The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

วิชาพิ้นฐานการเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by 6020121240, 2021-03-03 21:45:05

แผนการสอนปรับปรุง 2563

วิชาพิ้นฐานการเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์

48

ใบประเมินพฤตกิ รรมการเรยี นและการทางาน
ระดบั ชัน้ ................. กลุ่ม ....................... แผนกวิชา..................................................

คาชี้แจง ให้ผู้สอนทำเคร่ืองหมำย หรือ  ตำมพฤติกรรมกำรเรียนและกำรทำงำนของผู้เรียน
ในใบประเมินพฤติกรรมกำรเรียน และกำรทำงำน

เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน หมำยถึง นักเรยี นมพี ฤตกิ รรมตำมท่ีกำหนด
ปฏบิ ตั ิได้ () 1 คะแนน หมำยถงึ นักเรยี นไม่มีพฤติกรรมตำมท่ีกำหนด
ไม่ปฏิบัติ () 0 คะแนน

มวี นิ ยั ใฝ่เรยี นรู้ มคี ณุ ธรรม มีจติ อำสำ
(3 คะแนน) (3 คะแนน) (2 คะแนน) (2 คะแนน)

ลำดบั ช่อื -สกุล 1.1 เข้ำเรียนตรงเวลำ
ท่ี 1.2 แ ่ตงกำยถูก ้ตองตำมระเ ีบยบ
1.3 ทำงำนเ ็ปนระเ ีบยบ
2.1 ีมควำมพร้อม ในกำรเ ีรยน
2.2 มีควำมกระตือรือร้น
2.3 ใฝ่หำควำมรู้
3.1 มีควำมซ่ือสัตย์
3.2 ีมระเบียบ ิว ันย
4.1 ีม ุอดมกำรณ์ในส่ิง ่ีทดีงำมเ ื่พอส่วนรวม
4.2 ่ชวยเหลือ ้ผูอ่ืนแสดง ึถงควำมมี ้นำใจ
รวมคะแนน (10 คะแนน)

49

แบบบันทึกหลงั สอน

1. ผลกำรใชแ้ ผนกำรสอนเป็นอย่ำงไร

…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

2. ผลกำรเรียนของนักเรยี นเปน็ อย่ำงไร

…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

3. ผลกำรสอนของครเู ป็นอย่ำงไร

…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

ลงช่ือ...............................................................

(นำยพงศธร บำรุงบ้ำน)
ครผู สู้ อน

ลงชือ่ ...............................................................

(.....................................................)
รองผ้อู ำนวยกำร ฝำ่ ยวชิ ำกำร

50

แผนการจดั การเรียนรแู้ ละการประเมินตามสภาพจริง หน่วยที่ 3
ชอ่ื หน่วย ฟังก์ชันการแสดงผลและฟังก์ชนั การรบั ข้อมลู
สอนครั้งที่ 8-10
ช่ัวโมงรวม 9

จานวนชวั่ โมง 3

1. หน่วยการเรยี นรู้ ฟังกช์ นั การแสดงผลและฟงั กช์ นั การรบั ข้อมลู

2. จานวนชั่วโมง 9 ชั่วโมง

3. จดุ ประสงค์การเรียนรู้ประจาหน่วย
3.1 สามารถเลือกฟงั กช์ ันการแสดงผลข้อมลู ได้ถูกตอ้ ง
3.2 สามารถเขียนโปรแกรมด้วยภาษาซโี ดยใช้ฟงั กช์ นั การแสดงผลดว้ ยคอมพิวเตอรไ์ ด้ถูกต้อง
3.3 สามารถเลอื กฟังก์ชันการรับขอ้ มลู ได้ถูกตอ้ ง
3.4 สามารถเขียนโปรแกรมด้วยภาษาซโี ดยใช้ฟงั ก์ชันการรับขอ้ มลู ด้วยคอมพวิ เตอร์ได้ถูกตอ้ ง

4. สมรรถนะประจาหน่วย
เรียนร้หู ลกั ไวยากรณ์ของภาษา และปฏิบตั กิ ารเขยี นโปรแกรมเพื่อแสดงผลข้อมลู ออกทางจอภาพ

และรบั ข้อมลู จากแปน้ พิมพ์

5. เนอื้ หา
5.1 ฟงั กช์ ันแสดงผล (เอกสารประกอบการเรียนการสอน หน้า 122)
5.2 ฟังก์ชันรับข้อมูล (เอกสารประกอบการเรยี นการสอน หนา้ 131)

51

6. กาหนดเกณฑ์การปฏบิ ตั ติ ามสมรรถนะ

สมรรถนะ เกณฑป์ ฏิบัติ (Performance criteria)

1. เรียนรู้หลักไวยากรณ์ของภาษา และ ผ้เู รยี น

ปฏิบัติการเขียนโปรแกรมเพื่อแสดงผล 1.1 ใช้งานฟังก์ชัน printf(), putchar(), puts() แสดงผล

ข้อมูลออกทางจอภาพและรับข้อมูลจาก ขอ้ มลู ออกทางจอภาพ

แป้นพมิ พ์ 1.2 เขียนโปรแกรมโดยใช้ฟังก์ชันการแสดงผลข้อมูลออก

ทางจอภาพ

1.3 ใช้งานฟังก์ชัน scanf(), getchar(), getch(), getche()

เพือ่ การรบั ขอ้ มูลจากแปน้ พมิ พ์

1.4 เขยี นโปรแกรมโดยใชฟ้ งั กช์ ันการรับขอ้ มลู จากแป้นพิมพ์

52

7. กจิ กรรมการเรียนการสอน
ครงั้ ที่ 8 จานวน 3 ชม.
 ใบเนอ้ื หาท่ี 9 ฟงั ก์ชันแสดงผล (เอกสารประกอบการสอนหนา้ ท่ี 122)

ข้ันเข้าส่บู ทเรยี น
 ผู้สอนทบทวนบทเรยี นครั้งที่ 7 ด้วยวิธถี าม-ตอบ
 ผู้สอนผู้สอนฟ้ืนคืนความรู้ (Recalling is needed) เรื่อง ตัวแปร ประเภทข้อมูล เพื่อ
เชื่อมโยงเนื้อหาเรอ่ื งฟังกช์ ันแสดงผล
 ผู้สอนนาเข้าสู่บทเรียนโดยการยกตัวอย่างการเขียนโปรแกรมโดยทั่วไปต้องมีการรับค่าและ
แสดงผลเพื่อติดต่อกับผู้ใช้งานโปรแกรม ซึ่งเป็นสิ่งสาคัญอย่างหน่ึงที่ต้องมีอยู่ในโปรแกรม
มิฉะนั้นแล้วผู้ใช้จะไม่ทราบเลยว่าจะใช้งานโปรแกรมได้อย่างไร ดังนั้นเน้ือหาในหน่วยท่ี 3
น้จี ะกลา่ วถึงฟงั ก์ชันการแสดผลและฟงั ก์ชันการรบั ข้อมลู ในภาษาซี

ขน้ั สอน
 ผู้สอนอธิบายฟังก์ชัน printf() เพ่ือการแสดงผลออกทางจอภาพ (เอกสารประกอบการสอน
หนา้ ท่ี 122)
 ผู้สอนอธิบายรูปแบบการใช้งานฟังก์ชัน printf() พร้อมยกตัวอย่างการแสดงผลออกทาง
จอภาพในรปู แบบต่าง ๆ
 ผู้เรยี นศกึ ษาวิธกี ารใชง้ านฟังก์ชัน printf()
 ผู้เรยี นฝกึ ปฏิบัติการเขียนโปรแกรมตามตวั อยา่ งที่ 3.1 (เอกสารประกอบการสอนหน้าท่ี 124)
 ผู้สอนและผู้เรยี นร่วมกันสรปุ การใช้งานฟงั ก์ชนั printf()
 ผู้สอนอธิบายฟังก์ชัน putchar() เพื่อการแสดงผลออกทางจอภาพ (เอกสารประกอบ
การสอนหน้าที่ 125)
 ผู้สอนอธิบายรูปแบบการใช้งานฟังก์ชัน putchar() พร้อมยกตัวอย่างการแสดงผลออกทาง
จอภาพในรปู แบบตา่ ง ๆ
 ผเู้ รียนศึกษาวิธกี ารใช้งานฟังกช์ นั putchar()
 ผู้เรียนฝึกปฏิบตั ิการเขียนโปรแกรมตามตัวอย่างที่ 3.2 (เอกสารประกอบการสอนหน้าที่ 125)
 ผสู้ อนและผ้เู รยี นร่วมกนั สรปุ การใชง้ านฟงั ก์ชนั putchar()
 ผู้สอนอธิบายฟังก์ชัน puts() เพื่อการแสดงผลออกทางจอภาพ (เอกสารประกอบการสอน
หน้าท่ี 126)
 ผู้สอนอธิบายรูปแบบการใช้งานฟังก์ชัน puts() พร้อมยกตัวอย่างการแสดงผลออกทาง
จอภาพในรปู แบบต่าง ๆ
 ผเู้ รยี นศกึ ษาวิธกี ารใชง้ านฟงั ก์ชัน puts()
 ผู้เรยี นฝกึ ปฏบิ ตั กิ ารเขียนโปรแกรมตามตวั อย่างท่ี 3.3 (เอกสารประกอบการสอนหน้าที่ 127)

53

 ผู้สอนและผู้เรยี นร่วมกนั สรปุ การใช้งานฟงั ก์ชัน puts()
 ผ้สู อนมอบหมายผู้เรยี นทาใบแบบฝึกหัดระหว่างเรยี นที่ 3.1 เร่อื ง การใชง้ านฟงั กช์ ันแสดงผล

(เอกสารประกอบการสอนหน้าท่ี 128) เพ่อื สง่ เสรมิ การเรยี นรูร้ ะหวา่ งเรยี นของผเู้ รยี น
ขั้นสรปุ

 ผู้สอนและผเู้ รียนรว่ มกนั สรปุ การใชง้ านฟงั ก์ชนั เพอ่ื การแสดงผลออกทางจอภาพ
สอ่ื /อุปกรณ์

 เครือ่ งคอมพวิ เตอรแ์ ละอุปกรณ์ตอ่ พ่วง
 เครอ่ื งฉายโปรเจคเตอร์
 เอกสารประกอบการสอน วิชาพ้นื ฐานการเขียนโปรแกรมคอมพวิ เตอร์
 Google classroom
 ใบตรวจสอบรายช่ือนกั เรียน
ผลงาน/หลักฐาน
 แบบทดสอบกอ่ นเรียนหน่วยท่ี 3
 ใบแบบฝกึ หดั ระหว่างเรียนท่ี 3.1 เร่ือง การใช้งานฟังกช์ นั แสดงผล
 ใบบันทกึ พฤติกรรมการเรยี นและการทางาน
เครอ่ื งมือและวิธีการวัดผล
 แบบทดสอบก่อนเรียนหน่วยที่ 3 (เอกสารประกอบการสอนหน้าท่ี 120) คะแนนเต็ม 10

คะแนน
 ใบแบบฝกึ หดั ระหวา่ งเรยี นที่ 3.1 เรอ่ื ง การใชง้ านฟังกช์ นั แสดงผล (เอกสารประกอบการสอน

หนา้ ที่ 128) คะแนนเต็ม 10 คะแนน
 ใบบันทึกพฤติกรรมการเรียนและการทางาน (เอกสารประกอบการสอนหน้าท่ี 140)

คะแนนเต็ม 10 คะแนน

คร้งั ท่ี 9 จานวน 3 ชม.
 ใบเนอื้ หาท่ี 10 ฟังก์ชนั รับข้อมลู (เอกสารประกอบการสอนหน้าที่ 131)

