ตวั คณู ทางการคลงั
ค่มู ือการวิเคราะห์ผลกระทบของการใช้จ่ายภาครัฐตอ่ GDP
โดยตัวคณู ทางการคลัง (Fiscal Multipliers)
เร่ือง คู่มือการวิเคราะห์ผลกระทบของการใชจ้ า่ ยภาครัฐต่อ GDP
โดยตัวคณู ทางการคลงั (Fiscal Multipliers)
ฉบับที่
จัดพิมพค์ รัง้ ที่ 14/2564
จานวนหนา้
จานวนพิมพ์ 1/2564
จัดทาโดย
54 หน้า
ท่ีปรกึ ษา
70 เลม่
ผ้จู ัดทา
พมิ พ์ท่ี สานกั งบประมาณของรัฐสภา สานกั งานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร
1111 ถนนสามเสน แขวงถนนนครไชยศรี เขตดสุ ติ กรุงเทพมหานคร 10300
นายศิโรจน์ แพทย์พนั ธ์ุ รองเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร
นายนพรัตน์ ทวี ผู้อานวยการสานกั งบประมาณของรฐั สภา
ดร.ณรงคช์ ยั ฐติ ินันท์พงศ์ นักวิเคราะห์งบประมาณชานาญการพเิ ศษ
สานักการพิมพ์ สานักงานเลขาธิการสภาผ้แู ทนราษฎร
1111 ถนนสามเสน แขวงถนนนครไชยศรี เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร 10300
โทรศพั ท์ 0-2242-5900 ตอ่ 5421
คู่มอื กำรวเิ ครำะห์ผลกระทบของกำรใชจ้ ำ่ ยภำครฐั ต่อ GDP โดยตวั คูณทำงกำรคลงั (Fiscal Multipliers)
คำนำ
คู่มือการวิเคราะห์ผลกระทบของการใช้จ่ายภาครัฐต่อ GDP โดยตัวคูณทางการคลัง (Fiscal Multipliers)
ฉบับน้ี ผู้ศึกษาได้ค้นคว้าและจัดทาข้ึน เพื่อสนับสนุนการดาเนินงานตามภารกิจของสานักงานเลขาธิการสภา
ผูแ้ ทนราษฎรและหน่วยงานในกากับ อาทิ สานักกรรมาธิการ สานักวชิ าการ และสานักงบประมาณของรัฐสภา
ในการวิเคราะห์เศรษฐกิจมหภาค ดังนน้ั จงึ ได้พัฒนาเครอื่ งมอื การวเิ คราะหเ์ ชงิ ปริมาณ คือ Fiscal Multipliers
และจัดทาเป็นคู่มือที่สรุปรายละเอียดแนวคิด ฐานข้อมูลที่เกี่ยวข้อง ขั้นตอนการคานวณ การประมาณการ และ
การประยุกต์ใช้ เพ่อื ให้บุคลากรของสานักงานและผู้ท่ีสนใจ สามารถเรียนรู้ได้ด้วยตนเอง และนาไปเสริมภารกิจ
ทร่ี บั ผิดชอบ อันจะเปน็ การเพม่ิ ศกั ยภาพการทางานต่อไป
การดาเนินการในครั้งนี้จะไม่บรรลุวัตถุประสงค์ข้างต้น หากขาดการสนับสนุนที่สาคัญจากหลายฝ่าย
ผู้ศึกษาขอแสดงความขอบคุณตอ่ คาแนะนาและความเห็นท่ีเป็นประโยชน์จากผู้บังคับบัญชาสานักงบประมาณ
ของรัฐสภาและเพื่อนร่วมงานทุกท่าน ซ่ึงทาให้สามารถจัดทาคู่มือฉบับนี้สาเร็จไปได้ด้วยดี ทั้งน้ี ข้อคิดเห็น
ทป่ี รากฏในรายงานเปน็ ความเห็นของผู้ศึกษา ซง่ึ ไม่จาเป็นตอ้ งสอดคลอ้ งกับความเหน็ ของหนว่ ยงานตน้ สังกดั
ผูศ้ กึ ษา
ดร.ณรงค์ชัย ฐติ นิ ันท์พงศ์
(สงิ หาคม 2564)
ก
สำนกั งำนเลขำธิกำรสภำผู้แทนรำษฎร สำนักงบประมำณของรัฐสภำ
คมู่ ือกำรวเิ ครำะห์ผลกระทบของกำรใช้จ่ำยภำครฐั ตอ่ GDP โดยตวั คูณทำงกำรคลัง (Fiscal Multipliers)
บทสรปุ ผูบ้ ริหำร
คู่มือการวเิ คราะห์ผลกระทบของการใช้จ่ายภาครัฐต่อ GDP โดยตัวคูณทางการคลัง (Fiscal Multipliers)
ฉบับนี้ มีวัตถุประสงค์เพ่ือนาเสนอขั้นตอนการคานวณ Fiscal Multipliers สาหรับการใช้จ่ายภาครัฐและ
วิเคราะห์ผลกระทบต่อ GDP เพื่อเผยแพร่แก่บุคลากรของสานักงบประมาณของรัฐสภาและหน่วยงานอื่น
ภายใต้สานักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร รวมท้ังผู้ที่สนใจให้สามารถเรียนรู้และดาเนินการในประเด็น
ดงั กลา่ วด้วยตนเอง
Fiscal Multipliers หมายถึง สัดส่วนที่บอกถึงการเพ่ิมขึ้นของ GDP เมื่อภาครัฐเพ่ิมการใช้จ่ายหรือลด
ภาษี ทั้งน้ี การประมาณการ Fiscal Multipliers ในการศึกษาฉบับนี้ จะปรับปรุงจากการดาเนินงานของ
สานกั งานเศรษฐกจิ การคลงั เมื่อปี 2551 โดยจาแนกการใชจ้ ่ายภาครฐั ออกเป็น 3 ประเภท ดงั น้ี
1. การใช้จ่ายภาครัฐที่มีผลกระทบทางตรงต่อ GDP หรือการใช้จ่ายท่ีทาให้ความต้องการสินค้าและ
บริการ มูลค่าการผลิตสินค้าและบริการ และ GDP เพิ่มขึ้นทันทีเมื่อภาครัฐใชจ้ ่าย ประกอบด้วย 1) ค่าตอบแทน
บุคลากรภาครัฐ 2) รายจ่ายเพ่ือการลงทุน และ 3) รายจ่ายประเภทอ่ืน ๆ อาทิ ค่าใช้จ่ายในการซ้ือสินค้าและ
บริการ ค่าใชจ้ ่ายในการดาเนินการ ค่าสาธารณูปโภค และรายจ่ายเพ่ือจัดหาบริการในรูปแบบสวสั ดกิ ารสังคม
แกป่ ระชาชน
2. การใช้จ่ายภาครัฐที่มีผลกระทบทางออ้ มต่อ GDP หรือการใช้จ่ายของภาครัฐที่เมื่อมีการเบิกจ่ายแล้ว
จะเป็นการโอนอานาจซื้อจากภาครัฐไปสู่ผู้รับ ท้ังน้ี เม่ือผู้รับทาการใช้จ่ายซ้ือสินค้าและบริการ จึงจะทาให้
ความต้องการสินค้าและบริการ มูลค่าการผลิตสินค้าและบริการ และ GDP เพ่ิมข้ึนต่อไป ประกอบด้วย
1) เงินโอนสาหรับประชาชนท่วั ไป และ 2) เงนิ โอนสาหรบั ประชาชนผู้มีรายไดน้ อ้ ย
3. การใช้จ่ายภาครัฐที่ไม่มผี ลกระทบต่อ GDP โดยเม่อื มีการเบกิ จ่ายรายจ่ายประเภทดงั กลา่ วแล้ว จะไม่
ทาให้เงินงบประมาณหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจเพิ่มมากขึ้น และไม่ทาให้เกิดความตอ้ งการสินค้าและบริการ
ดงั นั้น Fiscal Multipliers สาหรับการใชจ้ ่ายประเภทน้ี จึงเท่ากับ 0 ทั้งนี้ ตัวอย่างรายจ่ายในประเภทดงั กล่าว
อาทิ รายจ่ายเพื่อชดใช้เงินคงคลัง รายจ่ายเพ่ือชาระคืนเงินต้นและดอกเบี้ยของหนี้สาธารณะ รายจ่ายชดเชย
ผลการดาเนินงานโครงการตามนโยบายรัฐท่ีได้ดาเนินการแล้วแก่สถาบันการเงินเฉพาะกิจ รายจ่ายสาหรับ
หน่วยงานภาครัฐไทยทีด่ าเนนิ การในตา่ งประเทศ และรายจา่ ยท่ตี อ้ งชาระเปน็ เงนิ ตราตา่ งประเทศ
นอกจากนี้ คู่มือฉบับนี้ ยังได้ปรับลดระยะเวลาในการคานวณผลกระทบของการใช้จ่ายภาครัฐภายหลัง
การเบิกจ่ายเป็น 5 ปี ในการคานวณ Fiscal Multipliers ประเภทต่าง ๆ ตามผลการศึกษาของกองทุนการเงิน
ระหว่างประเทศ (International Monetary Fund) และเพิ่มผลกระทบเชิงบวกท่ีรายจ่ายเพื่อการลงทุนของ
ภาครัฐมีต่อการลงทุนภาคเอกชนในการคานวณ Fiscal Multipliers สาหรับรายจ่ายเพ่ือการลงทุนตามผล
การศึกษาของธนาคารแห่งประเทศไทย ทั้งน้ี ข้อมูลที่ใช้ในการศึกษาประกอบด้วยข้อมูลตัวแปรเศรษฐกิจ
มหภาคท่ีเก่ียวข้องจากหน่วยงานภาครัฐด้านเศรษฐกิจ อาทิ กระทรวงการคลัง สานักงานสภาพัฒนาการ
เศรษฐกจิ และสังคมแห่งชาติ และธนาคารแห่งประเทศไทย โดยเป็นขอ้ มูลตั้งแต่ในอดีต – ปี 2563
ข
สำนกั งำนเลขำธิกำรสภำผู้แทนรำษฎร สำนักงบประมำณของรัฐสภำ
คมู่ ือกำรวิเครำะหผ์ ลกระทบของกำรใช้จำ่ ยภำครฐั ต่อ GDP โดยตวั คณู ทำงกำรคลัง (Fiscal Multipliers)
ผลการประมาณการ Fiscal Multipliers สาหรับการใชจ้ า่ ยภาครัฐประเภทตา่ ง ๆ เรยี งลาดบั จากคา่ สงู สุด
ไปต่าสุด มดี งั นี้
1. รายจ่ายประเภทอ่นื ๆ ที่พจิ ารณาแลว้ เห็นว่า มีผลกระทบทางตรงตอ่ GDP เท่ากบั 1.947
2. ค่าตอบแทนบคุ ลากรภาครฐั เท่ากับ 1.871
3. รายจ่ายเงนิ โอนสาหรบั ประชาชนผ้มู รี ายไดน้ ้อย เทา่ กบั 1.356
4. รายจ่ายเพอ่ื การลงทุน เท่ากับ 1.242
5. รายจา่ ยเงนิ โอนสาหรบั ประชาชนทว่ั ไป เทา่ กับ 0.947
การแปลความผลการศกึ ษาสามารถดาเนินการได้ดงั ตอ่ ไปนี้ กรณีค่าตอบแทนบุคลากรภาครัฐท่มี ี Fiscal
Multipliers เท่ากับ 1.871 พบวา่ เมื่อภาครัฐเพม่ิ ค่าใช้จ่ายดงั กล่าว จานวน 1 บาท และเบกิ จ่าย จะทาให้ GDP
เพม่ิ ขึน้ จานวน 1.871 บาท ภายในระยะเวลา 5 ปี
ทั้งน้ี ผู้ท่ีสนใจในการวิเคราะห์ผลกระทบของการใช้จ่ายภาครัฐต่อ GDP โดย Fiscal Multipliers
สามารถดาเนินการตามเนอื้ หาท่นี าเสนอในคู่มือฉบบั นต้ี ามขั้นตอน ดงั น้ี
1. ศึกษาแนวทางการจาแนกประเภทการใช้จ่ายภาครัฐ แนวคิดเศรษฐศาสตร์ข้ันพ้ืนฐานท่ีจาเป็น
และแนวคดิ ของ Fiscal Multipliers ตามทีป่ รากฏในบทที่ 1 – 3
2. ศึกษาขั้นตอนการประมาณการ Fiscal Multipliers และฐานข้อมูลที่เกี่ยวข้องตามที่ปรากฏในบท
ที่ 3 – 4
3. ศึกษาตัวอย่างการนา Fiscal Multipliers ไปวิเคราะห์การจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจาปีของ
หน่วยรับงบประมาณตามท่ีปรากฏในบทที่ 4
คู่มือการวิเคราะห์ผลกระทบของการใช้จ่ายภาครัฐต่อ GDP โดย Fiscal Multipliers จะทาให้สานัก
งบประมาณของรัฐสภา สานักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร สามารถปฏิบัติหน้าที่ตามท่ีกาหนดไว้
ในประเด็นเก่ียวกับ 1) การศึกษา วิเคราะห์ วิจัย และจัดทารายงานด้านเศรษฐกิจ การเงินการคลัง
การงบประมาณ 2) การประมาณการภาวะเศรษฐกิจและงบประมาณ และ 3) การติดตาม ตรวจสอบการใช้
จ่ายงบประมาณของรัฐบาลให้เป็นไปอย่างเหมาะสมคุ้มค่า ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ท้ังน้ี ผู้ที่สนใจ
นา Fiscal Multipliers ไปประยุกต์ใช้ จาเป็นต้องมีพื้นฐานความรู้หลักเศรษฐศาสตร์มหภาคเบื้องต้นในระดับ
ปริญญาตรี รวมทั้งสามารถจาแนกการใช้จ่ายภาครัฐออกเป็นประเภทต่าง ๆ ตามลักษณะการใช้จ่ายท่ีกาหนด
ไดอ้ ย่างถูกต้อง โดยการประมาณการ Fiscal Multipliers ของการใช้จ่ายภาครัฐ และวิเคราะห์ผลท่ีมีตอ่ GDP
เป็นการใช้เครื่องมือเชิงปริมาณเพื่อวิเคราะห์เศรษฐกิจมหภาคในระดับเบ้ืองต้นเท่านั้น ท้ังนี้ ในอนาคต
เม่ือสานักงบประมาณของรัฐสภามีความพร้อม อาจสามารถริเริ่มใช้แบบจาลองเศรษฐกิจมหภาค ท่ีเป็น
แบบจาลองเศรษฐมิติระบบสมการขนาดใหญ่ เชอื่ มภาคเศรษฐกิจต่าง ๆ เขา้ ไวด้ ว้ ยกัน ทาให้สามารถวิเคราะห์
ผลของการใชจ้ ่ายภาครัฐต่อตวั แปรเศรษฐกจิ มหภาคไดค้ รอบคลมุ มากข้นึ
ค
สำนกั งำนเลขำธกิ ำรสภำผแู้ ทนรำษฎร สำนักงบประมำณของรฐั สภำ
คมู่ ือกำรวิเครำะห์ผลกระทบของกำรใชจ้ ่ำยภำครัฐตอ่ GDP โดยตวั คณู ทำงกำรคลงั (Fiscal Multipliers)
สำรบัญ หนา้
ก
คานา ข
บทสรปุ ผูบ้ ริหาร ง
สารบัญ *
สารบัญตาราง *
สารบัญแผนภาพ
บทท่ี 1
1
1. บทนา 2
1.1 ความเปน็ มาและความสาคญั ของปัญหา 2
1.2 วตั ถุประสงคข์ องการศกึ ษา 3
1.3 ขอบเขตของการศึกษา 4
1.4 วิธีการศึกษา 4
1.5 นิยามศพั ทเ์ ฉพาะ 6
1.6 ประโยชนท์ ่ีคาดว่าจะไดร้ บั 6
10
2. แนวคิด ทฤษฎี และวรรณกรรมทเ่ี กี่ยวข้อง 12
2.1 แนวคดิ ทฤษฎี 13
2.2 วรรณกรรมทเ่ี กี่ยวขอ้ ง 13
2.3 ข้อสรปุ จากแนวคดิ ทฤษฎี และงานวจิ ัยในอดตี 25
25
3. วิธกี ารศึกษา 27
3.1 รายละเอยี ดวิธีการศกึ ษา 27
3.2 ข้ันตอนการดาเนินการ
3.3 วธิ ีการเก็บขอ้ มูล 39
4. ผลการศกึ ษา
4.1 ผลการประมาณการ Fiscal Multipliers
4.2 กรณศี ึกษาการประยุกต์ใช้ Fiscal Multipliers ในการวเิ คราะหก์ ารจดั สรร
งบประมาณ
ง
สำนกั งำนเลขำธิกำรสภำผแู้ ทนรำษฎร สำนกั งบประมำณของรฐั สภำ
คมู่ ือกำรวิเครำะห์ผลกระทบของกำรใชจ้ ำ่ ยภำครัฐต่อ GDP โดยตวั คูณทำงกำรคลัง (Fiscal Multipliers)
สำรบญั (ต่อ) หนา้
44
5. สรุปผลการศึกษา อภิปรายผล และข้อเสนอแนะ 44
5.1 สรปุ ผลการศกึ ษา 45
5.2 อภปิ รายผลการศึกษา 46
5.3 ขอ้ เสนอแนะ 48
บรรณานุกรม
จ
สำนักงำนเลขำธกิ ำรสภำผู้แทนรำษฎร สำนักงบประมำณของรัฐสภำ
ค่มู อื กำรวเิ ครำะห์ผลกระทบของกำรใช้จ่ำยภำครฐั ตอ่ GDP โดยตวั คณู ทำงกำรคลงั (Fiscal Multipliers)
สำรบญั ตำรำง หนา้
15
ตารางท่ี 17
1 การเพิ่มค่าตอบแทนบคุ ลากรภาครัฐและผลกระทบตอ่ GDP 18
2 การประมาณการความเรว็ ของการหมุนเวยี นของเงิน 19
3 การคานวณ Fiscal Multipliers กรณคี า่ ตอบแทนบคุ ลากรภาครัฐ 20
4 การเพม่ิ รายจ่ายเพอ่ื การลงทุนภาครฐั และผลกระทบตอ่ GDP
5 ประมาณการผลของการลงทนุ ภาครฐั ทีม่ ีตอ่ ภาคเอกชน (Crowding-In Effects) 21
6 การเพิม่ รายจา่ ยเพื่อการลงทุนของภาคเอกชนอนั เน่อื งมาจากการลงทุนภาครฐั 22
และผลกระทบต่อ GDP
7 การคานวณ Fiscal Multipliers กรณีรายจ่ายเพื่อการลงทนุ 23
8 การคานวณ Fiscal Multipliers กรณีรายจ่ายประเภทอ่ืน ๆ ทีพ่ จิ ารณาแล้วเห็นวา่ 24
มีผลกระทบทางตรงตอ่ GDP 25
9 การคานวณ Fiscal Multipliers กรณรี ายจ่ายเงินโอนสาหรับประชาชนทัว่ ไป 27
10 การคานวณ Fiscal Multipliers กรณรี ายจ่ายเงินโอนสาหรบั ประชาชนผู้มีรายได้นอ้ ย 28
11 สตู รการประมาณการ Fiscal Multipliers กรณคี ่าตอบแทนบุคลากรภาครฐั
12 สูตรประมาณการ Fiscal Multipliers กรณรี ายจา่ ยเพอื่ การลงทุน 28
13 สตู รประมาณการ Fiscal Multipliers กรณรี ายจา่ ยประเภทอื่น ๆ ท่ีพจิ ารณาแล้ว
เหน็ ว่า มีผลกระทบทางตรงต่อ GDP 28
14 สูตรการประมาณการ Fiscal Multipliers กรณีรายจา่ ยเงนิ โอนสาหรับประชาชน
ทัว่ ไป 29
15 สูตรการประมาณการ Fiscal Multipliers กรณีรายจา่ ยเงินโอนสาหรับประชาชน 32
ผมู้ รี ายได้น้อย 35
16 ประมาณการคา่ C/ Y 36
17 ประมาณการค่า MPM 37
18 ประมาณการค่าสดั สว่ นการลงทนุ ที่ต้องนาเข้าหรือ w 37
19 การประมาณการ Fiscal Multipliers กรณีคา่ ตอบแทนบุคลากรภาครัฐ
20 การประมาณการ Fiscal Multipliers กรณรี ายจ่ายเพ่ือการลงทนุ
ฉ
สำนกั งำนเลขำธิกำรสภำผู้แทนรำษฎร สำนกั งบประมำณของรฐั สภำ
คมู่ ือกำรวิเครำะห์ผลกระทบของกำรใช้จ่ำยภำครฐั ต่อ GDP โดยตวั คูณทำงกำรคลงั (Fiscal Multipliers)
สำรบัญตำรำง (ตอ่ ) หนา้
ตารางที่ 38
21 การประมาณการ Fiscal Multipliers กรณรี ายจา่ ยประเภทอ่ืน ๆ ทพ่ี ิจารณาแลว้ 38
เหน็ ว่า มีผลกระทบทางตรงตอ่ GDP
22 การประมาณการ Fiscal Multipliers กรณรี ายจ่ายเงนิ โอนสาหรบั ประชาชนทวั่ ไป 39
23 การประมาณการ Fiscal Multipliers กรณีรายจา่ ยเงนิ โอนสาหรับประชาชนผมู้ ี 39
รายได้นอ้ ย
24 สรปุ ผลการประมาณการ Fiscal Multipliers 41
25 การจาแนกงบประมาณรายจา่ ยประจาปงี บประมาณ พ.ศ. 2561ของสานกั งาน
ปลัดกระทรวงการคลงั กระทรวงการคลงั 42
26 การวิเคราะหผ์ ลกระทบของการใชจ้ า่ ยภาครัฐที่มีต่อ GDP กรณีศึกษาสานักงาน
