The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

กาพย์เห่ชมเครื่องคาวหวาน

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by วิเชษฐ์ หิรัญชัย, 2021-02-08 22:44:11

กาพย์เห่ชมเครื่องคาวหวาน

กาพย์เห่ชมเครื่องคาวหวาน

กาพย์เห่ชม

เครอื่ งคาวหวาน

ครูวเิ ชษฐ์ หิรัญชัย
โรงเรียนสมุทรสาครบรู ณะ

เม่ือพูดถึงอาหารไทยในวรรณคดี ย่อมนึกถึงพระราชนิพนธ์ในรัชกาลที่ ๒
ที่ทรงพรรณนาถึงอาหารคาว หวาน ผลไม้หลากชนิด ทั้งรูปลักษณ์ สีสันวิธีการ
ตกแต่งอย่างวิจิตร อีกทั้งยังสะท้อนให้เห็นสภาพความเป็นอยู่ของผู้คนในสมัย
รัชกาลที่ ๒ อีกด้วย

บทพระราชนพิ นธ์

เพื่อใช้เปน็ บทเหเ่ รือ และทรงชม
สมเดจ็ พระศรีสุรเิ ยนทรา บรมราชนิ ี
เมือ่ ครัง้ ยังเป็นสมเดจ็ พระเจา้ หลานเธอ เจา้ ฟ้าหญงิ บญุ รอด

ซง่ึ มฝี พี ระหตั ถใ์ นกระบวนเครอื่ งเสวย
ไมม่ ผี ใู้ ดจะมฝี มี อื เทยี บเคยี งได้

ประวัติผูแ้ ต่ง

พระบาทสมเด็จพระพุทธเลศิ หลา้ นภาลัย

พระราชสมภพเมื่อวนั ที่ ๒๔ กมุ ภาพันธ์ พ.ศ. ๒๓๑๐

เป็นพระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟา้ จุฬาโลกมหาราช
และสมเดจ็ พระอมรินทราบรมราชินี

ทรงมพี ระอัจฉรยิ ภาพทางด้านวรรณศิลป์ ผลงานด้านภาษา ศลิ ปะ และ
วฒั นธรรมของพระองค์เป็นที่ประจกั ษเ์ ด่นชัดแกส่ ายตาชาวโลก

ไดร้ ับการเทิดพระเกยี รตจิ ากยูเนสโก (UNESCO) เนื่องในอภลิ ักขิตสมัยครบ ๒๐๐ ปี
แหง่ พระบรมราชสมภพ เมือ่ พ.ศ. ๒๕๑๑ ในฐานะบุคคลสาคัญของโลก

รัฐบาลไทยจึงถือเอาวนั คล้ายวนั พระราชสมภพวันที่ ๒๔ กุมภาพนั ธ์ของทกุ ปี
เป็นวันศิลปนิ แห่งชาติ จนถงึ ทุกวันนี้

ลกั ษณะคาประพันธ์

แต่งเปน็ “กาพย์เห่” คือใชโ้ คลงสสี่ ภุ าพ ๑ บทเปน็ บทนา แล้วแตง่
กาพย์ยานี ๑๑ อีกไม่จากดั จานวนบท โดยกาพย์ยานีบทแรกจะต้องมเี นอื้ ความ
สอดคล้องกนั กบั โคลงสี่สุภาพบทนา

โคลงส่สี ภุ าพ ๑ บท กาพยย์ านี ๑๑ ไมจ่ ากัด จานวนบท

โคลงสสี่ ภุ าพ ๑ บท แกงไก่มัสมั่นเนือ้ นพคุณ พี่เอย
หอมยีห่ รา่ รสฉุน เฉียบรอ้ น
ชายใดบรโิ ภคภุญช์ พศิ วาส หวังนา
แรงอยากยอหัตถข์ ้อน อกให้หวนแสวง ๚

