The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

พระมาลัยฉบับนายเส็ง-นางขำ-A5

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search

พระมาลัยฉบับนายเส็ง-นางขำ-A5

พระมาลัยฉบับนายเส็ง-นางขำ-A5

๔๑

๏ เธอจะมาในวันน้ี ฤๅย่อมมาวันอนื่ ไกล
เราใครร่ ู้ใหเ้ ตม็ ใจ จะใคร่ชมพระศรอี ารยิ ์
๏ อินทรายกมอื ไหว้ พระมาลยั บอกอาการ
สมเด็จพระศรีอารยิ ์ ยอ่ มมาไหว้พระเจดีย์
๏ สบิ สค่ี ่าสิบหา้ ค่า แลแปดคา่ เหมอื นวนั น้ี
พระศรอี ารยิ ไมตรี มาไหวพ้ ระเป็นธรรมดา
๏ พระศรีอาริยไมตรี กราบไหว้แลว้ จึงวันทา
ไหวแ้ ล้วเสดจ็ เทศนา ตขู า้ ฟงั เพราะวังเวง๗๔
๏ อรรถาธบิ ายธรรม พระองค์เจ้าเทศนาเอง
เสียงเพราะอย่วู ังเวง ฝูงเทพฟังก็ยินดี
๏ เม่ือนน้ั พระมาลยั เธอจึงถามทา้ วโกสีย๗์ ๕
วนั นว้ี ันอฏั ฐมี ท่านจะมาฤๅฉันใด
๏ เออพ่อทา่ นจะมา มหาเถรอยา่ รอ้ นใจ
น้อยหนงึ่ พระเมตไตรย ทา่ นจะมาซง่ึ สถาน
๏ พระเถรแลอนิ ทรา กล่าววาจามทิ นั นาน
เทพหนึ่งมีบรวิ าร ได้ร้อยหนึ่งเสด็จมา
๏ พระเถรทอดตาเห็น จงึ ถามทา้ วอมั รนิ ทรา๗๖
เหน็ โพ้นอันเสด็จมา นัน้ แลฤๅพระศรอี าริย์
๏ พระอินทร์จึงกลา่ วแก้ โดยเที่ยงแท้มิทนั นาน
ใช่องค์พระศรอี าริย์ ทา่ นเป็นเจ้าผเู้ ลศิ ไตร

๗๔ หมายถึง กงั วาล ไพเราะ เสนาะ จบั ใจ
๗๕ โกสีย์ เป็นชอื่ หนึง่ ของพระอนิ ทร์
๗๖ อัมรนิ ทร์ เปน็ ชอื่ หน่ึงของพระอินทร์

๔๒

๏ พระเถรจึงไต่ถาม ทา่ นผูน้ ัน้ คอื องคใ์ ด

ได้ทาบุญนนั้ ชื่อใด มบี ริวารงามโสภา

๏ ขา้ แต่มหาเถร เทพผู้นผี้ ู้อน่ื นา

ใชพ่ ระองค์เสด็จมา ใช่พระเจา้ พระศรีอารยิ ์

๏ พระเถรเจา้ จึงถามเล่า เทพผ้นู มี้ ีสมภาร

ประกอบด้วยบริวาร ทาบญุ ใดเมื่อเป็นคน

๏ ขา้ แต่มหาเถร ข้าจะบอกซงึ่ กศุ ล

เทพผู้น้ีเมื่อเป็นคน ยากอับจนไรเ้ ขญ็ ใจ

๏ ยอ่ มเกย่ี วหญา้ มาขายกนิ ตามระบอบโลกวสิ ัย

ห่อข้าวผอก๗๗สะพายออกไป เพือ่ จะกินเลยี้ งอาตมา

๏ ชายน้นั ปนั ก้อนข้าว ก้อนหนงึ่ เลา่ ใหแ้ ก่กา

ดว้ ยจิตคดิ กรณุ า แก่ตัวกาอนั อปั รีย์

๏ เม่ือจะตายระลึกได้ ถึงบุญน้ันก็ยนิ ดี

จึงได้เกดิ มามากมี วมิ านทิพยใ์ นเมืองฟา้

๏ ผูใ้ ดไดใ้ ห้ข้าว แกด่ ริ ัจฉานคอื ตวั กา

ด้วยใจใสศรทั ธา อันยนิ ดีเชือ่ คณุ ทาน

๏ ผลบญุ นนั้ แตง่ ให้ ไดน้ างฟา้ เป็นบรวิ าร

ยอ่ มสาวสวรรค์อนั สะคราญ ได้ร้อยนงึ หนา้ นวลศรี

๏ เทพนน้ั เสดจ็ มา ถวายวนั ทาพระเจดยี ์

ด้วยชาวแม่นางสาวศรี ยอ่ มมีรปู อนั โสภา

๏ ถวายธปู แลเทียนทอง ดอกไม้กรองไหว้บชู า

ถวายแลว้ ก็เข้ามา น่ังในทศิ อดุ รภาคน้ัน

๗๗ ข้าวทีห่ ่อไว้สาหรบั กนิ มอ้ื กลางวนั

๔๓

๏ เทพนน้ั มทิ นั นาน เทพหน่ึงมาด้วยพลัน

บริวารถ้วนถึงพนั เพือ่ จะไหวพ้ ระเจดีย์

๏ บริวารย่อมสาวหนมุ่ หน้าชวยชมุ่ งามมีศรี

รุ่งเรอื งดว้ ยรศั มี อนั ใสโชติงามรจนา

๏ มหาเถรทอดตาไป เหน็ เทพหน่งึ ไซร้เสด็จมา

จึงถามทา้ วอนิ ทรา ใหร้ ู้แจ้งตระบดั ใจ

๏ มาน้นั ดชู ชั วาล พระศรีอารยิ ์ฤๅกลใด

มีชาวแม่งามไสว สะพรึบพร้อมล้อมกนั มา

๏ พระอนิ ทร์บอกว่าใช่ พระมาลัยว่าใครมา

อันมานัน้ ดูโสภา มรี ัศมสี แี สงใส

๏ พระอนิ ทร์ว่าผอู้ ่ืน พระเถรถามวา่ คอื ใคร

ไดท้ าบญุ ซึ่งชอื่ ใด มนี างล้อมเป็นบริวาร

๏ พระอนิ ทร์ท้าวโกสีย์ กล่าวคดีตอบบม่ นิ าน

เทพนั้นคอื นายโคบาล บา่ วหนมุ่ นอ้ ยไปเลี้ยงววั

๏ เม่ือจะกินซงึ่ ข้าวผอก แบง่ แลง่ ออกแล้วทูนหวั

ส่วนหนง่ึ ให้เดก็ เลย้ี งววั อันเปน็ เพ่ือนเล้ียงด้วยกนั

๏ บุญนั้นได้ใหข้ า้ ว เด็กเล้ยี งววั เป็นเพื่อนกนั

บริวารถ้วนถึงพัน งามแน่งนอ้ ยหน้านวลศรี

๏ แห่ห้อมล้อมกันไป เพ่ือจะไหวพ้ ระเจดีย์

บริวารพนั หนงึ่ มี เพราะให้ขา้ วเด็กโคบาล

๏ ผใู้ ดได้ใหข้ ้าว แก่คฤหสั ถอ์ ันเปน็ ทาน

ไดน้ างสวรรค์อันสะคราญ๗๘ พันหนงึ่ ลอ้ มพร้อมมาไสว

๗๘ หมายถงึ หญงิ งาม

๔๔

๏ ผใู้ ดใหข้ า้ วแกค่ ฤหสั ถ์ อันทรงศีลพระวนิ ยั

บริวารย่งิ ขึ้นไป ดว้ ยศรทั ธาอนั ครื้นเครง

๏ เทพน้ันเสดจ็ มา ถวายวนั ทาด้วยธปู เทียนทอง

ดว้ ยชาวแม่นางทงั้ ผอง ถว้ นแปดทิศเปน็ บูชา

๏ ทักษิณสามรอบแล้ว ออกมาน่ังในถานา

ฝ่ายข้างประจมิ ทศิ า เป็นกาหนดในสถาน

๏ ยังมีเทพผ้หู นึ่ง นางถ้วนหมื่นเปน็ บริวาร

เสด็จสขุ สาราญ เพ่ือจะไหวพ้ ระเจดยี ์

๏ พระเถระจงึ ถามเหลา่ เทพผูน้ ้ันรงุ่ รุจี

พระศรีอารยิ ไมตรี โพธสิ ตั วฤ์ ๅฉนั ใด

๏ พระอินทร์เธอจงึ แถลง บอกให้แจง้ แก่พระมาลยั

ผู้น้ันใช่จอมไตร ใช่พระเจ้าพระไมตรี

๏ พระเถระจึงถามเล่า เทพนน้ั มีรศั มี

เมือ่ อยู่ในโลกยี ์ ได้ทาบุญชอ่ื ใดใด

๏ อนิ ทราบอกให้แจง้ แถลงยุบลกศุ ลไป

เทพผูน้ ี้เมือ่ เปน็ คนไซร้ ฝา่ ยกศุ ลยอ่ มแจ้งเจน

๏ ใจยินดีบม่ เี ศร้า ได้ใหข้ ้าวแก่เจา้ เณร

ทั้งกายก็ออ่ นเอน ศรัทธาเชอ่ื ในศาสนา

๏ เดชะบญุ ให้ทานข้าว แก่เจ้าเณรดว้ ยศรัทธา

สิ้นชวี ิตไดเ้ กิดมา ในเมืองฟ้าสุขสาราญ

๏ นางสวรรค์หมน่ื หน่ึงลอ้ ม ตามแหห่ ้อมเป็นบรวิ าร

ล้วนนางสวรรค์อนั สะคราญ ด้วยใหท้ านทากุศล

๏ ผู้น้ันได้ใหข้ ้าว แกเ่ จา้ เณรปุถุชน

เทพนัน้ เมือ่ ไดผ้ ล นางหมนื่ หนง่ึ เปน็ บริวาร

๔๕

๏ บุญนี้ถงึ ตามติด ทกุ ทิศตราบเทา่ นฤพาน

เดชะอันใหท้ าน ไดบ้ รวิ ารหมืน่ หนึ่งมือ

๏ เทพนนั้ ก็เขา้ มา ไหว้บชู าพระเจดีย์

ด้วยชาวแม่นางสาวศรี อนั เปน็ ยศบริวาร

๏ ไหว้แลว้ ท้งั แปดทศิ ออกมานัง่ ในสถาน

ทกั ษณิ แลว้ อย่สู าราญ ตามกาหนดกานันตน ฯ ๏ เชิด ๏ ฯ

๏ เทพผู้หน่งึ มาด้วยพลนั บริวารล้วนนางสวรรค์

ไดส้ องหม่ืนหอ้ มลอ้ มกันมา

๏ มาเพ่อื จะวนั ทา พระมาลัยเจา้ ทอดตาเหน็

ถามท้าวโกสียบ์ ม่ นิ าน

๏ อนั มาน้นั ฤๅคือพระศรอี าริย์ ผมู้ ีสมภาร

องคพ์ ระเจ้าฤๅกลใด

๏ พระอนิ ทร์เธอจงึ ถามตอบไป มานนั้ มใิ ช่

องค์พระเจา้ พระศรีอาริย์

๏ พระเถรจึงเผยโวหาร ถามทา้ วมฆวาน๗๙

ว่าเทพผูน้ ั้นคือองค์ใคร

๏ ไดส้ รา้ งกุศลนน้ั ช่อื ใด มีบริวารไสว

แตล่ ้วนงาม ๆ ทกุ คน ๆ

๏ พระอนิ ทร์ชช้ี ่องกุศล เทพผู้นเ้ี มอื่ เปน็ คน

ไดใ้ สบ่ าตรหน่อยหนงึ่ ทเี ดียว

๏ แก่พระภิกษุเดินเทยี่ ว บิณฑบาตมิไดแ้ ลเหลยี ว

มศี ีลาจาร

๗๙ มฆวาน ช่อื หน่งึ ของพระอนิ ทร์

๔๖

๏ เดชะบญุ ให้ทานข้าว แกเ่ จ้าเณรดว้ ยศรัทธา

สิน้ ชวี ติ ไดเ้ กิดมา ในเมอื งฟา้ สขุ สาราญ

๏ นางสวรรคห์ มนื่ หนง่ึ ล้วน ตามแหห่ ้อมเป็นบริวาร

ล้วนนางสวรรค์อนั สะคราญ ด้วยใหท้ านทากศุ ล

๏ ผูน้ น้ั ไดใ้ ห้ขา้ ว แกเ่ จา้ เณรปุถชุ น

เทพนนั้ เมอื่ ไดผ้ ล นางหมน่ื หนง่ึ เปน็ บรวิ าร

๏ บญุ น้จี งึ ตามติด ทุกทศิ ตราบเทา่ นฤพาน

เดชะอันใหท้ าน ได้บรวิ ารหมื่นหน่งึ มอื

๏ เทพน้นั ก็เขา้ มา ไหวบ้ ูชาพระเจดีย์

ดว้ ยชาวแมน่ างสาวศรี อันเป็นยศบริวาร

๏ ไหว้แล้วท้ังแปดทศิ ออกมาน่งั ในสถาน

ทักษิณแล้วอยสู่ าราญ ตามกาหนดกานนั ตน

๏ เทพผูห้ นง่ึ มาด้วยพลนั บรวิ ารลว้ นนางสวรรค์

ได้สองหมื่นห้อมล้อมกนั มา

๏ มาเพื่อจะวนั ทา พระมาลัยเจา้ ทอดตา

เห็นท่านทา้ วโกสยี บ์ ่มินาน

๏ อนั มานั้นฤๅคือพระศรีอารยิ ์ ผมู้ สี มภาร

องคพ์ ระเจา้ ฤๅกลใด

๏ พระอนิ ทร์เธอจึงถามตอบไป มาน้นั มิใช่

องค์พระเจ้าพระศรีอาริย์

๔๗

๏ พระเถรจงึ เผยโวหาร ถามทา้ วมฆวาน

เทพนีค้ ือองค์ใคร

๏ ไดส้ ร้างกศุ ลนั้นช่อื ใด มีบริวารไสว

แตล่ ้วนงาม ๆ ทกุ คน ๆ

๏ พระอินทร์ช้ีช่องกศุ ล เทพผู้นเ้ี มื่อเป็นคน

ไดใ้ ส่บาตรน้อยหนึ่งทีเดียว

๏ แก่พระภิกษเุ ดนิ เทีย่ ว บณิ ฑบาตมิได้แลเหลยี ว

มีศีลาจาร

๏ ผู้ใดได้ใส่บาตรเปน็ ทาน แก่ภกิ ษุมีศีลาจาร

เดนิ บณิ ฑบาตในหนทาง

๏ ผู้น้ันได้บรวิ ารล้วนนาง ประดบั ต่าง ๆ

ได้สองหมืน่ แตล่ ว้ นมีรูปโฉมโนมพรรณ

๏ เทพนน้ั เสด็จมาด้วยพลัน ถวายธูปเทยี นอนันต์

แกพ่ ระธาตจุ ฬุ ามณี กับนางสาวศรี
๏ ไหวท้ ั้งแปดทิศดว้ ยดี

มานั่งในสถานที่ดับนนั้ ไป บรวิ ารสามหมื่นไสว
๏ เทพนนั้ เสดจ็ มาบดั ใจ พระเถรคร้นั เหน็ มา
แห่หอ้ มลอ้ มกนั มา พระอินทรเ์ ธอจึงขาน
๏ มาเพอ่ื จะไหวว้ นั ทา
จงึ ถามทา้ วมฆั วาน
๏ อันมานนั้ ฤๅคอื พระศรอี าริย์
ว่าใช่พระเจ้าพระจอมไตร

