The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

วิชาพิ้นฐานการเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by 6020121240, 2021-03-03 21:45:05

แผนการสอนปรับปรุง 2563

วิชาพิ้นฐานการเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์

98

9. เครอื่ งมือวัดประเมิณผล ลกั ษณะของข้อมูล
เคร่อื งมือ
ใช้สอบวัดความรู้ ความเข้าใจความสามารถทาง
แบบทดสอบก่อนเรยี น สติปัญญาพน้ื ฐานของผู้เรยี นกอ่ นเรียน
แบบทดสอบหลังเรียน
ใบแบบฝกึ หัดระหวา่ งเรยี น ใช้สอบวัดความรู้ ความเข้าใจ ความสามารถทาง
สตปิ ญั ญาของผูเ้ รียนหลังเรียน
ใบบนั ทึกพฤติกรรมการเรยี นและการทางาน
เป็นแบบฝึกปฏิบัติเพ่ือส่งเสริมการเรียนรู้ระหว่าง
แบบประเมินผลงานดว้ ยเกณฑ์ให้คะแนน เรยี นของผูเ้ รียน
(scoring rubrics)
ใช้สังเกตพฤติกรรมด้านคุณธรรม คุณลักษณะ ทักษะ
การปฏิบัติงานท่ีผู้สังเกตได้กาหนดไว้โดยผู้ถูกสังเกต
รูต้ วั หรือไมร่ ูต้ วั กไ็ ด้

เป็นเคร่ืองมือท่ีใช้ในการประเมินคุณภาพผลงาน
การปฏิบัติงาน โดยมีคาอธิบายคุณภาพของงานในแต่
ระดับ หรือมีตัวชี้วัดผลงานในแต่ละส่วนแต่ระดับไว้
อยา่ งชัดเจน

10. แบบประเมินใบแบบฝึกหดั ระหวา่ งเรยี นหน่วยท่ี 5 อาร์เรย์ (Array)
10.1. แบบประเมินใบแบบฝกึ หดั ระหว่างเรยี นท่ี 5.1 เรอ่ื ง อารเ์ รย์ 1 มติ ิ
เขียนโปรแกรมหาค่าตัวเลขสูงสุดและค่าตัวเลขต่าสุดในจานวนตัวเลข 5 จานวนโดยใช้

อาร์เรย์ 1 มติ ใิ นการเกบ็ ขอ้ มูลดงั กลา่ วด้วยภาษาซี
10.2. แบบประเมนิ ใบแบบฝกึ หัดระหว่างเรยี นที่ 5.2 เรือ่ ง อารเ์ รย์ 2 มิติ
นาโปรแกรมจากใบงานท่ี 4.1 ข้อท่ี 2 มาพัฒนาการเก็บข้อมูลแบบตัวแปรชุดท่ีสามารถสั่ง

เครอื่ งดื่มไดท้ ี่ละหลายๆ รายการ โดยใช้อาร์เรย์ 2 มติ ใิ นการเก็บข้อมลดู ังกล่าวด้วยภาษาซี

เกณฑ์การประเมิน ผล/ขนาด คะแนน ตัวคูณ เตม็ คะแนน
ท่ีทาได้ ทไ่ี ด้
ที่ รายการประเมนิ

1 Input
2 Process
3 output
4 เวลาในการปฏิบตั งิ าน
5 ไม่มผี ลงาน

99

เกณฑก์ ารให้คะแนน 10 Objective Valuation 10
6 คะแนน 7
Subjective Valuation 1 3
คะแนน 0 1

น้าหนักความสาคญั

ความสาคัญ ตวั คณู คะแนนเต็ม

มากทส่ี ุด 5 50
มาก 40
ปานกลาง 4 30
นอ้ ย 20
นอ้ ยท่ีสดุ 3 10

2

1

เวลาในการปฏิบตั ิงาน 1
คะแนนเตม็ 2
3
4
5

90-100 A ดีมาก
80-89 B ดี
70-79 C ใชไ้ ด้
60-69 D
50-59 F พอใช้
ไม่ผา่ น

หมายเหตุ
1. จะเพิ่มเฉพาะผ้ทู ่ีไดค้ ะแนนจากการสอบเกนิ 75% เทา่ นั้น
2. ในแตล่ ะ 3 % ของเวลาทีเ่ ร็วหรอื ชา้ กว่าเวลาทีก่ าหนด จะเพ่ิมหรือลด 1 คะแนน

100

แบบทดสอบกอ่ นเรยี น

คาชแี้ จง้
1. แบบทดสอบฉบับน้ีมีจานวน 10 ข้อ ข้อละ 1 คะแนน คะแนนเตม็ 10 คะแนน เวลา 20 นาที
2. แบบทดสอบนเ้ี ปน็ แบบเลอื กตอบ
3. จงทาเครอ่ื งหมาย x ลงในกระดาษคาตอบที่ถกู ต้องท่สี ดุ เพียงข้อเดยี ว

1. ข้อใดกล่าวถกู ต้องเก่ยี วกบั ตวั แปรแบบอาเรย์ในการจดั เก็บข้อมูลชนิด integer
ก. เก็บขอ้ มลู เปน็ ชดุ ตัวอกั ษร
ข. เก็บขอ้ มลู เปน็ ตัวเลขจานวนเต็ม
ค. เก็บขอ้ มลู เปน็ ตวั เลขจานวนจริง
ง. เกบ็ ขอ้ มลู ไดท้ ุกชนดิ

2. หมายเลขตาแหน่งแรกของอารเ์ รย์ท่ใี ชใ้ นการอ้างอิงเร่มิ ต้นด้วยคา่ ใด
ก. 3
ข. 2
ค. 1
ง. 0

3. int salary[3] คอื อาร์เรย์กีม่ ติ ิ
ก. 1 มิติ
ข. 2 มิติ
ค. 3 มิติ
ง. 4 มิติ

4. รหัสพเิ ศษใดต่อไปนี้ ท่จี ะนามาใชเ้ พื่อบอกจดุ สิ้นสดุ ของข้อความ
ก. \t
ข. \0
ค. \n
ง. \a

5. ข้อใดกล่าวถึงอารเ์ รย์ 2 มิติไดถ้ ูกตอ้ ง
ก. รูปวงกลมซ้อนกนั หลายช้นั
ข. ตน้ ไมท้ ี่มกี ง่ิ แยกตามลาต้น
ค. ห้องแถว 3 แถว 3 ชน้ั
ง. รปู สเี่ หล่ียม

101

6. การอ้างองิ ตาแหน่งในอาร์เรย์ ขอ้ ใดกล่าวถกู ต้อง
ก. จะใช้เลขดัชนี (Index) หรือที่เรียนกวา่ ซบั สคริปต์ (Subscript) ในการอ้างอิงตาแหนง่ ของอารเ์ รย์
ข. จะใช้ตัวเลขจานวนเตม็ ในการอา้ งองิ ตาแหนง่ ของอาร์เรย์
ค. จะใช้ตัวอกั ษร ในการอ้างอิงตาแหน่งของอาร์เรย์
ง. จะใช้ตวั เลขจานวนจรงิ ในการอา้ งอิงตาแหน่งของอาร์เรย์

7. short salary[3] = {25000,30000,50000] อยากทราบว่าค่าของอารเ์ รยต์ าแหน่งอ้างอิงที่ [2] ข้อใด
ถูกต้อง

ก. 25000
ข. 30000
ค. 50000
ง. 0
8. ต้องการประกาศตัวแปรอาร์เรย์ 1 มิติ เพือ่ จัดเกบ็ ข้อมูลตวั เลขจานวนเตม็ จานวน 5 ตวั จะต้องเขียน
ชดุ คาสั่งอย่างไร
ก. float num[5];
ข. float num[5] [5];
ค. int num[5] [5];
ง. int num[5];
9. การกาหนดค่าใหก้ ับตวั แปรอารเ์ รย์ ขอ้ ใดถูกตอ้ ง
ก. char name[5] = “Thai”;
ข. int num = {45};
ค. float num[3] ={30,40, ‘T’};
ง. short name [5] = ‘abc’
10. ต้องการประกาศตัวแปร number เปน็ อารเ์ รย์ชนดิ ตวั เลขทศนิยม ขนาด 2 X 2 ตอ้ งเขยี นชดุ คาสงั่ อยา่ งไร
ก. int number[2,2];
ข. float number[2][2];
ค. int number[2][2];
ง. float number[2,2];

102

แบบทดสอบหลงั เรยี น

คาช้แี จ้ง
1. แบบทดสอบฉบบั นี้มีจานวน 10 ขอ้ ข้อละ 1 คะแนน คะแนนเต็ม 10 คะแนน เวลา 20 นาที
2. แบบทดสอบนีเ้ ปน็ แบบเลอื กตอบ
3. จงทาเครื่องหมาย x ลงในกระดาษคาตอบท่ีถกู ต้องทสี่ ุดเพยี งข้อเดยี ว

1. หมายเลขตาแหนง่ แรกของอารเ์ รย์ ท่ใี ช้ในการอา้ งองิ เริ่มตน้ ด้วยคา่ ใด
ก. 0
ข. 1
ค. 2
ง. 3

2. การอ้างองิ ตาแหน่งในอารเ์ รย์ ข้อใดกลา่ วถูกต้อง
ก. จะใชต้ ัวอกั ษร ในการอ้างอิงตาแหน่งของอารเ์ รย์
ข. จะใชต้ ัวเลขจานวนเตม็ ในการอ้างองิ ตาแหนง่ ของอารเ์ รย์
ค. จะใชต้ วั เลขจานวนจรงิ ในการอ้างอิงตาแหนง่ ของอารเ์ รย์
ง. จะใช้เลขดชั นี (Index) หรือที่เรยี นกวา่ ซบั สครปิ ต์ (Subscript) ในการอ้างอิงตาแหนง่ ของอาร์เรย์

3. การกาหนดค่าใหก้ ับตัวแปรอาร์เรย์ ข้อใดถูกต้อง
ก. int num = {45};
ข. short name [5] = ‘abc’;
ค. char name[5] = “Thai”;
ง. float num[3] ={30,40, ‘T’};

4. ข้อใดกลา่ วถูกต้องเกย่ี วกับตัวแปรแบบอาเรย์ในการจดั เก็บข้อมลู ชนิด integer
ก. เก็บข้อมูลเปน็ ตัวเลขจานวนเตม็
ข. เก็บข้อมูลได้ทกุ ชนดิ
ค. เก็บข้อมลู เป็นตัวเลขจานวนจริง
ง. เกบ็ ข้อมูลเป็นชดุ ตวั อกั ษร