ขั้นเข้าสบู่ ทเรยี น
 ผู้สอนทบทวนบทเรียนครง้ั ท่ี 8 โดยวธิ ีการถาม-ตอบ
 ผู้สอนผู้สอนฟื้นคืนความรู้ (Recalling is needed) เรื่อง ตัวแปร ประเภทข้อมูล เพื่อ
เชื่อมโยงเนอื้ หาเร่ืองฟังก์ชันรับขอ้ มูล
 ผู้สอนยกตัวอย่างการทางานของโปรแกรมส่วนใหญ่จะมีการเช่ือมโยงข้อมูลกับผู้ใช้ เพ่ือให้
การทางานของโปรแกรมเป็นไปตามท่ีผู้ใช้ต้องการน้ันคือ การรับค่าข้อมูลจากทางแป้นพิมพ์
โดยมักใช้งานร่วมกับฟังก์ชันแสดงผลเพื่อบอกให้ผู้ใช้งานทราบถึงการรับค่าข้อมูลท่ีต้องการ
ซ่ึงจะกล่าวถงึ ฟงั ก์ชนั scanf() ดังน้ี

54

ข้นั สอน
 ผู้สอนอธิบายฟังก์ชัน scanf() เพ่ือการรับข้อมูลทางแป้นพิมพ์ (เอกสารประกอบการสอน
หนา้ ท่ี 131)
 ผ้สู อนอธบิ ายรปู แบบการใชง้ านฟงั กช์ ัน scanf() พร้อมยกตัวอยา่ งการใช้งานฟงั กช์ นั scanf()
ร่วมกบั ฟงั ก์ชนั printf() เพื่อการรบั ข้อมลู และแสดงผลออกทางจอภาพในรูปแบบต่าง ๆ
 ผเู้ รียนศึกษาวธิ กี ารใช้งานฟงั ก์ชนั scanf()
 ผูเ้ รยี นฝึกปฏบิ ัติการเขยี นโปรแกรมตามตัวอย่างท่ี 3.4 (เอกสารประกอบการสอนหนา้ ที่ 132)
 ผ้สู อนและผเู้ รียนรว่ มกนั สรปุ การใชง้ านฟงั กช์ ัน scanf()

ข้ันสรปุ
 ผู้สอนและผู้เรียนรว่ มกันสรปุ การใช้งานฟังก์ชนั scanf() เพื่อการข้อมลู ทางแปน้ พมิ พ์

สอ่ื /อุปกรณ์
 เครอ่ื งคอมพวิ เตอร์และอุปกรณต์ อ่ พ่วง
 เครอื่ งฉายโปรเจคเตอร์
 เอกสารประกอบการสอน วชิ าพนื้ ฐานการเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์
 Google classroom
 ใบตรวจสอบรายช่อื นกั เรียน

ผลงาน/หลกั ฐาน
 ตัวอยา่ งโปรแกรมที่ 3.4
 ใบบันทกึ พฤติกรรมการเรยี นและการทางาน

เคร่ืองมือและวิธกี ารวดั ผล
 ใบบันทึกพฤติกรรมการเรียนและการทางาน (เอกสารประกอบการสอนหน้าที่ 140)
คะแนนเต็ม 10 คะแนน

ครง้ั ท่ี 10 จานวน 3 ชม.
 ใบเน้อื หาที่ 10 ฟงั กช์ นั รับขอ้ มูล (เอกสารประกอบการสอนหนา้ ท่ี 131)

ขั้นเขา้ สูบ่ ทเรียน
 ผู้สอนทบทวนบทเรยี นครัง้ ท่ี 9 โดยวิธีการถาม-ตอบ
 ผู้สอนกล่าวถึงฟังก์ชันการรับข้อมูลในภาษาซีเพิ่มเติมนอกจากฟังก์ชัน scanf() แล้วยังมี
ฟังก์ชันมาตรฐานท่ีใช้สาหรับการรับค่าข้อมูลท่ีเป็นตัวอักษรหรืออักขระเอาไว้ให้เรียกใช้งาน
ไดแ้ ก่ ฟังก์ชนั getchar() ฟังก์ชัน getche() และฟงั กช์ นั getch()

55

ขน้ั สอน
 ผู้สอนอธิบายฟังก์ชัน getchar() เพื่อการรับข้อมูลตัวอักษรหรืออักขระทางแป้นพิมพ์
(เอกสารประกอบการสอนหน้าท่ี 132)
 ผู้สอนอธิบายรูปแบบการใช้งานฟังก์ชัน getchar() พร้อมยกตัวอย่างการใช้งานฟังก์ชัน เพื่อ
การรับข้อมูลตวั อักษรหรืออกั ขระในรปู แบบต่าง ๆ
 ผู้เรยี นศึกษาวิธกี ารใชง้ านฟงั กช์ ัน getchar()
 ผ้เู รียนฝึกปฏบิ ตั ิการเขยี นโปรแกรมตามตวั อยา่ งที่ 3.5 (เอกสารประกอบการสอนหนา้ ที่ 133)
 ผูส้ อนและผู้เรยี นรว่ มกันสรปุ การใชง้ านฟังก์ชนั getchar()
 ผู้สอนอธบิ ายฟังก์ชัน getche() getche() และ getch เพ่อื การรบั ข้อมลู ตัวอกั ษรหรอื อักขระ
ทางแป้นพมิ พ์ (เอกสารประกอบการสอนหนา้ ที่ 133)
 ผู้สอนอธิบายรูปแบบการใช้งานฟังก์ชัน getche() และ getch พร้อมยกตัวอย่างการใช้งาน
ฟงั ก์ชัน เพอ่ื การรับขอ้ มูลตัวอกั ษรหรอื อกั ขระในรูปแบบตา่ ง ๆ
 ผเู้ รียนศึกษาวิธกี ารใช้งานฟังกช์ ัน getche() และ getch
 ผเู้ รยี นฝึกปฏิบัติการเขียนโปรแกรมตามตัวอยา่ งที่ 3.6 (เอกสารประกอบการสอนหนา้ ท่ี 134)
 ผสู้ อนและผู้เรยี นรว่ มกันสรปุ การใช้งานฟงั ก์ชัน getche() และ getch
 ผู้สอนมอบหมายผู้เรียนทาใบแบบฝึกหัดระหว่างเรียนท่ี 3.2 เรื่องการใช้งานฟังก์ชันรับข้อมูล
(เอกสารประกอบการสอนหนา้ ที่ 135) เพ่ือส่งเสรมิ การเรียนรู้ระหวา่ งเรยี นของผ้เู รยี น

ข้ันสรุป
 ผู้สอนและผู้เรยี นรว่ มกนั สรุปการใชง้ านฟังกช์ ัน getchar getche และ getch เพอ่ื การข้อมลู
ตวั อกั ษรหรืออักขระทางแป้นพิมพ์

สอ่ื /อปุ กรณ์
 เครอ่ื งคอมพิวเตอรแ์ ละอปุ กรณ์ตอ่ พว่ ง
 เครอื่ งฉายโปรเจคเตอร์
 เอกสารประกอบการสอน วชิ าพนื้ ฐานการเขยี นโปรแกรมคอมพิวเตอร์
 Google classroom
 ใบตรวจสอบรายชื่อนักเรยี น

ผลงาน/หลกั ฐาน
 ใบแบบฝึกหัดระหว่างเรียนที่ 3.2 เรื่องการใชง้ านฟงั กช์ นั รับขอ้ มลู
 แบบทดสอบหลังเรียนหน่วยที่ 3
 ตัวอยา่ งโปรแกรมท่ี 3.5-3.7
 ใบบนั ทึกพฤติกรรมการเรยี นและการทางาน

56

เคร่อื งมือและวิธีการวัดผล

 ใบแบบฝึกปฏิบัติระหว่างเรียนท่ี 3.2 เร่ือง การใช้งานฟังก์ชันรับข้อมูล (เอกสารประกอบ
การสอนหน้าที่ 135) คะแนนเต็ม 10 คะแนน

 แบบทดสอบหลังเรียนหน่วยที่ 3 (เอกสารประกอบการสอนหน้าท่ี 138) คะแนนเต็ม 10
คะแนน

 ใบบันทึกพฤติกรรมการเรียนและการทางาน (เอกสารประกอบการสอนหน้าท่ี 140)
คะแนนเตม็ 10 คะแนน

8. เกณฑก์ ารตัดสนิ

การวัดประเมินผลแต่ละคร้ังต้องผ่านเกณฑ์ ร้อยละ 60 ของคะแนนเต็ม แล้วนาคะแนนรวมมาตัดสิน

ผลการเรียนตามเกณฑด์ งั น้ี

การประเมินผลแบบอิงเกณฑ์

คะแนนการประเมนิ ตง้ั แต่ร้อยละ 80 ขึ้นไป ระดบั ผลการเรยี น 4.0

คะแนนการประเมินตง้ั แต่ร้อยละ 75-79.99 ระดับผลการเรียน 3.5

คะแนนการประเมินตง้ั แตร่ ้อยละ 70-74.99 ระดบั ผลการเรียน 3.0

คะแนนการประเมินตั้งแต่ร้อยละ 65-69.99 ระดับผลการเรียน 2.5

คะแนนการประเมินต้งั แต่ร้อยละ 60-64.99 ระดับผลการเรยี น 2.0

คะแนนการประเมินต้ังแต่รอ้ ยละ 55-59.99 ระดับผลการเรียน 1.5

คะแนนการประเมนิ ตัง้ แต่รอ้ ยละ 50-54.99 ระดบั ผลการเรียน 1.0

คะแนนการประเมนิ ตา่ กวา่ ร้อยละ 49.99 ลงไป ระดับผลการเรยี น 0

9. เคร่อื งมือวดั ประเมิณผล ลกั ษณะของข้อมลู
เคร่ืองมือ
ใช้สอบวัดความรู้ ความเข้าใจความสามารถทาง
แบบทดสอบกอ่ นเรยี น สตปิ ญั ญาพื้นฐานของผ้เู รียนก่อนเรียน
แบบทดสอบหลังเรียน
ใบแบบฝึกหดั ระหวา่ งเรียน ใช้สอบวัดความรู้ ความเข้าใจ ความสามารถทาง
สติปญั ญาของผู้เรียนหลงั เรยี น
ใบบนั ทึกพฤติกรรมการเรียนและการทางาน
เป็นแบบฝึกปฏิบัติเพ่ือส่งเสริมการเรียนรู้ระหว่าง
แบบประเมินผลงานดว้ ยเกณฑ์ให้คะแนน เรียนของผู้เรียน
(scoring rubrics)
ใช้สังเกตพฤติกรรมด้านคุณธรรม คุณลักษณะ ทักษะ
การปฏิบัติงานท่ีผู้สังเกตได้กาหนดไว้โดยผู้ถูกสังเกต
รู้ตวั หรอื ไม่ร้ตู ัวก็ได้

เป็นเครื่องมือท่ีใช้ในการประเมินคุณภาพผลงาน
การปฏิบัติงาน โดยมีคาอธิบายคุณภาพของงานในแต่
ระดับ หรือมีตัวช้ีวัดผลงานในแต่ละส่วนแต่ระดับไว้
อยา่ งชดั เจน

57

10. แบบประเมินใบแบบฝึกหดั ระหวา่ งเรียนหนว่ ยท่ี 3 ฟงั ก์ชนั การแสดงผลและฟงั ก์ชันการรับข้อมูล
10.1 แบบประเมนิ ใบแบบฝกึ หัดระหวา่ งเรียนท่ี 3.1 เรือ่ ง การใชง้ านฟงั กช์ นั แสดงผล

เกณฑ์การประเมนิ

ขอ้ ที่ 1 จงเขยี นโปรแกรมเพ่ือแสดงข้อความต่อไปนี้ออกทางจอภาพ โดยบรรทัดที่ 1 ฟงั ก์ชัน
printf() บรรทัดที่ 2 ฟังก์ชัน putchar() และบรรทัดท่ี 3 ฟังก์ชัน puts()

