1
3 นางสาวจุฑารัตน์ จินตกานนท์ รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ ผู้บริหารกรมราชทัณฑ์ ประจ าปี งบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๖ นายชาญ วชิรเดช รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ นายสิทธิ สุธีวงศ์ รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ นายปราโมทย์ ทองศรี ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านทัณฑวิทยา นายณรงค์ จุ้ยเส่ย รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ นายอายุตม์ สินธพพันธุ์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ นายแพทย์สมภพ สังคุตแก้ว หัวหน้าผู้ตรวจราชการกรม
4 ผู้บริหารกองพัฒนาพฤตินิสัย ประจ าปี งบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๖ นายวิรุณ เจริญเกียรติวงศ์ ผู้อ านวยการกองพัฒนาพฤตินิสัย นางพรเอื้อง ตรีทอง นักทัณฑวิทยาเชี่ยวชาญ นายสิริชัย เมืองมูลชัย ผู้อ านวยการกลุ่มงานส่งเสริม ทักษะการท างาน นางสาวมาริสา วิริยะรัมภ์ นักวิชาการอบรมและฝึกวิชาชีพ ช านาญการพิเศษ นางอันธิกา อ่อนพร้อม ผู้อ านวยการกลุ่มงาน สวัสดิการและสงเคราะห์ผู้ต้องขัง นายพงศกร พงศ์รัตนพร ผู้อ านวยการกลุ่มงาน ส่งเสริมสมรรถภาพร่างกายและจิตใจ นางสาวอริศรา คงคะรัศมี ผู้อ านวยการกลุ่มงาน โครงการในพระด าริฯและ ส่งเสริมการเกษตร นางสาววัชรี กุลบูรณ์ ผู้อ านวยการกลุ่มงาน บริหารการเงิน นางสาวจันทร์ทิมา อุ่ยยะเสถียร ผู้อ านวยการกลุ่มงาน ส่งเสริมการศึกษา นางสาวนงนุช แก้วบริสุทธิ์ ผู้อ านวยการกลุ่มงานฝึกวิชาชีพ นางสาวนงนุช อินอ๊อด หัวหน้าฝ่ายบริหารทั่วไป นางสาววันทนา เนืองอนันต์ นักวิชาการอบรมและฝึกวิชาชีพ ช านาญการพิเศษ
5 รายงานผลการด าเนินงานของกองพัฒนาพฤตินิสัย กรมราชทัณฑ์ ประจ าปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 ฉบับนี้ จัดท าขึ้นเพื่อแสดงถึงผลส าเร็จของการปฏิบัติงานด้านการพัฒนาพฤตินิสัยผู้ต้องขังของกองพัฒนาพฤตินิสัย ตลอดจนเพื่อเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ผลการด าเนินงานตามภารกิจของกรมราชทัณฑ์ ให้สาธารณชนได้ทราบ อย่างเป็นรูปธรรม โดยรายงานผลการด าเนินงานตามนโยบาย แผนงาน และแนวทางที่จะน าไปสู่การแก้ไข ฟื้นฟู ปรับเปลี่ยนทัศนคติและพฤติกรรมของผู้ต้องขัง ให้มีความรู้ ทักษะ มีวิชาชีพติดตัว กลับตนเป็นพลเมือง ที่ดี มีคุณประโยชน์ต่อการพัฒนาประเทศเพื่อคืนคนดีสู่สังคม โดยมีกระบวนการพัฒนาจิตใจ ปรับทัศนคติ และฝึกทักษะอาชีพ รวมถึงการเตรียมความพร้อมก่อนปล่อย เพื่อให้ผู้ต้องขังสามารถใช้ชีวิตภายหลังพ้นโทษ ได้อย่างมีคุณภาพ กองพัฒนาพฤตินิสัย กรมราชทัณฑ์ หวังเป็นอย่างยิ่งว่า รายงานฉบับนี้จะมีส่วนช่วยอ านวยประโยชน์ ต่อหน่วยงาน องค์กรส่วนราชการ และผู้ที่สนใจทั่วไป ในการน าข้อมูลไปศึกษาและประยุกต์ใช้ ตลอดจนเพื่อ เสริมสร้างความเข้าใจอันดีของประชาชนและสังคมที่มีต่อกรมราชทัณฑ์และให้โอกาสแก่ผู้ต้องขัง ได้กลับตนเป็นคนดีและกลับไปใช้ชีวิตในสังคมได้โดยปกติ กองพัฒนาพฤตินิสัย กันยายน 2566
6
7
8 โครงการเตรียมความพร้อมก่อนปล่อยตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง (หลักสูตร 5 เดือน) โครงการเตรียมความพร้อมก่อนปล่อยตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง (หลักสูตร 5 เดือน) เป็นโครงการพักการลงโทษกรณีมีเหตุพิเศษ เป็นการน้อมน าหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง มาปรับใช้ ในการด าเนินชีวิตของผู้ต้องขัง ภายใต้โครงการก าลังใจในพระด าริพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา เพื่อให้ผู้ต้องขังสามารถน าแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียงไปปรับใช้ในการด าเนินชีวิตนอกเรือนจ าตามทางสายกลาง และไม่ประมาท โดยรู้จักพึ่งตนเอง มีความพอประมาณ พอมีพอกิน พอมีพอใช้ ความมีเหตุผล การสร้างภูมิคุ้มกันที่ดีในตัว ตลอดจนใช้ความรู้ความรอบคอบและคุณธรรมประกอบการวางแผนตัดสินใจกระท าในสิ่งที่ควรจะเป็น เพื่อให้สามารถด ารงชีวิตอย่างยั่งยืนภายใต้กระแสโลกาภิวัตน์และความเปลี่ยนแปลงต่างๆ ได้อย่างต่อเนื่องยั่งยืน ไม่หวนกลับไปกระท าผิดซ้ าอีก ปีงบประมาณ พ.ศ.2566 ได้ด าเนินการอบรมผู้ต้องขังโครงการดังกล่าว ในเรือนจ า/ทัณฑสถาน 11 แห่ง ตั้งแต่วันที่ 9 มกราคม 2566 ถึงวันที่ 8 มิถุนายน 2566 รวมระยะเวลา 5 เดือน มีผู้ต้องขังเข้าอบรม จ านวนทั้งสิ้น 1,169 คน ผ่านการอบรม จ านวนทั้งสิ้น 1,155 คน การด าเนินงานที่เกี่ยวข้องกับแนวทางในพระด าริ
9 ที่ เรือนจ า/ทัณฑสถาน จ านวน ผู้เข้าอบรม จ านวนผู้ผ่าน การอบรม 1 เรือนจ าชั่วคราวเขาระก า สังกัดเรือนจ าจังหวัดตราด 100 100 2 เรือนจ าชั่วคราวดอยฮาง สังกัดเรือนจ ากลางเชียงราย 100 99 3 เรือนจ าชั่วคราวแคน้อย สังกัดเรือนจ าจังหวัดเพชรบูรณ์ 161 157 4 เรือนจ าชั่วคราวเขาพลอง สังกัดเรือนจ าจังหวัดชัยนาท 100 96 5 เรือนจ าชั่วคราวโคกตาบัน สังกัดเรือนจ ากลางสุรินทร์ 100 98 6 เรือนจ าชั่วคราวเขากลิ้ง สังกัดเรือนจ ากลางเพชรบุรี 100 99 7 เรือนจ าชั่วคราวเขาหมาก สังกัดเรือนจ ากลางนครศรีธรรมราช 100 100 8 เรือนจ าชั่วคราวเหรียงห้อง สังกัดเรือนจ าจังหวัดตรัง 100 99 9 เรือนจ าชั่วคราวนาโสก สังกัดเรือนจ าจังหวัดมุกดาหาร 100 100 10 ทัณฑสถานเปิดทุ่งเบญจา จังหวัดจันทบุรี 100 100 11 ทัณฑสถานเกษตร อุตสาหกรรมเขาพริก จังหวัดนครราชสีมา 108 107 รวมทั้งสิ้น 1,169 1,155
10 โครงการประเมินศูนย์เรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียงเรือนจ า/ทัณฑสถาน โครงการประเมินศูนย์เรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียงเรือนจ า/ทัณฑสถาน มีวัตถุประสงค์เพื่อให้เรือนจ า/ทัณฑสถาน ภายใต้โครงการก าลังใจ ทั้ง 11 แห่ง ได้รับการพัฒนามีการบริหารจัดการพื้นที่และตอบสนองต่อเป้าหมาย ของก า รพัฒน าผู้ต้องขัง มีทักษะคว ามรู้คว ามช าน าญ และเพื่อให้ศูนย์เ รียน รู้เศรษฐกิจพอเพียง เกิดการพัฒนาเป็นมาตรฐานเดียวกัน จึงมีการประเมินศูนย์เรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียงขึ้นเพื่อให้มีการด าเนินงาน อย่างต่อเนื่องยั่งยืน มีประสิทธิภาพและเกิดประโยชน์สูงสุด ปีงบประมาณ พ.ศ.2566 ด าเนินการประเมินฯ โดยคณะกรรมการประเมินศูนย์เรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียงเรือนจ า/ทัณฑสถาน ซึ่งมีกลุ่มเป้าหมายเรือนจ า/ทัณฑสถาน จ านวน 11 แห่ง สรุปผลประเมินดังนี้ เรือนจ า/ทัณฑสถาน ผลการประเมิน เรือนจ าชั่วคราวเขาระก า สังกัดเรือนจ าจังหวัดตราด ผ่านมาตรฐาน เรือนจ าชั่วคราวดอยฮาง สังกัดเรือนจ ากลางเชียงราย ผ่านมาตรฐาน เรือนจ าชั่วคราวแคน้อย สังกัดเรือนจ าจังหวัดเพชรบูรณ์ ผ่านมาตรฐาน เรือนจ าชั่วคราวเขาพลอง สังกัดเรือนจ าจังหวัดชัยนาท ผ่านมาตรฐาน เรือนจ าชั่วคราวโคกตาบัน สังกัดเรือนจ ากลางสุรินทร์ ผ่านมาตรฐาน เรือนจ าชั่วคราวเขากลิ้ง สังกัดเรือนจ ากลางเพชรบุรี ผ่านมาตรฐาน เรือนจ าชั่วคราวเขาหมาก สังกัดเรือนจ ากลางนครศรีธรรมราช ผ่านมาตรฐาน เรือนจ าชั่วคราวเหรียงห้อง สังกัดเรือนจ าจังหวัดตรัง ผ่านมาตรฐาน เรือนจ าชั่วคราวนาโสก สังกัดเรือนจ าจังหวัดมุกดาหาร ผ่านมาตรฐาน ทัณฑสถานเปิดทุ่งเบญจา จังหวัดจันทบุรี ผ่านมาตรฐาน ทัณฑสถานเกษตรอุตสาหกรรมเขาพริก จังหวัดนครราชสีมา ผ่านมาตรฐาน
11 โครงการจัดท าหนังสือ “ก าลังใจคนพอเพียง” ประจ าปีงบประมาณ พ.ศ.2566 เรือนจ า/ทัณฑสถานศูนย์เรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียง ภายใต้โครงการก าลังใจในพระด าริพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรเรือนจ ากิติยาภา ได้น้อมน าแนวทางตาม “หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง” ในพระบาทสมเด็จ พระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร มาปรับใช้ในการด ารงชีวิตของผู้ต้องขัง ที่ใกล้พ้นโทษ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อดูแลให้ความช่วยเหลือให้ผู้ต้องขังที่ใกล้พ้นโทษ ได้มีโอกาสพัฒนา ความสามารถทางอาชีพด้านต่างๆ อาทิ ด้านเกษตรกรรม อาชีพอิสระ มีทัศนคติในเชิงบวก โดยเริ่มด าเนินการ อบรมผู้ต้องขังตั้งแต่ปีพ.ศ.2553 จนถึงปัจจุบัน นับเป็นระยะเวลาที่ยาวนาน มีการฝึกอบรมทั้งภาคทฤษฎี และภาคปฏิบัติอย่างต่อเนื่อง รวมระยะเวลาในการอบรมทั้งสิ้น 5 เดือน กรมราชทัณฑ์ ได้รวบรวมผลการด าเนินงานของศูนย์เรีนรู้เศรษฐกิจพอเพียง ภายใต้โครงการก าลังใจฯ 11 แห่ง เพื่อประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ผลการด าเนินงานของเรือนจ า/ทัณฑสถานศูนย์เรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียง ในการอบรมผู้ต้องขัง การพัฒนาศูนย์เรียนรู้เพื่อเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตร การน าความรู้ไปใช้จริง การแปรรูปผลผลิตแบบง่ายพึ่งตนเองได้ การส่งเสริมต่อยอดเป็นอาชีพ และน าไปใช้ในการเริ่มต้นชีวิตใหม่ เมื่อพ้นโทษออกไปภายนอก รวมทั้งการพัฒนาพื้นที่เพื่อเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรให้ประชาชนทั่วไป ได้เข้ามาศึกษาหาความรู้โดยด าเนินการจัดพิมพ์เป็นรูปเล่ม จ านวน 200 เล่ม จัดส่งให้เรือนจ า/ทัณฑสถาน ทั่วประเทศ และหน่วยงานอื่นๆ ทราบ
