The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

เอกสารประกอบการสอนวิชาการศิลปะเชิงพาณิชย์

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by prapaiwan khamlim, 2021-03-07 04:07:29

เอกสารประกอบการสอนวิชาการศิลปะเชิงพาณิชย์

เอกสารประกอบการสอนวิชาการศิลปะเชิงพาณิชย์

84

รปู ที่ 10 ตัวอย่างตวั อกั ษรบนโลโก้
3. เลอื กสีใหเ้ หมำะสม สที กุ สีมีความหมาย ทาให้เรามอง โลโก้แล้วรู้สึกถึงส่ิงที่กาลังถูกสือ่
ออกมา พยายามเลือกสีให้เหมาะสมและดูบง่ บอกถงึ ธุรกจิ ของเรา เพราะสีทเ่ี ราเลือกนนั้ จะถูกจดจาไปใน
องค์กรตลอดไป เทคนิคง่าย ๆ สาหรบั คนทีย่ ังไม่มีพ้นื ฐานแนะนาวา่ ควรเข้าใจทฤษฏีการใช้สี ความหมายของสี
แตล่ ะสีเสียก่อน
4. อยำ่ ใช้ Effect บนโลโก้เยอะเกนิ ไป โลโกน้ ้ันตอ้ งการความเรยี บง่าย และความหมายทดี่ ู
แลว้ สามารถจดจาได้ง่าย อยา่ พยายามใช้ Effect แปลก ๆ บนโลโก้เพราะน่ันจะทาให้โลโก้ของเราน้ันดูไม่มีพลงั
เลย

รปู ที่ 11 อยา่ ใช้ Effect บนโลโก้เยอะเกนิ ไป
5. ออกแบบโลโกจ้ ำกพนื้ หลงั สีขำว เร่ิมแรกออกแบบพยายามใชพ้ นื้ หลงั สีขาวก่อน
เพราะว่าจะสามารถทาใหเ้ ราเหน็ องค์ประกอบตา่ ง ๆ ของโลโกไ้ ดช้ ัดมากขน้ึ หลังจากออกแบบบนพืน้ หลงั สี
ขาวเสร็จแลว้ คอ่ ยนาไปต่อยอดทาอย่างอืน่ ต่อ เชน่ พน้ื หลงั สีดาหรอื ทาเป็นลายไม้ สิ่งเหล่านจี้ ะมาคอยชว่ ย
ส่งเสรมิ โลโก้ของเราในภายหลัง

85

6. เล่นกับพืน้ ทวี่ ำ่ ง ลองเลน่ กับพื้นทใ่ี นตวั โลโก้ ให้มีความหลากหลายมากข้นึ และท่ีสาคัญ
ต้องทาใหโ้ ลโกเ้ กิดความสมดุลของการจดั วาง การเลน่ กบั พื้นทีว่ า่ งนนั้ จะสามารถทาให้โลโกท้ เี่ ป็นตัวอักษรดไู ม่
อึดอัดจนเกนิ ไป

รูปที่ 12 การเลน่ กับพน้ื ทีว่ ่างของโลโก้
7. อยำ่ ใช้สรี ุ้ง สีเยอะ ๆ ดูสวยดี แต่กบั โลโก้นน้ั ไม่ใช่ โลโก้ที่ดหี รอื โลโก้ระดับโลกนัน้ สงั เกต
ไดเ้ ลยวา่ ใช้สไี มเ่ กิน 1–2 สี เพียงเพ่อื ต้องการให้คนจดจากบั สีนั้นไปตลอดเวลา

รูปท่ี 13 อย่าใชส้ ีรงุ้ เยอะ ๆ ในการออกแบบโลโก้

86

8. โลโกไ้ ม่ใช่ดูดีอยำ่ งเดียวแตต่ ้องสื่อควำมหมำยใหไ้ ด้ โลโกเ้ ป็นหน้าตาในส่วนแรกของ
บริษทั ทลี่ ูกค้าจะดู จงึ ไมจ่ าเป็นต้องออกแบบใหด้ ูดมี ากมาย แต่ควรทีจ่ ะต้องออกแบบให้สื่อความหมายได้ และ
ทาใหค้ นจดจาได้ง่าย เพราะโลโกจ้ ะอยู่กับธรุ กิจหรอื แบรนด์น้นั ๆ ไปตลอด