๔๘

๏ พระเถรจึงถามว่าคอื ใคร พระอนิ ทร์จึงขานไป

ท้ังนใ้ี ช่องค์พระศรีอารยิ ์

๏ ดูกรมหาราชสมภาร เม่อื ก่อนโพน้ มานาน

เทพนน้ั ได้ทากศุ ลชื่อใด

๏ รศั มสี ีแสงใส ได้ทาบุญน้ันชอ่ื ใด

แลเทพล้อมเป็นบริวาร

๏ พระอนิ ทร์จึงตอบบม่ ินาน แต่กอ่ นเปน็ นายบ้าน

ชือ่ หริตาลเศรษฐี

๏ ให้ทานแลว้ จาศลี ด้วยดี ทากศุ ลอันมี

เชอ่ื ท้งั คุณแก้วสามประการ๘๐

๏ เศรษฐีน้นั ให้ยาเป็นทาน ข้าวนา้ อาหาร

ทัง้ สบงแลจีวร

๏ ไดล้ ว้ นนางเทพอัปสร สามหมื่นงามสลอน

เพราะใหท้ านข้าวน้าแลยา

๏ เทพนน้ั เสดจ็ เคลือ่ นคลา กราบไหว้วันทา

เจดียธ์ าตพุ ระเจา้ อันบวร

๏ ทกั ษณิ แปดทิศแล้วเดนิ จร ด้วยนางเทพอัปสร

แล้วกน็ ่งั ดับไป ฯฯ ราบ ฯฯ

๏ ยังมีเทพหนงึ่ บริวารสีห่ มน่ื

เสดจ็ มาชมชน่ื ไหว้พระเจดีย์

๏ พระเถรเลง็ เห็น ถามทา้ วโกสยี ์

พระศรอี าริยไมตรี มาโพน้ ฤๅไร

๘๐ พระรตั นตรยั คอื พระพทุ ธ พระธรรม และพระสงฆ์

๔๙

๏ พระอนิ ทร์จึงขาน ไหว้พลางตอบไป
วา่ ใชพ่ ระเมตไตรย หน่อพทุ ธองค์
๏ พระเถรว่าใคร แลไปดยู ่งิ ยง
อนิ ทราวา่ ใชอ่ งค์ ใช่พระทศพล๘๑
๏ พระเถรจึงถาม ตามชอบกศุ ล
เทพนีเ้ มือ่ เป็นคน สรา้ งกุศลช่อื ใด
๏ มีอานภุ าพ มากครามเหลอื ใจ
บรวิ ารมาไสว ย่อมลว้ นสาวศรี
๏ เม่ือกอ่ นเทพนน้ั เป็นชา่ งหูก๘๒อันดี
ปญั ญาก็มี ทาบญุ บ่มหิ ย่อน
๏ อย่เู มืองอนรุ าธ บรุ นี คร
เป็นช่างหูกบวร คอื เพชรฉลูกณั ฑ์
๏ ชายนนั้ เห็นซาก ผขี มีขมัน
เก็บฟนื ดว้ ยพลนั มาเผาเอาบุญ
๏ นิมนตพ์ ระสงฆ์ ให้บังสกุล
ใหท้ านทาบญุ อทุ ิศบุญสง่ ไป
๏ ชายนน้ั ใส่บาตร องั คาส๘๓ผ้าไตร
ฟูกหมอนอันใหญ่ เตยี งตั่งอนั ดี
๏ ไดน้ างส่ีหมนื่ เพราะบญุ เผาผี
มที ่ีนอนดี บุญให้ฟกู หมอน

๘๑ พระผมู้ ีกาลังท้งั ๑๐ คือ บารมี ๑๐ ทศั หมายถึง พระพุทธเจ้านัน่ เอง
๘๒ ชา่ งทอผา้
๘๓ ถวายอาหารแด่พระสงฆ์

๕๐

๏ เทพน้ันเขา้ มา ถวายประนมกร
ธาตุบวร ดว้ ยบรวิ ารแห่งตน
๏ ทักษณิ แปดทศิ ดว้ ยใจกศุ ล
ทง้ั บริวารแหง่ ตน นง่ั ดับนนั้ ไป
๏ ดบั น้ันเทพหน่งึ เสด็จมาทันใด
นางหา้ หมน่ื ไสว แตล่ ้วนสาวศรี
๏ มีทั้งรัศมี สเี หลอื งแดงฉนั
มาถวายอภวิ ันท์ แก่พระเจดยี ์
๏ พระเถรเลง็ เห็น ถามท้าวโกสีย์
มานน้ั พระไมตรี แลฤๅฉันใด
๏ พระอินทร์จึงตอบ คดวี า่ มิใช่
พระเถรถามวา่ ใคร เรืองทัว่ สากล
๏ พระเถรวา่ เทพ ผูน้ ัน้ สร้างผล
เมอื่ อยเู่ ปน็ คน สรา้ งผลชอื่ ใด
๏ มีนางสวรรค์ ห้อมลอ้ มมาไสว
รัศมีเรืองใส เนือง ๆ กนั มา
๏ เทพนเ้ี มอ่ื กอ่ น ไดเ้ ปน็ พระยา
ในเมอื งลังกา เกาะแก้วบรุ ี
๏ ชอ่ื ทา้ วศรัทธา ตสิ สาผ้คู รอง
เธอไดเ้ ปน็ น้อง แห่งทา้ วอภยั
๏ ทา่ นเคารพไหวน้ บ พระรัตนตรัย
พระอรหนั ตน์ ัน้ ไซร้ ทา่ นกไ็ ด้นมัสการ
๏ รกั ษาศลี ห้า ศีลแปดประการ
พระไตรลักษณาญาน ท่านกไ็ ดภ้ าวนา

๕๑

๏ บม่ ิไดต้ ระหนี่ คลี่ทรพั ยบ์ ชู า

พระสงฆไ์ ปมา ยาจกได้อาศยั

๏ บญุ ดงั นน้ี า แลพระมาลัย

นางสวรรคล์ อ้ มไสว ห้าหมืน่ มสี ี

๏ เทพนน้ั เสดจ็ มา ไหวพ้ ระเจดีย์

ยอกรชุลี แปดทศิ เวียนไป

๏ จึงมานั่งเรยี ง เคยี ง ๆ กนั ไป

ตามอัธยาศยั ท่นี ั่งแหง่ ตน ๏ฯ เชดิ ฯ ๏

๏ เทพหนงึ่ เสดจ็ มาดว้ ยพลนั มีบริวารครามครัน

ได้หกหมื่นโดยไตร

๏ มาเพอื่ จะไหว้วันทา พระเกศจฬุ า

ธาตุพระเจ้าดว้ ยดี

๏ พระเถรถามท้าวโกสีย์ มาโพ้นพระไมตรี

โพธสิ ตั ว์เจา้ ฤๅกลใด

๏ พระอินทรบ์ อกพระมาลยั พระศรอี าริย์มิใช่

เทพองค์อืน่ หากเสดจ็ มา

๏ พระเถรถามทา้ วอินทรา ว่าเทพนั้นนา

ได้สรา้ งกศุ ลชอื่ ใด

๏ พระอินทร์ว่าท่านนแี้ ตก่ อ่ นไซร้ นามช่อื ว่าท้าวอภยั

ทุฎฐคามินอี ภัยเจา้ พระยา

๕๒

๏ ทา่ นน้ันมีใจใสศรทั ธา ใหผ้ า้ แลให้ยา

ใหก้ ฏุ ิสถานแลจงั หัน

๏ ปรนนิบตั ิพระทกุ วนั หมนั่ ฟงั พระธรรม์

แล้วอปุ ฏั ฐากพระสงฆ์

๏ ปรนนบิ ัตติ อ่ แม่แลเผา่ พงศ์ รักษาพยาบาลบารุง

พระสงฆ์ทุกวนั ๆ

๏ ไหว้นบคารบดารง เอาจิตเอาใจปลง

ช่วยทาวัดสงฆ์อนั มี

๏ ทาสถปู รูปพระเจดีย์ ปลูกไม้พระศรี

มหาโพธิเปน็ เจดยี ส์ ถาน

๏ ใสบ่ าตรองั คาสให้ทาน ใหจ้ งั หนั ทุกวัน

แก่ยาจกคนยากไร้ทรพล

๏ ดว้ ยเดชะสร้างกุศล ตายจากเมืองคน

ได้นางสวรรค์หกหมื่นล้อมกันมา

๏ เทพหน่ึงเสดจ็ เคล่อื นคลา กราบไหว้วนั ทา

แลว้ ลุกขึ้นทกั ษิณรอบพระเจดยี ์

๏ ยอกรประนมชลุ ี ไหวพ้ ระเจดีย์

ดว้ ยใจอนั ใสบรสิ ทุ ธ์พิ รอ้ มด้วยศรทั ธา

๏ เทพหนึง่ เสดจ็ เคลอ่ื นคลา กราบไหวแ้ ลว้ เอามา

น่งั ในสถานดบั น้ันไป ฯ ฉนั ท์ ฯ

๕๓

๏ เทพหนึ่งดูดาษดา เสดจ็ ลลี ามาอึงครนื

มีนางสวรรค์ได้เจ็ดหมืน่ สะพรึบพร้อมลอ้ มกันมา

๏ พระเถรทอดตาเห็น จึงถามซ่งึ ทา้ วอินทรา

เห็นโพน้ ดโู สภา พระไมตรีฤๅฉนั ใด

๏ พระศรีอาริย์ท่านมาฤๅ ดยู ิ่งพลิ ึกยิง่ เหลือใจ

อนิ ทราจึงขานไป ว่าใช่องค์พระศรีอาริย์

๏ พระเถรถามว่าใคร ดูพิลกึ ใช่สามานย์

เมือ่ ก่อนสร้างสมภาร ทาบุญใดจึงไดผ้ ล

๏ เทพนั้นเม่อื ชาติก่อน เปน็ เณรนอ้ ยใจกุศล

บม่ ิประมาทบ่มิลมื ตน บม่ ไิ ดเ้ คียดแกอ่ าจารย์

๏ ทานบุ ารงุ ชม ไหวป้ ระนมรบั คาขาน

ทรงศลี สบิ ประการ กม้ กราบนบสบเกลา้ ลง

๏ ไหวพ้ ระเปน็ นริ ันดร์ เขยี นเรียนธรรมดว้ ยปญั ญาวงค์

ปรนนิบตั ิแก่พระสงฆ์ เข้ามาใกล้แล้วรกั ษา

๏ ถวายนา้ เย็นแลนา้ รอ้ น อยูน่ วดฟน้ั คนั้ บาทา

กลางคนื อยูร่ กั ษา เมอ่ื กลางวนั อยู่เฝ้าแหน

๏ เมือ่ พระครผู ู้เฒ่า เสดจ็ ไปไหวพ้ ระแมน

ประทปี ตามโคมแขวน แลว้ กวาดแผว้ ให้หมดใส

๏ อปุ ถัมภ์แลคา้ ชู บ่ใหค้ รูยากแกใ่ จ

ทรงศีลครองวนิ ยั ศลี สบิ อันบเ่ ศรา้ หมอง

๏ เดชะบญุ ดังน้ี จงึ มาได้วมิ านทอง

ชาวแม่ลอ้ มเนอื งนอง เพราะบญุ ตนรกั ษาครู

๏ สาวสวรรคเ์ จด็ หม่นื ล้อม หุ้มแหห่ อ้ มล้อมเฝ้าอยู่

บุญตนรักษาครู ไดน้ างฟา้ หนา้ นวลศรี

๕๔

๏ เทพน้นั เข้ามาเพ่ือ จะไหวว้ ันทาพระเจดยี ์
ด้วยชาวแม่นางสาวศรี ทงั้ แปดทิศลว้ นแต่นางสวรรค์
๏ ทักษณิ ทัง้ แปดทศิ กบั นางสนิทนง่ั อยูด่ ว้ ยกัน
ในสถานท่ีควรนั้น คนเคยน่งั ดบั น้ันไป ฯ ๏ ราบ ๏ ฯ
๏ ยงั มเี ทพหน่ึง บริวารเนอื งครืน
สาวสวรรคไ์ ด้เจด็ หม่ืน ลอ้ มกันมา
๏ มือถือดอกไม้ ธูปเทยี นชวาลา๘๔
ครน้ั ถึงจึงวนั ทา ไหวพ้ ระเจดีย์
๏ พระเถรเล็งเห็น ถามท้าวโกสีย์
พระศรีอารยิ ไมตรี มาโพน้ ฤๅกลใด
๏ พระอนิ ทรจ์ งึ บอก วา่ มานั้นใช่
พระเถรวา่ ใคร มามากนักหนา
๏ ทาบญุ สิ่งใด ไดด้ งั น้ีนา
เดชะฤทธา อานุภาพเรอื งรอง
๏ มนี างสวรรค์ ห้อมล้อมเนืองนอง
เมือ่ กอ่ นนั้นครอง กศุ ลช่อื ใด
๏ เทพน้นั แต่กอ่ น เปน็ คนเข็ญใจ
เหน็ พระภกิ ษไุ ป คลมุ บาตรเดินจร
๏ เอาขา้ วแห่งตน มาใสบ่ าตรก่อน
รอ้ งด้วยเสยี งอ่อน ป่าวคนท้งั หลาย