12 โครงการฝึกทักษะอาชีพการจัดสวนและตกแต่งบริเวณ ปัจจุบันการจัดสวนตกแต่งบริเวณมีความนิยมเป็นอย่างมาก สามารถตกแต่งบริเวณบ้าน หรืออาคารสถานที่ให้เกิดความสวยงามและความสดชื่นแก่เจ้าของสถานที่ ตลอดจนผู้ที่ได้พบเห็น กรมราชทัณฑ์ โดยกองพัฒนาพฤตินิสัย จึงได้ด าเนินการส่งเสริมให้เรือนจ าจังหวัดนนทบุรีฝึกทักษะอาชีพ การจัดสวนและตกแต่งบริเวณให้แก่ผู้ต้องขัง จ านวน 2 รุ่น รุ่นละ 10 คน รวมทั้งหมด 20 คน บริเวณพื้นที่ พิพิธภัณฑ์ราชทัณฑ์อาคาร 3 เนื่องจากมีพื้นที่ให้ผู้ต้องขังฝึกปฏิบัติและเรือนจ าจังหวัดนนทบุรีเป็นหน่วยงาน ที ่ตั้งอยู ่ใกล้กรมราชทัณฑ์ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ผู้ต้องขังได้รับความรู้ในการจัดสวนและตกแต่งบริเวณ อีกทั้ง ยังเป็นการสร้างโอกาสให้ผู้ต้องขังได้ฝึกปฏิบัติเกิดทักษะความช านาญ สามารถจัดสวนและตกแต่ง บริเวณในสถานที่จริง เป็นการสร้างงาน สร้างอาชีพ สร้างรายได้เลี้ยงตนเองและครอบครัวให้แก่ผู้ต้องขัง ภายหลังพ้นโทษ
13 โครงการการแก้ไข ฟื้นฟู พัฒนาพฤตินิสัยผู้ต้องขัง ประเภทเกษตรกรรม กองพัฒนาพฤตินิสัยได้จัดท าโครงการการแก้ไข ฟื้นฟู พัฒนาพฤตินิสัยผู้ต้องขัง ประเภทเกษตรกรรม โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ผู้ต้องขังได้รับความรู้ด้านเกษตรกรรม สามารถน าความรู้ไปประกอบอาชีพได้ภายหลังพ้นโทษ โดยได้คัดเลือกเรือนจ า/ทัณฑสถานเป้าหมายที่มีวิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีอยู่ในพื้นที่ จ านวน 3 แห่ง ได้แก่ ทัณฑสถานเกษตรอุตสาหกรรมเขาพริก ทัณฑสถานเปิดบ้านนาวงและทัณฑสถานเปิดหนองน้ าขุ่น ด าเนินการจัดการฝึกอบรมให้แก่ผู้ต้องขัง หลักสูตรระยะสั้น (30 ชั่วโมง) สาขาวิชาชีพเกษตรกรรม แห่งละ 3 รุ่น รุ่นละ 30 คน รวมทั้งสิ้น 270 คน
14 การจัดกิจกรรมเผยแพร่การด าเนินงานฝึกวิชาชีพให้กับผู้ต้องขังในเรือนจ าท่องเที่ยว กรมราชทัณฑ์ได้ด าเนินการพัฒนา ปรับภูมิทัศน์และจัดเตรียมความพร้อมสถานที่อาคารพิพิธภัณฑ์ราชทัณฑ์ ส าหรับการเปิดให้ประชาชนและผู้ที่สนใจประวัติศาสตร์ในเรื่องเกี่ยวกับความเป็นมาของการลงทัณฑ์และประวัติ ความเป็นมาของกรมราชทัณฑ์ในประเทศไทยได้เข้าชมศึกษาหาความรู้โดยกองพัฒนาพฤตินิสัยได้รับมอบหมาย ให้จัดกิจกรรมการด าเนินงานฝึกวิชาชีพในผู้ต้องขังเรือนจ าท่องเที่ยว ณ พิพิธภัณฑ์ราชทัณฑ์ อาคาร 3 เพื่อเผยแพร่ประชาสัมพันธ์การด าเนินงานดังกล่าวให้ประชาชนได้รับรู้ กองพัฒนาพฤตินิสัยจึงได้จัดกิจกรรมเผยแพร่การด าเนินงานฝึกวิชาชีพให้กับผู้ต้องขังในเรือนจ าท่องเที่ยว ณ พิพิธภัณฑ์ราชทัณฑ์ อาคาร 3 สับเปลี่ยนหมุนเวียนเรือนจ าท่องเที่ยว จ านวน 14 แห่ง แห่งละ 2 สัปดาห์ ระหว่างวันที่ 19 พฤษภาคม ถึง 30 พฤศจิกายน 2566 โดยก าหนดให้ผู้ต้องขังในเรือนจ าท่องเที่ยวที่ผ่านการฝึกทักษะ ความช านาญอาชีพการท าอาหาร เครื่องดื่มและงานบริการ ได้ปฏิบัติการท าอาหาร เครื่องดื่มและงานบริการในพื้นที่ พิพิธภัณฑ์ราชทัณฑ์ อาคาร 3 และจ าหน่ายอาหาร เครื่องดื่มให้บริการประชาชนที่เข้าเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์ราชทัณฑ์ ปัจจุบัน กรมราชทัณฑ์ได้น าชื่อ “หับเผย” มาใช้เป็นชื่อร้าน “หับเผยคาเฟ่” เปิดให้บริการทุกวัน ตั้งแต่ เวลา 8.30 – 16.30 น. หับเผย หมายถึง “หับเผย” ในอดีตถูกใช้เรียกการเปิด-ปิดประตู เรือนจ า โดยเวลาเปิดประตูในยามเช้าจะเรียกว่า “เผย” และเวลาปิดประตูในยามเย็นจะเรียกว่า “หับ” จึงถูกเรียกว่า “ประตูหับเผย”ต่อมาถูกเรียกสั้นๆว่า “หับเผย” นอกจากนี้ ค าว่า “หับเผย” ยังหมายถึงที่พักหน้าเรือนจ าของนักโทษ สถานเบา ส าหรับพบครอบครัวบ้างเป็นครั้งคราว เป็นสถานที่ จ าหน่ายผลิตภัณฑ์เพื่อหาเลี้ยงชีพของผู้ต้องขัง ซึ่งต่อมาได้ พัฒนากลายเป็นกองลหุโทษ ปัจจุบันสถานที่ดังกล่าว ได้ถูกรื้อถอน และค าว่า “หับเผย” ได้กลายมาเป็นชื่อถนนสายสั้นๆ อยู่ระหว่างศาลฎีกากับศาลหลักเมือง ในชื่อ “ถนนหน้าหับเผย”
15 การประเมินมาตรฐานคุณภาพเรือนจ าท่องเที่ยว เพื่อด าเนินการยกระดับมาตรฐานคุณภาพ เรือนจ าท่องเที่ยวเชิงเกษตรตามมาตรฐานกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ปีงบประมาณ พ.ศ.2565 กรมราชทัณฑ์ได้ด าเนินการโครงการสนับสนุนการพัฒนาพื้นที่เรือนจ าท่องเที่ยว ประจ าปี พ.ศ.2565เพื่ อส่งเสริมสนับสนุนและคัดเลื อกเ รื อนจ า/ทัณฑสถ าน ที่มีความโดดเด่น ด้านการท่องเที่ยว ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวประจ าเขต เขต 1 – 9 เขตละ 1 แห่ง (ยกเว้นเขต 10 เนื่องจาก เป็นเรือนจ า/ทัณฑสถานที่ควบคุมนักโทษที่มีก าหนดโทษสูง เน้นการควบคุมไม่เหมาะสมเป็นเรือนจ าท่องเที่ยว) เพื่อพัฒนาพื้นที่ให้มีความพร้อมเป็นแหล่งท่องเที่ยวและมีความเหมาะสมเป็นเรือนจ าท่องเที่ยวเชิงเกษตร ตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาได้ก าหนด จ านวน 9 แห่ง ดังนี้ เขต 1 เรือนจ าชั่วคราวเขาพลอง สังกัดเรือนจ าจังหวัดชัยนาท เขต 2 ทัณฑสถานเปิดทุ่งเบญจา จังหวัดจันทบุรี เขต 3 เรือนจ าชั่วคราวโคกตาบัน สังกัดเรือนจ ากลางสุรินทร์ เขต 4 เรือนจ ากลางนครพนม จังหวัดนครพนม เขต 5 เรือนจ าชั่วคราวหนองกระทิง สังกัดเรือนจ ากลางล าปาง เขต 6 เรือนจ าชั่วคราวคลองโพธิ์ สังกัดเรือนจ ากลางนครสวรรค์ เขต 7 เรือนจ าชั่วคราวเขากลิ้ง สังกัดเรือนจ ากลางเพชรบุรี เขต 8 เรือนจ าชั่วคราวเขาบางริ้น สังกัดเรือนจ าจังหวัดระนอง เขต 9 ทัณฑสถานบ าบัดพิเศษสงขลา จังหวัดสงขลา ปีงบประมาณ พ.ศ.2566 กองพัฒนาพฤตินิสัยจึงได้ก าหนดแผนการสร้างมาตรฐานคุณภาพ เรือนจ าท่องเที่ยวเชิงเกษตร ประจ าเขต 1 - 9 เพื่อยกระดับให้มีมาตรฐานคุณภาพแหล่งท่องเที่ยวตามหลักเกณฑ์ ที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาก าหนดรวมถึงสร้างความเชื่อมั่นและแรงจูงใจให้กับประชาชนให้เข้ามาศึกษา ดูงานและรับบริการงานฝึกวิชาชีพผู้ก้าวพลาดในพื้นที่เรือนจ าท่องเที่ยว โดยก าหนดให้กรมราชทัณฑ์เป็นผู้ด าเนิน การประเมินในเบื้องต้นและยื่นขอมาตรฐานคุณภาพต่อกรมการท่องเที่ยว กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ในล าดับถัดไป ซึ่งผลการตรวจประเมินมาตรฐานคุณภาพเรือนจ าท่องเที่ยวเชิงเกษตรของเรือนจ า/ทัณฑสถาน จ านวน 9 แห่ง มีผลคะแนนรวมคิดเป็นร้อยละ 81.5 – 98 ซึ่งอยู่ในระดับดีเยี่ยม ดังนั้น เพื่อให้การยกระดับ มาตรฐานคุณภาพเรือนจ าท่องเที่ยวเชิงเกษตรตามมาตรฐานคุณภาพแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรของกระทรวง การท่องเที่ยวและกีฬา กรมราชทัณฑ์จึงได้มีหนังสือถึงกรมการท่องเที่ยว เพื่อยื่นขอมาตรฐานคุณภาพ เรือนจ าท่องเที่ยวเชิงเกษตรจากกรมการท่องเที่ยว กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาให้แก่เรือนจ า/ทัณฑสถาน จ านวน 9 แห่ง เรียบร้อยแล้ว ปัจจุบันอยู่ระหว่างรอการตรวจสอบจากกรมการท่องเที่ยว
16 การจัดท าบันทึกข้อตกลงว่าด้วยความร่วมมือการส่งเสริมการสร้างงานสร้างอาชีพ ด้านการเกษตรแบบอินทรีย์ วิถีไทยระหว่างกรมราชทัณฑ์ กับ มูลนิธิ รักษ์ดิน รักษ์น้ า เมื ่อวันที ่ 8 มิถ ุน ายน 2566 กรมราชทัณฑ์ได้ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) การส ่งเสริมการสร้างงาน สร้างอาชีพ ด้านการเกษตรแบบอินทรีย์วิถีไทยระหว่าง ร่วมกับ มูลนิธิ รักษ์ดิน รักษ์น้ า ณ ทัณฑสถานเกษตรอุตสาหกรรมเขาพริก เพื่อร่วมมือกันส่งเสริมการด าเนินการฝึกวิชาชีพผู้ต้องขัง ด้านการเกษตรแบบอินทรีย์วิถีไทย (Earth Safe) โดยการให้ความรู้ผู้ต้องขัง ตั้งแต่การผลิต การแปรรูปผลิตภัณฑ์ การออกแบบผลิตภัณฑ์หีบห่อ ภายใต้แบรนด์ของกรมราชทัณฑ์ ด้านการตลาด และการจ าหน่ายผลิตภัณฑ์ ออกสู่ตลาดการค้า
17 เปิดเรือนจ าท่องเที่ยวเชิงเกษตรประจ าปีงบประมาณ พ.ศ.2566 กระทรวงยุติธรรม มีนโยบายในการพัฒนาพื้นที่เรือนจ า/ทัณฑสถานให้เป็นแหล่งท่องเที่ยว เพื่อส่งเสริม และให้โอกาสผู้ต้องขังได้ฝึกทักษะและสามารถต่อยอดเป็นอาชีพหลังพ้นโทษ ได้อย่างแท้จริงและยั่งยืน กรมราชทัณฑ์ โดยกองพัฒนาพฤตินิสัยได้ขับเคลื่อนนโยบายดังกล่าว โดยได้ด าเนินการส่งเสริมและสนับสนุน ให้เรือนจ า/ทัณฑสถาน ใช้พื้นที่เพื่อด าเนินการพัฒนาให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวและด าเนินการให้ความรู้และฝึก ทักษะความช านาญให้แก่ผู้ต้องขัง ในสาขาวิชาชีพที่เกี่ยวข้องกับการส่งเสริมการท่องเที่ยวและการเกษตร เพื่อสนับสนุนให้การด าเนินงานเรือนจ าท่องเที่ยวเป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้น รวมทั้งประชาสัมพันธ์ให้เกิด การท่องเที่ยวที่สนับสนุนการบริการสินค้าและผลิตภัณฑ์ต่างๆ ที่มาจากผลงานการฝึกวิชาชีพผู้ต้องขัง ปัจจุบันมีเรือนจ าท่องเที่ยว จ านวน 19 แห่งรายละเอียด ดังนี้ เรือนจ าท่องเที่ยว 5 แห่งแรก (ปี พ.ศ.2563- 2564) เรือนจ าท่องเที่ยวประจ าเขต 1 – 9 (ปี พ.ศ.2565) เรือนจ าท่องเที่ยว (ปี พ.ศ.2566) 1) เรือนจ าชั่วคราวเขาไม้แก้ว สังกัดเรือนจ ากลางระยอง 2) ทัณฑสถานเปิดห้วยโป่ง จังหวัดระยอง 3) เรือนจ าชั่วคราวเขาบิน สังกัดเรือนจ ากลางราชบุรี 4) ทัณฑสถานเกษตร อุตสาหกรรมเขาพริก จังหวัดนครราชสีมา 5) เรือนจ าชั่วคราวเขาระก า สังกัดเรือนจ าจังหวัดตราด เขต 1 เรือนจ าชั่วคราวเขาพลอง สังกัดเรือนจ าจังหวัดชัยนาท เขต 2 ทัณฑสถานเปิดทุ่งเบญจา จังหวัดจันทบุรี เขต 3 เรือนจ าชั่วคราวโคกตาบัน สังกัดเรือนจ ากลางสุรินทร์ เขต 4 เรือนจ ากลางนครพนม จังหวัดนครพนม เขต 5 เรือนจ าชั่วคราวหนองกระทิง สังกัดเรือนจ ากลางล าปาง เขต 6 เรือนจ าชั่วคราวคลองโพธิ์ สังกัดเรือนจ ากลางนครสวรรค์ เขต 7 เรือนจ าชั่วคราวเขากลิ้ง สังกัดเรือนจ ากลางเพชรบุรี เขต 8 เรือนจ าชั่วคราวเขาบางริ้น สังกัดเรือนจ าจังหวัดระนอง เขต 9 ทัณฑสถานบ าบัดพิเศษสงขลา จังหวัดสงขลา หมายเหตุยกเว้นเขต 10 เนื่องจากเป็น เรือนจ า/ทัณฑสถาน ที่ควบคุมนักโทษ ที่มีก าหนดโทษสูงเน้นก า รค วบคุม ไม่เหมาะสมเป็นเรือนจ าท่องเที่ยว 1) เรือนจ าชั่วคราวทุ่งพลงใต้ สังกัดเรือนจ าจังหวัดจันทบุรี 2) เรือนจ าชั่วคราวดอยฮาง สังกัดเรือนจ ากลางเชียงราย 3) เรือนจ าชั่วคราวหนองเรียง สังกัดเรือนจ าอ าเภอสวรรคโลก 4) เรือนจ าชั่วคราวเฟื่องฟ้า สังกัดทัณฑสถานหญิงพิษณุโลก 5) ทัณฑสถานเปิดบ้านนาวง จังหวัดพัทลุง
