หนังสือเรียน รายวิชาพื้นฐาน ภาษาไทย
ท่องโลก
หลักภาษาไทย
๓ชั้นมัธยมศึกษาปีที่
กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย
ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑
หนังสือเรียน รายวิชาพื้นฐาน ภาษาไทย
ท่องโลกหลักภาษาไทย
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๓
กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย
ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน
พุทธศักราช ๒๕๕๑
คำนำ
หนังสือ ท่องโลกหลักภาษาไทย ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๓ รายวิชาภาษาไทย
สาระการเรียนรู้พื้นฐาน จัดทำขึ้นโดยมีวัตถประสงค์ เพื่อให้นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๓
สามารถค้นคว้าหาความรู้ในเนื้อหาของหลักภาษาไทย มีแบบฝึกหัดพร้อมเฉลยภายในเล่มให้
นักเรียนได้ฝึกทักษะ โดยมุ่งเน้นที่จะพัฒนาทักษะการคิดวิเคราะห์หลักภาษาไทยของนักเรียน
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๓ ตามหลักสูตรแกนกลาง การศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑
ผู้จัดทำตระหนักถึงความสำคัญของหลักภาษาไทย ว่าเป็นสาระที่จำเป็นต้องได้รับ
ความรู้เพิ่มเติม เพื่อให้เกิดความชำนาญ และรู้เนื้อหาอย่างครอบคลุม และนำไปใช้ได้อย่าง
ถูกต้อง จึงได้จัดทำหนังสือเล่มนี้ขึ้นมา โดยมีเนื้อหาและมีแบบฝึกหัดท้ายบท
ทั้งหมด ๖ บท ได้แก่
บทที่ ๑ คำเทศคำไทยใช้ได้คล่อง
บทที่ ๒ ประโยคซับซ้อน ไวยากรณ์น่ารู้
บทที่ ๓ เลือกใช้คำศัพท์ ตามระดับภาษา
บทที่ ๔ ใช้ภาษาอังกฤษ ต้องพิจารณา
บทที่ ๕ คำศัพท์ระดับวิชาการ
บทที่ ๖ ท่วงทำนองของคำโคลง
เนื้อหาและแบบฝึกหัดภายในเล่ม มีความสอดคล้องกับการจัดการเรียนรู้ในสาระการ
เรียนรู้ หลักภาษาไทย ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๓ ซึ่งผู้จัดทำหวังเป็นอย่างยิ่งว่า หนังสือ ท่องโลก
หลักภาษาเล่มนี้ จะช่วยพัฒนาทักษะการคิดวิเคราะห์หลักภาษาไทย ของนักเรียนได้ดียิ่งขึ้น
คณะผู้จัดทำ
สารบัญ หน้า
บทที่ ๑
๙
บทที่ ๑ คำเทศคำไทยใช้ใด้คล่อง ๑๑
แบบทดสอบวัดกึ๋นประจำบท ๑๗
๑๙
บทที่ ๒ ประโยคซับซ้อน ไวยากรณ์น่ารู้ ๒๒
แบบทดสอบวัดกึ๋นประจำบท ๒๔
๒๙
บทที่ ๓ เลือกใช้คำศัพท์ ตามระดับภาษา ๓๑
แบบทดสอบวัดกึ๋นประจำบท ๓๔
๓๗
บทที่ ๔ ใช้ภาษาอังกฤษ ต้องพิจารณา ๔๐
แบบทดสอบวัดกึ๋นประจำบท ๔๔
บทที่ ๕ คำศัพท์ระดับวิชาการ ๖๒
แบบทดสอบวัดกึ๋นประจำบท
บทที่ ๖ ท่วงทำนองของคำโคลง
แบบทดสอบวัดกึ๋นประจำบท
เฉลยแบบทดสอบวัดกึ๋น
บรรณนานุกรม
๑
คำเทศคำไทยใช้ได้คล่อง
๒
คำยืมภาษาต่างประเทย
ในภาษาไทย
คำยืมภาษาต่างประเทศ
การยืมคำภาษาต่างประเทศเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นในทุกภาษาหากมีการติดต่อสื่อสารกับ
คนที่พูดภาษานั้น ๆ คำต่างประเทศแบ่งได้เป็น ๒ กลุ่ม คือ
๑. คำต่างประเทศที่จำเป็นต้องใช้ หากคำต่างประเทศที่ใช้นั้นเป็นคำเรียกสิ่งที่ไม่มี
มาก่อนในสังคมไทย เช่น เท็มปุระ ซาลาเปา เปาะเปี๊ ยะ บาร์บีคิว ซีอิ๊ว ก็จำเป็นต้องใช้คำ
ต่างประเทศ
๒. คำต่างประเทศที่ไม่จำเป็นต้องใช้ คำต่างประเทศที่มีคำไทยใช้อยู่แล้วอาจแปล
เป็นคำไทยได้หรือมีศัพท์บัญญัติใช้อยู่แล้ว ก็ควรใช้คำภาษาไทย เช่น
สต๊าร์ต ใช้คำว่า เริ่ม
ยืนยัน
คอนเฟิร์ม ใช้คำว่า ร่วม
แสดง
แจม ใช้คำว่า ความคิด
ซื้อของ
โชว์ ใช้คำว่า รายการอาหาร
อาหารทะเล
ไอเดีย ใช้คำว่า
ช็อปปิ้ ง ใช้คำว่า
เมนู ใช้คำว่า
ซีฟู้ด ใช้คำว่า
ปัจจุบันอิธิพลต่างประเทศที่ผ่านเสื่อเข้ามาส่งผลให้ภาษาไทยเปลี่ยนแปลงไปอย่าง
รวดเร็ว ภาษาไทยในปัจจุบันจึงมีคำยืมภาษาต่างประเทศเข้ามาปะปนมากทั้งที่จำเป็น
และไม่จำเป็น ผู้ใช้ภาษาจึงควรเลือกใช้คำภาษาต่างประเทศเฉพาะที่จำเป็นต้องใช้ ถ้ามี
คำไทยใช้อยู่แล้วก็ควรใช้คำไทย
การรู้ว่าคำที่เราใช้อยู่เป็นคำที่ยืมมาจากภาษาใด และทราบหลักการเขียน หลักการ
ออกเสียง และหลักการใช้คำยืมภาษาต่างประเทศ จะทำให้ใช้คำยืมนั้น ๆ ได้ถูกต้อง ทั้งใน
การเขียน การออกเสียง และการใช้ให้ถูกความหมาย จึงควรหมั่นสังเกตคำยืมจากภาษา
ต่างประเทศที่นำมาใช้ในภาษาไทย และอาจใช้พจนานุกรมเพื่อตรวจสอบว่า คำที่นำมาใช้
ในภาษาไทยนั้น ยืมมาจากภาษาใด และคำเดิม มีรูปเป็นอย่างไร
๓
คำยืมภาษาอังกฤษ
คำยืมภาษาอังกฤษในภาษาไทยมีทั้งคำที่ใช้ทั่วไป และคำยืมที่เป็นศัพท์ทางวิชาการ
ศัพท์วิทยาศาสตร์ ศัพท์เกี่ยวกับเทคโนโลยี ฯลฯ โดยสามารถแบ่งลักษณะภาษาอังกฤษใน
ภาษาไทยออกเป็น ๓ ประเภท ดังนี้
๑. การทับศัพท์
การทับศัพท์ โดยการถ่ายเสียงและถอดตัวอักษร คำยืมจากภาษาอังกฤษโดยวิธีการ
ทับศัพท์มีจำนวนมาก คำบางคำราชบัณฑิตยสถานได้บัญญัติศัพท์เป็นคำไทยแล้ว แต่คน
ไทยนิยมใช้คำทับศัพท์มากกว่า เพราะเข้าใจง่าย สื่อสารได้ชัดเจน เช่น
คำภาษาอังกฤษ คำทับศัพท์
Game เกม
Graph กราฟ
Cartoon การ์ตูน
Clinic คลินิก
Quota โควตา
Dinosaur ไดโนเสาร์
Technology เทคโนโลยี
๒. การบัญญัติศัพท์
การบัญญัติศัพท์ เป็นวิธีการยืมคำ โดยรับเอาเฉพาะความคิดเกี่ยวกับเรื่องนั้นมา
แล้ว สร้างคำขึ้นใหม่ ซึ่งมีเสียงแตกต่างไปจากคำเดิม โดยเฉพาะศัพท์ทางวิชาการจะใช้
วิธีการนี้มากผู้ที่มีหน้าที่บัญญัติศัพท์ภาษาไทยแทนคำภาษาอังกฤษ คือ
ราชบัณฑิตยสถาน เช่น
คำภาษาอังกฤษ คำบัญญัติศัพท์
Airport สนามบิน
Globalization โลกาภิวัตน์
Science วิทยาศาสตร์
Telephone โทรศัพท์
Reform ปฏิรู ป
๔
๓. การแปลศัพท์
การแปลศัพท์ วิธีนี้จะต้องใช้วิธีการคิดแปลเป็นคำภาษาไทยให้มีความหมายตรงกับ
คำในภาษาอังกฤษ แล้วนำคำนั้นมาใช้สื่อสารในภาษาไทยต่อไป เช่น
คำภาษาอังกฤษ คำบัญญัติศัพท์
Blackboard กระดานดำ
Enjoy สนุก
Handbook หนังสือคู่มือ
School โรงเรียน
Short story เรื่องสั้น
คำยืมภาษาจีน
ความสัมพันธ์ประเทศไทยกับประเทศจีน
ประเทศไทยและประเทศจีนมีความสัมพันธ์กันอย่างใกล้ชิดทั้งทางด้านเชื้อชาติ และ
ที่อยู่อาศัย ในหนังสือประวัติการทูตของพระเจ้าวรวงศ์เธอกรมหมื่นราธูปพงศ์ประพันธ์
ได้กล่าวว่าในสมัยน่านเจ้า ได้ส่งราชทูตติดต่อกับประเทศจีน มีการนำช่างจีนมาฝึกสอน
การทอผ้าในสมัยพ่อขุนรามคำแหง ได้เสด็จประเทศจีน และในครั้งหลังได้นำช่างฝีมือที่มี
ความสามารถด้านการทำชาม สังคโลกมาตั้งเตาเผาที่สุโขทัยและสวรรคโลก
จากการยกตัวอย่างความสัมพันธ์ ของประเทศไทยและประเทศจีนข้างต้น แสดงให้เห็นว่า
ประเทศไทยมีการติดต่อกับประเทศ จีนมาเป็นเวลายาวนาน ต้ังแต่สมัยน่านเจ้า จึงไม่