เน้อื ความสอดคล้องกนั หอมยี่หรา่ รสรอ้ นแรง
แรงอยากใหใ้ ฝ่ฝันหา
กาพยย์ านี ๑๑ ไม่จากดั จานวนบท มัสมัน่ แกงแกว้ ตา วางจานจัดหลายเหลือตรา
ชายใดไดก้ ลนื แกง ญีป่ ุน่ ลา้ ย้ายวนใจ ฯ

ยาใหญใ่ สส่ ารพัด
รสดีด้วยนา้ ปลา

กาพย์เห่ชมเครอื่ งคาวหวาน

ประกอบไปด้วยบทเหช่ ม ๓ ชนิด

เห่ชมเครื่องคาว เห่ชมผลไม้ เห่ชมเคร่ืองหวาน

เนื้อหาเริ่มตน้ ดว้ ย.. เห่ชมเครือ่ งคาว

กล่าวถงึ อาหารคาว ๑๕ ชนดิ ได้แก่

มัสมนั่ ยาใหญ่ ตับเหลก็ ลวก หมูแนม ก้อยกุ้ง แกงเทโพ
น้ายา แกงอ่อม ข้าวหงุ เครอ่ื งเทศ แกงควั่ สม้ หมปู ่าใสร่ ะกา
พล่าเนอ้ื ล่าเตยี ง หรุ่ม ไตปลา แสรง้ วา่

และ อาหารหวาน ๑ ชนิด คือ

รังนก

เนอ้ื หา... เห่ชมผลไม้

กลา่ วถึงผลไม้ ๑๔ ชนิด

ผลชิด ลูกตาล ลูกจาก มะปราง มะม่วง ลนิ้ จี่
ลูกพลับ น้อยหนา่ ผลเกด ทับทมิ ทุเรียน ลางสาด
เงาะ สละ

เน้ือหา... เห่ชมเครอื่ งหวาน

กลา่ วถงึ อาหารหวาน ๑๖ ชนดิ ลาเจยี ก มัศกอด ลดุ ตี่ ขนมจบี
ข้าวเหนียวสงั ขยา ซ่าหร่ิม ขนมผงิ รังไร ทองหยอด ทองม้วน
ขนมเทียน ทองหยิบ ช่อม่วง ฝอยทอง
จ่ามงกฎุ บัวลอย

เมื่อกลา่ วถึงอาหารชนิดใด

กวจี ะพรรณนาเชือ่ มโยง ไปถึงหญิงคนรกั

คาถามทบทวน

๑. ผแู้ ต่ง กาพยเ์ ห่ชมเครอื่ งคาวหวาน คือใคร
๒. ผแู้ ต่งมีจุดประสงคใ์ นการแต่งอย่างไร
๓. กาพย์เห่ชมเครอ่ื งคาวหวาน แต่งด้วยคาประพนั ธก์ ี่ชนดิ อะไรบ้าง และมี

ข้อกาหนดในการแต่งอย่างไร
๔. กาพย์เห่ชมเครอื่ งคาวหวาน มเี นอ้ื กล่าวถงึ เร่ืองใดบ้าง

แกงไก่มสั มนั่ เนอ้ื นพคณุ พี่เอย กิน , กินอาหาร
หอมยหี่ รา่ รสฉนุ
ชายใดบรโิ ภคภญุ ช์ เฉียบรอ้ น
แรงอยากยอหตั ถข์ ้อน
พิศวาส หวังนา
๏ มัสมนั่ แกงแกว้ ตา
ชายใดไดก้ ลนื แกง อกให้หวนแสวง ๚

๏ ยาใหญ่ใสส่ ารพดั หอมยหี่ รา่ รสรอ้ นแรง
รสดีดว้ ยนา้ ปลา
แรงอยากใหใ้ ฝฝ่ นั หา

วางจานจัดหลายเหลอื ตรา

ญี่ปนุ่ ลา้ ยา้ ยวนใจ

นา้ ปลาสตู รพเิ ศษทน่ี าไปหมกั กบั ซอี ว๊ิ

(ตับเหลก็ คอื ม้ามของหมูเอาไปลวก)