5. int salary[3] คือ อาร์เรย์ก่ีมติ ิ
ก. 4 มิติ
ข. 3 มิติ
ค. 2 มิติ
ง. 1 มิติ

103

6. ตอ้ งการประกาศตวั แปรอาร์เรย์ 1 มิติ เพือ่ จัดเกบ็ ข้อมูลตัวเลขจานวนเต็มจานวน 5 ตัว จะต้องเขียน
ชุดคาสง่ั อยา่ งไร

ก. float num[5];
ข. int nub[5];
ค. int num[5] [5];
ง. float num[5] [5];
7. ขอ้ ใดกล่าวถงึ อารเ์ รย์ 2 มิติได้ถูกตอ้ ง
ก. รปู วงกลมซอ้ นกันหลายชน้ั
ข. ต้นไม้ท่มี ีกง่ิ แยกตามลาตน้
ค. หอ้ งแถว 3 แถว 3 ชัน้
ง. รูปสี่เหลย่ี ม
8. ต้องการประกาศตวั แปร number เป็นอารเ์ รยช์ นดิ ตัวเลขทศนิยม ขนาด 2 X 2 ตอ้ งเขียนชุดคาสัง่ อย่างไร
ก. float number[2,2];
ข. int number[2,2];
ค. int number[2][2];
ง. float number[2][2];
9. short salary[3] = {25000,30000,50000] อยากทราบวา่ คา่ ของอารเ์ รย์ตาแหน่งอ้างอิงที่ [2] ข้อใด
ถูกต้อง
ง. 0
ข. 25000
ค. 30000
ง. 50000
10. รหัสพเิ ศษใดต่อไปนี้ ท่ีจะนามาใช้เพื่อบอกจดุ ส้ินสดุ ของข้อความ
ก. \0
ข. \t
ค. \n
ง. \a

104

กระดาษคาตอบแบบทดสอบกอ่ นเรียน
หนว่ ยที่ 5 อารเ์ รย์ (Array)

รหัสนกั ศึกษา.....................................ชอ่ื – นามสกลุ .................................................ระดบั .............กลมุ่ ......

แบบทดสอบกอ่ นเรยี น

ขอ้ ก ข ค ง
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10

เกณฑ์การประเมิน

คะแนน ระดับคณุ ภาพ ผลการประเมิน

8-10 ดีมาก ระดับคุณภาพ คือ
5-7 พอใช้
0-4 ปรบั ปรุง o ดมี าก
o พอใช้
คะแนนเต็ม 10 คะแนน o ปรับปรุง
คะแนนท่ไี ด้ คือ...........

105

กระดาษคาตอบแบบทดสอบหลังเรียน
หน่วยท่ี 5 อารเ์ รย์ (Array)

รหัสนกั ศึกษา.....................................ชอ่ื – นามสกุล .................................................ระดบั .............กลมุ่ ......

แบบทดสอบหลังเรียน

ข้อ ก ข ค ง
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10

เกณฑก์ ารประเมิน

คะแนน ระดับคณุ ภาพ ผลการประเมิน

8-10 ดมี าก ระดับคุณภาพ คือ
5-7 พอใช้
0-4 ปรับปรงุ o ดมี าก
o พอใช้
คะแนนเต็ม 10 คะแนน o ปรับปรุง
คะแนนทีไ่ ด้ คือ...........

106

เฉลยคาตอบแบบทดสอบก่อนเรยี นและแบบทดสอบหลังเรยี น
หนว่ ยที่ 5 อาร์เรย์ (Array)

แบบทดสอบกอ่ นเรียน แบบทดสอบหลังเรยี น

ขอ้ ก ข ค ง ข้อ ก ข ค ง
1 1
2 2
3 3
4 4
5 5
6 6
7 7
8 8
9 9
10  10 

107

ใบบันทึกผลคะแนนแบบฝึกหดั ระหวา่ งเรยี น
หน่วยที่ 5 อาร์เรย์ (Array)

ระดบั ช้นั ................. กลุ่ม ....................... แผนกวชิ า..................................................

ลาดบั รหสั นักศึกษา ช่อื -สกุล แบบ ึฝกหัดระห ่วางเ ีรยนท่ี 5.1
ที่ แบบ ึฝกหัดระห ่วางเ ีรยนที่ 5.2
คะแนนรวม

10 10 20

ลงชอ่ื .....................................................ครูผูส้ อน
(นายพงศธร บารงุ บ้าน)

108

ใบบนั ทึกผลคะแนนแบบทดสอบก่อนเรียนและแบบทดสอบหลังเรียน
หน่วยท่ี 5 อาร์เรย์ (Array)

ระดับช้ัน................. กลุ่ม ....................... แผนกวิชา..................................................

ลาดบั รหสั นักศึกษา ชอื่ -สกุล คะแนน คะแนน ผลการ
ท่ี ก่อนเรียน หลงั เรียน ประเมิน
(10 คะแนน) (10 คะแนน) (ผา่ น/ไมผ่ ่าน)

รวม
รวมเฉลี่ย
เฉล่ียร้อยละ

เกณฑ์การประเมนิ กอ่ นเรยี น

คะแนน ระดับคุณภาพ คะแนนเต็ม 10 คะแนน ระดบั คุณภาพ คอื
คะแนนทีไ่ ด.้ ..................
8-10 ดมี าก o ดีมาก
5-7 พอใช้ o พอใช้
0-4 ปรบั ปรุง o ปรบั ปรงุ

ลงช่ือ.....................................................ครูผ้สู อน
(นายพงศธร บารุงบา้ น)

109

ใบบันทึกพฤตกิ รรมการเรยี นและการทางาน
ระดับช้ัน................. กลมุ่ ....................... แผนกวิชา..................................................

คาช้ีแจง ให้ผู้สอนทาเครื่องหมาย หรือ  ตามพฤติกรรมการเรียนและการทางานของผู้เรียน
ในใบประเมินพฤติกรรมการเรยี น และการทางาน

เกณฑ์การให้คะแนน หมายถึง นกั เรียนมพี ฤติกรรมตามที่กาหนด
ปฏบิ ัติได้ () 1 คะแนน หมายถึง นกั เรียนไม่มีพฤติกรรมตามที่กาหนด
ไม่ปฏิบัติ () 0 คะแนน

มวี ินัย ใฝเ่ รียนรู้ มีคณุ ธรรม มีจิตอาสา
(3 คะแนน) (3 คะแนน) (2 คะแนน) (2 คะแนน)

ลาดับ ชอื่ -สกุล 1.1 เข้าเรียนตรงเวลา
ท่ี 1.2 แ ่ตงกายถูก ้ตองตามระเ ีบยบ
1.3 ทางานเ ็ปนระเ ีบยบ
2.1 ีมความพร้อม ในการเ ีรยน
2.2 มีความกระตือรือร้น
2.3 ใฝ่หาความรู้
3.1 มีความซ่ือสัตย์
3.2 ีมระเบียบ ิว ันย
4.1 ีม ุอดมการณ์ในส่ิง ่ีทดีงามเ ื่พอส่วนรวม
4.2 ่ชวยเหลือ ้ผูอ่ืนแสดง ึถงความมี ้นาใจ
รวมคะแนน (10 คะแนน)

110

แบบบนั ทึกหลังสอน

1. ผลการใชแ้ ผนการสอนเปน็ อย่างไร

…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

2. ผลการเรียนของนักเรยี นเป็นอยา่ งไร

…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

3. ผลการสอนของครเู ปน็ อย่างไร

…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

ลงชอ่ื ...............................................................

(นายพงศธร บารงุ บ้าน)
ครผู สู้ อน

ลงช่อื ...............................................................

(.....................................................)
รองผูอ้ านวยการ ฝา่ ยวิชาการ

111

แผนการจัดการเรียนรู้และการประเมินตามสภาพจรงิ หน่วยท่ี 6
ช่ือหน่วย ฟังก์ชันและพอยน์เตอร์
สอนคร้ังที่ 17-18
ชั่วโมงรวม 6

จานวนชั่วโมง 3

1. หน่วยการเรยี นรู้ ฟังก์ชันและพอยน์เตอร์

2. จานวนชว่ั โมง 6 ชั่วโมง

3. จดุ ประสงค์การเรียนรู้ประจาหนว่ ย
3.1 สามารถอธบิ ายหลกั การทางานของฟังก์ชันในรูปแบบต่าง ๆ ได้ถูกต้อง
3.2 สามารถเขยี นโปรแกรมภาษาซี ในลกั ษณะโมดลู หรือฟังก์ชันยอ่ ย ๆ ได้ถกู ต้อง
3.3 สามารถอธิบายตวั แปรชนดิ พอยน์เตอร์ได้ถูกตอ้ ง

4. สมรรถนะประจาหนว่ ย
4.1 แสดงความรูเ้ กีย่ วกบั ฟงั ก์ชนั ในรูปแบบตา่ ง ๆ
4.2 แสดงความร้เู กย่ี วกบั ตวั แปรพอยน์เตอร์

5. เนือ้ หา
5.1 ฟงั ก์ชนั (Function) (เอกสารประกอบการเรียนการสอน หน้า 252)
5.2 พอยน์เตอร์ (เอกสารประกอบการเรยี นการสอน หนา้ 263)

112

6. กาหนดเกณฑก์ ารปฏิบตั ิตามสมรรถนะ

สมรรถนะ เกณฑป์ ฏบิ ตั ิ (Performance criteria)

1. แสดงความร้เู ก่ยี วกบั ฟงั ก์ชนั ในรูปแบบ ผเู้ รียน
ต่าง ๆ 1.1 อธิบายหลักการทางานของฟังก์ชันในรูปแบบต่าง ๆ

ดงั นี้
- ฟังก์ชันที่ไม่มีการส่งผ่านค่าใด ๆ กลับไปยังฟังก์ชัน

โดยใชค้ าวา่ void
- ฟังก์ชันท่ีมีการส่งค่าทางเดียว เป็นฟังก์ชันในการรับ

ค่าโดยการส่งผ่านอาร์กิวเมนต์ และจะไม่มีการคืนค่าใด ๆ
กลบั ไปภายหลังเสรจ็ สิ้นการทางาน

- ฟังก์ชันที่ส่งผ่านค่าและคืนค่ากลับ เป็นฟังก์ชันที่มี
การคืนคา่ กลบั ออกไปจากฟังกช์ นั

1.2 เขียนโปรแกรมด้วยภาษาซีโดยมีลักษณะเป็นโมดูล
หรือฟงั ก์ชัน

2. แสดงความรู้เก่ยี วกบั ตวั แปรพอยน์เตอร์ ผเู้ รียน
2.1 อธิบายตัวแปรชนิดพอยน์เตอร์ไดถ้ กู ตอ้ ง

