เรียกร้อง
ประชาธปิ ไตยอีกสองครงั้ คือ เหตกุ ารณ์ 6 ตุลา และพฤษภาทมฬิ ล่าสดุ ได้เกิดรัฐประหารขนึ ้ อีกครงั้
ในปี พ.ศ. 2549

ณ ดนิ แดนอนั เป็นท่ตี งั้ ของประเทศไทยในปัจจบุ นั เป็นสถานทีท่ ่มี ีประวตั คิ วามเป็นมาอนั ยาวนาน
และมคี วามสาคญั อย่างตอ่ เน่อื งมาโดยตลอด จากหลกั ฐานตา่ ง ๆ ท่ีได้ค้นพบ ปรากฏวา่ เคยเป็น
สถานที่อย่อู าศยั ของมนษุ ยย์ ้อนหลงั ไปได้หมน่ื ปี ตงั้ แต่มนษุ ยย์ ุคดึกดาบรรพ์ นุง่ หม่ หนงั สตั ว์ อาศยั
อยูต่ ามถา้ และมีการอพยพของกล่มุ คนแบบคอ่ ยเป็นคอ่ ยไป ประกอบด้วยยคุ หนิ เก่าอายุ ๑๐,๐๐๐

50

ปี ยคุ หินกลางอายุระหวา่ ง ๑๐,๐๐๐ – ๕,๐๐๐ ปี นบั เป๋ นดินแดนท่มี ีอารยธรรมเก่าแก่ไม่แพ้อารย
ธรรมอน่ื ๆ ของโลก

เมอื่ เวลาผ่านไป มกี ารรบั อารยธรรมต่าง ๆ เข้ามา เกดิ การรวมกล่มุ เป็นแคว้นหรือรฐั มวี ิวฒั นาการใน
การดารงชวี ติ สืบมา จนสามารถสร้างวฒั นธรรมทีเ่ ป็นแบบฉบบั ของตน มแี ร่ธาตแุ ละทรพั ยากรอนั
อุดมสมบูรณ์ โดยเฉพาะทองคาและเงนิ จงึ มีช่ือเป็นที่รู้จกั โดยทว่ั ไปวา่ ดนิ แดนสวุ รรณภมู ิ หรือ
แผน่ ดินทองทป่ี ระกอบด้วยแคว้นน้อยใหญ่กระจดั กระจายไปทว่ั เช่น แคว้นทวารวดี มศี ูนย์กลางการ
ปกครองทเี่ มอื งนครปฐมหรือเมืองอ่ทู อง แคว้นศรีวิชยั มีศูนย์กลางการปกครองทเ่ี มืองไชยา แคว้น
ลพบรุ ีหรือละโว้ มศี นู ย์กลางการปกครองอยทู่ ่ีเมอื งละโว้ ฯลฯต่อมาได้มกี ารพฒั นาขนึ ้ มาเป็นรฐั เช่น
รฐั ล้านนาในภาคเหนอื รัฐสโุ ขทยั แถบลมุ่ แม่นา้ ยม และรัฐในแถบล่มุ แมน่ า้ เจ้าพระยา คือ อโยธยา
และละโว้ซงึ่ มีอานาจมากขนึ ้ เร่ือย ๆ จนสามารถรวมรฐั อืน่ ในดนิ แดนแถบนใี ้ ห้อยู่ในการปกครอง มีช่อื
วา่ อาณาจกั รอยุธยา ซ่งึ มีความเจริญสงู สุดสบื ตอ่ มาถึง ๔๑๗ ปี มีพระมหากษัตริย์ทรงปกครอง ๓๓
พระองค์ และเม่อื อาณาจักรแห่งนีศ้ นู ยเ์ สียเอกราช จึงได้ย้ายมาสถาปนากรุงธนบรุ ีเป็นราชธานีแหง่
ใหม่ จากนนั้ ได้ย้ายราชธานีมาอยู่ ณ กรุงรตั นโกสินทร์ จวบจนถึงสมยั ปัจจุบนั มพี ระมหากษัตริย์
ราชวงศจ์ กั รีทรงปกครองมาถงึ รชั กาลที่ ๙ และสามารถรักษาเอกราชได้ตลอดมา รวมทงั้ ได้ช่อื ว่าเป็น
ประเทศเดยี วในภูมภิ าคแหง่ นีท้ ไ่ี ม่ตกเป็นเมอื งขนึ ้ ของประเทศทางแถบตะวนั ตก สาหรบั การเรียกช่ือ
ประเทศนนั้ เนื่องจากในสมัยกอ่ นแนวคิดเร่ืองรัฐชาตยิ งั ไม่ปรากฏชดั เจน จงึ เรียกชื่อเมอื งตามชอ่ื
แคว้น เช่น กรุงสโุ ขทยั กรุงศรีอยุธยา และเรียกชาวเมอื งวา่ สยามบ้าง ไทยบ้าง จนเมื่อประเทศไทย
ต้องเผชิญหน้ากบั จกั รวรรดินยิ มในสมยั รัชกาลท่ี ๕ พระองค์จึงพยายามดดั แปลงให้ประเทศไทยมี
ลกั ษณะสมยั ใหม่ขนึ ้ และเร่ิมมกี ารใช้ชื่อประเทศวา่ ราชอาณาจกั รสยามอยา่ งเป็นทางการ จนถึงสมยั

รฐั บาลจอมพล ป. พิบูลสงคราม จึงได้เปลยี่ นช่อื เป็นประเทศไทยเมอ่ื วนั ที่ ๒๔ มิถนุ ายน
๒๔๘๒

ช่อื ประเทศไทย

คาว่า ไทย มคี วามหมายในภาษาไทยว่า อสิ ระ เสรีภาพ เดมิ ประเทศไทย
ใช้ช่ือ สยาม แตไ่ ด้เปลีย่ นมาเป็นชอ่ื ปัจจุบนั เมอ่ื ปี พ.ศ. 2482 ตามประกาศรัฐนยิ ม ฉบบั
ท่ี 1 ของรัฐบาลจอมพล ป. พบิ ูลสงคราม ให้ใช้ช่ือ ประเทศ ประชาชน และสญั ชาตวิ ่า


Click to View FlipBook Version