ปลัดกระทรวงการคลัง
ช
สำนักงำนเลขำธิกำรสภำผู้แทนรำษฎร สำนกั งบประมำณของรฐั สภำ
คมู่ ือกำรวเิ ครำะห์ผลกระทบของกำรใช้จ่ำยภำครัฐตอ่ GDP โดยตวั คณู ทำงกำรคลัง (Fiscal Multipliers)
สำรบัญแผนภำพ หนา้
29
แผนภาพท่ี 30
1 ฐานข้อมูลสานักงานเศรษฐกจิ การคลงั 30
2 ฐานขอ้ มลู สานกั งานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสงั คมแหง่ ชาติ 33
3 ฐานขอ้ มูลธนาคารแหง่ ประเทศไทย
4 ประมาณการคา่ tt
ซ
สำนกั งำนเลขำธกิ ำรสภำผู้แทนรำษฎร สำนกั งบประมำณของรฐั สภำ
คู่มอื กำรวิเครำะห์ผลกระทบของกำรใช้จ่ำยภำครฐั ตอ่ GDP โดยตวั คณู ทำงกำรคลัง (Fiscal Multipliers)
บทที่ 1
บทนำ
1.1 ควำมเป็นมำและควำมสำคัญของปัญหำ
ภาครัฐมีบทบาทสาคัญอย่างมากในระบบเศรษฐกิจ เนื่องจากประกอบด้วยหน่วยงานและบุคลากร
จานวนมาก ซ่ึงหน่วยงานดังกล่าวจะใช้งบประมาณรายจ่ายในการจ้างบุคลากรในสังกัด รวมท้ังจัดหาอุปกรณ์
เคร่ืองมือ วัสดุ อาคารสถานที่ และการบารุงรักษาที่เก่ียวข้อง เพื่อจัดทาบริการสาธารณะแก่ประชาชน อาทิ
บริการการป้องกนั ประเทศ การศึกษา การสาธารณสขุ และการคมนาคมขนสง่ ดงั น้นั งบประมาณรายจ่ายจงึ มี
ความสาคัญอย่างมากในการสนับสนุนให้ภารกิจ แผนงานและโครงการภาครัฐ ประสบผลสาเร็จในการพัฒนา
ประเทศตามเปา้ หมายและผลสัมฤทธทิ์ ่รี ะบุไว้ในยุทธศาสตรก์ ารพัฒนาประเทศระดับตา่ ง ๆ นอกจากน้ี การใช้
จ่ายงบประมาณของภาครัฐดังกล่าว ยังเป็นการกระตนุ้ ระบบเศรษฐกิจให้เติบโตในอกี ทางหนึ่ง ผ่านการใช้จ่าย
ของบุคลากรภาครัฐ การจัดซื้อจัดจ้างอุปกรณ์และเครื่องมือจากเอกชน รวมทั้งการว่าจ้างให้เอกชนก่อสร้าง
อาคารสถานท่ีให้แก่ภาครัฐ ซึง่ จะทาให้ความตอ้ งการสินคา้ และบริการจากภาคเอกชนเพิ่มสูงข้นึ ก่อให้เกิดการ
จ้างงาน ส่งผลให้เศรษฐกิจของประเทศขยายตัวในที่สุด ท้ังน้ี ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (Gross
Domestic Product: GDP) คือ มูลค่าของสินค้าและบริการที่ระบบเศรษฐกิจใด ๆ หรือ ประเทศใด ๆ ผลิตได้
ในช่วงเวลาหนง่ึ ดงั นัน้ GDP จึงสามารถใช้เป็นตัวชวี้ ดั ขนาดของระบบเศรษฐกิจได้ โดยวิธกี ารวัด GDP ที่เป็นท่ี
นิยม จะเป็นด้านรายจ่าย โดยเป็นการคานวณค่าใช้จ่ายในการซื้อสินค้าและบริการข้ันสุดท้ายของทุกภาค
เศรษฐกิจรวมกัน ท้ังภาคเอกชน ภาครัฐ และภาคตา่ งประเทศ (ทรงธรรม ปิ่นโต และ จริยา เปรมศิลป์, 2555,
น. 105 – 107) ดงั นน้ั การวเิ คราะห์ผลกระทบของการใช้จ่ายภาครัฐทีม่ ีต่อ GDP จึงเป็นข้อมูลด้านเศรษฐกจิ ท่ี
สาคัญ ทีส่ ามารถนามาใชป้ ระกอบการตดั สินใจและประเมินผลการใชจ้ า่ ยงบประมาณของรัฐบาลได้
สานักงบประมาณของรัฐสภา สานักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร มีภาระหน้าท่ีสาคัญประการ
หนึ่งในการสนับสนุนความเห็นและข้อมลู ทางวชิ าการแก่สมาชิกรัฐสภา (สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และสมาชิก
วฒุ ิสภา) เพ่ือพิจารณาอนุมัติร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจาปีงบประมาณ พ.ศ. .... โดยสานัก
งบประมาณของรัฐสภาจะจัดทารายงานการวิเคราะห์ร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจาปี
และรายงานการวิเคราะห์งบประมาณรายกระทรวง ให้แก่สมาชิกรัฐสภา เพื่อใช้ประโยชน์ต่อไป ทั้งน้ี
การวิเคราะห์งบประมาณรายจ่ายดังกล่าว จะให้ความสาคัญในประเด็นเกี่ยวกับความสอดคล้องกับกฎหมาย
ยุทธศาสตร์ชาติ ผลการเบิกจ่าย และผลการดาเนินงานในปีงบประมาณท่ีผ่านมาเป็นหลัก โดยยังไม่มีการ
วิเคราะห์ผลกระทบของการใช้จ่ายภาครัฐท่ีมีต่อระบบเศรษฐกิจหรือ GDP ซ่ึงเป็นประเด็นที่อยู่ในความสนใจ
ของประชาชนวา่ การใชจ้ ่ายงบประมาณของรัฐบาล จะทาให้ระบบเศรษฐกิจและ GDP ขยายตัวได้อย่างไร ซ่ึง
จะส่งผลต่อภาวะการค้าขายและรายได้ของประชาชนในท่ีสุด ดังนั้น การจัดทาคู่มือการวิเคราะห์ผลกระทบ
ของการใช้จ่ายภาครัฐต่อ GDP โดยตัวคูณทางการคลัง (Fiscal Multipliers) จะเป็นแนวทางหน่ึงในการเพ่ิม
1
สำนักงำนเลขำธิกำรสภำผู้แทนรำษฎร สำนักงบประมำณของรฐั สภำ
คมู่ อื กำรวิเครำะห์ผลกระทบของกำรใช้จำ่ ยภำครฐั ตอ่ GDP โดยตวั คูณทำงกำรคลัง (Fiscal Multipliers)
ประสิทธิภาพการวิเคราะห์งบประมาณรายจ่ายของสานักงบประมาณของรัฐสภาให้มีประสิทธิภาพมากข้ึน
ซึ่งจะส่งผลต่อกระบวนการอนุมัติร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจาปีงบประมาณ พ.ศ. ....
โดยสมาชกิ รัฐสภาให้มีความครบถ้วนและเพียงพอมากข้ึนตอ่ ไป
1.2 วัตถปุ ระสงคข์ องกำรศึกษำ
1.2.1 เพ่ือคานวณ Fiscal Multipliers สาหรับการใช้จ่ายภาครัฐประเภทต่าง ๆ และวิเคราะห์
ผลกระทบของการใชจ้ า่ ยภาครฐั ดงั กลา่ วต่อ GDP
1.2.2 เพ่ือจัดทาคู่มือการวเิ คราะห์ผลกระทบของการใชจ้ ่ายภาครัฐตอ่ GDP โดยตัวคูณทางการคลัง
(Fiscal Multipliers)
1.3 ขอบเขตของกำรศกึ ษำ
Fiscal Multipliers หมายถึง สัดส่วนท่ีบอกถึงการเพิ่มข้ึนของ GDP เม่ือภาครัฐเพ่ิมการใช้จ่ายหรือ
ลดภาษี ท้ังนี้ คู่มือการวิเคราะห์ผลกระทบของการใช้จ่ายภาครัฐต่อ GDP โดย Fiscal Multipliers ฉบับนี้ จะ
ครอบคลุมการใช้จ่ายภาครัฐประเภทต่าง ๆ ทั้งน้ี งบประมาณโดยสังเขป ฉบับปรับปรุง ตามพระราชบัญญัติ
งบประมาณรายจ่ายประจาปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 จัดทาโดยสานักงบประมาณ สานักนายกรัฐมนตรี ได้
จาแนกงบประมาณรายจ่ายในรูปแบบต่าง ๆ อาทิ รูปแบบโครงสร้างงบประมาณ ที่กาหนดให้งบประมาณ
รายจ่ายประจาปี ประกอบด้วย รายจ่ายประจา รายจา่ ยเพื่อชดใช้เงินคงคลัง รายจ่ายลงทุน และรายจ่ายชาระ
คืนตน้ เงินกู้ หรือรปู แบบกลุ่มงบประมาณ ท่ีกาหนดให้งบประมาณรายจา่ ยประจาปี ประกอบดว้ ย งบประมาณ
รายจ่ายงบกลาง งบประมาณรายจ่ายของหน่วยรับงบประมาณ งบประมาณรายจ่ายบูรณาการ งบประมาณ
รายจ่ายบุคลากร งบประมาณรายจ่ายสาหรับทุนหมุนเวียน งบประมาณรายจ่ายเพ่ือการชาระหน้ีภาครัฐ
งบประมาณรายจ่ายเพื่อชดใช้เงินคงคลัง และงบประมาณรายจ่ายเพื่อชดใช้เงินทุนสารองจ่าย อย่างไรก็ดี ผู้
ศึกษาได้พิจารณาแล้ว เห็นว่า การจาแนกประเภทงบประมาณรายจ่ายดังกล่าว จะให้ความสาคัญในประเด็น
เก่ียวกับการบริหารงบประมาณ เพ่ือสนับสนุนภารกิจของรัฐบาลในการบริหารราชการแผ่นดินเป็นสาคัญ
ดงั นั้น ผู้ขอรับการประเมินจึงได้ค้นคว้ารายละเอียดเก่ียวกบั รายการงบประมาณภายใตก้ ารจาแนกงบประมาณ
รายจ่ายดังกล่าว และทาการจัดหมวดหมู่โดยคานึงถึงผลกระทบของรายการค่าใช้จ่ายภาครัฐดังกล่าวท่ีมีต่อ
ระบบเศรษฐกจิ หรือ GDP เป็นหลกั ทาใหส้ ามารถจาแนกประเภทของการใชจ้ า่ ยภาครฐั ได้ ดังนี้
1. การใช้จ่ายภาครัฐที่มีผลกระทบทางตรงต่อ GDP ซ่ึงทาให้ความต้องการสินค้าและบริการ มูลค่า
การผลติ สินคา้ และบรกิ าร และ GDP เพม่ิ ข้นึ ทันทีเมอ่ื ภาครฐั ใชจ้ ่าย ประกอบดว้ ย
1.1 ค่าตอบแทนบคุ ลากรภาครัฐ คือ รายจ่ายท่ีภาครัฐจ่ายให้แก่ข้าราชการ พนักงานราชการ และ
ลูกจา้ งในหน่วยงานของรัฐ เพ่ือแลกเปลีย่ นกับการทางาน
2
สำนักงำนเลขำธิกำรสภำผแู้ ทนรำษฎร สำนักงบประมำณของรัฐสภำ
ค่มู อื กำรวเิ ครำะหผ์ ลกระทบของกำรใชจ้ ่ำยภำครฐั ต่อ GDP โดยตวั คูณทำงกำรคลงั (Fiscal Multipliers)
1.2 รายจ่ายเพื่อการลงทุน คือ ค่าใช้จ่ายเพื่อให้ได้มาซึ่งสินทรัพย์ถาวร อาทิ ส่ิงปลูกสร้าง
เคร่ืองจักร และเคร่อื งมอื ท่ใี ช้ในกระบวนการผลติ สนิ คา้ และบรกิ าร มอี ายกุ ารใช้งานเกิน 1 ปี และก่อให้เกิดผลผลิต
รวมท้ังการดัดแปลง ตอ่ เตมิ และซอ่ มแซมสนิ ทรพั ยถ์ าวรน้นั ๆ เพ่อื เพิ่มอายกุ ารใช้งานและใหม้ ปี ระสทิ ธิภาพย่งิ ข้ึน
1.3 รายจ่ายประเภทอ่ืน ๆ ที่พิจารณาแล้วเห็นว่า มีผลกระทบทางตรงต่อ GDP และไม่ได้เป็น
รายจ่ายตามทร่ี ะบุในข้อ 1.1 และ 1.2 อาทิ ค่าใชจ้ ่ายในการซื้อสินค้าและบริการ ค่าใช้จา่ ยในการดาเนินการ ค่า
สาธารณูปโภค และรายจ่ายเพ่ือจัดหาบรกิ ารในรูปแบบสวสั ดกิ ารสังคมแกป่ ระชาชน
2. การใช้จา่ ยภาครัฐที่มผี ลกระทบทางอ้อมต่อ GDP ซงึ่ เม่อื มกี ารเบิกจา่ ยแล้ว จะเป็นการโอนอานาจ
ซื้อจากภาครัฐไปสู่ผู้รับ และเม่ือผู้รับทาการใช้จ่ายซ้ือสินค้าและบริการ จึงจะทาให้ความต้องการสินค้าและ
บรกิ าร มูลค่าการผลิตสินค้าและบริการ และ GDP เพิ่มข้ึนต่อไป ประกอบดว้ ย
2.1 เงนิ โอนสาหรบั ประชาชนทั่วไป
2.2 เงนิ โอนสาหรบั ประชาชนผ้มู รี ายได้น้อย
3. การใช้จ่ายภาครัฐที่ไม่มีผลกระทบต่อ GDP ซ่ึงเม่ือมีการเบิกจ่ายแล้ว จะไม่ทาให้เงินงบประมาณ
หมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจเพ่ิมมากขึ้น และไม่ทาให้เกิดความต้องการสินค้าและบริการ ดังน้ัน Fiscal
Multipliers ในกรณนี ้ีจะเท่ากับ 0 ทง้ั นี้ ตวั อยา่ งรายจา่ ยในประเภทดังกลา่ ว อาทิ
3.1 รายจา่ ยเพ่ือชดใช้เงนิ คงคลัง
3.2 รายจ่ายเพอื่ ชาระคนื เงนิ ต้นและดอกเบยี้ ของหนีส้ าธารณะ
3.3 รายจ่ายชดเชยผลการดาเนินงานโครงการตามนโยบายรัฐที่ได้ดาเนินการแล้วแก่สถาบัน
การเงินเฉพาะกจิ
3.4 รายจ่ายสาหรับหน่วยงานภาครัฐไทยที่ดาเนินการในต่างประเทศ อาทิ สานักงานผู้ดูแล
นกั เรยี นไทยในตา่ งประเทศ สถานทตู
3.5 รายจ่ายที่ต้องชาระเป็นเงินตราต่างประเทศ อาทิ ค่าบารุงสมาชิกองค์กรระหว่างประเทศ
ตา่ ง ๆ ท่ปี ระเทศไทยเข้าร่วม
การจัดเก็บข้อมูลเพื่อประมาณการ Fiscal Multipliers สาหรับรายจ่ายตามข้อ 1.1 1.2 1.3 2.1
และ 2.2 ใช้ระยะเวลาท้ังสิ้นประมาณ 1 เดือน โดยใช้ข้อมูลทุติยภูมิตัวแปรเศรษฐกิจมหภาคและท่ีเกี่ยวข้อง
รายปีจากกระทรวงการคลัง สานักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และธนาคารแห่งประเทศ
ไทย ตั้งแต่อดีต – ปี 2563
1.4 วธิ ีกำรศกึ ษำ
คู่มือการวิเคราะห์ผลกระทบของการใช้จ่ายภาครัฐต่อ GDP โดย Fiscal Multipliers ฉบับน้ี จะใช้
วธิ ีการวิเคราะหเ์ ชิงปรมิ าณ (Quantitative Analysis) เพือ่ คานวณ Fiscal Multipliers ทงั้ นี้ สานักงานเศรษฐกิจ
การคลัง กระทรวงการคลัง ได้ใช้แนวคิดการวัด GDP ด้านรายจ่าย เพื่อดาเนินการดังกล่าว ซ่ึงเมื่อภาครัฐเพ่ิม
3
สำนักงำนเลขำธิกำรสภำผูแ้ ทนรำษฎร สำนกั งบประมำณของรัฐสภำ
คู่มอื กำรวิเครำะห์ผลกระทบของกำรใชจ้ ่ำยภำครัฐต่อ GDP โดยตวั คูณทำงกำรคลงั (Fiscal Multipliers)
การใช้จ่าย จะส่งผลให้ตัวแปรเศรษฐกิจมหภาคเปลี่ยนแปลงไปและ GDP เพิ่มขึ้นในรอบท่ี 1 และการที่ GDP
เพ่ิมข้ึนในรอบท่ี 1 จะผลักดันให้ตัวแปรเศรษฐกิจมหภาคเปลี่ยนแปลงและ GDP เพ่ิมอีกคร้ังในรอบที่ 2
โดยสถานการณ์ดังกล่าวจะเกิดขึ้นอย่างต่อเน่ือง ทาให้ GDP เพิ่มอีกครั้งในรอบท่ี 3 และรอบต่อมาตามลาดับ
โดย GDP จะเพ่ิมขึ้นในอัตราที่ลดลงจนกระทั่งไม่เพ่ิมขึ้นอีกต่อไป ดังนั้น ผลกระทบรวมท่ีเกิดข้ึนกับ GDP ใน
ทุกรอบ จึงสามารถนามาคานวณ Fiscal Multipliers ของการใชจ้ ่ายภาครัฐที่เกิดข้ึนในปัจจุบันได้ (สานักงาน
เศรษฐกจิ การคลัง, 2551, น. 133 – 150)
ผู้ขอรับการประเมินได้พจิ ารณาการดาเนินการของสานักงานเศรษฐกิจการคลังแล้ว เห็นว่า สามารถ
พัฒนาการคานวณ Fiscal Multipliers ดงั กล่าว ให้มีความครอบคลุมและเพียงพอมากข้ึนสอดคล้องกับบริบท
ทางเศรษฐกิจ สังคม และงานวชิ าการท่ีเปลย่ี นแปลงไป โดยมรี ายละเอยี ด ดังนี้
1. ปรับลดระยะเวลาในการคานวณผลกระทบของการใช้จ่ายภาครัฐภายหลังการเบิกจ่าย จากเดิม
เท่ากับอนันต์ (Infinity) เป็น 5 ปี ตามการอ้างอิงของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (International
Monetary Fund) ท่ีว่า การดาเนินนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลจะส่งผลต่อระบบเศรษฐกิจเป็น
ระยะเวลาประมาณ 5 ปี (International Monetary Fund, 2014, p. 9)
2. เพ่ิมผลกระทบเชงิ บวกท่ีรายจ่ายเพอื่ การลงทนุ ของภาครฐั มีตอ่ การลงทนุ ภาคเอกชน (Crowding-
In Effects) ในการคานวณ Fiscal Multipliers สาหรบั รายจา่ ยเพ่อื การลงทุน
1.5 นิยำมศัพทเ์ ฉพำะ
กำรใช้จ่ำยภำครัฐ คือ รายจ่ายท่ีรัฐบาลได้ใช้จ่ายไปเพ่ือการบริหารงานอันเป็นภาระหน้าที่ของรัฐ
โดยท่วั ไปและเพ่ือจดั ใหม้ สี ินคา้ และบรกิ ารอนั เป็นประโยชน์กับประชาชนในประเทศ
ผลติ ภัณฑม์ วลรวมภำยในประเทศ (Gross Domestic Product: GDP) คือ มูลคา่ ของสนิ คา้ และ
บริการทร่ี ะบบเศรษฐกจิ ใด ๆ หรอื ประเทศใด ๆ ผลติ ไดใ้ นช่วงเวลาหนึ่ง
ตัวคูณทำงกำรคลัง (Fiscal Multipliers) คือ สัดส่วนท่ีบอกถึงการเพ่ิมขึ้นของ GDP เม่ือภาครัฐ
เพิม่ การใช้จ่ายหรอื ลดภาษี
แนวโน้มส่วนเปล่ียนแปลงในกำรบริโภค (Marginal Propensity to Consume: MPC) คือ การ
บรโิ ภคของเอกชนทีเ่ ปลีย่ นแปลงไปเมือ่ รายไดท้ ส่ี ามารถใช้จา่ ยได้เพิม่ ขึ้น 1 บาท
แนวโน้มส่วนเปลี่ยนแปลงในกำรนำเข้ำ (Marginal Propensity to Import: MPM) คือ มูลค่า
การนาเข้าสนิ ค้าและบริการทเ่ี ปล่ยี นแปลงไปเมื่อรายไดเ้ พิม่ ขน้ึ 1 บาท
1.6 ประโยชนท์ ่คี ำดว่ำจะไดร้ ับ
1.6.1 สานักงบประมาณของรัฐสภา สานักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร มีเคร่ืองมือ
เชิงปริมาณเพิ่มขึ้นในการวิเคราะห์ผลกระทบของการใช้จ่ายภาครัฐท่ีมีต่อ GDP โดยสามารถนาเสนอผลแก่
4
สำนักงำนเลขำธิกำรสภำผู้แทนรำษฎร สำนักงบประมำณของรัฐสภำ
คู่มอื กำรวเิ ครำะหผ์ ลกระทบของกำรใชจ้ ำ่ ยภำครัฐต่อ GDP โดยตวั คณู ทำงกำรคลัง (Fiscal Multipliers)