18 เรือนจ าชั่วคราวทุ่งพลงใต้ สังกัดเรือนจ าจังหวัดจันทบุรีเปิดวันที่ 14 มีนาคม 2566 เรือนจ าชั่วคราวดอยฮาง สังกัดเรือนจ ากลางเชียงราย เปิดวันที่ 28 เมษายน 2566 เรือนจ าชั่วคราวหนองเรียง สังกัดเรือนจ าอ าเภอสวรรคโลก เปิดวันที่ 19 กรกฎาคม 2566 ทัณฑสถานเปิดบ้านนาวง จังหวัดพัทลุง เปิดวันที่ 14 กันยายน 2566 เรือนจ าชั่วคราวเฟื่องฟ้า สังกัดทัณฑสถานหญิงพิษณุโลกเปิดวันที่ 20 สิงหาคม 2566
19 สื่อประชาสัมพันธ์ผลการด าเนินงานเรือนจ าท่องเที่ยว กระทรวงยุติธรรม มีนโยบายในการพัฒนาพื้นที่เรือนจ า/ทัณฑสถานให้เป็นแหล่งท่องเที่ยว เพื่อส่งเสริมและให้โอกาสผู้ต้องขังได้ฝึกทักษะและสามารถต่อยอดเป็นอาชีพหลังพ้นโทษ ได้อย่างแท้จริงและยั่งยืน ดังนั้ น เพื่ อให้ เ รื อ น จ า/ ทั ณฑ ส ถ า น มี แน ว ท างใน ก า ร พัฒ น า พื้น ที่ เป็ น แห ล่งท่ อง เ ที่ ย ว กองพัฒนาพฤตินิสัยได้จัดท าเป็นรูปเล่มผลการด าเนินงานเรือนจ าท่องเที่ยวเพื่อแจกจ่ายให้แก่เรือนจ า/ทัณฑสถาน ใช้เป็นแนวทางในการพัฒนาพื้นที่ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวให้มีมาตรฐานและเป็นที่สนใจของประชาชนต่อไป
20 การจัดนิทรรศการงาน “ตรานกยูงพระราชทาน สืบสานต านานไหมไทย” ครั้งที่ 18 ประจ าปี 2566 กรมราชทัณฑ์และกรมหม่อนไหม ได้จัดท าบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ เรื่อง การส่งเสริมการประกอบ อาชีพด้านหม่อนไหม วัตถุประสงค์เพื่อด าเนินการรวมกันในการส่งเสริมแนะน าการประกอบอาชีพด้านหม่อนไหม ในเรือนจ า/ทัณฑสถาน เพื่อพัฒนาให้ผู้ต้องขังมีความรู้ทักษะความช านาญ น าไปประกอบอาชีพเลี้ยงตนเอง และครอบครัว สามาถด ารงชีวิตอยู่ร่วมกับสังคมภายนอกได้อย่างปกติสุขภายหลังพ้นโทษ กรมหม่อนไหม มีก าหนดจัดงาน “ตรานกยูงพระราชทาน สืบสานต านานไหมไทย” เป็นประจ าทุกปี เพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติฯ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ที่ทรงสืบสาน และทรงให้ความส าคัญกับผ้าไหมไทย ซึ่งกรมราชทัณฑ์ได้รับเชิญเข้าร่วมจัดนิทรรศการทุกปี งาน “ตรานกยูงพระราชทาน สืบสานต านานไหมไทย” ครั้งที่ 18 ประจ าปี 2566 กรมราชทัณฑ์ ได้มอบหมายให้ ทัณฑสถานบ าบัดพิเศษล าปาง เรือนจ าจังหวัดล าพูน และทัณฑสถานหญิงเชียงใหม่ เข้าร่วมจัดนิทรรศการโครงการฝึกวิชาชีพหม่อนไหมในราชทัณฑ์ แบบครบวงจรในภาคเหนือ ทั้งนี้ ทัณฑสถาน หญิงเชียงใหม่ได้รับรางวัลชนะเลิศการประกวดผ้าไหมตรานกยูงพระราชทานสีน้ าเงิน ประเภท ผ้ายกไหม (ยกใหญ่ไม่มีสังเวียน)
21 กรมราชทัณฑ์ได้ก าหนดให้การจัดการศึกษาผู้ต้องขังให้เป็นนโยบายหนึ่งในการพัฒนา แก้ไข ปรับเปลี่ยน พฤตินิสัยของผู้ต้องขัง ให้มีความรู้ ทักษะ มีวิชาชีพติดตัว กลับตนเป็นพลเมืองที่ดีมีคุณประโยชน์ต่อการพัฒนา ประเทศ โดยมีกลุ่มงานส่งเสริมการศึกษา กองพัฒนาพฤตินิสัย เป็นหน่วยงานที่รับผิดชอบในการด าเนินงานจัดท า แผนงาน/โครงการ/กิจกรรม การจัดการศึกษาผู้ต้องขังในเรือนจ า/ทัณฑสถานทั่วประเทศ โดยจัดการศึกษา สายสามัญ สายอาชีพ ระดับอุดมศึกษา บาลีศึกษา กิจกรรมส่งเสริมการศึกษาตามอัธยาศัย และกิจกรรมส่งเสริม การเรียนรู้ที่หลากหลาย การจัดการศึกษาผู้ต้องขัง
22 หลักสูตร จ านวนผู้เรียน (คน) ชาย หญิง รวม การศึกษาสายสามัญ 29,485 7,630 37,115 ผู้ไม่รู้หนังสือ 3,241 968 4,209 ประถมศึกษา 6,529 2,362 8,891 มัธยมศึกษาตอนต้น 10,197 2,187 12,384 มัธยมศึกษาตอนปลาย 9,518 2,113 11,631 การศึกษาสายอาชีพ 6,790 1,200 7,990 ปวช. 5,212 864 6,076 ปวส. 1,578 336 1,914 อุดมศึกษา 2,543 324 2,867 ปริญญาตรี มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช 2,506 317 2,823 ปริญญาตรี มหาวิทยาลัยมหามกุฎราชวิทยาลัย 34 7 41 ปริญญาโท มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม 3 0 3 การศึกษาตามอัธยาศัย 13,548 3,490 17,038 การศึกษาวิชาชีพระยะสั้น 11,198 3,140 14,338 การฝึกอบรบรมลูกเสือวิสามัญ 2,350 350 2,700 รวมทุกหลักสูตร 52,366 12,644 65,010 สถิติการจัดการศึกษาให้แก่ผู้ต้องขัง ปีงบประมาณ พ.ศ. 2566
23 วันจันทร์ที่ ๒๗ มีนาคม ๒๕๖๖ เวลา ๑๒.๓๐ น. สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชด าเนินทรงเปิด "ห้องสมุดพร้อมปัญญา" เรือนจ ากลางชลบุรี ณ เรือนจ ากลางชลบุรี โดยภายในห้องสมุด มีการจัดมุมหนังสือและสื่อสารสนเทศเป็นสัดส่วน เพื่อให้ผู้ต้องขัง ได้เข้ามาใช้บริการและสืบค้นตามความสนใจ โดยน าระบบโปรแกรมห้องสมุดอัตโนมัติ มาจัดเก็บข้อมูลหนังสือ มีมุมที่น่าสนใจ อาทิ มุมส่งเสริมการอ่าน มุมเฉลิมพระเกียรติ "ร้อยดวงใจพระบรมราชจักรีวงศ์" มุมเศรษฐกิจพอเพียง ก้าวตามรอยพ่อ และมุมนวัตกรรมการให้บริการผ่านระบบเครือข่าย E-LIBRARY ที่เชื่อมโยงเครือข่ายห้องสมุดสาขา ทั้ง ๙ แดนในเรือนจ าฯ เพื่อความสะดวกในสืบค้นและการยืมหนังสือ โดย"ห้องสมุดพร้อมปัญญา" เรือนจ ากลางชลบุรี เป็น “ห้องสมุดพร้อมปัญญา” แห่งที่ ๒๙ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชด าเนินทรงเปิด “ห้องสมุดพร้อมปัญญา” จ านวน 3 แห่ง ณ เรือนจ าพิเศษพัทยา เรือนจ ากลางชลบุรี และเรือนจ ากลางก าแพงเพชร วันจันทร์ที่ ๒๗ มีนาคม ๒๕๖๖ เวลา ๐๙.๔๐ น. สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชด าเนินทรงเปิด "ห้ อง สมุดพ ร้ อมปัญญ า" เ รื อน จ าพิเศษพัท ย า เป็นห้องสมุดที่ให้บริการกลุ่มผู้ต้องขังตามหลักสากล ซึ่งภ า ยใน มีห นัง สื อท าง วิ ช า ก า ร แ ล ะห นัง สื อ ตามหมวดหมู่ต่างๆ ที่มีข้อมูลข่าวสารที่เป็นประโยชน์ มากกว่า ๑๐,๐๐๐ เรื่อง อีกทั้งยังมีนวนิยาย เรื่องสั้น และมุมหนังสือภาษาต่างประเทศ ส าหรับผู้ต้องขัง ชาวต่างชาติ โดยมีผู้ช่วยบรรณารักษ์ที่เป็นผู้ต้องขัง คอยให้บริการแก่ผู้ต้องขังที่เข้ามาใช้บริการห้องสมุด ทั้งนี้ ภายในห้องสมุดยังมี "ห้องสร้างแรงบันดาลใจ" เพื่อให้ผู้ต้องขัง มีการแลกเปลี่ยน เรียนรู้ สร้างพลังบวก และเห็นคุณค่าในตัวเอง โดย"ห้องสมุดพร้อมปัญญา" เรือนจ าพิเศษพัทยา เป็น “ห้องสมุดพร้อมปัญญา” แห่งที่ ๒๘
24 วันจันทร์ที่ ๓ เมษายน เวลา ๐๙.๕๐ น. สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชด าเนินทรงเปิด "ห้องสมุดพร้อมปัญญา" เรือนจ ากลางก าแพงเพชร ณ เรื อนจ ากลางก าแพงเพชร ภายในห้ องสมุ ด ประกอบไปด้วยมุมต่างๆ อาทิ มุมส่งเสริมการเรียนรู้ ตามหลักเศรษฐกิจพอเพียง มุมห้องเรียน DLTV การศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียม มุมหนังสือพระราชนิพนธ์ ห นั ง สื อ พ ร ะ ร า ช ท า น แ ล ะ ห นั ง สื อ ทั่ ว ไ ป จ านวนกว่า ๑๐,๑๖๐ เล่ม รวมถึงมุมซ่อมหนังสือด้วยกี่โบราณ ซึ่งสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้ากรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี มีพระราชด าริให้อนุรักษ์การซ่อม หนังสือด้วยการใช้กี่โบราณไว้ "ห้องสมุดพร้อมปัญญา" เรือนจ ากลางก าแพงเพชรเป็น “ห้องสมุดพร้อมปัญญา” แห่งที่ ๓๐ ห้องสมุดพร้อมปัญญา “เรือนจ าพิเศษพัทยา” ห้องสมุดพร้อมปัญญา “เรือนจ ากลางชลบุรี” ห้องสมุดพร้อมปัญญา “เรือนจ ากลางก าแพงเพชร”
25 การลงนามบันทึกความร่วมมือด้านการส่งเสริมการศึกษาแก่ผู้ต้องขัง “โครงการส่งเสริมด้านการศึกษาและพัฒนาศักยภาพการเรียนรู้แก่ผู้ต้องขังทั่วประเทศ” ระหว่าง กรมราชทัณฑ์ กับ บริษัท แฟลช เอ็กซ์เพรส จ ากัด การจัดพิธีลงนามบันทึกความร่วมมือด้านการ ส่งเสริมการศึกษาแก่ผู้ต้องขังในครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์ เพื่อส่งเสริมโอกาสทางการเรียนรู้พัฒนาศักยภาพ และพัฒนาพฤตินิสัยของผู้ต้องขังในด้านการศึกษา รวมถึงการพัฒนาทักษะในการประกอบอาชีพที่สอดคล้อง กับความต้องการของตลาดแรงงานเพื่อให้ผู้ต้องขัง มีโอกาสในการประกอบอาชีพที่สุจริตหลังพ้นโทษ และสนับสนุนคอมพิวเตอร์ วัสดุอุปกรณ์ เพื่อการศึกษา และการพัฒนาพฤตินิสัยผู้ต้องขัง โดยเริ่มน าร่องที่ ทัณฑสถานหญิงเชียงใหม่เป็นแห่งแรก และจะขยายผล ไปยังเรือนจ าภูมิภาคต่างๆ เพื่อส่งเสริมด้านการศึกษา และยกระดับการพัฒนาพฤตินิสัยผู้ต้องขังอันจะน าไปสู่การ สร้างการมีส่วนร่วมของหน่วยงาน และการสร้างการยอมรับ ผู้ต้องขังให้สามารถอยู่ร่วมกับสังคมได้อย่างยั่งยืน ต่อไป เมื่อวันที่ ๒๗ เมษายน ๒๕๖๖ เวลา ๑๐.๐๐ น. นายอายุตม์ สินธพพันธุ์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ และนางจรัสพักตร์ การปลื้มจิตต์ พาร์ทเนอร์กลุ่มธุรกิจแฟลช ผู้แทน นายคมสันต์ ลี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แฟลช เอ็กซ์เพรส จ ากัด ได้ลงนามบันทึกความร่วมมือด้านการส่งเสริมการศึกษา แก่ผู้ต้องขัง พร้อมด้วย นายชาญ วชิรเดช รองอธิบดี กรมราชทัณฑ์ ฝ่ายพัฒนา นางอาจารี ศรีสุนาครัวผู้อ านวยการ ทัณฑสถานหญิงเชียงใหม่ นายวิ รุณ เจริญเกียรติ วงศ์ ผู้อ านวยการกองพัฒนาพฤตินิสัย ผู้บัญชาการเรือนจ า ผู้อ านวยการทัณฑสถาน เขต ๕ และนายณัฐพล จั๋นตา ผู้ช่วยผู้อ านวยการแผนกวัฒนธรรมองค์กร บริษัท แฟลช เอ็กซ์เพรส จ ากัด เข้าร่วมพิธีลงนาม ณ เรือนจ าชั่วคราว กลางเวียง ทัณฑสถานหญิงเชียงใหม่