ลาดบั ท่ี รายการประเมิน ผล/ขนาด คะแนน ตวั คูณ เต็ม คะแนนท่ี
ที่ทาได้ ได้
1 ใชฟ้ งั ก์ชนั printf( )
ในการแสดงผล

2 ใช้ฟังกช์ ัน putchar( )
ในการแสดงผล

3 ใชฟ้ งั ก์ชนั puts( )
ในการแสดงผล

4 เวลาในการปฏบิ ัติงาน
5 ไม่มีผลงาน

ขอ้ ที่ 2 จงเขียนโปรแกรมดังต่อไปน้ี เพอ่ื แสดงผลลพั ธก์ ารทางานของโปรแกรม

ลาดบั ที่ รายการประเมนิ ผล/ขนาด คะแนนที่ ตัวคูณ เตม็ คะแนนทไ่ี ด้
ทาได้
1 แสดงผลลัพธ์ของ
โปรแกรมได้ถูกต้อง

2 รปู แบบการจดั เรียง
3 เวลาในการปฏบิ ตั งิ าน
4 ไมม่ ผี ลงาน

58

10.2 แบบประเมนิ แบบฝึกหัดระหวา่ งเรยี นท่ี 3.2 เร่อื ง การใชง้ านฟังก์ชนั รบั ขอ้ มลู
เกณฑ์การประเมนิ

ขอ้ ท่ี 1 เขยี นโปรแกรมรับช่ือนักศึกษา รหสั นักศึกษา คะแนนทดสอบ คะแนนสอบกลางภาค
และคะแนนสอบปลายภาค พร้อมแสดงผลลัพธ์ ช่ือนักศึกษา รหัสนักศึกษา คะแนนทดสอบ คะแนน
สอบกลางภาค คะแนนสอบปลายภาค และผลรวมของคะแนนทัง้ หมด

ลาดับที่ รายการประเมิน ผล/ขนาด คะแนน ตวั คูณ เต็ม คะแนนท่ีได้
ท่ที าได้
1 เขยี นโปรแกรมรบั ขอ้ มลู
ผา่ นทางแปน้ พิมพ์

2 คานวณผลรวมของ
คะแนน

3 แสดงผลการทางานของ
โปรแกรม

4 เวลาในการปฏบิ ตั งิ าน
5 ไมม่ ีผลงาน

เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน

Subjective Valuation 10 Objective Valuation 10
คะแนน 6 คะแนน 7
1 3
0 1
0

นา้ หนักความสาคญั

ความสาคญั ตวั คูณ คะแนนเตม็

มากที่สดุ 5 50
มาก 40
ปานกลาง 4 30
นอ้ ย 20
น้อยทสี่ ุด 3 10

2

1

59

เวลาในการปฏิบตั ิงาน 1
คะแนนเต็ม 2
3
4
5

90-100 A ดมี าก
80-89 B ดี
70-79 C ใช้ได้
60-69 D
50-59 F พอใช้
ไมผ่ ่าน

หมายเหตุ
1. จะเพ่มิ เฉพาะผู้ท่ีได้คะแนนจากการสอบเกนิ 75% เท่าน้ัน
2. ในแต่ละ 3 % ของเวลาทเี่ รว็ หรือชา้ กวา่ เวลาที่กาหนด จะเพ่ิมหรอื ลด 1 คะแนน

60

แบบทดสอบก่อนเรียน

คาชแ้ี จง้
1. แบบทดสอบฉบับนี้มจี านวน 10 ขอ้ ข้อละ 1 คะแนน คะแนนเต็ม 10 คะแนน เวลา 20 นาที
2. แบบทดสอบนีเ้ ปน็ แบบเลอื กตอบ
3. จงทาเครื่องหมาย x ลงในกระดาษคาตอบที่ถกู ต้องท่สี ดุ เพยี งข้อเดียว

1. เม่ือมีการเรียกใช้งานฟังก์ชันแสดงผล printf() และฟังก์ชันการรับข้อมูล scanf() ผู้เขียนโปรแกรมต้อง
ประกาศใช้งานเฮดเดอรไ์ ฟลใ์ ดตอ่ ไปนี้

ก. #include<conio.h>
ข. #include<stdio.h>
ค. #include<math.h>
ง. #include “hello.h”
2. ฟังกช์ นั ใดต่อไปนี้ เป็นฟงั ก์ชนั เพอ่ื การแสดงผล
ก. putchar()
ข. printf()
ค. scanf()
ง. ถูกทั้งข้อ ก. และ ข.
3. ฟังกช์ นั ใดต่อไปนี้ ไมใ่ ช่ ฟังกช์ ันเพื่อการรับข้อมูล
ก. scanf()
ข. getche()
ค. putchar()
ง. getch()
4. รหสั รปู แบบขอ้ มูลใด ท่นี ามาใช้กบั เลขจานวนเต็ม แบบมเี คร่ืองหมาย
ก. %d
ข. %u
ค. %s
ง. %c
5. รหสั รปู แบบขอ้ มลู ใด ท่นี ามาใช้กบั ตวั อักขระ 1 ตวั
ก. %d
ข. %u
ค. %s
ง. %c

61

6. หากต้องการสั่งพิมพ์ข้อความ โดยใหต้ ัวแปร s มีค่าเปน็ “Hello word” ตอ้ งใช้รหัสรูปแบบข้อมลู ตามขอ้ ใด
ก. %d
ข. %u
ค. %s
ง. %c

7. ตอ้ งการสัง่ พิมพ์ค่าตวั เลขพรอ้ มทศนิยม 2 ตาแหน่ง ต้องเขยี นชดุ คาส่งั อย่างไร
ก. printf(“%.2f”,3.14);
ข. printf(“%.3f”,3.141);
ค. printf(“3.141”);
ง. printf(“%f”,3.141);

8. การเขียนโปรแกรมรับขอ้ มูลดว้ ยฟงั กช์ นั scanf() ต้องใชเ้ คร่ืองหมายใดนาหนา้ ตัวแปรเพอ่ื ใช้รับค่าตัวเลข
ก. @
ข. &
ค. *
ง. $

9. ฟงั ก์ชันใดต่อไปนี้ใชเ้ พ่ือรับอกั ขระหรอื ตัวอักษรหนึ่งตัว โดยไม่ต้องเคาะปุ่ม Enter
ก. getche()
ข. getchar()
ค. getch()
ง. ถูกทั้งข้อ ก และ ค

10. หากตอ้ งการขน้ึ บรรทัดใหม่ จะตอ้ งเขียนชดุ คาส่ังอย่างไร
ก. printf(“\a”);
ข. printf(“\n”);
ค. printf(“\f”);
ง. printf(“\t”);

62

แบบทดสอบหลงั เรียน

คาชี้แจ้ง
1. แบบทดสอบฉบับน้ีมีจานวน 10 ข้อ ข้อละ 1 คะแนน คะแนนเตม็ 10 คะแนน เวลา 20 นาที
2. แบบทดสอบน้ีเปน็ แบบเลอื กตอบ
3. จงทาเครื่องหมาย x ลงในกระดาษคาตอบที่ถกู ต้องท่สี ดุ เพยี งข้อเดยี ว

1. ตอ้ งการสงั่ พิมพ์คา่ ตวั เลขพร้อมทศนยิ ม 2 ตาแหน่ง ตอ้ งเขียนชุดคาส่งั อย่างไร
ก. printf(“%.3f”,3.141);
ข. printf(“3.141”);
ค. printf(“%.2f”,3.14);
ง. printf(“%f”,3.141);

2. การเขยี นโปรแกรมรับข้อมูลด้วยฟังกช์ นั scanf() ต้องใชเ้ ครื่องหมายใดนาหนา้ ตวั แปรเพอ่ื ใชร้ ับคา่ ตัวเลข
ก. @
ข. *
ค. &
ง. $

3. รหัสรปู แบบข้อมูลใด ท่นี ามาใชก้ บั ตวั อักขระ 1 ตัว
ก. %u
ข. %c
ค. %s
ง. %d

4. เม่อื มีการเรียกใช้งานฟงั กช์ ันแสดงผล printf() และฟงั ก์ชันการรับข้อมลู scanf() ผู้เขียนโปรแกรมต้อง
ประกาศใชง้ านเฮดเดอรไ์ ฟล์ใดต่อไปนี้

ก. #include<stdio.h>
ข. #include<conio.h>
ค. #include<math.h>
ง. #include “hello.h”
5. รหัสรูปแบบข้อมลู ใด ทน่ี ามาใช้กับเลขจานวนเต็ม แบบมเี คร่ืองหมาย
ก. %d
ข. %u
ค. %s
ง. %c

63

6. ฟงั ก์ชันใดต่อไปนี้ใช้เพื่อรบั อกั ขระหรอื ตวั อักษรหน่งึ ตวั โดยไมต่ ้องเคาะปุ่ม Enter
ก. getche()
ข. getch()
ค. getchar()
ง. ถกู ท้งั ข้อ ก และ ข

7. หากต้องการขึ้นบรรทัดใหม่ จะตอ้ งเขยี นชดุ คาสง่ั อย่างไร
ก. printf(“\a”);
ข. printf(“\n”);
ค. printf(“\f”);
ง. printf(“\t”);

8. ฟังกช์ ันใดต่อไปนี้ ไม่ใช่ ฟังกช์ ันเพอ่ื การรบั ข้อมูล
ก. scanf()
ข. getch()
ค. getche()
ง. putchar()

9. หากตอ้ งการสงั่ พิมพ์ขอ้ ความ โดยให้ตวั แปร s มีคา่ เป็น “Hello word” ต้องใชร้ หสั รปู แบบขอ้ มลู ตามขอ้ ใด
ก. %d
ข. %u
ค. %s
ง. %c

10. ฟังก์ชนั ใดต่อไปน้ี เป็นฟงั ก์ชันเพือ่ การแสดงผล
ก. putchar()
ข. printf()
ค. scanf()
ง. ถูกท้ังข้อ ก. และ ข.

64

กระดาษคาตอบแบบทดสอบก่อนเรียน
หนว่ ยท่ี 3 ฟังก์ชนั การแสดงผล และฟังก์ชันการรบั ข้อมูล
รหสั นักศกึ ษา.....................................ชอ่ื – นามสกลุ .................................................ระดบั .............กลมุ่ ......

แบบทดสอบก่อนเรียน

ข้อ ก ข ค ง
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10

เกณฑก์ ารประเมิน

คะแนน ระดับคณุ ภาพ ผลการประเมนิ

8-10 ดมี าก ระดบั คุณภาพ คือ
5-7 พอใช้
0-4 ปรบั ปรุง o ดีมาก
o พอใช้
คะแนนเต็ม 10 คะแนน o ปรบั ปรงุ
คะแนนทไ่ี ด้ คือ...........

65

กระดาษคาตอบแบบทดสอบหลังเรียน
หนว่ ยที่ 3 ฟังกช์ นั การแสดงผล และฟังกช์ ันการรบั ข้อมูล
รหัสนักศึกษา.....................................ชื่อ – นามสกลุ .................................................ระดบั .............กลมุ่ ......

แบบทดสอบหลังเรียน

ข้อ ก ข ค ง
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10

เกณฑ์การประเมิน

คะแนน ระดับคุณภาพ ผลการประเมนิ

8-10 ดีมาก ระดบั คุณภาพ คือ
5-7 พอใช้
0-4 ปรับปรงุ o ดีมาก
o พอใช้
คะแนนเต็ม 10 คะแนน o ปรบั ปรงุ
คะแนนทไี่ ด้ คือ...........