สมาชิกรัฐสภา เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจาปี และร่าง
พระราชบัญญัติด้านการเงินการคลังอน่ื ๆ ต่อไป
1.6.2 คูม่ ือการวิเคราะหผ์ ลกระทบของการใช้จ่ายภาครฐั ตอ่ GDP โดย Fiscal Multipliers จะทาให้
การดาเนินภารกิจของเจ้าหน้าท่ีสานักงบประมาณของรัฐสภาเป็นไปอย่างมีมาตรฐานและถูกต้องตามหลัก
วิชาการ ลดการใช้ดุลยพินิจส่วนบุคคล และส่งเสริมความเป็นกลางในการวิเคราะห์งบประมาณรายจ่าย
และประเด็นอื่น ๆ ทเ่ี กย่ี วข้องตอ่ ไป
5
สำนักงำนเลขำธิกำรสภำผแู้ ทนรำษฎร สำนกั งบประมำณของรฐั สภำ
คู่มอื กำรวเิ ครำะห์ผลกระทบของกำรใช้จำ่ ยภำครฐั ตอ่ GDP โดยตวั คณู ทำงกำรคลัง (Fiscal Multipliers)
บทที่ 2
แนวคดิ ทฤษฎี และวรรณกรรมทีเ่ ก่ียวข้อง
การวเิ คราะห์ผลกระทบการใช้จา่ ยภาครฐั ตอ่ GDP โดย Fiscal Multipliers จาเป็นต้องอาศยั แนวคิด
และทฤษฎีทางเศรษฐศาสตร์ อาทิ การวัด GDP ด้านรายจ่าย MPC หรือ MPM เพ่ือดาเนินการในประเด็นท่ี
เกี่ยวข้องต่อไป นอกจากนี้ การศึกษางานวิจัยในอดีตของหน่วยงานด้านเศรษฐกิจ อาทิ International
Monetary Fund ธนาคารแห่งประเทศไทย หรือสานักงานเศรษฐกิจการคลัง จะทาให้ผู้ศึกษาสามารถกาหนด
แนวทางการดาเนนิ การไดอ้ ย่างครบถ้วนและเพียงพอมากข้นึ
2.1 แนวคิด ทฤษฎี
การวิเคราะห์ผลกระทบของการใชจ้ า่ ยภาครัฐท่ีมตี ่อ GDP ผู้ที่สนใจควรมีความร้คู วามเขา้ ใจเกีย่ วกับ
ความหมายและวิธีการวัด GDP และองค์ประกอบท่ีเกี่ยวข้อง เพ่ือให้สามารถทาการวิเคราะห์ไดว้ ่า การใช้จ่าย
ภาครัฐจะส่งผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจและ GDP อย่างไร ท้ังนี้ หากการใช้จ่ายภาครัฐทาให้ GDP เพิ่มข้ึน
มาก (น้อย) จะทาให้ Fiscal Multipliers มีค่าสูง (ต่า) โดยค่าของ Fiscal Multipliers ดังกล่าว จะกาหนด
จากโครงสร้างทางเศรษฐกิจและพฤติกรรมของประชาชนในการบริโภคและนาเข้าสินค้าและบริการ ท้ั งน้ี
แนวคิดและทฤษฎที เ่ี กี่ยวข้องมดี งั นี้
2.1.1 กำรวดั GDP ด้ำนรำยจำ่ ย
GDP คือ มูลค่าของสินค้าและบริการท่ีระบบเศรษฐกิจใด ๆ หรือประเทศใด ๆ ผลิตได้ใน
ชว่ งเวลาหนึ่ง ทั้งนี้ การวัด GDP ด้านรายจ่ายเป็นการคานวณค่าใช้จ่ายในการซ้ือสินค้าและบรกิ ารขั้นสุดท้ายของ
ทุกภาคเศรษฐกิจรวมกัน ท้ังภาคเอกชน ภาครัฐ และภาคต่างประเทศ โดยแบ่งรายจ่ายออกเป็น 4 ส่วน (ทรง
ธรรม ปนิ่ โต และ จรยิ า เปรมศิลป์, 2555, น. 105 – 107) ดังนี้
1) รายจ่ายเพ่ือการบริโภคของภาคเอกชน (Consumption: C) หรือรายจ่ายของประชาชนและ
ครวั เรอื นตา่ ง ๆ เพ่ือซื้อสินค้าและบริการขั้นสุดท้ายและนาไปบริโภคตอ่ ไป โดยไมไ่ ดน้ าไปผลติ สินค้าและบริการอยา่ ง
อื่น
2) รายจ่ายเพ่ือการลงทุนของภาคเอกชน (Investment: I) หรือรายจ่ายในการซื้อสินค้าประเภท
ทุนที่นามาใช้ในการผลิตสินค้าและบริการเพื่อบริโภคในอนาคต ท้ังน้ี รายจ่ายในการลงทุนประกอบด้วย รายจ่าย
ในการก่อสร้าง การซ้ือเครื่องมือเครื่องจักร และการเปล่ียนแปลงมูลค่าของสินค้าคงคลัง อย่างไรก็ดี การซ้ือ
พันธบัตร หุ้น หรือหุ้นกู้ ที่มีขายอยู่แล้วในตลาดการเงิน หรือการซื้ออสังหา ริมทรพั ย์เพอ่ื เก็งกาไร จะไมถ่ ือเป็น
การลงทุน เพราะเปน็ การลงทุนทางการเงนิ ทไี่ มไ่ ด้นามาผลติ สินคา้ และบรกิ ารเพ่อื บรโิ ภคในอนาคต
3) รายจา่ ยของรัฐบาล (Government Expenditure: G) ท้งั รายจ่ายเพอื่ การบริโภคและการลงทนุ
6
สำนักงำนเลขำธิกำรสภำผู้แทนรำษฎร สำนกั งบประมำณของรฐั สภำ
คมู่ อื กำรวิเครำะหผ์ ลกระทบของกำรใช้จ่ำยภำครัฐต่อ GDP โดยตวั คูณทำงกำรคลัง (Fiscal Multipliers)
4) การส่งออกสุทธิ (Net Export: X - M) ซึ่งเท่ากับมูลค่าการส่งออกสินค้าและบริการ
(Export: X) ลบ มูลค่าการนาเข้าสินค้าและบริการ (Import: M) โดยการส่งออก คือ มูลค่าของสินค้าและ
บริการที่ประเทศหน่ึงผลิตได้และจาหน่ายในตา่ งประเทศ และรายไดจ้ ากตา่ งประเทศทเ่ี ปน็ ผลตอบแทนจากการ
ลงทุนอื่น ๆ ด้วย และการนาเข้า คือ มูลค่าสินค้าและบริการซึ่งประเทศหนึ่งมิได้ผลิตขึ้นภายในประเทศแต่
นาเข้ามาเพ่ือบริโภค
การวัด GDP ด้านรายจ่าย สามารถแสดงความสมั พนั ธ์ในรูปแบบสมการไดด้ งั นี้
GDP = C + I + G + X - M ----------(สมการท่ี 2.1)
ทั้งนี้ จะเห็นได้วา่ รายจ่ายเพื่อการบริโภคของภาคเอกชน รายจ่ายเพ่ือการลงทุนของภาคเอกชน รายจ่ายของ
รัฐบาล และการส่งออกสินค้าและบริการ เมื่อเพิ่มข้ึน จะทาให้ยอดขายสินค้าและบริการเพิ่มขึ้น บริษัทและ
ผู้ผลิตต่าง ๆ จะต้องทาการจ้างงานและซ้ือวัตถุดิบต่าง ๆ เพ่ือผลิตสินค้าและบริการให้สอดคล้องกับความ
ตอ้ งการที่สูงข้ึน ซ่ึงจะทาให้ระบบเศรษฐกิจขยายตัวและ GDP เพิ่มข้ึนในท่ีสุด ในขณะที่ การนาเข้าสินค้าและ
บริการ เม่ือเพ่ิมข้ึน จะทาให้รายจ่ายที่ต้องชาระต่างประเทศในการนาเข้าเพ่ิมสูงขึ้น เงินจะไหลออกจาก
ประเทศไทยไปตา่ งประเทศมากข้ึน ซึ่งจะทาให้ขาดโอกาสในการนาเงินดงั กล่าวมากระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ
ทาให้ GDP ลดลง
2.1.2 Fiscal Multipliers
Fiscal Multipliers คือ สัดส่วนที่บอกถึงการเพ่ิมขน้ึ ของ GDP เม่ือภาครัฐเพม่ิ การใช้จ่ายหรือ
ลดภาษี ดังน้ัน Fiscal Multipliers จึงแสดงถึงปริมาณเปล่ียนแปลงไปของ GDP เม่ือภาครัฐเพิ่มการใช้จ่าย
หรอื ลดการจดั เกบ็ ภาษี จานวน 1 บาท โดยแบง่ ออกเป็น 2 ประเภท ดงั น้ี
1) Impact Multiplier = Change in Y(t) / Change in G(t) ซึ่งแสดงถึงการเปลี่ยนแปลง
ของ GDP ณ เวลา t เมือ่ การใช้จา่ ยภาครฐั เพม่ิ ขึ้น 1 บาท ในชว่ งเวลาเดียวกนั
2) Multiplier at Horizon i = Change in Y(t+i) / Change in G(t) ซึ่งแสดงถึงการ
เปลี่ยนแปลงของ GDP ณ เวลาในอนาคต t+i เมอ่ื การใช้จ่ายภาครฐั เพ่ิมขึ้น 1 บาท ณ ปจั จบุ ันในเวลา t
ทั้งน้ี ขนาดของ Fiscal Multipliers กาหนดจากปัจจยั ดา้ นเศรษฐกิจมหภาคต่าง ๆ อาทิ
1) MPC : หากประชาชนมี MPC สูง เมื่อภาครัฐกระตุ้นเศรษฐกิจโดยเพิ่มการใช้จ่ายหรือลด
ภาษี จะทาให้รายได้ของประชาชนเพิม่ สงู ข้ึน และบรโิ ภคมากข้ึนในอตั ราท่ีเพ่ิมขน้ึ ทาให้ภาครัฐสามารถกระตุ้น
เศรษฐกิจไดอ้ ยา่ งมีประสทิ ธภิ าพ และ Fiscal Multipliers ของนโยบายกระตนุ้ ดังกลา่ ว มคี า่ สูง
2) ขนาดของการเปิดประเทศ (Trade Openness) : ประเทศท่ีมีสัดส่วนการนาเข้าน้อย จะ
มีคา่ Fiscal Multipliers สูง เนอื่ งจากเมอ่ื ภาครัฐกระตนุ้ เศรษฐกิจโดยเพิ่มการใช้จ่ายหรอื ลดภาษี จะทาให้เม็ด
เงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจมากขึ้นและเปน็ ไปอย่างมีประสิทธิภาพ เนือ่ งจากมีการร่ัวไหลของเงินผ่านการ
นาเข้าสนิ คา้ จากต่างประเทศนอ้ ย
7
สำนกั งำนเลขำธิกำรสภำผแู้ ทนรำษฎร สำนักงบประมำณของรัฐสภำ
คูม่ อื กำรวิเครำะห์ผลกระทบของกำรใชจ้ ำ่ ยภำครฐั ตอ่ GDP โดยตวั คูณทำงกำรคลัง (Fiscal Multipliers)
3) ความไม่ยืดหยุ่นในตลาดแรงงาน (Labor Market Rigidity) : ความไม่ยืดหยุ่น
ในตลาดแรงงาน อาทิ ค่าจ้างแรงงานท่ีค่อนข้างคงท่ีและไม่ยืดหยุ่นต่อภาวะเศรษฐกิจมหภาคท่ีเปล่ียนแปลงไป
เนื่องจากมีการกาหนดค่าจ้างข้ันต่าตามกฎหมาย ทั้งนี้ เม่ือภาครัฐกระตุ้นเศรษฐกิจโดยเพ่ิมการใช้จ่ายหรือลด
ภาษี ความต้องการสินค้าและบริการจะเพิ่มขึ้น ทาให้ระดับราคาสินค้าและอัตราเงินเฟ้อปรับเพ่ิมสูงขึ้น
อยา่ งไรก็ดี การที่อัตราค่าจ้างแรงงานค่อนข้างคงที่และราคาสินคา้ ปรับเพ่ิมสูงขึ้น จะจูงใจใหภ้ าคเอกชนทาการ
จ้างปัจจยั การผลิตตา่ ง ๆ เพอื่ ผลติ สนิ ค้าและบริการเพมิ่ มากข้ึน เนอื่ งจากตน้ ทนุ แรงงานคงท่ี แต่รายได้จากการ
ขายสินค้าและบริการมีแนวโน้มเพ่ิมขึ้น ทาให้กาไรปรับเพิ่มสูงขึ้น และเศรษฐกิจขยายตัวอย่างต่อเน่ืองในที่สุด
ดังนั้น จึงสรุปได้ว่า ประเทศที่มีความไม่ยืดหยุ่นในตลาดแรงงานสูง จะมีค่า Fiscal Multipliers สูง ภาครัฐ
สามารถกระตุ้นเศรษฐกิจให้เติบโตไดอ้ ยา่ งมปี ระสิทธิภาพ
4) ขนาดของกลไกในระบบเศรษฐกจิ ที่ปรบั รายได้ให้มีความเหมาะสม เมือ่ มกี ารเปลี่ยนแปลง
ทางด้านอุปสงค์มวลรวมโดยอัตโนมัติ (Automatic Stabilizer) : ตัวอย่างของกลไกดังกล่าว อาทิ อัตราภาษีเงิน
ได้บุคคลธรรมดาท่ีมีการจัดเก็บในอัตราก้าวหน้า โดยผู้ที่มีเงินได้สูงกว่า จะเสียภาษีในอัตราสูงกว่า และผู้ท่ีมี
เงินไดต้ ่ากว่า จะเสียภาษีในอตั ราต่ากวา่ ดังนั้น เม่ือประเทศเข้าสู่ช่วงเศรษฐกิจตกตา่ และรายได้ของประชาชน
ลดลง ประชาชนกลุ่มดังกล่าวจะเสียภาษีในอตั ราที่ลดลงด้วย ทาให้รายได้ที่สามารถใช้จ่ายไดห้ ลังหักภาษีปรับ
ลดลงไม่มาก ประชาชนจึงยังคงมีกาลังซื้อในการจับจ่ายใช้สอย ดังนั้น กลไกดังกล่ าวจึงเป็นการรักษา
เสถียรภาพของระบบเศรษฐกิจโดยอัตโนมัติ และภาครัฐอาจไม่จาเป็นต้องทาการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม
ดังนั้น หากประเทศมีกลไกดังกล่าวท่ีเพียงพอ Fiscal Multipliers ของนโยบายการกระตุ้นเศรษฐกิจของ
รัฐบาล จะมีค่าตา่
5) ระบบอัตราแลกเปล่ียน : ประเทศที่มีระบบอัตราแลกเปลี่ยนแบบลอยตัว จะสามารถ
ปรับตัวต่อภาวะเศรษฐกิจท่ีเปล่ียนแปลงไปได้โดยอัตโนมัติ อาทิ เมื่อประเทศไทยประสบภาวะเศรษฐกิจตกต่า
ความเช่ือม่ันท่ีมีต่อระบบเศรษฐกิจไทยและค่าเงินบาทลดลง จะส่งให้ค่าเงินบาทปรับลดค่าลงโดยอัตโนมัติ
ส่งผลดีต่อภาคส่งออกให้สามารถส่งออกสินค้าและบริการได้มากขึ้น อันจะเป็นการช่วยบรรเทาไม่ให้ภาวะ
เศรษฐกิจตกตา่ ลงมาก ดังนั้น ประเทศท่ีมีระบบอัตราแลกเปล่ียนแบบลอยตัวหรอื มีความยดื หยุ่น ความจาเป็น
ในการกระตุ้นเศรษฐกิจโดยรัฐบาลจะลดลง ทาให้ Fiscal Multipliers ของนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของ
รัฐบาลมีคา่ ต่า
6) ภาวะเศรษฐกิจ : ในช่วงเศรษฐกิจตกต่า ภาคเอกชนจะชะลอการลงทุน สภาพคล่องทาง
การเงินในตลาดการเงินจะอยู่ในระดับสูง ภาครัฐจึงสามารถดาเนินนโยบายเพ่ือกระตุ้นเศรษฐกิจได้เต็มท่ี โดย
ไมส่ ่งผลให้อตั ราดอกเบย้ี เพิม่ สงู ขนึ้ การกระตุน้ เศรษฐกิจของภาครฐั จึงเป็นไปอย่างมีประสทิ ธิภาพ และ Fiscal
Multipliers ของนโยบายดังกล่าว มีค่าสูง อย่างไรก็ดี เมื่อเศรษฐกิจขยายตัวดี ภาคเอกชนจะเพ่ิมการลงทุน
ท้ังน้ี เอกชนดังกล่าว จะทาการกู้เงนิ จากตลาดการเงิน และเม่ือภาครัฐดาเนินนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจและกู้
เงินจากตลาดการเงิน จะทาให้สภาพคล่องทางการเงินตึงตัว และอัตราดอกเบี้ยปรับเพิ่มสูงข้ึน ส่งผลให้การ
8
สำนกั งำนเลขำธิกำรสภำผู้แทนรำษฎร สำนักงบประมำณของรฐั สภำ
คูม่ อื กำรวเิ ครำะหผ์ ลกระทบของกำรใชจ้ ำ่ ยภำครัฐตอ่ GDP โดยตวั คูณทำงกำรคลัง (Fiscal Multipliers)
ลงทุนของภาคเอกชนลดลง และการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐมีประสิทธิภาพลดลง ดังน้ัน Fiscal
Multipliers ของนโยบายดงั กล่าว จงึ มีคา่ ต่า
International Monetary Fund ได้ทาการศึกษาผลกระทบจากนโยบายการกระตุ้น
เศรษฐกิจของรัฐบาลต่อระบบเศรษฐกจิ พบวา่ ผลจากการดาเนินนโยบายดังกล่าว จะส่งผลต่อระบบเศรษฐกิจ
เป็นระยะเวลาประมาณ 5 ปี ท้ังน้ี ข้อค้นพบดังกล่าว จะเป็นข้อมูลสาคัญในการกาหนดระยะเวลาในการ
คานวณ Fiscal Multipliers ต่อไป (International Monetary Fund, 2009, pp. 2 – 3) และ (International
Monetary Fund, 2014, pp. 2 – 9)
2.1.3 MPC
MPC คือ การบริโภคของเอกชนท่ีเปลี่ยนแปลงไปเม่ือรายได้ท่ีสามารถใช้จ่ายได้เพิ่มข้ึน 1 บาท
ท้ังน้ี นักวิชาการทางเศรษฐศาสตร์ได้กาหนดสมการทางคณิตศาสตร์ เพื่ออธิบายรายจ่ายเพ่ือการบริโภคของ
ภาคเอกชน ดงั นี้
C = a + b*Yd ----------(สมการที่ 2.2)
โดย C คือ รายจา่ ยเพือ่ การบรโิ ภคของภาคเอกชน
Yd คือ รายได้ท่ีสามารถใช้จ่ายได้
a คือ รายจา่ ยเพ่ือการบริโภคที่ไม่ข้นึ กับรายได้
b คอื MPC
สมการท่ี 2.2 แสดงให้เหน็ วา่ รายจา่ ยเพื่อการบริโภคของเอกชนแบง่ ออกเป็น 2 ส่วน คือ
1) รายจ่ายเพ่ือการบรโิ ภคที่ไม่ขน้ึ กับรายได้ (a) หมายถงึ รายจ่ายท่ีจาเป็นต้องจา่ ยแม้ว่าเอกชน
รายดังกล่าวจะไมม่ รี ายได้ ซึ่งอาจเกี่ยวข้องกับสินค้าจาเปน็ อาทิ อาหาร ท่อี ย่อู าศัย เสือ้ ผ้า และยารกั ษาโรค
2) รายจ่ายเพื่อการบริโภคท่ีขึ้นกับรายได้ท่ีสามารถใช้จ่ายได้ (b*Yd) โดยท่ัวไปรายได้
ท่ีสามารถใช้จ่ายได้จะมีค่าเท่ากับรายได้หักด้วยภาษีท่ีต้องจ่าย ท้ังนี้ เม่ือรายได้ท่ีสามารถใช้จ่ายได้เพิ่มข้ึน
จานวน 1 หน่วย เอกชนจะบริโภคเพ่ิมมากขึ้นในสัดส่วนเท่ากับ b หรือ MPC อย่างไรก็ดี การบริโภคดังกล่าว
จะเพิ่มขน้ึ ในสัดส่วนที่น้อยกว่าการเพิม่ ขึ้นของรายไดท้ ี่สามารถใช้จ่ายได้ เนือ่ งจากเอกชนจะนารายได้ที่เพิ่มขึ้น
บางสว่ นไปเกบ็ ออม ดงั นั้น จงึ สรปุ ไดว้ า่ b มีค่ามากกวา่ 0 และนอ้ ยกว่า 1 หรอื 0 < b < 1
นอกจากนี้ ค่าของ b หรือ MPC จะมีลักษณะแปรผกผันกับสถานะทางเศรษฐกิจของ
ประชาชน โดยประชาชนท่ีมีฐานะยากจน จะมีค่าของ b หรือ MPC ในระดับสูง ซึ่งเมื่อรายได้
ท่ีสามารถใช้จ่ายได้เพิ่มขึ้น ประชาชนท่ีมีฐานะยากจนจะนารายได้ที่เพิ่มข้ึนดังกล่าว ไปจับจ่ายใช้สอยใน
สัดส่วนท่ีสูง เน่ืองจากมีโอกาสและทางเลือกในการบริโภคเพิ่มสูงขึ้น ในขณะเดียวกัน ประชาชนที่มีฐานะ
ร่ารวย และมีโอกาสและทางเลือกในการบริโภคมากเพียงพอแล้ว จะบริโภคเพิ่มขึ้นในสัดส่วนท่ีน้อยกว่าเม่ือ
รายได้ท่ีสามารถใช้จ่ายได้เพ่ิมข้ึน ทาให้ค่าของ b หรือ MPC อยู่ในระดับต่า (ณพล สุกใส, 2556, น. 3 – 4)