รปู ที่ 14 การสอื่ ความหมายของโลโก้
9. อย่ำ Copy งำนคนอน่ื ถา้ คดิ ไม่ออกหรือทาไม่ได้ ไม่ควรจะไป Copy งานคนอน่ื เพราะ
สมยั นโ้ี ลกแห่งอินเตอรเ์ น็ตมนั กว้างคน้ หาไมน่ านก็เจอ คาวา่ Inspiration กบั Copy มันต่างกนั ถา้ เปน็ แค่
Inspiration ยงั พอได้แต่ถา้ Copy เลยอาจจะทาใหค้ วามน่าเช่ือถอื ของเราลดลง
10. โลโก้ทดี่ ีตอ้ งผ่ำนกำรคดิ อย่ำงรอบคอบ หลายคนลงมอื ทาโลโกไ้ ปโดยที่ยังไมม่ ี
จดุ ประสงค์ หรือไอเดยี ด้วยซ้า ซงึ่ มนั ไม่ดเี สียเลยเพราะเราต้องไม่ลืมว่าโลโกน้ ้ันจะต้องอยกู่ บั ธุรกิจหรือองค์กร
น้นั ตอ่ ไปอีกนาน เพราะว่าก่อนเร่มิ ทาโลโก้ทุกครง้ั ควรจะต้องคิดใหร้ อบคอบในทกุ ๆ อย่างหรอื ทุก
องค์ประกอบเสียก่อน
บทสรุป
โลโก้ (Logo) คือเคร่ืองหมายหรือสัญลกั ษณ์ เปน็ ผลของการออกแบบกราฟิกทเ่ี กยี่ วข้องกับ
สัญลักษณ์ (Symbolism) เป็นภาพสัญลักษณ์หรอื เครื่องหมายต่าง ๆ ท่ีช่วยสรา้ งเอกลกั ษณ์ แก่สินค้าและ
บริษทั ของตน โดยวตั ถุประสงคห์ ลักคือ เพื่อให้มีเอกลักษณ์แบบเฉพาะของตนเอง สอดคล้องกับผลติ ภณั ฑ์
และเพ่ือให้ผู้พบเหน็ จดจางา่ ย เกิดความนา่ เช่ือถือ หรอื ตราตรึงผบู้ รโิ ภคตลอดไป

87

แบบทดสอบบทท่ี 4

ตอนที่ 1 จงเลอื กคำตอบท่ีถูกต้องที่สุดเพยี งขอ้ เดียว

1.ขอใดไมใ่ ชล่ ักษณะท่ีสื่อว่าน่คี ือ โลโก้ 6. คาวา่ Logo หมายความวา่ อย่างไร

ก. 1.สอ่ื ถึงตัวตนได้ ก. 1.หนา้ ตา่ ง

ข. 2.เปน็ ท่จี ดจา ข. 2.สญั ลกั ษณ์

ค. 3.สือ่ ได้แม้ไม่ใช้สสี ัน ค. 3.ทวิ ทรรศ

ง. 4.ถกู ทุกข้อ ง. มุมมอง

2.โลโกม้ ีความสาคัญอย่างไร 7.MSWLogo ย่อมาจากคาว่า อะไร

ก. 1.ชว่ ยใหเ้ ปน็ ทีจ่ ดจา ก. 1.Microsoft Windows Logo

ข. 2.ชว่ ยให้จาหน่ายงา่ ยขนึ้ ข. 2.Microsoft Windows Media

ค. 3.บอกถึงความเป็นตัวตน Logo

ง. 4.ถูกทัง้ ข้อ ก. และ ค. ค. 3.Micromedia Windows

3.โลโก้ คืออะไร Logo

ก. 1.สิ่งที่สามารถสรา้ ง คา่ นิยม แรง ง. 4.Micro Media Logo

บนั ดาลใจ 8.Circle คือ คาสัง่

ข. 2.ส่ิงท่ีทาใหเ้ พยี งแค่ชม ก. 1.วาดส่วนโคง้

ค. 3.สง่ิ ที่บ่งบอกอารมณ์ ข. 2.วาดวงกลม

ง. 4.ถูกทุกข้อ ค. 3.ทาซ้า

4.หลกั การใดที่ควรมใี นการ ออกแบบโลโก้ ยกเวน้ ง. 4.ย้อนเวลากลบั

ขอ้ ใด 9.คาส่งั Penup คือคาสง่ั

ก. 1.จดจางา่ ย ก. 1.เขียนปากกา

ข. 2.ไมซ่ บั ซ้อน ข. 2.ยกปากกา

ค. 3.ตอ้ งดูแล้วหรหู ลา ค. 3.วางปากกา

ง. 4.นาไปใช้ไดห้ ลากหลาย ง. 4.ลบปากกา

5.หากตอ้ งการลบภาพหน้าจอ สามารถใช้คาส่ังใด 10.คาส่งั cs หมายถึง

ก. 1.CLS ก. 1.วาดเสน้

ข. 2.CS ข. 2.กาหนดขนาดเส้น

ค. 3.SETSC ค. 3.ลา้ งข้อมูล

ง. 4.SETPC ง. 4.แก้ไขข้อมลู

ใบงำนที่ 5 88
ช่ือวิชำ ศิลปะเชิงพำณิชย์
รหสั 2202-2112
ชื่อหน่วย สญั ลักษณ์ทำงธุรกจิ