แปลกหากจะมีคํายืมจากภาษาจีนเข้ามาใน ประเทศไทย
ลักษณะคําายืมภาษาจีนในภาษาไทย
ภาษาจีนจัดอยู่ในภาษาคําโดด (ISOLATING LANGUAGE) เช่นเดียวกับภาษาไทย
ไม่มีการ สร้างคำโดยการเติมคำหน้า กลาง หรือหลัง ภาษาจีนมีการใช้วรรณยุกต์
คําลักษณะนาม และมีการเรียงคำเข้าเป็นประโยคเช่นเดียวกับภาษาไทย โดยคํายืมภาษา
จีนมีลักษณะทั่วไปดังนี้
๑. เป็นคําทับศัพท์ คือ ออกเสียงตรงตามคําเดิมในภาษาจีน จะผิดเพี้ยนบ้างเพียง
เสียงวรรณยุกต์ ส่วนความหมายตรงตามเดิม เช่น
ตั๋ว มาจากตัว แปลว่า ใบสำคัญ
เก๊ มาจากเก๊ แปลว่า ปลอม
ถ่าน มาจากท่าน แปลว่า ถ่าน
๕
๒. เป็นคําทับศัพท์แต่เสียงเปลี่ยนไป คําบางคำเสียงเปลี่ยนไปไม่อาจกำหนดได้แน่
ว่าเสียงที่เปลี่ยนไปนั้นเปลี่ยนไปจากคำภาษาแต้จิ๋วหรือจีนกลาง เช่น
แซ่ มาจาก แส่
เย็นตาโฟ มาจาก หยองเต่าฟู่
โสหุ้ย มาจาก ซื่อหุ่ย
๓. ใช้คำไทยแปลคำภาษาจีน เช่น
ไชเท้า คือ หัวผัดกาด
ไชโป๊ คือ หัวผัดกาดเค็ม
โอวยั๊วะ คือ กาแฟดำ
๔. ใช้คำไทยประสมหรือซ้อนกับคำจีน เป็นการประสมหรือซ้อนเพื่อให้รู้ว่าคำจีนนั้น
หมายความว่าอะไร เป็นชื่อของอะไร มีลักษณะอย่างไร เช่น
ลันเตา แปลว่า ถั่ว มาจาก ฮ่อลันเตา ไทยใช้ว่า ถั่วลันเตา
บะฉ่อ แปลว่า หมูสับละเอียด มาจาก บ๊ะฉ่อ ไทยใช้ว่า หมูบะฉ่อ
๕. การสร้างคำใหม่หรือความหมายใหม่ คำจีนที่ยืมมาใช้ในปัจจุบันบางคำ ไม่เคยมี
ใช้ในภาษาจีนมาแต่ดั้งเดิม เพราะไม่เคยมีสิ่งนั้นมาก่อนในภาษาจีน เช่น
โอเลี้ยง หมายถึง กาแฟที่ไม่ใส่นม แปลตาศัพท์ว่า ดำเย็น
เกาเหลา หมายถึง ก๋วยเตี๋ยวไม่ใส่เส้น แปลตามศัพท์ว่า หอสูง
๖. ความหมายกลายไป เช่น
กุ๊ย แปลว่า ผี ไทยนำมาใช้ในความหมายว่า คนเลว
เขียม แปลว่า เป็นหนี้ ไทยนำมาใช้ในความหมาย ตระหนี่
ชีช้ำ แปลว่า ตกทุกข์ได้ยาก ไทยนำมาใช้ในความว่า ช้ำใจ
๗. เสียงกลายเป็นเสียงสูงหรือต่ำ เช่น
เต๊า กลายเสียงเป็น เต๋า
ทั้ง กลายเสียงเป็น ถัง
ตัว กลายเสียงเป็น ตั๋ว
๖
การนำภาษาจีนมาใช้ในภาษาไทย ได้มาจากภาษาพูดไม่ใช่ภาษาเขียน เพราะระบบ
การเขียนของจีนกับไทยมีความแตกต่างกันมาก คําจีนที่ไทยยืมมาใช้โดยมากเป็นคําที่ใช้
เรียกชื่อ สิ่งต่าง ๆ เช่น เครื่องใช้แบบจีน ยาสมุนไพร และสัตว์บางชนิด เป็นต้น
คำยืมภาษาญี่ปุ่น
ลักษณะคำยืมภาษาญี่ปุ่นในภาษาไทย
๑. เป็นคำทับศัพท์ คือ ออกเสียงตรงคำเดิมในภาษาญี่ปุ่น อาจมีการปรับเสียงบ้าง
เล็กน้อย เพื่อให้สะดวกในการออกเสียง
๒. ภาษาญี่ปุ่นเป็นภาษาที่มักไม่ปรากฏรูปวรรณยุกต์ในภาษาไทย
คำยืมภาษาญี่ปุ่นที่มีในภาษาไทย
คำยืมภาษาญี่ปุ่นที่มีใช้ในภาษาไทยจะพบไม่มากนัก ส่วนใหญ่มักจะเป็นชื่ออาหาร
และชื่อกีฬา ดังตัวอย่างคำยืมภาษาญี่ปุ่นที่พบในชีวิตประจำวันดังต่อไปนี้
คำที่เกี่ยวกับอาหาร เช่น หมายถึง น้ำซีอิ๊วดำ
หมายถึง ชื่อปลาชนิดหนึ่ง
โชยุ หมายถึง ข้าวปั้ น, เป็นอาหารญี่ปุ่น
ซาบะ หมายถึง กุ้งชุปแป้งทอด
ซูชิ หมายถึง ชื่อเหล้าชนิดหนึ่งของญี่ปุ่น
เทปุระ หมายถึง ชื่ออาหารญี่ปุ่นชนิดหนึ่ง
สาเก หมายถึง ข้าวกล่อง มาจากคำว่าเบนโตะ
สุกียากี้
ปิ่ นโต
คำที่เกี่ยวกับกีฬาและศิลปะการต่อสู้ป้องกันตัว เช่น
ยิวยิสสู หมายถึง วิธีป้องกันตัวประเภทหนึ่ง
เคนโด้ หมายถึง ศิลปะการต่อสู้ป้องกันตัว
ซูโม่ หมายถึง มวยปล้ำของญี่ปุ่น
ยูโด หมายถึง กีฬาที่เป็นศิลปะการต่อสู้ป้องกัน
ตัวญี่ปุ่น
คาราเต้ หมายถึง ศิลปะการต่อสู้ด้วยมือเปล่า
โดยใช้อวัยวะต่าง ๆ
คำเบ็ดเตล็ด เช่น
กิโมโน หมายถึง ชุดแต่งกายประจำชาติญี่ปุ่น
ซากุระ หมายถึง ดอกไม้ประจำชาติญี่ปุ่น
กำมะลอ หมายถึง เรียกการหลงรักแบบญี่ปุ่น
โชกุน หมายถึง ชื่อส้มชนิดหนึ่ง
๗
คำยืมภาษาเขมร
ภาษาเขมรเป็นภาษาคำโดด จัดอยู่ในตระกูลมอญ - เขมร
ไทยได้รับอิทธิพลจากภาษาเขมรจากการค้า การสงคราม การเมือง วัฒนธรรมและ
ทางภูมิศาสตร์ เรายืมภาษาเขมรมาใช้โดย การทับศัพท์ ทับศัพท์เสียงเปลี่ยนไป และ
เปลี่ยนเสียง เปลี่ยนความหมาย
สาเหตุที่ไทยนำคำเขมรมาใช้
๑. รูปแบบและการออกเสียงคล้ายคลึงกัน
๒. อดีตเขมรมีความรุ่งเรืองและมีสัมพันธไมตรีต่อกัน
๓. ไทยและเขมรปกครองแบบสมบูรณาญาสิทธิราชย์จึงรับคำเขมรมาใช้เป็น
ราชาศัพท์
๔. นักปราชญ์ราชบัณฑิตนำคำเขมรมาใช้ในวรรณกรรมด้านศาสนาและ
พิธีกรรม และยังใช้ในจารึกต่าง ๆ
๕. คนไทยและคนเขมรต่างนับถือและนิยมใช้ภาษาของกันและกัน
วิธีสังเกตคำเขมร
๑. คำเขมรที่เป็นคำโดดเหมือนคำไทยก็มี แต่เป็นคำที่เป็นคำศัพท์ คือ มีความหมาย
เข้าใจยาก ต้องแปล เช่น
อวย แปลว่า ให้ แข แปลว่า พระจันทร์
ได แปลว่า มือ เลิก แปลว่า ยก
แสะ แปลว่า ม้า มาน แปลว่า มี
ทูล แปลว่า บอก บาย แปลว่า ข้าว
๒. คำเขมรมักสะกดด้วยตัว จ ญ ร ล ส เช่น
เสด็จ เจริญ เผชิญ เชลย ตรัส
เผด็จ กำธร ถกล บำเพ็ญ บังอาจ
๓. คําเขมรมักเป็นคําแผลง เช่น
ข แผลงเป็น กระ เช่น ขดาน เป็น กระดาน, ขจอก เป็น กระจอก
ผ แผลงเป็น ประ เช่น ผสม เป็น ประสม, ผจญ เป็น ประจญ
ประ แผลงเป็น บรร เช่น ประทม เป็น บรรทม, ประจุ เป็น บรรจุ,
ประจง เป็น บรรจง
๘
๕. การสร้างคำโดยการเติมหน่วยคําเข้าข้างหน้าคำเดิม ทําให้คําเดิมพยางค์เดียวเป็น
คําใหม่ ๒ พยางค์ เรียกว่าการลงอุปสรรค (คํามาที่เติมด้านหน้า) บ (บัง,บัน,บํา) เช่น
เพ็ญ เป็น บําเพ็ญ
เมื่อ บํ อยู่หน้าวรรคปะ อ่านว่า “บํา” เช่น บําบัด บําเพ็ญ บําบวง
เกิด เป็น บังเกิด
เมื่อ บํ อยู่หน้าวรรคกะ หรือ เศษวรรคจะอ่านว่า “บัง” เช่น บังคม บังเกิด
โดย เป็น บันโดย
เมื่อ บํ อยู่หน้าสวรรคตะ อ่านว่า “บัน” เช่น บันดาล บันโดย บันเดิน
๖. การสร้างคําโดยการเติมหน่วยคําเข้ากลาง คําหลัก ทําให้คําเดิมพยางค์เดียว
เป็นคําใหม่ ๒ พยางค์เรียกการลงอาคม
การลง อํา น เช่น จง เป็น จํานง, ทาย เป็น ทํานาย, อวย เป็น อํานวย
การเติม อํา เช่น กราบ เป็น กําราบ, ตรวจ เป็น ตํารวจ, เปรอ เป็น บําเรอ
การเปลี่ยน ข เป็น ก เปลี่ยน ฉ เป็น จ เช่น ฉัน เป็น จังหัน, แข็ง เป็น กำแหง
๗. คําที่มี ๒ พยางค์ มีลักษณะเหมือนอักษรนําและอักษรควบของไทย เช่น
แขนง จมูก ฉนํา (ปี)
ไพร กระบือ ฉลอง
ขลัง เสวย ขลาด
๘. คํา ๒ พยางค์ ที่ขึ้นต้นด้วย คํา กํา จํา ชํา ดํา ตํา ทํา และสามารถ แผลงเป็นตัวอื่น
ได้ มักเป็นคําเขมร เช่น
คํารบ (ครบ) จําแนก (แจก) ดําริ (ตริ)
กําเนิด (เกิด) จําหน่าย (จ่าย) ชํานาญ (ชาญ)
ดําเนิน (เดิน) ตํารวจ (ตรวจ) ทํานบ (ทบ)
๙
แบบทดสอบวัดกึ๋น
บทที่ ๑ คำเทศคำไทยใช้คล่อง
ให้นักเรียนเขียนคำศัพท์ภาษาจีน ญีปุ่น ให้สัมพันธ์กับภาพต่อไปนี้
๑. ๒.