66

เฉลยคาตอบแบบทดสอบกอ่ นเรยี นและแบบทดสอบหลังเรียน
หนว่ ยที่ 3 ฟังกช์ นั การแสดงผลและฟังก์ชันการรับข้อมูล

แบบทดสอบก่อนเรยี น แบบทดสอบหลังเรียน

ขอ้ ก ข ค ง ข้อ ก ข ค ง
1 1
2 2
3 3
4 4
5 5
6 6
7 7
8 8
9 9
10  10 

67

ใบบันทึกผลคะแนนแบบฝกึ หดั ระหวา่ งเรียน
หนว่ ยท่ี 3 ฟังก์ชนั การแสดงผลและฟังก์ชันการรบั ขอ้ มูล
ระดับช้ัน................. กลุ่ม ....................... แผนกวชิ า..................................................

ลาดับ รหสั นกั ศึกษา ชือ่ -สกุล แบบ ึฝกหัดระห ่วางเ ีรยนท่ี 3.1
ที่ แบบ ึฝกหัดระห ่วางเ ีรยนที่ 3.2
คะแนนรวม

10 10 20

ลงช่ือ.....................................................ครผู ู้สอน
(นายพงศธร บารงุ บา้ น)

68

ใบบนั ทกึ ผลคะแนนแบบทดสอบก่อนเรียนและแบบทดสอบหลังเรยี น
หน่วยที่ 3 เรอื่ ง ฟังกช์ ันการแสดงผลและฟังกช์ ันการรบั ข้อมูล

ระดบั ช้ัน................. กลุ่ม ....................... แผนกวชิ า..................................................

ลาดบั รหัสนักศกึ ษา ชื่อ-สกุล คะแนน คะแนน ผลการ
ที่ กอ่ นเรียน หลงั เรยี น ประเมิน
(10 คะแนน) (10 คะแนน) (ผา่ น/ไม่ผ่าน)

รวม
รวมเฉล่ยี
เฉล่ียรอ้ ยละ

เกณฑ์การประเมนิ กอ่ นเรียน

คะแนน ระดับคณุ ภาพ คะแนนเต็ม 10 คะแนน ระดบั คุณภาพ คอื
คะแนนทไี่ ด.้ ..................
8-10 ดมี าก o ดีมาก
5-7 พอใช้ o พอใช้
0-4 ปรับปรุง o ปรบั ปรงุ

ลงชอ่ื .....................................................ครูผ้สู อน
(นายพงศธร บารุงบา้ น)

69

ใบบันทกึ พฤตกิ รรมการเรยี นและการทางาน
ระดับช้ัน................. กล่มุ ....................... แผนกวิชา..................................................

คาชี้แจง ให้ผู้สอนทาเครื่องหมาย หรือ  ตามพฤติกรรมการเรียนและการทางานของผู้เรียน
ในใบประเมินพฤติกรรมการเรียน และการทางาน

เกณฑ์การใหค้ ะแนน หมายถงึ นักเรียนมพี ฤตกิ รรมตามท่กี าหนด
ปฏบิ ตั ิได้ () 1 คะแนน หมายถงึ นกั เรยี นไม่มพี ฤติกรรมตามท่ีกาหนด
ไม่ปฏบิ ตั ิ () 0 คะแนน

มีวนิ ยั ใฝเ่ รียนรู้ มีคณุ ธรรม มีจิตอาสา
(3 คะแนน) (3 คะแนน) (2 คะแนน) (2 คะแนน)

ลาดบั ช่อื -สกลุ 1.1 เข้าเรียนตรงเวลา
ที่ 1.2 แ ่ตงกายถูก ้ตองตามระเ ีบยบ
1.3 ทางานเ ็ปนระเ ีบยบ
2.1 ีมความพร้อม ในการเ ีรยน
2.2 มีความกระตือรือร้น
2.3 ใฝ่หาความรู้
3.1 มีความซ่ือสัตย์
3.2 ีมระเบียบ ิว ันย
4.1 ีม ุอดมการณ์ในส่ิง ่ีทดีงามเ ื่พอส่วนรวม
4.2 ่ชวยเหลือ ้ผูอ่ืนแสดง ึถงความมี ้นาใจ
รวมคะแนน (10 คะแนน)

70

แบบบนั ทกึ หลังสอน

1. ผลการใช้แผนการสอนเปน็ อย่างไร

…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

2. ผลการเรียนของนักเรยี นเป็นอยา่ งไร

…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

3. ผลการสอนของครเู ป็นอยา่ งไร

…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

ลงชอ่ื ...............................................................

(นายพงศธร บารงุ บา้ น)
ครผู สู้ อน

ลงชือ่ ...............................................................

(.....................................................)
รองผ้อู านวยการ ฝ่ายวชิ าการ

71

แผนการจดั การเรยี นรแู้ ละการประเมนิ ตามสภาพจรงิ หนว่ ยที่ 4
ชอ่ื หน่วย คำส่ังควบคมุ เง่ือนไข และกำรทำงำนแบบวนรอบ
สอนครั้งที่ 11-14
ชั่วโมงรวม 12
จานวนชั่วโมง 3

1. หนว่ ยการเรยี นรู้ คำสัง่ ควบคุมเงื่อนไข และกำรทำงำนแบบวนรอบ

2. จานวนช่วั โมง 12 ชั่วโมง

3. จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ประจาหน่วย
3.1 สำมำรถอธิบำยคำสงั่ ควบคุมเงอ่ื นไขได้ถูกต้อง
3.2 สำมำรถเขยี นโปรแกรมภำษำซคี วบคมุ เงอ่ื นไขดว้ ยคอมพวิ เตอร์ได้ถูกตอ้ ง
3.3 สำมำรถอธบิ ำยคำสง่ั กำรทำงำนแบบวนรอบได้ถูกต้อง
3.4 สำมำรถเขยี นโปรแกรมภำษำซคี วบคุมกำรทำงำนแบบวนรอบดว้ ยคอมพวิ เตอร์ได้ถูกตอ้ ง

4. สมรรถนะประจาหน่วย
4.1 เรียนรูห้ ลักกำรทำงำนของคำสง่ั ควบคุมเง่อื นไข และคำส่งั กำรทำงำนแบบวนรอบ
4.2 ปฏบิ ัตกิ ำรเขียนโปรแกรมเพอ่ื ควบคุมเงื่อนไข และกำรทำงำนแบบวนรอบ

5. เนอ้ื หา
5.1 คำสั่งควบคมุ เง่อื นไข (เอกสำรประกอบกำรสอน หน้ำ 164)
5.2 กำรทำงำนแบบวนรอบ (เอกสำรประกอบกำรสอน หนำ้ 180)

72

6. กาหนดเกณฑก์ ารปฏิบัตติ ามสมรรถนะ

สมรรถนะ เกณฑป์ ฏิบัติ (Performance criteria)

1. เรียนรู้หลักกำรทำงำนของคำส่ัง ผเู้ รียน

ควบคุมเง่ือนไข และคำส่ังกำรทำงำน 1.1 อธิบำยหลักกำรทำงำนของคำสั่งควบคุมเง่ือนไขแบบ

แบบวนรอบ ทำงเลือกเดียว (if) แบบสองทำงเลือก (if…else) และแบบหลำย

ทำงเลอื ก (if…else…if) และคำสงั่ switch…case โดยใชโ้ ปรแกรม

Rapter ในกำรเขียนโฟลว์ชำร์ต (Flowchart) เพื่อประกอบ

กำรอธิบำย

1.2 อธิบำยหลักกำรทำงำนของคำส่ังวนรอบโดยใช้โปรแกรม

Rapter ในกำรเขียนโฟลว์ชำร์ต (Flowchart) เพ่ือประกอบ

กำรอธิบำย ดังนี้

 for()

 do-while()

 While()

2. ปฏิบัติกำรเขียนโปรแกรมเพ่ือ ผเู้ รยี น
ควบคุมเง่ือนไข และกำรทำงำนแบบ 2.1 เขยี นโปรแกรมโดยใช้คำสั่งควบคุมเง่ือนไข (if-statement)
วนรอบ เช่น โปรแกรมตัดเกรด เป็นต้น

2.2 เขียนโปรแกรมโดยใช้คำสั่ง switch…case ตัวอย่ำงเช่น
โปรแกรมเลือกรำยกำรเมนู เปน็ ต้น

2.3 เขียนโปรแกรมโดยใช้คำสั่งกำรทำงำนแบบวนรอบ เช่น
โปรแกรมแม่สูตรคูณ เป็นตน้

73

7. กจิ กรรมการเรียนการสอน
คร้งั ท่ี 11 จำนวน 3 ชม.
ใบเนอ้ื หำท่ี 11 เรื่อง คำสั่งควบคมุ เงื่อนไข (เอกสำรประกอบกำรสอนหนำ้ ท่ี 164)
ขั้นเขา้ สู่บทเรยี น
 ทดสอบกอ่ นเรยี นหน่วยท่ี 4 จำนวน 10 ขอ้
 ผู้สอนฟื้นคืนควำมรู้ (Recalling is needed) เรื่อง ตัวดำเนินกำรเปรียบเทียบ และ
ตัวดำเนนิ กำรตรรกะ เพื่อเชื่อมโยงเนอื้ หำเรือ่ งคำสงั่ ควบคุมเงอ่ื นไข
 ผู้สอนนำเข้ำสู่บทเรียนซึ่งโดยทั่วไปแล้วกำรเขียนโปรแกรมนั้นมักมีเงื่อนไขในกำรตรวจสอบ
กำรทำงำนต่ำง ๆ ตำมควำมต้องกำรของระบบ เช่น กำรล็อกอิน เข้ำใช้งำนโปรแกรมท่ีมี
ระบบสมำชกิ กำรทำธรุ กรรมทำงกำรเงนิ ในระบบมอื ถอื หรอื ตู้ ATM เป็นต้น
ข้ันสอน
 ผู้สอนอธิบำยรูปแบบและหลักกำรทำงำนของคำส่ังเง่ือนไข (if) แบบทำงเลือกเดียวด้วย
โปรแกรม Rapter พรอ้ มยกตวั อยำ่ งประกอบ (เอกสำรประกอบกำรสอนหน้ำที่ 164)
 ผสู้ อนและผเู้ รยี นสรุปรูปแบบและหลกั กำรทำงำนของคำส่งั เง่ือนไข (if) แบบทำงเลอื กเดยี ว
 ผู้เรียนปฏิบัติกำรเขียนโปรแกรมตำมตัวอย่ำงท่ี 4.1 (เอกสำรประกอบกำรสอนหน้ำท่ี 165)
และสรปุ ผลกำรปฏิบตั ิดงั กลำ่ ว
 ผู้สอนอธิบำยรูปแบบและหลักกำรทำงำนของคำส่ังเง่ือนไขแบบสองทำงเลือก (if…else)
ดว้ ยโปรแกรม Rapter พรอ้ มยกตัวอย่ำงประกอบ (เอกสำรประกอบกำรสอนหนำ้ ที่ 166)
 ผู้สอนและผู้เรียนสรุปรูปแบบและหลักกำรทำงำนของคำสั่งเงื่อนไขแบบสองทำงเลือก
(if…else)
 ผู้เรียนปฏิบัติกำรเขียนโปรแกรมตำมตัวอย่ำงที่ 4.2 (เอกสำรประกอบกำรสอนหน้ำที่ 167)
และสรปุ ผลกำรปฏบิ ัตดิ งั กลำ่ ว
 ผู้สอนอธิบำยรูปแบบและหลักกำรทำงำนของคำส่ังเง่ือนไขแบบหลำยทำงเลื อก ด้วย
โปรแกรม Rapter พร้อมยกตวั อย่ำงประกอบ
 ผู้เรียนปฏิบัติกำรเขียนโปรแกรมตำมตัวอย่ำงที่ 4.3-4.4 (เอกสำรประกอบกำรสอนหน้ำท่ี
169-170) และสรุปผลกำรปฏิบตั ิดังกลำ่ ว
ข้นั สรปุ
 ผู้สอนและผู้เรียนร่วมกันสรุปรูปแบบและหลักกำรทำงำนของคำส่ังเงื่อนไขแบบทำงเลือก
เดียวและแบบสองทำงเลือก
สอ่ื /อปุ กรณ์
 เคร่ืองคอมพิวเตอรแ์ ละอุปกรณต์ ่อพ่วง
 เคร่ืองฉำยโปรเจคเตอร์
 เอกสำรประกอบกำรสอน วิชำพน้ื ฐำนกำรเขยี นโปรแกรมคอมพิวเตอร์