และ (มหาวทิ ยาลัยรามคาแหง, 2552, น. 228 – 229)
9
สำนักงำนเลขำธกิ ำรสภำผู้แทนรำษฎร สำนักงบประมำณของรัฐสภำ
คู่มอื กำรวิเครำะห์ผลกระทบของกำรใชจ้ ่ำยภำครัฐต่อ GDP โดยตวั คูณทำงกำรคลงั (Fiscal Multipliers)
2.1.4 MPM
MPM คือ มูลค่าการนาเข้าสินค้าและบริการท่ีเปลี่ยนแปลงไปเมื่อรายได้เพ่ิมข้ึน 1 บาท ท้ังนี้
นักวิชาการทางเศรษฐศาสตร์ได้กาหนดสมการทางคณิตศาสตร์ เพื่ออธิบายพฤติกรรมการนาเข้าของภาค
เศรษฐกิจโดยรวม ดังนี้
M = f + g*Y ----------(สมการท่ี 2.3)
โดย M คือ มูลคา่ การนาเขา้ สินค้าและบริการ
Y คอื รายได้
f คอื มูลคา่ ของการนาเขา้ ทีไ่ ม่ข้ึนกับรายได้
g คือ MPM
สมการท่ี 2.3 สามารถอธิบายได้ว่า เม่ือรายได้ของประชาชนในประเทศเพิ่มสูงขึ้น จะทาให้ระดับการบริโภค
สินค้าและบริการเพิ่มสูงขึ้น โดยบางส่วนจะเป็นการนาเข้าสินค้าและบริการจากต่างประเทศ ดังน้ัน จึงสรุปได้
ว่า การเพ่ิมข้ึนของรายได้จะทาให้การนาเข้าสินค้าและบริการเพ่ิมสูงขึ้น และ g > 0 ท้ังนี้ ค่าของ g จะถูก
กาหนดจากระบบภาษีศุลกากรท่ีเก็บจากสินค้านาเข้า ระบบการผลิตของประเทศ รสนิยมของคนในประเทศ
และราคาสินค้าท่ีผลิตได้ภายในประเทศเทียบกับราคาสนิ ค้าจากตา่ งประเทศ (มหาวทิ ยาลยั รามคาแหง, 2552,
น. 241 – 242)
2.2 วรรณกรรมท่ีเกี่ยวข้อง
การคานวณ Fiscal Multipliers สาหรับการใชจ้ ่ายภาครัฐ มีการดาเนินการโดยหน่วยงานทั้งภายใน
และนอกประเทศ เพ่ือตรวจสอบประสิทธิภาพและประสิทธิผลการดาเนินนโยบายการคลัง ท้ังน้ี วรรณกรรม
ทเ่ี กย่ี วขอ้ งมีดงั น้ี
ธนาคารพัฒ นาเอเชีย (Asian Development Bank) ได้ใช้แบบจาลองเศรษฐมิติ Vector-
Autoregressive Model เพ่ือศึกษาประสิทธิผลของนโยบายการคลังด้านรายจ่ายและรายรับในประเทศ
อินโดนีเซีย มาเลย์เซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ และไทย โดยตัวแปร ประกอบด้วย รายได้ภาษี การใช้จ่ายภาครัฐ
และ GDP ระยะเวลาในการศึกษาเร่ิมจากไตรมาศท่ี 1 ปี ค.ศ. 1990 – ไตรมาสท่ี 4 ปี ค.ศ. 2009
ผลการศึกษา พบว่า Fiscal Multipliers ของการใช้จ่ายภาครัฐ มีค่าน้อยกว่า 1 และการเพิ่มการใช้จ่ายภาครัฐ
เพื่อกระตุ้นระบบเศรษฐกิจและ GDP อาจเป็นไปได้อย่างจากัด เน่ืองจากประเทศกลุ่มตัวอย่างมีระบบ
เศรษฐกจิ เป็นแบบเปดิ และมกี ารคา้ การลงทนุ ระหว่างประเทศเป็นจานวนมาก ทาให้เมือ่ ภาครฐั เพ่ิมการใชจ้ า่ ย
เพื่อกระตุ้นระบบเศรษฐกิจ ประชาชนอาจนาเงินที่ได้รับจากรัฐบาลบางส่วน ไปส่ังซ้ือสินค้านาเข้า ทาให้เกิด
การร่ัวไหล และประสิทธิภาพการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศลดลง สาหรับกรณีรายได้ภาษี พบว่า ส่งผลต่อ
GDP มากกว่าการใช้จ่ายภาครัฐและมี Fiscal Multipliers สูงกว่า โดยเมื่อภาครัฐเพิ่มการจัดเก็บภาษี จะทาให้
GDP เพ่ิมสูงข้ึน ซ่ึงอาจขัดแย้งกับแนวคิดทางเศรษฐศาสตร์ท่ีว่า การจัดเก็บภาษีจะทาให้ GDP ลดลง อย่างไร
10
สำนักงำนเลขำธิกำรสภำผแู้ ทนรำษฎร สำนกั งบประมำณของรฐั สภำ
คูม่ อื กำรวิเครำะหผ์ ลกระทบของกำรใชจ้ ำ่ ยภำครฐั ต่อ GDP โดยตวั คณู ทำงกำรคลัง (Fiscal Multipliers)
ก็ดี เมื่อพิจารณาระยะเวลาของข้อมูลที่ใช้ในการศึกษา พบว่า ครอบคลุมการเกิดวิกฤติเศรษฐกิจในเอเชีย
ปี ค.ศ. 1997 และวิกฤติเศรษฐกิจในสหรัฐอเมริกา ปี ค.ศ. 2008 ดังนั้น ผลการศึกษาที่ได้จึงอาจสะท้อนจาก
ข้อมูลท่ีเกิดขึ้นจริง โดยการที่รัฐบาลจัดเก็บภาษีเพิ่มข้ึนในช่วงวิกฤติ ประชาชนและนักธุรกิจอาจเกิดความ
เช่ือม่ันต่อรัฐบาลเนื่องจากฐานะทางการคลังดีขึ้น จึงทาการบริโภคและลงทุนมากข้ึน ส่งผลให้เศรษฐกิจ
ขยายตวั ในทส่ี ดุ (Tang, Liu & Cheung, 2010, pp. 1 – 18)
ธนาคารแห่งประเทศไทยได้ประมาณการ Fiscal Multipliers ของการใช้จ่ายภาครัฐต่อ GDP โดยใช้
แบบจาลองเศรษฐมิติ Vector-Autoregressive Model กับข้อมูลตัวแปรเศรษฐกิจมหภาคในระหว่างปี 2540
– 2550 ประกอบด้วย รายจ่ายประจา (Current Expenditure) รายจ่ายลงทุน (Capital Expenditure) เงินโอน
รายจ่ายประจา (Current Transfer)เงินโอนรายจา่ ยลงทนุ (Capital Transfer) GDP การบริโภคภาคเอกชน และ
การลงทุนภาคเอกชน โดยตัวอย่างรายจ่ายประจาและเงินโอนรายจ่ายประจา เช่น เงินเดือนและค่าจ้าง
รายจ่ายในการซ้ือสินค้าและบริการเพ่ือบริหารงานประจา และภาระดอกเบ้ียหนี้สาธารณะ เป็นต้น และ
ตัวอย่างรายจ่ายลงทุนและเงนิ โอนรายจ่ายลงทุน เช่น รายจ่ายในการซื้อหรือลงทุนเพ่ือให้ได้มาซ่ึงอาคาร ที่ดิน
อุปกรณ์ และส่ิงก่อสร้าง เป็นต้น ท้ังน้ี เงินโอน คือ เงินท่ีรัฐบาลอุดหนุนให้หน่วยงานท่ีเก่ียวข้อง อาทิ องค์กร
ปกครองส่วนท้องถ่ิน รัฐวิสาหกิจ หรือครัวเรือน เพ่ือดาเนินการนาส่งบริการสาธารณะแทนรัฐบาล
ผลการศึกษา พบว่า รายจ่ายประจา รายจ่ายลงทุน และเงินโอนรายจ่ายลงทุน มี Fiscal Multipliers มากกว่า
1 และส่งผลต่อ GDP มากกว่าเงินโอนรายจ่ายประจา ที่มี Fiscal Multipliers น้อยกว่า 1 เน่ืองจากรายจ่าย
ประจา รายจ่ายลงทุน และเงินโอนรายจ่ายลงทุนก่อให้เกิดอุปสงค์ต่อเนื่อง โดยเฉพาะรายจ่ายลงทุนที่มี
ผลกระทบสูงสุด ในขณะที่เงินโอนรายจ่ายประจา ที่ส่วนใหญ่เปน็ รายจ่ายท่ีสนับสนุนการพัฒนาการศึกษาและ
การสาธารณสุข อาทิ กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา และกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ อาจใช้ระยะ
เวลานานในการสง่ ผลต่อระบบเศรษฐกจิ และ GDP (ณฐั กิ านต์ วรสง่าศลิ ป,์ 2551, น. 1 – 30)
นอกจากน้ี ยังมีงานวิจัยท่ีไม่ได้ประยุกต์ใช้แบบจาลองเศรษฐมิติเป็นเคร่ืองมือหลักในการศึกษา
โดยสานักงานเศรษฐกิจการคลังได้คานวณ Fiscal Multipliers เพ่ือศึกษาผลกระทบของการใช้จ่ายภาครัฐ
ประเภทต่าง ๆ ที่มีต่อ GDP อาทิ รายจ่ายเงินเดือนและค่าจ้างบุคลากรภาครัฐ รายจ่ายท่ีลงไปสู่ระดับฐานราก
รายจ่ายประเภทกองทุนหมุนเวียน รายจ่ายลงทุน และรายจ่ายอ่ืน ๆ ทั้งน้ี หลักการในการวิเคราะห์ คือ
เมื่อภาครัฐใช้จ่าย จะทาให้ GDP เพ่ิมข้ึนในรอบแรก ทาให้ระดับการบริโภคของประชาชนและการนาเข้า
เพ่ิมข้ึนในรอบท่ีสอง และหากผลกระทบสุทธิดังกล่าวในรอบท่ีสองมีค่าเป็นบวก GDP จะยังคงเพ่ิมข้ึนต่อไป
ทาให้ระดับการบริโภคของประชาชนและการนาเข้าเพิ่มขึ้นอีกคร้ังในรอบต่อมา ทั้งนี้ เหตุการณ์ดังกล่าวจะ
ดาเนินต่อไปจนกว่าผลกระทบสุทธิต่อ GDP ในรอบต่อมา มีค่าลดลงจนเท่ากับ 0 จากนั้น จึงคานวณหา
ผลกระทบรวมที่เกิดข้นึ ในทุกรอบสาหรับรายจ่ายแต่ละประเภท เพือ่ คานวณ Fiscal Multipliers ของรายจ่าย
ภาครัฐประเภทต่าง ๆ ต่อไป ท้ังนี้ ผู้วิจัยได้ประมาณการ MPC ของกลุ่มข้าราชการ ลูกจ้าง ประชาชนท่ัวไป
และประชาชนในกลุ่มฐานราก สัดส่วนการบริโภคสินค้านาเข้า และสัดส่วนการลงทุนจากสินค้านาเข้า เพื่อใช้
11
สำนกั งำนเลขำธกิ ำรสภำผู้แทนรำษฎร สำนกั งบประมำณของรัฐสภำ
คู่มอื กำรวเิ ครำะหผ์ ลกระทบของกำรใช้จำ่ ยภำครฐั ต่อ GDP โดยตวั คณู ทำงกำรคลงั (Fiscal Multipliers)
ในการวเิ คราะห์ โดยผลการศึกษา พบว่า รายจ่ายท่ีลงไปสู่ระดับฐานรากจะส่งผลต่อระบบเศรษฐกิจและ GDP
สูงสุด ทาให้มี Fiscal Multipliers สูงสุด ตามดว้ ย รายจ่ายอน่ื ๆ รายจ่ายเงินเดือนและค่าจ้างบคุ ลากรภาครัฐ
รายจ่ายลงทนุ และรายจา่ ยประเภทกองทนุ หมุนเวยี น (สานักงานเศรษฐกิจการคลงั , 2551, น. 133 – 150)
2.3 ข้อสรุปจำกแนวคิด ทฤษฎี และงำนวิจัยในอดีต
สานักงบประมาณของรัฐสภา สานักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร มีหน้าที่ประการหนึ่งในการ
จัดทารายงานด้านเศรษฐกิจ การเงินการคลัง การงบประมาณ และจัดทาประมาณการภาวะเศรษฐกิจและ
งบประมาณทั้งระยะส้ันและระยะยาวที่เก่ียวข้องตามความประสงค์ของสมาชิกรัฐสภา รวมท้ังติดตาม
ตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณของรัฐบาลให้เป็นไปอย่างเหมาะสม คุ้มค่า ดังนั้น การประยุกต์ใช้ Fiscal
Multipliers ดังกล่าว จะทาให้สานักงบประมาณของรัฐสภา สามารถเสนอความเห็นในมุมมองด้านเศรษฐกิจ
และผลกระทบของการใช้จ่ายภาครัฐท่ีมีต่อระบบเศรษฐกิจอย่างมีประสิทธิภาพมากข้ึน ทั้งน้ี พิจารณาแล้ว
เห็นว่า การคานวณ Fiscal Multipliers ตามวิธีการของ Asian Development Bank และธนาคารแห่ง
ประเทศไทย จาเป็นต้องใช้ข้อมูลจานวนมาก เน่ืองจากเป็นการใช้แบบจาลองเศรษฐมิติและมีการทดสอบ
สมมติฐานทางสถิติ ในขณะท่ีการคานวณ Fiscal Multipliers ตามวิธีการของสานักงานเศรษฐกิจการคลัง
จะใชข้ ้อมลู นอ้ ยกวา่ ทาใหข้ ้อจากัดด้านขอ้ มลู ลดลง และสามารถกาหนดประเภทของ Fiscal Multipliers ให้มี
ความหลากหลายมากกว่า ดังน้ัน การศึกษาฉบับน้ีจะคานวณ Fiscal Multipliers โดยพัฒนาและปรับปรุงจาก
วิธีการของสานักงานเศรษฐกิจการคลังเป็นหลัก โดยมีแนวคิดว่า เมื่อภาครัฐใช้จ่าย จะทาให้ GDP เพ่ิมข้ึนใน
รอบแรกตามแนวคิดในข้อ 2.1.1 ต่อมา การท่ี GDP เพิ่มข้ึนในรอบแรก จะทาให้รายได้ของประชาชนเพิ่มข้ึน
ประชาชนจึงเพิ่มการบริโภคและนาเข้าสินค้าและบริการตามแนวคิดในข้อ 2.1.3 และ 2.1.4
ซึ่งจะสง่ ผลให้ GDP และรายได้ของประชาชนเพ่มิ ขึ้นอีกครั้งหนึ่ง เหตุการณ์ดงั กล่าว จะดาเนินต่อไปจนกระทั่ง
GDP ไมป่ รบั เพิม่ ข้ึนอกี และเมื่อนาผลการเพิ่มข้ึนของ GDP ในทกุ รอบมาคานวณรวมกัน จะไดค้ า่ ประมาณการ
Fiscal Multipliers ของการใชจ้ ่ายภาครัฐ ท้ังนี้ การคานวณในลักษณะดังกล่าว จะเป็นการผสมผสานระหวา่ ง
แนวคิด Impact Multiplier กับ Multiplier at Horizon i ในขอ้ 2.1.2 ทาให้สามารถประมาณการผลกระทบ
รวมของการใช้จ่ายภาครัฐท่ีเกิดขึ้นในปัจจุบันท่ีมีต่อ GDP ทั้งในปัจจุบันและอนาคต และเปรียบเทียบ
ผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจจากมาตรการต่าง ๆ ของรัฐ และประเมินความคุ้มค่าทางเศรษฐกิจในระดับ
เบ้อื งต้นได้ ดงั นั้น จงึ อาจสรุปไดว้ ่า แนวคดิ และทฤษฎีตามข้อ 2.1.1 – 2.1.4 สามารถนามาใชเ้ ปน็ กรอบในการ
คานวณ Fiscal Multipliers ตามวิธีการของสานักงานเศรษฐกิจการคลัง ซ่ึงจะนาเสนอในขั้นตอนการคานวณ
และผลการศกึ ษาในบทท่ี 3 และ 4 ต่อไป
12
สำนักงำนเลขำธกิ ำรสภำผู้แทนรำษฎร สำนกั งบประมำณของรฐั สภำ
คู่มอื กำรวิเครำะหผ์ ลกระทบของกำรใชจ้ ำ่ ยภำครัฐตอ่ GDP โดยตวั คูณทำงกำรคลัง (Fiscal Multipliers)
บทท่ี 3
วิธีกำรศกึ ษำ
เน้อื หาในบทนี้จะนาเสนอรายละเอยี ดเกี่ยวกับวิธีการศกึ ษา ขนั้ ตอนการดาเนินการ และวิธีการเก็บขอ้ มูล
ท่ีใช้ในการประมาณการ Fiscal Multipliers ของรายจ่ายภาครัฐแก่ผู้ท่ีสนใจ โดยรายละเอยี ดปรากฏตามข้อท่ี 3.1
– 3.3 ซ่ึงสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ ขอบเขตการดาเนินการ แนวคิดและทฤษฎีท่ีเก่ียวข้อง และข้อสรุปจาก
งานวิจัยในอดีต ทีน่ าเสนอในบทท่ี 1 – 2 ดงั น้ี
3.1 รำยละเอียดวธิ ีกำรศึกษำ
คู่มือการวิเคราะห์ผลกระทบของการใช้จ่ายภาครัฐต่อ GDP โดย Fiscal Multipliers ฉบับน้ี จะใช้
วธิ กี ารวิเคราะห์เชิงปริมาณ (Quantitative Analysis) เพ่อื คานวณ Fiscal Multipliers ทั้งน้ี สานักงานเศรษฐกิจ
การคลัง กระทรวงการคลัง ได้ใช้แนวคิดการวัด GDP ด้านรายจ่ายตามข้อ 2.1.1 ที่กาหนดให้ GDP = C + I +
G + X – M โดยเม่อื ภาครฐั เพิ่มการใชจ้ า่ ยในปัจจบุ ัน จะส่งผลใหต้ ัวแปรเศรษฐกิจมหภาคและ GDP เพ่ิมข้ึนใน
รอบที่ 1 ท้ังนี้ การท่ี GDP เพ่มิ ขึ้นในรอบที่ 1 จะผลักดันให้ตวั แปรเศรษฐกิจมหภาคเปลี่ยนแปลงไป และ GDP
เพ่ิมอีกครั้งในรอบที่ 2 โดยสถานการณ์ดังกล่าวจะเกิดขึ้นอย่างต่อเน่ือง ทาให้ GDP เพ่ิมอีกครั้งในรอบท่ี 3
และรอบต่อมาตามลาดับ โดย GDP จะเพ่ิมขึ้นในอัตราท่ีลดลงจนกระทั่งไม่เพ่ิมข้ึนอีกต่อไป ดังน้ัน ผลกระทบ
รวมท่ีเกิดขึ้นกับ GDP ในทุกรอบ จึงสามารถนามาคานวณ Fiscal Multipliers ของการใช้จ่ายของภาครัฐท่ี
เกิดขนึ้ ในปจั จุบันได้ (สานักงานเศรษฐกิจการคลัง, 2551, น. 133 – 150)
ผู้ศึกษาได้พิจารณาการดาเนินการของสานักงานเศรษฐกิจการคลังแล้ว เห็นว่า สามารถพัฒนาการ
คานวณ Fiscal Multipliers ดังกล่าว ให้มีความครอบคลุมและเพียงพอมากขึ้น สอดคล้องกับบริบททาง
เศรษฐกิจ สังคม และงานวิชาการทีเ่ ปล่ียนแปลงไป โดยมีรายละเอียด ดังน้ี
1. ปรับลดระยะเวลาในการคานวณผลกระทบของการใช้จ่ายภาครัฐภายหลังการเบิกจ่าย จากเดิม
เท่ากับอนันต์ (Infinity) เป็น 5 ปี ตามการอ้างอิงของ International Monetary Fund ที่ว่า การดาเนิน
นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลจะส่งผลต่อระบบเศรษฐกิจเป็นระยะเวลาประมาณ 5 ปี (International
Monetary Fund, 2014, p. 9)
2. เพ่ิมผลกระทบเชงิ บวกท่ีรายจา่ ยเพอ่ื การลงทุนของภาครัฐมีต่อการลงทนุ ภาคเอกชน (Crowding-
In Effects) ในการคานวณ Fiscal Multipliers สาหรับรายจา่ ยเพอ่ื การลงทุน
ท้งั น้ี การประมาณการ Fiscal Multipliers จะดาเนินการตามลักษณะของการใช้จา่ ยภาครัฐ ดังนี้
1. การใช้จ่ายภาครัฐท่ีมีผลกระทบทางตรงต่อ GDP หรือการใช้จ่ายท่ีทาให้ความต้องการสินค้าและ
บริการ มลู คา่ การผลิตสินค้าและบรกิ าร และ GDP เพิม่ ข้ึนทันทีเมอื่ ภาครัฐใชจ้ ่าย ประกอบด้วย
1.1 คา่ ตอบแทนบุคลากรภาครัฐ
13
สำนกั งำนเลขำธกิ ำรสภำผูแ้ ทนรำษฎร สำนักงบประมำณของรัฐสภำ
คู่มอื กำรวเิ ครำะหผ์ ลกระทบของกำรใชจ้ ่ำยภำครฐั ตอ่ GDP โดยตวั คูณทำงกำรคลัง (Fiscal Multipliers)