26 กรมราชทัณฑ์ ด าเนินความร่วมมือด้านการส่งเสริมการพัฒนาอาสาสมัครดิจิทัล ร่วมกับส านักงานคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และหน่วยงานภาคีเครือข่าย เมื่อวันที่ ๖ มิถุนายน ๒๕๖๖ เวลา ๑๐.๐๐ - ๑๒.๐๐ น. น ายอ ายุตม์ สิน ธพพัน ธุ์ อ ธิบดีก รม ร าชทัณฑ์ เข้ า ร่ วมพิ ธี ลงน า มในบั นทึ ก ข้ อ ต ก ลง ค ว า ม ร่ ว ม มื อ ด้ าน ก า ร ส่งเ ส ริม การพัฒนาอาสาสมัครดิจิทัล กับส านักงานคณะกรรมการดิจิทัล เพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และหน่วยงานภาคีเครือข่าย จ านวน ๑๐ หน่วยงาน พร้อมด้วยนายชาญ วชิรเดช รองอธิบดีกรม ราชทัณฑ์ ฝ่ายพัฒนา นายวิรุณ เจริญเกียรติวงศ์ ผู้อ านวยการกองพัฒนาพฤติ นิสัยเลขานุการกรม และผู้อ านวยการกลุ่มงานสังกัดกองพัฒนาพฤติ นิสัย เข้าร่วมเป็นเกียรติในพิธีลงนามในครั้งนี้ด้วย ก า รลงน ามในบันทึกข้อตกลงค ว าม ร่ วมมือด้ านก า รส่งเส ริมก า รพัฒน าอ าส าสมัค รดิจิทัล ด าเนินขึ้นเพื่อขับเคลื่อนภารกิจด้านเทคโนโลยีดิจิทัลในระดับพื้นที่ เชื่อมโยงไปยังผู้รับบริการอย่างทั่วถึง และเท่าเทียมกันในสภาพสังคมและเศรษฐกิจดิจิทัล โดยในการด าเนินความร่วมมือครั้งนี้ กรมราชทัณฑ์ได้สนับสนุน บุคลากร จ านวน ๑๕ ราย จาก เรือนจ า/ทัณฑสถาน จ านวน ๑๕ แห่ง เพื่อเป็นอาสาสมัครดิจิทัล และขยายผล ถ่ายทอดความรู้ไปยังผู้ต้องขัง ให้มีความรู้ ทักษะ และสามารถรับบริการดิจิทัล ตลอดจนต่อยอดสร้างอาชีพ ด้านเทคโนโลยีดิจิทัลภายหลังพ้นโทษได้
27 โครงการพัฒนาห้องสมุดเรือนจ าเพื่อส่งเสริมความรู้และทักษะการประกอบอาชีพผู้ต้องขัง กลุ่มงานส่งเสริมการศึกษา ได้จัดท าโครงการพัฒนาห้องสมุดเรือนจ าเพื่อส่งเสริมความรู้ และทักษะการประกอบอาชีพ ผู้ต้องขัง เพื่อให้เรือนจ า/ทัณฑสถาน ทั่วประเทศเพื่อพัฒนาการบริหารจัดการห้องสมุดให้มีมาตรฐาน มีความพร้อมในการให้บริการ ด้านทรัพยากรสื่อสารสนเทศทางวิชาการ ข้อมูล ข่าวสาร เป็นแหล่งบริการความรู้ด้านการประกอบอาชีพที่มีคุณภาพ ตลอดจน ส่งเสริมความรู้และทักษะด้านการประกอบอาชีพให้แก่ผู้ต้องขังผ่านกระบวนการ พัฒนามุมการเรียนรู้ด้านการส่งเสริมการประกอบ อาชีพ และพัฒนาสื่อเพื่อการพัฒนาอาชีพที่ยั่งยืนเพื่อให้ผู้ต้องขังได้รับการพัฒนา แก้ไข ปรับเปลี่ยนพฤตินิสัย โดยน าความรู้ที่ ได้รับ ไปใช้เป็นแนวทางในการพัฒนาทักษะสร้างโอกาสในการเข้าถึงอาชีพที่น่าสนใจ อาชีพที่เป็นที่ต้องการของตลาดแรงงาน หรือ พัฒนาสร้างอาชีพแปลกใหม่ ที่สร้างรายได้ให้แก่ตนเองและครอบครัว ให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ไม่หวนกลับไปกระท าความผิดซ้ าอีก เมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2566 เวลา 15.00 น. ผู้อ านวยการกองพัฒนาพฤตินิสัย ได้มอบหมายให้ผู้อ านวยการ กลุ่มงานส่งเสริมการศึกษาและเจ้าหน้าที่ ที่เกี่ยวข้อง เข้าประชุม ผ่านระบบออนไลน์ร่วมกับผู้ทรงคุณวุฒิทางด้านการบริหารจัดการ และการพัฒนาห้องสมุดจากหน่วยงานภาคีเครือข่าย ได้แก่ นางสาวสุจิตร สุวภาพ บรรณารักษ์เชี่ยวชาญ สมาคมห้องสมุด แห่งประเทศไทยฯ รศ.กฤติกาจิวาลักษณ์ ผู้อ านวยการส านักบรรณ สารสนเทศ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช และนายเหมรัศม์ วชิรหัตถพงศ์ ผู้อ านวยการส านักหอสมุด มหาวิทยาลัยบูรพา เพื่อรวบรวมข้อมูล ข้อคิดเห็น และข้อเสนอแนะในการก าหนดหลักเกณฑ์การคัดเลือก และตัดสินการประกวดห้องสมุดเรือนจ า ภายใต้โครงการพัฒนา ห้องสมุดเรือนจ าเพื่อส่งเสริมความรู้และทักษะการประกอบอาชีพผู้ต้องขัง ณ ห้องประชุมกองพัฒนาพฤตินิสัย ชั้น 5 เมื่อวันที่ ๑๒ มิถุนายน ๒๕๖๖ เวลา ๑๓.๓๐ น. อธิบดีกรมราชทัณฑ์ ได้มอบหมายให้ รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ ฝ่ายพัฒนา เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการคัดเลือก และตัดสินการประกวดห้องสมุดเรือนจ า เพื่อพิจารณา การก าหนด หลักเกณฑ์ วิธีการ ในการคัดเลือกและตัดสินการประกวด ห้องสมุดเรือนจ า ณ ห้องประชุมอธิบดีกรมราชทัณฑ์ ชั้น ๒ ทั้งนี้ มีเรือนจ า/ทัณฑสถาน ที่ได้รับการพิจารณาคัดเลือก เข้าสู่รอบตัดสินการประกวดห้องสมุดเรือนจ า จ านวน ๕๑ แห่ง แบ่งเป็นประเภทห้องสมุดเรือนจ าขนาดเล็ก ๘ แห่ง ประเภทห้องสมุดเรือนจ าขนาดกลาง ๓๓ แห่ง และประเภท ห้องสมุดขนาดใหญ่ ๑๐ แห่ง ซึ่งจะได้มีการจัดการประชุม คณะกรรมการคัดเลือกและตัดสินการประกวดห้องสมุดเรือนจ า เพื่อตัดสินการประกวด และจัดสรรเงินรางวัลให้แก่เรือนจ า/ ทัณฑสถาน ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๗ ต่อไป
28 โครงการจัดงานฉลองปริญญาผู้ต้องขังบัณฑิตมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช พ.ศ. ๒๕๖๖ กรมราชทัณฑ์และมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช เล็งเห็นว่า การศึกษาของผู้ต้องขังที่อยู่ภ ายใต้ ส ภ าพ แ ว ด ล้ อ ม แ ล ะ ส ภ าพ จิ ตใ จที่ไ ม่ ส มบู รณ์ เช่นเดียวกับบุคคลภายนอกนั้น ต้องอาศัยความตั้งใจ วิริยะ อุตสาหะ ก าลังใจ และแรงบันดาลใจ โดย การศึกษาเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาพฤตินิสัยให้กับ ผู้ต้องขังได้เกิดความภาคภูมิใจ และเห็นคุณค่าใน ตนเอง ตลอดจนน าความรู้ไปต่อยอดในการประกอบ อาชีพต่างๆ ภายหลังพ้นโทษ ซึ่งกรมราชทัณฑ์พร้อมที่ จะสนับสนุนและส่งเสริมให้การศึกษาแก่ผู้ต้องขัง ตั้งแต่ระดับผู้ไม่รู้หนังสือ จนถึงระดับอุดมศึกษา และในครั้งนี้ ได้รับการสนับสนุนจากมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช ในการจัดงานฉลองปริญญาผู้ต้องขังบัณฑิต พ.ศ. ๒๕๖๖ ซึ่งได้จัดการศึกษาในระดับอุดมศึกษาแก่ผู้ต้องขัง นับตั้งแต่ปี ๒๕๒๗ เป็นต้นมา ถือเป็นความร่วมมือในการส่งเสริม สนับสนุน เปิดโอกาสให้ผู้ต้องขังได้ศึกษาได้พัฒนาความรู้ความสามารถ ตามสติปัญญา และศักยภาพของตนเอง โดยปัจจุบันมีผู้ต้องขังส าเร็จการศึกษาสาขาวิชาต่างๆ ของมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราชแล้วกว่า ๒,๘๗๐ คน กรมราชทัณฑ์ ได้ก าหนดจัดงานฉลองปริญญา ผู้ต้องขังบัณฑิตมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช พ.ศ. ๒๕๖๖ ในวันที่ ๑๒ กันยายน ๒๕๖๖ เวลา ๐๙.๐๐ น. ณ ทัณฑสถาน วัยหนุ่มกลาง เพื่อเป็นขวัญและก าลังใจแก่ผู้ต้องขังบัณฑิต ที่มีความวิริยะ อุตสาหะ เล่าเรียนจนกระทั่งส าเร็จการศึกษา ในระดับอุดมศึกษา ในปี พ.ศ. ๒๕๖๖ มีผู้ต้องขังบัณฑิตเข้าร่วมงาน ทั้งหมด จ านวน ๓๓ คน แบ่งเป็นชาย จ านวน ๒๘ คน หญิง จ านวน ๕ คน จากเรือนจ า/ทัณฑสถานที่เข้าร่วม ๗ แห่ง ได้แก่ เรือนจ ากลางระยอง เรือนจ ากลางนครราชสีมา ทัณฑสถานหญิงนครราชสีมา เรือนจ ากลางเชียงใหม่ เรือนจ ากลางเขาบิน เรือนจ ากลางบางขวาง และเรือนจ าจังหวัด มหาสารคาม โดยภายในงานมีการมอบรางวัลให้แก่บัณฑิต ที่มีผลการเรียนดีเด่น และมอบของที่ระลึกให้กับผู้ต้องขังบัณฑิต นอกจากนี้ยังมีพิธีแสดงมุทิตาจิตแด่คณาจารย์ และผู้บริหาร เพื่อเป็นการแสดงความกตัญญูกตเวที พร้อมรับฟังการสร้าง แรงบันดาลใจในการด าเนินชีวิต จากตัวแทนบัณฑิต
29 เมื่อวันที่ ๖ - ๗ มิถุนายน ๒๕๖๖ กลุ่มงานส่งเสริมการศึกษา ได้ประชุมหารือแนวทางในการจัดการศึกษาวิชาชีพระยะสั้น หลักสูตรเทคโนโลยีดิจิทัล กับส านักงานคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ กองทุนพัฒนาสื่อ ปลอดภัยและสร้างสรรค์ และสถาบันเพื่อการยุติธรรมแห่งประเทศไทยเพื่อเป็นแนวทาง ในการจัดท าโครงการ การออกแบบวิธีการด าเนินโครงการ และการประเมินผลงานสื่อดิจิทัล โครงการจัดการศึกษาวิชาชีพระยะสั้น หลักสูตรเทคโนโลยีดิจิทัล ประจ าปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๖ กลุ่มงานส่งเสริมการศึกษา ได้จัดท าโครงการจัดการศึกษาวิชาชีพระยะสั้น หลักสูตรเทคโนโลยีดิจิทัล เพื่อจัดสรรงบประมาณในการจัดการศึกษาวิชาชีพระยะสั้น หลักสูตรเทคโนโลยีดิจิทัล ประจ าปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๖ และจัดประกวดสื่อดิจิทัล จากหลักสูตรเทคโนโลยีดิจิทัล ๔ หลักสูตร ได้แก่ ๑.หลักสูตรตัดต่อวิดีโอส าหรับผู้เริ่มต้น เพื่อก้าวสู่มืออาชีพ ๒.หลักสูตรการสร้างสื่อ Info graphic เพื่อการสื่อสารอย่างมืออาชีพ ๓.หลักสูตรนักวาดสติกเกอร์ส าหรับ แอปพลิเคชั่นการแชทพูดคุย และ ๔.