113

7. กจิ กรรมการเรียนการสอน
ครั้งที่ 17 จานวน 3 ชม.
ใบเนื้อหาท่ี 14 เร่อื ง ฟงั กช์ ัน (Function) (เอกสารประกอบการสอนหน้าท่ี 252)
ขนั้ เข้าสบู่ ทเรียน
 ทดสอบกอ่ นเรียนหน่วยที่ 6 จานวน 10 ขอ้
 ผสู้ อนทบทวนบทเรียนครง้ั ท่ี 16 โดยวธิ ีการถาม-ตอบ
 ผู้สอนนาเข้าสู่บทเรียน โดยกล่าวถึงรูปแบบการเขียนโปรแกรมท่ีผ่านน้ันไม่ได้มีการแตก
กระบวนการออกเป็นโมดูลย่อย ซึ่งพบว่าชุดคาสั่งทั้งหมดจะอยู่ภายในฟังก์ชัน main()
ซึ่งหากมีกระบวนการที่ต้องทาซ้า ผู้เขียนโปรแกรมต้องเขียนชุดคาส่ังนั้นซ้าอีกคร้ัง ส่งผลให้
เกิดความซ้าซ้อน ดังน้ันในบทนี้ จะกล่าวถึงการเขียนโปรแกรมเสียใหม่ ด้วยการแตกการ
ทางานออกเปน็ โมดลู หรอื ท่เี รยี กวา่ ฟงั ก์ชัน น้นั เอง
ขน้ั สอน
 ผู้สอนอธิบายฟังก์ชันท่ีไม่มีการส่งผ่านค่าใด ๆ พร้อมยกตัวอย่างประกอบ (เอกสาร
ประกอบการสอนหน้าท่ี 252)
 ผู้สอนและผเู้ รยี นสรปุ ฟังก์ชนั ทไี่ ม่มีการส่งผ่านคา่ ใด ๆ
 ผู้เรียนปฏิบัติการเขียนโปรแกรมตามตัวอย่างท่ี 6.1 (เอกสารประกอบการสอนหน้าที่ 253)
และสรปุ ผลการปฏิบัตดิ ังกลา่ ว
 ผู้สอนอธิบายฟังกง์ชันท่ีมีการส่งค่าทางเดียว พร้อมยกตัวอย่างประกอบ (เอกสาร
ประกอบการสอนหนา้ ที่ 254)
 ผู้สอนและผู้เรียนสรปุ ฟงั กง์ชันทม่ี กี ารสง่ คา่ ทางเดยี ว
 ผู้เรียนปฏิบัติการเขียนโปรแกรมตามตัวอย่างท่ี 6.2 (เอกสารประกอบการสอนหน้าท่ี 254)
และสรุปผลการปฏบิ ตั ดิ งั กล่าว
 ผู้สอนอธิบายฟังก์ชันท่ีส่งผ่านค่า และคืนค่ากลับ พร้อมยกตัวอย่างประกอบ (เอกสาร
ประกอบการสอนหน้าที่ 256)
 ผู้สอนและผเู้ รยี นสรปุ ฟงั ก์ชันท่ีสง่ ผา่ นค่า และคืนค่ากลับ
 ผู้เรียนปฏิบัติการเขียนโปรแกรมตามตัวอย่างท่ี 6.3 (เอกสารประกอบการสอนหน้าที่ 256)
และสรุปผลการปฏบิ ัตดิ ังกล่าว
 ผู้สอนมอบหมายผู้เรียนทาใบแบบฝึกหัดระหว่างเรียนที่ 6.1 เร่ืองฟังก์ชัน (Function)
(เอกสารประกอบการสอนหน้าท่ี 259) เพื่อส่งเสรมิ การเรยี นรรู้ ะหวา่ งเรียนของผ้เู รียน
ขน้ั สรุป
 ผู้สอนและผเู้ รยี นรว่ มกันสรปุ เนื้อหาเก่ยี วกับฟังกช์ ัน (Function)
สอ่ื /อุปกรณ์
 เคร่ืองคอมพวิ เตอรแ์ ละอปุ กรณ์ต่อพว่ ง

114

 เครือ่ งฉายโปรเจคเตอร์
 เอกสารประกอบการสอน วิชาพน้ื ฐานการเขียนโปรแกรมคอมพวิ เตอร์
 Google classroom
 ใบตรวจสอบรายชือ่ นักเรยี น
ผลงาน/หลกั ฐาน
 แบบทดสอบกอ่ นเรยี นหนว่ ยท่ี 6
 ตวั อย่างโปรแกรมท่ี 6.1-6.3
 ใบแบบฝึกหดั ระหว่างเรยี นท่ี 6.1 เรอ่ื งฟังก์ชนั (Function)
 ใบบนั ทึกพฤติกรรมการเรียนและการทางาน
เครอ่ื งมือและวธิ กี ารวัดผล
 แบบทดสอบก่อนเรียนหน่วยท่ี 6 (เอกสารประกอบการสอนหน้าท่ี 250) คะแนนเต็ม 10

คะแนน
 ใบแบบฝึกหัดระหวา่ งเรียนท่ี 6.1 เรื่องฟังก์ชัน (Function) (เอกสารประกอบการสอนหน้าที่

259) คะแนนเตม็ 10 คะแนน
 ใบบันทึกพฤติกรรมการเรียนและการทางาน (เอกสารประกอบการสอนหน้าที่ 269)

คะแนนเต็ม 10 คะแนน

ครงั้ ท่ี 18 จานวน 3 ชม.
ใบเนอ้ื หาที่ 15 เร่ือง พอยนเ์ ตอร์ (Pointers) (เอกสารประกอบการสอนหนา้ ท่ี 263)

ขน้ั เขา้ สบู่ ทเรียน
 ผูส้ อนทบทวนบทเรียนครั้งท่ี 17 ดว้ ยวธิ ถี าม-ตอบ
 ผู้สอนนาเข้าสูบ่ ทเรยี น โดยกล่าวถงึ ตัวแปรในภาษาซี ท่ีสามารถเข้าถงึ หรอื ช้ีไปยงั ที่อยู่ของ
หนว่ ยความจาได้โดยตรงนั้นคือ ตวั แปรชนิดพอยนเ์ ตอร์ (Pointer) ซึง่ หาพบไดย้ ากใน
ภาษาระดับสูงทวั่ ไป

ขน้ั สอน
 ผู้สอนอธิบายรูปแบบและหลักการทางานของตัวแปรชนิดพอยน์เตอร์ (Pointer) พร้อม
ยกตวั อยา่ งประกอบ(เอกสารประกอบการสอนหนา้ ท่ี 263)
 ผสู้ อนและผ้เู รียนสรุปรปู แบบและหลักการทางานของตัวแปรชนดิ พอยน์เตอร์ (Pointer)
 ผู้เรียนปฏิบัติการเขียนโปรแกรมตามตัวอย่างที่ 6.4-6.5 (เอกสารประกอบการสอนหน้าที่
264-265) และสรุปผลการปฏบิ ตั ดิ งั กลา่ ว
 ผู้สอนมอบหมายผู้เรียนทาใบแบบฝึกหัดระหว่างเรียนท่ี 6.2 เรื่องพอยน์เตอร์ (เอกสาร
ประกอบการสอนหนา้ ที่ 266) เพอื่ ส่งเสริมการเรยี นร้รู ะหว่างเรยี นของผเู้ รยี น
 ผู้สอนมอบหมายให้ผ้เู รยี นทาแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธ์ทิ างการเรียนหลังเรยี นจานวน 50 ขอ้

115

ขัน้ สรุป
 ผสู้ อนและผูเ้ รียนร่วมกันสรปุ เนอ้ื หาเก่ยี วกบั พอยน์เตอร์

สอ่ื /อุปกรณ์
 เครอ่ื งคอมพวิ เตอรแ์ ละอุปกรณ์ตอ่ พว่ ง

 เครอ่ื งฉายโปรเจคเตอร์
 เอกสารประกอบการสอน วชิ าพืน้ ฐานการเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์
 Google classroom
 ใบตรวจสอบรายชอ่ื นักเรียน
ผลงาน/หลักฐาน
 แบบทดสอบหลังเรียนหน่วยท่ี 6

 ตวั อย่างโปรแกรมที่ 6.4-6.5
 ใบแบบฝกึ หัดระหวา่ งเรยี นที่ 6.2 เร่อื งพอยนเ์ ตอร์
 ใบบันทึกพฤติกรรมการเรยี นและการทางาน
เครอื่ งมือและวธิ กี ารวดั ผล
 แบบทดสอบหลังเรียนหน่วยที่ 6 (เอกสารประกอบการสอนหน้าที่ 267) คะแนนเต็ม 10

คะแนน
 ใบแบบฝึกหัดระหว่างเรียนท่ี 6.2 เรื่องพอยน์เตอร์ (เอกสารประกอบการสอนหน้าที่ 266)

คะแนนเต็ม 10 คะแนน
 ใบบันทึกพฤติกรรมการเรียนและการทางาน (เอกสารประกอบการสอนหน้าที่ 269)

คะแนนเต็ม 10 คะแนน

8. เกณฑ์การตัดสนิ

การวดั ประเมินผลแต่ละคร้งั ต้องผ่านเกณฑ์ ร้อยละ 60 ของคะแนนเต็ม แลว้ นาคะแนนรวมมาตดั สิน