.................................................. ..................................................
๓. ๔.
.................................................. ..................................................
๕.
..................................................
๑๐
๖. ๗.
.................................................. ..................................................
๘. ๙.
.................................................. ..................................................
๑๐.
..................................................
๑๑
คำต่อไปนี้มีที่มาจากภาษาเขมร ให้นักเรียนเติมตัวอักษรที่หายไปเพื่อให้
คำสมบูรณ์ และตรงกับความหมาย
๑. ย ผู้ที่ถูกข้าสึกจับตัวได้
๒. บ พ ประพฤติ ปฏิบัติ
๓. ห ก
เรือนของเจ้านาย
๔. ก ห
หมายไว้
๕. จ เติบโต งอกงาม
คำชี้แจง นักเรียนอ่านข้อคำถามและคำตอบให้ละเอียดแล้วท่าเครื่องหมาย (X) ทับอักษร
ก, ข, ค และ ง ลงในกระดาษคำตอบที่ตรงกับตัวเลือกที่นักเรียนเห็นว่าถูกต้องเพียงข้อเดียว
๑. “นายทรงกลดเป็นนักเรียนที่ได้รับโควตาจากมหาวิทยาลัยเชียงใหม่” คำที่ขีดเส้นใต้ เป็นคำ
ที่มาจากภาษาใด
ก. อังกฤษ ข. จีน
ค. เขมร ง. ญี่ปุ่น
๒. ข้อใดเป็นคำที่มาจากภาษาอังกฤษทุกคำ
ก. คอนเสิร์ต แท็กซี่ นอต ข. เกียร์ ดีเซล จับกัง
ค. ทีวี บัดกรี ชอล์ก ง. จาระบี เรดาห์ สักหลาด
๓. ข้อใดเป็นคำที่มาจากภาษาอังกฤษทุกคำ
ก. กงสุล คาเฟ่ แท็กซี่ เทนนิส ข. เรสเตอรองท์ บุฟเฟต์ บูเกต์ เบคอน
ค. ไวโอลิน เต็นท์ เกียร์ แบตเตอรี่ ง. เนกไท เครดิต แคชเชียร์ โชเฟอร์
๑๒
๔. คำทับศัพท์ภาษาอังกฤษในข้อใดเขียนถูกต้องทุกคำ
ก. เคนขึ้นแท็กซี่ไปคลีนิกเพื่อเอ็กซเรย์กระดูก
ข. ดอนไปแบงก์เพื่อแลกดอลล่าร์แล้วเลยเอาเช็คไปขึ้นบัญชี
ค. สปาเกตตีและมะกะโรนีที่เสริฟวันนี้ถูกปากมอสทั้งนั้น
ง. ก่อนไปพัทยาเจมส์เอารถไปซ่อมเบรกแล้วเปลี่ยนคลัตช์และแบตเตอรี่ใหม่
๕. ข้อใดจำเป็นต้องใช้คำทับศัพท์ภาษาอังกฤษ
ก. ผู้หญิงชอบขับรถเกียร์อัตโนมัติ เพราะง่ายดี
ข. นักเรียนโรงเรียนนี้เข้าคิวรอใช้บริการเสมอ
ค. เขาจับสลากได้เบอร์หนึ่ง จึงต้องพูดก่อน
ง. เขามีความรับผิดชอบ เพื่อจึงโหวตให้เป็นหัวหน้า
๖.“กัปตันทีมฟุตบอลของไทยได้รับแรงเชียร์จากแฟนคลับอย่างแน่นอน” มีคำ
ที่มาจากภาษาอังกฤษกี่คำ
ก. ๔ คำ ข. ๕ คำ
ค. ๖ คำ ง. ๗ คำ
๒
ประโยคซับซ้อนไวยากรณ์น่ารู้
๑๔
ประโยค
ซับซ้อน
ประโยคซับซ้อน คือ ประโยคที่มีรูปประโยคซับซ้อน เนื่องจากมีการขยายความหลาย
จุดในประโยค โดยสามารถแบ่งได้เป็น ๓ รูปแบบ คือ ประโยคสามัญที่ซับซ้อน ประโยค
รวมที่ซับซ้อน และประโยคซ้อนที่ซับซ้อน
ประโยคซับซ้อนเกิดจากประโยคที่แบ่งเป็นประโยคสามัญ ประโยครวม และ
ประโยคซ้อน จากประโยคทั้ง ๓ นี้ เพิ่มคำขยายหรือข้อความขยาย การรวมประโยค
ดังกล่าวเข้าด้วยกันทำให้กลายเป็นประโยคซับซ้อนขึ้น แต่สามารถสื่อสารชัดเจน และ
สละสลวย เพิ่มข้อความขยาย โดยมีหลักสำคัญ ดังนี้
๑. ตำแหน่งคำขยายในประโยค ส่วนขยายในประโยคจะอยู่ด้านหลังข้อความที่ถูก
ขยาย โดยส่วนขยายกริยาที่บอกช่วงเวลาสามารถนำไปเรียงหน้าประโยคได้
๒. ข้อระมัดระวังการวางคำขยาย เรียงคำขยายให้อยู่ใกล้คำที่ถูกขยายเพื่อป้องกัน
ความหมายคลาดเคลื่อน
ประโยคสามัญที่ซับซ้อน
ประโยคสามัญที่ซับซ้อนสามารถทำได้ดังนี้
๑. ความซับซ้อนในภาคประธาน ตัวประธานมีส่วนขยายที่เป็นคำและกลุ่มคำ ทำให้
ประโยคสามัญมีข้อความซับซ้อนขึ้น
ประธานที่เป็นตัวเอน เป็นคำนำหน้าด้วยการหรือความ หรือคำอาการนาม ตาม
ด้วยส่วนขยาย เช่น
“การเฝ้าติดตามความเคลื่อนไหวของกลุ่มดาวยามค่ำคืนทำให้พบดาวดวงใหม่”
“ความขยันหมั่นเพียรอย่างยิ่งยวดเป็นผลให้ถึงจุดหมายปลายทาง”
ประธานที่เป็นตัวเอน มีคำและกลุ่มคำขยายประธาน ทำให้ความซับซ้อนเพิ่มขึ้น
เช่น
“บ้านพักคนงานบริษัทหลังใหม่บนเนินเขาสร้างเสร็จแล้ว”
“รถเมล์สาย ๔๐ คันสีแดงเข้มคาดสีเหลืองวิ่งเร็วมาก”
๑๕
๒. ความซับซ้อนในภาคแสดง
มีคำกริยาเป็นกลุ่มคำหลายคำ เช่น
“คนป่ากลุ่มนั้นต่างกระโดดโลดเต้นร่ายรำและร้องเพลงไปตามจังหวะกลอง”
มีคำกริยาเป็นส่วนขยายอยู่หลายแห่งในประโยค เช่น
“เขาพยายามพายเรือลำเล็ก ๆ มาทางริมสระน้ำโดยไม่รีบร้อนนัก”
ข้อควรระมัดระวังประการหนึ่ง ในประโยคมีประธานอย่างเดียว แต่คำกริยา
ประกอบหลายอย่าง ต้องใช้วิภาคสรรพนาม คือ คำว่าบ้าง หรือบาง มาช่วย เช่น
“ผู้โดยสารเข้าคิวกันซื้อตั๋วออกันขึ้นรถมองหาผู้นัดหมายและซื้อของฝากญาติมิตร”
ควรแก้เป็น
“ผู้โดยสารเข้าคิวกันซื้อตั๋ว บ้างออกันขึ้นรถ บ้างมองหาคู่นัดหมาย
และบ้างซื้อของฝากญาติมิตร”
วิภาคสรรพนามคือ “บ้าง” หมายถึง ผู้โดยสารนั่นเอง และทำหน้าที่เป็นประธานใน
ประโยคสั้น ๆ ดังกล่าว
ประโยครวมที่ซับซ้อน
คือประโยครวมที่มีส่วนขยายเพิ่มขึ้นเนื่องจากมีประโยครวมซ้อนกันหลายชั้น เช่น
“ปรีชาไม่ชอบเล่นฟุตบอลแต่เขาชอบพนันฟุตบอล ดังนั้นเขามีปัญหาเรื่องการเงินและ
ในที่สุดปรีชาหยุดการเรียนไปอย่างน่าเสียดาย”
ตัวอย่างข้างบนนี้ “ดังนั้น” เป็นคำสันธานเชื่อมประโยคความรวมทั้ง ๒ คู่เข้าด้วยกัน
“บุญยืนเป็นเด็กกำพร้าพ่อแม่ ฉันจึงรับเขามาเลี้ยงดูด้วยความรักและส่งบุญยืนเรียน
หนังสือ แต่ภายหลังเด็กคนนี้ขาดความเชื่อฟังฉันและไปคบเพื่อนที่เลว ดังนั้นเขาจึงติดยา
เสพติดไปเมื่อเร็ว ๆ นี้เอง”
ตัวอย่างข้างบนนี้ “แต่” เป็นคำสันธานเชื่อมประโยคความรวมทั้งหมด
๑๖
ประโยคซ้อนที่ซับซ้อน
ตัวอย่างประโยคซ้อนที่ซับซ้อน แบบที่รวมประโยคซ้อนเข้าด้วยกัน เช่น
“ประเสริฐเดินทางไปสงขลาโดยรถด่วนสายใต้ขบวนยาวเหยียด เพราะช่วงนั้นเป็น