ตอนที่ 2 จงตอบคำถำมตอ่ ไปนใ้ี หไ้ ดใ้ จควำมสมบรู ณ์ (ทำลงในสมดุ )
1.การจัดแสดงสินค้า คือ
2.วัตถปุ ระสงคข์ องการจดั แสดงสินคา้
3.ประโยชน์ของการจัดแสดงสนิ คา้ มอี ะไรบา้ ง
4.เทคนคิ การใช้สีในการจดั แสดงสนิ ค้า
5.วธิ กี ารจดั แสงมอี ะไรบ้าง

89

บทที่6 เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร
งานศลิ ปะเชิงพาณชิ ย์

สำระสำคญั
ความรูท้ างเทคโนโลยสี มัยใหม่ในปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็น เรื่อง Computer Vision, Machine Learning,
Robotics, Multimedia นอกจากจะนามาช่วยในงานอุตสหากรรมและธุรกิจหลักโดยท่ัวไปแล้ว ยังมีนัก
ประดิษฐ์ หลายๆท่านนามาใช้ในงานศิลปะด้วย โดยมักจะใช้ในการแสดงผลงานศิลปะในรูปแบบใหม่ๆ ท่ี
อาจจะไม่เคยทาได้มาก่อน โดยเฉพาะการท่ีผลงานนั้นสามารถมีปฎิสมั พันธ์กับผ้ชู มได้มากกว่าเดิม งานเหล่าน้ี
มักอยูใ่ นรูปแบบทเ่ี รยี กว่า New Media Art
ควำมหมำยของเทคโนโลยี สำรสนเทศและกำรส่อื สำร (ICT)
ความหมายของเทคโนโลยี สารสนเทศและการสื่อสาร (ICT)Information and Communication
Technology แปลวา่ เทคโนโลยีสารสนเทศและการส่อื สาร หมายถึง

เทคโนโลยีท่ีเก่ียวข้องกับข่าวสาร ข้อมูลและการสื่อสาร นับต้ังแต่การสร้าง การนามา
วิเคราะห์หรือประมวลผล การรับและส่งข้อมูล การจัดเก็บและการนาไปใช้งานใหม่ เทคโนโลยีเหล่านี้มักจะ
หมายถึง คอมพิวเตอร์ ซ่ึงประกอบด้วยส่วนอุปกรณ์ (hardware) ส่วนคาส่ัง (software) และส่วนข้อมูล
(data) และ ระบบการสื่อสารต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นโทรศัพท์ ระบบส่ือสารข้อมูล ดาวเทียมหรือเคร่ืองมือส่ือสาร
ใด ๆ ทั้งมีสายและไร้สาย (ความ หมายตามท่ีให้ไว้ในแผนแม่บทเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารของ
ประเทศไทย พ.ศ. ( 2545-2549 ) เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารมีความจาเป็น ต่อชีวิตประจาวันทุก
วันน้ีอย่างย่ิง จึงต้ังหน่วยงานขึ้นรองรับและบริการ เกิดเป็นกระทรวงใหม่ช่อื “กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศ
และการสื่อ สาร-Ministry of Information and Communication Technology” หรอื กระทรวงไอซที ี-ICT

เทคโนโลยีสารสนเทศ (information technology) , ไอ ที (IT) หรอื เทคโนโลยสี ารสนเทศและ
การส่ือ สาร (information and communications technology) , ไอซีที (ICT) หมายถึงเทคโนโลยีสาหรับ
การประมวลผล สารสนเทศ ซึ่งครอบคลุมถึงการรับ-ส่ง, แปลง, จัดเกบ็ , ประมวลผล, และคน้ คืนสารสนเทศ

90

เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร หมายถึง เทคโนโลยีท่เี กี่ยวข้องกบั ขา่ วสารข้อมูลและการส่ือสาร
นับต้ังแต่การสร้าง การนามาวิเคราะห์หรือประมวลผล การรับและส่งข้อมูล การจัดเก็บและการนาไปใช้งาน
ใหม่ เทคโนโลยีเหล่าน้ีมักจะหมายถึงคอมพิวเตอร์ซ่ึงประกอบด้วยส่วนอุปกรณ์ (hardware) ส่วนคาสั่ง
(software) และส่วนข้อมูล (data) และ ระบบการส่ือสารต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นโทรศัพท์ ระบบส่ือสารข้อมูล
ดาวเทียมหรือเคร่อื งมือสือ่ สารใด ๆ ทั้งมีสายและไรส้ าย (ครูนายู ลา : 2008)

จากความหมายข้างต้น สรุปได้ว่า เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร หมายถึง ข้อมูลท่ีได้ถูกผ่าน
กระบวนการต่างๆกลั่นกรองมาเป็นข้อมูลสารสนเทศ ซ่ึงเป็นท้ังเทคโนโลยีและการส่ือสาร อาจเรียกได้ว่า
เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารนับต้ังแต่ การสร้าง การนามาวิเคราะห์หรือประมวลผล การรับและส่ง
ข้อมูล การจดั เกบ็ และการนาไปใชง้ านใหม่