๘๔ ตะเกียงใหแ้ สงสวา่ งชนดิ หนึ่ง มไี ส้ใสน่ ้ามนั เพือ่ ใหค้ วามสวา่ ง

๕๕

๏ แมน้ เจ้าเรอื นอยู่ บ่มริ ้บู ม่ ใิ ส่
ชายนนั้ บอกไป ใหร้ ู้ขจร
๏ ดูกรชายเรา พ่อแมท่ ง้ั หลาย
พระสงฆเ์ ดนิ ไป แทบตรอกเรอื นเรา
๏ มากนอ้ ยตามได้ ใส่บาตรเถดิ นา
ตามใจศรทั ธา พ่อแมท่ งั้ หลาย
๏ ชาวบา้ นไดย้ นิ ซง่ึ คากระทาชาย๘๕
ยินดีทง้ั หลาย เอาขา้ วมาใส่
๏ บางทีชายนัน้ เอาภาชนะไปไร่
เอามาแตไ่ กล มาดว้ ยหาบหาม
๏ ชกั ชวนสัปบรุ ุษ ใสบ่ าตรดว้ ยงาม
คอ่ ยบอกค่อยถาม คอ่ ยเลา้ โลมเอา
๏ เพอ่ื ให้เป็นคุณ เปน็ บุญแกเ่ ขา
กับทงั้ ตวั เรา พลนั ลนุ ิพพาน
๏ ทาบุญดงั น้ี จงึ ไดว้ ิมาน
นางสวรรคส์ ะคราญ แปดหมนื่ ลอ้ มมา
๏ เทพน้ันเสดจ็ ใน ท่ามกลางนางฟา้
ครัน้ ถึงวันทา ไหว้พระเจดยี ์
๏ ไหว้ทัง้ แปดทศิ ประนมชลุ ี
น่ังอยูด่ ้วยดี อนั ดบั น้นั ไป ฯ๏ วสนั ตดลิ ก ๏ฯ
๏ เทพยดาผูห้ นง่ึ เสดจ็ ลลี า รุ่งเรืองเขา้ มาอยเู่ นอื งครืน
มีนางสวรรค์ไดเ้ ก้าหมน่ื สะพรึบพร้อมลอ้ มกนั มาไสว

๘๕ หมายถงึ คาเรยี กผู้ชาย (โบราณ)

๕๖

๏ ตามเทยี นทองกรองดอกไม้ กม้ ลงกราบไหวแ้ ลว้ ลุกขนึ้ วันทา

ดว้ ยชืน่ ชมโสมนสั ศรทั ธา อันเปน็ สขุ สนกุ สาราญใจ

๏ พระเถรเหน็ เทวามาแตไ่ กล จงึ ถามไปแกอ่ มั รินทรา

ท่านโพน้ อันเสด็จมาพระศรอี า- รยิ แลว้ ฤๅกลใดใคร

๏ พระอินทร์จึงขาน ตอบไปทันใจ

เทพนีม้ ใิ ช่ หนอ่ ทศพล

๏ พระมาลยั ตอบ คาไปบดั ดล

เทพสรา้ งผล ทาส่งิ ใดมา

๏ พระอนิ ทร์จงึ บอก กุศลแหง่ เทวา

อันได้สร้างมา แตก่ อ่ นปัจจยั

๏ บา้ นกรรณกิ าร์ เปน็ ที่อาศยั

แหง่ ฝ่ายเข็ญใจ ในทวีปลงั กา

๏ เห็นเจดยี ป์ ระจุ พระธาตุพระศาสดา

ฝา่ ยนน้ั ศรทั ธา ชน่ื ชมยินดี

๏ อุทิศเศียรเปน็ ดอกไม้ใสสี

เนตรทงั้ สองน้ี ต่างชวาลา

๏ สุรเสยี งอัน ได้กลา่ ววาจา

อ่อนหวานนกั หนา เป็นดุริยดนตรี

๏ นา้ ใจเปน็ น้า มนั หอมอันดี

หทู ัง้ สองน้ี อทุ ิศเปน็ ใบธง

๏ ท้งั ตวั ข้าอัน ปญั ญาวงศ์

ถวายเปน็ เสาธง พระธาตบุ ูชา

๏ ให้ทานแลจา ศลี ภาวนา

มใี จเมตตา ศรัทธาทุกวนั

๕๗

๏ ชักชวนสปั บรุ ษุ ใหม้ าฟงั ธรรม์
มิขาดสักวัน เป็นนติ ย์อัตรา
๏ เดชะกศุ ล อทุ ิศตนบชู า
จึงไดน้ างฟ้า เกา้ หม่นื เป็นบรวิ าร
๏ เทพนั้นบงั คม ประนมนมัสการ
พระเจดยี สถาน พระเกศจฬุ า
๏ ทกั ษิณแปดทศิ แล้วจงึ วนั ทา
ดว้ ยใจปรดี า ช่ืนชมแลว้ ยนิ ดี
๏ จงึ ถวายธูปเทยี น ดอกไม้มีสี
รงุ่ เรอื งรุจี สวา่ งชัชวาล
๏ ครัน้ แลว้ นง่ั เรยี ง เคียงกันโดยสถาน
กับด้วยบรวิ าร นัง่ ดบั น้นั ไป ๚ ๏ ราบ ๏๚
๏ เทพผู้หนงึ่ บริวารถงึ แสน
แต่ล้วนนางแมน ห้อมลอ้ มกันมา
๏ พระเถรเลง็ เห็น ถามท้าวอินทรา
พระไมตรมี า โพน้ ฤๅฉันใด
๏ มาโนน่ คอื พระ ศรอี าริยฤ์ ๅใคร
อินทราขานไป วา่ ใชพ่ ระศรีอารยิ ์
๏ เทพหนึง่ ปรากฏ ด้วยยศบริวาร
แตก่ ่อนมานาน ทาบุญชอ่ื ใด
๏ มบี ริวาร พรบึ พรอ้ มไสว
ทาบุญชื่อใด เม่ืออยูเ่ ปน็ คน
๏ มาไหวพ้ ระเจดยี ์ เปน็ สขุ สถาผล
เมือ่ อยู่เปน็ คน ทาบญุ ช่อื ใด

๕๘

๏ เทพนี้เม่อื กอ่ น เปน็ คนเข็ญใจ
อยเู่ มืองอันใหญ่ อนุราธบุรี
๏ ชายน้นั รกั ษา ศลี หา้ ดับดี
ปญั ญากม็ ี นาใจกุศล
๏ เก่ียวหญา้ มาขาย ตามยากเขญ็ ใจ
ได้ชอบกุศล ตามโลกวสิ ยั
๏ ชายน้ันจงึ เดนิ ตามรมิ นา้ ไป
เหน็ ทรายผ่องใส ดังเงนิ โสภา
๏ ชายนน้ั เห็นทราย จงึ เกิดศรทั ธา
ประมวลเข้ามา กอ่ พระเจดยี ์
๏ ชายนัน้ กราบกราน ประทานชุลี
ชืน่ ชมยนิ ดี จึงกล่าวคาถา ฯ๏ ฉนั ท์ ๏ฯ
๏ สถูปเจดีย์ทราย งามพรรณรายเหน็ สมบญุ
ดจุ ดงั แกว้ ไพฑรู ย์ แสงรัศมีเล่ือม ๆ พราย ๆ
๏ รุง่ เรอื งคอื หนึง่ กองไฟ งามแสงใสดว้ ยแสงทราย
เฉดิ ฉันงามพรรณราย ดูพจิ ติ ร๘๖งามโสภา
๏ เรง่ ยนิ ดยี อกรไหว้ เพราะคนได้แต่งรจนา
นอ้ มตวั อ่อนลงมา รอ้ งออกปากสรรเสริญ
๏ น้าจิตก็โอนออ่ น ประนมกรขน้ึ บังคม
เกบ็ ดอกไมเ้ ข้ามาประสม เรียงเรยี บไว้ถวายบูชา
๏ เลีย้ งดูบาเรอสงฆ์ ใหส้ บงแลจีวรมา
ฉลองทานเปน็ นาวา๘๗ จะขี่ขา้ มพ้นสงสาร๘๘

๘๖ หมายถึง งาม
๘๗ หมายถงึ เรอื

๕๙

๏ บุญก่อเจดยี ท์ ราย ได้นางฟา้ เป็นบริวาร
แสนหน่ึงย่อมสะคราญ เปน็ บริวารหนา้ มีศรี
๏ เทพหน่ึงเสดจ็ เข้ามา ถวายวันทาพระเจดยี ์
กราบกรานประทานชุลี ประนมกรด้วยปญั ญาวงศ์
๏ ทักษณิ ทง้ั แปดทศิ ไหวพ้ ระแล้วน่งั ลง
ในสถานทจี่ านง ท่ีเคยนงั่ ดบั นนั้ ไป
๏ เม่อื นั้นพระศรีอารยิ ์ มนี างคราญงามไสว
แสนโกฏิอสงไขย๘๙ แหห่ อ้ มลอ้ มทา่ นนั้นมา
๏ ฝ่ายหลังได้แสนโกฎิ หนหลังโสดดจุ เดียวนา
นางน้ันงามโสภา ทง้ั ไตรภพบป่ ูนปาน
๏ เบอื้ งขวาเสวยสมโพธิ นางแสนโกฏิเปน็ บริวาร
เบอื้ งซา้ ยพระศรอี ารยิ ์ ไดแ้ สนโกฏลิ ้วนนางสวรรค์
๏ พระศรอี าริยไมตรี เสดจ็ ทา่ มกลางหมู่พระจันทร์
บริวารย่อมสาวสวรรค์ ดจุ ดาวลอ้ มพระจันทร์
๏ เบอื้ งหลังพระศรอี าริย์ ได้แสนโกฏลิ ้วนนางสวรรค์
รศั มีอนั มีพรรณ แลสสี นั งามสะคราญ
๏ ทง้ั สท่ี ิศนัน้ เล่าโสด เรอื งชวยโชติชชั วาล
รัศมีเครื่องอลังการ ยงิ่ พระจันทร์วนั เพญ็ ศรี
๏ พระมาลยั เจา้ แลเห็น พระศรอี าริยไมตรี
จงึ ถามทา้ วโกสีย์ ด้วยคาเพราะออ่ นเอาใจ

๘๘ สงสาร หมายถึง ภพภูมิทั้ง ๓๑ ที่เหล่าสัตว์ท่ียังมีกิเลสในไตรภูมิต้องเวียนว่ายตายเกิด
บางครัง้ เรยี ก วัฏสังสาร หรอื วฏั สงสารก็มี

๘๙ หมายภงึ ไม่สามารถนับได้ หมายความว่าจานวนมากจนนบั ไม่ไดน้ น่ั เอง

๖๐

๏ ท่านน้นั พน้ ประมาณ พระศรีอาริย์ฤๅวา่ ใคร
พระอนิ ทร์จึงขานไป วา่ นัน้ แลพระศรีอาริย์
๏ พระเถรเลง็ เหน็ เทวา มาก่อนหนา้ ยิ่งตระการ
ครัน้ เหน็ องคพ์ ระศรอี ารยิ ์ ยิง่ ขน้ึ ไปได้แสนทวี
๏ ใจนนั้ ก็ถอยถด ลดลง ๆ ทุกที ๆ
เพราะเหน็ พระไมตรี ประเสริฐเลศิ กว่าภพไตร
๏ ครวุ ณาดจุ ผู้หนึ่ง เห็นหิ่งหอ้ ยว่าเรืองใส
ครน้ั เห็นพระจนั ทรไ์ ป ห่งิ หอ้ ยนัน้ กอ็ ับสูญ
๏ อันนี้อุปมา เหน็ เทวาว่าสมบญุ
ครั้นเหน็ หนอ่ พุทธางกรู ๙๐ เทพเจ้าอน่ื นนั้ กห็ มองศรี
๏ พระเถรเหน็ นางฟา้ มากอ่ นหน้าพระไมตรี
จงึ ถามทา้ วโกสีย์ เพอื่ จะรู้จักอาการ
๏ สาวสวรรค์ย่อมนางฟ้า มากอ่ นหนา้ พระศรีอาริย์
ได้ทาบญุ สรา้ งสมภาร สร้างชื่อใดในเมืองตน ฯ ๏ เอกบท ๏ ฯ
๏ นางอันมาก่อนเบ้ืองหน้า กอ่ นเจ้าฟ้าพระไมตรี
๏ มรี ัศมีแลขาวถ้วน อาภรณล์ ้วน ๆ พรรณขาว
๏ โฉมเฉดิ สาวขาวสด งามหมดจดใครจะปาน
๏ ไดท้ าบญุ สง่ิ ใดบ้าง แต่ก่อนสร้างกุศลช่อื ใด
๏ เกดิ มาในเมอื งฟ้า มพี รรณขาวนฤมล
๏ ท้งั ลาตนแลอาภรณ์ ขาวเนอ้ื อ่อนน่าพึงชม
๏ รูปอดุ มสมทุกส่ิง เหน็ งามย่ิงพรรณขาว
๏ ชน่ื ชมชาวมาหนา้ กอ่ นเจ้าฟา้ พระศรอี าริย์