มีรสด,ี อรอ่ ย ๏ ตับเหลก็ ลวกหลอ่ นต้ม เจอื นา้ สม้ โรยพรกิ ไทย
โอชาจะหาไหน ไม่มเี ทยี บเปรยี บมอื นาง
พร้อมพรกิ สดใบทองหลาง งาม, สวย, เด่น
๏ หมูแนมแหลมเลศิ รส ห่างห่อหวนปว่ นใจโหย
พิศห่อเห็นรางชาง วางถงึ ลน้ิ ดน้ิ แดโดย
ฤๅจะเปรยี บเทยี บทนั ขวัญ
๏ ก้อยกงุ้ ปรงุ ประทน่ิ
รสทพิ ย์หยบิ มาโปรย

เครอ่ื งหอม
ก้อยกงุ้ คือน้าพริกกอ้ ยกุ้ง

มาก, หลาย

เหมือน (อปุ มา) ๏ เทโพพนื้ เนอ้ื ทอ้ ง เป็นมนั ยอ่ งลอ่ งลอยมนั
น่าซดรสครามครนั ของสวรรคเ์ สวยรมย์
ทานา้ ยาอย่างแกงขม
๏ ความรกั ยักเปลยี่ นทา่ ชมไมว่ ายคลา้ ยคลา้ ยเหน็
กลอ่อมกลอ่ มเกลยี้ งกลม รสพเิ ศษใส่ลกู เอ็น
เช่นเชงิ มติ รประดษิ ฐท์ า
๏ ข้าวหุงปรงุ อย่างเทศ
ใครหุงปรงุ ไมเ่ ปน็ (ลกู เอน็ เรยี กอกี อยา่ งวา่ ลกู กระวาน)

๏ เหลอื รหู้ มปู า่ ตม้ แกงควั่ สม้ ใสร่ ะกา สวรรค์
รอยแจง้ แหง่ ความขา ช้าทรวงเศรา้ เจ้าตรากตรอม (นดิ ) นอน
ฟงุ้ ปรากฏรสห่ืนหอม
๏ ช้าช้าพลา่ เนอ้ื สด สนทิ เนอื้ เจอื เสาวคนธ์
คิดความยามถนอม นอนเตยี งทองทาเมอื งบน
ยลอยากนทิ รคดิ แนบนอน
๏ ล่าเตียงคดิ เตียงนอ้ ง รุ่มรมุ่ เรา้ คอื ไฟฟอน
ลดหลนั่ ชนั้ ชอบกล ร้อนรมุ รุ่มกลมุ้ กลางทรวง

๏ เห็นหรมุ่ รมุ ทรวงเศรา้
เจบ็ ไกลในอาวรณ์

(มลี กั ษณะเปน็ นา้ ยา เดมิ ใชไ้ ตปลาเปน็ ตวั หลกั
ต่อมาดดั แปลงเปน็ เครื่องเสวยในวงั จงึ เปลยี่ นเปน็ กุ้งแทน
เพื่อตดั กลนิ่ คาวของไตปลาทง้ิ จงึ เรียกวา่ แสร้งวา่ ไตปลา)

๏ รังนกนงึ่ นา่ ซด โอชารสกวา่ ทงั้ ปวง

นกพรากจากรงั รวง เหมอื นเรยี มรา้ งห่างหอ้ งหวน

๏ ไตปลาเสแสรง้ ว่า ดจุ วาจากระบดิ กระบวน

ใบโศกบอกโศกครวญ ให้พี่เครา่ เจ้าดวงใจ แสร้งทาชนั้ เชงิ

๏ ผักโฉมชอื่ เพราะพรอ้ ง เป็นโฉมนอ้ งฤๅโฉมไหน

ผักหวานซา่ นทรวงใน ใคร่ครวญรกั ผกั หวานนาง ๚

กิจกรรม

ถามหนอ่ ย “จรงิ หรอื ม่วั ”