เทศกาลสงกรานต์ที่ทุกคนพากันเดินทางท่องเที่ยว”
ตัวอย่างข้างบนนี้ “เพราะ” เป็นคำสันธานเชื่อมระหว่างประโยคซ้อนเข้าด้วยกัน
ตัวอย่างประโยคซ้อนที่ซับซ้อน แบบที่ประกอบด้วย ประโยคสามัญและประโยคซ้อน
“พระราชาองค์นี้ทรงทศพิธราชธรรมดียิ่ง ดังนั้นราษฎรจึงรักพระองค์จนพวกเขาสละชีพ
เพื่อพระองค์ได้”
ตัวอย่างข้างบนนี้ ประโยคสามัญ คือ “พระราชาองค์นี้ทรงทศพิธราชธรรมดียิ่ง”
ประโยคซ้อน คือ “ราษฎรจึงรักพระองค์จนพวกเขาสละชีพเพื่อพระองค์” โดยมีคำเชื่อม
ระหว่างประโยคสามัญและประโยคซ้อนคือ “ดังนั้น”
๑๗
แบบทดสอบวัดกึ๋น
บทที่ ๒ ประโยคซํบซ้อนไวยกรณ์น่ารู้
ให้นักเรียนวิเคราะห์ประโยคที่กำหนดว่าเป็นประโยคซับซ้อนชนิดใด
๑. การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอเป็นผลดีต่อสุขภาพ
ตอบ
๒. เขาไม่มาตามนัดฉันจึงไปหาเขาที่บ้าน แต่เขาไม่อยู่ฉันจึงตัดสินใจกลับบ้าน
ตอบ
๓. สิ่งที่สำคัญที่สุดในการดำเนินชีวิตคือปัจจัยสี่ แต่อีกหนึ่งปัจจัยสำคัญก็คือคุณธรรม
ประโยค
ตอบ
๔. เธอบอกว่าจะมาตามสัญญาแต่เธอก็ไม่ทำอย่างที่เคยพูดไว้
ตอบ
๕. พวกเราจำเป็นต้องขยันหมั่นเพียรมากกว่านี้เพื่อความสำเร็จในอนาคตของพวกเรา
ตอบ
๖. คนที่ทำเพื่อชาติบ้านเมืองสมควรถูกยกย่องให้เป็นวีรบุรุษเพราะการเสียสละเพื่อส่วน
รวมเป็นคุณธรรมที่ควรยึดถือเป็นแบบอย่าง
ตอบ
๗. การประกอบพิธีกรรมทางศาสนาเนื่องในวันสำคัญต่าง ๆ เป็นประเพณีที่ยึดถือปฏิบัติ
กันมาเป็นระยะเวลานาน
ตอบ
๘. เมื่อพ่อและแม่มาถึงโรงเรียนฉันและน้องก็รีบไปหิ้วกระเป๋ามาขึ้นรถทันที
ตอบ
๙. คนที่มีน้ำใจและคนที่ทำประโยชน์เพื่อส่วนรวมย่อมได้รับคำชมเชยจากสังคมรอบข้าง
ตอบ
๑๐. เขาไม่ชอบเด็กที่ไม่มีสัมมาคารวะเพราะมีพฤติกรรมแข็งกระด้างจนต้องตักเตือน
อยู่เสมอ
ตอบ
๑๘
แบบทดสอบวัดกึ๋น
บทที่ ๒ ประโยคซํบซ้อนไวยกรณ์น่ารู้
ให้นักเรียนนำตัวอักษรหน้าข้อที่นักเรียนเลือกไปเติมในช่องว่างให้ถูกต้อง
ก. ประโยคความเดียว
ข. ประโยคความรวมที่มีเนื้อความคล้อยตามกัน
ค. ประโยคความรวมที่มีเนื้อความขัดแย้งกัน
ง. ประโยคความรวมที่มีเนื้อความให้เลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง
จ. ประโยคความร้อนที่มีเนื้อความเป็นเหตุเป็นผลกัน
ฉ. ประโยคความร้อนที่อนุประโยคทำหน้าที่เหมือนคำนาม
ช. ประโยคความซ้อนที่อนุประโยคทำหน้าที่ขยายคำนาม
ซ. ประโยคความร้อนที่อนุประโยคทำหน้าที่ขยายคำกริยาหรือคำวิเศษณ์
___ ๑. เจ้าคุณต้องเข้าใจว่าผมก็รักชีวิตของผมเหมือนกัน
___๒. ใต้เท้าโปรดบอกให้ผมทราบด้วยนะครับ
___๓. การที่ผมทําอย่างครั้งก่อนน่ะ ผลที่ได้มันไม่มีน้ำหนัก
___๔. ฉันสาบานได้เทียวว่าฉันจะไม่แตะต้องสิ่งของอะไร
___๕. ผมพยายามหางานทำทางเสมียนบาญชี
___๖. ท่านเคยกลับจากออฟฟิศราวบ่าย ๕ โมงทุกวัน
___๗. ผมมีความผิดที่ทิ้งแม่ลอกไปเสียนาน
___๘. ผมไม่จำเป็นที่จะต้องฝากแม่ลออแก่เจ้าคุณ
___๙. ฉันจะทำตามแกประสงค์
___๑๐ นายนั้นเป็นคนอายุราว ๔๐ แต่หน้าตาแก่
๓
เลือกใช้คำศัพท์ตามระดับภาษา
๒๐
ระดับ
ภาษา
ระดับภาษา หมายถึง ความลดหลั่นของถ้อยคำ และการเรียบเรียงถ้อยคำที่ใช้ โดย
พิจารณาตามโอกาสหรือกาลเทศะ เช่น ภาษาระดับพิธีการ ภาษาระดับทางการหรือ
ภาษาราชการ ภาษาระดับกันเอง เป็นต้น
ภาษาที่เราใช้กันอยู่ในทุกวันนี้ ไม่ได้มีระดับเดียว หากแต่มีหลายระดับภาษา
แล้วแต่การใช้งาน ระดับของภาษา หมายถึง ความลดหลั่นของถ้อยคำ และการ
เรียบเรียงถ้อยคำที่ใช้ โดยพิจารณาตามโอกาสหรือกาลเทศะ ความสัมพันธ์ระหว่าง
บุคคลที่เป็นผู้สื่อสารระดับภาษา สามารถจำแนกตามประเภทของการใช้ได้ ดังนี้
ภาษาระดับพิธีการ
ภาษาระดับพิธีการ เป็นภาษาที่สมบูรณ์แบบ รูปประโยคถูกต้องตามหลัก
ไวยากรณ์ มีความประณีตงดงาม อาจใช้ประโยคที่ซับซ้อน และใช้คำระดับสูง ภาษา
ระดับนี้ จะใช้ในโอกาสสำคัญ ๆ เช่น งานราชพิธี วรรณกรรมชั้นสูง เป็นต้น
ภาษาระดับทางการ
ภาษาระดับทางการ หรือ ภาษาทางการ/ภาษาราชการ เป็นภาษาที่สมบูรณ์
แบบ รูปประโยคถูกต้องตามหลักไวยากรณ์ เน้นความชัดเจน ตรงประเด็น ใช้ใน
โอกาสสำคัญที่เป็นทางการ เช่น หนังสือราชการ วิทยานิพนธ์ รายงานทางวิชาการ
การกล่าวปราศรัย การกล่าวเปิดงานสำคัญ ๆ เป็นต้น
ภาษาระดับกึ่งทางการ
ภาษาระดับนี้คล้ายกับภาษาระดับทางการ แต่ลดความเป็นการเป็นงานลงบ้าง
มักใช้ในการประชุมกลุ่มที่เล็กกว่าการประชุมที่ต้องใช้ภาษาระดับทางการ เช่น
ในการประชุมกลุ่มย่อย การบรรยายในห้องเรียน เนื้อหาข่าวและบทความใน
หนังสือพิมพ์ มักใช้ภาษาที่ทำให้รู้สึกคุ้นเคยมากกว่าภาษาในระดับทางการ และใช้
ศัพท์เฉพาะเท่าที่จำเป็น
๒๑
ภาษาระดับไม่เป็นทางการ
ภาษาระดับไม่เป็นทางการ เป็นภาษาที่ไม่เคร่งครัดตามแบบแผน เพื่อใช้ในการ
สื่อสารทั่วไปในชีวิตประจำวันหรือโอกาสทั่ว ๆ ไปที่ไม่เป็นทางการ ใช้ในการสนทนา
ระหว่างบุคคลหรือกลุ่มเล็ก ๆ ในสถานที่และโอกาสที่ไม่เป็นการส่วนตัว เช่น ในการ
เขียนจดหมายระหว่างเพื่อน ภาษาที่ใช้อาจมีถ้อยคำที่เคยใช้กันเฉพาะกลุ่ม
ภาษาระดับกันเอง
ภาษาระดับกันเองหรือภาษาปาก เป็นภาษาพูดที่ใช้สนทนากับบุคคลที่สนิทคุ้น
เคย ใช้สถานที่ส่วนตัว หรือในโอกาสที่ต้องการความสนุกสนานครื้นเครง ภาษาที่ใช้
เป็นภาษาพูดที่ไม่เคร่งครัด อาจมีคำตัด คำสแลง คำด่า คำหยาบปะปน
โดยทั่วไปไม่นิยมใช้ในภาษาเขียน ยกเว้นงานเขียนบางประเภท เช่น เรื่องสั้น
นวนิยาย ภาษาข่าวหนังสือพิมพ์ ฯลฯ
ตารางสรุ ประดับภาษา
ระดับภาษา โอกาศและสถานที่ ลักษณะภาษาที่ใช้
๑. พิธีการ การเปิดประชุม กล่าวรายงาน มีลักษณะพิธีรีตอง ภาษา
การกล่าวสุนทรพจน์ การกล่าวต้อนรับ ไพเราะ สละสลวย
การกล่าวอวยพร
๒. ทางการ การอภิปรายหรือการประชุม รายงาน ภาษาทางการถ้อยคำตรงไป