ผลการเรียนตามเกณฑ์ดังน้ี

การประเมินผลแบบอิงเกณฑ์

คะแนนการประเมินตั้งแตร่ ้อยละ 80 ขึน้ ไป ระดับผลการเรยี น 4.0

คะแนนการประเมนิ ตง้ั แต่ร้อยละ 75-79.99 ระดับผลการเรยี น 3.5

คะแนนการประเมนิ ตง้ั แต่รอ้ ยละ 70-74.99 ระดบั ผลการเรยี น 3.0

คะแนนการประเมินตงั้ แต่ร้อยละ 65-69.99 ระดับผลการเรยี น 2.5

คะแนนการประเมินต้ังแต่ร้อยละ 60-64.99 ระดับผลการเรียน 2.0

คะแนนการประเมนิ ต้ังแตร่ ้อยละ 55-59.99 ระดับผลการเรียน 1.5

คะแนนการประเมินตัง้ แต่รอ้ ยละ 50-54.99 ระดับผลการเรยี น 1.0

คะแนนการประเมนิ ต่ากว่าร้อยละ 49.99 ลงไป ระดับผลการเรยี น 0

116

9. เครือ่ งมือวดั ประเมณิ ผล ลักษณะของข้อมูล
เคร่อื งมอื
ใช้สอบวัดความรู้ ความเข้าใจความสามารถทาง
แบบทดสอบกอ่ นเรียน สตปิ ัญญาพนื้ ฐานของผเู้ รียนกอ่ นเรียน
แบบทดสอบหลงั เรยี น
ใบแบบฝกึ หดั ระหว่างเรียน ใช้สอบวัดความรู้ ความเข้าใจ ความสามารถทาง
สตปิ ัญญาของผ้เู รยี นหลงั เรยี น
ใบบนั ทกึ พฤติกรรมการเรียนและการทางาน
เป็นแบบฝึกปฏิบัติเพ่ือส่งเสริมการเรียนรู้ระหว่าง
แบบประเมนิ ผลงานด้วยเกณฑ์ให้คะแนน เรยี นของผู้เรียน
(scoring rubrics)
ใช้สังเกตพฤติกรรมด้านคุณธรรม คุณลักษณะ ทักษะ
การปฏิบัติงานท่ีผู้สังเกตได้กาหนดไว้โดยผู้ถูกสังเกต
รตู้ วั หรอื ไม่รู้ตวั กไ็ ด้

เป็นเครื่องมือท่ีใช้ในการประเมินคุณภาพผลงาน
การปฏิบัติงาน โดยมีคาอธิบายคุณภาพของงานในแต่
ระดับ หรือมีตัวชี้วัดผลงานในแต่ละส่วนแต่ระดับไว้
อย่างชดั เจน

10. แบบประเมินแบบฝึกหัดระหว่างเรียนหน่วยที่ 6 ฟงั ก์ชนั และพอยนเ์ ตอร์
10.1 แบบประเมินใบแบบฝึกหัดระหว่างเรียนที่ 6.1 เรอื่ ง ฟงั ก์ชัน

เกณฑก์ ารประเมิน
ข้อท่ี 1 นาโปรแกรมจากแบบฝึกปฏิบตั ทิ ่ี 5.2 มาพฒั นาการเขยี นโปรแกรมดว้ ยฟงั ก์ชัน

ท่ี รายการประเมนิ ผล/ขนาด คะแนน ตวั คูณ เต็ม คะแนน
1 Input ทที่ าได้ ท่ไี ด้

2 Process

3 output

4 เวลาในการปฏิบตั ิงาน
5 ไมม่ ีผลงาน

117

เกณฑ์การใหค้ ะแนน

Subjective Valuation 10 Objective Valuation 10
คะแนน 6 คะแนน 7
1 3
0 1
0

น้าหนกั ความสาคญั

ความสาคัญ ตัวคูณ คะแนนเต็ม

มากท่ีสุด 5 50
มาก 40
ปานกลาง 4 30
นอ้ ย 20
นอ้ ยทส่ี ดุ 3 10

2

1

เวลาในการปฏบิ ตั ิงาน 1
คะแนนเตม็ 2
3
4
5

90-100 A ดีมาก
80-89 B ดี
70-79 C ใช้ได้
60-69 D
50-59 F พอใช้
ไม่ผ่าน

หมายเหตุ
1. จะเพิม่ เฉพาะผูท้ ่ีได้คะแนนจากการสอบเกิน 75% เทา่ นั้น
2. ในแต่ละ 3 % ของเวลาท่เี ร็วหรอื ชา้ กว่าเวลาท่ีกาหนด จะเพิ่มหรือลด 1 คะแนน

118

10.2 แบบประเมนิ ใบแบบฝึกหดั ระหว่างเรียนที่ 6.2 เรอื่ ง พอยน์เตอร์ เกณฑก์ ารให้
คะแนน
รายการ 1
2
ขอ้ 1 อธิบายความหมายของตัวแปรพอยน์เตอร์ (Pointers) ได้ถูกต้อง 2
ข้อ 2 อธบิ ายตามโจทยท์ ี่กาหนดไดถ้ ูกต้อง 5
ข้อ 3 อธิบายตามโจทย์ที่กาหนดไดถ้ ูกต้อง

รวม

119

แบบทดสอบกอ่ นเรียน

คาช้แี จง้
1. แบบทดสอบฉบบั นี้มีจานวน 10 ขอ้ ข้อละ 1 คะแนน คะแนนเต็ม 10 คะแนน เวลา 20 นาที
2. แบบทดสอบนเ้ี ปน็ แบบเลอื กตอบ
3. จงทาเครื่องหมาย x ลงในกระดาษคาตอบท่ีถูกต้องทสี่ ดุ เพียงข้อเดยี ว

1. ข้อใดต่อไปนี้ มใิ ช่ จดุ ประสงคข์ องการเขยี นโปรแกรมมแบบโมดลู
ก. เพ่ือลดความซบั ซ้อนของโปรแกรม
ข. เพ่ือให้การตรวจสอบทาได้งา่ ยข้ึน
ค. เพื่อให้การแกไ้ ขโปรแกรมทาได้งา่ ย
ง. เพอ่ื ใหม้ องเห็นภาพการทางานของโปรแกรม

2. กรณีท่ีไมต่ ้องการให้ฟงั ก์ชนั main() คืนค่าใด ๆ ควรระบขุ ้อมลู ชนิดใดต่อไปนี้
ก. void
ข. int
ค. float
ง. char

3. ขอ้ ใดต่อไปนี้ เปน็ การเรยี กใช้งานฟังก์ชนั ท่ีไม่มกี ารสง่ ผา่ นค่าใด ๆ
ก. menu();
ข. menu(ch);
ค. ans = number(30);
ง. int menu();

4. ข้อใดต่อไปน้ี เป็นการสร้างฟงั ก์ชนั ต้นแบบทม่ี ีการสง่ ค่าและคืนค่ากลบั
ก. int change (int a)
ข. void change (int a)
ค. int change (void)
ง. void change (void)

5. ขอ้ ใดต่อไปน้ี เป็นการสรา้ งฟังก์ชันต้นแบบที่มีการสง่ คา่ ผ่านทางเดยี ว
ก. float money (float m)
ข. float money (void)
ค. void money (int m)
ง. int money ();

120

6. ค่าทีเ่ ก็บอย่ใู นตวั แปรพอยน์เตอร์ คือค่าใด
ก. คา่ คงที่ ที่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงคา่ ได้
ข. ค่าข้อมูล ทสี่ ามารถเปล่ียนแปลงคา่ ได้
ค. ตาแหน่งที่อยู่ของตวั แปรตัวอน่ื
ง. ตัวแปรชนดิ เลขจานวนเตม็

7. เคร่ืองหมาย & มคี วามหมายตรงตามข้อใด
ก. ค่าที่บรรจอุ ยใู่ นแอดเดรสนัน้
ข. คา่ ของที่เก็บไวใ้ นตวั แปร
ค. ที่อยู่ของ (Address of)
ง. คา่ ของตัวแปร

8. ข้อใดประกาศตัวแปรชนิดพอยนเ์ ตอร์ ได้ถกู ต้อง
ก. &p
ข. *p
ค. #p
ง. @p

9. กาหนดให้
float num = 4.00;
float * p;
p = #
printf (“Value of num is %.2f”, *p) ;

ข้อใดใหผ้ ลลัพธ์ท่ีถูกต้อง
ก. Value of num is 9290
ข. Value of num is 242A
ค. Value of num is 4
ง. Value of num is 4.00

10. ข้อใด ไม่ใช่ ตวั แปรชนดิ พอยนเ์ ตอร์
ก. int *p
ข. float *p
ค. short p
ง. short *p

121

แบบทดสอบหลังเรยี น

คาชี้แจง้
1. แบบทดสอบฉบับน้ีมีจานวน 10 ข้อ ข้อละ 1 คะแนน คะแนนเต็ม 10 คะแนน เวลา 20 นาที
2. แบบทดสอบน้เี ปน็ แบบเลือกตอบ
3. จงทาเครอื่ งหมาย x ลงในกระดาษคาตอบท่ีถกู ต้องทสี่ ดุ เพียงข้อเดยี ว

1. ขอ้ ใด ไม่ใช่ ตวั แปรชนดิ พอยน์เตอร์
ก. short p
ข. int *p
ค. float *p
ง. short *p

2. เครอ่ื งหมาย & มคี วามหมายตรงตามข้อใด
ก. คา่ ของตัวแปร
ข. ทอ่ี ยู่ของ (Address of)
ค. ค่าของที่เกบ็ ไว้ในตวั แปร
ง. ค่าทบ่ี รรจุอยใู่ นแอดเดรสนั้น

3. ขอ้ ใดต่อไปนี้ เปน็ การสร้างฟังกช์ ันตน้ แบบทมี่ ีการสง่ คา่ ผ่านทางเดยี ว
ก. float money (float m)
ข. float money (void)
ค. void money (int m)
ง. void money ()

4. ข้อใดต่อไปนี้ มใิ ช่ จุดประสงคข์ องการเขียนโปรแกรมมแบบโมดลู
ก. เพือ่ ให้มองเหน็ ภาพการทางานของโปรแกรม
ข. เพ่ือให้การแก้ไขโปรแกรมทาได้งา่ ย
ค. เพื่อลดความซับซ้อนของโปรแกรม
ง. เพอื่ ให้การตรวจสอบทาได้งา่ ยขึ้น

5. กาหนดให้ float num = 4.00 ; printf (“Value of num is %.2f”, *(&num)) ; ข้อใดใหผ้ ลลัพธ์ที่ถกู ต้อง
ก. Value of num is 242A
ข. Value of num is 9290
ค. Value of num is 4.00
ง. Value of num is 4

122

6. ข้อใดประกาศตัวแปรชนิดพอยนเ์ ตอร์ ได้ถกู ต้อง
ก. #p
ข. &p
ค. *p
ง. @p

7. ขอ้ ใดต่อไปนี้ เปน็ การสรา้ งฟังกช์ ันตน้ แบบท่มี ีการสง่ คา่ และคนื ค่ากลับ
ก. void change (void)
ข. void change (int a)
ค. int change (void)
ง. int change (int a)

8. กรณีท่ไี ม่ตอ้ งการให้ฟงั กช์ นั main() คนื ค่าใด ๆ ควรระบขุ อ้ มลู ชนดิ ใดตอ่ ไปน้ี
ก. int
ข. void
ค. float
ง. char

9. คา่ ท่เี ก็บอยใู่ นตวั แปรพอยนเ์ ตอร์คือคา่ ใด
ก. ค่าคงท่ี ที่ไม่สามารถเปล่ยี นแปลงค่าได้
ข. คา่ ขอ้ มลู ท่ีสามารถเปล่ียนแปลงค่าได้
ค. ตาแหน่งท่ีอยู่ของตัวแปรตัวอ่นื
ง. ตวั แปรชนิดเลขจานวนเตม็

10. ขอ้ ใดต่อไปนี้ เปน็ การเรยี กใช้งานฟังกช์ นั ท่ไี ม่มีการสง่ ผา่ นคา่ ใด ๆ
ก. ans = number(30);
ข. void menu()
ค. menu(ch);
ง. menu();

123

กระดาษคาตอบแบบทดสอบก่อนเรียน
หนว่ ยท่ี 6 ฟังกช์ นั และพอยนเ์ ตอร์
รหัสนักศึกษา.....................................ชื่อ – นามสกุล .................................................ระดบั .............กลมุ่ ......