จริงหรอื มว่ั

พระบาทสมเดจ็ พระพุทธเลศิ หลา้ นภาลยั
ทรงพระราชนิพนธ์กาพยเ์ ห่ชมเครื่องคาวหวาน

จริง

จรงิ หรือมั่ว

กาพย์เหช่ มแตง่ ดว้ ยโคลงสสี่ ุภาพ ๑ บท
และกาพย์ยานอี กี จานวน ๑๐ บท

กาพย์เห่ชมแตง่ ด้วยโคลงส่ีสภุ าพ ๑ บท มว่ั
และกาพยย์ านีไม่จากัดจานวนบท

โดยกาพย์ยานีบทแรกมีเนือ้ หาสอดคล้องกับโคลงสสี่ ภุ าพบทนา

จริงหรอื มัว่

กาพย์เหช่ มเครื่องคาวหวาน
ประกอบด้วยอาหารคาวและอาหารวา่ ง

กาพยเ์ ห่ชมเครื่องคาวหวาน ม่ัว

ประกอบดว้ ยอาหารคาว ผลไม้ และอาหารหวาน

จริงหรอื มว่ั

อาหาร “ตับเหล็กลวก”
ใชต้ บั หมูเปน็ หลักในการประกอบอาหาร

มั่วอาหาร “ตับเหลก็ ลวก” เปน็ ม้ามของหมู

จรงิ หรอื ม่วั

หมูแนม เป็นอาหารชนดิ เดียวกบั แหนมหมู

หมูแนม เป็นอาหารวา่ งชนิดหนึ่ง ใชเ้ น้อื หมบู ด
หรือโขลกนาไปรวนให้สุกแล้วผสมด้วยมนั หมูแขง็

ม่ัวและหนงั หมูต้มสุกห่ันช้นิ เลก็ ๆ ขา้ วค่วั น้าส้มซ่านา้ ตาล
ทราย เกลอื ปรุงรสให้ออกเปร้ยี ว เค็มหวาน
กนิ กับผกั สด

จริงหรือมว่ั

“หร่มุ ” และ “แสร้งวา่ ” เป็นช่ืออาหารเหมอื นกนั

จรงิ

จริงหรอื มวั่

“เทโพพ้นื เน้อื ทอ้ ง” ความหมายคอื แกงเทโพ น่นั เอง

จรงิ

จรงิ หรือมวั่

รงั นกที่ใชน้ ่งึ ทแ่ี ท้ทามาจากน้าลายนกนางแอน่

จริง

จรงิ หรอื ม่วั

ยหี่ ร่า เปน็ ช่ืออาหารอย่างหนง่ึ

พืชชนิดหนึง่ กลิน่ หอมฉุน

มั่วใชป้ รงุ เป็นเครื่องแกง นับเข้าในพวก เคร่อื งเทศ

จริงหรอื มั่ว

กอ้ ยกุ้งเป็นอาหารประเภทเคร่อื งจิ้ม

จริง

จริงหรือมั่ว

ชายใดบรโิ ภคภุญช์ คาว่า ภญุ ช์ มคี วามหมายว่า พิศวาศ

ภุญช์ หมายถึง รบั ประทาน มว่ั

จรงิ หรอื ม่วั

พิศหอ่ เห็นรางชาง
คาว่า รางชางมีความหมายว่า สวยงาม

จริง

จริงหรอื มั่ว

ก้อยกุ้งปรงุ ประท่นิ
คาวา่ ประท่นิ หมายถึง ชือ่ ตน้ ไม้ชนิดนึง มขี นาดเลก็

ประทิ่น หมายถงึ เคร่อื งหอม มวั่

ในกาพย์เห่ชมเครื่องคาวหวาน มีการกล่าวถึงช่ือขนม
ต่างๆ ไว้หลายชนดิ ซ่ึงล้วนแล้วแต่มีความไพเราะและสื่อให้เห็นถึงความหมายอันเป็น
มงคล ตัวอย่างขนมมงคล ๙ อย่าง มีดังนี้

