The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

กพน. รายงานประจำปี 2566

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by katae.ssddss, 2024-03-29 03:43:50

กพน. รายงานประจำปี 2566

กพน. รายงานประจำปี 2566

51 โครงการจัดอบรมภาษาต่างประเทศและจัดอบรมบัญชีครัวเรือน กระทรวงยุติธรรมและกระทรวงแรงงานได้เล็งถึงเห็นความส าคัญในการพัฒนาฝีมือแรงงานเพื่อส่งเสริม การมีงานท าของผู้ต้องขังที่อยู่ในกระบวนการพัฒนาพฤตินิสัย โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ผู้ต้องขังเมื่อพ้นโทษออกไป แล้วสามารถกลับตนเป็นพลเมืองดีมีคุณภาพ เกิดความรู้ความสามารถในวิชาชีพ จนสามารถน าไปประกอบอาชีพ เพื่อเพิ่มพูนสร้างรายได้ของตนเองและครอบครัวได้ ตลอดจนส ่งเสริมการมีงานท าทั้งในและต ่างประเทศ สามารถอยู่ในสังคมอย่างปกติพร้อมเป็นก าลังแรงงานที่มีคุณภาพต่อการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม ที่จะเสริมสร้างขีดความสามารถของประเทศ ดังนั้นกระทรวงยุติธรรมและกระทรวงแรงงานจึงจัดท าบันทึก ข้อตกลงว่าด้วยความร่วมมือ ในการพัฒนาฝีมือแรงงาน เพื่อส่งเสริมการมีงานท าของผู้ต้องขังที่อยู่ใน กระบวนการพัฒนาพฤตินิสัยทั้งระบบ โดยให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของ (MOU) ระหว่างกระทรวงแรงงาน กับกระทรวงยุติธรรม และข้อสั่งการของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กรมราชทัณฑ์ มอบหมายให้เรือนจ า/ ทัณฑสถาน จัดอบรมผู้ต้องขังให้มีความรู้ในเรื่องภาษาต่างประเทศและการจัดอบรมบัญชีครัวเรือนตั้งแต่ ปีงบประมาณ พ.ศ.2563 เป็นต้นมา ผลการด าเนินงานปี พ.ศ.2566 1. เรือนจ า/ทัณฑสถาน สถาน ด าเนินการจัดอบรมภาษาต่างประเทศ “หลักสูตรการฝึกยกระดับฝีมือ สาขาภาษาอังกฤษเพื่อการท างาน (English for Work)” จ านวน 128 แห่ง มีผู้ต้องขังที่ผ่านการอบรม ภาษาต่างประเทศ จ านวน 4,595 คน 2. เรือนจ า/ทัณฑสถาน ด าเนินการจัดอบรม “หลักสูตการจัดอบรมท าบัญชีครัวเ รือน ” จ านวน 127 แห่ง มีผู้ต้องขังที่ผ่านการอบรมบัญชีครัวเรือน จ านวน 3,004 คน


52 การฝึกวิชาชีพผู้ต้องขัง โครงการฝึกอบรมและทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานในหลักสูตรตามความพร้อมของเรือนจ า กรมราชทัณฑ์ มีนโยบายในการแก้ไขบ าบัดฟื้นฟูและพัฒนาพฤตินิสัยผู้ต้องขัง โดยการส่งเสริมให้เรือนจ า และทัณฑสถานทั่วประเทศด าเนินการจัดฝึกอบรมวิชาชีพในสาขาต่างๆ ให้แก่ผู้ต้องขัง เพื่อให้ผู้ต้องขังเกิดทักษะ ความรู้และมีประสบการณ์มีแนวทางในการประกอบอาชีพเลี้ยงตนเองภายหลังพ้นโทษ ตลอดจนเป็นการสร้าง แรงงานที่มีคุณภาพสู่ตลาดแรงงานและสามารถอยู่ร่วมกับสังคมภายหลังพ้นโทษได้ซึ่งที่ผ่านมากรมราชทัณฑ์ ได้มีการจัดฝึกอบรมวิชาชีพในหลายรูปแบบ โดยเห็นว่าการฝึกอาชีพตามหลักสูตรมาตรฐานท าให้ผู้ต้องขัง เกิดความช านาญในวิชาชีพนั้นๆ ซึ่งสามารถยกระดับฝีมือให้มีความเทียบเท่ามาตรฐานภายนอก สร้างความเชื่อมั่น ให้กับผู้ประกอบการที่จะเข้ามาสนับสนุนและว่าจ้างแรงงานผู้ต้องขัง โดยจัดการฝึกอบรมและทดสอบมาตรฐาน ฝีมือแรงงาน ผู้ต้องขังที่ผ่านการทดสอบจะได้รับหนังสือรับรองมาตรฐานฝีมือแรงงาน รวมทั้งได้รับอัตราค่าจ้าง ที่เหมาะสมและเป็นธรรมจากการท างาน โดยกรมราชทัณฑ์ได้แจ้งให้เรือนจ า/ทัณฑสถาน ด าเนินการประสานวิทยากรจากหน่วยงานในพื้นที่ จัดการฝึกวิชาชีพอิสระและตามความต้องการของผู้ต้องขังและตลาดแรงงานในเรือนจ า/ทัณฑสถานกับให้ผู้ต้องขัง จ านวน ๒๐ – ๒๕ คน/รุ่น ทั้งภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติ รวมถึงรายงานผลการด าเนินงานให้กรมราชทัณฑ์ทราบ ตามแบบรายงานพร้อมภาพถ่ายภายใน ๑๕ วัน หลังจากเสร็จสิ้นการฝึกอบรม ซึ่งในปีงบประมาณ พ.ศ.2566 เรือนจ า/ทัณฑสถาน จ านวน ๑๒๖ แห่ง มีผู้ต้องขังผ่านการฝึกอบรมวิชาชีพ จ านวน ๑1,689 คน และผ่านการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงาน จ านวน ๑๑,๕๗๗ คน (ข้อมูล ณ 31 ตุลาคม ๒๕๖๖)


53 โครงการประกวดผลิตภัณฑ์จากฝีมือผู้ต้องขัง กรมราชทัณฑ์ ประจ าปี พ.ศ. 2566 กองพัฒนาพฤตินิสัย โดยกลุ่มงานฝึกวิชาชีพ ได้จัดโครงการประกวดผลิตภัณฑ์จากฝีมือผู้ต้องขัง กรมราชทัณฑ์ ประจ าปีพ.ศ.2566 เพื่อกระตุ้นให้เรือนจ า/ทัณฑสถาน เห็นความส าคัญในเรื่องการฝึกวิชาชีพ ส าหรับผู้ต้องขัง ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ของเรือนจ า/ทัณฑสถาน ตลอดจนเป็นการตอบสนองนโยบาย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมลงสู่การปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม ซึ่งได้ให้ความส าคัญกับการพัฒนาการออกแบบ ผลิตภัณฑ์ราชทัณฑ์ให้มีความทันสมัย รวมทั้งเป็นการพัฒนาศักยภาพและยกระดับทักษะฝีมือ ความรู้ ความช านาญ ในการผลิตผลิตภัณฑ์ราชทัณฑ์ที่เกิดขึ้นจากการฝึกวิชาชีพผู้ต้องขังและสนับสนุนการพัฒนาพฤตินิสัย ผู้ต้องขังในการคืนคนดีสู่สังคมอย่างยั่งยืน โดยโครงการประกวดผลิตภัณฑ์จากฝีมือผู้ต้องขัง กรมราชทัณฑ์ ประจ าปีพ.ศ. 2566 มีการประกวดจ านวน 5 ประเภท มีเรือนจ า/ทัณฑสถาน สนใจส่งผลงานเข้าร่วมประกวด จ านวน 75 แห่ง รวมผลงานทั้งสิ้น 133 ชิ้น โดยมีผลการตัดสิน ดังนี้ 1. ผลิตภัณฑ์เครื่องเรือนไม้ประเภทชุดโต๊ะ เก้าอี้ ส าหรับร้านกาแฟ รางวัลชนะเลิศ เรือนจ าจังหวัดอ่างทอง รางวัลรองชนะเลิศอันดับหนึ่ง เรือนจ ากลางนครสวรรค์ รางวัลรองชนะเลิศอันดับสอง เรือนจ ากลางบางขวาง และรางวัลชมเชย จ านวน 2 รางวัล ได้แก่ เรือนจ ากลางสมุทรสงคราม และเรือนจ าจังหวัดเพชรบูรณ์ 2. ผลิตภัณฑ์เครื่องเรือนไม้ประเภทตู้ไม้อเนกประสงค์ รางวัลชนะเลิศ เรือนจ าจังหวัดอ่างทอง รางวัลรองชนะเลิศอันดับหนึ่ง เรือนจ ากลางบางขวาง รางวัลรองชนะเลิศอันดับสอง ทัณฑสถานบ าบัดพิเศษสงขลา และรางวัลชมเชย จ านวน 2 รางวัล ได้แก่ เรือนจ าพิเศษธนบุรี และเรือนจ ากลางลพบุรี 3. ผลิตภัณฑ์ผ้าประเภทเสื้อผ้าแฟชั่นส าหรับสตรีในรูปแบบพร้อมใส่ (Ready to wear) รางวัลชนะเลิศ ทัณฑสถานหญิงสงขลา รางวัลรองชนะเลิศอันดับหนึ่ง ทัณฑสถานหญิงกลาง รางวัลรองชนะเลิศอันดับสอง ทัณฑสถานหญิงสงขลา และรางวัลชมเชย จ านวน 2 รางวัล ได้แก่ ทัณฑสถานหญิงกลาง และทัณฑสถานหญิงเชียงใหม่ 4. ผลิตภัณฑ์ผ้าประเภทกระเป๋าที่ประดิษฐ์จากผ้า รางวัลชนะเลิศ ทัณฑสถานหญิงกลาง รางวัลรองชนะเลิศอันดับหนึ่ง ทัณฑสถานหญิงพิษณุโลก รางวัลรองชนะเลิศอันดับสอง ทัณฑสถานหญิงเชียงใหม่ และรางวัลชมเชย จ านวน 2 รางวัล ได้แก่ ทัณฑสถานบ าบัดพิเศษหญิง และเรือนจ าจังหวัดหนองบัวล าภู 5. ผลิตภัณฑ์ประเภทสิ่งประดิษฐ์ งานฝีมือทั่วไป รางวัลชนะเลิศ ทัณฑสถานหญิงพิษณุโลก รางวัลรองชนะเลิศอันดับหนึ่ง เรือนจ าพิเศษธนบุรี รางวัลรองชนะเลิศอันดับสอง ทัณฑสถานบ าบัดพิเศษหญิง และรางวัลชมเชย จ านวน 2 รางวัล ได้แก่ เรือนจ าจังหวัดกาญจนบุรี และเรือนจ ากลางนครปฐม


54 โครงการฝึกวิชาชีพเพื่อยกระดับทักษะการครัวและการประกอบอาหารขั้นสูงส าหรับผู้ต้องขัง กรมราชทัณฑ์ มีภารกิจหลักส าคัญในการควบคุมผู้กระท าผิดให้เป็นไปตามค าพิพากษาหรือค าสั่ง ตามกฎหมาย แก้ไข ฟื้นฟู และพัฒนาพฤตินิสัยของผู้ที่อยู่ในการควบคุมของกรมราชทัณฑ์ ให้กลับตนเป็นพลเมืองดี ไม่หวนกลับมากระท าผิดซ้ า และได้รับการพัฒนาทักษะฝีมือในการประกอบอาชีพที่สุจริต สามารถด ารงชีวิต ในสังคมภายนอกได้อย่างปกติโดยได้รับการยอมรับจากสังคม การฝึกอบรมวิชาชีพให้แก่ผู้ต้องขังถือเป็นภารกิจ ที่ส าคัญในการเตรียมความพร้อมก่อนปล่อย เพื่อให้ผู้ต้องขังสามารถออกไปประกอบอาชีพภายหลังพ้นโทษ และสามารถด ารงตนอยู่ในสังคมได้โดยไม่หวนกลับมากระท าผิดซ้ า โดยการฝึกอบรมวิชาชีพของกรมราชทัณฑ์ มีความหลากหลายสาขาอาชีพตามความสนใจของผู้ต้องขังและสอดคล้องกับความต้องการของตลาดแรงงาน ในปัจจุบัน โดยในปีงบประมาณ พ.ศ.2566 กองพัฒนาพฤตินิสัย โดยกลุ่มงานฝึกวิชาชีพ ได้ประสานความร่วมมือกับ คณะที่ปรึกษากรมราชทัณฑ์ ด้านการฝึกวิชาชีพการอาหาร (นายพล ตัณฑเสถียร) และนางสาวกุลธิดา พิสิฐไพบูลย์ เชฟด้านการประกอบอาหารหวาน เจ้าของร้าน Pick a Choux ร่วมจัดการฝึกอบรมเพื่อยกระดับทักษะการครัว และการประกอบอาหารขั้นสูงส าหรับผู้ต้องขัง ณ ทัณฑสถานหญิงธนบุรีจ านวน 4 เมนู ได้แก่ 1. เค้กแครอท (Carrot cake) 2. แอปเปิ้ลเบรด (Apple Bread) 3. บานาน่าเบรด (Chocolate Banana Bread) 4. ดับเบิ้ลช็อกโกแลตบานาน่าเบรด (Double Chocolate Banana Bread)