หลักสูตรพื้นฐานการท า Podcast อย่างมืออาชีพ เพื่อให้ผู้ต้องขัง สร้างสรรค์ผลงาน จากการศึกษาวิชาชีพระยะสั้น หลักสูตรเทคโนโลยีดิจิทัล แล้วน าผลงานจากการประกวดสื่อดิจิทัลที่มีความโดดเด่น เผยแพร่ไปยังสื่อต่างๆ เพื่อส่งเสริมการจ้างงาน ตอบสนองตลาดแรงงานที่มีความต้องการแรงงานดิจิทัลอย่างมากในขณะนี้ เพื่อที่ผู้ต้องขังสามารถใช้ชีวิตอยู่ได้อย่างปกติสุข และไม่หวนกลับมากระท าผิดซ้ าภายหลังพ้นโทษ เมื่อวันที่ ๗ สิงหาคม ๒๕๖๖ กลุ่มงานส่งเสริมการศึกษา ได้จัดการประชุมคณะกรรมการพิจารณาคัดเลือกเรือนจ า/ทัณฑสถาน เพื่อรับการจัดสรรงบประมาณในการจัดการศึกษาวิชาชีพระยะสั้น หลักสูตรเทคโนโลยีดิจิทัล โดยมีเรือนจ า/ทัณฑสถานเข้ารับการพิจารณา คัดเลือก จ านวน ๔๘ แห่ง ผ่านการประชุมระบบออนไลน์ กรมราชทัณฑ์ ได้พิจารณาคัดเลือกเรือนจ า/ทัณฑสถาน รับการจัดสรรงบประมาณในการจัดการศึกษาวิชาชีพระยะสั้น หลักสูตรเทคโนโลยีดิจิทัล ประจ าปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๖ จ านวน ๒๔ แห่ง โดยแบ่งเป็น ๑. หลักสูตรตัดต่อวิดีโอส าหรับผู้เริ่มต้นเพื่อก้าวสู่มืออาชีพ จ านวน ๑๑ แห่ง ๒. หลักสูตรการสร้างสื่อ Info graphic เพื่อการสื่อสารอย่างมืออาชีพ จ านวน ๗ แห่ง ๓. หลักสูตรนักวาดสติกเกอร์ส าหรับแอปพลิเคชั่นการแชทพูดคุย จ านวน ๓ แห่ง ๔. หลักสูตรพื้นฐานการท า Podcast อย่างมืออาชีพจ านวน ๓ แห่ง ทั้งนี้ อยู่ระหว่างการด าเนินการจัดสรรงบประมาณ และจะด าเนินการจัดการประกวดฯ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๗ เมื่อวันที่ ๒๖ มิถุนายน ๒๕๖๖ รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ ฝ่ายพัฒนา และประธานกรรมการ มอบหมายให้ ผู้อ านวยการกองพัฒนาพฤตินิสัย และรองประธานกรรมการ เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการพิจารณา คัดเลือกเรือนจ า/ทัณฑสถาน เพื่อรับการจัดสรรงบประมาณ ในการจัดการศึกษาวิชาชีพ ระยะสั้น หลักสูตรเทคโนโลยีดิจิทัล ประจ าปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๖ เพื่อพิจารณา หลักเกณฑ์ วิธีการและรายละเอียดในการคัดเลือกเรือนจ า/ทัณฑสถาน เมื่อวันที่ ๔ สิงหาคม ๒๕๖๖ กลุ่มงานส่งเสริมการศึกษา ได้ประชุม ทางไกลร่วมกับคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิจากหน่วยงานภายนอก ๓ หน่วยงาน ได้แก่ สดช. กองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์และ ม.เทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี เพื่อหารือหลักเกณฑ์ และแนวทางการจัดการประกวดสื่อดิจิทัล
30 โครงการประกวดระเบียบแถวลูกเสือ ในรูปแบบการเดินสวนสนาม และกิจกรรมลูกเสือราชทัณฑ์อาสาพัฒนาสังคม ประจ าปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๖ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๖ กรมราชทัณฑ์ได้เห็นชอบให้เรือนจ า/ทัณฑสถาน จ านวน ๑๓๒ แห่ง ด าเนินการจัดโปรแกรมการแก้ไขผู้ค้ายาเสพติด ประจ าปีงบประมาณ พ.ศ.๒๕๖๖ ครั้งที่ ๑ (ไตรมาส ๑ – ๒) และด าเนินการ จัดฝึกอบรมลูกเสือราชทัณฑ์อาสาพัฒนาสังคมในเรือนจ า/ทัณฑสถาน ประจ าปีงบประมาณ พ.ศ.๒๕๖๖ ตลอดจน ให้เรือนจ า/ทัณฑสถาน คัดเลือกผู้ต้องขังที่ผ่านการอบรมดังกล่าวที่มีคุณสมบัติเป็นไปตามระเบียบกรมราชทัณฑ์ ว่าด้วยการคัดเลือกนักโทษเด็ดขาดจ่ายออกท างานนอกเรือนจ า ประเภทความสามารถหรือทักษะพิเศษ พ.ศ.๒๕๖๓ เพื่อด าเนินการฝึกซ้อมการเดินสวนสนามลูกเสือและรองรับการจัดประกวดสวนสนามลูกเสือ และกิจกรรมลูกเสือ ราชทัณฑ์อาสาพัฒนาสังคม ประจ าปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๖ กลุ่มงานส่งเสริมการศึกษา ได้จัดประชุมคณะกรรมการคัดเลือกเรือนจ า/ทัณฑสถาน เพื่อรับการจัดสรรงบประมาณ ในการประกวดระเบียบแถว สวนสนามลูกเสือ และกิจกรรมลูกเสือราชทัณฑ์อาสาพัฒนาสังคม ประจ าปีงบประมาณ พ.ศ.๒๕๖๖ เมื่อวันที่ ๘ พฤษภาคม ๒๕๖๖ ณ ห้องประชุมอธิบดีกรมราชทัณฑ์ ชั้น ๒ และการประชุมทางไกลผ่านระบบ Webex โดยให้ผู้บัญชาการเรือนจ า/ผู้อ านวยการทัณฑสถาน ที่เข้ารับการคัดเลือก จ านวน ๔๕ แห่ง ประเภทชาย จ านวน ๔๑ แห่ง และประเภทหญิง จ านวน ๖ แห่ง ผลการพิจารณาคณะกรรมการมีมติคัดเลือกเรือนจ า/ทัณฑสถานที่เข้าร่วมการประกวด ประเภทผู้ต้องขังชาย จ านวน ๑๐ แห่ง ให้ได้รับการจัดสรรงบประมาณ ส าหรับประเภทผู้ต้องขังหญิงที่ประชุม พิจารณาแล้วเห็นว่าเรือนจ า/ทัณฑสถาน ทั้ง ๖ แห่ง มีความพร้อมและศักยภาพในการเดินสวนสนามทุกแห่ง และเพื่อเป็นการเปิดโอกาสให้ผู้ต้องขังหญิงมีส่วนร่วมในการแสดงถึงการฝึกระเบียบการเดินสวนสนาม จึงมีมติ ให้เรือนจ า/ทัณฑสถาน ทั้ง ๖ แห่ง ได้รับการคัดเลือกเพื่อรับการจัดสรรงบประมาณ รวม ๑๕ แห่ง (๑๖ ทีม) โดยกรมราชทัณฑ์ ได้จัดสรรงบประมาณให้เรือนจ า/ทัณฑสถาน ที่ผ่านการคัดเลือก ทีมละ ๓๐,๐๐๐ บาท รวมทั้งสิ้น ๔๘๐,๐๐๐ บาท เพื่อให้เรือนจ า/ทัณฑสถาน เตรียมความพร้อมในการประกวดระเบียบแถวลูกเสือในรูปแบบการเดินสวนสนาม ฯ
31 กรมราชทัณฑ์ได้จัดประกวดระเบียบแถวลูกเสือ ในรูปแบบการเดินสวนสนามและกิจกรรมลูกเสือ ราชทัณฑ์อาสาพัฒนาสังคม ประจ าปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๖ ในวันที่ ๑๗ กรกฎาคม ๒๕๖๖ ณ ทัณฑสถานวัยหนุ่มกลาง อ าเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี โดยมี นายสหการณ์ เพ็ชรนรินทร์ รองปลัดกระทรวงยุติธรรม เป็นประธานการประกวด และมีนายอายุตม์ สินธพพันธุ์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ เป็นประธานคณะกรรมการตัดสิน ผลการประกวดฯ ปรากฏดังนี้ ประเภทผู้ต้องขังชาย ได้รับเงินรางวัล และถ้วยรางวัล - รางวัลชนะเลิศ ได้แก่ เรือนจ ากลางนครปฐม (๑๐๐,๐๐๐ บาท)*9+/ - รางวัลรองชนะเลิศ อันดับ ๑ ได้แก่ เรือนจ ากลางชลบุรี (๖๐,๐๐๐ บาท) - รางวัลรองชนะเลิศ อันดับ ๒ ได้แก่ เรือนจ ากลางระยอง (๕๐,๐๐๐ บาท) - รางวัลชมเชย ๑ ได้แก่ ทัณฑสถานบ าบัดพิเศษล าปาง (๒๐,๐๐๐ บาท) - รางวัลชมเชย ๒ ได้แก่ เรือนจ ากลางขอนแก่น (๒๐,๐๐๐ บาท) ประเภทผู้ต้องขังหญิง ได้รับเงินรางวัล และถ้วยรางวัล - รางวัลชนะเลิศ ได้แก่ ทัณฑสถานหญิงนครราชสีมา (๕๐,๐๐๐ บาท) - รางวัลรองชนะเลิศ ได้แก่ ทัณฑสถานหญิงพิษณุโลก (๓๐,๐๐๐ บาท)
32 กิจกรรมรับมอบหนังสือบ ารุงห้องสมุดเรือนจ า/ทัณฑสถาน เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม 2566 เวลา 10.00 น. นายชาญ วชิรเดช รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ ฝ่ายพัฒนา เป็นผู้แทนกรมราชทัณฑ์ พร้อมด้วยนายวิรุณ เจริญเกียรติวงศ์ ผู้อ านวยการกองพัฒนาพฤตินิสัย นางพรเอื้อง ตรีทอง นักทัณฑวิทยาเชี่ยวชาญ กองพัฒนาพฤตินิสัย และเจ้าหน้าที่กลุ่มงานส่งเสริมการศึกษา กองพัฒนาพฤตินิสัย รับมอบหนังสือบ ารุงห้องสมุดจากกระทรวงพาณิชย์ ตามกิจกรรม “พาณิชย์จิตอาสา สานฝัน ปันสุข” เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 28 กรกฎาคม 2566 โดยมี นางโสรดา เลิศอาภาจิตร์ รองปลัดกระทรวงพาณิชย์ เป็นผู้แทนกระทรวงพาณิชย์ มอบหนังสือให้กรมราชทัณฑ์ พร้อมด้วยผู้บริหาร เจ้าหน้าที่กระทรวงพาณิชย์ เพื่อส่งต่อให้กับผู้ต้องขังได้ศึกษา เพิ่มพูนความรู้ ตลอดจน เป็นการพัฒนาความคิดและจิตใจให้กับผู้ต้องขัง ณ ห้องกิติยากรวรลักษณ์ ชั้น 4 ส านักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์ วันที่ ๒๓ สิงหาคม ๒๕๖๖ นายชาญ วชิรเดช รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ ฝ่ายพัฒนา เป็นผู้แทนกรมราชทัณฑ์ พร้อมด้วยนายวิรุณ เจริญเกียรติวงศ์ผู้อ านวยการ กองพั ฒนาพฤติ นิ สั ย นางพรเอื้ อง ตรี ทอง นั กทั ณฑวิ ทยาเชี่ ยวชาญ กองพัฒนาพฤตินิสัย และเจ้าหน้าที่กลุ่มงานส่งเสริมการศึกษา รับมอบหนังสือ ภาษาต่างประเทศบ ารุงห้องสมุดเรือนจ า จากกองการต่างประเทศส านักงาน ปลัดกระทรวงยุติธรรม โดยมี พ.ต.ท.ประวุธ วงศ์สีนิล รองปลัดกระทรวงยุติธรรม เป็นป ร ะ ธ าน รับมอบหนังสือ ในก า รนี้น างอ รัญญ า ทองน้ าตะโก รองปลัดกระทรวงยุติธรรม ให้เกียรติเข้าร่วมเป็นสักขีพยานด้วย เมื่อวันที่ ๒๐ กันยายน ๒๕๖๖ เวลา ๑๔.๐๐ น. นายชาญ วชิรเดช รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ ฝ่ายพัฒนา พร้อมด้วย นายวิรุณ เจริญเกียรติวงศ์ ผู้อ านวยการกองพัฒนาพฤตินิสัย นางพรเอื้อง ตรีทอง นักทัณฑวิทยาเชี่ยวชาญ กองพัฒนาพฤตินิสัย พร้อมด้วยผู้อ านวยการกลุ่มงาน สังกัดกองพัฒนาพฤตินิสัย ได้รับมอบหนังสือบริจาคจากคุณศจิกา เจนคิด ผู้อ านวยการ สื่อสารองค์กรและกิจกรรมเพื่อสังคม บริษัท แอลเอช ไฟแนนซ์เซียล กรุ๊ป จ ากัด (มหาชน) โดยได้จัดท าโครงการ “ส่งหนังสือ สื่อความรู้ สู่กรมราชทัณฑ์” เพื่อส่งต่อหนังสือประเภทฝึกทักษะความรู้วิชาชีพ หนังสือสร้างเสริมประสบการณ์ หนังสือธรรมะ และหนังสือทั่วไป ซึ่งได้ด าเนินโครงการมาอย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ ๑๒ โดยมีความ ประสงค์เพื่อให้ผู้ต้องขังใช้หนังสือเป็นสื่อในการเรียนรู้และ พัฒนาตนเอง สามารถกลับตนเป็นคนดีมีคุณค่าในสังคมเมื่อพ้น โทษต่อไป ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕66 มีผู้บริจาค มอบหนังสือให้กรมราชทัณฑ์ จากหน่วยงาน ภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชนทั่วไป จ านวน 28 ราย รวมจ านวนหนังสือทั้งสิ้น กว่า 60,85๐ เล่ม ทั้งนี้มีเรือนจ า/ทัณฑสถาน ที่ได้รับการจัดสรรหนังสือบ ารุงห้องสมุด เรือนจ า/ทัณฑสถาน จ านวน 64 แห่ง