วิชาการ ประกาศทางการ จดหมาย ตรงมา มีศัพท์เทคนิคหรือ
ราชการ จดหมายธุรกิจ ศัพท์วิชาการบ้าง
การประชุมย่อย การอภิปราย ใช้ภาษาเขียนแต่มีภาษาพูด
๓. กึ่งทางการ การเสวนา การบรรยายในห้องเรียน อยู่บ้าง
๔. ไม่เป็น บทความแสดงความคิดเห็นในนิตยสาร ใช้ภาษาพูดและสุภาพ
ทางการ หรือ หนังสือพิมพ์ รายการสาระบันเทิง การสนทนาโต้ตอบไม่เกิน
ทางโทรทัศน์ การปรึกษาหารือกัน ๕ คน ในสถานที่ไม่ใช่ส่วนตัว
๕. กันเอง การสนทนาเรื่องส่วนตัว การทักทาย ใช้ภาษาพูด อาจมีคำคะนอง
ระหว่างเพื่อนสนิท หรือภาษาถิ่นในวงจำกัด
๒๒
แบบทดสอบวัดกึ๋น
บทที่ ๓ เลือกใช้คำศัพท์ตามระดับภาษา
ให้นักเรีบนใส่ตัวเลขที่กำหนดให้ หน้าข้อความต่อไปนี้ให้ถูกต้อง
(๑) หมายถึง ภาษาระดับพิธีการ
(๒) หมายถึง ภาษาระดับทางการ
(๓) หมายถึง ภาษาระดับกึ่งทางการ
(๔) หมายถึง ภาษาระดับไม่ทางการ
(๕) หมายถึง ภาษาระดับกันเอง
๑. ___ ทําไมมาเลทจังยะนังหมวย รู้ไหมนี่มันกี่โมงยามแล้ว
๒. ___ ข้าพระพุทธเจ้าทั้งปวงจักอาศัยพระบารมีปกเกล้าปกกระหม่อม
๓. ___ เนื่องจากทฤษฎีสื่อสารมวลชนนั้นเป็นทฤษฎีทางวิชาการรุ่นหลังที่เพิ่ง
เริ่มก่อรูปร่างเมื่อราวทศวรรษ ๑๙๓๐
๔. ___ วันนี้เธอดูสวยจังเลย ซื้อกระโปรงตัวใหม่มาหรอ
๕. ___ หนุ่มคลั่งยาบ้าจี้เด็กขวบเศษเป็นตัวประกัน
๖. ___ คุณครูคะ คุณครูทราบหรือไม่คะว่าวันนี้ไม่มีการเรียนการสอน
๗. ___ เด็กสมัยนี้แต่งตัวจ๊าบได้ใจจริง ๆ
๘. ___ กราบเรียน ฯพณฯ พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี
และรัฐบุรุ ษในนามของราชบัณฑิตยสถาน
๙. ___ จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบ
๑๐. ___ แกร้องเพลงเพราะจังเลย เพราะอะไรแกถึงได้ร้อง ฉันหนวกหูจะแย่ละ
๒๓
แบบทดสอบวัดกึ๋น
บทที่ ๓ เลือกใช้คำศัพท์ตามระดับภาษา
อ่านข้อความต่อไปนี้แล้วบอกว่าแต่ละข้อความใช้ภาษาระดับใด
๑. อ้วนตุ๊ต๊ะอย่างนี้ยังกินไม่หยุดปากอีก
ตอบ
๒. เจ้าหน้าที่ทุกคนต้องลงชื่อปฏิบัติงานก่อนเวลา ๙.๐๐ น.
ตอบ
๓. ทันตแพทย์ทํางานหนักพอ ๆ กับหมอผ่าตัด
ตอบ
๔. เมื่อสมาชิกมาครบองค์ประชุมแล้วผมขอเริ่มเปิดการประชุม
ตอบ
๕. วันนี้ต้องไปงานตั้ง ๒ งานทั้งเผาศพทั้งงานแต่ง
ตอบ
๖. ไม่รู้ว่าวาตภัยกับน้ำท่วมอะไรจะรุนแรงกว่ากัน
ตอบ
๗. ท่านอธิบดีส่งบันทึกการประชุมกลับมาให้คุณสร้อยสนเรียบเรียงวาระการประชุมเสีย
ใหม่ให้ถูกต้อง
ตอบ
๘. เนื้อสุกรขายปลีกราคากิโลกรัมละ ๔๐ บาท
ตอบ
๙. ฟุตบอลนัดนี้สบายใจหายห่วง
ตอบ
๑๐. ถ้าผู้จัดการบริษัทไทยน้ำทิพย์ติดต่อมาช่วยเรียนเขาด้วยว่าผมมีเรื่องอยากจะปรึกษา
ด้วย
ตอบ
๒๔
๔
ใช้ภาษาอังกฤษต้องพิจารณา
๒๖
คำทับศัพท์
และ ศัพท์บัญญัติ
คำทับศัพท์ และคำศัพท์บัญญัตินั้น มีความแตกต่างกัน กล่าวคือ คำทับศัพท์
หมายถึง คำที่ถ่ายเสียงมาจากรูปคำในภาษาอื่น และนำมาเขียนในรูปแบบของภาษาไทย
เพื่อให้คนที่ใช้ภาษาสามารถออกเสียงได้อย่างถูกต้อง ส่วนคำศัพท์บัญญัติ หมายถึง คำที่
บัญญัติขึ้นเพื่อใช้แทนคำต่างประเทศ
ไทยมีความสัมพันธ์กับต่างชาติ จากการติดต่อทำการค้า การทูต การสอนศาสนา
ศิลปวัฒนธรรมมาช้านาน จึงมีการยืมคำภาษาต่างประเทศมาใช้ อาจด้วยวิธีการทับศัพท์
หรือสร้างคำศัพท์ใหม่ขึ้นมาใช้ ทั้งในวงวิชาการและทั่วไป การศึกษาเรื่องการใช้คภ
ในภาษาไทย จะช่วยให้สามารถใช้คำทับศัพท์และศัพท์บัญญัติต่าง ๆ ได้อย่างถูกต้อง
การยืมคำภาษาต่างประเทศมาใช้ในภาษาไทยมี ๒ วิธีคือ ใช้คำในภาษานั้นเลย ที่เรียกว่า
“คำทับศัพท์” และการบัญญัติศัพท์ขึ้นใหม่ ที่เรียกว่า “ศัพท์บัญญัติ”
คำทับศัพท์
คือ คำที่ถ่ายเสียงมาจากรูปคำในภาษาอื่น และนำมาเขียนในรูปแบบของภาษาไทย
เพื่อให้คนที่ใช้ภาษาสามารถออกเสียงได้อย่างถูกต้องหรืออย่างน้อยก็ใกล้เคียง
กับภาษาเดิม บางคำก็ใช้ตามความสะดวกปากในการออกเสียง จนแทบจะกลมกลืน
กับภาษาไทย คำทับศัพท์นั้นยืมมาจากภาษาต่างประเทศหลายภาษา เช่น ทมิฬ
เปอร์เซียร์ อาหรับ ญี่ปุ่น โปรตุเกส ฝรั่งเศส ฮินดี พม่า มอญ
หลักเกณฑ์การทับศัพท์
๑. ถอดอักษรในภาษาเดิมพอควรแก่การแสดงที่มาของรูปศัพท์
๒. เขียนในรูปที่อ่านได้สะดวกในภาษาไทย
๓. คำทับศัพท์ที่ใช้มานานให้ใช้แบบเดิม เช่น เชิ้ต ก๊าซ แก๊ส
๔. ถ้าตัว T อยู่หน้าคำแทน ตัว “ท” ถ้าตัว T อยู่ท้ายคำแทน ตัว “ต”
๕. ถ้าตัว P อยู่หน้าคำแทน ตัว “พ” ถ้าตัว P อยู่ท้ายคำแทน ตัว “ป”
การเขียนคำทับศัพท์เป็นปัญหาในเรื่องตัวสะกดอยู่บ้างก่อนจะเขียนจึงควรตรวจ
สอบให้แน่ใจก่อนว่าเขียนอย่างไรจึงจะถูกต้องเมื่อรับภาษาต่างประเทศมาแล้วจะมี
การบัญญัติศัพท์นั้น ๆ ขึ้นใช้ แต่ถ้าศัพท์บัญญัติเหล่านั้นไม่สามารถสื่อ
ความหมายได้ชัดเจน ก็ยังคงใช้คำทับศัพท์ดังเดิม
๒๗
ตัวอย่าง คำทับศัพท์
เกียร์ ส่วนหนึ่งของรถยนต์ เรือยนต์ ทำหน้าที่เปลี่ยนอัตราส่วน
การทดสอบระหว่างเครื่องยนต์กับล้อ
คลินิก สถานพยาบาลของเอกชน, แผนกของโรงพยาบาลที่รักษาโรคเฉพาะทาง
คูปอง บัตรชนิดที่ใช้แลกหรือซื้อของ
ดีเปรสชัน ชื่อพายุหมุนที่มีกำลังอ่อน ทำให้ฝนตกปานกลางถึงตกหนัก
ปลั๊ก อุปกรณ์ไฟฟ้ามีขาโลหะ
เต็นท์ ที่พักหรือที่อาศัยย้ายไปมาได้
นิโคติน สารประกอบอินทรีย์มีลักษณะเป็นของเหลวข้นมีพิษอย่างแรงปรากฏอยู่ใน
ใบยาสูบ
ฟิสิกส์ วิทยาศาสตร์กายภาพแขนงหนึ่ง
ไมครอน หน่วยวัดความยาว ๑ ไมครอนมีค่าเท่ากับ ๑ ใน ๑,๐๐๐,๐๐๐ ของ ๑ เมตร
สตู อาหารชนิดหนึ่งที่ต้มเคี่ยวให้เนื้อเปื่ อย
โอเอซิส บริเวณที่ชุ่มชื้นในทะเลทราย
ไฮโดรมิเตอร์ เครื่องมือสำหรับวัดความถ่วงจำเพาะของของเหลว
ศัพท์บัญญัติ
คือ คำที่คิดหรือสร้างขึ้นใหม่เพื่อใช้แทนคำศัพท์ภาษาต่างประเทศซึ่งส่วนใหญ่
จะเป็นคำศัพท์ภาษาอังกฤษศัพท์ดังกล่าวเข้ามาพร้อมกับความเจริญและวิทยาการแขนง