1.2 รายจ่ายเพ่ือการลงทนุ
1.3 รายจ่ายประเภทอ่ืน ๆ ที่พิจารณาแล้วเห็นว่า มีผลกระทบทางตรงต่อ GDP อาทิ ค่า
ใช้จ่ายในการซื้อสินค้าและบริการ ค่าใช้จ่ายในการดาเนินการ ค่าสาธารณูปโภค และรายจ่ายเพื่อจัดหาบริการใน
รปู แบบสวสั ดกิ ารสังคมแกป่ ระชาชน
2. การใช้จ่ายภาครัฐท่ีมีผลกระทบทางอ้อมต่อ GDP หรือการใช้จ่ายของภาครัฐที่เม่ือมีการเบิกจ่าย
แล้ว จะเป็นการโอนอานาจซอ้ื จากภาครัฐไปสู่ผรู้ ับ ท้งั น้ี เมอื่ ผรู้ ับทาการใช้จ่ายซ้ือสนิ คา้ และบริการ จงึ จะทาให้
ความต้องการสนิ ค้าและบรกิ าร มลู คา่ การผลติ สินคา้ และบรกิ าร และ GDP เพ่ิมขึ้นตอ่ ไป ประกอบด้วย
2.1 เงินโอนสาหรับประชาชนทว่ั ไป
2.2 เงินโอนสาหรบั ประชาชนผมู้ รี ายไดน้ ้อย
3. การใช้จ่ายภาครัฐท่ีไม่มีผลกระทบต่อ GDP โดยเม่ือมีการเบิกจ่ายรายจ่ายประเภทดังกล่าวแล้ว
จะไม่ทาให้เงินงบประมาณหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจเพ่ิมมากข้ึน และไม่ทาให้เกิดความต้องการสินค้าและ
บริการ ท้ังนี้ ตัวอย่างรายจ่ายประเภทดังกล่าว อาทิ รายจ่ายเพ่ือชดใช้เงินคงคลัง รายจ่ายเพื่อชาระคืนเงินต้น
และดอกเบี้ยของหน้ีสาธารณะ รายจ่ายชดเชยผลการดาเนินงานโครงการตามนโยบายรัฐท่ีได้ดาเนินการแล้ว
แก่สถาบันการเงินเฉพาะกิจ รายจ่ายสาหรับหน่วยงานภาครัฐไทยที่ดาเนินการในต่างประเทศ (สถานทูต
สานักงานผู้ดูแลนักเรียนในต่างประเทศ) และรายจ่ายท่ีต้องชาระเป็นเงินตราต่างประเทศ (ค่าบารุงสมาชิก
องค์กรระหว่างประเทศต่าง ๆ ที่ประเทศไทยเข้าร่วม) ทั้งนี้ Fiscal Multipliers สาหรับการใช้จ่ายประเภทนี้
จะมคี า่ เท่ากบั 0
ดั งนั้ น คู่ มื อ ฉ บั บ น้ี จ ะ ค าน วณ Fiscal Multipliers ส าห รับ ก ารใช้ จ่ าย ภ าค รัฐ ได้ แ ก่
1) ค่าตอบแทนบุคลากรภาครัฐ 2) รายจ่ายเพ่ือการลงทุน 3) รายจ่ายประเภทอ่ืน ๆ ท่ีพิจารณาแล้วเห็นว่า
มีผลกระทบทางตรงต่อ GDP 4) เงินโอนสาหรับประชาชนทั่วไป และ 5) เงินโอนสาหรับประชาชนผู้มีรายได้
น้อย โดยพัฒนาและปรับปรุงจากวิธกี ารของสานักงานเศรษฐกิจการคลัง ทั้งนี้ ในเบ้ืองต้น จะต้องกาหนดค่าที่
แสดงพฤติกรรมในการบริโภคและการนาเข้าสินค้าและบริการของ บุคลากรภาครัฐ ประชาชนทั่วไป และ
ประชาชนผู้มีรายไดน้ ้อย รวมทงั้ สัดส่วนการลงทุนทต่ี ้องนาเขา้ จากตา่ งประเทศ ดังนี้
1. คา่ MPC ของบคุ ลากรภาครฐั หรอื q
2. ค่า MPC ของประชาชนทวั่ ไป หรอื r
3. ค่า MPC ของประชาชนผ้มู รี ายไดน้ ้อย หรอื s
4. ค่า MPM ของบุคลากรภาครฐั หรือ t
5. คา่ MPM ของประชาชนทั่วไป หรือ u
6. คา่ MPM ของประชาชนผมู้ ีรายได้นอ้ ย หรอื v
7. สดั ส่วนการลงทุนทีต่ ้องนาเขา้ หรือ w
14
สำนักงำนเลขำธิกำรสภำผแู้ ทนรำษฎร สำนักงบประมำณของรัฐสภำ
คูม่ อื กำรวเิ ครำะหผ์ ลกระทบของกำรใชจ้ ำ่ ยภำครฐั ตอ่ GDP โดยตวั คณู ทำงกำรคลัง (Fiscal Multipliers)
แนวคิดกำรประมำณกำร Fiscal Multipliers กรณีคำ่ ตอบแทนบคุ ลำกรภำครฐั
เมื่อภาครัฐเพิม่ คา่ ใช้จา่ ยบคุ ลากร จะส่งผลต่อระบบเศรษฐกิจในรอบการหมนุ เวียนการใช้จา่ ย ดังน้ี
รอบท่ี 1 : การเพ่ิมค่าตอบแทนบุคลากรภาครัฐ ทาให้มูลค่าสินค้าและบริการสาธารณะท่ีภาครัฐ
นาสง่ แกป่ ระชาชนเพิ่มสูงขน้ึ ทาให้ GDP เพิ่มข้ึนในจานวนเทา่ กัน
รอบที่ 2 : การเพิ่มค่าตอบแทนบุคลากรภาครัฐในรอบก่อนหน้า จะทาให้บุคลากรภาครัฐมีรายได้
สงู ข้ึน ดังน้ัน บุคลากรภาครัฐจึงบริโภคและนาเขา้ เพ่ิมขึ้นตามสัดส่วน MPC และ MPM ทาใหม้ ีเงินไหลเวียนใน
ระบบเศรษฐกิจมากขึน้ และ GDP เพิ่มสูงข้ึน
รอบที่ 3 : การที่บุคลากรภาครัฐใช้จ่าย และผลักดันให้ GDP สูงขึ้นในรอบก่อนหน้า จะทาให้รายได้
ประชาชนท่ัวไปเพิ่มสูงข้ึน ทั้งน้ี ประชาชนจึงบริโภคและนาเข้าเพิ่มข้ึนตามสัดส่วน MPC และ MPM ทาให้มี
เงนิ ไหลเวียนในระบบเศรษฐกจิ มากข้ึน และ GDP เพ่มิ สงู ขึ้น
รอบที่ 4 : การที่ประชาชนใช้จ่าย และผลักดันให้ GDP สูงขึ้นในรอบก่อนหน้า จะทาให้รายได้
ประชาชนท่ัวไปเพิ่มสูงขึ้นอีกคร้ังหน่ึง ท้ังนี้ ประชาชนจึงบริโภคและนาเข้าเพิ่มข้ึนตามสัดส่วน MPC และ
MPM ทาใหม้ ีเงินไหลเวียนในระบบเศรษฐกจิ มากขึน้ และ GDP เพมิ่ สูงข้นึ
รอบที่ 5 เป็นต้นไป : เหตุการณ์ดาเนินไปอย่างต่อเน่ืองในลักษณะเดียวกับท่ีเกิดข้ึนในรอบที่ 4
จนกระท่งั GDP ไมป่ รบั เพิม่ ข้นึ อกี
ทั้งน้ี การเพ่ิมค่าตอบแทนบุคลากรภาครัฐดังกล่าว และการหมุนเวียนของเงนิ และการใชจ้ ่ายในรอบ
ตา่ ง ๆ สามารถนาเสนอตามตารางที่ 1 ดังน้ี
ตำรำงท่ี 1 กำรเพมิ่ ค่ำตอบแทนบคุ ลำกรภำครัฐและผลกระทบตอ่ GDP
รอบ C I G X M GDP
11
1
2q qt q1 t
3 rq1 t urq1 t rq1 t 1 u
4 r2q1t1u ur2q1 t 1 u r2q1 t1 u2
r3q1 t1 u3
5 r3q1 t1 u2 ur3q1 t1 u2 r4q1 t1 u4
6 r4q1 t1 u3 ur4q1 t1 u3
7 r5q1 t1 u4 ur5q1 t1 u4 r5q1 t1 u5
8 r6q1 t1 u5 ur6q1 t1 u5 r6q1 t1 u6
หมายเหตุ : 1. หมายถงึ การเปล่ียนแปลง
2. สมการท่ี 2.1 สามารถอนมุ านได้ว่า GDP C I G X M
3. คานวณโดยผู้เขยี น
15
สำนักงำนเลขำธิกำรสภำผูแ้ ทนรำษฎร สำนักงบประมำณของรัฐสภำ
คู่มอื กำรวิเครำะหผ์ ลกระทบของกำรใช้จำ่ ยภำครฐั ต่อ GDP โดยตวั คูณทำงกำรคลงั (Fiscal Multipliers)
International Monetary Fund ได้ทาการศึกษาผลกระทบจากนโยบายการกระตุ้นเศรษฐกิจของ
รัฐบาลต่อระบบเศรษฐกิจ พบว่า ผลจากการดาเนินนโยบายการใช้จ่ายของรัฐจะส่งผลต่อระบบเศรษฐกิจเป็น
ระยะเวลาประมาณ 5 ปี (International Monetary Fund, 2014, p. 9) ดังน้ัน เม่ือภาครัฐเพิ่มการใช้จ่าย
ประเภทต่าง ๆ และทาการเบิกจ่าย จะส่งผลกระตุ้นเศรษฐกิจเป็นระยะเวลา 5 ปี อย่างไรก็ดี การพิจารณา
ผลกระทบดงั กล่าวตามตารางท่ี 1 เปน็ การพิจารณาตามรอบการหมุนเวยี นและการใชจ้ ่ายเงิน จึงต้องวิเคราะห์
ในเบื้องต้นว่า ภายในระยะเวลา 5 ปี นับตั้งแต่ภาครัฐเบิกจ่าย จะมีรอบการหมุนเวียนของเงินและการใช้จ่าย
เป็นจานวนเท่าใด ทั้งน้ี ทฤษฎีปริมาณเงิน (Quantity Theory of Money) กาหนดให้ความเร็วของการ
หมุนเวียนของเงิน (Velocity) มีความสัมพันธ์กับมูลค่าของธุรกรรมและปริมาณเงินในระบบเศรษฐกิจ (สาโรช
อังสมุ าลิน, 2549, น. 241) ดงั น้ี
ความเร็วของการหมุนเวยี นของเงิน = มลู ค่าของธุรกรรม / ปริมาณเงิน
= GDP ณ ราคาประจาปี / ปริมาณเงนิ
สมการความเร็วของการหมุนเวียนของเงินแสดงให้เห็นว่า หากมูลค่าของธุรกรรมของระบบ
เศรษฐกจิ ในปีหนงึ่ ๆ ทีแ่ สดงโดย GDP ณ ราคาประจาปี เทา่ กับ 5,000 ล้านบาท และปริมาณเงินหมนุ เวียนใน
ระบบเศรษฐกิจ เท่ากับ 1,000 ล้านบาท ดังน้ัน ความเร็วของการหมุนเวียนของเงินจะเท่ากับ 5 รอบต่อปี
(หรือเท่ากับ 5,000/1,000) และแสดงให้เห็นว่า ปริมาณเงินดังกล่าวมีการนามาใช้จ่ายเพ่ือแลกเปลี่ยนสินค้า
และบรกิ ารจานวน 5 ครั้งตอ่ ปี
ทั้งน้ี ข้อมูล GDP ณ ราคาประจาปี และปริมาณเงินตามความหมายกว้าง (ครอบคลุม เงินสดท่ี
หมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจไม่รวมสถาบันรับฝากเงินและรัฐบาล เงินรับฝากกระแสรายวัน เงินรับฝากประเภท
ออมทรพั ย์ เงนิ รับฝากประเภทประจา เงนิ รับฝากประเภทอ่ืน และตราสารหน้ี) ปรากฏตามตารางที่ 2 โดยตาราง
ดังกล่าวได้แสดงประมาณการความเร็วของการหมนุ เวียนของเงินในระบบเศรษฐกิจในระว่างปี 2553 – 2563 ซ่ึง
เป็นช่วงภายหลังการเกิดวิกฤติเศรษฐกิจในประเทศไทยจากปัญหาภาคการเงินในสหรัฐอเมริกาในระหว่างปี
2550 – 2551 ทั้งน้ี พบว่า ความเร็วของการหมุนเวียนของเงินมีค่าประมาณ 0.98 รอบต่อปีในปี 2553 และ
ปรับลดลงอย่างต่อเนื่องจนกระทั่งมีค่าประมาณ 0.8 รอบต่อปีในระหว่างปี 2557 – 2562 และเท่ากับ 0.71
รอบต่อปีในปี 2563 ท้ังน้ี ผู้ศึกษาพิจารณาแล้วเห็นว่า ควรกาหนดให้ค่าความเร็วของการหมุนเวียนของเงิน
เท่ากับ 0.8 รอบต่อปี เพื่อให้สอดคล้องกับแนวโน้มท่ีเกิดขึ้นอย่างต่อเน่ืองในระหว่างปี 2557 – 2562 และ
สาหรับค่าท่ีเกิดขึ้นในปี 2563 พบว่า อาจไม่สามารถนามาพิจารณาได้ เนื่องจากเป็นระยะเวลาท่ีไม่ปกติ มีการ
ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 เกิดการปิดเมืองและประเทศ กิจกรรมทางเศรษฐกิจและการ
ท่องเทย่ี วลดลง
16
สำนักงำนเลขำธิกำรสภำผูแ้ ทนรำษฎร สำนักงบประมำณของรฐั สภำ
ค่มู อื กำรวเิ ครำะห์ผลกระทบของกำรใช้จ่ำยภำครัฐต่อ GDP โดยตวั คูณทำงกำรคลัง (Fiscal Multipliers)
ตำรำงท่ี 2 กำรประมำณกำรควำมเร็วของกำรหมุนเวียนของเงนิ
ปี GDP ปริมาณเงินตามความหมายกว้าง ความเร็วของการหมุนเวียนของเงิน
ณ ราคาประจาปี เฉลย่ี รายเดอื น (ลา้ นบาท) (รอบ/ป)ี
(ลา้ นบาท)
2553 10,808,145.0 11,032,183.3 0.98
2554 11,306,906.0 12,707,693.8 0.89
2555 12,357,342.0 14,211,083.8 0.87
2556 12,915,158.0 15,459,581.8 0.84
2557 13,230,304.0 16,255,272.9 0.81
2558 13,743,480.0 17,167,137.9 0.80
2559 14,590,337.0 17,875,111.8 0.82
2560 15,488,664.0 18,639,130.4 0.83
2561 16,368,705.0 19,588,337.8 0.84
2562 16,898,086.0 20,395,090.0 0.83
2563 15,698,286.0 22,215,495.0 0.71
ทม่ี า : ข้อมูล GDP ณ ราคาประจาปี จากสานกั งานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกจิ และสงั คมแห่งชาติ
(https://www.nesdc.go.th/main.php?filename=qgdp_page)
ขอ้ มลู ปริมาณเงนิ ตามความหมายกวา้ ง จากธนาคารแหง่ ประเทศไทย
(https://www.bot.or.th/App/BTWS_STAT/statistics/ReportPage.aspx?reportID=7&language=th)
หมายเหตุ : ความเรว็ ของการหมุนเวยี นของเงิน คานวณโดยผเู้ ขียน
ดังน้ัน การศึกษาน้ีจึงใช้ประมาณการความเร็วของการหมุนเวียนของเงิน เท่ากับ 0.8 รอบต่อปี
ดงั นั้น ภายในระยะเวลา 5 ปีที่มีการเบิกจ่ายรายจ่ายภาครัฐและส่งผลตอ่ ระบบเศรษฐกิจ ปริมาณเงินจะมีการ
หมุนเวียนทั้งสิ้น จานวน 4 รอบ (หรือเท่ากับ 0.8 รอบต่อปี * 5 ปี) และเมื่อนาไปรวมกับรอบหมุนเวียนรอบท่ี
1 ท่ีภาครัฐเบิกจ่ายค่าใช้จ่ายแล้ว พบว่า รอบการหมุนเวียนในการคานวณ Fiscal Multipliers สาหรับการใช้
จ่ายภาครัฐกรณีต่าง ๆ จะมีจานวนทั้งส้ิน 5 รอบ (หรือเท่ากับ 4 + 1) ดังน้ัน การคานวณ Fiscal Multipliers
ของค่าใช้จ่ายบุคลากรภาครัฐ สามารถดาเนินการได้โดยการหาผลรวมของการเปลี่ยนแปลงไปของ GDP ใน
รอบการใช้จ่ายที่ 1 – 5 ตามที่ปรากฏในตารางท่ี 1 หรือสามารถปรับปรุงตารางดังกล่าวโดยปรับรอบการใช้
จ่ายท่ี 6 – 8 ออก ตามท่ีนาเสนอในตารางที่ 3 โดย Fiscal Multipliers กรณีค่าใช้จ่ายบุคลากรภาครัฐ คือ
ผลรวมการเปลย่ี นแปลงของ GDP ในรอบการใช้จ่ายท่ี 1 – 5 ซ่ึงปรากฏตามวงกลมเสน้ ประสแี ดง
17
สำนักงำนเลขำธกิ ำรสภำผแู้ ทนรำษฎร สำนกั งบประมำณของรฐั สภำ
คู่มอื กำรวเิ ครำะหผ์ ลกระทบของกำรใชจ้ ่ำยภำครัฐต่อ GDP โดยตวั คูณทำงกำรคลงั (Fiscal Multipliers)
ตำรำงท่ี 3 กำรคำนวณ Fiscal Multipliers กรณีคำ่ ตอบแทนบคุ ลำกรภำครฐั GDP
รอบ C I G X M
11 1
2q qt q1 t
rq1 t 1 u
3 rq1 t urq1 t r2q1 t1 u2
r3q1 t1 u3
4 r2q1t1u ur2q1 t 1 u
5 r3q1 t1 u2 ur3q1 t1 u2
หมายเหตุ : 1. หมายถงึ การเปล่ยี นแปลง
2. สมการท่ี 2.1 สามารถอนุมานได้วา่ GDP C I G X M
3. คานวณโดยผู้เขยี น
แนวคิดกำรประมำณกำร Fiscal Multipliers กรณรี ำยจำ่ ยเพอ่ื กำรลงทนุ
เม่ือภาครัฐเพ่ิมรายจ่ายเพ่ือการลงทุน จะส่งผลต่อระบบเศรษฐกิจในรอบการหมุนเวียนของการใช้
จ่ายต่าง ๆ ดังน้ี
รอบที่ 1 : ภาครัฐเพ่ิมรายจ่ายเพ่ือการลงทุน จะทาให้ความต้องสินค้าและบริการขั้นสุดท้ายเพ่ือการ
ลงทุน อาทิ เคร่ืองจักร อุปกรณ์ ครุภัณฑ์ และส่ิงก่อสร้าง เพิ่มสูงขึ้น อย่างไรก็ดี สินค้าเพ่ือการลงทุนบาง
ประเภท อาทิ สินค้าทุนประเภทเคร่ืองจักรที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูง อาจจาเป็นต้องนาเข้า เน่ืองจากไม่สามารถ
ผลิตได้ในประเทศ ดังนั้น ผลกระทบโดยสุทธิท่ีรายจ่ายลงทุนภาครัฐมีต่อ GDP คือ รายจ่ายลงทุนดังกล่าวหัก
ส่วนท่นี าเขา้
รอบที่ 2 : การที่ภาครฐั เพ่มิ รายจา่ ยเพอ่ื การลงทนุ และทาให้ GDP เพิ่มขนึ้ ในรอบก่อนหนา้ จะทาให้
รายได้ของประชาชนท่ัวไปเพิ่มขึ้น ท้ังน้ี ประชาชนจึงบริโภคและนาเข้าเพ่ิมขึ้นตามสัดส่วน MPC และ MPM
ทาให้มีเงนิ ไหลเวียนในระบบเศรษฐกิจมากข้นึ และ GDP เพ่มิ สูงข้ึน
รอบท่ี 3 : การท่ีประชาชนใช้จ่าย และผลักดันให้ GDP สูงข้ึนในรอบก่อนหน้า จะทาให้รายได้
ประชาชนท่ัวไปเพิ่มสูงขึ้นอีกคร้ังหนึ่ง ทั้งนี้ ประชาชนจึงบริโภคและนาเข้าเพิ่มขึ้นตามสัดส่วน MPC และ
MPM ทาให้มเี งนิ ไหลเวยี นในระบบเศรษฐกิจมากขนึ้ และ GDP เพิม่ สูงขึน้
รอบที่ 4 – 5 : เหตกุ ารณ์ดาเนนิ ไปอย่างต่อเนอ่ื งในลกั ษณะเดียวกับท่เี กิดขึ้นในรอบท่ี 3
ทง้ั น้ี การเพ่มิ รายจ่ายเพื่อการลงทนุ ภาครัฐดังกล่าว และการหมุนเวียนของเงินและการใช้จา่ ยในรอบ
ตา่ ง ๆ สามารถนาเสนอตามตารางท่ี 4 ดังนี้
18
สำนกั งำนเลขำธิกำรสภำผแู้ ทนรำษฎร สำนักงบประมำณของรฐั สภำ
คู่มอื กำรวิเครำะหผ์ ลกระทบของกำรใชจ้ ำ่ ยภำครัฐตอ่ GDP โดยตวั คณู ทำงกำรคลัง (Fiscal Multipliers)
ตำรำงที่ 4 กำรเพ่ิมรำยจำ่ ยเพือ่ กำรลงทนุ ภำครัฐและผลกระทบตอ่ GDP
รอบ C I G X M GDP
1 1w
1 w
2 1 wr 1 wru
1 wr1 u
3 1 wr21u 1 wr21uu 1 wr21 u2
1 wr31 u3
4 1 wr31 u2 1 wr31 u2u 1 wr41 u4
5 1 wr41 u3 1 wr41 u3u
หมายเหตุ : 1. หมายถึง การเปลี่ยนแปลง
2. สมการท่ี 2.1 สามารถอนมุ านไดว้ า่ GDP C I G X M