33 การส่งเสริมสมรรถภาพร่างกายและจิตใจผู้ต้องขัง โครงการอบรมและบรรยายธรรม โดยผู้น าศาสนาพุทธ คริสต์ อิสลาม และศาสนาอื่นๆ กรมราชทัณฑ์ ได้ก าหนดนโยบายให้เรือนจ า/ทัณฑสถานด าเนินการจัดท าโครงการอบรม และบรรยายธรรมโดยผู้น าศาสนาพุทธ คริสต์ อิสลาม และศาสนาอื่น ๆ ให้แก่ผู้ต้องขังในเรือนจ า/ทัณฑสถาน ทั่วประเทศ โดยจัดหาภิกษุ นักบวช ผู้ปฏิบัติหน้าที่อนุศาสนาจารย์หรือผู้น าศาสนาที่ผู้ต้องขังนับถือ เข้ามามีส่วนร่วมในการแก้ไขพัฒนาพฤตินิสัยผู้ต้องขังอย่างต่อเนื่อง ด้วยการสอนธรรมะ ให้ค าแนะน าทางจิตใจ หรือประกอบศาสนกิจในเรือนจ าแก่ผู้ต้องขัง ส่งผลดีต่อจิตใจ และการควบคุมผู้ต้องขังเป็นอย่างดียิ่ง เช่น ศาสนาพุทธ ได้นิมนต์พระสงฆ์เข้ามาอบรมบรรยายธรรม ส าหรับศาสนาคริสต์ อิสลาม และศาสนาอื่นๆ ได้รับความร่วมมือ จากผู้น าศาสนาในท้องถิ่นแต่ละจังหวัดเข้ามาให้การสนับสนุนการปฏิบัติการอบรมแก่ผู้ต้องขังตามค าสอน ของแต่ละศาสนานั้น ๆ ผลการด าเนินงาน ปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 มีเรือนจ า/ทัณฑสถาน ด าเนินการจัดโครงการอบรมและบรรยายธรรมฯ จ านวน 142 แห่ง มีผู้ต้องขังผ่านการอบรม รวมทั้งสิ้น 330,495 คน แบ่งเป็นผู้ต้องขังชาย จ านวน 273,658 คน และผู้ต้องขังหญิง จ านวน 56,837 คน เฉลี่ยเดือนละ 27,541 คน 0 50,000 100,000 150,000 200,000 250,000 พุทธ คริสต์ อิสลาม ศาสนาอื่นๆ 236,408 46,246 20,786 16,368 96 7,461 3,105 25 ชาย หญิง
34 โครงการพัฒนาจิตใจผู้ต้องขัง หลักสูตรสัคคสาสมาธิ ตามแนวทางของสมเด็จพระญาณวชิโรดม (หลวงพ่อวิริยังค์ สิรินโธ) กรมราชทัณฑ์ ร่วมกับสถาบันพลังจิตตานุภาพจัดท าโครงการพัฒนาจิตใจผู้ต้องขังตามแนวทาง ของสมเด็จพระญาณวชิโรดม (หลวงพ่อวิริยังค์ สิรินฺธโร) ซึ่งให้ความเมตตาก าหนดหลักสูตรเป็นการเฉพาะ ส าหรับผู้ต้องขังในเรือนจ า/ทัณฑสถาน โดยใช้ชื่อว่า "หลักสูตรสัคคสาสมาธิ" (สมาธิเพื่อยกใจสู่สวรรค์) เพื่อให้ผู้ต้องขังได้รับการพัฒนาจิตใจและปรับเปลี่ยนทัศนคติไปในทิศทางที่ดีขึ้น มีความคิดเชิงบวก และมีสติยั้งคิดในการกระท าของตนเอง ซึ่งจะส่งผลให้สามารถกลับไปใช้ชีวิตอยู่ในสังคมได้อย่างเป็นปกติ ไม่หวนกลับมากระท าผิดซ้ า โดยเริ่มด าเนินการมาตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ.2558 เป็นต้นมาอย่างต่อเนื่อง ต่อมา ปีงบประมาณ พ.ศ.2560 กระทรวงยุติธรรม ได้จัดท าบันทึกข้อตกลงความร่วมมือระหว่าง กระทรวงยุติธรรมกับมูลนิธิสถาบันพลังจิตตานุภาพ เมื่อวันที่ 6 กันยายน 2560 และกรมราชทัณฑ์ ได้น าหลักสูตรสัคคสาสมาธิบรรจุอยู่ในหลักสูตรภาคบังคับทั่วไปในคู่มือหลักสูตรการพัฒนาพฤตินิสัย ผลการด าเนินงาน ปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 มีเรือนจ า/ทัณฑสถาน ด าเนินการจัดโครงการพัฒนาจิตใจผู้ต้องขัง ตามแนวทางของสมเด็จพระญาณวชิโรดม (หลวงพ่อวิริยังค์ สิรินฺธโร) จ านวน 110 แห่ง มีผู้ต้องขังผ่านการอบรม รวมทั้งสิ้น 20,083 คน แบ่งเป็นผู้ต้องขังชาย จ านวน 17,995 คน และผู้ต้องขังหญิง จ านวน 2,088 คน
35 โครงการจัดกิจกรรมและนิทรรศการเนื่องในวันส าคัญของชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ กรมราชทัณฑ์ มีนโยบายให้เรือนจ าและทัณฑสถานทั่วประเทศ จัดกิจกรรมและนิทรรศการ เนื่องในวันส าคัญของชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์จ านวน 16 ครั้ง อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ผู้ต้องขัง ได้เห็นถึงคุณค่าและความส าคัญของวัฒนธรรมขนบธรรมเนียม จารีตประเพณีไทย ประวัติศาสตร์ชาติไทย รู้ถึงความเป็นมาและความส าคัญของวันชาติ ศาสนาและพระมหากษัตริย์ เพื่อเป็นการเสริมสร้างคุณธรรม จริยธรรมให้กับผู้ต้องขัง เพื่อให้กลับตัวเป็นพลเมืองดี กลับเข้าสู่สังคมได้อย่างปกติสุขภายหลังพ้นโทษ วันส าคัญของชาติ ได้แก่ วันขึ้นปีใหม่ วันสงกรานต์ วันพืชมงคล วันรัฐธรรมนูญ วันส าคัญทางศาสนา ได้แก่ วันมาฆบูชา วันวิสาขบูชา วันอาสาฬหบูชา วันเข้าพรรษา วันออกพรรษา วันส าคัญของสถาบันพระมหากษัตริย์ ได้แก่ วันจักรี วันฉัตรมงคล วันเฉลิมพระชนมพรรษา (พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว) วันเฉลิมพระชนมพรรษา (พระราชินี) วันแม่แห่งชาติวันคล้ายวันสวรรคต (รัชกาลที่ 9) วันพ่อแห่งชาติ ผลการด าเนินงาน ปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 มีเรือนจ า/ทัณฑสถาน ด าเนินการจัดโครงการจัดกิจกรรมและนิทรรศการ เนื่องในวันส าคัญของชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ จ านวน 142 แห่ง มีผู้ต้องขังเข้าร่วมกิจกรรมฯ ในวันส าคัญของชาติ จ านวน 146,137 คน วันส าคัญทางศาสนา จ านวน 158,915 คน และวันส าคัญ ของสถาบันพระมหากษัตริย์ จ านวน 374,085 คน 0 50,000 100,000 150,000 200,000 250,000 300,000 ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ 104,087 127,554 292,873 42,0… 31,361 81,212 ชาย หญิง
36 การจัดการเรียนการสอนธรรมศึกษาชั้นตรี ชั้นโท ชั้นเอก ตามหลักสูตรคณะสงฆ์ กรมราชทัณฑ์ มีนโยบายให้เรือนจ าและทัณฑสถาน ด าเนินการจัดการเรียนการสอนธรรมศึกษา ชั้นตรี ชั้นโท ชั้นเอก ตามหลักสูตรของคณะสงฆ์ เพื่อมุ่งส่งเสริมบทบาทของสถาบันศาสนาและสถาบันทางสังคม รวมถึงปลูกฝังค่านิยม จิตส านึกที่ดีแก่ผู้ต้องขังให้ความเข้าใจอันดีและสร้างสมานฉันท์ระหว่างศาสนิกชน ของทุกศาสนา โดยน าหลักธรรมทางพุทธศาสนามาใช้ส่งเสริมคุณธรรมจริยธรรม สร้างแรงจูงใจในการด ารงชีวิต อันจะน าไปสู่การเรียนรู้และพัฒนาตนเองให้ประสบความส าเร็จ ผลการด าเนินงาน ปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 มีเรือนจ า/ทัณฑสถาน ด าเนินการจัดการเรียนการสอนธรรมศึกษาชั้นตรี ชั้น โท ชั้นเอก ตามหลักสูตรคณะสงฆ์จ านวน 137 แห่ง มีผู้ต้องขังเข้าเรียน จ านวนทั้งสิ้น 33,494 คน แบ่งเป็น ชั้นตรี จ านวน 21,831 คน ชั้นโท จ านวน 9,284 คน ชั้นเอก จ านวน 2,379 คน 0 2,000 4,000 6,000 8,000 10,000 12,000 14,000 16,000 18,000 ชั้นตรี ชั้นโท ชั้นเอก 17,035 6,402 1,808 4,796 2,882 571 ชาย หญิง
37 โครงการอบรมศาสนพิธีกร (มัคนายก) ศาสนาทุกศาสนา จ าเป็นต้องมีพิธีกรรมทางศาสนา ซึ่งเป็นเครื่องมือส าหรับเป็นแนวทางในการปฏิบัติ กิจกรรมทางศาสนาที่มีลักษณะเป็นรูปธรรมร่วมกัน การประกอบศาสนพิธีทางพระพุทธศาสนาจะมีผู้ที่ท าหน้าที่ เป็น“ศาสนพิธีกร” หรือเรียกอีกอย่างว่า “มัคนายก” ซึ่งเป็นผู้ที่มีความรู้ ความสามารถ และมีความเชี่ยวชาญ ทางศาสนพิธี ล าดับขั้นตอนการด าเนินพิธีการต่างๆ ปัจจุบันมีผู้ที่ท าหน้าที่ประกอบศาสนพิธีทางพระพุทธศาสนา ตามระเบียบแบบแผน ขั้นตอนต่างๆ ได้อย่างถูกต้องมีจ านวนน้อยลง อีกทั้งกิจกรรมทางศาสนายังอยู่คู่กับสังคมไทยยาวนาน จึงได้เห็นโอกาส ในการส่งเสริมให้ผู้ต้องขังได้มีอาชีพ มีงานท า ภายหลังพ้นโทษ และเป็นทางเลือกหนึ่งให้กับผู้ต้องขังได้มีวิชาชีพติดตัว ด้ วยการเสริมทักษะอาชีพ “มัคน า ย ก” ก รม ร า ชทัณฑ์ จึงได้มีนโ ยบ า ยให้เ รื อน จ า/ทัณฑสถ าน จัดโครงการอบรมศาสนพิธีกร (มัคนายก) ขึ้น เพื่อให้ผู้ต้องขังได้มีความรู้ ความเข้าใจ ระเบียบแบบแผน ในการปฏิบัติงานศาสนพิธีและสามารถปฏิบัติหน้าที่เป็นศาสนพิธีกรในกิจกรรมทางศาสนาให้กับชุมชนและสังคม ได้ภายหลังพ้นโทษ โดยใช้เนื้อหาจากหนังสือศาสนพิธีและมารยาทไทย ของกรมการศาสนา กระทรวงวัฒนธรรม มาเป็นแนวทางในการจัดอบรม ซึ่งมีเนื้อหาครอบคลุมเกี่ยวกับแนวทางปฏิบัติงาน ในฐานะศาสนพิธีกร เพื่อด าเนินงานเกี่ยวกับพระราชพิธี รัฐพิธี ศาสนพิธี งานกุศลพิธีและงานอื่นๆ ผลการด าเนินงาน ปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 มีเรือนจ า/ทัณฑสถาน ด าเนินการจัดโครงการอบรมศาสนพิธีกร (มัคนายก) จ านวน 125 แห่ง มีผู้ต้องขังผ่านการอบรม จ านวน 11,719 คน แบ่งเป็น ผู้ต้องขังชาย จ านวน 10,079 คน และผู้ต้องขังหญิง จ านวน 11,719 คน
38 โครงการพัชรธรรม กรมราชทัณฑ์ ได้รับพระกรุณาจากสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา มีพระด าริต้องการช่วยเหลือกลุ่มผู้ต้องขังให้ได้รับการพัฒนาชีวิต ให้มีศักยภาพพร้อมที่จะเผชิญกับปัญหา และสามารถอดทนต่อทุกสภาพแวดล้อมที่ต้องเผชิญทั้งภายในเรือนจ า และสังคมภายนอกได้ดี เพื่อให้ชีวิตก้าวผ่านปัญหาไปอย่างมีความหวังและมีก าลังใจที่จะน าชีวิตก้าวเดินต่อไป เสมือนกับบุคคลที่มีความพร้อมทั่วไปในสังคม จึงมีด าริให้กองพัฒนานวัตกรรมการยุติธรรม และหลวงพ่อ พระอาจารย์อารยวังโส (พระครูภาวนาวิริยวัฒน์) เจ้าอาวาสวัดป่าพุทธพจน์หริภุญไชย (ธ) ในพระราชูปถัมภ์ จังหวัดล าพูน จัดท าโครงการพัชรธรรมในเรือนจ า และสนับสนุนการเรียนรู้เพื่อปรับเปลี่ยนพฤติกรรมและพัฒนา จิตวิญญาณ บ าบัดสุขภาพจิตเป็นพิเศษในกลุ่มผู้ต้องขัง โดยใช้หลักการปฏิบัติตามหลักธรรมทางพระพุทธศาสนา ที่เป็นสากลมาใช้ในการพัฒนาชีวิตของผู้ต้องขังทุกกลุ่มชน ไม่ว่าจะเป็นเชื้อชาติ ศาสนา ภาษา วัย หรือเพศใด ด าเนินกิจกรรมในช่วงเวลา 16.00 – 18.00 น. เป็นเวลา 2 ชั่วโมง (วันจันทร์ - วันศุกร์) ซึ่งเป็นเวลาหลังจาก เสร็จภารกิจประจ าวันของทางเรือนจ า โดยสมาชิกพัชรธรรมที่เข้าร่วมโครงการจะต้องมีความสมัครใจและจะต้อง ด าเนินกิจกรรมแบบพึ่งตน - พึ่งธรรม ได้แก่ สวดมนต์ ท าวัตรเย็น เดินจงกรม - นั่งสมาธิ มีเจ้าหน้าที่เรือนจ า/ทัณฑสถาน ให้การอ านวยความสะดวก ก ากับดูแล รวมทั้งต้องจัด ให้มีการสนทนาธรรม ฟังธรรม ปฏิบัติธรรม โดยพระวิทยากร ในโครงการ ๑ - ๒ เดือนต่อครั้ง ซึ่งมีระยะเวลาการอบรม 6 เดือน และได้ด าเนินการตั้งแต่ปี พ.ศ.2561 เป็นต้นมาอย่างต่อเนื่อง ผลการด าเนินงาน ปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 มีผู้ต้องขังผ่านอบรมโครงการพัชรธรรม จ านวน 4,394 คน แบ่งเป็นผู้ต้องขังชาย จ านวน 3,211 คน และผู้ต้องขังหญิง จ านวน 1,183 คน