ต่างๆศัพท์บัญญัติจึงเกิดขึ้นมากมาย แต่ศัพท์ที่บัญญัติห้องสื่อความหมายให้เป็นที่เข้าใจ
ได้โดยทั่วไปถ้าใช้ในวงจำกัด หรือไม่มีการนำไปใช้ศัพท์เหล่านั้นก็จะหายไปเองและผู้ใช้ก็
จะใช้คำทับศัพท์เช่นเดิม
การบัญญัติศัพท์ขึ้นใหม่มีหลัก ๒ ประการ คือ
๑. สร้างคำขึ้นมาใหม่ อาจจะใช้การแปลความหมายจากศัพท์เดิม หรือหาคำใหม่
มาแทน เช่น
ภาษาอังกฤษ ศัพท์ที่บัญญัติใหม่
Frost น้ำค้างแข็ง
Network เครือข่าย
Submarine เรือดำน้ำ
Boy scout
Acid rain ลูกเสือ
ฝนกรด
๒๘
๒. ถ้าหาคำไทยที่เหมาะสมไม่ได้ ก็สร้างคำใหม่โดยใช้คำภาษาบาลีและสันสกฤต
บางคำอาจใช้วิธีผูกคำแบบคำสมาสก็ได้ ซึ่งต้องเป็น คำที่มีใช้มาก่อน
และสามารถออกเสียงได้ง่าย
ภาษาอังกฤษ ศัพท์ที่บัญญัติใหม่
Theory ทฤษฎี
Activity กิจกรรม
Science วิทยาศาตร์
Radioactive กัมมันตรังสี
University มหาวิทยาลัย
ตัวอย่าง ศัพท์บัญญัติ
กรมธรรม์ (policy) เอกสารในการประกันภัย
กล้องจุลทรรศน์ (microscope) กล้องขยายของเล็กให้เห็นเป็นของใหญ่
ข้อมูล (data) ข้อเท็จจริงสิ่งที่ถือหรือยอมรับว่าเป็นข้อเท็จจริง
คลังเลือด (blood bank) สถานที่เก็บรักษาเลือดเพื่อบริการแก่ผู้ป่วย
ความรู้สึกด้อย (inferiority felling) ความรู้สึกว่าตนเองปรับตัวได้ไม่เท่าเทียม
บุคคลทั่วไป
จลาจล (riot) ความวุ่นวายในบ้านเมือง
ตรรกศาสตร์ (logic) ปรัชญาสาขาหนึ่งว่าด้วยการคิดหาเหตุผล
ทะเลหลวง (high seas) ทะเลหรือมหาสมุทรที่อยู่นอกน่านน้ำอาณาเขตของ
ประเทศที่เป็นเจ้าของ
บริบท (context) คำหรือข้อความแวดล้อมเพื่อช่วยให้เข้าใจความหมาย
ปรมาณู (atom) วนของสารที่มีขนาดเล็กที่สุดจนไม่สามารถจะแยกย่อยได้อีก
ด้วยวิธีเคมี
ผลิตภัณฑ์ (product) สิ่งที่ทําขึ้น
สื่อมวลชน (mass media) สื่อกลางที่นำข่าวและความรู้ไปสู่มหาชน
เช่น หนังสือพิมพ์ วิทยุ โทรทัศน์
๒๙
แบบทดสอบวัดกึ๋น
บทที่ ๔ ใช้ภาษาอังกฤษต้องพิจารณา
ให้นักเรียนเขียนคำทับศัพท์ภาษาอังกฤษต่อไปนี้ให้ถูกต้องตามหลักการสะกด
คำทับศัพท์ในภาษาไทย (๑๐ คะแนน)
คำศัพท์ภาษาอังกฤษ คำทับศัพท์ภาษาไทย
๑. computer
๒. cookie
๓. ice-cream
๔. golf
๕. game
๖. show
๗.football
๘. card
๙. clinic
๑๐. office
๓๐
แบบทดสอบวัดกึ๋น
บทที่ ๔ ใช้ภาษาอังกฤษต้องพิจารณา
ให้นักเรียนเขียนค้นหาศัพท์บัญญัติภาษาไทยที่ใช้แทนคำศัพท์ภาษาอังกฤษ
ต่อไปนี้ (๑๐ คะแนน)
คำศัพท์ภาษาอังกฤษ ศัพท์บัญญัติในภาษาไทย
๑. bank
๒. science
๓. university
๔. telephone
๕. television
๖. cinema
๗. newspaper
๘. microphone
๙. post office
๑๐. hospital
๕
คำศัพท์ระดับวิชาการ
๓๒
คำศัพท์ทางวิชาการ
และ วิชาชีพ
คำศัพท์ทางวิชาการและวิชาชีพ หมายถึง คำศัพท์ที่ใช้เอ่ยถึงหรืออธิบายความรู้ทั้ง
ทางวิชาการและวิชาชีพอเป็นคำที่ไม่ได้ใช้กันทั่วไปส่วนมากจะปรากฏในงานเขียนทาง
วิชาการหรือการพูดในเวลาที่มีการประชุมทางวิชาการต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการอภิปราย
หรือการสัมมนาศัพท์ทางวิชาการและวิชาชีพ เช่น ศัพท์ทางคณิตศาสตร์ ศัพท์ทาง
กฎหมาย ศัพท์ทางการแพทย์ ศัพท์ทางเศรษฐศาสตร์ ฯลฯ จะเป็นคำศัพท์ที่ใช้หรือเข้าใจ
กันเฉพาะกลุ่ม คำศัพท์ดังกล่าวมักจะเป็นคำที่มาจากภาษาต่างประเทศ การใช้คำศัพท์
เหล่านั้นบางครั้งก็ใช้ทับศัพท์ (ใช้ภาษาต่างประเทศ แต่เขียนด้วยอักษรไทย) บางครั้งก็ใช้
ศัพท์บัญญัติโดยสร้างคำขึ้นมาให้มีความหมายตรงกับคำศัพท์ที่บัญญัตินั้น
ลักษณะของศัพท์วิชาการ
๑. ใช้ในทางวาทกรรมวิชาการ
๒. มีทั้งภาษาพูดและภาษาเขียน
๓. คำจำกัดความของศัพท์วิชาการอาจแตกต่างกันตามบริบท
๔. มักเป็นคำสำคัญ (Keyword)
ตัวอย่างศัพท์วิชาการในสาขาต่าง ๆ
คําศัพท์ทางคณิตศาสตร์
สมการ บัญญัติ ไตรยางศ์ ทฤษฎีบท
ยกกำลังสอง ความน่าจะเป็น รากที่สอง ตรรกยะ จำนวนจริง ฯลฯ
คําศัพท์ทางกฎหมาย
ตุลาการ ศาล ทนายความ คดีดำ คดีแดง คดีแพ่ง คดีอาญา คําพิพากษา
เรียงกระทง องค์ประกอบของความผิด จัดการงานนอกสั่ง ฯลฯ
คําศัพท์ทางการแพทย์
วิสัญญีแพทย์ ศัลยแพทย์ สูตินรีเวช อายุรกรรม โคม่า ไอซียู ซีซียู
ชันสูตรพลิกศพ วัคซีน เซรุ่ม ฯลฯ
คําศัพท์ทางเศรษฐศาสตร์
ไตรมาส อุปสงค์ อุปทาน บุริมสิทธิ บัญชีเดินสะพัด หุ้นลม งบดุล เงินเฟ้อ
ผู้บริโภค ฯลฯ
๓๓
คําศัพท์ทางการศึกษา
แผนการจัดการเรียนรู้ หน่วยกิต การประเมินผลการสอน ตารางสอน
จํานวนคาบ ปริญญาบัตร ลงทะเบียนเรียน เกรดเฉลี่ย มส. (ไม่มีสิทธิ์สอบ)
สอบซ่อม ฯลฯ
คําศัพท์ทางวิทยาศาสตร์
เซลล์ พลาสมา โคบอลต์ นิวตรอน แบคทีเรีย พาราฟิน ฟลูออรีน โมเลกุล
เรเดียม โอโซน นักวิจัย การสังเคราะห์แสง ฯลฯ
คำศัพท์ทางภูมิศาสตร์
ไหล่ทวีป ทะเลปิด ทะเลตาย ฟ้าหลัว พายุโซนร้อน แผ่นดินไหว ภาวะโลกร้อน
สึนามิ ฟาทอม ลองจิจูด ละติจูด รังสีความร้อน ฯลฯ
คําศัพท์ทางสื่อสารมวลชน
คลื่นความถี่ ผู้สื่อข่าว ผู้ประกาศข่าว คลื่นวิทยุ ผู้วิเคราะห์ข่าว ทีมงาน
ผู้จัดรายการ พาดหัวข่าว บทบรรณาธิการ แหล่งข่าว ฯลฯ
คําศัพท์ทางเทคโนโลยีสารสนเทศ
อินเทอร์เน็ต เว็บไซต์ โปรแกรมเมอร์ อีเมล เว็บเพจ ไฟล์ โฮมเพจ ดาวน์โหลด
เครือข่าย เว็บบอร์ด ฯลฯ
๓๔
แบบทดสอบวัดกึ๋น
บทที่ ๕ คำศัพท์ระดับวิชาการ
คำชี้แจง นักเรียนอ่านข้อคำถามและคำตอบให้ละเอียดแล้วท่าเครื่องหมาย (X) ทับ
อักษร ก, ข, ค และ ง ลงในกระดาษคำตอบที่ตรงกับตัวเลือกที่นักเรียนเห็นว่าถูก
ต้องเพียงข้อเดียว
๑. ข้อใดเป็นศัพท์ทางวิทยาศาสตร์ครบทุกคำ
ก. คอมพิวเตอร์ โปรตอน คลินิก
ข. โปรตีน โปรตอน โปรเตสแตนต์
ค. ออกไซด์ ออกซิเจน ออกซิเดชัน
ง. ไมโครฟิล์ม ไมโครโฟน ไมโครเวฟ
๒. ข้อใดเป็นคำศัพท์ทั่วไปไม่ใช่ศัพท์วิชาการ