74

 Google classroom
 ใบตรวจสอบรำยชือ่ นกั เรียน
ผลงาน/หลักฐาน
 แบบทดสอบกอ่ นเรยี นหน่วยท่ี 4
 ตวั อยำ่ งโปรแกรมที่ 4.1-4.4
 ใบบนั ทกึ พฤติกรรมกำรเรยี นและกำรทำงำน
เคร่ืองมือและวธิ ีการวัดผล
 แบบทดสอบก่อนเรียนหน่วยที่ 4 (เอกสำรประกอบกำรสอนหน้ำที่ 162) คะแนนเต็ม 10

คะแนน
 ใบบันทึกพฤติกรรมกำรเรียนและกำรทำงำน (เอกสำรประกอบกำรสอนหน้ำท่ี 194)

คะแนนเต็ม 10 คะแนน

คร้งั ท่ี 12 จำนวน 3 ชม.
ใบเนื้อหำที่ 11 เรอ่ื ง คำสั่งควบคมุ เงื่อนไข (เอกสำรประกอบกำรสอนหน้ำท่ี 164)

ขนั้ เข้าสบู่ ทเรียน
 ผสู้ อนทบทวนบทเรยี นครัง้ ที่ 11 ดว้ ยวธิ ถี ำม-ตอบ
 ผู้สอนนำเข้ำสู่บทเรียนต่อจำกเน้ือหำในครั้งที่ผ่ำนมำซึ่งกล่ำวถึงเง่ือนไขที่พบเห็นใน
ชีวิตประจำวันน้ันอำจมีมำกกว่ำสองทำงเลือก เช่น กำรเขียนโปรแกรมเลือกรำยกำรเมนู
สินค้ำ ซึ่งสำมำรถเลือกได้หลำยรำยกำร กำรเขียนโปรแกรมตัดเกรด เป็นต้น ซ่ึงในภำษำซีได้
สร้ำงชดุ คำส่งั กำรทำงำนไดแ้ ก่ nested-if และ switch…case
 ผู้เรียนยกตัวอย่ำงโปรแกรมท่ีพบเห็นในชีวิตประจำวันใดบ้ำงที่มีกำรทำงำนแบบหลำย
ตัวเลอื ก

ขนั้ สอน
 ผู้สอนอธิบำยรูปแบบและหลักกำรทำงำนของคำสั่งทำงเลือกแบบหลำยกรณี (nested-if)
พร้อมยกตวั อยำ่ งประกอบ (เอกสำรประกอบกำรสอนหนำ้ ท่ี 171)
 ผู้สอนและผู้เรียนสรุปรูปแบบและหลักกำรทำงำนของคำสั่งทำงเลือกแบบหลำยกรณี
(nested-if)
 ผู้เรียนปฏิบัติกำรเขียนโปรแกรมตำมตัวอย่ำงที่ 4.5 (เอกสำรประกอบกำรสอนหน้ำท่ี 172)
และสรุปผลกำรปฏิบัตดิ ังกล่ำว
 ผู้สอนอธิบำยรูปแบบและหลักกำรทำงำนของคำสั่งท่ีมีทำงเลือกให้ทำงำนหลำย ๆ ทำง
(switch…case) พรอ้ มยกตัวอยำ่ งประกอบ (เอกสำรประกอบกำรสอนหนำ้ ท่ี 172)
 ผู้สอนและผู้เรียนสรุปรูปแบบและหลักกำรทำงำนของคำสั่งที่มีทำงเลือกให้ทำงำนหลำย ๆ
ทำง (switch…case)

75

 ผู้เรียนปฏิบัติกำรเขียนโปรแกรมตำมตัวอย่ำงท่ี 4.6 (เอกสำรประกอบกำรสอนหน้ำท่ี 174)
และสรปุ ผลกำรปฏบิ ตั ิดงั กล่ำว

 ผู้สอนมอบหมำยผู้เรียนทำใบแบบฝึกหัดระหว่ำงเรียนที่ 4.1 เรื่องคำสั่งควบคุมเงื่อนไข
(เอกสำรประกอบกำรสอนหนำ้ ที่ 176) เพอ่ื ส่งเสริมกำรเรยี นรู้ระหวำ่ งเรยี นของผเู้ รยี น

ข้นั สรุป

 ผสู้ อนและผูเ้ รยี นร่วมกันสรปุ หลกั กำรทำงำนของคำสงั่ nested-if และคำส่ัง switch…case

สอ่ื /อปุ กรณ์
 เครื่องคอมพิวเตอรแ์ ละอุปกรณ์ตอ่ พ่วง
 เครื่องฉำยโปรเจคเตอร์
 เอกสำรประกอบกำรสอน วิชำพื้นฐำนกำรเขยี นโปรแกรมคอมพวิ เตอร์
 Google classroom
 ใบตรวจสอบรำยชือ่ นกั เรยี น

ผลงาน/หลักฐาน
 ตัวอย่ำงโปรแกรมท่ี 4.5-4.6
 ใบแบบฝึกหดั ระหว่ำงเรียนท่ี 4.1 เรือ่ งคำสั่งควบคมุ เงื่อนไข
 ใบบันทกึ พฤติกรรมกำรเรียนและกำรทำงำน

เคร่อื งมือและวธิ กี ารวดั ผล
 ใบแบบฝึกหัดระหว่ำงเรียนที่ 4.1 เร่ืองคำส่ังควบคุมเงื่อนไข (เอกสำรประกอบกำรสอน
หนำ้ ท่ี 174) คะแนนเต็ม 10 คะแนน
 ใบบันทึกพฤติกรรมกำรเรียนและกำรทำงำน (เอกสำรประกอบกำรสอนหน้ำที่ 194)
คะแนนเตม็ 10 คะแนน

ครัง้ ท่ี 13 จำนวน 3 ชม.
ใบเนอื้ หำท่ี 12 เรอ่ื ง กำรทำงำนแบบวนรอบ (เอกสำรประกอบกำรสอนหนำ้ ที่ 180)

ข้ันเข้าส่บู ทเรียน
 ผูส้ อนทบทวนบทเรยี นครงั้ ที่ 12 ด้วยวิธถี ำม-ตอบ
 ผู้สอนนำเข้ำสู่บทเรียนโดยกำรยกตัวอย่ำงกำรกดเงินผ่ำนตู้ ATM นอกจำกระบบจะทำกำร
ตรวจสอบเง่ือนไขว่ำรหัสท่ีนำเข้ำน้ันถูกต้องหรือไม่ ถ้ำรหัสผ่ำนไม่ถูกต้อง ระบบจะทำกำร
วนรอบหรือทำซ้ำตำมจำนวนครั้งท่ีกำหนด ซ่ึงในภำษำซีได้สร้ำงชุดคำสั่งกำรทำงำนแบบ
วนรอบ ได้แก่ for(), do-while() และ while() ซ่ึงในแตล่ ะคำสัง่ กม็ รี ปู แบบและกำรทำงำนท่ี
แตกต่ำงกันส่วนกำรนำมำใช้งำนนั้นขึ้นอยู่กับระบบงำนที่ต้องกำร แบบวนรอบหรือ
กระบวนกำรทำซำ้ (Loop Statement) ซง่ึ เนอื้ หำท่กี ลำ่ วถึงในวนั นี้คอื คำส่ัง for()

76

 ผู้เรียนยกตัวอย่ำงโปรแกรมท่ีพบเห็นในชีวิตประจำวันใดบ้ำงที่มีกำรทำงำนแบบวนรอบหรือ
กระบวนกำรทำซ้ำ (Loop Statement)

ข้ันสอน
 ผู้สอนอธิบำยรูปแบบและหลักกำรทำงำนแบบวนรอบหรือกระบวนกำรทำซ้ำ (Loop
Statement) ด้วยคำส่ัง for() พร้อมยกตัวอย่ำงประกอบ (เอกสำรประกอบกำรสอน
หนำ้ ที่ 180)
 ผสู้ อนและผเู้ รยี นสรปุ รปู แบบและหลกั กำรทำงำนของคำสงั่ for
 ผู้เรียนปฏิบัติกำรเขียนโปรแกรมตำมตัวอย่ำงท่ี 4.7 (เอกสำรประกอบกำรสอนหน้ำที่ 182)
และสรุปผลกำรปฏบิ ตั ิดังกลำ่ ว

ขัน้ สรุป
 ผสู้ อนและผเู้ รียนร่วมกันสรปุ หลักกำรทำงำนของคำส่ัง for()

สอ่ื /อปุ กรณ์
 เครอื่ งคอมพิวเตอรแ์ ละอปุ กรณ์ตอ่ พว่ ง
 เครื่องฉำยโปรเจคเตอร์
 เอกสำรประกอบกำรสอน วชิ ำพ้ืนฐำนกำรเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์
 Google classroom
 ใบตรวจสอบรำยชอ่ื นกั เรียน

ผลงาน/หลกั ฐาน
 ตวั อย่ำงโปรแกรมท่ี 4.7
 ใบบันทกึ พฤติกรรมกำรเรียนและกำรทำงำน

เคร่ืองมือและวธิ ีการวดั ผล
 ใบบันทึกพฤติกรรมกำรเรียนและกำรทำงำน (เอกสำรประกอบกำรสอนหน้ำท่ี 194)
คะแนนเต็ม 10 คะแนน

คร้ังท่ี 14 จำนวน 3 ชม.
ใบเน้ือหำท่ี 12 เร่ือง กำรทำงำนแบบวนรอบ (เอกสำรประกอบกำรสอนหนำ้ ที่ 180)

ข้ันเข้าสบู่ ทเรยี น
 ผู้สอนทบทวนบทเรยี นครัง้ ท่ี 13 ดว้ ยวธิ ีถำม-ตอบ
 ผูส้ อนนำเขำ้ สู่บทเรียนต่อจำกเน้ือหำคร้ังท่ผี ่ำนมำ นนั้ คือคำส่ัง do-while() และ while() ซง่ึ
มีรูปแบบและกำรทำงำนท่ีต่ำงกันข้ึนอยู่กับเง่ือนไขเป็นตัวกำหนดกำร วนรอบหรือทำซ้ำ
(Loop Statement)

77

ขั้นสอน
 ผู้สอนอธิบำยรูปแบบและหลักกำรทำงำนแบบวนรอบหรือกระบวนกำรทำซ้ำ (Loop
Statement) ด้วยคำสั่ง do…while() พร้อมยกตัวอย่ำงประกอบด้วยโปรแกรม Rapter
(เอกสำรประกอบกำรสอนหนำ้ ท่ี 183)
 ผสู้ อนและผู้เรียนสรุปรปู แบบและหลักกำรทำงำนของคำสงั่ do…while()
 ผู้เรียนปฏิบัติกำรเขียนโปรแกรมตำมตัวอย่ำงท่ี 4.8 (เอกสำรประกอบกำรสอนหน้ำที่ 184)
และสรุปผลกำรปฏิบตั ดิ งั กล่ำว
 ผู้สอนอธบิ ำยรูปแบบและหลักกำรทำงำนของแบบวนรอบหรือกระบวนกำรทำซ้ำ (Loop
Statement) ดว้ ยคำส่ัง while() พร้อมยกตัวอย่ำงประกอบด้วยโปรแกรม Rapter (เอกสำร
ประกอบกำรสอนหนำ้ ท่ี 185)
 ผสู้ อนและผู้เรยี นสรุปรปู แบบและหลกั กำรทำงำนของคำสงั่ while()
 ผู้เรียนปฏิบัติกำรเขียนโปรแกรมตำมตัวอย่ำงท่ี 4.9 (เอกสำรประกอบกำรสอนหน้ำที่ 186)
และสรปุ ผลกำรปฏบิ ตั ดิ ังกล่ำว
 ผู้สอนมอบหมำยผู้เรียนทำใบแบบฝึกหัดระหว่ำงเรียนที่ 4.2 เร่ืองกำรทำงำนแบบวนรอบ
(เอกสำรประกอบกำรสอนหน้ำท่ี 188) เพอื่ สง่ เสริมกำรเรียนรู้ระหว่ำงเรียนของผเู้ รยี น