องค์ประกอบของระบบสำรสนเทศ
องค์ประกอบของระบบสารสนเทศท่ีทาให้การจัดการข้อมูลมีประสิทธิภาพ และได้สารสนเทศท่ี
นามาใชป้ ระโยชน์ได้ มีดังนี้
1. ฮาร์ดแวร์ (Hardware) หมายถึง เคร่ืองมือหรืออุปกรณ์ต่างๆ ท่ีใช้งานในระบบสารสนเทศ เช่น
อุปกรณส์ านกั งาน และเคร่อื งมืออเิ ล็กทรอนกิ ส์ต่างๆ โดยฮาร์ดแวรท์ ีส่ าคญั ทีส่ ดุ ในระบบสารสนเทศ คือ เครือ่ ง
คอมพิวเตอร์ ฮาร์ดแวร์ของเครือ่ งคอมพิวเตอร์ สามารถแบ่งได้ตามหนว่ ยการทางาน ดังน้ี

หน่วยรับข้อมูล (Input Unit) เป็นฮาร์ดแวร์ที่ทาหนา้ ท่ีในหน่วยรับข้อมลู เรยี กวา่ อุปกรณ์รับ
ข้อมูล (Input Devices) ได้แก่ แป้นพิมพ์ (Keyboard) เมาส์ (Mouse) กล้องดิจิทัล (Digital Camera)
สแกนเนอร์ (Scanner) และไมโครโฟน (Microphone)

หน่วยประมวลผลกลำงหรือซีพียู (CPU : Central Processing Unit) มีลักษณะเป็นวงจร
อิเล็กทรอนิกส์หรือชิป (Chip) ภายในประกอบด้วยทรานซิสเตอร์ (Transistor) และอุปกรณ์อื่นๆ รวมอยู่
ด้วยกนั จานวนมากภายในคอมพวิ เตอร์

หน่วยควำมจำ (Memory Unit) เป็นหน่วยที่ทางานในเคร่ืองคอมพิวเตอร์ด้วยความเร็ว
มากทสี่ ุด มีหลายแบบทงั้ แบบทตี่ ิดต้ังในเครื่องคอมพวิ เตอร์และแบบพกพาหนว่ ยความจาแบ่งตามลักษณะการ
ทางานเปน็ 2 ประเภท ได้แก่ หน่วยแสดงผล (Output Unit) ทาหนา้ ทแี่ สดงผลท่ีได้จากการประมวลผลข้อมูล
ได้แก่ เครื่องพมิ พ์ และจอภาพ

2. ซอฟต์แวร์ (Software) หรือ โปรแกรม คือชุดคาส่ังที่เรียงเป็นลาดับขั้นตอนเพ่ือสั่งให้
คอมพิวเตอร์ทางานและประมวลผลข้อมูลให้ได้สารสนเทศที่ต้องการ ปัจจุบันซอฟต์แวร์ที่ใช้ในการทางาน
ระดบั บคุ คล ระดับกล่มุ และระดับองคก์ ร มี 2 ประเภท ดงั นี้

91

1. ซอฟต์แวร์ระบบ ทาหน้าท่ีควบคุมการทางานของคอมพิวเตอร์ ต้ังแต่การรับข้อมูล การ
ประมวลผลข้อมูล การจัดเก็บข้อมูล และการแสดงผลข้อมูล ซอฟต์แวร์ระบบประกอบด้วยระบบปฏิบัติการ
และตัวแปรภาษา เช่น Microsoft Windows XP, Microsoft Windows Vista,Microsoft Windows 7,
Macintosh, Linux, Open Solaris, Chrome OS

2. ซอฟตแ์ วร์ประยุกต์ ทาหนา้ ทอี่ านวยความสะดวกในการทางานให้แก่ผู้ใช้งานระดับบุคคล
อย่างกว้างขวาง และส่งเสริมการทางานกลุ่มให้มีประสิทธิภาพ สาหรับในระดับองค์กร มักจะมีการพัฒนา
ซอฟต์แวร์ให้เหมาะสมกับลักษณะงานของแต่ละองค์กร โดยนักเขียนโปรแกรมในฝ่ายคอมพิวเตอร์ขององค์กร
น้ันๆ

3. บุคลำกร คือบุคคลท่ีใช้งาน จัดการ และควบคุมระบบสารสนเทศ ซึ่งหากบุคลากรมี
ความรู้ความสามารถในการใช้ฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ และปฏิบัติงานตามข้ันตอนที่ถูกต้อง ส่งผลให้ระบบ
สารสนเทศทางานได้อย่างมีประสิทธิภาพและได้ผลงานท่ีมีคุณภาพ บุคคลท่ีเกี่ยวข้องในการจัดการระบบ
สารสนเทศ มีดงั น้ี