ก. บุรี บรรพต วิหค
ข. เซลล์ อะตอม คลอโรฟิลล์
ค. นิติภาวะ รอนสิทธิ์ ลาภงอก
ง. อุปสงค์ อุปทาน ไตรมาส
๓. ข้อใดไม่ใช่ศัพท์วิชาการ
ก. เกมโอเวอร์
ข.สารเสพติด
ค. โรคพิษสุราเรื้อรัง
ง. มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์
๔. ข้อใดมีศัพท์วิชาการที่บัญญัติด้วยวิธีสมาส
ก. พรุ่งนี้ฉันเรียนวิชาคณิตศาสตร์
ข. พรุ่งนี้ฉันไปทัศนาจรที่ต่างจังหวัด
ค. พรุ่งนี้ฉันไปพบจิตแพทย์ที่โรงพยาบาล
ง. ถูกทุกข้อ
๕.หน่วยงานใดมีหน้าที่บัญญัติการวิชาการและวิชาชีพ
ก.กระทรวงทุกกระทรวง
ข. สำนักราชบัณฑิตยสถาน
ค. กรมวิชาการกระทรวงศึกษาธิการ
ง. สมาคมครูภาษาไทยแห่งประเทศไทย
๓๕
๖. ข้อใดไม่ใช่เหตุผลที่ต้องใช้คำศัพท์วิชาการ
ก. เพราะต้องการเพิ่มคำศัพท์ให้มีใช้มากขึ้น
ข. เพราะเป็นการใช้ภาษาให้ถูกตามมาตรฐานวิชาการ
ค. เพราะต้องการให้ผู้ฟังอ่านเข้าใจความรู้หรือวิทยาการเหล่านั้น
ง. เพราะต้องรับความรู้หรือวิทยาการมาจากต่างประเทศจึงมีคำศัพท์มาด้วย
๗. ข้อใดมีศัพท์ทางเทคโนโลยี
ก. วัตถุดิบส่วนใหญ่ปรับราคาขึ้น ๔๐%
ข. บริการฝาก-ขายที่ดินอาคารอพาร์ตเมนต์
ค. เข้าถึงข้อมูลข่าวสารการเงินในโลกธุรกิจผ่านมือถือ
ง. มีบริการซ่อมและอะไหล่หลังการขายโดยทีมผู้ชำนาญ
๘. ข้อใดไม่ใช่ศัพท์เทคโนโลยีที่บัญญัติด้วยวิธีประสมคำ
ก. ส่งข้อมูลทางโทรพิมพ์ก็ได้
ข. จอภาพเสื่อมแล้วต้องนำไปซ่อมจริงๆ
ค. ที่บ้านมีจานเสียงเพลงสุนทราภรณ์หลายแผ่น
ง. วันนี้มีการถ่ายทอดการแข่งขันบาสเกตบอลคู่เอก
๙. ข้อใดเป็นศัพท์ทางธุรกิจครบทุกคำ
ก. อุปสงค์อุปทานอุปมา
ข. เงินเฟ้อเงินเงินร้อน
ค. รายหน้าขายปลีกขายส่ง
ง. ผู้ผลิตผู้บริโภคผู้ประกอบการ
๑๐. ข้อใดใช้ศัพท์ทางวิชาการต่างจากข้ออื่น
ก. เอกชนหลายแห่งกู้เงินมาก่อนด้วยดอกเบี้ยต่ำ
ข. การไหลออกของเงินตราต่างประเทศทำให้เกิดการลดค่าเงินบาท
ค. ถ้านำกาซธรรมชาติมาเป็นเชื้อเพลิงในรถยนต์จะมีมูลค่ามากที่สุด
ง. รายได้เข้าประเทศจากการส่งออกสูงทำให้เศรษฐกิจของประเทศเจริญเติบโต
๓๖
แบบทดสอบวัดกึ๋น
บทที่ ๕ คำศัพท์ระดับวิชาการ
คำชี้แจงจงเขียนเครื่องหมาย / หน้าข้อที่ถูกและเครื่องหมาย X หน้าข้อที่ผิด
พร้อมอธิบายเหตุผลข้อที่เห็นว่าผิด
ตอนที่ ๑
___๑. ในหนังสือแบบเรียนมักพบค่าศัพท์ทางวิชาการ
___๒. คำศัพท์ทางวิชาการและเทคโนโลยีมักพบเฉพาะคำทับศัพท์เป็นจํานวนมาก
___๓. ปัจจุบันคำยืมภาษาต่างประเทศเข้ามาเพราะการรับวิทยาการใหม่ ๆ
___๔. คำทับศัพท์ที่ใช้ในภาษาไทยมีสาเหตุเพราะไม่มีการบัญญัติขึ้นมาหรือบัญญัติขึ้นมา
แต่ไม่เป็นที่นิยม
___๕. การใช้คำศัพท์ทางวิชาการผู้พูดและผู้เขียนควรศึกษาให้มากกว่าผู้อ่านและผู้ฟัง
___๖. แม่ค้าขายของในตลาดไม่จำเป็นต้องใช้คำศัพท์ทางวิชาการและเทคโนโลยี
___๗. ทุกวันนี้เราหลีกเลี่ยงศัพท์ทางวิชาการและวิชาชีพไม่ได้
___๘. วรรณศิลป์อุปมาเป็นศัพท์วิชาการด้านวรรณคดี
___๙. ความร้อนแฝงจุดเยือกแงเป็นคำศัพท์วิชาการที่ใช้วิธีประสมคำจากคำไทยล้วน
___๑๐. แหล่งข้อมูลเรื่องคำศัพท์วิชาการและคำศัพท์วิชาการและเทคโนโลยีค้นคว้าได้จาก
พจนานุกรมคำศัพท์วิชาการเฉพาะสาขาของราชบัณฑิตยสถานเท่านั้น
ตอนที่ ๒ อธิบายเหตุผลข้อที่เห็นว่าผิด
๑. มักพบในวงการนั้น ๆ เช่นอาชีพกีฬา
๒. เหตุผลควรศึกษาไปพร้อมกัน
๓. เหตุผลว่าเป็นต้องใช้ในการสื่อสาร
๔. เหตุผลสามารถค้นคว้าได้หลายทางเช่นอินเทอร์เน็ตหอสมุดแห่งชาติ
๖
ท่วงทำนองของคำโคลง
๓๘
โคลงสี่สุภาพ
โคลงสี่สุภาพ เป็นโคลงชนิดหนึ่งที่กวีนิยมแต่งมากที่สุด ด้วยเสน่ห์ของการบังคับ
วรรณยุกต์เอกโทที่ลงตัว ไพเราะสวยงาม คำว่า สุภาพ หมายถึง คำที่ไม่ได้มีรูป
วรรณยุกต์
โคลงสี่สุภาพ มีมาตั้งแต่สมัยต้นอยุธยาในมหาชาติคำหลวง โคลงนิราศหริภุญชัย
โคลงมังทราตีเชียงใหม่ และลิลิตพระลอ โคลงนิราศพระบาท กาพย์ห่อโคลง
พระราชนิพนธ์เจ้าฟ้าธรรมาธิเบศร
สมัยธนบุรี ได้แก่ โคลงยอพระเกียรติพระเจ้ากรุงธนบุรี และลิลิตเพชรมงกุฎ
สมัยรัตนโกสินทร์ วรรณกรรมที่ใช้โคลงสี่สุภาพที่เด่น ๆ ได้แก่ ลิลิตตะเลงพ่าย
โคลงนิราศนรินทร์ โคลงนิราศสุพรรณ โคลงโลกนิติ สามกรุง
โคลงสี่สุภาพเป็นคำประพันธ์ที่กวีชอบแต่ง และผ่านการพัฒนามายาวนาน
จนมีฉันทลักษณ์ที่ลงตัว และเป็นแบบฉบับดังที่ยึดถือกันในปัจจุบัน
ฉันทลักษณ์ของโคลง
โคลงประเภทโคลงสี่สุภาพบทหนึ่งมี ๔ บาทหรือ ๔ บรรทัดแต่ละบาทมี
๒ วรรค บังคับจำนวนคำ บังคับสัมผัส และบังคับว่าต้องมีคำหรือพยางค์ที่
ใช้เครื่องหมายวรรณยุกต์เอกจำนวน ๗ แห่ง และเครื่องหมายวรรณยุกต์โท
จำนวน ๔ แห่งคำหรือพยางค์ที่กำหนดให้เป็นวรรณยุกต์เอกอาจใช้คำตายแทนได้
วรรคหลังของบาทที่ ๑ และบาทที่ ๓ อาจมีคำสร้อยได้ ๒ คำ ดังแสดงไว้
ในเครื่องหมายวงเล็บ
ตัวอย่าง
เสียงลือเสียงเล่าอ้าง อันใด พี่เอย
เสียงย่อมยอยศใคร ทั่วหล้า
สองเขือพี่หลับใหล ลืมตื่น ฤาพี่
สองพี่คิดเองอ้า อย่าได้ ถามเผือ
จาก ลิลิตพระลอ
๓๙
ข้อบังคับของโคลงสี่สุภาพ (สังเกตจากแผนผัง)
๑. บทหนึ่งมี ๔ บรรทัด
๒. วรรคหน้าของทุกบรรทัด มี ๕ พยางค์ วรรคหลังของบรรทัดที่ ๑ - ๓ มี ๒ พยางค์
บรรทัดที่ ๔ มี ๔ พยางค์ สามารถท่องจำนวนพยางค์ได้ ดังนี้
ห้า - สอง (สร้อย ๒ พยางค์ มักลงท้ายด้วย นา แฮ เฮย เพื่อรับคำ ต่อคำ เชื่อมคำ )
ห้า - สอง
ห้า - สอง (สร้อย ๒ พยางค์ มักลงท้ายด้วย นา แฮ เฮย เพื่อรับคำ ต่อคำ เชื่อมคำ )
ห้า - สี่ (หากจะให้เกิดความไพเราะในการอ่านนิยมลงเสียงจัตวา)
๓. มีตำแหน่งสัมผัสตามเส้นโยง
๔. บังคับรูปวรรณยุกต์ เอก ๗ โท ๔ ตามตำแหน่งในแผนผัง
๕. กรณีที่ไม่สามารถหาพยางค์ที่มีรูปวรรณยุกต์ตามต้องการได้ให้ใช้
เอกโทษ และโทโทษ
คำตาย คือ