39 โครงการประกวดสวดมนต์หมู่สรรเสริญพระรัตนตรัยท านองสรภัญญะ ชิงถ้วยพระราชทาน สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ประจ าปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 กรมราชทัณฑ์ ได้ด าเนินจัดโครงการประกวดสวดมนต์หมู่สรรเสริญพระรัตนตรัยท านองสรภัญญะ ชิงถ้วยพระราชทานสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ประจ าปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2566 ณ วัดเสมียนนารี พระอารามหลวง เขตจตุจักร แขวงลาดยาว กรุงเทพมหานคร โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสนับสนุนให้เรือนจ า/ ทัณฑสถาน จัดกิจกรรมส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรม ปลูกฝังแนวคิด ทัศนคติที่ถูกต้องดีงามให้แก่ผู้ต้องขัง โดยใช้หลักศาสนาในการช่วยขัดเกลาจิตใจ รวมถึงเป็นการส่งเสริมให้ผู้ต้องขังมีความรักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และเห็นความส าคัญของการสวดมนต์สรรเสริญพระรัตนตรัย อันเป็นการเสริมสร้างให้ผู้ต้องขังมีสมาธิ มีความอดทน ได้รับความเบิกบานใจ สงบและเป็นสุข อีกทั้งเป็นการส่งเสริมให้ผู้ต้องขังได้ศึกษา ค้นคว้าหลักธรรม ค าสอนทางพระพุทธศาสนา ไปประยุกต์ใช้ในการด าเนินชีวิต สามารถน าไปประพฤติปฏิบัติในชีวิตประจ าวัน ได้อย่างเหมาะสม เพื่อกลับเข้าสู่สังคมภายหลังพ้นโทษได้อย่างปกติสุข เป็นแบบอย่างที่ดีให้กับผู้อื่นในสังคมและ ไม่หวนกลับมากระท าผิดซ้ า ทั้งนี้ ในงานประกวดฯ ดังกล่าว ได้รับเกียรติจากนายชาญ วชิรเดช รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ ฝ่ายพัฒนา เป็นประธานฝ่ายฆราวาส และพระเทพวรสิทธาจารย์ เจ้าอาวาสวัดเสมียนนารี พระอารามหลวง เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ โดยมีผู้เข้าร่วมโครงการฯ ประกอบด้วย ผู้บริหารกรมราชทัณฑ์ ผู้บริหารเรือนจ า/ทัณฑสถาน เจ้าหน้าที่ส่วนกลาง กรมราชทัณฑ์ เจ้าหน้าที่เรือนจ า/ทัณฑสถาน และแขกผู้มีเกียรติ ได้แก่ นายกพุทธสมาคมแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ส านักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติผู้อ านวยการโรงเรียนวัดเสมียนนารี และกรมการศาสนา รวมจ านวน 200 คน ประเภทรางวัล ประเภททีมหมู่ผู้ต้องขังชาย ประเภททีมหมู่ผู้ต้องขังหญิง รางวัลชนะเลิศ เรือนจ ากลางชลบุรี ทัณฑสถานหญิงกลาง รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 เรือนจ ากลางเขาบิน เรือนจ ากลางนครปฐม รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 เรือนจ ากลางตาก เรือนจ าอ าเภอกันทรลักษ์ รางวัลชมเชย เรือนจ ากลางขอนแก่น ทัณฑสถานหญิงสงขลา
40 โครงการประกวดสวดมนต์หมู่สรรเสริญพระรัตนตรัยท านองสรภัญญะ ชิงถ้วยพระราชทานสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ประจ าปีงบประมาณ พ.ศ. 2566
41 โปรแกรมปฐมนิเทศผู้ต้องขังเข้าใหม่ การปฐมนิเทศผู้ต้องขัง เป็นกระบวนการส าคัญส าหรับเริ่มต้นชีวิตของผู้ต้องขังเข้าใหม่ เมื่อก้าวเข้าสู่ เรือนจ า/ทัณฑสถาน เนื่องจากสภาพแวดล้อมในเรือนจ าที่แตกต่างจากสังคมภายนอก ความวิตกกังวล และความเครียดที่เกิดขึ้นในระยะแรกเมื่อถูกส่งเข้ามาในเรือนจ า อาจส่งผลให้เกิดปัญหาต่อตัวผู้ต้องขัง เข้าใหม่และการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่เรือนจ า จึงจ าเป็นต้องให้ความรู้ การท าความเข้าใจ การแนะน า วิธีการปฏิบัติตนตามกฎระเบียบของทางเรือนจ า หรือการใช้ชีวิตร่วมกับเพื่อนผู้ต้องขัง กรมราชทัณฑ์จึงมีนโยบาย ให้เรือนจ า/ทัณฑสถาน ด าเนินการจัดโปรแกรมปฐมนิเทศผู้ต้องขังเข้าใหม่ โดยผู้ต้องขังเข้าใหม่ทุกรายต้องได้รับ การปฐมนิเทศ เพื่อส่งเสริมให้ผู้ต้องขังที่ผ่านกระบวนการแรกรับปฐมนิเทศ ได้เตรียมความพร้อมก่อนเข้าสู่ กระบวนการแก้ไขพัฒนาพฤตินิสัย ตามแผนการบริหารโทษ (Sentence Plan) รายบุคคล เพื่อปรับมุมมอง วิธีคิดใหม่ๆ ที่น าไปปรับใช้กับตนเองหรือส่งต่อเรื่องราวดีๆ ให้คนรอบข้าง เพื่อให้เตรียมพร้อมและปรับตัว กับการใช้ชีวิตในสังคมเรือนจ าอย่างมีความสุขมากขึ้น ผลการด าเนินงาน ปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 มีเรือนจ า/ทัณฑสถาน ด าเนินการจัดโปรแกรมปฐมนิเทศผู้ต้องขังเข้าใหม่ จ านวน 137 แห่ง มีผู้ต้องขังผ่านการอบรม จ านวนทั้งสิ้น 44,248 คน
42 โปรแกรมการแก้ไขฟื้นฟูผู้ต้องขังตามลักษณะแห่งคดีและพฤติการณ์การการกระท าผิด กรมราชทัณฑ์ โดยกองพัฒนาพฤตินิสัย จัดอบรมให้ความรู้และปรับเปลี่ยนทัศนคติ พฤติกรรม ของผู้ต้องขัง แต่ละโปรแกรมมีความหลากหลาย ซึ่งการจัดหลักสูตรขึ้นอยู่กับการวิเคราะห์สาเหตุและจัดประเภท ผู้กระท าผิด โดยแยกดังนี้ - โปรแกรมการแก้ไขผู้ค้ายาเสพติด - โปรแกรมเฉพาะส าหรบผู้ต้องขังทั่วไปที่มีโทษระยะสั้น - โปรแกรมการแก้ไขผู้กระท าผิดซ้ า - โปรแกรมการแก้ไขผู้กระท าผิดเกี่ยวกับทรัพย์ - โปรแกรมการแก้ไขฟื้นฟูผู้กระท าผิด - โปรแกรมการแก้ไขผู้กระท าผิดซ้ า ผลการด าเนินการ โดยมีสถิติผู้ต้องขังที่ผ่านการอบรมโปรแกรมการแก้ไขฟื้นฟูผู้ต้องขังตามลักษณะแห่งคดีและพฤติการณ์ การกระท าผิดประจ าปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 แบ่งเป็นรายโปรแกรม ดังนี้ 1. โปรแกรมการแก้ไขฟื้นฟูผู้กระท าผิดทางเพศ ผ่านการอบรมจ านวน 586 คน 2. โปรแกรมการปรับพฤติกรรมผู้กระท าผิดที่ใช้ความรุนแรง ผ่านการอบรมจ านวน 563 คน 3. โปรแกรมการแก้ไขฟื้นฟูผู้กระท าผิดเกี่ยวกับชีวิตและร่างกาย ผ่านการอบรมจ านวน 1,477 คน 4. โปรแกรมการแก้ไขฟื้นฟูผู้กระท าผิดเกี่ยวกับทรัพย์ ผ่านการอบรมจ านวน 3,937 คน 5. โปรแกรมการแก้ไขผู้กระท าผิดซ้ า ผ่านการอบรมจ านวน 1,257 คน 6. โปรแกรมเฉพาะส าหรับผู้ต้องขังทั่วไปที่มีโทษระยะสั้น ผ่านการอบรมจ านวน 426 คน 7. โปรแกรมการแก้ไขผู้ค้ายาเสพติด ผ่านการอบรม ครั้งที่ 1 จ านวน 13,268 คน และ ครั้งที่ 2 จ านวน 12,733 คน 586 563 1,477 3,937 1,257 426 26,001 0 5,000 10,000 15,000 20,000 25,000 30,000 โปรแกรมการแก้ไขฟื้นฟูผู้กระท าผิดทางเพศ โปรแกรมการปรับพฤติกรรมผู้กระท าผิดที่ใช้ความรุนแรง โปรแกรมการแก้ไขฟื้นฟูผู้กระท าผิดเกี่ยวกับชีวิตและร่างกาย โปรแกรมการแก้ไขฟื้นฟูผู้กระท าผิดเกี่ยวกับทรัพย์ โปรแกรมการแก้ไขผู้กระท าผิดซ้ า โปรแกรมเฉพาะส าหรับผู้ต้องขังทั่วไปที่มีโทษระยะสั้น โปรแกรมการแก้ไขผู้ค้ายาเสพติด จ านวน (คน)
43 โปรแกรมการแก้ไขฟื้นฟูพฤตินิสัยผู้ต้องขัง ที่ต้องเฝ้าระวังการก่ออาชญากรรมสะเทือนขวัญหรือเป็นภัยต่อสังคม (Watch List) ด้วยเหตุการณ์คดีฆาตกรต่อเนื่อง หรือคดีข่มขืนที่มีพฤติการณ์ท าร้ายเหยื่อจนถึงแก่ความตาย หรือได้รับบาดเจ็บสาหัส ซึ่งกรณีดังกล่าวเป็นคดีอุกฉกรรจ์สะเทือนขวัญ ที่เป็นภัยต่อสังคม และได้รับความสนใจ จากประชาชนเป็นวงกว้าง ดังนั้น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม (นายสมศักดิ์ เทพสุทิน) จึงได้มีนโยบาย แต่งตั้งคณะอนุกรรมการเพื่อพิจารณาวินิจฉัยนักโทษเด็ดขาดที่ต้องเฝ้าระวังการก่ออาชญากรรมสะเทือนขวัญ หรือเป็นภัยต่อสังคม (watch List) (ระดับกระทรวง) และคณะท างานเพื่อพิจารณากลั่นกรองนักโทษเด็ดขาด ที่ต้องเฝ้าระวังการก่ออาชญากรรมสะเทือนขวัญหรือเป็นภัยต่อสังคม (Watch List) (ระดับกรม) โดยมีหน้าที่ และอ านาจในการพิจารณากลั่นกรองและวินิจฉัยนักโทษเด็ดขาดดังกล่าว เป็นกลุ่มที่ต้องรับการปฏิบัติอย่างเข้มงวด เหมาะสมตามมาตรการปฏิบัติด้านการควบคุมและด้านการพัฒนาพฤตินิสัยก่อนได้รับการปล่อยตัว ในปีพ.ศ. 2563 คณะอนุกรรมก ารเพื่อพิจา รณ าวินิจฉัยนักโทษเด็ดขาดที่ต้องเฝ้า ร ะวัง การก่ออาชญากรรมสะเทือนขวัญหรือเป็นภัยต่อสังคม (watch List) (ระดับกระทรวง) ได้มีการจัดประชุม ณ กรมราชทัณฑ์ให้ปรับเปลี่ยนหลักเกณฑ์พิจารณาผู้ต้องขังที่ต้องเฝ้าระวังการก่ออาชญากรรมสะเทือนขวัญหรือ เป็นภัยต่อสังคม(Watch List) ที่อยู่ในภารกิจของกรมราชทัณฑ์ 8 กลุ่ม เพื่อให้เกิดความชัดเจน ครอบคลุมและใช้ เป็นแนวทางให้เรือนจ า/ทัณฑสถาน พิจารณากลั่นกรองและการพิจารณาวินิจฉัยนักโทษเด็ดขาดที่ต้องเฝ้าระวังฯ (Watch List) ในปี พ.ศ. 2564 โดยมีรายละเอียดดังนี้ 1. ฆ่าเด็กหรือข่มขืนเด็ก 2. ฆ่าข่มขืนหรือข่มขืนลักษณะทารุณโหดร้าย/ซ้ าซาก 3. ฆาตกรต่อเนื่อง 4. ฆาตกรโดยสันดาน/กระท าผิดซ้ าซาก/รุนแรงโหดร้ายทารุณ/ชิงทรัพย์ ปล้นทรัพย์โดยการฆ่า หรือท าร้ายเจ้าทรัพย์ 5. ฆาตกรโรคจิต 6. สังหารหมู่ 7. ผู้ค้ายาเสพติดรายใหญ่ที่ส าคัญ ซึ่งมีก าหนดโทษ 30 ปีขึ้นไปจนถึงประหารชีวิต 8. ลักษณะตามความผิดอื่นๆ ตามที่คณะอนุกรรมการฯ เห็นสมควร ผลการด าเนินงาน โปรแกรมการแก้ไขฟื้นฟูพฤตินิสัยผู้ต้องขังที่ต้องเฝ้าระวังการก่ออาชญากรรมสะเทือนขวัญ หรือเป็นภัยต่อสังคม (Watch List) มีระยะเวลาการอบรม 2 ปี 4 เดือน ซึ่งได้ด าเนินการน าร่องในเรือนจ ากลางบางขวาง โดยมีผู้ต้องขังเข้าร่วมโปรแกรมฯ จ านวน 25 คน ขณะนี้อยู่ในระหว่างการด าเนินการ