๙๐ หมายถึง ผทู้ ่ีเป็นพระโพธสิ ตั วจ์ ะได้ตรัสร้เู ป็นพุทธเจ้าในอนาคต

๖๑

๏ เอาแกว้ ประพาฬมาเทยี มเทยี บ เอามาเปรยี บบ่เหมือนกนั
๏ รัศมจี นั ทร์ได้แสนโกฎิ ดังน้นั โสดจึงปนู ปาน
๏ ไดท้ าทานมาแตก่ อ่ น ขาวเนือ้ อ่อนดงั สาลี
๏ เราขอถามทา้ วตรีเนตร๙๑ จงบอกเหตกุ ศุ ลสมภาร
๏ เมอ่ื สมเดจ็ ทา้ วตรเี นตร จะบอกเหตกุ ุศลสมภาร
๏ สาแดงการแลบอกเลา่ แก่พระเจา้ ผู้ช่อื วา่ มาลยั
๏ จึงบอกไปมไิ ดน้ าน ซ่งึ ผลทานฝูงเทวา
๏ ไหว้วนั ทาข้นึ เหนอื เกศ สาแดงเหตกุ ศุ ลปจั จัย
๏ นางท้ังหลายเมื่อกอ่ นเกดิ เอากาเนดิ ในเมอื งคน
๏ ทากศุ ลจาศลี สร้าง ใหท้ านบา้ งภาวนา
๏ ไหว้วตั ถาแลดอกไม้ เครอ่ื งลูบไลล้ ะลายทา
๏ นา้ มันหอมอันอาบอบ หอมตลบทัว่ ทิศา
๏ ให้อาหารอันเอมโอช มธรุ สอันเจอื จาน
๏ เครอื่ งตระการเหน็ งามยง่ิ เหน็ ทกุ สิ่งขาวทุกพรรณ
๏ ใหจ้ งั หันอันขาวสด ทั้งข้าวโภชนข์ าวครามครนั
๏ ให้ผ้าดมี ีพรรณเลิศ ขาวประเสริฐดังสสี งั ข์
๏ ให้ทัง้ ดวงพวงดอกไม้ เครือ่ งลูบไล้ย่อมพรรณขาว
๏ สารพดั ขาวแลขาวอ่อน ใหฟ้ กู หมอนขาวหมดใส
๏ ทัง้ น้าใจกพ็ รายแพรว ขาวคอื แกว้ แกว้ ประพาฬ๙๒
๏ ศรทั ธาบานใจระรน่ื ให้ด้วยช่ืนชมยนิ ดี

๙๑ หมายถึง พระอินทร์ คาเรียกตรีเนตรว่าหมายถึง พระอินทร์น้ันปรากฏในวรรณคดโี บราณ
หลายเรื่อง เช่น พระมาลัยคาหลวงของเจ้าฟ้าธรรมาธเิ บศร์ (สมัยอยุธยา) หรือสังข์ทอง (สมัยรัตนโกสินทร์)
เปน็ ตน้

๙๒ แก้วสีแดงอ่อน เกิดจากปะการงั ใต้ทะเล

๖๒

๏ แก่พระศรสี พั พญั ญะ สมเดจ็ หน่อพระพทุ ธองค์

๏ ให้ผู้ทรงธรรมอันย่งิ ยวด ผูม้ ผี นวชบวชเป็นสงฆ์

๏ ตง้ั ใจปลงจะขอพบ ประสบเจา้ พระศรีอาริย์

๏ เจรญิ ทานจาศลี เรยี น ศรัทธาเพยี รภาวนา

๏ สนิ้ ชาตมิ าเกิดเป็นนางฟา้ เปน็ หัวหนา้ พระศรีอารยิ ์

๏ สน้ิ ชาตมิ าเกิดในเมืองฟ้า รปู นางแนง่ นอ้ ยขาวแชม่ ช้อยนวลศรี

๏ มรี ัศมีขาวแลขาวนวล อาภรณล์ ว้ นล้วนพรรณขาว

๏ โฉมเฉดิ สาวขาวสด งามหมดจรดทว่ั สารพางค์

๏ หน้าสาอางแลขาวแจ่ม เจรจาแย้มยิ้มประพาย

๏ เดชะได้ถวายขา้ วโภชน์ รูปโฉมโสดหนา้ สะคราญ

๏ เดชะให้ทานดอกไม้ จึงมาไดร้ ศั มขี าว

๏ เดชะบญุ ชาวเจา้ แม่ ให้แบง่ แผ่รปู รวยทาน

๏ คร้ันเกดิ มาในเมอื งฟ้า แป้งผดั หนา้ บป่ ูนปาน

๏ เดชะใหท้ านจงึ ฟกู หมอน ขา้ วเน้ืออ่อนย่ิงสาลี

๏ ให้ผา้ ดเี นือ้ ละเอยี ด เส้นละเมยี ดเน้ือละไม

๏ จึงมาเกดิ ในเมืองฟา้ ไดเ้ ส้ือผา้ แลอาภรณ์

๏ กาไลกรแลเข็มขดั สะอง้ิ รดั สะเอวกลม

๏ มงกุฎประดบั เกศ โสสารเพชรรจนา

๏ ห้อมล้อมมาภายหนา้ ก่อนเจ้าฟ้าหนอ่ พุทธพงศ์

๏ ท่านประเสรฐิ โพธสิ ัตว์ ผู้จะตรสั เป็นพทุ ธองค์

๏ อานิสงสฝ์ ่ายเจา้ แม่ ได้สรา้ งแลแต่เมอื งคน

๏ ได้กศุ ลอันอเนก อดเิ รกด้วยทพิ ยอ์ าหาร

๏ บอกกศุ ลผลดังน้ี ให้แกพ่ ระนะหัวฟงั

๏ บุญนางฟ้าไดส้ ร้างแล้ว ไดว้ มิ านแกว้ ลว้ นพรรณขาว ๏ รา่ ย ๏

๖๓

๏ พระเถรได้ฟัง คาท้าวอินทรา
สรรเสริญนกั หนา อม่ิ เนื้ออ่ิมใจ
๏ จงึ ถามถึงคุณ บญุ อน่ื สืบไป
ให้แจง้ สงสยั พระเถรดว้ ยพลนั
๏ นางมาเบอื้ งขวา แห่งพระทรงธรรม์
ย่อมเหลืองอนันต์ รัศมีเรอื งรอง
๏ ถา้ นงุ่ ผ้าหม่ อาภรณย์ อ่ มทอง
ทง้ั ตัวเรืองรอง เหลืองงามแสงสี
๏ อนั นางเบ้ืองขวา แห่งพระไมตรี
อาภรณร์ ศั มี พรรณเหลืองอะดู
๏ มรี ปู อันดี ทรงโฉมสมบุญ
เหลืองคือไพฑรู ย์ ทาบุญช่ือใด
๏ ข้าพระจะแจ้ง แถลงให้เตม็ ใจ
ขอพระมาลยั จาไว้เป็นผล
๏ ขา้ แต่พระเจา้ บอกเลา่ แกฝ่ ูงคน
ใหท้ ากศุ ล ดเู ยย่ี งกนั เถดิ หนา
๏ จะขอพบพระ ไมตรมี ิชา้
เมื่อท่านเทศนา กล็ ปุ จั จยั
๏ ขา้ แตพ่ ระเถร ผ้ชู อื่ ว่ามาลยั
ขา้ พระจะไข บอกบญุ สมภาร
๏ แหง่ นางทัง้ หลาย อันสร้างมานาน
พระต้ังใจปาน ชนื่ ชมฟงั เอา
๏ นางท้ังหลายนี้ เมื่อกอ่ นน้นั เลา่
เกดิ เป็นนงเยาว์ ในโลกเเดนดิน

๖๔

๏ วันพระนอ้ ยใหญ่ นางกไ็ ด้จาศลี
ให้ขา้ วบาตรบณิ ฑ์ จังหันทุกวนั
๏ แต่งอาหารไว้ ใหพ้ ระสงฆฉ์ ัน
ผา้ เหลอื งมพี นั นางกใ็ ห้เป็นทาน
๏ ดอกไมเ้ ครื่องไล้ ลาทาหอมหวาน
นางไดใ้ ห้ทาน ลว้ นพรรณเหลอื ง
๏ ทง้ั ว่าเกิดมา รศั มรี ่งุ เรือง
สารพัดสีเหลือง คือแกว้ ไพรฑรู ย์
๏ นางมาเบ้ืองขวา ดูงามสมบรู ณ์
สมบตั ิอาดรู อเนกคณนา
๏ นางตามเสดจ็ ไปฝา่ ยเบอื้ งขวา
แห่งพระราชา เจ้าฟา้ อยู่กา่ ยกอง
๏ ไดเ้ คร่ืองประดับ รงุ่ เรืองนอง
ไดว้ ิมานทอง เลิศคณนา
๏ เดชะอันให้ ดอกไม้เคร่อื งทา
ไดส้ ร้อยภูษา กับเทริดทอง๙๓ ฯ๏ มงั กร ๏ฯ
๏ พระเถรผยู้ ัง ได้ฟงั อานิสงส์
อมิ่ เน้ืออ่มิ ใจ
๏ ดูกรเทเวศ ท่านกล่าวพเิ ศษ
ไพเราะนกั หนา
๏ จึงถามปรศิ นา อันอื่นสืบไป
พระเถรมาลยั จงึ กล่าววาจา

๙๓ อ่านว่า เซดิ คือ เคร่ืองประดับศรี ษะ มีลกั ษณะเหมือนมงกุฎ ใชใ้ นการแสดงมโนห์รา ศลิ ปะ
ทอ้ งถิ่นภาคใต้

๖๕

๏ ขอเชญิ ทา่ นแจ้ง แถลงบุญมา
แห่งนางอันมา เบ้อื งซา้ ยพระเมตไตรย
๏ ดูกรอินทรา นางสวรรคอ์ นั มา
เบื้องซา้ ยพระศรอี าริย์ มรี ศั มีแดง
แสงใสชชั วาล เสอื้ สรอ้ ยอลงั การ
คือชาดหรคณุ ๙๔
๏ ทาสงิ่ ใดบา้ ง เมอื่ กอ่ นสร้าง
สิง่ ใดเป็นบุญ จงึ มีรูปโฉม
โนมพรรณอาดรู ผา้ ผ่อนเพมิ่ พูน
อาภรณย์ อ่ มแดง
๏ มที องตน้ แขน นิว้ มือใส่แหวน
มีพรรณเปน็ แสง มีทงั้ สรรพเพชร
พเิ ศษเคร่ืองแดง ประดับเปน็ แสง
ทาบุญช่อื ใด
๏ เมอ่ื นน้ั บนั อินทร์ จะบอกระบลิ
ระบอบปัจจัย แห่งนางอันมา
เบอ้ื งซ้ายพระเมตไตรย บญุ นางสรา้ งไว้
จึงได้พูนมา
๏ อินทราเสดจ็ อยู่ ในทา่ มกลางหมู่
แหง่ เทพเทวา บอกบญุ สมภาร
นางคราญได้ทามา แก่พระมาลัย
มิไดพ้ ลาดพล้ัง

๙๔ สีแดง

๖๖

๏ ข้าแตพ่ ระเจ้า มาลยั ผ่านเกล้า
ขอพระเจา้ ฟัง ขา้ จะสาแดง
บญุ แตป่ างหลัง ให้พระเจ้าฟัง
บุญแห่งนางคราญ
๏ นางนาฏทงั้ หลาย ยอ่ มมาเรยี งราย
เบื้องซ้ายพระศรอี าริย์
๏ วันอโุ บสถ๙๕ นางต้งั กาหนด
อุตส่าหฟ์ ังธรรม
๏ เมอื่ กอ่ นกาเนิด เกิดในสงสาร
ได้สร้างสมภาร เปน็ นิจ๙๖ทุกวนั
๏ นางไดถ้ วายแปง้ แต่งกบั ปยิ ะจงั หนั ๙๗
ให้ทานทกุ วนั แกพ่ ระสงฆท์ ง้ั หลาย
๏ ฟงั ธรรมนางได้บูชา ดอกไม้นา ๆ
ผา้ ผอ่ นพรรณราย
๏ กระแจะแลแปง้ นางแตง่ อบถวาย
บชู าอภิปราย ผ้เู ทศนาธรรม์
๏ ให้ผา้ ผนื แดง ดอกไม้มีแสง
แก่นจนั ทน์แดงฉนั ถวายแกพ่ ระพุทธ
ถวายแก่พระธรรม์ เปน็ นิจทกุ วนั
แก่ภิกษุสงฆ์

๙๕ วันธรรมสวนะหรือวันพระ คือ ขึ้น ๘ คา่ แรม ๘ ค่า ขึ้น ๑๕ ค่าและแรม ๑๔ ค่าหรอื ๑๕
คา่

๙๖ สมา่ เสมอ
๙๗ อาหารท่ีสมควรหรอื ทาโดยประณีตเพื่อถวายแดพ่ ระสงฆ์

๖๗

๏ ทาบุญปรากฏ ครนั้ สิ้นกาหนด๙๘
บญุ นตี้ ามส่ง มาได้ประสบ
พบพทุ ธองค์ เจา้ ผู้ยงิ่ ยง
คอื องคพ์ ระศรอี ารยิ ์
๏ บญุ นางจงึ แต่ง เครื่องประดับทกุ แห่ง
ล้วนแดงตระการ มาไดส้ มบตั ิ
ย่อมชัชวาล มที พิ ยว์ ิมาน
ย่อมล้วนแดงฉัน ๏ ฉันท์ ๏
๏ พระเถรฟงั วาจา แหง่ ทา้ วอินทรากล่าวอุดม
มหาเถรสรรเสริญชม สมภารเทพกญั ญา
๏ เมื่อจะถามคาใหย้ ิ่ง จงึ พระเถรเผยวาจา
ถามท้าวอมั รินทรา ให้รู้แจ้งแหง่ คดี
๏ นางสวรรค์งามสะพรัง่ มาภายหลังพระไมตรี
ประกอบดว้ ยรศั มี เขยี วขจแี กว้ นลิ วรรณ
๏ อาภรณ์สรอ้ ยเทรดิ แกว้ งามพรายแพรวเขียวทกุ พรรณ
รศั มีสแี สงสรร ยอ่ มเขียวทั่วสารพางค์
๏ สาวสาวรปู เหมอื นกนั ดงั่ แกลง้ สรรดสู าอาง
ดาแดงแสงกระจา่ ง เนอื้ เขยี วดงั กลบี นลิ ุบล๙๙
๏ ดาแดงแสงใสสด เขียวหมดจดทว่ั ทง้ั ตน
เมอ่ื ก่อนสร้างกุศล ทาบญุ ใดแตป่ างเพรง๑๐๐