55 เรือนจ ากลางชลบุรี เรือนจ าพิเศษธนบุรี โครงการพัฒนาวิชาชีพของผู้ต้องขังด้านศิลปะดิจิทัล (NFT ART) กรมราชทัณฑ์ได้ร่วมกับสถาบันเพื่อการยุติธรรมแห่งประเทศไทย (องค์การมหาชน) และคณะศิลปิน NFT เพื่อเข้าฝึกวิชาชีพและเสนอแนะกระบวนการท างานของศิลปะดิจิทัล (NFT Art) โดยร่วมกันพัฒนาการฝึกวิชาชีพ ด้านงานศิลปะดิจิทัลที่ท าการตลาดจ าหน่ายไฟล์ศิลปะดิจิทัลบนแพลตฟอร์มออนไลน์ โดยใช้ระบบของ NFT หรือ เรียกอีกอย่างว่า Non - Fungible Token ซึ่งคณะศิลปิน NFT ได้จัดกิจกรรมให้ผู้ต้องขังได้มีการท า Workshop ด้วยการทดลองวาดรูปและถ่ายทอดเรื่องราวที่เป็นแรงบันดาลใจของผลงานตามความถนัดของตัวเอง ซึ่งสถาบัน เพื่อการยุติธรรมแห่งประเทศไทย (TIJ) โดยคณะศิลปิน NFT จะท าการคัดเลือกและซื้อผลงานของผู้ต้องขัง น ามาท าเป็น NFT เพื่อเป็นการประชาสัมพันธ์และสะท้อนเรื่องราวความคิด จินตนาการผู้ต้องขังด้านหลังก าแพง ให้กับสังคมภายนอกได้รับรู้ และสามารถสร้างรายได้ให้แก่ผู้ต้องขังอีกทางหนึ่ง ทั้งนี้ เพื่อเป็นการเรียนรู้วิธีการ จ าหน่ายงานศิลปะในรูปแบบใหม่ ด้วยแพลตฟอร์มออนไลน์ NFT Art กรมราชทัณฑ์ เข้าร่วมกิจกรรม “นวัตกรรมเพื่อความยุติธรรมอาเซียน 2023 : หลักนิติธรรม ข้อมูล และอนาคตของระบบยุติธรรม” ภายใต้หัวข้อ 12 Beauty of Freedom : The NFT Collection เมื่อวันที่ 18 สิงหาคม 2566 ภายในงานได้มีการแสดงภาพยนต์สั้น เรื่อง “เรื่องราวหลังก าแพง” และร่วมประมูลภาพศิลปะ NFT จากฝีมือผู้ต้องขังเรือนจ ากลางชลบุรีและเรือนจ าพิเศษธนบุรี จ านวน 12 ภาพ สร้างรายได้จากการประมูล ทั้งสิ้น 2.6 แสนบาท ซึ่งสถาบันเพื่อการยุติธรรมแห่งประเทศไทย (องค์การมหาชน) มีความประสงค์จะจัดสรร แก่ผู้ต้องขังที่เข้าร่วมโครงการที่เป็นเจ้าของผลงาน พร้อมทั้งจัดหาอุปกรณ์ด้านศิลปะที่ขาดแคลนให้แก่เรือนจ า เพื่อต่อยอดการผลิตชิ้นงานต่อไป


56 การไฟฟ้าส่วนภูมิภาครังสิตส่งมอบวัสดุเหลือใช้ที่หมดความจ าเป็นในการใช้งาน เพื่อการฝึกวิชาชีพผู้ต้องขัง กองพัฒนาพฤตินิสัย โดยกลุ่มงานฝึกวิชาชีพ ได้รับบริจาควัสดุเหลือใช้ที่ไม่ได้ใช้งานและหมดความจ าเป็น จากการไฟฟ้าส่วนภูมิภาครังสิต ได้แก่ รีลสายไฟ ฝารีล ไม้พาเลท ลูกถ้วย และลังมิเตอร์ เพื่อน าไปใช้ ให้เกิดประโยชน์สูงสุดในการพัฒนาพฤตินิสัย ด้านการฝึกวิชาชีพผู้ต้องขังในเรือนจ า/ทัณฑสถานทั่วประเทศ ส่งเสริมการฝึกวิชาชีพให้กับผู้ต้องขังตามความต้องการของผู้ต้องขังและตลาดแรงงาน ตลอดจนสามารถประกอบ อาชีพภายหลังพ้นโทษได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงการพัฒนาศักยภาพ ทักษะอาชีพ การฝึกลักษณะนิสัย ในการท างาน ให้แก่ผู้ต้องขังเพื่อเป็นการเพิ่มโอกาสในการประกอบอาชีพใหผู้ต้องขังภายหลังพ้นโทษ ให้มีรายได้ สามารถเลี้ยงตนเองและครอบครัวไม่เป็นภาระของสังคม พร้อมทั้งส่งเสริมการฝึกวิชาชีพที่ลงทุนน้อย และเพื่อสร้างทางเลือกและโอกาสให้สามารถเป็นเจ้าของกิจการด้วยตนเองภายหลังพ้นโทษ


57 การรับมอบสิ่งของ วัสดุ-อุปกรณ์ด้านการตัดเย็บจากบริษัท น าฟง นิตติ้ง แฟคตอรี่จ ากัด เพื่อใช้ประโยชน์ในการฝึกวิชาชีพผู้ต้องขัง กองพัฒนาพฤตินิสัย โดยกลุ่มงานฝึกวิชาชีพ ได้รับแจ้งจากจากบริษัท น าฟง นิตติ้ง แฟคตอรี่ จ ากัด มีความประสงค์มอบวัสดุ-อุปกรณ์การตัดเย็บ (ส่วนสูญเสียนอกสูตร) ได้แก่ เส้นด้ายส าหรับถักเสื้อ กระดุม ซิป ยางยืด ลูกไม้และอื่นๆ ให้แก่กรมราชทัณฑ์ ส าหรับน าไปใช้ในการฝึกวิชาชีพผู้ต้องขังด้านการตัดเย็บเสื้อผ้า ในเรือนจ า/ทัณฑสถานทั่วประเทศ เพื่อพัฒนาศักยภาพทักษะอาชีพด้านการตัดเย็บเสื้อผ้าให้แก่ผู้ต้องขังเป็นการ เพิ่มโอกาสมีอาชีพ มีรายได้สามารถเลี้ยงตนเองและครอบครัวไม่เป็นภาระของสังคม และเพื่อสร้างทางเลือก และโอกาสให้สามารถเป็นเจ้าของกิจการด้วยตนเองได้ภายหลังพ้นโทษ


58 กรมป่าไม้ ส่งมอบเศษไม้ ปีกไม้ และขี้เลื่อย เพื่อการฝึกวิชาชีพผู้ต้องขังให้แก่กรมราชทัณฑ์ กองพัฒนาพฤตินิสัย โดยกลุ่มงานฝึกวิชาชีพ ได้รับมอบเศษไม้ ปีกไม้ และขี้เลื่อยที่บรรจุในถุงบิ๊กแบ็ค จากกรมป่าไม้ซึ่งเก็บรักษาไว้ที่อู่บกพหลโยธิน อ าเภอวังน้อย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา จ านวน 6,223.061 ลูกบาศ์กเมตร ประกอบไปด้วยไม้มีค่าทางเศรษฐกิจ ได้แก่ ไม้พะยูง ไม้สัก ไม้ประดู่ ไม้แดง ไม้มะค่าโมง และไม้ชิงชัง ตามมติที่ประชุมคณะกรรมการฝ่ายโครงสร้างพิพิธภัณฑ์องค์ความรู้เรื่องไม้มีค่า เพื่อประโยชน์ของแผ่นดิน เฉลิมพระเกียรติเนื่องในโอกาสมหามงคลพระราชพิธีบรมราชาภิเษก โดยกรมป่าไม้มอบหมายให้ศูนย์ป่าไม้ พระนครศรีอยุธยาเป็นผู้แทนกรมป่าไม้ร่วมกับองค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ ส่งมอบไม้ดังกล่าวให้กรมราชทัณฑ์ น าไปใช้ประโยชน์ตามกรอบภารกิจของหน่วยงาน กรมราชทัณฑ์ โดยเรือนจ า/ทัณฑสถาน จ านวน 29 แห่ง ด าเนินการเข้ารับมอบ และขนย้ายเศษไม้ ปีกไม้ และขี้เลื่อยที่บรรจุในถุงบิ๊กแบ็ค เพื่อน าไปใช้ประโยชน์ในการฝึกวิชาชีพผู้ต้องขัง โดยเฉพาะการฝึกวิชาชีพ ด้านช่างไม้เครื่องเรือน เพื่อพัฒนาศักยภาพทักษะอาชีพความต้องการของผู้ต้องขัง มีโอกาสสร้างรายได้ ขณะถูกคุมขังในเรือนจ า/ทัณฑสถาน ตลอดจน ให้มีทางเลือกในการประกอบอาชีพภายหลังพ้นโทษ โดยมีผลิตภัณฑ์เครื่องเรือนไม้ออกมาจ าหน่ายอย่างหลากหลาย ได้แก่ ชุดกาแฟ โต๊ะ เตียง ตู้ เป็นต้น ซึ่งบุคคลภายนอกและตลาดแรงงานให้ความสนใจเป็นอย่างมาก


59 โครงการจัดท าชุดสื่อวีดิทัศน์หลักสูตรวิชาชีพแม่บ้าน กองพัฒนาพฤตินิสัย โดยกลุ่มงานฝึกวิชาชีพ ได้มีโครงการจัดท าชุดสื่อวิดิทัศน์ หลักสูตรวิชาชีพแม่บ้าน โดยมีเป้าหมายส่งเสริมและพัฒนาผู้ต้องขังให้ได้รับความรู้ ทักษะความสามารถ และประสบการณ์ มีฝีมือและความ ช านาญยิ่งขึ้น สามารถน าไปประกอบอาชีพสุจริตได้ภายหลังพ้นโทษ ส่งเสริมการให้โอกาสในการกลับเข้าสู่สังคมได้ อย่างปกติสุข ซึ่งเน้นการฝึกอบรมวิชาชีพแม่บ้าน เนื่องจากเป็นอาชีพหนึ่งที่ตอบสนองกับความต้องการ ของตลาดแรงงานรวมทั้งเป็นการเพิ่มช่องทางในการประกอบอาชีพที่หลากหลาย ตามความเหมาะสม และความสนใจของผู้ต้องขังสามารถน าไปใช้ในการท างานกับโรงแรม รีสอร์ท หรือพนักงานท าความสะอาด ของบริษัท ห้าง ร้านและองค์กรทั่วไป ซึ่งเป็นงานบริการที่สามารถฝึกฝนตนเองให้มีความรับผิดชอบต่อการท างาน ดูแลความสะอาด ความเป็นระเบียบเรียบร้อย และสร้างความประทับใจให้กับบุคคลที่มาใช้บริการ อีกทั้งเป็นการยกระดับฝีมือในการฝึกวิชาชีพผู้ต้องขังให้เป็นไปตามมาตรฐาน เพิ่มศักยภาพ และพัฒนาทักษะ ความรู้ให้ผู้ต้องขังในสาขาอาชีพแม่บ้าน ซึ่งเป็นอาชีพหนึ่งที่น่าสนใจ และเป็นประโยชน์ต่อผู้ต้องขัง สามารถน าไปประกอบอาชีพภายหลังพ้นโทษให้มีรายได้เลี้ยงตนเองและครอบครัวได้ต่อไป เรือนจ า ทัณฑสถาน จ านวน 80 แห่ง มีผู้ต้องขังผ่านการฝึกอบรมหลักสูตรวิชาชีพแม่บ้าน จ านวน 2,747 คน (ข้อมูล ณ เดือนตุลาคม ๒๕๖๖)