ขนั้ สรปุ

 ผสู้ อนและผู้เรียนรว่ มกันสรปุ หลักกำรทำงำนของคำสง่ั do…while() และคำสง่ั while()

สอ่ื /อุปกรณ์
 เคร่ืองคอมพวิ เตอรแ์ ละอปุ กรณต์ อ่ พ่วง
 เครื่องฉำยโปรเจคเตอร์
 เอกสำรประกอบกำรสอน วิชำพน้ื ฐำนกำรเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์
 Google classroom
 ใบตรวจสอบรำยชื่อนกั เรยี น

ผลงาน/หลกั ฐาน
 ตัวอย่ำงโปรแกรมที่ 4.8-4.9
 แบบทดสอบหลงั เรยี นหนว่ ยที่ 4
 ใบบนั ทกึ พฤติกรรมกำรเรียนและกำรทำงำน

เครอื่ งมอื และวธิ ีการวดั ผล
 ใบแบบฝึกหัดระหว่ำงเรียนที่ 4.2เรื่องกำรทำงำนแบบวนรอบ (เอกสำรประกอบกำรสอน
หน้ำที่ 188) คะแนนเต็ม 10 คะแนน
 แบบทดสอบหลังเรียนหน่วยท่ี 4 (เอกสำรประกอบกำรสอนหน้ำท่ี 192) คะแนนเต็ม 10
คะแนน

78

 ใบบันทึกพฤติกรรมกำรเรียนและกำรทำงำน (เอกสำรประกอบกำรสอนหน้ำท่ี 194)
คะแนนเตม็ 10 คะแนน

8. เกณฑ์การตัดสิน

กำรวดั ประเมนิ ผลแตล่ ะคร้ังต้องผำ่ นเกณฑ์ ร้อยละ 60 ของคะแนนเต็ม แล้วนำคะแนนรวมมำตดั สนิ

ผลกำรเรียนตำมเกณฑด์ ังนี้

การประเมนิ ผลแบบองิ เกณฑ์

คะแนนกำรประเมนิ ตั้งแต่ร้อยละ 80 ขนึ้ ไป ระดบั ผลกำรเรียน 4.0

คะแนนกำรประเมนิ ตั้งแต่ร้อยละ 75-79.99 ระดบั ผลกำรเรยี น 3.5

คะแนนกำรประเมนิ ตง้ั แตร่ ้อยละ 70-74.99 ระดับผลกำรเรียน 3.0

คะแนนกำรประเมนิ ตั้งแตร่ ้อยละ 65-69.99 ระดบั ผลกำรเรียน 2.5

คะแนนกำรประเมินตงั้ แตร่ ้อยละ 60-64.99 ระดับผลกำรเรียน 2.0

คะแนนกำรประเมินตั้งแตร่ ้อยละ 55-59.99 ระดบั ผลกำรเรียน 1.5

คะแนนกำรประเมินตั้งแต่รอ้ ยละ 50-54.99 ระดบั ผลกำรเรียน 1.0

คะแนนกำรประเมนิ ต่ำกว่ำรอ้ ยละ 49.99 ลงไป ระดับผลกำรเรียน 0

9. เครอื่ งมือวดั ประเมณิ ผล ลกั ษณะของข้อมูล
เครื่องมอื
ใช้สอบวัดควำมรู้ ควำมเข้ำใจควำมสำมำรถทำง
แบบทดสอบกอ่ นเรยี น สตปิ ัญญำพน้ื ฐำนของผเู้ รียนกอ่ นเรยี น
แบบทดสอบหลงั เรยี น
ใบแบบฝกึ หดั ระหวำ่ งเรยี น ใช้สอบวัดควำมรู้ ควำมเข้ำใจ ควำมสำมำรถทำง
สติปัญญำของผูเ้ รยี นหลงั เรยี น
ใบบนั ทึกพฤติกรรมกำรเรียนและกำรทำงำน
เป็นแบบฝึกปฏิบัติเพ่ือส่งเสริมกำรเรียนรู้ระหว่ำง
แบบประเมินผลงำนดว้ ยเกณฑ์ให้คะแนน เรยี นของผเู้ รียน
(scoring rubrics)
ใช้สังเกตพฤติกรรมด้ำนคุณธรรม คุณลักษณะ ทักษะ
กำรปฏิบัติงำนท่ีผู้สังเกตได้กำหนดไว้โดยผู้ถูกสังเกต
รตู้ ัวหรอื ไม่รู้ตัวกไ็ ด้

เป็นเครื่องมือท่ีใช้ในกำรประเมินคุณภำพผลงำน
กำรปฏิบัติงำน โดยมีคำอธิบำยคุณภำพของงำนในแต่
ระดับ หรือมีตัวช้ีวัดผลงำนในแต่ละส่วนแต่ระดับไว้
อย่ำงชัดเจน

79

10. แบบประเมนิ ใบแบบฝึกหัดระหว่างเรยี นหน่วยที่ 4 คาส่ังควบคุมเงื่อนไข และการทางานแบบวนรอบ
10.1 แบบประเมนิ แบบฝกึ หดั ระหวำ่ งเรียนที่ 4.1 เร่อื ง คำสั่งควบคุมเงื่อนไข

เกณฑ์การประเมิน

ข้อที่ 1 เขียนโปรแกรมคำนวณหำเงินทตี่ ้องทอนและจำนวนเงินทอนของแตล่ ะชนดิ โดยกำร
กรอกจำนวนเงนิ ของสินคำ้ และจำนวนเงินทีจ่ ำ่ ย

ที่ รำยกำรประเมนิ ผล/ขนำด คะแนน ตวั คณู เต็ม คะแนน
1 Input ท่ที ำได้ ที่ได้

2 Process

3 output

4 เวลำในกำรปฏิบัติงำน
5 ไม่มผี ลงำน

ขอ้ ที่ 2 เขยี นโปรแกรมแสดงรำยกำรเมนูรำ้ นกำแฟแหง่ หนึ่ง โดยผู้ใชส้ ำมำรถเลอื กรำยกำร
เมนูดงั กล่ำว และจำนวนที่ต้องกำร จำกน้ันโปรแกรมคำนวณเงนิ ทีต่ ้องจ่ำยและจำนวนเงินทีต่ อ้ งทอนพรอ้ ม
แยกจำนวนเงนิ ทอนของแต่ละชนดิ

ที่ รำยกำรประเมนิ ผล/ขนำด คะแนน ตวั คณู เต็ม คะแนน
1 Input ที่ทำได้ ทไ่ี ด้

2 Process

3 output

4 เวลำในกำรปฏบิ ัติงำน

80

10.2 แบบประเมนิ แบบฝึกหัดระหวำ่ งเรยี นท่ี 4.2 เรอ่ื ง กำรทำงำนแบบวนรอบ
เกณฑ์การประเมนิ

ข้อที่ 1 พิจำรณำผังงำน (flowchart) ของโปรแกรมคำนวณดอกเบย้ี ที่ไดร้ บั จำกธนำคำร
ต่อไปน้ี เพือ่ แสดงผลลพั ธก์ ำรทำงำนของโปรแกรม

ที่ รำยกำรประเมนิ ผล/ขนำด คะแนน ตวั คูณ เต็ม คะแนน
1 Input ทท่ี ำได้ ทไ่ี ด้
2 Process
3 output
4 เวลำในกำรปฏบิ ตั งิ ำน

ขอ้ ท่ี 2 เขยี นโปรแกรมคำนวณคำ่ ไฟฟ้ำ โดยรบั ข้อมลู ชอื่ และจำนวนวัตต์ที่ใช้งำน มีกำรวน
ซ้ำกำรทำงำนจนกวำ่ จะพมิ พ์ตัวอักษร y จงึ ออกจำกโปรแกรม

ท่ี รำยกำรประเมิน ผล/ขนำด คะแนน ตัวคูณ เต็ม คะแนน
1 Input ท่ที ำได้ ที่ได้

2 Process

3 output

4 เวลำในกำรปฏบิ ตั งิ ำน

81

เกณฑ์การใหค้ ะแนน

Subjective Valuation 10 Objective Valuation 10
คะแนน 6 คะแนน 7
1 3
0 1

นา้ หนักความสาคัญ

ความสาคญั ตวั คณู คะแนนเต็ม

มำกทสี่ ดุ 5 50
มำก 40
ปำนกลำง 4 30
น้อย 20
น้อยที่สุด 3 10

2

1

เวลาในการปฏบิ ัติงาน 1
คะแนนเต็ม 2
3
4
5

90-100 A ดมี าก
80-89 B ดี
70-79 C ใชไ้ ด้
60-69 D
50-59 F พอใช้
ไมผ่ ำ่ น

หมายเหตุ
1. จะเพ่ิมเฉพำะผู้ที่ไดค้ ะแนนจำกกำรสอบเกิน 75% เทำ่ นั้น
2. ในแตล่ ะ 3 % ของเวลำทีเ่ รว็ หรอื ชำ้ กว่ำเวลำทีก่ ำหนด จะเพ่ิมหรือลด 1 คะแนน

82

แบบทดสอบก่อนเรียน

คาชแี้ จง้
1. แบบทดสอบฉบบั น้ีมจี ำนวน 10 ขอ้ ข้อละ 1 คะแนน คะแนนเต็ม 10 คะแนน เวลำ 20 นำที
2. แบบทดสอบนเ้ี ป็นแบบเลอื กตอบ
3. จงทำเครือ่ งหมำย x ลงในกระดำษคำตอบท่ีถกู ต้องท่สี ุดเพยี งข้อเดยี ว

1. คำส่ังเงอื่ นไขแบบสองทำงเลือกมรี ปู แบบตรงตำมข้อใดต่อไปน้ี
ก. switch()
ข. if()
ค. if-else
ง. if-else-if

2. ข้อใดต่อไปน้ี ไมใ่ ช่ คำส่ังกำรทำแบบวนรอบ
ก. while()
ข. do…while()
ค. for()
ง. if…else

3. ชดุ คำส่งั ลูปประเภทใดต่อไปนี้ อำจไม่ไดร้ ับกำรประมวล
ก. while()
ข. do…while()
ค. for()
ง. ไม่มขี ้อใดถกู

4. ประโยคเงอื่ นไข if ตำมข้อใดถกู ต้อง
ก. if(score >= 50 and score <=59)
Grade = ‘D’
ข. if(score >=60 or score <=69
Grade = ‘C’
ค. if(score >=70 && score <=79)
Grade = ‘B’
ง. if(score >=80 && <=100)
Grade = ‘A’

83

5. คำส่งั กำรทำงำนแบบวนรอบ คำสงั่ ใดต่อไปน้ี จะทำงำนภำยในลปู ก่อน 1 รอบเสมอ
ก. while()
ข. do…while()
ค. for()
ง. if…else

6. หำกต้องกำรเขยี นโปรแกรมทเ่ี ป็นเมนูให้เลอื ก ควรเลอื กใชค้ ำสัง่ ควบคุมเงอ่ื นไขชนิดใดจงึ จะเหมำะสมท่สี ดุ
ก. if()
ข. switch()
ค. for()
ง. while()