๙๘ ตายหรือสน้ิ ชวี ติ
๙๙ หมายถึง บัวขาบ
๑๐๐ ปาง หมายถึง เมือ่ เพรง หมายถึง เกา่ ก่อน หมายรวมคือ เมื่อกอ่ น นนั่ เอง

๖๘

๏ เมอ่ื นั้นทา้ วไตรภพ ยอกรนบด้วยยาเกรง
บอกบญุ แตป่ างเพรง นางทง้ั หลายได้ทามา
๏ พระอินทรเ์ สด็จอยู่ ในกลางหมู่แห่งเทวา
ยกมอื ไหว้แลว้ วันทา ตอบวาจาพระเถรถาม
๏ ขา้ แต่พระเถรเจา้ ขา้ ขอเลา่ แต่พองาม
บญุ นางอันมากคราม มาภายหลังพระไมตรี
๏ เมอื่ ก่อนนางไดเ้ กดิ เอากาเนิดในโลกยี ์
ครนั้ ถงึ วนั อฏั ฐมี นางจาศีลแปดประการ
๏ นางหม่ันไปฟังธรรม เม่อื พระเจ้าทา่ นเทศนา
ก้มเกลา้ ถวายมาลา ประทบี เทียนด้วยฉับพลนั
๏ ถวายผา้ แลแพรพรรณ มพี รรณยอ่ มลว้ นเขยี ว
กร่ิงกลดแลธงเทยี ว นางทัง้ หลายบชู าธรรม
๏ ครน้ั ตายไดม้ าเกดิ เอามากาเนดิ ในสวรรค์
หอ้ มลอ้ มเจา้ จอมธรรม์ เปน็ ฝ่ายหลงั พระไมตรี
๏ ดาแดงเน้ือใสสด เห็นปรากฏงามมีศรี
ได้เครอ่ื งประดบั ดี เขยี วชวยชื่นระรนื่ ใจ
๏ พระเถรไดฟ้ งั อินทร์ กลา่ วระบลิ แถลงไข
สรรเสริญดว้ ยฉับไว วา่ ไพเราะพน้ ประมาณ
๏ จงึ ถามถงึ ซงึ่ พระคณุ ถามถงึ บุญพระศรีอาริย์
ท่านได้สรา้ งสมภาร ชือ่ ใดหนอยง่ิ นกั หนา
๏ บรวิ ารลว้ นนางสวรรค์ อเนกอนนั ตห์ ้อมลอ้ มมา
สมภารทา่ นน้ันหนา ทา่ นสร้างมาเป็นกลใด
๏ ขอเชิญท่านเฉลย เผยวาจาบอกสืบไป
สมบัติพระเมตไตรย ดพู ิลึกยิ่งแสนทวี

๖๙

๏ พระอนิ ทรบ์ อกวา่ สมภาร แหง่ พระศรอี าริยไมตรี

ย่งิ กว่าพระธรณี ได้แสนโกฏิเลศิ ย่ิงยง

๏ ไมตรพี ระโพธสิ ัตว์ ผู้จะไดต้ รัสเป็นพทุ ธองค์

เจ้าจอมจะได้ส่ง สัตวเ์ ข้าพระนฤพาน

๏ พระเจ้าจะโปรดโลก พน้ จากโอฆะสงสาร๑๐๑

พระไดส้ รา้ งบุญสมภาร มากกว่าแผ่นพระธรณี

๏ พระให้สมบัติโภค เปน็ ยศโยคแกโ่ ลกยี ์

ให้สตั ว์ท้ังธรณี อิม่ อกต่ืนช่นื ใจบาน

๏ ข้ามอิ าจจะกลา่ วได้ ทา่ นสร้างไวม้ าชา้ นาน

บารมีพระศรอี าริย์ ขา้ พระรู้มสิ น้ิ เลย

๏ เจ้าจอมจะลเุ สร็จ พระสรรเพชญ์ชนื่ ชมเชย

มาลัยเจา้ นะหวั เอย๋ ขา้ จะเลา่ ก็มิถว้ นถงึ

๏ สมภารทา่ นเลศิ ลน้ พน้ ที่รู้จะราพึง

ข้าพระจะร่าถึง จะบอกได้แคบ่ งั ควร

๏ พระแตง่ ทุนทรัพยไว้ ใหแ้ กโ่ ลกทว่ั ทง้ั มวล

ทา่ นให้ทานย่อมบงั ควร มากกว่าโกฏอิ สงไขย

๏ สว่ นองค์พระน่ังเกลา้ ผู้ผา่ นเผา้ ชอื่ พระเมตไตรย

ทาเพยี รบารมีไว้ อเนกกัลป์โกฏกิ ลั ป๑์ ๐๒

๏ สมเด็จพระไมตรี สรา้ งขนั ติปารมิตา๑๐๓

จะโปรดสตั ว์ทัว่ โลกา ให้พน้ ทุกขท์ ั่วอนนั ต์

๑๐๑ โอฆะสงสาร หมายถงึ ห้วงนา้ แห่งสตั วโ์ ลกท่จี ะต้องเวียนว่ายตายเกิด
๑๐๒ กัลป์ คือ ระยะเวลาท่นี านมาก ในทางคณิตศาสตร์ ๑ กัลป์ สามารถคานวณเป็นจานวนปี
คอื จานวนเลข ๑ ตามด้วย ๐ อีก ๑๔๐ ตวั
๑๐๓ หมายถงึ การสรา้ งบารมีดา้ นความอดทน (ขันติบารมี)

๗๐

๏ ทา่ นสรา้ งซึ่งขันติ บารมีมากครามครนั
อเนกกลั ปโ์ กฏิกลั ป์ หลายชาติแล้วสรา้ งกุศล
๏ ไมตรีจะโปรดสตั ว์ ถงึ อรหันต์ลมุ รรคผล
ใหเ้ หนือ่ ยหนา่ ยในกายตน ดว้ ยพระไตรลกั ษณาญาณ๑๐๔
๏ ทา่ นตงั้ สจั จะบารม๑ี ๐๕ มมี ากแลว้ เกบ็ มานาน
ต้งั แต่ไตรลกั ษณาญาณ เอาเท่านเี้ ป็นอารมณ์
๏ ไมตรีเจา้ จอมนารถ เพียรหลายชาติทา่ นสรา้ งสม
ตั้งอธิษฐาน๑๐๖เป็นอารมณ์ จะขอตรสั เป็นพทุ ธองค์
๏ นิจศีลหา้ ประการ ท่านรกั ษาให้ม่ันคง
ต้งั จิตคดิ จานง จะโปรดสตั ว์ทวั่ อนนั ต์
๏ พระโปรดสัตว์ใหไ้ ปเกดิ เอากาเนดิ ในเมืองสวรรค์
ใหส้ ตั ว์หมนั่ ฟังธรรม์ รักษาศลี เปน็ นจิ ทุกวัน
๏ สว่ นองค์พระนงั่ เกลา้ รกั ษาศลี สมาทาน
วนั พระแปดประการ หา้ ประการเปน็ นจิ ทุกวัน
๏ สว่ นพระองค์ทรงผนวช เสร็จออกบวชไปเรียนธรรม์
มามากกว่ากัลปโ์ กฏิกลั ป์ แต่ทา่ นได้บวชเปน็ สงฆ์

๑๐๔ กฎไตรลักษณ์ หลักธรรมสาคญั ท่ีพระพุทธเจ้าทกุ พระองคท์ รงสอน คือ อนจิ จัง ทุกขงั และ
อนตั ตา หรือที่รจู้ ักกนั คอื สรรพส่ิงล้วนมกี ารเกิดข้ึน ตัง้ อย่แู ละดับไป

๑๐๕ สัจจะบารมี บารมดี า้ นการถอื ความจริงเปน็ นิจ
๑๐๖ การอธิษฐาน (อธิษฐานบารมี) คือ บารมีข้อหนึ่งสาคัญของการจะตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า
กล่าวอย่างง่ายคือ การรู้จักกาหนดเป้าหมายในชีวิตว่าต้องการจะเป็นอะไรหรือจะทาอะไรให้ประสบ
ความสาเร็จ ตวั อยา่ งคอื พระศรีอารยิ ไมตรโี พธสิ ัตว์ ท่านอธษิ ฐานเพื่อความเป็นพระพทุ ธเจา้ ในอนาคต ท่าน
จึงบาเพ็ญ (สะสม) บารมีด้วยความเพียรในทุกภพทุกชาติ สุดท้ายท่านก็จะประสบความสาเร็จได้เป็น
พระพุทธเจ้าในอนาคต พระนามว่า พระศรีอาริยเมตไตรย ผู้อ่านควรนาคุณธรรมข้อนี้มาใช้ในชีวิตก็อาจ
ประสบความสาเร็จได้ไวกวา่ ผทู้ ี่ไมไ่ ดก้ าหนดเป้าหมายกเ็ ป็นได้

๗๑

๏ ทา่ นสอนใหเ้ ข้าฌาน อานาปาน๑๐๗อนั ย่งิ ยง

ใหส้ ัตว์ไปทางตรง ในอกนษิ ฐ์๑๐๘มหาพรหม

๏ สมเด็จพระเมตไตรย สอนสตั วไ์ ปทวั่ โลกา

ใหเ้ หน็ พระอนิจจา จะให้ไดโ้ สดาผล๑๐๙

๏ พระเอาปญั ญาออม มาห้อมลอ้ มสัตว์ทุกตน

สว่ นองค์หน่อทศพล จะให้พน้ จากโลกา

๏ พระศรอี าริย์ให้โปรดสัตว์ จะได้ใหส้ กิทาคา

ให้เหน็ พระอนจิ จา เปน็ สมเพชในสงสาร๑๑๐

๏ จะใหน้ ฤพานสมบัติ แกส่ ัตวท์ ว่ั ทศิ สถาน

ใหแ้ จง้ ในสงสาร ใหส้ ตั ว์เห็นแจ้งแก่ใจ

๏ ไมตรีท่านดีนัก ทานมริ ักษามชิ ังใคร

สมเดจ็ พระเมตไตรย ไดส้ รา้ งแล้วมามากนา

๏ อนันต์อดเิ รก อันอเนกพ้นประมาณ

ได้สร้างเรมิ่ เพ่ิมมานาน นบั อเนกเป็นอนันต์

๏ ไมตรเี จา้ ผปู้ ราชญ์ อาจสามารถจะแปลธรรม์

โนม้ น้อมสตั วใหไ้ ปสวรรค์ แล้วให้ไดพ้ ระนฤพาน

๑๐๗ มาจากคาว่า อานาปานสติ คอื การกาหนดจติ ให้รูล้ มหายใจเข้าออก
๑๐๘ อกนิษฐพรหม เป็นพรหมช้ันท่ี ๑๖ จัดอยู่ในพรหมชั้นปัญจสุทธาวาส (พระอริยะบุคคล
ประเภทอนาคามี) ผู้ใดเม่ือตายแล้วไดม้ าบังเกิดในพรหมปัญจสทุ ธาวาสแล้วจะไมก่ ลับมาเกิดในโลกมนุษยอ์ ีก
จะนพิ พานในชน้ั นเี้ ลย
๑๐๙ โสดาผล หมายถึง โสดาบันผล (พระโสดาบัน) หนึ่งในพระอริยะบุคคลในทาง
พระพุทธศาสนา คือ โสดาบันมรรค โสดาบันผล สกทิ าคามมี รรค สกิทาคามีผล อนาคามีมรรค อนาคามี
ผล อรหนั ตมรรคและอรหนั ตผล
๑๑๐ หมายความว่า พระองค์ทรงสอนให้สัตว์โลกรู้จักเบื่อหน่ายการเกิดในไตรภูมิ เม่ือเบื่อ
หน่ายการเกิด ก็ไม่อยากเกิด นี่คือการตัดวงจรของทุกอย่าง เมื่อเบ่ือหน่ายการเกิดแล้วก็ปฏิบัติตนให้เข้าสู่
พระนพิ พานใหไ้ ด้ น่คี ือคาสอนสามญั ของพระพทุ ธเจา้ ทุกพระองคท์ ่ลี งมาตรัสรูเ้ พื่อโปรดสตั วโ์ ลก