3. คานวณโดยผู้เขียน
ตารางที่ 4 แสดงให้เห็นว่า ผลกระทบของการเพ่ิมรายจ่ายเพื่อการลงทุนภาครัฐที่มีต่อ GDP จะ
เท่ากับผลรวมการเปลี่ยนแปลงของ GDP ในรอบการใช้จ่ายท่ี 1 – 5 ซึ่งปรากฏตามวงกลมเส้นประสีแดง
อย่างไรก็ดี เมื่อภาครัฐเพิ่มการลงทุนโดยเฉพาะอย่างยิ่งท่ีเกี่ยวข้องกับโครงสร้างพื้นฐาน อาทิ ถนน และทาง
ด่วน การลงทุนดังกล่าวจะกระตุ้นให้ภาคเอกชนเพ่ิมการลงทุนบริเวณโดยรอบโครงการดังกล่าว อาทิ การ
ก่อสร้างที่อยู่อาศัย และการจัดตั้งโรงงานใหม่ ดังนั้น จึงสรุปได้ว่า การลงทุนภาครัฐจะทาให้การลงทุน
ภาคเอกชนเพิ่มสูงขึ้น ซ่ึงเรียกว่า Crowding-In Effects ทั้งนี้ ธนาคารแห่งประเทศไทยได้ประมาณการ
Crowding-In Effects ดังกล่าว โดยใช้แบบจาลองเศรษฐมิติ Error Correction Model และ Factor-
Augmented Vector Auto-Regression เพื่อวิเคราะห์ข้อมูลของประเทศไทยในระหว่างปี 2544 – 2560
พบว่า เมื่อภาครัฐเพ่มิ การลงทุนร้อยละ 1 จะทาให้ภาคเอกชนเพิม่ การลงทุนร้อยละ 0.13 ภายใน 2 ปี (ทศพล
ต้องหุ้ย, 2560, น. 7) ทั้งนี้ ผู้เขียนได้ประยุกต์ข้อค้นพบดังกล่าวกับข้อมูลการลงทุน (Gross Fixed Capital
Formation) ของภาครัฐและเอกชน ณ ราคาประจาปี จากสานักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคม
แห่งชาติ เพ่ือประมาณการ Crowding-In Effects ในระหว่างปี 2553 – 2563 รายละเอยี ดปรากฏตามตาราง
ท่ี 5 ทั้งนี้ พบว่า ในปี 2554 – 2557 เมื่อภาครัฐลงทุนเพิ่มขึ้น จานวน 1 บาท จะทาให้เอกชนลงทุนเพิ่มข้ึน
0.45 – 0.48 บาท ภายใน 2 ปี อย่างไรก็ดี ผลดังกล่าวในปี 2558 – 2563 ปรับลดมาอยู่ท่ีประมาณ 0.34 –
0.38 บาท จึงอนุมานไดว้ า่ ผลของการลงทนุ ภาครัฐต่อภาคเอกชนมแี นวโนม้ ลดลงอย่างต่อเนอ่ื ง ทง้ั นี้ พิจารณา
แล้ว เห็นว่า การคานวณ Fiscal Multipliers กรณีรายจ่ายเพื่อการลงทุนของภาครัฐ ควรนาประมาณการผล
Crowding-In Effects มาร่วมพิจารณาด้วย ซึ่งจะทาให้การคานวณ Fiscal Multipliers มีความครอบคลุม
มากข้ึน และเปน็ การพฒั นาผลงานในเชิงวิชาการจากเดิมที่สานักงานเศรษฐกิจการคลังดาเนินการเม่ือปี 2551
ทั้งน้ี จะกาหนดให้ Crowding-In Effects ดงั กล่าว เท่ากับ 0.37 บาท (หรือเท่ากับค่าเฉลี่ยในระหวา่ งปี 2558
– 2563) ในคู่มือฉบบั นี้
19
สำนกั งำนเลขำธกิ ำรสภำผูแ้ ทนรำษฎร สำนกั งบประมำณของรัฐสภำ
คูม่ อื กำรวเิ ครำะหผ์ ลกระทบของกำรใชจ้ ่ำยภำครฐั ต่อ GDP โดยตวั คณู ทำงกำรคลัง (Fiscal Multipliers)
ตำรำงที่ 5 ประมำณกำรผลของกำรลงทุนภำครัฐที่มีตอ่ ภำคเอกชน (Crowding-In Effects)
ปี การลงทุนภาคเอกชน การลงทุนภาครัฐ ร้อยละ 0.13 ของ ร้อยละ 1 ของการ ประมาณการผลของ
(ลา้ นบาท) (ลา้ นบาท) การลงทุนภาคเอกชน ลงทนุ ภาครัฐ (ลา้ นบาท) การลงทนุ ภาครัฐทมี่ ีตอ่
(ลา้ นบาท) ภาคเอกชน
(บาท)
2553 1,932,152 661,014 2,512 6,610 0.38
2554 2,276,924 644,370 2,960 6,444 0.46
2555 2,607,562 728,136 3,390 7,281 0.47
2556 2,541,235 737,089 3,304 7,371 0.45
2557 2,572,184 690,593 3,344 6,906 0.48
2558 2,506,163 864,905 3,258 8,649 0.38
2559 2,529,339 930,559 3,288 9,306 0.35
2560 2,653,500 925,677 3,450 9,257 0.37
2561 2,767,229 957,739 3,597 9,577 0.38
2562 2,842,691 962,775 3,695 9,628 0.38
2563 2,609,728 1,011,113 3,393 10,111 0.34
ทม่ี า : ขอ้ มูลการลงทุนของภาครฐั และเอกชน ณ ราคาประจาปี จากสานักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสงั คมแห่งชาติ
(https://www.nesdc.go.th/main.php?filename=qgdp_page)
หมายเหตุ : ผลของการลงทุนภาครฐั ที่มีต่อภาคเอกชน คานวณโดยผูเ้ ขยี น
ข้อสรุปท่ีว่า เมื่อภาครัฐเพ่ิมรายจ่ายลงทุน จานวน 1 บาท จะทาให้ภาคเอกชนเพ่ิมการลงทุน จานวน
0.37 บาท ภายใน 2 ปี ท้ังน้ี ระยะเวลา 2 ปี ดังกลา่ ว จะเท่ากับรอบการใช้จ่ายและการหมุนเวยี นของเงนิ จานวน
1.6 รอบ (หรอื เท่ากบั 0.8 รอบตอ่ ปี * 2 ป)ี อย่างไรก็ดี การศึกษาฉบับน้ี จะกาหนดให้ผลของการลงทุนภาครฐั ที่มี
ต่อการลงทุนภาคเอกชนท้ังหมด เกิดขึ้นภายใน 1 รอบการใช้จ่ายและการหมุนเวียนของเงินภายหลังที่ภาครัฐ
เบิกจ่าย เน่ืองจากการกระจายผลดังกล่าวภายในระยะเวลา 1.6 รอบ ต้องอาศัยข้อมูลเชิงลึกและมีรายละเอียด
มาก และการกาหนดดังกล่าวอาจไม่ส่งผลให้ผลการศึกษาเปลี่ยนแปลงไปอย่างมีนัยสาคัญ ท้ังนี้ การวิเคราะห์
Crowding-In Effects ในรอบการหมุนเวยี นของการใชจ้ า่ ยในระบบเศรษฐกจิ มดี งั นี้
รอบที่ 1 : ภาครัฐเพมิ่ รายจา่ ยเพือ่ การลงทุน
รอบที่ 2 : ภาคเอกชนเพิ่มการใช้จ่ายเพ่ือการลงทุนตามผลของ Crowding-In Effects ที่ได้กล่าว
แล้วในเบื้องต้น อย่างไรก็ดี การลงทุนของภาคเอกชนดังกล่าว จาเป็นต้องนาเข้าสินค้าทุน บางส่วนจาก
ต่างประเทศ เน่ืองจากอาจเปน็ สินค้าทุนท่ีประเทศอาจไม่สามารถผลิตได้และตอ้ งนาเขา้ ดังนั้น ผลกระทบสุทธิ
ของการลงทนุ ภาคเอกชนตอ่ GDP คอื วงเงนิ การใช้จา่ ยเพื่อการลงทุน หกั ด้วยส่วนทต่ี อ้ งนาเขา้
รอบที่ 3 : การที่ GDP สูงขึ้นในรอบก่อนหน้า จะทาให้รายได้ประชาชนทั่วไปเพ่ิมสูงข้ึน ท้ังนี้
ประชาชนจึงบริโภคและนาเข้าเพิ่มขึ้นตามสัดส่วน MPC และ MPM ทาให้มีเงินไหลเวียนในระบบเศรษฐกิจ
มากข้ึน และ GDP เพ่มิ สูงข้ึน
20
สำนักงำนเลขำธกิ ำรสภำผู้แทนรำษฎร สำนักงบประมำณของรัฐสภำ
คู่มอื กำรวิเครำะห์ผลกระทบของกำรใช้จำ่ ยภำครัฐต่อ GDP โดยตวั คูณทำงกำรคลงั (Fiscal Multipliers)
รอบที่ 4 : การที่ประชาชนใช้จ่าย และผลักดันให้ GDP สูงขึ้นในรอบก่อนหน้า จะทาให้รายได้
ประชาชนทั่วไปเพิ่มสูงข้ึนอีกครั้งหน่ึง ท้ังนี้ ประชาชนจึงบริโภคและนาเข้าเพิ่มข้ึนตามสัดส่วน MPC และ
MPM ทาให้มเี งนิ ไหลเวียนในระบบเศรษฐกิจมากขน้ึ และ GDP เพมิ่ สูงขนึ้
รอบท่ี 5 : เหตกุ ารณด์ าเนนิ ไปอย่างตอ่ เน่ืองในลกั ษณะเดียวกับทเี่ กิดขึ้นในรอบที่ 4
ทง้ั นี้ การเพมิ่ รายจ่ายเพื่อการลงทุนภาคของภาคเอกชนดังกล่าว จะมีการหมุนเวียนของเงินและการ
ใช้จ่ายในรอบต่าง ๆ ตามการนาเสนอในตารางที่ 6 ดังนี้
ตำรำงที่ 6 กำรเพิ่มรำยจ่ำยเพือ่ กำรลงทุนของภำคเอกชนอนั เน่ืองมำจำกกำรลงทนุ ภำครฐั และ
ผลกระทบตอ่ GDP
รอบ C I G X M GDP
1 ภาครัฐเพมิ่ รายจา่ ยเพ่อื การลงทนุ จานวน 1 บาท
2 0.37 0.37w 0.371 w
0.371 wr1 u
3 0.371 wr 0.371 wru
4 0.371 wr21u 0.371 wr21uu 0.371 wr21 u2
5 0.371 wr31 u2 0.371 wr31 u2u 0.371 wr31 u3
หมายเหตุ : 1. หมายถงึ การเปล่ยี นแปลง
2. สมการท่ี 2.1 สามารถอนมุ านไดว้ ่า GDP C I G X M
3. คานวณโดยผู้เขียน
ตารางที่ 6 แสดงให้เห็นผลกระทบต่อ GDP อนั เน่ืองมาจากการลงทุนของภาคเอกชนที่ขยายตวั ตาม
การลงทุนของภาครัฐ ท้ังนี้ ผลกระทบดังกล่าว จะเท่ากับผลรวมการเปลี่ยนแปลงของ GDP ในรอบการใช้จ่าย
ต่าง ๆ ซ่ึงปรากฏตามวงกลมเส้นประสีแดง ท้ังน้ี เมื่อนาผลกระทบดังกล่าว ตามตารางท่ี 6 ไปรวมกับ
ผลกระทบของการเพิ่มรายจ่ายเพ่ือการลงทุนภาครัฐที่มีต่อ GDP ตามตารางที่ 4 จะสามารถคานวณ Fiscal
Multipliers กรณรี ายจ่ายเพื่อการลงทนุ ภาครัฐ รายละเอยี ดปรากฏตามวงกลมเสน้ ประสีแดงในตารางที่ 7 ได้
21
สำนักงำนเลขำธิกำรสภำผแู้ ทนรำษฎร สำนักงบประมำณของรฐั สภำ
คู่มอื กำรวิเครำะห์ผลกระทบของกำรใช้จำ่ ยภำครฐั ต่อ GDP โดยตวั คณู ทำงกำรคลัง (Fiscal Multipliers)
ตำรำงท่ี 7 กำรคำนวณ Fiscal Multipliers กรณรี ำยจำ่ ยเพอ่ื กำรลงทุน
รอบ GDP GDP GDP
ตำมตำรำงที่ 4 ตำมตำรำงท่ี 6 รวมทงั้ ส้นิ
1 1w 0.371 w 1 w
0.371 wr1 u
2 1 wr1u 0.371 wr21 u2 1 wr1 u+ 0.371 w
3 1 wr21 u2 0.371 wr31 u3 1 wr21 u2+ 0.371 wr1 u
4 1 wr31 u3 1 wr31 u3 + 0.371 wr21 u2
5 1 wr41 u4 1 wr41 u4+ 0.371 wr31u3
หมายเหตุ : คานวณโดยผู้เขียน
แนวคิดกำรประมำณกำร Fiscal Multipliers กรณีรำยจ่ำยประเภทอ่ืน ๆ ที่พิจำรณำแล้วเห็น
ว่ำ มีผลกระทบทำงตรงตอ่ GDP
เม่ือภาครัฐเพิม่ รายจ่ายประเภทอืน่ ๆ ที่มีผลกระทบทางตรงต่อ GDP อาทิ ค่าใช้จ่ายในการซ้ือสินค้า
และบรกิ าร ค่าใช้จ่ายในการดาเนินการ ค่าสาธารณูปโภค และรายจ่ายเพื่อจัดหาบริการในรูปแบบสวัสดิการสังคม
แก่ประชาชน ซึ่งเป็นสินค้าและบริการที่ผลิตได้เองภายในประเทศ จะส่งผลต่อระบบเศรษฐกิจในรอบการ
หมนุ เวยี นของการใช้จ่ายต่าง ๆ ดังน้ี
รอบที่ 1 : ภาครัฐเพิม่ รายจ่ายจะทาใหค้ วามตอ้ งสนิ คา้ และบริการขั้นสดุ ทา้ ยทผี่ ลติ ได้ภายในประเทศ
เพิม่ สูงขนึ้ อนั จะทาให้ GDP เพ่มิ สงู ขนึ้
รอบท่ี 2 : การที่ภาครัฐเพิ่มรายจ่ายและทาให้ GDP เพิ่มข้ึนในรอบก่อนหน้า จะทาให้รายได้ของ
ประชาชนทั่วไปเพิ่มข้ึน ท้ังนี้ ประชาชนจึงบริโภคและนาเข้าเพิ่มขึ้นตามสัดส่วน MPC และ MPM ทาให้มีเงิน
ไหลเวยี นในระบบเศรษฐกิจมากขนึ้ และ GDP เพ่ิมสงู ขึน้
รอบที่ 3 : การท่ีประชาชนใช้จ่าย และผลักดันให้ GDP สูงขึ้นในรอบก่อนหน้า จะทาให้รายได้
ประชาชนทั่วไปเพิ่มสูงขึ้นอีกคร้ังหน่ึง ทั้งนี้ ประชาชนจึงบริโภคและนาเข้าเพ่ิมข้ึนตามสัดส่วน MPC และ
MPM ทาใหม้ ีเงินไหลเวียนในระบบเศรษฐกจิ มากขนึ้ และ GDP เพิม่ สงู ขนึ้
รอบที่ 4 – 5 : เหตกุ ารณด์ าเนินไปอยา่ งตอ่ เน่อื งในลกั ษณะเดียวกบั ทเ่ี กิดขน้ึ ในรอบที่ 3
ท้ังน้ี การเพิ่มรายจ่ายดังกล่าว และการหมุนเวียนของเงินและการใช้จ่ายในรอบต่างๆ สามารถ
นาเสนอตามตารางท่ี 8 โดย Fiscal Multipliers ในกรณีนี้ คือ ผลรวมการเปล่ียนแปลงของ GDP ในรอบการ
ใชจ้ า่ ยที่ 1 – 5 ปรากฏตามวงกลมเส้นประสีแดง
22
สำนักงำนเลขำธิกำรสภำผูแ้ ทนรำษฎร สำนกั งบประมำณของรัฐสภำ
คมู่ อื กำรวิเครำะห์ผลกระทบของกำรใชจ้ ำ่ ยภำครัฐต่อ GDP โดยตวั คณู ทำงกำรคลงั (Fiscal Multipliers)
ตำรำงท่ี 8 กำรคำนวณ Fiscal Multipliers กรณรี ำยจำ่ ยประเภทอนื่ ๆ ท่ีพจิ ำรณำแลว้ เหน็ วำ่
มีผลกระทบทำงตรงต่อ GDP
รอบ C I G X M GDP
11 1
2r ru r1 u
r21 u2
3 r21u r 2 1 uu r31 u3
r41 u4
4 r31 u2 r31 u2u
r41 u3u
5 r41 u3
หมายเหตุ : 1. หมายถงึ การเปลยี่ นแปลง
2. สมการท่ี 2.1 สามารถอนุมานได้วา่ GDP C I G X M
3. คานวณโดยผเู้ ขียน
แนวคดิ กำรประมำณกำร Fiscal Multipliers กรณเี งินโอนสำหรับประชำชนท่วั ไป
เมื่อภาครัฐเพิ่มรายจ่ายเงินโอนให้แก่ประชาชนท่ัวไป อาทิ การให้เงินแก่ประชาชนรายละ 2,000
บาท หรือมาตรการเช็คช่วยชาติในอดีต การดาเนินการดังกล่าวจะเป็นการโอนอานาจซ้ือจากรัฐบาลไปสู่
ประชาชน ความตอ้ งการสินค้าและบริการข้นั สุดท้ายจะยงั ไม่เพิ่มขนึ้ และ GDP ยังคงเดิม ต่อมา เม่อื ประชาชน
เพิ่มระดับการใช้จ่ายอันเน่ืองมาจากการได้รับเงินโอนจากรัฐบาล จะส่งผลให้ระดับการบริโภค การนาเข้า และ
GDP เพ่ิมสูงข้ึนในท่ีสุด ทั้งนี้ การเพิ่มรายจ่ายเงินโอนดังกล่าว จะส่งผลต่อระบบเศรษฐกิจในรอบการหมุนเวียน
การใชจ้ า่ ยต่าง ๆ ดังนี้
รอบที่ 1 : ภาครัฐเพิ่มรายจ่ายเงินโอนแก่ประชาชนท่ัวไป ความต้องการสินค้าและบริการขั้นสุดท้าย
ไมเ่ พิ่มข้นึ GDP ยงั คงเดิม
รอบท่ี 2 : ประชาชนท่ัวไปที่ได้รับเงินโอนจากภาครัฐในรอบก่อนหน้า จะบริโภคและนาเข้าเพ่ิมข้ึน
ตามสดั ส่วน MPC และ MPM ทาใหม้ เี งินไหลเวียนในระบบเศรษฐกิจมากข้ึนและ GDP เพม่ิ สงู ขน้ึ
รอบท่ี 3 : การที่ประชาชนใช้จ่าย และผลักดันให้ GDP สูงข้ึนในรอบก่อนหน้า จะทาให้รายได้
ประชาชนทั่วไปเพิ่มสูงข้ึนอีกครั้งหนึ่ง ทั้งนี้ ประชาชนจึงบริโภคและนาเข้าเพิ่มขึ้นตามสัดส่วน MPC และ
MPM ทาให้มีเงนิ ไหลเวยี นในระบบเศรษฐกจิ มากข้ึน และ GDP เพิ่มสูงขนึ้
รอบที่ 4 – 5 : เหตุการณ์ดาเนินไปอยา่ งตอ่ เนื่องในลักษณะเดียวกับที่เกดิ ข้ึนในรอบที่ 3
ทั้งน้ี การเพ่ิมรายจ่ายเงินโอนสาหรับประชาชนท่ัวไปดังกล่าว และการหมุนเวียนของเงินและการใช้
จ่ายในรอบต่าง ๆ สามารถนาเสนอตามตารางที่ 9 โดย Fiscal Multipliers ในกรณีน้ี คือ ผลรวมการ
เปลีย่ นแปลงของ GDP ในรอบการใช้จา่ ยที่ 1 – 5 ปรากฏตามวงกลมเสน้ ประสแี ดง
23
สำนักงำนเลขำธิกำรสภำผู้แทนรำษฎร สำนกั งบประมำณของรฐั สภำ
คู่มอื กำรวิเครำะหผ์ ลกระทบของกำรใชจ้ ำ่ ยภำครัฐตอ่ GDP โดยตวั คณู ทำงกำรคลงั (Fiscal Multipliers)
ตำรำงท่ี 9 กำรคำนวณ Fiscal Multipliers กรณรี ำยจำ่ ยเงนิ โอนสำหรบั ประชำชนทั่วไป
รอบ C I G X M GDP
11 -
2r ru r1 u
r21 u2
3 r21u r 2 1 uu r31 u3
r41 u4
4 r31 u2 r31 u2u
r41 u3u
5 r41 u3
หมายเหตุ : 1. หมายถงึ การเปลีย่ นแปลง
2. สมการที่ 2.1 สามารถอนมุ านได้ว่า GDP C I G X M
3. คานวณโดยผเู้ ขยี น
แนวคิดกำรประมำณกำร Fiscal Multipliers กรณเี งนิ โอนสำหรบั ประชำชนผู้มีรำยได้นอ้ ย
เมือ่ ภาครัฐเพ่ิมรายจา่ ยเงินโอนใหแ้ กป่ ระชาชนผู้มรี ายไดน้ อ้ ย การดาเนนิ การดังกล่าวจะเป็นการโอน
อานาจซ้ือจากรัฐบาลไปสู่ประชาชนผู้มีรายได้น้อย ความต้องการสินค้าและบริการข้ันสุดท้ายจะยังไม่เพิ่มข้ึน
และ GDP ยังคงเดิม ต่อมา เม่ือประชาชนผู้มีรายได้น้อยเพิ่มระดับการใช้จ่ายอันเนื่องมาจากการได้รับเงินโอน
จากรฐั บาล จะสง่ ผลให้ระดบั การบริโภค การนาเขา้ และ GDP เพ่มิ สูงขึ้นในทส่ี ดุ ทง้ั น้ี การเพิม่ รายจ่ายเงินโอน
ดงั กล่าว จะส่งผลต่อระบบเศรษฐกิจในรอบการหมุนเวยี นการใช้จ่ายตา่ ง ๆ ดงั น้ี
รอบท่ี 1 : ภาครัฐเพ่มิ รายจา่ ยเงนิ โอนแกป่ ระชาชนผ้มู รี ายไดน้ อ้ ย ความตอ้ งการสนิ คา้ และบริการขน้ั