1) นักวิเครำะห์ระบบ (System Analyst) คือ ผู้ทาหน้าที่วิเคราะห์ระบบ
การทางานของเครื่องคอมพิวเตอร์หรือระบบสารสนเทศท่ีต้องการ โดยศึกษาปัญหาที่เคยเกิดข้ึนในระบบ
สารสนเทศ ตลอดจนหาแนวทางในการแก้ไขและปรับปรุงระบบสารสนเทศให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น โดย
นกั วเิ คราะห์ระบบแบ่งเป็น 2 ประเภท ดังนี้

1.1 นกั วเิ คราะหร์ ะบบทเ่ี ป็นบุคลากรภายในองคก์ ร (Staff employee within theorganization)
1.2 นักวิเคราะห์ระบบทเ่ี ป็นท่ปี รกึ ษาจากภายนอก (Outside or externalconsultant)

2) โปรแกรมเมอร์ (Programmer) คือ ผู้ท่ีทาหน้าที่รับระบบสารสนเทศ
จากนักวิเคราะห์ระบบท่ีได้จัดทาไว้มาเขียนหรือสร้างให้เป็นโปรแกรม เพื่อส่ังงานเครื่องคอมพิวเตอร์ให้ทา
หน้าทีไ่ ด้ผลลพั ธต์ ามที่ออกแบบมา

3) เจ้ำหน้ำท่ีฝ่ำยปฏิบัติงำนเคร่ือง (Operator) คือ ฝ่ายที่ทาหน้าที่ติดตั้ง
โปรแกรมคอมพิวเตอร์ลงในเครื่องคอมพิวเตอร์ เพ่ือให้เครื่องคอมพิวเตอร์สามารถใช้งานได้ตรงตามความ
ตอ้ งการอย่างมีประสิทธภิ าพ

4) ผู้ใช้ (User) เปน็ ผใู้ ชง้ านระบบสารสนเทศโดยตรง ผู้ใชร้ ะบบสารสนเทศที่
ดจี ะตอ้ งมีความรเู้ กย่ี วกับการใชเ้ ครื่องคอมพวิ เตอร์และซอฟต์แวรท์ ีใ่ ช้

4. ข้อมูล คือ องค์ประกอบที่ชี้วัดความสาเร็จหรือความล้มเหลวของระบบสารสนเทศ ข้อมูลที่ดี
ซ่ึงเหมาะแก่การนาไปใช้งานต้องเป็นข้อมูลท่ีถูกต้อง ทันสมัย และมีความน่าเช่ือถือ โดยผ่านกระบวนการ
กลั่นกรองและตรวจสอบแล้ว นอกจากนี้ระบบต้องมีการจัดเก็บข้อมูลให้เป็นระเบียบเพ่ือความสะดวกต่อการ
ค้นหา

92

5. ขั้นตอนกำรปฏิบัติงำน คือ ระเบียบ วิธีการปฏิบัติงาน ลาดับขั้นตอนในการปฏิบัติงานหรือ
กระบวนการในการจัดการข้อมูลให้เปน็ สารสนเทศท่ีสามารถนาไปใชป้ ระโยชนไ์ ด้ ได้แก่

1. การรวบรวมขอ้ มูล
2. ตรวจสอบข้อมลู
3. ประมวลผลข้อมลู
4. จดั เก็บและดูแลรักษาขอ้ มลู
ประเภทของกำรสื่อสำร
1. จำแนกตำมจำนวนของผู้ทำกำรสอ่ื สำร
1.1การส่ือสารภายในบุคคล (Intrapersonal communication) เป็นการสื่อสารภายในตัว
บุคคล ซึ่งอาจมีผลมาจากสงิ่ เร้าภายนอก เช่น การอบรมเลย้ี งดู สาหรับการสอื่ สารในตวั บุคคลทจ่ี ะสง่ ผล
ดีตอ่ งานบรกิ าร คอื การมใี จรักในงานบรกิ าร ไม่เหน็ แกต่ ัว
1.2 การสื่อสารระหว่างบุคคล (Interpersonal communication) เป็นการสื่อระว่างบุคคล
2 คนขนึ้ ไป ซงึ่ มีการเห็นหน้า พดู คยุ มีปฏิสัมพนั ธต์ อ่ กัน เช่น การแนะนาสินคา้ ของพนกั งาน แพทย์หรือ
พยาบาล เปน็ ต้น
1.3การสื่อสารกลุ่มใหญ่ (Large group communication) เป็นการส่ือสารกับคนหมู่มาก
เช่น การเรยี น การสอน การบรรยาย การหาเสียง การอภิปรายในทสี่ าธารณะ หรือการประชมุ ในบรษิ ัท
1.4 การสื่อสารมวลชน (Mass communication) เป็นการสื่อสารไปสผู่ ้คู นจานวนมาก (การ
สื่อสารระดับมหภาค) โดยวิธีการส่ือสารชนิดต่างๆ กันไป เช่น หนังสือพิมพ์ วิทยุ โทรทัศน์ ภาพยนตร์
โฆษณา ใบปลิว แผ่นพับ เป็นต้น คือแม้ว่าบุคคลจะอยู่ต่างสถานท่ีกันก็สามารถรับทราบข่าวสารข้อมูล
เหมือนกนั ได้ ผ่านทางส่อื ตา่ งๆ เหลา่ น้ี
2. กำรจำแนกประเภทกำรสอ่ื สำรเพอ่ื กำรบริกำร โดยใชเ้ กณฑ์กำรเห็นหนำ้
2.1 การส่ือสารแบบเผชิญหน้า (Face to face communication)เป็นการสื่อสารท่ีท้ังผู้ส่ง
สารและผรู้ บั สารต่างเผชิญหน้ากนั ในการสนทนา เชน่ บรกิ รตอ้ งเข้ามารบั order จากลูกค้า แพทย์ต้อง
เข้าตรวจรกั ษา สอบถามอาการกบั คนไข้ เปน็ ต้น
2.2 การส่ือสารแบบไม่เผชิญหน้า (Interposed communication) คือการส่ือสารที่ไม่สารถ
เห็นหนา้ กันได้ เพราะทัง้ ผ้รู บั สารและผ้สู ง่ สารต่างอย่กู ันคนละท่ี เช่น การส่งจดหมาย การโทรศัพท์ เป็น
ตน้