60 โครงการฝึกวิชาชีพเพื่อพัฒนาทักษะด้านเครื่องยนต์ขนาดเล็ก (จักรยานยนต์) ภายใต้มูลนิธิฯ ณภา (โครงการ Bike Man) มูลนิธิ ณภาฯ ในพระราชด าริสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา ได้ด าเนินการจัดท าโครงการ Bike Man ภายใต้มูลนิธิ ณภาฯ เพื่อด าเนินการ ฝึกวิชาชีพเพื่อพัฒนาทักษะด้านเครื่องยนต์ขนาดเล็ก (จักรยานยนต์) ในพื้นที่ทัณฑสถานบ าบัดพิเศษกลางเป็นพื้นที่ น าร่องและต่อยอดในการประกอบอาชีพกับทางบริษัท ไบค์แมน เวนเจอร์ส จ ากัด ซึ่งเป็นบริษัทที่ประกอบกิจการ ขายรถยนต์ รถยนต์ยานยนต์ และยานพาหนะทุกประเภท รวมถึงการให้บริการซ่อมแซม บ ารุงรักษาตรวจสอบ รถยนต์ทุกชนิด มีความประสงค์เข้าฝึกอบรมวิชาชีพให้แก่ผู้ต้องขังด้านช่างเครื่องยนต์ขนาดเล็ก (จักรยานยนต์) โครงการ Bike Man ภายใต้มูลนิธิ ณภาฯ ได้ด าเนินการขึ้นภายใต้การประสานความร่วมมือระหว่าง 3 หน่วยงาน คือ กรมราชทัณฑ์ (กองพัฒนาพฤตินิสัย และทัณฑสถานบ าบัดพิเศษกลาง – ทัณฑสถานน าร่อง) มูลนิธิ ณภาฯ และบริษัท ไบค์แมน เวนเจอร์ส จ ากัด เพื่อมุ่งส่งเสริมการฝึกอบรมทักษะวิชาชีพให้แก่ผู้ต้องขัง ที่มีความสามารถด้านช่างเครื่องยนต์ขนาดเล็ก (จักรยานยนต์) พร้อมทั้งพัฒนาทัศนคติและฝึกทักษะ การท างานเป็นทีม มีการทดสอบความสามารถ ทักษะ ในด้านช่างเครื่องยนต์ขนาดเล็ก อนึ่ง ผู้ต้องขังที่ผ่าน การอบรมและการทดสอบดังกล่าว ทางบริษัทฯ จะรับเข้าท างานภายหลังพ้นโทษตามความสมัครใจของผู้ต้องขัง เพื่อให้ผู้ต้องขังได้รับการพัฒนาทักษะวิชาชีพช่างเครื่องยนต์ขนาดเล็ก (จักรยานยนต์) สามารถที่จะประกอบอาชีพ สร้างรายได้สามารถน าไปประกอบอาชีพภายหลังพ้นโทษ และมีเจตคติที่ดีในการกลับตนเป็นคนดี น าหลักวิชาชีพ ช่างเครื่องยนต์ขนาดเล็ก (จักรยานยนต์) เป็นเครื่องมือในการด ารงชีวิตอยู่ในศีลธรรมอันดี


61 การส่งเสริมทักษะการท างานผู้ต้องขัง การขับเคลื่อนงานสนับสนุนการจ้างผู้พ้นโทษเข้าท างานประกอบการพิจารณาขยายระยะเวลาการใช้ พระราชกฤษฎีกาอออมตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (มาตรการภาษีเพื่อสนับสนุน การจ้างงาน ผู้พ้นโทษเข้าท างาน) กรมราชทัณฑ์ได้ขับเคลื่อนงานสนับสนุนการจ้างผู้พ้นโทษเข้าท างานประกอบการพิจารณาขยาย ระยะเวลาการใช้พระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้น รัษฎากร (ฉบับที่ ๗๒๖) พ.ศ. ๒๕๖๔ มีผลใช้บังคับถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๔ โดยที่ยังคงมี ความจ าเป็นต้องส่งเสริมและสนับสนุนให้บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลรับผู้พ้นโทษเข้าท างานต่อไปอีกระยะหนึ่ง เพื่อสร้างโอกาสให้ผู้พ้นโทษสามารถกลับคืนสู่สังคมได้อย่างมั่นคงและต่อเนื่อง สมควรยกเว้นภาษีเงินได้ ให้แก่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลดังกล่าว ส าหรับเงินได้เป็นจ านวนร้อยละห้าสิบของรายจ่ายที่ได้จ่าย เป็นค่าใช้จ่ายในการจ้างแรงงานผู้พ้นโทษ ส าหรับรอบระยะเวลาบัญชีที่เริ่มในหรือหลังวันที่ ๑ มกราคม พ.ศ.๒๕๖๕ แต่ไม่เกินวันที่ ๓๑ ธันวาคม พ.ศ.๒๕๖๘


62 โครงการเสริมสร้างความเข้มแข็งของผู้ประกอบการสตรีเปราะบาง กรมราชทัณฑ์ ร่วมกับ EXIM BANK มูลนิธิคีนันแห่งเอเชียและทัณฑสถานหญิงกลางริเริ่ม “โครงการเสริมสร้างความเข้มแข็งผู้ประกอบการสตรีกลุ่มเปราะบาง” ขึ้น เพื่อคืนคนดีให้สังคม สร้างโอกาส พัฒนา และเพิ่มขีดความสามารถของผู้ประกอบการสตรีกลุ่มเปราะบาง รวมทั้งเพิ่มขีดความสามารถ ของผู้ประกอบการสตรีกลุ่มเปราะบาง ทั้งในกลุ่มผู้ประกอบการสตรีในชุมชนรอบ EXIM BANK รวมถึงผู้ต้องขัง สตรีที่ใกล้พ้นโทษจากทัณฑสถานหญิงกลาง ให้สามารถพึ่งพาตนเองสร้างรายได้จากการประกอบอาชีพ และเชื่อมโยงไปสู่ตลาดการส่งออกในอนาคต


63 โครงการแม่ขนุน กรมราชทัณฑ์ ร่วมกับ มูลนิธิเทคโนโลยีสารสนเทศตามพระราชด าริสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยาม บรมราชกุมารี ร่วมกับ สวทช. บริษัทอินเทอร์เน็ตประเทศไทย จ ากัด (มหาชน) และ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมมาธิราช ต่อยอดโครงการส่งเสริมการใช้ไอซีทีสร้างรายได้ในกลุ่มโรงเรียน ทสรช.สู่โครงการแม่ขนุน เพื่อส่งเสริมการใช้งาน แพลตฟอร์มการซื้อขายสินค้าออนไลน์ภายในชุมชนผ่านแอปพลิเคชัน OneChat โดยจะท าให้เกิดประโยชน์ในการ เรียนรู้ด้านอีคอมเมิร์ซของเยาวชนในชนบท และช่วยเพิ่มช่องทางการค้าขายของคนในชุมชน ปัจจุบันมี เรือนจ า/ ทัณฑสถานร่วมจ าหน่ายสินค้าบนแพลตฟอร์มการซื้อขายสินค้าออนไลน์ ได้แก่ เรือนจ ากลางก าแพงเพชร ทัณฑสถานบ าบัดพิเศษหญิง


64 แนวทางการจ้างงานการฝึกวิชาชีพและส่งเสริมทักษะการท างาน กรมราชทัณฑ์ แจ้งเรือนจ า/ทัณฑสถาน เผยแพร่ประชาสัมพันธ์การจ้างงานผู้ต้องขัง ลักษณะโรงงาน ในเรือนจ า และการจัดส่งผู้ต้องขังออกท างานสถานประกอบการภายนอกเรือนจ า เพื่อส่งเสริมทักษะการท างาน ผู้ต้องขัง หลังจากได้รับการฝึกวิชาชีพในเรือนจ า โดยผู้ต้องขังสามารถได้รับเงินรางวัลปันผลจากการท างาน ในเรือนจ า ร้อยละ 70 ของรายได้จากการท างาน


65 โครงการฝึกวิชาชีพและส่งเสริมทักษะการท างานให้แก่ผู้ต้องขังภายในเรือนจ าผ่านระบบโทรศัพท์ ร่วมกับ บริษัท ไนซ์ คอล จ ากัด (NICE CALL) กรมราชทัณฑ์ ร่วมกับ บริษัท ไนซ์ คอล จ ากัด (NICE CALL) เข้าร่วมพิธีลงนามบันทึกข้อตกลง ความร่วมมือในโครงการคืนคนดีสู่สังคม โดยการฝึกวิชาชีพและส่งเสริมทักษะการท างานให้แก่ผู้ต้องขัง ประเภทการขายทางโทรศัพท์ Telesales ภายในเรือนจ า ตามนโยบายกระทรวงยุติธรรม ด้านการสร้างการยอมรับ ของผู้พ้นโทษ โดยเล็งเห็นถึงความจ าเป็นของการมีงานท าภายหลังพ้นโทษ ซึ่งเป็นปัจจัยที่ส่งผลโดยตรงต่อการ ป้องกันการกระท าผิดซ้ า กรมราชทัณฑ์จึงได้พิจารณาแนวทางในการพัฒนาทักษะฝีมือในการท างานของผู้ต้องขัง ให้เป็นที่ยอมรับของสังคม โดยการเปิดโอกาสให้ภาครัฐและเอกชนเข้ามามีส่วนร่วมในการสร้างโอกาสให้แก่ ผู้ต้องขังทั้งขณะต้องโทษ และภายหลังพ้นโทษ โดยให้ผู้ประกอบการ นักธุรกิจ นักลงทุน ได้มีโอกาสสนับสนุนงาน ฝึกวิชาชีพและส่งเสริมทักษะวิชาชีพผู้ต้องขังในการท างานประเภทต่างๆ ร่วมกับเรือนจ าที่มีศักยภาพ ส่งเสริมให้ ผู้ต้องขังได้ฝึกวิชาชีพและทักษะการท างานในเรือนจ า/ทัณฑสถาน อันจะเป็นการสร้างการเรียนรู้ในการปรับตัว ของผู้ต้องขังก่อนปล่อยตัวพ้นโทษ สร้างโอกาสในการมีงานท าภายหลังพ้นโทษ และสร้างการยอมรับของสังคม ต่อภารกิจในด้านการพัฒนาพฤตินิสัยของกรมราชทัณฑ์ปัจจุบันมีเรือนจ า/ทัณฑสถาน เข้าร่วม ดังนี้ 1. เรือนจ ากลางสมุทรปราการ 2.ทัณฑสถานหญิงเชียงใหม่ 3. ทัณฑสถานหญิงชลบุรี


66 โครงการอบรมหลักสูตรธุรกิจออนไลน์ กรมราชทัณฑ์ ก าหนดให้เรือนจ า/ทัณฑสถาน อบรมหลักสูตร การท าธุรกิจออนไลน์ จ านวน 2 หลักสูตร ได้แก่ หลักสูตรสร้างธุรกิจในยุคเศรษฐกิจดิจิทัล และหลักสูตรอีคอมเมิร์ซ มีวัตถุประสงค์ให้ผู้ต้องขังมีความรู้ ความสามารถในการท าธุรกิจออนไลน์ และพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการด้าน E-Commerce โดยหลักสูตร ดังกล่าวได้รับมอบมาจากมูลนิธิเทคโนโลยีสารสนเทศตามพระราชด าริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารี


67 การจ าหน่ายผลิตภัณฑ์ราชทัณฑ์งานเพื่อนพึ่งภาฯ 2565 กรมราชทัณฑ์ได้รับเกียรติเข้าร่วมจัดนิทรรศการและร่วมออกร้านจ าหน่ายผลิตภัณฑ์จากฝีมือผู้ต้องขังในงาน “เพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ๒๕๖๕” โดยขอความร่วมมือจากเรือนจ า/ทัณฑสถ าน ส่งผลิตภัณฑ์ราชทัณฑ์ ร่วมจ าหน่ายและร่วมสมทบทุนบริจาคทรัพย์ เพื่อทูลเกล้าฯ ถวายโดยเสด็จพระราชกุศล สมทบทุนมูลนิธิ อาสาเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ยามยาก สภากาชาดไทย ตามวัตถุประสงค์ในการเผยแพร่การด าเนินงานของมูลนิธิฯ สร้างการรับรู้ถึงพันธกิจ และภารกิจของมูลนิธิฯ โดยรายได้จากการจัดงานจะน าเข้าสมทบทุนมูลนิธิฯ เพื่อใช้ในการด าเนินกิจการสาธารณกุศล


68 การจัดแสดงสินค้าเกษตรแฟร์ 2566 กรมราชทัณฑ์ ร่วมจ าหน่ายสินค้าในงานเกษตรแฟร์ ประจ าปี 2566 โดยร่วมมือเรือนจ า/ทัณฑสถาน จัดส่งผลิตภัณฑ์ราชทัณฑ์ที่เกิดจากการฝึกวิชาชีพผู้ต้องขัง และมีเรือนจ า/ทัณฑสถานที่ร่วมออกร้านจ าหน่าย จ านวน 16 แห่ง และน าแรงงานผู้ต้องขัง (กองนอก) ช่วยท าความสะอาดในงานเกษตรแฟร์ประจ าปี 2566 ดังกล่าว ถือเป็นการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ภารกิจด้านการพัฒนาพฤตินิสัย การจ าหน่ายผลิตภัณฑ์จากการฝึกวิชาชีพ และส่งเสริมทักษะการท างานผู้ต้องขังในเรือนจ า/ทัณฑสถาน รวมถึงการประสานความร่วมมือว่าด้วย การพัฒนา พฤตินิสัยผู้ต้องขัง การสร้างงาน สร้างอาชีพ สร้างโอกาส ให้กับผู้ต้องขัง ระหว่าง กรมราชทัณฑ์ และมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์