สุดท้ายไม่เพิม่ ขน้ึ GDP ยงั คงเดมิ
รอบท่ี 2 : ประชาชนผู้มีรายได้น้อยท่ีได้รับเงินโอนจากภาครัฐในรอบก่อนหน้า จะบริโภคและนาเข้า
เพิ่มขึ้นตามสัดส่วน MPC และ MPM ทาให้มีเงินไหลเวียนในระบบเศรษฐกิจมากข้ึนและ GDP เพ่ิมสูงขึ้น
อยา่ งไรก็ดี เมื่อพิจารณาทางเลือกในการบริโภคของประชาชนผู้มีรายไดน้ ้อย พบวา่ ส่วนใหญ่เป็นสินค้าจาเป็น
ขั้นพ้นื ฐานที่ผลิตได้ภายในประเทศ การนาเข้าสินค้าเพอ่ื บริโภคจึงไมเ่ กิดขนึ้ ดงั นั้น จงึ กาหนดให้ค่า MPM ของ
ประชาชนผ้มู รี ายไดน้ อ้ ยหรอื v เทา่ กับ 0
รอบที่ 3 : การท่ีประชาชนผู้มีรายได้น้อยใช้จ่าย และผลักดันให้ GDP สูงข้ึนในรอบก่อนหน้า จะทา
ให้รายได้ประชาชนท่ัวไปเพิ่มสูงขึ้น ทั้งนี้ ประชาชนท่ัวไปจึงบริโภคและนาเข้าเพิ่มขึ้นตามสัดส่วน MPC และ
MPM ทาให้มีเงินไหลเวยี นในระบบเศรษฐกจิ มากขน้ึ และ GDP เพิม่ สงู ข้ึน
รอบที่ 4 – 5 : เหตกุ ารณด์ าเนนิ ไปอย่างตอ่ เนื่องในลกั ษณะเดยี วกบั ที่เกดิ ข้นึ ในรอบที่ 3
24
สำนักงำนเลขำธกิ ำรสภำผูแ้ ทนรำษฎร สำนกั งบประมำณของรฐั สภำ
คูม่ อื กำรวิเครำะห์ผลกระทบของกำรใชจ้ ำ่ ยภำครัฐตอ่ GDP โดยตวั คณู ทำงกำรคลงั (Fiscal Multipliers)
ทั้งน้ี การเพ่ิมรายจ่ายเงินโอนสาหรับประชาชนผู้มีรายได้น้อยดังกล่าว และการหมุนเวียนของเงิน
และการใชจ้ ่ายในรอบต่าง ๆ สามารถนาเสนอตามตารางท่ี 10 โดย Fiscal Multipliers ในกรณีน้ี คือ ผลรวม
การเปล่ียนแปลงของ GDP ในรอบการใช้จา่ ยท่ี 1 – 5 ปรากฏตามวงกลมเส้นประสีแดง
ตำรำงที่ 10 กำรคำนวณ Fiscal Multipliers กรณรี ำยจำ่ ยเงนิ โอนสำหรบั ประชำชนผู้มรี ำยได้นอ้ ย
รอบ C I G X M GDP
11 -
2s rsu s
3 rs
r 2s1 uu rs1 u
4 r2s1u r3s1 u2u r2s1 u2
5 r3s1 u2 r3s1 u3
หมายเหตุ : 1. หมายถงึ การเปลี่ยนแปลง
2. สมการที่ 2.1 สามารถอนุมานได้วา่ GDP C I G X M
3. คานวณโดยผ้เู ขยี น
3.2 ข้นั ตอนกำรดำเนนิ กำร
ผู้ทสี่ นใจในการวเิ คราะห์ผลกระทบของการใชจ้ า่ ยภาครัฐต่อ GDP โดย Fiscal Multipliers สามารถ
ดาเนนิ การตามเนื้อหาทีน่ าเสนอในคู่มือฉบับน้ีตามขั้นตอน ดังน้ี
3.2.1 ศึกษาแนวทางการจาแนกประเภทการใช้จ่ายภาครัฐ แนวคิดเศรษฐศาสตร์ข้ันพ้ืนฐาน
ทีจ่ าเป็น และแนวคิดของ Fiscal Multipliers ตามท่ปี รากฏในบทท่ี 1 – 3
3.2.2 ศึกษาขั้นตอนการประมาณการ Fiscal Multipliers และฐานข้อมูลท่ีเกี่ยวข้องตาม
ท่ีปรากฏในบทที่ 3 – 4
3.2.3 ศึกษาตัวอย่างการนา Fiscal Multipliers ไปวิเคราะห์การจัดสรรงบประมาณรายจ่าย
ประจาปีของหน่วยรบั งบประมาณตามท่ีปรากฏในบทท่ี 4 เพือ่ ใหส้ ามารถทราบและเข้าใจไดว้ ่า การประยุกตใ์ ช้
มขี ้นั ตอนทเี่ กี่ยวขอ้ งอย่างไร และการใช้จา่ ยภาครัฐจะสง่ ผลต่อ GDP ให้เพ่มิ ขึน้ ในระยะยาวไดใ้ นปรมิ าณเทา่ ใด
3.3 วิธกี ำรเก็บขอ้ มูล
การประมาณการ Fiscal Multipliers ของการใช้จ่ายภาครัฐประเภทต่าง ๆ ในคู่มือฉบับน้ี จะใช้
ข้อมูลทุติยภูมิรายปีของตัวแปรเศรษฐกิจมหภาคท่ีเก่ียวข้องต้ังแต่อดีต – ปี 2563 จากฐานข้อมูล On-line ท่ี
สาคญั อาทิ
1) ฐานข้อมลู สานักงานเศรษฐกิจการคลงั กระทรวงการคลัง www.fpo.go.th
25
สำนกั งำนเลขำธกิ ำรสภำผแู้ ทนรำษฎร สำนักงบประมำณของรฐั สภำ
คู่มอื กำรวเิ ครำะหผ์ ลกระทบของกำรใชจ้ ่ำยภำครฐั ตอ่ GDP โดยตวั คณู ทำงกำรคลัง (Fiscal Multipliers)
2) ฐานข้อมลู สานกั งานสภาพัฒนาการเศรษฐกจิ และสงั คมแห่งชาติ www.nesdc.go.th และ
3) ฐานข้อมูลธนาคารแหง่ ประเทศไทย www.bot.or.th
โดยการประมาณการตัวแปรในขั้นตอนตา่ ง ๆ ผู้ศึกษาได้นาเสนอ url ในการเข้าถึงขอ้ มลู ที่เก่ียวข้องไวใ้ นหมาย
เหตปุ ระกอบตาราง ทาให้ผทู้ ีส่ นใจมคี วามสะดวกในการเขา้ ถึงฐานขอ้ มูล เพ่อื ดาเนนิ การต่อไป
26
สำนกั งำนเลขำธิกำรสภำผแู้ ทนรำษฎร สำนักงบประมำณของรัฐสภำ
คู่มอื กำรวิเครำะห์ผลกระทบของกำรใช้จ่ำยภำครัฐต่อ GDP โดยตวั คณู ทำงกำรคลัง (Fiscal Multipliers)
บทที่ 4
ผลกำรศึกษำ
การศึกษาและค้นคว้าแนวทางการประมาณการ Fiscal Multipliers ของการใช้จ่ายภาครัฐ ตามท่ี
นาเสนอในบทที่ 1 – 3 ทาให้ได้ผลการศึกษาในบทน้ี โดยแบ่งออกเป็น 2 ส่วน ได้แก่ ผลการประมาณการ
Fiscal Multipliers และกรณี ศึกษาการประยุกต์ใช้ Fiscal Multipliers ในการวิเคราะห์การจัดสรร
งบประมาณ ดังน้ี
4.1 ผลกำรประมำณกำร Fiscal Multipliers
4.1.1 สตู รและฐำนขอ้ มลู ในกำรคำนวณ Fiscal Multipliers
ผู้ศึกษาได้พัฒนาแนวทางการประมาณการ Fiscal Multipliers สาหรับการใช้จ่ายภาครัฐ 5
ประเภท ประกอบด้วย 1) ค่าตอบแทนบุคลากรภาครัฐ 2) รายจ่ายเพื่อการลงทุน 3) รายจ่ายประเภทอ่นื ๆ ที่พิจารณา
แล้วเห็นวา่ มผี ลกระทบทางตรงต่อ GDP 4) เงินโอนสาหรับประชาชนทั่วไป และ 5) เงินโอนสาหรับประชาชน
ผู้มีรายได้น้อย รายละเอียดปรากฏตามหัวข้อที่ 3.1 ซ่ึงทาให้ได้สูตรในการประมาณการ Fiscal Multipliers
สาหรับการใชจ้ ่ายภาครัฐดังกล่าว รายละเอยี ดปรากฏตามตารางที่ 12 – 16 ดังน้ี
ตำรำงท่ี 11 สูตรกำรประมำณกำร Fiscal Multipliers กรณีค่ำตอบแทนบคุ ลำกรภำครฐั
รอบ GDP
11
2 q1 t
3 rq1t1u
4 r2q1t1u2
5 r3q1 t1 u3
หมายเหตุ : คานวณโดยผศู้ ึกษา
27
สำนักงำนเลขำธกิ ำรสภำผแู้ ทนรำษฎร สำนกั งบประมำณของรฐั สภำ
คมู่ อื กำรวเิ ครำะหผ์ ลกระทบของกำรใชจ้ ่ำยภำครัฐต่อ GDP โดยตวั คณู ทำงกำรคลงั (Fiscal Multipliers)
ตำรำงท่ี 12 สูตรประมำณกำร Fiscal Multipliers กรณรี ำยจำ่ ยเพ่ือกำรลงทุน
รอบ GDP
1 1w
2 1 wr1 u+ 0.371 w
3 1 wr21 u2+ 0.371 wr1 u
4 1 wr31 u3 + 0.371 wr21 u2
5 1 wr41 u4+ 0.371 wr31 u3
หมายเหตุ : คานวณโดยผู้ศกึ ษา
ตำรำงที่ 13 สตู รประมำณกำร Fiscal Multipliers กรณรี ำยจ่ำยประเภทอน่ื ๆ ทพ่ี ิจำรณำแล้ว
เหน็ วำ่ มีผลกระทบทำงตรงตอ่ GDP
รอบ GDP
11
2 r1u
3 r21 u2
4 r31 u3
5 r41 u4
หมายเหตุ : คานวณโดยผู้ศกึ ษา
ตำรำงท่ี 14 สูตรกำรประมำณกำร Fiscal Multipliers กรณีรำยจ่ำยเงินโอนสำหรบั ประชำชน
ท่ัวไป
รอบ GDP
1-
2 r1u
3 r21 u2
4 r31 u3
5 r41 u4
หมายเหตุ : คานวณโดยผศู้ ึกษา
28
สำนักงำนเลขำธิกำรสภำผู้แทนรำษฎร สำนกั งบประมำณของรัฐสภำ
คู่มอื กำรวิเครำะหผ์ ลกระทบของกำรใชจ้ ่ำยภำครัฐตอ่ GDP โดยตวั คณู ทำงกำรคลงั (Fiscal Multipliers)
ตำรำงที่ 15 สูตรกำรประมำณกำร Fiscal Multipliers กรณีรำยจ่ำยเงนิ โอนสำหรับประชำชน
ผมู้ ีรำยได้น้อย
รอบ GDP
1-
2s
3 rs1 u
4 r2s1 u2
5 r3s1 u3
หมายเหตุ : คานวณโดยผู้ศกึ ษา
สาหรับข้อมูลในการประมาณการ Fiscal Multipliers จะใช้ข้อมูลทุติยภูมิรายปีตัวแปร
เศรษฐกจิ มหภาคและทีเ่ กี่ยวขอ้ ง ตัง้ แต่อดตี – ปี 2563 จากฐานข้อมูล ดงั น้ี
1) ฐานข้อมูลสานักงานเศรษฐกิจการคลัง กระทรวงการคลัง ซ่ึงเป็นแหล่งจัดเก็บข้อมูลภาค
การคลังสาธารณะ โดยสามารถเข้าถึงผ่านเว็บไซท์ www.fpo.go.th หัวข้อ “ข้อมูลสถิติ”รายละเอียดปรากฏ
ตามภาพท่ี 1
2) ฐานข้อมูลสานักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ซึ่งเป็นแหล่งจัดเก็บข้อมูล
GDP โดยสามารถเข้าถึงผ่านเว็บไซท์ www.nesdc.go.th หัวข้อ “ข้อมูลเศรษฐกิจและสังคม” รายละเอียด
ปรากฏตามภาพที่ 2
3) ฐานข้อมูลธนาคารแห่งประเทศไทยซ่ึงเป็นแหล่งจัดเก็บข้อมูลภาคการเงิน โดยสามารถ
เขา้ ถงึ ผ่านเว็บไซท์ www.bot.or.th หัวข้อ “สถติ ”ิ รายละเอียดปรากฏตามภาพที่ 3
ภำพที่ 1 ฐำนขอ้ มูลสำนักงำนเศรษฐกจิ กำรคลัง
ทีม่ า : www.fpo.go.th
29
สำนักงำนเลขำธิกำรสภำผูแ้ ทนรำษฎร สำนักงบประมำณของรฐั สภำ
คูม่ อื กำรวเิ ครำะห์ผลกระทบของกำรใชจ้ ำ่ ยภำครัฐตอ่ GDP โดยตวั คูณทำงกำรคลงั (Fiscal Multipliers)
ภำพท่ี 2 ฐำนขอ้ มูลสำนักงำนสภำพฒั นำกำรเศรษฐกิจและสังคมแหง่ ชำติ
ทมี่ า : www.nesdc.go.th
ภำพที่ 3 ฐำนข้อมลู ธนำคำรแหง่ ประเทศไทย
ที่มา : www.bot.or.th
4.1.2 กำรประมำณกำร Fiscal Multipliers
การประมาณ การ Fiscal Multipliers ในเบ้ืองต้นจะเริ่มจากการประมาณ ค่าของ
ตัวแปรที่แสดงถึงพฤติกรรมของบุคคลในระบบเศรษฐกิจท่ีเก่ียวข้องกับการบริโภค การนาเข้า และการลงทุน
หลงั จากน้นั จึงนาค่าที่ได้ไปแทนคา่ สูตรของ Fiscal Multipliers ตามทเี่ สนอในตารางท่ี 11 – 15 ท้งั นี้ ตวั แปร
30
สำนกั งำนเลขำธกิ ำรสภำผูแ้ ทนรำษฎร สำนักงบประมำณของรัฐสภำ
คู่มอื กำรวเิ ครำะห์ผลกระทบของกำรใชจ้ ่ำยภำครฐั ตอ่ GDP โดยตวั คูณทำงกำรคลัง (Fiscal Multipliers)
ที่แสดงถึงพฤติกรรมของบุคคลในระบบเศรษฐกิจท่ีเก่ียวข้องกับการบริโภค การนาเข้าสินค้าและบริการของ
บคุ ลากรภาครฐั ประชาชนทั่วไป และประชาชนผู้มรี ายได้น้อย และการลงทนุ ที่ตอ้ งใช้ประกอบการคานวณตัว
คูณทางการคลังของการใชจ้ า่ ยภาครฐั มีดังนี้
1) ค่า MPC ของบุคลากรภาครฐั หรอื q
2) ค่า MPC ของประชาชนทว่ั ไป หรอื r
3) ค่า MPC ของประชาชนผมู้ รี ายได้น้อย หรอื s
4) ค่า MPM ของบุคลากรภาครัฐ หรือ t
5) ค่า MPM ของประชาชนทวั่ ไป หรือ u
6) ค่า MPM ของประชาชนผู้มีรายได้น้อย หรือ v ซ่ึงกาหนดให้มีค่าเท่ากับ 0 เนื่องจาก
ทางเลือกในการบริโภคของประชาชนผู้มีรายได้น้อย ส่วนใหญ่เป็นสินค้าจาเป็นขั้นพ้ืนฐานท่ีผลิตได้
ภายในประเทศ การนาเข้าสินค้าเพอ่ื บริโภคจงึ ไมเ่ กิดข้นึ รายละเอียดปรากฏตามขอ้ ที่ 3.1 และ
7) สดั สว่ นการลงทุนที่ต้องนาเขา้ หรอื w
การประมาณการ MPC จะดาเนินการโดยใช้แนวคิดจากสมการท่ี 2.2 และการกาหนดเง่ือนไข
เพม่ิ เติม ดังนี้
1) ให้รายได้ท่ีใช้จ่ายได้ คือ รายได้ที่เป็นวงเงินสุทธิจากภาษีท่ีจ่าย หรือ Yd = Y – T โดย Y
คือ รายได้ทีไ่ ด้รับ และ T คอื ภาษที จี่ า่ ย
2) ให้ภาษีท่ีเอกชนจ่ายเป็นสัดส่วนกับรายได้ท่ีเอกชนได้รับ หรือ T = tt*Y โดย tt
คอื สดั ส่วนของภาษีทจ่ี ่ายเมื่อเทียบกับรายได้
ดังนัน้ สมการท่ี 2.2 สามารถเขียนในรูปต่อไปนี้
C = a + b*(Y - T)
C = a + b*(Y - tt*Y)
C = a + b*(1 – tt)*Y ----------(สมการท่ี 4.1)
สมการที่ 4.1 พบวา่ เมอ่ื Y มีคา่ เพิม่ ขนึ้ 1 หน่วย จะทาให้ C เพิ่มขน้ึ b*(1 – tt) หนว่ ย หรือ
C/ Y = b*(1 – tt) ----------(สมการท่ี 4.2)
สมการท่ี 4.2 สามารถคานวณหาคา่ MPC ได้ดงั นี้
b = ( C/ Y)/(1 – tt) ----------(สมการท่ี 4.3)
สมการท่ี 4.3 จะให้แนวทางการในการประมาณการค่า MPC โดยจะต้องประมาณการค่าของ
( C/ Y) และ (1 – tt) ในชัน้ ต้นก่อน ท้ังนี้ ผู้เขียนจะประมาณการค่า MPC ของประชาชนท่ัวไป หรือ r โดยใช้
ข้อมูลรายได้ประชาชาติของประเทศไทยจัดเก็บโดยสานักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ซึ่ง
ตัวแปรท่ีเก่ียวข้อง คือ 1) ข้อมูลการอุปโภคบริโภคขั้นสุดท้ายของเอกชน (Private Final Consumption
Expenditure) ท่ีแสดงถึงระดับการบริโภคของประชาชนท่ัวไปทั้งหมด และ 2) GDP ท่ีแสดงถึงระดับรายได้
31
สำนกั งำนเลขำธกิ ำรสภำผูแ้ ทนรำษฎร สำนักงบประมำณของรัฐสภำ
คูม่ อื กำรวิเครำะห์ผลกระทบของกำรใช้จ่ำยภำครฐั ต่อ GDP โดยตวั คณู ทำงกำรคลัง (Fiscal Multipliers)
ของประชาชนกลุ่มดังกล่าว ทั้งน้ี ผลการประมาณการค่า ( C/ Y) ปรากฏตามตารางท่ี 16 และข้อมูลการ
อุปโภคบริโภคขั้นสุดท้ายของเอกชนและ GDP ท่ีใช้เป็นข้อมูล ณ ราคาปีฐาน (2545) เน่ืองจากสูตรการ
คานวณกาหนดให้ใช้ค่าการเปล่ียนแปลงระหว่างปีทอ่ี ิทธพิ ลระดับราคาต่างกัน ดังนั้น จึงต้องใชข้ ้อมูล ณ ราคา
ปีฐานเดียวกนั เพอื่ ขจดั อิทธิพลของราคาระหว่างปีท่ีตา่ งกัน และอาจทาใหป้ ระมาณการมีความคลาดเคล่ือนไป
จากคา่ ทเี่ หมาะสม
ตำรำงที่ 16 ประมำณกำรคำ่ C/ Y
ปี การอปุ โภคบริโภคข้ันสดุ ทา้ ย GDP (ลา้ นบาท) การเปลยี่ นแปลงของ การเปลย่ี นแปลงของ ประมาณการคา่
ของเอกชน (ลา้ นบาท) การอปุ โภคบริโภคข้ันสดุ ท้าย GDP (ลา้ นบาท)
ของเอกชน (ลา้ นบาท)
2553 4,313,694 8,152,516 222,994 572,403 0.39
0.96
2554 4,392,805 8,235,094 79,111 82,578 0.56
0.21
2555 4,714,916 8,813,275 322,111 578,181 0.27
0.43
2556 4,759,900 9,023,775 44,984 210,500 0.45
0.40
2557 4,785,280 9,119,449 25,380 95,674 0.58
0.88
2558 4,909,901 9,409,628 124,621 290,179 0.08
2559 5,051,349 9,725,610 141,448 315,982
2560 5,207,330 10,113,169 155,981 387,559
2561 5,445,591 10,526,902 238,261 413,733
2562 5,660,992 10,771,254 215,401 244,352
2563 5,606,049 10,108,873 -54,943 -662,381
ท่มี า : ข้อมลู การอุปโภคบริโภคขน้ั สุดทา้ ยของเอกชน และ GDP เปน็ ข้อมลู ณ ราคาปฐี าน (2545) จากสานักงาน
สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (https://www.nesdc.go.th/main.php?filename=qgdp_page)
หมายเหตุ : คานวณโดยผศู้ กึ ษา
ตารางท่ี 16 แสดงให้เห็นว่า ประมาณการค่าของ C/ Y ในปี 2553 – 2563 ไม่ได้มี
แนวโน้มปรับเพิ่มข้ึนหรือลดลงอย่างเด่นชัด โดยมีค่าระหว่าง 0.39 – 0.58 (ไม่รวมค่าในปี 2554 2556 –
2557 และ 2562 – 2563 ที่มีค่าสูงและต่าผิดปกติ) ดังนั้น พิจารณาแล้ว เห็นว่า เพื่อให้การประมาณการ
ดังกล่าว สามารถสะท้อนพฤติกรรมการบริโภคของประชาชนได้สูงสุดโดยเฉลี่ย ผู้ศึกษาจะใช้ค่าเฉล่ียของ
ประมาณการค่าดังกล่าวในปี 2553 2555 และ 2558 – 2561 ท้ังน้ี ค่าเฉล่ียของ C/ Y ดังกล่าว เท่ากับ
0.467
32
สำนักงำนเลขำธิกำรสภำผแู้ ทนรำษฎร สำนกั งบประมำณของรฐั สภำ