93

3. จำแนกประเภทของกำรสื่อสำรเพอ่ื กำรบริกำรตำมหลักวิชำกำร
3.1 การสอ่ื สารระหวา่ งบุคคล (Interpersonal communication) เป็นการสือ่ สารภายในตัว

บุคคล ซ่ึงอาจมีผลมาจากสง่ิ เรา้ ภายนอก เชน่ การอบรมเล้ยี งดู
3.2 การสื่อสารมวลชน (Mass communication) เป็นการส่ือสารไปสผู่ คู้ นจานวนมาก (การ

ส่ือสารระดบั มหภาค) โดยวธิ กี ารสื่อสารชนิดตา่ งๆ กันไป เช่น หนังสือพิมพ์
3.3 การสื่อสารในองค์กร (Organization communication) ซึ่งการสื่อสารภายมนองค์กรน้ี

มีความสาคัญอย่างมากต่อการพัฒนาสินค้าและบริการ เพราะบุคลากรจาเป็นต้องทราบนโยบาย
ตลอดจนกลยุทธต์ ่างๆ

3.4 การส่ือสารระหว่างวัฒนธรรม (Intercultural communication) มีความสาคัญเช่นกัน
ในงานบริการ เนื่องจากงานบริการท่ีดีน้ัน ไม่ควรจากัดเฉพาะบุคคลเชื้อชาติ ดังนั้นพนักงานควรเรียนรู้

3.5 การสื่อสารดา้ นการสอน (Instructional Communication)
3.6 ระบบข่าวสาร (Information System) หากมองง่ายๆ คือระบบ E-Commerceเป็น
ระบบการสงั่ ซ้ือสนิ ค้าทางอนิ เทอร์เน็ต
4. จำแนกประเภทโดยกำรใชภ้ ำษำเปน็ เกณฑ์
4.1 วจนภาษา (Verbal communication) เป็นการส่ือสารท่ีใช้ถ้อยคา มีท้ังภาษพูดและ
ภาษาเขียน เช่นการพูดเพ่ือจูงใจให้ซื้อสินค้าและบริการ หรือใบปลิวโฆษณาโปรโมช่ันโทรศัพท์มือถือ
เป็นตน้
4.2 อวจนภาษา (Non-Verbal Communication) เป็นการส่ือสารท่ีใช้อากัปกริยาแทน
คาพูด เช่น การยกมือไหว้ลูกค้าเพ่ือต้อนรับ การแสดงแววตา ท่าทางที่เป็นมิตร การสัมผัสมือคนไข้เพ่อื
ความอบอุ่นใจ หรือการนาวัสดุอุปกรณ์ต่างๆ มาเพื่อบริการลูกค้า ไม่ว่าจะเป็น โต๊ะ เก้าอ้ี จาน ชาม
ชอ้ น ส้อม ท่ีมีความสวยงาม แข็งแรง ทนทาน เหมาะแกก่ าลเทศะ เปน็ ตน้ Related image

94

แบบทดสอบบทที่ 5

ตอนที่ 1 จงเลือกคำตอบท่ีถูกต้องที่สุดเพียงข้อเดียว

1. ความหมายของ “เทคโนโลยีสารสนเทศ” คือ ค. ผนวกอุปกรณ์หลายๆ อย่างไว้ในเคร่ือง

อะไร เดียวกนั

ก. ขอ้ มลู ทไ่ี ด้ผ่านการประมวลผล ง. หน้าจอแบบสัมผัส สามารถส่ังการได้

ข. กระบวนการประมวลผลข้อมลู ด้วยเสยี ง

ค. ขอ้ มลู ข่าวสารต่าง ๆ ทร่ี วบรวมไว้ 6. การกระทาใดต่อไปนี้ไม่จัดเป็นการประมวลผล