69 การด าเนินงานปรับปรุงภาพลักษณ์สินค้าและเพิ่มช่องทางในการจ าหน่ายสินค้า ผลิตภัณฑ์ของผู้กระท าผิดผ่านช่องทางออนไลน์ ภายใต้ชื่อ “วันสุข” กรมราชทัณฑ์ ด าเนินงานตามนโยบายในการด าเนินงานปรับปรุงภาพลักษณ์สินค้าและเพิ่มช่องทาง ในการจ าหน่ายสินค้าผลิตภัณฑ์ของผู้กระท าผิด ผ่านช่องทางออนไลน์ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อยกระดับ การจัดจ าหน่ายผลิตภัณฑ์ผู้ต้องขังบนเว็บสื่อกลางการจัดจ าหน่ายสินค้าออนไลน์ (e-marketplace) เป็นไปอย่างมี ประสิทธิภาพและเกิดประสิทธิผลสูงสุดแห่งทางราชการ การสร้างการรับรู้ (Brand Awareness) เพื่อสร้างให้แบรนด์ เป็นที่รู้จักผ่านการท าประชาสัมพันธ์ การโฆษณา การท าคอนเทนต์ โดยเฉพาะในยุคดิจิทัลและโซเชียลมีเดีย ที่มีความส าคัญมากขึ้นกว่าเดิมอีกหลายเท่า เพราะเป็นสื่อและช่องทางที่เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างรวดเร็ว เป็นวงกว้างที่ไม่ใช่แค่เพียงวางแผนและสื่อสารออกไปให้ตรงกลุ่มเป้าหมายเท่านั้น แต่ก็ต้องให้ความส าคัญกับตัวชี้วัด และการวัดผล เพื่อน ามาวิเคราะห์ในการปรับปรุงแก้ไขให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ช่องทางการจ าหน่ายออนไลน์ คือ ช่องทางการขายสินค้า เป็นช่องทางที่ใช้ในการน าเสนอสินค้าและบริการให้กับลูกค้า ใช้เป็นแหล่งข้อมูล เกี่ยวกับสินค้าและบริการ ท าให้ลูกค้าสามารถพูดคุย ติดต่อสอบถาม หรือสั่งซื้อสินค้าได้บนสื่อกลาง ในการจัดจ าหน่ายสินค้าออนไลน์ (e-marketplace) ที่มีกรมราชทัณฑ์ เรือนจ า/ทัณฑสถานได้แก่ Shopee /Line shopping /Facebook และการจ าหน่ายผ่านศูนย์จ าหน่ายผลิตภัณฑ์ราชทัณฑ์กลาง ภายใต้แบรนด์ “วันสุข” ซึ่งปัจจุบัน ก าลังมีการปรับเปลี่ยนเป็น “หับเผย”


70 การพัฒนาและยกระดับการส่งเสริมทักษะการท างานผู้ต้องขัง น าไปสู่องค์กรต้นแบบสิทธิมนุษยชนด้านสิทธิแรงงาน กรมราชทัณฑ์ กระทรวงยุติธรรม มีนโยบายต้องการกระตุ้นให้องค์กรต่างๆ ทั้งภาครัฐ รัฐวิสาหกิจ ธุรกิจวิสาหกิจเพื่อสังคม และภาคประชาสังคม ได้ตระหนักถึงความส าคัญและประโยชน์ในการน ามิติสิทธิมนุษยชน มาเป็นพื้นฐานในการบริหารจัดการในองค์กร โดยกระทรวงยุติธรรม ได้ด าเนินโครงการองค์กรต้นแบบด้านสิทธิ มนุษยชน เพื่อช่วยให้ ทุกองค์กรปฏิบัติงานโดยไม่ละเมิดสิทธิมนุษยชน และลดความเสี่ยงหรือข้อร้องเรียนเกี่ยวกับ การละเมิดสิทธิมนุษยชน ซึ่งประชาชนจะได้ประโยชน์จากการปฏิบัติงานขององค์กรที่ค านึงถึงศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ เคารพสิทธิมนุษยชนและไม่เลือกปฏิบัติ รวมถึงองค์กรที่เข้าร่วมโครงการฯ ยังสามารถเป็นเครือข่ายที่เข้มแข็ง ในการขับเคลื่อนงานด้านสิทธิมนุษยชนของประเทศไทย กรมราชทัณฑ์ตระหนักถึงความส าคัญในการสนับสนุน บทบาทของภาครัฐ ในการเคารพสิทธิมนุษยชนดังกล่าว ซึ่งกระบวนการพัฒนาพฤตินิสัย ด้านการส่งเสริมทักษะ การท างานผู้ต้องขัง เกี่ยวข้องกับสิทธิมนุษยชนด้านสิทธิแรงงาน และข้อก าหนดมาตรฐานขั้นต่ าแห่งองค์การ สหประชาชาติในการปฏิบัติต่อผู้ต้องขังด้านการท างาน จึงก าหนดตัวชี้วัดเพื่อใช้เป็นคู่มือในการตรวจสอบ และประเมินสถานะขององค์กรในด้านสิทธิมนุษยชน ด้านสิทธิแรงงานขึ้นโดยกรมราชทัณฑ์ มีกรอบแนวทาง ในการส่งเสริม คุ้มครอง และปกป้องสิทธิมนุษยชน เพื่อลดความเสี่ยงที่จะเกิดการละเมิดสิทธิมนุษยชนโดยภาคธุรกิจ และเป็นมาตรการส าคัญที่จะช่วยแก้ไขปัญหาการละเมิดสิทธิมนุษยชน อันเป็นผลจากการประกอบธุรกิจได้อย่าง มีประสิทธิภาพและประสิทธิผล โดยถือปฏิบัติตามข้อก าหนดมาตรฐานขั้นต่ าแห่งองค์การสหประชาชาติ ในการปฏิบัติต่อผู้ต้องขังด้านการท างาน กรมราชทัณฑ์ยังได้ด าเนินการถ่ายทอดลงสู่เรือนจ า ตามตัวชี้วัดที่ 12 ระดับความส าเร็จของ การพัฒนาและยกระดับการส่งเสริมทักษะการท างานผู้ต้องขัง น าไปสู่องค์กรต้นแบบสิทธิมนุษยชน ด้านสิทธิแรงงาน เพื่อน าไปปฏิบัติ เรือนจ า/ทัณฑสถาน จ านวน 141 แห่ง ซึ่งผลการด าเนินงานมีค่าเท่ากับ 5 คะแนนทุกแห่ง


71 การด าเนินการตามตัวชี้วัดตามนโยบายของส่วนราชการในสังกัดกระทรวงยุติธรรม ตัวชี้วัดที่ 4 ร้อยละเฉลี่ยของเงินรางวัลเฉลี่ยต่อหัวนักโทษเด็ดขาดจากการท างานและฝึกวิชาชีพ ตัวชี้วัดที่ 9 ร้อยละเฉลี่ยของเงินรางวัลเฉลี่ยต่อหัวนักโทษเด็ดขาดจากการท างานและฝึกวิชาชีพ พระราชบัญญัติราชทัณฑ์ มาตรา 50 ได้ก าหนดกรอบที่ผู้ต้องขังไม่มีสิทธิได้ค่าจ้างจากการงานที่ได้ท า แต่ในกรณีที่การงานที่ได้ท าไปนั้น ก่อให้เกิดรายได้ ซึ่งค านวณเป็นราคาเงินได้ ผู้ต้องขังอาจได้รับเงินรางวัลตอบแทน จากการงานนั้นได้ หลักเกณฑ์ในการจ่ายรางวัล ปันผล ที่เกิดจากการท างานหรือการฝึกวิชาชีพ ให้เป็นไปตามที่ กฎหมายก าหนด ผลการด าเนินงานตามตัวชี้วัด เงินรางวัลเฉลี่ยต่อหัวนักโทษเด็ดขาด รอบ 12 เดือนแรก (ตุลาคม 2565 ถึง กันยายน 2566) เรือนจ า/ทัณฑสถาน จ านวน 131 แห่ง เฉลี่ยเงินรางวัลปันผลต่อหัวนักโทษเด็ดขาด จากการท างานและ ฝึกวิชาชีพ 12 เดือน = 585.29 บาท/คน/เดือน ตัวชี้วัดที่ 5 ระดับความส าเร็จของการเพิ่มยอดการจ าหน่ายสินค้าผลิตภัณฑ์ราชทัณฑ์ภายใต้แบรนด์ “วันสุข” บนเว็บสื่อกลางการจัดจ าหน่ายสินค้าออนไลน์ (e-marketplace) ตัวชี้วัด ของเรือนจ า/ทัณฑสถาน/ สถานกักขัง/สถานกักกัน ตัวชี้วัดที่ 11 ระดับความส าเร็จของการเพิ่มยอดการจ าหน่ายสินค้าผลิตภัณฑ์ ราชทัณฑ์ ภายใต้แบรนด์ “วันสุข” บนเว็บสื่อกลางการจัดจ าหน่ายสินค้าออนไลน์ (e-marketplace) ผลการด าเนินงานตามตัวชี้วัด รายงานยอดจ าหน่ายผลิตภัณฑ์ราชทัณฑ์ จ าหน่ายผ่านบนสื่อกลาง การจัดจ าหน่ายสินค้าออนไลน์ (e-marketplace) ภายใต้การด าเนินการโดยกรมราชทัณฑ์ รอบ 12 เดือน จ านวนทั้งสิ้น 5,993,017 บาท (ห้าล้านเก้าแสนเก้าหมื่นสามพันสิบเจ็ดบาทถ้วน) โดยแบ่งเป็นช่องทางจ าหน่าย ช่องทางออนไลน์Shopee, Line Shopping, Facebook ร้านผลิตภัณฑ์กลาง รวมเป็นเงิน 3,405,634 บาท (สามล้านสี่แสนห้าพันหกร้อยสามสิบสี่บาทถ้วน) และช่องทางจ าหน่ายในงานนิทรรศการต่างๆ รวมเป็นเงิน 1,686,922 บาท (หนึ่งล้านหกแสนแปดหมื่นหกพันเก้าร้อยยี่สิบสองบาทถ้วน)


72 โครงการประชาร่วมรัฐพัฒนาผู้ต้องขังสู่ภาคอุตสาหกรรม (โครงการจ่ายนักโทษเด็ดขาดออกท างานฝึกวิชาชีพในสถานประกอบการนอกเรือนจ า) กรมราชทัณฑ์ได้ประชาสัมพันธ์เผยแพร่การรับจ้างแรงงานผู้ต้องขังให้สังคมภายนอกได้รับรู้ถึงศักยภาพ ในการรับงานของผู้ต้องขัง เรือนจ า/ทัณฑสถานใดที่มีผู้พ้นโทษช านาญงานจะได้ติดต่อและรับเข้าท างานใน สถานประกอบการได้ เป็นการสนับสนุนส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้ต้องขังให้มีงานท า มีความรู้ความช านาญ ฝึกความเพียรให้มีความมานะอดทน รักการท างาน ส่งผลทางด้านจิตใจให้รู้สึกว่าตนเองมีคุณค่า และรายได้ ส่วนหนึ่งผู้ต้องขังจะได้รับรางวัลปันผลไว้ใช้จ่ายระหว่างต้องโทษ นอกจากเป็นการส่งเสริมการมีงานท าของผู้ต้องขัง ในระหว่างที่ถูกต้องโทษแล้ว ยังเป็นการเตรียมความพร้อมในการท างานของผู้ต้องขังก่อนกลับสู่สังคมภายนอก เมื่อพ้นโทษออกไปแล้ว ให้ได้มีโอกาสในการเรียนรู้และฝึกทักษะการท างานจากการปฏิบัติงานจริง (On The Job Training) ท าให้เกิดความช านาญ ผู้ต้องขังได้รับความรู้และมีทักษะ สามารถหางานท าในสถานประกอบการ ได้มีรายได้ในการประกอบอาชีพเลี้ยงตนเองและครอบครัวภายหลังพ้นโทษ ตารางข้อมูล ปี (พ.ศ.) เดือน เรือนจ า/ทัณฑสถาน (แห่ง) สถานประกอบการ (แห่ง) ผู้ต้องขัง (คน) 2565 ตุลาคม 0 0 0 2565 พฤศจิกายน 2 2 40 2565 ธันวาคม 3 3 45 2566 มกราคม 3 3 44 2566 กุมภาพันธ์ 3 3 48 2566 มีนาคม 3 3 48 2566 เมษายน 7 8 161 2566 พฤษภาคม 8 12 250 2566 มิถุนายน 9 13 288 2566 กรกฎาคม 11 15 312 2566 สิงหาคม 12 16 321 2566 กันยายน 13 18 340


73 การสงเคราะห์และจัดสวัสดิการผู้ต้องขัง โครงการจัดสวัสดิการและสงเคราะห์ผู้ต้องขัง และขับเคลื่อนการด าเนินงานของเรือนจ าให้เป็นไปตามมาตรฐานสากล ในปีงบประมาณ พ.ศ.2566 (1 ตุลาคม 2565 - 30 กันยายน 2566) ได้ด าเนินงานโครงการจัด สวัสดิการและสงเคราะห์ผู้ต้องขัง และขับเคลื่อนการด าเนินงานของเรือนจ าให้เป็นไปตามมาตรฐานสากล ดังนี้ ผลการด าเนินงาน จ านวนผู้ต้องขัง 1. ผู้ต้องขังพิการที่ได้รับการพัฒนาคุณภาพชีวิต ตามมาตรฐานที่กรมราชทัณฑ์ก าหนด 3,397 2. ผู้ต้องขังสูงอายุที่ได้รับการพัฒนาคุณภาพชีวิต ตามมาตรฐานที่กรมราชทัณฑ์ก าหนด 5,306 3. ผู้ต้องขังหญิงตั้งครรภ์และเด็กในความดูแลของผู้ต้องขังได้รับการพัฒนาคุณภาพชีวิต ตามมาตรฐานที่กรมราชทัณฑ์ก าหนด 378 4. ผู้ต้องขังหญิงตั้งครรภ์และเด็กในความดูแลของผู้ต้องขังได้รับการจัดสวัสดิการ ตามมาตรฐานที่กรมราชทัณฑ์ก าหนด 390 1. การพัฒนาคุณภาพผู้ต้องขังพิการ จ านวน 997,850 บาท โดยจัดสรรงบประมาณในการพัฒนาคุณภาพ ชีวิตผู้ต้องขังพิการ ให้กับเรือนจ า/ทัณฑสถาน 119 แห่ง จ านวน 3,397 คน