44 หลักสูตรการป้องกันการกระท าผิดซ้ าในความผิดเกี่ยวกับเพศหรือที่ใช้ความรุนแรง (JSOC) เนื่องจากผู้กระท าความผิดอาญาบางประเภทที่เกี่ยวข้องกับเพศหรือที่ใช้ความรุนแรง เช่น การข่มขืน กระท าช าเรา การกระท าความผิดทางเพศกับเด็ก การฆาตกรรม การท าร้ายจนเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย การท าร้ายร่างกายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้รับอันตรายสาหัส รวมทั้งการน าตัวบุคคลไปเรียกค่าไถ่ ถึงแม้ผู้กระท าผิด จะถูกปล่อยตัวพ้นโทษแล้ว แต่ผู้กระท าผิดกลุ่มดังกล่าวยังมีการติดตามเฝ้าระวังจากเจ้าพนักงานฝ่ายปกครอง หรือต ารวจบ้าง ซึ่งการติดตามผู้กระท าผิดภายหลังปล่อยตัวพ้นโทษนั้นเป็นไปในทางปฏิบัติ แต่ยังไม่มีสภาพบังคับ ใช้เป็นกฎหมายและไม่มีประสิทธิผลในการป้องกันการกระท าความผิดซ้ า ผู้กระท าความผิดเหล่านี้ส่วนหนึ่งยังมี แนวโน้มที่จะกระท าความผิดในรูปแบบเดียวกันหรือรูปแบบใกล้เคียงกันซ้ าอีก ซึ่งกระทรวงยุติธรรมพิจารณา ให้ตราออกเป็นกฎหมายเฉพาะที่ก าหนดมาตรการป้องกันการกระท าความผิดซ้ าในความผิดดังกล่าว โดยก าหนด ให้มีมาตรการแก้ไขฟื้นฟูผู้กระท าความผิด มาตรการเฝ้าระวังภายหลังพ้นโทษ และมาตรการคุมขังภายหลังพ้นโทษ เพื่อป้องกันสังคมและผู้เสียหายจากการกระท าความผิดที่อาจเกิดขึ้นอีก และเพื่อส่งเสริมการแก้ไขฟื้นฟู ผู้กระท าความผิดโดยค านึงถึงสิทธิและเสรีภาพของผู้ต้องค าสั่งดังกล่าวอย่างเหมาะสม จึงมีการประกาศ ใช้พระราชบัญญัติมาตรการป้องกันการกระท าผิดซ้ าในความผิดเกี่ยวกับเพศหรือที่ใช้ความรุนแรง พ.ศ.2565 ขึ้น ผลการด าเนินงาน ปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 กรมราชทัณฑ์ได้ด าเนินการจัดท ามาตรการแก้ไขฟื้นฟูผู้กระท าผิด ตามมาตรา 19 (2) มาตรการอื่นใดตามที่รัฐมนตรีก าหนดในกฎกระทรวงโดยข้อเสนอแนะของคณะกรรมการ โดยได้ปรับปรุงหลักสูตรตามลักษณะคดีให้มีความเข้มข้นมากขึ้น โดยจัดท าเป็น (ร่าง) หลักสูตรการป้องกันการ กระท าผิดซ้ าในความผิดเกี่ยวกับเพศหรือที่ใช้ความรุนแร ง (JSOC) ซึ่งใช้หลักสูตร 3 หลักสูตร ผสมผสานส าหรับด าเนินการกับกลุ่มผู้ต้องขังเป้าหมาย ประกอบด้วย ๑. หลักสูตรการแก้ไขผู้กระท าผิดทางเพศ 2. หลักสูตรการแก้ไขผู้กระท าผิดเกี่ยวกับชีวิตและร่างกาย ๓. หลักสูตรการป้องกันการกระท าผิดซ้ าของผู้ต้องขังมิให้ก่ออาชญากรรมรุนแรง ปัจจุบันอยู่ระหว่างการจัดท า (ร่าง) หลักสูตรการป้องกันการกระท าผิดซ้ าในความผิดเกี่ยวกับเพศ หรือที่ใช้ความรุนแรง ซึ่งกรมราชทัณฑ์จะแก้ไขฟื้นฟูสมรรถภาพกลุ่มเป้าหมายให้เป็นไปตามเจตนารมณ์กฎหมาย ดังกล่าวต่อไป
45 การส่งเสริมด้านกีฬาและนันทนาการ กรมราชทัณฑ์ มีนโยบายมุ่งเน้นการพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้ตองขัง โดยส่งเสริมสนับสนุน ให้ผู้ต้องขังเล่นกีฬา นันทนาการ และออกก าลังกายภายในแดนหรือในพื้นที่เฉพาะกลุ่ม ตามความถนัดและ ความสมัครใจ ท าให้ผู้ต้องขังรู้จักใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ มีสุขภาพร่างกายแข็งแรง สุขภาพจิตแจ่มใส ลดความเครียดทางจิตใจและอารมณ์สร้างภูมิคุ้มกันที่ดี เกิดการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม และเสริมสร้างทัศนคติที่ดี ต่อตนเองและสังคม ผลการด าเนินงาน ปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 ได้จัดสรรเงินงบประมาณให้เรือนจ า/ทัณฑสถาน จ านวน 137 แห่ง เพื่อสนับสนุนวัสดุอุปกรณ์กีฬาส าหรับผู้ต้องขังในเรือนจ า/ทัณฑสถาน ในโครงการส่งเสริมกีฬาและนันทนาการ ในเรือนจ า โดยมีผู้ต้องขังได้เข้าร่วมเล่นกีฬา นันทนาการ และออกก าลังกาย จ านวนทั้งสิ้น 263,853 คน
46 เรือนจ าเฉพาะทาง ประเภทเรือนจ ากีฬา กรมราชทัณฑ์ก าหนดนโยบายให้มีเรือนจ าเฉพาะทาง ประเภทเรือนจ ากีฬา ประจ า ภูมิภาค เพื่อให้ผู้ต้องขังได้ออกก าลังกายโดยใช้กีฬาเป็นสื่อ มีทักษะทางด้านกีฬา สามารถน าไปประกอบอาชีพหาเลี้ยง ตนเองได้ภายหลังพ้นโทษ เนื่องจากเป็นอาชีพที่มีต้นทุนทางเศรษฐกิจที่ต่ าแต่มีรายได้ที่สูง ท าให้ผู้ต้องขังรู้แพ้ รู้ชนะ รู้อภัย และห่างไกลยาเสพติดและเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการควบคุมดูแล และพัฒนาพฤตินิสัยผู้ตองขัง โดยปีงบประมาณ พ.ศ.2566 กรมราชทัณฑ์ได้จัดสรรให้ทัณฑสถานวัยหนุ่ม และทัณฑสถาน บ าบัดพิเศษสงขลา ด าเนินการตามนโยบายเรือนจ าเฉพาะทางประเภทกีฬาดังนี้ การด าเนินงานโครงการฝึกทักษะกีฬา ของทัณฑสถานวัยหนุ่มกลาง - กีฬาวอลเลย์บอล ผู้เข้าร่วมโครงการ จ านวน 30 คน - กีฬาตะกร้อ ผู้เข้าร่วมโครงการ จ านวน 30 คน - กีฬามวยไทย ผู้เข้าร่วมโครงการ จ านวน 30 คน - กีฬามวยสากลสมัครเล่น ผู้เข้าร่วมโครงการ จ านวน 30 คน - กีฬาปิงปอง ผู้เข้าร่วมโครงการ จ านวน 30 คน - กีฬาฟุตซอล ผู้เข้าร่วมโครงการ จ านวน 30 คน การด าเนินงานโครงการฝึกทักษะกีฬาของและทัณฑสถานบ าบัดพิเศษสงขลา - ปันจักสีลัต
47 เรือนจ าเฉพาะทาง ประเภทเรือนจ าส่งเสริมผู้ต้องขังที่มีความสามารถพิเศษ กรมราชทัณฑ์ก าหนดนโยบายให้มีเรือนจ าเฉพาะทางส าหรับเรือนจ าส่งเสริมผู้ต้องขังที่มีความสามารถ พิเศษประจ าภูมิภาค ส าหรับส่งเสริมสนับสนุนให้ผู้ต้องขังที่มีความโดดเด่นเป็นเลิศด้านศิลปะ การแสดง ดนตรีสากล การขับร้องดนตรีไทย และนาฏศิลป์ไทย โดยมุ่งเน้นการเผยแพร่ความสามารถผู้ต้องขังสู่สังคมภายนอก อันเป็นการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์พันธกิจของกรมราชทัณฑ์ด้านการบ าบัดฟื้นฟู และแก้ไขพัฒนา พฤตินิสัยผู้ต้องขังเป็นการเสริมสร้างความรู้ ทักษะ ประสบการณ์สร้างอาชีพ และรายได้ให้กับผู้ต้องขังให้ได้รับ ประโยชน์สูงสุดภายหลังพ้นโทษ รวมทั้งเพื่อเปิดโอกาสให้หน่วยงานภายนอก เข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนา พฤตินิสัยผู้ต้องขังอย่างเป็นรูปธรรมและต่อเนื่อง ผลการด าเนินงาน ปี พ.ศ.2566 จัดสรรให้เรือนจ า/ทัณฑสถานด าเนินการโครงการเรือนจ าเฉพาะทาง ประเภทเรือนจ า ส่งเสริมผู้ต้องขังที่มีความสามารถพิเศษ จ านวน 18 แห่ง ได้แก่ 1. เรือนจ าอ าเภอเบตง 2. เรือนจ าอ าเภอแม่สะเรียง 3. เรือนจ ากลางอุดรธานี 4. ทัณฑสถานหญิงกลาง 5. เรือนจ าจังหวัดอุตรดิตถ์ 6. เรือนจ ากลางนครปฐม 7. เรือนจ ากลางนครศรีธรรมราช 8. ทัณฑสถานหญิงนครราชสีมา 9. เรือนจ ากลางคลองเปรม 10. ทัณฑสถานเกษตรอุตสาหกรรมเขาพริก 11. เรือนจ ากลางคลองไผ่ 12. เรือนจ ากลางนครราชสีมา 13. ทัณฑสถานเปิดบ้านนาวง 14. ทัณฑสถานหญิงพิษณุโลก 15. เรือนจ าอ าเภอกบินทร์บุรี 16. เรือนจ ากลางระยอง 17. ทัณฑสถานวัยหนุ่มกลาง 18. เรือนจ าจังหวัดประจวบคีรีขันธ์
48 โครงการประกวดความสามารถพิเศษ เพื่อเสริมสร้างสมรรถภาพทางร่างกาย ประจ าปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 กรมราชทัณฑ์ ได้จัดโครงการประกวดความสามารถพิเศษ เพื่อเสริมสร้างสมรรถภาพทางร่างกาย ประจ าปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสนับสนุนให้เรือนจ า/ทัณฑสถาน จัดกิจกรรมนันทนาการ ต่างๆ ซึ่งเป็นกระบวนกา รหนึ่งที่จะสามา รถช่วยพัฒน าพฤตินิสัยผู้ต้องขังได้อย่างมีประสิทธิภ าพ ทั้งทางร่างกายและจิตใจ เป็นการส่งเสริมให้ผู้ต้องขังใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ ผ่อนคลายความเครียด ทางอารมณ์ สะสมประสบการณ์ทางด้านทักษะความสามารถพิเศษต่างๆ สามารถยึดเป็นอาชีพได้ในอนาคต สามารถกลับเข้ าสู่สังคมภายหลังพ้นโทษได้อย่ างป กติสุ ข เป็นแบบอย่ างที่ดีให้ กับ ผู้ อื่นใน สัง คม และไม่หวนกลับมากระท าผิดซ้ า โดยมีคณะกรรมการผู้มีความเชี่ยวชาญในทักษะทางด้านการร้องเพลง การเต้น และวงดนตรีสากล ดังนี้ คุณพิณพนัช รุ่งเรือง ผู้เชี่ยวชาญด้านการร้องเพลงและดนตรีสากล คุณพิพิธพล พุกกะณะสุต ผู้เชี่ยวชาญด้านการร้องเพลงและดนตรีสากล คุณวรยศ บุญทองนุ่ม ผู้เชี่ยวชาญด้านการร้องเพลงและดนตรีสากล คุณเกศริน เอกธวัช ผู้เชี่ยวชาญด้านการเต้น คุณสหพร ยี่ตันสี ผู้เชี่ยวชาญด้านการเต้น ผลการประกวดเรือนจ า/ทัณฑสถาน รอบชิงชนะเลิศ ดังนี้ การประกวดร้องเพลง รางวัลชนะเลิศ ได้แก่ ทัณฑสถานบ าบัดพิเศษหญิง รางวัลรองชนะเลิศ อันดับ 1 ได้แก่ เรือนจ าจังหวัดอ่างทอง รางวัลรองชนะเลิศ อันดับ 2 ได้แก่ เรือนจ าจังหวัดระนอง การประกวดเต้นประกอบเพลง รางวัลชนะเลิศ ได้แก่ ทัณฑสถานบ าบัดพิเศษกลาง รางวัลรองชนะเลิศ อันดับ 1 ได้แก่ เรือนจ าจังหวัดพังงา รางวัลรองชนะเลิศ อันดับ 2 ได้แก่ เรือนจ ากลางขอนแก่น การประกวดวงดนตรีสากล รางวัลชนะเลิศ ได้แก่ เรือนจ ากลางคลองไผ่ รางวัลรองชนะเลิศ อันดับ 1 ได้แก่ เรือนจ ากลางระยอง รางวัลรองชนะเลิศ อันดับ 2 ได้แก่ เรือนจ ากลางเชียงราย
49 โครงการประกวดความสามารถพิเศษ เพื่อเสริมสร้างสมรรถภาพทางร่างกาย ประจ าปีงบประมาณ พ.ศ. 2566
50 โครงการโรงเรียนยุติธรรมอุปถัมภ์ กรมราชทัณฑ์ รับนโยบายจากกระทรวงยุติธรรมด าเนินการจัดกิจกรรม ภายใต้โครงการ “โรงเรียนยุติธรรมอุปถัมภ์” เพื่อเป็นการให้ความรู้และป้องกันปัญหา เสริมสร้างให้เด็กและเยาวชนมีภูมิคุ้มกัน ตนเองจากสังคม ภายใต้กรอบเนื้อหาความรู้ 4 ด้าน คือ ผลการด าเนินงาน ปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 มีเรือนจ า/ทัณฑสถาน จ านวน 97 แห่ง ด าเนินโครงการโรงเรียนยุติธรรม อุปถัมภ์ในสถานศึกษา จ านวน 223 แห่ง และมีจ านวนนักเรียนที่เข้าร่วมโครงการฯ จ านวนทั้งสิ้น 36,004 คน โดยแบ่งเป็นระดับช่วงชั้นที่เข้าร่วมกิจกรรม ดังนี้ ป้องกันตนเอง จากภัยทางสังคม สร้างจิตส านึกและวินัย ในตนเอง รู้เท่าทันและห่างไกล ยาเสพติด ต่อต้าน ทุจริตคอร์รัปชั่น 158 7,449 19,848 8,549 0 5,000 10,000 15,000 20,000 25,000 อุดมศึกษา อาชีวศึกษา มัธยมศึกษา ประถมศึกษา จ านวน (คน)