ง. การประยุกต์เอาคว ามรู้ทางด้ า น ขอ้ มูลคะแนนสอบของนักเรียน

วิทยาศาสตร์มาจดั การสารสนเทศ ก. การพมิ พ์คา่ คะแนน

2. ส่ิงใดคือองค์ประกอบของเทคโนโลยีสารสนเทศ ข. การหาคะแนนที่มีค่ามากทส่ี ดุ
และการสอื่ สาร ค. การเรยี งลาดับคะแนนจากมากไปนอ้ ย
ง. การนับจานวนนักเรียนที่ได้คะแนนน้อย
ก. ขอ้ มูล กว่า 40
ข. ชดุ คาสั่ง 7. ข้อความใดไมถ่ กู ตอ้ งเกย่ี วกบั ความรู้
ค. ตวั เคร่อื ง ก. สีทีช่ อบ วันเกิด จัดเป็นความรู้
ง. ถกู ทุกขอ้ ข. ความรู้ เป็นสิ่งท่ีได้จากการวิเคราะห์
3. สารสนเทศสามารถจดั เก็บได้ในรูปแบบใด สารสนเทศ
ก. ข้อความทเี่ ป็นเสียง ค. ทุนทางปัญญา เป็นความรู้ท่ีถูกรวบรวม
ข. ขอ้ ความท่ีเป็นตัวอักษรและตวั เลข ไว้ เพื่อใช้ประโยชน์ในองค์กร
ค . ข้ อ ค ว า ม ที่ เ ป็ น ภ า พ น่ิ ง แ ล ะ ง. วิเคราะห์ข้อมูลพ้ืนฐานของนักเรียนเพื่อ
ภาพเคล่อื นไหว
ง. ถกู ทกุ ขอ้

4. ข้อความใดคือประโยชน์ของเทคโนโลยี ใช้ประเมินความสามารถในการเรียนรู้

สารสนเทศและการสอ่ื สาร จดั เปน็ ความรู้

ก. ช่วยเสรมิ สรา้ งคุณภาพชีวติ ท่ดี ขี ้ึน 8. ลกั ษณะใดไม่ใชล่ กั ษณะของขอ้ มูลที่ดี
ข. ช่วยใหก้ ารทางานมีประสิทธิภาพมากข้ึน ก. ข้อมลู ที่สอดคล้องกัน
ค. ช่วยให้มีการเรียนรู้ได้ง่ายข้ึนและกว้าง ข. ข้อมูลมีเน้อื หาถกู ต้อง
ข้ึน ค. ข้อมูลตามเวลาที่ถกู ตอ้ ง
ง. ถูกทุกข้อ ง. ข้อมลู ท่ีไดม้ าอยา่ งรวดเร็ว
5. ลักษณะใดไม่ใช่แนวโน้มของเทคโนโลยี
สารสนเทศและการสือ่ สารในอนาคต 9. หากต้องการเก็บข้อมูล “ท่ีอยู่” ของนักเรียน
ก. ขนาดใหญ่ แตม่ ีราคาถกู ลง เป็นเขตข้อมูลหน่งึ ควรเก็บขอ้ มูลนใี้ นรูปแบบใด
ข. ขนาดเล็กลง แตม่ ปี ระสิทธิภาพสงู ขนึ้
ก. จานวนเต็ม
ข. ขอ้ ความ

95

ค. วันเวลา
ง. ไฟล์
10. การใช้งานโปรแกรมคอมพิวเตอร์ในข้อใด
ถูกตอ้ งตามกฎหมาย
ก. ซ้ือโปรแกรมไมโครซอฟต์วินโดวส์มาใช้
กบั เคร่ืองคอมพวิ เตอร์ที่บ้าน
ข. ขอสาเนาโปรแกรมไมโครซอฟต์วินโดวส์
ของเพือ่ นไปใชก้ ับเครอ่ื งตนเองทบี่ า้ น
ค. ป้อนรหัสผา่ นของตนเอง ใหเ้ พอื่ นคนอื่น
เขา้ ไปใช้โปรแกรมในเครือ่ งของโรงเรยี น
ง. ใช้โปรแกรมดักรูปภาพของเพ่ือนจาก
เครือข่ายไร้สาย เพื่อส่งให้เพื่อนนาไปลงใน
เวบ็ ไซต์ของโรงเรียน

ใบงำนที่ 6 96

ชอ่ื วิชำ ศลิ ปะเชงิ พำณิชย์ รหสั 2202-2112
ช่ือหนว่ ย เทคโนโลยีสำรสนเทศและกำรส่อื สำร