74 2. การพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้ต้องขังสูงอายุ จ านวน 979,300 บาท โดยจัดสรรงบประมาณในการพัฒนา คุณภาพชีวิตส าหรับผู้ต้องขังสูงอายุ ให้กับเรือนจ า/ทัณฑสถาน 119 แห่ง จ านวน 5,306 คน 3. การจัดสวัสดิการเด็กในความดูแลของผู้ต้องขัง และผู้ต้องขังหญิงตั้งครรภ์ จ านวน 1,999,965 บาท โดยจัดสรรงบประมาณในการจัดสวัสดิการส าหรับเด็กในความดูแลของผู้ต้องขัง และจัดหาสื่อในการเสริมสร้าง ความรู้ให้กับผู้ต้องขังหญิงตั้งครรภ์และผู้ต้องขังหญิงที่ให้นมบุตร


75 4. การพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้ต้องขังหญิงตั้งครรภ์และเด็กติดผู้ต้องขัง จ านวน 1,500,000 บาท โดยจัดสรร งบประมาณในการพัฒนาคุณภาพชีวิตส าหรับผู้ต้องขังหญิงตั้งครรภ์และเด็กในความดูแลของผู้ต้องขัง ให้กับเรือนจ า/ทัณฑสถาน 107 แห่ง จ านวน 378 คน


76 5. การพัฒนาเรือนจ าต้นแบบตามข้อก าหนดแมนเดลา (Mandela Rules) - โอนจัดสรรงบประมาณไปตั้งจ่ายทางกองบริหารทรัพยากรบุคคลใช้ในการด าเนินงานโครงการ "ฝึกอบรมเพื่อพัฒนาศักยภาพเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานในเรือนจ า และทัณฑสถาน" แก่ข้าราชการบรรจุใหม่ และที่โอนย้ายมารับราชการ ณ กรมราชทัณฑ์ จ านวน 1,000,000 บาท และกองบริหารทรัพยกรบุคคล ได้จัดการฝึกอบรมไปแล้ว จ านวน 5 ครั้ง เป็นเงินจ านวน 998,858 บาท - ประสานงานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องด าเนินการปรับปรุงแบบประเมินส าหรับประเมินผลการปฏิบัติตาม ข้อก าหนดแมนเดลา เพื่อน ามาใช้ในการประเมินผลการปฏิบัติงานของเรือนจ า/ทัณฑสถาน - จัดสรรงบประมาณในการขับเคลื่อนการด าเนินงานและพัฒนาเรือนจ าต้นแบบตามข้อก าหนดแมนเดลา (Mandela Rules) จ านวน 870,000 บาท (แปดแสนเจ็ดหมื่นบาทถ้วน) ให้กับเรือนจ า จ านวน 10 แห่ง แห่งละ 87,000 บาท (แปดหมื่นเจ็ดพันบาทถ้วน) ได้แก่ เรือนจ ากลางสมุทรปราการ เรือนจ ากลางชลบุรี เรือนจ ากลาง อุบลราชธานี เรือนจ าจังหวัดสกลนคร เรือนจ ากลางเชียงราย เรือนจ าจังหวัดอุทัยธานี เรือนจ ากลางราชบุรี เรือนจ าจังหวัดระนอง เรือนจ ากลางสงขลา และเรือนจ าพิเศษธนบุรี - จัดท าแบบประเมินผลการปฏิบัติงานตามข้อก าหนดแมนเดลา (ฉบับทดลอง) และแจ้งเรือนจ า ทัณฑสถาน และสถานกักขัง ด าเนินการตอบแบบเพื่อน าข้อมูลมาใช้ในการปรับปรุงและพัฒนาแบบประเมินผลการ ปฏิบัติงานต่อไป และอยู่ระหว่างประสานงานกับหน่วยงานเครือข่าย ในการด าเนินการปรับปรุงแบบประเมิน ส าหรับประเมินผลการปฏิบัติตามข้อก าหนดแมนเดลาให้เป็นมาตรฐาน


77 6. การนิเทศและติดตามผลการด าเนินงานการจัดสวัสดิการและสงเคราะห์ และขับเคลื่อนการด าเนินงาน ให้เป็นไปตามหลักมาตรฐานสากล จ านวน 297,850 บาท 7. การขับเคลื่อนและพัฒนาเรือนจ าต้นแบบตามข้อก าหนดกรุงเทพ (Bangkok Rules) - กรมราชทัณฑ์ ประชาสัมพันธ์เอกสารทางวิชาการจากสถานบันเพื่อการยุติธรรมแห่งประเทศไทย (องค์การมหาชน) เกี่ยวกับกระบวนการยุติธรรมทางอาญาและการใช้โทษจ าคุก เพื่อเผยแพร่ความรู้ที่เป็นประโยชน์ ต่องานราชทัณฑ์ให้กับเจ้าหน้าที่และผู้ต้องขังในเรือนจ า/ทัณฑสถาน - จัดสรรงบประมาณการด าเนินการขับเคลื่อนเรือนจ าต้นแบบตามข้อก าหนดกรุงเทพ (Bangkok Rules) แบบเฉพาะเจาะจงของกรมราชทัณฑ์ เรือนจ ากลุ่มเป้าหมาย เป็นเรือนจ าระดับอ าเภอที่มีแดนหญิงขนาดเล็ก 10 แห่ง ได้แก่ เรือนจ าอ าเภอหล่มสัก เรือนจ าอ าเภอสีคิ้ว เรือนจ าอ าเภอสวรรคโลก เรือนจ าอ าเภอธัญบุรี เรือนจ า อ าเภอเกาะสมุย เรือนจ าอ าเภอหลังสวน เรือนจ าอ าเภอนางรอง เรือนจ าอ าเภอบัวใหญ่ เรือนจ าอ าเภอกันทรลักษ์ และเรือนจ าอ าเภอสว่างแดนดิน รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 700,000 บาท (เจ็ดแสนบาทถ้วน) - การเตรียมการตรวจประเมินเรือนจ าตามข้อก าหนดกรุงเทพ ประจ าปีงบประมาณ พ.ศ.2566 โดยให้เรือนจ ากลางประธานเขตแต่งตั้งคณะกรรมการในการตรวจประเมินมาตรฐานการด าเนินงานตามข้อก าหนด กรุงเทพ (Bangkok Rules) ประจ าเขตบริหารเรือนจ า


78 8. การปรับปรุงสิ่งก่อสร้าง และค่าก่อสร้างอื่นๆ เพื่อยกระดับการดูแลผู้ต้องขังตามข้อก าหนดกรุงเทพ (Bangkok Rules) จ านวน 5,947,354.48 บาท 9. การจัดอบรมโครงการอบรมนักสังคมสงเคราะห์และผู้ปฏิบัติงานสังคมสงเคราะห์ในงานราชทัณฑ์ ประจ าปีงบประมาณ พ.ศ.2566 จ านวน 1,678,631 บาท 10. การจัดสวัสดิการเพื่อดูแลคุณภาพชีวิตของผู้ต้องขังภายในเรือนจ า โดยจัดสรรเงินผลพลอยได้ประเภท เงินทุนพัฒนาพฤตินิสัย เพื่อการจัดสวัสดิการผู้ต้องขัง ในการพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้ต้องขังภายในเรือนจ า ได้แก่การจัดสวัสดิการขั้นพื้นฐานผู้ต้องขัง การจัดสวัสดิการเพิ่มเติมในการดูแลผู้ต้องขังกลุ่มพิเศษ การจ่ายรางวัล ส าหรับผู้ต้องขังที่ประสบอันตรายจากการท างานตามหน้าที่ (จากการฝึกวิชาชีพผู้ต้องขัง) ให้กับผู้ต้องขัง และการจัดท าบัตรประจ าตัวประชาชนส าหรับผู้ต้องขัง รวมทั้งสิ้น 5,053,044.45 บาท


79 การจัดตั้งศูนย์การเรียนรู้โครงการพระราชทาน ในพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว “โคกหนองนาแห่งน้ าใจและความหวัง กรมราชทัณฑ์” พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าพระราชทานโครงการ "โคกหนองนาแห่งน้ าใจ และความหวัง กรมราชทัณฑ์" ให้เป็นโครงการในการเตรียมความพร้อมก่อนปล่อยให้กับผู้ต้องขังที่ได้รับ พระราชทานอภัยโทษ กรมราชทัณฑ์ จึงได้มีนโยบายให้จัดตั้งศูนย์การเรียนรู้โครงการพระราชทาน ในพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว "โคกหนองนาแห่งน้ าใจและความหวัง กรมราชทัณฑ์" (เรือนจ าตัวอย่าง ความส าเร็จ) เพื่อเป็นสถานที่ในการศึกษาดูงานให้กับเรือนจ า/ทัณฑสถาน และประชาชนทั่วไปที่สนใจ โดยในปีงบประมาณ พ.ศ.๒๕๖๖ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ได้ก าหนดนโยบาย ๖ เสาหลักสู่อนาคตราชทัณฑ์ โดยในหลักที่ ๑ การขับเคลื่อนโครงการพระราชทาน ดังนั้น เพื่อให้การด าเนินงานศูนย์การเรียนรู้โครงการ พระราชทานฯ มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง และเพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายของอธิบดีกรมราชทัณฑ์ ในการขับเคลื่อนโครงการพระราชทาน กรมราชทัณฑ์จึงได้สั่งการให้เรือนจ า/ทัณฑสถานทั่วประเทศ จัดตั้งศูนย์เรียนรู้โครงการพระราชทานฯ โดยให้บริหารจัดการทรัพยากรที่มี และประสานหน่วยงานเครือข่าย ภายในพื้นที่ ในการร่วมขับเคลื่อนศูนย์การเรียนรู้ฯ กรมราชทัณฑ์ได้ด าเนินการขออนุมัติสั่งการให้เรือนจ า/ทัณฑสถานทั่วประเทศ จัดตั้งศูนย์การเรียนรู้ โครงการพระราชทานในพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว “โคกหนองนาแห่งน้ าใจและความหวัง กรมราชทัณฑ์” และประจ าปีงบประมาณ พ.ศ.2566 ได้ด าเนินการจัดการฝึกอบรมสัมมนาเตรียมความพร้อม บุคลากรเพื่อการด าเนินงานศูนย์การเรียนรู้โครงการพระราชทานในพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว "โคกหนองนาแห่งน้ าใจและความหวัง กรมราชทัณฑ์" ในเรือนจ า/ทัณฑสถานทั่วประเทศ เพื่อเป็นการรับมอบ นโยบาย รับทราบแนวทางการด าเนินงานที่กรมราชทัณฑ์ก าหนด อีกทั้งยังเป็นการสร้างภาคีเครือข่ายของครูพาท า ในการช่วยเหลือสนับสนุนองค์ความรู้และทรัพยากรต่างๆ และได้สั่งการให้เรือนจ า/ทัณฑสถานรายงาน ความคืบหน้าเป็นระยะในกลุ่มไลน์ประจ าภาค


80 โครงการเชิดชูเกียรติครูพาท าต้นแบบ ศูนย์การเรียนรู้โครงการพระราชทาน ในพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว “โคกหนองนาแห่งน้ าใจและความหวัง กรมราชทัณฑ์” (เรือนจ าตัวอย่างความส าเร็จ) ประจ าปีงบประมาณ พ.ศ.2566 ปีงบประมาณ พ.ศ.2566 อธิบดีกรมราชทัณฑ์ได้ก าหนดนโยบาย 6 เสาหลักสู่อนาคตราชทัณฑ์ โดยในหลักที่ 5 การสร้างขวัญก าลังใจบุคลากรเจ้าหน้าที่ ดังนั้น เพื่อให้การด าเนินงานศูนย์การเรียนรู้โครงการ พระราชทานฯ มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง และเพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายของอธิบดีกรมราชทัณฑ์ ในการสร้างขวัญก าลังใจให้กับครูพาท าผู้ปฏิบัติหน้าที่ศูนย์การเรียนรู้โครงการพระราชทานฯ จึงเห็นควร จัดโครงเชิดชูเกียรติการครูพาท าต้นแบบประจ าศูนย์การเรียนรู้โครงการพระราชทานในพระบาทสมเด็จ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว “โคกหนองนาแห่งน้ าใจและความหวัง กรมราชทัณฑ์” (เรือนจ าตัวอย่างความส าเร็จ) ประจ าปีงบประมาณ พ.ศ.2566 กองพัฒนาพฤตินิสัย ได้ด าเนินโครงการเชิดชูเกียรติครูพาท าต้นแบบ เรือนจ าตัวอย่างความส าเร็จ ศูนย์การเรียนรู้โครงการพระราชทานในพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว “โคกหนองนาแห่งน้ าใจ และความหวัง กรมราชทัณฑ์” ประจ าปีงบประมาณ พ.ศ.2566 โดยมีครูพาท าที่เข้าร่วมโครงการได้รับรางวัล โล่ประกาศเกียรติคุณ จ านวน 5 ราย และได้รับประกาศนียบัตรเชิดชูเกียรติจ านวน 25 ราย รวมจ านวนทั้งสิ้น 30 ราย


81 โครงการพัฒนาศักยภาพเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน โครงการพระราชทานในพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว “โคกหนองนาแห่งน้ าใจและความหวัง กรมราชทัณฑ์” ประจ าปีงบประมาณ พ.ศ.2566 กรมราชทัณฑ์ได้ก าหนดให้เรือนจ า/ทัณฑสถาน เตรียมความพร้อมก่อนปล่อย โดยริเริ่มเตรียมการตั้งแต่ รับตัวผู้ต้องขังไว้ในเรือนจ า เพื่อให้มีกระบวนการในการส่งเสริมและช่วยเหลือผู้ต้องขังได้อย่างถูกวิธีและเหมาะสม เพื่อให้ผู้ต้องขังทุกคนกลับไปใช้ชีวิตในสังคมได้ รวมทั้งให้ค าแนะน าเกี่ยวกับการจัดการเรื่องส่วนตัว เศรษฐกิจ สังคม ตลอดจนมีความสัมพันธ์ที่ดีกับครอบครัวและชุมชน โดยได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากพระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัว ในการพระราชทานโครงการ “โคกหนองนาแห่งน้ าใจและความหวัง กรมราชทัณฑ์” เป็นหลักสูตรที่รองรับพระราชกฤษฎีกาพระราชทานอภัยโทษ เพื่อเป็นหลักสูตรในการเตรียมความพร้อมก่อนปล่อย โดยได้น้อมน าแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียง มาเป็นแนวทางส่องสว่างให้กลุ่มคนผู้ด้อยโอกาส ได้มองเห็นหนทางแห่ง การอยู่ร่วมกันในสังคมด้วยความสุขนั่นคือ ประกอบสัมมาอาชีพที่สุจริต ไม่เบียดเบียน อยู่อย่างพอเพียงและพร้อม ช่วยเหลือผู้อื่นด้วยความเต็มใจ โครงการการพัฒนาศักยภาพเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานโครงการพระราชทานในพระบาทสมเด็จ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว “โคกหนองนาแห่งน้ าใจและความหวัง กรมราชทัณฑ์” ประจ าปีงบประมาณ พ.ศ.2566 ได้ก าหนดให้เจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบโครงการฯ จากเรือนจ า/ทัณฑสถานทั่วประเทศ แห่งละ 1 คน และเจ้าหน้าที่ส่วนกลางกรมราชทัณฑ์ จ านวน 1 คน รวมจ านวนทั้งสิ้น 138 คน เข้ารับการอบรมหลักสูตร “การพัฒนาระบบกสิกรรมสู่ระบบเศรษฐกิจพอเพียง” ณ ศูนย์กสิกรรมธรรมชาติมาบเอื้อง จังหวัดชลบุรี โ ด ยห ลั กสู ต ร ดังกล่ า ว มี ร ะย ะเ ว ล าใน ก า ร ฝึ กอบ รม จ าน วน 5 วัน แ ล ะมีวิท ย า ก รผู้ท รงคุณ วุฒิ และผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน เกี่ยวกับเกษตรทฤษฎีใหม่และแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียงให้ความรู้มีการแบ่ง การฝึกอบรมออกเป็น ๒ รุ่น ดังนี้ รุ่นที่ 1 ส าหรับเรือนจ า/ทัณฑสถาน เขต 1 - 5 ด าเนินการฝึกอบรม ระหว่าง วันที่ 29 มีนาคม - 2 เมษายน 2566 และรุ่นที่ 2 ส าหรับเรือนจ า/ทัณฑสถาน เขต 6 - 10 ด าเนินการฝึกอบรม ระหว่างวันที่ 20 - 24 เมษายน 2566


82 โครงการอบรมสัมมนาเตรียมความพร้อมบุคลากรเพื่อการด าเนินงานศูนย์การเรียนรู้โครงการพระราชทาน ในพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว "โคกหนองนาแห่งน้ าใจและความหวัง กรมราชทัณฑ์" ในเรือนจ า/ทัณฑสถานทั่วประเทศ ประจ าปีงบประมาณ พ.ศ.2566 กรมราชทัณฑ์ มีนโยบายให้ด าเนินงานจัดท าศูนย์การเรียนรู้โครงการพระราชทานในพระบาทสมเด็จ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว "โคกหนองนาแห่งน้ าใจและความหวัง กรมราชทัณฑ์" โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นสถานที่ ในการศึกษาดูงาน “โคก หนอง นา” ให้กับเรือนจ า/ทัณฑสถาน และประชาชนทั่วไป โดยในปี พ.ศ.2566 ผู้บริหารได้มอบนโยบายให้เรือนจ า/ทัณฑสถาน ทุกแห่งทั่วประเทศด าเนินการจัดท า ศูนย์การเรียนรู้โครงการพระราชทานฯ ดังนั้น เพื่อเป็นการพัฒนาศักยภาพ เสริมสร้างองค์ความรู้ และถ่ายทอด นโยบาย ให้แก่เจ้าหน้าที่ของเรือนจ า/ทัณฑสถานผู้รับผิดชอบการด าเนินงานศูนย์การเรียนรู้ฯ จึงเห็นควรจัด โครงการสัมมนาเตรียมความพร้อมบุคลากรเพื่อการด าเนินงานศูนย์การเรียนรู้โครงการพระราชทานใน พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว "โคกหนองนาแห่งน้ าใจและความหวัง กรมราชทัณฑ์" ในเรือนจ า/ทัณฑสถาน ทั่วประเทศ จึงมีการจัดการฝึกอบรมสัมมนาใน 4 ภาค ได้แก่ ภาคกลาง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคเหนือ และภาคใต้ โดยก าหนดให้เรือนจ า/ทัณฑสถานส่งเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานโครงการพระราชทานฯ เข้ารับการ ฝึกอบรมสัมมนาฯ ทั้งนี้ ได้ด าเนินการจัดการฝึกอบรมสัมมนาแล้วเสร็จครบทั้ง 4 ภาคเป็นที่เรียบร้อย ล าดับ รายละเอียด จ านวน (ราย) 1 มีผู้เข้ารับการฝึกอบรมสัมมนาฯ เขตภาคกลาง 100 2 มีผู้เข้ารับการฝึกอบรมสัมมนาฯ เขตภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 64 3 มีผู้เข้ารับการจัดการฝึกอบรมสัมมนาฯ เขตภาคเหนือ 56 4 มีผู้เข้ารับการด าเนินการจัดการฝึกอบรมสัมมนาฯ เขตภาคใต้ 54 รวม 274


83 โครงการพัฒนาศักยภาพและส่งเสริมการฝึกวิชาชีพผู้ต้องขัง โดยน้อมน าเกษตรทฤษฎีใหม่มาปรับใช้ภายใต้การด าเนินงาน ของศูนย์การเรียนรู้โคกหนองนา กรมราชทัณฑ์ ประจ าปีงบประมาณ พ.ศ.2566 กรมราชทัณฑ์ได้จัดท าโครงการพัฒนาศักยภาพ และส่งเสริมการฝึกวิชาชีพผู้ต้องขัง โดยน้อมน าเกษตร ทฤษฎีใหม่มาปรับใช้ ภายใต้การด าเนินงานของศูนย์การเรียนรู้โคกหนองนา กรมราชทัณฑ์ ประจ าปีงบประมาณ พ.ศ.2566 โดยก าหนดพื้นที่กลุ่มเป้าหมายเป็นเรือนจ า/ทัณฑสถานทั่วประเทศ จ านวน 137 แห่ง ที่มีการจัดตั้ง ศูนย์การเรียนรู้โครงการพระราชทานฯ มีผู้ผ่านการอบรมจ านวนทั้งสิ้น 4,318 คน ด าเนินการฝึกอบรม ตามแนวทางที่กรมราชทัณฑ์ก าหนด มีเนื้อหาหลักสูตรและลักษณะของกิจกรรมที่มุ่งเน้นให้เกิดการพัฒนาศักยภาพ ของผู้ต้องขัง ควบคู่ไปกับการพัฒนาพื้นที่ศูนย์การเรียนรู้ฯ ท าให้ผู้ต้องขังสามารถน าความรู้ ทักษะ ความช านาญ เพื่อไปประกอบอาชีพและท างานเลี้ยงตนเองและครอบครัวได้ภายหลังพ้นโทษ ซึ่งเป็นการส่งเสริมให้ เรือนจ า/ทัณฑสถานทั่วประเทศ ด าเนินการขับเคลื่อนศูนย์การเรียนรู้ให้เป็นพื้นที่แห่งการเรียนรู้ส าหรับผู้ต้องขัง ผู้พ้นโทษและประชาชนทั่วไปที่สนใจอีกทางหนึ่งด้วย อธิบายบทบาทหน้าที่ผู้ช่วยครูพาท า อบรมวิทยากรประจ าฐาน ปรับพื้นที่ สร้างฐานการเรียนรู้ สรุปผล ถอดบทเรียน และวางแผนการด าเนินงาน ในระยะต่อไป ปรับพื้นที่ เพิ่มองค์ประกอบ


84 โครงการคืนคนดีสู่สังคม ประจ าปีงบประมาณ พ.ศ.2566 กระทรวงยุติธรรม ได้ริเริ่มโครงการคืนคนดีสู่สังคมขึ้นตั้งแต่ปี พ.ศ.2553 ซึ่งได้ก าหนดให้หน่วยงาน ในสังกัด ได้แก่ กรมราชทัณฑ์ กรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน และกรมคุมประพฤติ ด าเนินการจ้าง ผู้พ้นโทษ/เด็กและเยาวชน ที่กระท าผิด และผู้ถูกคุมประพฤติเข้าท างานในหน่วยงาน เพื่อเป็นอีกทางเลือกหนึ่ง ให้ผู้พ้นโทษได้ประกอบอาชีพสุจริต มีรายได้ ในการหาเลี้ยงตนเองและครอบครัว ตลอดจนสร้างทัศนคติที่ดีของสังคม ต่อตัวผู้พ้นโทษ สร้างการยอมรับและให้โอกาสผู้พ้นโทษในการกลับตนเข้าสู่สังคม ส่งผลให้ผู้พ้นโทษสามารถ ด ารงชีวิตอยู่ในสังคมได้อย่างมีศักดิ์ศรี เห็นคุณค่าในตนเอง และไม่หวนกลับไปกระท าผิดซ้ า จากการด าเนิน โครงการคืนคนดีสู่สังคมตั้งแต่ปี พ.ศ.2553 จนถึงปี พ.ศ.2566 ปรากฏว่ามีการจ้างงานผู้พ้นโทษมาแล้ว จ านวนทั้งสิ้น 3,758 คน ดังตารางสถิติข้อมูลการจ้างงานผู้พ้นโทษต่อไปนี้ (ข้อมูล ณ วันที่ 5 ตุลาคม 2566) ปี งบประมาณ พ.ศ. อัตราการจ้างงาน พนักงานรักษา ความปลอดภัย (คน) พนักงานขับรถ (คน) พนักงานทั่วไป (คน) พนักงานครูสอน นวดแผนโบราณ/ เสริมสวย (คน) รวม (คน) 2553 - 2559 372 268 1,629 143 2,412 2560 - 23 175 14 212 2561 - 13 163 9 185 2562 - 20 271 13 304 2563 - 7 216 1 224 2564 - 186 14 - 200 2565 - - 95 - 95 2566 - - 126 - 126 รวม 372 517 2,689 180 3,758


85 โดยในปีงบประมาณ พ.ศ.2566 กรมราชทัณฑ์ ได้รับการจัดสรรเงินส าหรับเป็นค่าจ้างผู้พ้นโทษจ านวน ทั้งสิ้น 6,885,000 บาท (หกล้านแปดแสนแปดหมื่นห้าพันบาทถ้วน) และได้รับจัดสรรอัตราการจ้างงานผู้พ้นโทษ จ านวน 85 อัตรา ซึ่งกรมราชทัณฑ์ ได้จัดสรรอัตราการจ้างงานผู้พ้นโทษให้กับเรือนจ า/ทัณฑสถานทั่วประเทศ ที่มีความต้องการในการจ้างงานผู้พ้นโทษ รวมจ านวนทั้งสิ้น 126 อัตรา ผลการด าเนินงานเป็นไปได้ด้วย ความเรียบร้อย อันเป็นการช่วยเหลือผู้พ้นโทษให้สามารถปรับตัว และปรับสภาพจิตใจก่อนที่จะออกไปสู่สังคม ภายนอกได้อย่างแท้จริง ตลอดจนผู้พ้นโทษเกิดความรู้สึกภาคภูมิใจในศักดิ์ศรี ศักยภาพ และคุณค่าของตนเอง ซึ่งเป็นเกราะป้องกันมิให้ผู้พ้นโทษหวนกลับไปกระท าผิดซ้ า แต่สิ่งที่ส าคัญที่สุด นั่นก็คือ สังคม ชุมชน ได้ให้โอกาส และยอมรับว่าผู้พ้นโทษเหล่านี้ได้กลับตนเป็นคนดีของสังคมแล้ว