7. ข้อใดต่อไปน้ี กลำ่ วถงึ รปู แบบของคำสง่ั กำรทำงำนแบบวนรอบ for ได้ถกู ต้องทีส่ ุด
ก. for(คำ่ เร่ิมตน้ ; เงือ่ นไข; เพ่มิ ข้นึ /ลดลง)
ข. for(เงื่อนไข; คำ่ เรมิ่ ตน้ ; เพิ่มข้ึน/ลดลง)
ค. for(ค่ำเรม่ิ ตน้ ; เพมิ่ ขึ้น/ลดลง; เงอ่ื นไข)
ง. for(ค่ำเรมิ่ ต้น; ค่ำส้นิ สดุ ; เพิม่ ขึน้ /ลดลง)

8. ข้อใดต่อไปนี้ เขยี นประโยคคำสง่ั กำรทำงำนแบบวนรอบ for ไดถ้ ูกตอ้ ง
ก. for (a=1; a<=10; a++)
ข. for (a=1; a=10; a++)
ค. for (a++; a<=10; a+=1)
ง. for (a=1; a++; a>=1)

9. ประโยคคำสั่ง switch ภำยใน case ของแต่ละกรณีใดจำเป็นต้องใส่คำสั่งใดต่อไปนี้ เพ่ือหยุดกำรทำงำน
ภำยใน case นัน้ ๆ

ก. else
ข. include
ค. break
ง. default
10. คำสงั่ ภำยใน switch คำสงั่ ใดมลี กั ษณะกำรทำงำนเหมือนคำสง่ั else ในประโยคเงื่อนไข
ก. else
ข. include
ค. break
ง. default

84

แบบทดสอบหลังเรียน

คาชี้แจง้
1. แบบทดสอบฉบับนี้มจี ำนวน 10 ข้อ ข้อละ 1 คะแนน คะแนนเตม็ 10 คะแนน เวลำ 20 นำที
2. แบบทดสอบนเ้ี ป็นแบบเลือกตอบ
3. จงทำเครื่องหมำย x ลงในกระดำษคำตอบท่ีถกู ต้องทสี่ ุดเพยี งข้อเดยี ว

1. ขอ้ ใดต่อไปนี้ กลำ่ วถงึ รปู แบบของคำส่ังกำรทำงำนแบบวนรอบ for ได้ถูกต้องท่สี ุด
ก. for(คำ่ เร่ิมต้น; เงอ่ื นไข; เพ่มิ ข้นึ /ลดลง)
ข. for(เง่อื นไข; คำ่ เรมิ่ ตน้ ; เพม่ิ ขนึ้ /ลดลง)
ค. for(คำ่ เร่ิมต้น; เพ่ิมขึ้น/ลดลง; เง่อื นไข)
ง. for(คำ่ เริ่มต้น; คำ่ สน้ิ สดุ ; เพิม่ ขึ้น/ลดลง)

2. ขอ้ ใดต่อไปน้ี เขยี นประโยคคำสง่ั กำรทำงำนแบบวนรอบ for ได้ถูกต้อง
ก. for (a=1; a<=10; a++)
ข. for (a=1; a=10; a++)
ค. for (a++; a<=10; a+=1)
ง. for (a=1; a++; a>=1)

3. ขอ้ ใดต่อไปนี้ ไม่ใช่ คำสงั่ กำรทำแบบวนรอบ
ก. if…else
ข. for()
ค. while()
ง. do…while()

4. หำกตอ้ งกำรเขียนโปรแกรมที่เปน็ เมนูให้เลือก ควรเลือกใชค้ ำสัง่ ควบคมุ เงอ่ื นไขชนดิ ใดจึงจะเหมำะสมที่สดุ
ก. switch()
ข. for()
ค. if()
ง. while()

5. คำสัง่ ภำยใน switch() คำสัง่ ใดมลี ักษณะกำรทำงำนเหมือนคำสงั่ else ในประโยคเง่ือนไข
ก. else
ข. include
ค. default
ง. break

85

6. ชุดคำสั่งลปู ประเภทใดต่อไปนี้ อำจไม่ไดร้ ับกำรประมวล
ก. do…while()
ข. while()
ค. if…else
ง. for()

7. คำสัง่ เงือ่ นไขแบบสองทำงเลือกมีรปู แบบตรงตำมข้อใดต่อไปนี้
ก. switch()
ข. if()
ค. if-else
ง. if-else-if

8. ประโยคเง่อื นไข if ตำมข้อใดถูกต้อง
ก. if(score >= 50 and score <=59)
Grade = ‘D’;
ข. if(score >=60 or score <=69
Grade = ‘C’;
ค. if(score >=70 && score <=79)
Grade = ‘B’;
ง. if(score >=80 && <=100)
Grade = ‘A’;

9. จำกชดุ คำสงั่ วนรอบ for (a=0; a<=9; a++) อยำกทรำบว่ำลูปดงั กล่ำว ทำงำนกี่รอบ
ก. 9 รอบ
ข. 10 รอบ
ค. 11 รอบ
ง. 12 รอบ

10. ประโยคคำส่ัง switch ภำยใน case ของแต่ละกรณีใดจำเป็นต้องใส่คำส่ังใดต่อไปนี้ เพ่ือหยุดกำรทำงำน
ภำยใน case นั้น ๆ

ก. else
ข. include
ค. break
ง. default

86

กระดาษคาตอบแบบทดสอบก่อนเรียน
หน่วยที่ 4 คาสงั่ ควบคมุ เงื่อนไข และการทางานแบบวนรอบ
รหัสนกั ศกึ ษา.....................................ชอ่ื – นามสกลุ .................................................ระดบั .............กลมุ่ ......

แบบทดสอบก่อนเรียน

ข้อ ก ข ค ง
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10

เกณฑก์ ารประเมนิ

คะแนน ระดบั คณุ ภาพ ผลการประเมนิ

8-10 ดีมำก ระดับคุณภาพ คือ
5-7 พอใช้
0-4 ปรบั ปรงุ o ดีมำก
o พอใช้
คะแนนเต็ม 10 คะแนน o ปรบั ปรงุ
คะแนนทีไ่ ด้ คือ...........

87

กระดาษคาตอบแบบทดสอบหลงั เรยี น

หนว่ ยที่ 4 คาสง่ั ควบคมุ เง่ือนไข และการทางานแบบวนรอบ

รหสั นกั ศกึ ษา.....................................ชอื่ – นามสกลุ .................................................ระดบั .............กลมุ่ ......

แบบทดสอบหลังเรยี น

ข้อ ก ข ค ง
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10

เกณฑก์ ารประเมนิ

คะแนน ระดบั คุณภาพ ผลการประเมิน

8-10 ดมี ำก ระดบั คุณภาพ คือ
5-7 พอใช้
0-4 ปรับปรุง o ดีมำก
o พอใช้
คะแนนเต็ม 10 คะแนน o ปรบั ปรงุ
คะแนนทไี่ ด้ คือ...........

88

เฉลยคาตอบแบบทดสอบก่อนเรยี นและแบบสอบหลังเรียน
หน่วยที่ 4 คาส่ังควบคุมเง่ือนไข และการทางานแบบวนรอบ

แบบทดสอบกอ่ นเรียน แบบทดสอบหลังเรยี น

ข้อ ก ข ค ง ข้อ ก ข ค ง
1 1
2 2
3 3
4 4
5 5
6 6
7 7
8 8
9 9
10  10 

89

ใบบนั ทกึ ผลคะแนนแบบฝึกหดั ระหว่างเรียน
หนว่ ยที่ 4 คาสง่ั ควบคมุ เง่ือนไขและการทางานแบบวนรอบ
ระดบั ช้นั ................. กลุม่ ....................... แผนกวิชา..................................................

ลาดบั รหสั นกั ศกึ ษา ช่ือ-สกุล แบบ ึฝกหัดระห ่วางเ ีรยนท่ี 4.1
ที่ แบบ ึฝกหัดระห ่วางเ ีรยนที่ 4.2
คะแนนรวม

20 20 40

ลงช่อื .....................................................ครูผ้สู อน
(นำยพงศธร บำรงุ บำ้ น)

90

ใบบนั ทึกผลคะแนนแบบทดสอบก่อนเรียนและแบบทดสอบหลังเรยี น
หน่วยที่ 4 คาส่งั ควบคมุ เงื่อนไขและการทางานแบบวนรอบ

ระดับชั้น................. กลมุ่ ....................... แผนกวิชา..................................................

ลาดบั รหสั นกั ศึกษา ชอื่ -สกุล คะแนน คะแนน ผลการ
ที่ ก่อนเรียน หลงั เรียน ประเมิน
(10 คะแนน) (10 คะแนน) (ผา่ น/ไมผ่ า่ น)

รวม
รวมเฉลย่ี
เฉล่ียร้อยละ

เกณฑ์การประเมินกอ่ นเรียน

คะแนน ระดับคณุ ภาพ คะแนนเต็ม 10 คะแนน ระดับคณุ ภาพ คอื
คะแนนท่ีได.้ ..................
8-10 ดีมำก o ดีมำก
5-7 พอใช้ o พอใช้
0-4 ปรบั ปรุง o ปรบั ปรงุ

ลงชื่อ.....................................................ครผู ู้สอน
(นำยพงศธร บำรุงบำ้ น)

91

คาชี้แจง ให้ผู้สอนทำเคร่ืองหมำย หรือ  ตำมพฤติกรรมกำรเรียนและกำรทำงำนของผู้เรียน
ในใบประเมินพฤตกิ รรมกำรเรยี น และกำรทำงำน

เกณฑ์การให้คะแนน หมำยถงึ นกั เรียนมพี ฤตกิ รรมตำมที่กำหนด
ปฏบิ ตั ิได้ () 1 คะแนน หมำยถงึ นักเรียนไม่มีพฤตกิ รรมตำมท่ีกำหนด
ไม่ปฏิบตั ิ () 0 คะแนน

มวี นิ ยั ใฝเ่ รยี นรู้ มีคุณธรรม มจี ิตอำสำ
(3 คะแนน) (3 คะแนน) (2 คะแนน) (2 คะแนน)

ลำดบั ชอ่ื -สกลุ 1.1 เข้ำเรียนตรงเวลำ
ท่ี 1.2 แ ่ตงกำยถูก ้ตองตำมระเบียบ
1.3 ทำงำนเ ็ปนระเ ีบยบ
2.1 ีมควำมพร้อม ในกำรเรียน
2.2 มีควำมกระตือรือร้น
2.3 ใฝ่หำควำมรู้
3.1 มีควำมซ่ือสัตย์
3.2 ีมระเบียบ ิว ันย
4.1 ีม ุอดมกำรณ์ในส่ิง ่ีท ีดงำมเพื่อส่วนรวม
4.2 ่ชวยเหลือ ้ผูอ่ืนแสดง ึถงควำมมี ้นำใจ
รวมคะแนน (10 คะแนน)

92

แบบบันทึกหลงั สอน

1. ผลกำรใชแ้ ผนกำรสอนเป็นอย่ำงไร

…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

2. ผลกำรเรียนของนักเรยี นเปน็ อย่ำงไร

…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

3. ผลกำรสอนของครเู ป็นอย่ำงไร

…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

ลงช่ือ...............................................................

(นำยพงศธร บำรุงบ้ำน)
ครผู สู้ อน

ลงชือ่ ...............................................................