แบบทดสอบก่อนเรยี น

ข้อ ก ข ค ง
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10

เกณฑ์การประเมิน

คะแนน ระดบั คุณภาพ ผลการประเมิน

8-10 ดีมาก ระดบั คณุ ภาพ คือ
5-7 พอใช้
0-4 ปรบั ปรุง o ดมี าก
o พอใช้
คะแนนเต็ม 10 คะแนน o ปรับปรงุ
คะแนนทไี่ ด้ คือ...........

124

กระดาษคาตอบแบบทดสอบหลงั เรยี น
หนว่ ยท่ี 6 ฟังกช์ นั และพอยน์เตอร์
รหัสนักศึกษา.....................................ชื่อ – นามสกุล .................................................ระดบั .............กลมุ่ ......

แบบทดสอบหลังเรียน

ข้อ ก ข ค ง
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10

เกณฑ์การประเมิน

คะแนน ระดบั คุณภาพ ผลการประเมิน

8-10 ดีมาก ระดบั คณุ ภาพ คือ
5-7 พอใช้
0-4 ปรบั ปรุง o ดมี าก
o พอใช้
คะแนนเต็ม 10 คะแนน o ปรับปรงุ
คะแนนทไี่ ด้ คือ...........

125

เฉลยคาตอบแบบทดสอบกอ่ นเรยี นและแบบทดสอบหลังเรยี น
หน่วยที่ 6 ฟังก์ชัน และพอยน์เตอร์

แบบทดสอบก่อนเรยี น แบบทดสอบหลังเรยี น

ข้อ ก ข ค ง ข้อ ก ข ค ง
1 1
2 2
3 3
4 4
5 5
6 6
7 7
8 8
9 9
10  10 

126

ใบบันทกึ ผลคะแนนแบบฝกึ หดั ระหว่างเรยี น
หนว่ ยที่ 6 ฟังก์ชัน และพอยน์เตอร์

ระดับชั้น................. กล่มุ ....................... แผนกวิชา..................................................

ลาดับ รหสั นกั ศกึ ษา ชอื่ -สกุล แบบ ึฝกหัดระห ่วางเ ีรยนท่ี 6.1
ที่ แบบ ึฝกหัดระห ่วางเ ีรยนที่ 6.2
คะแนนรวม

10 10 20

ลงช่ือ.....................................................ครูผู้สอน
(นายพงศธร บารุงบา้ น)

127

ใบบันทกึ ผลคะแนนแบบทดสอบก่อนเรียนและแบบทดสอบหลังเรยี น
หนว่ ยท่ี 6 ฟังก์ชนั และพอยนเ์ ตอร์

ระดับช้ัน................. กลุ่ม ....................... แผนกวชิ า..................................................

ลาดับ รหสั นักศึกษา ช่ือ-สกุล คะแนน คะแนน ผลการ
ท่ี ก่อนเรยี น หลงั เรยี น ประเมิน
(10 คะแนน) (10 คะแนน) (ผา่ น/ไมผ่ า่ น)

รวม
รวมเฉล่ีย
เฉลี่ยร้อยละ

เกณฑก์ ารประเมินกอ่ นเรียน

คะแนน ระดบั คณุ ภาพ คะแนนเต็ม 10 คะแนน ระดบั คุณภาพ คือ
คะแนนทไี่ ด.้ ..................
8-10 ดมี าก o ดีมาก
5-7 พอใช้ o พอใช้
0-4 ปรบั ปรงุ o ปรบั ปรุง

ลงชือ่ .....................................................ครผู ูส้ อน
(นายพงศธร บารุงบ้าน)

128

ใบบนั ทึกพฤติกรรมการเรยี นและการทางาน
ระดับช้ัน................. กลมุ่ ....................... แผนกวชิ า..................................................

คาช้ีแจง ให้ผู้สอนทาเครื่องหมาย หรือ  ตามพฤติกรรมการเรียนและการทางานของผู้เรียน
ในใบประเมินพฤติกรรมการเรยี น และการทางาน

เกณฑ์การให้คะแนน หมายถงึ นักเรยี นมพี ฤตกิ รรมตามที่กาหนด
ปฏบิ ัติได้ () 1 คะแนน หมายถงึ นกั เรียนไม่มพี ฤติกรรมตามที่กาหนด
ไม่ปฏิบัติ () 0 คะแนน

มวี ินัย ใฝเ่ รยี นรู้ มีคณุ ธรรม มีจิตอาสา
(3 คะแนน) (3 คะแนน) (2 คะแนน) (2 คะแนน)

ลาดับ ชอื่ -สกุล 1.1 เข้าเรียนตรงเวลา
ท่ี 1.2 แ ่ตงกายถูก ้ตองตามระเ ีบยบ
1.3 ทางานเ ็ปนระเ ีบยบ
2.1 ีมความพร้อม ในการเ ีรยน
2.2 มีความกระตือรือร้น
2.3 ใฝ่หาความรู้
3.1 มีความซ่ือสัตย์
3.2 ีมระเบียบ ิว ันย
4.1 ีม ุอดมการณ์ในส่ิง ่ีทดีงามเ ื่พอส่วนรวม
4.2 ่ชวยเหลือ ้ผูอ่ืนแสดง ึถงความมี ้นาใจ
รวมคะแนน (10 คะแนน)

129

แบบบนั ทึกหลังสอน

1. ผลการใชแ้ ผนการสอนเปน็ อย่างไร

…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

2. ผลการเรียนของนักเรยี นเป็นอยา่ งไร

…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

3. ผลการสอนของครเู ปน็ อย่างไร

…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

ลงชอ่ื ...............................................................

(นายพงศธร บารงุ บ้าน)
ครผู สู้ อน

ลงช่อื ...............................................................

(.....................................................)
รองผูอ้ านวยการ ฝา่ ยวิชาการ

130

131

วทิ ยาลัยเทคนคิ ปัตตานี

แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธ์ิทางการเรยี นกอ่ นเรียน
รายวิชาพน้ื ฐานการเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์ (1-2-2) รหัสวิชา 3128-0006 (พ.ศ 2557)
(ปรบั ปรุง พ.ศ. 2563 รายวิชาการเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์ (1-2-2) รหัสวิชา 30128-0006)
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
คาชี้แจง
1. แบบทดสอบฉบบั น้ีมีจำนวน 50 ข้อ ข้อละ 1 คะแนน คะแนนเต็ม 50 คะแนน เวลำ 1:30 ช่ัวโมง
2. แบบทดสอบน้ีเปน็ แบบเลือกตอบ
3. จงทำเครือ่ งหมำย x ลงในกระดำษคำตอบท่ีถกู ท่สี ุดเพยี งข้อเดียว

1. ขอ้ ใดต่อไปน้ี คือขอ้ หำ้ มในกำรตงั้ ชื่อตวั แปรในภำษำซี
ก. ขึ้นต้นดว้ ยตัวเลข
ข. ตวั อกั ษร
ค. ตัวอักษรตำมดว้ ยตวั เลข
ง. ตวั อกั ษรตำมดว้ ยเครอื่ งหมำย _ (underscore)

2. ประกำศตวั แปร int score = 80 จำกนพิ จน์ (score >=80) && (score <=100) ผลลพั ธต์ ำมขอ้ ใดถกู ต้อง
ก. 0
ข. 1
ค. 3
ง. 4

3. ตัวดำเนนิ กำรใดตอ่ ไปน้ี มีลำดบั ควำมสำคญั สูงสดุ
ก. ( ) เครื่องหมำยวงเล็บ
ข. * เครอ่ื งหมำยคูณ
ค. + เครือ่ งหมำยบวก
ง. / เคร่อื งหมำยหำร

4. หำกต้องกำรส่ังพิมพ์ข้อควำมโดยให้ตัวแปร s มีค่ำเป็น “Hello word” ต้องใช้รหัสรูปแบบข้อมูล
ตำมขอ้ ใด

ก. %d
ข. %u
ค. %s
ง. %c

132

5. เม่ือมีกำรเรียกใช้งำนฟังก์ชันแสดงผล printf() และกำรรับข้อมูล scanf() ผู้เขียนโปรแกรมต้องประกำศ
ใช้งำนเฮดเดอรไ์ ฟล์ใดต่อไปน้ี

ก. #include<conio.h>
ข. #include<stdio.h>
ค. #include<math.h>
ง. #include “hello.h”
6. ขอ้ ใดตอ่ ไปนี้ กลำ่ วถงึ ตวั แปรและค่ำคงท่ีไดถ้ กู ต้องทส่ี ดุ
ก. ข้อมูลท่ีเก็บไว้ในตัวแปรนั้นไม่สำมำรถเปล่ียนแปลงได้ แต่ตัวแปรค่ำคงที่น้ันสำมำรถเปลี่ยนแปลง
คำ่ ได้เสมอระหว่ำงกำรประมวลผล
ข. ข้อมูลท่ีเก็บไว้ในตัวแปรและตัวแปรค่ำคงท่ีนั้นสำมำรถเปลย่ี นแปลงค่ำไดต้ ลอดกำรทำงำนของกำร
ประมวลผล
ค. ข้อมูลท่ีเก็บไว้ในตัวแปรน้ันสำมำรถเปลี่ยนแปลงได้เสมอในระหว่ำงกำรประมวลผล แต่ตัวแปร
คำ่ คงทนี่ ั้นไมส่ ำมำรถเปลย่ี นแปลงได้
ง. ข้อมูลท่ีเก็บไว้ในตัวแปรและตัวแปรค่ำคงที่น้ันไม่สำมำรถเปล่ียนแปลงค่ำได้ตลอดกำรทำงำนของ
กำรประมวลผล
7. ขอ้ ใดต่อไปนี้ ไมใ่ ช่ คำสั่งกำรทำแบบวนรอบ
ก. while()
ข. do…while()
ค. for()
ง. if…else
8. ต้องกำรประกำศตัวแปรอำร์เรย์ 1 มิติ เพ่ือจัดเก็บข้อมูลตัวเลขจำนวนเต็มจำนวน 5 ตัวต้องเขียนชุดคำสั่ง
อยำ่ งไร
ก. float num[5];
ข. float num[5] [5];
ค. int num[5] [5];
ง. int num[5];
9. ขอ้ ใดต่อไปน้ี เป็นกำรสรำ้ งฟังกช์ ันต้นแบบทม่ี ีกำรสง่ ค่ำและคืนคำ่ กลบั
ก. int change (int a)
ข. void change (int a)
ค. int change (void)
ง. void change (void)