๗๒

๏ ไมตรีท่านผฉู้ ลาด ฟงั สามารถพระกรรมฐาน

อุ้มกเิ ลสอุปาทาน๑๑๑ ดว้ ยศลี ทานนา้ ใจตรง

๏ สอนสตั ว์ทกุ ประเทศ ใหด้ บั กิเลสใหป้ ลดปลง

สมภารน้ีนะพระองค์ สร้างมากแลว้ จงึ สาเร็จ

๏ สมเดจ็ พระศรีอาริย์ ปัญญาญาณคอื หอกเพชร

ตดั บาปให้ขาดเดด็ ด้วยกรดคือพระปญั ญา

๏ สรา้ งโพธสิ มภาร ด้วยพระญาณมหมึ า

มากยงิ่ พสธุ า ไดอ้ เนกอสงไขย

๏ จะโปรดสตั วใ์ ห้ไปรอด ใหเ้ ล็ดลอดพน้ ทกุ ขภ์ ัย

ลว่ งลับสงสารไป พ้นจากทุกขเ์ ข้าสู่นฤพาน

๏ พระเมตไตรยรุง่ เรอื งโชติ ท่านสรา้ งโพธิสมภารนาน

ไดอ้ นันต์จกั รวาล ยงิ่ ลน้ พน้ นี้ออกไป

๏ ไมตรีเจา้ ใจกว้าง จะบอกทางให้แจง้ ใจ

ไตรลักษณญาณทา่ นจะได้ ให้เหน็ แจ้งแหง่ มรรคผล

๏ ผู้ใดใคร่นฤพาน ขับสงสารม้วยชาติชนม์

ให้จาเรญิ สรา้ งกศุ ล เอาไตรลักษณเ์ ป็นภาวนา

๏ สมเดจ็ พระศรีอาริย์ ผ้จู ะผลาญกเิ ลสราคา

เอาไตรลกั ษณภ์ าวนา เปน็ เนืองนจิ จงทุกวัน

๏ หายใจเข้าหายใจออก เอาไตรลกั ษณ์เปน็ กรรมฐาน

เมอ่ื ไดต้ รสั แก่โพธิญาณ จะเอาไตรลกั ษณโ์ ปรดสัตวท์ ยั า

๏ เชดิ ๏

๑๑๑ อปุ าทาน หมายถึง ความยดึ มั่นถอื มนั่ ว่าสิ่งนน้ั ๆ เป็นของตนเอง

๗๓

๏ เมอ่ื นัน้ อนิ ทราเจา้ ไพชยนต๑์ ๑๒ จงึ บอกยบุ ล
โพธิสตั ว์นม้ี สี าม จึงทรงนาม
๏ ผูห้ นึ่งปญั ญาเกือบขาม เมื่อตรสั เปน็ พุทธองค์
ช่อื ปัญญาธกิ ะหน่อพุทธองค์ จงึ ทรงพระนาม
๏ ผู้หนง่ึ อตุ สา่ ห์ยวดยง ปัญญายิ่งกัน
ชอื่ วิริยาธกิ ะทรงธรรม์ ผู้มีปัญญาเลิศไกร
๏ ผูห้ น่ึงศรัทธามากคราม สบิ หกอสงไขย
ชอื่ ศรทั ธาธิกะเจา้ จอมธรรม๑์ ๑๓ ชอื่ ศรัทธาธกิ ะธรรม์
๏ ลา้ โพธสิ ตั ว์สามองคน์ ้นั ได้ทรงพระนามชือ่
สรา้ งสมภารส่อี สงไขย
๏ กบั แสนมหากาไร
ได้ช่ือปญั ญาธกิ ะทรงนาม
๏ ผู้สร้างสมภารมาไกล
กาไรแสนมหากลั ป์
๏ พระมปี ญั ญาย่ิงกว่ากนั
เหตทุ า่ นศรัทธายิง่ ภพไตร
๏ ไมตรีเจา้ ใจงาม
วิริยาธิกะเลศิ ไกร

๑๑๒ ประสาทไพชยนต์ ท่ปี ระทับของพระอนิ ทร์
๑๑๓ พระสัมมาสัมพุทธเจ้า (พระพุทธเจ้าท่ีตรัสรู้แล้วสอนผู้อ่ืน) แบ่งเป็นพระโพธิสัตว์ ๓
ประเภทในการบาเพ็ญบารมี คือ ๑. พระพุทธเจ้าประเภทปัญญาธิกะ บาเพ็ญบารมีโดยใช้ปัญญานา มี
ระยะเวลาการสร้างสมภารบารมีจานวน ๔ อสงไขย กาไร (ย่ิง, เกิน) แสนมหากัลป์ ๒. พระพุทธเจ้า
ประเภทศรัทธาธิกะ บาเพ็ญบารมีโดยใช้ศรัทธานา มีระยะเวลาการสร้างสมภารบารมีจานวน ๘ อสงไขย
กาไรแสนมหากลั ป์ และ ๓. พระพทุ ธเจ้าประเภทวิริยาธิกะ บาเพ็ญบารมโี ดยใช้วิริยะหรือความเพียรนา มี
ระยะเวลาการสร้างสมภารบารมจี านวน ๑๖ อสงไขย กาไรแสนมหากลั ป์

๗๔

๏ สร้างสมภารสิบหกอสงไขย แสนมหากาไร

พระศรีอาริย์สร้างดี

๏ สมภารแห่งพระไมตรี คือนา้ อันมใี นส่ี

สมุทร๑๑๔กม็ ิปนู ปาน

๏ ขา้ บอกไดไ้ มส่ ้วู ติ ถาร๑๑๕ กวา่ นนั้ พ้นประมาณ

คือสมทุ รสาคร

๏ ขา้ พระคอื กระต่ายอยู่ดอน จะหยงั่ นา้ ในสาคร

ทั้งตัวขา้ น้จี ะจมลงเสยี

๏ ข้าพระคอื กระตา่ ยตวั เปลย้ี ได้ลม้ิ ไดเ้ ลยี

แตข่ ้างปลายหญา้ สองสามอนั

๏ น้าในสาครยงั ครามครนั อเนกอนันตม์ ริ ู้

ที่จะสิ้นสดุ สาย

๏ สมภารพระศรอี ารยิ ท์ ัง้ หลาย ข้าพระเลา่ ถวาย

ได้เทา่ นเ้ี ตม็ คดิ นักหนา ฯ๏ ฉนั ท์ ๏ฯ

๏ เมื่อนน้ั พระศรีอารยิ ์ มีบรวิ ารยอ่ มสาวศรี

เสด็จถึงพระเจดีย์ จงึ ก้มเกลา้ นมสั การ

๏ กราบแลว้ เดนิ ทักษณิ า ประนมชมทง้ั แปดสถาน

บูชาอฏั ฐปาน และเครื่องหอมธปู เทียนมี

๏ ลางนางเทพอปั สร ประนมกรอญั ชลุ ี

กราบไหว้พระเจดีย์ ตา่ ง ๆ ชนื่ หฤหรรษา

๑๑๔ มหาสมุทรท้ัง ๔ ล้อมรอบเขาพระสเุ มรุ คอื ปิตสาคร ผลกิ สาคร ขีรสาครและนิลสาคร
๑๑๕ วิตถาร คาภาษาบาลีตรงกับคาว่า พิสดาร แปลว่า แปลกหรือละเอียด ในบทน้ีหมายถึง
พระอินทร์ไม่สามารถเล่าประวัติของพระศรีอาริยเมตไตรยได้อย่างละเอียด วิตถารคานี้ความหมายเคลื่อน
จากเดมิ ไปอยู่มาก

๗๕

๏ บ้างถอดแหวนเพชรไว้ บา้ งไดถ้ วายเคร่อื งอลังการ์

ลางนางถวายภูษา ไว้แกธ่ าตุพระเจดยี ์

๏ นางสวรรค์ถวายดอกไม้ ธูปเทยี นไหว้ด้วยเปรมปรดี ิ์

ตามโคมรอบพระเจดีย์ ตามประทปี นา้ มนั หอม

๏ เครอื่ งทิพย์อันวเิ ศษ ชเู หนือเกศตัง้ กระหม่อม

คนธาทพิ ย์แลเคร่อื งหอม นางบูชาตัง้ ถวายไว้

๏ ถวายฉตั รกริ่งกลดมาส ธงกระดาษและทวิ ธงชัย

ดาษเพดานงามไสว นางท้ังหลายตง้ั บูชา

๏ ต้งั ไว้ในอากาศ งามเดียรดาษเรืองโสภา

รอบคอบทวั่ ทิศา ย่อมบชู าลว้ นฉตั รธง

๏ สาวสวรรคล์ ว้ นนางแมน ถอดแกว้ แหวนอันบรรจง

ถวายพระธาตุพระพุทธองค์ พระเกศธาตุอนันต์

๏ แสงแก้วเรืองเดยี รดาษ ทง้ั อากาศท่ัวเมืองสวรรค์

ดุจอาทิตย์แลพระจนั ทร์ อนั รศั มีรุง่ เรืองฉาย

๏ ลางนางเปล่งเสียงขับ ลางนางจับระบาราถวาย

ลางนางดดี พณิ สามสาย ดุริยดนตรเี พราะเอาใจ

๏ กล่ินหอมหอมตลบ ทวั่ พิภพท้าวหสั นัยน๑์ ๑๖

เสยี เสนาะเพราะเอาใจ ด้วยเสยี งดรุ ยิ ดนตรี ฯ ๏ เชดิ ๏ ฯ

๏ เมอ่ื นัน้ พระศรีอารยิ ์ จึงมีโองการ

ถามพระเถรมาลยั พระมาแตไ่ หน

นะสมณะข้าจะขอถาม ชมบุญสมภาร

บอกแกข่ า้ จงฟงั วา่

๑๑๖ หมายถงึ พระอนิ ทร์ ทา้ วสหัสนยั น์กว็ ่า แปลว่า ท้าวพนั ตา น่นั เอง

๗๖

๏ มาถงึ เมอื งอนิ ทร์เมืองฟา้ เทพถว้ นหนา้

มานง่ั เฝ้าพระเถรเจา้ มาลยั

๏ พระเสด็จมาเอาอนั ใด ในเมอื งสวรรคน์ น้ั ไซร้

บอกขา้ อยา่ ช้าจะตง้ั หนา้ แตง่ ถวาย

๏ พระมาลัยได้ฟงั อธิบาย รบั โองการทนั ใจ

แก่เจา้ พภิ พจึงเคารพขานสนอง

๏ บพติ รท่านจงครอบครอง สมบัตเิ รอื งรอง

ผ้จู ะตรสั เป็นพระเจ้าจะเลา่ ให้บพิตรฟังจงรู้

๏ เจา้ กระทรวงวังฟังคาตู เรามาแต่ชมพู

ทวปี ด้วยเร็วรบี มาไหว้พระเจดีย์

๏ พลางชมสมบตั ิพระไมตรี บพิตรจงรู้คดี

เราจงึ มาถงึ เมืองสวรรค์ ฯ ๏ ราบ ๏ ฯ

๏ ขา้ แต่พระเถร ชาวเมอื งชมพู

เขากนิ เขาอยู่ ยอมทาสง่ิ ใด

๏ เขาย่อมประพฤติ กจิ การสิ่งไร

เลย้ี งชพี ชนม์ไป รทู้ าส่ิงไรนา

๏ พระเถรจึงขาน ว่าชาวชมพู

เขากนิ เขาอยู่ ตามกิจแห่งตน

๏ ชาวชมพูทวปี เขาทาสลวน

ดว้ ยชีพชนม์ ยากจนพ้นใจ

๏ ชาวชมพทู วปี ลางคนเข็ญใจ

ลางคนสุขใส มัง่ คัง่ เป็นอันดี

๏ ลางคนรูปงาม ลางคนอปั รยี ์

ลางคนยินดี ลางคนพลันตาย

๗๗

๏ คนเปน็ ผดู้ ี มนี ้อยเดียวดาย

คนยากทงั้ หลาย มีทว่ั โลกา

๏ คนผู้เป็นสขุ นอ้ ยนกั นอ้ ยหนา

ผเู้ ปน็ ทุกขา ทุกแห่งแพรง่ พราย

๏ รูปโฉมดี ๆ มีนอ้ ยเดียวดาย

รปู ช่ัวเหลอื หลาย มที ั้งโลกา

๏ คนผู้เป็นสุข นอ้ ยนักหนา

ผเู้ ปน็ ทกุ ขา ทกุ แหง่ แพรง่ พราย

๏ เมอื่ น้นั พระไมตรี ฟงั เรอ่ื งคดี

อันพระมาลยั เจ้าแจ้งถวาย

๏ จะเปน็ มนุษยน์ ้อยนกั หนา เดรัจฉานนั้นนา

มมี ากเหลอื หลาย

๏ ผู้มอี ายยุ ืน มีนอ้ ยเดยี วดาย

คนผู้พลันตาย มากทว่ั สากล๑๑๗

๏ เราบอกดงั นี้ แก่หนอ่ ทศพล

ใหร้ ู้เหตผุ ล แห่งชาวชมพู

๏ ข้าแกพ่ ระเถร เจา้ ผู้เป็นครู

บัดนีช้ าวชมพู ทาบุญฤๅกลใด

๏ ฤๅว่าทาบาป มากมายเหลอื ใจ

ท้งั สองนอ้ี นั ใด ทายิง่ กวา่ กัน

๏ ขา้ จะบอกให้รู้ ชาวชมพทู ุกวนั

จะทาบญุ น้ัน น้อยนกั น้อยหนา

๑๑๗ สากล หมายถึง โลก มกั เปน็ คาซอ้ น คอื สากลโลก

๗๘

๏ ทาบาปมากมาย ไมอ่ ายเลยนา

ขวนขวายรจนา ดดี ีไวแ้ กต่ น

๏ อนั ชัว่ อย่าทา ทาแตก่ ุศล

ดดี ีไวแ้ กต่ น ประดับในอาตมา

๏ ผูใ้ จบุญนน้ั น้อยนกั นอ้ ยหนา

ใจบาปหยาบช้า มอี เนกอนนั ต์ ฯ ๏ ฉนั ท์ ๏ ฯ

๏ เมอ่ื น้นั พระศรีอารยิ ์ กลา่ วโวหารถามพระมาลยั

เขาใหส้ ง่ิ ใด ชือ่ ว่าทานแลเขาให้

๏ เมอื่ เขารกั ษาศลี ศลี อันใดแลเขาจา

ชาวชมพูทวีปแลเขาทา ส่ิงช่อื ใดในโลกา

๏ พระเถรวา่ เหน็ เขา ใหข้ า้ วแลน้าแลวตั ถา

ก้านธูปเทยี นชวาลา พวงดอกไม้หอมขจร

๏ เครื่องทานแลเสื่อสาด อาสนะลาดแลฟกู หมอน

เตียงตงั่ ทีน่ ่งั นอน กฎุ สี ถานย่อมมากมาย

๏ เคร่ืองทานทงั้ สบิ ๑๑๘น้ไี ซร้ ลางคนให้สง่ิ เดยี วดาย

ลางคนทาฟมู ฟาย ไดใ้ ห้ถ้วนทงั้ สิบอัน

๏ ทานทงั้ สบิ นี้ไซร้ มิไดไ้ ห้ทั้งสบิ นน้ั

ลางคนมักฟงั ธรรม์ มกั จาศีลแลสมาทาน

๏ ลางคนนิมนต์พระสงฆ์ ใหส้ วดมนตเ์ ป็นนิจกาล

ลางคนใหช้ ีวติ เปน็ ทาน ผใู้ ดไข้ช่วยรักษา

๑๑๘ ทานท้ัง ๑๐ เรียกว่า ไทยทานหรือไทยธรรม มี ๑๐ ประการ คือ ๑. อาหาร ๒. น้า
๓. เครื่องน่งุ ห่ม ๔. ยานพาหนะ ๕. พวงมาลา (ดอกไม้ต่างๆ) ๖. เคร่ืองหอม ๗. เคร่อื งทาผิว ๘. ทน่ี อน ๙. ที่
อยู่อาศัย และ ๑๐. เครือ่ งใหแ้ สงสวา่ ง