เสน่หจ์ นั ทร์ ทองเอก จ่ามงกฎุ

ขนมถ้วยฟู ขนมชนั้ ทองหยบิ
ทองหยอด ฝอยทอง เม็ดขนุน

กาพยเ์ หช่ มเครอื่ งคาวหวาน นับเปน็ วรรณคดีที่สาคัญอีกเรื่อง
หนึ่งทแี่ สดงพระปรีชาสามารถในเชิงกวีของรัชกาลที่ ๒ แม้เนอื้ เร่ืองจะ
ไม่มากนกั ทว่าให้คุณค่าที่เป็นประโยชน์หลายประการ ดังจะวิเคราะห์
ให้เหน็ คุณค่า ๒ ประการ ดังนี้

๑ คณุ ค่าด้านเนือ้ หา

๒ คณุ ค่าด้านวรรณศิลป์

๑ คณุ คา่ ดา้ นเน้ือหา

วรรณคดีเรื่องกาพย์เห่ชมเครื่องคาวหวาน เป็นวรรณคดีที่ให้
สาระประโยชน์และความรู้แก่ผู้อ่านมากมาย ได้แก่

๑) ให้ความรู้เกยี่ วกบั วฒั นธรรมด้านอาหาร
การกนิ ของคนไทยสมัยโบราณ

๒) สะทอ้ นสภาพบ้านเมืองในสมัยอดตี

๑) ให้ความรเู้ กี่ยวกบั วฒั นธรรมดา้ นอาหารการกนิ ของคนไทยสมัยโบราณ

สะท้อนให้เห็นถงึ ความละเอียดอ่อน พิถีพิถันในทุกขั้นตอนของการทาอาหาร โดยอาหารบางชนิดนั้นไม่
ปรากฏแพร่หลายในปัจจุบัน ในที่นีจ้ ะขอยกตัวอย่างและให้รายละเอียด ดังนี้

แสร้งวา่ เป็นอาหารประเภทยา วิธีทา นากุ้งชีแฮ้ ย่างไฟพอน้าตก
ปอกเปลือกแล้วเอาเส้นดาที่หลังออก นาน้ามะนาวหรือ
มะกรดู ผสมกับเกลอื ปน่ ให้เข้ากัน เทลงในถ้วยกุ้งเคล้าให้เข้า
กัน โรยตะไคร้หั่นซอย หัวหอมเล็กซอย ขิงอ่อนซอย
ต้นหอม ผักชี พริกแดงพริกเหลืองหั่นโรย คลุกเคล้าให้เข้า
กัน รับประทานพร้อมกับผัก แตงกวา มะเขอื

๑) ให้ความรู้เกยี่ วกบั วฒั นธรรมด้านอาหารการกนิ ของคนไทยสมัยโบราณ (ต่อ)

ล่าเตยี ง เป็นอาหารว่าง วิธีทา นารากผักชี กระเทียมพริกไทยที่บดแล้ว
ผัดจนหอมใสห่ อมแดง หมูบด กุ้งแห้ง ปรงุ รสด้วยน้าปลา นา้ ตาล
ผัดจนแห้ง ใส่ถั่วลิสงคั่วบดตักใส่จาน ตีไข่ไก่ ๑ ฟอง ไข่เป็ด ๓
ฟองจนเข้ากัน ใช้นิ้วจุ่มไข่ โรยไข่ในกระทะให้เป็นรูปตาราง
สี่เหลี่ยม ลอกใส่จาน วางพริกชี้ฟ้าแดงหั่นเป็นเส้นยาวบนแผ่นไข่
วางทับด้วยผักชี ใส่ไส้ที่ผัดไว้ห่อเปน็ รูปสี่เหลี่ยมขนาดพอคา