133

10. รหสั รูปแบบข้อมูลใด ท่นี ำมำใช้กับเลขจำนวนเต็มแบบมเี ครื่องหมำย
ก. %d
ข. %u
ค. %s
ง. %c

11. ขอ้ ใดกลำ่ วถกู ต้องเกี่ยวกบั ตัวดำเนินกำรเพ่ิมคำ่ และลดคำ่ ทีละหนึ่ง
ก. ตวั ดำเนนิ กำรทั้งสองจัดเป็นตัวดำเนินกำรแบบเงอ่ื นไข
ข. a++ และ ++a มีควำมหมำยเดียวกบั a = a+1
ค. ใช้เพอ่ื กำรทดสอบคำ่ นิพจนท์ ำงตรรกะวำ่ จริงหรือเท็จ
ง. เปน็ ตวั ดำเนินกำรเปรียบเทียบคำ่

12. ข้อใดต่อไปนี้ เปน็ กำรเขียนอธบิ ำยโปรแกรม (comment) ได้ถูกต้อง
ก. #My first program
ข. /* Comment */
ค. /*My first program
ง. // Comment //

13. โปรแกรมแปลภำษำชนดิ ใด ทม่ี ีลกั ษณะกำรแปลทงั้ โปรแกรมหำกพบขอ้ ผิดพลำดจะต้องทำกำรแกไ้ ขให้
ถกู ต้องจนกระท้งั ไม่พบข้อผิดพลำด โปรแกรมนั้นจึงจะทำงำนได้

ก. คอมไพลเลอร์
ข. อนิ เตอร์พรเี ตอร์
ค. ดบี ก๊ั เกอร์
ง. ดบี ัก
14. ข้อใดต่อไปน้ี ไม่ใช่ สว่ นประกอบหลกั ของโครงสร้ำงภำษำซี
ก. ส่วนของคำอธิบำยโปรแกรม (Program Comment)
ข. สว่ นประมวลผลกอ่ น (Preprocessor Directive)
ค. ส่วนฟังก์ชันหลัก (Main Function)
ง. ส่วนคอมไพเลอร์ (Compiler)
15. ช่ือตัวแปรในภำษำซขี ้อใดถูกตอ้ ง
ก. variable_1
ข. 2varable
ค. variable 2
ง. variable!

134

16. ฟงั ก์ชนั ใดต่อไปนีใ้ ชเ้ พื่อรับอักขระหรือตวั อักษรหน่ึงตัว โดยไม่ต้องกดป่มุ Enter
ก. getche( )
ข. scanf( )
ค. getch( )
ง. getchar( )

17. ประโยคคำส่ัง switch ( ) ภำยใน case ของแต่ละกรณีจำเป็นต้องใช้คำส่ังใดต่อไปนี้เพื่อหยุดกำรทำงำน
ภำยใน case น้ัน ๆ

ก. ( )
ข. include
ค. break
ง. default
18. กำรอำ้ งอิงตำแหน่งในอำรเ์ รย์ ข้อใดกลำ่ วถูกต้อง
ก. จะใช้เลขดัชนี (Index) หรือทเ่ี รียนกวำ่ ซบั สคริปต์ (Subscript) ในกำรอ้ำงอิงตำแหนง่ ของอำรเ์ รย์
ข. จะใชต้ วั เลขจำนวนเตม็ ในกำรอ้ำงอิงตำแหนง่ ของอำร์เรย์
ค. จะใชต้ วั อกั ษร ในกำรอำ้ งองิ ตำแหน่งของอำร์เรย์
ง. ถูกทุกข้อที่กล่ำวมำ
19. ชดุ คำสัง่ วนรอบประเภทใดต่อไปนี้ อำจไมไ่ ด้รบั กำรประมวล
ก. while()
ข. do…while()
ค. for()
ง. ไม่มีขอ้ ใดถกู
20. คำสั่งเงอื่ นไขแบบสองทำงเลอื กมรี ปู แบบตรงตำมข้อใดต่อไปน้ี
ก. switch ( )
ข. if ()
ค. if-else
ง. if-else-if
21. ข้อใดต่อไปน้ี ไม่ใช่ ข้นั ตอนกำรพัฒนำโปรแกรม
ก. กำรออกแบบโปรแกรม
ข. กำรวิเครำะหป์ ญั หำ
ค. กำรทดสอบโปรแกรม
ง. กำรประกำศตวั แปร

135

22. . กำหนดให้
float num = 4.00;
float * p;
p = &num;
printf (“Value of num is %.2f”, *p) ;

ข้อใดใหผ้ ลลัพธท์ ถี่ ูกตอ้ ง
ก. Value of num is 9290
ข. Value of num is 242A
ค. Value of num is 4
ง. Value of num is 4.00

23. ตอ้ งกำรสงั่ พิมพค์ ำ่ ตวั เลขพร้อมทศนยิ ม 2 ตำแหนง่ ต้องเขยี นชุดคำสง่ั อย่ำงไร
ก. printf(“%.2f”,3.14);
ข. printf(“%.3f”,3.141);
ค. printf(“3.141”);
ง. printf(“%f”,3.141);

24. ประโยคเงื่อนไข if ตำมข้อใดถูกตอ้ ง
ก. if(score >= 50 and score <=59)
Grade = ‘D’;
ข. if(score >=60 or score <=69
Grade = ‘C’;
ค. if(score >=70 && score <=79)
Grade = ‘B’;
ง. if(score >=80 && <=100)
Grade = ‘A’;

25. ถ้ำต้องกำรประกำศตัวแปร number เป็นอำร์เรย์ชนิดตัวเลขทศนิยม ขนำด 2X2 ต้องเขียนชุดคำส่ัง
อยำ่ งไร

ก. float number[2,2];
ข. float number[2][2];
ค. int number[2][2];
ง. int number[2,2];
26. ขอ้ ใดตอ่ ไปนี้ เป็นกำรเรียกใชง้ ำนฟังกช์ นั ที่ไม่มกี ำรสง่ ผ่ำนคำ่ ใด ๆ
ก. menu();
ข. menu(ch);
ค. ans = number(30);
ง. int menu();

136

27. หำกต้องกำรเขยี นโปรแกรมทเ่ี ป็นเมนใู หเ้ ลอื ก ควรใชค้ ำสง่ั ควบคมุ เง่ือนไขชนดิ ใดจึงจะเหมำะสมท่สี ุด
ก. if( )
ข. switch( )
ค. for( )
ง. while( )

28. หำกต้องกำรข้นึ บรรทัดใหม่ จะตอ้ งเขยี นชุดคำสัง่ อย่ำงไร
ก. printf(“\a”);
ข. printf(“\n”);
ค. printf(“\f”);
ง. printf(“\t”);

29. ข้อใดตอ่ ไปน้ีกลำ่ วถกู ต้องเก่ยี วชนดิ ข้อมูล integer
ก. ข้อมลู ชนดิ ตวั อกั ษร
ข. ขอ้ มูลชนดิ เลขจำนวนเต็ม
ค. ข้อมลู ชนิดเลขจำนวนจริง
ง. ขอ้ มูลชนิดเลขจำนวนจรงิ 2 เท่ำ

30. โปรแกรมภำษำซีใชต้ ัวแปลภำษำชนิดใด
ก. Compiler
ข. Translator
ค. Assembler
ง. Interpreter

31. ชดุ คำส่ังลูปประเภทใดตอ่ ไปนี้ อำจไม่ได้รบั กำรประมวลก็ได้
ก. while( )
ข. do…while( )
ค. for( )
ง. if…else

32. ข้อใดกล่ำวถึงอำรเ์ รย์ 2 มิตไิ ดถ้ กู ต้อง
ก. รูปวงกลมซ้อนกันหลำยชนั้
ข. ต้นไม้ทมี่ ีกิง่ แยกตำมลำตน้
ค. หอ้ งแถว 3 แถว 3 ชน้ั
ง. รปู ส่เี หล่ยี ม

33. ข้อใดประกำศตัวแปรชนิดพอยน์เตอร์ ไดถ้ ูกตอ้ ง
ก. &p
ข. *p
ค. #p
ง. @p

137

34. short salary[3] = {25000,30000,50000] อยำกทรำบว่ำค่ำของอำร์เรย์ตำแหน่งอ้ำงอิงท่ี [2] ข้อใด
ถกู ต้อง

ก. 25000
ข. 30000
ค. 50000
ง. 0
35. ข้อใดตอ่ ไปน้ี ไม่ใช่ จุดประสงคข์ องกำรเขยี นโปรแกรมมแบบโมดลู
ก. เพ่ือลดควำมซบั ซอ้ นของโปรแกรม
ข. เพ่อื ใหก้ ำรตรวจสอบทำได้ง่ำยข้ึน
ค. เพื่อใหก้ ำรแก้ไขโปรแกรมทำไดง้ ่ำย
ง. เพ่อื ให้มองเหน็ ภำพกำรทำงำนของโปรแกรม
36. คำสั่งกำรทำงำนแบบวนรอบคำสั่งใดตอ่ ไปนี้จะทำงำนก่อน 1 รอบเสมอ
ก. while( )
ข. do…while( )
ค. for( )
ง. if…else
37. ขอ้ ใดบอกควำมหมำยของตัวแปรในภำษำซีได้ถูกต้องที่สดุ
ก. ตวั แปรท่สี รำ้ งขน้ึ เพือ่ ใชเ้ ก็บขอ้ มูลและใชง้ ำนในโปรแกรม
ข. ตวั แปรที่สร้ำงขน้ึ เพอ่ื ให้โปรแกรมสำมำรถทำงำนได้
ค. ตัวแปรทีส่ รำ้ งข้ึนเพอื่ นำไปใชใ้ นกำรเขียนโปรแกรม
ง. ตัวแปรท่ีสร้ำงขึ้นจำกฟงั กช์ ันในภำษำซี
38. ชนดิ ขอ้ มลู แบบ char จะต้องอยูภ่ ำยในเครื่องหมำยใดต่อไปน้ี
ก. “ ”
ข. /* */
ค. ‘ ’
ง. & &
39. ในกำรเขยี นโปรแกรมคอมพิวเตอรด์ ว้ ยภำษำซี อย่ำงนอ้ ยต้องมี 1 ฟังกช์ นั อยำกทรำบวำ่ เปน็ ฟังก์ชันใด
ก. printf ( )
ข. Scanf ( )
ค. main ( )
ง. #include ( )