86 การฝึกอบรมตามหลักสูตรโครงการพระราชทานในพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว “โคกหนองนาแห่งน้ าใจและความหวัง กรมราชทัณฑ์” ส าหรับผู้ต้องขังกลุ่มพักการลงโทษ ประจ าปีงบประมาณ พ.ศ.2566 กรมราชทัณฑ์ ได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในการพระราชทานโครงการ “โคกหนองนาแห่งน้ าใจและความหวัง กรมราชทัณฑ์” เพื่อใช้เป็นหลักสูตรในการเตรียมความพร้อมก่อนปล่อย รองรับพระราชกฤษฎีกาพระราชทานอภัยโทษ โดยได้น้อมน าแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จ พระบรมชนกาธิเบศรมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร มาเป็นแนวทางส่องสว่างให้กลุ่มคน ผู้ด้อยโอกาส ได้มองเห็นหนทางแห่งการอยู่ร่วมกันในสังคมด้วยความสุข นั่นคือ ประกอบสัมมาอาชีพที่สุจริต ไม่เบียดเบียน อยู่อย่างพอเพียงและพร้อมช่วยเหลือผู้อื่นด้วยความเต็มใจ ทั้งนี้ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ มีนโยบายให้การฝึกอบรมตามหลักสูตรโครงการพระราชทานในพระบาท สมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว “โคกหนองนาแห่งน้ าใจและความหวัง กรมราชทัณฑ์” เป็นหลักสูตรภาคบังคับ ในการเตรียมความพร้อมก่อนปล่อย ส าหรับผู้ต้องขังที่จะได้รับการปล่อยตัว เพื่อเตรียมความพร้อมให้กับผู้ต้องขัง ที่ใกล้พ้นโทษในการออกไปใช้ชีวิตในสังคมภายหลังพ้นโทษ โดยเริ่มด าเนินการฝึกอบรมให้กับผู้ต้องขัง กลุ่มที่เข้าเกณฑ์ได้รับการพักการลงโทษ ในปีงบประมาณ พ.ศ.2565 – 2566 มีผู้ต้องขังผ่านการฝึกอบรม ตามหลักสูตรดังกล่าว รวมจ านวนทั้งสิ้น 26,180 คน


87 หลักสูตรการเตรียมความพร้อมก่อนปล่อยผู้ต้องขังที่พ้นโทษตามก าหนดโทษในหมายศาล (โครงการเตรียมความพร้อมก่อนปล่อยในเรือนจ า/ทัณฑสถานระบบปิด) ประจ าปีงบประมาณ พ.ศ.2566 พระราชบัญญัติราชทัณฑ์ พ.ศ.2560 ได้ก าหนดให้เรือนจ า/ทัณฑสถาน ด าเนินการเตรียมความพร้อม ก่อนปล่อยให้กับผู้ต้องขัง โดยริเริ่มเตรียมการตั้งแต่ได้รับตัวผู้ต้องขังไว้ในเรือนจ า เพื่อให้มีกระบวนการ ในการส่งเสริมและช่วยเหลือผู้ต้องขังได้อย่างถูกวิธีและเหมาะสม เพื่อให้ผู้ต้องขังแต่ละคนกลับไปใช้ชีวิตในสังคมได้ รวมทั้งต้องให้ค าแนะน าเกี่ยวกับการจัดการเรื่องส่วนตัว เศรษฐกิจ สังคม ตลอดจนมีความสัมพันธ์ที่ดีกับครอบครัว และชุมชน และความในระเบียบกรมราชทัณฑ์ว่าด้วยการเตรียมความพร้อมก่อนปล่อยตัวผู้ต้องขัง พ.ศ.2561 ได้ก าหนดให้ด าเนินการจัดโครงการเตรียมความพร้อมก่อนปล่อยตัวภายใต้วัตถุประสงค์เพื่อให้ผู้ต้องขัง ได้เป็นทรัพยากรบุคคลที่ดี มีคุณค่าต่อสังคม และเตรียมตัวเพื่อออกไปใช้ชีวิตร่วมกับครอบครัวและสังคมได้ อย่างปกติสุข โดยอย่างน้อยต้องประกอบด้วยกิจกรรม 4 ด้าน ได้แก่ (1) การพัฒนาด้านร่างกาย (2) การพัฒนา ด้านจิตใจ ความคิด และทักษะชีวิต (3) การเตรียมความพร้อมด้านการประกอบอาชีพ (4) การส่งเสริมความสัมพันธ์ ในครอบครัวและการเตรียมตัวกลับสู่สังคม โดยการฝึกอบรมโครงการเตรียมความพร้อมก่อนปล่อยผู้ต้องขังที่พ้นโทษตามก าหนดโทษในหมายศาล (โครงการเตรียมความพร้อมก่อนปล่อยในเรือนจ า/ทัณฑสถานระบบปิด) ประจ าปีงบประมาณ พ.ศ.2566 มีเรือนจ า/ทัณฑสถานด าเนินการ จ านวน 135 แห่ง มีจ านวนผู้เข้ารับการอบรมจ านวนทั้งสิ้น 12,809 คน โดยกรมราชทัณฑ์ ก าหนดช่วงระยะเวลาในการฝึกอบรมในช่วงเดือนพฤษภาคม - กรกฎาคม 2566 (เรือนจ า/ทัณฑสถาน สามารถเลือกช่วงระยะเวลาการฝึกอบรม และรูปแบบหลักสูตรได้ตามความเหมาะสม)


88 ศูนย์ประสานงานและส่งเสริมการมีงานท า (CARE : Center for Assistance to Reintegration and Employment) กรมราชทัณฑ์ ได้มีนโยบายให้มีการจัดตั้งศูนย์ประสานงานและส่งเสริมการมีงานท า (CARE : Center for Assistance to Reintegration and Employment) โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นศูนย์ประสานงานและช่วยเหลือ ผู้พ้นโทษให้มีงานท าทั้งขณะต้องโทษในเรือนจ า และการน าความรู้จากการอบรมวิชาชีพไปประกอบอาชีพภายหลัง พ้นโทษ รวมทั้งเป็นศูนย์ประสานงานช่วยเหลือผู้พ้นโทษในด้านต่างๆเพื่อด าเนินการตามนโยบายในการคืนคนดี สู่สังคม เพื่อให้ผู้พ้นโทษมีอาชีพ มีงานท าภายหลังพ้นโทษ สามารถช่วยเหลือตนเอง ไม่เป็นภาระแก่ครอบครัว และสังคม และไม่กลับมากระท าผิดซ้ า และเป็นการตอบสนองนโยบายรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ในการให้หน่วยงานในกระทรวงยุติธรรมบูรณาการการท างานเพื่อพัฒนาและส่งเสริมอาชีพผู้กระท าผิดอย่างยั่งยืน ในขณะนี้ได้มีการด าเนินการโครงการดังกล่าวภายใน เรือนจ า/ทัณฑสถาน จ านวน 137 แห่ง ข้อมูลการเข้าใช้บริการศูนย์ประสานงานและส่งเสริมการมีงานท า (CARE) รายละเอียดตามแบบฟอร์มการรายงาน รวมทั้งสิ้น(คน) 1. จ านวนผู้เข้าใช้บริการ (คน) 76,541 2. การให้ความช่วยเหลือของศูนย์ CARE 2.1 ด้านการมีงานท า 2,771 - การน า ผตข. ออกไปฝึกวิชาชีพในสถานประกอบการ - โครงการจ้างงานคืนคนดีสู่สังคม - ได้รับการจ้างงานอื่นๆ (ประสานงานโดยศูนย์ CARE) 2,079 182 510 2.2 การแนะน าแหล่งงาน/ต าแหน่งงานว่าง 48,968 2.3 ผู้ได้รับทุนประกอบอาชีพ (ทุนนายแพทย์ปราเสริฐฯ,ทุนมูลนิธิฯ,ทุน ป.ป.ส. ,ทุน พ.ม. ฯลฯ) 85 2.4 การให้การสงเคราะห์ด้านต่างๆ 24,717 - ค่าพาหนะกลับภูมิล าเนา - ทุนการศึกษาบุตรผู้ต้องขัง - ที่พักอาศัยภายหลังพ้นโทษ - ด้านการรักษาพยาบาล - การสงเคราะห์ด้านอื่นๆ 4,568 219 286 724 18,920 ข้อมูล ณ วันที่ 30 กันยายน 2566


89 ความคืบหน้าการติดตามผู้พ้นโทษด้วยระบบ CARE Support ผลการติดตามผู้พ้นโทษด้วย ระบบรายงานผลการพัฒนาและส่งเสริมอาชีพผู้พ้นโทษ/ผู้ถูกคุมประพฤติ หรือ CARE Support ประจ าปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 (ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 65 – 30 ก.ย. 66) พบว่ามีผู้พ้นโทษ ได้รับการติดตามโดยศูนย์ประสานงานและส่งเสริมการมีงานท า (ศูนย์ CARE) ของกรมราชทัณฑ์จ านวนทั้งสิ้น 33,2190 คน ปรากฏรายละเอียดของผู้พ้นโทษที่ได้รับการติดตาม ดังนี้ สถานะด้านการมีงานท าของผู้ต้องขัง สถานะ จ านวน (คน) คิดเป็น ร้อยละ 1. มีงานท า 27,574 83.0 2. ไม่สามารถติดต่อได้ 4,467 13.5 3. ว่างงาน 841 2.5 4. กระท าผิดซ้ า 337 1.0 รวมทั้งสิ้น 33,219 100


90 มูลนิธิพิบูลสงเคราะห์ มูลนิธิพิบูลสงเคราะห์ ก่อตั้งเมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน 2499 โดยจอมพลป. พิบูลสงคราม และท่านผู้หญิงละเอียด พิบูลสงคราม ได้บริจาคเงินจ านวน 10,000 บาท (หนึ่งหมื่นบาทถ้วน) มอบให้แก่กรมราชทัณฑ์ เนื่องในวันวิสาขบูชา และได้ด าเนินการจัดตั้งมูลนิธิขึ้น ต่อมากรมราชทัณฑ์จึงได้แต่งตั้งกรรมการขึ้นเพื่อพิจารณา วางหลักเกณฑ์ และวิธีการจัดตั้ง บริหารงานโดยคณะกรรมการมูลนิธิฯ โดยมีอธิบดีกรมราชทัณฑ์ เป็นประธาน มูลนิธิฯ และได้รับการประกาศให้เป็นองค์กรสาธารณกุศล ล าดับที่ 892 ตามประกาศกระทรวงการคลังฯ ลงวันที่ 15 ตุลาคม 2555 (ราชกิจจานุเบกษาฉบับประกาศและงานทั่วไป เล่ม 129 ตอนพิเศษ 186 ง) ซึ่งมูลนิธิพิบูลสงเคราะห์ได้ด าเนินการต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน แผนการด าเนินงานในปี 2566 รายการค่าใช้จ่าย แผน ค่าใช้จ่าย ปี 2566 ใช้จ่ายจริง ปี 2566 จ านวน (ราย) คงเหลือ หมาย เหตุ 1. การสงเคราะห์ทุนประกอบอาชีพ 211,900 197,760 19 14,140 2. การสงเคราะห์ทุนการศึกษาบุตรผู้ต้องขัง 500,000 500,000 212 - 3. การสงเคราะห์ค่าพาหนะและเบี้ยเลี้ยงกลับ ภูมิล าเนาแก่ผู้พ้นโทษ 65,000 30,798 171 34,202 รวมทั้งสิ้น 776,900 728,558 402 48,342


91 มูลนิธิส่งเสริมพลเมืองดี มูลนิธิส่งเสริมพลเมืองดี จัดตั้งขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้การสงเคราะห์ช่วยเหลือบุคคลและครอบครัว ที่เกี่ยวข้องกับการคุมประพฤติ กรมราชทัณฑ์ ได้แก่ ผู้ถูกคุมประพฤติ ผู้พ้นโทษตลอดจนเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน เกี่ยวกับการคุมประพฤติ และอาสาสมัครคุมประพฤติ รวมทั้งด าเนินการหรือร่วมมือกับหน่วยงานอื่นเพื่อแก้ไข ฟื้นฟู สงเคราะห์ผู้กระท าผิดให้กลับตนเป็นพลเมืองดี ให้การสงเคราะห์ในรูปแบบของการสงเคราะห์ ทุนประกอบอาชีพแก่ผู้พ้นโทษ ให้การสงเคราะห์ทุนการศึกษาบุตรของผู้พ้นโทษ และให้การสงเคราะห์ค่าพาหนะ ในการเดินทางกลับภูมิล าเนาแก่ผู้พ้นโทษ โดยเริ่มด าเนินงาน ตั้งแต่วันที่ 23 มกราคม 2547 เป็นต้นมา แผนการด าเนินงานในปี 2566 รายการค่าใช้จ่าย แผนค่าใช้จ่าย ปี 2566 ใช้จ่ายจริง ปี 2566 จ านวน (ราย) คงเหลือ หมาย เหตุ 1.เงินสงเคราะห์ทุนประกอบอาชีพ 1,000,000 371,635 33 628,365 2.เงินสงเคราะห์ทุนการศึกษาบุตรผู้พ้นโทษ และผู้ถูกคุมประพฤติ 200,000 141,000 59 59,000 3.เงินสงเคราะห์ค่าพาหนะและค่าเบี้ยเลี้ยง กลับภูมิล าเนาแก่ผู้พ้นโทษ 130,000 16,973 73 113,027 รวมทั้งสิ้น 1,330,000 529,608 165 800,392