๑) ให้ความรู้เกยี่ วกบั วฒั นธรรมด้านอาหารการกนิ ของคนไทยสมัยโบราณ (ต่อ)

จ่ามงกฎุ เป็นสุดยอดขนมไทยที่ร่าลอื กันว่ายากนัก เพราะต้องใช้มือกวาด
เมล็ดแตงโมในกระทะทองเหลืองที่ตั้งบนเตาไฟ จนน้าเชื่อมที่
พรมลงไปจับที่ผิวเมล็ดแตงโมจนข้ึนเป็นหนามพราว เอาไปติด
ประดับรอบๆ ตัวขนม ที่ต้องทาฐานเป็นถ้วยขนมก่อน โดยปั้น
ขนมจากแป้งสาลีและไข่แดงเป็นทองเอกกลมๆ วางตรงกลาง ใช้
มีดปลายแหลมผ่าเป็น ๖ พู เหมือนเม็ดมะยม แล้วปั้นเป็นก้อน
เล็กๆ วางบนยอดขนม ใช้ทองคาเปลวตัดเป็นสี่เหลี่ยมเล็กๆ ติด
ตรงยอดมองเห็นเหมือนมงกุฎ

๑) ให้ความรเู้ กี่ยวกบั วฒั นธรรมดา้ นอาหารการกนิ ของคนไทยสมัยโบราณ (ต่อ)

ช่อม่วง
เป็นขนมไทยที่ต้องใช้ฝีมือในการทาอย่างมาก โดยผสมแป้งกับน้า
ดอกอัญชัน คนในกระทะทองเหลืองด้วยไฟอ่อนๆ ให้สุกนามานวด
แบ่งเป็นก้อน ก่อนจะนาแป้งมาแผ่ตักไส้ที่มีส่วนผสมของถั่วน่ึงบด
กับฟัก ผสมน้าตาลทรายและเกลือ คนในกระทะทองเหลือง ท้ิงให้
เย็นห่อแป้งให้มิด ใช้ที่หนีบขนมจับจีบให้เป็นกลีบดอกไม้นึ่งจนสุก
แล้วใช้หัวกะทพิ รมไม่ให้ตดิ กัน

๒) สะท้อนสภาพบา้ นเมอื งในสมัยอดตี

การติดต่อค้าขายกับชาวต่างชาติ เช่น ชาวจีน ชาวอินเดีย หรือชาว
เปอร์เซีย ทาให้มีการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมด้านอาหารการกิน ในเร่ืองกล่าวถึงอาหาร
คาวหวานที่ไทยได้รับกรรมวิธีการทามาจากชาวต่างชาติ ดังตัวอย่างบทประพันธ์

ข้าวหงุ ปรงุ อย่างเทศ รสพเิ ศษใสล่ ูกเอน็

ใครหุงปรงุ ไม่เปน็ เช่นเชงิ มติ รประดษิ ฐท์ า

๒) สะท้อนสภาพบ้านเมอื งในสมัยอดีต (ต่อ)

นอกจากนยี้ งั มอี าหารทเี่ รยี กวา่ ลดุ ตี่ มีลักษณะเปน็ แผน่ ทาจากขา้ วเจ้าทโี่ ม่ใหม่ๆ
โดยนาไขไ่ กม่ าตผี สมกบั แปง้ ขา้ วเจา้ แล้วผสมดว้ ยสเี หลอื งทไี่ ด้จากหญา้ ฝรนั่ หรอื ขมนิ้ ผง
เสร็จแล้วตกั แปง้ หยอดลงกระทะ ให้เป็นแผน่ กลม เมื่อแป้งสกุ จะมีสเี หลอื งนวล
รับประทานกบั แกงไก่