คู่มอื กำรวเิ ครำะหผ์ ลกระทบของกำรใชจ้ ำ่ ยภำครัฐตอ่ GDP โดยตวั คูณทำงกำรคลัง (Fiscal Multipliers)
ภำพที่ 4 ประมำณกำรค่ำ tt
ที่มา : รายงานรายได้ประชาชาติของประเทศไทย พ.ศ. 2562 แบบปรมิ าณลกู โซ่ สานักงานสภาพฒั นาการเศรษฐกจิ
และสงั คมแหง่ ชาติ (https://www.nesdc.go.th/main.php?filename=ni_page)
หมายเหตุ : คานวณโดยผศู้ กึ ษา
ต่อมา จะประมาณการค่า tt เพื่อคานวณค่า (1 - tt) ต่อไป ท้ังน้ี จะใช้ข้อมูลการจัดเก็บภาษี
และ GDP จากรายงานรายได้ประชาชาติของประเทศไทย พ.ศ. 2562 แบบปริมาณลูกโซ่ ซึ่งเป็นข้อมูลล่าสุด
เก่ียวกับการจัดเก็บภาษีตามระบบบัญชีประชาชาติท่ีสามารถจัดหาได้ ทั้งนี้ ค่า tt ท่ีคานวณได้ปรากฏตามภาพ
ท่ี 4 โดยข้อมูลในปี 2553 – 2562 พบวา่ ค่า tt หรือสดั สว่ นการจดั เกบ็ ภาษตี ่อ GDP มีแนวโน้มปรับลดลงอย่าง
ต่อเน่ือง จากร้อยละ 18 – 19 เปน็ รอ้ ยละ 16 – 17 ดังน้ัน การศึกษาฉบบั นี้จะกาหนดให้ tt มีค่าเท่ากับรอ้ ยละ
16.7 หรือ 0.167 ซงึ่ เป็นค่าเฉลย่ี ของข้อมลู ในระหว่างปี 2559 – 2562
ผลการประมาณการค่า C/ Y (หรือ 0.467) และค่า tt (หรือ 0.167) ทาให้สามารถ
ประมาณการค่า MPC ของประชาชนทั่วไป หรือ r ตามสมการท่ี 4.3 ได้เท่ากับ 0.56 (หรือ 0.467/(1 -
0.167)) ต่อมา จะประมาณการค่า MPC ของบุคลากรภาครัฐ หรือ q และค่า MPC ของประชาชนผู้มีรายได้
น้อย หรือ s ท้ังน้ี ในเบือ้ งต้น พจิ ารณาแล้วเห็นว่า การประมาณการดังกล่าว สามารถดาเนินการไดโ้ ดยจัดเก็บ
ข้อมูลในระดับครัวเรือนท่ีมีสมาชิกเป็นบุคลากรภาครัฐหรือผู้มีรายได้น้อย ซึ่งอาจต้องใช้เจ้าหน้าที่จานวนมาก
และระยะเวลาในการจัดเก็บ และฐานข้อมูลท่ีได้อาจมีขนาดใหญ่มาก ดังนั้น เพื่อให้การประมาณการเป็นไป
อย่างมีประสิทธิภาพ และสอดคล้องกับทรัพยากรของสานักงบประมาณของรัฐสภาที่มีอยู่อย่างจากัด ผู้ศึกษา
จึงเสนอให้ใช้ผลการศึกษาของสานักงานเศรษฐกิจการคลังเมื่อปี 2551 เป็นแนวทางเทียบเคียง ท้ังนี้ ผล
การศึกษาของสานกั งานเศรษฐกิจการคลังดงั กล่าว (สานักงานเศรษฐกิจการคลงั , 2551, น. 133 – 150) พบว่า
MPC ของกลุ่มข้าราชการ เทา่ กับ 0.458
33
สำนักงำนเลขำธิกำรสภำผแู้ ทนรำษฎร สำนักงบประมำณของรัฐสภำ
คมู่ อื กำรวเิ ครำะหผ์ ลกระทบของกำรใช้จำ่ ยภำครฐั ต่อ GDP โดยตวั คณู ทำงกำรคลงั (Fiscal Multipliers)
MPC ของบคุ คลท่วั ไป เทา่ กบั 0.498
MPC ของประชาชนระดบั ฐานราก เทา่ กบั 0.640
ผลการศึกษาดังกล่าวของสานักงานเศรษฐกิจการคลัง มีความสอดคล้องกับแนวคิดทาง
เศรษฐศาสตร์ท่ีว่า MPC ของผู้มีฐานะยากจนจะมีค่าสูงกวา่ และ MPC ของผู้มีฐานะร่ารวยจะมีค่าต่ากว่า โดย
ผู้ ศึ ก ษ า จ ะ ก า ห น ด ให้ ค ว า ม สั ม พั น ธ์ ใน ลั ก ษ ณ ะ ดั งก ล่ า ว ยั งค งอ ยู่ ใน สั ด ส่ ว น เดิ ม ดั งน้ั น
จึงสามารถนาผลการศึกษาของสานักงานเศรษฐกิจการคลัง มาทาการเปรียบเทียบในลักษณะสัดส่วนกับค่า
MPC ของประชาชนท่ัวไป หรือ r ในการศึกษาฉบับน้ี ท่ีเท่ากับ 0.56 ได้ ซ่ึงจะพบว่า ค่า MPC ของบุคลากร
ภาครฐั หรือ q เท่ากบั 0.515 และค่า MPC ของประชาชนผมู้ รี ายได้นอ้ ย หรือ s เท่ากับ 0.72
ต่อมา จะทาการประมาณค่า MPM ของบุคลากรภาครฐั หรือ t และค่า MPM ของประชาชน
ท่ัวไป หรือ u ท้ังนี้ MPM หมายถึง สัดส่วนการนาเข้าท่ีเพิ่มข้ึนเม่ือรายได้ของประชาชนเพิ่มขึ้น 1 บาท ซ่ึง
สามารถนามาประยุกต์กับการศึกษาฉบับนี้ได้ คือ เม่ือรายได้ของประชาชนเพ่ิมขึ้น ประชาชนจะเพ่ิมการ
บริโภคอุปโภคสินค้าและบริการ โดยบางส่วนจะนาเข้าจากต่างประเทศ ดังนั้น แนวคิดในการประมาณการ
MPM ในการศึกษาฉบับนี้ จะทาโดยการคานวณสัดส่วนการนาเข้าสินค้าอุปโภคบริโภคเทียบกับการอุปโภค
บริโภคสินค้าข้ันสุดท้ายของเอกชนในประเทศ อย่างไรก็ดี ท่ีผ่านมา ยังไม่มีหน่วยงานภาครัฐใดทาการจัดเก็บ
การนาเข้าสินค้าเพื่อบริโภคและอุปโภคโดยบุคลากรภาครัฐเป็นการเฉพาะ และข้อมูลที่จัดเก็บเป็นการนาเข้า
สินค้าเพื่อบริโภคและอุปโภคโดยประชาชนท้ังประเทศ ดังน้ัน ในเบื้องต้น จึงต้องทาการสมมติว่า ค่า MPM
ของบุคลากรภาครัฐ หรือ t และค่า MPM ของประชาชนท่ัวไป หรือ u มีค่าเท่ากัน ซ่ึงอาจเป็นข้อจากัด
ประเภทหนงึ่ ในการศกึ ษา
ท้ังน้ี การประมาณการค่า MPM ดงั กล่าว รายละเอียดปรากฏตามตารางที่ 17 พบว่า ประมาณ
การดังกล่าวมีค่าเท่ากับ 0.078 ในปี 2553 และปรับเพ่ิมข้ึนอย่างต่อเนื่องเป็น 0.099 – 0.104 ในปี 2559 –
2562 และมีค่าลดลงเล็กน้อยเป็น 0.092 ในปี 2563 ผู้ศึกษาพิจารณาแล้วเห็นว่า ค่าดังกล่าวมีแนวโน้มเพิ่ม
สูงขึ้นอย่างต่อเน่ือง ประมาณการค่า MPM ในการศึกษาฉบับน้ี จึงควรใช้ค่าในช่วงระยะเวลาที่ใกล้เคียงกับ
ปัจจุบันมากท่ีสุด ซึ่ง คือ ค่าเฉลี่ยในระหว่างปี 2559 – 2562 เท่ากับ 0.102 โดยไม่รวมค่าในปี 2563
เน่ืองจากมีการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ที่เป็นเหตุการณ์ไม่ปกติและส่งผลกระทบต่อ
พฤติกรรมการนาเข้า ดังน้ัน จึงกาหนดให้ค่า MPM ของบุคลากรภาครัฐ หรือ t และค่า MPM ของประชาชน
ทั่วไป หรือ u ในการศึกษาฉบับนี้ เท่ากับ 0.102 ท้ังนี้ ค่าดังกล่าวหมายความว่า เมื่อรายได้ของบุคลากรภาครัฐ
หรือประชาชนเพ่ิมข้ึน กลุ่มบุคคลดังกล่าวจะทาการอุปโภคบริโภคสินค้าเพิ่มขึ้น ท้ังที่ผลิตภายในประเทศและที่ต้อง
นาเข้าจากต่างประเทศ โดยสินค้าเพือ่ การอปุ โภคบรโิ ภคท่ีตอ้ งนาเข้าจะเท่ากับ 0.102 หรอื ร้อยละ 10.2 ของสนิ ค้า
อุปโภคบรโิ ภคท่ซี ื้อหาภายในประเทศ
34
สำนักงำนเลขำธกิ ำรสภำผูแ้ ทนรำษฎร สำนกั งบประมำณของรฐั สภำ
คมู่ อื กำรวิเครำะหผ์ ลกระทบของกำรใช้จ่ำยภำครัฐต่อ GDP โดยตวั คูณทำงกำรคลัง (Fiscal Multipliers)
ตำรำงท่ี 17 ประมำณกำรคำ่ MPM
ปี การอปุ โภคบริโภคข้ัน การนาเข้าสนิ คา้ อปุ โภคบริโภค ประมาณการคา่ MPM
สดุ ทา้ ยของเอกชน (ลา้ นบาท)
(ลา้ นบาท)
2553 5,639,207.0 439,056.0 0.078
2554 5,988,244.0 520,452.9 0.087
2555 6,582,558.0 601,575.6 0.091
2556 6,787,206.0 614,756.2 0.091
2557 6,958,639.0 641,858.1 0.092
2558 7,056,549.0 683,348.8 0.097
2559 7,296,548.0 753,162.8 0.103
2560 7,578,737.0 781,537.3 0.103
2561 8,004,749.0 833,806.9 0.104
2562 8,405,970.0 830,261.2 0.099
2563 8,303,302.0 764,649.4 0.092
ทีม่ า : ขอ้ มลู การอุปโภคบริโภคขัน้ สุดทา้ ยของเอกชน ณ ราคาประจาปี จากสานกั งานสภาพัฒนาการ
เศรษฐกจิ และสังคมแหง่ ชาติ (https://www.nesdc.go.th/main.php?filename=qgdp_page)
ข้อมลู การนาเขา้ สนิ ค้าอุปโภคบรโิ ภค จากธนาคารแห่งประเทศไทย (https://www.bot.or.th/App/
BTWS_STAT/statistics/ReportPage.aspx?reportID=745&language=th)
หมายเหตุ : ประมาณการคา่ MPM คานวณโดยผูศ้ กึ ษา
การประมาณการสัดส่วนการลงทุนท่ีต้องนาเข้าหรือ w จะดาเนินการโดยการคานวณสัดส่วน
การนาเข้าสินค้าทุนเทียบกับการลงทุนของภาครัฐและเอกชน ณ ราคาประจาปี โดยการนาเข้าสินค้าทุนดังกล่าว
ประกอบด้วย เคร่ืองจักร อุปกรณ์และเครื่องใช้ประกอบ อากาศยาน เรือ แท่น รถไฟและสินค้าทุนประเภทอื่น
ท้ังนี้ ปริมาณการนาเข้าสินค้าทุนดังกล่าว ไม่ได้มีการจาแนกว่าเป็นการนาเข้าสินค้าทุนโดยภาครัฐและเอกชนใน
จานวนเท่าใด ดังนั้น จึงมีความจาเป็นต้องใช้ข้อมูลการนาเข้าสินค้าทุนในภาพรวม และต้องกาหนดให้สัดส่วน
การลงทุนท่ีต้องนาเข้าสาหรับกรณีการลงทุนของภาครัฐและกรณีการลงทุนของภาคเอกชนมีค่าเท่ากัน ซึ่งอาจ
เป็นข้อจากัดประเภทหนึ่งในการศึกษา ท้ังน้ี ผลการประมาณการสัดส่วนการลงทุนที่ต้องนาเข้าหรือ w ปรากฏ
ตามตารางท่ี 18 ซ่ึงพบว่า ค่าของสัดส่วนการลงทุนท่ีต้องนาเข้าท่ีประมาณการได้ในระหว่างปี 2553 – 2563
35
สำนกั งำนเลขำธิกำรสภำผ้แู ทนรำษฎร สำนกั งบประมำณของรฐั สภำ
คมู่ อื กำรวิเครำะห์ผลกระทบของกำรใช้จำ่ ยภำครฐั ต่อ GDP โดยตวั คณู ทำงกำรคลัง (Fiscal Multipliers)
มีค่าค่อนข้างคงท่ีในระหวา่ ง 0.47 – 0.57 ดังน้ัน การศึกษาน้จี ึงกาหนดให้ค่าสัดส่วนการลงทุนที่ต้องนาเข้าหรือ
w เทา่ กับคา่ เฉล่ยี ของสดั สว่ นในชว่ งระยะเวลาดงั กล่าว เท่ากับ 0.53
ตำรำงที่ 18 ประมำณกำรคำ่ สัดสว่ นกำรลงทนุ ทต่ี อ้ งนำเขำ้ หรอื w
ปี การลงทนุ ของภาครัฐและเอกชน การนาเข้าสนิ คา้ ทุน สดั สว่ นการลงทนุ
(ลา้ นบาท) (ลา้ นบาท) ทต่ี อ้ งนาเข้า
0.47
2553 2,593,166.0 1,223,880.9 0.51
0.57
2554 2,921,294.0 1,484,698.9 0.54
0.55
2555 3,335,698.0 1,886,871.7 0.54
0.53
2556 3,278,324.0 1,781,977.2 0.54
0.49
2557 3,262,777.0 1,789,832.7 0.53
0.53
2558 3,371,068.0 1,814,348.1
2559 3,459,898.0 1,836,534.5
2560 3,579,177.0 1,924,285.9
2561 3,724,968.0 1,841,234.3
2562 3,805,466.0 1,741,004.8
2563 3,620,841.0 1,533,749.4
ทีม่ า : ข้อมลู การลงทนุ ของภาครฐั และเอกชน ณ ราคาประจาปี จากสานกั งานสภาพัฒนาการ
เศรษฐกิจและสงั คมแห่งชาติ (https://www.nesdc.go.th/main.php?filename=qgdp_page)
ข้อมูลการนาเขา้ สินคา้ ทุน จากธนาคารแหง่ ประเทศไทย (https://www.bot.or.th/App/
BTWS_STAT/statistics/ReportPage.aspx?reportID=745&language=th)
หมายเหตุ : ประมาณการค่าสดั ส่วนการลงทนุ ที่ตอ้ งนาเขา้ คานวณโดยผูศ้ ึกษา
สรุปผลการประมาณการคา่ สาหรบั ตัวแปรท่แี สดงถงึ พฤติกรรมของบคุ คลในระบบเศรษฐกิจที่
เก่ียวข้องกับการบริโภค การนาเข้าสินค้าและบริการของบุคลากรภาครัฐ ประชาชนท่ัวไป และประชาชนผู้มี
รายได้น้อย และการลงทุน ท่ีต้องใช้ประกอบการคานวณ Fiscal Multipliers ของการใช้จ่ายภาครัฐตามสูตร
ในตารางที่ 11 – 15 มดี ังนี้
1) ค่า MPC ของบุคลากรภาครฐั หรือ q เทา่ กับ 0.515
2) ค่า MPC ของประชาชนท่วั ไป หรือ r เท่ากับ 0.56
3) ค่า MPC ของประชาชนผู้มีรายได้นอ้ ย หรอื s เท่ากบั 0.72
4) ค่า MPM ของบคุ ลากรภาครฐั หรอื t เทา่ กับ 0.102
36
สำนักงำนเลขำธกิ ำรสภำผแู้ ทนรำษฎร สำนักงบประมำณของรฐั สภำ
ค่มู อื กำรวเิ ครำะห์ผลกระทบของกำรใชจ้ ่ำยภำครัฐต่อ GDP โดยตวั คูณทำงกำรคลัง (Fiscal Multipliers)
5) ค่า MPM ของประชาชนทัว่ ไป หรอื u เทา่ กบั 0.102
6) ค่า MPM ของประชาชนผู้มีรายไดน้ อ้ ย หรอื v เทา่ กบั 0
7) สัดสว่ นการลงทนุ ที่ต้องนาเข้า หรอื w เท่ากับ 0.53
ท้ังนี้ เม่ือนาไปแทนค่าตามสูตร Fiscal Multipliers ดังกล่าว จะได้ผลการประมาณการปรากฏตามตารางท่ี 19 – 24
ดังนี้
ตำรำงท่ี 19 กำรประมำณกำร Fiscal Multipliers กรณคี ำ่ ตอบแทนบคุ ลำกรภำครฐั
รอบ GDP ผลกำรแทนค่ำ
1 1 1.000
2 q1 t 0.462
3 rq1 t 1 u 0.233
4 r2q1t1u2 0.117
5 r3q1 t1 u3 0.059
1.871
ค่ำตัวคณู ทำงกำรคลัง
หมายเหตุ : คานวณโดยผศู้ กึ ษา
ตำรำงท่ี 20 กำรประมำณกำร Fiscal Multipliers กรณีรำยจ่ำยเพ่อื กำรลงทนุ
รอบ GDP ผลกำรแทนค่ำ
1 1 w 0.470
2 1 wr1 u+ 0.371 w 0.410
3 1 wr21 u2+ 0.371 wr1 u 0.206
4 1 wr31 u3 + 0.371 wr21 u2 0.104
5 1 wr41 u4+ 0.371 wr31 u3 0.052
คำ่ ตัวคูณทำงกำรคลัง 1.242
หมายเหตุ : คานวณโดยผศู้ กึ ษา
37
สำนักงำนเลขำธิกำรสภำผู้แทนรำษฎร สำนกั งบประมำณของรฐั สภำ
คู่มอื กำรวิเครำะห์ผลกระทบของกำรใช้จำ่ ยภำครัฐต่อ GDP โดยตวั คณู ทำงกำรคลัง (Fiscal Multipliers)
ตำรำงที่ 21 กำรประมำณกำร Fiscal Multipliers กรณรี ำยจ่ำยประเภทอ่ืน ๆ ที่พจิ ำรณำแล้ว
เห็นว่ำ มผี ลกระทบทำงตรงตอ่ GDP
รอบ GDP ผลกำรแทนคำ่
1 1 1.000
2 r1u 0.503
3 r21 u2 0.253
4 r31 u3 0.127
5 r41 u4 0.064
ค่ำตัวคูณทำงกำรคลัง 1.947
หมายเหตุ : คานวณโดยผศู้ กึ ษา
ตำรำงที่ 22 กำรประมำณกำร Fiscal Multipliers กรณีรำยจ่ำยเงนิ โอนสำหรบั ประชำชนทวั่ ไป
รอบ GDP ผลกำรแทนคำ่
1- -
2 r1u 0.503
3 r21 u2 0.253
4 r31 u3 0.127
5 r41 u4 0.064
คำ่ ตัวคณู ทำงกำรคลัง 0.947
หมายเหตุ : คานวณโดยผ้ศู ึกษา
38
สำนักงำนเลขำธกิ ำรสภำผู้แทนรำษฎร สำนักงบประมำณของรฐั สภำ
คมู่ อื กำรวเิ ครำะห์ผลกระทบของกำรใช้จ่ำยภำครัฐต่อ GDP โดยตวั คณู ทำงกำรคลงั (Fiscal Multipliers)
ตำรำงที่ 23 กำรประมำณกำร Fiscal Multipliers กรณรี ำยจำ่ ยเงนิ โอนสำหรบั ประชำชนผมู้ ี
รำยได้นอ้ ย
รอบ GDP ผลกำรแทนคำ่
1- -
2 s 0.720
3 rs1 u 0.362
4 r2s1 u2 0.182
5 r3s1 u3 0.092
คำ่ ตัวคณู ทำงกำรคลงั 1.356
หมายเหตุ : คานวณโดยผู้ศกึ ษา
ตำรำงท่ี 24 สรุปผลกำรประมำณกำร Fiscal Multipliers
ประเภทตวั คูณทำงกำรคลงั ค่ำประมำณกำร
คา่ ตอบแทนบคุ ลากรภาครฐั 1.871
รายจา่ ยเพื่อการลงทนุ 1.242
รายจ่ายประเภทอนื่ ๆ ท่ีพจิ ารณาแลว้ 1.947
เห็นวา่ มผี ลกระทบทางตรงตอ่ GDP
รายจ่ายเงินโอนสาหรับประชาชนทวั่ ไป 0.947
รายจา่ ยเงนิ โอนสาหรบั ประชาชน 1.356
ผู้มีรายไดน้ อ้ ย
หมายเหตุ : คานวณโดยผ้ศู กึ ษา
4.2 กรณศี กึ ษำกำรประยกุ ตใ์ ช้ Fiscal Multipliers ในกำรวเิ ครำะหก์ ำรจดั สรรงบประมำณ
ผลการประมาณการค่า Fiscal Multipliers ตามที่นาเสนอในข้อที่ 4.1 สามารถนาไปประยุกต์ใช้
วิเคราะห์การใชจ้ ่ายภาครฐั โดยมีขั้นตอน ดังน้ี
1) คัดเลือกมาตรการการใช้จ่ายภาครัฐที่จะทาการวิเคราะห์ ท้ังน้ี จะทดลองใช้กรณีการจัดสรร
งบประมาณรายจ่ายประจาปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 แก่สานักงานปลัดกระทรวงการคลัง กระทรวงการคลัง
เปน็ กรณศี ึกษา
39
สำนักงำนเลขำธิกำรสภำผ้แู ทนรำษฎร สำนกั งบประมำณของรัฐสภำ