(.....................................................)
รองผ้อู ำนวยกำร ฝำ่ ยวชิ ำกำร

93

แผนการจดั การเรยี นรู้และการประเมินตามสภาพจรงิ หนว่ ยท่ี 5
ชือ่ หน่วย อาร์เรย์ (Array)
สอนคร้ังที่ 15-16
ชวั่ โมงรวม 6

จานวนชั่วโมง 3

1. หน่วยการเรยี นรู้ อาร์เรย์ (Array)

2. จานวนชัว่ โมง 6 ชัว่ โมง

3. จุดประสงค์การเรียนร้ปู ระจาหน่วย
3.1 สามารถอธบิ ายอาเรย์ 1 มติ ไิ ด้ถูกต้อง
3.2 สามารถอธบิ ายอาเรย์ 2 มิตไิ ดถ้ กู ตอ้ ง
3.3 สามารถเขียนโปรแกรมภาษาซีเพ่ือจัดเก็บข้อมูลลงในตัวแปรอาร์เรย์ 1 มิติด้วยคอมพิวเตอร์

ไดถ้ กู ตอ้ ง
3.4 สามารถเขียนโปรแกรมภาษาซีเพ่ือจัดเก็บข้อมูลลงในตัวแปรอาร์เรย์ 2 มิติด้วยคอมพิวเตอร์

ไดถ้ กู ต้อง

4. สมรรถนะประจาหนว่ ย
แสดงความรู้เก่ียวกบั การเขยี นโปรแกรมอารเ์ รย์ 1 มติ ิ และอารเ์ รย์ 2 มิติ

5. เน้ือหา
5.1 อาร์เรย์ (Array) 1 มิติ (เอกสารประกอบการเรยี นการสอน หน้า 216)
5.2 อารเ์ รย์ (Array) 2 มิติ (เอกสารประกอบการเรยี นการสอน หนา้ 222)

94

6. กาหนดเกณฑก์ ารปฏิบตั ติ ามสมรรถนะ

สมรรถนะ เกณฑป์ ฏิบตั ิ (Performance criteria)

1. แสดงความรู้เกี่ยวกบั การเขียน ผูเ้ รียน

โปรแกรมอาร์เรย์ 1 มติ ิ และอารเ์ รย์ 2 มิติ 1. อธิบายรูปแบบการทางานของอาร์เรย์ 1 มิติและ 2 มิติ

ดังนี้

- อาร์เรย์ 1 มิติ (One-dimensional Array) เป็นตัวแปร

อาร์เรย์แบบมิติเดียว ท่ีมีลักษณะเสมือนตู้หน่วยความจาที่มีค่า

ข้อมลู เรยี งลาดบั อยใู่ นแถวเดียวกนั

- อาร์เรย์ 2 มิติ (Two-dimensional Array) มีลักษณะ

คล้ายกบั ตาราง ทป่ี ระกอบไปดว้ ยแถวและคอลัมน์

2. เขียนโปรแกรมหาค่าตัวเลขสูงสุดและค่าตัวเลขต่าสุดใน

จานวนตัวเลข 5 จานวนโดยใช้ตัวแปรอาร์เรย์ 1 มิติในการเก็บ

ขอ้ มูล

3. เขียนโปรแกรมเพ่ือเก็บข้อมูลแบบตัวแปรชุดโดยใช้

อาร์เรย์ 2 มิติในการเก็บขอ้ มูล

95

7. กจิ กรรมการเรียนการสอน
ครั้งท่ี 15 จานวน 3 ชม.
ใบเนือ้ หาท่ี 12 เรอื่ ง อาร์เรย์ (Array) (เอกสารประกอบการสอนหน้าที่ 216)
ขน้ั เข้าสู่บทเรยี น
 ทดสอบกอ่ นเรียนหนว่ ยที่ 5 จานวน 10 ข้อ
 ผูส้ อนผสู้ อนฟื้นคนื ความรู้ (Recalling is needed) เร่ือง ตัวแปร ประเภทขอ้ มลู
 ผู้สอนนาเข้าสู่บทเรียน โดยกล่าวถึงการศึกษาที่ผ่านมาน้ันผู้เรียนได้เรียนรู้วิธีการประกาศ
ตัวแปรในแต่ละชนิดมาแล้วจะเห็นได้ว่าหากมีชดุ ข้อมูลเดียวกันต้องสร้างตัวแปรหลายตวั ซึ่ง
เป็นวิธีที่ค่อนข้างยุ่งยากในกรณีอ้างอิงเพ่ือใช้งานค่าตัวแปรดังกล่าว ดังน้ันเพื่อให้สามารถ
อ้างอิงตัวแปรได้ง่ายข้ึน ในภาษาซีจึงมีวิธีการสร้างตัวแปรชุดหรือเรียกว่าตัวแปรอาร์เรย์
(Array) ซึ่งจะกล่าวถึงอาร์เรย์ 1 มิติ และอาร์เรย์ 2 มิติ เพื่อการใช้งานพ้ืนฐานการเขียน
โปรแกรมดว้ ยภาษาซี

ขน้ั สอน
 ผู้สอนอธิบายรูปแบบและหลักการทางานของอาร์เรย์ 1 มิติ พร้อมยกตัวอย่างประกอบ
(เอกสารประกอบการสอนหนา้ ที่ 216)
 ผู้สอนและผูเ้ รียนสรุปรูปแบบและหลกั การทางานของอารเ์ รย์ 1 มติ ิ
 ผู้เรียนปฏิบัติการเขียนโปรแกรมตามตัวอย่างที่ 5.1 (เอกสารประกอบการสอนหน้าที่ 218)
และสรปุ ผลการปฏบิ ตั ิดงั กลา่ ว
 ผู้สอนมอบหมายผู้เรียนทาใบแบบฝึกหัดระหว่างเรียนที่ 5.1 เร่ืองอาร์เรย์ 1 มิติ (เอกสาร
ประกอบการสอนหน้าท่ี 219) เพอื่ ส่งเสรมิ การเรยี นรรู้ ะหว่างเรยี นของผเู้ รยี น

ขน้ั สรุป
 ผสู้ อนและผู้เรยี นร่วมกันสรปุ เน้ือหาเกี่ยวกับ อาร์เรย์ 1 มติ ิ

สอ่ื /อปุ กรณ์
 เครือ่ งคอมพวิ เตอร์และอุปกรณ์ตอ่ พ่วง
 เคร่อื งฉายโปรเจคเตอร์
 เอกสารประกอบการสอน วิชาพนื้ ฐานการเขียนโปรแกรมคอมพวิ เตอร์
 Google classroom
 ใบตรวจสอบรายช่อื นักเรยี น

ผลงาน/หลกั ฐาน
 แบบทดสอบกอ่ นเรยี นหนว่ ยท่ี 5
 ตวั อย่างโปรแกรมที่ 5.1

96

 ใบแบบฝกึ หัดระหวา่ งเรียนที่ 5.1 เรื่องอาร์เรย์ 1 มิติ
 ใบบันทกึ พฤติกรรมการเรยี นและการทางาน
เคร่ืองมือและวธิ ีการวัดผล
 แบบทดสอบก่อนเรียนหน่วยท่ี 5 (เอกสารประกอบการสอนหน้าท่ี 214) คะแนนเต็ม 10

คะแนน
 ใบแบบฝึกหัดระหว่างเรียนที่ 5.1 เร่ืองอาร์เรย์ 1 มิติ (เอกสารประกอบการสอนหน้าท่ี 216)

คะแนนเตม็ 10 คะแนน
 ใบบันทึกพฤติกรรมการเรียนและการทางาน (เอกสารประกอบการสอนหน้าท่ี 213)

คะแนนเตม็ 10 คะแนน

ครงั้ ที่ 16 จานวน 3 ชม.
ใบเนอ้ื หาที่ 12 เรอ่ื ง อาร์เรย์ (Array) (เอกสารประกอบการสอนหน้าที่ 216)

ข้นั เขา้ สู่บทเรียน
 ผสู้ อนทบทวนบทเรยี นครั้งที่ 15 ด้วยวิธีถาม-ตอบ
 ผู้สอนนาเข้าสู่บทเรียนต่อจากเนื้อหาคร้ังท่ีผ่านมา นั้นคืออาร์เรย์ 2 มิติ มีลักษณะคล้ายกับ
ตาราง ทปี่ ระกอบไปด้วยแถวและคอลัมน์ แตกตา่ งจากอาร์เรย์แบบ 1 มติ ทิ จ่ี ัดเกบ็ ข้อมลู แบบ
แถวลาดบั

ขน้ั สอน
 ผู้สอนอธิบายรูปแบบและหลักการทางานของอาร์เรย์ 2 มิติ พร้อมยกตัวอย่างประกอบ
(เอกสารประกอบการสอนหนา้ ท่ี 222)
 ผู้สอนและผ้เู รยี นสรปุ รปู แบบและหลักการทางานของอาร์เรย์ 2 มิติ
 ผู้เรียนปฏิบัติการเขียนโปรแกรมตามตัวอย่างท่ี 5.2 (เอกสารประกอบการสอนหน้าที่ 223)
และสรปุ ผลการปฏิบัติดังกลา่ ว
 ผู้สอนมอบหมายผู้เรียนทาใบแบบฝึกหัดระหว่างเรียนที่ 5.2 เรื่องอาร์เรย์ 2 มิติ (เอกสาร
ประกอบการสอนหนา้ ท่ี 225) เพื่อส่งเสรมิ การเรยี นรรู้ ะหวา่ งเรยี นของผเู้ รียน

ข้ันสรุป
 ผู้สอนและผเู้ รียนร่วมกันสรปุ เนอ้ื หาเกีย่ วกับ อารเ์ รย์ 2 มติ ิ

สอ่ื /อปุ กรณ์
 เครอ่ื งคอมพิวเตอร์และอปุ กรณต์ อ่ พ่วง
 เครอื่ งฉายโปรเจคเตอร์
 เอกสารประกอบการสอน วชิ าพืน้ ฐานการเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์
 Google classroom
 ใบตรวจสอบรายช่อื นักเรียน

97

ผลงาน/หลักฐาน
 แบบทดสอบกอ่ นเรยี นหนว่ ยท่ี 5

 ตวั อยา่ งโปรแกรมท่ี 5.2

 ใบแบบฝกึ หดั ระหว่างเรียนท่ี 5.2 เร่อื งอาร์เรย์ 2 มติ ิ

 ใบบันทึกพฤติกรรมการเรียนและการทางาน
เคร่อื งมอื และวิธีการวัดผล

 แบบทดสอบหลังเรียนหน่วยที่ 5 (เอกสารประกอบการสอนหน้าท่ี 229) คะแนนเต็ม 10
คะแนน

 ใบแบบฝึกหัดระหว่างเรียนท่ี 5.2 เรื่องอาร์เรย์ 2 มิติ (เอกสารประกอบการสอนหน้าท่ี 225)
คะแนนเต็ม 10 คะแนน

 ใบบันทึกพฤติกรรมการเรียนและการทางาน (เอกสารประกอบการสอนหน้าที่ 229)
คะแนนเต็ม 10 คะแนน

8. เกณฑ์การตัดสนิ

การวัดประเมินผลแต่ละครัง้ ต้องผ่านเกณฑ์ ร้อยละ 60 ของคะแนนเต็ม แล้วนาคะแนนรวมมาตดั สิน

ผลการเรยี นตามเกณฑด์ ังนี้

การประเมินผลแบบอิงเกณฑ์

คะแนนการประเมนิ ตั้งแตร่ ้อยละ 80 ขึ้นไป ระดบั ผลการเรยี น 4.0

คะแนนการประเมินตัง้ แต่ร้อยละ 75-79.99 ระดบั ผลการเรียน 3.5

คะแนนการประเมินตัง้ แต่รอ้ ยละ 70-74.99 ระดบั ผลการเรยี น 3.0

คะแนนการประเมนิ ต้งั แตร่ อ้ ยละ 65-69.99 ระดับผลการเรียน 2.5

คะแนนการประเมนิ ตงั้ แต่รอ้ ยละ 60-64.99 ระดบั ผลการเรยี น 2.0

คะแนนการประเมนิ ตัง้ แต่ร้อยละ 55-59.99 ระดบั ผลการเรียน 1.5

คะแนนการประเมินต้งั แตร่ อ้ ยละ 50-54.99 ระดับผลการเรียน 1.0

คะแนนการประเมินตา่ กว่ารอ้ ยละ 49.99 ลงไป ระดบั ผลการเรียน 0


Click to View FlipBook Version