138

40. ขอ้ ใดต่อไปนี้ กล่ำวถงึ รปู แบบของคำสั่งกำรทำงำนแบบวนรอบ for ไดถ้ ูกต้องทสี่ ดุ
ก. for(ค่ำเร่ิมต้น; เง่ือนไข; เพ่ิมขึน้ /ลดลง)
ข. for(เงอ่ื นไข; ค่ำเร่ิมต้น; เพิ่มขึน้ /ลดลง)
ค. for(ค่ำเรม่ิ ต้น; เพิ่มข้นึ /ลดลง; เงื่อนไข)
ง. for(คำ่ เรมิ่ ตน้ ; คำ่ สิน้ สดุ ; เพิม่ ข้ึน/ลดลง)

41. ค่ำท่เี ก็บอย่ใู นตวั แปรพอยนเ์ ตอร์คือคำ่ ใด
ก. ค่ำคงท่ี ทีไ่ มส่ ำมำรถเปลย่ี นแปลงคำ่ ได้
ข. ค่ำขอ้ มลู ท่สี ำมำรถเปลี่ยนแปลงคำ่ ได้
ค. ตำแหนง่ ท่อี ย่ขู องตวั แปรตัวอน่ื
ง. ตวั แปรชนดิ เลขจำนวนเตม็

42. ภำษำซี ถกู พฒั นำโดยใคร
ก. Dennis Ritchie
ข. Perter Norton
ค. Martin Richards
ง. Ken Thompson

43. หำกตอ้ งกำรกำหนดตัวแปรทเ่ี อำไว้เก็บเลขจำนวนทศนยิ ม ไม่เกิน 6 หลัก ควรกำหนดเปน็ ชนดิ ขอ้ มลู ใด
ก. int
ข. float
ค. long
ง. double

44. ฟงั ก์ชันใดต่อไปน้ี ไม่ใช่ ฟงั กช์ นั เพอื่ กำรรบั ข้อมลู
ก. scanf()
ข. getche()
ค. putchar()
ง. getch()

45. รหัสพิเศษใดต่อไปน้ี ทจี่ ะนำมำใช้เพื่อบอกจุดสนิ้ สุดของข้อควำม
ก. \t
ข. \0
ค. \n
ง. \a

46. ฟังกช์ นั ใดต่อไปน้ี เป็นฟงั กช์ ันเพ่ือกำรแสดงผล
ก. putchar()
ข. printf()
ค. scanf
ง. ถูกทัง้ ขอ้ ก. และ ข.

139

47. ภำษำซีจัดอย่ใู นภำษำระดบั ใด
ก. ภำษำระดบั ตำ่
ข. ภำษำระดับกลำง
ค. ภำษำระดับสูง
ง. ภำษำเครอ่ื ง

48. หมำยเลขตำแหนง่ แรกของอำรเ์ รย์ทใ่ี ช้ในกำรอ้ำงอิงเร่ิมต้นด้วยค่ำใดตอ่ ไปนี้
ก. 0
ข. 1
ค. 2
ง. 3

49. int salary[3] คืออำรเ์ รยก์ มี่ ิติ
ก. 1 มติ ิ
ข. 2 มติ ิ
ค. 3 มติ ิ
ง. 4 มิติ

50. คำสัง่ ภำยใน switch ( ) คำสัง่ ใดมลี กั ษณะกำรทำงำนเหมอื นคำสัง่ else ในประโยคเง่อื นไข
ก. else
ข. default
ค. break
ง. include

140

เฉลยแบบทดสอบวดั ผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนกอ่ นเรียน
รายวิชาพ้นื ฐานการเขยี นโปรแกรมคอมพิวเตอร์ (1-2-2) รหสั วชิ า 3128-0006 (พ.ศ. 2557)
ปรับปรงุ (พ.ศ. 2563) รายวิชาการเขยี นโปรแกรมคอมพิวเตอร์ (1-2-2) รหัสวิชา 30128-0006

ข้อ ก ข ค ง ข้อ ก ข ค ง ข้อ ก ข ค ง ขอ้ ก ข ค ง

1  16  31  46 

2  17  32  47 

3  18  33  48 

4  19  34  49 

5  20  35  50 

6  21  36  51

7  22  37  52

8  23  38  53

9 24  39  54

10  25  40  55

11  26  41  56

12  27  42  57

13  28  43  58

14  29  44  59

15  30  45  60

141

วิทยาลยั เทคนิคปัตตานี

แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธ์ิทางการเรยี นหลังเรียน
รายวิชาพ้ืนฐานการเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์ (1-2-2) รหัสวิชา 3128-0006 (พ.ศ 2557)
(ปรบั ปรุง พ.ศ. 2563 รายวิชาการเขยี นโปรแกรมคอมพิวเตอร์ (1-2-2) รหัสวชิ า 30128-0006)
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
คาช้ีแจง
1. แบบทดสอบฉบบั นีม้ ีจำนวน 50 ขอ้ ข้อละ 1 คะแนน คะแนนเต็ม 50 คะแนน เวลำ 1:30 ช่ัวโมง
2. แบบทดสอบน้เี ปน็ แบบเลือกตอบ
3. จงทำเครอื่ งหมำย x ลงในกระดำษคำตอบท่ีถกู ทสี่ ดุ เพยี งข้อเดียว

1. โปรแกรมแปลภำษำชนิดใด ที่มีลักษณะกำรแปลทั้งโปรแกรมหำกพบข้อผิดพลำดจะต้องทำกำรแก้ไข
ใหถ้ ูกต้องจนกระทง้ั ไม่พบข้อผดิ พลำด โปรแกรมนนั้ จึงจะทำงำนได้

ก. คอมไพเลอร์
ข. อนิ เตอร์พรีเตอร์
ค. ดีบ๊ักเกอร์
ง. ดีบกั
2. กำรเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอรด์ ว้ ยภำษำซอี ย่ำงน้อยต้องมี 1 ฟังก์ชันอยำกทรำบว่ำ เป็นฟังกช์ นั ใด
ก. printf( )
ข. Scanf( )
ค. main( )
ง. #include( )
3. โปรแกรมแปลภำษำชนดิ Interpreter มลี ักษณะกำรทำงำนตรงตำมขอ้ ใดมำกทีส่ ดุ
ก. โปรแกรมแปลภำษำชนิด Interpreter จะทำกำรแปลภำษำระดับสูงให้กลำยเป็นภำษำเครื่อง
โดยจะทำกำรแปลคำสง่ั ทีล่ ะบรรทดั หำกไมพ่ บขอ้ ผดิ พลำดใด ๆ คำสงั่ น้ันจะถูกแสดงผลทันที
ข. โปรแกรมแปลภำษำชนิด Interpreter จะทำกำรแปลภำษำเคร่ืองให้กลำยเป็นภำษำระดับสูง
โดยจะทำกำรแปลคำส่ังทงั้ โปรแกรม หำกพบขอ้ ผิดพลำดจะหยดุ กำรทำงำนทันที
ค. โปรแกรมแปลภำษำชนิด Interpreter จะทำกำรแปลภำษำระดับสูงให้กลำยเป็นภำษำธรรมชำติ
หำกพบขอ้ ผิดพลำดจะหยุดทำงำนทนั ที
ง. โปรแกรมแปลภำษำชนิด Interpreter จะทำกำรแปลภำษำธรรมชำติให้กลำยเป็นภำษำเคร่ือง
หำกพบขอ้ ผดิ พลำดจะหยดุ ทำงำนทนั ที

142

4. ภำษำซี ถูกพัฒนำโดยใคร
ก. Dennis Ritchie
ข. Perter Norton
ค. Martin Richards
ง. Ken Thompson

5. ขอ้ ใดตอ่ ไปน้ี ไม่ใช่ สว่ นประกอบหลกั ของโครงสร้ำงภำษำซี
ก. ส่วนของคำอธบิ ำยโปรแกรม (Program Comment)
ข. สว่ นประมวลผลก่อน (Preprocessor Directive)
ค. สว่ นฟังกช์ ันหลกั (Main Function)
ง. ส่วนคอมไพเลอร์ (Compiler)

6. ส่วนของคำอธบิ ำยโปรแกรมตำมโครงสร้ำงของภำษำซี ขอ้ ใดเขยี นไดถ้ กู ต้อง
ก. #My first program
ข. /* Comment */
ค. /*My first program
ง. // Comment //

7. ภำษำซจี ัดอยู่ในภำษำระดับใด
ก. ภำษำระดบั สงู
ข. ภำษำระดับกลำง
ค. ภำษำระดับต่ำ
ง. ภำษำเครอื่ ง

8. ขอ้ ใดต่อไปนี้ ไม่ใช่ ข้นั ตอนกำรพฒั นำโปรแกรม
ก. กำรออกแบบโปรแกรม
ข. กำรวิเครำะหป์ ญั หำ
ค. กำรทดสอบโปรแกรม
ง. กำรประกำศตวั แปร

9. ชนิดข้อมูลแบบ char จะต้องอยภู่ ำยในเครอื่ งหมำยใดตอ่ ไปนี้
ก. “ ”
ข. /* */
ค. ‘ ’
ง. & &

10. ช่อื ตัวแปรในภำษำซีข้อใดถูกตอ้ ง
ก. variable_1
ข. 2varable
ค. variable 2
ง. variable!