ลดุ ตี่นนี้ ่าชม แผ่แผ่นกลมเพยี งแผน่ แผง

โอชาหนา้ ไกแ่ กง แคลงของแขกแปลกกลิ่นอาย

๕.๒ คณุ ค่าด้านวรรณศลิ ป์

วรรณคดีเร่ืองกาพยเ์ ห่ชมเคร่ืองคาวหวาน กวีสามารถพรรณนาอาหารคาวหวาน
ผลไม้แต่ละชนิดได้อย่างเห็นภาพ เข้าใจชัดเจน มีการใช้ถ้อยคาเปรียบเทียบลึกซ้ึงกินใจ
และไพเราะ ดังจะวิเคราะหแ์ บ่งเป็นประเภทได้ ดังนี้

๑) การเล่นเสียงพยญั ชนะและการเล่นเสียงวรรณยกุ ต์
๒) การใชโ้ วหารเปรียบเทยี บ
๓) การใชโ้ วหารเกนิ จริง
๔) การเล่นคา

๑) การเลน่ เสียงพยญั ชนะและการเล่นเสียงวรรณยกุ ต์

กวีสามารถใช้กลวธิ กี ารเลน่ เสยี งพยญั ชนะและการเลน่ เสยี งวรรณยกุ ต์ได้อย่าง
ไพเราะเหมาะสม ช่วยให้บทประพันธ์เกิดความคล้องจองไพเราะสละสลวยมากข้ึน
ดังตัวอย่าง

เห็นหรมุ่ รุมทรวงเศรา้ รุ่มรุ่มเรา้ คือไฟฟอน
เจบ็ ไกลใจอาวรณ์ ร้อนรมุ รุ่มกลมุ้ กลางทรวง
...
ทาประณีตนา้ ตาลกวน
พลับจนี จกั ดว้ ยมดี ยลยิ่งพลบั ยบั ยับพรรณ
คิดโอษฐ์อ่อนยมิ้ ยวน

๒) การใชโ้ วหารเปรยี บเทยี บ

การใช้โวหารเปรียบเทียบหรืออุปมาเป็นกลวิธีที่ช่วยให้ผู้อ่านเกิดเกิด จินตภาพ
อันจะทาให้มีความเข้าใจในเนอื้ หามากยิ่งขนึ้ ดังตัวอย่างบทประพันธ์

ทับทิมพรม้ิ ตาตรู ใส่จานดูดจุ เมด็ พลอย

สุกแสงแดงจักยอ้ ย อย่างแหวนก้อยแกว้ ตาชาย

๓) การใช้โวหารเกนิ จรงิ

การใช้โวหารเกินจรงิ หรอื อติพจนเ์ ปน็ กลวธิ ที ชี่ ว่ ยเนน้ ย้าความหมายของ
ข้อความหรือบทประพันธ์ ดังทกี่ วแี สดงใหผ้ ู้อา่ นเหน็ ถงึ ฝีมือการปรงุ อาหารทเี่ ปน็ เลศิ
ยากจะหาใครเทยี บได้ ดังตวั อยา่ งบทประพนั ธ์

ก้อยกุ้งปรงุ ประทนิ่ วางถึงลน้ิ ดน้ิ แดโดย
รสทิพยห์ ยบิ มาโปรย ฤๅจะเปรยี บเทียบทนั ขวญั

๔) การเล่นคา

การเล่นคา คือการที่กวีเลือกใช้คาพ้องรูปและพ้องเสียงและต่างความหมายกัน
นามาแต่งบทประพันธ์ เพื่อสร้างอารมณ์สะเทือนใจแก่ผู้อ่าน ดังตัวอย่างบทประพันธ์

ผลจากเจา้ ลอยแกว้ บอกความแลว้ จากจาเปน็
จากช้านา้ ตากระเดน็ เป็นทกุ ขท์ ่าหน้านวลแตง