๗๙

๏ ลางคนมักแผว้ กวาด ตัง้ อาวาสสร้างวัดวา

สรา้ งวิหารไวพ้ ุทธา โรงเทศนาสรา้ งกฏุ ี

๏ ลางคนใหข้ ุดสระ สร้างรูปพระแลเจดยี ์

ปลูกปราสาทไวใ้ ห้ดี มปี ระดบั ไว้ในศาสนา

๏ บ้างแต่งเครื่องของฉนั ขนมนน้ั อันโอชา

ลางคนชวนกันมา ผใู้ ดตายไปชว่ ยเผา

๏ ลางคนแตง่ ยาไว้ ผูใ้ ดไข้ใหม้ าเอา

ลางคนชว่ ยรกั ษาเขา ผู้เป็นพยาธ๑ิ ๑๙ในศาสนา

๏ ลางคนรกั ษาพอ่ แม่ ปู่ย่าแกญ่ าตพิ งศ์ปราน

บ้างแต่งเคร่อื งพยาบาล แกพ่ ระพทุ ธพระธรรมพระสงฆ์

๏ บา้ งภาวนาพระไตรลักษณ์ เพอ่ื จะหักน้าใจตรง

ตัดโลภให้ปลดปลง ตามพระเจ้าเทศนา

๏ ศลี ห้าแลศลี แปด ศลี สบิ อันหมน่ั รักษา

ถวายข้าวสงฆ์ให้วตั ถา จตุปจั จยั ๑๒๐ใหเ้ ป็นทาน

๏ ลางคนให้เครอื่ งตั้ง ม่านกน้ั วังดาษเพดาน

บ้างใหอ้ ัฐบรขิ าร๑๒๑ ด้วยศรทั ธาอันย่ิงยง

๏ ใหจ้ วี รผา้ พาดพบั รัดประคดสับแลสบง

บาตรกลดสาหรบั สงฆ์ มีดโกนเขม็ ผ้ากรองดี

๏ ลางคนใจกุศล บวชลกู ตนใหเ้ ป็นชี

ลางคนปลอ่ ยทาสี แลทาสาใหเ้ ป็นไท๑๒๒

๑๑๙ หมายถึง อาการเจ็บป่วยมกั พบรว่ มกับคาวา่ โรคาพยาธิ
๑๒๐ เปน็ ทีร่ ู้จักในชอ่ื ว่า ปจั จยั ๔ คอื อาหาร ท่ีอย่อู าศยั เครอื่ งนุง่ หม่ และยารกั ษาโรค
๑๒๑ เคร่ืองจาเป็นของพระสงฆ์ ๘ ประการตามพุทธบัญญัติ คือ ๑. บาตร ๒. สบง ๓. จีวร
๔. สงั ฆาติ ๕. เขม็ ๖. ใบมีดโกน ๗. เครอ่ื งกรองน้า (ธมกรก) และ ๘. รดั ประคด

๘๐

๏ ลางคนใจตระหนี่ มิคลี่ทรพั ยใ์ หแ้ ก่ใคร
เอาแต่จิตเอาแต่ใจ โมทนาทานเป็นอาจณิ ๑๒๓
๏ สารพดั บุญทกุ ประการ ศีลแลทานเขากระทาส้ิน
ชาวชมพูทวีปทัว่ แดนดิน เขาทาไดต้ ามกาลงั
๏ พระมาลัยเทพเถร บอกใหพ้ ระไมตรีฟัง
ต้นปลายแต่ปางหลัง ใหร้ ู้เรอื่ งชาวชมพู ฯ ๏ ราบ ๏ ฯ
๏ พระโพธสิ ตั ว์ ถามพระมาลยั
อิ่มเนือ้ อม่ิ ใจ ยนิ ดีปรดี า
๏ จึงว่าสาธุ ไพเราะเพราะนกั หนา
พระเถรพรรณนา บอกแจง้ ทกุ ประการ
๏ ชาวชมพทู วีป จาศลี ใหท้ าน
เขาชื่นใจบาน ยนิ ดีทุกคน
๏ จะขอพบทา่ น เม่อื เปน็ ทศพล๑๒๔
ขอได้มรรคผล อย่าไดค้ ลาดคลา
๏ เขาทาบญุ แล้ว เขากรวดน้ามา
ขอพบศาสนา พระศรีอาริยไมตรี
เมอื่ ทา่ นไดต้ รสั เป็นพระมุนี
ขอบวชเปน็ ชี ขอล๑ุ ๒๕อรหนั ต์

๑๒๒ เปน็ อิสระ
๑๒๓ เป็นคนใจบุญแต่ตระหน่ีในทรัพย์ ไม่อยากสละทรัพย์ตนเองเพื่อบริจาค ได้แต่อนุโมทนา

บุญกับคนอน่ื หรอื ภาษาปจั จุบันจะเรียกว่า “นักบุญทุนคนอน่ื ” ยอ่ มได้
๑๒๔ เม่อื ได้ตรสั รเู้ ปน็ พระพทุ ธเจ้า
๑๒๕ ลุ แปลว่า ถงึ

๘๑

๏ บา้ งปรารถนา เนืองนิจทุกวนั
ถา้ เจา้ จอมธรรม์ สมเดจ็ พระศรอี ารยิ ์
๏ ถ้าพระจะเท่ียว สรา้ งโพธิสมภาร

ขอเปน็ บริวาร ทา่ นเมอื่ เสดจ็ มา

๏ ชาวชมพูทวปี เขายอ่ มบ่นหา
ขอพบศาสนา พระไมตรีจอมธรรม์
๏ เม่อื ทา่ นไดต้ รสั ขอไดพ้ บกัน
ขอเป็นอรหนั ต์ ในศาสนาพระศรอี ารยิ ์ ๏ ฉนั ท์ ๏
๏ เมอื่ นั้นพระศรอี ารยิ ์ ฟงั อาการกเ็ ต็มใจ
จงึ ตรัสว่าพระมาลัย ผเู้ ปน็ เจา้ กล่าวเพราะดี
๏ จงึ สัง่ พระมาลัย ถ้าจะไปในโลกยี ์
จงท่านเอาคดี ดังนี้บอกแก่ฝงู คน
๏ วา่ พระโพธสิ ัตว์ ผจู้ ะตรัสเปน็ พระทศพล
ไดย้ ินวา่ ฝูงคน ทากุศลสร้างสมภาร
๏ ทาแล้วเขาปรารถนา จะขอพบพระศรีอาริย์
ไดย้ ินบม่ ินาน พระหฤทยั กย็ นิ ดี
๏ ท่านตรสั สัง่ ให้รู้ ว่าผ้ใู ดในโลกยี ์
จะใคร่พบพระไมตรี พระไมตรผี มู้ ีคณุ
๏ ให้หญงิ ชายท้งั หลาย เร่งขวนขวายกระทาบญุ
ใหจ้ าศลี ทั่วทกุ คน ใหฟ้ ังธรรมไหว้พระสงฆ์
๏ ผใู้ ดจะขอพบ ประสบเจ้าพทุ ธองค์
ใหผ้ นู้ น้ั เร่งปญั ญาวงค์ ทาบญุ แลว้ ใหแ้ ผผ่ ล

๘๒

๏ อยา่ ไดท้ าร้ายกาจ อย่าประมาทลมื กุศล
อยา่ ทาเปน็ สลวน ให้ผดิ หมองพอ้ งใจกัน
๏ ถ้าผใู้ ดจะใครป่ ระสบ จะขอพบเจ้าจอมธรรม์
อย่าทาบาปอนั ฉกรรจ์ คือปาณาติปาตา
๏ ถา้ ผู้ใดจะใครท่ ัน เมอื่ ทา่ นไดเ้ ปน็ พระศาสดา
อย่าลักทรัพย์ท่านนั้นมา เอามาไวเ้ ป็นของตน
๏ ถา้ ผู้ใดจะใครพ่ บ ขอประสบหนอ่ พทุ ธองค์
อย่าทาเปน็ สลวน ดว้ ยเมียท่านบม่ ิเป็นการ
๏ ถ้าผ้ใู ดจะใคร่ทนั ศาสนาพระศรอี ารยิ ์
อย่ากินเหลา้ สุราบาล ผู้กินนั้นมิทนั พระเลย
๏ ถา้ ผใู้ ดจะใครท่ ัน เมื่อทา่ นเป็นพระชมเชย
ฝงู คนท้ังหลายเอย๋ อย่าไดก้ ล่าวมสุ าวาทา
๏ ถา้ ผูใ้ ดจะใครเ่ ห็น หน่อทศพลเสวยศาสดา
ใหจ้ าศลี ภาวนา ทรงธุดงคก์ รรมฐาน
๏ ถา้ ผู้ใดจะใครเ่ ห็น สมเด็จองค์พระศรอี าริย์
ให้ต้ังใจช่ืนบาน ฟงั นทิ านพระเวสสันดร๑๒๖
๏ ถ้าผู้ใดจะใครไ่ หว้ เมื่อท่านไดเ้ ป็นพระบวร
ใหฟ้ งั นิทานพระเวสสนั ดร วันเดียวจบถว้ นทัง้ พนั
๏ ฟงั บาลีพระเทศนา ฟงั คาถาถว้ นทง้ั พนั
ขา้ วบิณฑ์ขนมน้ัน ทุกสิ่งพนั จงมากมาย

๑๒๖ เวสสันดรชาดก พระชาติสุดท้ายของพระโพธิสัตว์โคดมก่อนตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าหรือ
เป็นท่ีรู้จักกันในประเพณีเทศน์มหาชาติหรือบุญผะเวส เทศน์มหาชาติหรือการฟังเทศน์คาถาพันคนโบราณ
เชื่อกันว่า หากฟงั จนจบทั้ง ๑,๐๐๐ พระคาถา จะไดไ้ ปเกดิ ในยุคของพระศรีอารยิ เมตไตรยในอนาคต

๘๓

๏ ฉตั รธงเพดานก้ัน รูปภาพนน้ั แขวนถวาย

ประทีปธปู เทยี นถวาย ดอกไม้เพลงิ เรืองรศั มี

๏ ดอกบัวหลวงดอกบวั ขาว ดอกสามหาว๑๒๗จงกลนี

ดอกอุบลอันขาวสี ดอกนลิ บุ ลดอกมณฑา

๏ ดอกไม้ขาวใสสุทธ์ิ ดอกสัตตบษุ ยแ์ ดงรจนา

สิง่ ละพันถวายบชู า มหาชาติพระเวสสนั ดร

๏ ฟงั แล้วปรนนิบตั ิ ทาตามอรรถพระสงั่ สอน

มหาชาตพิ ระเวสสนั ดร ถว้ นคาถาแลบาลี

๏ ผู้ใดทาดงั นีจ้ บ จงึ จะพบท่านด้วยดี

จงึ จะเห็นพระไมตรี เม่ือเป็นพระพน้ ประมาณ

๏ ถ้าจะใครปรนนิบัติ เมือ่ ทา่ นตรสั สรรเพชญดาญาณ๑๒๘

อย่าโกรธอยา่ จงผลาญ ชวี ติ ท่านให้ม้วยมรณา

๏ ผูใ้ ดจะใครเ่ หน็ เมอ่ื ทา่ นเป็นพระบวร

อย่าได้ทาอนาทร แก่ภกิ ษแุ ลภิกษณุ ี

๏ ผใู้ ดจะใครพบ จะใครไ่ หว้นบพระศรอี าริยไมตรี

พระสงฆ์แลนางชี อยา่ ยยุ งใหผ้ ิดกัน

๏ ถ้าผใู้ ดจะใคร่เหน็ เมอื่ เธอเปน็ พระทรงธรรม์

รูปพระเจา้ อนั อนนั ต์ อยา่ ใหร้ า้ งระหยุ ระหาย๑๒๙

๏ ผู้ใดจะใครพบ พระไมตรผี ู้ฦาสาย๑๓๐

อยา่ ตัดอยา่ รอนปลาย อย่าตัดไมพ้ ระมหาโพธ๑ิ ๓๑

๑๒๗ ดอกผกั ตบ
๑๒๘ ตรัสรเู้ ป็นพระพทุ ธเจ้า
๑๒๙ ร่วงพงั ไมด่ ูแล
๑๓๐ เป็นคาใชเ้ รยี กพระมหากษตั รยิ ห์ รือพระพุทธเจ้า ผู้ทไี่ ดร้ ับการบชู าจากมวลมนษุ ย์