92 การด าเนินงานภารกิจอื่นที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาพฤตินิสัย โครงการจัดท าข้อตกลงความร่วมมือ MOU การพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ด้านการพัฒนาพฤตินิสัยผู้ต้องขัง ระหว่างกรมราชทัณฑ์ กับ กองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์วันพุธที่ ๗ มิถุนายน 2566 นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี และรักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เป็นป ร ะ ธ านในพิ ธีลงน ามบันทึกข้อต กลงค ว าม ร่ วมมือก า รพัฒน าสื่ อปล อดภัยแ ล ะส ร้ าง ส ร รค์ ด้านการพัฒนาพฤตินิสัยผู้ต้องขัง ระหว่างกรมราชทัณฑ์ กับ กองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ โดยมีนางพงษ์สวาท กายอรุณสุทธิ์ ปลัดกระทรวงยุติธรรม ร่วมเป็นสักขีพยาน ซึ่งมีนายอายุตม์สินธพพันธุ์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์และ ดร.ธนกร ศรีสุกใส ผู้จัดการกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ เข้าร่วมแสดง เจตนารมณ์และลงนามบันทึกความร่วมมือเป็นการเริ่มต้นสู่การสร้างความร่วมมือในการสร้างการรับรู้ความเข้าใจ เพิ่มพูนทักษะการรู้เท่าทันและเฝ้าระวังสื่อที่ไม่ปลอดภัยและไม่สร้างสรรค์ ให้กับบุคลากรและผู้ต้องขังให้สามารถ ใช้สื่อเพื่อพัฒนาตนเองได้โดยพิธีลงนามได้จัดขึ้น ณ ห้องประชุมกระทรวงยุติธรรม ห้อง ๑๐๐๑ ถนนแจ้งวัฒนะ กรุงเทพมหานคร


93 โครงการสัมมนาการจัดท ามาตรฐานการปฏิบัติงานด้านการพัฒนาพฤตินิสัยผู้ต้องขัง ระหว่างที่ 13 - 14 มีนาคม 2566 ณ โรงแรม ดี วารี จอมเทียน บีช พัทยา โฮเทล จังหวัดชลบุรี กองพัฒนาพฤตินิสัย จัดโครงการสัมมนาการจัดท ามาตรฐานการปฏิบัติงานด้านการพัฒนาพฤตินิสัย ผู้ต้องขัง เพื่อระดมความคิดเห็นในร่างมาตรฐานการปฏิบัติงานด้านการพัฒนาพฤตินิสัยผู้ต้องขัง (Standard Operating Procedures for Prisoner Rehabilitation) ร่วมกับคณะท างานอาจารย์ผู้ทรงคุณวุฒิ จากมหาวิทยาลัยบูรพา โดยมุ่งหวังให้บุคลากรกรมราชทัณฑ์โดยเฉพาะผู้ปฏิบัติงานในเรือนจ าและทัณฑสถาน ได้มีความรู้ความเข้าใจในแนวทางการปฏิบัติงานของภารกิจการพัฒนาพฤตินิสัยผู้ต้องขัง ได้แก่ การส่งเสริมการศึกษา การพัฒนาจิตใจ การฝึกวิชาชีพผู้ต้องขัง การส่งเสริมทักษะการท างาน การบริหารเงินนอกงบประมาณ และการสังคมสงเคราะห์สวัสดิการผู้ต้องขัง และเพื่อให้มีมาตรฐานการปฏิบัติงานด้านการพัฒนาพฤตินิสัยผู้ต้องขัง (Standard Operating Procedures for Prisoner Rehabilitation) ที่สามารถน าไปประกอบกับหลัก สิทธิมนุษยชน มาตรฐาน และข้อก าหนดระหว่างประเทศ เป็นข้อค านึงในการปฏิบัติต่อผู้ต้องขัง สามารถลดปัญหา ในการปฏิบัติงาน และเสริมสร้างการปฏิบัติต่อผู้ต้องขังอย่างเป็นมืออาชีพและเป็นไปตามหลักสากล โดยมีผู้เข้าร่วม การสัมมนา ประกอบด้วย ผู้บัญชาการเรือนจ า ผู้อ านวยการทัณฑสถาน ผู้อ านวยการกอง ผู้อ านวยการส่วน ผู้อ านวยการกลุ่มงาน หัวหน้าฝ่ายฝึกวิชาชีพ หัวหน้าฝ่ายการศึกษา วิทยากร เจ้าหน้าที่โครงการผู้สังเกตการณ์ และผู้ติดตาม รวมจ านวนทั้งสิ้น 74 คน


94 โครงการเผยแพร่งานราชทัณฑ์ที่ก้าวผ่านสู่การพัฒนาพฤตินิสัยผู้ต้องขัง วันจันทร์ที่ 25 กันยายน 2566 กองพัฒนาพฤตินิสัย ได้จัดโครงการเผยแพร่งานราชทัณฑ์ที่ก้าวผ่าน สู่การพัฒนาพฤตินิสัยผู้ต้องขัง ณ บริเวณพื้นที่สนามหน้าอาคารพิพิธภัณฑ์ราชทัณฑ์ กรมราชทัณฑ์ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อประชาสัมพันธ์งานด้านการพัฒนาพฤตินิสัยและสร้างพื้นที่ส าหรับการเพิ่มพูนความรู้ ประสบการณ์การปฏิบัติงานให้แก่ผู้ต้องขัง ในด้านนาฏศิลป์/นาฏยลีลา และด้านการประกอบอาหาร และการบริการจากผู้ต้องขังเรือนจ า/ทัณฑสถาน ซึ่งกิจกรรมดังกล่าวเป็นการแสดงในรูปแบบ แสง สี เสียง (Light And Sound) ให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงแต่ละยุคสมัยของการลงโทษและการควบคุมดูแลผู้ต้องขัง ตั้งแต่สมัยอยุธยาที่มีการลงโทษที่รุนแรงมุ่งเน้นให้เป็นที่ย าเกรงไปจนถึงปัจจุบันที่มีการมุ่งเน้นการพัฒนาพฤตินิสัย เพื่อคืนคนดีกลับสู่สังคม


95 พิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือโครงการฝึกวิชาชีพชกมวยไทยให้แก่ผู้ต้องขัง ระหว่างกรมราชทัณฑ์ กับ บริษัท หยกขาว บ๊อกซิ่ง จ ากัด กรมราชทัณฑ์ ร่วมกับ บริษัท หยกขาว บ๊อกซิ่ง จ ากัด จัดพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือโครงการ ฝึกวิชาชีพชกมวยไทยให้แก่ผู้ต้องขังในเรือนจ า/ทัณฑสถานทั่วประเทศ เมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม 2566 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อขยายโอกาสให้แก่ผู้ต้องขังที่มีความสนใจหรือมีความสามารถพิเศษ ด้านกีฬามวยไทย ให้ได้รับการฝึกทักษะอย่างต่อเนื่อง ส่งเสริมการพัฒนาทั้งทางด้านร่างกายและจิตใจให้แก่ผู้ต้องขัง นับเป็นการสร้างโอกาสการมีอาชีพให้แก่ผู้ต้องขังส าหรับเลี้ยงตนเองและครอบครัวภายหลังพ้นโทษ เพื่อช่วยป้องกันการกระท าความผิดซ้ า สามารถคืนคนดีสู่สังคมได้อย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน โดยกรมราชทัณฑ์ จะมีการคัดเลือกเรือนจ า/ทัณฑสถานที่เหมาะสมกับโครงการดังกล่ าว เพื่อเข้ารับการฝึกวิชาชีพชกมวยไทยฝึกซ้อม และฝึกทักษะอย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งอ านวยความสะดวกแก่ วิทยากรและบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถ ในการร่วมวางแผนการจัดฝึกวิชาชีพชกมวยไทยอย่างต่อเนื่อง ตลอดจนการติดตามและประเมินผลความก้าวหน้าของความร่วมมือ เพื่อพัฒนาและปรับปรุงแก้ไขปัญหาอุปสรรค ในการด าเนินงานร่วมกัน และบริษัท หยกขาว บ๊อกซิ่ง จ ากัด จะสนับสนุนอุปกรณ์การฝึกวิชาชีพ มวยไทย และบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถเข้ามาเป็นผู้ฝึกสอนให้แก่ผู้ต้องขัง รวมทั้งส่งเสริม สนับสนุน ให้ผู้ต้องขังได้แสดงความสามารถ ท าการแข่งขันในเวทีต่างๆ ทั้งภายในและภายนอกเรือนจ า/ทัณฑสถาน และเปิดโอกาสให้ได้รับการต่อยอด พัฒนาทักษะฝีมือการชกให้สามารถสร้างชื่อเสียง สร้างการยอมรับและโอกาส ในการก้าวไปสู่การเป็นนักมวยอาชีพ


96 การบริหารเงินงบประมาณ ค่าใช้จ่ายส่วนกลาง ประจ าปีงบประมาณ พ.ศ.2566 ล าดับ โครงการ เงินที่ได้รับ(บาท) ใช้ไป(บาท) คืนเงิน(บาท) 1 โครงการอ านวยการปฏิบัติงาน หลักในการขับเคลื่อนงานเพื่อพัฒนา พฤตินิสัยผู้ต้องขัง 1,554,300 1,547,839.12 6,460.88 2 โครงการจัดสวัสดิการและสงเคราะห์ ผู้ต้องขัง และขับเคลื่อนการ ด าเนินงานของเรือนจ าให้เป็นไปตาม มาตรฐานสากล 19,516,900 19,042,681 474,219 3 โครงการพัฒนาด้านจิตใจเพื่อสร้าง คุณธรรมจริยธรรมให้กับผู้ต้องขัง 16,369,700 16,355,007.79 14,692.21 4 โครงการพัฒนาศักยภาพผู้ต้องขัง เพื่อคืนคนดีสู่สังคม 50,452,100 49,706,756.79 745,343.21 5 โครงการขับเคลื่อนศูนย์ประสานงาน และส่งเสริมการมีงานท า 1,000,000 1,000,000 0 6 โครงการโปรแกรมการแก้ไขผู้ค้ายา เสพติดให้กับผู้ต้องคดียาเสพติด 10,164,000 10,164,000 0 รวม 99,057,000 97,816,284.70 1,240,715.30 2% 20% 16% 51% 1% 10% โครงการอ านวยการปฏิบัติงานหลักในการ ขับเคลอื่นงานเพอื่พัฒนาพฤตนิ สิ ัยผต ้องขังู้ โครงการจัดสวัสดิการและสงเคราะห์ผู้ต ้องขัง และขับเคลื่อนการด าเนินงานของเรือนจ าให ้ เป็นไปตามมาตรฐานสากล โครงการพัฒนาจิตใจเพื่อสร ้างคุณธรรม จริยธรรมให้กับผู้ต ้องขัง โครงการพัฒนาศักยภาพผตู้อ้งขังเพอื่คนคนดี ื สสู่ ังคม โครงการขับเคลื่อนศูนย์ประสานงานและ สง่เสรมิการมงีานท า โครงการโปรแกรมการแก ้ไขผู้ค ้ายาเสพติด ให้กับผู้ต ้องขังคดียาเสพติด


97


98 125,154,360.69 141,492,240.83 17,604,719.57 8,505,121.30 1,324,247,183.47 111,662,782.76 28,473,216.00 0.00 500,000,000.00 1,000,000,000.00 1,500,000,000.00 เงินผลพลอยได้อื่น แรงงานรับจ้าง การจ าหน่ายผลิตผล… การจ าหน่ายสัตว์เลี้ยง การจ าหน่ายอาหารและ… การจ าหน่ายสินค้า การผลิตหลักเขต รายได้จากการด าเนินงาน 101,078,574.84 9,449,122.90 53,681,580.01 1,227,923,043.12 39,644,430.67 28,496,791.33 53,181,457.75 2,293,599.10 248,248,911.72 42,245,459.17 18,697,306.88 0.00 500,000,000.00 1,000,000,000.00 1,500,000,000.00 ค่าใช้จ่ายระหว่างหน่วยงานและค่าใช้จ่ายอื่น ค่าใช้จ่ายเงินอุดหนุนเพื่อการด าเนินงาน ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจ าหน่าย ต้นทุนขายสินค้าและบริการ ค่าสาธารณูปโภค ค่าวัสดุ ค่าใช้สอย ค่าใช้จ่ายด้านการฝึกอบรมและค่าใช้จ่ายเดินทาง เงินรางวัลผู้ต้องขัง เงินรางวัลเจ้าพนักงาน ค่าใช้จ่ายบุคคลการ ค่าใช้จ่าย


99


100


Click to View FlipBook Version