สรุป
อาหารคาว หวาน และผลไม้ที่ปรากฏในกาพย์เห่ชมเคร่ืองคาวหวาน
สามารถเล่าเร่ืองราวได้มากมาย ทั้งวัฒนธรรม ประเพณี วิถีชีวิต และสภาพ
บ้านเมือง ทาให้ภูมิใจในเอกลักษณ์ของอาหารไทยที่มีความงดงามวิจิตร
ละเอียดอ่อน และพิถีพิถันในทุกขั้นตอนการทา ซ่ึงผู้เรียนสามารถนาความรู้ที่ได้รับ
จากการอ่านวรรณคดีเรื่องนี้ไปใช้ประโยชน์ในชีวิตประจาวันได้ รวมทั้งสามารถ
ถ่ายทอดความรทู้ ี่ได้รับใหก้ บั บคุ คลใกล้ชิดหรอื คนในสังคมให้เหน็ ถึงความประณีตใน
การปรุงอาหารของคนไทย ซึ่งยากจะหาชาติใดเทียบได้

ตอบคาถามพินจิ คณุ ค่า

๑. กาพยเ์ ห่ชมเคร่อื งคาวหวาน สะทอ้ นใหค้ ุณคา่
ดา้ นเนือ้ หาอย่างไรบ้าง ?

ตอบคาถามพินจิ คณุ คา่ (ตอ่ )

๒. บทร้อยกรองนี้ใหค้ ุณคา่ วรรณศลิ ป์ ตรงกบั ขอ้ ใด ?
รสรกั ยักลานา ประดิษฐท์ าขนมเทยี น

คานงึ นิ้วนางเจียน เทยี นหลอ่ เหลาเกลากลงึ กลม
ก. ใชโ้ วหารเกนิ จรงิ เพอ่ื เนน้ ยา้ ความหมาย
ข. ใช้โวหารเปรียบเทยี บชว่ ยใหเ้ กิดจินตภาพ
ค. เล่นเสียงพยัญชนะและเสียงวรรณยกุ ตช์ ่วยใหเ้ กิดความไพเราะ
ง. การเลน่ คา เพื่อเน้นข้อความใหม้ ีความชดั เจนสรา้ งอารมณส์ ะเทอื นใจ

ตอบคาถามพนิ ิจคุณค่า (ตอ่ )

๓. บทร้อยกรองนใ้ี หค้ ุณค่าวรรณศลิ ป์ ตรงกับข้อใด ?

รังไรโรยด้วยแป้ง เหมอื นนกแสร้งทารังรวง

โอ้อกนกทั้งปวง ยังยินดีด้วยมรี งั

ก. ใช้โวหารเกนิ จริง เพื่อเนน้ ยา้ ความหมาย

ข. ใชโ้ วหารเปรยี บเทยี บชว่ ยใหเ้ กดิ จินตภาพ

ค. เลน่ เสียงพยัญชนะและเสียงวรรณยกุ ตช์ ่วยใหเ้ กดิ ความไพเราะ

ง. การเลน่ คา เพื่อเน้นขอ้ ความใหม้ ีความชัดเจนสร้างอารมณส์ ะเทอื นใจ

ตอบคาถามพินจิ คุณคา่ (ตอ่ )

๔. บทรอ้ ยกรองน้ีใหค้ ุณค่าวรรณศิลป์ ตรงกบั ข้อใด ?
ก้อยกุ้งปรงุ ประทิ่น วางถงึ ลนิ้ ดน้ิ แดโดย

รสทิพย์หยิบมาโปรย ฤาจะเปรียบเทียบทันขวัญ
ก. ใช้โวหารเกนิ จรงิ เพื่อเน้นย้าความหมาย
ข. ใช้โวหารเปรียบเทยี บช่วยใหเ้ กดิ จนิ ตภาพ
ค. เลน่ เสียงพยัญชนะและเสยี งวรรณยกุ ต์ชว่ ยใหเ้ กิดความไพเราะ
ง. การเลน่ คา เพื่อเน้นข้อความใหม้ ีความชัดเจนสรา้ งอารมณ์สะเทอื นใจ


Click to View FlipBook Version