๘๔

๏ ผู้ใดจงอตุ ส่าห์ ทนั ศาสนาพระไมตรี
อย่าฆา่ อย่าด่าตี พระโพธิสตั ว์หน่อพุทธองค์
๏ ผู้ใดจะใครเหน็ พระไมตรผี ยู้ อดยง
ช่ือวา่ ทรัพยข์ องเขา อยา่ เบยี ดเอาจะสลวน
๏ ผู้ใดจะใครท่ ัน พระไมตรเี จ้าจุมพล
ชือ่ ว่าพอ่ แลแมต่ น อยา่ ทารา้ ยอยา่ ด่าตี
๏ ผใู้ ดจะใครเ่ ฝ้า พระเปน็ เจ้าช่ือวา่ ไมตรี
อยา่ มีใจตระหนี่ อย่าประมาทลืมกศุ ล
๏ ผู้ใดแลรา้ ยกาจ อยา่ ประมาทอยา่ ลมื ตน
ผ้นู ั้นจะทกุ ขท์ น บม่ พิ บทา่ นเมอื่ เสด็จมา
๏ พระเถรรบั อาการ พระศรอี าริย์มิทนั ชา้
ให้บอกแกช่ าวโลกา แลมนษุ ย์ชาวชมพู
๏ เมื่อพระโพธสิ ตั ว์ ทา่ นจะตรสั สั่งให้รู้
เราจะบอกชาวชมพู ใหเ้ ขาต่นื ช่ืนชมเชย
๏ เออพอ่ คาข้าส่งั ขอพระเถรอยา่ ลืมเลย
มาลัยนะหวั เอ๋ย ขอพระบอกจงนักหนา
๏ อนั ใดคาขา้ ส่ัง ขอพระเถรอย่าทาลายคลาดคลา
ขอพระได้กรณุ า บอกแกโ่ ลกท่วั แดนไตร

๑๓๑ หมายถึง ต้นไม้ที่พระพทุ ธเจ้าโคดมทรงตรัสรู้พระอนตุ รสัมมาสมั โพธิญาณ ซงึ่ พระพทุ ธเจ้า
แต่ละพระองค์มีไม้มหาโพธิไม่เหมือนกัน โดยในสมัยพระพุทธเจ้าโคดมไม้มหาโพธิมีช่ือว่า โพ (ผู้เขียนใช้คา
วา่ โพ ตาม ศ.ดร.ศักดิ์ศรี แย้มนัดดา) หรืออัตสัตถพฤกษ์ ให้ผู้อ่านสังเกตวา่ คนโบราณไม่นิยมนาไม้โพมา
ใชง้ านเนื่องจากถอื ว่าเป็นไม้ที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ ซ่ึงในปัจจุบันใต้ต้นโพหลายแห่งมักกลับกลายเป็นที่ท้ิง
ศาลพระภมู ิหรือรปู ปนั้ ทางเทวสถานปรกั หักพงั ซง่ึ กน็ า่ สบั สนใจ (confuse) เหมอื นกนั

๘๕

๏ บพติ รเราจะบอก มหาราชอยา่ รอ้ นใจ

เราจะบอกว่าพระเมตไตรย ทา่ นตรสั สงั่ แกเ่ รามา

๏ เมอื่ นัน้ ชาวชมพู จะชมชนื่ หฤหรรษา

จะไหว้จะวันทา จะพนู เพิ่มเตมิ บุญไป

๏ อันหนงึ่ โสดนะบพติ ร ชอ่ื วา่ สตั ว์ทง้ั หลายใด

จะใคร่นบเจา้ จอมไทย เขาจะไหวจ้ ะถามเรา

๏ ว่าบพติ รพระศรีอาริย์ ผทู้ รงญาณอนั ผา่ นเกล้า

ทา่ นเสดจ็ มาโปรดเรา ในเมือ่ กาลขณะใด

๏ ครน้ั วา่ เราจะบอก ให้แจ้งออกกส็ งสัย

พระจะไปขณะใด เรามิแจ้งแก่ใจเรา

๏ ขอบพิตรบอกจงแท้ เราจะแกจ้ ะบอกเขา

ให้รูจ้ ักแหง่ ลาเนา เมอ่ื ทา่ นได้พระสัพพัญญู

๏ พระจะตรสั ขณะใด ขอบพิตรไดเ้ อ็นดู

เทศนาให้จงรู้ คดีน้นั จงแจ้งใจ

๏ เมือ่ เขาจะถามเรา เราจะบอกจงฉบั ไว

ตามชอบอัธยาศัย เมอื่ ทา่ นไดเ้ ป็นพระแมน๑๓๒

ฯ ๏ ราบ ๏ ฯ

๏ เม่ือนนั้ พระศรี อาริยไมตรี

จะบอกคดี แก่พระมาลยั

๏ ข้าจะบอกเล่า ขอพระจาไว้

บอกให้แจง้ ใจ อย่าได้ปรารมภ๑์ ๓๓

๑๓๒ พระแมน แปลว่า เทวดาผู้ประเสริฐ (แมน = เทวดา, พระ = ประเสริฐ) หมายถึง
พระพทุ ธเจา้ น่ันเอง

๑๓๓ หมายถึง กังวลหรือวติ ก

๘๖

๏ เมื่อใดศาสนา พระสมณะโคดม
จะเซาจะโทรม ถอยนอ้ ยเรียวไป
๏ ฝูงคนท้งั หลาย ทาบาปเหลือใจ
จะทาบุญไซร้ น้อยนักนอ้ ยหนา
๏ ข้คี รา้ นให้ทาน จาศลี ภาวนา
ขค้ี ร้านรกั ษา คณุ แก้วสามประการ
๏ ชวนกันทาบาป ยมุ่ ยาบเหลอื ใจ
บ่มกิ ลวั บม่ ิอาย ทาบาปบ่มิเกรง
๏ แมบ่ งั เกิดเกลา้ เขา้ เคล้ากอดกาย
บ่มิกลวั มิอาย เสพด้วยแมต่ น
๏ แมป่ ้านา้ อา เป็นโกลาหล
เสพดว้ ยกามกล เปน็ คนโฉงเฉง
๏ เสพดว้ ยนางชี บ่มกิ ลัวบ่มเิ กรง
รกุ รานครื้นเครง สมเสพกามา
๏ พ่ีสาวตนเอง เหมือนหน่งึ พระมารดา
สมเสพกามา บ่มไิ ด้อดสู
๏ หญงิ ชายทัง้ หลาย บม่ ิได้คดิ ดู
เล้ียงเปน็ ลกู อยู่ สมเสพบ่มิอาย
๏ ผา่ แดนรกุ แดน ดงั หมูหมาทราย
บ่มริ ูล้ ะอาย ดจุ ดังสตั ว์เดรจั ฉาน
๏ อยดู่ ้วยลกู แลบ่มนิ าน
มวั เมาสงสาร ด้วยแม่เอง
๏ ลางชายใจรา้ ย อาธรรมบ่มเิ กรง
พ่เี ลยี้ งตนเอง ตนก็เสพสมาคม

๘๗

๏ เสพด้วยพ่เี ลยี้ ง เสพด้วยแม่นม
สมเสพสมาคม ด้วยพ่สี ะใภเ้ อง
๏ ทัง้ หญงิ ทั้งชาย เมามายโฉงเฉง
บาปดงั น้เี อง จงึ มไิ ด้อดสู
๏ ลูกสาวตนเอง บม่ ิได้คดิ ดู
ทาดุจหมาหมู แพะทรายเดรัจฉาน
๏ ครนั้ ถงึ ดงั น้ี ฝูงโลกสงสาร
อายบุ ่มินาน พลันสิน้ ชีพชนม์
๏ ครัน้ ตายไปตก นรกสลวน
เจบ็ ปวดเหลอื ทน เพราะตนอาธรรม์
๏ อย่ใู นนรก ยนื ไดถ้ ึงกลั ป์
เพราะใจอาธรรม์ เสพดว้ ยมารดา
๏ ลางหญงิ เอาชาย มาเลย้ี งบุตรา
ครนั้ เมอื่ นานมา เลย้ี งลกู เปน็ ผัว
๏ ลางชายเอาหญงิ มาเลยี้ งเปน็ บุตรตวั
ครนั้ เมามัว ลว่ งเสพสมาคม
๏ ทั้งวา่ หญงิ ชาย พลนั ตายสิน้ ชนม์
เพราะบาปแหง่ ตน อนั เมาตณั หา
๏ ผ่าแดนรุกแดน ดุจหมูหมาทราย
เพราะบาปตัณหา ใจรา้ ยอกศุ ล
๏ บม่ ิไดเ้ คารพ ว่าพ่อแมต่ น
เสพด้วยกามกล สลวนไปมา
๏ บาปน้ันมากนกั อปั ลกั ษณน์ ักหนา
อายจุ ึงคลาย จากร้อยปลี ง

๘๘

๏ แปลธรรมดงั น้ี นกั ปราชญผ์ ไู้ ด้ทรง
แต่งตามพุทธองค์ พระเจ้าเทศนา
๏ ในพระคัมภรี ์ ทีปนฎี กี า
ไขอรรถออกมา ชอ่ื ฎกี าอภธิ รรม
๏ ผู้ใดบม่ กิ ลวั บ่มเิ ชอ่ื บม่ ิยา
ผู้น้นั ชวนกัน ไปสูอ่ บาย
๏ ผู้ใดเสียบาป บาปนนั้ จึงจะหาย
เดชะขวนขวาย ทาอานาปาน
๏ ตดั บาปจงขาด อยา่ คบคนพาล
เจริญกรรมฐาน พรหมวิหาร๑๓๔พุทธคณุ
๏ เจรญิ เปน็ นิตย์ ทากิจเพ่ิมพูน
หายบาปเพราะบุญ กจิ สบิ หกอนั
๏ อายุจึงถอย นอ้ ยไปทกุ วัน
จะนบั ถงึ กนั สิบปีพลันตาย
๏ เด็กเลก็ สเ่ี ดือน ท้ังหญงิ ทัง้ ชาย
กลา่ วกันขวนขวาย มีเมียมผี ัว
๏ หญงิ เล็กสี่เดอื น แตง่ แง่เตรยี มตวั
ชายสี่เดอื นมวั มีเมียทันใจ
๏ ครัน้ ถงึ หา้ เดือน เกดิ ลูกสืบไป
ลกู นน้ั เตบิ ใหญ่ ส่ีเดือนเรียงกนั
๏ บาปกรรมดังนี้ อายจุ ึงพลัน
เรง่ ส้ินอาสัญ สิบปีมว้ ยมรณา

๑๓๔ พรหมวิหาร ๔ คือ เมตตา กรณุ า มทุ ติ าและอุเบกขา

๘๙

๏ บาปกรรมดงั นี้ คนทั่วดนิ ดอน
ใหญ่เท่าลูกอ่อน สี่ปีหา้ ปี
๏ ทง้ั ช้างทงั้ มา้ แลโคกระบือ
เลก็ ท่วั ธรณี นอ้ ยนกั นอ้ ยหนา
๏ ฝงู คนทั้งหลาย จึงเกดิ ใจมาร
ฆา่ ฟนั รกุ ราน รบพุง่ แทงกนั
๏ สาคญั ว่าเน้อื จะใครแ่ ทงฟนั
กินเน้อื แหง่ กัน ชอ่ื ว่ามิคสัญญ๑ี ๓๕
๏ จบั ไดแ้ ต่ไม้ จะไลโ่ บยตี
กลับเปน็ กลุ ี หอกดาบทนั ใจ
๏ ไล่แทงฆ่าฟัน กนั ตายดาษไป
ฉบิ หายประลยั ท่ัวธรณี
๏ ฆา่ กันม้วยมุด ส้นิ สุดเป็นผี
สากลปฐพี ซากผีก่ายกอง
๏ เลือดเนา่ เนอ้ื เนา่ ซากผีเนอื งนอง
ซากผผี ผุ อง ทวั่ ท้ังชมพู
๏ เลือดไหลหากัน ดจุ นา้ ในสมุทร
ทวั่ ท้ังชมพู ดจุ นา้ ไหลนอง
๏ อเนจอนาถ ตายดาษกกุ อง
น้าเลือดน้าหนอง ทวั่ ทัง้ ปฐพี
๏ ผใู้ ดเปน็ เรน้ อยู่ ในถา้ ครี ี
คนเดียวลบั ลี้ อยซู่ อกหินผา

๑๓๕ ยคุ ท่เี ต็มไปดว้ ยการรบราฆ่าฟัน

๏ ผูน้ นั้ จงึ รอด ๙๐
เพราะอยเู่ อกา
๏ ครั้นสงสารคน จากความมรณา
ฆ่ากนั บัดเดยี๋ ว เอโกคนเดยี ว
๏ ถ้าอยู่คนเดยี ว มาปนฉบั เฉียว
รอดจากความตาย ตนก็ตายท่านกต็ าย
๏ ครัน้ ถ้วนเจด็ วนั ไมเ่ หน็ ใครกลาย
ไมเ่ หน็ ใคร ๆ เพราะเร้นลับไป
๏ ฝูงคนเร้นอยู่ ฆา่ กันแลว้ ไซร้
ชุมกันแลว้ ครอง จะรอดถงึ สอง
๏ เดชะจาศลี จึงคดิ ตรึกตรอง
เมฆตั้งข้ึนมา เบญจศลี รกั ษา
๏ ซากผลี อยไป แลภาวนา
ทว่ั ท้องธรณี ฝนก็ตกเจด็ ราตรี
๏ แต่นัน้ ฝงู คน ตกในนที
เจริญข้นึ ไป บรสิ ทุ ธห์ิ มดใส
๏ บ้างภาวนา ดารงจิตใจ
ช่ืนชมไปส้ิน ให้ทานจาศลี
๏ ห่าฝนมธรุ ส๑๓๖ ทกุ วันปฏทิ นิ
เป็นอาหารให้ จีรังกาลขึ้นไป
๏ หา่ ฝนแกว้ แหวน ตกเจ็ดวนั ไซร้
ตกลงเนืองนอง มนุษยเ์ นืองนอง
กบั ท้ังเงินทอง
ถว้ นทง้ั เจ็ดวนั

๑๓๖ หมายถงึ ห่าฝนท่ีมีรสหวาน เปน็ สัญญาณบอกว่ากาลังเรม่ิ ยคุ ใหมแ่ ลว้


Click to View FlipBook Version