งำนศลิ ปะเชงิ พำณชิ ย์

ตอนท่ี 2 จงตอบคำถำมตอ่ ไปนใ้ี ห้ไดใ้ จควำมสมบูรณ์ (ทำลงในสมุด)
1. อธิบายความหมายของเทคโนโลยสี ารสนเทศและการสอ่ื สาร
2. อธิบายองคป์ ระกอบท่ีสาคญั ของระบบสารสนเทศ
3. เทคโนโลยสี ารสนเทศและการส่ือสารมีประโยชน์ต่อนักเรียนอย่างไร
4. อธบิ ายว่าอุปกรณ์เทคโนโลยีและสารสนเทศในอนาคตจะมีลักษณะอย่างไร ยกตัวอย่างประกอบ
5. อธิบายวา่ ขอ้ มลู คอื อะไร แตกต่างจากสารสนเทศและความร้อู ย่างไร

97

บรรณำนุกรม
ชะลดู น่ิมเสมอ. องคป์ ระกอบของศิลปะ. กรุงเทพฯ. ไทยวัฒนาพาณิช, 2534
นวลน้อย บญุ วงษ์. หลักการออกแบบ. กรุงเทพฯ: จุฬาลงกรณ์, 2539
นิวติ หะนนท.์ ศ012 ศลิ ปะนยิ ม 2. กรงุ เทพฯ: พริน้ ตง้ิ กราฟฟิค, 2540
บุญเยีย่ ม แย้มเมอื ง. สนุ ทรยี ะทางทัศนศลิ ป.์ กรุงเทพฯ: โอเดยี นสโตร์
ประยรู อลุ ชุ าฎะ และคณะ. ศิลปะกับสังคมไทย หน่วยท่ี 1-7. กรุงเทพฯ: สโุ ขทยั ธรรมาธริ าช, 2533
พระเทวาภินมิ มติ . ตาราลายไทย. กรงุ เทพฯ: นครเขษมบคุ๊ สโตร์, 2486
ภิญโญ สวุ รรณครี .ี ลายไทย. กรุงเทพฯ: จุฬาลงกรณ์, 2545
เลอสม สถาปิตานนท์. WHAT IS DESIGN ? การออกแบบคืออะไร. กรงุ เทพฯ: กราฟฟิค& พบั ลเิ คชัน่ ส์,
2537
วรพงษ์ วรชาตอิ ดุ มพงศ์. ออกแบบกราฟคิ GRAPHIC DESIGN. กรงุ เทพฯ. ศลิ ปาบรรณาคาร, 2535
วนดิ า ขาเขียว. ประวัตศิ าสตร์ศิลป.์ กรงุ เทพ : พรานนกการพิมพ์, 2543
วิรุณ ตั้งเจริญ. คู่มือจัดการเรียนรู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้ศิลปะ: ทัศนศิลป์. กรุงเทพฯ: พัฒนา คุณภาพ
วชิ าการ (พว.), 2546
วริ ณุ ต้งั เจริญ. ทัศนศลิ ป์. กรงุ เทพฯ: พัฒนาคุณภาพวชิ าการ (พว.), 2546
ยศนนั ท์ แยม้ เมอื งและคณะ. ทัศนศิลป์ ช้นั มธั ยมศึกษาปีที่ 4. กรงุ เทพฯ: ไทยวัฒนาพาณชิ , 2546
สงวน รอดบุญ. ลัทธิและสกุลชา่ งศลิ ปะตะวันตก. กรุงเทพ : โอเดยี นสโตร์ , 2533
สน วัฒนสิน. การศึกษาปัญหาการจัดการเรียนการสอนวิชาศิลปศึกษาโดยใช้ภูมิปัญญา ท้องถิ่นใน
โรงเรียนมัธยมศึกษาตอนตน้ สังกัดกรมสามัญศึกษา ในสามจังหวัดชายแดน ภาคใต.้ วทิ ยานิพนธ์, 2544
สาคร คันธโชติ. การออกแบบและพฒั นาผลิตภัณฑ์. กรงุ เทพฯ: โอเดียนสโตร์, 2528
สชุ าติ เถาทอง และคณะ. ศิลปทัศนศลิ ป.์ กรงุ เทพฯ: อักษรเจริญทศั น์, 2545
สชุ าติ เถาทอง และคณะ.ศลิ ปะทศั นศลิ ป์ (ม.4-ม.6). กรุงเทพ : อกั ษรเจริญทศั น์, 2546
สดุ ใจ ทศพรและโชดก เกง่ เขตรกจิ . ศ 305 ศิลปะกับชีวติ 5. กรุงเทพฯ.
สังเขต นาคไพจิตร. ศ 304 หลักการออกแบบ. มหาสารคาม. ปรีดาการพมิ พ์, 2530
เศรษมันตร์ กาญจนกุล. เส้นสายลายไทย (ชดุ ฐานเบื้องต้นการเขยี นลายไทย). กรงุ เทพฯ.
อารี สทุ ธิพนั ธ์. การออกแบบ. กรงุ เทพฯ: ไทยวฒั นาพาณิช, 2524


Click to View FlipBook Version