143

11. ตัวดำเนนิ กำรใดต่อไปนี้ มีลำดบั ควำมสำคัญสูงสดุ
ก. ( ) เครอ่ื งหมำยวงเลบ็
ข. * เครอ่ื งหมำยคูณ
ค. + เครื่องหมำยบวก
ง. / เครอื่ งหมำยหำร

12. ข้อใดตอ่ ไปน้กี ลำ่ วถูกตอ้ งเกีย่ วชนดิ ข้อมูล integer
ก. ขอ้ มูลชนิดตวั อกั ษร
ข. ข้อมูลชนิดเลขจำนวนเตม็
ค. ขอ้ มูลชนิดเลขจำนวนจรงิ
ง. ขอ้ มลู ชนิดเลขจำนวนจริง 2 เทำ่

13. ข้อใดตอ่ ไปนี้ กลำ่ วถึงตวั แปรและค่ำคงทีไ่ ดถ้ ูกต้องท่สี ุด
ก. ข้อมูลท่ีเก็บไว้ในตัวแปรนั้นไม่สำมำรถเปล่ียนแปลงได้ แต่ตัวแปรค่ำคงท่ีน้ันสำมำรถเปลี่ยนแปลง

คำ่ ได้เสมอระหวำ่ งกำรประมวลผล
ข. ข้อมูลท่ีเก็บไว้ในตัวแปรและตัวแปรค่ำคงท่ีนั้นสำมำรถเปลี่ยนแปลงค่ำไดต้ ลอดกำรทำงำนของกำร

ประมวลผล
ค. ข้อมูลที่เก็บไว้ในตัวแปรนั้นสำมำรถเปล่ียนแปลงได้เสมอในระหว่ำงกำรประมวลผล แต่ตัวแปร

ค่ำคงท่นี น้ั ไม่สำมำรถเปล่ยี นแปลงได้
ง. ข้อมูลท่ีเก็บไว้ในตัวแปรและตัวแปรค่ำคงท่ีนั้นไม่สำมำรถเปล่ียนแปลงค่ำได้ตลอดกำรทำงำนของ

กำรประมวลผล
14. ประกำศตวั แปร int score = 80 จำกนพิ จน์ (score >=80) && (score <=100) ผลลัพธต์ ำมขอ้ ใดถกู ต้อง

ก. 0
ข. 1
ค. 3
ง. 4
15. หำกต้องกำรกำหนดตัวแปรเพ่ือเก็บเลขจำนวนจริง ที่มีทศนิยมไม่เกิน 6 หลักควรกำหนดชนิดข้อมูลใด
ต่อไปน้ี
ก. int
ข. float
ค. long
ง. double
16. ขอ้ ใดกล่ำวถูกตอ้ งเก่ียวกบั ตัวดำเนินกำรเพิ่มค่ำและลดคำ่ ทีละหนึ่ง
ก. ตวั ดำเนนิ กำรท้ังสอง จดั เปน็ ตวั ดำเนินกำรแบบเง่อื นไข
ข. a++ และ ++a มคี วำมหมำยเดยี วกับ a = a+1
ค. ใชเ้ พอ่ื กำรทดสอบคำ่ นพิ จน์ทำงตรรกะวำ่ จรงิ หรือเทจ็
ง. เป็นตวั ดำเนินกำรเปรยี บเทยี บคำ่

144

17. ขอ้ ใดต่อไปนี้ คือขอ้ หำ้ มในกำรตัง้ ช่อื ตัวแปรในภำษำซี
ก. ข้นึ ต้นด้วยตวั เลข
ข. ตัวอกั ษร
ค. ตวั อกั ษรตำมด้วยตัวเลข
ง. ตัวอกั ษรตำมด้วยเครื่องหมำย _ (underscore)

18. ข้อใดบอกควำมหมำยของตวั แปรในภำษำซีได้ถูกต้องทสี่ ุด
ก. ตวั แปรที่สร้ำงขน้ึ เพอ่ื ใช้เก็บข้อมูลและใช้งำนในโปรแกรม
ข. ตัวแปรที่สร้ำงข้ึนเพือ่ ใหโ้ ปรแกรมสำมำรถทำงำนได้
ค. ตัวแปรท่ีสรำ้ งขึน้ เพื่อนำไปใช้ในกำรเขียนโปรแกรม
ง. ตวั แปรท่ีสรำ้ งขน้ึ จำกฟังก์ชนั ในภำษำซี

19. รหัสรปู แบบขอ้ มูลใด ทน่ี ำมำใช้กับเลขจำนวนเตม็ แบบมเี ครอื่ งหมำย
ก. %d
ข. %u
ค. %s
ง. %c

20. ฟังกช์ นั ใดต่อไปนี้ เป็นฟงั กช์ ันเพอ่ื กำรแสดงผล
ก. putchar()
ข. printf()
ค. scanf
ง. ถูกทงั้ ข้อ ก. และ ข.

21. หำกต้องกำรสั่งพิมพ์ข้อควำม โดยให้ตัวแปร s มีค่ำเป็น “Hello word” ต้องใช้รหัสรูปแบบข้อมูล
ตำมขอ้ ใด

ก. %d
ข. %u
ค. %s
ง. %c
22. ตอ้ งกำรสัง่ พิมพค์ ่ำตวั เลขพรอ้ มทศนิยม 2 ตำแหนง่ ตอ้ งเขียนชุดคำสงั่ อย่ำงไร
ก. printf(“%.2f”,3.14);
ข. printf(“%.3f”,3.141);
ค. printf(“3.141”);
ง. printf(“%f”,3.141);

145

23. หำกต้องกำรขน้ึ บรรทดั ใหม่ จะต้องเขียนชดุ คำสัง่ อย่ำงไร
ก. printf(“\a”);
ข. printf(“\n”);
ค. printf(“\f”);
ง. printf(“\t”);

24. เม่ือมีกำรเรียกใช้งำนฟังก์ชันแสดงผล printf() และกำรรับข้อมูล scanf() ผู้เขียนโปรแกรมต้องประกำศ
ใชง้ ำนเฮดเดอรไ์ ฟลใ์ ดต่อไปน้ี

ก. #include<conio.h>
ข. #include<stdio.h>
ค. #include<math.h>
ง. #include “hello.h”
25. ฟงั ก์ชนั ใดต่อไปน้ี ไมใ่ ช่ ฟงั กช์ นั เพ่อื กำรรับขอ้ มูล
ก. scanf()
ข. getche()
ค. putchar()
ง. getch()
26. ฟงั ก์ชันใดต่อไปนี้ ใชเ้ พอื่ รบั อักขระหรอื ตัวอกั ษรหนงึ่ ตวั โดยไมต่ ้องกดปุ่ม Enter
ก. getche()
ข. scanf()
ค. getch()
ง. getchar()
27. ชุดคำสง่ั วนรอบประเภทใดตอ่ ไปน้ี อำจไมไ่ ดร้ ับกำรประมวล
ก. while()
ข. do…while()
ค. for()
ง. ไม่มีขอ้ ใดถูก
28. ข้อใดต่อไปน้ี กล่ำวถงึ รปู แบบของคำส่งั กำรทำงำนแบบวนรอบ for ได้ถกู ตอ้ งท่สี ดุ
ก. for(คำ่ เรม่ิ ต้น; เงื่อนไข; เพ่ิมขนึ้ /ลดลง)
ข. for(เงอ่ื นไข; คำ่ เร่ิมต้น; เพิม่ ข้นึ /ลดลง)
ค. for(คำ่ เรมิ่ ตน้ ; เพิม่ ข้ึน/ลดลง; เงือ่ นไข)
ง. for(ค่ำเรม่ิ ต้น; ค่ำสน้ิ สุด; เพิม่ ข้ึน/ลดลง)

146

29. หำกตอ้ งกำรเขียนโปรแกรมที่เปน็ เมนูใหเ้ ลอื ก ควรใช้คำสง่ั ควบคมุ เงื่อนไขชนดิ ใดจึงจะเหมำะสมท่สี ดุ
ก. if( )
ข. switch( )
ค. for( )
ง. while( )

30. คำส่ังเงื่อนไขแบบสองทำงเลอื กมรี ปู แบบตรงตำมขอ้ ใดต่อไปน้ี
ก. switch()
ข. if()
ค. if-else
ง. if-else-if

31. ข้อใดตอ่ ไปน้ี เขยี นประโยคคำส่ังกำรทำงำนแบบวนรอบ for ไดถ้ กู ต้อง
ก. for (a=1; a<=10; a++)
ข. for (a=1; a--10; a++)
ค. for (a++; a<=10; a+=1)
ง. for (a=1; a++; a>=1)

32. หมำยเลขตำแหน่งแรกของอำร์เรย์ทใ่ี ช้ในกำรอ้ำงอิงเริ่มตน้ ด้วยคำ่ ใดต่อไปนี้
ก. 0
ข. 1
ค. 2
ง. 3

33. ขอ้ ใดต่อไปน้ี ไมใ่ ช่ คำส่งั กำรทำงำนแบบวนรอบ
ก. while()
ข. do…while()
ค. for()
ง. if…else

34. ประโยคเงอ่ื นไข if ตำมขอ้ ใดถกู ต้อง
ก. if(score >= 50 and score <=59)
Grade = ‘D’;
ข. if(score >=60 or score <=69
Grade = ‘C’;
ค. if(score >=70 && score <=79)
Grade = ‘B’;
ง. if(score >=80 && <=100)
Grade = ‘A’;

147

35. คำสง่ั กำรทำงำนแบบวนรอบคำสง่ั ใดต่อไปน้ี จะทำงำนกอ่ น 1 รอบเสมอ
ก. while( )
ข. do…while( )
ค. for( )
ง. if…else

36. ประโยคคำสั่ง switch( ) ภำยใน case ของแต่ละกรณีจำเป็นต้องใช้คำส่ังใดต่อไปน้ีเพ่ือหยุดกำรทำงำน
ภำยใน case นน้ั ๆ

ก. else
ข. include
ค. break
ง. default
37. คำสั่งภำยใน switch( ) คำส่งั ใดมีลกั ษณะกำรทำงำนเหมือนคำสัง่ else ในประโยคเงอ่ื นไข
ก. else
ข. include
ค. break
ง. default
38. ข้อใดกลำ่ วถึงอำรเ์ รย์ 2 มติ ไิ ดถ้ กู ต้อง
ก. รูปวงกลมซอ้ นกนั หลำยชัน้
ข. ตน้ ไม้ท่มี ีกิ่งแยกตำมลำต้น
ค. หอ้ งแถว 3 แถว 3 ช้ัน
ง. รูปส่เี หลย่ี ม
39. short salary[3] = {25000,30000,50000] อยำกทรำบว่ำค่ำของอำร์เรย์ตำแหน่งอ้ำงอิงที่ [2] ข้อใด
ถกู ตอ้ ง
ก. 25000
ข. 30000
ค. 50000
ง. 0
40. ต้องกำรประกำศตัวแปรอำร์เรย์ 1 มิติ เพื่อจัดเก็บข้อมูลตัวเลขจำนวนเต็มจำนวน 5 ตัว จะต้องเขียน
ชดุ คำสั่งอย่ำงไร
ก. float num[5];
ข. float num[5] [5];
ค. int num[5] [5];
ง. int num[5];


Click to View FlipBook Version