๑. คำที่ประสมสระเสียงสั้นแม่ ก กา (ไม่มีตัวสะกด) เช่นกะ ทิ สิ นะ ขรุ ขระ เละ
เปรี๊ยะ เลอะ โป๊ะ ฯลฯ
๒. คำที่สะกดด้วยแม่ กก กบ กด เช่น เลข วัด สารท โจทย์ วิทย์ ศิษย์ มาก โชค ลาภ
ฯลฯ
คำโท ได้แก่ พยางค์ที่มีรูปวรรณยุกต์โทบังคับ ไม่ว่าจะเป็นเสียงวรรณยุกต์ใดก็ตาม
เช่น ข้า ล้ม เศร้า ค้าน
คำเอก คำโท ใช้ในการแต่งคำประพันธ์ประเภท "โคลง" และ "ร่าย"และถือว่าเป็นข้อ
บังคับของฉันทลักษณ์ที่สำคัญมาก ถึงกับยอมให้เอาคำที่ไม่เคยใช้รูปเอก รูปโท
แปลงมาใช้
เอก และ โท ได้ เช่น เล่น นำมาเขียนใช้เป็น เหล้น ได้ เรียกว่า "โทโทษ"
ห้าม ข้อน นำมาเขียนเป็น ฮ่าม ค่อน เรียกว่า "เอกโทษ"
เอกโทษและโทโทษ นำมาใช้แก้ปัญหาได้ แต่ในปัจจุบันไม่นิยมใช้เอกโทษและโทโทษ
คำครุ ได้แก่ คำที่มีเสียงหนัก คือ คำที่ประสมกับสระเสียงยาวในมาตราแม่ ก กา
เช่น ดู นา ค้า ดี รวมทั้งคำที่ประสมด้วยสระ อำ ไอ ใอ เอา เช่น จำ ไป ใบ เขา
หรือคำที่มีตัวสะกด เช่น นก บิน ร้อง สวย งาม
คำลหุ ได้แก่ คำที่มีเสียงเบา คือ คำที่ประสมกับสระเสียงสั้นไม่มีตัวสะกด
และออกเสียงเบา เช่น จะ ดุ รึ และคำ ก็ บ บ่
คำสร้อย หมายถึง คำลงท้ายบทหรือท้ายบาทของคำประพันธ์ ปรกติจะมีคำที่มีความ
หมายอยู่ข้างหน้า แต่เนื่องจากยังไม่ครบจำนวนคำตามข้อบังคับ จึงต้องเติมคำสร้อยเพื่อ
ให้มีจำนวนคำครบ และอาจเพิ่มสำเนียงให้ไพเราะในการอ่าน คำที่ใช้เป็นคำสร้อยมักไม่มี
ความหมายใดเด่น เช่น พ่อ แม่ พี่ เทอญ นา นอ ฤๅ แล เฮย
๔๐
แบบทดสอบวัดกึ๋น
บทที่ ๖ ท่วงทำนองของคำโคลง
คำชี้แจง ให้ผู้เรียนทำเครื่องหมาย x ในช่องที่ตรงกับ ก ข ค หรือ ง ที่เป็นคำตอบที่ถูก
ต้องในกระดาษคำตอบ
ให้นักเรียนอ่านโคลงข้างล่างนี้ แล้วตอบคำถามข้อ ๑
เสียงลือเสียงเล่าอ้าง อันใด พี่เอย
เสียงย่อมยอยศใคร ทั่วหล้า
สองเผือพี่หลับใหล ลืมตื่น ฤาพี่
สองพี่คิดเองอ้า อย่าได้ถามเผือ (ลิลิตพระลอ)
๑. โคลงบทนี้เรียกว่า โคลงชนิดใด
ก. โคลงสองสุภาพ
ข. โคลงสามสุภาพ
ค. โคลงสี่สุภาพ
ง. โคลงดั้น
๒. บาทแรกของคำประพันธ์ในข้อใดเป็นโคลงสี่สุภาพ
ก. วิชาเหมือนสินค้า อันมีค่าอยู่เมืองไกล
ข. เขาย่อมเปรียบเทียบความว่ายามรัก แต่น้ำผักต้มขมชมว่าหวาน
ค. รอนรอนสุริยะโอ้ อัสดง
ง. ความเอ๋ยความรัก เริ่มสมัครชั้นต้น ณ หนไหน
๓. โคลงสี่สุภาพ ๑ บท มีกี่บาท
ก. ๒ ข. ๔ ค. ๖ ง. ๘
๔. โคลงสี่สุภาพมีคำสร้อยได้กี่แห่ง
ก. ๑ ข. ๒ ค. ๓ ง. ๔
๕. โคลงสี่สุภาพบังคับเอกโทอย่างไร
ก. เอก ๗ โท ๔
ข. เอก ๔ โท ๗
ค. เอก ๔ โท ๔
ง. เอก ๗ โท ๗
๔๑
๖. ตำแหน่งที่เติมคำสร้อยในโคลงสี่สุภาพคือข้อใด
ก. ท้ายบาทที่ ๑ และ ๔
ข. ท้ายบาทที่ ๑ และ ๒
ค. ท้ายบาทที่ ๒ และ ๔
ง. ท้ายบาทที่ ๑ และ ๓
๗. การแต่งโคลงสี่สุภาพมีการอนุโลมให้ใช้คำอะไรแทนคำเอกได้
ก. คำเป็น
ข. คำตาย
ค. คำซ้ำ
ง. คำซ้อน
๘. ข้อใดเป็นคำตายทุกคำ
ก. ทา บ้าน
ข. มี พวก
ค. ดาว ศุกร์
ง. พระ บาตร
๙. ข้อใดไม่ใช่ลักษณะบังคับของโคลงสี่สุภาพ
ก.โคลงสี่สุภาพ ๑ บท มี ๔ บาท
ข. คำเอกมี ๗ แห่ง คำโทมี ๔ แห่ง
ค. วรรคหน้ามี ๕ คำ วรรคหลังมี ๒ คำ
ง. ตำแหน่งที่เติมคำสร้อยได้ คือ ท้ายบาทที่ ๑ และ ๓
๑๐. สิ่งใดในโลกล้วน อนิจจัง
คงแต่บาปบุญ.......... เที่ยงแท้
คือเงาติดตัวตรัง ตึงแน่น อยู่นา
ตามแต่บาปบุญ............ ก่อเกื้อรักษา
ควรนำคำในข้อใดมาเติมลงในช่องว่างของโคลง จึงจะได้ใจความเหมาะสม
ก. ฟัง ที่
ข. ทั้ง แท้
ค. ยัง แล้
ง. ยัง มี
๔๒
แบบทดสอบวัดกึ๋น
บทที่ ๖ ท่วงทำนองของคำโคลง
ให้นักเรียนเลือกคำต่อไปนี้ไปเติมในโคลงสี่สุภาพให้ถูกต้องเหมาะสม และมี
ใจความสำคัญเช่นเดียวกับอิศรญาณภาษิตที่กำหนด
๑. จงฟังหูไว้หูคอยดูไป เชื่อน้ำใจดีกว่าอย่าเชื่อยุ
ทิ้ง บ่ คง ด้วน ด้วย ใคร่ น้อย ยิ่ง เพราะ
ยินคดีมีเรื่อง____ ใหญ่ไฉน ก็ดี
ยัง____ลงเห็นไป เด็ด____
ฟังตอบขอบคำไข คิด____ครวญนา
ห่อนตัดสินห้วนห้วน เหตุ____เบาความ
โคลงสุภาษิตนฤทุมนาการ : รัชกาลที่ ๕
๒. เกิดเป็นคนเชิงดูให้รู้เท่า ใจของเราไม่สอนใจใครจะสอน
ยาก รู้ ชั่วช้า แต่ง ผีบ้า สอน ได้ ทราบ ง่าย
ใจชนใจ____ โฉงเฉง
ใจจัก____ใจเอง ไป่____
ใจปราชญ์ดัดตามเพลง พลัน____
ดุจช่างปืนดัดไม้ ____แต่งให้ปืนตรง
โคลงโลกนิติ : สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาเดชาดิศร
๔๓
แบบทดสอบวัดกึ๋น
บทที่ ๖ ท่วงทำนองของคำโคลง
ให้นักเรียนใช้คำในกรอบเติมลงในคำประพันธ์ให้ถูกต้องตามฉันทลักษณ์
ของโคลงสี่สุภาพ
๑. ได้ ไส้ มุ่ง แม้ เกื้อ
รักชาติยอมสละ____ ชีวี
รักเกียรติจงเจตน์พลี ชีพ____
รักราช____ภักดี รองบาท
รักษสน์ราญเศิก____ เพื่อ____พระศาสนา
สยามานุสสติ
๒. อื่น ยี ดี แท้ สู้
ชนะตนประเสริฐ____ เป็น____
ชนะอื่นทั้งธรณี ไป่____
ฝึกจิตและกา____ เว้นโลภ โกรธนา
ดีกว่าชนะผู้____ ด้วยกำลัง
พุทธพจน์
๔๔
เฉลย
แบบทดสอบ
วัดกึ๋น
๔๕
เฉลยแบบทดสอบวัดกึ๋น
บทที่ ๑ คำเทศคำไทยใช้คล่อง
ให้นักเรียนเขียนคำศัพท์ภาษาจีน ญีปุ่น ให้สัมพันธ์กับภาพต่อไปนี้
๑. ๒.
.................ก..ง...เ.ต.๊..ก........................ .....................เ.ต..้.า..ห.ู.้.....................
๓. ๔.
..................ข...า..ก..๊.ว..ย...................... ..................ห...น..ำ...เ.ล.ี.๊.ย..บ..................
๕.
......................เ..ข.่.ง........................
๔๖
๖. ๗.
.....................ก..ิ.ม.ิ..โ..น..................... ...................ซ...า..ก..ุ.ร..ะ.....................
๘. ๙.
..................เ..บ...น...โ..ต..ะ.................... ........................ซ..ู.ช.ิ......................
๑๐.
.....................ย..ู.โ..ด........................